กลับมาต่อแล้วค่า ขออภัยที่หายไปนานกว่าที่คิด .... พอดีงานเข้า ^ ^"
แถมพอกลับมาเขียนต่อ คิดไปคิดมา จะต่อหรือให้จบไปเลยดีฟะ
นั่งนึก ๆ คิด ๆ อยู่นาน จนได้ตัวธีมของภาคนี้ขึ้นมา เอาตอนที่ 20 มาลงลองเชิงก่อนแล้วกันค่ะ ตัวละครหลักก็คงเดิมไม่ค่อยเยอะมากมายสำหรับเรื่องนี้ล่ะนะคะ
..
..
..
ป.ล. ทีแรกว่าจะต่อตอน 1 ภาค 2 แต่คิดไปคิดมา เขียนให้เป็นตอนที่ 20 แทนดีกว่า ยังไงเนื้อหามันก็ต่อเนื่องอยู่ดีม่านราตรี
บทที่ 20
...ตุลาเป็นเจ้าของคฤหาสน์ม่านราตรีโดยไม่คาดฝันมาได้เป็นเวลาสามเดือนแล้ว และแม้จะมีสมาชิกในบ้านอยู่มากมายหลายคน แต่นอกจากเขาและอธิป ทั้งหมดไม่เป็นพวกปีศาจก็เป็นวิญญาณทั้งนั้น แถมมนุษย์ด้วยกันอย่างอธิปก็ดันมีอาชีพหลักเป็นหมอผีเสียอีก
ตามปกติตุลามักจะใช้ชีวิตอยู่ตามลำพังกับสมาชิกในคฤหาสน์ แม้จะมีเรื่องให้ชวนผวาในบางครั้ง แต่เขาก็เริ่มเคยชินและมีภูมิต้านทานขึ้นมาทีละนิด แต่ทว่าเขากลับรู้สึกระทึกขวัญสั่นประสาทแทบจะทุกครั้ง ยามมีแขกภายนอกมาเยี่ยมเยียนถึงบ้าน โดยเฉพาะเมื่อแขกผู้นั้นเป็นคนสนิทและคุ้นเคยกับเขาเป็นพิเศษ
และวันนี้ก็เช่นเดียวกัน ขนาดเขาย้ำนักย้ำหนา ว่าให้สมาชิกในคฤหาสน์ช่วยกันระวัง เพราะกลุ่มเพื่อนของเขาจะแวะมา แต่ตุลาก็ยังพบเจอกับเหตุการณ์วุ่น ๆ เข้าให้อีก จนเขาชักไม่ค่อยแน่ใจนักว่า นี่เป็นเรื่องบังเอิญ หรือพวกสมาชิกในบ้านจงใจกลั่นแกล้งกันแน่
“ผมจะไม่พูดอะไรอีกแล้วนะครับ ... เอาเป็นว่า ถ้าไม่อยากให้ใครเข้ามารบกวนความสงบที่นี่นัก คราวหน้าผมจะนัดพวกนั้นนอกบ้านแล้วกัน”
ตุลาบอกต่อหน้าเหล่าภูตผีปีศาจ ที่มารวมพลกันในตอนค่ำ หลังจากเหตุการณ์ที่เพื่อนเขามาเยี่ยมบ้านและกลับออกไปด้วยอาการขวัญหนีดีฝ่อเสียยิ่งกว่าครั้งแรกที่มา เพราะเสียงกรีดร้องของผู้หญิงที่ดังลั่นจากสวนด้านนอก แม้ตุลาจะพยายามแก้ตัวว่ามันเป็นเสียงจากทีวีของเพื่อนบ้านก็ตาม แต่ด้วยเพราะคฤหาสน์ที่ตั้งตระหง่านอยู่โดดเดี่ยวอย่างม่านราตรี ทำให้เพื่อนของเขายากที่จะเชื่อลงได้
“ฉะ...ฉันขอโทษนะคะ ...ฉันไม่ได้ตั้งใจจะร้องออกไป... แต่เพราะตกใจที่แมลงสาบที่รุ้งไล่จับ มันบินตรงมาหาฉัน ...ก็เลย...”
