บทที่ 34
เสือสามตัว
“เธอเป็นใคร!” คุณหญิงวิจิตตราร้องถามเสียงแหลมเมื่อแลเห็นหญิงชาวต่างชาติแต่งกายเปรี้ยวจี๊ดเข้ามาอยู่ในกรอบสายตา!
“สวัสดีค่ะคุณแม่ หนูชื่อสเตฟานนี่ค่ะ” หญิงสาวถอดแว่นกันแดดอันใหญ่ออกจากใบหน้าอย่างช้าๆ รอยยิ้มพิมพ์ใจส่งไปให้ผู้สูงวัยที่นั่งอยู่บนโซฟาเบื้องหน้า มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นมารดาของศิขรินทร์ นี่ซินะ ‘ว่าที่แม่ผัว’ ร่างโปรงบางเยื้องกายเข้าไปหาผู้สูงวัยอย่างช้าๆ สายตากวาดมองไปรอบๆบริเวณแล้วอดตื่นเต้นกับข้าวของเฟอร์นิเจอร์ของบ้านหลังนี้ไม่ได้ จิตใจรุ่มร้อนอยากจะเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้เต็มแก่
“ฉันมีลูกคนเดียว! Stop now! ไม่ต้องเดินเข้ามา....เธอมาที่นี่ทำไม” ผู้สูงวัยค่อยๆลุกขึ้นยืนอย่างช้า สายตาที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างนับไม่ถ้วนมองหญิงสาวรูปร่างปราดเปรียวตรงหน้าอย่างพิจารณา นอกจากผู้หญิงคนนี้จะแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดไม่ถูกกาลเทศะแล้ว ยังมีกิริยามารยาทที่ไม่งามอีกต่างหาก อีกทั้งยังเป็นฝรั่งมังค่าที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้า เพียงได้แค่เห็นหน้าเพียงไม่กี่นาที ความไม่ชอบใจก็แพร่ซ่านขึ้นมาให้ภายในจิตใจของนาง หวังว่าสิ่งที่นางกลัวมาโดยตลอดคงจะไม่เป็นจริงนะ......
“ก็บ้านหลังนี้เป็นของแฟนหนู....หนูก็มาหาแฟนซิคะคุณแม่” เหมือนฟ้าถล่มลงมากลางใจ สิ่งที่นางหวาดกลัวมาตลอดกำลังเกิดขึ้นจริงอย่างนั้นเหรอ!
“เธอเอาอะไรมาพูดจ้ะ เป็นสาวเป็นแส้ไม่รู้จักคำว่ายางอายเลยหรืออย่างไร มาเข้าบ้านผู้ชายสุ่มสี่สุ่มห้าอย่างนี้ พ่อแม่ที่บ้านไม่บอกเหรอว่ามันไม่งาม” คุณหญิงวิจิตตราสูมลมหายใจเข้าปอดอย่างลึกๆเพื่อตั้งสติ นางจะหลุดมาดคุณหญิงแล้วลุกอาละวาดไม่ได้ แม่ผู้หญิงคนนี้ดูก็รู้ว่าร้ายลึกแค่ไหน คงจะต้องใช้ความเป็นผู้ดีจัดการเสียแล้ว
สเตฟานนี่ยิ้มกระตุก นึกเจ็บใจกับคำด่าทอเสียดสีของผู้สูงวัยที่เดินไปมารอบๆตัวของเธอ ดวงตาสีเทากระพริบไปมาเพื่อขับไล่ความหมองใจออกไป ริมฝีปากอวบอิ่มที่เคลือบด้วยลิปสติกสีชมพูมันวาวเม้มเข้าหากันอย่างสกัดกั้นอารมณ์ เธอจะต้องทนให้ได้ คำพูดคำดูถูกเพียงไม่กี่คำไม่สามารถมาทำให้ความตั้งใจของเธอนั้นล้มลงไปได้ ก็ลองดูว่าใครจะแน่กว่ากัน!
“คุณพ่อกับคุณแม่ไม่ว่าค่ะ ท่านเข้าใจว่าสเตฟานนี่มาบ้านแฟน” คำว่า ‘แฟน’ กระแทกโสตประสาทของคุณหญิงวิจิตตราไปมา จนอยากจะวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ ตักน้ำใส่ขันแล้วนำมาสาดไล่อีกฝ่ายเสียเหลือเกิน ผู้สูงวัยกำมือฝ่าแน่น นึกเจ็บใจบุตรชายตัวเองที่ไปรู้จักกับผู้หญิงพรรค์นี้ได้อย่างไร ทั้งที่นางอุตส่าห์ย้ำแล้วย้ำอีก ว่าไม่ชอบสะใภ้หัวทอง
“นี่เธอ ลูกชายฉันยังไม่มีแฟน จะมีโกหกพกลมที่ไหนก็ไป อย่ามาใช้นิสัยโกหกปลิ้นปล้อนที่นี่!”
“สเตฟานนี่ไม่ได้โกหก สเตฟานนี่พูดจริงๆนะคะ เราสองคนคบกันตั้งแต่ตอนที่ศิไปเรียนโทที่อังกฤษแล้วค่ะ” หญิงสาวแสร้งบีบน้ำตาอีกทั้งพูดเสียงเครือพรางมองมาที่ผู้สูงวัยอย่างขอความเห็นใจ ถ้าหากเป็นผู่เฒ่า ผู้แก่คนอื่นๆ ก็คงจะรีบเห็นใจ และสงสารหญิงสาวโดยเร็ว แต่ไม่ใช่กับ คุณญิงวิจิตตรา อินทราทิพย์ที่หวงลูกชาย ประหนึ่งจงอางหวงไข่คนนี้!
“ร้องเสร็จหรือยัง? ถ้าร้องเสร็จแล้วก็กรุณาออกไปจากบ้านฉันได้แล้ว” ผู้สูงวัยพูดเสียงราบเรียบ พรางผายมือไปยังทิศทางของประตูห้องโถงอย่างต้องการไล่ ดีแค่ไหนที่นางไม่โทรให้ยามหน้าประตูมาลากฝรั่งหัวแดงคนนี้ออกไป นี่ถือว่าปราณีมากพอแล้วนะ
“ไม่กลับ! เป็นตายร้ายดีอย่างไรสเตฟานนี่ก็ไม่กลับ สเตฟานนี่จะรอศิ!!” ต่อให้เอาน้ำร้อนมาสาดไล่ ยังไงเธอก็จะไม่มีออกไปจากที่นี่เด็ดขาด โอกาสอย่างนี้ไม่ใช่จะหากันได้ง่ายๆ
“เอะอะเสียงดังอะไรกัน!”
น้ำเสียงราบเรียบส่อแววไม่พอใจดังมาจากประตูห้องโถง หญิงสาวต่างวัยหันไปมองผู้มาใหม่อย่างพร้อมเพรียงกัน ศิขรินทร์เดินหน้านิ่งเข้ามาภายในห้องโถงรับแขกตามรายงานของเด็กรับใช้ในบ้านว่ามีแขกชาวต่างชาติเข้ามาสร้างความวุ่นวายให้กับมารดาของตน ทางฝ่ายภัสดาเมื่อได้รับรู้เรื่องราวแบบคร่าวๆก็พอจะเดาออกว่าความวุ่นวายทั้งหมดมันมาจากสาเหตุอะไร
“ศิคะ ช่วยสเตฟานนี่ด้วย คุณแม่คุณใจร้ายกับสเตฟานนี่มากเลย” ร่างโปรงบางสมส่วนถลามาซบอกศิขรินทร์ทันที พร้อมทั้งบีบน้ำตาและออดอ้อนออเซาะเสียจนภัสดาที่ถูกศิขริทน์จับมือไว้ด้านหลังถึงกับเก็บความหมั่นไส้เอาไว้แทบไม่อยู่!
‘ใจเย็นๆนะไอ้พีท วู่วามไม่ได้ เดี๋ยวว่าที่แม่สามีจะรับไม่ได้!’
“ว่าแล้วเหรอพ่อตัวดี ..............แต่เดี๋ยวนะ นั่นใคร!” ผู้สูงวัยสาวเท้าเข้าใกล้ร่างโปร่งบางของภัสดาและมองอย่างพิจารณา แลเพียงไม่นานความทรงจำที่ไม่มีวันลืมก็ผุดขึ้นมา!
“นี่แก!!!!!!! ไอ้เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้า!!” มารดาของศิขรินทร์ชี้นิ้วใส่หน้าภัสดาอย่างเดือดแค้น เหตุการณ์ในวันนั้นยังกระจ่างแจ้งไม่เสื่อมคลาย คุณหญิงวิจิตตรามองปราดไปทั่วร่างของศัตรูคู่แค้นอย่างพิจารณา วันนั้นเคยสกปรกอย่างไร วันนี้ก็ยังคงสกปรกตามเคย ไม่รู้ว่าลูกชายของนางไปพาเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนนี้มาจากไหน แต่แล้วสายตาของนางก็ไปสะดุดตรง มือของลูกชายที่กุมมือของเด็กคนนี้อยู่ ‘กุมมือ!!’ กุมทำไม? ทำไมต้องจับมือกัน ในเมื่อเป็นผู้ชายทั้งคู่
“ให้เกียรติพีทหน่อยครับแม่” ศิขรินทร์พูดเสียงนิ่งแฝงไปด้วยความไม่พอใจ กระชับฝ่ามือที่กุมกันแน่นอย่างต้องการถ่ายเทกำลังใจไปให้อีกฝ่าย
“ทำไมแม่ต้องให้เกียรติ ในเมื่อมันเคยด่าว่าแม่มาแล้ว” ผู้เป็นมารดาฉุนกึกที่ลูกชายตัวเองไปเข้าข้างคนอื่น ความไม่พอใจก่อตัวทวีคูณขึ้นไปเรื่อยๆ
“คุณยาย เอ๊ย! คุณแม่เข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่าครับ ผมยังไม่เคยทำอะไรแบบนั้นเลยนะครับ” ภัสดาก้าวออกมายืนเคียงข้างศิขรินทร์ ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มปราดมองไปยังสตรีทั้งสองคนอย่างพิจารณา หนึ่งคนแต่งกายภูมิฐานไม่ทิ้งมาด ‘คุณนาย’ อีกหนึ่งคนเปี้ยวจี๊ดเข็ดฟันบ่งบอกชาติพันธุ์มาอยู่กันมาอย่างไร ‘มารหัวใจ’
“ฉันมีลูกคนเดียว!”
“อันนี้ผมทราบครับ แต่คุณแม่ไม่รับลูกสะใภ้เพิ่มขึ้นอีกสักคนเหรอครับ”
คำว่า ‘ลูกสะใภ้’ ทำให้สเตฟานนี่ที่ทำตัวเป็นปลิงเกาะศิขรินทร์แน่นยิ้มขึ้นมาอย่างพอใจ ผู้ชายคนนี้อาจจะเข้าข้างเธออยู่ก็เป็นได้ แต่หารู้ไม่ว่า...............
“ไม่รับย่ะ! ฉันไม่รับลูกสะใภ้หน้าไหนทั้งนั้น ตอนนี้ฉันยังไม่พร้อม”
“นี่! คุณชะนีหัวทองตูดแดง คุณจะเกาะแฟนผมอีกนานไหม คำว่า ‘เกรงใจ’ น่ะสะกดเป็นไหม” ภัสดาแกะข้อมือของสเตฟานนี่ออกจากแผงอกล่ำหนาของศิขรินทร์ ใจจริงอยากจะกระชากผมทองๆนั่นแล้วก้มลงไปตบซักทีสองที แต่ก็ทำได้เพียงแค่คิด เพราะขืนทำอย่างนั้นลงไป มีหวังภาพพจน์ที่มีเพียงน้อยนิดจะติดลบลงไปทันที
“ว่าไงนะ!!!” คราวนี้ทั้งคุณหญิงวิจิตตราและสเตฟานนี่ต่างร้องออกมาพร้อมกันอย่างตกตะลึงในคำพูดของภัสดา ศิขรินนทร์ย้ายจากกุมมือเปลี่ยนเป็นกอดเอวอย่างแสดงความเป็นเจ้าของและเพื่อตอกย้ำให้หญิงสาวต่างวัยทั้งสองได้รู้ว่า สิ่งที่ภัสดาพูดไปทุกอย่างนั้น เป็นความจริง!!
“คุณแม่ได้ยินไม่ผิดหรอกครับ พีทเป็นแฟนผมครับ”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!” สเตฟานนี่กรีดร้องออกมาอย่างกลั้นอารมณ์ไม่อยู่ ความจริงที่เธอไม่มีจะรับได้ และไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เธอไม่มีรับความสัมพันธ์ผิดธรรมชาติของทั้งสองคนได้อย่างแน่นอน
“หยุดโหยหวนเสียทีได้ไหมคุณชะนีผมทอง เดี๋ยวคุณแม่สามีผมก็เป็นลมพอดี” ภัสดาค่อยๆ สลัดตัวออกมาจากอ้อมแขนศิขรินทร์ ดวงตากลมโตมองสบกับนัยน์ตาคมเข้มอย่างขออนุญาต และเมื่อศิขรินทร์พยักหน้ารับและปล่อยเอวบางให้เป็นอิสระ ร่างโปร่งบางก็ก้าวเข้ามาหาสเตฟานนี่อย่างรวดเร็ว!
“เป็นชะนีพันธุ์ขนทอง ตูดแดงต้องอยูแต่ในป่ารู้ไหมครับ เที่ยวออกมาวิ่งโร่หาผู้ชายอย่างนี้มันไม่ดี มันเสียเกียรติชะนีหมด”
ภัสดาเดินวนรอบหญิงสาวอย่างพิจารณา ในใจนึกอยากจะพ่นวาจาที่ดุเด็ดเผ็ดร้อนมากกว่านี้ แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะต่อหน้าคุณหญิงแม่แล้ว เขาจะต้องเป็นคนดี? ถึงแม้มันจะทำได้ยากเต็มทีก็เถอะ
“แกด่าฉันเหรอ แกกล้าดีอย่างไงห๊ะ!”
“ถ้าฉลาดก็น่าจะรู้ว่าผมสรรเสริญใคร แต่ถ้าโง่ก็ไม่เป็นไร ผมเข้าใจ......”
“อะ อ๊าย.........” ยังไม่ทันที่สเตฟานนี่จะโต้ตอบ ศิขรินทร์ก็เอ่ยห้ามทัพเสียก่อน เพราะดูแล้วอย่างไรนายช่างใหญ่ก็ได้เปรียบทั้งขึ้นทั้งล่อง เถียงกันไปมาก็เปล่าประโยชน์
“หยุดได้แล้วสเตฟานนี่ ผมขอให้คุณออกไปจากบ้านผมเดี๋ยวนี้ และไม่ต้องกลับมาอีก”
“ไม่หยุด! ไม่ว่าจะอย่างไรสเตฟานนี่ก็ไม่หยุด มันด่าว่าสเตฟานนี่เป็นชะนีนะคะศิ ทำไมคุณเข้าข้างมัน”
“เงียบ!!!”
“คุณแม่ครับ เป็นอย่างไรบ้างครับ” ศิขรินทร์เดินเข้าไปหามารดาที่ยืนนิ่งเป็นหุ่นขี้ผึ้งไม่ขยับหรือไหวตัวแต่อย่างใด ทำเอาร่างสูงกังวลใจและอดเป็นห่วงไม่ได้ ภัสดามองผู้สูงวัยเพียงชั่วแวบและเสมองไปทางด้านอื่น
“ที่ผู้ชายคนนั้นพูดมันจริงหรือเปล่าศิขรินทร์” มารดาเอ่ยถามเสียงเครือ หัวใจของคนเป็นแม่แตกสลายเมื่อได้รู้ว่าลูกตัวเองเป็นพวกรักร่วมเพศ ความเจ็บปวดไหลวนเวียนอยู่ข้างในจนรับแทบไม่หวาดไม่ไหว สมองด้านชาจนไม่รับรู้อะไรอีกต่อไป
“.............จริงครับ เราสองคนรักกัน”
๐ ขออภัยที่สั้น สืบเนื่องจากวันนี้ช่วงเย็นๆที่บ้านของคนแต่งไฟดับ เลยทำให้ไม่ได้เข้ามาพิมพ์เพิ่ม แต่ที่ดีที่ได้พิมพ์ไว้ตั้งแต่เมื่อคืน
๐ ติชมฉากนี้ได้เต็มที่ เม้นกันกระจายไปเลยนะคะ
๐ วันที่ 30 เมษายน ศกนี้ เป็นวันเกิดของ คนแต่งเองค่ะ คิคิ #ก็อยากจะได้คำอวยพรอ่ะนะ 5555555555555++
๐ ขอบคุณทุกคอมเม้นต์และกำลังใจที่ส่งมาให้ ไม่มีคนอ่าน นิยายเรื่องนึ้คงจะไม่เดินมาถึงจุดนี้ ขอบคุณอีกครั้ง
รักและขอบคุณ
By Chocolate Love ~