บทที่ .....29
เรื่อยๆ.....
.
.
.
“เด็กอะไรไม่เคยพบไม่เคยเจอ นอกจากไม่มีมารยาทแล้วยังจนอีกต่างหาก ให้ตายซิ เด็กสมัยนี้ พ่อแม่ไม่สั่งกันเลยหรืออย่างไร” คุณศิระเงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือเล่มโปรดมองไปยังต้นเสียงที่ดังขึ้นอยู่ข้างกาย ผู้สูงวัยส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนอกอ่อนใจในความเจ้ายศเจ้าอย่างของภรรยา คงจะโดนใครขัดใจมาแน่นอน ดูจากน้ำเสียงและสีหน้าท่าทางแล้วคงจะโดนมาค่อนข้างเยอะพอสมควร คนที่สามารถกวนอารมณ์ภรรยาเขาให้ถึงขีดสุดอย่างนี้คงเก่งน่าดู เพราะภรรยาของเขาจะสวมมาดคุณหญิง หน้าตั้ง ใหล่ตรงอยู่ตลอดเวลา
“ใครกวนใจมาอีกล่ะ” บิดาของศิขรินทร์วางหนังสือลงบนโต๊ะแล้วขยับตัวนั่งหลังตรง ตบเบาะข้างๆตัวเรียกภรรยาให้ลงมานั่งข้างๆ ซึ่งคุณหญิงวิจิตราก็ยอมนั่งลงแต่โดยดี
“เด็กไม่รู้หัวนอนปลายเท้าทีไหนก็ไม่รู้ค่ะคุณพี่ มาพูดจาหยาบคายกับน้อง” ยิ่งคิดย้อนกลับไปยังเหตุการณ์เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมาก็ยิ่งสร้างความหงุดหงิดให้กับผู้สูงวัยมาดคุณหญิงอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ใบหน้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำมันยังคงติดอยู่ในมโนสำนึกของนาง ยากที่จะลบเลือน
“ไปเจอที่ไหนล่ะ” พูดพลางมือก็บีบนวดไหล่เล็กของภรรยาอย่างเอาใจ หวังจะให้อารมณ์ของคู่ชีวิตผ่อนคลายลง เดี๋ยวจะมีเสียงบ่นตามหลังว่าหน้าย่น หน้ายับตามมาอีก และก็คงเป็นเขานั่นแหละที่ต้องรับฟัง คุณหญิงวิจิตตรารำพึงขอบคุณสามีแล้วค่อยๆผ่อนคลายอารมณ์อันแสนจะตึงเครียดที่ติดมาจากด้านนอก
“เจอที่ร้านเพชรของคุณจันทร์น่ะค่ะ ร้านออกจะใหญ่ไม่รู้ทำไมปล่อยให้เด็กบ้าบออย่างนั้นเข้าไปก็ไม่รู้”
“อาจจะเป็นลูกๆหลานๆของเขามั้ง เอาน่าอย่าไปคิดถึงมัน ผ่านแล้วก็ผ่านไป” พูดถึงร้านเพชรของคุณจันทร์ ภรรยาของเจ้าสัวภาส เจ้าของอาณาจักรห้างสรรพสินค้าและอู่ซ่อมรถ และผู้นำเขาอะไหล่รถยนต์ที่มีสาขาครอบคลุมทั้งในประเทศและนอกประเทศ อีกทั้งยังมีที่ดินไว้ในครอบครองเป็นพันๆไร่ หากพูดถึงครอบครัวพิชัยภักดี ทุกๆคนจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นตระกูลที่รวยติดอันดับต้นๆของประเทศ และถ้าหากเด็กที่คุณหญิงเล่าให้ฟังคงจะเป็นลูกๆหลานๆของพนักงานที่ทำงานอยู่ในร้าน เพราะร้านเพชรระดับสูงอย่างนั้นคงไม่ปล่อยให้ใครเข้าไปง่ายๆ
“จะบ้าเหรอค่ะคุณพี่ จะเป็นลูกหลานของคุณจันทร์ได้อย่างไร แต่งตัวมอซอขนาดนั้น ...แล้วน้องจะเก็บเอามาคิดทำไมเนี่ย บ้าจริงเชียว”
“ดีแล้ว...ขึ้นไปอาบน้ำทำให้ร่างกายมันสดชื่นซะนะ จะได้ลงมาทานข้าวเย็น”
“ค่ะ...คุณพี่รอน้องสักครู่นะคะ” ก่อนไป คุณหญิงวิจิตตราก็ไม่ลืมหอมแก้มสากของสามีซ้ายขวาอย่างเอาใจเรียกเสียงหัวเราะจากผู้เป็นสามีได้ไม่น้อย จะให้เขาไปมีบ้านเล็กบ้านได้อย่างไร ในเมื่อภรรยาทำตัวน่ารักได้อย่างเสมอต้นเสมอปลายไม่เคยเปลี่ยน ถึงแม้อีกฝ่ายจะเจ้ายศเจ้าอย่างและจอมบงการก็ตาม ถือซะว่าเป็นสีสันของชีวิตไปก็แล้วกัน จะให้รักกันราบเรียบไม่มีเรื่องมาขัดใจมากวนใจมันก็คงไม่ได้
.