ปิ่นสุดาบอกเสียงสั่นเครือเจือสะอื้น เพราะวันนี้เธอก็ยังแอบขึ้นมานั่งเล่นบนปากบ่อเช่นเคย แถมคำสารภาพของปิ่นสุดาก็ทำให้รุ้งพรายสะดุ้งเฮือกตามไป เพราะเจ้าหล่อนทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเพื่อนของตุลามา แต่ก็ยังออกมาวิ่งเล่นในสวน โดยไม่ได้ใส่ใจว่าใครจะเจอเช่นเดียวกัน
“เฮ้อ...ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ”
ตุลาไม่อยากจะต่อว่าทั้งคู่ เพราะความจริงพวกหล่อนก็ใช้ชีวิตเช่นนี้ทุกวันด้วยความเคยชินมานานหลายสิบปีแล้ว เขาต่างหากที่เป็นฝ่ายย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ และมาก่อกวนชีวิตประจำวันอันสงบของทุกคน
“ไม่ต้องร้องไห้หรอกครับคุณปิ่น คราวหน้าผมจะบอกให้พวกนั้นนัดเจอกันข้างนอก ...ซึ่งผมว่าพวกนั้นก็คงยินดีและเต็มใจมากเลยด้วย”
ตุลาเอ่ยขึ้นด้วยคำพูดที่เขาเชื่อมั่นว่าเพื่อนของเขาแต่ละคน คงคิดเช่นเดียวกับเขา โดยเฉพาะพิชยะเพื่อนสนิทผู้ซึ่งไม่ถูกโรคกับภูตผีปีศาจเหมือนกับเขาคนนั้น
“น่าเสียดายนะ ฉันอุตสาห์เริ่มติดใจนายเก่งเพื่อนของเธอเข้าให้แล้วแท้ ๆ ตลกดี ขี้กลัวไม่แพ้เธอเลย”
ราตรีบอกด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ทำให้คนฟังหันไปยิ้มแห้ง ๆ ให้ แล้วนึกสงสารเพื่อนสนิทขึ้นมาจับใจ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องพูด เมื่อสาว ๆ เริ่มสนทนากันถึงเพื่อนของเขาอย่างสนุกสนาน
“เอ่อ...คุณพาทิศล่ะครับ”
ตุลาถามสาว ๆ เพราะเห็นว่าพาทิศยังไม่มารวมตัวกับคนอื่น ๆ สักที ทั้งที่ยามปกติพอตกหัวค่ำแบบนี้ ชายหนุ่มมักจะปรากฏกายให้เขาเห็นแทบเป็นคนแรก ๆ ด้วยซ้ำ
“เอ...จริง ๆ ด้วยแฮะ”
รุ้งพรายเพิ่งสังเกตได้ตามที่อีกฝ่ายบอก ก่อนจะชะงักเมื่อปิ่นสุดาสะกิดเธอแล้วเอ่ยขึ้น
“เพราะวันนี้เป็นจันทร์เต็มดวงหรือเปล่าคะ?”
“อ๊ะ อ๋อ! จริงด้วย พระจันทร์เต็มดวงนี่นะวันนี้”
รุ้งพรายตอบกลับอย่างนึกได้ ทำให้ตุลาที่ฟังอยู่เริ่มงุนงง ก่อนจะนึกย้อนไปถึงเมื่อก่อน ที่ก็มีบางวันที่เขาไม่ค่อยเจอกับพาทิศ แต่เพราะได้เจอหน้ากันบ่อยเสียยิ่งกว่าหายหน้าห่างกัน จึงทำให้เขาไม่ได้สังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงในเรื่องนี้เท่าใดนัก
“มีอะไรกับพระจันทร์เต็มดวงหรือครับ?”
ตุลาถามสองสาว รุ้งพรายกับปิ่นสุดาสะดุ้งโหยง พลางจ้องมองหน้ากันอย่างลังเลว่าจะเล่าให้ชายหนุ่มฟังดีไหม
“เอ่อ...ถ้าเป็นเรื่องที่เป็นความลับ ผมไม่ถามก็ได้ครับ”
ตุลาบอกอย่างเกรงใจเมื่อเห็นปฏิกิริยาของทั้งคู่
“พาทิศเค้ามักจะไปหาคู่รักของเขาในคืนวันนี้น่ะ”
คำตอบที่ได้ยินทำให้ตุลาชะงักกึก ก่อนจะรู้สึกตัวชาขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“คู่รัก...”
“อืม... ฉันก็ไม่รู้อะไรมากหรอกนะ เคยถามครั้งหนึ่งแล้วก็ได้คำตอบมาแบบนี้ล่ะ”
ราตรีบอกเรียบ ๆ ส่วนสองสาวก็มีสีหน้าลำบากใจไม่แพ้กัน
“ฉันก็พอจะรู้บ้าง...แต่อย่าให้เล่าเลยนะ ถ้าตุลอยากรู้ก็ไปถามเขาเอาเองเถอะ”
รุ้งพรายตัดบท ทำให้ตุลายิ่งประหลาดใจมาก เพราะปกติแมวสาวจะชอบเล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ของคนอื่นให้เขาฟังเสมอโดยไม่คิดจะปิดบังหรือเกรงใจว่ามันจะละเมิดเรื่องส่วนตัวของคนอื่น
“เอ่อ...ผมก็แค่สงสัย ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวกลับขึ้นห้องก่อนนะครับ”
ตุลาบอกกับบรรดาสาว ๆ แล้วปลีกตัวเดินกลับห้องพักของตน ซึ่งพอลับหลังชายหนุ่ม ทั้งสามสาวก็ถอนหายใจออกมาพร้อม ๆ กัน
“ก็นะ เรื่องส่วนตัวแบบนั้น จะให้เล่าไปก็ลำบากใจเหมือนกัน”
“นั่นสิคะ ขนาดเวลาผ่านไปนานหลายสิบปี แต่คุณพาทิศก็ยังไม่เคยลืมเธอคนนั้นเลยนี่นะคะ”
ปิ่นสุดาเอ่ยตอบ ทำให้ราตรีหวนนึกถึงจอมเดชขึ้นมาบ้าง
“เวลาแค่ไม่กี่สิบปีสำหรับพวกเรา มันแทบไม่แตกต่างอะไรกับไม่กี่เดือนของมนุษย์นั่นล่ะนะ...”
