ตอนที่ 10ผมเข้าห้องไปพักผ่อน เปิดแล็ปทอป เมื่อเครื่องทำงานแล้วโปรแกรมแชตก็รันอัตโนมัติแล้วล๊อกอินMailเดิมให้เสร็จสรรพ ข้อความทักทายขึ้นมาทีละหน้าจอ ผมเงอะงะทำอะไรไม่ถูกอยู่สักพัก หน้าจอสนทนากระพิบว่ามีคนแชตมา6คน ผมตอบไม่ทันแน่ๆ ก็เลยปิดโปรแกรมหนีเลย ผมตั้งใจจะทำอย่างอื่นมากกว่า
ผมเข้าเวบ ลองค้นหาคำว่า นาวิน ก็กลายเป็นข่าวพระเอกที่ชื่อนาวินขึ้นเต็มไปหมด ลองคีย์เวิร์ดคำว่า นาวิน พาริตา แน่ล่ะ ค้นเจอข่าวของเจ้าของร่างประปรายในข่าวซุบซิบ ของแวดวงไฮโซ มีรูปควงนางร้ายคนนึงที่ผมรู้จักหน้าซะด้วย โก้ชะมัดเลยแฮะ
ผมเปลี่ยนคีย์เวิร์ด ให้ตรงกับข่าวที่ตัวเองต้องการ
'นาวิน เสียชีวิต'
ผลการค้นหา 0 รายการ'นาวิน ถูกยิง'
ผลการค้นหา 0 รายการ'นักศึกษา โดนลูกหลง'
ผลการค้นหา 18,874 รายการ'นักศึกษา ถูกยิง'
ผลการค้นหา 57,329 รายการเฮ้อ... ผมนั่งกูเกิลข่าวการตายของตัวเอง มีใครในโลกนี้บ้างไหมที่ต้องมาทำอะไรพิลึกกึกกือแบบนี้เนี่ย
นี่ผมถูกตัดขาดจากชีวิตเก่าแล้วจริงๆ ใช่ไหม? หรือว่าจริงๆ ตอนนี้ผมถูกส่งมาอยู่ในอีกมิติในโลกคู่ขนานกันนะ ท่านยมทูตไปไหนแล้วครับ เอาผมมาโยนทิ้งไว้แล้วไม่คิดจะรับผิดชอบกันเลยเหรอครับ อย่างน้อยช่วยมาตอบคำถามผมบ้าง มีเรื่องที่อยากรู้เยอะมากเลย
ผมกลับไปนั่งเปิดดูชีวิตของนาวิน ในเครือข่ายสังคมออนไลน์ สิ่งที่เขาพิมพ์นัดรวมพลเพื่อนๆ ในนั้นยังแสดงหราอยู่ หน้าเพจของวินก็มีคนเข้ามาเยี่ยมชมเยอะ ผมเปิดดูรูปวินกับเพื่อนๆ กลุ่มใหญ่กับสุราน้ำเมา นี่น่าจะเป็นเดอะแก๊งค์ที่ว่า ทุกคนชูแก้วสูงและดูสนุกสนานเต็มที่ ตรงกลางคือวินนั่งเท้าคางอยู่ที่บาร์ท่าทางเบื่อๆ รูปชุดนี้จะคล้ายๆ กันทั้งหมด หน้าแดงด้วยแรงขับจากแอลกอฮอล์ มือยกน้ำหลากสีในแก้ว เพียงแต่ต่างสถานที่กันไปแค่นั้น รูปส่วนใหญ่เป็นเพื่อนๆ ถ่ายให้แล้วโพส ไม่ค่อยมีที่วินโพสด้วยตัวเอง
ผมเลื่อนไปดูรูปเพื่อนๆ ทั้งชายและหญิง และพยายามจดจำชื่อที่ปรากฏในtagให้ครบ เป็นความสามารถพิเศษที่ได้จากการเป็นพนักงานโรงแรม ที่จดจำชื่อ จำได้ว่าใครแต่งตัวยังไง ชอบหรือไม่ชอบอะไรบ้าง ช่วยให้ได้ทิปจากการบริการบ่อยๆ
พอจำได้คร่าวๆ ว่าเพื่อนคนไหนชื่ออะไรก็กดข้าม วินมักจะเป็นศูนย์กลางในรูปเหล่านั้น ผู้คนห้อมล้อมมากมาย
วินตัวจริงเป็นคนหน้าดุมากนะ ตาดุ ดูเผินๆ ขี้เก๊ก บุคลิกดูสง่าผ่าเผย มั่นใจในตัวเองและไม่ค่อยแคร์ใคร ไม่ค่อยยิ้มมากนัก รูปส่วนใหญ่เป็นยิ้มแบบ แค่ยักมุมปากข้างหนึ่งขึ้นน้อยๆ แบบคนที่มีชัยเหนือกว่า