.
.
.
.
“คืนนี้พวกไอ้เขตมันนัดกันไปดื่มที่ร้านโรงเบียร์ จะไปด้วยไหม” ภัสดาเงยหน้าถามคนรักที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ ด้วยสภาพที่มีเพียงผ้าขนหนูพันรอบเอวสอบอย่างหลวมๆจนคนที่มองอยู่กลัวว่าถ้าศิขรินทร์ก้าวขามันจะหลุดมากองอยู่ที่พื้นแล้วเปิดเผยในสิ่งที่นายช่างใหญ่หวาดหวั่น
“มีใครไปบ้าง?” ศิขรินทร์เอ่ยถามพร้อมส่งสายตาให้คนเอวบางที่เอนกายพิงหัวเตียงอยู่ลุกขึ้นมาจัดเสื้อผ้าให้ตนใส่ ภัสดากรอกตาไปมาแต่ก็ยอมลุกขึ้นมาแต่โดยดี ศิขรินทร์มักจะเป็นอย่างนี้ ชอบให้เขาทำให้อะไรให้ ไม่ว่าจะหาเสื้อผ้าให้ ช่วยแต่งตัว แล้วเหตุผลที่คนตัวสูงอยากให้เขาไปมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆก็คือ ‘ผมอยากให้พีททำให้ ถึงมันจะเล็กๆน้อยๆ แต่ผมก็ชอบ มันเหมือนว่าเราใส่ใจกันตลอดเวลา’ ซึ่งก็จริงของคนหน้าหล่อ เพราะทุกครั้งที่ได้ทำอะไรร่วมกัน เหมือนกับการเพิ่มพูนความรักความใส่ใจยิ่งขึ้นไปอีก
“ก็มี หลักเขต คีตา อริสรา แล้วก็ติยะ” ชื่อของติยะ ทำเอาคิ้วหนาขมวดเข้าหากันทันที ดวงตมคมเข้มหลุบมองคนเอวบางที่กำลังใส่เสื้อให้เขาอยู่ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่า ภัสดาเคยแอบชอบเพื่อนสนิทมาก่อน คิดย้อนกลับไปเรื่องนี้ทีไรมันก็อดที่จะรู้สึกตะขิดตะขวงใจไม่ได้ ความอิจฉามันพรุ่งพร่านอยู่ในลมหายใจเพราะรักแรกของภัสดาไม่ใช่เขา แต่เป็นคนอื่น แต่ปัจจุบันศิขรินทร์มั่นใจได้เลยทันทีว่า คนเอวบางที่กำลังติดกระดุมเสื้อให้เขาอยู่นี้ได้ลืมรักแรกไปตั้งนานแล้ว
“ทำไมต้องทำหน้าไม่พอใจ เพราะใคร เพราะไอ้ติหรือเปล่า”
“เปล่า...ผมไม่ได้เป็นอะไร”
“เลิกคิดมากได้แล้วน่า..มันเป็นอดีตไปแล้ว ส่วนมึงคือปัจจุบัน และอนาคตของกู” ภัสดาส่งยิ้มหวานใส่คนร่างสูงอย่างอ่อนหวาน ทำเอาพ่อค้าขายบ้านอย่างศิขรินทร์อดที่จะคว้าเอวบ้างเข้ามาหาตัวและกดริมฝีปากหอมแก้มนวลทั้งสองข้างอย่างอดไม่ได้ ก็เพราะนายช่างใหญ่น่ารักอย่างนี้ไงล่ะเขาถึงไปไหนได้ไม่รอด นับวันความรักความหลงก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปทุกที
“ขอบคุณครับ”