“มันก็ใช่...แต่ก็ไม่ควรจะผูกมัดตัวเองติดอยู่กับอดีตแบบนั้นนี่นา ความทรงจำน่ะเก็บไว้ได้ แต่เราก็ต้องก้าวเดินไปสู่อนาคตพร้อมกับมันด้วย”
รุ้งพรายบอกอย่างพอจะคาดเดาได้ว่าเพื่อนสาวกำลังคิดถึงเจ้าของคฤหาสน์คนเก่าผู้นั้นอยู่
“อืม...นั่นสิ”
ราตรีตอบพลางแย้มยิ้มอ่อนโยนส่งให้ รุ้งพรายยิ้มตอบ แล้วจึงพึมพำขึ้นมา
“หวังว่าหมอนั่นคงกล้าเล่าเรื่องเธอคนนั้นให้ตุลฟัง เหมือนกับที่เคยกล้าเล่าให้พวกเราฟังล่ะนะ”
“ฉันเชื่อนะคะ ว่าถ้าเป็นคุณตุลจะต้องไม่กลัวเขา และจะต้องเข้าใจในตัวเขาแน่”
ปิ่นสุดาบอกกับปีศาจแมวสาวอย่างเชื่อมั่น ซึ่งรุ้งพรายก็ยิ้มน้อย ๆ ตอบเพื่อนของหล่อน แล้วจึงเงยหน้ามองไปยังตำแหน่งที่ตั้งห้องนอนของตุลา
“นั่นสินะ เพราะเป็นเด็กคนนั้นที่พวกเราทุกคนรัก เขาจะต้องเข้าใจและยอมรับในอดีตของพาทิศได้แน่นอน”
ตุลาหลังจากที่ปลีกตัวออกมาก็ยังคงนั่งนิ่งเงียบอยู่ที่โต๊ะทำงาน ในตอนแรกเขาตั้งใจจะเขียนนิยายต่อ แต่กลับไม่มีสมาธิที่จะจดจ่อถึงเนื้อเรื่องได้เลย เรื่องที่พาทิศมีคู่รักหวนกลับมารบกวนเขาอยู่ตลอด ตุลารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก จริงอยู่ที่พาทิศนั้นชอบมาหยอกล้อแกล้งเขาในลักษณะที่ชวนให้เข้าใจผิด แต่ก็ไม่เคยทำมากกว่ากอดและจูบ แถมบางครั้งพอเขาเผลอเคลิ้มไปกับอีกฝ่าย พาทิศก็หยุดการกระทำไปเฉย ๆ เช่นนั้น จนเขาเองยังแปลกใจ แต่พอมารู้ความจริงแบบนี้ ก็ทำให้พอเข้าใจการกระทำเช่นนั้นบ้าง... พาทิศคงแค่แหย่เล่นไม่ได้คิดจริงจังกับเขา ความจริงเขาควรจะโล่งอกแท้ ๆ แต่ยิ่งคิดกลับยิ่งรู้สึกโมโห และปวดใจขึ้นมาอย่างประหลาด
ชายหนุ่มปิดโน้ตบุคที่เปิดทิ้งค้างเอาไว้เป็นเวลานาน และตั้งใจจะนอนหลับ แต่ด้วยความเป็นคนนอนดึกเป็นประจำ จึงทำให้เขาไม่เกิดความง่วง และนอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปลำพังเช่นนั้น จนกระทั่งเริ่มเบื่อ จึงตัดสินใจออกไปเดินเล่นในสวน เพื่อหาเพื่อนคุยกับตน
“หือ... ไปไหนกันหมด?”
ตุลารู้สึกแปลกใจ เพราะปกติมักจะเห็นพวกสาว ๆ ไปรวมกันอยู่ที่ซุ้มดอกราตรี แต่วันนี้กลับเงียบไร้ผู้คน ทำให้สวนที่ดูน่ากลัวอยู่แล้วยิ่งวังเวงหนัก
“อะไรของมันกันนะวันนี้!”
คนที่หงุดหงิดอยู่แล้ว บ่นอุบพาล ๆ กับตัวเอง เมื่อคิดว่ายังไงก็คงไม่มีเพื่อนคุยแน่ เขาจึงตัดสินใจกลับขึ้นห้องพักของตน ทว่าก็ต้องชะงักฝีเท้า เมื่อเห็นร่างสูงคุ้นตาเบื้องหน้าเขา
“คุณพาทิศ...”
“พวกรุ้งไปตามฉันมา บอกว่าเธออยากพบฉัน”
พาทิศบอกยิ้ม ๆ ทำให้ตุลาชะงัก หน้าแดงนิด ๆ ก่อนจะสั่นศีรษะไปมา
“ไม่ใช่สักหน่อยครับ ผมก็แค่สงสัยว่าทำไมคุณไม่อยู่บ้านก็แค่นั้นเอง...”
