[แจ้งข่าวหน้า1]红孔雀 นกยูงแดง (มาเฟีย?vsตำรวจ SMนะ!-จบ) แปะรูปp40 :9/9/2554
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

ระหว่างพญานกยูงแดง หงคงฉ่วย กับนายตำรวจเถรตรง ลู่อี้เผิง ท่านๆ ชอบใครมากกว่ากันคะ^^

ต้องหงคงฉ่วยอยู่แล้ว ราชินีฉัน เริ่ด และแสบสนิทขนาดนี้!!
ต้องเผิงเผิงน้อยอยู่แล้ว เมะอะไร มันจะน่ารักน่าแกล้งขนาดนี้!!

ผู้เขียน หัวข้อ: [แจ้งข่าวหน้า1]红孔雀 นกยูงแดง (มาเฟีย?vsตำรวจ SMนะ!-จบ) แปะรูปp40 :9/9/2554  (อ่าน 610264 ครั้ง)

ออฟไลน์ Acacha

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-2

ออฟไลน์ kny

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1800
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-15

ออฟไลน์ MiU

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 229
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-3
เข้ามาอ่านเรื่องที่สองแล้ว ภาษาสุดยอดเหมือนเดิมเลย >[]<

ออฟไลน์ kisssky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 103
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
สุดยอด ราชินีแสบได้ใจเลย

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
555+ มาอัพเรื่องนี้ได้ต่อเนื่องราวกับว่างมาก (สายลับล่ะฟะ!!! ตอน53เพิ่งเขียนใหม่ไปได้สามหน้า /เอาหัวโขกฝา  :serius2:)

เรื่องนี้เขียนง่าย เขียนสนุกอีกแล้วล่ะ.... :-[ (เพราะมันตลกแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก เราเลยเขียนได้ไวนี่เอง<<จริงเดะ?)

ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะคะ :impress2:

-----------------------------------------------------------------

红孔雀นกยูงแดง 3
   ร่ำลือกันมาร่วมสามสิบปีแล้ว ว่าหงคงฉ่วยนั้นคือองค์กรลึกลับ ว่าหงคงฉ่วยนั้นเป็นองค์กรนอกกฎหมาย ว่าผู้นำของหงคงฉ่วยนั้นเป็นอมตะ....
   แต่ว่าในความจริงแล้ว... หงคงฉ่วยเป็นแบบไหนกันเล่า?
------------------------------------------
   เสียงระฆังจากนาฬิกาลูกตุ้มดังเหง่งหง่างให้ได้ยินไปทั่วทั้งคฤหาสน์ไปตอนหกโมงเช้า หงคงฉ่วยไถลตัวลงจากเตียงนอนผ้าไหมหลังใหญ่ และผงกศีรษะกับคำอรุณสวัสดิ์ของแปะชิกชิก ที่เข้ามาพร้อมกับพ่อบ้านคนสนิท จากนั้นก็เริ่มอาบน้ำแต่งตัว รวมเวลาแล้วประมาณห้านาทีเห็นจะได้ จากนั้นพ่อบ้านคนสนิทก็จะส่งหมายกำหนดการประจำวันให้เขา
   “คุณเสิ่นประชุมเช้าจัง กำหนดการนี้ไม่เปลี่ยนแล้วแน่หรือ?” หงคงฉ่วยหันมาถาม หลังกวาดตามองกระดาษแจ้งหมายกำหนดการของวันรอบหนึ่งแล้ว คนเป็นพ่อบ้านสั่นศีรษะ อีกฝ่ายพยักหน้าหงึกๆ
   “เอาล่ะๆ ฉันจะไปทางอุโมงค์แปด บอกคนให้เตรียมรถ เอาไปสักสองคันก็พอ ฉันจะไปในฐานะชุ่ยชุ่ย”
   “ครับ” พ่อบ้านรับคำ แล้วถอยออกไป
----------------------------------------------------
แปดโมงตรง.... ตึกใหญ่ของตระกูลเสิ่น
   “คุณซือ ตรงเวลาเสมอเลยนะครับ” เสิ่นเปาเอ่ยทักทายเด็กหนุ่มอายุราวๆ ยี่สิบห้ายี่สิบหกที่หวีผมเรียบร้อย ซึ่งกำลังก้าวเท้าเดินเข้ามาในห้องประชุม คุณซือ หรือชื่อเต็มๆ คือซือชุ่ย แย้มยิ้มให้กับผู้ทักทายตามมารยาท
   “หงคงฉ่วยตรงเวลาเสมอครับ ผู้ร่วมประชุมคนอื่นล่ะ?”
   “ยังมาไม่ถึงเลย คุณนั่งก่อนสิ” เสิ่นเปาพูด และเชื้อเชิญให้ซือชุ่ยนั่งลง
   “อันที่จริง ผมเชิญคุณมาก่อนคนอื่นสักหน่อย ผมมีเรื่องอยากคุยกับคุณเป็นการส่วนตัวน่ะ” เสิ่นเปาพูดต่อ หลังจากที่ซือชุ่ยนั่งลงแล้ว เด็กหนุ่มกลอกตามองเขา แล้วถามยิ้มๆ “เรื่องอะไรหรือครับ?”
   “ผมรู้ว่าเรื่องที่จะพูดอาจจะทำให้คุณลำบากใจ หุ้นส่วนหลายคนของเราสงสัยฐานะของหงคงฉ่วย เราอยากรู้ที่มาของแหล่งเงินทุนของเจ้านายคุณ ไม่ต้องละเอียดหรอกนะครับ แค่ให้เราพอแน่ใจว่าเงินทุนพวกนี้จะไม่หายไปกลางคันเท่านั้นเอง”
   ซือชุ่ยปั้นรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า แล้วพูดตอบ “หงคงฉ่วยมีมาตรฐานนะครับ ผมยังไม่เคยเห็นเจ้านายเบี้ยวเงินใครมาก่อน ส่วนเขาจะหาเงินมาจากไหนนั้น อันนี้ผมก็ไม่ทราบจริงๆ ”
   “ขอร้องเถอะนะครับ คุณซือ พวกเราน่ะปรึกษากันแล้ว แต่ไม่อยากจะกดดันคุณ เลยให้ผมมาคุยก่อนเป็นการส่วนตัว ธุรกิจของผู้ร่วมหุ้นคนอื่นๆ เรารู้กันเปิดเผยอยู่แล้ว แต่คุณ... หงคงฉ่วยไม่ใช่นี่ครับ พวกคุณไม่มีบริษัท ไม่มีรายงานผลประกอบการ การลงทุนคราวนี้มีความเสี่ยง ถ้าคุณเกิดหายไปกลางคัน...”
   “คุณเสิ่นครับ” ซือชุ่ยพูดตอบ “หงคงฉ่วยของเราร่วมหุ้นกับบริษัทคุณมาตั้งแต่รุ่นพ่อคุณ เรายังไม่เคยเบี้ยวเลยสักครั้ง มีใครใช้ให้คุณเขี่ยเราออกใช่ไหมครับ?”
   เสิ่นเปาทำหน้าลำบากใจ “คุณซือครับ พูดกันตรงๆ เลยนะครับ ผู้บริหารรุ่นคุณพ่อผมก็ทยอยกันเสียชีวิตไม่ก็เกษียณตัวเองกันไปหมดแล้ว ตอนนี้คณะผู้บริหารก็เป็นคนรุ่นเดียวกันกับผมกับคุณทั้งหมด โลกสมัยนี้เขาไม่เชื่อเครดิตเก่ากันแล้วนะครับ อีกอย่าง พวกเราไม่เคยเห็นตัวจริงของเจ้านายคุณ ไม่มีใครเคยเห็น แถมยังไม่รู้ว่าเขาทำธุรกิจอะไร คุณคงเข้าใจสถานการบีบบังคับนี้นะครับ”
   ซือชุ่ยมีสีหน้าลำบากใจ “คุณเสิ่น... ผมพอเข้าใจคุณหรอกนะ เอาอย่างนี้แล้วกัน ผมจะโทรไปถามเขาว่าเราจะเปิดเผยธุรกิจของเราได้สักเท่าไหร่ แบบนี้คงพอจะสบายใจกันทั้งสองฝ่ายสินะ”
   ชายหนุ่มกล่าว และผุดลุกขึ้น หายออกไปนอกห้องพักหนึ่ง ก่อนจะกลับเข้ามา
   “ผมบอกคุณได้ไม่กี่อย่างนะครับ คุณเสิ่น” หยุดไปพักหนึ่ง ซือชุ่ยจึงพูดต่อ “เจ้านายผมมีธุรกิจสัมปทานน้ำมันอยู่กับบริษัทFของอเมริกา แล้วก็ธุรกิจยาที่เยอรมันครับ ทั้งหมดนี้คุณใช้ชื่อหงคงฉ่วยเช็กได้เลย”
   เสิ่นเปาเลิกคิ้ว “หงคงฉ่วยเป็นชื่อเจ้านายคุณจริงๆ รึ?”
   ซือชุ่ยตอบยิ้มๆ “เราถือหุ้นในนามบริษัทนะครับ เราจดทะเบียนในอเมริกา”
   “อ้อ...” เสิ่นเปาร้อง และโทรศัพท์บ้าง ซือชุ่ยรอจนเขาคุยโทรศัพท์เสร็จ จึงพูดต่อด้วยสีหน้าจริงจัง “เรื่องนี้เป็นความลับนะครับคุณเสิ่น นอกจากคุณแล้ว ห้ามบอกให้ใครรู้อีกนะครับ”
   “ครับๆ ” เสิ่นเปาพูดและยิ้ม “ถ้าข้อมูลตรง ผมจะยืนยันในที่ประชุมเองว่าหงคงฉ่วยมีฐานะการเงินที่ดี เรื่องนี้คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ”
   “ขอบคุณนะครับ” ซือชุ่ยตอบและยิ้มกว้าง
--------------------------------------------------------
    เพราะมีเสิ่นเปาช่วยยืนยันแข็งขัน การประชุมจึงจบลงโดยราบรื่น ซือชุ่ยเดินหอบเอกสารออกมาจากห้องประชุม และบอกขอบอกขอบใจเสิ่นเปาเป็นการใหญ่ พอเดินปลีกตัวออกมาได้สักหน่อย ใครบางคนก็เรียกเอาไว้ “คุณซือ”
   ซือชุ่ยหันหน้ากลับไปมอง และพบว่าเป็นชายหนุ่มร่างใหญ่ที่มีชื่อเรียกว่าฉินเฉิงเอิน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ร่วมหุ้นในคราวนี้
   “มีอะไรหรือครับ?” ซือชุ่ยเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ และหยุดฝีเท้าลง
   “เจ้านายคุณ... หงคงฉ่วย ทำธุรกิจอะไรกันแน่หรือครับ?”
   “ผมบอกคุณไม่ได้หรอกครับ แต่คุณเสิ่นยืนยันแล้ว คุณก็น่าจะเลิกสงสัยได้แล้วนะครับ” ซือชุ่ยตอบ ฉินเฉิงเอินพยักหน้า จากนั้นจึงถามออกมาอีก “คุณซือครับ ผมขอเวลาคุยกับคุณเป็นการส่วนตัวสักครู่ได้ไหมครับ เรื่องความลับน่ะ”
   ซือชุ่ยขมวดคิ้ว ก่อนจะพยักหน้าให้คนที่รอรับอยู่ถอยออกไป “มีเรื่องอะไรอีกหรือครับ?”
   “ถ้าละลาบละล้วงไป ผมขอโทษด้วยนะครับ คือผมอยากรู้ว่า คุณกับหงคงฉ่วยเป็นอะไรกันแน่ครับ ญาติ พี่น้อง พ่อลูก หรือว่าเจ้านายลูกน้องเฉยๆ ”
   “ผมเป็นแค่ลูกน้องเขาเฉยๆ ครับ” ซือชุ่ยตอบ ฉินเฉิงเอินพยักหน้า “งั้นเขาก็คงไว้ใจคุณมากสินะครับ ได้ยินว่าคุณทำงานกับเขามาได้หกปีแล้ว”
   “ครับ แทนคนเก่าที่ลาออกไปน่ะ”
   คนถามพยักหน้าอีก “งั้น... คุณกับลูกน้องคนเก่าของเขาก็คงเป็นญาติกัน”
   ชือชุ่ยหัวเราะขึ้นมา “เปล่า ผมไม่ได้รู้จักกับเขาเลยนะ”
   “แต่เขาหน้าคล้ายคุณพอสมควรเลยนะ” ฉินเฉิงเอินพูด แล้วหยิบรูปถ่ายเก่าๆ ออกมาใบหนึ่ง “จิมมี่ นี่ชื่อคุณก่อนหน้าจะเป็นซือชุ่ยรึเปล่าครับ?”
   ซือชุ่ยเบิ่งตามองรูป ก่อนจะหัวเราะออกมา “บังเอิญจังนะครับ สงสัยว่าผมคงหน้าตาคล้ายเขา นายท่านเลยรับผมเข้าทำงาน แหม.. ผมนี่โชคดีจริงๆ ”
   “เลิกเล่นลิ้นสักทีเถอะ หงคงฉ่วย คุณคิดว่าจะปิดบังตัวเองไปได้อีกสักกี่น้ำ” ฉินเฉิงเอินพูดเสียงเข้ม สีหน้าจริงจังขึ้นมาทันที คราวนี้ซือชุ่ยหุบยิ้ม พลางตวัดสายตามองดูคนตรงหน้า
   “เฉิงเอิน มีใครเคยบอกคุณรึเปล่า ว่าหงคงฉ่วยคืออะไร?”
   “ไม่มีใครบอกผมหรอก แต่ผมจะบอกคนอื่นเดี๋ยวนี้แหละ”
   ยังไม่ทันที่ซือชุ่ยจะได้ขยับตัว ปืนกระบอกหนึ่งก็จ่ออยู่ที่เอวของเขาเรียบร้อยแล้ว
   “นี่นะหรือ หงคงฉ่วยในตำนาน คุณมันก็แค่ไอ้เฒ่าทารกหน้าอ่อนคนหนึ่งเท่านั้นแหละ”
   ซือชุ่ยขบริมฝีปากทีหนึ่ง ก่อนจะเค้นรอยยิ้มออกมา “เฉิงเอิน ผมถามคุณเรื่องหนึ่ง คุณคือคนที่เสนอให้คนอื่นตรวจสอบฐานะการเงินผมใช่ไหม?”
   “อืม” เฉิงเอินพยักหน้า “แต่ถึงผมไม่พูด ทุกคนก็สงสัยคุณอยู่แล้วล่ะ เอาล่ะ คงฉ่วยเซียงเซิน เรามาตกลงอะไรดีๆ กันดีกว่า คุณทำธุรกิจอะไรอยู่บ้าง ตอนนี้น่ะ”
   “เสิ่นเปายังไม่บอกคุณรึ?”
   เฉิงเอินแค่นยิ้ม “เสิ่นเปาน่ะ ถึงจะเป็นหัวอ่อนก็จริง แต่เรื่องความลับนี่ไม่ยอมคายเลยเชียวล่ะ สมอยู่ที่พ่อเขาทำธุรกิจร่วมกับคุณมาได้เป็นสิบๆ ปี ผมเค้นเขา สู้มาเค้นคุณดีกว่า ถ้าไม่อยากเจ็บตัวล่ะก็ บอกผมมาดีๆ ผมรู้ว่าถ้าคุณตายสักคน หงคงฉ่วยก็คงสิ้นชื่อน่ะแหละ”
   ซือชุ่ยยิ้มแล้วพูดต่อ “คุณอยากจะรู้ธุรกิจของหงคงฉ่วยไปทำไม”
   “จะดูว่าผมทำอะไรแทนคุณได้บ้างไง” เฉิงเอินตอบ “คุณสละให้ผมสักสองสามธุรกิจก็ได้ แล้วผมจะปิดความลับของคุณให้สนิท”
