:: LOVE HIGH STORY | เรื่องนี้ รัก-มัน-เยอะ :: พร้อมเจอซึ่งๆ หน้า (แต่ขอหลับตาไว้ข้างนึง)[ต่อ]17:18 น.
สามเกลอใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงก็เดินทางมาถึงบ้านของที พอมาถึงก็พากันไหว้อากง อาม่า อาแปะ อาโก อาป๊า อาม๊า กันถ้วนหน้า แต่คนที่ได้รับความสนใจจากผู้ใหญ่ในบ้านทั้งหลายก็ไม่คือ... ไอ้เปี๊ยก... นั่นเอง ด้วยเหตุผลง่ายๆ ว่านานๆ ที กีต้าร์จะมาเยี่ยมบ้านหลังนี้ที กอปรกับเป็นคนร่าเริง สดใส ยิ้มง่าย เลยทำให้ญาติผู้ใหญ่ของทีเอ็นดูไอ้เจ้าเปี๊ยกนี้เป็นพิเศษ... เอ็นดูถึงขั้นว่า ทีและโจจะมาแกล้งไอ้เจ้าเปี๊ยกต่อหน้าไม่ได้เลยนะ โดนเอ็ด!
“ไปๆ ขึ้นห้องไปล้างหน้าล้างตา พักผ่อนกันก่อน ค่ำๆ จะได้ลงมากินข้าวกัน” ม๊าของทีเอ่ยพลางดันไหล่ลูกชายให้เดินนำเพื่อนๆ ขึ้นห้องไป... ว่าแล้วม๊าก็หันไปสั่งลูกน้องให้เตรียมของไว้ทำอาหารเย็น...
“อาเจ๋ง อาต๋อง พวกลื้อเตรียมเครื่องทำเต้าหู้ทรงเครื่อง หมูพันชั่ง กวางตุ้งหมูกรอบ... เอ้อ แล้วเป็ดยังเหลืออยู่ไหม”
“เหลืออยู่เจ๊ จะให้เตรียมไว้ทำไร”
“เออ งั้นเดี๋ยวเตรียมเครื่องไว้ทำเป็ดอบเผือกนะ ไม่ต้องสับไม่ต้องหั่นนะ เอาทั้งตัว”
“จ๊ะเจ๊”
ทั้งสามหนุ่มเดินขึ้นบันไดไปก็พากันอมยิ้มไป เพราะว่าม๊าของทีท่าทางจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ สั่งแต่ของโปรดพวกเขาทั้งนั้น... เต้าหู้ทรงเครื่องของกีต้าร์... หมูพันชั่งของโจ... เป็ดอบเผือกของที... เย็นนี้ ลาภปาก ซี๊ดดดดดส์
เมื่อขึ้นถึงห้อง ทีและโจก็ผลัดกันเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างเท้า แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อยืดกางเกงบอลขาสั้น ส่วนไอ้เปี๊ยกก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงตามแนวขวางแล้วคว้าการ์ตูนที่วางอยู่บนเตียงขึ้นมาเปิดอ่าน... เปิดอ่านไปได้ไม่กี่หน้า กีต้าร์ก็รู้สึกแรงยุบบนเตียงทางด้านซ้าย เมื่อหันไปดูก็เห็นเจ้าของห้องนอนอยู่ข้างๆ พลางยักคิ้วมาให้
“วันนี้ม๊ากูอารมณ์ดี”
“เหรอ กูว่าไม่เห็นเคยเห็นว่าม๊ามึงจะอารมณ์ไม่ดีเลย”
“เฮอะ! ก็แหงแหละ กับมึงนะ ม๊ากูใจดีตลอดดดดด ทีกับกูนะ พูดอะไรไม่เข้าหูนี่โดนโบกเป็นตุ๊กตาล้มลุกเลยนะมึง”
“ฮ่าๆๆๆๆ เพราะกูน่ารัก นิสัยดี อ่อนน้อมถ่อมตน”
“ไม่ใช่ละ... มึงอะ มันขี้ประจบ ” ทีกล่าวพลางเอาขาเขี่ยขาเพื่อนอย่างหมั่นไส้ มาทีไรเขากลายเป็นหมาหัวเน่าตลอด อะไรๆ ก็ กีต้าาาาาาาาาาาร์
“ไม่เกี่ยวเหอะ มึงอะมันปากเสีย กวนตีน ผู้ใหญ่เลยไม่เอ็นดู ฮ่าๆๆๆๆ”
“แหม่ ด่ากูได้เต็มปากเต็มคำ มึงนี่เป็นคนดี ปากไม่เสียเลยเนอะ ไอ้เชี่ยเปี๊ยก”
“หึ เห็นไหมละ ปากหมาแบบนี้แหละ ถึงไม่มีแฟนสักที ฮ่าๆๆๆๆๆ”
“โหหหหหหหห มึงเอาประเด็นนี้มาโจมตีกูเหรอ ไอ้เปี๊ยก... ใช่สิ มีสามีแล้วก็พูดได้สินะ หึหึหึ”
“ไอ้สลัด! สามีเชี่ยไร” คราวนี้ไม่พูดเปล่า เอาขาไปถีบๆ เขี่ยขาเพื่อนสนิทประกอบไปด้วย
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ก็ไอ้พี่โบ๊ทไง สามีมึง”
“เชี่ย ไม่ใช่ละ กูไม่มีสามีเว้ย”
“ถ้าพี่โบ๊ทไม่ใช่สามีมึงแล้วจะเป็นใครวะ... เมียมึง?”