ยกเว้นแค่รูปเดียวที่สวมแว่นกันแดดแบรนด์เนม ยืนท่ามกลางแสงแดดจ้าจนผิวดูขาวจัด ผมยุ่งนิดหน่อยเพราะแรงลม ยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดี เป็นรูปตอนที่ยืนถ่ายคู่กับรถแลมโบกินี่สุดที่รักนั่นเอง
"โหยยยยย โคตรเท่"
ผมมองกระจกแล้วส่ายหน้าให้ปัจจุบัน หน้าเดียวกันแต่ไม่มีทางที่ผมจะมี "ราศี" แบบนั้นได้แน่นอน ผมเปิดๆ ไล่ไปเจอรูปของวินกับโซ่ในปาร์ตี้หนึ่ง วินกอดคอโซ่แสยะยิ้มแยกเขี้ยวร้ายๆใส่กล้อง ส่วนโซ่กำลังยืนหันข้างมองออกไปนอกเฟรม อีกรูปโซ่กำลังให้วินขี่หลัง วินเมาหลับ ส่วนโซ่ทำหน้าเซ็งๆ ไม่ได้มองกล้องเหมือนเคย
เวลาอยู่กับโซ่ วินไม่ค่อยเหลือมาดเท่าไหร่เลยแฮะ
ถึงจะไม่ได้ดูบรรยากาศสนุกสุดเหวี่ยงเหมือนรูปอื่นๆ แต่ก็ดูสนิทใจกันมากกว่า
"โซ่ วินตายแล้วนะ"
ผมพูดให้ความเงียบในห้องฟัง และปล่อยให้มันจางหายไป คลิกปิดหน้าจอทั้งหมดให้ดับวูบลง เก็บความจริงนี้ไว้กับตัวและพูดปดหลอกลวงโซ่ต่อไป ถ้าเกิด... ถ้าเกิดโซ่รู้เข้าว่าเพื่อนตายไปแล้ว ไม่เพียงจะเสียใจเหมือนที่ครอบครัวผมพากันร่ำไห้ใจสลายเท่านั้น แต่เขาต้องโทษเป็นความผิดตัวเองแน่ๆ
ทั้งที่มันเป็นชะตาลิขิตแท้ๆ ต่างกับผมที่โดนชะตาเล่นตลก
"ทราย พ่อ แม่จ๋า... วินยังไม่ตายนะ วินสบายดี"
ผมนึกไม่ออกแล้วว่าบ้านเรานั้นอยู่จังหวัดอะไร ผมจำไม่ได้ว่าที่ๆ ผมเรียนมีชื่อว่ามหาลัยอะไร โรงแรมที่ทำงานชื่ออะไร คงเพราะสมองที่กำลังทำงานอยู่นี้เป็นของเจ้าของร่าง ไม่ใช่ของผม เรื่องที่ควรจะจำได้จึงไม่มีบันทึกอยู่ หรือท่านยมทูตได้ลบความจำผมไปกันนะ
แล้ววิญญาณที่จับต้องไม่ได้ของผมนี่ล่ะ จะสามารถจดจำใบหน้าของคนที่รักในอดีตไปได้นานแค่ไหน ถ้าวันหนึ่งวันใด ผมลืมเลือนหมดทุกสิ่งในชีวิตก่อนหน้า แล้วอะไรที่จะบ่งบอกถึงความเป็นตัวผมล่ะ อะไรคือความแตกต่างของผมจากวิญญานอื่นๆ นับแสนนับล้านดวงบนโลก ...ไม่มีเลย
ผมน้ำตาคลอเล็กน้อย เริ่มคิดฟุ้งซ่านเมื่ออยู่คนเดียว เลยไปอาบน้ำให้สดชื่น เอาเถอะ...ไม่เป็นไร วินไม่ได้อยู่กับทุกคนก็ไม่เป็นไรนะ ขอให้ทุกคนสบายดีก็พอ
ผมเข้าไปนอนในห้องโซ่ ซึ่งเจ้าตัวกำลังเอนหลังอ่านหนังสือเล่มหนาบนเตียง ผมขึ้นไปนอนฝั่งที่เว้นที่ว่างไว้แล้วแอบอ่านคำโปรยและเรื่องย่อหลังปก อืม...เรื่องแนวสืบสวนค้นหาฆาตกร น่าอ่านอยู่เหมือนกัน พอเหลือบตามองด้านบน คนถือหนังสือทำหน้าดุๆ กลับมา
"ตรงคอเป็นรอยอะไร"
พอก้มมองก็ไม่เห็น ตรงไหนหว่า
"เหมือนรอยจูบ"
หา รอยจูบ.... เห้ย เก้า มัน ตั้งแต่ เมื่อไหร่เนี่ย
"รอยจ่งรอยจูบอะไร! ทำ ทำกับข้าวแล้ว...น้ำมันกระเด็นใส่อ่ะดิ"
"......."