   “อืม.. ฉันค่อยเห็นด้วยกับวิธีปิดความลับแบบนี้สักเท่าไหร่” ซือชุ่ยว่า เฉิงเอินเหนี่ยวไกปืนในมือทันที
   !!
------------------------------------------------------------
   กลิ่นเหมือนเหล็กไหม้ไฟทำให้ฉินเฉิงเอินรู้สึกตัวตื่นขึ้น และพบว่าตัวเองถูกมัดไว้ด้วยเชือกผูกเรือ หลังจากพยายามขยับตัวอย่างตื่นตระหนกพักหนึ่ง เสียงของใครบางคนก็ดังขึ้น
   “ไง คุณชายฉิน เจอกันอย่างเป็นทางการสักทีนะ”
   ฉินเฉิงเอินเงยหน้ามองขึ้นไป และเห็นผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้บุหนังตัวใหญ่ ที่ไหล่ของเขาคลุมด้วยเฟอร์สีขาวเกลี้ยง แสงไฟสลัวที่ส่องลงมา สะท้อนให้เห็นเครื่องหน้าคมคายที่ปรากฏอยู่บนรูปหน้าเกลี้ยง
   “เหอะ! ซือชุ่ย... สรุปแล้วแกคือหงคงฉ่วยจริงๆ สินะ”
   หงคงฉ่วยแย้มยิ้มในแสงสลัว “คุณฉลาดพอตัวอยู่นะ เฉิงเอิน แต่ก็ยังฉลาดไม่พอ ผมรู้ว่าหลายคนเคยสงสัยว่าซือชุ่ยกับผู้ช่วยคนเก่าของผมใช่คนเดียวกันรึเปล่า สงสัยกระทั่งว่าซือชุ่ยคือผมหรือเปล่า เหมือนกับคุณนี่แหละ แต่ทำไมพวกเขาไม่ทำแบบคุณรู้ไหม?” เว้นจังหวะพักหนึ่ง หงคงฉ่วยจึงพูดต่อ “เพราะเขาฉลาดกว่าคุณไงล่ะ เขาฉลาดพอที่จะรู้ว่าไม่ควรจะสงสัยอะไรในคำว่าหงคงฉ่วย”
   ฉินเฉิงเอินถลึงตามองคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า ก่อนจะพูดออกมา “แล้วจะทำอะไรล่ะ จะฆ่าผมทิ้งรึ? คุณคิดว่าคนตระกูลฉินจะอยู่เฉยหรือไง?”
   “ใจเย็นๆ คุณชายฉิน ฉันยังไม่ได้พูดสักคำว่าจะฆ่าคุณ ไม่ต้องรีบร้อนจะตายตอนนี้ก็ได้” หงคงฉ่วยพูดยิ้มๆ “ฉันมีข้อเสนอดีๆ ให้คุณ มีใครเคยเล่าให้คุณฟังแล้วหรือยัง ว่าการพบกับหงคงฉ่วยต้องทำอะไรบ้าง”
   “หยุดพูดพล่ามแล้วว่ามาตรงๆ เลยดีกว่า” ฉินเฉิงเอินพูดเสียงกร้าว ทำเอาหงคงฉ่วยถอนหายใจเฮือกใหญ่ “แย่ๆ เดี๋ยวนี้พ่อแม่เขาไม่สอนลูกสอนหลานเรื่องหงคงฉ่วยแล้วหรือนี่” พูดจบก็ถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะทอดตาลงมองผู้ที่นั่งอยู่ตรงหน้า
   “คุณชายฉิน เรามาตกลงทำธุรกิจกันดีกว่า ถ้าคุณผ่านการทดสอบของฉัน ฉันจะร่วมหุ้นธุรกิจกับคุณ และให้คุณร่วมหุ้นในธุรกิจของฉัน ฉันบอกคุณเลยก็ได้ว่าฉันมีหุ้นสัมปทานน้ำมัน ดาวเทียม โทรศัพท์ อืม... ไว้คุณผ่านการทดสอบก่อนค่อยว่ากันดีกว่า ฉันคิดว่าเสียเวลาเกินไปที่จะอธิบายกันตอนนี้ บอกตรงๆ แล้วกัน ธุรกิจตระกูลฉินของคุณรวมกันทั้งหมด ฉันยังไม่อยากจะชายตามองเลย เพราะฉะนั้น นี่คือโอกาสที่ดีที่สุดของคุณแล้ว”
   “เอาล่ะ ผมต้องทำไง?” ฉินเฉิงเอินพูดออกมาอย่างหมดความอดทน หงคงฉ่วยชี้มือไปที่กระถางเหล็กใส่ถ่านร้อนแดง ซึ่งมีเหล็กท่อนเสียบอยู่ด้านในสามท่อน ก่อนจะพูดต่อ “คุณต้องแสดงความภักดีกับฉัน... เอาเหล็กพวกนั้นเขียนคำว่าหงคงฉ่วยลงบนโคนขาอ่อนของคุณ ด้านซ้าย เอาสวยๆ นะ ฉันมีต้นแบบให้ดู”
   ขาตั้งภาพแขวนที่มีคำว่าหงคงฉ่วยถูกนำมาวางหน้าฉินเฉิงเอิน ดวงตาชายหนุ่มสั่นระริก เขาคว้าท่อนเหล็กมาถือเอาไว้ในมือ ขยับเข้าใกล้โคนขาของตัวเองด้วยอาการสั่นเทา ก่อนจะตะเบ็งเสียงออกมา
   “หงคงฉ่วย ไอ้สารเลวเอ๊ย!!!”
-------------------------------------------------------------
   “คุณซือ” ฉินหนานเอ่ยทักทันที เมื่อเห็นเด็กหนุ่มวัยยี่สิบกว่าๆ ก้าวเท้าลงจากรถลีมูซีนสีดำ ซือชุ่ยพยักหน้า เขาสวมสูทดำท่าทางเคร่งขรึม “หงคงฉ่วยขอแสดงความเสียใจกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับลูกชายคุณด้วยนะครับ”
   ฉินหนานพยักหน้าเงียบๆ “ช่างมันเถอะ คุณซือ.. เจ้านายของคุณน่ะ....”
   ซือชุ่ยเงยหน้าขึ้นมองเขา ก่อนจะพูดเสียงเรียบ “หงคงฉ่วยจะถือว่าเรื่องสิ้นสุดกันเพียงเท่านี้ คุณฉินไม่ต้องเป็นกังวลหรอกนะครับ หงคงฉ่วยพูดคำไหนคำนั้น”
   ฉินหนานได้แต่พยักหน้าซ้ำๆ ปล่อยให้น้ำตาไหลร่วงลงมา ในตอนที่ซือชุ่ยเดินไปเคารพศพ
-----------------------------------------------
   “คงฉ่วย”
   ซือชุ่ยที่เพิ่งเดินออกมาจากบริเวณงานศพหันไปมองคนเรียก จากนั้นก็จัดการลากตัวไปที่มุมอับสายตาข้างกำแพง ก่อนจะตีหน้าบึ้งใส่ “ใครสั่งใครสอนให้เรียกแบบนี้หา?”
   คนถูกเอ็ดทำหน้าบึ้งตอบ “ชุ่ยชุ่ย อืม.. ผมรับสไตล์การแต่งตัวแบบนี้ของคุณไม่ได้จริงๆ ”
   ซือชุ่ยก้มลงมองการแต่งตัวของตน แล้วเงยหน้าขึ้นยิ้ม “ฉันว่าฉันแต่งตัวเหมาะแล้วล่ะ”
   “อืม.. ผมสงสัยจริงๆ ว่าคุณแอบเอาเข็มกลัดดึงตีนกาของคุณเอาไว้ใต้วิกนี่หรือเปล่า” คนเอ่ยทักพูดต่อ พลางทำท่าจะดึงผมของซือชุ่ยออกมาจริงๆ ได้ยินเสียงตีมือดังเพี๊ยะ
   “ทะลึ่งน่า เผิงเผิง เธอเองน่าจะรู้ดีที่สุดว่าหน้าฉันไม่มีรอยย่นอะไรพวกนั้นเลยสักร่องหนึ่ง”
   “ผมไม่พิศวาสคุณจนจำได้ขนาดนั้นหรอกนะ” ลู่อี้เผิงเถียง ซือชุ่ยหรือหงคงฉ่วยยักไหล่ แล้วพูดต่อบ้าง
   “แล้วนี่สารวัตรลู่มาทำอะไรล่ะ เป็นเพื่อนกับฉินเฉิงเอินหรือไง?” ชายในชุดเสื้อสูทสีดำเอ่ยปากถาม ลู่อี้เผิงสั่นศีรษะ “คุณว่าผมแต่งตัวแบบนี้เพื่อมางานศพหรือไง?”
   หงคงฉ่วยกวาดสายตามองดูนายตำรวจหนุ่มจากหัวจรดเท้า ลู่อี้เผิงสวมเสื้อยืดสีขาว แล้วก็กางเกงยีนส์สีสนิท กับรองเท้าผ้าใบเก่าๆ อีกคู่หนึ่ง หงคงฉ่วยมองอยู่พักแล้วพูดต่อ “พอมาได้ แต่ยังดูไม่แก่พอ”
   ลู่อี้เผิงยักไหล่อย่างไม่แยแส ก่อนจะพูดเข้าเรื่องทันที “เอาล่ะ คุณมีส่วนเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุครั้งนี้ใช่ไหม ฉินเฉิงเอินคงจะไม่อยู่ๆ ขับรถพุ่งลงทะเลไปโดยไม่ทราบสาเหตุหรอก”
   “โถ....”หงคงฉ่วยร้องออกมา และทำหน้าน่าสงสาร “เธอเห็นฉันเป็นอะไร ขงเบ้งหรือไง ใครจะตายเมื่อไหร่ฉันจะไปรู้ได้ยังไงกันล่ะ”
   “คนอื่นผมไม่รู้ แต่ผมว่าคนนี้ คุณเกี่ยวแน่”
   หงคงฉ่วยทำหน้าซื่อ เบิ่งตามองลู่อี้เผิงอย่างกับได้เห็นของแปลก “หลักฐานล่ะ สารวัตร? เดี๋ยวนี้โรงเรียนนายร้อยตำรวจเขาสอนให้กล่าวหาคนโดยไม่ต้องหาหลักฐานหรือไง?”
   ลู่อี้เผิงขบกรามกรอด ก่อนจะเค้นเสียงลอดไรฟันออกมา “สักวันผมต้องหาได้แน่ คุณคอยดูแล้วกัน”
   หงคงฉ่วยกวาดตามองนายตำรวจหนุ่มอยู่พักหนึ่ง แล้วยกมือขึ้นจับคางของอีกฝ่ายเอาไว้ “ย้ายมาอยู่กับฉันไหมล่ะ คุณตำรวจ อยู่กับฉันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ตลอดเจ็ดวัน รับรองเธอได้หลักฐานอื้อแน่”
   ลู่อี้เผิงปัดมือของหงคงฉ่วยออก พลางทำหน้าขยะแขยงทันที “ผมยังมีงานอื่นต้องทำมากกว่าไปเป็นทาสบำเรอกามให้คุณนะ”
   ได้ยินเสียงหงคงฉ่วยหัวเราะคิกคัก “เผิงเผิง ให้ไปส่งไหม?”
   “ไม่ต้อง ผมมากับเพื่อน” ลู่อี้เผิงตอบทันที หงคงฉ่วยมีสีหน้าเสียดายนิดหน่อย “เผิงเผิง พรุ่งนี้ไปหาฉันที่คฤหาสน์หน่อยสิ ฉันอยากดูหงคงฉ่วยบนต้นขาเธอ”
   “ผมไม่ว่างหรอก” ลู่อี้เผิงตอบเสียงห้วน หงคงฉ่วยพยักหน้า “โอเค งั้นวันอาทิตย์ ฉันจะให้คนไปรับที่ทำงาน”
   นายตำรวจหนุ่มหันมาถลึงตาใส่เขาทันที “ไม่ต้อง ผมไปเอง ห้าโมงเย็น เลทนิดหน่อย ไม่ต้องส่งใครมารับนะ”
   หงคงฉ่วยหัวเราะคิกคัก ก่อนจะโบกมือให้ “แล้วเจอกันนะเผิงเผิง”
   ลู่อี้เผิงเดินจ้ำอ้าวออกไปโดยไม่แม้แต่จะเหลือบตามามอง
-----------------------------------------------------
   “คงฉ่วย...” เสียงเอ่ยทักจากพ่อบ้านเก่าแก่ ทำให้หงคงฉ่วยที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำคลี่ยิ้มออกมา
   “รบกวนหลายวันเลยนะ” หงคงฉ่วยพูดต่อ คนเป็นพ่อบ้านสั่นศีรษะ “ไม่เป็นไรหรอกครับ ทุกคนตั้งใจทำงานกันเต็มที่ อีกอย่าง เรื่องคราวนี้ก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไร”
   “อืม” หงคงฉ่วยพยักหน้า “ไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวฉันจะปิดประตูเอง”
   “ครับ..” ชายวัยราวๆ เจ็ดสิบเศษกล่าวพลางค้อมตัวให้ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป หงคงฉ่วยเดินไปที่ประตู และลงกลอน จากนั้นก็เดินมานั่งที่เตียงนอน
   วันอาทิตย์.......
---------------------------------------------------------------------------
ปล. เราอย่าไปคิดถึงอายุของหงคงฉ่วยเลยนะ ลืมๆ ไปเถอะ ฮ่าๆๆๆ :o8:

ออฟไลน์ SuSaya

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-9
ถ้าเกิดคงฉ่วยอยากรุกขึ้นมาเผิงเผิงจะเอาอะไรไปขัดเนี่ย

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
ทีคนอื่นยังฆ่าทิ้ง แล้วทำไม เผิงเผิง คงฉ่วย ถึงถูกใจขึ้นมาได้  หล่อโดนใจขนาดนั้นเลยเหรอ   :z9:  อย่างคงฉ่วย ผ่านโลกมาก็ไม่น้อยแล้วแน่ๆๆ (อายุ ..... อย่าคิดอย่างที่คนแต่งบอกดีมั้ยเนี่ย 555 แต่อยากรู้ว่า คงฉ่วย ใช้ครีมอะไรอะ )


ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
ราชินีกินเนื้อเงือกเลยมีเป็นอมตะรึเปล่าเนี่ย

ออฟไลน์ mamacub

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1041
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-0
ชอบๆมาอีกยาวๆเลยน่ะ o13

ออฟไลน์ reborn23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
 :m20:
 พระเอกของเรารู้สึกว่า จะเปลี่ยนชื่อทุกครั้งที่เรียกเลยนะ แม่ราชินี
 :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
เรื่องสนุกดีครับ  ขอมาอ่านด้วยคน

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
เป็นกำลังใจให้ครับ

ออฟไลน์ Ryze

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-1
จะมีเฉลยสูตรความงามอมตะฉบับหงคงฉ่วยมั่งมั้ยอ่ะ?

 :impress2:

ออฟไลน์ jasmin

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1801
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +174/-1
อย่าเปิดเผยอายุนายเอกเลย
กลัวจะแก่เกิ๊น  :laugh:
พระเอกน่ารักเนาะ โดนปั่นหัวตลอด

ออฟไลน์ Acacha

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-2
ราชินีคนนี้เป็นเอลฟ์แหงๆ  :a3:

Rhythm

  • บุคคลทั่วไป

fay_13

  • บุคคลทั่วไป
อุกรี๊ดดดดด เคะเรื่องนี้ราชินีมากค้าาาาาาาาา  :mc4: :mc4: :mc4:

ชอบๆๆ แล้วมาต่ออีกนะคะ

ป.ล. เมะมันซาดิสม์  o8

ZuuZuu

  • บุคคลทั่วไป
อยากรู้อย่างจริงจังค่ะ ว่าตกลงคงฉ่วยอายุเท่าไหร่กันแน่

ออฟไลน์ rellachulla

  • iiRita♥World Behind My Wall♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1606
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-8
อ๊ากก เค้าปลื้ม เคะราชินีด้วยคน
ร้ายกาจ แต่น่ารัก อิอิ

peachlc

  • บุคคลทั่วไป
คุณคงถูกใจอาเผิงอ่ะเด่ ไม่มีการเก็บ สั่งฆ่าด้วยนะ ฮิฮิ
555555555555
นักเขียนค่าาา ยังไงนักอ่านก็สงสัยอายุคุณคงอยู่ดีอ่ะ ฮ๋าๆ
ติดตามค่า :D 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
หงคงฉ่วย คงไม่ใช่พวกอมตะนะคะ

ออฟไลน์ MiU

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 229
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-3
ชอบเคะราชินี อร๊ายยยย อายุอย่าไปนึกถึง มันก็เป็นแค่ตัวเลขล่ะนะ

ออฟไลน์ Ryze

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-1
 :call:
จุดธูป เล่นของ รอตอนใหม่
อิอิ

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
ู^
^
คอมเม้นต์บนน่ากลัวจริงจัง :a5:

จริงๆ ในสตอกตอนนี้มีถึงตอน5ล่ะ... เพราะงั้น เอามาลงก่อน...ไม่มีแล้วค่อย...ยกไหดองมาตั้งแทนแล้วกันค่ะ หุๆๆ (วิ่งหนีคนอ่าน)