ตุลาบอกพร้อมก้มหน้าหลบ ไม่กล้าสบตาคนตรงหน้าขึ้นมาดื้อ ๆ
“อย่างนั้นหรือ...ถ้าอย่างนั้นฉันกลับห้องใต้ดินล่ะนะ”
พาทิศแกล้งทำเป็นพึมพำรับคำ แล้วขอปลีกตัวจากไป นั่นทำให้ตุลาสะดุ้ง รีบเร่งฝีเท้าเดินไปคว้าแขนร่างสูงไว้ทันที
“เดี๋ยวก่อนครับ!”
“หือ? มีอะไรอย่างนั้นหรือ”
พาทิศแสร้งถามด้วยสีหน้าสงสัย ตุลาอึกอัก หน้าแดงนิด ๆ ก่อนจะตัดสินใจถามออกไป
“คุณ...ไปหาคู่รักของคุณมา...จริงหรือครับ”
พาทิศจ้องมองชายหนุ่มนิ่ง ไม่ได้ตอบคำถามนั้น จนคนรอฟังใจเสีย
“ขะ...ขอโทษครับ ที่ก้าวก่าย ...ผมกลับห้องล่ะครับ”
ตุลารีบบอก แล้ววิ่งจากไปด้วยความรู้สึกสับสน เจ้าตัวรู้สึกถึงความร้อนผ่าวที่ดวงตาทั้งสอง แล้วจึงใช้หลังมือปาดน้ำใส ๆ ที่กำลังไหลรินออกมาอย่างไม่อาจห้ามได้ ก่อนจะอุทานด้วยความตกใจ เมื่อร่างของตนโดนอ้อมแขนแกร่งรวบเอาไว้จากเบื้องหลัง ไม่ให้หนีไปไหน
“คุณพาทิศ...ปล่อยเถอะครับ”
ตุลาบอกเสียงสั่นพร่า กับท่ากอดที่ดูหมิ่นเหม่นั่น แถมพอหวนคิดว่าเจ้าตัวมีคนรักแล้ว เขาก็ยิ่งรู้สึกปวดใจแปลบขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ
“ไม่ปล่อย...จนกว่าตุลจะบอกฉันว่า ร้องไห้ทำไม”
ร่างสูงที่พลิกกายอีกฝ่ายให้มาเผชิญหน้า ถามอย่างอ่อนโยน พร้อมกับใช้นิ้วกรีดซับน้ำตาของชายหนุ่มผู้เยาว์วัยแผ่วเบา
“ผม...”
ตุลาเงยหน้าสบตากับอีกฝ่ายพลางหลุบตาหลบอย่างช้า ๆ เขาไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองร้องไห้ทำไม รู้แต่ว่าหงุดหงิด ไม่พอใจ แล้วลึก ๆ รู้สึกเสียใจ ที่คนตรงหน้ามีคนรักอยู่แล้ว
“เฮ้อ...ช่วยไม่ได้ ทั้งที่อยากฟังจากปากของตุลมากกว่าล่ะนะ”
พาทิศบอกยิ้ม ๆ แล้วชะโงกหน้าไปจูบที่เปลือกตาของชายหนุ่มค่อย ๆ
“กลับขึ้นห้องเถอะ เดี๋ยวฉันไปส่ง”
ตุลาพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย แล้วจึงยอมให้อีกฝ่ายจูงมือเดินนำไปเงียบ ๆ จนกระทั่งถึงห้อง พาทิศก็จับร่างโปร่งให้นั่งบนเตียง จากนั้นเขาจึงเดินไปลากเก้าอี้มานั่งเป็นเพื่อนข้าง ๆ
“ตุลอยากฟังเรื่องของฉันไหม…เรื่องคู่รักที่ตุลอยากรู้ยังไงล่ะ”
ตุลาเงยหน้าสบตาอีกฝ่าย แล้วจึงพยักหน้าตอบรับ
“อืม...พวกรุ้งก็บอกฉันเหมือนกัน ว่าให้ลองเล่าให้ตุลฟังดู แต่พูดก็พูดเถอะ ถ้าให้เลือกฉันไม่อยากให้ตุลรู้เรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ”
ตุลาชะงักพลางกำมือตัวเองแน่น เพราะเผลอคิดไปว่าตนเองไม่มีความหมายสำหรับอีกฝ่าย และที่พาทิศทำดีด้วยก็เพียงแค่ต้องการแกล้งเขาเล่น ๆ ไม่ได้จริงจังอะไร จึงไม่อยากให้เขาได้รับรู้เรื่องนี้
“หึ ๆ ดูเหมือนจะเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า”
พาทิศที่สังเกตปฏิกิริยานั้นหัวเราะในลำคอ แล้วเอื้อมไปจับมือของอีกฝ่ายขึ้นมาจูบเบา ๆ จนตุลาตกใจ
“เอาล่ะ...เล่าก็เล่า ...”