หลังจากช่วยกันแต่งตัวเสร็จ ทั้งสองคนก็ออกมารับประทานอาหารเช้าง่ายๆ และแน่นอนว่าศิขรินทร์เป็นคนทำแต่เพียงผู้เดียว โดยมีภัสดานั่งให้กำลังใจอยู่ข้างๆ กิจกรรมเล็กๆน้อยๆที่ได้ทำร่วมกันื แต่ให้อะไรหลายๆอย่างกับทั้งสองคน จะมีซักกี่คนที่ประธานบริษัทใหญ่จะยอมทำอาหารให้ทานยกเว้นบิดาและมารดาของตัวเอง และจะมีซักกี่คนที่จะได้เห็นว่านายช่างใหญ่เจ้าของอู่นามว่าภัสดามานั่งท้าวคางมองแผ่นหลังของคนรักแล้วยิ้มออกมาอย่างไม่มีสาเหตุ กลิ่นอายแห่งความสุขลอยฟุ้งไปทั่วบรรยากาศ ไม่ต้องเอ่ยปากปริคำพูดใดๆออกมา แต่ทั้งสองคนก็รับรู้ได้ถึงความรักความห่วงใยที่มี
หนึ่งคนหันหลังทำอาหาร
หนึ่งคนเคียงข้างชิดใกล้
“วันนี้ว่างใช่ไหมครับ?” ร่างบางเงยหน้าขึ้นมามองคนถามแล้วกรอกตาซ้ายขวานิ่งคิดไปชั่วครู่
“ก็มีเซ็นเอกสารอนุมัติซื้ออะไหล่จากอังกฤษ แล้วก็เช็ครถลูกค้า...ทำไมเหรอ?” พูดพลางตักผักสลัดเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย ทำเอาคนทำยิ้มแก้มแทบปริ จะมีผักไม่กี่ชนิดเท่านั้นที่นายช่างใหญ่จะยอมกิน
“ตอนบ่ายๆไปซื้อของกันไหมครับ” ร่างสูงยกแก้วน้ำส้มขึ้นจิบเล็กน้อย เครื่องดื่มตอนเช้าสำหรับทั้งสองคนจะเป็นน้ำผลไม้ที่ทำขึ้นเองและแบบสำเร็จรูป เพราะภัสดากำลังคุมเข้มเรื่องการดื่มกาแฟของเขา ศิขรินทร์ที่เกรงใจว่าที่ภรรยานักหนาจึงจำเป็นต้องจิบน้ำผลไม้แทนน้ำกาแฟสีดำๆเข้มๆแทน
“ว่างเหรอเกินนะพ่อประธาน....แล้วไม่มีงานหรือไง”
“ก็มีนะครับ แต่โทรบอกเลขาแล้วว่า วันนี้อยากอยู่กับแฟน” ไม่พูดเปล่า ศิขรินทร์ส่งสายตาอ่อนเชื่อมแกมเจ้าชู้ไปยังคนร่างบางที่นั่งทำหน้าเบะรับไม่ได้กับคำพูดของอีกฝ่าย ทำเอาร่างสูงอดใจไม่ไหวลุกขึ้นคว้าใบหน้าสวยไปหอมแก้มซ้ายขวาอย่างหมั่นเขี้ยว
“ได้ทีแล้วเอาใหญ่เลยนะ” ภัสดายกมือขึ้นมาขัดๆถูๆแก้มตัวเองไปมาอย่างเขินอาย ทุกกิริยาอยู่ในสายของศิขรินทร์ทั้งหมด เรียวปากโค้งสวยยกยิ้มออกมาอย่างชอบอกชอบใจที่สามารถทำให้คนรักเขินอายได้
“ขอบคุณที่ชม” นอกจากประธานบริษัทใหญ่จะไม่สะทกสะท้านอะไรแล้ว ยังแย้มยิ้มออกมาอย่างเต็มอกเต็มใจเมื่อได้รับคำเหน็บแนมของอีกฝ่าย
“ไร้ซึ่งคำพูดจริงๆ” ร่างบางส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนอกอ่อนใจ ใครมันชอบบอกว่าไอ้ศิมันนิ่ง ไอ้ศิมันขรึม มาดูตอนนี้เถอะ นอกจากจหน้าด้านหน้าทนแล้ว มันยังเจ้าเล่ห์แถมกวนประสาทอีกต่างหาก อยากจะอัดวิดีโอแล้วส่งไปให้สำนักข่ายไทยจริงๆ!!