"ไม่เคยเห็นรึไง จ้องอยู่ได้"
"เออ ไม่เคยเห็นคนบ้าเอาคอทอดไข่"
"หนังสือสนุกมั้ย?" ผมเปลี่ยนเรื่อง น่าอายจะตายไปที่มีรอยขบกัดของคนอื่นบนตัว
"พลอตเรื่องซับซ้อนดี เหมือนดูหนังแอคชั่นดีๆ ซักเรื่อง"
"อ่านจบขอยืมต่อนะ"
"เรื่องอื่นก็มีนะ ชั้นวางเหนือโต๊ะคอมอ่ะ"
ผมเดินไปไล่นิ้วอ่านชื่อบนสันปก เป็นนิยายแปลแนวสืบสวนทั้งหมดเลย เก็บเรียบร้อยกว่าชั้นหนังสือใหญ่ด้านนอก แยกตามชื่อนักเขียน ท่าทางจะเป็นของสะสม ผมร้องเพลงเบาๆ แล้วเลือกดูเรื่องที่น่าจะอ่านไม่ยากจนเกินไป แล้วหยิบเล่มหนึ่งออกมา
ไอ้โซ่มองผมแล้วขมวดคิ้ว อ่า...
"มึง ไม่ ชอบ ร้อง เพลง"
มันพูดช้าๆ ตอบสีหน้าเหวอของผม อ๋อ ผิดวิสัยอีกแล้วสินะ
"กวนรึเปล่า อ่านหนังสืออยู่"
"เปล่า ตลกดีเสียงตอนร้องเพลงไม่เหมือนตอนพูด มิน่าไม่ค่อยชอบร้อง อายเสียงล่ะสิมึง"
ผมขึ้นไปนั่งอิงหมอนแล้วจงใจหันไปร้องเพลงแกล้งเสียงดัง จนคนโดนกวนวางหนังสือแล้วเอาไปเก็บ ส่ายหน้าบ่นว่า
"ปัญญาอ่อนแม่ง ทำตัวไม่สมกับเป็นเพลย์บอยอันดับหนึ่งเลย เสื่อมเสีย"
ผมหยุดร้องเพลงที่มีเนื้อเพลงซ้ำไปซ้ำมาแล้วคิด
"....โซ่... กูถามอะไรอย่าง สมมตินะ ว่ากู กับตัวกูเมื่อก่อน ไม่ใช่คนๆ เดียวกัน เป็นคนสองคน ที่ไม่รู้จักไม่เกี่ยวข้องกันเลย..."
"แยกเป็นสองคนเหรอ"
"เออ แล้วสองคนนี้ เกิดความจำเสื่อมเหมือนกัน หน้าตาเหมือนกัน ทั้งชื่อนามสกุลอายุทุกๆอย่างเหมือนกันหมด อะไรที่จะบ่งบอกความเป็นตัวตนของแต่ละคนได้วะ"
"แม..ร่ง ถามยาก กูไม่ได้เรียนปรัชญาหรือจิตวิทยานะ ถามไรเป็นวิทยาศาตร์หน่อย"
"ที่กูอยากรู้ คือ อะไรที่ทำให้คนเราต่างกัน ถ้าไม่นับเรื่องภายนอก ก็เหลือแต่ความทรงจำนึกคิดสิ ใช่มั้ย? ที่ทำให้เราแตกต่าง"
"การสะท้อนบนผิวน้ำ"
"เอ๊ะ? "
"เคยเล่นขว้างหินให้มันแฉลบเด้งกับผิวน้ำหลายๆ ทีไหม ชีวิตคนๆ นึงก็เหมือนก้อนหินที่ปาออกไปนั่นแหละ กระเด้งกระดอนแต่สุดท้ายแล้วก็จมลงเหมือนกัน แต่ระหว่างทางมันไม่เคยเหมือนกันสักครั้ง ปากี่ทีก็ไม่เหมือนกัน ถ้าสมมติถ้ามีหินสองก้อนเหมือนกันน้ำหนักเท่ากัน ขว้างด้วยแรงที่เท่ากัน ต่อให้สามารถบังคับ ควบคุมทำให้มันตกกระทบกับผิวน้ำด้วยจำนวนครั้งที่เท่ากัน ไปได้ไกลระยะทางเท่ากัน"
"..........."
