บทที่ 30
.
.
.
.
ใส่ใจ
.
.
.
หลังจากกลับมาจากซื้อของเสร็จศิขรินทร์และภัสดาก็แยกย้ายทำหน้าที่ของตนเอง เจ้าของธุรกิจบ้านและคอนโดมูลค่าพันๆล้านก็แยกวัตถุดิบบางเช่นผักและเนื้อสดรวมไปถึงเครื่องเทศที่ซื้อมานำไปปรุงอาหาร ส่วนนายช่างใหญ่ก็นำของผลไม้และของใช้ในบ้านเก็บใส่ตู้อย่างเรียบร้อย ส่วนขนมคบเขี้ยวและคุกกี้มีตัวที่แยกเก็บไว้ต่างหากอยู่แล้ว และแน่นอนว่าตู้ขนมจะต้องเก็บขนม แต่ตู้ขนมของภัสดานั้นไม่ใช่ตู้เล็กๆธรรมดาอย่างที่มีตามห้าง ตู้ขนมของคนเอวบางนั้นทั้งสูงทั้งใหญ่เรียกกว่าเก็บได้เต็มที่ ข้างในก็จะแยกชั้นบบรรดาขนมต่างๆไว้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่า เป็นตู้ขายขนมก็ว่าได้
“ทำอะไรกินเหรอ” หลังาจากใช้ความสามารถส่วนตัวยัดขนมนานาชนิดเก็บไว้ในตู้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ภัสดาก็เดินป้วนเปี้ยนไปมาอยู่ข้างๆร่างสูงของศิขรินทร์ที่มองดูร่างบางอย่างรักใคร่แกมเอ็นดู รองให้เดินไปเดินมาอย่างนี้มีอยู่อย่างเดียว คงหาของว่างกิน และถ้าไม่ได้ดั่งใจที่เจ้าตัวหมายแล้ว คนเอวบางก็กลายร่างเป็นคุณนายขี้วีนทันที
“ทำสลัดผักครับ...รองท้องไว้แล้วตอนเย็นก็ไปดินเนอร์กับเพื่อนๆคุณ” ร่างสูงพูดพลางหั่นแครอทและผักชนิดต่างๆ
“พวกมันนัดตอนทุ่มกว่าๆ แต่ตอนนี้สี่โมงเย็น หิวตายพอดีทำอย่างอื่นให้กินด้วยดิ” ไม่พูดเปล่า เรือนร่างสูงโปร่งขยับเข้ามาใกล้แล้วเอนศีรษะซบกับหัวไหล่แข็งของร่างสูง ศิขรินทร์แอบถอดลมหายใจเล็กน้อย มองก้มมองศีรษะทุยสวยของคนรักอย่างเอ็นดู กลุ่มผมสีดำแกมน้ำตาลเงางามส่ายไปส่ายมาอย่างอ้อนของภัสดายามหิวยังน่ารักแบบคงเส้นคงวาจริงๆ ประธานใหญ่อดใจไม่ไหวก้มหน้าลงสูดกลิ่นแชมพูที่ใช้ร่วมกันข้าปอดเต็มรักและปิดท้ายด้วยการจุมพิตหน้าผากเนียนไปเต็มๆหนึ่งที
“แล้วจะทานอะไรครับ” ศิขรินทร์นำผักสลัดชนิดต่างๆที่ภัสดาสามารถทานได้ลงอ่างแก้วแล้วหันมาทำน้ำสลัดสูตรตัวเองอย่างคล่องแคล่วเพียงไม่นานก็ได้น้ำสลัดราดผักที่เตรียมไว้ ไม่ลืมที่จะฉีกเนื้อไก่ทอดใส่ลงไปด้วยเพื่อให้รสชาติของไก่ทอดตัดความเลี่ยนของน้ำสลัดและผักชนิดต่างๆ
“ผัดมาม่าใส้กุ้งเยอะๆ” ร่างบางเงยหน้าบอกอีกทั้งยังแสร้งทำตาโตๆเพื่อให้อีกฝ่ายหน้ามืดตามัวขึ้นไปอีก ยั่วศิขรินทร์ คืองานอดิเรกของภัสดา!