“เออ”
“ฮ่าๆๆๆๆๆ ไอ้เกรียนเปี๊ยก... อย่ามาแถ กูดูยังไงมึงก็ไม่มีทางเป็นสามีได้แน่ๆ”
“อ้าวววววว ดุถูกกูนี่!”
“หึหึหึ”
“คอยดู แล้วมึงจะรู้ว่าใครเป็นสามี!”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆ กูฮาครับ กูฮา”
“ขำเชี่ยไรกันวะ” โจเดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นทีหัวเราะอยู่บนเตียง ส่วนไอ้เปี๊ยกก็ทำหน้าเหม็นบูดอยู่ข้างๆ ว่าแล้วก็เดินมาทิ้งตัวลงนอนข้างๆ กีต้าร์อีกฝั่ง
“กูขำไอ้เปี๊ยก มันบอกว่าพี่โบ๊ทเป็นเมียมัน กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก”
“อุ๊บ... วะ... ฮะ... ฮ่ะ... ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
“ไอ้พวกสลัด!!!”
เมื่อไม่รู้จะเถียงอะไร กีต้าร์ก็เลยลงไม้ลงมือ ลุกออกจากเตียงมายืนชาร์จ แล้วพุ่งเข้าใส่เตียง กระโจนเข้าหาที หมายจะกระโดดทับ แต่ทีรู้ทัน พลิกตัวหลบ ไอ้เจ้าเปี๊ยกเลยคว้าน้ำเหลว กระโจนหน้าคว่ำลงบนเตียง เล่นเอามึนอยู่ไม่น้อย แต่พอรู้ตัวอีกทีก็...
“แอ๊ก!!!”
ร่างเล็กรู้สึกได้ถึงน้ำหนักที่กระโจนทับลงมาบนตัวเขาเต็มๆ พร้อมเสียงหัวเราะร่าของเพื่อนสนิททั้งสอง
“เชี่ย หนักสัด ไอ้ที มึงลุกเดี๋ย... แอ๊ก!!”
โวยวายออกปากไล่เพื่อนสนิทให้ลุกออกจากตัวได้ไม่ทันจบประโยคก็รู้สึกได้ถึงน้ำหนักที่หนักขึ้นอีกเท่าตัวกระโจนทับลงมาอีก...
“ไอ้ฟายที ไอ้เชี่ยโจ กูหนักกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก @$#%&*!*$#%^@!”
กีต้าร์โวยวายพลางดิ้นพราดอยู่อย่างนั้น มือก็ปัดป่าย ฟาดงวงฟาดงา(?) สุดแรง... เพื่อนๆ ยังหัวเราะร่า ปล่อยให้กีต้าร์ดิ้นเป็นปลาขาดน้ำอยู่พักใหญ่ๆ จนกีต้าร์ทำท่าจะหมดแรงดิ้น ก็เลยพากันลุกออกจากตัวของเพื่อนร่างเล็ก
“ไอ้เปี๊ยกอ่อนเอ้ย ฮ่าๆๆๆๆๆ”
ทีกล่าวพลางจะลุกออกจากเตียง... ฟุ่ววววว เล่นซะเหงื่อออกเลย... ว่าจะไปล้างหน้าอีกรอบ แต่เพียงลุกออกจากเตียงแล้วก้าวขาไปเพียวขาเดียวเท่านั้นก็โดนร่างเล็กยื่นขาไปสะกิด(?)เข้าเต็มรักที่ก้นจนตัวโยนไปด้านหน้า ทำเอาเกือบล้ม... เมื่อตั้งตัวได้ก็หันไปยิ้มเย็นให้ไอ้เปี๊ยกที่กึ่งนอนกึ่งนั่งหน้ายียวนกวนประสาทอยู่บนเตียง...
“มึงวอนซะแล้ว ไอ้เปี๊ยกกกกก”
ว่าแล้วก็พุ่งกระโจนเข้าหาร่างเล็ก แต่ยังไม่ทันได้แตะตัวร่างเล็กก็โดนโจพุ่งเข้ารวบจากด้านข้างแล้วกดลงกับเตียง... นี่แหละ เพื่อนรัก หักเหลี่ยมโหด...
“เฮ้ย ไอ้โจ มึงหักหลังกูเหรอ สาดดดดดด”
“ฮ่าๆๆๆๆ กูเข้าข้างผู้ชนะเท่านั้นเว้ย”
หลังจากนั้นก็เป็นภาพของทีที่โดนกีต้าร์และโจรุมสกรัมโดยมีเสียงหัวเราะของกีต้าร์และโจเป็นดั่งดนตรีประกอบ ส่วนทีก็ดิ้นสู้สุดชีวิต แต่สุดท้ายก็เหนื่อยหอบ ยกมือขอยอมแพ้... เกม โอเวอร์... ฮ่าๆๆๆๆๆ
.
.
.
สามหนุ่มนอนนิ่งๆ เรียงกันอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อด้วยเลือดฝาด หายใจหอบ ใบหน้าเปื้อนยิ้ม...