“วันนี้ผมว่างจริงๆ ผมอยากใช้เวลาไปเรื่อยๆกับคุณทั้งวัน...ไปเดินเล่นซื้อของกันนะครับ”
“อืม....งั้นมึงก็นั่งรอกูที่อู่แปปนึง กูต้องเคลียร์งานให้เสร็จก่อน ตกลงป่ะ”
“ตกลงครับ”
“ว่าง่ายดีนะ” เท้าเปลือยเปล่าของภัสดายกขึ้นทาบหลังเท้าของศิขรินทร์แล้วทำหน้านิ่งไม่รู้ไม่ชี้ ร่างสูงส่ายหน้าไปมาไม่ได้ว่าอะไร เพราะอีกฝ่ายทำเป็นประจำเวลานั่งด้วยกัน สำหรับร่างสูงแล้วนี่คือการแสดงความรักของร่างบาง
“แล้วเรื่องนัดกับพวกไอ้เขต ตกลงว่าไปใช่ไหม”
“ก็ไปซิครับ...ผมไม่มีทางปล่อยให้คุณไปคนเดียวเด็ดขาด”
“หวงไม่เข้าเรื่อง....” ร่างบางส่ายหน้าไปมา มือเรียวยกน้ำส้มขึ้นดื่มทีเดียวหมดแก้ว ทำเอาคนคั้นเองกับมือยิ้มหน้าบานเมื่อเห็นคนรักดื่มหมด ร่างสูงลุกขึ้นรวมจานและแก้วโดยมีร่างบางไปยืนรออยู่อ่างล้างจานแล้วเรียบร้อย
“ก็มีให้หวง ก็ต้องหวงซิครับ” ศิขรินทร์ส่งจานและแก้วให้คนรักแล้วไปยืนรอล้างน้ำสะอาด ภัสดาล้างแก้วก่อนเป็นอันดับแรกหลังจากนั้นก็จัดการจานและชามตามลำดับ ระหว่างการล้างก็มีมือหนาคู่หนึ่งที่เพียรพยายามจะจับมือบางอยู่ตลอดเวลา ถ้านับการล้างจานเป็นจำนวนครั้งได้หนึ่งหมื่นครั้ง ศิขรินทร์ก็พยายามจะจับมือเขาประมาณหนึ่งหมื่นครั้งเช่นกัน หากเป็นเมื่อก่อนก็ดุพร้อมกับชักสีหน้าใส่ แต่เดี๋ยวนี้ภัสดาได้ค้นพบสัจธรรมแล้วว่า ประธานขายบ้านนอกจากจะไม่สะทกสะท้านยังตีมึนยิ้มรับอย่างหน้าตาเฉย เพราะฉะนั้นเขาจึงปล่อยเลยตามเลย
“ก็อยากแนะนำมึงให้เพื่อนๆกูได้รู้จัก มันถึงเวลาแล้วแหละ ความลับมันไม่มีในโลก สักวันพวกมันก็ต้องรู้อยู่ดี” ความตื้นตันใจหลั่งไหลออกมาอย่างไม่รู้หมด ศิขรินทร์อยากรวบตัวคนพูดเข้ามากอดใจแทบขาด ถ้าไม่ติดว่าล้างจานอยู่ป่านนี้คนสวยข้างเขาคงได้มาอย่าในอ้อมกอดเขาไปเสียตั้งนานแล้ว การได้รักและรักตอบมันช่างมีความหมายและยิ่งใหญ่เสียเหลือเกิน
“พีท.......ขอบคุณมาก”