“โอเคๆครับ.....เชิญคุณพีทไปนั่งที่เก้าอี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวพ่อครัวจะอดไม่ไหว ปล้ำลูกค้าก่อนได้ทำอาหาร” ร่างบางหัวเราะคิกคักที่สามารถยั่วอารมณ์ด้านมืดของอีกฝ่ายได้ ก่อนจะผละออกมาภัสดาก็ฉวยโอกาสคว้าหัวไหล่แข็งลงมาแล้วหอมไปที่ซอกคอของอีกฝ่ายไปเต็มรัก
“อ๊า!!.....มีแรงงงงงงง ฮ่าๆ” เมื่อเสร็จสมดั่งใจหมายคนหน้าสวยก็เดินกลับมานั่งที่เก้าอี้ปลอกส้มกินสบายใจเฉิบ
“เดี๋ยวจะโดนนะพีท...ยั่วไปเถอะ ยั่วไปเยอะๆ ผมชอบ...ผมเอาจริงเมื่อไรห้ามร้องนะ” ร่างสูงหันมาคว้าใบหน้าสวยหวานของคนรักให้หงายขึ้นแล้วกดริมฝีปากขยี้เรียวปากาบางอย่างรักใคร่และหลงใหล อยู่มาจนป่านนี้แต่ไม่เคยมีใครจะใช้เสน่ห์มัดใจเขาได้เท่าภัสดาซักคน
“มันคงอีกนานน่ะกว่าจะถึงวันนี้” ภัสดายกมือเช็ดริมฝีปากตัวเองอย่างเขินอายแต่ก็ไม่วายทำหน้าโหดเพื่อกลบเกลื่อนอาการดั่งกล่าว ดวงตากลมโตเหลือบมองแผ่นหลังแข็งแรงของคนรักอย่างฆาตโทษ ทำอะไรอีกฝ่ายได้ไม่มากนักเพราะไอ้ประธานหื่นกามมันตอกกลับมาได้เจ็บแสบมาก อยู่อย่างเมื่อกี้นี้ซิแกล้งยั่วมันไปนิดเดียว แต่มันดันตอบแทนกลับมาด้วยการจูบขยี้ริมฝีปาก มีแต่เสียกับเสีย ผลที่ออกมาจะอะไรล่ะก็รีมฝีปากของเขานี่ไงที่ต้องบวมเจ่อเพราะไอ้เรียวปากร้ายกาจของไอ้เผือกเน่า!
“มันไม่ช้าไม่นานหรอกครับ....ผมรู้นะว่าคุณพร้อมแล้ว”
“พร้อมบ้าอะไรว่ะ!! เรื่องอย่างนี้ใครมันจะพร้อม” ภัสดาโวยวายออกไปอย่างเหลืออด พูดเรื่องนี้ขึ้นมาทีไรจะต้องเป็นเขาที่ต้องสติแตกก่อนทุกที
“ก็ใครล่ะ ก็คุณไง ....ผมให้เวลาคุณมามากแล้วนะพีท ถึงเวลาของผมบ้าง” ศิขรินทร์พูดถูก เพราะเขาถ่วงเวลามามากพอแล้ว และอีกไม่นานคาดว่าจะต้องตกเป็นเมียมันแน่ๆ ซึ่งสิ่งนั้นไม่ใช่เรื่องที่จะทำใจกันง่ายๆ เสียงเล่าลือดังมาตามๆกันว่า ฝ่ายรับนั้นจะเจ็บมาก ซึ่งมันก็สร้างความหวาดกลัวให้กับภัสดาเลยไม่น้อย ถึงแม้ไอ้เผือกมันจะเกลี่ยกล่อมอยู่ตลอดเวลาว่าจะไม่ทำเจ็บ มีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะเชื่อว่ามันไม่เจ็บ
“โอ๊ยย!! ไม่รู้โว้ยยย! ถึงเวลามันก็มาเอง เลือกพูดไปเลยไอ้เผือก ทำไปมาม่าน่ะผัดไปเลย ชิส์!” ในเมื่อมองเห็นหนทางแห่งชัยชนะไม่เจอ ภัสดาจึงรีบโวยวายเปลี่ยนเรื่องทันที ขืนพูดเรื่องนี้ต่อไปเรื่อยๆแทนที่เขาจะได้กินมาม่า แต่จะเป็นไอ้ประธานหื่นมันวกกลับมากินเขาแทน ความหื่นมันไม่เข้าใครออกไป รู้ไว้ซะคนอ่าน!