"แต่วงกระเพื่อมของน้ำไม่มีทางเหมือนกัน"
"....หมายความว่ายังไงอ่ะ งง"
ไอ้โซ่เขกมะเหงกผมดังโป้ก โอ้ย ผมเอามือคลำป้อยๆ แล้วบุ้ยหน้าใส่ ไม่เข้าใจจริงๆนี่นา รู้ว่าเปรียบเทียบคนสองคนเป็นก้อนหินสองก้อน แต่มันซับซ้อนนี่นา
"ความเป็นเอกลักษณ์ของคนแต่ละคนมันเกิดขึ้นเองเหมือนรอยน้ำกระเพื่อม สมมติว่าหินสองก้อนกระทบน้ำสามทีเท่าๆ กัน น้ำมันจะกระเพื่อมโดยมีจุดศูนย์กลางสามจุด แต่รอยกระเพื่อมที่เป็นวงเล็กๆ กระจายออกเป็นวงกว้างก่อนจะจางหายไป มันจะสวยต่างกันไปในแต่ละครั้ง มันเป็นอะไรที่คาดเดาหรือคำนวณไม่ได้"
"แล้วตกลงมันแตกต่างกันยังไงอ่ะ ยิ่งพูดยิ่งงง"
"โอ้ยยยยย... กูจะบ้าตาย"
"ก็กูถามว่าคนสองคนที่ไม่มีความทรงจำ..."
"กูชอบมึงตอนนี้มากกว่าเมื่อก่อน จบ โอเค๊? "
"เดี๋ยว ไม่เห็นเข้าใจเลยอ้ะ"
"มันเป็นรอยกระเพื่อมของน้ำ เกิดขึ้นเอง แม่งควบคุมไม่ได้ บังคับไม่ได้ คาดเดาไม่ได้ ดังนั้นไม่ต้องไปเข้าใจหรอก"
"แล้วกูต่างจากคนอื่นๆ ยังไง ความเป็นตัวของตัวกูคืออะไรวะ" ผมมุ่ยหน้า
"เป็นอะไรไปวะ คิดมากเรื่องความจำเสื่อมหรือไง"
"กูคิด ว่าสิ่งที่ทำให้คนเราเป็นตัวเรา ก็คือความทรงจำในหัว"
"หรือพูดอีกอย่างก็คือ อดีตทำให้เราเป็นเรา"
"ใช่ ถ้าไม่มีอดีตกูก็..."
"แล้วอนาคตทำให้เราเป็นตัวเราหรือเปล่าล่ะ? สิ่งที่มึงจะทำต่อไปในวันข้างหน้า จะทำให้มึงเป็นใครไปได้นอกจากตัวเอง ห้ะ? "
"..."
"กูชอบที่ตอนนี้ มึงเป็นแบบนี้ เหมือนรอยกระเพื่อมที่สวยงาม มึงก็มีเอกลักษณ์ของมึงไง เมื่อก่อนก็คือเมื่อก่อน อย่าคิดมากเหอะ"
"........."
"อะไร"
"ขอบใจนะโซ่"
ผมเขยิบเข้าไปกอดคอมัน วางหัวลงกับไหล่ รู้สึกสบายใจ มันอึ้งไปนานก่อนลูบหัวกลับมา อาจจะอยากปลอบล่ะมั้ง ถึงมันจะพูดอะไรห้วนๆ แต่การกระทำใจดีนะ
"กู... จะนอนแล้ว"
"อื้ม กู๊ดไนท์"
"เอ่อ.. เออๆ ไนท์"
"โซ่"
"หืม"
"ต่อไปกูจะใช้ชีวิตในแบบของตัวเองแล้วนะ เพราะเวลาที่ก้อนหินแฉลบผิวน้ำมันสั้นนิดเดียว เทียบกับเวลาที่ก้อนหินค่อยๆ จมลงก้นแม่น้ำ"
"ก็ตั้งใจฟังที่กูพูดอยู่นี่หว่า แล้วทำไมถึงไม่เข้าใจวะ ...ปล่อยกูนอนได้แล้ว เดี๋ยวเอาก้อนหินปาหัวแตก"
"ฮึๆ ฮ่าๆๆๆ"
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
โซ่เอ้ย... อ่อนว่ะ (เดจาวู ...อืม จุ้บแก้มซักทีก็ไม่มีให้เห็น ต้องเขียนต่ออีกยาวแหงๆ เลย) ตอนนี้ไม่มีเก้า ทดไปไว้ตอนหน้า ตอนในนะคะ
ฉันไม่เห็นชอบเก้าเลย เพราะตอนเขียนยาก เหมือนจับเอาไว้แล้วมันดิ้นหนีไป ดื้อจะตายเด็กคนนั้น
ขอบคุณทุกความคิดเห็นค่ะเพลง ของวินhttp://www.youtube.com/v/yFTvbcNhEgc