-------------------------------------------

红孔雀นกยูงแดง 4
   ในชีวิตของลู่อี้เผิง ตั้งแต่เด็กจนโต เขาเก่งในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านกีฬา หรือเรื่องการเรียน สอบเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจก็ติดอันดับหนึ่งในห้า จบออกมาก็ได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ได้รับคำชมเชยในทุกรายวิชา จนลู่อี้เผิงคิดว่าในโลกนี้คงไม่มีอะไรท้าทายเขาได้อีกแล้ว แต่โลกเล็กๆ ของเขาเพิ่งเปิดกว้างออก ตอนที่ได้พบกับคำว่าหงคงฉ่วยนี่เอง
   ลู่อี้เผิงยกมือลูบขาอ่อนของตัวเองอย่างลืมตัว สี่ปีมาแล้ว สี่ปีมาแล้ว กับหงคงฉ่วย...
   หงคงฉ่วย
-------------------------------------------------------------
   ดึกสงัด
   บนถนนสายเลี่ยงเมืองที่มีรถบางตา รถยนต์สีดำคันหนึ่งแล่นเข้ามาที่ไหล่ทางช้าๆ ก่อนจะหยุดจอด แสงไฟของมันสาดเข้าไปในพงหญ้าข้างทาง พร้อมกับสายลมยามดึกที่พัดเข้ามาจากชายฝั่งซึ่งอยู่ห่างออกไปราวๆ สองกิโลเมตร
   จอดอยู่ได้สักพัก รถยนต์เก่าๆ สีดำอีกคันก็แล่นเข้ามาจอดข้างๆ จากนั้นคนในรถก็ไขกระจกลงมา พูดคุยอะไรกันอยู่สักพัก ประตูรถยนต์คันที่เพิ่งเข้ามาจอดก็ถูกเปิดออก ชายหนุ่มแต่งตัวธรรมดาๆ คนหนึ่งก้าวเท้าลงมา พร้อมกันนั้น ประตูรถยนต์คันที่มาจอดอยู่ก่อนก็เปิดออก ผู้ชายท่าทางแต่งตัวดีอีกคนก้าวออกมาเช่นกัน
   คนที่ออกมาจากรถยนต์โทรมๆ เดินอ้อมไปที่หลังรถ แล้วก้มลงดึงอะไรบางอย่างออกมาจากใต้กันชนของรถ ใกล้กับท่อไอเสีย มันเป็นห่อกระดาษขนาดราวๆ หนึ่งฝ่ามือ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา
   “เงินล่ะ?”
   “อืม” คนยืนรอส่งเสียงในลำคอ แล้วยื่นกระเป๋าเอกสารสีดำที่ถือติดมาให้ พร้อมๆ กับรับห่อกระดาษห่อนั้นมา พลางทำจมูกฟุดฟิด “ทำแบบนี้กลิ่นมันไม่ติดเข้าไปหรือไง?”
   “ก็ดีกว่าให้หมามันดมกลิ่นเจอล่ะน่า” คนถูกถามตอบ และเปิดกระเป๋าออกมาดู จังหวะนั้นเองที่เสียงสวบสาบดังขึ้นเบาๆ ในพงหญ้า คนที่เปิดกระเป๋าอยู่เงยหน้าขึ้น แล้วตะโกนออกมา
   “ตำรวจ!”
   เสียงปืนดังขึ้นพร้อมกับประตูรถที่เปิดออก ชายคนนั้นกระโดดขึ้นรถไปอย่างรวดเร็ว ลู่อี้เผิงกระโจนออกมาจากพงหญ้าพร้อมกับลูกน้องอีกราวๆ เจ็ดคน นายตำรวจหนุ่มเล็งปืนไปที่ล้อของรถคันนั้นก่อนจะยิงไปสองนัดแล้วหันไปตะโกนสั่งลูกน้อง “ตามไป เร็วเข้า!!”
   รถตำรวจสองคันพุ่งออกมาจากพงหญ้า นายตำรวจที่เหลือกระโดดขึ้นรถ ส่วนลู่อี้เผิงเปิดประตูเข้าไปในรถยนต์ที่จอดอยู่ ก่อนที่รถคันนั้นจะพุ่งฉิวออกไป
   ฉากการไล่ล่าบนถนนจึงอุบัติขึ้นทันที
   รถยนต์สามคันขับไล่กวดรถยนต์เก่าๆ ที่แล่นด้วยความเร็วสูงผิดกับรูปลักษณ์ภายนอก ลู่อี้เผิงคว้าวิทยุติดตามตัวที่คาดอยู่ที่เอวขึ้นมา ก่อนจะกรอกเสียงลงไป “คนร้ายหนีไปทางถนนสายสามสิบเอ็ด เทียนลู่กับแจ๊กกี้กำลังไล่ตามอยู่”
   เสียงวิทยุดังแซ่กๆ อยู่อึดใจ จากนั้นลู่อี้เผิงก็เห็นประกายไฟแลบออกมาจากรถยนต์เก่าๆ ที่แล่นหลบหนีอยู่ พร้อมด้วยเสียงดังรัวราวกับจุดประทัด
   “บัดซบเอ๊ย!” ลู่อี้เผิงสบถออกมา เมื่อเห็นรถตำรวจที่แล่นอยู่ด้านหน้าเสียหลักแฉลบออกข้างทางไป
   “มันมีปืนกล เอาไงดีครับสารวัตร?”
   ลู่อี้เผิงขบริมฝีปากล่าง ก่อนจะออกคำสั่งไป “ไล่ตามไปก่อน ระวังระยะห่างเอาไว้ อย่าให้คลาดสายตา เดี๋ยวผมจะว.ขอกำลังเสริม”
   พูดจบก็หยิบวิทยุมาพูดกรอกลงไป “นี่ลู่อี้เผิง คนร้ายมีปืนกล ขอกำลังเสริมทางเส้นสามสิบห้าด้วย ด่วน คนร้ายมีปืนกล”
   พูดยังไม่ทันจบดี ลู่อี้เผิงก็มีอันต้องรีบหมอบต่ำ เพราะกระสุนบางส่วนสาดมาถึงตัวรถ รถแล่นแฉลบออกข้างอย่างน่ากลัว
   “ผู้กองต้วน” ลู่อี้เผิงเรียกชื่อลูกน้อง คนที่ขับรถอยู่ตอบกลับมา “ยังดีอยู่ครับ เอาไงดีสารวัตร แบบนี้ไม่ดีแน่ ตามใกล้ก็ไม่ได้ ตามห่างๆ ก็คงคลาดกัน”
   ลู่อี้เผิงขบริมฝีปากอย่างใช้ความคิด ก่อนจะขยับไปนั่งข้างคนขับ “ผมขับแทนแล้วกัน”
   ต้วนเฟิงมองหน้าผู้บังคับการของเขา แล้วรีบกระโจนออกมาจากที่นั่งคนขับ รถแฉลบออกจากข้างทางนิดหน่อยในตอนที่ลู่อี้เผิงนั่งลงไป
   “เล็งยางล้อรถมันไว้ให้แม่นๆ นะ ผู้กอง” นายตำรวจหนุ่มพูด จากนั้นรถก็เร่งความเร็วขึ้นอย่างน่ากลัว
   “เอาจริงนะ สารวัตร!” ต้วนเฟิงพูดออกมาแล้วพยายามจะเล็งปืนไปทางล้อรถยนต์ที่แล่นอยู่ด้านหน้า ขณะที่ตัวรถส่ายไปมาจนน่ากลัว เสียงปืนกลดังรัวขึ้นอีก
   “บ้าเอ๊ย!!” ลู่อี้เผิงหักรถแฉลบไปอีกทางด้วยความเร็วที่ชวนจะหวาดเสียวให้รถคว่ำ ต้วนเฟิงพยายามจะเล็งเป้าหมาย พร้อมกันกับทรงตัวไม่ให้หน้าทิ่มคะมำออกจากรถด้วย
   เสียงลั่นไกปืนกึ่งออโตแมติกสองนัดที่ถูกลั่นออกมา ถูกกลบด้วยเสียงดังรัวราวประทัดของปืนกลอีกรอบ คราวนี้รถของลู่อี้เผิงแทบจะดิ่งลงข้างทาง
   “สารวัตรลู่!” ต้วนเฟิงโพล่งขึ้น ขณะที่ลูกกระสุนวิ่งผ่านด้านบนศีรษะของเขาไป ได้ยินเสียงลู่อี้เผิงตอบกลับมา
   “ไอ้พวกเลว”
   ลู่อี้เผิงหักพวงมาลัยรถกลับไปยังถนนได้ทันก่อนที่รถจะพุ่งชนกับที่กั้นข้างทาง กระจกหน้ารถร้าวเป็นทางยาว เพราะรอยลูกกระสุนที่พุ่งผ่านเข้าไป
   “ถ้ามีรถมาขวางไว้สักคันล่ะก็!!” ต้วนเฟิงคำรามออกมาและพยายามจะยิงล้อรถยนต์เก่าที่วิ่งอยู่อีกรอบ ขณะที่ลู่อี้เผิงเบี่ยงรถแฉลบออกข้างอีก
   คำพูดของต้วนเฟิงก็ดูเข้าท่าอยู่หรอก แต่ใครจะขับไปขวาง ยิงกันสั่นแบบนี้ รถคันอื่นมีแต่รีบหยุด หรือไม่ก็ขับหนี คงต้องพยายามไล่ไปจนกำลังสนับสนุนมาถึงนั่นแหละ
   ลู่อี้เผิงคิดพลางหักพวงมาลัยอย่างหวาดเสียว จนต้วนเฟิงชักนึกกลัวว่าบางทีพวกเขาอาจจะตายเพราะรถคว่ำเสียมากกว่าถูกถล่มยิง ทันใจนั้นเองเขาก็รู้สึกเหมือนเห็นรถลีมูซีนตอนยาวคันหนึ่งแล่นอยู่ในเลนข้างๆ
   ลู่อี้เผิงอ้าปากค้าง แทบจะเหยียบเบรกไม่ทันในตอนที่เห็นรถลีมูซีนสีดำสนิทคันนั้นแล่นแซงขึ้นมา แล้วหักหลบกระทันหัน
   !!!
   เสียงตัวถังเหล็กปะทะกับตัวถังเหล็กดังสนั่นหวั่นไหว เนื่องจากเบรกกะทันหัน รถยนต์ของลู่อี้เผิงจึงแฉลบออกข้างทาง โชคยังดีที่มันหยุดสนิทก่อนจะชนเข้ากับคานกั้น ลู่อี้เผิงและต้วนเฟิงกระโดดลงมาจากรถพร้อมกับปืนพกในมือ ก่อนจะค่อยๆ เดินไปยังรถยนต์เก่าที่ส่วนหน้าพังยับเยิน คาอยู่กับส่วนท้ายของรถลีมูซีนตอนยาวสีดำคันนั้น
   “เรียกรถพยาบาลด้วย คนร้ายได้รับบาดเจ็บ” ลู่อี้เผิงพูดกรอกวิทยุ หลังจากเข้าไปสำรวจซากรถและพบคนร้ายสามคนนอนหมดสภาพอยู่ เขาและต้วนเฟิงจัดการปลดอาวุธคนร้ายทั้งหมด และยืนรอกำลังเสริมเข้ามาสมทบ
   “โห... รถใครเนี่ย” ต้วนเฟิงพูดออกมา พลางมองไปยังรถลีมูซีนสีดำตอนยาวที่มีรอยบุบนิดหน่อยตรงตัวถังที่ถูกชน  “กันกระสุนเสียด้วย”
   ลู่อี้เผิงทำท่าจะอ้าปาก แต่เสียงใครสักคนก็ดังขึ้นเสียก่อน
   “ไม่เป็นอะไรใช่ไหม สารวัตรลู่” ชายหนุ่มร่างโปร่งในชุดสูทยาวสีออกแดงไหม้ก้าวเท้าออกมาจากรถ แม้จะมีเพียงแสงไฟสลัวๆ จากหน้ารถที่จอดเอาไว้ แต่ลู้อี้เผิงจำได้ดีกว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร แต่ยังไม่ทันได้อ้าปาก ทางนั้นก็ชิงพูดออกมาก่อน
   “อ๊ะๆ อย่าเรียกออกมาเชียวนะ สงสารลูกน้องเธอบ้างเถอะ” พูดพลางหลิ่วตาสีดำสนิทไปทางต้วนเฟิงซึ่งยืนอึ้งอยู่ ลู่อี้เผิงอ้าปากพะงาบลมอยู่สองสามหน ถึงได้ถอนหายใจเฮือก
   “คุณโผล่มาทำไม จะฆ่าปิดปากพวกนั้นหรือไง?”