“ก็แค่บอกให้รู้ไว้” ศิขรินทร์เอ่ยแล้วลงมือลวกเส้นมาม่าแห้งในหม้อน้ำเดือดต่อ ตลอดระยะเวลาของการทำอาหารจะมีเรือนร่างโปร่งบางหอมกรุ่นเดินป้วนเปี้ยนป้อนส้มป้อนองุ่นอยู่ใกล้ๆไม่ห่างไปไหน จะหาเศษหาเลยกับแฟนตัวเองก็ไม่ค่อยถนัด อยากจะจูบขอบคุณคนใจดีที่คอยปลอกส้มป้อนอยู่ใจจะขาดแต่ก็ทำอะได้ไม่มากนอกจากหอมแก้มเนียนไปข้างละฟอดสองฟอด
“ใส่กุ้งเยอะๆใช่ไหมครับ ....งั้นปรุงเป็นผัดขี้เมาทะเลไปเลยแล้วกัน จะได้ใส่ปลาหมึกกับหอยและลูกชิ้นปลาไปด้วย”
“อือๆ เอางั้นก็ได้ แต่อยาเผ็ดนะ เดี๋ยวแสบท้อง”
“ก็ผมบอกคุณแล้วว่าอย่าทานเผ็ดเยอะ เป็นไงล่ะเดี๋ยวก็เป็นแผลในกระเพราะอาหาร”
“เถอะน่า...จะบ่นทำไม เป็นหมอเหรอถึงรู้ดี”
“ไม่ได้เป็นหมอครับ เป็นคนขายบ้าน เป็นเผือกด้วย อะไรอีกนะ...อ้อเป็นกระป๋อง แล้วก็เป็นคนรับใช้ อยู่กับคุณตำแหน่งผมเยอะจริงๆ” ร่างสูงขุดเอาฉายาต่างๆที่ร่างบางที่เป็นคนตั้งให้ขึ้นพูดอย่างเอือมๆแต่ก็ไม่ติดใจเอาความอะไร รู้ดีว่าอีกฝ่ายตั้งให้เพราะความรัก(?)
“อยู่กับพี่ต้องทำใจนะน้อง”
“ครับพี่......พี่ครับผมทำเสร็จแล้ว หยิบจานให้หน่อยครับ”
“รอแปปนะน้อง ฮ่าๆ” ภัสดาหัวเราะเสียงใสที่อีกฝ่ายยอมเล่นด้วย มือบางเปิดตู้เก็บจานแล้วหยิบจานกระเบื้องใบหญ่ออกมาให้ร่างสูงที่ยืนอยู่หน้าเตา
ศิขรินทร์ค่อยๆตักเมนูสุดฮิตของคนรักออกมาใส่จานอย่างช้าๆจนหมดและไม่ลืมที่จะตกแต่งด้วยผักชนิดต่างๆเล็กน้อยแล้วยื่นให้คนตัวหอมที่ยืนมองอย่างลุ้นๆอยู่ข้างๆ ภัสดายื่นมือรับแล้วค่อยๆประคองนำไปวางที่โต๊ะอย่างตื่นเต้น ส่วนศิขรินทร์ก็แยกไปหยิบแก้วสองใบแล้วนำไปวางที่โต๊ะ
“นั่งเลยๆ เดี๋ยวไปเอาน้ำผลไม้กับน้ำแข็งเอง ....จะเอาน้ำอะไร” ร่างลุกขึ้นยืนแล้วถามคนรักที่นั่งส่งยิ้มมาให้ แล้วจะยิ้มให้ทำไมเดินไปแค่นี้ไม่ต้องการกำลังใจเว้ย ภัสดายกมือทั้งสองข้างขึ้นมาทำท่าขย่ำๆในอากาศม้วนทำมือเป็นก้อนกลมๆแล้วโยนรอยยิ้มที่จับต้องไม่ได้ออกไปทางประตูครัว ทำเอาศิขรินทร์ถึงกับหลุดเสียงหัวเราะออกมาทันที
“เอาน้ำองุ่นครับ ไม่ต้องใส่ความรักลงไปนะครับ แค่นี้ก็หวานแล้ว”
งานอดิเรกศิขรินทร์ – จีบแฟนตัวเอง
งานอดิเรกภัสดา – เอาความอายไปทิ้งทะเล!