“พวกเราไม่ได้เล่นปัญญาอ่อนกันแบบนี้มานานโคตรๆ แล้วเนอะ” ทีเอ่ยขึ้นหลังจากที่นอนฟังเสียงหอบของตัวเองและเพื่อนๆ ทั้งสองมาได้สักพัก
“เออดิ ไม่ได้มาบ้านมึงครบหน้ากันสามคนแบบนี้ก็นานแล้วด้วย” โจกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
“มึงว่า พอแก่ๆ กันไป พวกเราจะยังบ้าบอประสาทแดกกันแบบนี้ป่าววะ” กีต้าร์นึกสงสัย
“มึงอย่ามาใช้คำว่า [เรา] ในบริบทแบบนั้นเลยต้าร์ อย่าเอากูไปเหมารวมกับมึงสองคน” โจเอ่ยเสียงเรียบแต่แววตาขี้เล่น
“โหยยยยย ไอ้เทพบุตรสุดติ่ง มึงไปเลยนะ ไม่ต้องมาเกลือกกลั้วกับพวกกู” กีต้าร์โวยพลางเบี่ยงตัวหนีโจไปทางทีแทน แต่ทีก็ทำท่ารังเกียจแล้วเอาแขนและขายันกีต้าร์ไว้ไม่ให้เข้าใกล้
“ไอ้เชี่ยที!!!”
“ฮ่าๆๆๆๆๆ”
“พวกมึงนี่เชื่อใจไม่ได้เลยจริงๆ” กีต้าร์กล่าวพลางชุนิ้วแล้วชี้สลับไปมาที่ทีและโจ
“ฮ่าๆๆๆๆ อย่างกะมึงเชื่อใจได้อะ ไอ้เปี๊ยก”
“แม่ง กุอยู่กับพวกมึงไปจนแก่นี่ มีหวังได้เอาไม้เท้าขึ้นมาฟาดกันเป็นเด็กเล่นดาบ Star Wars”
“เฮอะ! กูว่า มึงคงไม่ได้มาเล่นกับพวกกูหรอก เพราะตอนนั้นมึงคงจะนั่งป้อนหมากไอ้พี่โบ๊ทอยู่แน่ๆ ฮ่าๆๆๆๆ”
“เชี่ย... คงไม่ได้อยู่ด้วยกันไปจนแก่ขนาดนั้นหรอกมึง” กีต้าร์กล่าวเสียงแผ่วพร้อมแววตาที่หม่นลงเล็กน้อย
“อ้าว ไมอะ” ทีหันไปถามเมื่อเห็นว่าท่าทางเพื่อนสนิทจะไม่ได้พูดเล่น
“เฮ้อออออออ” กีต้าร์ไม่ได้พูดอะไร แต่ถอนหายใจแทนคำตอบ
“คิดมากอะไรอีกละมึง” โจหันมาถามบ้าง รู้จักกันมานาน ดูแค่นี้ก็รู้ว่าเพื่อนอยู่ในภาวะคิดมาก
“ก็... ไม่ได้คิดมากหรอก... แค่คิดว่าต้องปลงนะ”
“ปลงไรมึง พูดอย่างกับจะบวช”
“ห่าที”
“ฮ่าๆๆๆ”
“สรุปว่ามึงคิดมากเรื่องไร” โจยังไม่หลุดประเด็น
“ก็... กูแค่คิดว่ากูไม่อยากยึดติดวะ... คือ... มันคงไม่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ไปตลอดหรอกมึง หมายถึงกูกับไอ้คุณโบ๊ทอะนะ... มึงคิดดูนะ สักวันพอโตๆ กันไป พอมีงานมีการทำ สังคมเราก็จะไม่ได้อยู่แค่ในนวงแคบๆ แบบนี้นะเว้ย มันต้องไปเจอกับอะไรอีกเยอะแยะ... เรื่องของกูกับไอ้คุณโบ๊ทมันคงจะกลายเป็นเรื่องที่คนอื่นๆ ไม่เข้าใจก็ได้... แล้ว พอโตๆ กันไป พอเพื่อนๆ ไอ้คุณโบ๊ทแต่งงานมีครอบครัว มึงคิดว่าไอ้คุณโบ๊ทมันจะไม่รู้สึกว่าอยากแต่งงานสร้างครอบครัวบ้างเหรอวะ...”
“มึงอย่าคิดมากดิวะ จะไปมองทำไมละ ไอ้อนาคตที่มันไม่ชัดเจน คาดเดาอะไรไม่ได้อะมึง” ทีเอ่ย
“เออใช่ ตอนนี้แม่งก็เห็นเดินจูงมือกันเยอะแยะ สังคมไทยเราเดี๋ยวนี้ไม่ได้ปิดกั้นขนาดนั้นหรอกมึง” โจเสริม
“มันเป็นเรื่องของพวกมึงสองคนนะเว้ย ไม่ใช่เรื่องของคนอื่น มึงอย่าเอาคนนอกมาคิดดิวะ”
“มันไม่เอามาคิดไม่ได้หรอกมึง... อย่างครอบครัวไอ้คุณโบ๊ทไง... เขาจะเข้าใจเหรอวะ”
“มึงพูดงี้ แปลว่าตอนนี้พ่อแม่ไอ้พี่โบ๊ทเขาระแคะระคายเรื่อของพวกมึงสองคนแล้วเหรอ” ทีพูด สีหน้าตกใจ
“ก็... ไม่เชิงวะ... แค่น้องสาวนะ”
“น้องเบลล์?”