“จะขอบคุณทำไม ของอย่างนี้มันต้องมีสิ่งตอบแทน หึหึ” เสียงหัวเจ้าเล่ห์ของคนรักไม่ได้ทำให้ร่างสูงสนใจแต่อย่างใด ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพยายามกลบเกลื่อนอาการเขินอาย และไม่ว่าเจ้าตัวอยากได้อะไร เขาก็พร้อมที่จะหามาให้ด้วยความรักและความเต็มใจ
“คุณแน่ใจแล้วใช่ไหม”
“พูดมากจริง! บอกว่าแน่ก็แน่ซิวะ....ล้างๆไปเลย แล้วไอ้มือมึงน่ะเลิกพยายามตามจับมือกูได้แล้ว เป็นโรคเหรอสัส ตะครุบอยู่ได้”
“ก็โรคเรอทัก”
“อย่าเล่นนะๆ ขอร้องอย่างเล่น ไม่ผ่านอย่างแรงว่ะศิ เล่นมุขได้เข้ากับหน้ามากอ่ะ”
“ก็เป็นแต่กับคนนี้คนเดียวนี่แหละ”
“ก็ถ้าลองไปเป็นกับคนอื่นดูซิ หึหึๆ รับรองศพไม่สวย”
“โหดจัง...คุณทำผมได้ลงคอเหรอ” เหงื่อไหลออกมาได้ไงว่ะ?!
“ถ้ามึงมักมาก เจ้าชู้ไม่เลือกล่ะก็ กูก็จะเอามีดค่อยๆเฉือนลูกชายของมึงทิ้ง เฉือนช้าๆให้มีดมันกรีดเข้าเนื้อไปทีละนิด ลูกชายมึงก็จะค่อยๆขาดออกมา พอมันขาดปุ๊ปก็เอาไปอบซอสแล้วเอามาราดน้ำจิ้มให้ชู้มึงกิน ถ้าไม่กินก็จับกรอกปาก แล้วพอกูสะใจเสร็จกูก็ยิงพวกมึงทิ้งทีละคน แล้วจะบอกตำรวจว่าพวกมึงมันเลวสมควรตาย!”
ศิขรินทร์นึกภาพออกหมดในแต่ละฉากที่ภัสดาได้เล่าออกมา ร่างสูงเขยิบห่างออกมาจากร่างสมส่วนเล็กน้อยพร้อมทั้งเก็บไม้เก็บมือเรียบร้อย ไม่ตอดเล็กตอดน้อยให้คนสวยอารมณ์เสีย ใบหน้าคมหล่อซีดขึ้นเล็กน้อย ไม่นึกว่าว่าที่ภรรยาจะโคตรโหดขนาดนี้
“จำไว้นะ ว่าคนอย่างภัสดา พูดจริงทำจริง!! อย่าได้คิดนอกใจกู”
“ครับๆ ไม่เคยคิดเลยครับ ซื่อตรงและซื่อสัตย์ต่อพีทคนเดียว” มาดประธานผู้ยิ่งใหญ่หายลับไปกับตา เหลือเพียงผู้ชายตัวโตที่ส่งยิ้มแหย่แบบขอยอมทีให้กับร่างบางที่เผยยิ้มโหดอยู่ข้างๆ แต่ภายในใจของศิขรินทร์ก็ยังออกมายืนยันว่า....
ไม่ได้กลัวว่าที่เมียนะครับ.....ก็แคเกรงใจ และให้ความเคารพเท่านั้นเอง!!
.
.
.
.
.
.
มีต่อรีล่าง....