“เดี้ยวมึงจะได้กินน้ำตาแทนน้ำองุ่น ชิส์!” แกล้งขู่ตามสไตล์ของตัวเองเสร็จก็เดินไปเปิดตู้เย็นหยิบขวดน้ำองุ่นและถาดน้ำแข็งออกไปวางที่โต๊ะ จัดแจงทุกอย่างเสร็จเสิร์ฟน้ำองุ่นให้คนหน้าหล่อเรียบร้อยร่างบางก็นั่งคงข้างๆร่างสูงทันที
“พีท....เดี๋ยวแกะกุ้งให้” หน้าที่ตายตัวที่ศิขรินทร์เต็มใจทำโดยที่อีกฝ่ายไม่ต้องร้องขอ ไม่ว่าจะทานอาหารทะเลกันกี่ครั้ง ศิขรินทร์จะเป็นคนแกะกุ้งแกะหอยให้ให้คนรักเป็นประจำ และภัสดาก็กินอย่างเพลิดเพลินเป็นประจำเหมือนกัน โลกนี้ช่างยุติธรรม(?)
“ขอบคุณครับ” ภัสดาเอ่ยปากขอบคุณแล้วม้วนเส้นมาม่าพอดีคำแล้วป้อนอีกฝ่ายไป ตอบแทนเล็กๆน้อยๆเพื่อกุ้งที่แสนอร่อย
ทั้งสองคนนั่งทานไปคุยกันไปอย่างกระหนุงกระหนิง บรรยากาศรอบกายอบอวลไปด้วยความสุขที่ทั้งสองต่างหยิบยื่นให้กันและกัน ศิขรินทร์แกะกุ้งเสร็จก็ป้อนภัสดาที่ตั้งหน้ารออยู่แล้ว และเพื่อไม่ให้เป็นการน้อยหน้าภัสดาคอยใช้ทิชชู่ซับมุมปากของศิขรินทร์ให้อย่างน่ารัก จนทำให้ร่างสูงอดไม่ไหวต้องคอยหอมแก้มนวลให้เพื่อเป็นการตอบแทน ซึ่งกิริยาเขินอายของภัสดาก็อยู่ภายในสายตาของศิขรินทร์อยู่ตลอดเวลา หัวใจของคนทั้งสองผูกติดใกล้ชิดกันอย่างแนบแน่น และคงไม่มีอะไรที่จะสามารถแยกคนทั้งสองออกจากกันได้
เมื่อทานเสร็จศิขรินทร์ก็ลุกขึ้นเก็บจานโดยมีภัสดาที่ไปยืนคอยอยู่ที่อ่างล้างจานแล้วเรียบร้อย ซึ่งมีผู้ช่วยหน้าหล่อที่คอยหาโอกาสตอดเล็กตอดน้อยแฟนตัวเองด้วยการเนียนแกล้งจับมือเรียวบางที่แช่อยู่ในอ่างล้างจาน ภัสดาเงยหน้ามองคนเจ้าเล่ห์ที่แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ว่าตอนนี้มือแกร่งของตัวเองกำลังกุมมือบางอยู่
“ก็ถ้ามึงจับไว้อย่างนี้แล้วจะล้างเสร็จตอนไหน” ภัสดาเอ่ยถามคนรักอย่างอ่อนใจ เพราะไม่ว่าจะพยายามแกอย่างไรมันก็แกะไม่ออก จานช้อนและแก้วเพียงไม่กี่อย่างแต่กินเวลาล้างเป็นสิบๆนาที จะไม่ให้อ่อนอกอ่อนใจได้อย่างไรกัน