ผีดิบหนุ่มพึมพำกับตัวเอง ใบหน้าขรึมลงเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจเล่าเรื่องราวในอดีตของตนให้คนบนเตียงฟังทั้งหมด
“ฉันเคยมีคู่รัก... คน ๆ เดียวกันกับที่เธออยากรู้จักนั่นล่ะ”
“...เคยมี?”
ตุลาทวนคำอย่างประหลาดใจ ซึ่งพาทิศก็ยิ้มน้อย ๆ แล้วเล่าต่อ
“ใช่ เคยมี...แต่เธอตายไปแล้ว...ตายไปเมื่อหลายสิบปี ก่อนที่ฉันจะมาอยู่ที่นี่ด้วยซ้ำ”
ตุลาชะงักกึก แล้วเบือนหน้าหลบสายตาไปทางอื่น นึกเกลียดตัวเองขึ้นมาทันที เพราะแทนที่จะสงสารอีกฝ่าย แต่วูบหนึ่งแล้วเขากลับรู้สึกยินดีขึ้นมาประหลาด เมื่อทราบว่าคู่รักของพาทิศคนนั้นได้ตายไปแล้ว
พาทิศที่พอจะคาดเดาจากสีหน้าและท่าทางของอีกฝ่ายได้ ว่าชายหนุ่มคิดอะไรอยู่นั้น ยิ้มน้อย ๆ อย่างไม่นึกโกรธ เขาเอื้อมมือไปลูบศีรษะของอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน แล้วจึงเล่าต่อ
“เมื่อก่อน ฉันเคยเกลียดมนุษย์ เพราะในยามที่ฉันมีชีวิตอยู่ ฉันต้องเจอแต่กับเรื่องร้าย ๆ เพราะคนรอบข้างมาตลอด...ฉันเกลียด ฉันเคียดแค้น เฝ้ากร่นด่าชะตากรรมจนกระทั่งวันสุดท้ายของชีวิตมาถึง ...แม้กระทั่งตายไปแล้ว โชคชะตาก็ยังเล่นตลกและโหดร้ายกับฉันไม่เปลี่ยน ...ฉันกลายเป็นผีดิบ จากนั้นก็ใช้ชีวิตอันอมตะของตน ลงโทษคนที่ทำให้ฉันทุกข์ ให้พวกมันพบกับความทุกข์และทรมานยิ่งกว่าฉันได้รับ”
พาทิศเสียงแผ่วลง หวนคิดถึงความหลังอันยาวนาน นัยน์ตาสีดำแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาชั่วขณะ ทำให้ตุลาเสียวสันหลังวาบ ทว่าเพียงแค่ครู่เดียวมันก็กลับมาเป็นปกติ
“...กลัวฉันไหม?”
ตุลากลืนน้ำลายลงคอ แต่พอเห็นแววตาของอีกฝ่ายดูหมองลง เขาก็รีบโพล่งตอบออกไปดังลั่น
“ไม่ครับ!”
พาทิศชะงัก ก่อนจะจ้องมองแววตาคู่นั้นอย่างค้นคว้าหาความจริง
“ผะ...ผม ยอมรับว่าพอฟังแล้วอาจจะกลัว เพราะไม่เคยรู้จักคุณในอดีตมาก่อน...แต่ถ้าเป็นคุณที่อยู่ตรงนี้ ผมไม่มีทางกลัวแน่นอน...อ้อ ถ้าไม่พยายามทำโน่นนี่หลุดบ่อย ๆ ล่ะนะครับ”
ตุลาเอ่ยตอบออกไปตามตรง ทำให้คนฟังหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ แล้วจึงแย้มยิ้มอ่อนโยนชวนมองให้
“ขอบคุณนะตุล...”
พาทิศพึมพำ แล้วจึงเล่าเรื่องราวในอดีตของตนต่อ
“ฉันใช้ชีวิตในฐานะผีดิบมานานจนแทบจะลืมความเป็นมนุษย์ ...และตอนนั้นเองฉันก็ได้เจอกับเธอคนนั้น”
พาทิศหวนย้อนคิดถึงใบหน้าอ่อนหวาน ยิ้มแย้มแจ่มใส ทำให้ผู้คนที่พบเห็นสบายใจเสมอ ของอดีตคนรัก
“เธอคนนั้นเป็นคนสอนให้ฉันได้รู้ว่า มนุษย์ใช่ว่าจะมีแต่ด้านเลวร้ายเสมอไป มนุษย์ที่มีจิตใจดี และมีเมตตา พร้อมจะให้อภัยกับคนที่ทำผิดก็มีอยู่มากมาย ...แต่ก็เพราะฉัน ถึงทำให้คนดี ๆ อย่างเธอต้องมาตายลงไปก่อนวัยอันควร....คืนนั้นที่เธอจากฉันไป ก็เป็นคืนที่พระจันทร์เต็มดวงแบบนี้ล่ะนะ...”