   “ฉันอุตส่าห์มาช่วยแท้ๆ ยังจะหาว่าฆ่าปิดปากอีก เดี๋ยวนี้โรงเรียนนายร้อยตำรวจเขาสอนนักเรียนเกียรตินิยมกันแบบนี้หรือนี่?” คนถูกกล่าวหาพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้ออย่างที่สุด ลู่อี้เผิงขบกรามกรอดๆ แล้วพูดตอบโต้ไป “งั้นทำไมคุณโผล่มาถูกจังหวะแบบนี้?”
   “ฉันแค่กำลังจะนั่งรถกลับบ้าน” ชายคนเดิมตอบ “บังเอิญเห็นเหตุการณ์ แล้วเกิดอยากเป็นพลเมืองดี เลยช่วยไว้เท่านั้นเอง มีอะไรน่าสงสัยอีกไหม? หรือเธอคิดว่า คนอย่างฉันต้องลงทุนขนาดพุ่งรถขวางเพื่อจะฆ่าไอ้สวะพวกนี้น่ะ”
   ลู่อี้เผิงอับจนคำพูดไปชั่วขณะ ผู้ชายคนเดิมยิ้มนิดๆ แล้วเปิดประตูรถ “งานนี้ฉันไม่คิดค่าเสียหายก็แล้วกัน อย่าลืมแวะไปเยี่ยมขอบคุณกันบ้างล่ะ”
   เสียงประตูรถปิดดังปึก ก่อนที่รถลีมูซีนคันนั้นจะแล่นออกไป ต้วนเฟิงอ้าปากทำท่าจะถามอะไร แต่พอเห็นตรารูปนกยูงสีแดงที่ประดับอยู่ตรงหน้ารถ
   “หงคงฉ่วย!”
--------------------------------------------------------------
   ข่าวเรื่องที่ว่าหงคงฉ่วยช่วยจับคนร้ายแพร่สะพัดไปทั่วกรมอย่างรวดเร็ว ดีที่ผู้บังคับกรมสั่งห้ามให้ข่าวเรื่องนี้โดยเด็ดขาด ถึงอย่างนั้นก็ยังคงมีหนังสือพิมพ์แท็บลอยบางฉบับเอาไปพาดหัวกันอย่างสนุกสนานราวกับข่าวซุบซิบดารา แต่แล้ววันรุ่งขึ้นก็ต้องรีบพาดหัวขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคำสั่งของกรมตำรวจ หรืออิทธิพลของหงคงฉ่วยกันแน่
   ลู่อี้เผิงเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกา เขาเพิ่งตรวจสำนวนฟ้องของคดีเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเสร็จ ข่าวลือเรื่องหงคงฉ่วยทำเอานายตำรวจหนุ่มหงุดหงิดใจอยู่หลายวัน ในเมื่อเรื่องดูเหมือนจะเงียบลงแล้ว และวันนี้เขาก็เคลียร์งานเสร็จก่อนดึก ออกไปเที่ยวหาความสุขใส่ตัวสักหน่อยก็แล้วกัน
   ตั้งแต่หงคงฉ่วยโผล่มาคราวนั้น ลู่อี้เผิงยังไม่เยี่ยมหน้าไปคฤหาสน์เขาวงกตนั่นเลยสักครั้ง ในเมื่อหงคงฉ่วยไม่ส่งใครมาตาม แล้วเขาเองก็ไม่มีธุระอะไรที่นั่น ให้ตายลู่อี้เผิงก็ไม่ก้าวเข้าไปเด็ดขาด
   ไอ้เรื่องเอารถมาขวางไว้โดยไม่รู้เจตนาแน่ชัดแบบนั้นน่ะ ไม่ถึงกับต้องไปขอบคุณหรอก
-----------------------------------------------------------------
   ในเมื่อหงคงฉ่วยบนขาทำให้ลู่อี้เผิงหมดสิทธิ์ไปคั่วสาวหรือหนุ่มที่ไหนแล้ว สิ่งผ่อนคลายที่พอเหลืออยู่ในชีวิตนายตำรวจหนุ่มคงเป็นการไปเกมเซนเตอร์
   ตลอดสี่ปีที่ผ่านมา ลู่อี้เผิงกลายเป็นลูกค้าขาใหญ่ของที่นี่ไปแล้ว แสงไฟแวบๆ จากตู้เกม พร้อมกับเหล่าผู้คนที่มายืนมุงดูคงพอแทนบรรยากาศของย่านสถานเริงรมย์ได้บ้างล่ะมั้ง
   ลู่อี้เผิงนั่งปุลงหน้าตู้เกมอาเขตตู้หนึ่ง พลางวางเหรียญสองสามเหรียญไว้ข้างตัว แต่เดิมเขาก็ไม่ใช่พวกอ่อนหัดในเกมเซนเตอร์อยู่แล้ว พอถูกบังคับกลายๆ ให้ต้องมาใช้ที่นี่เป็นที่ผ่อนคลาย ฝีมือในการเล่นเกมของลู่อี้เผิงในตอนนี้จึงเรียกได้ว่า”ขั้นเทพ”ได้เต็มปากเต็มคำ เพราะฉะนั้น เรื่องจะแลกเหรียญมาไว้เป็นกองๆ สำหรับเขาแล้ว ลืมไปได้เลย
   นายตำรวจหนุ่มนั่งเล่นกับคอมได้สักพัก ก็มีคนกดจอยเข้ามา เขาเลยเหลือบไปมองตู้เกมฝั่งตรงข้าม เนื่องจากเป็นตู้ขนาดใหญ่ สิ่งที่ลู่อี้เผิงเห็นคือไหล่ของผู้ชายที่ใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าเรียบๆ และเสียงเหรียญที่ทางนั้นกองลงข้างตัว
   ไม่มีใครในเกมเซนเตอร์กล้าท้าเขาเล่นมานานแล้ว ท่าทางหมอนี่จะเป็นมือใหม่ แต่คงคิดผิดไปหน่อยที่มาท้าสู้กับเขา
   ลู่อี้เผิงเล่นเกมไม่เคยออมมือให้คู่ต่อสู้มาแต่ไหนแต่ไร อย่างเดียวกับที่เขาทำตอบปฏิบัติงานนั่นแหละ ดังนั้นชัยชนะเกมแรกจึงตกเป็นของเขาได้โดยง่าย เจ้าหมอนั่นเป็นมือใหม่จริงๆ เสียด้วยสิ
   แต่เอาชนะมือใหม่ไปก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกภาคภูมิใจอะไร ลู่อี้เผิงเลยคิดจะลุกขึ้นเดินไปอีกฟาก แล้วช่วยสอนวิธีเล่นให้ แต่เสียงหยอดเหรียญและการกดปุ่มรีเทิร์นอีกรอบทำให้ชายหนุ่มต้องหยุดตัวเองไว้ แล้วจับคันบังคับต่อ
   เล่นกันไปกี่เกมแล้วก็ไม่รู้ ลู่อี้เผิงรู้แต่เจ้าหมอนี่ถ้าไม่รวยจัดก็คงว่างเต็มที ฝีมือไม่เอาอ่าวแบบนี้ยังจะมาท้าเขาแข่งอยู่ได้เป็นสิบๆ เกม ในที่สุด นายตำรวจหนุ่มก็ตัดสินใจส่งเสียงออกไป
   “คุณครับ หยุดพักสักครู่นะครับ เรามาคุยกันหน่อยดีไหม?”
   ทางนั้นไม่ตอบอะไร ได้แต่นั่งนิ่ง ดังนั้นลู่อี้เผิงจึงเดินอ้อมตู้เกมที่ตั้งเรียงติดกันอยู่เพื่อไปยังฝั่งตรงข้าม แล้วก็ต้องชะงักกึก เมื่อเห็นใบหน้าผู้ที่นั่งอยู่
   “ฉันเล่นไม่เอาอ่าวขนาดนั้นเลยหรือไง?” รอยยิ้มลี้ลับปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าพร้อมกับคำถาม ลู่อี้เผิงนึกสาปแช่งตัวเอง เขาน่าจะเอะใจได้ก่อนว่าเป็นเจ้าบ้านี่
   “ไม่เอาอ่าวสุดๆ เลยล่ะ” นายตำรวจหนุ่มว่า แล้วเดินเข้ามา “คุณอยากมาเจอผมทำไมไม่มาทักกันดีๆ ล่ะ?”
   “ฉันคิดว่าแบบนี้น่าจะสนุกกว่า หรือเธอไม่เห็นด้วย” หงคงฉ่วยว่า ลู่อี้เผิงกวาดตามองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วถามขึ้น “วันนี้คุณแต่งเป็นพนักงานบริษัทหลังเลิกงานหรือไง”
   หงคงฉ่วยก้มลงมองชุดเสื้อเชิ้ตกับกางเกงสแล็กของตัวเองแล้วหัวเราะ “อืม เหมาะดีไหม?”
   “ผมว่าถ้ามีผมหงอกกับพุงพลุ้ยๆ อีกนิดล่ะเข้าท่าเลยล่ะ” ลู่อี้เผิงตั้งข้อสังเกต แล้วก็โดนอีกฝ่ายถลึงตาใส่ ชายหนุ่มเลยกวาดตามองอย่างอื่นแทน และเห็นเหรียญที่กองพะเนินอยู่
   “ผมถามจริงๆ นะ คุณเล่นเกมไม่เป็น หรือแกล้งอ่อยให้ผมกันแน่”
   หงคงฉ่วยเอียงคอมองเขาแล้วตอบ “ฉันเคยอ่อยให้เธอเรื่องไหนบ้างล่ะ?”
   ลู่อี้เผิงจ้องตาอีกฝ่ายอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจออกมา “ขยับสิ เดี๋ยวผมจะสอนให้ เผื่อวันหลังไปตกเด็กที่ไหนจะได้ไม่อายเขา”
   หงคงฉ่วยหัวเราะชอบใจ แล้วขยับที่นั่งให้ ลู่อี้เผิงหันมาพูดผ่านไรฟัน “ห้ามแต๊ะอั๋งผมนะ”
   หงคงฉ่วยยกมือขึ้นสองข้าง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เชิญสอนเลยครับ ท่านอาจารย์”
   พอมานึกว่าถูกคนที่อาจจะรุ่นพ่อเขาแล้วด้วยซ้ำเรียกแบบนี้ ลู่อี้เผิงเกิดอาการขนลุกขึ้นมาทันที “คุณพูดอะไรให้มันสมกับตัว.... อายุคุณหน่อยเถอะ”
   คนได้ฟังหัวเราะอีก “คนเราเขาวัดอายุกันจากหน้า ไม่ใช่คำพูดเสียหน่อย”
   ลู่อี้เผิงขมวดคิ้วมุ่น เหลือบสายตามองอีกฝ่ายแว้บหนึ่ง พอเห็นรอยยิ้มชอบอกชอบใจนั้นแล้วก็รีบเบือนสายตากลับมาทันที
   “อันนี้เป็นคันบังคับทิศทาง” ลู่อี้เผิงเริ่มอธิบาย “ปุ่มนี้คือต่อย อันนี้เตะ ใช้รวมกับคันบังคับจะได้แบบนี้” พูดพลางสาธิตไปพลาง หงคงฉ่วยนั่งฟังพลางพยักหน้าเหมือนเด็กๆ ชวนให้ขนลุกแปลกๆ
   นั่งฟังคำอธิบายไปได้พักหนึ่ง หงคงฉ่วยก็พูดออกมา “ลำบากดีจริงๆ ให้ฉันทำท่าเลียนแบบไอ้ตัวพวกนี้เองยังง่ายเสียกว่า”
   ลู่อี้เผิงถลึงตาใส่ “นี่มันเกมเซนเตอร์นะ ไม่ใช่ลานกายกรรม ถ้าคุณอยากจะผาดโผนของคุณล่ะก็ ผมว่าคุณเอาเหรียญพวกนี้ไปแลกแบ้งค์คืนแล้วไปลานกายกรรมเถอะ”
   “แหม... พูดแค่นี้ไม่เห็นต้องไล่กันเลย” หงคงฉ่วยตัดพ้อ ลู่อี้เผิงถอนหายใจออกมา “ผมกลับบ้านดีกว่า”
   “เดี๋ยวสิ” หงคงฉ่วยฉวยมือของเขาเอาไว้ ก่อนจะรีบพูดต่อ “เข้าใจแล้วล่ะครับท่านอาจารย์ เดี๋ยวฉันลองเล่นให้ดูแล้วกันนะ”
   ลู่อี้เผิงกะพริบตาปริบๆ แต่ก็ยอมนั่งลงโดยดี หงคงฉ่วยขยับตัวมาวางมือเตรียมพร้อม แล้วก็เริ่มทำในสิ่งที่เขาสอนไว้