“อ้าว! ผมจับมือพี่ตั้งแต่เมื่อไรครับ ขอโทษทีเป็นนุ่มๆก็นึกว่าฟองน้ำ” ร่างบางอยากจะยกมือข่วนใบหน้าหล่อเหลาของศิขรินทร์นักหนาเพื่อให้สมกับอาการก่อกวนของอีกฝ่าย คนอะไรมันไหลลื่นดุจปลาไหลจริงๆ
“ถ้าน้องยังไม่อยากให้หน้าหล่อๆเป็นรอยก็เอามือออกจากมือพี่เดี๋ยวนี้เลยครับ”
“จับแค่นี้ก็ดุ...ปล่อยก็ได้ อย่ามาง้อให้ไปจับนะ” ปากบอกว่าปล่อยแต่มือหนายังคงกุมมือบางเอาไว้อย่างเดิม ทำเอาร่างบางต้องยกมือข้างที่ว่างไปตีไหล่หนาของคนเจ้าเล่ห์และยังเป็นจอมฉวยโอกาสอีกต่างหาก อย่างนี้มันต้องใช้กำลัง
“โอ๊ย!! เจ็บนะพีท” ศิขรินทร์ยอมปล่อยมือบางอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก พร้อมกับแสร้งทำหน้าตาเจ็บปวดพร้อมกับส่งเสียงร้องออกมาประหนึ่งว่าโดนไม้ทุบไหล่
“จะเอาอีกไหม อยากโดนมากว่านี้ไหมล่ะ...เลิกเล่นได้แล้วเดี๋ยวมือก็เปื่อยพอดี” ศิขรินทร์ส่งยิ้มประจบประแจงให้อีกฝ่ายแล้วจัดการนำจานช้อนและแก้วน้ำล้างน้ำสะอาดเสร็จแล้วจึงนำไปคว่ำไว้ที่คว่ำจานด้านข้าง
หลังจากล้างจานและเก็บของเสร็จ ศิขรินทร์ก็จูงมือคนเอวบางมานั่งเอนหลังดูหนังเพื่อผ่อนคลาย ทันทีร่างบางหย่อนกายลงบนโซฟาศรีษะของศิขรินทร์ก็ตามติดลงมาซบอยู่ที่ตักทันที ภัสดาไม่ได้เอ่ยปากว่ากล่าวแต่อย่างใด หนำซำยังคงใช้นิ้วเรียวยาวของตัวเองลูบไล้เส้นผมที่ตัดสั้นได้ทรงของศิขรินทร์ไปมาอย่างเคยชิน เป็นประจำที่ทั้งสองคนจะอยู่ท่านี้ยามเมื่อได้มานั่งดูหนังหรือละครทีวีด้วยกัน
หนึ่งคนหลับตาผ่อนคลาย
หนึ่งคนลูบไล้ขับกล่อม
จนเมื่อใกล้ถึงเวลานัดทั้งสองคนจึงก็เข้าไปอาบน้ำแต่งตัวในห้องนอน ศิขรินทร์ทำท่าจะเข้ามาช่วยภัสดาถอดเสื้อผ้าแต่ก็โดนกรงเล็บมือนางข่วนแผ่นอกแข็งแรงไปทีสองทีเพื่อห้ามปราม ร่างบางจึงถือชุดและผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว ขืนไปถอดในห้องนอนรับรองได้โดนเผือกหื่นมันจับกดแน่ๆ ซึ่งมันคงไม่ใช่เรื่องทีดีเท่าไรนัก
“พีท...เดี๋ยวผมช่วยอาบ เปิดประตูหน่อยที่รัก” ศิขรินทร์แกล้งตะโกนทำเสียงหื่นร้องเรียกชื่อแฟนตนเองและบอกความต้องการของตัวอยู่หน้าห้องน้ำอย่างไม่ลดละ