ผีดิบหนุ่มมีสีหน้าเศร้าหมองลงจนตุลารู้สึกปวดใจ เขาเอื้อมมือไปกุมมือทั้งสองของพาทิศ แล้วสบตากับอีกฝ่ายนิ่ง
“พอเถอะครับ...ถ้าไม่อยากเล่าก็อย่าเล่าต่อไปอีกเลย”
พาทิศสบตาตอบ ก็เห็นแต่แววตาห่วงใยระคนสงสารของอีกฝ่ายจ้องตอบกลับมา เขายิ้มน้อย ๆ แล้วชะโงกหน้าไปหอมแก้มของคนปลอบ จนตุลาสะดุ้งรีบปล่อยมือ แล้วถอยออกมาหน้าแดงระเรื่อ
“ขอบใจนะตุล... ก็นั่นล่ะ ฉันคงยังเล่ารายละเอียดหลัก ๆ ให้เธอฟังไม่ได้ แต่ฉันบอกได้แค่ว่า เพราะอยู่ใกล้ฉัน เธอคนนั้นถึงต้องโชคร้ายจนต้องตายไปในที่สุด... รู้แบบนี้แล้ว ตุลกลัวฉันไหม...เพราะไม่แน่นะ ฉันอาจจะทำให้เหตุการณ์ร้าย ๆ นั่น ย้อนกลับมาหาตุลเหมือนเธอคนนั้นก็เป็นได้”
ตุลายอมรับว่าพออีกฝ่ายพูดแบบนั้นด้วยแววตาจริงจัง เขาเองก็รู้สึกกลัวเช่นกัน แต่เมื่อหวนคิดถึงหนึ่งปีที่อยู่ร่วมกันมา เขาก็เม้มปากนิด ๆ แล้วลุกขึ้นก่อนจะโผไปโอบกอดรอบคอพาทิศแล้วพึมพำตอบ
“ผมไม่กลัว ...สิ่งที่ผมกลัวที่สุดก็คือ ไม่มีคุณและทุกคนอยู่ร่วมกันที่คฤหาสน์หลังนี้ มีแต่ผมที่อยู่คนเดียว ...ถ้าเป็นแบบนั้น สู้ให้เจอเรื่องร้าย ๆ เสียยังดีกว่า”
พาทิศนิ่งชะงักด้วยความตกตะลึงต่อคำสารภาพของอีกฝ่าย ก่อนจะหลับตาลงช้า ๆ แล้วลืมตาขึ้น พร้อมกับดันร่างโปร่งออกมาสบตาด้วย
“แย่จริงตุล...เธอกำลังทำให้ฉันคิดจริงจังกับเธอแล้วนะ ...รู้ไหมว่า ถ้าเป็นแบบนั้น ต่อให้อาของเธอ หรือใครในบ้านนี้จะห้าม ...ฉันก็จะไม่มีวันปล่อยเธอไปแน่...”
ตุลาใจเต้นตึกตักต่อแววตาที่แฝงไปด้วยอำนาจประหลาดคู่นั้น และกว่าจะรู้สึกตัวอีกที แผ่นหลังของเขาก็กระทบกับเตียงนอน โดยมีร่างสูงคร่อมอยู่ด้านบน
“คุณพาทิศ...”
ตุลาพึมพำครางเรียกชื่ออีกฝ่าย ในขณะที่ร่างสูงไล่จูบซุกไซ้ไปทั่วใบหน้าและลำคอของตน ก่อนที่พาทิศจะชะงัก แล้วยิ้มมุมปากน้อย ๆ พลางดันกายลุกขึ้นมานั่งข้าง ๆ ทำให้คนที่นอนอ่อนระทวยปรือตาขึ้นมามองอย่างแปลกใจ
“ขืนทำมากกว่านี้ ฉันอาจโดนกันท่าจากตุลก็ได้ ...ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันคงเศร้าแย่”
พาทิศบอกยิ้ม ๆ อย่างนึกขัน เมื่อจับสัมผัสบางอย่างจากนอกห้อง ก่อนจะแกล้งรั้งตัวตุลาขึ้นมานั่ง แล้วกัดงับไปแรง ๆ ตรงซอกคอของอีกฝ่าย
“โอ๊ย!”
ตุลาร้องเสียงดังด้วยความเจ็บ ทว่าหลังจากที่เขาหลุดปากร้องออกไป ด้านนอกระเบียงก็มีสามสาวเปิดพรวดเข้ามา ส่วนประตูห้องก็เปิดออก พร้อมกับกริชและอธิปที่ก้าวเข้ามาในห้องเช่นเดียวกัน
“แย่จัง แบบนี้ก็คงต้องเปิดตัวกับทุกคนแล้วสินะตุล...ว่างั้นไหม”
พาทิศบอกกับตุลาพลางแย้มยิ้มเจ้าเล่ห์ ทำเอาตุลานิ่งอึ้ง หน้าซีดสลับแดง เมื่อเห็นสายตาคาดคั้นของทุกคนที่มองมายังพวกตน
“ตุล...อาถามตรง ๆ นะ ชอบหมอนี่แบบนั้นจริง ๆ หรือเปล่า!”
กริชถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ขณะที่อธิปพยายามกลั้นหัวเราะ เขากับกริชแอบฟังทั้งคู่คุยกันอยู่นาน ...แน่นอนด้วยความสามารถเฉพาะตัวของวิญญาณอย่างกริช และด้วยอาคมที่เขามีก็ทำให้พวกเขามองเข้าไปในห้องได้สบาย ๆ ซึ่งเขาเองก็พอจะมองออกถึงท่าทางของตุลาและพาทิศในช่วงระยะสามเดือนที่ผ่านมา กริชเองก็เช่นกัน เขาเองก็พอจะรู้ว่าหลานชายนั้นเริ่มมีใจให้อีกฝ่าย ถึงไม่ออกไปขัดขวางแต่แรก และทนรอจนกระทั่งพาทิศรู้สึกตัวว่ามีคนแอบมองนั่นล่ะ
ส่วนสามสาว หลังจากที่ไปบอกให้พาทิศเล่าเรื่องราวในอดีตให้ตุลาฟัง พวกหล่อนก็ตัดสินใจแอบมองอยู่ห่าง ๆ แต่ว่าหลังจากที่เห็นทั้งคู่กอดกันในสวน ก็ทำให้พวกเธอเริ่มอยากรู้อยากเห็น และตามมาแอบมองอยู่นอกห้อง ซึ่งถึงแม้จะได้เห็นพฤติกรรมชวนน่าสงสัยของทั้งคู่ แต่พวกเธอก็ยังตัดสินใจแอบดูเงียบ ๆ ด้วยความลุ้นระทึก แม้กระทั่งตอนที่พาทิศจับตุลากดลงไปบนเตียงก็ตาม พวกเธอก็ไม่คิดจะออกไปขัดขวาง แถมยังรู้สึกตื่นเต้นอย่างประหลาดอีกด้วย
“อาครับ...คือผม”
ตุลาตอบกึกกักด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ แล้วจึงหันมองคนโน้นคนนี้ที่มองมาที่เขาเป็นตาเดียว ก่อนจะชะงักเมื่อพาทิศจับบ่าของเขาบีบเบา ๆ
“ตอบไปตามความรู้สึกของตุลเถอะ...ฉันเองก็อยากรู้ และถึงจะปฏิเสธกัน ฉันก็ไม่โกรธหรอกนะ”
พาทิศพูดดักเอาไว้ ทำให้คนที่คิดจะแก้ตัวสะดุ้ง แล้วจึงถอนหายใจออกมาเบา ๆ หวนคิดถึงความรู้สึกของตนที่ผ่านมา ก่อนจะหันมายิ้มให้กับผู้เป็นอา
“ผมชอบเขาครับ”
ตุลาตอบออกไปตามตรง ทำให้แม้แต่พาทิศเองยังแอบนิ่งอึ้ง ก่อนแย้มรอยยิ้มอ่อนโยนตามมา
ทางด้านกริชเองพอได้ฟังก็เงียบไปชั่วครู่ เขาสบตาหลานชายก็เห็นแต่ความจริงใจในแววตาคู่นั้น วิญญาณหนุ่มทำท่าถอนหายใจ แล้วจึงหันไปทางอธิปก็เห็นเพื่อนสนิทกำลังกลั้นหัวเราะ กริชสบถอุบอิบด่าเพื่อนเบา ๆ แล้วจึงหันไปทางพาทิศที่มองเขาตอบเช่นกัน
“ถ้านายจริงจัง ฉันก็จะไม่ขัดขวาง ...แต่ถ้าคิดกับตุลแค่เล่น ๆ ฉันก็ขอร้องว่าอย่าให้ความหวังลม ๆ แล้ง ๆ กับหลานชายฉันอีก”
พาทิศเงียบกริบ ไม่คิดว่ากริชจะยอมง่าย ๆ เช่นนี้ เขามองไปยังตุลาที่สบตาเขาด้วยความเป็นกังวล พาทิศหลับตาลงช้า ๆ หวนคิดถึงกำแพงบาง ๆ ที่ตนเคยสร้างกั้นระหว่างอีกฝ่าย ที่แม้จะถูกใจเพียงไหน แต่ก็ไม่เคยทำอะไรเกินเลยไปมากกว่าการสัมผัสเล็กน้อย ...เพราะเขากลัวว่า หากรักเข้าไปเต็มหัวใจจริง ๆ แล้ว อีกฝ่ายอาจจะต้องประสบกับชะตากรรมอันเลวร้าย เหมือนกับอดีตคนรักของเขาก็เป็นได้ ทว่าด้วยคำพูดของตุลาเมื่อก่อนหน้า ก็ช่วยปัดเป่าถึงความกังวลนั้นให้เขาจนหมดสิ้น
“ผมชอบตุลครับ...ก่อนหน้านั้นยอมรับว่าแค่ถูกใจ จึงอยากแกล้งดู ...แต่ตอนนี้ความรู้สึกนั่นมันมากขึ้นกว่าเดิมแล้วล่ะครับ”
กริชเงียบไปพักใหญ่ แล้วจึงมีสีหน้าเหมือนปลงตก เขาลูบศีรษะผู้เป็นหลานชายเบา ๆ แล้วจึงหายตัวไป ทำให้ตุลาตกใจเป็นอย่างมาก แต่พอได้ยินที่อธิปบอกก็ทำให้เขารู้สึกโล่งอกและเบาใจขึ้นมา
“ใจเย็น ๆ หมอนั่นก็แค่หายตัวไปทำใจในแบบของเขา ...แต่ไม่ต้องห่วงนะ หมอนั่นยอมรับในการตัดสินใจของเธอในทุกเรื่อง เพราะเขาเชื่อมั่นในตัวเธอยิ่งกว่าใครไงล่ะ”
อธิปอธิบายให้อีกฝ่ายฟัง แล้วขอตัวกลับห้องบ้าง ส่วนสามสาวที่นิ่งเงียบอยู่นานก็รุมล็อกตัวผีดิบหนุ่ม แล้วยิงคำถามรัวจนพาทิศหูชา
“อะไรกัน! ไปชอบกันตอนไหนทำไมไม่เห็นรู้เรื่องเลย เล่ามาให้หมดเลยนะ!”