“อือ... คือ... น้องเบลล์รู้แล้ววะ”
“เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย” ทีและโจตกใจพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
“ยังไง ได้ไงวะ” ทีเริ่มตื่นเต้น ถึงกับนอนไม่ติด ต้องดีดตัวลุกขึ้นมานั่งคุยเลยทีเดียว
“ก็... วันที่ไปเฝ้าน้องเบลล์ที่โรงบาล... น้องเบลล์ออกมาเห็นพวกกูวะ”
“เฮ้ยยยยย พวกมึงซัมบะลาฮึ่ยกันในโรงบาลเหรอวะ”
“เชี่ยที... ใช่ซะที่ไหนละ... คิดได้นะมึง!” กีต้าร์รีบปฏิเสธทันควัน
“ฮ่าๆๆๆๆ... ว่าแต่ พวกมึงไปทำอีท่าไหนถึงโดนเห็นเข้าวะ” โจหัวเราะกับความคิดของที
“ก็ไม่ได้มีอะไรหรอก มึง... นิดๆ หน่อยๆ แต่ใครเห็นก็ต้องรู้แหละ” กีต้าร์ไม่กล้าเล่ารายละเอียด ถึงจะแค่ยืนโอบแล้วโดนหอมเข้าที่ขมับก็เหอะ
“แล้วไงวะ น้องเบลล์รับไม่ได้?”
“รับได้ก็แปลกแล้วมึง”
“เออ ก็จริงของมึง... แต่ไอ้พี่โบ๊ทยังดูปกติอยู่เลยนะมึง” โจกล่าวพลางนึกถึงโบ๊ทที่เจอกันเมื่อวาน... ก็ดูปกติดีนี่
“ไม่รู้ดิ... เห็นบอกแค่ว่าทุกอย่างมันจะโอเค แต่ก็ยังไม่เห็นได้คุยอะไรกับน้องเบลล์นะ”
“ขนาดน้องสาวเขาแท้ๆ เขายังไม่คิดมากเลย มึงจะมาคิดมากทำไมวะ ต้าร์”
“อาจเป็นเพราะ... กู...”
“...” ทีตั้งใจฟังว่าต้าร์จะพูดอะไร
“...” โจก็ตั้งใจฟังไม่แพ้กัน แต่แล้ว...
“เฮ้อออ ไม่มีไรหรอก”
“เอ้า สัด!” ทีสบถก่อนจะยื่นขาไปยันสะโพกต้าร์เบาๆ
“พูดมาเลยมึง” โจเอ่ยแกมสั่ง
“...สลัดเอ้ย ไม่มีอะไร ช่างแม่งเหอะ... กูลืมไปแล้วว่าจะพูดว่าไร ฮ่าๆๆๆ” กีต้าร์บ่ายเบี่ยงแล้วตบท้ายด้วยขำกลบเกลื่อน... ใจจริงเขาอยากจะพูดออกไปว่า “อาจจะเป็นเพราะกูสบายใจที่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ จนไม่อยากจะให้อะไรเปลี่ยนไปแม้แต่น้อย” และนั่นก็เป็นสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้เขาคิดมาก... แต่ก็เลือกที่จะไม่พูดออกไป
“แถตลอดนะมึง” โจพูดแล้วโบกหน้าผากเพื่อนสนิทไปทีนึง
“ต้าร์... มึงเอาแต่แคร์ความรู้สึกคนอื่น แคร์ความคิดคนอื่น... คนนั้นจะคิดแบบนั้น คนนั้นจะมองแบบนี้... แต่มึงไม่แคร์เลยเหรอว่าไอ้พี่โบ๊ทจะรู้สึกยังไง ไม่แค่เลยเหรอว่าเขาจะคิดยังไง...” ทีทิ้งตัวลงนอนข้างๆ ร่างเล็กอีกครั้งก่อนจะเอ่ยออกมาน้ำเสียงจริงจัง
“แล้วตัวมึงเองอีกละ เอาแต่แค่ร์คนอื่น แต่ไม่แคร์ตัวเอง... มึงก็เป็นซะแบบนี้อะ” โจเสริม
“ขนาดน้องสาวจับได้ว่าคบกับมึง ไอ้พี่โบ๊ทมันยังทำตัวปกติ บอกให้มึงอย่าคิดมาก... มึงคิดเหรอว่ามันเป็นเรื่องสิวๆ อะ... กูเชื่อว่าจริงๆ แล้วไอ้พี่โบ๊ทก็คิดมากเหมือนกัน... แต่แทนที่มึงจะเป็นกำลังใจให้เขาทำให้น้องเบลล์เข้าใจ มึงกลับมานั่งคิดมากให้ไอ้พี่โบ๊ทต้องมาเป็นกังวลไปด้วยอีกคน... แบบนี้มันไม่ถูกนะเว้ย”
“จริงของมึงวะไอ้ที... ไอ้ต้าร์ พี่โบ๊ทเขารักมึงมากนะ ดูก็รู้ว่าเขาพร้อมจะเจออุปสรรคต่างๆ ถ้ามึงยังอยู่ข้างๆ เขา...”
“กูก็อยากอยู่ข้างๆ ได้ตลอดนะเว้ย... แต่บางทีกูก็กลัว...”
“มึงจะกลัวอะไรวะต้าร์ มึงไม่ได้ไปออกรบนะเว้ย หรือถ้านี่คือสงคราม มึงก็ยังมีไอ้พี่โบ๊ทอยู่ข้างๆ มีพวกกูอยู่ข้างหลัง มึงจะกลัวอะไร”
“หรือถ้ามึงกลัว มึงจะหลับตาไว้ข้างนึงก็ไม่เป็นไร แค่อย่าวิ่งหนีไปไหนก็พอ”
“...กูก็ไม่ได้วิ่งหนีสักหน่อยนิ”
“แต่มึงเอาแต่หลับตาทั้งสองข้าง เดินช้า ลังเล... มันถ่วงพี่โบ๊ทเขานะเว้ย”
“...” กีต้าร์รู้สึกจี๊ดขึ้นในอก ไม่เคยนึกมาก่อนว่าสิ่งที่ทีและโจพูดมานี้ มันเป็นจริงมาตลอด... จริงจนทำให้เขารู้สึกผิด
“กูเป็นเพื่อนมึงมานาน มึงก็เป็นเพื่อนรักของกู... เรื่องแบบนี้ไหนๆ มันจะผิดเพี้ยนมาขนาดนี้แล้ว เกรียนกับเกรียนมารักกันเนี่ย... ก็ทำให้มันสุดๆ เต็มที่ไปเลยดิวะ... มึงกล้าที่จะก้าวขาข้ามเส้นไปแล้วข้างหนึ่ง มึงจะปล่อยให้อีกข้างค้างคาอยู่ที่เดิมไม่ได้นะเว้ย ไม่งั้นมึงจะอยู่ที่เดิม... สุดท้ายไอ้สิ่งที่มึงกลัว ก็จะเกิดขึ้น เพราะไอ้พี่โบ๊ทมันพร้อมจะเดินไปข้างหน้ากับมึง แต่มึงมันลีลา... ถ้าพี่โบ๊ทเขาเลิกพยายาม ไม่รอมึงขึ้นมา มึงเองนะแหละที่จะเสียใจ” โจร่ายยาว ตอกย้ำร่างเล็กที่สีหน้าดูเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“แล้วถ้าข้างหน้ามันจะเป็นอะไร มึงก็ต้องช่วยพี่เขาฝ่าฟันไปดิวะ จะให้พี่เขาสู้อยู่คนเดียว มันไม่ถูกนะเว้ย” ทีกล่าวเสริม
“...อือ”
“...”
“...”
“กูเข้าใจละ... ขอบใจเว้ย”
“โอ้วววววว นี่แหละ ที่กูอยากได้ยิน... แม่ง เรื่องอื่นละฉลาดนัก แต่พอเรื่องรักๆ เรื่องความรู้สึกเนี่ย มึงแม่งโคตรโง่เลยวะต้าร์ กว่าจะเข้าใจอะไรได้แต่ละอย่าง ไม่เคยได้ดั่งใจกูเล๊ยยยยยยย” ทีกล่าวพลางพลิกตัวนอนคว่ำใช้ศอกยันตัวยกขึ้นแล้วจิ้มหน้าผากเพื่อนร่างเล็กย้ำๆ จนหัวสั่นหัวคลอน
“ไปเว้ย กูว่ากูได้กลิ่นอาหารแล้ว ลงไปดูกันดีกว่า” โจชวนราวกับเป็นเจ้าของบ้าน ว่าแล้วก็ดีดตัวลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงไปที่ประตู
“เอ้า พวกมึงจะกินไหม ข้าวเนี่ย... เร็วๆ ดิ กูหิวละ” เมื่อเห็นว่ากีต้าร์และทียังนอนอยู่ที่เดิมเลยหันไปเรียกอีกรอบ
.
.
เมื่อสามเกลอเดินลงมาชั้นล่าง ก็เห็นว่าโต๊ะอาหารยังว่างเปล่า เลยพากันเดินเข้าครัว... โป๊ะเช๊ะ! แจ๊คพ็อตเลยครับพี่น้อง... เพราะอาหารยังทำไม่เสร็จ ทั้งสามหนุ่มเลยโดนเรียกให้ไปช่วยทำโน่นทำนี่... ส่วนไอ้เจ้าต้าร์ก็เข้าประจำตำแหน่งปั้นแป้งฮะเก๋า... ปั้นไปก็คิดถึงคำพูดของโจและทีอยู่ในหัว
.
มึงไม่แคร์เลยเหรอว่าไอ้พี่โบ๊ทจะรู้สึกยังไง ไม่แค่เลยเหรอว่าเขาจะคิดยังไง
.
ดูก็รู้ว่าเขาพร้อมจะเจออุปสรรคต่างๆ ถ้ามึงยังอยู่ข้างๆ เขา
.
ถ้านี่คือสงคราม มึงก็ยังมีไอ้พี่โบ๊ทอยู่ข้างๆ มีพวกกูอยู่ข้างหลัง มึงจะกลัวอะไร
.
ถ้ามึงกลัว มึงจะหลับตาไว้ข้างนึงก็ไม่เป็นไร แค่อย่าวิ่งหนีไปไหนก็พอ
.
มึงเอาแต่หลับตาทั้งสองข้าง เดินช้า ลังเล... มันถ่วงพี่โบ๊ทเขานะเว้ย
.
มึงกล้าที่จะก้าวขาข้ามเส้นไปแล้วข้างหนึ่ง มึงจะปล่อยให้อีกข้างค้างคาอยู่ที่เดิมไม่ได้นะเว้ย ไม่งั้นมึงจะอยู่ที่เดิม... สุดท้ายไอ้สิ่งที่มึงกลัว
.
ถ้าพี่โบ๊ทเขาเลิกพยายาม ไม่รอมึงขึ้นมา มึงเองนะแหละที่จะเสียใจ
.
มึงต้องช่วยพี่เขาฝ่าฟันไปดิวะ จะให้พี่เขาสู้อยู่คนเดียว มันไม่ถูกนะเว้ย .
.
กีต้าร์นั่งถอนหายใจให้กับตัวเอง คิดไปคิดมาก็รู้สึกผิด... คงได้เวลาที่เขาต้องเริ่มใหม่ คิดใหม่... ต้องกล้าที่จะเผชิญหน้ากับสิ่งต่างๆ ให้มากกว่านี้... ต้องกล้าที่จะแสดงออกถึงความรู้สึกให้ชัดเจนกว่านี้... อย่างน้อยก็อยากให้โบ๊ทรับรู้ว่าเขาเองก็พร้อมจะอยู่ข้างๆ และเดินไปด้วยกัน... อาจจะไม่เร็วทันใจ อาจจะไม่ได้ก้าวกระโดด แต่เขามั่นใจว่าเขาจะพยายาม... พยายามเดินไปข้างหน้าให้เร็วกว่านี้ ให้ถ่วงโบ๊ทน้อยลง... ต้องเดินไปข้างหน้าอย่างไม่ลังเล ไม่หวั่นไหว... ต้องไม่กลัวที่จะเผชิญกับความกลัวและความไม่แน่นอน...
.
.
.
มื้ออาหารค่ำมื้อใหญ่กับอาหารหลากหลายเต็มโต๊ะกลม มีสมาชิกร่วมโต๊ะอาหารนับสิบชีวิต พร้อมหน้าพร้อมตาครอบครัวของที บวกกับไอ้เจ้ากีต้าร์และโจที่สนิทสนมกับทุกคนราวกับเป็นสมาชิกของครอบครัวนี้ด้วยเลยทีเดียว
หลังจากอิ่มจนแทบจุกกันทั้งสามคนแล้ว ก็พากันออกไปเดินเล่นเรื่อยเปื่อย พูดคุยตามประสาเพื่อนสนิทกันหลายเรื่อง เดินกันไปก็แกล้งกันไป ไล่เตะกันบ้าง โบกกันบ้างตามประสา... เมื่อเดินผ่านร้านสะดวกซื้อ กีต้าร์ก็นึกขึ้นได้ว่าพวกเขายังไม่ได้ฉลองที่สอบเสร็จกันเลย... ว่าแล้วก็ลากเพื่อนทั้งสองเข้าไปซื้อเบียร์มา 6 กระป๋อง แล้วพากันเดินไปนั่งดื่มนั่งคุยกันอยู่ริมฟุตบาทในซอยเงียบๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากถนนใหญ่ที่เป็นย่านค้าขาย ผู้คนเดินเลือกซื้อของกินกันอย่างคึกคัก
นั่งคุยกันจนดึก ทีก็โดนม๊าโทรตามให้กลับบ้านพร้อมคำขู่ว่า “ถ้ากลับช้าจะปิดประตูบ้าน ปล่อยให้นอนนอกบ้านแล้วนะ”... ได้ยินเช่นนั้นก็เลยพากันเดินกลับบ้าน แต่ก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรนักหรอก เพราะรู้ว่าม๊าแค่ขู่เฉยๆ แต่ที่กลับบ้านกันเลยก็เพราะเกรงใจที่ม๊าต้องคอยเปิดประตูให้ต่างหากละ...
สามเกลอขึ้นไปนอนคุยกันต่อบนห้อง โดยขนผ้าห่มและหมอนทั้งจากในตู้และบนเตียงมากองที่พื้นแล้วนอนเรียงกันสามคน... เตียงก็ไม่ได้เล็กหรอกนะ แต่จะให้นอนกันสามคนก็อาจจะไม่สบายตัวเท่าไร เลยเลือกลงมานอนบนพื้นดีกว่า...
นอนคุยกันอยู่อีกเป็นชั่วโมง จนกระทั่งบรรยากาศในห้องนอนของทีค่อยๆ เงียบลง เงียบลง... มีเสียงอีกทีก็คือเสียงลมหายใจของทั้งสามหนุ่มที่นอนเรียงกันอยู่บนพื้น หายใจเป็นจังหวะสม่ำเสมอ...
.
.
.
ยามสายวันถัดมา ทั้งสามหนุ่มตื่นขึ้นมาก็ผลัดกันอาบน้ำแต่งตัวแล้วลงไปกินข้าว ก่อนจะได้เวลาแยกย้ายกลับ... ทีต้องเก็บกระเป๋าเตรียมตัวเดินทางไปสิงคโปร์... โจก็ต้องกลับบ้านไปเตรียมของไปต่างจังหวัดกับครอบครัว... ส่วนต้าร์ก็ต้องกลับคอนโดฯ...