   “คุณกดเร็วไป ช้าอีกหน่อยสิ เครื่องมันตามไม่ทันนะ” ลู่อี้เผิงว่า ตั้งแต่เจอหงคงฉ่วยมา เขาเพิ่งเห็นการเคลื่อนไหวมือของเจ้าหมอนี่อย่างชัดเจนก็วันนี้เอง ขยับได้เร็วเป็นบ้า มิน่าเล่า เขาถึงแพ้ก่อนทุกที
   หงคงฉ่วยหัวเราะ “เครื่องพวกนี้มันสร้างมาช้าไปต่างหาก ช้าแบบนี้จะเรียกว่าต่อสู้ได้ไง”
   “นี่มันเป็นแค่เกมนะครับคุณลุง” ลู่อี้เผิงว่า หงคงฉ่วยหันมามองเขา แล้วพูดยิ้มๆ “เผิงเผิง... จะพูดอะไรระวังลิ้นจะไม่มีใช้บ้างนะ”
   ลู่อี้เผิงหุบปากทันที
------------------------------------------------
   นั่งมองหงคงฉ่วยกดปุ่มเป็นนานสองนาน ความเร็วก็ลดลงไม่ถึงไหน ลู่อี้เผิงเริ่มจะอยู่นิ่งๆ ไม่ไหว ต้องพูดออกมาอีก “นี่... คุณช้าลงอีกนิดสิ”
   “ฉันกำลังพยายามอยู่” หงคงฉ่วยพูด พลางทำหน้าจริงจัง ลู่อี้เผิงมองเขาอยู่พักหนึ่ง แล้วถอนหายใจออกมา “ผมจับมือคุณให้แล้วกัน จะได้รู้จังหวะ”
   นายตำรวจหนุ่มพูดพลางทาบมือลงไปบนมือที่จับปุ่มกดอยู่ เขารู้สึกเหมือนหงคงฉ่วยสะดุ้งตัวหน่อยหนึ่ง จึงหันกลับมามอง
   ริมฝีปากของหงคงฉ่วยบางสวย และเผยออ้าออกหน่อยๆ ตอนที่เขาหันไป ลู่อี้เผิงจำไม่ได้ว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรกันแน่ จำได้แต่เขาสะดุ้งสุดตัว ตอนที่ได้ยินเสียงเหรียญหล่น และรู้สึกตัวว่าริมฝีปากของตนได้แตะกับริมฝีปากคู่นั้นไปแล้ว
   แค่นิดเดียวเท่านั้นเอง แต่ทำไมหัวใจเขาถึงได้เต้นแรงนักนะ
   หรือว่าเพราะตกใจเสียงหล่นของเหรียญ....?
----------------------------------------------------   
   ใบหน้าของหงคงฉ่วยปรากฏรอยยิ้มลี้ลับ ก่อนเจ้าตัวจะเอ่ยปากพูดออกมา “ช้าขนาดนี้ได้ไหม?”
   จากนั้นก็เริ่มขยับมืออีกครั้ง ลู่อี้เผิงลงน้ำหนักลงไปบนมือข้างนั้นทันที “ช้าอีกนิด”
   ความรู้สึกในการจับมือคนอื่นเล่นเกมเป็นแบบไหน ลู่อี้เผิงไม่อยากจะบรรยาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกันจับมือคนอย่างหงคงฉ่วย
   จับมือกันทำแบบนั้นอยู่สักพัก ความเร็วในการขยับมือของหงคงฉ่วยไม่ได้ลดลงเท่าไหร่เลย แต่ลู่อี้เผิงกลับเหงื่อออกเต็มหลัง ไม่รู้ว่าเพราะตระหนักถึงพลังมหาศาลในมือของอีกฝ่าย หรือมีความรู้สึกอื่นร่วมด้วยกันแน่
   “กลับกันเถอะ” หงคงฉ่วยพูดขึ้น หลังจากไม่มีเหรียญให้หยอดแล้ว ลู่อี้เผิงชะงักตัว ก่อนจะยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู “ดึกขนาดนี้แล้ว?”
   คนนั่งข้างพยักหน้า “เด็กดีต้องนอนแต่หัวค่ำ กลับได้แล้ว”
   จากนั้นก็ผุดลุกขึ้น แล้วยิ้มให้เขาบางๆ ลู่อี้เผิงไม่นึกอยากยิ้มด้วย เลยลุกขึ้นเงียบๆ แล้วเดินออกจากร้านไป
-------------------------------------------------------
   รถลีมูซีนตอนยาวสีดำคันงามแล่นเข้ามาเทียบตรงหน้าเกมเซนต์เตอร์ แสงไฟหลากสีตรงป้ายด้านหน้ายิ่งทำให้นกยูงสีแดงที่ประดับอยู่ด้านหน้าดูแดงเข้าไปอีก คนรับใช้คนหนึ่งก้าวออกมาจากรถแล้วเปิดประตูให้กับผู้ชายอีกคนที่ดูจากการแต่งตัวแล้วไม่น่าจะมีรถพรรค์นี้ใช้ได้เลย
   “เผิงเผิง วันนี้สนุกมากเลย ขอบใจที่ช่วยสอนนะ” หงคงฉ่วยพูด ก่อนจะก้าวเข้าไปในรถ ลู่อี้เผิงกวาดตามองรถคันนั้นรอบหนึ่ง แล้วพูดออกมา
   “เรื่องเมื่อวันก่อนน่ะ.... ขอบคุณนะ”
   “หืม?” หงคงฉ่วยส่งเสียง แล้วลดกระจกลง “ตะกี้ว่าอะไรหรือ?”
   “เปล่า” ลู่อี้เผิงสั่นศีรษะ หงคงฉ่วยยิ้มให้เขาเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้นอีก “วันอาทิตย์นี้ถ้าว่าง แวะไปดื่มชากับฉันหน่อยสิ”
   “ผมไม่นิยมธรรมเนียมฝรั่ง” ลู่อี้เผิงตอบ คนชวนไม่ตอบอะไร เพียงแต่พูดสั้นๆ “ชาอร่อยนะ” จากนั้นก็ไขกระจกขึ้น แล้วรถลีมูซีนตอนยาวคันนั้นก็แล่นออกไป
   ลู่อี้เผิงถอนหายใจ ยังรู้สึกถึงความชื้นของเหงื่อบนหลัง ชายหนุ่มเดินทอดน่องไปตามถนน พยายามลำดับความคิดสับสนของตัวเอง
   เอาน่า... อย่างน้อยเขาก็ได้รู้ว่า คนอย่างหงคงฉ่วย ก็มีส่วนไม่เอาอ่าวกับเขาเหมือนกัน
   ผ่านมาสี่ปี ลู่อี้เผิงเพิ่งได้รู้ว่า เขาจะเอาชนะหงคงฉ่วยได้ ก็ที่เกมเซนเตอร์นี่แหละ
-------------------------------------------------------------------
   “เผิงเผิง มาได้จังหวะพอดีเลย” หงคงฉ่วยที่นั่งอยู่บนเก้าอี้บุหนังในห้องรับรองเอ่ยทักเขาอย่างร่าเริง ได้ยินเสียงแปะชิกชิกพูดออกมา “เผิงเผิง”
   ลู่อี้เผิงหลับตาลงอย่างอดทนอดกลั้น ต่อจากเจ้านาย ตอนนี้ก็นกหรือนี่... เกิดมาคิดว่าถูกคนเรียกเป็นเด็กผู้หญิงแบบนี้ก็น่าอายแล้ว ขนาดนกก็ยังไม่เว้น ถ้าไม่ติดว่าเป็นนกแสนรักของหงคงฉ่วย เขาคงจับหักคอไปแล้ว แต่เพราะเป็นนกของหงคงฉ่วย เขาเลยต้องอดต้องทนเอาไว้ ที่สำคัญ ถ้าให้เทียบกันแล้ว เขาอยากหักคอไอ้เจ้าของนกมากกว่าอีก
   “ชาล่ะ?” ลู่อี้เผิงถามออกมา ทันทีที่นั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับหงคงฉ่วยแล้ว คนถูกถามหยิบเมล็ดพืชขึ้นมา ป้อนให้นกกระตั้วที่อยู่ในมือ แล้วพูดยิ้มๆ “จำแม่นจัง ไหนว่าไม่ชอบธรรมเนียมฝรั่งไง”
   “ถ้านึกกลัวว่าผมจะเห็นถ้วยชาที่ได้มาอย่างผิดกฎหมายของคุณล่ะก็ มาคิดตอนนี้ก็สายไปแล้วล่ะ” ลู่อี้เผิงตอบ หงคงฉ่วยหัวเราะชอบใจ “เธอนี่ชอบใส่ไคล้คนอื่นเข้าไปทุกทีแล้ว ฉันมีถ้วยชาผิดกฎหมายที่ไหนกัน”
   หยุดพักหนึ่ง หงคงฉ่วยจึงพูดขึ้นต่อ “แต่วันนี้เรื่องชาพักไว้ก่อนแล้วกัน ฉันมีอะไรอยากให้เธอดู อ้าว มาพอดีเลย”
   ประตูถูกเปิดออก คนรับใช้สี่ห้าคนช่วยกันยกตู้อะไรบางอย่างเข้ามา ลู่อี้เผิงถลึงตามองอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะหันหน้ากลับมาหาคนที่กำลังป้อนอาหารนกอยู่
   “ตู้เกมไงล่ะ” หงคงฉ่วยตอบคำถามบนสีหน้าของคนที่มองมา ลู่อี้เผิงหลับตาลงอย่างอดทนอดกลั้น “ผมเห็นแล้วว่าเป็นตู้เกม แต่คุณเอามาทำไมน่ะ”
   “ฉันอยากดวลกับเธออีกรอบ” หงคงฉ่วยตอบกลับมา แล้วส่งแปะชิกชิกให้กับคนรับใช้ “มาดูกันว่าฝีมือฉันดีขึ้นแล้วหรือยัง”
   ลู่อี้เผิงหัวเราะออกมา “ได้เลย”
----------------------------------------------------------
   “คงฉ่วย เครื่องเกมนี่มันอะไรกัน!” ลู่อี้เผิงพูดออกมา หลังจากแพ้ให้กับหงคงฉ่วยไปแล้วห้าเกม คนถูกถามตอบยิ้มๆ “ก็เครื่องเกมไงล่ะ มันอะไรตรงไหนกัน?”
   ลู่อี้เผิงถลึงตามองคนตอบ และพูดต่อ “ปุ่มพวกนี้มันใช้การไม่ได้ คุณอย่ามาโกงผมนะ”
   หงคงฉ่วยยกนิ้วขึ้นโบกไปมา “ฉันไม่ได้โกงนะ ไม่เชื่อเดี๋ยวฉันย้ายไปเล่นเครื่องนั้นให้เธอดูก็ได้”
   ลู่อี้เผิงยืนรอให้หงคงฉ่วยเดินมานั่งตรงตู้เกมของตนอย่างอดทน หลังจากนั้นเขาก็ได้เห็นคนที่กดปุ่มเกมได้เร็วที่สุดในโลก
   “คงฉ่วย!!” ลู่อี้เผิงร้องออกมา “คุณทำอะไรกับปุ่มมัน?!”
   หงคงฉ่วยตอบยิ้มๆ “ก็แค่ปรับให้มันไวขึ้นสักหน่อย ฉันว่าความเร็วขนาดนี้แหละ เหมาะกับการต่อสู้ที่สุดแล้ว”
   ลู่อี้เผิงกัดฟันกรอดๆ ก่อนจะโพล่งออกมา “เชิญคุณเล่นของคุณไปคนเดียวแล้วกัน” พูดจบก็เดินงุดๆ ออกจากห้องรับรองไป ทิ้งให้หงคงฉ่วยถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า
   “เด็กสมัยนี้นี่... แค่ทำอะไรให้เร็วสักหน่อยมันยากมากหรือไงนะ”
   ลู่อี้เผิงปิดประตูใส่เสียงดังปัง
---------------------------------------------------------------------------------
**แถมรูปคาแรกเตอร์ มนุษย์Sและมนุษย์(?)Mสองคนนี่หน่อย อิอิ