รุ้งพรายถามเสียงสูงปรี๊ดอย่างโมโห ที่เธอนั้นตกข่าวใหญ่แบบนี้ได้ ยิ่งดูจากท่าทางของกริชและอธิปก็ทำให้รู้ว่า สองคนนั้นก็รู้ตื้นลึกหนาบางมาพอสมควรยิ่งกว่าเธอเสียอีก
“นั่นสิ! แย่จัง เพื่อนกันแท้ ๆ ทำไมไม่ปรึกษากันบ้างเลย เรารึจะได้ช่วยวางผงวางแผนดูต้นทางคุณกริชให้บ้าง!”
ราตรีบ่นอุบ แต่คำบ่นของเธอทำให้ตุลาหันไปมองตาปริบ ๆ ส่วนปิ่นสุดานั้นน้ำตาคลอ แล้วบอกกับพาทิศด้วยน้ำเสียงเจือสะอื้น
“นั่นสิคะ ...พวกเราอุตสาห์ไว้ใจคุณแท้ ๆ ...แต่ไม่คิดว่าจะชุบมือเปิบไปแบบนี้ ...ว่าแต่คุณตุลเป็นรับใช่ไหมคะ ...อย่าให้เป็นรุกนะคะ... ไม่งั้นฉันไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ...”
รุ้งพรายกับตุลาหันมามองเงือกสาวตาปริบ ๆ ส่วนพาทิศนิ่งอึ้งไปในทีแรก ก่อนจะหัวเราะตามมา แล้วรับปากปิ่นสุดาว่าจะไม่ยอมให้ตุลารุกเขาเด็ดขาด
“บางทีฉันก็ไม่เข้าใจ เรื่องความชอบของปิ่นเลยนะ”
รุ้งพรายพึมพำ ซึ่งตุลาก็พยักหน้าเห็นด้วยเต็มที่ และเมื่อตอบคำถามของสามสาวอยู่พักใหญ่ ทั้งหมดจึงเริ่มแยกย้ายกันไป เพราะได้ยินเสียงนาฬิกาตีดังเที่ยงคืน อันเป็นเวลาสมควรพักผ่อนของตุลาแล้ว
“ราตรีสวัสดิ์ ฝันดีนะ”
พาทิศชะโงกหน้าไปหอมแก้มชายหนุ่ม ตุลาหน้าแดงนิด ๆ แล้วพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะเดินกลับไปนอน หวนคิดถึงเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นเมื่อหลายชั่วโมงก่อนหน้า พลางอมยิ้มน้อย ๆ
อยู่เป็นโสดมายี่สิบกว่าปี ในที่สุดเขาก็มีคนรักเหมือนคนอื่นบ้างแล้ว ...ถึงคนรักคนนี้จะเป็นผู้ชาย แถมไม่ใช่คนก็ตาม แต่สำหรับตุลา ก็ถือว่า พาทิศเป็นคนที่เขาอยากอยู่เคียงข้างไปด้วยกันเรื่อย ๆ ตลอดไปล่ะนะ
---TBC---
------------
ตอบคำถาม:
อ่านนิยายจบ มาเห็นคอมเม้นต์ข้างล่าง นี่พี่ปัดเหรอเนี่ย
ที่แต่งเรื่อง เรื่องป่วนๆของก๊วนยมทูตในเด็กดีรึเปล่าค่ะ
แอบติดตามเรื่องนั้นมาเนิ่นนาน ^^
อ่านเรื่องนี้ของพี่ปัดแล้วคิดว่าหนุ่มๆน้อยไปนิดนึงอ่ะค่ะ แต่ก็ยังคงสนุกสนานเหมือนเดิม 
คนเขียนคนเดียวกันค่ะ ^ ^ เรื่องนี้กับเรื่องนั้นมันเขียนคนละแนวค่ะ หนุ่ม ๆเลยน้อยไปหน่อย อีกอย่างไม่อยากใช้ตัวละครเปลืองด้วย แหะ ๆ อยากเขียนตัวละครน้อย ๆ แต่ให้คนอ่านรู้สึกผูกพันกับทุกตัวมากกว่าน่ะค่ะ ^ ^