“หุบปากไปเลยไอ้เผือก..!! กูออกไปได้เมื่อไรมึงโดนแน่” เสียงแววหวานตะโกนขู่มาจากข้างในห้องน้ำแต่ศิขรินทร์ก็หาได้กลัวไม่ ยังคงตั้งหน้าตั้งหน้าเรียกชื่อเล่นของภัสดาซ้ำไปมาซ้ำ จนในที่สุดคนในห้องน้ำก็เปิดประตูออกมาอย่างหมดความอดทน
ดวงตาคมกล้ามองเรือนร่างสูงโปร่งของคนรักด้วยแววตารักใคร่เสน่ห์หา เอวคอดกิ่วได้เอวรับกับสะโพกบางที่มีเพียงผ้าขนหนูพันอยู่รอบๆอย่างมิเหม่แผ่นอกบางมีหยดน้ำเกาะแพรวพราวหยอกล้อกับเสียงไฟในห้องมองไปมองมาจนอดไม่ไหวยกมือคว้าเอวคอดกิ่วของคนตรงหน้ามาสวมกอดอย่างเต็มรัก
“ออกมาอย่างนี้อยากยั่วใช่ไหมครับ...สำเร็จแล้วครับ คุณทำสำเร็จแล้วพีท” ร่างสูงพูดชิดติดใบหูเล็กของภัสดาอย่างระงับอารมณ์ดิบเถื่อนที่กำลังพรุ่งพร่านอยู่ในกายของตนเอง มือหนาลูบไล้แผ่นหลังเนียนไปมาอย่างหลงใหล ผิวเนื้อเย็นชืดเพราะอาบน้ำมาใหม่ๆสร้างความรัญจวนใจให้แก่ร่างสูงไม่น้อย จนภัสดาต้องยกมือขึ้นดันแผ่นอกแข็งของร่างสูงออกห่างจากตัวเอง เพราะดูเหมือนว่าคนที่กอดตนอยู่ตอนนี้เริ่มอารมณ์ไม่คงที่เสียแล้ว
“ไม่ได้ยั่วนะโว้ย แต่ลืมไปว่าไม่ได้เอากางเกงในเข้าไป” พูดพลางดิ้นออกมาจากอ้อมกอดมหาภัยของศิขรินทร์ แต่ดูเหมือนว่าพละกำลังมันต่างชั้นกันนอกจากคนตัวสูงจะไม่สะเทือนและปล่อยอ้อมแขนแล้ว ยังเพิ่มน้ำหนักความแรงกอดรัดเข้าไปอีก ส่งผลให้ใบหน้าสวยของภัสดาจมลงไปแผ่นอกของศิขรินทร์ยิ่งกว่าเดิม
“หอมจัง” ดูเหมือนว่าสติของศิขรินทร์จะหลุดลอยออกไปไกลเสียแล้ว ริมฝีปากหยักไล้จูบมาตั้แต่ใบหูเล็กไล่เรื่อยผ่านแก้มนวลผะแผ่วลงมาถึงริมฝีปากอวบอิ่มที่เผยอรออยู่แล้ว ศิขิรนทร์ค่อยๆจูบซับตั้งแต่มุมปากไล่เรื่อยมายังริมฝีปากบนและค่อยๆสอดลิ้นร้ายกาจเข้าไปหาลิ้นเล็กของภัสดา ดั่งผีเสื้อหนุ่มที่เจอความหอมหวานของบ่อน้ำผึ้งที่ไม่ว่าจะดูดซับเท่าไรก็ไม่มีวันหมด ลิ้นร้อนชื้นไล่สำรวจโพรงปากของคนเอวบางอย่างหลงไหลกวาดต้อนลิ้นเล็กไปมาจนที่สุดที่คนในอ้อมกอดก็ยอมแพ้ยอมให้เรียวลิ้นของศิขรินทร์เกี่ยวพันดูดดึงอย่างตามใจชอบ จนในที่สุดร่างบางก็สำลักลมหายใจและทุบแผ่นอกแข็งไปมา ริมฝีปากหยักยอมผละออกมาแต่ไม่ได้ละห่างไปไหนยังคงคลอเคลียไล่จูบผิวเนื้อนุ่มหยุ่นบนริมฝีปากอวบอิ่มของภัสดาอย่างหลงใหล