กีต้าร์ไหว้ลาญาติของทีและโบกมือลาเพื่อนๆ ก่อนจะขึ้นแท๊กซี่กลับคอนโดฯ... นั่งไปได้สักพักก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาพิมพ์ข้อความไปบอกร่างสูงสักหน่อยว่ากำลังกลับ ส่งไปได้เพียงอึดใจร่างสูงก็ส่งกลับ เลยกลายเป็นคุยกันผ่าน sms ไปเกือบตลอดทาง...
:: แป๊กเสียบ :: กำลังกลับแล้วนะ
:: โมโจ โจโจ้ :: มีฮะเก๋ามาฝากป่าว
:: แป๊กเสียบ :: ในมือมีฮะเก๋าอยู่ถุงนึง แต่ไม่ได้เอาไปฝากหรอกนะ ;P
:: โมโจ โจโจ้ :: ใจร้ายวะ
:: แป๊กเสียบ :: เดี๋ยวแบ่งให้ 3 ชิ้น
:: โมโจ โจโจ้ :: 3 ชิ้นก็ได้ แต่ต้องป้อนด้วยปากนะ
:: แป๊กเสียบ :: งั้นเอาไปทั้งถุงเลย แสดดดด
:: โมโจ โจโจ้ :: จะ 3 ชิ้นหรือทั้งถุงก็เงื่อนไขเดิมนะ
:: แป๊กเสียบ :: ไม่ต้องกินละ
:: โมโจ โจโจ้ :: จะปล่อยให้โบ๊ทอดเหรอ ยังไม่ได้กินข้าวเลยเนี่ย
:: แป๊กเสียบ :: อ้าว ก็ไปซื้อกินสิ รอไรอยู่
:: โมโจ โจโจ้ :: ไม่กินอะ ไม่อยากกินคนเดียว
:: แป๊กเสียบ :: ก็ไปขอนั่งกับโต๊ะอื่นดิ ร้านป้าคนกินเยอะแยะ
:: โมโจ โจโจ้ :: งั้นเดี๋ยวลงไปดูก่อน มีโต๊ะคนน่ารักไหม
:: แป๊กเสียบ :: คิดว่าจะหึง?
:: โมโจ โจโจ้ :: แล้วหึงปะละ
:: แป๊กเสียบ :: ... -*-
:: โมโจ โจโจ้ :: ล้อเล่น ใกล้ถึงยัง
:: แป๊กเสียบ :: ไม่น่าเกิน 30 นาที
:: โมโจ โจโจ้ :: กินข้าวมายัง
:: แป๊กเสียบ :: ยัง... (FlapJack: โกหกชัดๆ)
:: โมโจ โจโจ้ :: งั้นรอไปกินด้วยกันนะ
:: แป๊กเสียบ :: อือ หรือจะให้ซื้อขึ้นไปให้ไหม จะได้ไม่ต้องเสียเวลาอ่านหนังสือ
:: โมโจ โจโจ้ :: ไม่เอาอะ อยากลงไปกินข้างล่างมากกว่า
:: แป๊กเสียบ :: โอเครับคุณชาย
:: โมโจ โจโจ้ :: มาไวๆ นะ หิว เหงา อยู่คนเดียว T.T
:: แป๊กเสียบ :: เว่อร์ตลอดนะคุณ!!
:: โมโจ โจโจ้ :: 555+ มาไวๆ นะ บอกพี่แท๊กซี่เลยว่าแฟนรอกินข้าว
:: แป๊กเสียบ :: ตลกตลอด! แค่นี้นะ เปลืองตังค์
:: โมโจ โจโจ้ :: ครับ
.
นั่งพิมพ์ไปก็ยิ้มไป... ว่าแล้วก็หันไปบอกพี่แท๊กซี่...
“พี่ครับ เหยียบเลยพี่ แฟนผมรอกินข้าวอยู่”พูดเองก็เขินเองวุ้ยยยยยยย คนเรา!
พี่แท๊กซี่ก็จัดให้ เหยียบให้เต็มที่ ซิกแซกเต็มฝีมือ จนพาผู้โดยสารร่างเล็กมาถึงที่หมายได้เร็วขึ้นเยอะ... เมื่อมาถึงคอนโดฯ กีต้าร์ก็รีบขึ้นลิฟท์ไปชั้นเจ็ดโดยทันที...
~ ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก ~
ร่างเล็กเคาะประตูห้อง 707 พอเป็นพิธีก่อนจะเปิดแง้มเข้าไป... จากที่คาดว่าจะเห็นร่างสูงนั่งอ่านหนังสืออยู่คนเดียวในห้อง กลับกลายเป็นว่ามีลิงทะโมนฝูงใหญ่นั่งติวหนังสือกันอยู่หน้าโซฟา... ทั้งลิงเต็ม ลิงแบงก์ ลิงว่าน และลิงภูเขา!!
...ฮืมมมม ไหนว่าอยู่คนเดียวไง ไอ้ลิงหลอกลวง!!!
แก๊งค์ลิงพร้อมใจกันหยุดคุยแล้วหันหน้ามามองผู้มาเยือนที่ยืนหน้าเม็นบูดอยู่ที่ประตูห้อง...
“ไอ้โบ๊ท... ของมึงอะ” เต็มหันไปบอกร่างสูงที่เอาแต่นั่งยิ้มอยู่บนโซฟา สายตาจับจ้องไปที่ร่างเล็ก...
“เดี๋ยวกูไปกินข้าวก่อนนะ” โบ๊ทเอ่ยบอกเพื่อนๆ ก่อนจะดีดตัวลุกจากโซฟาแล้วเดินตรงไปหาต้าร์ที่หน้าประตู... ตามมาด้วยคำแซวประมาณว่า “ตอนพวกกูกินข้าวเสือกไม่กิน ที่แท้ก็รอกินพร้อมกันนี่เอง ฮิ๊ววววว” โบ๊ทไม่สนใจคำแซว เอาแต่เดินยิ้มแป้นไปหากีต้าร์ก่อนจะฉวยเอาถุงและกระเป๋าเป้จากร่างเล็กมาถือไว้แล้วเดินเอาฮะเก๋าไปใส่ตู้เย็น และเอากระเป๋าเป้ไปวางไว้ในห้องนอน...
.
.
“โกหกกันนี่หว่า” เมื่อเดินออกมานอกห้อง กีต้าร์ก็เอ่ยขึ้นลอยๆ แต่กระทบโบ๊ทเต็มๆ
“ก็... อยากให้มีคนเห็นใจบ้าง” โบ๊ทพูดพร้อมรอยยิ้มตาหยี... กีต้าร์หันไปเหล่ตามอง เห็นรอยยิ้มแล้วก็โกรธไม่ลง... ว่าแล้วก็ยื่นมือไปคว้ามือโบ๊ทมาจับไว้ ทำเอาโบ๊ทประหลาดใจเล็กๆ
“พาเดินหน่อย” กีต้าร์หันไปบอกโดยที่หลับตาไวข้างหนึ่ง ส่วนมือก็ยังจับมือโบ๊ทไว้ไม่ยอมปล่อย
“หือ?” โบ๊ทงง ที่อยู่ๆ ร่างเล็กก็มาจับมือและหลับตาข้างหนึ่ง... แปลกๆ
“เดินไปเหอะน่า” กีต้าร์ออกปากสั่ง
ถึงแม้จะงงๆ แต่ร่างสูงก็ก้าวขาออกเดินตามที่ร่างเล็กต้องการ... ซ้าย ขวา ซ้าย
กีต้าร์ออกเดินตาม โดยเดินเท้าข้างเดียวกันกับร่างสูง... ซ้าย ขวา ซ้าย
“ทำอะไรของเอ็งเนี่ย”
“เปล่า...”
“เจ็บตาเหรอ”
“เปล่า...”
ภาพสุดท้ายเป็นภาพของชายหนุ่มสองคนที่เดินจับมือกันไปตลอดทางเดิน เดินพร้อมกัน เท้าข้างเดียวกัน... แต่ต่างกันตรงที่โบ๊ทนั้นลืมตาทั้งสองข้าง ส่วนกีต้าร์เดินหลับตาลงข้างหนึ่ง ด้วยความคิดว่า สักวัน เขาจะกล้าเดินไปกับโบ๊ทโดยที่เปิดตาทั้งสองข้างเพื่อรับรู้สิ่งต่างๆ และเผชิญหน้ากับทุกสิ่งได้อย่างมั่นใจ... ไม่กลัว
เมื่อเข้าไปในลิฟท์ ก็พบกับโปสเตอร์สีขาวดำที่มีตัวอักษรไทยเขียนไว้ตัวใหญ่ๆ ว่า...
โปรดติดตามตอนต่อไป.
.
.
-------------------------------------------
[Bonus หลังไมค์] ตอน ทำไม?
บนรถ BMW สีดำของโบ๊ทระหว่างทางกลับคอนโดฯ
โบ๊ท: เปี๊ยก
กีต้าร์: หืม?
โบ๊ท: ตอนแรกเห็นเอ็งหลับในห้องสอบอะ นึกว่าทำข้อสอบเสร็จแล้วซะอีก
กีต้าร์: ยัง... ตอนนั้นเพิ่งทำไปได้ 3 ข้อเอง
โบ๊ท: อ้าว ยังทำไมเสร็จ แล้วทำไมถึงหลับละ
กีต้าร์: ก็... ผมปวดฉี่อะ
โบ๊ท: ห๊ะ?
กีต้าร์: ตอนนั้นมันปวดฉี่ ปวดมาก จะราดแล้ว แต่เห็นคนอื่นขออาจารย์ไปเข้าห้องน้ำแล้วอาจารย์ไม่ให้ เลยไม่รู้จะทำยังไง
โบ๊ท: ก็เลยหลับซะเลย?
กีต้าร์: อือ เผื่อว่าตื่นขึ้นมาจะหายปวด เพราะตอนหลับเราจะไม่รู้สึกใช่ปะละ
โบ๊ท: ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่เกรียนคิดไม่ได้นะ... แล้วตื่นมาแล้วหายปวดไหม
กีต้าร์: ...ไม่
โบ๊ท: กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก บอกแล้วว่าให้ฉี่ก็ไม่เชื่อ
กีต้าร์: -*--------------------------------------------
[อ่าน FlapJack Corner ที่คอมเม้นท์ #1841]