บทที่ 42
เรื่องยุ่งๆ
.
.
.
.
.
“สเตฟานนี่ ตอนนี้เธอถูกพวกไอ้ศิขรินทร์ล่าหัวอยู่ ถ้ายังไม่อยากมีผัวทีเดียวหลายคนก็หาทางออกจากประเทศนี้ไปซะ” เสี่ยจักรบอกหญิงสาวที่นอนเปลือยเปล่าบนเตียงเสียงขรึม
“จะบ้าเหรอคะ ศิไม่มีทางทำอย่างนั้นกับสเตฟานนี่ได้หรอกค่ะ”
หล่อนพูดเสียงแหลม พร้อมทั้งค่อยๆลุกขึ้นนั่งอย่างช้า เพราะเมื่อคืนเพิ่งผ่านกิจกามอันแสนรุนแรงและบ้าคลั่งจากผู้ชายที่หล่อนกำลังหลอกใช้เป็นเครื่องมือ ร่างโปร่งและได้สัดส่วนอย่างหญิงยุโรปเดินเปล่าเปลือยเข้าไปหาร่างอ้วนท้วมของชายวัยกลางคนที่เธอแสนจะรังเกียจ แต่ก็ต้องยอมปล่อยกายให้อีกฝ่ายเชยชม เพราะข้อแม้อย่างเดียว ข้อแม้ที่มาจากไอ้ภัสดา ไอ้เกย์วิปริต ที่มาแย่งศิขรินทร์ไปจากเธอ
“ทำไม่ทำ ตอนนี้คนของมันก็วนเวียนอยู่แถวนี้เกือบครึ่งร้อยแล้ว ฉันเตือนด้วยความหวังดี”
เสี่ยจักรมองผู้หญิงที่ตนเพิ่งระบายอารมณ์ด้วยเซ็กส์อันโหดร้ายและรุนแรงตามความชอบของตนด้วยความสมเพทเวทนา ผู้หญิงคนนี้ทะเยอทะยานจนต้องยอมพลีกายให้ตนได้ตักตวงความสุขครั้งแล้วครั้งเล่า และดูเหมือนว่าตอนนี้สิ่งที่ผู้หญิงคนนี้ทำกำลังนำความเดือดร้อนมาให้ตนเข้าอย่างจัง
“ฉันไม่ไป ถ้าไอ้เกย์นั่นไม่ตาย ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น” หล่อนพูดเสียงดังแล้วเดินกระแทกกระทั้นเข้าห้องน้ำไป เสี่ยจักรมองตามแผ่นหลังเนียนนุ่มแล้วอยากจะอาเจียนตามหลัง สกปรกโสมมอย่างนี้ใครที่ไหนจะเอาไปเป็นแม่ของลูก เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมากลางคันเรียกสติของเสี่ยจักรให้กลับคืนมาอีกครั้ง เมื่อได้ยินสิ่งที่ดังมาตามสายดวงตารียาวก็แทบจะลุกเป็นไฟ
“ว่าไงนะ! ไอ้พวกสีกากีมันไม่ยอมรับเงินอย่างนั้นเหรอ บัดซบ!” มืออวบอูมปัดแจกันที่วางอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงอย่างระบายอารมณ์ ดวงตารียาวมองเศษแจกันราคาแพงอย่างเครียดแค้น ไม่นึกไม่ฝันว่าเด็กรุ่นลูกอย่างศิขรินทร์จะทำได้เจ็บแสบขนาดนี้ เมื่อวางโทรศัพท์ลงเสร็จร่างท้วมใหญ่ของเสี่ยจักรก็เดินมานั่งที่ปลายเตียงอย่างช้า
“ใครมันจะกล้าจับเสี่ยจักร มหาเศรษฐีอย่างฉัน.........ฉันไม่มีวันแพ้แก่แน่ๆ ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม”
.
.
.
.
.
“ตอนนี้พวกมันกำลังวิ่งเต้นให้ทางตำรวจปล่อยเรื่องไปครับ” วินัยเอ่ยรายงานเสียงหนักแน่น
“หึ! อย่านึกว่าตำรวจไทยจะเป็นพวกของมันหมด” ถึงแม้ศิขรินทร์จะไม่ค่อยเชื่อถือในการทำงานของตำรวจไทยเท่าไรนัก แต่ก็ยังมีคนดีๆที่แฝงอยู่ในกลุ่มอีกา วงการธุรกิจจำเป็นต้องพึ่งตำรวจที่ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ ไม่ใช่คนที่หวังเงินและลาปยศเพียงอย่างเดียว
“ส่วนผู้หญิงคนนั้น ตอนนี้กำลังหลบหนีการคุมตัวจากคนของเราอยู่ครับ” ผู้หญิงคนนั้นที่วินัยเอ่ยถึงก็คือ อดีตคู่นอนที่ผันตัวเป็นศัตรูของตนนั่นเอง เพราะความทะเยอทะยายอย่างโง่เขลาของสเตฟานนี่ทำให้ชะตาชีวิตของหล่อนจึงต้องเป็นอย่างนี้ ศิขรินทร์ไม่มีทางปล่อยให้คนที่บังอาจจมาทำร้ายภัสดาให้ลอยนวลไปเฉยๆแน่นอน
“ปล่อยไปก่อน คอยดูว่าไอ้เฒ่าเจ้าเล่ห์มันจะทำอย่างไรกับนังงูพิษตัวนั้น”
วินัยลอบมองเสี้ยวหน้าของศิขรินทร์แล้วนึกสงสารบุคคลที่หาญกล้าเข้ามาต่อกรกับอินทรีย์หนุ่มอย่างศิขรินทร์ ความโหดร้ายจากเรื่องราวจากในวงการธุรกิจหล่อหลอมให้เจ้านายของตนเป็นคนที่เข้มแข็ง เยือกเย็น ตัดสินใจ เด็ดขาด กล้าได้ กล้าเสีย ทุกก้าว ทุกการตัดสินใจเสี่ยงต่อชีวิตและครอบครัวขนาดไหน แต่ศิขรินทร์ก็พิสูจน์ให้ทุกคนได้รู้แล้วว่า อินทรีย์เงินที่บินโฉบอยู่ผืนฟ้าตัวนี้ไม่เคยพ่ายแพ้ต่อโชคชะตาเด็ดขาด
“อีกเรื่องครับนาย คลังเก็บสินค้าของเสี่ยจักรเสียหายทั้งหมดครับ ตอนนี้พวกมันกำลังกระอักเลือด ผมเลยเพิ่มกำลังลูกน้องที่คอยดูแลคุณพีทและครอบครัวครับ”
“ดีมากวินัย” ศิขรินทร์เอ่ชมลูกน้องเรียบ วินัยมักจะรู้อยู่เสมอว่าต้องทำอะไรบ้าง เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยศิขรินทร์จึงให้อีกฝ่ายกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ ส่วนตนนั้นก็กดโทรศัพท์ต่อสายหาคนของหัวใจทันที เมื่อได้ยินอย่างแน่ชัดว่าภัสดาถึงที่ทำงานเรียบร้อยอย่างปลอดภัยทุกประการแล้ว ศิขรินทร์ก็ลงมืออ่านเอกสารสัญญาตรงหน้าทันที
ตลอดทั้งวันศิขรินทร์เร่งทำงานอย่างไม่มีเวลาพัก แม้ช่อฟ้าเลขาสาวใหญ่หน้าห้องจะนำอาหารว่างมาเสริฟ์ถึงโต๊ะ แต่ชายหนุ่มก็เลือกที่จะยกกาแฟขึ้นมาจิบเพียงเล็กน้อยเท่าไร เดือดร้อนวินัยที่ต้องโทรไปรายงานให้ภัสดาฟัง เมื่อเจ้าของอู่ใหญ่ได้ฟังรายงานเสร็จก็ต่อสายตรงมาถึงท่านประธานอินทราทิพฟ์กรุ๊ปทันที
“เผือกได้ข่าวว่ามึงไม่กินห่าอะไรเลย” ศิขรินทร์อมยิ้มเล็กน้อย แล้วยอมวางปากกาลงบนเอกสาร จากนั้นก็ค่อยๆเอนหลังพิงผนักเก้าอี้ นิ้วเรียวยาวบีบรอยย่นระหว่างคิ้วเล็กน้อยเพื่อผ่อนคลาย แล้วเอ่ยเสียงนุ่มตอบปลายสายกลับไป
“ทำงานครับ ก็เลยลืม”
“ลืมอะไร อย่ามากวนส้น กูบอกแล้วไงว่าให้หาอะไรยัดท้องให้ตรงเวลา”
“ลืมจริงๆครับ ทำงานเพลินไปหน่อย” เงยหน้ามองผู้มาเยือนรายใหม่ วินัยเดินถือถาดอาหารเข้ามาแล้วส่งยิ้มให้ตนเล็กน้อยแล้วขอตัวออกไป ศิขรินทร์ของโปรดของตนแล้วพ่นลมหายใจออกมาแผ่วเบา ริมฝีปากหนายกยิ้มขึ้นมาช้าๆ คงจะเป็นภัสดาที่โทรไปออกคำสั่งให้ลูกน้องคนสนิทของตนไปหามาให้ทานอย่างแน่นอน
“ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ แต่ผมกะว่าจะกลับไปทานกับพีททีเดียวเลย”
“อย่ามาตลกน่ะเผือก ตอนนี้มันกี่โมง อีกกี่ชั่วโมงจะถึงเวลาเลิกงาน กินๆไปเถอะ ถ้ายังเรื่องงานอีก อย่าหาว่าพี่ไม่เตือนนะน้อง”
“แล้วพี่จะทำอะไรผมครับ”
“พี่ก็จะให้น้องออกไปนอนหน้าห้องไง ฮ่าๆ” ประโยคดังกล่าวของอีกฝ่าย ทำเอาศิขรินทร์นั่งหลังตรงขึ้นมาทันที นั่นไม่ใช่คำขู่ธรรมดา เพราะภัสดาเอาจริงอยู่เสมอ และตนก็เคยหอบผ้าห่มและหมอนออกไปนอนที่ประตูหน้าห้องมาแล้ว นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ดังกล่าวแล้วอดยิ้มไม่ได้ ยิ่งใหญ่ประดุจอินทรีย์เงินที่บินโฉบเฉี่ยวมากแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับเจ้าของอู่ใหญ่อย่างภัสดาอยู่ดี ถ้าลูกน้องในบริษัทรู้เข้าคงจะตกใจอยู่ไม่น้อย
“อย่าเลยพีท ผมเกรงใจแย่ ไม่เป็นไรครับ”
“ไม่เอาเหรอ นอนหน้าห้องอากาศดีนะ”
“ไม่ดีกว่าครับ เดี๋ยวพีจะเหงาแย่ถ้าไม่มีผมนอนกอด”
“เหรอเผือก พระคุณมึงนี่ยิ่งใหญ่ดีเนอะ”
“หึๆ รู้ถึงความสำคัญของเผือกคนนี้ขึ้นมาแล้วใช่ไหมล่ะ”
“ไม่อ่ะ ฮ่าๆ แล้ววินัยเอาข้าวเข้ามาให้หรือยัง”
“เอามาแล้วครับ แต่จะให้ดีกว่านี้อยากให้นายช่างใหญ่เอามาให้ด้วยตัวเองน่าจะดีกว่านี้นะ”
“กินๆไปเถอะน่า ไม่ต้องเรื่องมาก” ถ้าให้เดาป่านนี้เจ้าของอู่ใหญ่คงกำลังนั่งหน้าแดงอยู่แน่ๆ
“แล้วคุณทานแล้วใช่ไหม”
“กินแล้ว เพิ่งกลับมาจากพาไอ้พวกลูกหมาไปหาอะไรกินแถวนี้”
“ครับๆ ดูแลตัวเองดีๆด้วยนะครับ”
“รู้แล้วน่า แค่นี้นะ ลูกค้าเข้าแล้ว” เมื่อสัญญาณตัดไป แต่รอยยิ้มที่ติดตรึงอยู่บนใบหน้าของศิขรินทร์นั้นยังไม่จางหายไปไหน ชายหนุ่มวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะแล้วยกถาดอาหารไปนั่งทานตรงบริเวณโซฟารับแขกที่อยู่เยื้องๆกับโต๊ะทำงาน นั่งไปได้ไม่นาน เสียงเคาะประตูห้องทำงานก็ดังขึ้นพร้อมๆกับผู้มาเยือนรายใหม่
“สวัสดีค่ะพี่ศิ หนูดาแวะเอาอาหารกลางวันมาให้ค่ะ” ดาริกา หรือแมลงรำคาญ ชื่อที่ภัสดาตั้งให้เดินนวยนาดเข้ามาพร้อมกับสำภาระต่างๆมากมาย
“ไม่เป็นไร คุณเก็บไว้กินเถอะ” ศิขรินทร์ปฏิเสธอย่างไร้เยื้อใย แล้วก้มหน้าทานอาหารตรงหน้าอย่างเงียบๆ แต่ถึงอย่างนั้นหญิงสาวก็ยังไม่ละความพยายาม ดาริการเดินตรงเข้ามานั่งเคียงข้างศิขรินทร์แล้วเชื้อเชิญให้อีกฝ่ายทานอาหารญี่ปุ่นรสเลิศจากอาหารชื่อดังที่ตนนำมา พร้อมทั้งปลายตามองอาหารหน้าตาจืดชืดสองสามอย่างที่วางอยู่ตรงหน้าของศิขรินทร์
“ดูแล้วเหมือนหน้าตาจะไม่ค่อยน่าทานเลยนะคะ พี่ศิ ทานของหนูดาดีกว่าค่ะ นี่อาหารญี่ปุ่นจากร้านดังเลยนะคะ”
“ไม่เป็นไร คุณทานของคุณไปเถอะ แค่นี้ผมก็อิ่มแล้ว” กับข้าวสองสามอย่างหน้าตาไม่ค่อยหน้าทานที่อีกฝ่ายว่าเป็นของโปรดของเขาทั้งนั้น และตนเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบทานอาหารญี่ปุ่นซักเท่าไรนัก
“พี่ศิไม่ทานของหนูดาแน่เหรอคะ”
“อืม” ศิขรินทร์เอ่ยเสียงเรียบ พร้อมทั้งพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ไม่ให้ระเบิดใส่อีกฝ่าย เพราะเห็นว่าเป็นหลานของคุณหญิงศร เพื่อนรุ่นน้องของมารดา แต่ดูเหมือนว่าความใจดีของตนจะทำให้อีกฝ่ายได้ใจและเข้าใจผิดไปอีกทางเสียแล้ว
“แล้วมานี่ไม่ทำการ ทำงานเหรอ”
“ก็แหม คุณหญิงป้าบอกว่าจะให้พี่ศิช่วยสอนงานให้หนูดาน่ะค่ะ พี่ศิว่างไหมคะวันนี้” ดาริกาเอ่ยเสียงหวานพร้อมทั้งส่งสายตาเชิญชวนอีกฝ่ายอย่างเต็มที่ อีกทั้งชุดที่ตนสวมใส่มานั้นค่อนข้างที่จะโชว์เนื้อหนังมังสาพอสมควร ผู้ชายที่ไหนเห็นเป็นต้องชอบทั้งนั้น
“ไม่ว่างน่ะวันนี้ แล้วอีกอย่างใส่เสื้อใส่ผ้าให้มันมิดชิดกว่านี้หน่อย ที่นี้เป็นสำนักงานชั้นนำของเมืองไทย มันจะเสียภาพพจน์ของบริษัทเอาได้” ผู้ชายที่ไหนก็ได้ แต่ไม่ใช่กับศิขรินทร์เป็นเด็ดขาด
“เอ่อ...ค่ะ”
“อยากเรียนรู้งานใช่ไหม เดี๋ยวให้คุณช่อสอนให้ก็แล้วกัน” พูดเสร็จศิขรินทร์ก็ลุกขึ้นไปกดอินเตอร์คอมต่อสายถึงเลขาหน้าห้องทันที โดยไม่สนใจหน้าตาของดาริกาเลยว่าตอนนี้สีหน้าของหญิงสาวนั้นจะเป็นอย่างไร
“คุณช่อ เข้ามาพบผมหน่อย” รอได้ไม่นาน ช่อฟ้าก็ปรากฏต่อหน้าของศิขรินทร์ สาวใหญ่ใช้สายตาขอโทษท่านประธานอย่างรู้สึกผิดที่ปล่อยให้ผู้หญิงต้องห้ามนามว่า ดาริกาเข้ามารบกวนเวลาพักผ่อนของท่านประธาน
“ช่วยสอนงานให้ดาริกาหน่อยนะ
“ได้ค่ะบอส”
“แต่ว่าพี่ศิคะ หนูดาอยากให้พี่ศิสอนงานให้หนูดามากกว่าค่ะ ถ้าพี่ศิไม่ว่างวันนี้ก็ไม่เป็นไร” หญิงสาวเอ่ยเสียงนุ่ม พร้อมทั้งส่งยิ้มเคลือบยาพิษไปให้ช่อฟ้าที่ยืนมองอยู่ข้างๆ เรื่องอะไรที่หล่อนจะให้เลขานั่นสอนงานให้ อย่าเธอต้องเป็นศิขรินทร์เท่านั้น
“จะผมหรือว่าจะคุณช่อก็เหมือนกัน ต่อให้คุณมาอีกสิบรอบ คุณช่อก็จะสอนงานให้อยู่ดี ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร”
“เอ่อ.....คือว่า”
“แล้วต่อไปนี้ขอความกรุณาอย่าเข้ามารบกวนเวลาทำงานของผม มีเรื่องอะไรก็ติดต่อมาทางคุณช่อ”
“พี่ศิคะ! ทำไมพี่ศิต้องทำอย่างนี้กับหนูดา” พูดเสร็จหญิงสาวก็ลุกออกไปจากห้องทันที
“ขอโทษค่ะคุณศิ ช่อผิดเอง”
“ไม่เป็นไรคุณช่อ แต่อย่าให้มีอีกนะ เดี๋ยวพีทจะว่าผมเอา แล้วช่วยเก็บอาหารญี่ปุ่นออกไปด้วย ผมเหม็นจะแย่อยู่แล้ว” ช่อฟ้าพยักหน้ารับแล้วหันไปเก็บข้าวของที่แม่หญิงงามนามดาริกาทิ้งเอาไว้ให้ออกไปพ้นจากสายตาของศิขรินทร์
“เฮ้อ มีแต่เรื่องน่าปวดหัว” ชายหนุ่มถอนลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายใจแล้ว เดินกลับไปทานอาหารมื้อเที่ยงอีกครั้ง
.
.
.
.
.
.
.
.
.
๐ เพิ่งกลับมาจากภาคเหนือ สลบไปหนึ่งวันเต็มๆ นอนทั้งวันเลยวันนี้ พอตื่นก็ลุกขึ้นมาอัพนิยายทันที
๐ พอเปิดเว็บเข้ามา ก็เห็น มีคนส่งดีเอ็มมาถามว่า สนใจอยากรวมเล่มไหม
๐ แล้วคนอ่านอยากให้นักเขียนรวมเล่มไหมคะ คือกลัวว่ายอดสั่งจองจะน้อยอ่ะ ก็เลยยังคิดๆอยู่
๐ แล้วพวกท่านมีความเห็นว่าอย่างไร.....................
รักและขอบคุณ
By Chocolate Love ~