“ไอ้หื่น” ภัสดาเอยกายในอ้อมกอดของศิขรินทร์อย่างหมดแรง ใบหน้าสวยหวานซุกซบแผ่นอกแข็งของศิขรินทร์เพื่อสูดอากาศเข้าปอดอย่างช้าๆ เพราะจูบดูดซับและลึกซึ้งของร่างสูงทำเอาร่างบางหมดเรี่ยวหมดแรงไปชั่วขณะ
“แล้วรักไหมล่ะครับ” ศิขรินทร์ค่อยๆผละออกมาจากเรือนร่างหอมกรุ่นอย่างยากลำบาก
“ไปคิดเอาเอง ปล่อยเลยมือน่ะจะลูบต่ำไปแล้วนะ” มือบางไล่ตีมือซุกซนของศิขรินทร์ที่ไปละเลาะอยู่แถวๆปมผ้าขนหนู ไอ้คนหื่น!
“โอเคครับผมคิดออกแล้ว ถ้าผมออกมาแล้วคุณยังไม่แต่งตัวระวังโดนจับกินนะครับ” ร่างสูงคว้าร่างบางเข้ามาหอมแก้มเต็มรักแล้วเดินผิวปากเข้าห้องน้ำไปอย่างเป็นต่อ ภัสดามองตามแผ่นหลังแกร่งของศิขรินทร์อย่างอ่อนใจ ในความหื่นกามของอีกฝ่าย
ภัสดาเลือกเสื้อเชิ้ตสีฟ้าและกางเกงยีสต์ตัวเก่งมาสวมมองดูตัวเองในกระจกสองรอบก็เปิดตู้ค้นหาเสื้อแจ็กเก็ทหนังสีน้ำตาลมาสวมทับเสื้อเชิ้ตแล้วก็ส่งยิ้มให้กับเงาที่อยู่ในกระจกอย่างมั่นใจ พรมน้ำหอมทาครีมทาแป้งก็เสร็จสรรพ ร่างบางจึงเดินออกมานั่งรอร่างสูงที่ห้องนั่งเล่นพร้อมทั้งเปิดโทรทัศน์นั่งดูข่าวไปเรื่อย ระหว่างนั่งรอก็มีโทรศัพท์จากหลักเขตและอริศราโทรมาย้ำเตือนไปคนยี่สิบนาที คุยกับเพื่อนตัวเองเสร็จร่างบางก็มานั่งนึกถึงการพาศิขรินทร์ไปเปิดตัวครั้งนี้ นี่จะเป็นครั้งแรกที่เพื่อนๆในกลุ่มได้เห็นศิขรินทร์ ไม่รู้ว่าเพื่อนสนิทของตนนอกเหนือจากหลักเขตนั้นจะรับได้ไหม
บางสิ่งบางอย่างที่ชื้นและเย็นกดลงมาบนผิวแก้มของภัสดาอย่างแรง ร่างบางรู้ได้ทันทีว่าอะไรที่มันชอบฉวยโอกาสกับแก้มของเขาใบหน้าสวยหวานจึงแหงนมองไปยังทิศทางนั้นด้วยแววตาฆาตโทษ
“จะแต่งไปเดินแบบหรือไงเผือก....เอาซะเวอร์เลย”
เรือนร่างสูงโปร่งแข็งแรงของศิขรินทร์อยู่ในชุดเสื้อยืดคอวีลายตรงสลับดำขาวสวมทับด้วยสูทหนังสีน้ำตาลเข้มบวกกับกางเกงยีสต์ราคาแพงยิ่งส่งเสริมให้ร่างที่ยืนอยู่เหนือศีรษะของภัสดานั้นดูหล่อเหลายิ่งขึ้นไปอีก ศิขรินทร์มองดูใบหน้าหงิกงอของคนรักที่มองมายังตนแล้วก็เลิกคิ้วสงสัยว่าไปขัดใจคนสวยตอนไหน
“ทำไมครับ....ดูไม่ดีเหรอ” มันดูดีเสียจนภัสดาหมั่นไส้ ก็ไอ้ศิมันหล่อน้อยที่ไหน ยิ่งมาแต่งสบายๆยิ่งหล่อแถมดูดียิ่งขึ้นไปอีก เห็นแล้วมันอดหมั่นไส้ไม่ได้
“ก็งั้นๆแหละ ขี้เหร่ซะไม่มี” พูดแล้วร่างบางก็สะบัดหน้าหนีตาจ้องมองดูจอภาพที่ฉายอยู่เบื้องหน้าแสร้งทำไม่สนใจร่างสูงทั้งที่ในใจนั้นกำลังเดือดปุดๆไปด้วยความหวงแหนในตัวของคนรัก
ศิขรินทร์เดินอ้อมโซฟามานั่งเบียดคนตัวหอม ดวงตาคมเข้มมองชุดอีกฝ่ายอย่างพิจารณาเช่นกัน ยิ่งไปเที่ยวกลางคืนอย่างนี้คนจะต้องมองว่าที่เมียของเขามากแน่ๆ คิดแล้วในใจมันก็หึงก็หวงขึ้นมา ถึงแม้พวกมันเหล่านั้นจะได้แค่มองแต่เขาก็อดหวงไม่ได้ ไม่ชอบให้ใครมองคนเอวบางแล้วเก็บเอาไปพิจารณา
“ผมหวงคุณรู้หรือเปล่า” ศิขรินทร์ดึงมือบางขึ้นมากอบกุมพร้อมทั้งกดริมฝีปากจุมพิตไปอย่างเนิ่นนานจนร่างบางต้องร้องปราม
“กูก็หวงมึงเหมือนกัน อย่าให้เห็นไปแรดๆกันชะนีนะมึงไม่งั้นมึงโดนกูกระทืบแน่” ร่างบางพูดพูดเสียงราบเรียบแต่ก็ทำให้ร่างสูงที่นั่งอิงแอบอยู่ข้างๆขนลุกและหวาดกลัวได้ไม่น้อย ก็บอกแล้วว่าภัสดานั้นนอกจากขี้อ้อน ออเซาะ เจ้าตัวยังโหดขั้นเทพอีกต่างหาก
“ฮ่าๆ ไม่ต้องขู่หรอกครับไม่มองคนอื่นแน่นอนพีทไว้ใจได้” ศิขรินทร์หัวเราะกลบเกลื่อนทั้งที่ในใจยังคงหวาดๆอยู่เหมือนกัน ทั้งสองคนนั่งคุยนั่งเล่นกันอยู่สักพักเพื่อรออให้ถึงเวลานัด ร้านโรงเบียร์อยู่ไม่ไกลจากคอนโดของทั้งคู่นัก แต่ก็ต้องเผื่อเวลารถติดไว้บ้างเหมือน ดินเนอร์ครั้งนี้ถือว่าค่อนพิเศษอยู่เหมือนกันเพราะเพื่อนๆมากันครบ และครั้งนี้ภัสดาจะเปิดตัวศิขรินทร์ให้เพื่อนพ้องของตัวเองให้รู้ว่าคนหล่อๆที่หนีบมาด้วยนี้เป็นคนรักของตน
.
.
.
.
.
.
๐ เอาให้สำลักความหวานตายกันไปข้างเลย 55555555+
๐ขอบคุณทุกคอมเมนท์
๐ แก้คำผิดเดี๋ยวทยอยหาดูให้ ( โคตรเบลอ)
รักและขอบคุณ
By Chocolate Love ~