อิมเมจหงคงฉ่วยนี่ ต้องมาดแมนแสนเท่ พระเอกเป็นที่สุดไว้ก่อนเลย เอิ๊กๆ (หมอนี่มาดพระเอกจริงนะเออ ดูโผล่มาแต่ละตอนสิ!!) วาดตัวละครหน้าตาชั่วร้ายเป็นอะไรที่ถนัดมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว อิมเมจคงฉ่วยไม่สาวนะคะ แมนค่ะ ฮ่าๆ <<ยัยนี่วาดเป็นแต่แมน และแมนกว่า!!


ลู่อี้เผิง เมะที่ โชคร้ายที่สุดในสามโลก (ได้เป็นเมะในเรื่องนี้ยังถือว่าโชคดีได้ไหม?<<รออ่านตอนหน้าสิ :laugh:) อิมเมจเผิงเผิงเป็นพวกเรียบร้อยเอาจริงเอาจังล่ะค่ะ... แหม..ก็เขาเกียรตินิยมนี่นา... แต่อับโชคจริงอะไรจริงที่ต้องมาเจอคนอย่างหงคงฉ่วยเนี่ย o22
แถมรูปคู่ค่ะ

คู่นี้เขาแรงจริงอะไรจริง อิอิ ไม่มีเหนียม ไม่มีอาย จริงๆ นะ!!!!

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ :bye2:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
สิ่งเดียวในโลก ที่เผิงเผิงเอาชนะไม่ได้ ก็คือ คงฉ่วย นี่แหละมั้ง 555555555555 ขนาดเล่นเกมตู้ ยังแพ้เลย  :laugh:

อ้างถึง
ได้เป็นเมะในเรื่องนี้ยังถือว่าโชคดีได้ไหม?<<รออ่านตอนหน้าสิ
อย่าบอกว่า จาก เมะ จะกลาย เคะ นะ ม่ายยยยยยยยยยยยยยยย :a5:   ขอโชคร้ายแบบอื่นแทนแล้วกันนะ  :laugh:


อย่าเอาเรื่องนี้ลงไหดองเลยนะ ติดเรื่องนี้อะ ไม่อ่านแล้วลงแดง  :o8:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-07-2011 10:59:50 โดย dahlia »

ออฟไลน์ reborn23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
รูปหล่อใช้ได้
ว่าแต่อายุของเจ๊ ช่างไม่น่าอยากรู้แล้ว
กลัวไม่มีลิ้นใช้  o22

ออฟไลน์ jasmin

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1801
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +174/-1
รูปสวยมาก เจ้หงเราน่ารักสุดๆ
โดยเฉพาะรูปสุดท้าย ได้ใจอ่ะ  :o8:

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12

ออฟไลน์ PRiiNZE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
หึยยยยยยยยยย ค้างงงงงง!! ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ แต่ก็จริงนะะะะ สงสัยอายุคงฉ่วยเหมือนกัน -3- 5555555

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
โหดได้ใจจริงๆ  ลูกเพ่

  o18 o18

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด