Loveless Society เพราะรัก.....ออกแบบไม่ได้ (บทที่ 47) จบแล้วจ้า - 31/12/2011
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Loveless Society เพราะรัก.....ออกแบบไม่ได้ (บทที่ 47) จบแล้วจ้า - 31/12/2011  (อ่าน 57058 ครั้ง)

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้


1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เีดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



"ผมจะไม่ขอให้คุณอยู่ แต่ผมจะขอแค่ให้คุณบอกผมซักคำก่อนคุณจะไป ว่าผมยังมีความหมายกับคุณอยู่บ้างหรือเปล่า"
กาย

"มันไม่มีวันที่ฉันจะได้เจอความรักที่สมบูรณ์แบบหรอก และทั้งหมดที่ผ่านมา มันก็ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ มันก็แค่ การคลายเหงา ท่ามกลางสัมคมแบบนี้เท่านั้นเอง"
นัท

"ก็เพราะว่าฉันไม่ทำอย่างโลกที่ต้องการให้ทำนี่ ฉันแค่หวังว่านายจะเข้าใจที่ฉันทำ แค่นายคนเดียว ไม่ได้หรือไง"
มิก

"ผมไม่เคยเสียใจเลยที่ได้รู้จักพี่ ถึงบางทีผมอาจจะทำให้พี่เสียใจ แต่พี่รู้ไว้นะ พี่คือคนสำคัญที่สุดของผม จากนี้และตลอดไป"
เอิร์ธ


ความรัก.......ออกแบบไม่ได้
Loveless Society

ช่วยกันดีไซน์ความรักให้มันเป็นไป อย่างที่ใจต้องการ

---------------------------------

ภาค 2
Coldness Town เพราะหัวใจ... ไม่เคยลืม
https://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34986.0

ภาค 3
Endless Dream เพราะปลายทาง... คือเรา
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71352.0
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-01-2020 17:37:18 โดย M2M_Jill »

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
บทที่ 1 So Tire

   “นายแน่ใจนะนัท ว่าไอเดียนี้จะผ่านบอสจริงๆน่ะ” เสียงเคาะปากกาลงกับแผ่นมูดบอร์ดบนโต๊ะทำงานของผึ้งกำลังทำให้นัทประสาทเสีย
   “ไอเดียนี้ใหม่มากนะเจ๊ ผมไปคอนซัลท์กับดีไซน์เนอร์ที่ปารีสมาเต็มเดือนเลยนะ ขอล่ะ ให้ผมพรีเซ้นต์เถอะ” นัทกล่าวกับหญิงสาวที่กำลังมองทะลุเข้ามาในตัวเขาผ่านกองแผ่นงานที่เขาพยายามนำเสนอ เขาเพิ่งรู้สึกถึงความรู้สึกที่นั่งไม่ติดเก้าอี้เอาก็วันนี้เอง ผึ้งเงียบไปนานมาก
   นัท ดีไซน์เนอร์ไฟแรงที่ใช้เวลาตลอด 5 ปีในคณะและการฝึกงานกับการทำโฆษณา ชายหนุ่มเป็นหนึ่งในนักศึกษาที่กวาดรางวัลมากที่สุดตลอดเวลาการเล่าเรียนในระดับอุดมศึกษา และแน่นอนว่าเกียรตินิยมที่ได้รับมา ก็ทำให้เขาได้พิสูจน์ตัวเองได้ไม่ยากนักว่าเขานี่แหละได้เกิดมาเพื่อเป็นดีไซน์เนอร์ตัวจริง
   ชายหนุ่มคนนี้เพิ่งเข้ามาทำงานที่นี่ได้สามเดือน แต่เขาก็รู้สึกว่างานการที่ได้รับทำกับเขาราวกับเขาอยูที่นี่มาค่อนชีวิตเสียแล้ว ที่นี่คือ Lovable เอเจนซี่โฆษณาเล็กๆที่มักจะจับแต่งานใหญ่ๆ ที่นี่รวบรวมดีไซน์เนอร์ ครีเอทีฟ และช่างภาพไว้มากมาย ซึ่งนัทมักเรียกมันว่าโรงฆ่าสัตว์ที่น่าเอ็นดู เขารู้จักที่นี่จากการทาบทามของอาจารย์ที่คณะสมัยเรียนวิชาโฆษณา เขาเพิ่งมารับรู้เอาตอนนี้ว่าการตามใจอาจารย์เพื่อเอาเกรดเอนั้นเป็นความคิดที่ผิดทีเดียว
   “ตกลงว่าไงครับ" นัทถามย้ำอีก
   “พูดตรงๆนะ" ผึ้งพูด "ฉันปลื้มไอเดียเธอ นัท อาจารย์ไนเจลเขาคิดไม่ผิดที่เอาเธอมาฝากไว้ที่นี่แต่....”
   “แต่อะไรครับ" นัทถามต่ออีก
   “แต่โปรเจ็คนี้มันค่อนข้างยากในการทำงานของพวกเรา ไอเดียของทุกคนที่นี่ ยังไม่มีใครเตะตาบอสเลย ถ้าเธอคิดว่างานนี้คือสิ่งที่ได้จากการไปดูงานที่ปารีสก็เอา" ผึ้งพูด นัทยิ้มกว้าง
   “ขอบคุณมากครับ แล้วผมจะรวบรวมทีมไปรวบรวมข้อมูลพรุ่งนี้เลยนะ" นัทพูดพลางเก็บกองกระดาษบนโต๊ะทำงานของผึ้ง
   “ใครอนุญาติให้เธอเริ่มงานเนี่ย" ผึ้งว่าพลางขวมดคิ้ว
   “ก็.....ไอเดียผมผ่านแล้วนี่" นัทพูด
   “ผ่านฉัน.....แต่ไม่ได้ผ่านบอส" ผึ้งพูดพลางยื่นกระดาษแผ่นสุดท้ายให้นัท
   “นี่....หมายความว่า....ผมต้องไปพรีเซ็นต์กับบอสอีกทีเหรอครับนี่" นัทถาม
   “งานนี้มันนรกจริงๆนัท บอสเราดันมาฟรีไอเดียเอางานนนี้น่ะสิ ทุกคนต้องขึ้นไปพรีเซ็นต์กับเจ้าตัวเอง แล้วก็ยังประกาศรับไอเดียจากที่อื่นไปทั่ว" ผึ้งว่าพลางขยับแว่น
   “ยังไงครับ" นัทถาม
   “ขึ้นไปห้องบอสสิ เดี๋ยวก็รู้เอง" ผึ้งพูดพลางเหลือกตาขึ้นข้างบนซึ่งเป็นตำแหน่งของห้องทำงานบอส นัทยิ้มเฝื่อนๆรับทราบพลางหอบงานตัวเองกลับออกมายังสตูดิโอด้านนอก ชายหนุ่มโยนกระดาษลงบนโต๊ะอย่างเสียไม่ได้ พลางทรุดตัวลงนั่ง ขณะที่เสียงใกล้ๆดังขึ้น
   “บราโว่" เสียงของมิกที่โดดมากอดคอนัททันที "ฉันชนะ เธอต้องเลี้ยงข้าวฉันเย็นนี้แล้วล่ะสา นัทพรีเซ้นต์ไม่ผ่าน"
   สา ช่างภาพสาวที่กำลังนั่งง่วนกับการเลือกรูป ลากเก้าอี้เข้ามาที่โต็ะทันที
   “อะไรกันเนี่ย ไม่แฟร์นี่นา ปกติไอเดียนายต้องผ่านสิ เกิดอะไรขึ้นเนี่ย" สาพูดพลางใช้ไหล่กระทุ้งตัวของนัทเพื่อนร่วมงาน
   “เปล่า ไม่ใช่ไม่ผ่าน" นัทพูดเหนื่อยๆ
   “ลัคกี้ เห็นไหมล่ะ" สาร้อง ขณะที่มิกหน้าเริ่มห่อเหี่ยว
   “แต่ก็ใช่ว่าจะผ่าน" นัทพูดต่ออีก
   “พูดอะไรของนายวะเพื่อน งง" มิกถาม
   “ฉันต้องพรีเซ้นต์กับบอสอีกรอบน่ะ" นัทพูด
   “หือ? มีอย่างนี้ด้วยเหรอ ปกติเจ๊ผึ้งต้องตัดสินก่อนไม่ใช่เรอะ รึฝีมือเจ๊แกตกซะและ" มิกพูด
   “ไม่ใช่หรอก คราวนี้บอสเกิดใจกว้าง เปิดไอเดียจากคนนอกด้วยน่ะสิ" นัทพูด "ถ้าเป็นย่างนั้นฉันก็ไม่อยากจะไปกันที่เด็กๆรุ่นใหม่น่ะ ฉันเข้าใจความรู้สึกตัวเองดีตอนที่เอางานมาประกวดที่นี่แล้วโดนใครบางคนเอาไอเดียตัดหน้าไปน่ะ"
   “ไอเดียตัดหน้าเหรอ ไม่ใช่หรอกม้าง มันเอาของนายไปพูดให้เป็นของมันต่างหาก" สาว่า
   “นี่กำลังพูดถึงผมกันอยู่หรือเปล่าคร้าบบบ พ่อหน้าใหม่" เสียงกวนประสาทเดินมายังโต๊ะ ไบร์ท ครีเอทีฟผู้วนเวียนทำงานอยู่ที่นี่มาแรมปี "งานแบบนี้ ไอเดียใครดีก็กินขาด มันเป็นเรื่องธรรมชาติ นายน่าจะเข้าใจดีนะนัท ดีไซน์เนอร์ไฟแรง ผู้เดินตรงราวกับเข็มนาฬิกา"
   “ใช่ นั่นเขาล่ะ เขาเดินตรง ไม่เหมือนใครบางคนที่เดินวกไปวนมา จิ๊กไอเดียคนนู้นที คนนี้ที แล้วเอาไปทำเป็นของตัวเองหรอก" สาว่ากับอย่างเผ็ดร้อน
   “โอ้วววว แรงนะนั่น" ไบร์ททำตาโตกวน "พิสูจน์สิ"
   “นายไปทำงานของนายเถอะไบร์ท ขอร้อง อย่ามาหาเรื่องกันดีกว่า" นัทว่า "พวกเราก็มีงานที่ต้องทำ"
   ไบร์ทยิ้มกริ่มพลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้นัทมากขึ้น
   “ก็ดี ตั้งใจทำงานของนายไปเถอะ" ไบร์ทว่า พลางยื่นหน้าเขามากระซิบที่ข้างหูชายหนุ่ม "ตราบเท่าที่มันยังเป็นงานของนายอยู่น่ะ"
   “ทำอะไรกันอยู่น่ะ" เสียงของผึ้งดังขึ้นจากประตูของสตูดิโอ ทั้งสี่ก็สะดุ้งพลางหันไปมองและถอนหายใจเฮือกใหญ่
   “ปล่าวผึ้ง ผมก็แค่มาถามๆเรื่องงานกับน้องไฟแรงนี่ซักหน่อยน่ะ" ไบร์ทพูด
   “ก็ดีไบร์ท เผื่อครั้งหน้านายจะมีไอเดียดีดีมาเสนอกับเขาบ้างก่อนที่นายจะต้องไปถ่ายรูปแทนสาเค้าน่ะ" ผึ้งพูด ไบร์ทเลิกคิ้วพลางเดินกวนๆกลับไปยังโต๊ะทำงานของตัวเอง
   “นี่ก็อีกคน" ผึ้งพูดพลางมองมาที่นัท "บอสเค้ารอไอเดียเธออยู่น่ะ ถ้าเธอไม่ขึ้นไปเสนอ คราวนี้เธอถูกตัดหน้าแน่"
   “ขนาดนั้นเลยเหรอครับ" นัทถาม
   “ใช่ มีคนกำลังเสนองานอยู่ในห้องบอส" ผึ้งว่า
   “ใครครับ นักศึกษาเหรอ" นัทถาม
   “ไม่ใช่ เขาเป็นฟีแลนต์หนุ่ม" ผึ้งพูดพลางอมยิ้ม นัท มิกและสามองผึ้งด้วยสายตาลุกวาว
   “หวังว่าคงไม่ใช่.....”
   “ใช่ เขาล่ะ คุณกายสิทธิ์ สุทธิสมพงส์"
   นัทไม่รู้ตัวหรอกว่าตัวเองใช้เวลาเร็วแค่ไหนในการรวบรวมกระดาษที่ตัวเองโยนลงบนโต๊ะ และเรียงมันใหม่ทั้งหมด พลางเซ็ทแมคบุ๊คของตัวเองก่อนจะแจ้นออกจาสตูดิโอ
   “จริงเหรอเนี่ย เขามาที่นี่เหรอ" เสียงของสากรอกหูเขา
   “ใช่แล้วล่ะ กายสิทธิ์ ฟีแลนต์ที่ไอเดียของเขาจุดประกายและร้อนแรงดังมีไม้ร่ายมนต์ลูกค้าสมชื่อของเขา" มิกเริ่มบรรยายสรรพคุณ "ชายหนุ่มผู้มีฉายาในวงการดีไซน์เนอร์ว่า "พ่อมดแห่งวงการโฆษณา" ถ้าเขามาที่นี่เพื่อเสนองานกับบอสล่ะก็....นัทนายแพ้แน่ๆ"
   ประตุสตูดิโอเปิดออกอีกครั้งเป็นหน้าของนัทที่เหนื่อยหอบโผล่กลับเข้ามา
   “ก็มารอดูกันว่า เค้ากับฉัน ไอเดียใครจะกินขาดก่อนกัน" นัทพูดทิ้งท้ายก่อนจะหายไปพร้อมกับเสียงขึ้นบันได
   นัท ไม่ได้รู้สึกว่า กายสิทธิ์ เป็นไอด้อลของตัวเขาเอง เขามีชื่อเสียงในวงการโฆษณามานาน แต่มันจะดีไม่น้อยถ้าเขาจะได้ลองประชันไอเดียกันซักครั้ง และวัดกันว่าใครที่มีไอเดียเจ๋งกว่ากัน การรู้แกวของคนที่สูงกว่า มันจะทำให้เขาโค่นแชมป์ได้ไม่ยาก ความคิดนี้มันทำให้เขาตื่นเต้นสุดๆ  คนในวงการโฆาณารู้ดีว่าถ้าหากกายสิทธิ์ทำงานให้กับเอเจนซี่ไหน ที่นั่นจะดังสุดๆ กายสิทธิ์เป็นฟีแลต์เขาไม่ทำงานให้บริษัทไหนถาวร นัทคิดเล่นๆว่าการที่บอสเปิดรับไอเดียนอกอาจจะต้องการให้เขามาที่นี่ แต่นั่นไม่ได้ทำให้นัทหวั่น นัทเปิดประตูห้องทำงานบอสเข้าไปทันที ชายหนุ่มคนหนึ่งหมุนเก้าอี้หันหลังกลับมามองเขา
   ชายหนุ่มคนนั้นยิ้มให้เขาอย่างเจ้าเล่ห์ ความหล่อเหล่าที่ทำให้สาวๆยอมตายเพื่อให้ได้เป็นนางแบบให้เขาถ่ายรูปกำลังจ้องมองมายังเขาอย่างพินิจ จากการพิจารณาของนัท กายสิทธิ์กำลังพยายามท้าทายเขาด้วยอำนาจบางอย่าง
   “สวัสดีครับคุณณัทนนท์" เสียงนุ่นลึกของเขากล่าวขึ้นพลางยิ้มขึ้นที่มุมปาก
   “ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณกายสิทธิ์ ผมได้ยินชื่อคุณมานานแล้วครับ ยินดีด้วยที่....”
   “อันที่จริงผมไม่ได้ยินดีเท่าไหร่ คุณมาช้า" กายสิทธิ์พูด นัทรู้สึกอึ้งเล้กน้อยที่ถูกตำหนิ เรื่องเวลาเขาไม่เคยพลาด บอสไม่เคยตำหนิเขาด้วยเรื่องนี้ แต่หมอนี่เป็นใครกัน
   “ขอโทษด้วยครับที่ทำให้คุณต้องรอนะครับคุณกายสิทธิ์"นัทพูดพลางถอนหายใจ
   "เรียกผมกายดีกว่าครับคุณนัท" หมอนี่กำลังท้าทายเขาจริงๆ นัทมองไปยังโต๊ะทำงานของบอสแต่ก็ไม่พบใคร
   “คือผมเห็นว่าคุณไม่จำเป็นต้องรีบขนาดนั้น เพราะเอ่อ....บอสก็ไม่อยู่นี่ครับ" นัทพูด
   “เขาไปเอากาแฟให้ผมน่ะ" กายสิทธิ์พูด
   “เอากาแฟ....อะไรนะครับ บอสไปเอากาแฟ ให้คุณน่ะเหรอ" นัทถามต่อ
   “มีอะไรแปลกเหรอครับ" กายสิทธิ์พูดพลางกอดอกและยิ้มกริ่ม พลางมองนัทอย่างประเมิณค่า
   “อ้อ...พ่อมด" นัทพึมพำ
   “แห่งวงการโฆษณา....ใช่ครับ พวกเขาเรียกผมอย่างนั้น" นัทสะดุ้ง หมอนี่ได้ยินที่เขาพูด
   นัทมองกายสิทธิ์อยู่พักนึงก่อนจะเดินนำงานวางลงบนโต๊ะประชุม กายสิทธิ์เดินตามเขาและหยิบงานส่วนหนึ่งมาดู
   “คุณทำอะไรน่ะ" นัทถามพลางเอางานของตัวเองออกจากมือของกายสิทธิ์
   “เปล่า....ก็แค่อยากรู้ว่า งานของเด็กใหม่ไฟแรงแห่ง Lovable ที่เขาร่ำลือกันเนี่ยเป็นยังไงน่ะ" กายสิทธิ์พูดพลางยิ้มกริ่ม
   “งานผมจะเป็นยังไงผมคิดว่าลูกค้าจะเป็นคนตัดสินครับ และในที่นี้ ผมหมายถึงบอส" นัทเริ่มไม่พอใจนักกับการไม่เป็นมิตรของพ่อมดบ้าบอนี่
   “ดูท่า คุณอารมณ์ไม่ค่อยจะดีนะ" กายสิทธิ์กล่าว
   “พอดีผมมีงานเยอะน่ะ ก็เลยเหนื่อย" นัทพูดพลางจัดเรียงงานของตัวเองให้พร้อมกับการพรีเซ็นต์
   “นึกว่าคุณจะดีใจซะอีกที่ได้เจอผม" กายสิทธิ์ว่า
   “ผมได้ยินเรื่องของคุณมาเยอะครับ" นัทพูด "ก็ไม่นึกว่า ตัวจริงคุณ.......จะต่างจากที่ลงไว้ในแมกาซีน"
   “งั้นเหรอครับ...แล้วมันต่างยังไง" กายสิทธิ์ว่า "ทฤษฎีความต่างในงานนี่หรือเปล่าที่คุณใช้ประเมิณผม"
   นัทอึ้งเล็กน้อย ทฤษฎีความต่าง เป็นหลักที่เขาใช้ในงานออกแบบของตัวเองในแทบทุกๆงาน เขามักจะออกรวบรวมข้อมูลกลุ่มเป้าหมายของงานนั้นๆ และเลือกสิ่งที่จะครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายให้ได้กว้างมากที่สุด ซึ่งตัวแปรที่มักจะให้เขามานั่งขบคิดก็คือเรื่องความต่างของบุคคล นัทเชื่อว่า คนเราทุกคนต่างกันและมีจุดๆหนึ่งที่เหมือนกัน จุดนั้นเอง ที่นัทจะต้องดึงออกมาเพื่อให้โฆษณาของเขาเข้าถึงคนหมู่มาก ซึ่งนอกจากความคิดนี้จะทำให้งานเขาเป็นที่ยอมรับทั้งในมหาวิทยาลัยและเอเจนซี่ทั่วไปแล้ว มันยังทำให้เขารู้จักคนในรูปแบบต่างๆด้วย และก็ใช่อีกที่เขากำลังใช้มันประเมินหมอนี่ ซึ่งผลออกมาก็คือ หมอนี่มันหยิ่งเสียจริง
   “ผม....มักจะมองคนที่งานมากกว่าครับ ผมยังไม่ตัดสินคนแรกพบด้วยทฤษฎีนั้นหรอก" นัทพูดอ้อมๆ
   “เยี่ยม สมแล้วที่คุณพิพัฒน์ชอบงานคุณแล้วรับคุณทำงานที่นี่ คุณบิดพลิ้วได้เก่งดี" กายสิทธิ์ว่า ซึ่งทำให้นัทโกรธมากขึ้นอีก "สำหรับผมทฤษฎีความต่างมักทำให้ผมเสียเวลา ผมมักจะเรียกมันว่าทฤษฎีของคนใจกว้างเกิน"
   กายสิทธิ์ยื่นหน้าเขามาใกล้กับนัทมากขึ้น
   “เพราะผมน่ะ มักจะตัดสินคนทันทีที่เห็นครั้งแรกด้วยสันชาตญาณของตัวเอง" กายสิทธิ์พูด "นั่นแหละทฤษฎีของผม"
   “งั้นเหรอครับ" นัทพูด กายสิทธิ์ยิ้มกว้างขึ้น พลางขยับเข้าหานัทใกล้ขึ้น
   “ใช่ครับ มันเป็นทฤษฎีเดียวกับเรื่องอะไรที่คล้ายๆกับ.......รักแรกพบ" กายสิทธิ์ว่า "เหมือนกับเห็นครั้งแรกแล้วก็ชอบเลย....คุณไม่คิดแบบเดียวกับผมเหรอ.....ครับ...คุณ...นัท"
   นัทเงียบไปพักนึง อาจจะเป็นเพราะกำลังถุกสายตาเจ้าเล่ห์ของกายสิทธิ์มองทะลุเข้าไปอีก
   เสียงเปิดประตูห้องดังขึ้น นัทสะดุ้งสุดตัว ขณะที่กายสิทธิ์กำลังหัวเราะเบาๆ
   “อ้าวนัท ขึ้นมาแล้วเหรอ ได้เจอกับกายแล้วใช่ไหม" บอสนั่นเอง เขาพยายามปิดประตูด้วยเท้า เพราะมือทั้งสองข้างต้องถือถ้วยสตาร์บัคส์เอาไว้สองถ้วย
   “คุยอะไรกันอยู่ล่ะกาย" บอสถาม
   “ก็แค่ทำความรู้จักแล้วก็แลกเปลี่ยนไอเดียเกี่ยวกับงานนิดหน่อยครับ...คุณอา" กายว่า
   คำทิ้งท้ายหลังสุด ทำเอานัทหันควับไปมองบอส
   “อ่อใช่ๆ.....กายสิทธิ์เขาเป็นหลานผมเองนัท แปลกใจใช่ไหมล่ะ เราเอ่อ...เป็นญาติที่ก็ห่างกันมากๆทีเดียว ฮ่าๆ" บอสหัวเราะแบบนนี้ประจำเวลาเล่นมุขแล้วไม่ขำ เสียงหัวเราะแบบนี้เช่นเดียวกันที่ทำให้ทั้งสตูดิโอปวดหัวเมื่อมีงานสุดหินเข้ามาให้ทำแบบกระทันหัน งานนี้ก็เช่นกัน
   “เหรอครับบอส ผมว่าคุณกายสิทธิ์เค้าก็ไอเดียดีนะครับ ถ้าเค้าเก่งขนาดนี้เนี่ย ทำไมบอสไม่ชวนเค้าเข้ามาทำงานที่นี่ซะเลยละครับ" นัทพูดแต่กลับไม่ได้มองหน้าบอส เขากำลังกระทบกายสิทธิ์เข้าอย่างจัง
   “โธ่นัท นึกว่าผมไม่เคยชวนเจ้ากายเรอะ เจ้านี่มันอีโก้สูง ไม่ยอมมาทำงานกับอาซักที" บอสกล่าว
   “อาพัฒน์ ผมก็เคยบอกอาแล้วนี่ครับ ว่าถ้าบริษัทอามีอะไรน่าสนใจผมก็จะมาร่วมงานน่ะ" กายหันกลับไปประจันหน้ากับนัททันที "ซึ่งผมว่าตอนนี้....ก็มีอะไรน่าดึงดูดให้ผมมาร่วมงานซะแล้วล่ะครับ"
   “ฮ่าๆๆๆ อาก็ไม่คิดว่าเราจะเอางานมาเสนออาหรอกกาย เอาจริงๆตอนนี้อาชอบไอเดียเรานะ นัท จะลองฟังกายเค้าพรีเซนต์หน่อยมั้ยล่ะ" บอสพูด
   “ผมว่าให้คุณนัทเค้าเริ่มก่อนจะดีกว่าครับ" กายสิทธิ์กล่าว "ผมไม่อยากกันที่เด็กใหม่"
   “ดีครับ" นัทเริ่มรู้วิธีรับมือหมอนี่แล้ว "งั้นผมเริ่มเลยนะครับ"
   นัทนำบอสและกายสิทธิ์ไปยังโต๊ะประชุม เขาเปิดคอมพร้อมกับเริ่มพรีเซ้นต์งาน เขาไม่เคยรู้สึกอยากพรีเซ้นต์รอบสองมากขนาดนี้มาก่อน เขาหันไปยิ้มท้าทายกับกายสิทธิ์
   “สินค้าของลูกค้าเจาะกลุมเป้ามหมายที่แน่นอนอยู่แล้วทางด้านการตลาด ดังนั้นรูปแบบปรินท์แอด บิลบอร์ดและตัวแอมเบี้ยนที่จะทำออกมาจึงจะยังคงยึดคอนเซ็ปต์เดิมของตัวสินค้า  ผมได้ลองคอนซัลต์กับทางดีไซน์เนอร์ที่ได้ทำในส่วนของสินค้าออกมาแล้ว เขามีคอนเซ็ปต์ดั้งเดิมคือ โลกสีเขียว ดังนั้นงานอีเว้นท์ครั้งนี้ ผมจึงจะยังคงใช้ธีมเป็นโลกสีเขียว ซึ่งรายละเอียดก็เป็นไปตามในมูดบอร์ดครับ.....มีคำถามไหมครับ"
   นัทส่งสายตาเชื้อเชิญให้กับกายซึงเขาทำผิดถนัดเลย
   “ทฤษฎีความต่าง งานอีเว้นท์นี้ก็จะเปิดรับคนทุกกลุ่มอาชีพและทุกวัยสินะครับ" กายสิทธิ์เริ่มพูด
   “ถูกต้องครับ" นัทพูด
   “มันจะไม่ง่ายไปเหรอครับถ้าเกิดเราใช้ธีมนั้นต่อเลย ผมว่ามันเอ่อ....ไม่รู้สิ....มันไม่มีหัวคิดน่ะ" กายพูด
   “คุณว่าอะไรนะครับ"
   “คือผมกำลังจะพูดว่า โลกสีเขียวเป็นธีมที่งานอีเว้นท์เกือบแปดสิบเปอร์เซนต์ในวงการออกาไนซ์เลือกใช้ และมันก็ดูไม่มีมิติอะไรของงานที่จะดึงดูดอะไรคนเลย แล้วยังไงล่ะ สีเขียว สีเขียว สีเขียว สินค้าก็ยังเป็นโทรศัพท์มือถือ ที่ต้องขุดน้ำมันมาชาร์ทไฟใช้มันอยู่ดี" กายเริ่มพูด "ผมคิดว่ามันน่าจะดีกว่าถ้าเราจะนำเอาคุณสมบัติที่ดีของมันออกมาขาย แล้วนำเรื่องโลกสีเขียวลงเป็นเรื่องรอง"
   “แต่นั่นจะทำให้จำนวนคนที่สนใจงานลดลงนะครับ" นัทแย้ง
   “ผมไม่อยากเปิดโอกาสให้คนมากมาก แล้วก็เห็นข้อบกพร่องของตัวสินค้ามากขึ้น เราต้องบีบมันให้แคบลง และศึกษาคนที่จะมาร่วมงานให้มากว่าเขาต้องการอะไร การขยายตลาดแบบปากต่อปากจะทำให้ตัวสินค้าดูน่าสนใจยิ่งขึ้น....เห็นด้วยไหมครับ...." กายว่า
   “ม...ไ"
   “...คุณอา" กายยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์อีกครั้ง
   “สรุปว่าสองคนยังไม่ลงรอยเรื่องคอนเซปต์งานสินะ งั้นก็ดีเลย" บอสพูดพลางกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงาน "อาสนใจไอเดียเรานะกาย"
   “เอ่อ....แต่ว่าบอสครับ" นัทพยายามพูด
   “เอาน่านัท ผมว่าคุณก็รับผิดชอบมาหลายงานแล้ว คราวนี้ให้กายเค้าช่วยเอางานนี้ไปทำก็แล้วกัน" บอสพูดพลางยิ้มแย้ม "น่าสนใจทีเดียว"
   “อ้อ...ดีครับ" นัทว่า "ชื่อเสียงของคุณกายสิทธิ์น่าจะพอทำให้งานดูดีได้"
   ทั้งห้องเงียบสนิท คราวนี้นัทรู้ตัวเลยว่าเขาพูดแรง
   “คือ....ผมหมายถึงมันคงดีครับที่มีคุณกายสิทธิ์มาช่วย ขอบคุณที่รับฟังการนำเสนอของผมครับบอส ถ้าไม่มีอะไร ผมขอลงไปทำงานต่อนะครับ" นัทรีบพูดแก้ตัว
   “อืม ขอโทษด้วยนะนัทคราวนี้ แต่ไอเดียคุณก็เจ๋งเสมอแหละ" บอสว่า
   “ขอบคุณครับบอส และ....”นัทเก็บของเสร็จก็หันมามองกายสิทธิ์ "หวังว่าเราคงไม่ได้เจอกันบ่อยนักนะครับ"
   นัทเดินจ้ำอ้าวออกจากห้อง
   “แต่ผมกะจะให้คุณนัทเค้ามาเป็นพาร์ทเนอร์ผมน่ะครับอา" กายพูด ทำเอานัทหยุดกึก
   “อะไรนะครับ" นัทหันกลับมาทันที
   “ผมว่างานมันคงน่าสนุกถ้ามีเด็กใหม่กล้าคิด กล้าทำ กล้าพูดอยู่ในทีม ผมขอเค้าเป็นพาร์ทเนอร์งานนี้ อาคงไม่ว่าอะไรนะครับ" กายสิทธิ์พูด
   “นี่คุณ....”
   “โอ้...งั้นก็ดีสิกาย นัทจะได้มีโอกาสทำงานกับเราด้วยไง" บอสว่า
   “ผมไม่ได้ดีใจเท่าไหร่หรอกบอส" นัทพึมพำ
   “อะไรนะนัท ผมได้ยินไม่ถนัด" บอสถาม
   “เอ่อ...ผมบอกว่า ผมดีใจมากมายครับบอส" นัทพูด
   “งั้นสองคนนี่ก็เริ่มงามได้เลยพรุ่งนี้นะ ให้ตายสิ อีเว้นท์นี้มันจะต้องเจ๋ง ได้สุดยอดแห่งวงการทั้งสองคนมาทำงานร่วมกัน Lovable ดังระเบิด ฮ่าๆๆๆๆ" บอสหัวเราะร่วนพลางเดินกลับไปยังโต๊ะทำงาน
   กายและนัทมองหน้ากันอยู่ครู่หนึ่ง กายจึงยื่นมือมาตรงหน่้านัท
   “ยินดีที่ร่วมงานครับคุณนัท" กายพูด
   นัทถอนหายใจครั้งหนึ่งก่อนจะเอื้อมมือไปจับกับกายสิทธิ์ ซึ่งมันทำให้นัทหัวเสียมากมายเมื่อเห็นใบหน้าของกายสิทธิ์ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ลับหลังบอส
   “เช่นกันครับ" นัทพูด
   ทั้งคู่มองหน้ากันพักนึงก่อนจะเก็บของออกจากห้องของบอสไม่กี่นาทีหลังจากนั้น นัทคิดไว้ทันทีหลังจากวินาทีนั้นว่านี่ต้องเป็นปัญหาใหญ่แน่ๆ
   “ผมไม่คิดว่าไอเดียผมกับคุณจะเข้ากันได้ คุณกายสิทธิ์" นัทพูดขึ้นทันทีเมื่อลงมาถึงชั้นล่าง
   “เรียกกายครับ เราสองคนอายุเท่ากัน" กายว่า "และผมก็เชื่อว่า เราสองคนจะเข้ากันได้ดี"
   นัทถอนหายใจอีกครั้งหนึ่ง
   “เอาล่ะ...เอ่อ...กาย...คุณฟังผมนะ ผมไม่ชอบให้ใครมาบังคับ หรือบรีฟไอเดียผม ผมทำงานมาเยอะ อาจจะไม่มีฝีมือเลื่องชื่อเท่าคุณ แต่ผมก็มีสิทธิ์เลือกงาน เลือกลูกค้า คุณกับผมจะเริ่มต้นอะไรไม่ได้เลยถ้าไอเดียเราเข้ากันไม่ได้"
   “ดีครับ นั่นเป็นการเริ่มต้นที่ดี" กายยิ้มอีก นัทคิดว่ารอยยิ้มนั้นอาจจะทำให้สาวๆใจอ่อนได้ แต่มันไม่ใช่กับเขา
   “เผื่อคุณจะยังไม่เข้าใจนะ ถ้าคุณไม่ชอบผม เห็นผมหน้าใหม่ ฝีมือไม่ถึงหรืออะไรก็ตามก็บอกกันมาตรงๆ เหมือนผมบอกคุณเมื่อกี้นี้" นัทว่า "ผมจะเป็นพาร์ทเนอร์คุณได้ยังไงถ้าคุณไม่ชอบผม"
   “แล้วใครว่าผมไม่ชอบคุณ" กายพูด
   นัทอึ้งไปพักนึง ขณะที่กายได้แต่มองหน้าของนัทราวกับจะเจาะทะลุ
   “เอ่อ...ขอโทษค่ะ คุณกายสิทธิ์" เสียงแหลมของสาปลุกให้นัทหันไปหาเธอพร้อมกับกาย เมื่อทั้งคู่หันไปก็พบสากับมิกพร้อมด้วยเหล่าคนในบริษัทอีกจำนวนหนึ่งมายืนออกันตรงประตู ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสาวๆที่พกกล้องอันเบ้อเริ่มที่คาดว่าคงซูมได้ถึงรูหุมขนของคนที่นัทคาดว่าจะเป็นกายที่จะถูกบันทึกลงฟิล์ม
   “จะว่าอะไรไหมคะ ถ้าเกิดพวกเราจะขอสัมภาษณ์อะไรเล็กน้อยๆ" สาเริ่มพูด
   “ได้สิครับ ผมยินดี" กายยิ้มให้นัทแว้บหนึ่งก่อนจะจมหายไปกับเหล่าสาวๆช่างภาพแห่ง Lovable
   นัทปลีกตัวออกมาจากตรงนั้นได้สำเร็จและกลับมายังโต๊ะของตัวเอง
   “ให้ฉันทายซิ....ว่านายพรีเซ็นต์ผ่านไหม" ไบร์ทนั่นเอง นัทคิดว่าไบร์ทน่าจะมีเรดาห์ประหลาด เขาจะเข้ามาทุกทีตอนที่นัทกำลังอารมณ์เสีย "เด็กใหม่ไฟแรงโดนเวทย์มนต์ดับไฟซะแล้วเหรอเนี่ย"
   “อิจฉาเหรอไบร์ทที่ผมได้พรีเซ้นต์แข่งกับคุณกายสิทธิ์น่ะ" นัทว่า
   “ฉันไม่ได้สนใจประเด็นนั้นเด็กใหม่ ฉันสนใจที่นายพรีเซ้นต์ไม่ผ่านมากกว่า" ไบร์ทพูด "นั่นคงทำให้นายเสียใจมากสินะ อย่าทะนงตนไปนัก ยังมีดีไซน์เนอร์ที่ไอเดียดีอีกมากมายเสียจนนายไม่กล้าฝันถึงอีกเยอะ"
   “ไม่เป็นไรหรอกไบร์ท อย่างน้อยผมก็ดีใจ ที่หนึ่งในนั้นไม่ใช่คุณ" นัทว่ากลับ ไบร์ทน่าถอดสีทันที
   “ขอโทษครับ คุยธุระกันอยู่หรือเปล่า" เสียงของกายสิทธ์นั่นเอง
   “เปล่าครับ คุณกายสิทธิ์ ดีใจด้วยนะครับที่คุณได้โปรเจ็คนี้ไป" ไบร์ทพูดทันที
   “อ๋อ ไม่ใช่ของผมคนเดียวหรอกครับ ของนัทเค้าด้วย" กายว่า "ผมกับนัท ได้ดูแลโปรเจ็คนี้ทั้งคู่ เราสองคนเป็น....” กายทิ้งท้าย นัทจ้องหน้ากายเขม็ง "พาร์ทเนอร์กันจนจบโปรเจ็คครับ"
   เสียงฮือฮาดังไปทั่วสตูดิโอ ไบร์ทหน้าเหวอทันที
   “พรุ่งนี้ผมจะเข้าไปที่บริษัทลูกค้าตอนสิบเอ็ดโมงนะ แล้วเจอกัน" กายพูดก่อนจะเดินหายออกไปท่ามกลางขบวนของช่างภาพสาวๆ สากับมิกรีบเดินมาหานัททันที
   “ไม่จริงใช่ไหมนัท นั่นมันเหลือเชื่อเลยอ่ะ นายกำลังจะได้ร่วมงานกับพ่อมดแห่งวงการให้ตายสิ"สาร้อง
   “ไม่ใช่กำลัง แต่ร่วมแล้ว" นัทพูดพลางมองไปหาไบร์ทที่รีบเดินไปยังโต๊ะตัวเองอย่างรวดเร็ว
   “แต่ไม่เคยมีใครร่วมงานกับเขาได้เกินสองอาทิตย์เลยนะ ว่ากันว่าเขาแสบน่าดู" มิกว่า "แล้วนายว่าไง"
   “ที่พวกนายรู้มา ไม่ถึงครึ่งเลยล่ะ" นัททำหน้าเบื่อโลกสุดๆ "หมอนี่อีโก้เป็นบ้า"
   สากับมิกมองหน้ากัน
   “เขาเลวร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ" สาพูด
   “เจอครั้งแรกเค้าก็ปั่นหัวฉันซะเป็นลูกข่าง ก็ต้องดูกันต่อไปว่าเขากับฉันใครจะหมดความอดทนก่อนกัน ไปหาไรกินกันเถอะ" นัทพูดพลางลุกขึ้นและมองไปทางโต๊ะของไบร์ท
   “ถ้าไม่ว่าอะไร ผมต้องกลับก่อนนะ พอดีต้องรีบกลับไปเสก็ตไอเดียให้ชัดเจนกว่านี้หน่อย ดูเขาจะปลื้มไอเดียผมมากเลยล่ะ" นัทจงใจพูดเสียงดัง "ผมไปก่อนนะครับไบร์ท"
   นัทเดินออกจาสตูดิโอโดยไม่ได้ใส่ใจสีหน้าขอไบร์ทที่ดูเจ็บใจสุดๆ ขณะที่สาได้แต่กลั้นหัวเราะโดยมีมิกคอยห้าม
   ทั้งสามออกมาถึงหน้าบริษัทพอดีกับที่มีรถสปอร์ตสีดำคันหนึ่งค่อยๆชลอจอดอย่างงดงามต่อหน้าพวกเขา กายนั่นเอง ชายหนุ่มค่อยๆหมุนกระจกลงช้าๆพลางโบกมือให้กับนัท
   “อย่าไปสายล่ะ" กายพูดสั้นๆก่อนจะบึ่งรถออกไปด้วยความเร็มสูง
   “โห รถเค้าสวยแหะ" สาร้อง
   “ไม่เท่าไอ้เต่าทองฉันหรอกน่า" มิกพูด
   “ไม่ต้องพูดมากเลย ไปเอารถเถอะน่า มาร์คเค้ารออยู่นะ" สาว่า
   “เธอจะห่างจากแฟนซักสองชั่วโมงเนี่ยมันจะตายรึไง" มิกพูดพลางเดินไปเอารถเต่าคันโปรดที่รับใช้พวกเขาสามคนมาตั้งแต่สมัยเรียน ขณะที่นัทได้แต่มองรถคันนั้นขับผ่านไปพลางนึกอะไรบางอย่างออก
   “รอฉันแป้บนะ" นัทพูด พลางวิ่งกลับเข้าไปในบริษัทตรงดิ่งเข้าไปหาผึ้ง
   “เจ๊ผึ้ง" นัทเปิดประตูเข้าไปหญิงสาวขยับแว่นพลางจับอก
   “ตกใจหมดนัท มีอะไรจ้ะ" ผึ้งถาม
   “พี่ช่วยอะไรผมอย่างสิ"
….............

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
บทที่ 2 Reflectivity

   นัทใช้เวลาทั้งเย็นนั่งสาธยายความเป็นมาเรื่องนี้ให้สากับมิกฟัง ทั้งคู่รู้ว่ามันรวดเร็วจนแทบตามไม่ทัน แต่หลังจากที่มาร์คแฟนของสาได้เล่าประสบการณ์หินๆในการทำงานกับกายสิทธิ์ให้ฟังด้วยแล้ว ทำให้คำพูดของนัทน่าเชื่อถือทีเดียว
   นัท สา และมิก เรียนด้วยกันมาที่มหาลัย และก็เลือกที่จะมาฝึกงานด้วยกัน พวกเขาทั้งสามคน รู้จักนิสัยกันดี และแทบไม่เคยจะทะเลาะกันด้วยเรื่องใดใดเลย และทั้งคู่ก็มาจบลงที่ Lovable มันเป็นที่ๆ ทั้งคู่เห็นว่าดี และมันก็เริ่มบอกพวกเขาทีละน้อยว่าอาจจะไม่ใช่อย่างนั้น ส่วนมาร์ค เขาเป็นนายแบบ รู้จักกับสาตอนที่ Lovable ไปออกาไนซ์ให้กับงานแฟชั่นที่สยามพารากอน สองอาทิตย์หลังจากนั้นสาควงมาร์คมาบริษัททำเอาสาวๆใน Lovable กรี๊ดสลบ ส่วนมิก เป็นคนที่อาร์ทเสมอต้นเสมอปลาย น้อยคนนักที่จะคุยกับมิกแล้วไม่ปวดหัว มิกมักจะกวนประสาทคนอื่นเสมอและก็อยู่ห่างจากคำว่าบ้าแค่เส้นยาแดง ถึงขนาดตั้งชื่อรถตัวเองว่าไอ้เต่าทองและดูแลยิ่งกว่าลูก
   กายสิทธิ์ สำหรับพวกเขาสามคนก็ไม่ต่างจากซุปเปอร์สตาร์ของพวกเขา สาจะกรี๊ดเมื่อได้ยินชื่อ นัทมีความรู้สึกอยากจะเทียบชั้น ขณะที่มิกไม่ได้สนใจอะไรไปมากกว่าดีไซน์เนอร์มีชื่อคนหนึ่งที่อาจพบเห็นได้ทั่วไปในวิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ แต่ที่พิเศษตรงที่กายสิทธิ์สามารถประสบความสำเร็จอย่างงดงามแม้อายุจะยังน้อยมากเมื่อเทียบกับคนอื่นๆในวงการ ดังนั้นเมื่อนัทมีโอกาสได้ร่วมงานกับเขา ถึงกายสิทธิ์จะดูเป็นอย่างนั้นก็เถอะ มันก็เป็นเรื่องน่ายินดีที่ทั้งสี่จะฉลองกันจนมืด ที่ร้านอาหารหน้าปากซอยบ้านของนัท ร้านประจำของทั้งสาม
   “สงสัยฉันต้องกลับแล้วล่ะ ฉันต้องไปอีเว้นต์แต่เช้า" มาร์คพูดขึ้น
   “กลับแล้วเหรอ อืม เดี๋ยวสาไปส่งนะคะ" สาพูด "เห้ยมิกยืมเต่าทองหน่อยสิ"
   “แกนี่ประจำเลยนะ ก็ได้วะ นัท วันนี้ฉันค้างบ้านนายนะ" มิกว่า
   “เอ้า ไงหวยมาออกที่ฉันจนได้"นัทว่า "ก็ได้วะ"
   “งั้นก็แยกกันตรงนี้ เจอกันพรุ่งนี้นะ" สาพูด พลางหยิบกุญแจรถไปพร้อมกับควงมาร์คเดินออกจากหน้าร้านไป
   “ดูมัน ได้แฟนแล้วก็ทิ้งเพื่อน" มิกว่า
   “เข้าบ้านเหอะ ปล่อยมันไป" นัทว่าพลางเดินเข้าซอยไปพร้อมกับมิก
   ครึ่งชั่วโมงต่อมา ทั้งคู่ก็จมอยู่กับคอมและโต๊ะดราฟเพื่อจะเสก็ตไอเดียให้เสร็จ หลังจากอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว
   “เออนัท แม่นายจะเมื่อไหร่จะกลับจากอเมริกาล่ะ" มิกถามขึ้น
   “เดือนหน้าอ่ะ" นัทว่า "แม่ว่าทำงานที่นั่นหนักพอแล้ว เห็นว่าจะกลับมากินเงินเดือน"
   “โห ดีแหะ ไม่เหมือนแกกับฉันต้องมานั่งตรากตรำกับบอสมุขแป๊กนี่" มิกว่า นัทหัวเราะแห้งๆ "งั้นเดือนหน้าฉันก็คงไม่ได้มานอนห้องแกแล้วสินะ"
   นัทหันกลับไปมองมิก
   “ฉันอยู่คนเดียได้หรอกน่า" นัทว่า
   “แต่ฉันไม่อยากให้แกอยู่คนเดียวนี่หว่า" มิกพูด "ฉันเป็นห่วงแกนะเว่ย"
   “อืม ขอบใจ" นัทพูด
   นัทยังคงก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป แม้ว่ามิกจะยังคงจ้องมองนัทอยู่อย่างนั้น
….................


   กิจวัตรประจำวันของนัทและมิกไม่มีอะไรสำคัญมากนัก ทั้งคู่ตื่นนอนตอนแปดโมง และอาบน้ำและทานอาหารเช้าที่มิกมักจะเป็นคนทำ
   “เห้ยมิก ทำไมนายต้องทำอาหารเช้าให้ฉันด้วยวะ" นัทถามขึ้น
   “ก็แม่แกบอกให้ แกกับฉันอยู่กันดีดีนี่หว่า" มิกว่า
   “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับอาหารเช้าวะ" นัทพูดพลางนั่งลงหั่นขนมปัง
   “เอาน่า อย่างน้อยฉันก็อยากดูแลแก ไม่ได้รึไง" มิกพูดพลางถอดชุดทำครัวและเตรียมนั่ลงรับประทานอาหารเช้า
   “นี่ถ้าแกดูแลผู้หญิงให้ได้อย่างนี้นะ แกก็หาแฟนได้ไม่ยากหรอกมิก" นัทว่า
   “ฉันไม่ต้องหาแฟนแล้วล่ะ" มิกพูดพลางเริ่มตักไข่ดาว
   “เห้ยหรือว่า.....แกมีคนที่ชอบแล้วอ่ะดิ ใช่ป่ะล่ะ" นัทหันมาทำตาโตใส่มิก "เห้ยใครวะ อั่นแน่ อย่าบอกนะว่าเป็นยัยแอน ที่ทำอยู่ประชาสัมพันธ์อ่ะ คนนั้นเด็กบอสไม่ใช่เรอะ"
   “บ้า...ไปเอามาจากไหน ไม่ใช่แอนเว่ย แล้วเค้าก็ไม่ใช่เด็กบอสด้วย นินทาบอสนะแก" มิกว่า
   “เอาน่าๆ หนุกๆ" นัทพูด
   “ดูวันนี้แกจะอารมณ์ดีนะ เกิดมาปลื้มที่จะได้ทำงานกับคุณกายขึ้นมารึไง" มิกถาม นัทเลิกคิ้วพลางอมยิ้ม
   “เค้าจะลืมไม่ลงเลยแหละที่ได้มาทำงานกับฉัน" นัทพูด "รีบกินเหอะ ฉันต้องออกไปพบลูกค้า"
   หลังจากอาหารเช้าที่เร่งรีบ ทั้งคู่ก็มาถึงออฟฟิสตอนเก้าโมงครึ่ง เมื่อนัทมาตอกบัตรและมาให้ไบร์ทเห็นหน้าแล้วเขาก็แจ้นออกไปข้างนอกทันที สาและมิกมองหน้ากันอย่างฉงน
   “เห้ยเดี๋ยวนัทแกจะรีบไปไหนวะ" มิกออกมาทันก่อนที่นัทจะก้าวพ้นประตูบริษัท
   “ก็ไปพบลูกค้าไง" นัทพูดพลางยิ้มๆ
   “แล้วไปกับ.....”
   “ฉันไปก่อนนะ แล้วเจอกันบ่ายๆ" นัทพูดตัดบทก่อนที่มิกจะพูดจบประโยค ปล่อยให้มิกยืนงงกับอาการเร่งรีบของนัท
   “อะไรของเค้าวะ" มิกพึมพำ
   นัทเหมารถแท๊กซี่ตรงไปยังโรงแรมมารีออตย่านฝั่งธน เป็นที่ที่เขานัดพบกับลูกค้าไว้ แต่ทว่ามันไม่ใช่ลูกค้าของเขากับกายวันนี้
   หนึ่งชั่วโมงให้หลัง นัทและลูกค้าของเขานั่งสนทนากันอย่างเคร่งเครียดที่ร้านอาหารริมน้ำของมารีออต
   “ถ้าคุณตกลงกับแอมเบี้ยนตัวนี้ ผมจะได้สั่งตีพิมพ์บัตรเชิญทั้งหมดและเริ่มงานได้เลยครับ ส่วนมอคอัพตัวนี้ถ้าไม่มีอะไรแก้ไขผมจะสั่งทำเอามาเป็นตัวอย่างก่อน 10 ชุดนะครับ" นัทเริ่มอธิบายงานของเขา
   “ครับผม ขอบคุณมากนะครับ แหม่คุณนี่ไอเดียโดนใจผมจริงๆ" ชายวัยกลางคนกล่าวชื่นชม
   “งั้นคุณช่วยตอบแบบสอบถามนี่หน่อยนะครับแล้วเดี๋ยวผมจะส่งภาพงานโดยรวมให้ไม่เกินวันศุกร์นี้ครับ" นัทยื่นเอกสารให้ลูกค้าเซ็นขณะที่ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังมาจากด้านหน้าร้านอาหาร
   “ไม่ได้นะคะ ถ้าไม่ได้จองไว้เข้าไม่ได้นะคะ" เสียงของพนักงานต้อนรับดังขึ้นอีก ขณะที่นัทเงยหน้าขึ้นดูก็ตกใจแทบสิ้นสติ เมื่อคนที่วิ่งพรวดพราดเข้ามาคือคนที่เขาคิดว่าวันนี้สามารถกำจัดไปได้สำเร็จแล้ว....กายนั่นเอง
   “คุณทำแบบนี้หมายความว่ายังไง นัท" เสียงอันดังของกายทำเอาคนเกือบทั้งร้านหันมามองที่โต๊ะของนัทเป็นสายตาเดียวรวมทั้งสายตาของลูกค้าที่กำลังตอบแบบสอบถามของเขาอยู่ นัทมองไปรอบๆตัวรู้สึกว่าบางคนที่รู้จักว่ากายเป็นใครกำลังซุบซิบกันแปลกๆ แต่เขาจะไม่ยอมเสียลูกค้าคนนี้ไปเป็นอันขาด
   “เอ่อ....ผมขอตัวซักครู่นะครับ" นัทกล่าวอย่างนุ่มนวลกับลูกค้า ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกจาร้านไปยังศาลาริมน้ำที่ห่างไกลผู้คนที่อยากรู้อยากเห็น กายเห็นดังนั้นก็เดินตามไปอย่างไม่รอช้า
   นัทหันกลับไปหากายช้าๆ
   “คุณมาที่นี่ทำไม" นัทว่า
   “ผมต่างหากที่ต้องถามคุณ คุณมาทำอะไรอยู่ที่นี่ ทำไมไม่ไปพบลูกค้ากับผม" กายว่ากลับเสียงดัง นัทยิ้มกริ่มในใจ ในที่สุดเขาก็ทำให้หมอนี่รู้สึกโกรธได้
   “ผมต้องทำโปรเจ็คกับลูกค้าคนนี้ให้จบ" นัทพูด "แล้วคุณพีระดาเค้าก็ไปแทนผมแล้วไง"
   “ผมไม่ได้ถามว่าใครไปแทน ผมถามว่าทำไมคุณไม่ไป" กายโวยวาย
   “คุณผึ้ง เค้าทำงานที่ Lovable มาก่อนผม เขามีพร้อมทั้งประสบการณ์และมีไอเดียดีกว่าผมซะอีก" นัทพูด
   กายส่ายหัวอย่างหงุดหงิดก่อนจะเดินเข้ามาใกล้นัทเกินระยะปลอดภัย
   “ผมไม่ได้สนใจว่าใครไอเดียดีกว่าใคร ผมถามว่าทำไมคุณถึงไม่ไป" กายกัดฟัน
   “แล้วผมจะไปหรือไม่ไปมันต่างกันตรงไหน....” นัทเริ่มพูดเสียงดังบ้าง
   “มันก็ต่างกันตรงที่.....” กายเริ่มอึกอัก ชายหนุ่มหลบสายตาลงก่อนจะพยายามหาคำพูดบางอย่าง นัทกะไว้อยู่แล้ว หมอนี่แค่ต้องการประชันกับเขา เพื่อให้เขาแพ้และยอมศิโรราบให้ แต่นัทไม่ชอบวิธีนี้ ถ้าเสือสองตัวมันอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ จะหาเรื่องให้มันกัดกันทำไม
   “นี่ คุณไม่ต้องมาวกวนกับผมเลยนะผมน่ะ ไม่ใช่คนมีปัญหา คุณนั่นแหละที่มีปัญหา ไม่งั้นคุณก็คงไม่หาคนอื่นไปแทนหรอก" กายพูด "บอกผมมาดีกว่า ว่าคุณมีปัญหาอะไร ถึงไม่อยากไปกับผม"
   นัทรู้สึกหงุดหงิดกับหมอนี่ขึ้นมาอีกแล้ว ทำไมกันนะเขาเกือบชนะอยู่แล้ว.....ทำไมหมอนี่พลิกกลับมาต้อนเขาจนมุมอีกจนได้
   “เอ่อ...” นัทพยายามหาคำพูดที่เหมาะสม "ผมก็บอกคุณไปแล้วหนิ ว่าผมไม่คิดว่าไอเดียเราสองคนจะเข้ากันได้"
   “อะไรนะ" กายพูด
   “ผมบอกคุณไปแล้วเมื่อวานไง" นัทพูด
   “นี่หมายความว่าคุณไม่อยากร่วมงานกับผมเหรอ" กายถาม "กับผมเนี่ยนะ"
   นัทคิดว่าหมอนี่กำลังหลงตัวเองสุดๆ
   “คือผมหมายความว่า ผมและคุณ เราก็ได้ชื่อว่าเจ๋งทั้งคู่ แต่เราก็ยังไม่เคยทำงานด้วยกัน" นัทว่า "แล้วแถมเราก็ยังเข้ากันไม่ได้ด้วย"
   “แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าเราเข้ากันไม่ได้" กายถามอีก
   นัทตอบคำถามไม่ได้อีกแล้ว...ทำไมกัน
   “ผมเราว่าเราคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วล่ะ ผมขอตัวกลับไปคุยกับลูกค้านะ" นัทเดินกลับไปยังร้านอาหาร
   “เดี๋ยว" กายเรียก "ถ้าคุณไม่ยอมไปกับผม ผมยอมไปกับคุณก็ได้"
   “อะไรนะ" นัทหันมาอย่างไม่เชื่อหู
   “อ้อ แล้วก็อย่าคิดนะครับ ว่าจะเอาชนะผมได้" กายพูดทิ้งทาย ย่างท้าทาย
   “งั้นก็ตามใจคุณละกัน แต่คุณคงจะต้องรอนานหน่อยนะ เพราะผมมีลูกค้าอีกคนนึงที่นัดเอาไว้ แล้วลูกค้าคนนี้เนี่ย ผมจะต้องคุยกับเค้าอีกสี่ชั่วโมง" นัทว่า
   “อีกกี่ชั่วโมงนะ" กายถามย้ำ
   “สี่ชั่วโมงครับ ใช่แล้ว" นัทพูดพลางยิ้ม "สี่ชั่วโมง"
   “เอ่อ...งั้นก็ได้" กายพูด
   “งั้นก็เชิญครับ" นัทเปิดประตูร้านให้กายเข้าไปก่อน และหลังจากนั้นสี่ชั่วโมง กายก็ได้รู้สึกถึงความเบื่ออย่างแท้จริง
…........
   “นายนี่มันก็แสบไม่เบาเลยนะ" สาพูดในช่วงเย็นของวันนั้น หลังจากที่นัทและกายกลับมาถึงบริษัท ซึ่งสาและมิกก็ผิดคาด ขณะที่นัทหน้าตาระรื่นกลับมากลับเป็นกายที่ดูหงุดหงิดและเหมือนจะเอาเรื่องนัทเสียให้ได้ ก่อนที่เขาจะหายขึ้นไปที่้องทำงานของบอส นัทก็ถูกผึ้งเทศนาอยู่ยกใหญ่ที่เอาเธอไปเป็นตัวตายตัวแทน
   “แต่ว่านายก็ยังต้องทำงานกับเขาต่อไปไม่ใช่เรอะ" มิกถาม
   “โดนไปขนาดนี้แล้ว คงไม่แล้วล่ะมั้ง" นัทพูด "ในเมื่อมันจะต้องทะเลาะกัน จะทำให้งานมันเสียไปด้วยทำไมล่ะ จริงหรือเปล่า"
   “ดูพูดเข้าสิ ทำเหมือนตัวเองใหญ่โตมากจากไหน” ไบร์ทร้องข้ามโต๊ะมา ทั้งสามมองกลับไปอย่างเหนื่อยหน่าย "ดูจากสิ่งที่นายทำกับหลานของบอสแล้ว นายเดือดร้อนแน่"
   “ขอบคุณนะครับ ที่เป็นเดือดเป็นร้อนแทนผม" นัทพูด "ไม่เป็นอะไรหรอกครับ ผมว่าบอสคงจะพิจารณาเรื่องนี้ถี่ถ้วนหรอกครับ เมื่อเทียบปริมาณงานของผมกับคนอื่น"
   นัททำเอาไบร์ทเงียบไปอีก เป็นเรื่องเดียวที่เขาอยากจะขอบคุณกาย ที่ทำให้เขาสยบปากของไบร์ทได้ไ่ม่ยากนัก
   “ก็รอดูตอนต่อไป ฉันว่ามันสนุกจนลืมไม่ลงแน่ เรื่องนี้" ไบร์ทพูดพลางลุกหายไปในห้องครัว
   “ปากปีจอจริงๆไอ้นี่" สาสบถ
   “เอาน่า" มิกห้าม
   เสียงประตูสตูดิโอเปิดออกพี่ผึ้งโผล่หน้าเข้ามา
   “บอสเรียกพบแหนะนัท" ผึ้งว่า "ด่วนด้วยนะ อ้อ แล้วก็ไม่ต้องให้ฉันขึ้นไปแทนอีกล่ะ"
   “ครับเจ๊" นัทพูดไล่หลังผึ้งที่เดินจากไป
   “เอาแล้วไง" สาพูดพลางทำหน้ามุ่ย "กายสิทธิ์ร่ายมนต์แล้วล่ะ ฉันว่า"
   นัทลุกขึ้นพลางถอนหายใจ
   “นัท ถ้าเผื่อนายถูกไล่ออก ฉันขอโต๊ะนายทำงานนะ" มิกพูด
   “ไอ้นี่ ปากเสียอีกคน" นัทว่าพลางออกเดินไปยังห้องทำงานของบอส
   นัทไม่เข้าใจจริงๆว่าเจ้ากายมันต้องการอะไรจากเขา นัทคิดว่าสำหรับตัวเองกับกายแล้ว เขาเองด้อยกว่าในทุกๆด้าน กายเรียนจบจากฝรั่งเศส ทั้งมีผลงานระดับโลก สร้างชื่อเสียงให้วงการโฆษณาเมืองไทยมานักต่อนัก  แล้วเขาล่ะ ก็แค่เด็กใหม่ที่อาจจะทำงานได้เตะตาผู้ใหญ่ในวงการหลายๆคนจากแกลลอรี่ที่เขาสามารถจัดขึ้นได้เมื่อเดือนก่อน ไม่มีเหตุผลงี่เง่าอะไรเลยที่กายต้องพยายามมาร่วมงานกับเขาให้ได้ ยังมีผู้ใหญ่ในวงการโฆษณาอีกหลายๆคนที่มีฝีมือพอจะเทียบชั้นกับกายสิทธิ์ได้ ถ้านัทยังไม่ถูกไล่ออกซะก่อน เขาจะต้องเค้นความจริงจากกายให้ได้ ว่าต้องการอะไรจากเขากันแน่
   “มาแล้วเหรอนัท" บอสขยับแว่นตาลง นัทมองเห็นกายนั่งอยู่ท่เก้าอี้ตรงข้ามกับบอส นัทสูดหายใจเข้าลึกๆ
   “ครับ"
   “วันนี้กายเค้าเล่าให้ฟังว่าคุณพาเขาไปดูการพูดคุยกับลูกค้าของคุณเหรอ" บอสถามเรียบๆ
   “เอ่อ...ใช่ครับ แต่ผมอธิบายได้นะครับ" นัทพูด
   “จะอธิบายอะไรอีก มันเห็นๆกันอยู่แล้ว" บอสพูด นัทก้มหน้าลง "นั่นทำให้ผมรู้ว่าคุณอยากให้กายรู้จักวิธีการทำงานของคุณ แหม่ เป็นการเริ่มต้นแบบมืออาชีพจริงๆ"
   “อะไรนะบอส" นัททำหน้าเหวอ
   “เอ้า จะมายืนทำหน้างงทำไมคุณนัท มานั่งนี่สิ ผมเพิ่งเล่าให้คุณอาฟังว่าวันนี้คุณกับผมเรียนรู้กันไปมากแค่ไหนแล้ว" กายหันหลังกลับมายิ้มเจ้าเล่ห์อีก นั่นทำให้นัทอยากกะโดดถีบหน้าจริงๆ
   “อ้อเหรอครับ" นัทพูดพลางเดินมานั่งที่เก้าอี้ "ผมไม่นึกว่าคุณจะชอบ งั้นคราวหน้าผมจะให้คุณพบลูกค้ากับผมอีกสี่รายก็ได้นะครับ"
   กายส่งสายตาแค้นเคืองให้นัทก่อนจะหันกลับไปหาบอสอีกครั้ง นัทอมยิ้มทันที
   “เท่าที่ผมคุยกับลูกค้าวันนี้แล้วเค้าพอใจไอเดียผมมากเลยครับคุณอา" กายเริ่มพูดต่อ "ถ้าผมจะดำเนินงานตามที่บอกคุณอาไป"
   “อืม....เอางั้นก็ได้" บอสพูด
   “อะไรครับบอส ดำเนินงานตามไหนครับ" นัทดูจะตามไม่ทัน
   “คืออย่างนี้นะนัท ในทีมของกาย ก็จะมีคุณ สา แล้วก็มิกเป็นหัวเรือใหญ่นะ" บอสพูด
   “แล้วบอสได้ถามก่อนมั้ยครับเนี่ย" นัทพูดโพล่งออกไป "คือผมหมายถึง สากับมิกน่ะครับ"
   “ก็ที่ผมเรียกคุณขึ้นมาก็เพื่อจะให้ไปบอกเค้านั่นแหละ" บอสพูด
   “ไม่ต้องกังวลไปหรอกครับคุณนัท ผมว่าสองคนนั่นคงดีใจที่จะได้ร่วมงานกับผม" กายพูด "ไม่เหมือนบางคนหรอกครับ"
   นัทอึ้งเล็กน้อย นี่มันมัดมือชกกันชัดๆ หมอนี่จะให้เขาเป็นลูกทีมโดยที่เขาไม่เต็มใจ แถมไม่ใช่ไอเดียเขาเองอีก
   “แต่่ว่า....”
   “งั้นผมขอตัวไปคุยงานกับทีมก่อนกลับนะครับคุณอา" กายลุกขึ้นก่อนจะพยุงให้นัทลุกตามไปด้วย
   “แต่ผม...”
   “สวัสดีครับคุณอา" กายลากนัทออกจากโต๊ะทำงานของบอสได้สำเร็จ โดยไม่สนว่านัทพยายามจะพูด อะไร กายลากนัทออกไปด้านนอก
   “นี่คุณจะทำอะไรอ่ะ" นัทว่า "มัดมือชกกันแบบนี้ ไม่เป็นมืออาชีพเลยนะ"
   “ช่วยไม่ได้ คุณไม่ไปพบลูกค้ากับผมเองนี่" กายพูด "แล้วถ้าผมไม่ช่วยคุณไว้วันนี้เนี่ย คุณอาเล่นงานคุณแน่ครับ..คุณ...นัท"
   “ผมจะพูดกับคุณตรงๆอีกครั้ง ผมไม่ได้มีความสนใจอยากจะร่วมงานกับคุณเลยซักนิด" นัทพูด
   “แต่เมื่อวานพอคุณรู้ว่าผมมาเสนองานกับคุณอา คุณเองก็วิ่งขึ้นมาบนนี้แทบไม่ทันเลยไม่ใช่เหรอ แล้วแบบนี้มันไม่สนใจจะร่วมงานกับผมยังไงล่ะเนี่ย" กายพูดพลางอมยิ้ม นัทมองหน้ากายอย่างหัวเสีย "และที่สำคัญ ผมสนใจคุณ"
   นัทอึ้งกับหมอนี่อีกแล้ว คำพูดแบบนี้กระมังที่เขามัดใจลูกค้า
   “เอาเป็นว่า เดี๋ยวผมจะลงไปบอกกับคุณสาและคุณมิกเองว่าเขาสองคนจะได้มาร่วมทีมกับผมและคุณ" กายพูด "แล้วเดี๋ยวเราค่อยไปคุยกันเรื่องรายละเอียดอีกครั้งนึงนะ ก่อนกลับผมฝากคุณไปเอารูปที่ผมฝากห้องอัดปรินท์ไว้ด้วยล่ะ แล้วก็เอากลับไปเสก็ตไอเดียมาให้ผมพรุ่งนี้ละกัน"
   “ผมจะไม่เสก็ตอะไรให้คุณทั้งนั้น ถ้ามันไม่ใช่งานผม" นัทพูดท้ายทาย กายหันมายิ้มที่มุมปาก พลางทำหน้ามุ่ย
   “ทำแบบนี้อ่ะ ไม่เป็นมืออาชีพเลยนะ"
   “ฮึ่ย" นัทร้องอย่างหงุดหงิดพลางเดินไปยังห้องอัดรูปตามที่กายบอกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นับจากวันที่เขาเป็นดีไซน์เนอร์มา เขาไม่เคยรู้สึกหัวเสียเท่านี้มาก่อนเลย
   การอัดรูปและตัดใช้เวลายี่สิบนาที นัทจึงได้กลับมาที่สตูดิโอ ก่อนจะรู้สึกตัวเสียงแหลมเล็กของสาก็ทำเอาเขาสะดุ้ง
   “นัท นี่มันสวรรค์ที่สุด" สาร้อง "คิดดูสิ ฉันเลือกรูปอยู่ดีดี ก็มีพ่อมดแห่งวงการเดินมาหาฉันแล้วก็พูดว่า คุณช่วยมาร่วมงานกับผมได้ไหมครับคุณสา โอ้วววววว"
   “พนันว่าเขาพูดแบบนี้กับสาวๆทุกคนแหละ" นัทว่า
   “ว่าแต่จริงใช่มะ ที่ฉันกับสาได้ทำงานกับแกคราวนี้ รวมทั้งคุณกายสิทธิ์ด้วย" มิกถามอีก
   “พนันสิว่าฉันไม่ได้เต็มใจ" นัทพูด แต่ทว่าก็ต้องหยุดเมื่อเห็นสายตาไม่พอใจของสา "คือฉันหมายความว่า เค้าไม่ปรึกษาฉันก่อนน่ะ คือ ฉันเป็นพาร์ทเนอร์เค้าไม่ใช่เหรอ"
   “แหม ในที่สุดนายก็ยอมรับจนได้สินะ" สากลับมายิ้ม
   “ก็...อืม" นัทถอนหายใจ ยี่สิบนาทีที่เขาเห็นรูปของกาย มันก็สวยแบบมืออาชีพจริง เขาเริ่มทำใจที่จะทำงานกับหมอนั่นได้บ้างแล้ว อย่างน้อยก็มีสากับมิก ทีมที่เขารู้ฝีมือมาเป็นเวลานาน "ช่างเหอะ อย่างน้อยงานนี้เราสามคนก็ได้ทำงานด้วยกัน"
   “ใช่...แต่เดี๋ยว" สาลุกขึ้นยืน "ไม่แสดงความยินดีกับพวกเราหน่อยเหรอคะคุณไบร์ท"
   พนันว่านัทได้ยินเสียงโครมครามดังมาจากห้องครัว ซึ่งนั่นทำให้ทั้งสามพอใจยิ่งนัก
   “เอาล่ะ ได้เวลาลุยงาน" สาว่าพลางกอดคอเพื่อนรักทั้งสอง
   “อะไรจะไฟแรงขนาดน้าน" นัทพูด
   “เราต้องแอคทีฟหน่อย..เพื่อน" มิกว่า "เตรียมพร้อมให้กับหน้าใหม่ไฟแรง และพ่อมดแห่งวงการ"
   “เว่อร์จริงนะพวกแก" นัทพูด “เอางั้นก็ได้วะ งั้นก็เก็บของ กลับกันเหอะ ฉันเหนื่อยมาทั้งวันและ"
   “งั้นก็...ลุย" สาและมิกร้องพร้อมกันก่อนจะเก็บข้าวของ และออกจากสตูดิโอ
   ทั้งสามออกมาถึงหน้าบริษัทพอดีกับที่โทรศัพท์ของนัทดังขึ้นด้วยเบอร์ที่ไม่คุ้น
   “ฮัลโหล" นัทกดรับ
   “เดี๋ยวพรุ่งนี้ ผมจะดูเสก็ตคุณตอนสิบโมงนะ" กายนั่นเอง
   “นี่คุณไปเอาเบอร์ผมมาจากไหนเนี่ย" นัทร้อง
   “อย่าสายนะ แล้วผมจะรอ" กายว่า
   “นี่คุณเลิกยุ่งกับผมซะทีได้ไหม อย่างน้อยก็นอกเวลางาน" นัทว่า
   “ไม่ได้ เพราะผมอยากยุ่งกับคุณ" กายพูดก่อนจะวางโทรศัพท์ไป นัทมองโทรศัพท์ตัวเองอย่างหงุดหงิด หมอนี่ทำเขาหงุดหงิดได้ทั้งวันจริงๆ
   “นัท สาวโทรมาเหรอ"สาแซว ขณะที่มิกหันควับมาทันที
   นัทมองทั้งคู่แล้วยิ้มแหยๆ
   “ไม่ใช่หรอก แค่ลูกค้าโรคจิตน่ะ" นัทตอบ
   “แอ่ะ" สาพูด
   “เลิกแซวมันได้และ กลับบ้าน" มิกพูดตัดบท พลางลากทั้งสามขึ้นรถ นัทรู้สึกว่ากายสิทธิ์นี่คงมีมนต์วิเศษจริงๆ ที่ทำให้เขาหัวเสียได้ทั้งวัน แต่ซักวันหนึ่งเขาจะทำให้หมอนั่นยอมเขาให้ได้ ยอมถึงขนาดต้องขอร้องเขาอย่างเสียใจสุดชีวิตเลยทีเดียว.....ซึ่งนัทไม่รู้เลยว่า มันกำลังจะเกิดขึ้นจริงๆ
…........

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
บทที่ 3 Inspiration

   
   “แล้วไง" มิกพูดขึ้นในตอนเที่ยงของวันต่อมา
   “ก็ แกต้องไปเอารูปที่สาอัดได้ แล้วก็เอาไปขึ้นมอคอัพไง ทำซัก สี่อันก่อนก็พอมั้ง ไปให้ไบร์ททำก็ได้" นัทเริ่มอธิบายต่อ
   “ไม่ๆ ฉันหมายถึง เค้าพูดว่าไงต่อหลังจากแกอธิบายในเสก็ตบุ๊คเสร็จแล้วน่ะ" มิกถามย้ำ
   “เค้าไม่ได้พูดอะไรเลย" นัทพูด มิกยังคงมองหน้านัทอยู่ "นี่ อย่าพยายามมองฉันเหมือนว่าฉันมีอะไรจะบอกนายอีก มันไม่มีอะไรมากกว่านั้น วันนี้เค้าเงียบเป็นเป่าสากเลยอ่ะ แถมดูเครียดอีกต่างหาก"
   “เค้าโกรธที่นายมาไม่ตรงเวลาหรือเปล่า" สาพูด พลางตักอาหารคำสุดท้าย "นายก็เคยเล่าให้ฟังว่าคุณกายเขาฟิกเรื่องเวลา"
   “ฉันมาก่อนเค้าตั้งครึ่งชั่วโมง" นัทพูด "ฉันไม่ยอมให้เค้าว่าฉันเป็นครั้งที่สองหรอก"
   “แล้วมันเรื่องอะไรล่ะทีนี้" สาพูด "เค้าเอาใจยากแหะ"
   นัทได้แต่ยักไหล่อย่างเสียไม่ได้
   วันนี้เค้าทำเสก็ตไอเดียมาส่งกายตามเวลาที่เขานัดแป๊ะๆ  แต่วันนี้มันผิดคาด ทันทีที่เขาขึ้นไปถึงห้องบอส ก็พบกายที่นอนเอนอยู่ที่โต๊ะทำงานของบอส และดูงัวเงียเมื่อเขาเข้าไปถึง นัทเข้าไปอธิบายเสก็ตบุ๊คทันที แต่ก็ได้รับเพียงความเงียบ เงียบ และเงียบกลับมา กายพยักหน้าในบางครั้ง ทำเอานัทก็งงอยู่เหมือนกัน ว่าไอ้คุณกายที่แสนหลงตัวเองจะหายไปในชั่วข้ามคืน แต่นั่นมันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ ไม่มีเหตุผลใดๆเลยที่เขาจะมานั่งสงสัย แต่ก็นั่นแหละ มันก็แปลกสิ้นดีและทำให้เขาอดสงสัยไม่ได้
   เมื่อกินข้าวกลางวันเสร็จ มิกนำข้าวกล่องไปทิ้งในครัวขณะที่สาดื่มน้ำและเช็ดโต๊ะ พร้อมกลับเข้าสู่โหมดทำงานอีกครั้ง นัทก็ลุกพรวดพราดทันที
   “นั่นนายจะไปไหนอ่ะ อีกสิบนาทีก็จะประชุมแล้วนะ" สาถาม
   “เดี๋ยวฉันมา" นัทพูด พลางเดินออกจากสตู ในเมื่อเขาและกายตกลงกันแล้วว่าจะทำงานนี้ด้วยกัน แม้ว่าที่จริงแล้วเขาก็ไม่ได้เต็มใจนัก แต่ถ้ากายเกิดเป็นประเภทไม่พอใจอะไรแล้วไม่พูดล่ะก็ นัทคิดว่านี่ต้องเป็นปัญหาใหญ่แน่ๆ อย่างน้อยเขาต้องถามกายให้แน่ชัดว่าเขาต้องการอะไร จากงานหรือเปล่า ก่อนที่มิกจะขึ้นมอคอัพ ไม่งั้นก็ได้แก้กันยาว ไบร์ทเคยทำให้เกิดเหตุการณ์คิดเองเออเองโดยไม่ถามบอสแล้วก็ต้องได้แก้งานกันหัวขวิดมาแล้ว มันนรกมากสำหรับสัปดาห์นั้น
   นัทเปิดประตูห้องทำงานของบอสเข้าไปพบเพียงกายที่ยังคงมองรูปในเสก็ตของเขาอย่างพินิจ ขณะที่เงยหน้าขึ้นมามองเขาตามเสียงประตู  และกลับไปทำงานต่อ
   “เอ่อ....” การกระทำนั้นทำเอานัทงงไปอีก แถมเขารู้สึกได้ถึงรัสมีอำมหิตออกมาจากตัวกายอีกด้วย "คุยด้วยได้ไหมครับคุณกาย"
   “มีอะไรเหรอคุณ" กายถามเรียบๆ
   “คือ...เอ่อ...ผมสงสัยเรื่องเสก็ตเมื่อเช้า" นัทถาม
   “อ๋อ...มีเรื่องอะไรเหรอ" กายพูดเรียบๆ แม้ว่าจะยังคงมองงานที่กองบนโต๊ะต่อไป
   “คุณเอ่อ..ต้องการอะไรไหม" กายมองหน้านัทแบบงงๆ "คือผมหมายความว่า มันต้องมีอะไรอีกไหม แบบว่า คุณยังไม่พอใจตรงไหนหรือเปล่า"
   “คุณเห็นผมพูดอะไรหรือเปล่าล่ะ" กายถาม นัทเลิกคิ้ว
   “คือผมเกรงว่า....ถ้าคุณไม่พอใจอะไร แล้วผมตามไม่ทัน" นัทพูด
   “คุณยังไม่ตอบคำถามนะ...คุณเห็นผมพูดอะไรหรือเปล่า" กายถาม
   “ไม่ครับ" นัทตอบ
   “งั้นมันก็ไม่มีอะไร" กายพูด
   นัทก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี อยู่ดีดีเทพทำงานเข้าสิงหมอนี่หรือไงถึงไม่ลุกขึ้นมากวนประสาทเขาซักที
   “งั้นถ้าไม่มีอะไร ผมจะได้ให้มิกขึ้นมอคอัพของบู๊ท"  นัทพูดพลางเดินออกจากห้องอย่างมึนๆ
   “เดี๋ยว" กายร้องทัก นัทหยุดและหันกลับมามอง "ผมไม่ได้ไม่พอใจอะไรคุณ"
   “อะไรนะ"
   “ก็...คุณขึ้นมาก็เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เหรอ" กายพูดราวกับอ่านใจเขาออก "ผมไม่ได้ไม่พอใจอะไร งานคุณโอเค"
   “อ้อเหรอครับ" นัทโพล่งออกมา "ดีครับ"
   “ขอบใจนะ ที่เป็นห่วงความรู้สึกของผม" กายว่าพลางยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์แม้ว่ามันจะไม่เต็มที่พอจะกวนโทสะของนัทได้ วินาทีนั้น นัทก็เบาใจอย่างประหลาด เป็นอันว่าหมอนี่ยังปรกติ นัทยิ้มให้เป็นคำตอบ และหันหลังกลับ...แต่เอ๊ะ
   “คุณว่าอะไรนะ...ผมเนี่ยนะเป็นห่วงความรู้สึกคุณ" นัทว่า
   “เอ๊า...เป็นอะไรไปอีกเนี่ยคุณ" กายทำหน้างงอีก
   “ก็เมื่อกี้คุณว่าผมเป็นห่วงความรู้สึกคุณ ผมไม่จำเป็นต้องไปเป็นห่วงความรู้สึกคุณหรอกนะ" นัทเริ่มพูดบ้าง
   กายหัวเราะแห้งๆ พลางยิ้มกว้าง
   “แต่ที่คุณขึ้นมาเนี่ย ก็เพราะคุณกลัวว่าผมจะไม่พอใจอะไรแล้วไม่พูดไม่ใช่เหรอ" กายพูดถูกอีก "ผมก็จะได้บอกให้คุณรู้ว่าผมเปล่า....แล้วก็ขอบคุณที่คุณอุตส่าห์เห็นความรู้สึกพอใจและไม่พอใจของผมเป็นเรื่องสำคัญก็แค่นั้น...คุณจะมาโมโหอะไรเนี่ย....ผมยังไม่ได้แกล้งอะไรคุณเลยนะ"
   นัทอึ้งเล็กน้อย ก็จริงอยู่แล้วเมื่อกี้เขาจะโมโหทำไม
   “เอ่อ...ผมก็แค่ไม่อยากให้ต้องทำงานกันลำบากน่ะ" นัทพูด ขณะที่กายยิ้มกว้างขึ้นอีก นัทโกรธมากขึ้นอีก "ผมต้องไปแล้ว มีประชุม"
   นัทพูดพลางเปิดประตู พอดีกับที่คนในออฟฟิศกรูกันเข้ามา
   “จะออกไปไหนอีกล่ะนัท ประชุมห้องบอสไง" สาพูดเมื่อเห็นนัทประจันหน้ากับตนที่ประตู นัทอึ้งอีก นี่เขาเป็นอะไรไปเนี่ย กายกลั้นหัวเราะและอมยิ้มเล็กๆเมื่อมองนัท
   “เอ้า นัท หน้าแดงเชียว อาการเหวอกำเริบเรอะ" มิกพูด อาการเหวอ เป็นอาการที่นัทจะเป็นบ่อยๆ เวลาทำอะไรแตกหัก เดินชนกระจก ลืมรูดซิบหรือแม้แต่เวลามีรุ่นน้องมาบอกรัก และพยายามบอกรักรุ่นน้อง
   มิกลากนัทมานั่งที่ประจำขณะที่เจ้าตัวพยายามหลบหน้ากายอย่างเต็มที่
   “หวัดดีครับทุกคน" กายพูดเมื่อทุกคนนั่งที่เรียบร้อยแล้ว "ผมมีเรื่องจะแจ้งสองเรื่องนะครับ เรื่องแรก วันนี้บอสกำลังเดินทางไปที่โรงแรมเซ็นทาราเพื่อประชุมกับสมาคมนักโฆษณากรุงเทพเรื่องการประกวดรางวัล  B.A.D. Award การประชุมวันนี้ จะเป็นการประชุมผ่านวีดีโอคอนเฟอเร๊นซ์นะครับ ซึ่งจะเริ่มอีก สองนาที"
   แอนลุกขึ้นไปเปิดทีวีหน้าโต๊ะประชุมขณะที่ทุกคนเตรียมสมุดขึ้นมาจด เวลาบอสประชุมผ่านวีดีโอคอลลทีไร พวกเขาจดไม่ทันทุกที
   “เรื่องที่สอง สำหรับ Lovable จะส่งประกวดในเรื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่สีเขียวนะครับ ซึ่งคราวนี้ผมได้รับเกียรติมาร่วมตั้งทีมประกวดโดยมีคุณนัท คุณสา และคุณมิกเป็นหัวเรือใหญ่คราวนี้ครับ"
   เสียงปรบมือดังสนั่น นัท สาและมิกลุกขึ้นยิ้มให้เพื่อนๆในบริษัท อาจยกเว้นไบร์ท
   “ยังไงถ้าใครมีไอเดียอยากจะเสนอ ก็คุยกับพวกเราทั้งสี่คนได้นะครับ" กายพูด "ตอนนี้รู้สึกว่าคุณอาจะพร้อมแล้ว งั้นเริ่มกันเลยครับ"
   ภาพของบอสปรากฎขึ้นในจอพร้อมกับเสียงอู้อี้ นัทพยายามขยับเก้าอี้เพื่อให้มองเห็นจอชัดๆขณะที่บอสเริ่มพูด แต่เขาก็รู้สึกว่ามีเสียงเบาๆมากระซิบที่ข้างหู
   “นัท" กายนั่นเอง
   “อะไรคุณ" นัทหันไปขวมดคิ้ว "ประชุมแล้วนะ"
   “บ่ายนี้คุณว่างไหม" กายพูด
   “มีอะไร" นัทกระซิบเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนคนอื่น
   “ไปกับผมหน่อย" กายพูด
   “ไปไหน" นัทถาม
   “ไปหา Inspiration” กายตอบ
   “แต่....”
   "ผมจะรออยู่ข้างล่างที่รถหลังเลิกประชุมนะ"
   กายเดินออกนอกห้องไปโดยไม่ฟังคำตอบ นัทคิดว่าหมอนี่เทพแห่งการทำงานคงออกไปแล้ว จึงกลับมากวนประสาทเขาได้เหมือนเดิม นัทหันกลับมาฟังประชุมแม้ว่าจะมีสายตาใคร่รู้สองคู่มองมายังเขาจากสากับมิก นัทยิ้มให้ทั้งคู่แหยๆ พลางตั้งใจฟังการประชุมต่อไป โดยไม่รู้ว่ามิกยังคงหันมามองเขาจากมุมๆหนึ่ง โดยที่นัทไม่รู้อะไรเลยจริงๆ
…....

   “คือฉันหมายความว่า มันจะไม่รวดเร็วไปเหรอที่บอสจะให้เราทำ.....” สาพูดกับมิกอย่างเคร่งเครียดขณะที่ทุกๆคนทยอยออกจากห้องบอสหลังประชุมเสร็จ นัทไม่ได้ใส่ใจฟังนัก บทสนทนารอบๆผ่านหูไป นัทกำลังคิดว่าคนระดับกายแล้ว ยังต้องออกไปหา Inspiration ข้างนอกอีกหรือ เขาน่าจะมีคอลเลคติ้งบุ๊คหรืออะไรซักอย่าง ไว้บ้าง แต่นัทก็คิดว่ามันก็ไม่เลวเหมือนกันที่เขาจะออกไปหา Inspiration กับกาย ไม่งั้นก่อนทำมอคอัพ ไอเดียคงตีกันสนุกสนาน และเขาก็เบื่อที่จะทะเลากับหมอนี่เต็มทน อันที่จริงตอนนี้เขากำลังชั่งใจว่าจะไปหรือไม่ไป
   “นายว่ายังไงนัท" มิกหันมาถาม
   นัทสะดุ้งก่อนจะหันไปมองสาและมิก
   “เอ่อ.....ก็ดี" นัทพูด
   “อะไรนะ ให้ไบร์ทรับงานที่เชียงใหม่ไปทำนี่นะดี" สาร้อง
   “อ้อ...คือ ฉันหมายความว่า มันก็ดีไง เจ้านั่นจะได้ไม่ต้องอยู่ที่สตูอย่างน้อยก็พักนึง" นัทแก้เก้อ
   “อ่อ" มิกพูด "ว่าแต่นายเป็นอะไรหรือเปล่า เห็นอึนๆ มาตั้งแต่ก่อนประชุมและ"
   “เปล่า ไม่มีอะไร" นัทตอบ
   “แล้วตอนเริ่มประชุมคุณกายเขามาคุยอะไรกับนายเหรอ" สาถาม
   “อ๋อ...คือ...เขาชวนฉันไปข้างนอกบ่ายนี้ เห็นว่าไปหา Inspiration” นัทพูด "เขาจะรอฉันอยู่ที่รถตอนเลิกประชุม"
   “เอ้า....แล้วนายรออะไรอยู่ล่ะนัท" สาพูดพลางมองหน้า "เดี๋ยวเขาก็โวยอีกหรอก"
   “เอ้อ...นั่นสินะ" นัทพูด พลางวิ่งไปหยิบกระเป๋าสะพายคู่ใจที่บรรจุสมุดเสก็ตส่วนตัวและปากกาหลากชนิด "งั้นเอ่อ ฉันไปก่อนนะ"
   “อือ" สามองนัทเดินออกจากบริษัทไป "เป็นอะไรของเขานะ ว่ามั้ย"
   มิกไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่มองนัทวิ่งลับตาไป
   นัทวิ่งมาถึงถนนด้านล่างพอดีกับที่รถสปอร์ตสีดำวิ่งมาเทียบพอดี นัทมองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเปิดประตูรถเข้าไปนั่ง
   “มาช้าจังนะคุณ" กายหันมาพูดกับนัทภายใต้แว่นสีดำสุดเก๋
   “เอ่อ...โทษที ผมต้องคุยเรื่องงานกับสาและมิกนิดหน่อย" นัทว่า "แล้วเอ่อ....เราจะไปแกลไหนล่ะ"
   “แกล? คุณหมายถึงแกลลอรี่อ่ะเหรอ" กายถาม
   “ก็ใช่ไง....เวลาผมไปหา Inspiration ผมก็มักไปแกล" นัทพูด กายหัวเราะเบาๆ
   “เหรอ....งั้นเดี๋ยวผมพาไป" กายอมยิ้มก่อนจะบึ่งรถออกจากบริษัททันที
   เป็นเวลากว่าหลายชั่วโมงกว่านัทจะได้รับรู้ว่ากายพาเขามาที่ไหน และนั่นทำให้นัทโกรธแบบสุดชีวิต เมื่อที่ๆเขาต้องนั่งอดทนฝ่าการจราจรมาถึงนี่มันไม่ใช่แกลอรี่มีชื่อที่ไหนเลย แต่มันคือ...สวนสนุกสาธารณะในสวนกลางกรุง
   นัทพยายามไม่โวยวายขณะที่กายกำลังเล่นปืนอัดลมอย่างสนุกสนาน ในซุ้มๆซุ้นหนึ่ง เพื่อพยายามสอยตุ๊กตาล้มลุกให้ได้ และกายก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์เมื่อเขาสามารถสอยเอาตัวที่ยากที่สุดลงจนได้ ชายหนุ่มหันมายักคิ้วให้กับนัทก่อนจะรับเอาพวงกุญแจมา
   “เป็นไง ผมยิงปืนเป็นไบ้าง" กายพูด นัทไม่ตอบอะไรและพยายามไม่มองหน้าหมอนี่ เพราะถ้าเขาเป็นก๊อตซิลล่า เขาคงพ่นไฟใส่กายไปแล้ว "เห้ย อะไรเนี่ยคุณ นี่สวนสนุกนะ ทำตัวสนุกหน่อยสิ"
   นัทไม่พูดอะไรอีกได้แต่มองพวงกุญแจอย่างประเมิณค่า
   “นี่คุณโกรธเหรออะไรผมเหรอ" กายพูด
   นัทถอนหายใจ
   “ที่ผมไม่พูดอะไรเนี่ย เพราะผมเบื่อที่จะพูดกับคุณแล้ว คุณมันก็พวกพูดไม่รู้เรื่องวันยังค่ำ" นัทโพล่งออกมาอย่างเหลืออด "ตอนแรกที่ผมตัดสินใจมากับคุณ ก็เพราะว่าเห็นคุณตั้งใจทำงานจริงจังเป็น และบอกว่าจะพาผมมาแกลเพื่อหา Inspiration แต่สุดท้ายคุณมันก็กวนผมอีกอยู่ดี ผมเลยไม่อยากพูดกับคุณอีก"
   กายอมยิ้มพลางหัวเราะ
   “แต่คุณพึ่งพูดกับผมเองนะเนี่ย พูดยาวมากเลยด้วย" กายว่า ซึ่งนั่นทำให้นัทโกรธมากขึ้นไปอีก ก่อนจะเดินออกห่างจากกายเพื่อหาทางออกจากที่นี่ เขาไม่น่าโง่เลยจริงๆ
   "เห้ยเดี๋ยวดิคุณ" กายวิ่งไปขวางเอาไว้ "ไม่เอาน่า ใจเย็นก่อน ไปเล่นปาเป้าก่อนนะ จะได้มีสามาธิ"
   “ผมจะกลับแล้ว คุณอยากจะเล่นอะไรก็เชิญตามสบาย ผมไม่อยู่แล้ว" นัทว่าก่อนจะเดินออกห่างไปอีก
   “เดี๋ยวก่อนดิคุณ ฟังผมก่อน ผมไม่ได้โกหกคุณนะ ผมพาคุณมาแกลจริงๆ" กายว่า นัทมองหน้ากายอย่างไม่ค่อยเชื่อนัก "นี่คุณไม่ได้ตามข่าวงานอีเว้นท์อะไรเลยเหรอเนี่ย"
   นัทส่ายหน้าอย่างหงุดหงิด
   “นี่มันงาน Fun in Park เป็นเทศกาลงานศิลป์ของอาจารย์ไนเจล อาจารย์คุณไง" กายพูดนัทเลิกคิ้ว "จริงจริง ใครจะเอางานวัดมาจัดในสวนกลางกรุงเล่าโธ่ มันมีแกลอยู่ที่สวนด้านโน้น แต่มันยังไม่เปิด ผมก็เลยต้องหาอะไรทำฆ่าเวลาไง"
   นัทมองไปรอบๆ
   “จริงเหรอ" นัทถาม
   “ก็จริงน่ะสิ " กายพูด "งานนี้คอนเซ็ปต์คือความงดงาม สนุกสนาน และรัก น่าสนใจดีออก"
   นัทพยักหน้าน้อยๆ
   “แล้วทำไมไม่บอกกันก่อนเล่า" นัทโวย
   “ก็คุณอ่ะชอบหงุดหงิดอะไรก่อนเรื่องอยู่เรื่อย ก็ช้าลงซักนิดสิคร้าบบบคุณนัท" กายพูด "แล้วยังจะกลับอีกไหม"
   นัทไม่ตอบได้แต่ทำหน้าเซ็งๆ พลางมองตุ๊กตาพวงกุญแจในมือของกาย แล้วก็นึกอะไรออกอย่างนึง
   “ได้แค่พวงกุญแจเองเหรอคุณ" นัทพูด กายทำหน้างง
   ก่อนจะทันรู้อะไรนัทก้เดินกลับไปที่ซุ้มยิงปืนอีกครั้ง
   “พี่ ตานึง แปดนัด" นัทพูดพลางวางแบงค์ยี่สิบลงบนเคาท์เตอร์ ก่อนจะจับกระบอกปืนขึ้นมา กายมองนัทอย่างยิ้มกริ่ม
   “ผมได้หกนัด" กายพูดสั้นๆ
   นัทยิ้มพลางเหนี่ยวไกแปดนัดติดกัน และ.....
   “ฮ่าๆๆๆๆ" กายหัวเราะท้องแข็งทันทีเมื่อสิ่งที่อยู่ในมือนัทเป็นของรางวัลมันคือลูกอมสองเม็ด
   “ไม่ต้องมาหัวเราะเลยคุณ ผมยิงได้มากกว่าคุณตั้งลูกนึง" นัทพูด
   “แต่คุณเล่นยิงเอาตัวแต้มน้อยนี่ โธ่ ตัวล่างใครๆก็ยิงได้" กายพูด พลางเอาพวงกุญแจขึ้นมาโชว์ก่อนจะเก็บเข้ากระเป๋าเสื้อแล้วเดินจากไป นัทหัวเสียเล็กน้อยก่อนจะแกะลูกอมขึ้นมากินอย่างหงุดหงิด ก่อนจะวิ่งตามกายไปและยัดลูกอมอีกเม็ดเข้ามือกาย
   “โอ้...ขอบคุณนะ" กายพูดยิ้ม ในขณะที่นัทมองออกไปทางอื่น
   ทั้งคู่เดินมาถึงสถานที่จัดแกลอรี่ที่มีคนเดินเข้าชมไม่มากนัก มันเป็นแกลลอรี่ที่น่ารักเพราะจัดอยู่ท่มกลางต้นไม้ที่ร่มรื่น นัทมองไปรอบๆ นี่มันแกลอรี่ในฝันของเขาทีเดียว
   “นัท นั่นนัทใช่ไหมนั่น" เสียงอันคุ้นหูดังมาใกล้ นัทหันไปก้พบกับอาจารย์ไนเจล คนที่ฝากเขาเข้าทำงานที่ Lovable เขาเป็นศิษย์รักของอาจารย์คนนี้เอง
   “สวัสดีครับอาจารย์ แกลสวยจังนะครับ" นัทกล่าวชม
   “โฮ่ๆๆ ไม่หรอก นี่แค่งานเล็กๆเอง สู้แกลเราไม่ได้หรอก" อาจารย์ไนเจลว่า
   “อย่ายอกันสิครับอาจารย์นั่นมันแกลมหาลัยนี่นา อย่างน้อยนี่ก็แกลอาจารย์เองจริงๆ" นัทว่า
   “แล้วนี่มากับ...โอ้...นั่นกายสิทธิ์หรือเปล่า....ใช่ไหมนั่น" อาจารย์ไนเจลร้องเสียงดัง เมื่อกายเดินเข้ามาร่วมวงสนทนา "นี่มาด้วยกันเหรอเนี่ย โฮ่ๆๆๆๆ"
   “พอดีเราสองคนผ่านมาน่ะครับ และจำได้ว่าอาจารย์จัดแกลวันนี้" กายพูด
   “โอ...ดูสิมีดีไซน์เนอร์ชื่อดังทั้งสองคนมาอยู่ที่แกล แหม่น่าปลื้มจริงๆ" อาจารย์ไนเจลมองไปมาระหว่างทั้งสองคน "แล้วเป็นไงที่บริษัท พัฒน์เค้าเป็นไงบ้าง"
   “บอสก็...อารมณ์ดีครับ ไม่นับเรื่องงานนะครับ" นัทว่า อาจารย์ไนเจลและกายก็หัวเราะกับความจริงข้อนั้น ทั้งสามใช้เวลาเกือบสิบนาทีในการถามไถ่สารทุกข์ ก่อนที่กายจะปลีกตัวเองออกไป ยังมุมๆหนึ่งของแกล นัทจึงปลีกตัวจากอาจารย์ออกไปหากายตรงมุมนั้น
   “อาจารย์เค้าน่ารักเสมอแหละ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาผมคง.....นี่มัน" นัทมองไปยังภาพเบื้องหน้า ก็ตกตะลึง ภาพนั้นเป็นภาพถ่ายแนวปรัชญาที่เขาถ่ายไว้ตอนทำทีสิตส่งอาจารย์ รู้สึกตกใจเล็กน้อยที่มันมาอยู่ที่นี่
   “Loveless Society” ทั้งคู่พูดขึ้นพร้อมกันนัทตกใจมากขึ้นอีกที่กายรู้จักชื่อภาพนี้ ทั้งๆที่ตรงนี้ไม่ได้ติดชื่อภาพเอาไว้
   “คุณรู้ชื่องานได้ไงอ่ะ" นัทถาม กายได้แต่ยิ้มก่อนจะเดินจากไป
   “เดี๋ยวดิคุณ คุณรุ้จักชื่อองานได้ไงอ่ะ" นัทวิ่งตามไปถามไป "คุณรู้จักงานผมได้ยังไง เดี๋ยวสิคุณ"
   “คุณจะว่างต่ออีกสักครึ่งคืนได้ไหม" กายหันกลับมาถาม
   “คุณยังไม่ตอบคำถามผมเลย" นัทว่า
   “เพราะถ้าคุณว่าง ผมจะตอบคุณทุกคำถามเลย" กายพูด นัทมองหน้ากายอยู่อย่างนั้น หมอนี่ชักมีอะไรไม่ชอบมาพากลเสียแล้ว แถมยังรู้จักงานของเขาอีก เอาล่ะ ไหนๆก็อกมากันแล้ว เขาจะขอล้วงลับพ่อดแห่งวงการซักหน่อย
   “ก็ได้" นัทพูด
   “งั้นก็ดี ไปกันต่อเถอะ" กายพูดพลางนำหน้าไปยังรถที่จอดอยู่ นัทเดินตามไปอย่างไม่รอช้า
   บนถนนใจกลางเมืองซึ่งบรยากาศรอบตัวบ่งบอกเวลามืดค่ำเข้าทุกที เมื่อขึ้นมาบนรถ กายมีรังสีอำมหิตออมาแบบเดียวกับเมื่อเช้าอีกแล้ว นั่นทำให้นัทยังไม่อยากถามอะไร แต่ถ้าหมอนี่เบี้ยวคำตอบเขาล่ะก็ เขาจะไม่ยอมเด็ดขาด แต่นัทก็รู้สึกไม่สบายใจเลยที่กายเงียบแบบนี้ มันทำให้เขารู้สึกอึดอัด
   นานทีเดียวกว่ากายจะพาเขามาถึงจุดหมาย มันไม่ใช่ที่ดีเด่อะไร ก็แค่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมด้วยถุงลูกชิ้นสองถุงมานั่งกิน กายนอนแผ่ลงบนสนามหญ้าตรงนั้น
   “ผมเคยเห็นงานคุณที่ปารีส" กายพูดขึ้นหลังจากเงียบไปนาน
   “อะไรนะ" นัทพูด "เพิ่งนึกออกว่าควรพูดหรือไง"
   “อย่าเพิ่งชวนทะเลาะสิคุณ ผมจริงจังนะเนี่ย" กายว่า นัทยิ้มแห้งๆก่อนจะตั้งใจฟังต่อ
   “ตอนนั้นผมก็รู้สึกแปลกใจว่าดีไซน์เนอร์ไทยคนไหนกันที่อาจหาญเอางานตัวเองมาโชว์ถึงเมืองแห่งดีไซน์ได้" กายว่า "เพราะผมยังไม่เคยจัดแกลเองเลยจนกว่าจะทำงาน"
   “มันก็แค่งานของเพื่อนๆใน Lovable นั่นแหละคุณ ไม่ได้ดีเด่อะไรหรอก" นัทว่า
   “แต่ผมชอบความหมายมัน" กายพูด "สังคม ที่ไม่มีความรัก"
   นัทหันมามองกายที่นอนแผ่หลา สายตาจ้องมองขึ้นไปบนฟ้า
   “ผมถูกดึงเข้ามาอยู่ในโลกที่วุ่นวาย แข่งขันและไม่จริงใจ นับตั้งแต่ววนที่ผมเลือกเป็นดีไซน์เนอร์ แทบไม่มีใครเลยที่จะเข้ามาสังคมที่ผมเจอพร้อมกับความรัก" กายพูด "ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร ผมสนุกกับมัน ผมเอ่อ...รักที่จะท่องไปในสังคมนี้ แสงสี ความหรูหรา...เอ่อ...เซ็กซ์ แต่มันไม่มีความรัก ผมไม่รู้ว่าทำไม แต่ผมรู้สึกถึงความรู้สึกแบบนี้ในงานคุณ"
   “ดีใจจังที่คูณดูรู้เรื่อง" นัทว่า "หลายๆคนดุแล้วกลับบอกว่า นี่มันอะไรวะ"
   “มันอาร์ทล่ะมั้ง" กายว่า นัทหัวเราะแห้งๆ "แต่ผมเห็นจริงๆนะ มันคือความรู้สึกนั้น ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่ผมรู้สึกได้"
   “ความเหงาไง" นัทตอบ รอยยิ้มของกายจางลง "ผมสื่อถึงความเหงา ความเหงาที่แฝงตัวอยู่ในสีที่วุ่นวายนั้น มันไม่เคยหยุดนิ่ง เหมือนโลกที่เราอยู่ วงการมายานี่ ไม่มีใครจริงใจ ไม่มีเพื่อน ไม่มี...ความรัก"
   กายมองนัทพลางยิ้มน้อยๆ
   “นั่นแหละคือสาเหตุที่ทำให้ผมสนใจคุณ" กายว่า นัทหันควับมาหากายทันทีพลางทำหน้าฉงน "ผมว่ามันจะต้องสนุกแน่ถ้าจะได้รู้จักกับคนที่ทำภาพนี้ ผมอยากรู้จักเขา รู้วิธีการคิด การทำงานของเขา รู้จักตัวตนของเขา"
   “คุณก็ยังไม่รู้จักอยู่ดีอ่ะแหละ" นัทพูดพลางลุกขึ้น และออกเดิน กายลุกขึ้นนั่งทันที
   “นั่นคุณจะไปไหนอ่ะ" กายถาม
   “ตามมาสิ" นัทพูดพลางเดินต่อไปเรื่อย "เอากล้องมาด้วยนะ"
   กายยิ้มกว้างขณะมองนัทออกเดินแต่ก็ลุกขึ้นและเดินตามไป นัทพากายมายังตลาดท่าเรือริมน้ำที่มีของขายเยอะแยะ ทั้งคู่ระดมถ่ารูปแม่ค้าและข้าวของยามราตรีอย่างสนุกสนาน แสงไฟและความสว่างแบบไม่เป็นธรรมชาติของแสงไฟนี่แหละ มันให้อารมณ์ที่แตกต่างออกไป มันยังคงครึ้กคื้นได้ แม้จะไม่สว่างแต็มที่ มันแสดงถึงความไม่หลับใหล การท่องไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ภายใต้แสงจันทร์ที่ก็เอาชนะแสงไฟไม่ได้ นี่แหละ เป็น Inspiration ของภาพ Loveless Society ของนัท
   เลยเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้วกว่ากายจะขับรถมาส่งนัทที่บ้าน และจอดนิ่งสนิทอยู่หน้าบ้านของนัท
   “บ้านคุณน่ารักจัง" กายว่าพลางมองเข้าไปในบ้าน "ผมรู้จักบ้านคุณเพิ่มขึ้นอีกจนได้"
   นัทหันไปมองกายอย่างหงุดหงิด "ว่าแต่คุณไปเอาเบอร์ผมมาจากไหน"
   “จากบอสคุณไง" กายว่า "อ๊ะ...อย่าเพิ่งโกรธสิ เราเป็นพาร์ทเนอร์กันนะ จะไม่มีเบอร์กันได้ยังไงเล่า"
   นัทมองกายอย่างไม่ไว้ใจอยู่ครู่หนึ่ง
   “ผมพูดจริงจร๊ิง" กายย้ำแม้ว่าจะยังคงยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่ดี
   “ผมไปล่ะ" นัทพูดพลางเปิดประตูรถ
   “เดี๋ยวนัท" กายร้อง พร้อมกับเอื้อมมือไปจับมือของนัทไว้ นัทตกใจเล้กน้อยพลางมองมือของกายที่กำลังจับมือของเขา
   “เอ่อ...ผมขอบคุณมากนะที่เป็นเพื่อนเที่ยวให้ผม" กายพูดพลางนำของสิ่งหนึ่งใส่มือของนัทที่กายจับไว้ นัทมองดู มันคือตุ๊กตาพวงกุญแจนั่นเอง
   “ผมให้" กายพูดและยิ้มให้นัท "เป็นการตอบแทนไง"
   นัทหัวเราะเบาๆ
   “ขอบใจ" นัทว่าและยิ้มเบาๆ และก็มองหน้ากันอยู่อย่างนั้น "เอ่อ...คุณ...ปล่อยมือผมได้แล้ว"
   กายยิ้มเขินๆก่อนจะปล่อยมือนัท ชายหนุ่มลงจากรถ ก่อนจะโบกมือให้กายที่ค่อยๆขับรถออกจากหน้าบ้านของนัทไป แม้ว่านัทจะยังคงมอรถนั้นลับหายไปพร้อมกับยิ้มให้กับตุ๊กตาพวงกุญแจนั้น ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน และนัทก็สังเกตเห็นบางอย่างผิดปกติ เมื่อไฟชั้นล่างของบ้านยังคงเปิดอยู่ และเมื่อเขาเข้าไปก็พบร่างๆหนึ่งนอนอยู่บนโซฟา มิกนั่นเอง
…......
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-07-2011 14:09:15 โดย M2M_Jill »

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
บทที่ 4 Take Care....ดูแลตัวเองด้วยนะ

   นัทมองร่างที่นอนนิ่งอยู่บนโซฟา ชายหนุ่มคนนี้คือเพื่อนรักของเขามาตั้งแต่เข้าปีหนึ่ง มิกเป็นคนเดียวที่รู้ใจเขาไปเสียทุกอย่าง ซึ่งกลายเป้นว่าเขาสนิทกันถึงขนาดที่แม่ของเขาขอให้มิกมาอยู่เป็นเพื่อนนัทที่บ้านระหว่างที่แม่นัทไปทำงานที่อเมริกา พ่อและแม่ของมิกเสียชีวิตหมดแล้วตั้งแต่ก่อนเขาเรียนจบ เป็นอุบัติเหตุที่น่าเศร้าที่สุดเท่าที่นัทเคยสัมผัสมา แต่มันก็ผ่านมานานมากแล้ว ทุกวันนี้เพื่อนของนัทคนนี้ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าที่เห็นภายนอกนัก
   ชายหนุ่มเดินขึ้นไปชั้นบนและลากเอาผ้าห่มผืนโตมาห่มให้กับเพื่อนรัก ก่อนจะนั่งลงข้างๆพอดีกับที่โทรศัพท์ดังขึ้น เป็นเสียงข้อความ

ขอบคุณมากที่ไปกับผมวันนี้
อย่านอนดึกล่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ไ่ม่มีงานมาส่งผม
                                 กาย
    นัทยิ้มให้กับข้อความนั้น ถ้าไม่ติดว่าหมอนี่เป็นคนกวนประสาท กายก็ยังพอมีด้านดีดีนอกเหนือจากเรื่องงานอยู่บ้าง แต่ก็น้อยเหลือเกินจนเขาหาแทบไม่เจอ เสียงขยุกขยิกดังอยู่ข้างตัวพร้อมกับเสียงงัวเงียดังขึ้น
   “ไป....ไหน....มา" มิกค่อยๆลุกขึ้นนั่งพลางขยี้ตา "กลับซะดึกเลย"
   “ก็ไปกับคุณกายนั่นแหละ" นัทยิ้มกว้างให้มิกที่มองเขางงๆ
   “ไปกับคุณกาย" มิกถาม "แล้วไหงอารมณ์ดีล่ะ"
   นัททำหน้าเหวอๆ
   “เอ๊า...ฉันต้องอามรมณ์เสียตลอดหรือไงพออยู่กับหมอนั่นน่ะ" นัทว่าพลางลุกไปรินน้ำที่โต๊ะอาหารและหยิบมาสองแก้ว "เขาพาฉันไปแกลลอรี่ในสวนของอาจารย์ไนเจล แล้วก็ไปตลาดริมน้ำแถวสะพานพุทธน่ะ"
   “อ้อ" มิกดื่มน้ำ "แล้วเป็นไง"
   “ก็ดี" นัทยิ้มกว้างพลางมองโทรศัพท์ "ไม่มีอะไรมากหรอก"
   “งั้นเหรอ" มิกรับคำ แต่ทว่าเขาไม่เชื่อเช่นนั้น นัทกำลังยิ้มอย่างเกินจำเป็น นัทก็เคยยิ้มแบบนี้มาแล้ว ตอนที่เขาแอบชอบน้องรหัสโดยไม่รู้ตัว ตอนที่นัทกำลังมีความรัก
   “แล้วไหงไม่ไปนอนข้างบน" นัทถาม
   “ก็...เอ่อ..รอบอกนายว่ามอคอัพเสร็จแล้ว" มิกพูด
   “โอ้....โทษทีที่ไม่ได้อยู่ช่วย โทษทีๆ" นัทว่า "แกนี่ฝีมือไม่ตกจริงๆเลยว่ะ"
   “ของมันแน่อยู่แล้ว"มิกพูดขณะเก็บผ้าห่ม
   “แล้วทำเสร็จแล้วทำไมไม่ขึ้นไปนอนเล่า ไม่ต้องมารอบอกก็ได้" นัทพูด
   “ก็เผื่อจะให้แก้ไขไง" มิกแถ
   “อย่ามาแถ กฎของแกคือหลังตีหนึ่ง ห้ามปลุกมาแก้งาน หัวไม่ไปไม่ใช่เรอะ" นัทพูด นี่คือกฎของหนุ่มอาร์ทอย่างมิกที่ใครจะละเมิดมิได้ แม่แต่สา "รอฉันอ่ะดิ๊"
   “รู้แล้วจะถามไมวะ" มิกอมยิ้ม
   “ปล่าว...ก็แค่จะบอกว่าไม่ต้องห่วงฉันขนาดนั้นก็ได้  ยังไงก็ดูแลตัวเองด้วย" นัทมองหน้ามิก
   “ฉันดูแลตัวเองเป็นมานานและ แค่อยากลองดูแลคนอื่นบ้าง" มิกพูดและมองหน้านัทกลับ "โดยเฉพาะแกอ่ะ"
   นัทเงียบไปพักนึง
   “ปากหวานอีก ไปนอนได้และ" นัทไล่ "เดี๋ยวอาบน้ำก่อน แล้วเดี๋ยวตามขึ้นไป"
   มิกยิ้มอย่างเข้าใจตัวเองดี ชายหนุ่มลุกขึ้นช้าๆ สงสัยคราวนี้เขาจะช้าไม่ทันคนอื่นอีกแล้ว นัทมองโทรศัพท์และถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะไปทำกิจวัตรของตัวเองและเข้าสู่เวลานอน โดยไม่รู้เลยว่า คนอีกคนที่อยู่อีกฟากนึงของเมืองกำลังมองเขาผ่านท้องฟ้า และนอนไม่หลับเลย
….......

   หลายอาทิตย์ต่อมาไม่มีเรื่องอะไรมารบกวนใจกับการทำงานของนัทมากนัก Inspiration จากงานแกลอรี่ในสวนเอาจริงๆก็ไ่ม่ได้มีส่วนช่วยอะไรในงานเท่าไหร่ พวกเขาทั้งสี่ลงความเห็นกันแล้วว่ามันไม่ใช่ธีมที่ควรทำมากนัก สรุปก็คือวันที่เขาออกไปข้างนอกกับกายจนดึกดื่นไม่ได้ประโยชน์อะไรกลับมาเลย
   “พูดจริงพูดเล่น" สาถามนัทอีกครั้ง ซึ่งเจ้าตัวก็ยิ้มเม้มปากด้วยสายตาที่พยายามบอกว่า...มันช่วยอะไรไม่ได้ "ดูเขาทำสิ ให้ตาย รู้ไหมว่าภาพพวกนี้มันสวยแค่ไหน โอ๊ย มัน....พระเจ้า"
   “โละทั้งเซ็ทเลยเหรอ" มิกถามเสียงกังวล
   “ไม่เหลือซักใบ" นัททรุดลงนั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะดราฟในสตูดิโอ
   “ทำไมนายไม่ช่วยพูดอะไรหน่อยล่ะนัท" สาหันมาโวย
   “หยุดเลยเธอ....เสก็ตฉันก็โดนโละเหมือนกัน" นัทถอนหายใจ สองสามวันมานี่ งานก็เดินเข้าสู่ช่วงประชุมสรุปผลและเตรียมดำเนินงานจริง นั่นทำให้ทั้งสามเครียดมาก เพราะกายกำลังทำให้พวกเขาประสาทเสียด้วยการทวีความละเมียดในการเลือกส่วนประกอบของงานทุกชิ้น และนั่นส่งผลให้งานเกือบครึ่งหนึ่งของพวกเขาถูกโละลงมาอย่างไม่ปราณี
   “แล้วเอาไงล่ะทีนี้" มิกถามสา ที่นั่งกุมขมับ
   “ฉันต้องกลับบ้านและ ฉันยังมีคอลเลคชั่นส่วนตัวไว้อีกชุด" สาพูดพลางลุกขึ้นทันที
   “นี่มันจะเลิกงานแล้วนะสา จะกลับมาทันเหรอ" นัทพูด
   “คุณกายจะเอาบรีฟใหม่มาลงตอนบ่ายสามครึ่ง ถ้าบรีฟเก่าเรายังไม่เสร็จล่ะก็ คืนนี้อย่าหวังจะได้กลับบ้านกัน" สาพูดพลางถอนหายใจ "มิกนายไปส่งฉันทีสิ เดี๋ยวฉันออกค่าอาหารให้เต่าทองแกเอง"
   “แล้วแกล่ะนัท" มิกหันไปถาม
   “เดี๋ยวฉันรออยู่นี่ก็ได้" นัทพูด "ถ้ากายเค้าลงมาแล้วไม่เจอใครเดี๋ยวสตูดิโอบึ้ม"
   สาและมิกหัวเราะแห้งๆ
   “งั้นก็ไป" สาพูดและออกเดินพร้อมกับมิกที่หยิบกุญแจรถ
   นัทนั่งลงจัดหน้ากระดาษในแมคใหม่ และเริ่ม Illustrate งานใหม่อีกครั้ง การขึ้นรูปมันไม่ได้ยากแล้วเพราะเขาทำเจ้านี่เป็นรอบที่หกแล้วตั้งแต่เช้า เขาคงต้องทำส่วนของตัวเองให้เสร็จเสียก่อน แล้วค่อยลงไปช่วยทางสาและมิกร่างบู๊ตคร่าวๆ อันที่จริงสิ่งที่รบกวนจิตใจของนัทตอนนี้มันคือความอำมหิตของกายมากกว่า เวลาที่ทั้งสามเอางานขึ้นไปส่งทีไรกายจะมีรังสีอำมหิตแผ่ออกมาทันที ซึ่งนัทก็รับรู้ได้ในหลายอาทิตย์ที่ผ่านมาว่ามันคือความตั้งใจทำงานของกายนั่นเอง ที่ทำให้เขาดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคน แต่เขากำลังประสาทเสีย กายใช้คำพูดรียบๆของเขาโละงานที่เขาทำมาทั้งคืนอย่างทารุณมาก ซึ่งงานวันนี้มันงานที่สี่แล้ว ซึ่งทำให้นัทอึดอัดใจอย่างมาก เขาเข้าใจดีอยู่ว่าการทำงานให้ลูกค้ากึ่งกรรมการคนนี้มันยาก เพราะการแข่งขันระหว่างเอเจนซี่เพื่อชิงรางวัล B.A.D. Award มันสูงมากแต่นัทคิดว่านี่มันเกินไป สมัยเขาเป็นนักเรียนและทำโฆษณาประกวด มันก็ไม่ได้หินอะไรเท่านี้ คิดได้ไม่นานประตูสตูดิโอก็เปิดออกอีก กายนั่นเอง
   “ผมเพิ่งได้ดูมอคอัพของคุณมิก" กายหิ้วเอาโมเดลซุ้มที่เขาและมิกนั่งต่อมาทั้งคืนวางลงบนโต๊ะ "มันไม่ผ่านนะ"
   “อ...อะไรนะ" นัทว่า "ไม่ผ่านเหรอ"
   “ใช่ มันใหญ่ไป งานในสวนนะคุณ มันต้องฟรีเสปซหน่อย" กายพูด
   “ผมว่าคุณควรปรึกษาอินทีเรียนะ" นัทว่า
   “ฝีมืออย่างคุณก็น่าจะทำได้นี่" กายยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะวางกระดาษอีกสองแผ่นลงบนโต๊ะหน้านัท ชายหนุ่มมองมันก่อนจะหายใจเข้าลึกๆ "บรีฟใหม่ และคอเลคชั่นของชำร่วย แอมเบี้ยนที่คุณเสก็ตมาลูกค้าไม่ชอบ เขาต้องการอะไรที่สื่อถึงมือถือเครื่องนี้ และลูกค้าจะไม่เอาไปทิ้งเวลาเดินออกจากงาน"
   “โอ้....คุณต้องการเท่าไหร่" นัทถาม
   “มอคอัพแปดชิ้น" กายพูด นัทมองหน้ากายจนตาแทบถลน
   “ท...เท่าไหร่นะ" นัทพูด
   “แปด" กายหันมาย้ำ "มีอะไรเหรอ"
   “อ้อ...เปล่าไม่มีอะไร" นัทยิ้มเฝื่อนๆ
   “ก็ดีแล้ว ผมต้องการรูปคุณสาฉบับแก้ใหม่ในอีเมล์ก่อนหกโมงเย็นนะ แล้วมอคอัพซุ้มนี้ ตัวแก้ที่โต๊ะผมก่อนคุณกลับบ้าน" กายเริ่มสาธยาย "แล้วมอคอัพของชำร่วยให้ส่งเสก็ตให้ผมในอีเมล์เหมือนกันก่อนเท่ียงคืนนะ"
   “ได้ครับ" นัทถอนหายใจก่อนจะหยิบกระดาษสองแผ่นนั้นขึ้นมาดู
   “อย่าช้าล่ะ" กายพูดเรียบๆก่อนจะเดินออกจากสตูดิโอไป
   “พระเจ้า มอคอัพตัวแก้ก่อนกลับบ้าน แล้วเพิ่งเอามาให้ตอนสี่โมงเนี่ยนะ" มิกตะโกนผ่านโทรศัพท์มา นัทโทรหาทั้งคู่ทันที และกระจายงาน เพราะจริงๆแล้วตอนนี้สมองเขาเริ่มตื้อ งานที่กายสั่งมาเมื่อกี้แทบไม่ได้เข้าหัวเลย เขาต้องแบ่งเบามัน"ชั่วโมงนึงฉันจะทำเสร็จได้ไง"
   “แล้วแกกะสาอยู่ไหนแล้วเนี่ย" นัทถาม
   “เพิ่งถึงบ้านสาเหอะ แต่นี่สี่โมงเย็น เด็กน้อยกำลังเลิกเรียน รถติดโคตร" มิกว่า นัทถอนหายใจ
   “เออ...งั้น..เอ่อ.....” นัทพูดพลางเสยผม "เดี๋ยวฉันจะลงมือทำมอคอัพให้แกก่อน แล้วค่อยว่ากัน บอกสาเรื่องส่งรูปเข้าอีเมล์ด้วย ใช้บีบีให้เป็นประโยชน์ซะ"
   “อืม ขอบใจมาก"
   นัทมองมอคอัพตัวที่ต้องแก้อย่างหมดอาลัยหลังจากมิกวางโทรศัพท์ไปแล้ว ก่อนจะเดินไปยังโต๊ะของมิกและค้นเอาเครื่องมือมาเต็มกล่องและวางลง
   “เอาล่ะ" นัทสบถกับตัวเอง "ได้เวลาทำปราสาทให้พ่อมดจอมกวนแล้ว"
   นัทนั่งลงที่โต๊ะและเริ่มแกะโมเดลออกมาทีละชิ้น โดยไม่รู้เลยว่ากายกำลังมองดูเขาอยู่ที่บันไดขึ้นไปยังห้องทำงานและยิ้มกว้าง
   เวลาผ่านไปช้าๆขณะที่นัทนั่งทำงาน เขาไม่อยากมองนาฬิกา เพราะมันจะทำให้เขาเครียด ได้แต่นั่งตัดโมไปเรื่อยๆอย่างใจเย็น
   “นัท" เสียงผึ้งดังมาจากประตูสตูดิโอ "พี่จะกลับแล้ว นายจะกลับหรือยัง"
   “เจ๊กลับเลยครับ ผมยังไม่เสร็จเลย ต้องรอสากับมิกอีก" นัทร้องตอบแม้ว่ามือยังคาอยู่ที่กระดาษชานอ้อย "เดี๋ยวผมปิดสตูและออฟฟิศให้"
   “ดูให้เรียบร้อยด้วยนะ สู้ๆจ้ะ" ผึ้งพูดให้กำลังใจเขานัทยิ้มให้เป็นคำตอบก่อนจะนั่งทำงานต่อไป
   ล่วงเลยเวลาไปมาก ยังไม่มีวี่แววของสาและมิกกลับมา นัททากาวหลังคาและติดลงที่โมเดลเป็นชิ้นสุดท้าย ก่อนจะหงายหลังพิงเก้าอี้และร้องด้วยเสียอันดัง
   “อ๊าคคคค เสร็จแล้ว" นัทลุกขึ้นพลางมองบรรยากาศรอบตัว มืดแล้ว มองดูนาฬิกามันบอกเวลาหนึ่งทุ่มครึ่ง ชายหนุ่มถอนหายใจ เขาทำงานล่าช้ากว่ากำหนด แต่มันก็ช่วยไม่ได้ เขาทำคนเดียวนี่นา อย่างน้อยมันก็เสร็จไปแล้วหนึ่งงานที่ต้องแก้ ระหว่างรอรถติด สาก็คงส่งรูปเข้าอีเมล์ไปแล้ว นัทสั่งปรินท์เสก็ตออกมาจากคอม แล้วนำมันขึ้นไปในห้องบอสตามที่กายบอก อย่างน้อยเขาและมิกก็ไม่ต้องเอามันกลับไปทำที่บ้านอีก เปิดประตูห้องบอสทันที
   “อ้าว...คุณ...” กายนั่นเอง เขานั่งอยู่ที่โต๊ะประชุมพร้อมกับกองเอกสารที่แทบจะท่วมตัว แสงไฟจาหหน้าคอมส่องสว่าง ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมามองนัท
   “เอ่อ...โทษทีที่ไม่ได้เคาะประตู ผมนึกว่าคุณกลับไปแล้ว" นัทพูดพลางเดินเอามอคอัพและเสก็ตเข้ามา "โทษทีที่ผมเอามาให้ช้า"
   “ช่างเถอะ วางไว้นั่นแหละ" กายพูด
   “เอ่อ...นี่คุณยังมีงานอีกเหรอ" นัทถามขึ้น กายเงยหน้าขึ้นจากคอมอีกแล้วพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะกลับไปนั่งทำงานต่อ นัทมองกายอยู่ครู่หนึ่ง เขาชอบมองกายเวลานั่งทำงาน มันดูจริงจัง ไม่เหมือนคนที่คอยกวนประสาทเขาตั้งแต่แรกพบ กายเงยหน้าขึ้นมามองนัทอีกคราวนี้รอยยิ้มเจ้าเล่ห์กลับมาอีกครั้ง นัทสะดุ้งเฮือก
   “มีอะไรเหรอครับ" กายถาม
   “อ้อ...ปล่าว...ผมก็แค่...เอ่อ.....จะบอกคุณว่า ถ้าไม่มีอะไรผมจะกลับแล้ว" นัทพูด กายยิ้มเจ้าเล่ห์อีก "ผมมีงานที่คุณให้แก้อีก"
   นัทหมุนตัวงงๆอยู่สองทีก่อนจะเดินไปยังประตู
   “อันที่จริงถ้าคุณไม่อยากแก้ก็บอกผมได้นะ ผมเองก็ไม่ได้อยากไปฟิกอะไรคุณมาก คุณเป็นพาร์ทเนอร์อ่ะ ไม่ใช่ลูกทีมผม" กายพูด นัทหันกลับมาหากาย รู้สึกหงุดหงิดทันที จะมาพ่อพระอะไรเอาป่านนี้ เขาและมิกก็ทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นนอตไปเรียบร้อย ยังไม่รวมสา ที่กำลังรอโอกาสเด็ดหัวเขามาจิ้มน้ำพริก
   “ไม่เป็นไรหรอก ผมเชื่อฝีมือพ่อมดแห่งวงการน่ะ" นัทว่า กายหัวเราะเบาๆ
   “ก็เลยแก้มอคอัพนี่มาเป็นปราสาทให้พ่อมดจอมกวนสินะ" กายลุกขึ้นพูดพลางค่อยๆเดินมาหานัทซึ่งหน้าแดงทันที
   “นี่คุณ....”
   “เอาเหอะ ความจริงก็คือ ผมเองก็ถูกคุณอาคุณกดดันมาอีกนั่นแหละ Lovable ไม่เคยเข้าประกวดงานนี้ ผมกับคุณเป็นครั้งแรกของที่นี่ คุณอาก็เลยค่อนข้างหวังน่ะ" กายเล่า ซึ่งนั่นนัทเชื่อจริงๆ เพราะเขาก็รู้จักนิสัยบอสดี ที่ชอบจับแต่งานใหญ่ๆ และมันต้องสำเร็จ นั่นแหละที่ทำให้เขาเรียกที่นี่ว่าโรงฆ่าสัตว์ที่น่าเอ็นดู
   “เหรอครับ" นัทรับคำ
   “ใช่ แล้วยิ่งเป็นคุณ ผมก็เลยต้องตั้งใจกับมันมากๆ" กายพูด นัทมองหน้ากายอย่างงงๆ
   “ยังไงครับ"
   “คุณคือไอเดียไฟแรงยุคใหม่ของวงการ ถ้าคุณชนะงานนี้ คุณจะไปได้อีกไกล" กายพูด "มันจะมีความหมายกับคุณมาก"
   “ผมยังขอยืนยันคำเดิมนะ ว่าผมไม่ได้สนใจงานี้เลย" นัทพูด
   “ผมรู้ แต่ผมอยากให้คุณทำ" กายพูด
   “เพื่ออะไรล่ะ" นัทเริ่มถามกลับ
   “เพื่อคุณไง"
   กายมองหน้านัทอย่างมีความหมาย ซึ่งนัทยังไม่เข้าใจอยู่ดี กายต้องการอะไรกับงานนี้กันแน่ ในเมื่อเหตุผลที่หมอนี่อยากรู้จักเขาก็แค่กายสนใจงานเขา แต่มันเกี่ยวอะไรกับงานประกวดรางวัล B.A.D. Award บ้าบอนี่
   มองหน้ากันอยู่ซักพักเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น นัทสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะรับโทรศัพท์
   “ฮัลโหลว่าไง" นัทรับสายมิกนั่นเอง
   “ฉันอยู่ข้างล่าง นายหายไปไหนอ่ะ" มิกถาม
   “ฉันอยู่ที่ห้องบอส กำลังจะลงไป" นัทพูด
   “จะกลับเลยหรือเปล่าฉันจะได้เก็บของเลย" มิกถาม
   “เอาสิ แล้วเดี๋ยวลงไป" นัทวางหู ก่อนจะหันกลับไปหากาย "มิกเค้ามาแล้ว ผมเอ่อ....ต้องไปแล้ว"
   นัทยิ้มให้ก่อนจะหันหลังกลับแต่ทว่ากายคว้ามือเขาเอาไว้
   “เดี๋ยวก่อนนัท" นัทหันกลับมาพลางมองมือข้างเดิมที่ผู้ชายคนนี้ได้สัมผัสเป็นครั้งที่สองแล้ว นัทมองมันอย่างตกใจเล็กน้อย "ผมรู้ว่าพักนี้เราทำงานกันหนักและคุณก็อาจจะเหนื่อยเพราะผม ผมขอโทษด้วย"
   “อ...อื้ม" นัทตอบอ้ำอึ้ง เขายังตามไม่ทันกับกายนัก
   “ดูแลตัวเองดีดีนะ ผมเป็นห่วง" กายว่าพลางมองหน้านัทอย่างอ่อนโยน
   “อ....อื้ม" นัทตอบเสียงดังขึ้น "ป...ปล่อยมือผมได้แล้วล่ะ"
   นัทดึงมือตัวเองกลับก่อนจะเดินไปที่ประตู กายยิ้มให้พลางเดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน
   “คุณก็เหมือนกันนะ" กายหันกลับมาตามเสียงนั้น นัทนั่นเอง "คุณก็....อย่าไปจะซีเรียสกับมันมาก ชนะไม่ชนะมันไม่สำคัญหรอก สำคัญที่ตัวคุณจะไหวรึเปล่า"
   กายยิ้มกลับมาให้นัท
   “ยังไงก็...ดูแลตัวเองด้วยเหมือนกัน" นัทพูด "ขอบคุณที่เอ่อ...เป็นห่วงผม"
   นัทยิ้มให้กายก่อนจะเปิดประตูออกนอกห้องไป ขณะที่กายก็ได้แต่ยิ้มให้กับประตูจนแทบไม่มีอารมณ์ทำงานอีก
   “ทำไมช้าจังวะ" มิกถามขณะที่ต้องยืนแบกข้าวของรออยู่ที่หน้าออฟฟิศ
   “โทษที กลับกันเหอะ" นัทพูดพลางรับของจากมิกและเดินไปขึ้นรถ
   “อ้าว ยังไม่กลับเหรอสา" นัทร้องทักในรถ
   “ยังหรอก" สาตอบเสียงยานคางมาจากด้านหลังของรถ "ฉันต้องไปช่วยงานนายที่บ้าน คืนนี้ฉันค้างด้วยนะ"
   “อ้อ..โอเค" นัทตอบพอดีกับที่มิกเริ่มออกรถ
   “อ้าว....นั่นรถคุณกายนี่ เขายังไม่กลับเหรอนัท" สาร้องพลางชี้ให้ดูรถที่จอดอยู่ที่หน้าออฟฟิศ นัทสะดุ้งก่อนจะหันไปสบตามิกที่มองกลับมาอย่างมีความหมาย นัทกำลังมีเรื่องอะไรปิดบังอยู่ เรื่องของหัวใจของเขาที่กำลังจะเปลี่ยนไป
…..

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
บทที่ 5 In the middle

   หลายวันต่อมานัท มิกและสาสามารถตะลุยฝ่าปราการนรกและเอาชนะพ่อมดแห่งวงการโฆษณา บอสตัวสุดท้ายของเกมส์การประกวดสุดหินนี่ได้ อาทิตย์นี้เป็นอาทิตย์ที่พวกเขานำงานทั้งหมดไปสั่งทำ ทั้งใบปลิว แอมเบี้ยน ของชำร่วย บูู๊ตตั้งงาน และตัวอย่างบิลบอร์ดมันทำให้ทั้งสามรู้สึกสมองโล่งอย่างประหลาด และยิ่งไบร์ทรับงานที่เชียงใหม่ไปทำด้วยแล้ว มันทำให้สตูดิโอดูมีความสุขมากยิ่งขึ้นไปอีก
   ความจริงข้อหนึ่งที่ทำให้นัทรู้สึกสบายใจมากๆ ก็คือกายเริ่มลดรังสีอำมหิตขณะทำงานลงและดูเป็นมิตรมากขึ้น อย่างน้อยก็ทำให้สาไม่อยากเด็ดหัวเขาแล้ว และกลับมาสสู่สภาวะกรี๊ดกร๊าดพ่อมดแห่งวงการเหมือนเดิม
   “แหม เขาก็แค่จริงจังกับการทำงานนี่นา" สาว่าขึ้นตอนเช้าวันนั้น "อย่าไปว่าเขาสิ"
   และนั่นก็ำให้สามีเวลากลับไปจู๋จี๋กับมาร์คแฟนหนุ่มได้มากขึ้น ก็เลยไม่แปลกที่วันนี้จะไม่เห็นเธอเข้าออฟฟิศ นัทและมิกก็เลยได้แต่นั่งเลือกรูปสำหรับไปจัดบู๊ตในงานประกาศรางวัลเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์เอเจนซี่ อย่างน้อยงานพวกนี้ก็สบายกว่าเอาตัวเองเข้าไปประกวดเอง
   เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น นัทรับสายทันทีเมื่อรู้ว่าเป็นกายที่โทรเข้ามา
   “นี่คุณ....คืนนี้คุณว่างไหม" กายถามผ่านสายโทรศัพท์มา
   “มีอะไรอีกล่ะคุณ" นัทถาม
   “ผมมีธุระจะคุยกับคุณนิดหน่อย" กายพูด "คุณมาได้ไหม"
   นัทมองหยิบสมุดตารางงานขึ้นมาดู
   “ก็พอได้อ่ะ" นัทตอบ "กี่โมงล่ะคุณ"
   “ประมาณสองทุ่ม เจอกันที่คลับเลาจ์ของโรงแรมฟอร์จูนนะ" กายพูดจบก็วางสายไปทันที โดยไม่รอฟังคำตอบของนัท หมอนี่เอาแต่ใจตัวเองอีกแล้วนัทถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย
   เสียงประตูสตูดิโอเปิดออก หน้าของผึ้งลอยเข้ามา
   “นัท มิก" ผึ้งกล่าว "ช่วยอะไรเจ๊หน่อยสิ"
   “อะไรเจ๊" นัทถาม
   “คือเจ๊ยังทำตัดต่องงานที่จะส่งตอนวาเลนไทน์ยังไม่เสร็จน่ะ" ผึ้งว่าพลางยิ้มแหยๆ
   “แล้วไงอ่ะ" มิกถามต่อ
   “คือวันนี้ลูกพี่ไม่สบาย พี่ต้องรีบกลับ แต่บอสเค้าว่าต้องการก่อนทุ่มนึง" ผึ้งพูดพลางทำสายตาอ้อนวอน
   “นี่เจ๊ ถ้าเจ๊อายุน้อยกว่านี้อีกซักหกปีนะ ผมก็จะใจอ่อนหรอก" มิกว่า
   “นี่มิก ว่าพี่แก่เหรอ" ผึ้งโวย
   “อ๊ะๆๆๆๆ ก็ได้ๆ เดี๋ยวผมจัดการเองพี่" มิกพูดพลางลุกขึ้นเดินตามผึ้งไป นัทยักคิ้วให้เป็นกำลังใจ งานของเจ๊ผึ้งเป็นงานที่ค่อนข้างยากและใช้ฝีมือสูง นัทและมิกเจองานแบบนี้อยู่บ่อยๆ
   "เห้ย...จะรอกลับด้วยกันหรือเปล่า" มิกหันกลับมาถาม "เพราะท่าทางจะนานว่ะ"
   “ไม่เป็นไร..คือ...เอ่อ....ฉันมีนัดน่ะ" นัทพูด
   “อ้อ...อืมๆ" มิกพยักหน้ารับงงๆ "งั้น...เอ่อ...ไว้เจอกันที่บ้านละกัน"
   นัทมองมิกหายตัวไปกับผึ้ง พลางมองดูนาฬิกาที่แขวนอยู่ที่สตูดิโอ พลางถอนหายใจ กายทำให้เขาไม่ได้ช่วยมิกทำงานอีกแล้ว แต่ก็ได้แต่ถอนหายใจนั่นเอง นัทลุกขึ้นเก็บของและเตรียมตัวออกเดินทาง
   หนึ่งในไม่กี่เหตุผลที่เขายอมอดทนทำงานกับกายมาจนล่วงเข้าหนึ่งเดือนก็เพราะว่ากายได้พิสูจน์แล้ว่าเขาเป็นมืออาชีพ นัทเองก็ไม่เคยเห็นมีใครที่สามารถเสกสรรค์งานที่แทบเป็นไปไม่ได้ให้ออกมาได้จริงๆ แม้ว่าสิ่งเหล่านั้นเขาจะต้องนั่งทำออกมาก็ตาม แต่ในแง่ไอเดีย กายกินคาดสมชื่อกายสิทธิ์จริงๆ
   นัทใช้เวลาอันยาวนานฝ่ารถที่ติดขั้นรุนแรง ลุยไปถึงสถานที่นัดหมาย ซึ่งมันก็ล่วงเวลามืดแล้ว ชายหนุ่มเข้าไปในโรงแรมและเดินตรงเข้าไปในคลับเล้าจ์ รู้สึกเก้อเขินเล้กน้อย เพราะนัทไม่เคยมาสถานที่แบบนี้เลย นัทมองเข้าไปด้านใน บรรยากาศในร้านมันคือคลับชั้นสูงที่เขาเคยเห็นบ่อยๆในข่าวแวดวงสังคม
   “โทษครับ ได้จองไว้หรือเปล่าครับ" พนักงานหน้าร้านถาม นัททำท่าอ้ำอึ้ง
   “เอ่อ..คือ......”
   “เขามากับผมครับ" แขนของกายสิทธิ์โอบไหล่ของนัทมาจากด้านใดด้านหนึ่ง นัทสะดุ้งสุดตัวก่อนจะหันไปมอง
   “งั้นก็เชิญด้านนี้ครับ" พนักกงานคนนั้นเชิญเข้าไปด้านในขณะที่นัทพยายามสะบัดเอาแขนข้างนั้นออกไปจากไหล่ "โต๊ะนี้นะครับ"
   “ครับผม" กายตอบ "เพิ่งมาเหรอคุณ"
   “นี่คุณ" นัทพูดพลางมองทือที่จับไหล่เขาอยู่
   “อ้อ โทษที" กายยิ้มพลางเลิกคิ้ว "เอ๊า ผมถามว่าเพิ่งมาเหรอ"
   “ก็...ใช่" นัทนั่งลงที่เก้าอี้ "แล้วนี่คุณมีธุระอะไรเหรอ"
   “จะดื่มอะไรไหม" กายถาม "สั่งได้เลยผมเลี้ยง"
   นัทถอนหายใจอีก ขณะที่กายเรียกเด็กเสิร์ฟมาที่โต๊ะ
   “วายน์แดงครับ" กายสั่ง "แค่นี้ก่อนครับ....เมื่อกี้คุณว่าอะไรนะ"
   “ผมถามว่าคุณเรียกผมมามีธุระอะไร" นัทถาม
   กายหันมาทำหน้าเคร่งเครียดใส่นัท
   “ไม่มีอะไรอ่ะ" กายยิ้มกว้าง
   “เอ๊า แล้วคุณเรียกผมมาทำไม" นัทโวย
   “นั่นน่ะสิ แล้วคุณมาทำไมอ่ะ" กายย้อน
   “นี่คุณ" นัทว่า หมอนี่กลับมากวนประสามเขาอีกแล้ว "มิกเขามีงาน ผมอุตส่าห์เลี่ยงเพื่อมาหาคุณนะ"
   “งั้นเหรอ" กายพูดพลางยิ้มกว้างกว่าเก่า "งั้นแสดงว่าคุณก็อยากมาหาผมอ่ะสิ ใช่มะ"
   “จะบ้าเหรอ....ใครจะอยากมาหาคุณ" นัทร้อง
   “ก็คุณไง" กายว่า "ผมยังไม่ทันบอกเลยว่าผมมีเรื่องอะไร แต่คุณก็มา...จริงไหมครับ"
   นัทลืมเรื่องนั้นไปเสียสนิท จริงๆแล้วกายยังไม่ได้บอกเขาเลยว่ามีเรื่องอะไร ก็จริงที่ว่าพอเขาได้ยินเสียงกายขอให้มา เขาก็มาทันที เขาไม่น่าหลงกลหมอนี่เลย กายก็ยังคงกวนประสาทเขาไม่เปลี่ยน
   “ดี...งั้นผมกลับ" นัทพูดพลางลุกขึ้น
   “เห้ย เดี๋ยวดิคุณนั่งลงก่อน" กายพูดพลางดึงตัวนัทลง "โธ่ ใจเย็นๆดิคุณ ผมเห็นว่าพักนี้งานก็เบาลงแล้ว ผมก็แค่อยากชวนคุณมาดื่มอะไรกันหน่อย วันนี้ผมนัดเพื่อนๆผมเอาไว้ด้วย ผมอยากแนะนำคุณให้พวกเขารู้จักน่ะ"
   นัททำหน้าหงุดหงิดใส่
   “มันไม่เกี่ยวอะไรกับผมเลยนะ" นัทว่า "แล้วผมก็ไม่อยากรู้จักเพื่อนคุณด้วย คุณน่าจะบอกผมก่อน ผมจะได้ไม่มา"
   “งั้นแสดงว่าถ้าผมมาคนเดียว คุณก็จะมากับผมใช่มะ" กายว่า
   นัทเงียบสนิท
   “คุณ...”นัทกัดฟัน
   “ไฮ กาย" เสียงผู้หญิงและเสียงเอะอะดังมาจากภายนอกร้าน กายโบกไม้โบกมือทักทาย นัทมองตามกายไป กลุ่มผู้หญิงและผู้ชายประมาณสี่ห้าคนเดินตรงมาที่โต๊ะของเขาและกาย แต่สิ่งที่ทำให้นัทอึ้งก็คือ....
   “ไฮ ดาร์ลิ่ง เป็นไงบ้างคะ" หญิงสาวคนหนึ่งในกลุ่มเดินตรงเข้ามาและนั่งลงบนตักกายและหอมแก้มกายอย่าไม่แคร์สายตาคนอื่นๆในร้าน รวมถึงนัทด้วย
   “โฮ่...เอ่อ...ไงเจน" กายดูจะงงแต่ก็ยิ้มและหอมแก้มผู้หญิงที่ชื่อเจนกลับก่อนจะมองนัทแว้บๆพร้อมรอยยิ้ม ในขณะที่เพื่อยๆคนอื่นๆของกายก็กล่าวทักทายกันรอบโต๊ะของเขา โดยที่เจนก็ยังไ่ม่ลุกไปจากตักของกาย
   “กายอ่ะ ไม่โทรบอกเจนเลยนะคะว่ากลับมาเมืองไทยแล้ว พอจบแฟชั่นวีค กายก็หายไปเลย เจนอ่ะคิดถึงกายมากเลยนะคะ" เจนซบตัวลงไปบนไหล่กาย ขณะที่เพื่อนๆคนอื่นๆของกายต่างก็เรียกพนักงานเพื่อสั่งเครื่องดื่ม
   “ขอโทษนะเจนที่ผมมาโดยไม่บอกน่ะ ก็ผมเห็นคุณยุ่งๆไง" กายกล่าว
   “เจนว่างเสมอเพื่อกายนะคะ....” เจนยิ้มกว้างให้กาย นัทมองแล้วรู้สึกหมั่นไส้พิกล หมั่นไส้ผู้หญิงคนนี้นี่แหละ ที่ตอนนี้เขากลับกำลังรู้สึกโกรธ โกรธกายที่ให้เรียกให้เขามารู้จักแฟนเนี่ยนะ งี่เง่า "เอ่อ...แล้วนี่....”
   “อ้อ...เฮ้ยเพื่อนๆ นี่นัท คนที่ฉันเล่าให้ฟังไง ที่เอาภาพขึ้นแกลที่ปารีสตอนเดือนก่อน" กายแนะนำนัทให้เพื่อนๆของเขารู้จัก "เจ้าของภาพ Loveless Society ที่ฉันเล่าให้ฟังไง"
   “หวัดดีค้าบบบ" เสียงสวัสดีดังอื้ออึงรอบตัวนัทซึ่งเขาก็ยิ้มตอบทุกคน จนกระทั่งเจนเอื้อมมือมาข้างหน้า
   “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ คุณนัท" เจนกล่าว "กายเล่าเรื่องของคุณให้ฉันฟังบ่อยๆ เขาปลื้มภาพคุณน่าดูเลยที่ปารีส"
   “เหรอครับ" นัทกล่าวเรียบๆพลางเอื้อมมือไปจับกับเจน
   “เอ่อ..นัทนี่ เจนนะ เป็นแฟชั่นดีไซน์เนอร์ เขาทำงานให้โวล์คของปารีส นี่ฝนเป็นโปรดักซ์ดีไซน์ ส่วนนั่นแม็กซ์ เป็นสถาปนิก ส่วนสองคนนั่น บิทกับเบนซ์เป็นฟีแลนต์เคยทำแกลมากับผม" กายแนะนำเพื่อนของเขาให้รู้จักทีละคนซึ่งนัทก็ไม่ได้จำได้หมดทุกคนในครั้งเดียวอยู่ดี
   และก็เหมือนกับว่านัทถูกลืมไปจากกลุ่มเพื่อนๆของกาย มีเพียงเจนที่ยังคงนั่งมองเขาด้วยสายตาแปลก แม้ว่าเธอไม่เคยจะขยับตัวออกไปไกลกายเลยแม้แต่นิดเดียว
   “กาย....ไปเต้นเพลงนี้กันเถอะค่ะ" เจนพูดพลางลุกขึ้นและลากกายออกไปเต้นกลางฟลอร์ทันที นัทมองตามไปอย่างเบื่อหน่าย เขาไม่น่าหลงกลหมอนี่เลย เพราะสุดท้าย  หมอนั่นก็ไม่ได้สนใจเขาเลย
   “ฉันไม่ได้อยากจะมารู้จักแฟนนายเลยให้ตายสิ" นัทพึมพำ
   “เอ่อ...คุณนัทครับ" คนที่ชื่อแม็กซ์ทักเขา
   “ครับ" นัทหันไปตอบ
   “เบื่อๆเหรอครับ" แม็กซ์ถาม
   “ก็นิดหน่อยครับ ผมไม่ค่อยชอบเที่ยวกลางคืน" นัทพูดตามตรง
   “เหรอครับ งั้นก็คงคุมกายมันยากหน่อยนะครับ" แม็กซ์พูด
   “คุมเหรอครับ ทำไมต้องคุมล่ะครับ" นัทถาม
   “กายเค้าขาเที่ยวกลางคืน งานสังสรรค์ไหนเขาไม่เคยพลาดเลยล่ะ ยังไงคุณก็คงเหนื่อยเลยทีเดียวที่ต้องดูแลเขา" แม็กซ์เริ่มพูดเข้าประเด็น นัทเริ่มเข้าใจแล้วและเห็นว่ามันไม่ใช่เรื่องดีแน่
   “เอ่อ...โทษนะครับ ผมกับกับคุณกาย เราเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกันครับ" นัทตอบแตาแม็กซ์ก็หัวเราะเบาๆ
   “ไม่เป็นไรครับผมเข้าใจ กายมันก็เปลี่ยนไปเรื่อยแหละครับของแบบนี้"
   คำพูดทิ้งท้ายของแม็กซ์ทำเอานัทเงียบสนิท ชายหนุ่มลุกขึ้นทันที
   “อ้าว จะไปไหนครับ" แม็กซ์ร้องถาม
   “เอ่อ...ผมต้องกลับแล้วครับ ต้องขอโทษด้วย" นัทตอบและออกเดินทันที อย่างนี้นี่เอง นัทคิดในใจ หมอนี่มันก็คาสโนว่าในวงการด้วย และนี่ก็คือก๊วนเพื่อนๆท่องราตรีของกายสินะ นัทคิด เขาโง่จริงๆที่หลงตามหมอนี่มาที่นี่ มันไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยพอๆกับวันที่เขาไปแกลอรี่ในสวน เพื่อนๆของกายมองเขาเป็นแค่คนควงของกายแบบชั่วข้ามคืน ทั้งๆที่เขาไม่ใช่แบบนั้นซักหน่อย ยังไม่รวมถึงอาการดูไม่เป็นมิตรของเจน แฟนของกายด้วยที่มองเขาแบบแปลกๆ นัทเริ่มหงุดหงิดขณะเดินออกจากร้านอย่างไม่ให้เป็นที่สังเกต
   “นั่นคุณจะไปไหนอ่ะ" เสียงกายเดินตามตัวเขามา นัทหันหลังไปเห็นกายเดินตามเขาออกมานอกร้าน
   “คุณตามผมออกมาทำไม" นัทว่า "ผมจะกลับแล้ว"
   “อะไร...นี่เพิ่งเริ่มเอง" กายพูด "ไม่สนุกเหรอ"
   “ผมมีงานต้องทำ คุณกลับไปสนุกกับเพื่อนคุณต่อเถอะ" นัทออกเดินอีก
   "งั้นเดี๋ยวผมไปส่ง" กายว่า
   “เดี๋ยวแฟนคุณก็ว่าเอาหรอก" นัทพูดเสียงดังอย่างหงุดหงิด กายยิ้มกว้างพลางชี้นิ้วย้ำๆใส่นัท "เป็นอะไร"
   “เปล่า" กายพูด "รอตรงนี้แป้บนะเดี๋ยวผมไปส่ง ห้ามหนีไปไหนด้วย"
   นัทส่ายหน้าก่อนจะออกเดินโดยไม่ใส่ใจ แต่กายก็เดินอย่างรวดเร็มเข้ามาที่ตัวเขาและจับเอาของบางอย่างออกจากกางเกงไปอย่างรวดเร็ว....กระเป่าสตางค์
   “นี่คุณทำอะไรอ่ะ" นัทโกรธขึ้นมาจริงๆ
   “ขอโทษนะ แต่ผมไม่ยอมให้คุณกลับเองหรอก" กายพูดพลางเดินกลับไปในร้านเพื่อลาเพื่อนๆของเขา "ผมเคยเห็นคู่นึงในละครเค้าทำน่ะ เพื่อไม่ให้แฟนเค้าหนีกลับก่อน"
   นัทมองกายหายเข้าไปในร้าน รู้สึกโกรธจัดอีกแล้ว เขาคงมีความสุขกับหมอนี่ได้เพียงเวลางานเท่านั้นจริงๆ เพราะนอกจากนั้น เขารู้สึกอยากจะกระโดดถีบหน้ากายมากขึ้นทุกที
   บนรถของกายยามค่ำคืน นัทมองออกนอกหน้าต่างพลางภาวนาให้ถึงบ้านเร็วๆ เพราะเขาไม่อยากจะมองหน้ากายอีกแม้แต่นาทีเดียวไม่งั้นเขาอาจจะทำให้ปราถนาดั้งเดิมของสาที่ลืมเลือนไปกลับมาสำเร็จอีกครั้ง คือเด็ดหัวหมอนี่มาจิ้มน้ำพริก
   “คุณเป็นอะไรอ่ะ ไม่สนุกเหรอ" กายเริ่มถาม นัทถอนหายใจและยังคงไม่ตอบอะไร "อ่อ ไม่อยากพูดกับผมอีกสิ คราวนี้เพราะผมยังไงอีกล่ะ"
   “คุณ หยุด...”
   “นั่นไง ผมว่าแล้ว ว่าเดี๋ยวคุณก็หันมาว่าอะไรผมอีกอยู่ดี ถึงคุณจะบอกว่าไม่อยากพูดกับผม" กายยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์อีกนัทถอนหายใจอีกครั้ง "เอาล่ะ โอเคๆ ผมขอโทษเรื่องวันนี้ ไม่ว่าคุณจะโกรธผมเรื่องอะไรก็ตามโอเคไหม"
   นัทรู้สึกตกใจเล็กน้อย หมอนี่พูดขอโทษกะเค้าเป็นด้วยแหะ
   “ไม่พูดเรื่องผมชวนคุณมาแบบไม่เต็มใจก็ได้ งั้นเอ่อ...ผมถามอะไรคุณอย่างสิได้หรือเปล่า" กายว่า นัทหันมามองกายอย่างไม่เต็มใจนัก
   “อะไร" นัทถามห้วนๆ
   “คุณว่าเจนเค้าเป็นไงอ่ะ"
   นัทขมวดคิ้วและหันขวับไปอีกทางทันที เรื่องอื่นมีตั้งเยอะแยะทำไม่ถามกัน ถ้าไม่ติดว่าที่แคบ เขาได้ต่อยหมอนี่เข้าให้แน่
   “ก็ดี" นัททำเสียงสูงเกินจำเป็น "เค้าก็ เหมาะกะคุณดีนี่"
   “เหรอ จริงอ่ะ" กายว่า "รู้ไหมคุณ ว่าเจนกับผมเคยเป็นแฟนกันด้วยนะ แต่ก็เลิกกันมาปีกว่าและ สมัยเราเรียนด้วยกันที่ปารีสนะ เราสนุกกันมากเลย ขับรถตะลอนๆฟังเพลงเมทัลร็อค"
   นัทถอนหายใจเสียงดัง เพื่อให้กายรู้ว่าเขารำคาญเรื่องผู้หญิงคนนี้เต็มทน นี่ขนาดเลิกกันแล้วนะ ถ้ายังเป็นแฟนกัน ไม่จูบกันกลางผับเลยรึไง
   “นี่คุณหงุดหงิดอะไรเนี่ย ถอนหายใจบ่อยจัง ผมขอโทษคุณแล้วน้า" กายพูดเสียงยานคาง
   “อยากรู้ใช่ไหมว่าผมหงุดหงิดอะไร" นัทถาม "งั้นผมขอถามอะไรคุณกลับนะ"
   “ได้สิ ชวนผมคุยหน่อย ไม่งั้นผมหลับแน่" กายพูด
   “หลังจากคุณเลิกกับเจนแล้ว คุณควงสาวๆหรือใครๆมาเที่ยวแบบนี้กี่คนแล้วล่ะ" นัทถามเอากายกระตุกรถจนนัทตกใจก่อนจะขับรถต่อไป
   “คุณเอามาจากไหนเนี่ย" กายถาม
   “คุณยังไม่ตอบคำถามผมเลยนะ" นัทใช้คำพูดที่กายมักกวนเขาถามกลับ กายหันมามองเขา
   “ก็มีบ้าง" กายตอบสั้น "คุณสนใจเหรอ"
   “สนใจอะไร" นัทว่า
   “สนใจว่าผมเคยควงใครมาบ้างก่อนคุณน่ะ" กายถาม
   “ผมจะไปสนใจทำไม คุณจะเคยควงใครมันก็เรื่องของคุณดิ" นัทว่า "ผมแค่ไม่อยากให้ตัวเองกลายเป็นพวกแบบคนที่คุณควงแบบข้ามคืนก็เท่านั้น"
   “แล้วใครบอกคุณว่าผมจะควงคุณข้ามคืน" กายยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่นัทอีก
   “นี่คุณ ถ้าคุณพูดอะไรแบบนี้อีกนะ ผมจะลง" นัทว่า
   “อ่ะๆ ก็ได้ๆ" กายว่า "ก็...แหม มันก็ทุกคนแหละ ทำอย่างกะคุณไม่เคยมีแฟนไปได้"
   “ใครจะไปรู้" นัทว่า "ผมไม่ได้คาสโนว่าแบบคุณนี่"
   “โห ว่าแรงนะนั่น" กายพูดเสียงเซ็งๆ "เอาไว้ผมจะพาสาวๆในสต๊อคมาให้คุณรู้จักและกัน"
   “เรื่องของคุณ" นัทพูดเสียงแข็ง "คุณจะพาใครไปไหนก็เรื่องของคุณ คุณจะมาบอกผมทำไม"
   “ปล่าว ก็แค่อยากดูอาการ" กายพูดเบาๆ
   “อาการอะไร" นัทถามก่อนจะหันไปที่หน้าต่างและเงียบไป กายยิ้มกว้างก่อนจะขับรถต่อไป
   รถจอดนิ่งสนิทอยู่ที่หน้าบ้านของนัทในอีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา กายดับเครื่องยนต์ก่อนจะหันไปหานัท
   “ถึงแล้วคุ.....” ภาพที่กายเห็นคือนัทที่หลับสนิทเอนไปกับเบาะ กายยิ้มน้อยๆให้กับภาพนั้น หัวใจภายใต้ร่างน้อยๆของนัทจะรู้บ้างหรือเปล่าว่าเขาคิดยังไงกับนัท นับตั้งแต่วันที่เขาเห็นภาพ Loveless Society เขาเองก็เคยบอกนัทไปแล้ว ว่าแต่ละคนที่ผ่านมาในชีวิตเขาไม่มีใครที่มาพร้อมกับความรัก คนทุกคนในสังคมที่เขาพบเจอ มันไม่มีใครจริงใจ เขาเลยรู้สึกสนใจนัทอย่างประหลาดแม้ว่าจะยังไม่ได้เห็นหน้า ไม่ใช่แค่อยากจะมาร่วมงานหรอก แต่มันคืออะไรมากกว่านั้น เขาอยากให้นัทอยู่กับเขา อย่างน้อยก็คนที่มีความรู้สึกเหมือนๆกัน
   นัทขยับตัวแล้วลืมตาขึ้น ก็สะดุ้งเมื่อเห็นกายกำลังจ้องมองเขาอยู่
   “ตื่นแล้วเหรอ ถึงบ้านแล้วคุณ" กายพูด
   “แล้วทำไมไม่ปลุกเล่า" นัทพูดพลางปลดเข็มขัดนิรภัยและหยิบกระเป๋า
   “นี่คุณ ผมกับเจนไม่ได้เป็นอะไรกันแล้วนะ คนอื่นๆด้วย" กายพูดต่อ นัทหันมาหากายทันที
   “นี่ยังไม่จบเรื่องนี้อีกเหรอเนี่ย" นัทพูด
   “ผมก็แค่อยากให้คุณรู้" กายพูด "เพราะผมกลัวว่า เดี๋ยวคุณจะหึง"
   “จะบ้าเหรอ คิดอะไรอ่ะ" นัทร้อง "ผมไม่ได้เป็นอะไรกับคุณซะหน่อย ผมจะไปหึงคุณทำไม"
   “เปล่า ก็ถ้าคุณเป็น ผมก็ไม่แปลกใจหรอกถ้าคุณจะหึง" กายว่า "แล้วผมก็จะไม่ว่าอะไรด้วย ดีใจด้วยซ้ำ"
   นัทเงียบสนิทได้แต่มองหน้ากายอยู่อย่างนั้น ความจริงอีกข้อก็คือ เวลากายพูดอะไรแบบนี้กับเขาทีไร เขาก็ใจอ่อนทุกที
   “เอ่อ....ผมจะเข้าบ้านแล้ว" นัทเปิดประตูรถ
   “อ้อเดี๋ยวคุณ คุณลืม....”
   กายดึงนัทเข้ามาในรถอย่างรวดเร็จนทำให้นัทหันหน้ากลับเข้ามาและชนเข้ากับปากของกายพอดี และนั่นก็ทำให้เวลารอบตัวของทั้งคู่หยุดหมุนทันที กายและนัทหันห้ามามองกันช้าๆ ใบหน้าของทั้งคู่อยู่ใกล้กันเกินไปแล้วและ....
   “สมุดสเก็ต" กายยื่นสมุดของนัทให้คืนหลังจากที่เขาเอามาส่งตั้งแต่อาทิตย์ก่อน นัทตื่นขึ้นจากภวังค์ก่อนจะรับมันกลับมา
   “อ้อ..อืม"
   “เดี๋ยวมีอีกเรื่องนึง" กายรั้งนัทไว้อีก ที่ตอนนี้ก็หน้าแดงจนแทบจะระเบิดอยู่แล้ว จูบแบบบังเอิญเมื่อกี้มันก็ทำให้อาการหึงของนัทหายไปหมด
   “อะไร" นัทพูดเบาๆ
   “คุณจะว่าอะไรไหมถ้าผมจะชวนคุณออกไปข้างนอกอีก" กายพูด นัทขมวดคิ้ว "ไปแบบวันที่เราหา Inspiration ไง มีแค่คุณกับผมน่ะ"
   นัทเงียบไปพักนึงก่อนจะมองกายอย่างประเมิณค่า แต่มันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ลองเล่นกับหมอนี่ดูซักตั้ง มันก็น่าสนุกดีถ้าเขาจะได้เอาคืนคาสโนว่าคนนี้อย่างสาสม
   “อืม...ก็ตามใจคุณละกัน" นัทพูดเร็วๆก่อนจะก้าวเท้าลงจากรถแต่กายก็ยังรั้งประตูไว้อีก
   “เดี๋ยว...เมื่อกี้คุณว่าอะไรนะ" กายยิ้มกว้างแบบไม่เชื่อหู "คุณไม่พอใจที่ผมชวนคุณออกมาวันนี้ แต่คุณยอมไปกับผมอีกงั้นเหรอ"
   นัททำหน้าหงุดหงิดเล็กน้อย
   “อืม...ก็....ถ้าเป็นแบบวันนั้นผมก็ไม่ว่าอะไร ผมเองก็....ไม่ค่อยมีรูปเก็บไว้" นัทพูดแก้เก้อ "แต่ก็อย่าเป็นแบบวันนี้อีกก็ละกัน"
   กายยิ้มกว้างให้นัทก่อนจะหัวเราะเบาๆ
   “เฮ้อ...ค่อยยังชั่ว...ผมอยากให้คุณมีไม่มีรูปในสมุดบ่อยๆจังเลย" กายพูดพลางดึงประตูรถปิดลง และบึ่งรถออกจากหน้าบ้าน นัทได้แต่มองรถขับผ่านไปพลางยิ้มน้อยแล้วส่ายหัว หมอนี่มัน....ฮึ่ย!!!
   นัทกลับเข้ามาในบ้านก็พบกับมิกที่นั่งรอเขาอยู่ที่ชั้นล่างเช่นเคยแต่คราวนี้มิกไม่ได้หลับแต่มองนัทด้วยสายตาแปลกๆ
   “เป็นอะไรไป" นัทพูดพลางนั่งลงข้างๆ "งานเจ๊ผึ้งหนักหรือไง"
   “นัท นายมีนัดกับใครเหรอ" มิกถาม
   “อ่อก็ ไม่มีอะไรหรอก" นัทพูดปัดๆ มิกเม้มปาก "ไม่ง่วงเหรอไงวะ ไปนอนได้แล่ว"
   “แกไปกับคุณกายมาใช่มะ" มิกถามต่ออีก
   นัทเงียบไปพักนึงก่อนจะหันกลับมา
   “เปล่า"
   “แกจะโกหกฉันทำไมวะ" มิกพูดเสียงแข็ง นัทหันไปมองทันที "โกหกฉันแล้วมันจะเป็นยังไงวะ มันจะทำให้แกได้เป็นแฟนกับกายเค้าสะดวกขึ้นเหรอ"
   “แกพูดอะไรของแกวะมิก" นัทหันไปถาม "ที่ฉันไม่บอกก็แค่รู้สึกว่ามันก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรสำคัญถึงขนาดต้องบอก เพราะฉันก็ไม่ได้ไปเพราะเรื่อง...”
   “ไม่ได้ไปเพราะเรื่องงาน...สินะ" มิกลุกขึ้นพลางเดินขึ้นบันได
   “แกต้องการจะสื่ออะไรป่ะเนี่ย" นัทถามตรงๆ
   มิกมองหน้านัทอย่างมีความหมาย ก่อนจะคิดคำพูดออกมาได้
   “เมื่อกี้ฉันเห็นแกกะเค้าที่หน้าบ้าน" มิกพูดสั้นๆ นัทอึ้งเล็กน้อยพลางมองมิกอย่างตกใจ "ฉันว่าฉันเข้าใจอะไรบางอย่าง ดูแกจะลดความไม่ชอบใจเขาลงไปมากเลยนะตลอดหนึ่งเดือนมานี่"
   “ฉันก็เคยบอกแกแล้วไง ว่าฉันไม่จำเป็นต้องหงุดหงิดตลอดเวลาที่อยู่กับเขา" นัทว่า "และฉันก็...ก็...ก็"
   “ก็เพราะว่าแกเริ่มชอบเขาแล้วไงนัท" มิกพูดเข้าประเด็น นัทอึ้งกับคำพูดนั้น
   “ไม่...ไม่ใช่..นั่นนั่น...นั่นมันนอกประเด็นไปแล้ว" นัทพยายามพูด "ประเด็นคือแกโกรธที่ฉันไม่ได้อยู่กับแกเมื่อเย็น"
   “นั่นก็ใช่....แต่แกก็ชอบเค้า" มิกพูด ขณะที่นัทพยายามหลบสายตาเขา "ฉันอยู่กับแกปีนี้ปีที่หกแล้วนะ ของแค่นี้ฉันดูออก ช่างเหอะ ฉันก็แค่อยากจะยืนยันเรื่องที่ฉันสงสัย...ก็แค่นั่น"
   “ฉันขอโทษ...” นัทพูด "ฉันขอโทษที่ทำให้แกต้องรอ"
   “ฉันรอแกมานานและ รอต่ออีกหน่อยไม่ตายหรอก" มิกว่า พลางเดินขึ้นชั้นบน "และฉันก็ไม่ได้โกรธแกเรื่องนั้น เพราะถ้าฉันโกรธแกแค่เพราะแกไปกับคนอื่น ฉันก็บ้าแล้ว"
   นัทรู้สึกว่าเหมือนตัวเองถูกตำหนิทางอ้อม เสียงข้อความโทรศัพท์ดังขึ้น ชายหนุ่มหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะรับมันมาเปิดอ่าน
ขอโทษด้วยที่ทำให้โกรธวันนี้
คราวหลังผมจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก
ขอโทษด้วยถ้าเพื่อนผมพูดอะไรไม่ดีกับคุณ
                                        กาย
   นัทมองข้อความนั้นก่อนจะปิดโทรศัพท์เห็นหน้ามิกมองเขาอยู่ก่อนจะเดินหายขึ้นไปชั้นบน นัทมองมิกเดินหายไปด้วยความสับสน....นี่เรากำลังชอบหมอนั่นจริงๆเหรอเนี่ย....นัทก่นด่าตัวเองในทุกๆด้านว่ามันต้องมีอะไรผิดพลาด พลางคิดทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ เขาไปหากายโดยไม่จำเป็นต้องทราบว่ากายมีธุระอะไร เขาไม่พอใจเจน เขาไม่พอใจที่เพื่อนๆกายเห็นเขาเป็นหนึ่งในคนที่กายควงไปไหนต่อไหน แต่เขากลับพอใจกับคำขอโทษเล็กน้อย หรือว่า.....
   “ไม่ใช่หรอก" นัทพูดกับตัวเอง "ฉันแค่อยากจะเอาชนะเขา นายผิดแล้วมิก มันไ่ม่มีอะไรมากหรือน้อยไปกว่านั้น"
   นัทกัดฟัน พลางเดินไปทำกิจวัตรประจำวันของตัวเองก่อนจะเข้านอน แม้ว่าก่อนที่เขาจะเอื้อมมือไปปิดไฟหัวเตียง มือของเขาก็เอื้อมไปหยิบตุ๊กตาพวงกุยแจมานอนกอดมันทั้งคืน
….....

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
บทที่ 6 Trust No.1

   “นัท แกช่วนขยับตัวหน่อยดิ๊" สาพูดในวันรุ่งขึ้น "เห้ย ได้ยินหรือเปล่า ลืมหูไว้บ้านเหรอ....ไอ้นัท"
   นัทสะดุ้งสุดตัวเมื่อสาตวาดเขา ชายหนุ่มกระเถิบตัวให้สาสามารถเดินไปยังโต๊ะทำงานได้สะดวก
   “โทษที" นัทพูดแม้ว่าจะยังคงนั่งแกว่งตุ๊กตาพวงกุญแจที่ห้อยอยู่กับกระเป๋าดินสอ
   “นี่ถามจริงเถอะ ใจนายกะจะจ้องมันให้มีชีวิตมาทำงานแทนนายได้เลยหรือไง" สาพูด
   “เปล่าซะหน่อยน่า" นัทว่า แต่รอยยิ้มของเขาก็หมดลงเมื่อมิกเปิดประตูเข้ามาในห้อง นัทรีบเก็บกระเป็าดินสอทันทีเมื่อเห็นสายตาของมิกมองตรงมาที่โต๊ะเขา
   “อ้าว...กลับมาแล้วเหรอ" สาทัก "ลูกค้าเป็นไงบ้างล่ะ"
   “ก็ดีอ่ะ" มิกตอบสั้นๆก่อนจะเดินไปยังโต๊ะทำงานวางกระเป๋า ก่อนจะหายเข้าไปในห้องครัว นัทมองตามมิกจนลับสายตาไป
   “เอ๊า....” สาอุทาน "แล้วนี่ก็เป็นอะไรไปอีกคน ลืมเอาปากไว้ที่บ้านหรอไง"
   สามองไปมองมาระหว่างนัทกับห้องครัว ก่อนจะรู้สึกถึงอะไรที่แปลกออกไป หญิงสาวเดินเอาแขนกระทุ้งสีข้างของนัท
   “ทะเลาะอะไรกันเหรอ" สาถามนัทเบาๆ
   "เปล่า" นัทตอบเบาๆ "ก็...มันอาจจะแค่เหนื่อยๆมั้ง"
   “งั้นเหรอ" สาพูด
   “ถ้าเธอถามนัทมันอ่ะ ก็คงไม่ได้ความจริงหรอก" มิกพูดขณะเดินออกมาจากครัวพร้อมกับแก้วน้ำ "เพราะช่วงนี้มันกำลังมีความ....ลับน่ะ"
   นัทหันไปมองหน้ามิกและถอนหายใจ มิกเลิกคิ้วมองนัทก่อนจะยิ้มน้อยๆพลางยักไหล่
   “ความลับอะไร" สามองไปมาระหว่างทั้งคู่ "ใคร...ใครมีความลับอะไรกะใคร ..นัท นายมีอะไรเหรอ"
   “ไม่มี" นัทตอบทันที "มิกมันอาจจะคิดอะไรไปเองน่ะ ฉันไม่มีความลับอะไรหรอก"
   มิกส่ายหัวอย่างหงุดหงิดก่อนจะเอางานตัวเองออกมาทำต่อ แต่คราวนี้สาก็เข้าใจแล้ว
   “มีอะไรที่ไม่ได้บอกฉันหรือเปล่าเนี่ย" สาว่า "หึว่าไง โกรธอะไรกันเหรอ"
   สาถาม แต่ก็ได้รับเพียงความเงียบกลับมา หญิงสาวถอนหายใจ
   “เห้ย เราสามคนตกลงกันแล้วนะ ว่าโกรธอะไรให้รีบเคลียร์" สาว่าเสียงดัง "ว่าไงล่ะ นัท นายโกรธอะไร"
   “ฉันมันไม่ได้โกรธอะไรมันหรอก" นัทพูดใส่มิกที่อยู่ตรงหน้า "ฉันไม่ใช่คนที่จะเอาเรื่องของคนอื่น มาพาลใส่อีกคนหรอก"
   “อ้อ เข้าใจและ" สาสูดหายใจเข้าลึกๆ พลางมองมิกที่ก้มหน้าทำงานเงียบๆ สามองนัทและตุ๊กตาพวงกุญแจที่ห้อยอยู่กับกระเป๋าดินสอ "เข้าใจแล้ว"
   สาว่าพลางเดินกลับไปเลือกรูปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง เพราะว่าที่จริงแล้ว มันก็ใช่ว่าเธอจะไม่รู้อะไรเลย แต่เรื่องนี้มันละเอียดอ่อนและเสี่ยงต่อการหักล้างมิตรภาพของเขาสามคนน่าดู เธอจำเป็นต้องคิดเรื่องนี้อย่างระมัดระวัง แต่นัทกลับสงสัยเรื่องนี้มากขึ้นไปอีก
   “อะไรเนี่ย" นัทพูดกับสา "อะไรของเธออีก ฉันตามไม่ทันแล้วนะ"
   “ฉันเอ่อ....ขี้เกียจเคลียร์ให้น่ะ" สาว่า "ฉันขอเอ่อ ทำงานก่อน"
   “เอ๊า" นัทร้องสาหันกลับมามองหน้าเขา
   “ฉันพูดได้แค่ว่าการไม่พูดอะไรกันน่ะ มันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย ฉันก็เคยบอกแล้ว" ถึงประโยคนี้ สาหันหน้าไปหามิก "แล้วเดี๋ยวมันก็สายไปอีก...ตามเคย"
   สาหันกลับไปทำงาน นัทกำลังจะอ้าปาก พอดีกับที่ประตูสตูดิโอเปิดออก
   “ดูเหมือนสามสหายจะสลายตัวแล้วสินะ" เป็นเสียงกวนโสตประสาทที่กลับมาได้เมื่อเช้านี้เอง นั่นทำให้นัทกลับมารู้สึกว่าสตูดูคับแคบลงอีก
   “ถ้านายไม่หุบปากล่ะก็นะไบร์ท นายจะได้สลายไปตรงนี้แน่" สากัดฟัน
   “ฮึ ก็มาดูว่าใครจะสลายก่อนกัน" ไบร์ทพูดไม่ทันขาดคำเสียงบอสก็ตะโกนลงมาจากชั้นบนทันที
   “นัท นัทอยู่ไหน" เสียงที่บอกถึงปัญหาใหญ่ทำเอานัทสะดุ้งเฮือก เจ้าตัวรีบจ้ำอ้าวออกไปให้บอสพบทันที "ขึ้นมาพบผมด่วนเลย พวกคุณทั้งสามคนน่ะ"
   เสียงบอสหายเข้าไปพร้อมกับเสียงปิดประตูอันดัง นัทหันมามองพวกเขาที่เหลืออย่างงงๆ พลางเห็นหน้าของไบร์ทที่ยิ้มอย่างมีชัย
   นัท สา และมิกที่เดินตามขึ้นมาห่างๆ สาวเท้าขึ้นไปที่ห้องของบอสด้านบน ชายหนุ่มเปิดประตูเข้าไป เห็นกายกำลังเดินออกมาจากห้องประชุมด้วยหน้าตาที่มีรัสมีอำมหิตรอบตัวไปหมด นัทเห็นดังนั้นก็ตรงรี่ไปหากาย ทั้งคู่หยุดมองหน้ากันพักนึง นัทอยากจะถามอะไรบางอย่าง แต่ทว่าเสียงของผึ้งก็ดังขึ้น
   “เข้าไปหาบอสก่อนนัท” ผึ้งว่า “เดี๋ยวกลับออกมาคุยกับเขาก็ได้”
   กายมองหน้านัทอย่างเย็นชาก่อนจะเดินจากไป ซึ่งนัททำให้นัทรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ชายหนุ่มและเพื่อนอีกสองคนเดินเข้าไปนั่งลงหน้าโต๊ะของบอส ที่นั่งกุมขมับโดยมีผึ้งยืนถือแฟ้มอยู่ข้างๆ
   “มีอะไรเหรอครับบอส” นัทถาม พอดีกับที่บอสโยนแฟ้มเอกสารเล่มหนึ่งลงบนโต๊ะด้วยเสียงอันดัง
   “พวกคุณดูนี่” บอสว่า “เป็นแบบร่างงานของเอเจนซี่โอเมก้า ลองดูสิ”
   นัทหยิบมันขึ้นมาดู และก็พบว่า...นี่มัน...
   “นี่มันไอเดียเรานี่.....นี่มันของเรา” สาแย่งมันไปจากมือนัท และพลิกหน้ากระดาษอย่างเร่งร้อน “ของเรา นี่มัน ของเราทั้งหมดเลยนี่คะ”
   “ใช่” บอสพูด “ผมอยากรู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง”
   “มันเกิดขึ้นได้ยังไง” นัทหันไปมอสากับมิก ตอนนี้มิกได้แต่เงียบและมีสีหน้าที่กังวลอย่างมาก
   “พวกเราไม่ทราบจริงๆค่ะ” สาพูด “มัน..มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ที่...ที่โอเมก้าจะได้ร่างแบบงานไป เราไม่เคยบอกพวกเขา”
   “แล้วพวกคุณดูนี่” บอสชี้ให้สาดูตัวหนังสือในหน้าสุดท้าย "ชื่อดีไซน์เนอร์ตรงนี้"
   สามองตามไป ก่อนจะสะดุ้งเฮือกและมองมาหานัท และส่ายหน้าช้าๆ นัทมองสายตาเธอที่แทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความตกใจ ชายหนุ่มรับมันมาอ่านช้าๆ
   “อัครพนธ์ จุรีรักษ์" นัทอ่านมันช้าๆ "ม...มิก"
   ทั้งคู่หันไปหามิกที่ตอนนี้ได้แต่จ้องแฟ้มนั้นด้วยสายตาแข็งกร้าว สาและนัทรู้ทันที มิกกำลังอยู่ในอาการช็อค แต่ทว่า มันจะเป็นไปได้ยังไง
   “เห็นชัดว่านี่เป็นการเสนอขายงานโดยคุณ" บอสพูด "คุณเอางานไปเสนอขายโอเมก้าใช่ไหมคุณมิก"
   “ไม่จริงหรอกครับบอส" นัทพูด "ตลอดเวลาที่เราทำงาน มิกอยู่กับผมตลอด มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเอางานเราไปเสนอขายคนอื่น"
   “ใช่ค่ะ บอส เราสองคนยืนยันได้" สาพูด
   “ใช่ครับบอส บอสถาม กา...”
   “ว่าไงคุณมิก" บอสไม่สนใจฟังคำพูดของนัทและสาจนจบ แต่หันกลับมามองที่มิกแทน ซึ่งกยังคงจับจ้องอยู่ที่โต๊ะและเงียบสนิทเหมือนเดิม
   “บอกบอสไปสิ ว่าแกอยู่กับฉันตลอด" นัทพูด "บอกสิมิก"
   “แกสองคนเงียบเหอะ" มิกพูดเบาๆ "แกสองคนไม่ได้อยู่กับฉันตลอดซักหน่อย"
   มิกเงยหน้าขึ้นมามองนัทอย่างมีความหมาย นัทกัดฟัน นี่เขาพยายามช่วยมิกอยู่นะ
   “มิก" นัทร้อง
   “มิก นี่คุณขายเราจริงๆเหรอเนี่ย" บอสร้องขณะที่ผึ้งเอามือขึ้นมาปิดปาก
   “แกสองคนออกไปเถอะ" มิกพูดสั้นๆ "บอสครับ ผมอธิบายได้ครับ"
   “มิก!!! นี่แก" นัทลุกขึ้นยืน
   “ฉันบอกให้ออกไปไงเล่า เดี๋ยวฉันคุยกับบอสเอง" มิกพูดเสียงดัง นัทได้ยินเสียงสาสะอื้นเบาๆก่อนจะจ้ำอ้าวออกจากห้องบอส นัทมองหน้ามิกอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินออกจากโต๊ะบอสไปอย่างช้าๆ มิกไม่เพียงแต่จะมองหน้าเขา ไม่มีทาง...เขาไม่มีวันเชื่อเด็ดขาด นัทกัดฟันเดินจากมาอย่างโกรธจัด และจ้ำอ้าวออกจากห้องบอสอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าเขากลับได้ยินคำพูดคำหนึ่งก่อนที่เขาจะปิดประตู เป็นคำพูดจากปากของมิก
   “ผมไม่ได้ทำครับ"
   เมื่อลงมาถึงชั้นล่างสาก็ถลาเข้ามาหาเขาทันที
   “เขาไม่ได้ทำ" สาร้อง "นายก็รู้ เราสองคนรู้ดีอยู่แก่ใจ"
   “มิกก็พูดอย่างนั้น" นัทพูดสั้นๆ ถึงกระนั้นก็เถอะ เขาก็ยังไม่หายโกรธมิก เขาจะทำให้ตัวเองดูน่าสงสัยไปทำไม
   “งั้นเธอสองคนก็พิสูจน์สิ" เสียงของไบร์ทดังข้ามโต๊ะมา "แหม่ แต่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นที่นี่มันก็แย่มากเลยนะ ไม่น่าเลยน้าเพื่อนนายเนี่ย ทำแบบนี้น่ะ มันไม่เป็นมืออาชีพเลยจริงๆ"
   นัทถลาเข้าไปหาไบร์ทอย่างไม่รอช้า อะไรบางอย่างจากไอ้คนคนนี้มันบ่งบอกเขาถึงอะไรบางอย่าง
   “แกจะไปพูดพล่ามยังไงกับบอสก็ได้ไบร์ท" นัทว่าไบร์ททันที ขณะที่สาร้องห้าม และคนอื่นๆในบริษัทเริ่มกรูเข้ามาที่สตู "แต่ถ้าฉันรู้ว่าแกมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ฉันไม่ปล่อยแกแน่"
   “ก็หาหลักฐานสิ" ไบร์ทท้าทาย "เพราะมันก็คงช้าไปแล้วอยู่ดี กว่าแกจะหาหลักฐานมาเาผิดฉันได้ ถ้ามันมีนะ เพื่อนแกก็คงถูกบอสไล่ออกไปแล้ว"
   นัทกระชากคอเสื้อไบร์ททันที สาถลาเข้าห้าม
   “อย่านึกว่าฉันไม่รู้ว่าแกเป็นคนยังไงนะไบร์ท" นัทว่า "ฉันมั่นใจเชียวแหละว่าแกเกี่ยว และถ้าเพื่อนฉันถูกไล่ออก แกก็จะตามไปติดๆ"
   “ระวังหน่อยเจ้าหน้าใหม่" ไบร์ทสะบัดตัวเองออกจากมือของนัท "สูทนี่แพงกว่าปริญญาแก"
   ไบร์ทเดินออกจาโต๊ะของตัวเองแต่ก็พบกับกายที่รอดักอยู่หน้าประตูสตูดิโอ ไบร์ททำสีหน้าท้าทาย
   “ขอทางด้วยครับคุณกายสิทธิ์" ไบร์ทกล่าว กายยิ้มน้อยๆ
   “ถ้าผมเป็นคุณ ผมจะหาวิธีอื่นเพื่อหาทางออกนะ" กายพูด
   “นี่คุณกล่าวหาผมเหรอ" ไบร์ทพูด
   “เปล่าครับ ผมยังไม่ได้ว่าอะไรคุณซักคำ" กายว่า ไบร์ทเงียบสนิททันที "รีบเหรอครับ"
   “ก็ใช่ครับ" ไบร์ทว่า
   “อย่ารีบไปเลยครับ ยังไงผมว่า มันก็หนีไม่พ้นอยู่ดี" กายพูดเรียบๆ ไบร์ทมองหน้ากายเขม็ง
   “คุณพูดอะไรของคุณอ่ะ ไม่สมกับเป็นมืออาชีพเลยนะ หลีกทางให้ผมด้วย" ไบร์ทว่าเสียงดัง กายยิ้มให้อย่างสุภาพก่อนจะปล่อยให้ไบร์ทเดินจากไป
   “นัท นี่นาย" สาว่า
   “ฉันไม่ปล่อยมันไปแน่" นัทพูด "ฉันมั่นใจ"
   ชายหนุ่มมองกายและคนในออฟฟิศที่มองเข้ามาในสตูเป็นสายตาเดียว
   “เธอช่วยออกไปเคลียร์คนพวกนั้นที" นัทพูดอย่างหัวเสีย "ฉันไม่ต้องการให้มคนเอาเรื่องนี้ไปนินทา"
   สาพยักหน้ารับก่อนจะเดินผ่านกายออกจากสตูและลากเหล่าบรรดาคนอยากรู้อยากเห็นในออฟฟิศออกไปให้สตูดิโอมากที่สุด เหลือเพียงนัทกับกายและความเงียบ นัทมองกายอยู่อย่างนั้น
   “เขาไม่ได้ทำนะ" นัทพูดขึ้นหลังจากเงียบไปนาน "ไม่ว่าคุณจะเชื่อยังไงก็ตามแต่เขาอยู่กับผม...ตลอดเวลา...ผมเป็นพยานให้เขาได้"
   “คุณไม่ได้อยู่กับเขาตลอดเวลา" กายพูดเรียบๆ นัทมองหน้ากายเขม็ง
   “นี่คุณไม่...”
   “ผมเชื่อเขานะ" กายพูด "ผมเชื่อเขา...เพราะผมเชื่อใจคุณ"
   นัทเงียบไปอีก
   “คุณหมายความว่ายังไงกันแน่" นัทพูดเสียงเครียด "ผมอยู่กับเขาตลอดเวลา เขาอยู่บ้านเดียวกับผม ตลอดเวลาที่เราทำโปรเจ็คนี้ เราทำงานด้วยกัน"
   “แต่คุณไม่ได้อยู่กับเขาตลอดเวลา คุณอยู่กับผม" กายพูด นัทเงียบสนิท "ถึงคุณจะพูดอย่างนั้นก็จริง แต่หลักฐานมันแก้ต่างตัวคุณไปแล้ว และคุณอาก็รู้ ว่าผมอยู่กับคุณมากกว่า"
   “แต่เขาไม่ได้ทำนะกาย คุณต้องเชื่อผมนะ" นัทร้องออกมาทันที กายเดินเข้ามาจับตัวนัทไว้
   “ผมบอกคุณแล้วไง ว่าผมเชื่อใจคุณ" กายมองตานัทอย่างมีความหมาย "แต่เราพิสูจน์เรื่องนี้ไม่ได้เลย และคุณต้องยอมรับ ว่านี่มันเสียหายมาก กับทั้งคุณ เค้า คุณสา และตัวผมเองด้วย"
   นัทมองหน้ากายทั้งๆที่น้ำตาคลอเบ้า
   “ยังไงผมก็ต้องพิสูจน์ตัวเขาให้ได้" นัทพูด "เขาเป็นเพื่อนผมมานาน ผม...ผมเสียเขาไปไม่ได้"
   “งั้นเราก็ทำอะไรกันซักอย่างเพื่อพิสูจน์ตัวเขา" กายพูดขณะที่เสียงประตูสตูดิโอเปิดขึ้นทันที เป็นมิกนั่นเอง
   มิกมองกายและนัทอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินผ่านทั้งคู่ไป
   “เห้ยมิก" นัทเข้าไปทัก "บอสว่าไง"
   “เขาไม่ได้ไล่ฉันออกหรอก" มิกพูดห้วนๆ นัทยิ้มอย่างเบาใจ "แต่ฉันถูกพักงาน จนกว่าฉันจะหาหลักฐานมายืนยันได้ว่าฉันไม่ได้ทำ"
   “อะไรนะ" นัทร้อง "เห้ย...แล้ว...แล้วแกจะทำไง"
   “ฉันจัดการตัวเองได้หรอก แกไม่ต้องมาห่วงฉันหรอก" มิกว่าเสียงดัง
   “แล้วแกจะไม่ให้ฉันห่วงแกได้ไงวะ" นัทร้องเรียก ขณะที่มิกกำลังเก็บของบนโต๊ะ "แกเป็นเพื่อนฉันนะโว้ย"
   มิกมองหน้านัทอย่างเย็นชา ก่อนจะออกเดิน
   “แล้วนี่แกจะไปไหน" นัทถามอีก
   “กลับบ้าน" มิกตอบ
   “กลับบ้าน แล้วแกไม่หาหลักฐานเหรอวะ แกไม่อยากจะพิสูจน์ตัวเองเองหรือไง" นัทร้อง
   “ฉันทำหรือไม่ทำอะไรแกไม่ต้องมายุ่งหรอก แกอยู่ก่างๆฉันไว้ดีกว่า" มิกว่า "ไปไกลๆเหอะ"
   คำพูดนี้ทำเอานัทนิ่งสนิท ซึ่งตัวมิกเองก็ตกใจกับสิ่งที่เขาเพิ่งได้พูดไปเช่นกัน ทั้งคู่มองหน้ากันอยู่อย่างนั้น ก่อนที่มิกจะก้าวเท้าเดินและหยุดอยู่ที่ๆกายยืนอยู่
   มิกมองหน้ากายอยู่พักหนึ่งอย่างมีความหมายก่อนจะพบกับสาที่ยืนอยู่ที่หน้าประตูสตูดิโอด้วยสีหน้าตกใจ ดูเหมือนว่าเธอก็ได้ยินบทสนทนาเมื่อกี้
   มิกเดินผ่านกายออกไปโดยไ่ม่ล่ำรา นัทมองเพื่อนรักหายลับสายตาไป เขาไม่แน่ใจนักว่าบ้านที่มิกกลับไป จะเป็นบ้านของเขาหรือเปล่า แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขารับรู้ถึงความรู้สึกแปลกๆขณะที่สาเดินตามมิกไป ความรู้สึกที่ว่า เขากำลังสูญเสียเพื่อนคนหนึ่งไปตลอดกาล
….......
   บรรยากาศตอนเย็นของออฟฟิศวันนี้ดูเงียบเหงาอย่างประหลาด หลังจากคนในออฟฟิศออกกันไปหมดแล้ว นัทยังคงนั่งอยู่ในสตู ผึ้งเข้ามาในสตูก่อนเธอจะกลับเพื่อวางแฟ้มงานของโอเมก้าเอาไว้ให้นัทดู เผื่อเขาจะให้มันหาหลักฐานเพื่อให้มิกพ้นผิด ก่อนกลับเธอยังคงเชื่อว่ามิกไม่ได้ทำ แต่ก็นั่นแหละ เธอไม่สามารถออกความเห็นใดๆ บอสหายออกไปจากออฟฟิศตอนไหนก็รู้ เหลือเพียงนัทที่กำลังนั่งเหม่อมองแฟ้มที่ผึ้งเอามาให้ตรงหน้า ตอนนี้หัวของเขามันอื้อตื้อ ทำอะไรไม่ถูก เขาไม่รู้จะต้องเริ่มต้นจากตรงไหน
   เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ สิ่งที่นัทรู้ก็คือบรรยากาศรอบตัวเริ่มมืดลง  มีเพียงแสงไฟจากโคมไฟที่โต๊ะที่เขาเอื้อมมือไปเปิด เมื่อรู้สึกว่าตัวเองนั่งท่าเดิมนานเกินไป เสียงประตูสตูดิโอเปิดออก เป็นสาที่กลับเข้ามา นัทมองเธอแม้ว่าจะยังคงกุมขมับอยู่
   “เขาไปแล้ว" สาว่า "เขาจะไม่กลับมาอีกแล้ว"
   นัทไม่ตกใจนักกับเรื่องนั้น เขากะไว้แล้วว่ามันต้องเป็นอะไรประมาณนี้ เขาทำใจเตรียมไว้แล้ว ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะกัดฟัน สาเดินลากเก้าอี้มานั่งลงข้างๆเขา เงียบกันไปพักนึง เป็นความเงียบที่มีความหมายมากมายเหลือเกิน
   “ฉัน...คิดอะไรไม่ออกเลย" นัทพูดเบาๆ ขณะที่มองแฟ้มนั้น
   “เธอว่าใครเป็นคนทำเรื่องนี้ ไบร์ทเหรอ" สาว่า นัทหันมาหาเธอพลางเงียบสนิท มันก็แค่สันนิษฐาน ไบร์ทพยายามทำตัวเองให้น่าสงสัย ซึ่งมันก็พอๆกับที่มิกทำกับพวกเขาและบอส
   “ฉันก็แค่...รู้สึกมั่นใจ" นัทว่า "เอาจริงๆ ฉันก็ไม่มีอะไรไปกล่าวหาอย่างมันว่า"
   “คุณกายล่ะ" สาถาม นัทสะดุ้งพลางมองไปรอบๆ
   “คงออกไปหาอะไรกินมั้ง...” นัทตอบ "เขายังไม่กลับ ต้องเคลียร์กับลูกค้ากรรมการ"
   สามองนัทอยู่ครู่หนึ่ง แม้ว่านัทจะยังคงมองแฟ้มนั้นอยู่ดี
   “คือ...เอ่อ.....ก่อนมันจะหายไป ฉันได้คุยอะไรกับมันนิดหน่อย" สาค่อยๆพูดอย่างระมัดระวัง"มันเอ่อ....พูดอะไรที่ฉันคิดว่า แกอาจจะอยากฟัง"
   นัทหันมามองสาอย่างเหนื่อยหน่าย
   “อะไรเหรอ" นัทถามเบาๆ
   “อันที่จริงไม่มีอะไรเกี่ยวกับเรื่องหาตัวคนทำ" สาว่า นัทเบือนหน้าหนีอย่างผิดหวัง "มันบอกว่า ที่มันพยายามกันแกออกจากเรื่องนี้ เพราะว่ามันไม่อยากให้แกเดือดร้อน"
   “ทั้งๆที่ฉันเป็นพยานคนเดียวให้มันได้" นัทว่าเสียงดัง
   “ไม่เลย แกเป็นไม่ได้ เพราะแก...ไม่ได้อยู่กับมันตลอดเหมือนที่ผ่านมาอีกแล้ว" สาพูดเบาๆ "ยอมรับเถอะนัท นายช่วยอะไรมันเรื่องนี้ไม่ได้เลย ตลอดเวลา นายอยู่กับ....คุณกาย"
   “แต่ฉันจะไม่ทรยศมัน ฉันเชื่อใจมัน" นัทแย้ง "เราสองคนรู้ดี มันไม่มีทาง....”
   “แค่นั้น มันไม่ได้ช่วยให้มิกพ้นข้อกล่าวหานะ" สาว่า
   “นี่เธอเชื่อจริงๆเหรอว่ามันทำ เธอเชื่อจริงๆเหรอว่าเพื่อนเรา...."  นัทร้อง
   “ฉันไม่ได้จะมาเถียงเรื่องนี้นะนัท ฉันแค่พยายามจะบอกแกว่า ที่มันกันแกออกไป เพราะถ้าเกิดมันพิสูจน์ตัวเองไม่ได้ อย่างน้อย แกก็ไม่ต้องโดนหางเลขเพราะโกหกเพื่อให้มันพ้นผิด" สาอธิบาย "มันจะไม่ยอมให้แกโดนไล่ออกไปพร้อมกับมันหรอก"
   “แต่ฉัน....”
   “นัท....ใช่ว่าบอสจะไม่รู้ว่าแกทำงานอยู่กับคุณกายบ่อยๆ ฉันเองก็ออกไปถ่ายรูปข้างนอก" สาว่า "มันเป็นความผิดของเราเองนะ ที่ปล่อยให้มันอยู่ที่นี่คนเดียวเกือบตลอดเวลา....นึกดูดีดีสิ"
   ความจริงของสาข้อนี้กำลังทำให้นัทเจ็บปวด เขายอมรับไม่ได้หรอก ที่เรื่องนี้มันจะตอกย้ำเรื่องที่เขาไปกับกายบ่อยๆ มันเป็นความผิดเขาเองที่ปล่อยมิกทำงาน ซึ่งเขากับมิกก็ทะเลาะกันประปรายก็เพราะเรื่องนี้
   “แล้วจะให้ฉันทำไง....ปล่อยมันไปเหรอ" นัทพูดอย่างจนปัญญา "ฉันทำไปทั้งหมดก็เพื่อพยายามช่วยมันนะ"
   “แล้วแกไม่คิดเหรอว่าที่มันทำไปทั้งหมด ก็เพื่อช่วยแกเหมือนกัน" สาย้อนกลับ "มันอาจจะคิดล่วงหน้าไว้แล้ว ว่าถ้าเกิดแกเอาตัวเข้ามาเป็นพยานเรื่องนี้ แกก็อาจจะโดนไปด้วย....นัท เรื่องนี้มันไม่ได้จบที่บอสหรือไล่ออกอย่างเดียวนะ มันเสียหายมาก นายต้องอย่าลืม ว่าเราอยู่ท่ามกลางการประกวด ชื่อเสียงตัวนาย คุณกาย ฉัน บอส บริษัท ถ้ามันมาจบตรงที่ทุกคนพยายามปกป้องคนผิด สมาคมนักโฆษณาจะออกมาประนามเรื่องนี้ นี่มันอนาคตการเป็นดีไซน์เนอร์ที่เหลืออยู่ทั้งชีวิตเลยนะนัท"
   นัทตั้งใจฟังความจริงที่อยู่ตรงหน้า กายคงเข้าใจแบบนี้เหมือนกันสินะ ตอนที่พยายามปลอบเขาและทำให้เขาเย็นลงเมื่อบ่ายที่ผ่านมา
   “แต่ที่ฉันทำ มันคือวิธีที่ฉันเลือกเพื่อช่วยมัน" นัทพูด
   “ไม่ใช่เลย นั่นมันเป็นวิธีที่แกใช้เพื่อจะปกปิดทุกคน เรื่องที่แกไปกับคุณกาย" สาพูดเข้าประเด็นที่ถูกต้องที่สุด ประเด็นนี้เองคือสาเหตุที่เขาต้องทะเลาะกับมิก ประเด็นนี้ทำให้เองที่เขาพยายามบอกว่ามิกไม่ได้ทำ ทั้งๆที่ความเป็นจริงมิกอาจจะทำก็ได้ แต่ที่พวกเขาไ่ม่เชื่อกันเช่นนั้นก็เพราะว่าพวกเขาเชื่อใจมิก มันเป็นแค่ความเชื่อใจ ที่พิสูจน์อะไรไม่ได้
   “แล้วเราควรทำยังไง" นัทพูด
   “ก็อย่างที่คุณกายบอก เราต้องหาหลักฐานเพื่อหาตัวคนผิดให้ได้" สาว่า "ไม่ต้องคิดตามมิก มันอาจจะต้องหายไปเงียบๆซักพักเพื่อหาหลักฐานเอง เราช่วยมันได้แค่นี้แหละ แต่ครั้งนี้มันพลาดเอง เธอต้องเข้าใจด้วยว่าครั้งนี้มันก็พลาดที่โดนคนขโมยงานไปนะ"
   “แต่เธอเชื่อใจมิกใช่ไหม" นัทถาม
   “แน่นอนอยู่แล้ว" สาว่า "เราคบกันมากี่ปีแล้วนัท ฉันมีเหตุผลมากมายที่มั่นใจว่ามันจะไม่ทรยศเรา โดยเฉพาะแก"
   นัทสะดุดกับคำพูดบางอย่าง
   “ฉันถามอะไรแกแกจะตอบฉันตามความจริงไหมสา" นัทถาม มันก็คือเรื่องหลายๆเรื่องที่นัทอยากรู้แต่เขาไม่อยากถาม เพราะเขาไม่ได้อยากจะรู้คำตอบขนาดนั้น สายิ้มน้อยๆ
   “ถ้าแกคิดว่าแกรู้แล้ว แกจะถามฉันทำไม" สาว่า นัทอึ้งเล็กน้อยก่อนจะทรุดนั่งลงกับเก้าอี้
   “นี่มัน....จริงๆเหรอ" นัทถามอย่างตกตะลึง
   “แล้วแกคิดว่าไอ้ที่มันดูแลแกมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ย้ายไปอยู่กับแก เอ่อ....รอแกกลับบ้านทุกคืน ทำงานให้แก ช่วยให้แกพ้นผิด มันจะทำไปทำบ้าอะไรล่ะ" สาว่า "ฉันจะบอกอะไรแกข้อนึงนะนัท แกมันดื้อ แกไม่ยอมเชื่ออะไรเลย แกปิดหูปิดตาตัวเอง ขนาดความจริงอยู่ตรงหน้าแก แกยังทำไม่เห็นได้เลย แกเป็นอย่างนี้มาเสมอ"
   นัทถอนหายใจก่อนจะก้มหน้าลง
   “และอีกอย่าง แกอย่านึกว่าฉันไม่รู้อะไรเลยนะนัท ถึงฉันจะไม่ค่อยอยู่ก็เหอะ ฉันมองพวกแกแว้บเดียวฉันก็อ่านออกหมดแล้ว เราสามคนถึงอยู่ด้วยกันมาได้นานถึงขนาดนี้ไง ทำงานด้วยกันดี เพราะพวกเราต่างกันสุดขั้ว แต่เราถอยให้กันตลอด" สาพูด "แกเด่น แกเยี่ยมทุกอย่าง แต่แกก็ไม่เคยรับรู้อะไรง่ายๆ แกไม่เคยยอมรับอะไรเลย แต่แกจะเชื่อใจคนอื่นเสมอ แกพร้อมทำทุกอย่างเพื่อคนอื่น แม้ว่าแกจะไม่ได้ยอมรับเขาก็ตาม...ฉัน ฉันมันก็แรดไปวันๆ แต่ฉันเร็ว ฉันตามเกมส์พวกแกทัน ฉันเข้าใจมิกเข้าใจแก ถึงแม้ว่าแกจะไม่ได้พูดกับฉันซักคำ...แต่มิก มันติสต์แตก มันขี้งอน แต่มันยอมรับฟังคนอื่น มันยอมรับคนอื่นได้ มันยอมรับแกได้ มันถึงได้ชอบแกไง แต่มันจะไม่มีวันพูด เพราะมันเป็นคนไม่พูดไง"
   “แล้วทำไมมันไม่บอกฉัน การไม่พูดมันช่วยให้อะไรดีขึ้นมา" นัทแย้ง "การที่มันไม่พูด ถึงทำให้มันได้รับอย่างที่โดนอยู่นี่ไง"
   “ก็เพราะมันไม่คิดว่า จะมีวันที่แกได้เจอกับคนอื่น" สาพูด "พอคนอื่นเข้ามาในชีวิตแก มันจะพูดหรือไม่พูดมันต่างกันตรงไหน ยังไงมันก็เสียแกไปอยู่ดี"
   นัทอึ้งทันที ส่วนลึกๆในใจเขาที่พยายามไม่ยอมรับก็เพราะว่าคนอื่นคนนั้น...คือ กาย นั่นเอง
   “พอเลยสา...พอเลย เธอกำลังจะเบี่ยงประเด็น เรื่องนี้มันไม่ได้ทำให้มิกพ้นผิด" นัทพูด
   “เห็นไหมล่ะ นายก็จะไม่ยอมรับมันอีก นายทะเลาะกับมิกก่อนจะเกิดเรื่องก็เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เหรอ"สาพูดได้ตรงจุดอีก
   “สา..นี่เธอกำลังจะ"
   “เธอชอบคุณกายสิทธิ์ใช่ไหมล่ะ" สาถามทันที นัทอึ้งกับคำถามนั้น ทั้งคู่มองหน้ากันอยู่อย่างนั้น สาถอนหายใจ "แกไม่ต้องตอบคำถามฉัน....ก็อย่างที่แกบอก...มันนอกประเด็นไปแล้ว"
   นัทหอบหายใจถี่รัวน ราวกับเพิ่งวิ่งมาเป็นระยะทางหลายกิโล ราวกับว่าเขากำลังหนีอะไรบางอย่าง หนีตัวเอง สานั่งลงกับเก้าอี้อีกครั้ง
   “ฉ...ฉันไม่ได้ตั้งใจ..ที่ไปชอบ...” นัทพยายามพูดอะไรบางอย่าง เขาจนมุมแล้ว
   “ฉันไม่มีความเห็นเรื่องนี้" สาพูดตัดบท "มันเรื่องของแกกับมิกที่ต้องไปเคลียร์กันเอง ฉันต้องกลับไปเป็นผู้เฝ้ามองเหมือนเดิม ไม่งั้น เราจะล้ำเส้นกันเอง"
   นัทถอนหายใจอย่างโล่งอก
   “แต่สำหรับฉัน ฉันดีใจ ที่แกแคร์ความรู้สึกมิกมันในวันนี้ ฉันพนันว่ามันก็ดีใจ" สาว่า "แต่สำหรับคุณกายสิทธิ์ ฉันไม่รู้.....ฉันยังไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไง ทุกคนนั่นแหละ"
   และแล้วก็เข้าสู่สภาะความเงียบ นัทและสาไม่ได้พูดอะไรกันอีกนานทีเดียว ล่วงเลยเวลาไปพักหนึ่ง เสียงประตูสตูดิโอเปิดขึ้นอีกครั้ง กายนั่นเอง
   “ดีใจจัง...ที่...ที่พวกคุณยังอยู่” กายพูดเสียงหอบเหนื่อยก่อนจะถลาเข้ามาในห้อง นัทพยายามหลบตาสาเหมือนที่ทำกับมิก แต่สาไม่ได้ใส่ใจเรื่องนัทกับกายขนาดนั้น ยังไงถ้าความสัมพันธ์ของกายและนัทมันไปไกลมากกว่านั้น เธอก็รู้เองได้อยู่ดี ในความเห็นเธอ นี่มันเพิ่งเริ่มต้น
   “มีอะไรเหรอคะ" สาถาม ขณะที่ดูเอกสารที่กายหิ้วมา
   “ผมว่าตอนนี้ มีเค้าแล้วล่ะ ว่าคุณมิกไม่ได้ทำ" กายพูด พลางวางกองกระดาษลงบนโต๊ะ นัทมองดูมันอย่างพินิจ ถ้านี่เป็นควมจริง ความหวังที่เขาจะช่วยมิกมันก็อยู่ไม่ไกลแล้ว
….........

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
บทที่ 7 Trust No.2

   “บัญชีรายได้ของคุณมิก เห็นได้ชัดแล้วว่า เขาไม่รายรับใดใดอีกนอกจากเงินเดือนของที่นี่" เสียงกายกล่าวขึ้นในห้องประชุมบริษัทท่ามกลางคนในออฟฟิศทั้งหมดรวมถึงบอส ในเช้าวันต่อมา
   "ผม คุณนัท และคุณสา ทำโปรเจ็คนี้เสร็จสั่งทำได้เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เป็นไปไม่ได้ที่คุณมิกจะเปิดบัญชีใหม่เพื่อรับเงินจากบริษัทโอเมก้าได้ทันภายในสองวัน" กายเล่าต่อ "ผมได้ให้เพื่อนๆผมที่ทำงานอยู่ที่โอเมก้า ครีเอทีฟแอนด์ดีไซน์ลองตรวจสอบดู กลับพบว่าไม่เคยพบคุณมิกเข้าไปเสนองานที่บริษัทเลย และยังกล่าวอีกว่าพวกเขาได้รับงานที่เป็นของทีมบริษัทเรานี้มาเมื่อตอนเย็นของเมื่อวาน ทางอีเมล์"
   คนในห้องประชุมพยักหน้ารับรู้กับความจริงที่กายเล่าให้ฟัง ขณะที่นัทและสาได้ใช้โสตประสาทที่มีทั้งหมดจับจ้องไปยังไบร์ทที่มีสีหน้าเป็นกังวลตลอดเวลา
   “ซึ่งเวลาเดียวกันนี้ของเมื่อวานทางโอเมก้า ก็ได้ประชุมกันคัดเลือกผลงานเพื่อสั่งทำ ซึ่งได้ผลสรุปเป็นงานที่กล่าวหากันว่าคุณมิกเอาไปเสนอทางนู้นประมาณสิบโมง ทางโอเมก้าจึงส่งอีเมล์กลับมาแจ้งคุณมิกว่าผลงานของเขาได้รับคัดเลือกจากบริษัท ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่แฟ้มถูกส่งมาให้คุณไบร์ทว่าคุณมิกได้ขายงานของเราให้กับทางนู้นพอดี" กายว่าพบางหันหน้าไปมองไบร์ท "ใช่ไหมครับคุณไบร์ท"
   “ใช่...ก็...มันก็ประมาณนั้นแหละ" ไบร์ทตอบทันที
   “และทางโอเมก้ายังบอกมาอีกว่าพวกเขาจะโอนเงินค่าดีไซน์ให้กับคุณมิกในอีกสองวัน แต่เขาปฎิเสธที่จะให้เลขที่บัญชีกับผม ดังนั้น ดีไซน์เนอร์ในวงการเราคนใดก็ตามที่มีเงินไหลเข้าบัญชีวันนี้ คนนั้นคือคนที่จงใจใส่ร้ายคุณมิก และขโมยงานของผมไปขายให้กับบริษัทโอเมก้า "ซึ่งผมก็กำลังให้เพื่อนๆในวงการช่วยๆตามกันอยู่ครับ"
   “แล้วเพื่อนของกายเขาจะไว้ใจกันได้แค่ไหน" บอสถามขึ้น
   “พวกที่ผมให้ช่วยส่วนใหญ่ เป็นฟีแลนต์ครับคุณอา พวกเขาไม่ได้ทำงานให้กับบริษัทไหน" กายว่า "ผมจึงอยากฝากให้พวกคุณระมัดระวังเรื่องบัญชีไว้ด้วย และผมก็ได้บังคับให้คุณมิกระงับการติดต่อกับธนาคารทุกที่ไว้แล้ว เพื่อไม่ให้เขาได้เปิดบัญชีเพื่อรับเงินด้วยวิธีใดๆก็ตาม และเพื่อความบริสุทธิ์ของตัวเขาเอง มีเรื่องจะแจ้งแค่นี้ครับ"
   คนในออฟฟิศต่างลุกหูและส่งเสียงซุบซิบกันอย่างเมามันเมื่อกายบอกเลิกประชุม นัทและสาไม่เห็นไบร์ทอีกหลังจากคนในห้องปนเปกันวุ่ยวาย จึงเหลือเพียงแต่ นัท สา กายและบอสในห้องประชุมเท่านั้น
   “แล้วเรื่องทางกองประกวดล่ะครับคุณอา" กายถามหลังจากหลายๆคนออกไปหมดแล้ว
   “ทางโอเมก้าบอกกับอาว่าลูกค้าของเขายังไม่เห็นงาน" บอสพูด "เขายังพอฟังเราอยู่บ้างและบอกว่าจะให้เวลาเราสามวันในการหาคนผิด ไม่อย่างนั้นเขาก็จะเอางงานนนี้ไปเสนอลูกค้า และคุณมิกก็จะโดนเล่นงานทันที และอาก็จำเป็นต้องไล่เขาออก"
   “เป็นวันหลังจากที่ที่บัญชีได้มีเงินโอนเข้ามาสินะ" นัทพูด
   “งั้นเดี๋ยวผมไปจัดการต่อเองครับ" กายพูดพลางสะกิดให้นัทกับสาเดินออกมาจากห้องของบอสมายังประตูด้านนอก
   “เอาล่ะ ผมทำได้แค่นี้" กายพูดเรียบๆ
   “คุณหมายความว่ายังไงอ่ะ" นัทพูด "นี่คุณจะไม่ช่วยเราแล้วเหรอ เราทีมเดียวกันแล้วนะ ที่เหลือเราก็แค่สั่งไม่ให้ไบร์ทเปิดบัญชีใหม่ แล้วก็รอเวลาให้เงินโอนเข้าบัญชีมัน"
   “เราทำอย่างนั้นไม่ได้" กายพูดแต่นัทกลับหงุดหงิดขึ้นมาอีก
   “ทำไมล่ะคุณ มันเห็นๆกันอยู่แล้ว อีกแค่นิดเดียว" นัทร้อง กายส่ายหน้าช้าๆพลางหันไปหาสา
   “คุณเข้าใจใช่ไหม คุณสา" กายถาม
   “ก็เพราะนั่นจะทำให้ไบร์ทมันว่าเราได้น่ะสิ ว่าเราไปจับตามัน มันจะกล่าวหาเราได้ว่าเราถูกใส่ความ" สาหันมาอธิบายให้นัทฟัง "เราต้องหยุดอยู่แค่นี้"
   “แต่ถ้าทำอย่างนั้น มันก็แค่ไปเปิดบัญชีใหม่ที่ไหนก็ได้ แล้วก็โอนเงินที่ได้มาออกไปที่ไหนซักที่" นัทพูด
   “ข้อมูลธนาคารเราขอไม่ได้จนกว่าเงินจะถูกโอนเข้ามา แล้วเราแจ้งขอดูผ่านการแจ้งความ" กายพูด "เราต้องรอจนกว่าไบร์ทจะได้เงิน เพราะผมไม่อำนาจเข้าไปขออะไรทางโอเมก้าไม่ให้โอนเงิน เพราะแค่นี้ เขาก็ยอมเรามาเยอะพอแล้วในฐานะคู่แข่ง ไม่งั้นเขาคงแจ้งกรรมการไปแล้ว"
   “คุณกายพูดถูกนะนัท"สาพูด "ทางเดียวที่ทำได้ตอนนี้คือกันไม่ให้ไบร์ทไปถึงธนาคาร ในวันพรุ่งนี้"
   “แล้วเราจะไปตามเฝ้ามันได้ยังไงล่ะ" นัทพูด "ถ้าเป็นอย่างที่คุณพูดจริง เราก็ทำได้แต่นั่งอยู่ที่นี่เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันตัวเองว่าเราไม่ได้เข้าข้างมิกแล้วกล่าวหาไบร์ท"
   “ก็ให้คนที่ควรหาหลักฐานทำไง" สาว่า
   กายยิ้มให้กับนัท นี่เป็นปผนที่ยอดเยี่ยมที่สุด นัทยิ้มกว้าง
   “เอาล่ะ คุณสองคนไปบอกคุณมิกนะว่าเขาควรทำอะไร" กายพูด "ผมขอไปพบลูกค้าแล้วบอกเขาว่าของที่สั่งทำมันอาจจะล่าช้าไปหน่อยละกัน"
   “งั้นเดี๋ยวฉันลงไปข้างล่างก่อนนะ อยากจะรู้เหมือนกันว่าไบร์ทมันจะมีปฎิกิริยายังไงเมื่อโดนไปขนาดนี้" สาพูดอย่างมีชัยพลางสาวเท้าลงไปชั้นล่างทันที กายและนัทมองเธอวิ่งจากไป
   “ดูพวกคุณจะมั่นใจว่าเป็นคุณไบร์ทกันน่าดูเลยนะ แต่ก็นะ ตารางการบินการกลับเชียงใหม่บ่งบอกว่าเขากลับมากรุงเทพตั้งแต่คืนก่อนแล้ว และแถมเขาเข้ามาที่นี่คืนที่งานถูกส่งไปที่โอเมก้าโดยอีเมล์ซะด้วย" กายพูด
   “ซึ่งเป็นคืนที่มิกไม่อยู่สตูเพราะเขาไปช่วยงานเจ๊ผึ้ง และผมออกไปกับคุณ" นัทพูดต่อ
   “ยังไงก็ตามผมขอให้คุณใจเย็นนะ ผมไม่อยากให้เรื่องไปถึงตำรวจ แค่ไล่ออกแล้วให้เรื่องจบที่นี่ดีกว่า เพราะอย่างน้อยก็เพื่อชื่อเสียงบริษัทเรา" กายพูด "ไม่งั้นเรื่องการประกวดเราจะเสียคะแนนไปเปล่าๆ"
   “อืม....” นัทรับคำ แม้ว่าเขายังอยากจะให้ไบร์ทได้รับโทษก็ตาม เมื่อคืนหลังจากที่เขา สาและกายสืบหาข้อมูลทั้งตารางการบิน กล้องวงจรปิดของบริษัท ทุกเรื่องที่น่าสงสัย จะมีไบร์ทปรากฎตัวอยู่ที่นั่น ลางสังหรณ์ของนัทมันไม่พลาดจริงๆ ไบร์ทโกหกเรื่องการกลับมาจากเชียงใหม่ แค่นี้มันก็ทำให้เกือบทุกเรื่องกระจ่างแล้ว
   “งั้นผมไปก่อนนะ" กายพูดพลางเดินลงบันได
   “เอ่อ...ผมขอบคุณคุณมากนะ" นัทพูดขึ้น กายถึงกับหยุดและหันกลับมามองด้วยสายตาเจ้าเล่ห์และรอยยิ้ม "อะไรนะ เมื่อกี้..คุณขอบคุณผมเหรอ"
   “ก็...อืม" นัทพูดไม่เต็มปาก
   “ฮะ....นี่คุณรู้ไหม ว่านี่เป็นครั้งที่สองแล้วนะที่คุณขอบคุณผม" กายว่า "และทั้งสองครั้ง คุณก็ชอบพูดตอนที่ผมกำลังจะเดินจากคุณไปทุกทีเลย"
   นัทรู้สึกตกใจ หมอนี่เอาเวลาที่ไหนมานั่งจำเรื่องเหล่านี้กันนะ
   “คุณจะมานั่งจำเรื่องนี้ทำไมเนี่ย" นัทว่า "มันก็แค่...ผมขอบคุณ"
   “เปล่า ผมก็แค่ดีใจ เวลาที่คุณพูดดีดีกับผม แบบออกมาใจจริงๆแบบคำว่าขอบคุณน่ะ" กายพูด "และที่สำคัญ ผมอยากจำทุกๆอย่างที่เกี่ยวกับคุณ"
   กายยิ้มให้นัทครั้งนึงก่อนจะเดินลงบันไดหายไป นัทนิ่งสนิทอยู่ตรงนั้น รู้สึกแปลกใจพิกล หรือว่าหมอนี่จะมีอำนาจกายสิทธิ์จริงๆ เพราะนัทก็รู้สึกแล้วจริงๆ ว่าเขากำลังชอบกาย...สะบัดหัวไล่ความคิดงี่เง่าออกไป....ใครกันจะไปชอบคนอย่างหมอนั่น.....นักขมวดคิ้วและส่ายหัวอย่างหงุดหงิด ก่อนจะสามเท้าลงบันไดและเดินตรงไปที่สตู
   สตูดิโอดูเงียบอย่างประหลาดเมื่อมันเต็มไปด้วยไฟครุกรุ่นที่สานั่งจ้องมองไบร์ทอย่างไม่คาดสายตา ขณะที่เจ้าตัวทำเป็นไม่สนใจ แม้ว่าตัวไบร์ทเองก้มีอาการลุกลี้ลุกลนอยู่ตลอดเวลา นัทเดินไปนั่งลงข้างๆสา
   “เวทย์มนต์พ่อมดแห่งวงการทำเอามันตัวสั่นทีเดียว" สาพูดแม้จะยังไม่วางตาจากไบร์ท "ตั้งแต่กลับมามันยังไม่หยุดใช้คอมเลย คงกำลังลบอีเมล์"
   “อีกไม่นานหรอก เดี๋ยวเธอก็ได้ไม้โปรคืน" นัทว่า "ตอนที่มันต้องเคลียร์โต๊ะเพื่อออกจากที่นี่น่ะ"
   สาคำรามในลำคอก่อนจะกันมาหานัท
   “เราต้องบอกให้มิกตามเฝ้าไบร์ทหลังจากเลิกงาน เขาเป็นคนเดียวที่มีสิทธิ์ทำได้" สาพูด "เขามีสิทธิ์ที่จะสงสัยไบร์ท และตามเขาเพื่อหาหลักฐานและถ้ามันบริสุทธิ์ใจ มันก็ต้องเต็มใจให้มิกตามตรวจสอบ เพราะบอสให้มิกพักงานเพื่อไปหาหลักฐานให้ตัวเอง"
   “อืม...นั่นเป็นความคิดที่ดี" นัทว่า
   “นี่ไม่ใช่ความคิดที่ดีนะ แต่มันเป็นเรื่องที่ต้องทำ" สาพูด "ทุกอย่างที่เราหาได้ ฟ้องว่าไบร์ททำอยู่แล้ว สิ่งที่จะทำให้มันถูกไล่ออกคือเงินที่ถูกโอนเข้าบัญชีของมัน แต่มันจะไม่ได้อะไรเลย ถ้ามันสามารถทำให้เงินนั้นหายไป ทางเดียวก็คือ เฝ้ามัน ไม่ให้มันไปธนาคาร ซึ่งมิกต้องทำหน้าที่นี้"
   “ก็เข้าใจแล้ว นี่รอบที่สอแล้วนะที่เธอย้ำเรื่องนี้กับฉันน่ะ" นัทว่า
   “แต่ปัญหาคือ....”ถึงประโยคนี้สาได้แต่ถอนหายใจอย่างเศร้าสร้อย "มันไม่มีแรงจะออกไปไหนแล้ว และฉันก็ไม่รู้ว่ามันอยู่ไหน"
   นัทรู้สึกเศร้าใจกับเรื่องนั้น เป็นอย่างที่เขาคาด มิกไม่ได้นอนที่บ้านเขาเมื่อคืนนี้ นั่นทำให้เขารู้สึกเหงาอย่างประหลาดเมื่อในบ้านไม่มีเพื่อนคุย
   “แล้วยังไง" นัทพูด "ฉันก็ไม่...”
   “ฉันว่านายรู้นายเคยอยู่กับเขามาตลอด อย่างน้อยก็ก่อนที่เอ่อ....” สาพยายามจะไม่พูดถึงเรื่องกายอีก "มิกต้องตามเฝ้าไบร์ททันทีหลังเลิกงานวันนี้ นายไปพูดกับมิกได้ไหม"
   “ฉันเหรอ" นัทร้อง
   “แกไม่อยากเคลียร์กับมันอีกซักครั้งเหรอ" สาถาม "อย่างน้อยก็บอกมันไปว่าแกรู้สึกยังไง เปิดใจน่ะ"
   นัทเงียบสนิท
   “นี่เป็นโอกาสสุดท้ายแล้วนะ ถ้าพลาดล่ะก็ เราสองคนอาจจะไม่ได้เจอมิกอีกเลยนะ" สาพูด "มันจะมีค่าต่างกันมาก ถ้านายไป"
   นัทเข้าใจเรื่องนั้นดี แต่ทว่าเขาจะไปตามทิกได้ที่ไหนล่ะ...หรือว่า
   “งั้นฉันจะลองดูละกัน" นัทพูด
   “ถ้านายอยากช่วยมัน นายต้องทำสำเร็จ" สาพูด นัทยิ้มก่อนจะเริ่มเก็บของเตรียมตัวออกเดินทาง "และถ้ามันรักแกจริง มันจะกลับมา"
   นัทยิ้มให้กับคำพูดของสาคำนั้น มันยังมีอีกหลายเรื่องที่เขาต้องตัดสินใจให้เด็ดขาด อย่างน้อยเรื่องนี้ก็เรื่องหนึ่ง
….....
   “แล้วคุณแน่ใจเหรอ ว่าเขาอยูที่นี่" กายถามขึ้น ขณะที่จอดรถนิ่งสนิทอยู่ที่หน้าบ้านเล็กๆริมน้ำแถวๆย่านเจริญกรุง นัทหันมาพยักหน้าช้าๆ
   “นี่เป็นบ้านเก่าของมิก" นัทตอบ "เขาจะกลับมาเยี่ยมมันทุกเสาร์อาทิตย์ต้นเดือน มาไหว้กระดูกพ่อและแม่ของเขา"
   นัทใช้เวลาเกือบทั้งครึ่งหนึ่งของวันในการเคลียร์งานทั้งหมดเพื่อหาเวลาปลีกตัวออกมาจากบริษัทเพื่อไม่ให้ใครสังเกตุเห็น ซึ่งสาขู่ว่าจะฆ่าเขาหากเขาไม่กลับไปพร้อมคำตอบที่เหมาะสม เพราะเธอปฎิเสธที่จะนั่งเฝ้าไบร์ททั้งวันโดยปราศจากเหตุผล และแน่นอนว่าหากพ้นช่วงเย็นเป็นต้นไป ไบร์ทจะต้องรีบแจ้นไปธนาคารแน่นอน ซึ่งสาจะไม่เหนี่ยวรั้งไว้ด้วยประการทั้งปวง อย่างที่เธอยืนยันมันเป็นหน้าที่ของมิก
   ระหว่างที่นัทก้าวลงจากรถ เขาคิดว่าต้องขอบคุณกายเป็นอย่างมากที่ทำให้อะไรๆเรื่องนี้ง่ายขึ้นกว่าที่เป็น อย่างน้อยเขาก็พอจะหาลู่ทางที่พอจะเป็นทางออกของเรื่องนี้ การตามหามิกก็เรื่องหนึ่ง ชายหนุ่มเปิดประตูไม้เก่าๆเข้าไปด้านใน แสงสว่างจากแม่น้ำที่สะท้อนแสงแดดส่องจ้าเข้ามาในตัวบ้าน เผยให้เห็นชายหนุ่มอีกคนนั่งอยู่ริมน้ำ นัทถอนหายใจครั้งหนึ่งก่อนจะเดินไปนั่งลงข้างๆ
   “จับตัวได้แล้ว" นัทพูดติดตลกแต่ทว่าได้รับเพียงความเงียบกลับใบหน้สเฉยชากลับมาจากมิก "กะแล้วว่าแกต้องอยู่นี่....”
   มิกหันมามองนัทพักนึง นัทยิ้มให้เล็กน้อยแต่ก่อนที่เขาจะรู้สึกตัวอะไรมิกก็ดึงเขาเข้าไปกอดทันที
   “ม...มิก"
   “แกไม่มีวันเข้าใจอะไร" มิกพูดเบาๆ "แกไม่เคยเข้าใจอะไรเลย"
   นัทเงียบไปพักนึง กายเห็นภาพตรงหน้ามองนัทและมิกอยู่พักนึง ก่อนจะหันหลังเดินกลับออกไปอย่างสุภาพ
   “ไอ้เข้าใจน่ะเข้าใจ" นัทค่อยๆพูด "แต่การยอมรับมันอีกเรื่องนึง"
   “ฉันไม่ได้ทำ" มิกพูด "ไม่ว่าแกจะเชื่อยังไง แต่ฉันไม่ได้ทำ ที่ฉันพูดทั้งหมดนั่นก็เพื่อ...”
   “ฉันรู้แล้ว" นัทตอบ "แต่แกจะปล่อยฉันก่อนได้ป่ะ ฉันหายใจไม่ออก"
   มิกค่อยๆผละออกจากนัทช้าๆ ก่อนจะมองหน้าเพื่อนรักตรงหน้า พลางคิดว่ามันงี่เง่าสิ้นดีเรื่องเพื่อนรักรักเพื่อนนี่ มิกได้แต่อมยิ้มพลางเกาหัวเขินๆ
   “ฉันก็แค่เป็นห่วงแก" มิกว่า "มันเป็นความผิดของฉันเองแหละที่สะเพร่า ถึงโดนเอาได้"
   “ปัญหาตอนนี้คือเอาตัวคนผิดให้ได้" นัทพูด "เมื่อคืน ฉันกับสาหาหลักฐานมาได้จำนวนนึง มันชี้ว่าไอ้ไบร์ทอยู่หลังเรื่องเรื่องนี้ แต่ฉันกับสา ไม่มีอำนาจพอจะไปตามตัวมันตลอดยี่สิบสี่ ในเมื่อแกขอออกมาพิสูจน์ตัวเอง แกก็น่าจะตามตัวมันตลอด ไม่งั้นเงินค่าจ้าง มันจะเข้าบัญชีแกเอาได้ง่ายๆ"
   มิกยังคงมองหน้านัทอยู่
   “แล้วคุณกาย เค้าก็พยายามบอกทางกองประกวดไปแล้ว เรายังพอมีเวลา.....” นัทพูด "นี่แกยังฟังฉันอยู่หรือเปล่า"
   “นัท ฉันรักแกว่ะ"
   และแล้วก็เข้าสู่ความเงียบ นัทคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าเขาต้องเจอกับอะไรประมาณนี้ แต่เขาก็ไม่คิดว่ามิกจะพูดมันออกมา
   “เอ่อ....คือฉันว่า"
   “ฉัน...ฉันเอ่อ....รู้ว่ามันไม่จำเป็นอะไรเลยกับเรื่องนี้แต่เอ่อ.....ฉันแค่อยากให้แกรู้"มิกพูด "ฉันรู้ว่าแกคงไม่มาชอบคนอย่างฉันหรอก แต่ฉันเองก็แค่หวังเอาไว้ ว่า เราจะเป็นอย่างที่เป็นมาตลอดอย่างนี้ต่อไป แต่ที่ฉันต้องพูดเพราะว่า...เค้า....เขามาในชีวิตแกและแกอาจจะเปลี่ยนไป ฉันก็เลย.....”
   นัทคิดว่าเขาต้องจัดการอะไรบางอย่าง ไม่อย่างนั้นมันจะยิ่งแย่เข้าไปใหญ่
   “อืม"
   “แล้วแกว่าไงอ่ะ" มิกถามต่อ
   นัทยิ้มน้อยๆ
   “ไปตามไอ้ไบร์ท แล้วเราจะกลับมาคุยเรื่องนี้" นัทตอบ เป็นทางเดียวที่เขาต้องสงบอารมร์มิกตรงนี้เอาไว้ก่อน ไม่อย่างนั้น เรื่องนี้คงยาว "ฉันพูดได้แค่ว่า ฉันกับสารอแกกลับไป เพื่อพิสูจน์ตัวเอง ส่วนเรื่องนี้.....”
   เงียบกันไปพักนึง
   “...ฉันไม่รู้ว่ะ" นัทตอบ มันเป็นความรู้สึกจากใจเขาจริงๆ ความรู้สึกที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับกายเลย มิกก้มหน้าลง "ใช่...ดีใจ...และที่จริงก็รู้มานานแล้วแหละ ว่าแกเอ่อ....รู้ดีดีกับฉัน....และก็ซึ้งมากที่แกปกปป้องฉันออกจากเรื่องนี้ แต่ฉันไม่รู้....ฉันไม่แน่ใจกับเรื่องนี้.....ฉันเอ่อ....ฉันไม่รู้จริงๆ"
   มิกเงียบลง
   “แต่มิก.....ไม่ว่าฉันจะตัดสินใจยังไง แกก็พร้อมรับฟังฉันเสมอไม่ใช่เหรอเหมือนทุกครั้ง และครั้งนี้ สิ่งที่ฉันขอก็คือ ให้แกกลับไปพิสูจน์ตัวเอง ลากตัวไอ้ไบร์ทมันมารับผิด....” นัทว่า "สิ่งที่คำคัญมันไม่ได้อยู่ที่ว่าฉันตกลงหรือเปล่า แต่มันอยู่ที่ตอนนี้ ฉันอบากให้แกกลับมาอยู่กับพวกเรา เหมือนเดิม แกเข้าใจฉันนะ"
   มิกเงยหน้าขึ้น
   “เพราะเขาสินะ" มิกว่า นัทถอนหายใจ มิกไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด "แต่ก็โอเค"
   นัทจ้องมิกตาถลน
   “ไชโย ให้ได้อย่างนี้สิมิก" นัทร้องก่อนจะกอดมิกอีกครั้ง มิกยิ้มน้อยขณะที่อยู่อ้อมกอดของคนรัก ยังไงเขาก็คงไม่ชนะเกมส์นี้หรอก แต่ยังไงวันนึงนัทก็ต้อเลือกบางอย่างและเสียบางอย่าง ซึ่งตัวเขาไม่แน่ใจนัก ว่าเขาพร้อมกับวันนั้นหรือเปล่า
….......

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
บทที่ 8 คำถาม
   
   ไบร์ทรู้ตัวว่าเขากำลังทำให้ตัวเองลำบาก แต่มันก็ช่วยไม่ได้ ถ้าเขาจะจัดการ Lovable นรกที่ไม่เคยให้อะไรเขาเลยนอกจากงานและคำด่า เรื่องนี้มันก็สาสมอยู่แล้ว และเจ้าเด็กใหม่ที่กวนประสาท ทำตัวอาร์ทเกินไปนั่นก็เหมาะสมดีอยู่แล้ว ที่เขาจะดึงเข้ามาใช้ในแผนนี้ เขาอยากจะจัดการเจ้านัทด้วย แต่เขาเคยทำไปแล้ว การเล่นเจ้านั่นรอบสองอาจดูเป็นการเจาะจงเกินไป แต่เจ้ากายสิทธิ์นั่นกำลังทำให้เขาก้นลุกเป็นไฟ มันอ่านเขาออกหมด และดูเหมือนมันจะเข้าข้างเจ้าเด็กใหม่นั่นจนเกินเหตุ เงินกำลังจะหมุนเข้าบัญชีของเขาวันพรุ่งนี้ เขาต้องจัดการอะไรซักอย่างก่อนที่เรื่องจะแดง
   ไบร์ทเดินตรงรี่ออกจากบริษัททันทีที่เลิกงาน ถึงแม้ว่ายัยสาจอมจุ้นจ้านจะพยายามใช้เขาตัดรูปบ้าบอนั่นจนเลยเวลามามาก แต่มันก็ยังพอทันจนกว่าธนาคารจะปิด และนี่ก็เป็นปลายเดือน คนคงเยอะ แต่ก็คงไม่มาก เพราะเขาจะไม่ยอมให้พลาดแม้แต่นาทีเดียว
   “มาธนาคารเหมือนกันเหรอครับ คุณไบร์ท" เสียงของกายดังขึ้นที่หน้าทางขึ้นธนาคาร ไบร์ทสะดุ้งเฮือก พลางหันไปมองอย่างหัวเสีย
   “นี่คุณสะกดรอยผมเหรอ" ไบร์ทคำราม
   “อะไรกันคุณ ผมก็แค่มากดเงิน" กายสิทธิ์พูด
   “คุณอย่ามาโกหกผมดีกว่าคุณกาย ทำแบบนี้น่ะ มันไม่เป็นมืออาชีพเลยนะ ผมไม่ได้ทำอะไรผิด และคุณก้ไม่มีสิทธิ์มาสงสัยผม"
   “ผมยังไม่ได้สงสัยอะไรคุณเลยนะคุณไบร์ท ผมก็แค่มากดเงิน พอดีบัตรเอทีเอ็มผมหาย ผมก็เลยต้องถอนมือ" กายว่า "คุณระแวงอะไรเหรอ"
   “ผมไม่รู้นะว่าคุณกับเจ้านัทกำลังเล่นเกมส์อะไรกันกับผม" ไบร์ทพูออย่างเหลืออด "แต่ผมไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกคุณไม่มีสิทธิ์มาตามผมแจอย่างนี้"
   “แล้วถ้าเป็นฉันล่ะ พอจะตามแกได้ไหม" เสียงของชายหนุ่มที่ไบร์ทคิดว่าเอาชนะได้แน่ๆ ดังลอยมาจากอีกด้าน มิกนั่นเอง
   “นี่แก.....” ไบร์ทอึ้งเล็กน้อย "อ้อ....ทำไม หาหลักฐานมาเอาผิดฉันได้รึไง"
   “แน่อยู่แล้ว" มิกชูกระดาษปึกนึงขึ้น "นี่เป็นตารางการเดินทางกลับจากเชียงใหม่ของนาย นายกลับมาก่อนกำหนดตั้งวันนึงนี่ ใช่มะ แกกลับมาเอาวันที่ฉันต้องทำงานให้เจ๊ผึ้ง และแกก้เอางานของฉันไป ตอนที่ไม่มีใครอยู่ที่สตู"
   “แกเอาอะไรมาพูด ฉันเพิ่งกลับมาวันที่พวกที่แกเอางานไปขายมาบอกว่าแกน่ะทรยศพวกเราต่างหาก" ไบร์ทว่า แต่มิกเดินเข้ามากระชากคอเสื้อไบร์ททันที
   “นายจะพล่ามยังไงก็ได้นะไบร์ท แต่ฉันมีวีดีโอกล้องวงจรปิดของคืนวันที่แกเข้ามาบริษัท ยังไม่รวมคำให้การของเอเจนซี่นู้นว่าแกใช้อีเมล์อะไรส่งงานไปให้เขา" มิกคำราม ถึงตรงนี้ไบร์ทเงียบสนิท "แล้วแกมาที่นี่ทำไมล่ะ มาเอาเงินออกจากบัญชีที่แกบอกพวกเขาไปใช่ไหมล่ะ มันไม่มีเงินก้อนนั้นแล้ว เสียใจด้วยนะ เพราะฉันในฐานะคนที่แกแอบอ้างชื่อ บอกสละสิทธิ์กับทางนู้นไปแล้ว"
   ไบร์ทมองมิกตาโตอย่างโกรธแค้น แต่ก็ชักสีหน้ากลับ
   “แล้วแกมาบอกฉันทำไม นึกเหรอว่าคนอื่นๆเค้าจะเชื่อในสิ่งที่แกพูด" ไบร์ทพูด
   “ฉันเชื่อ" นัทพูดดังมาจากอีกด้าน ไบร์ทหันไปมองอย่างตกตะลึง
   “ถ้าพรุ่งนี้ เรื่องไม่จบอย่างที่ฉันพอใจ" มิกว่า "หลักฐานทุกชิ้น จะถูกส่งไปที่สมาคมผู้ประกอบการโฆษณา อนาคตทางอาชีพของแก ไม่สวยแน่"
   “นี่แก.....” ไบร์ทคำราม "แกอย่าคิดว่าแกจะชนะฉันได้นะ ฉันทำงานมาก่อนแก กระดูกคนละพ.ศ.”
   “แต่ฉันมีสิ่งหนึ่งที่แกไม่มี" มิกพูดพลางยิ้ม "เพื่อนไง"
   ไบร์ทกัดฟันก่อนจะมองไปรอบๆ ก่อนจะสะบัดตัวเดินออกจากธนาคาร
   “ถ้าผมเป็นคุณนะคุณกายสิทธิ์ ผมจะคบค้ากับคนที่เหมาะสมกับที่ทั้งวงการให้ความเชื่อถือคุณ" ไบร์ทว่า
   “ไม่เป็นไรครับ" กายว่า "ผมว่าตอนนี้ผมรู้แล้ว...ว่าคนบางคนในวงการ เป็นยังไง"
   มิก นัทและกายมองไบร์ทเดินจากไปอย่างเงียบๆ นี่เป็นการให้โอกาศไบร์ทมากพอตัว ใิกยังมีความเมตตาอยู่มากในฐานะคนที่ทำงานมาก่อน แต่ถ้าพรุ่งนี้ เรื่องไม่จบ เขาก็คงต้องจัดการขั้นเด็ดขาดกับไบร์ทเหมือนกัน
….....
   “จริงอ่ะ" สาพูดขึ้นในร้านหมูกระทะเย็นวันนั้น หลังจากนั่งฟังมิกเล่าเรื่องที่เขา นัท และกายปะทะเดือดกับไบร์ทที่หน้าธนาคาร เธอทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดีมาก เพราะเป็นเวลาครึ่งชั่วโมงที่นัทและมิกเล่า เธอจะฟังอย่างตั้งใจและส่งเสียงดังเมื่อถึงเวลาจำเป็น
   นัทนัั่งมองมิก สาและมาร์คนั่งคุยกันอย่างปกติที่สุด สองสามวันมานี่เขามัวแต่เครียดเรื่องมิกมาจนไม่คิดว่าจะได้เห็นภาพนี้อีก แต่ยังไงก็ตาม เขาก็ดีใจมากๆที่ภาพนี้กลับมาให้เขาเห็นอีกครั้ง อย่างน้อย ไบร์ท จะต้องจัดการเรื่องต่างๆให้เรียบร้อยก่อนเรื่องจะไปถึงสมาคมผู้ประกอบการโฆษณา มิกจะต้องรอดพ้นเรื่องนี้ และเขาก็เชื่อมั่นว่า มิกจะต้องรอดพ้นเรื่องนี้จริงๆ
   เป็นเวลากว่าสองชั่วโมงกว่างานเลี้ยงจะเลิกรา มาร์คและสาเอาเจ้าเต่าทองไปตามเคย ขณะที่มิกและนัท พ่วงด้วยกาย เดินกลับเข้าไปในซอยเพื่อเข้าบ้าน กายจอดรถไว้ที่บ้านของนัทนั่นเอง
   “เอ่อ...ผมต้องขอบคุณคุณมากนะ ที่จัดการเรื่องต่างๆให้ผม" มิกหันมาพูดกับกายทันทีที่มาถึงหน้าบ้าน นัทหันไปมองทั้งคู่ทันที
   “ไม่เป็นไรหรอก ยังไง ผมก็ไม่ยอมให้ทีม ต้องเสียคุณไปหรอกครับ" กายพูดพลางยิ้มกว้างให้มิก "ยังไงก็ดีใจด้วยนะครับ ที่อย่างน้อย คุณก็กลับมาสู้กับความจริง"
   มิกยิ้มให้กายอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันมาหานัท
   “เดี๋ยวฉันเข้าไปเก็บของก่อนนะ เอาเสื้อผ้ามาจากที่บ้านน่ะ" มิกพูดเป็นนัยๆ ก่อนจะเดินหายเข้าไปในบ้าน กายยิ้มให้นัทแว้บนึงก่อนจะหันหลังเดินกลับ
   “เอ่อ....เดี๋ยวคุณ" นัทร้องเรียกกายไว้ ชายหนุ่มหันหลังกลับมายิ้มให้น้อยๆ
   “มีอะไรเหรอคุณ" กายถาม
   “เอ่อ...คือ...ผมยังไม่ได้ขอบคุณคุณเลยอ่ะ...ที่ ช่วยจัดการเรื่องมิกให้" นัทพูดพลางยิ้มกว้างให้กาย แต่ก็รู้สึกแปลกใจ ที่ไม่เห็นรอยยิ้มกวนๆส่งให้กลับมา "ยังไงก็ขอบคุณคุณมากนะ"
   “ไม่เป็นไร ผมเองก็ดีใจ ที่เห็นคุณยิ้มได้ พอคุณมิกเค้ากลับมา" กายพูดเรียบๆ ก่อนจะหันหลังกลับ นัทรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่แปลกๆ
   “เอ่อ...คุณ" นัทร้องเรียกไว้อีก กายหันหลังกลับมา
   “มีอะไรครับ" กายถามอีก แต่คราวนี้นัทกลับรู้สึกว่าเขาไม่มีอะไรจะพูด เขาแค่อยากให้กายยังไ่ม่กลับไปก็เท่านั้น ชายหนุ่มอ้าปากค้างแต่ก็มีเพียงลมแผ่วเบาผ่านออกาเท่านั้น
   “กลับดีดี...”
   กายมองหน้านัทและเลิกคิ้ว ก่อนจะยิ้มกว้าง
   “คุณไปดูแลเค้าเถอะ ผมว่า เค้าคงอยากให้คุณดูแลเค้า" กายพูด นัทหุบปากลงทันที พลางมองกายอย่างพินิจ กายยิ้มกว้างให้นัทก่อนจะเดินจากไป นัทมองกายหยลับไปอย่างไม่เข้าใจอะไรนัก
…...
   สิ่งที่ชัดเจนในวันรุ่งขึ้นนั้น ทำให้ นัท สา และมิก รู้สึกประหลาดใจมาก บอสเรียกทั้งสามไปประชุมแต่เช้า เพื่อบอกว่า ทางโอเมก้ายกเลิกไอเดียที่เป็นตัวปัญหานี้ทั้งหมด โดยอ้างว่าคนที่อ้างชื่อมิกเอางานไปเสนอ ได้อีเมล์มาขอยกเลิกการรับเงินจากบริษัท ฉะนั้น ไอเดียที่เกิดการซ้ำกันก็ถือเป็นการโมฆะ และเรื่องก็ไม่ถึงคณะกรรมการการประกวด B.A.D Award นั่นทำให้ทั้งสามออกมาจากห้องประชุมอย่างอึ้งงึงงันและแทบจะกระโดดกอดคอกันทีเดียว ในขณะที่ไบร์ทก็ไม่เข้าออฟฟิศโดยอ้างว่ามีงานด่วนเข้ามาต้องไปพบลูกค้า แต่นเมื่อไบร์ทยอมจบ พวกเขาทั้งสามก็จะไม่ไปต่อวามยาวสาวความยืด แม้ว่าครั้งนี้ไบร์ทจะเล่นแรงมากก็ตาม
   นัทและมิก มองหน้ากันไม่ค่อนติดนัก ถึงแม้ว่า มิกจะกลับมาอยู่บ้านเดียวกับนัทแล้ว แต่ทั้งสอก้ไม่พูดอะไรกันเลยนอกจาก "พรุ่งนี้จะกินอะไร" หรือ "งานเสร็จหรือยัง" สาเองก็อยากจะจัดการเรื่องนี้ให้มันเสร็จๆไป แต่ก็อย่างที่มันเป็น มันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมากเกินกว่าเธอจะทำอะไรอย่างด่วนสรุป
   แต่สิ่งที่กวนใจนัทมันไม่ใช่อาการของมิก แต่มันเป็นอาการของกายมากกว่า กายพูดกับเขาน้อยลง ซึ่งมันไม่ใช่เพราะเทพทำงานเข้าสิงแน่ๆ มันแปลกไปกว่านั้น และมันยิ่งทำให้นัทอยากรู้มากขึ้นไปอีก
   “ถ้าอย่างนั้น เราจะไม่ต้องทำอะไรจนกว่า งานทุกอย่างจะตีพิมพ์เสร็จสินะ" นัทถามกายในห้องของบอส "ถ้าอย่างนั้น คุณจะว่าอะไรไหม ถ้าผม สากับมิก จะไปเที่ยวพัทยากันซักสองสามวัน"
   “อ้อ....อืม...ได้สิ" กายพูดพลางยิ้มให้น้อยๆ "ยังไงดีใจด้วยนะ ที่คุณได้คุณมิกเค้ากลับมาน่ะ"
   “อ๋อ...ครับ ขอบคุณ ยังไง คุณก็ช่วยเราไว้เยอะถ้ายังไงคุณว่าง คุณเอ่อ...จะไปกับเราด้วยก็ได้นะครับ" นัทว่า "พวกผมจะออกเดินทางกันคืนวันศุกร์นี้"
   “อืม เอาไว้ เดี๋ยวผมบอกก็แล้วกัน"  กายพูดพลางก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ นัทมองกายอยู่อย่างนั้น พลางคิดว่า หมอนี่เป็นอะไรกัน ถึงไม่กวนประสาทอะไรเขาอีกแล้ว พ่อมดเวทย์มนต์หมดหรือยังไง
   “มีอะไรอีกหรือเปล่า" กายถามขึ้นเมื่อนัทจ้องเขานานเกินไป ชายหนุ่มตกใจเล็กน้อยก่อนจะยิ้มแหยๆ
   “คือ...เอ่อ...พักนี้คุณเอ่อ....ดูเงียบๆไปนะ เป็นอะไรหรือเปล่า" นัทถามขึ้น พลางรู้สึกตกใจตัวเองที่ไม่น่าถามอะไรออกไปเลย
   “เปล่า ก็...ผมเห็นคุณยังดีใจกับเรื่องคุณมิกก็เลยไม่อยากไปวุ่นวายอะไรกับชีวิตคุณน่ะ" กายพูดเบาๆ นัทขมวดคิ้ว พลางคิดว่าหมอนี่ประสาทแน่ๆ เพราะกายไม่เคยแคร์หรอกว่าเขาจะดีใจหรือเสียใจกับอะไร กายก็ยังมายุ่งกับชีวิตเขาอยู่ดี
   “เหรอครับ" นัทว่า แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าเหมือนมันจะขาดอะไรไป พอหมอนี่เงียบๆ เขาก็รู้สึกไม่สบายใจทุกที "ยังไงผมก็พร้อมทำงานกบคุณเสมอนะ มีอะไรก็บอกผมได้เลยตรงๆ"
   ถึงประโยคนี้ กายเงยหน้าขึ้นมองนัทอย่างพินิจ
   “เอาไว้ผมแน่ใจตัวเองก่อน แล้วผมจะบอกคุณ" กายพูดขึ้น นัทอึ้งเล็กน้อย "คือ...ผมหมายถึง เรื่องที่ผมจะบอกคุณน่ะ"
   “อ้อ...ครับ" นัทว่าพลางเกิดอาการเหว๋ออย่างรุนแรงอีก ชายหนุ่มหมุนตัวเล็กน้อยก่อนจะเดินออกจากห้อง
   “เดี๋ยวก่อนนัท" กายร้องเรียกนัทเอาไว้ ชายหนุ่มหันกลับมา
   “ครับ" นัทเลิกคิ้ว
   “เรื่องไปพัทยาน่ะ ผมตกลงนะ" กายพูด นัทใจโลดขึ้นอย่างแปลกประหลาด ถ้าหมอนี่กล้าร้องตามก็แสดงว่ายังปกติ
   “อ้อ...ครับ...งั้น เจอกันที่บ้านผมตอนสี่โมงเย็นนะครับ" นัทว่าก่อนจะเปิดประตูออกจากห้องทำงาน
   ระหว่างกลับไปที่สตูดิโอ นัทก็คิดถึงอาการของกาย พลางคิดว่าหมอนี่คงประสาทหรืออะไรซักอย่าง เพราะเขาไม่เชื่อแน่นอนว่าหมอนี่จะมาแคร์อะไรความรู้สึกเขา แต่ถ้าอยากแค่กวนประสาทเขาล่ะก็ไม่แน่ แต่ความจริงก็คือ เขารู้สึกชอบกายก็เพราะหมอนี่มักจะเริ่มต้นทำให้เขาหงุุดหงิด และลงเอยด้วยการทำให้เขายิ้มได้ มันมีไม่กี่คนนักที่เปลี่ยนอารมณ์หงุดหงิดของเขาได้ และแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นไม่ใช่ไบร์ท
   “ว่าไง เขาจะไปกับเราไหม" เสียงสาดังขึ้นทันที เมื่อนัทโผล่หน้ากลับเข้าไปในสตูดิโอ นัทมองหน้าเพื่อนสาวก่อนจะยิ้มกว้าง
   “ไป...” นัทว่า ก่อนเสียงแหลมเล็กจะส่งเสียงลั่น
   “ให้มันได้อย่างนี้สิ สมแล้วที่แกเป็นคนชวน" สาพูด แต่ประโยคนี้ทำเอาคนสองคนสะดุ้งเฮือก ซึ่งก็คือนัทกับมิกนั่นเอง
   “จริงๆแล้ว ไม่เห็นจะต้องฉลองอะไรกันมากมายเลยสา" มิกว่าพลางเก็บข้างของเตรียมตัวกลับบ้าน
   “แหม มิก ฉันว่ามันน่าฉลองออก ตั้งแต่งานเราผ่าน แล้วก็เกิดเรื่อง เราก็ผ่านมนมาได้ด้วยดี ทีมเราน่าจะไปผ่อนคลายซักนิดนะ อย่างน้อยก็เป็นการไปหา Inspiration ฉันเองก็อยากไปถ่ายรูป" สาว่า "แล้วแกกลับมาทั้งที มันก็น่าฉลอง"
   “มันจะน่าฉลองกว่านี้ ถ้ามีคนออกไปน่ะ" มิกว่าก่อนจะลุกขึ้น ทั้งสาและนัทหัวเราะลั่น แต่น่าเสียดายที่คนที่มิกว่าไม่อยู่ในสตูดิโอ
   “กลับกันเถอะ" นัทพูดพลางนำทั้งหมดออกจากบริษัท
   ตอนมืดของวันนั้น มิกเข้านอนเร็วกว่าปกติ เพราะไม่มีงานอะไรต้องทำ แต่ทว่าในหัวของนัทกลับมีแต่คำถามมากมาย ฉะนั้นตอนที่เขากินนมรอบดึกก่อนนอน เขาก็ได้แต่นั่งเหม่อ
   “เป็นอะไรไปล่ะ" สามานั่งลงข้างๆที่ระเบียงบ้าน นัทหันไปมอง วันนี้เธอขอมานอนด้วย
   “มาร์คไม่ว่างรึไง" นัทหันไปแซวกลับ สาอมยิ้ม
   “เห้ย...เค้าก็มีงานของเขาดิวะจะให้มามีเวลาให้ฉันตลอดได้ไง" มิกว่า "แฟนกันน่ะนะ แค่รักกันก็พอแล้ว"
   “ดูแกจะเข้าใจเรื่องความรักดีนะ" นัทว่า"ฉันคงไม่มีวันเข้าใจ แกก็รู้ ฉันชอบแห้วเรื่องความรัก ฉันโง่เรื่องนี้"
   “อืม เชื่อ" สาว่า "เพราะถ้าแกฉลาดเรื่องพวกนี้ แกคงรู้ว่ากายเค้าชอบแก"
   “อะไรนะ" นัทร้อง "ไม่อ่ะ ไม่มีทาง"
   สาถอนหายใจพลางมองนัท นัทเป็นแบบนี้อีกแล้ว เขาไม่ยอมรับมัน แม้ว่ามันจะอยู่ตรงหน้า
   “แกจะไม่ยอมเชื่อเหรอเนี่ย" สาว่า
   “ไม่หรอก คนอย่างเขาไม่มีทางมาชอบฉัน แค่อยากกวนประสาทฉันสิไม่ว่า" นัทพูด "และที่สำคัญ เขามีผู้หญิงเยอะแยะรอบตัวเขา แฟนเก่าเขาอีก เขาก็คาสโนว่าของวงการดีดีนี่เองจะบอกให้"
   “แต่แกชอบเขา" สาว่า "ไม่งั้นแกไม่รู้เรื่องของเขามากเท่านี้"
   “เขาก็แค่ยัดเยียดให้ฉันรู้" นัทว่า
   “ก็เพราะว่าเขาสนใจแกไง" สาว่า
   “เห้ย อะไรเนี่ย สรุปแกจะให้ฉันชอบเขาให้ได้เลยใช่มะ" นัทพูดขำๆ
   “เปล่า ฉันก็แค่เห็นแล้วก็ว่าตามนั้น" สาพูด "เหมือนเรื่องของมิกนั่นแหละ"
   “มันบอกฉันเองแล้วล่ะ" นัทพูดขึ้นทันที สาเอามือปิดปาก พลางมองหน้านัทตาถลน
   “อะไรนะ...แล้วแกว่าไง" นัทส่ายหน้า
   “โธ่...อย่างนี้นี่เอง มันถึงดูเศร้าๆ" สาว่า
   “ฉันบอกมันว่าฉันไม่รู้ต่างหาก" นัทว่า เพื่อให้สาเลิกเข้าใจผิด "ฉัน...ไม่แน่ใจกับมัน"
   สาถอนหายใจพลางมองออกไปยังท้องฟ้า
   “รู้ไหม ทำไมในกรุงเทพไม่ค่อยเห็นดาว" สาพูด "เพราะว่าแสงไฟมันเยอะ มันก็กลบแสงดาวหมด"
   “ต้องการจะสื่ออะไรป่ะเนี่ย พูดซะซึ้งเชียว" นัทว่า
   “ฉันอยากจะบอกแกว่า สิ่งที่อยู่ใกล้ บางทีมันก็สดใสกว่า แต่ยังไง คนเราก็ยังปราถนาดาว แม้ว่าจะมีแสงไฟเยอะแยะ แถมสว่างกว่าดาวอีก" สาว่า "มันขึ้นอยู่กับแก ว่ายังอยากจะมองดาวอยู่ไหม ในเมื่อแสงไฟมันส่องจ้าขนาดนี้"
   นัทเงียบลง พลางมองออกไปยังท้องฟ้า
   “ฉันไม่อยากจะต้องมานั่งเลือกอะไรแบบนี้" นัทพูดจากใจจริง ซึ่งหวังว่าสาจะเข้าใจที่เขาพูด
   “คำถาม มันมีอยู่แล้ว มันกำลังจะรอคำตอบจากแก" สาว่า
   “ฉันยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำ ว่าดาวที่ฉันต้องการ มันเป็นดาวจริงๆไหม ไม่ใช่ฉันหลงคิดไปเองว่ามันเป็นแสงดาว" นัทว่า
   “นั่นแกก็ต้องลองเสี่ยงเอาเอง แต่แสงไฟ มันก็เป็นแสงไฟวันยังค่ำ" สาว่า "ยังไงแกก็ต้องเลือกอยู่ดี"
   สาหันมามองนัท
   “นัท ถ้าแกจะไม่ใช้ไฟ ก็ปิดมันซะเถอะ" สาว่า "ฉันสงสารหลอดไฟว่ะ มันร้อนจนจะระเบิดอยู่แล้ว"
   นัทมองหน้าสาช้าๆ
   “ฉันควรทำยังไงดีวะ" นัทถามจากใจจริง
   “แกอยากได้ดาวหรือเปล่า" สาถามตรงๆ นัทมองหน้าเธอช้าๆ
   “ถึงตรงนี้....” นัทหันกลับไปมองท้องฟ้าอีกครั้ง ก่อนจะยิ้มกว้าง "ฉันก็รู้สึกอยากจะได้ดาวแล้วเหมือนกัน"
   สาเลิกคิ้ว เธอเข้าใจแล้ว
   “ฉันไม่รู้ว่ามันเกิดได้ยังไง" นัทว่า "ฉันลำบากทุกครั้งที่ต้องมองดาวจากตรงนี้ บางทีมันก็เปลี่ยนทิศไปเรื่อย เดี๋ยวไปอยู่ตรงนู้น ตรงนี้ เดี๋ยวเปลี่ยนเป็นสีนู้นสีนี้ ฉันตามแทบไม่ทัน บางทีก็หงุดหงิดจนแทบไม่อยากมอง แต่มันก็อดไม่ได้ทุกที พอฉันมอง ฉันก็มีความสุข บางทีก็อิจฉาดาวที่อยู่ข้างกัน ที่มีโอกาสอยู่ตรงนั้น แต่ฉันเอง ก็ไม่รู้ว่าตัวเองมองอะไรอยู่ด้วยซ้ำ มันอาจจะไม่ใช่ก็ได้ ฉันอาจจะคิดไปเอง หรือโดนดาวเทียมหลอกตาเอา"
   นัทก้มหน้าลง มันคือความรู้สึกของเขาจริงๆ
   “ส่วนไอ้หลอดตะเกียบนี่ มันก็ไม่เคยเบี้ยวฉันเลยซักครั้ง ปิดปุ๊ปติดปั๊บตลอด พอตอนที่มันเกือบจะเสีย ฉันก็ยอมไม่ได้ทุกที ที่จะเสียมันไป ฉันขาดมันไม่ได้เหมือนกัน"
   ถึงประโยคนี้ สาถอนหายใจ แล้วก็เข้าสู่ความเงียบ
   “ฉันเห็นแก่ตัวจัง" นัทพูดเบาๆ
   “บางทีคนเราก็ต้องการสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองฉันไม่ตำหนิแกหรอก" สาว่า "แต่ยังไง แกต้องเลือกทางที่มีคนเจ็บน้อยที่สุดละกัน แต่สำหรับฉัน ฉันเองก็อยากให้แกได้อะไรดีดีเข้ามาในชีวิตกับเขาบ้าง ฉันก็อยากให้เพื่อนมีความสุขทั้งคู่แหละ"
   สาตบไหล่นัทก่อนจะเดินกลับเข้าไปในตัวบ้าน
   “ถ้าเป็นฉันนะ เจอดาวแล้ว ก็อยากจะลองคว้าดูเหมือนกัน" สาว่า นัทหันไปยิ้ม
   “เอาไว้ให้มันเป็นดาวจริงๆก่อนเถอะ" นัทว่าขำๆ ก่อนจะมองสาเดินลับสายตาไป ชายหนุ่มหันกลับไปมองท้องฟ้าอีกครั้ง สงสัย คำถามนี้ของเขา คงไม่มีใครมาตอบได้จริงๆเสียแล้ว เสียงข้อความดังขึ้น ชายหนุ่มเปิดออกอ่าน

พรุ่งนี้ผมจะไปหา
แต่อาจจะช้าหน่อย รอด้วยนะ อย่าเพิ่งไปกันก่อนล่ะ
ราตรีสวัสดิ์
                                 กาย
   นัทยิ้มกับข้อความนั่น ก่อนสิ่งที่เขาไม่เคยคิดจะทำมันจะเกิดขึ้นในเสี้ยววินาทีนั้น......
   อีกฟากหนึ่งของเมืองกรุงยามค่ำคืน ขณะที่กายอกจากห้องน้ำหลังจากอาบน้ำเสร็จ ชายหนุ่ม นุ่งกางเกงขายาวเดินออกไปมองท้องฟ้าที่ระเบียงคอนโด พลางคิดถึงสิ่งสำคัญที่เขากำลังจะตัดสินใจ ก่อนะจะเดินกลับมาที่เตียง พลางเอื้อมมือไปปิดไฟ แต่เสียงข้อความก็ดังขึ้น ชายหนุ่มกดเปิดออกอ่าน

แล้วผมจะรอนะ
ฝันดีครับ
              นัท

   สำหรับกายแล้ว ไม่เคยมีคืนไหน ที่เขาหลับฝันดีเท่านี้มาก่อนเลย
….........

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
บทที่ 9 Weekend

   หลังจากวันทำงานวันสุดท้ายอันน่าเบื่อสำหรับพวกเขาทั้งสาม ค่อยๆผ่านไปอย่างช้า สตูที่ไม่มีไบร์ทมาป้วนเปี้ยนวุ่นวายแล้ว สำหรับนัท การไม่มีกายมาอยู่ด้วยวันนี้ยิ่งทำให้เขารู้สึกว่ามันน่าเบื่อ แม้ว่าที่จริงแล้ว เขาโหยหาวันว่างๆแบบนี้มานานเหลือเกิน
   มิกเองก็ไม่ได้พูดอะไรมากเกินไปกว่า "เที่ยงนี้ไปกินไหนดี" หรือ "ขอยืมปากกาหน่อย" ถึงแม้เขาเอง อยากจะจับนัทมานั่งจับเข้าคุยให้รู้เรื่อง แต่เมื่อนึกย้อนไป สิ่งที่นัทพูดในวันที่ไปตามเขาที่บ้าน มันก็คือการจับเข้าคุยไปแล้ว ถึงแม้ว่ามันจะไม่เคลียร์ก็ตาม แต่เรื่องจริงคือคนออกไอเดียไปบางแสนมันคือเขาเอง มันไม่ใช่เขาซะทีเดียว เขาบอกสาว่าต้องการที่ซักที่ ที่จะมีเขา นัท และกาย ไปด้วยกัน เขาอยากดูอะไรให้แน่ใจ สาเลยลงเอยมันด้วยบางแสน
   ในขณะที่สาเองก็ไม่มีอะไรต้องคาใจอีกแล้ว  สำหรับเธอทุกอย่างออกมาเคลียร์ นัทบอกเธอหมดทุกอย่างแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าบางอย่างเธอบอกมิกไม่ได้ ไม่ต้องนึกถึงว่านัทจะบอกมิกหรือเปล่า ที่เหลือที่เธอสนุกกับมันอยู่ตอนนี้ก็คือ มองกายและนัทให้มันชุ่มชื่นหัวใจเล่น กับไล่ตามมาร์คแฟนหนุ่มว่าไปเจ้าชู้ที่ไหนหรือเปล่่า แม้ว่าทุกครั้งเธอก็ได้แต่ถอนหายใจ เห็นมิกมองนัทด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามมากมาย
   ตกเย็นของวันนั้นนัท สา มิกและมาร์ค มารวมตัวกันที่บ้านของนัทเพื่อเตรียมตัวเอาของออกเดินทาง และยกมันขึ้น ไอ้เต่าทอง แน่นอนว่ามันจะไม่วุ่นวายเลย ถ้าสาไม่พยายามขนเอาครีมบำรุงของเธอทั้งหมดขึ้นรถ
   “นี่ขอโทษทีเถอะที่รัก คุณจะขนมันไปบำรุงอะไรกันนักหนา นี่มันบางแสนนะ" มาร์คแซวขณะที่ขนกระเป๋าของสาใบที่สี่ขึ้นรถ
   “มาร์ค นี่มันครีมสำคัญทั้งนั้นเลยนะ และสาเองก็เพิ่งมีโอกาสจะได้ใช้ทริปนี้เป็นทริปแรก" สาสาธยาย ขณะชี้ตำแหน่งที่ไอ้เต่าทองจะวางกระเป๋าเธอได้ตัว "โหย....นึกแล้วก็เสียดายนะ ตอนไปปารีสก็ซื้อจ้างงงงงง.....แต่ไม่มีเวลาได้ใช้"
   “เอาตรงๆนะสา ถ้าเธอคิดจะอาบแดดน่ะ ที่กรุงเทพก็อาบได้ ไม่ต้องถ่อไปถึงบางแสนหรอก แดดแรงพอกัน" นัทพูดพลางยกกระเป๋าของตัวเองขึ้นรถ
   “ฉันไม่ได้ออกความคิดเรื่องนี้ซักหน่อยนี่.....อุ๊บ" สาพูดพลางตกใจที่หลุดปากอะไรไปบางอย่าง นัทมองเธอด้วยความสงสัย
   “อะไร" นัทถาม "เธอเป็นตัวตั้งตัวตีเรื่องนี้ไม่ใช่รึไงเล่า"
   สามองซ้ายขวาไปเลิ่กลั่ก
   “เอ่อ...." สาพูดกุกัก พลางมองไปยังมิกที่มองเธอกลับมาด้วยสายตานิ่งสนิท "เอ่อ....ฉัน.....โอ๊ะนั่น คุณกาย ทางนี้ค่ะ"
   คำพูดนี้ของสาดึงเอาความสนใจของนัทเปลี่ยนไปอีกทางทันที กายสิทธิ์เดินเข้ามาจากหน้าบ้านด้วยชุดที่นัทไม่เคยเห็นมาก่อน มันเป็นชุดลำลองที่ดูสบายกับกางเกงสามส่วนและเสื้อบอล กายสิทธิ์สวมหมวกไหมพรมไว้บนศรีษะ ซึ่งเป็นมุมที่นัทไม่เคยเห็นมาก่อน นัทถึงกับอมยิ้มทันทีเมื่อเห็นภาพนั้น
   “สวัสดีครับทุกคน" กายกล่าวทักทาย ทั้งหมดกล่าวทักทายกลับทันที
   “เอ่อ...คุณกายครับ เชิญเอาของขึ้นรถเลยครับ" มาร์คกล่าว
   “อ่อ....ไม่ต้องหรอกครับ คือผมจะเอารถตามไปด้วยนะครับ" กายกล่าว
   “เอ้า เหรอคะ แต่ว่าพอถึงแล้ว คุณกายจะรู้เหรอคะ ว่าเราจะไปพักที่ไหน แล้วไปไหนกันบ้าง เดี๋ยวก็หลงกันหรอกค่ะ" สาพูด
   “เอางี้ไหมล่ะ พวกเราซักคนก็ติดรถคุณกายเค้าไปด้วยสิ จะได้บอกทางไปโรงแรมถูก" มาร์คพูด
   “ก็ดีนี่ เพราะบางคนก็เคยนั่งรถกายเค้าประจำอยู่แล้ว" มิกพูดพลางเดินดุ่ยๆ ไปนั่งด้านคนขับของไอ้เต่าทอง ก่อนจะหันมาหานัท "ยังไงก็อย่างหลงไปกับคุณกายเค้าซะเพลินล่ะ"
   มิกพูดพลางปิดประตูไอ้เต่าทอง มาร์คและสามองหน้ากันหน่ายๆ ก่อนจะหันมายิ้มให้นัท
   “เอ่อ...ยังไงก็โชคดีนะ ถ้าเกิดแกจำทางไม่ถูก ก็โทรเข้ามาคันไอ้เต่าทองละกัน" สาพูด
   “ขับรถดีดีนะครับคุณกาย แล้วเจอกันที่นู่นครับ" มาร์คว่า ก่อนจะลากสาขึ้นไอ้เต่าทอง มิกสตาร์ทเครื่องก่อนจะหมุนกระจกลงมา
   “ล็อคบ้านให้ดีล่ะ" มิกว่า ก่อนจะบึ่งรถหายออกไป
   นัทถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย พลางอยากจะด่ามิกเอาเสียให้ได้ ชายหนุ่มหันกลับมามองกายที่กำลังมองเขาอยู่
   “เราจะไปกันหรือยังครับ" กายถาม
   “เอ่อ....ขอผมปิดบ้านแป้บนึง" นัทพูดพลางเดินกลับเข้าบ้านเพื่อเช็คประตูหน้าต่างว่าปิดสนิทดีแล้ว ก่อนจะออกมาล็อคประตูรั้วหน้าบ้านและเดินไปขึ้นรถกาย
   ทั้งคู่ไม่แม้แต่จะมองหน้ากัน แต่กายก็ไม่ได้ใส่ใจ ชายหนุ่มบึ่งรถออกไปในทันที
   ท่ามกลางท้องถนน ความเงียบทำให้นัทรู้สึกตื่นเต้นอย่างแปลกประหลาด และแน่นอนว่า เขาเองก็ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อนว่าจะได้เดินทางมากับรถกายแบบองต่อสอง ซึ่งนั่น มันทำให้หัวใจเขาเต้นรัวด้วยความตื่นเต้น
   “นี่คุณเป็นอะไรหรือเปล่า เหงื่อโชกเชียว" กายถาม "เมารถเหรอ"
   “เปล่า" นัทพูด "ผมแค่เอ่อ.....เหนื่อยนิดหน่อยตอนจัดของให้รถคันนู้น"
   กายยิ้มกริ่ม ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดวิทยุ เสียงดนตรีบรรเลงเพลงๆหนึ่ง เพลงที่ทำเอานัทเงียบสนิท
   “ผมชอบเพลงนี้นะ" กายพูดก่อนจะอมยิ้มและมองออกไปนอกหน้าต่าง
   “ใกล้ เกินกว่าที่จะพูดคำใดๆ ออกไป มันใกล้เกินกว่าจะมองเห็นใคร เมื่อเราใกล้จนอยากจะหยุดหายใจ เมื่อใกล้จนมีแต่เธอกับฉันวันนี้เท่านั้น
   อาจเป็นเพราะว่าเธอบังเอิญได้เจอฉัน อาจเป็นเพราะว่าเราบังเอิญอยู่ด้วยกัน เพราะเธอยังไม่เคย ไม่รู้มันเป็นยังไง และฉันไม่เคยเข้าใจ ถ้ามันต้องอยู่อย่างนั้น ถ้าเราได้คุยกันสักครั้ง วันนี้ก็คงไม่มีใครเข้าใจ วันนั้นเธอยังไม่เคย ฉันก็ยังไม่เคย  ไม่รู้มันเป็นยังไง จะหยุดตัวเองทำไม"
   “คุณว่าไงอ่ะ" กายหันมายิ้มให้นัท
   “อืม....ก็เพราะดี" นัทว่าพลางหันหน้าไปทางอื่น ไม่อย่างนั้น กายคงรู้แน่ๆว่าเขากำลังหน้าแดง
   “เหรอ....จริงอ่ะ" กายถามย้ำอีก
   “อืม....” นัทพูดเสียงแข็ง
   “ว่าแต่คุณรู้ทางไปโรงแรมใช่ไหม" กายถาม
   “รู้สิ...คุณขับไปให้ถึงชลบุรีก่อนเหอะ" นัทพูด พลางขยับตัวไปมา
   “คุณอึดอัดเหรอ" กายหันมาถาม
   “ปล่าว"
   “คุณหิวเหรอ" กายถามอีก
   “ปล่าว"
   “คุณเป็นอะไรหรือเปล่า" กายถามอีก
   “ปล่าว"
   “เห้ยคุณ" กายร้องพลางหัวเราะ "พูดอะไรให้มันมากกว่าคำว่าปล่าวหน่อยได้ไหม นี่ Weekend นะ"
   “ก็ผมไม่มีอะไรจะพูดนี่" นัทว่าพลางพยายามมองไปนอกรถ
   กายอมยิ้มพลางฮำเพลง ใกล้ ต่อไปจนจบเพลงก่อนจะตั้งตาขับรถออกจากกรุงเทพโดยไม่พูดอะไรอีก
   ล่วงเลยเวลาไปซักพัก ก่อนที่นัทจะรู้สึกว่าความเงียบเข้าครอบคลุมรถ ชายหนุมันกลับมามองคนขับที่มองท้องถนนอย่างสบายอารมณ์พลางฮัมเพลงต่างๆไปเรื่อย นัทมองกายอยู่ได้ซักพักก่อนจะยิ้มน้อยๆ นึกถึงภาพหมอนี่ตอนเครียดเรื่องมิกแล้วก็ทำให้นัทอดขำไม่ได้ จะว่าไป พ่อมดแห่งวงการก็มีด้านดีดีที่พยายามช่วยเหลือคนอยู่เหมือนกัน
   “ขอบคุณนะ" นัทพูดขึ้น
   “ฮ่าๆๆ ผมชนะ" กายว่าพลางหันมายิ้มให้กับนัทซึ่งกลับมาขมวดคิ้วอีกครั้ง "ผมพนันกับตัวเองไว้ ว่าไม่เกินบางนา คุณต้องพูดกับผมจนได้"
   นัทถอนหายใจก่อนจะหันออกไปมองนอกรถอีก
   “โห....เป็นงอนไปได้น่าคุณ" กายเอื้อมไปจับเข้าที่มือของนัท ชายหนุ่มหันกลับมามองกายทันที ก่อนจะมองหน้ากันอยู่อย่างนั้น
   “คุณ!!! เดี๋ยวก็ชนหรอก" นัทร้อง ชะงักเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปขับรถต่อพลางยิ้มกริ่ม "เมื่อกี้คุณขอบคุณเรื่องอะไรเหรอ"
   “.....ก็...ปล่าวหรอก...ผมก็แค่อยากจะขอบคุณคุณอีกครั้ง ที่....ช่วยผมเรื่องมิกเค้า" นัทพูดอึกอัก
   “ผมก็บอกคุณแล้วไง ว่าผมยินดีช่วยคุณ ผมเชื่อใจคุณน่ะ" กายว่า
   นัทมองหน้ากายเงียบๆ พลางคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆที่พ่อมดแห่งวงการคนนี้ร่วมทำมากับเขา ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว จริงๆแล้วมันไม่จำเป็นเลย ที่คนระดับกายจะต้องมาช่วยเขาทำอะไรอย่างนี้ กับคนที่อยู่หางแถวของวงการอย่างเขา
   “คุณเชื่อเรื่องพรหมลิขิตไหม" กายพูดขึ้น ปลุกนัทให้ตื่นขึ้นจากภวังค์
   “เอ่อ.....เมื่อกี้คุณว่าอะไรนะ" นัทถามอีก
   “ผมถามว่าคุณเชื่อเรื่องพรหมลิขิตไหม" กายถามพลางหันหน้ามามองนัทแว้บนึง ก่อนจะหันไปยิ้มกว้าง ซึ่งนัทคิดว่าคงเป็นเพราะเขาเผลอยิ้มให้กายโดยไม่ระวังตัว
   “ก็....ไม่รู้สิ" นัทว่า "ถามทำไมล่ะ"
   “เปล่า....ผมก็แค่อยากรู้ว่าคุณคิดยังไงกับเรื่องนี้ จากมุมมองเจ้าของภาพ Loveless Society อย่างคุณ" กายพูด "เอหรือว่าคุณ...จะไม่เคยมีความรัก"
   “ผมจะมีหรือไม่มี มันก็ไม่เห็นเกี่ยวกะคุณซะหน่อย" นัทว่าอย่างหัวเสีย "ผมน่ะ ไม่เชื่อเรื่องพรหมลิขิตหรอก ถ้าผมจะรักใครซักคน ผมก็จะเลือกด้วยตัวผมเอง ไม่ต้องให้พรหมลิขิตมาบอกว่าคนนู้น ใช่ คนนี้ไม่ใช่หรอก"
   “เหรอ....แต่ผมเชื่อนะ" กายว่า "ผมว่าคนบางคนที่ผมเคยเจอน่ะ เขามีพลังบางอย่าง มีแรงดึงดูด ทำให้ผมรู้สึกสนใจเขา อยากรู้จักเขา และอยากให้เขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต"
   นัทหันขวับมามองกายทันที
   “ใครเหรอ" นัทถาม
   “จะเป็นใคร ผมก็ไม่เห็นจะเกี่ยวกะคุณนี่นา" กายย้อน ทำเอานัทหัวเสียและหันไปมองนอกรถอีกรอบ "เห้ยนี่คุณ คุณหันไปมา มองผม มองข้างนอกหลายทีแล้วนะ เดี๋ยวคอก็เคล็ดหรอก......มานี่มา"
   กายกดปุ่มอะไรบางอย่างที่รถสองสามครั้ง ก่อนที่นัทจะรู้สึกถึงความเคลื่อนไหวบางอย่างรอบๆตัว
   “นี่คุณจะทำอะไรอ่ะ" นัทร้องโวยวาย
   “ใจเย็นสิคุณ...แล้วก็หยุดโวยวายได้แล้ว เดี๋ยวคนข้างนอกก็นึกว่าผมทำอะไรคุณหรอก" กายว่า
   “คนข้างนอก?" นัทถามเสียงสูงก่อนจะรู้คำตอบ รถของกายค่อยๆเปิดประทุนออกไป ขณะเดียวกับที่เบาะของเขาเอนลงในแนวราบ ทำให้ตอนนี้นัทสามารถมองเห็นท้องฟ้าได้เต็มๆ
   “โฮ่....ว้าว" นัทพึมพำ
   “ออกนอกกรุงเทพแล้ว ผมว่าฟ้าคงใสขึ้นน่ะ" กายพูดก่อนจะปิดแอร์ ขณะที่นัทนอนมองท้องฟ้าอย่างสบายอารมณ์ "คุณถามทำไม"
   “ถามอะไร" นัทว่า
   “ก็ถามว่าผมสนใจใคร" กายว่า
   “ก็....เอ่อ......ผมก็...จะได้รู้ไง ว่าคุณแอบชอบใครในออฟฟิศหรือเปล่า" นัทพูด "ผมจะได้ไปเตือนเขาถูก ว่าคุณน่ะ คาสโนว่าแค่ไหน"
   “โห ขนาดนั้นเลยเหรอ" กายพูดเสียงเศร้า
   “ถามจริงเหอะ ที่คุณถามว่าผมเชื่อในพรหมลิขิตไหมน่ะ เพราะคุณเองก็ไม่เคยมีรักแท้เหมือนกันใช่มั้ยล่า" นัทพูด กายเงียบกริบ นัทหันไปมองพ่อมดแห่งวงการที่รอยยิ้มจางลงไปทันที
   “แต่เชื่อมั้ยล่ะ บางทีเวลาที่เราทุ่มเทอะไซักอย่างไปให้กับใครซักคน บางทีนั่นก็อาจจะเป็นอำนาจแห่งพรหมลิขิตจริงๆก็ได้นะ" นัทพูด กายหันมามองพลางยิ้มน้อยๆ
   “คุณรู้ไหม ผมชอบมองดาวจากระเบียงห้องนอนทุกคืนเลยล่ะ" กายว่า "แต่ผมก็ไม่เคยมีโอกาสได้เห็นซักที อาจเป็นเพราะมันอยู่ไกลเกินไป เกินกว่าความวุ่นวายในกรุงเทพที่มาบดบังตลอด ผมยังอยากไปนอนดูดาวอย่างคุณตอนนี้เลยด้วยซ้ำ แต่ก็ดูสิ ผมก็ยังมีหน้าที่ต้องทำอยู่ดี"
   “คุณก็ลองไม่ทำสิ เราก็จะได้ตายกันกลางถนนนี่" นัทว่า
   “ฮึฮึ แต่ผมก็ยังหวังว่าดาวจะหันมามองผมบ้าง ผมยังอยากหวังให้ดาวรู้ว่าผมยังมองเค้าอยู่เสมอ แม้ว่าดูเหมือนว่าผมจะไม่มีเวลามองดูเขาก็ตาม" กายพูด "เพราะถ้าผมเจอดาวที่ใช่แล้ว ผมก็อยากจะลองคว้าดาวดูเหมือนกัน"
   นัทหันขวับมาดูกายทันที เมื่อถึงประโยคนั้น....
   กายยังคงขับรถต่อไป ขณะที่นัทยิ้มกว้าง ก่อนจะหันไปมองท้องฟ้า
   “ผมก็เหมือนกัน" นัทพูดเบาๆ
   และในช่วงเวลานั้น ที่ท้องถนนเงียบสงบ ก็ดูเหมือนว่าไม่มีรถคันอื่นใดเลย นอกจากรถของกายและนัท ที่กำลังมุ่งสู่ชลบุรี
….......
   

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
นัทรู้ตัวว่าเขากำลังบ้าไปแน่ๆ เขากำลังวิ่งตามกระต่ายสวมเสื้อกั๊กตัวหนึ่งไป เขาวิ่งตามมันไปจนถึงโพรงๆหนึ่งที่มืดสนิท แล้วเขาก็พลาดท่าไปตกลงไปในโพรงที่ลึกมากๆ เจอกับสิ่งแปลกประหลาดมากมาย และที่แย่ไปกว่านั้น เขาไปเจอกับพ่อมดสวมหมวก เป็นหมวกไหมพรมที่พยายามร้องเรียกชื่อเขา
   “นัท....นัท....ได้ยินผมหรือเปล่า"
   ชายหนุ่มค่อยๆ ลืมตามองหน้า แมท แฮทเทอร์ ที่หน้าตาดูหล่อเหลากว่าปกติ ก่อนจะรู้ตัวว่าตัวเขาเองไม่ใช่อลิซและนี่ไม่ใช่ความฝัน
   “เอ้า...เอ่อ...โทษที ว่าไงคุณ" นัทค่อยพยุงตัวเองลุกขึ้น เพดานกลับมาดำสนิทแล้ว เขากลับมาอยู่ในรถของกายแล้ว
   “ผมถึงหาดแล้ว ไปไหนต่อล่ะ" เสียงของกายที่มาอยู่ในระยะประชิดเกินไปทำเอาเขารีบกระเถิบตัวออกห่างไป
   “เอ่อ....” นัทมองไปรอบๆตัว "นั่นไง โรงแรมนั้นแหละ เอวันรอยัลครูส"
   กายยิ้มให้เล็กน้อยก่อนจะบึ่งรถออกไปอย่างรวดเร็ว
   ภายในห้องล็อบบี้ทั้งคู่ไม่เห็นพวกเขาที่เหลือจากเจ้าเต่าทองเลย ซึ่งนัทเดาเอาว่าคงยังมาไม่ถึง นัทหมุนไปมาอยู่ได้สองสามครั้ง กายก็เดินเข้ามาเขาทันที
   “จะเอายังไงเนี่ยคุณ" กายว่าพลางสะกิดให้ดูพนักงานที่กำลังขนกระเป๋าของเขา "พนักงานเค้าบอกว่า พวกคุณน่ะจองห้องพักไว้สองห้องน่ะ แล้วเอ่อ....คุณน่ะ นอนห้องเดียวกับผม"
   “อะไรนะ" นัทร้อง "จะบ้าเหรอ ผมจะโดนไปนอนกะคุณได้ไง พวกเราไม่แยกห้องกันนี่"
   “ก็ใช่ มันเป็นห้องใหญ่ติดกันสองห้อง" กายว่า "แต่ตอนนี้คุณกับผมต้องขึ้นไปเปิดห้องก่อน จะขึ้นไปด้วยกันหรือเปล่า"
   “ไม่อ่ะ" นัทว่า
   “น่าคุณ....ขึ้นไปด้วยกันหน่อยไม่ได้เหรอ" กายว่า "เดี๋ยวพนักงานขนกระเป๋าเขาจะเอากุญแจกลับลงมาที่เคาท์เตอร์ ไม่งั้นผมจะไม่ได้จัดของนะ"
   “ก็เรื่องคุณสิคร้าบบบ" นัทพูดเสียงเหนื่อยหน่าย
   กายถอนหายใจหนึ่งครั้งก่อนจะลากแขนนัทเดินตามพนักงานขนกระเป๋าขึ้นลิฟท์
   “เห้ยคุณ....ผมเจ็บนะ" นัทร้อง
   “ก็อย่าพูดยากสิคุณ" กายว่า ก่อนที่ทั้งคู่จะต้องเงียบสนิทเมื่อลิฟท์ปิด นัทหันไปขมวดคิ้วใส่กายขณะที่เจ้าตัสทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ไม่กี่อึดใจ ลิฟท์เปิดที่ชั้นสิบแปด ทั้งคู่เดินตามพนักงานไปจนถึงห้องใหญ่สองห้อง ห้อง 1817 และ 1818 ทั้งคู่เดินเข้าไปตรวสอบห้องที่กว้างขวาง  กายให้ทิปพนักงานก่อนจะปิดประตู
   “เดี๋ยวน้องคนนั้นจะบอกพวกเราที่เหลือให้ตามขึ้นมาเอง" กายหันกลับไปพูดกับนัทแต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า เพราะชายหนุ่มได้ปลีกตัวเองออกไปอยู่ที่นอกระเบียงแล้ว กายเดินตามออกไปทันที
   กายมองนัทที่หลับตาสูดหายใจเข้าลึกๆกับลมทะเลที่พัดเข้ามายามดึกพลางยิ้มกว้างก่อนจะเท้าแขนบ่นไหล่นัท นัทหยุดกึกเล็หน้อย ก่อนจะเหล่มองกาย
   “อะไรเนี่ยคุณ" นัทพูด
   กายไม่พูดอะไร ก่อนจะทำท่าเดียวกับนัท โดยการสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วหลับตา วินาทีนั้น นัทมองใบหน้าของกายอย่างเต็มๆก่อนจะอมยิ้ม พอดีกับที่กายหันหน้ามาหาเขา นัทตกใจเล็กน้อยก่อนจะหันหน้ากลับ
   “คุณ....” กายเริ่มพูดก่อน
   “อะไร" นัทพูดเสียงเข้ม
   “ผมมีเรื่องอยากจะบอก" กายค่อยๆพูด
   “อะไร" นัทพูดด้วยน้ำเสียงเดิม แต่มันกลับสั่น เมื่อกายมองหน้าเขาใกล้ขึ้น นัทมองเข้าไปในดวงตาของกายและ...
   “ฉันว่านะ....เราน่าจะโทรหามันอีกที" เสียงขอสาดังขึ้นที่ประตู ปลุกให้ทั้งคู่ตื่นจากภวังค์ ทั้งคูหันหลังกลับมายังห้องโถง สา มาร์คและมิก มาถึงแล้วนั่นเอง สายตาของนัทสบตากับมิกอย่างไม่ได้ตั้งใจทันที เงียบกันไปพักนึง
   “เอ่อ....เอ้า มาถึงกันแล้วเหรอนี่" สาพูด "นึกว่าออกไปหาไรกินกันก่อนแล้วซะอีก"
   “แล้วไมไม่รับโทรศัพท์" มิกถามห้วนๆ
   “อ๋อ พอดีเราจัดของกันอยู่น่ะ" นัทว่า พลางเดินไปช่วยมาร์คหิ้วของใช้ต่างๆของสา ก่อนที่ทั้งห้าจะพยายามแย่งกันจับจองตู้และเตียงนอน
   “จะว่าไป คุณกายกับแกยังไม่ได้กินอะไรเลยไม่ใช่เหรอ" สาว่าขึ้น
   “นี่อย่าบอกนะว่าที่มากันช้าเพราะไปแวะพักหาไรกินน่ะ" นัทร้อง
   “แหม ก็มันหิวนี่นา" สาร้องครวญคราง
   “ทุกทีแหละคนนี้นัท" มาร์คเสริม "แล้วก็มาว่าอ้วนขึ้นๆ"
   สาค้อนแฟนหนุ่มเข้าให้ก่อนจะหันไปหากาย
   “คุณกายจะไปหาอะไรทานที่ภัตตาคารข้างล่างหรือเปล่าล่ะคะ" สาพูด
   “ก็ดีเหมือนกันครับ" กายพูดพลางหันมาหานัท "คุณจะไปกับผมหรือเปล่า"
   นัทอึกอักอยู่พักนึง อาจเป็นเพราะนัทพยายามไม่มองตามิก
   “ก็ลงไปดิวะ จะมายืนท้องร้องอยู่ทำไม" มิกว่า "เอามันไปด้วยแหละครับคุณกาย"
   นัทขมวดคิ้วใส่มิกก่อนจะยอมให้กายลากนัทออกปจากห้องโดยดี
   “โอ๊ย...นี่คุณไม่ต้องลากแขนผมไปด้วยก้ได้นะผมเดินเองเป็น" นัทร้อง
   “นี่คุณอย่าบ่นไปหน่อยเลยน่า....ผมหิวแล้ว" กายพูด
   “ผมไม่ได้หิวกะคุณซะหน่อย" นัทพูด แต่ดูเหมือนท้องของเขาจะทรยศคำพูดของเขาเอง
   “นี่คุณ อยู่กะผมสองต่อสองนี่มันจะตายหรือไง ทำเป็นไม่เคยไปได้" กายว่า
   “นี่คุณพูดอะไรอ่ะ" นัทว่า "ใครจะอยากอยู่กะคุณ"
   กายขำน้อยๆกะเรื่องนั้น
   “เอาเหอะ ลงไปข้างล่างกัน"
   กายลากนัทลงมาทานอาหารที่ภัตตาคารข้างล่างจนอิ่ม แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่ากายจะกลับขึ้นห้องเมื่อไหร่ ทั้งคู่ออกมาอยู่ที่ริมสระว่ายน้ำพร้อมกับพันช์คนละแก้ว
   “จะขึ้นหรือยัง" นัทถามหยังจากเงียบมาได้หลายนาที
   “ยังอ่ะ ผมยังไม่อยากขึ้น" กายตอบ
   เงียบกันไปอีกพักนึง
   “เออ เมื่อกี้คุณว่าคุณมีอะไรจะพูดกับผมนะ" นัทถามขึ้น กายหันกลับมามองหน้านัททันที นัทมองลึกเข้าไปในดวงตาประกายดาวคู่นั้น รู้สึกถึงอะไรไม่ชอบมาพากล
   “ผมแค่อยากจะถามคุณว่า....” กายเริ่มพูด "ว่า....”
   “ว่า...อะไรคุณ"นัทพยายามลุ้น
   “ว่า....คุณจะว่าอะไรไหม ถ้าผมจะถามว่า คุณกับคุณมิก เป็นอะไรกันหรือเปล่า"
   นัทมารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่คำถามนั้นผ่านหูไปซักสองนาทีได้ แต่เขาได้ยินไม่ผิดแน่
   “อะไรนะ" นัทถามอีก
   “คือผมอยากรู้ว่า คุณกับคุณมิก เป็นอะไรกันหรือเปล่า" กายพูด "คือ....ผมหมายถึง โกรธอะไรกันหรือเปล่า"
   นัทถอนหายใจครั้งหนึ่ง
   “ก็...ไม่มีอะไรหรอกคุณ ผมกับมิกเป็นเพื่อนกันมานาน เพื่อนกันถ้าไม่เคยทะเลาะกันเลยก็แปลกแล้วคุณ" นัทตอบ และก็พนันว่าเขาได้ยินเสียงถอนหายใจดังพรืดมาจากกาย
   “เฮ้อ...ดีจัง" กายกัดฟันพูดเบาๆ
   “คุณว่าอะไรนะ" นัทถาม
   “อ๋อ...ผมว่า...เอ่อ...อากาศดีจัง" กายยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์อีกครั้ง
   “คุณถามทำไม" นัทย้อนถามบ้าง
   “ก็....ผมเห็นคุณกับคุณมิกเค้าแปลกๆ ก็คิดว่าน่าจะมีอะไรๆไง" กายพูด "ผมก็อยากให้คุณเคลียร์กันซะ อย่างน้อยมาเที่ยวนี่ก็น่าจะเคลียร์กัน กลับไปทำงานจะได้สบายใจกันทั้งสองฝ่าย"
   นัทมองหน้ากายอย่างพินิจ หมอนี่มีอะไรไม่ชอบมาพากล
   “คุณอยากจะพูดอะไรอีกหรือเปล่า" นัทรู้สึกรำคาญกับอาการยึกยักของหมอนี่เต็มทน "เพราะถ้าคุณไม่มีอะไรผมก็จะขอตัวขึ้นไปข้างบนแล้วน่ะ"
   นัทว่าพลางหันหลังกลับ
   “เดี๋ยวคุณ" กายร้อง นัทหันกลับมา ทำหน้าตั้งคำถาม
   “คือ....ผมยังไม่เคยมาเที่ยวที่นี่กับใครมาก่อนเลย แม้แต่เจน" กายเริ่มพูดอะไรบางอย่าง "คือหมายถึง เที่ยวแบบที่ผมเที่ยว"
   นัทขมวดคิ้ว หมอนี่กำลังเมาพันช์แน่ๆ
   “นี่กาย คุณเป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย" นัทว่า "พูดซะงง"
   “คือ...เอ่อ...ผมอยากได้ใครซักคนที่จะพาผมไปที่ไหนๆ" กายว่า
   นัททำหน้าเศร้าพลางหัวเราะเสียงแห้ง
   “คุณลองเข้าไปในบาร์หลังโรงแรมสิ เดี๋ยวคุณหาเจอเองแหละ" นัทว่าพลางหันหลังกลับ ไม่มีอะไรน่าหวังสักหน่อย หมอนี่ก็แค่อยากได้ใครซักคนพาเขาเที่ยวกลางคืน
   “ผมหมายถึงทุกๆที่" กายพูด "ไม่ใช่แค่ข้ามคืน"
   นัทหันหลังกลับอีกครั้ง พลางขมวดคิ้วหากาย
   “นี่...คุณ" นัทพึมพำ "นี่คุณ...จะ.....พูดอะไรอ่ะ"
   “นัท....ผมชอบคุณ"
        นัทใช้เวลาแปลความหมายประโยคที่ได้ยินอยู่พักใหญ่ ก่อนจะตั้งสติ ตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง ชายหนุ่มมองหน้าพ่อมดตัวกวนตรงหน้า ก่อนจะอ้าปาก
   “ผม....ขอโทษ....ลืมมันซะ ถือว่าผมไม่ได้พูด" กายมีสีหน้าดูเคร่งครึมขึ้นมาทันที นัทปิดปากลง
   “คุณว่าอะไรนะ" นัทถาม
   “คือ....ผม...ผม...ผมไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้น" กายส่ายหัวพลางก้มหน้าลงก่อนจะถอยห่างออกจากนัท "คือ....ผม....ผม....ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น คือผมแค่รู้สึก ไม่ได้จริงจังอะไร....ผม"
   “อ่อ" นัทรู้สึกเหมือนแก้วเจียระไนใบโปรดที่เพิ่งได้มาเป็นของขวัญแตกลงต่อหน้า ความรู้สึกเจ็บแปลกๆเกิดขึ้น "ผมก็.....คิดไว้แล้วล่ะ...ไม่แปลกใจเลยซักนิด"
   นัทก้มหน้าลงก่อนจะเดินผ่านกายไป
   “นัท...คือ....ผม" กายร้องเรียกนัทไว้ นัทหันกลับมามองกายอีกครั้ง แต่ก็ได้รับเพียงความเงียบงันตอบกลับมา นัทยิ้มที่มุมปาก
   “คุณรู้อะไรไหม สิ่งที่ดีกับคุณมากที่สุดตอนนี้ก็คือ ไปที่บาร์หลังโรงแรม" นัทค่อยๆ ถอยห่างกายออกไปเรื่อยๆ "หาผู้หญิงซักคน แล้วก็....เอ่อ.... พาขึ้นรถคันหรูของคุณ ไปแถวพัทยา แล้วค่อยกลับมาที่ห้องพรุ่งนี้ก็ได้"
   นัทหันหลังกลับก่อนจะวิ่งขึ้นลิฟต์ตรงรี่ขึ้นห้องทันที
   กายยังคงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น.....อยู่กับความสับสนของหัวใจตัวเอง
   ประตูห้องเปิดผางออก นัทหันหลังพิงประตูด้วยตาแดงก่ำ ก่อนจะตกใจสุดตัว เมื่อต่อหน้าเขายังมีคนอยู่ในห้อง มิก สาและมาร์ค
   “เป็นไรไปแก" มิกถาม นัทมองหน้าเพื่อนรักอย่างตื่นๆ พลางมองไปหาสา ซึ่งเธอเหมือนจะรับรู้อะไรบางอย่าง จึงลุกขึ้นลากมาร์คเข้าไปอีกห้องทันที แม้ว่ามาร์คจะยังคงมีท่าทีอยากรู้อยากเห็นอยู่
   “กายล่ะ" มิกเดินเข้ามาถาม นัทก้มหน้าลง
   “อ้อ" มิกพ่นลมออกจากปากเบาๆ "คุยตรงนี้คงไม่เวิร์คสินะ ถ้าเดาไม่ผิด จะไปที่ระเบียงไหม"
   นัทพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะเดินตามมิกไปโดยไม่พูดอะไร
   ไม่กี่นาทีต่อมา สาเปิดกระจกและก้าวเข้ามาที่ระเบียงตามมิก แม้ว่าจะล่วงเลยเวลามาพักใหญ่แล้วที่นัทไม่ได้พูดอะไร สายตาจับจ้องลงไปที่สวนเบื้องล่าง มิกมองสาอย่างพยายามบ่งบอกคำตอบ
   “ท่าทางดินเนอร์ใต้แสงเทียนจะจบไม่สวยแหงม?” สาพูดติดตลก นัทหันมาขมวดคิ้วใส่ทั้งที่นัยน์ตาแดงก่ำ ขณะที่มิกกลั้นหัวเราะ
   “ถ้าตกลงกะฉันซะตั้งแต่แรก ก็จะได้ดินเนอร์ที่จบสวยไปแล้ว" มิกว่า
   “แต่กะแกมันจะไม่โรแมนติน่ะสิยะ" สาว่า "ดินเนอร์กะเพื่อนจะไปสนุกอะไร"
   “แต่บางที กินข้าวเย็นกะเพื่อน ก็รู้สึกมีความสุขกว่าบานเลยแหละ" นัทพูดเบาด้วยเสียงสั่นเครือ พลางมองเพื่อนรักทั้งสอง
   “เกิดอะไรขึ้น" สาถาม
   “ไม่มีอะไรหรอกสา" นัทตอบ "ฉันก็แค่เผลอตัวเผลอใจไปบ้างไรบ้าง ไม่ได้มีอะไรมาก" นัทพยายามสูดเอาไอทะเลเข้าไป เพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกเจ็บจี๊ดๆที่มันอยู่ในใจ
   “เอาจริงๆนะ ฉันเองก็ไม่ได้แปลกใจอะไรหรอก" สาพูดโพล่งขึ้น นัทหันมามองหน้าเธอ "ก็แหม.....คุณกายนะ กายสิทธิ์ พ่อมดแห่งวงการ ขึ้นชื่อเรื่องคาสโนว่าแค่ไหนล่ะ เขาคนที่สาวๆยอมแลกทุกอย่างเพื่อให้ได้เขากดชัตเตอร์ให้นะ มันก็ไม่แปลกหรอกถ้าเขา....."
   “จะไม่ได้คิดจริงจังอะไร" นัทต่อประโยคของสาจนจบ นัทพูดพลางส่ายหัว "พวกนายอย่าคิดมากแทนฉันเลย ฉันก็แค่วูบไป สะพานแขวนน่ะ เรื่องที่ฉันกับเขาร่วมกันทำให้นายไม่ถูกไล่ออกมันบังเอิญสร้างความประทับใจให้ฉันมีต่อเขา ซึ่งสุดท้ายแล้ว มันไม่ใช่เรื่องจริง"
   ทั้งสามเงียบสนิท
   “ไม่เอาน่า" นัทพูดขึ้น "มาเที่ยวๆ อย่าให้อะไรๆมันหมดสนุกสิ ไปๆ เข้าไปข้างในกัน จะได้พักผ่อนๆ พรุ่งนี้จะได้ออกไปขี่จักรยานกัน"
   “เอ้อ ดีเนอะ ซึมเอง แล้วก็เป็นคนปลอบคนอื่นเอง" สาว่าพลางเปิดกระจกระเบียง "งั้นฉันขอไปแช่น้ำอุ่นก่อนนะ อยากจะพอกโคลนซะหน่อย"
   “แหม พอพ่อมาร์คของเธอมาก็ทำสวยใหญ่เลยนะ ทำอะไรก็เกรงใจมิกมันบ้าง มันอยู่ห้องเดียวกับเธอนะ" นัทแซว มิกได้ยินก็ทำหน้าเจ้าเล่ห์ใส่สา
   “แต่ก่อนที่เธอจะไปอาบโคลนของเธอนะ กรุณาเอาครีมของเธออกจากตู้ฉันด้วย ฉันจะไม่มีที่เก็บของแล้ว" มิกร้องบอก
   “ย่ะ งั้นรอแป้บ ไปจัดของล่ะ" สาหายวับไปจากห้องโถงกลางทันที
   นัทส่งยิ้มให้กับหลังของเธอ ก่อนจะหันกลับมาประจันหน้ากับมิกที่มองเขาด้วยสายตาห่วงใย แต่ไม่ทันที่จะพูดอะไร มิกก็นำมือจับเข้าที่ท้ายทอยของนัทและดึงเขาเข้ามาจูบทันที
   อาจจะเป็นเพราะไม่ได้ตั้งตัว แต่นัทก็ปล่อยให้ร่างกายของตัวเองล่องลอยไปกับมิกที่ไม่เพียงแค่จูบเขา แต่ดูเหมือนการจูบนี้พยายามดึงเอาความเจ็บปวดทั้งหมดออกมาจากหัวใจของนัท ทันใดนั้นน้ำตาก็ไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ และมิกก็ผละออกจากนัท แม้ว่าใบหน้าของทั้งสองจะยังคงชิดกัน นัทก้มหน้าลงขณะที่มิกลูกหัวคนที่รักเบาๆ
   “ฉันอาจจะอยู่กับแกมานานจนรู้ว่าตอนนี้แกไม่ได้ปกติอย่างที่พยายามบอกกับสา” มิกกระซิบเบาๆ นัทไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟาย แต่น้ำตามันไหลออกมาเฉยๆ โดยที่มันคุมอะไรไม่ได้ “ฉันจะไม่ถามอะไรทั้งนั้น และจะไม่พยายามทำให้แกมาบอกอะไรฉัน แต่ถ้าแกไม่สบายใจเรื่องเขา ฉันจะอยู่กับแก”
   “ขอบใจมากนะมิก” นัทพูดเสียงสั่น "ไม่เป็นไร ถ้าเลือกที่จะหลบ มันก็หลบไปตลอด ฉันไม่เป็นไรหรอก"
   มิกปาดน้ำตานัทเบาๆ ก่อนจะจับหน้านัทเงยขึ้นมามองหน้าเขา
   “งั้นก็โอเคได้แล้วนะ" มิกว่าพลางอมยิ้ม นัทยิ้มตอบพลางหัวเราะเบาๆ
   “หลอกจูบนี่หว่า" นัทพูดเบาๆพลางต่อยเข้าที่ไหล่มิก
   “แล้วชอบป่ะล่ะ" มิกว่าพลางยิ้มกว้าง นัทเดินออกจากมิกไปยังห้องของเขา "แน่ใจนะ ว่าไม่ต้องให้อยู่เป็นเพื่อน"
   นัทพยักหน้าน้อยๆก่อนจะปิดประตูห้องไป
   มิกก้มหน้าลง ก็จริงอย่างที่นัทว่า เขาขโมยจูบเมื่อกี้มา แต่เขาก็รู้ดี มันช่วยให้นัทดีขึ้น อย่างน้อยก็ให้เขาได้แบ่งเบาความรู้สึกเหล่านั้นออกมาบ้าง มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เขาพอจะทำได้ เพื่อตอบแทนที่นัททำเพื่อเขา ตลอดเวลาที่ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์
   อีกฝั่งของประตู นัททิ้งตัวลงนั่งนิ่งที่ประตูพลางหลั่งน้ำตาเบาๆ เขาไม่เคยร้องไห้ฟูมฟาย แต่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อครู่กับมิกมันเหมือนกับทำนบแตก อยู่ดีดีมันก็เอ่อขึ้นมา มันผิดที่เขาเอง ที่เขาคิดอะไรๆไปไกลกว่าที่มันควรจะเป็น แต่เขาก็ไม่ได้รู้เลยว่า อีกฝั่งหนึ่งของหาด กายกำลังเดินไปเรื่อยๆ เดินไปอย่างไม่มีจุดหมาย
   เขาแค่ไม่อยากสูญเสีย เหมือนที่เคยเป็น......
   แต่เขา ก็ไม่อาจเดินต่อไปเรื่อยๆได้อีกแล้ว มันยาวนานมาเกินพอแล้ว.........
…..........
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-07-2011 23:27:51 โดย M2M_Jill »

ออฟไลน์ kokikung

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1594
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-3
โอโห จัดเต็มสุดๆๆๆๆๆๆ อ่านตาแฉะเลยอ่า
กำลังมันส์เลย ขอให้มิคพ้นผิดไวไวจับคนผิดมารับโทษโดยเร็ว

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
บทที่ 10 You drive me.......CRAZY!!!

   นัทตื่นขึ้นกลางดึก ชายหนุ่มเผลอหลับไปโดยที่ยังไม่ได้อาบน้ำ นัทรู้สึกเลยว่าการลืมตามันช่างยากลำบาก การที่น้ำตาไหลตลอดเมื่อหัวค่ำ ทำให้ตากรังไปด้วยขี้ตา ด้วยความตกใจจึงรีบรุดไปหยิบอุปกรณ์อาบน้ำ เมื่อเปิดไฟห้องนอน ก็พบว่ากายยังไม่ได้กลับมา ความเป็นห่วงแว้บขึ้นในใจ นัทเอื้อมมือไปหยิบบีบี เรื่องอะไรฉันต้องไปห่วงไอ้คนโลเลนั่นด้วย ป่านนี้ไปสราญกับสุรานารีถึงพัทยาแล้วมั้ง เมื่อคิดได้ดังนั้นก็วางโทรศัพท์ลงก่อนจะเดินไปอาบน้ำ
   นัทปล่อยให้สายน้ำอุ่นไหลผ่านร่างกาย เพื่อชำระเรื่องร้ายๆ วุ่นวายๆที่ผ่านมาตลอดตั้งแต่พบกับพ่อมดแห่งวงการคนนี้ออกไป ตอนนี้เขาปกติดีแล้ว ยิ่งคิดไปคิดมาเขาก็หัวเราะอยู่คนเดียว มันบ้าสิ้นดีกับเรื่องเมื่อหัวค่ำ เขาก็น่าจะรู้ตัวอยู่แล้วว่ากายไม่ใช่คนที่จะไปไว้วางใจอะไรได้ขนาดนั้นอย่างที่สาว่า และอันที่จริง มันก็ไม่มีอะไรในกอไผ่ซักหน่อย หมอนั่นอาจจะเมาพันช์มากไปหน่อย และที่เขาร้องไห้ ก็เป็นเพราะความสับสนกับความรู้สึกดีดีที่มีให้มิก และบวกกับเมาพันช์ไปด้วยอีกคน ฉะนั้น เขาจะลืมเรื่องเมื่อหัวค่ำได้อย่างไม่ต้องพยายาม เมื่อคิดได้ดังนั้น ชายหนุ่มปิดฝักบัว ก่อนจะเช็ดตัวและหยิบชุดคลุมออกมาปกปิดร่างกาย
   นัทฮัมเพลงเบาๆขณะปิดประตูห้องน้ำออกมา ก่อนจะต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อชายในชุดไปรเวสอย่างมีสไตล์สวมหมวกไหมพรมกำลังยืนพิงประตูและมองมาหาเขาด้วยใบหน้าแดงก่ำและถมึงทึง มือข้างหนึ่งยันขอบประตูเอาไว้เพื่อให้ตัวเองยังยืนอยู่ได้บ้าง สภาพตอนนี้ของกายตอนนี้ไม่ต่างจากมิกเวลาเมามายในงานปาร์ตี้ แต่ทว่านี่มันเหมือนคุณหนูซักคนที่เมาไม่ได้สติเพราะดื่มเหล้าครั้งแรก
   “ทำ ไม ไม่ โทร หา ผม" น้ำเสียงดุดันพูดขึ้น "ผม โทร มา ก็ ม่าย รับ"
   “ผมอาบน้ำอยู่ ไม่ได้ยินอ่ะ" นัทพูดหน่ายๆ "แล้วผมก็ไม่อยากโทรไปรบกวนเวลาสนุกยามค่ำคืนของคุณด้วย"
   นัทพูดพลางเดินผ่านกายไปยังตู้เสื้อผ้า กายเดินโงนเงน มาดึงตัวนัทให้หันไปหา กลิ่นเหล้ารุนแรงลอยออกมาจากร่างกายทันที
   “คุณ ไม่ ห่วง ผม เลย ไง" กายพูดหน่วงๆ นัทถอนหายใจก่อนจะมองพ่อมดหมดรูปตรงหน้า
   “คุณก็ไม่เป็นไรนี่ นี่คุณเมามากแล้วนะ ไปอาบน้ำ ไม่งั้นผมไม่ยอมนอนร่วมเตียงกับคุณแน่" นัทพูดเสียงแข็งพลางผลักกายไปยังประตูห้องน้ำ
   “ไม่ นอน กับ ผม เหรอ" กายพูดเสียงดัง
   “นี่คุณ ลดเสียงหน่อย คนอื่นเค้าหลับกันหมดแล้ว ไปอาบน้ำไป" นัทว่า
   “ไม่ นอน กับ ผม เหรอ" กาย ถอดหมวกไหมพรมออก ก่อนจะย่างเท้ามาหานัท
   “ใช่ ผมจะไม่นอนกับคุณ ผมอาบน้ำแล้ว และผมก็จะไม่ยอมเหม็นบนเตียงเดียวกับคุณแน่" นัทว่า
   ทันใดนั้น กายก็ใช้แรงที่เหลืออยู่เฮือกสุดท้ายถลาเข้าหานัทและโถมตัวลงบนเตียงทันที
   “นี่คุณจะทำอะไรอ่ะ ปล่อยผมน.......” นัทถูกปิดเสียงสุดท้ายด้วยริมฝีปากที่เคล้ากลิ่นแอลกอฮอล์ที่ฉุนจัด กลิ่นเหล้าของกายแทรกซึมเข้ามาในตัวของนัท
   “ผม ไม่ ยอม ให้ คุณ หลุด มือ ไปหรอก" กายว่า " ผม ตาม หา คุณ มา ตลอด เลย รู้ บ้าง หรือ เปล่า นัท"
   “คุณทำบ้าอะไรของคุณเนี่ย ปล่อยผมนะ" นัทร้องแม้ว่าร่างกายของเขาหมดทางสู้ พร้อมกับชุดคลุมที่เริ่มคลายตัวออก
   “ผม จะ ไม่ ยอม เสีย คุณ ไป" กายพูดครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะก้มตัวลงคลอเคลียกับกับนัท พลางถอดชุดคลุมของนัทออกและโยนมันไปที่โคมไฟตั้งโต๊ะ มันดับวูบลงพร้อมกับไปกลางห้อง และท้ังสองก็อยู่ในความมืดมิด เมื่อสามารถทำให้นัทหลือเพียงร่างเปลือยเปล่าได้สำเร็จ กายก็เร่งถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกโดยไม่สนใจการขัดขืนของชายหนุ่มที่ตกเป็นรอง เมื่อร่างทั้งสองปราศจากสิ่งปกคลุม กายก้มลงจูบนัทอีกครั้ง แม้ว่าการกระทำนี้จะถูกตอบรับด้วยการทุบตีและรอยมือที่จิกลงบนแผ่นหลัง แต่ดูเหมือนว่ายิ่งนัททำร้ายกายมากขึ้นเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งเพิ่มการจูบให้ดูดดื่มขึ้น จนกระทั่งนัทหมดเรี่ยวแรงที่จะต่อสู้ต่อไป กายจึงละออกจากริมฝีปากนัท โดยยังให้ใบหน้ายังคงชิดใกล้กันอยู่
   “คุณมันก็แค่รักข้ามคืน" นัทพูดเบาพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อคลอ
   “คุณไม่เข้าใจหรอก" การพูดของกายดีขึ้น นั่นหมายความว่า เขามีสติแล้ว "คุณไม่มีวันเข้าใจ ว่าผมรู้สึกยังไง"
   และแล้วก็ไม่มีอะไรที่ขวางกันระหว่างความสัมพันธ์ของทั้งกายและนัทได้อีกต่อไป ถึงแม้ว่านัทจะยังคงพยายามขัดขืน แต่กายที่เรียกได้ว่าเป็นพ่อมดที่ช่ำชองเรื่องงานสร้างสรรค์ และงานสร้างสวรรค์ ดังนั้นเมื่อพ่อมดคนนี้มอบความสุขให้กับจุดอ่อนไหวของนัท ร่างกายของเขาก็อ่อนระทวยและยอมตอบสนองงานนี้ทุกท่วงท่า เมื่ออาวุธกายสิทธิ์ที่ติดตัวพ่อมดคนนี้พร้อมแล้วกับการร่ายมนต์ นัทก็ไม่อาจจะต่อต้านเวทย์มนต์สะกดใจนี้ได้ ถึงความรู้สึกเจ็บมากมายจะเกิดขึ้นกับเพลงรักครั้งแรกของนัท เขาก็ยังสามารถเป็นผู้ประลองเวทย์ครั้งนี้ได้อย่างสมรัก และเมื่ออารมณ์แห่งปราถนาพลุ่งพล่าน กายสิทธิ์หายใจถี่รัวก่อนจะกระตุกร่างกายอยู่เป็นจังหวะ เช่นเดียวกันกับนัทที่ปล่อยลมหายใจสุดท้ายพร้อมกับปลดปล่อยความสุขไปพร้อมกันกับกาย ก่อนที่ทั้งคู่จะหมดแรงไปพร้อมกัน และล่องลอยไปสู่ความฝันที่แสนเจ็บปวดและสับสน
…..........
   “นัท นัทอยู่หรือเปล่า" เสียงแหลมเล็กเบาๆ ดังลอดผ่านประตูห้องนอนมา พร้อมกับเสีงเคาะประตู นัทค่อยๆลืมตาขึ้นมาพยายามปรับสายตาให้เข้ากับแสงสลัวๆจากแดดที่ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามา "นัท อยู่ไหม พวกเราจะออกไปให้อาหารลิงกัน จะไปไหม ฮัลโหล"
   เมื่อตื่นได้เต็มตา นัทก็ลุกขึ้นนั่งทันที แต่ทันใดนั้นความเจ็บแปลบก็เกิดขึ้น
   “โอ๊ย" นัทร้องพลางจับเข้าที่จุดเจ็บปวด
   “นอนลงไปก่อนคุณ" เสียงของกายดังขึ้น นัทมองไปตามเสียงนั้น พบว่ากายอยู่ในชุดนอนและกำลังจะเดินไปเปิดประตู นัทขมวดคิ้วทันที
   “ค....คุณ"
   “นอนลงไปสินัท มันจะเจ็บมากขึ้นนะ" กายว่า "ผมจะเปิดประตูแล้ว"
   นัททำอะไรไม่ถูก ได้แต่นอนลงและนำผ้านวมขึ้นมาปกคลุมร่างกายที่เปลือยปล่าวเอาไว้ ก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงเปิดประตู
   “อ้าวคุณกาย" เสียงของสาร้องทักขึ้น "นัทล่ะคะ ยังไม่ตื่นเหรอ"
   “ยังครับ" กายตอบ "พอดีเมื่อคืนผมกลับมาดึก เค้าก็เลยรอน่ะครับ มีอะไรหรือเปล่าครับ ผมยังไม่อยากปลุกเขา"
   “อ๋อ งั้นไม่เป็นไรค่ะ เราเห็นว่า เช้านี้อากาศดี เลยจะขึ้นไปที่เขาสามมุก ไปให้อาหารลิงค่ะ คุณกายจะไปด้วยกันไหมคะ มิกกับมาร์คลงไปทานอาหารเช้าแล้วรออยู่ข้างล่างแล้วค่ะ สาเลยลองขึ้นมาชวน"
   “อืม ไม่ดีกว่าครับ เดี๋ยวผมรออยู่ที่นี่ดีกว่า เดี๋ยวนัทเค้าตื่นมาไม่เจอใคร" กายตอบ "แล้วเดี๋ยวตอนบ่ายๆ เย็นๆ เราไปพิพิธภัณฑ์ริปลีย์กันตามโปรแกรมเดิมครับ"
   “ค่ะ งั้นขอโทษด้วยนะคะที่มาปลุกแต่เช้า" สาพูด
   “ไม่เป็นไรครับ ผมตื่นมาซักพักแล้วล่ะ"กายตอบ "ยังไงก็เดี๋ยวเจอกันแล้วกันครับ"
   เสียงปิดประตูเงียบลง ขณะที่นัทเลิกผ้าห่มแล้วลุกพรวดพราดทันที
   “โอ๊ย" ชายหนุ่มร้องดังขึ้นกว่าเดิม พลางนำมือจับตรงจุดที่ได้รับการล่่วงล้ำ
   “อย่าสิคุณ มันจะเจ็บนะ" กายพูดพลางเดินมานั่งลงที่ข้างตัวนัท เขามองหน้ากายอย่างเย็นชา กายสิทธิ์ไม่หลบสายตาที่เจ็บปวดคู่นั้น เขาจ้องมันกลับด้วยแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคำขอโทษ กายขอโทษคนไม่เป็น เขาไม่เก่งเรื่องการแสดงความเสียใจ แต่เขากำลังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้นัทมองเขาผิดไป ถึงแม้ว่ากระทำเมื่อคืนของเขาต่อนัท มันออกจะดูรุนแรงมากก็ตาม
   “คุณจะด่าผมยังไงก็ได้ ผม ไม่มีอะไรจะ......”
   “ผมหิวน้ำ" นัทพูด "และถ้าคุณจะกรุณา ลดแอร์ลงหน่อย ผมหนาว"
   กายยืนเงอะงะอยู่ซักพัก ก่อนจะกดรีโมทแอร์และรีบรุดไปเปิดตู้เย็นและเทน้ำปล่าวแล้วนำมาให้นัท
   “จะเอาอะไรอีก หิวหรือเปล่า" กายพูดอย่างอ่อนโยน ซึ่งนั่นทำให้นัทรู้สึกไม่สบายใจมากเพิ่มขึ้นไปอีก
   "คุณจะกินอะไรไหม ผมจะได้โทรสั่ง" กายพูดอีก ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าความรู้สึกตอนนี้เรียกว่าเกลียดหมอนี่ได้หรือเปล่า มันตื้อไปหมด เขาทำอะไรไม่ถูกและสับสน
   "คุณลุกไหวไหม จะเข้าห้องน้ำไหม หรือจะออกไปกับพวกคุณมิก" กายถามเขาอีก เขาไม่รู้ว่าควรจะเล่าให้มิกฟังดีไหม และมันจะเปิดอะไรขึ้นถ้ามิกรู้เรื่องนี้ เขารู้สึกเกลียดตัวเอง ที่เมื่อคืนเขาเองก็ปฏิเสธไม่ลงว่าเขาว่ามีความสุข แต่นี่มันเกินไปแล้ว กับเรื่องทั้งหมด
   “คุณจะ....”
   “พอเหอะ" นัทโพล่งออกมา พร้อมกับน้ำตาที่ไหลช้าๆ เขายังคงนั่งนิ่งสายตาจับจ้องไปที่พื้นห้อง กายเงียบเสียงลง ดูเขาจะตกใจเมื่อเห็นสภาพนี้ของนัท มันเหมือนเช่นเดิม นัทไม่ได้ฟูมฟาย แต่น้ำตามันไหลออกมาเรื่อยๆ นั่นยิ่งทำให้กายทำตัวไม่ถูกมากขึ้นไปอีก ผู้หญิงหลายคนที่เขาเคยหลับนอนด้วย ก็มีบ้างที่ตื่นขึ้นมาแล้วร้องไห้ฟูมฟายซึ่งส่วนใหญ่มันก็จบลงด้วยเม็ดเงินงามๆที่เขาจ่าย แต่สำหรับผู้ชายตรงหน้าเขา เขากลับรู้สึกเจ็บปวดพิกลเมื่อเห็นน้ำตาของนัท น้ำตาที่เงียบสนิท ไม่มีแม้แต่เสียงสะอื้น
   “ผมไม่ว่าอะไรคุณหรอก" นัทพูดเสียงสั่นเครือ "ผมไม่อยากจะว่าอะไรคุณอีกแล้ว"
   “นัท" กายเอ่ยชื่อเขาเบาๆ
   “ผมอยากถามคุณแค่ข้อเดียว" นัทพูด แม้จะยังไม่มองหน้า กายพยายามมองเข้าไปในตาของนัทเพื่อรอฟังคำถามนั้น "ที่คุณเข้ามาในชีวิตผม กับเรื่องต่างๆที่ผ่านมาทั้งหมดนั้น คุณแค่ต้องการให้มันจบลง.......แบบนี้ใช่หรือเปล่า"
   กายถึงกับทรุดตัวลงกับตัวเอง พลางมองร่างของนัท
   “ว่าไงล่ะ" นัทถาม "ตอบผมสิกาย ว่าผมเป็นแค่คนที่คุณอยากเก็บเข้าไปในคอลเลคชั่นส่วนตัวของคุณ หรือเป็นแค่คู่นอนที่คุณก็จะเปลี่ยนไปอีกกี่คนก็ได้ เป็นคนในแวดวงสังคมเดียวกับคุณที่คุณจะสนใจก็ต่อเมื่อคุณอยากจะสนุก เหมือนกลุ่มเพื่อนของคุณ"
   นัทเริ่มควบคุมอามรมณ์ไม่อยู่ ทำไมกันนะ เขาอยากจะต่อยหน้ากายเสียเดี๋ยวนี้ กับเรื่องราวทั้งหมดที่เขาผ่านมากับหมอนี่ จนกระทั่งมาถึงเมื่อคืนนี้มันเป็นแค่เรื่องสนุกๆของชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า ดวงดาวที่เขาคิดว่าจะใช่ดวงนี้ มันทำให้เขาอยากจะระเบิดมันทิ้ง เพื่อตอบแทนในสิ่งที่เขาทำ ตอบแทนในสิ่งที่ทำให้เขาต้องเจ็บปวดแบบนี้
   “ตอบผมเซ่" นัทแผดเสียง กายนิ่งเงียบไปพักนึง ก่อนจะลุกขึ้นยืน
   “คุณอยากให้ผมตอบว่าอะไรล่ะ" กายพูด "ผมจะตอบอย่างที่คุณอยากฟังก็ได้ และผมก็รู้ด้วย ว่าคุณอยากจะฟังอะไร"
   “คุณไม่รู้จักผม" นัทตอบ เขากำลังโกรธจัด "คุณไม่ใช่แม้แต่คนที่ผมเคยเจอ หรือเป็นเพื่อนผม คุณจะรู้ใจผมได้ยังไง"
   “Loveless Society ไง" กายตอบ "ที่ทำให้ผมรู้จักคุณ"
   “Loveless Society มันเป็นเรื่องโกหก คุณโกหกผม" นัทร้อง เขาตะโกนจนร่างกายของเขาสั่นสะท้านไปด้วยความเจ็บ
   “คุณอยากให้ผมพูดกับคุณว่าใช่ ผมแค่รักสนุก เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนมันเป็นเพราะว่าผมแค่...... เป็นอย่างที่คุณอยากให้ผมเป็น เหมือนที่คนอื่นๆอยากให้ผมเป็นใช่ไหม" กายพูด "คุณอยากให้ผมเดินจากคุณไป ทิ้งคุณไว้ที่ห้องนี้ แล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับคนข้ามคืนอื่นๆใช่หรือเปล่า.....เพราะที่คุณอยากได้ยินคำพวกนี้ เพราะคุณเองไม่อยากให้ตัวเองเจ็บเพราะผมน่ะสิ"
   “หยุดเอาเรื่องงี่เง่าใส่หัวผมซักที" นัทร้อง พลางจ้องหน้ากาย "คุณอย่าพูดให้ดูเหมือนว่าผมมีความสำคัญหน่อยเลยกาย คุณเองยังไม่แน่ใจตัวเองเลยด้วยซ้ำ ว่าตัวเองกำลังทำอะไร กำลังต้องการอะไร คุณก็แค่ลองมัน คนอื่นๆก็แค่คนที่คุณลองดู"
   “ผมไม่......”
   “คุณบอกเองว่าอย่าจำในสิ่งที่คุณพูดไม่ใช่เหรอ" นัทพูดจี้จุดสำคัญ "เพราะฉะนั้น เรื่องเมื่อคืน คุณเองก็คงไม่อยากให้เกิดการจดจำหรอก    ใช่ ผมอยากให้คุณพูดว่าผมเป็นแค่หนูทดลองของคุณ มันยังจะดีซะกว่า ที่คุณจะมาปั่นหัวผมเล่น"
   “นัท" กายร้องขึ้นอย่างไม่เชื่อหู
   “ผมไม่เหมือนคนอื่นๆที่คุณใช้ควงข้ามคืนนะ ผมเป็นคนที่จะต้องรู้ว่าตัวเองจะทำอะไร ผมมีสิทธิ์ที่จะป้องกันตัวเองจากสิ่งที่ไม่แน่นอนทั้งหมด จากความเจ็บปวดทั้งหมด" นัทพูด "เพราะฉะนั้น ผมจะขอให้คุณหยุด การกระทำทุกอย่าง ที่มันจะนำผมไปสู่วังวนที่ไม่จริงจังของคุณซักที"
   “แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมอยากจะบอกคุณ" กายพูด "ผมไม่ได้จะ......”
   “ผมจะไปอาบน้ำแล้ว" นัทพูดตัดบท ก่อนจะพยายามลุกขึ้นเดินไปยังห้องน้ำ กายพยายามเดินไปประคอง แต่นัทก็ฝืนแรงเดินไปได้โดยลำพัง
   นัทปล่อยโฮร้องไห้ภายใต้ฟักบัว มันไม่ค่อยเจ็บแล้วทางร่างกาย แต่ตอนนี้เขารู้สึกโกรธและรังเกียจตัวเองมากกว่า เขารู้สึกเหมือนกับว่าร่างกายของเขาสกปรกเสียเหลือเกิน อาจเป็นเพราะความจริงที่ว่าเมื่อคืนมันคือความสุขที่เขาแอบหวังเล็กๆว่าจะได้พบเจอ แต่ทว่ามันดันเกิดกับพ่อมดจอมลวงโลกคนนี้ นั่นทำให้ภาพร่างตอนต่อไปของเรื่องนี้ของเขาเริ่มเลือนราง แค่เคาคิดว่าตัวเองจะต้องเป็นแบบไหนเมื่อกลายเป็นของเล่นหรือสมบัติส่วนตัวของกาย ภาพของเจนแฟนเก่าของกายแว้บขึ้นมา นั่นก็ทำให้เขาอยากจะอาบน้ำไปอีกซักสิบรอบ
   กว่าเขาจะสงบลงไปได้ก็กินเวลาเขาอาบน้ำไปกว่าครึ่งชั่วโมง เขาออกมาจากห้องน้ำโดยที่แต่งตัวเสร็จตั้งแต่ในห้องน้ำเลย เผื่อว่ากายจะบ้าคลั่งอะไรขึ้นมาอีก เขาจะได้มีเวลาป้องกันตัวมากขึ้นด้วยเสื้อผ้าที่มั่นคงกว่าเมื่อคืน เมื่อเขาออกจากห้องน้ำมากายก็ยืนบางอย่างให้ตรงหน้าเขา
   “ถ้ามันเจ็บ ก็ทาซะ" กายพูด "ผมไม่ได้จะมาทำให้คุณสับสนอะไร แค่อยากจะรับผิดชอบกับสิ่งที่ตัวเองทำ"
   นัทมองมันอย่างประเมิณค่าครั้งนึงก่อนจะรับมันมา เพราะเอาจริงๆพออาบน้ำเสร็จแล้วเริ่มออกเดิน เขาก็เจ็บแปล๊บขึ้นมาอีกครั้ง แอบคิดในใจว่าตอนกายร่วมรักกันกับเขา มันก็เลยเถิดรุนแรงจนสมควรแล้วที่เป็นแบบนี้ เขาเดินผ่านกายไปและเริ่มเช็คข้าวของติดตัวเพื่อที่จะออกจากห้องพัก
   “เราจะไปพิพิธภัณฑ์ริปลีย์กันตอนบ่าย คุณไปไหวหรือเปล่า" กายถาม นัทหันมาทำหน้านิ่ง
   “ถ้าคุณไปไม่ไหว ผมจะได้บอกคนอื่น แล้วเอ่อ ผมจะขอดูแลคุณที่นี่" กายพูด
   “ผมจะไป" นัทตอบ "คุณไม่ต้องดูแลผมหรอก ผมดูแลตัวเองได้ ขอบใจสำหรับยา"
   นัทหันไปสบตากายอีกครั้งหลังจากไม่ยอมมองหน้าเขามาเกือบทั้งเช้า นัทตกใจเล็กน้อย เมื่อเห็นกายตาแดงก่ำ พลางขวมดคิ้วอย่างครุ่นคิด พลางมองมาที่เขาเหมือนเขากำลังเป็นอะไรซักอย่าง
   “แต่ผมอยากดูแลคุณ" กายพูดเสียงแหบพร่า
   นัทเห็นดังนั้นแล้ว อยู่ดีดีกำแพงทั้งหลายที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อครู่ก็ค่อยทลายลง เวลากายอยู่ในโหมดทำงาน เวลาหมอนี่ขมวดคิ้วครุ่นคิด หรือใกล้เคียงแบบนั้น อย่างตอนนี้ มันก็ยิ่งทำให้เขาใจอ่อนลง
   “งั้นตอนนี้ผมหิว" นัทว่า
   กายยังมองหน้าเขา
   “เมื่อเย็นอาหารก็กินไม่ค่อยอิ่ม เจอแต่เรื่องแย่ๆ กับคนกวนประสาท" นัทว่า "พอตกดึกก็ยัง......”
   นัทเว้นวรรคเพื่อพยายามหาคำพูดที่เหมาะสม
   “....ยังถูกพ่อมดร่ายมนต์ใส่อีก ตอนนี้ผมแทบไม่มีแรงแล้ว" นัทว่า กายเริ่มอมยิ้มให้เขา
   ทันใดนั้นเหมือนนัทจะนึกอะไรบางอย่างออก ไม่มีเวลาอะไรจะเหมาะไปกว่าตอนนี้อีกแล้วนี่นา...
   “ถ้าคุณอยากจะดูแลผมจริงๆ คุณจะทำยังไงล่ะครับคุรกายสิทธิ์" นัทว่าพลางเลิกคิ้ว
   “ผมจะพาคุณลงไปทานอาหารเช้าให้ทันชุดอาหารเช้าของโรงแรม" กายพูดพลางกลับมายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ "และจะทำทุกอย่างเพื่อให้คุณให้อภัยผมน่ะสิครับ...คุณ...นัท"
   นัทยิ้มอย่างมีแผนก่อนจะลุกขึ้นเดินตามกายออกไป
   ….นายทำให้ฉันอ่อนแอ โดยที่นายไม่รู้ตัวเลยว่าหากฉันตกต่ำลงไปถึงจุดอ่อนแอเมื่อไหร่ หลังจากนั้น ฉันกลับมาเอาเรื่องให้ถึงที่สุด กายสสิทธิ์ ถ้านายยังคิดจะปั่นหัวฉันอยู่อย่างนี้ล่ะก็ ฉันจะทำให้นายต้องยอมศิโรราบให้ฉัน และเอ่ยปากขอโทษกับสิ่งที่นายทำลงไปทั้งหมด ฉันจะเอาคืนนายให้แสบเลยคอยดู.....
   นัทคิดโดยไม่รู้เลยว่า การกระทำของเขามันจริงเพียงครึ่งเดียวเท่านั้นเอง
…...........

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
บทที่ 11 Times Up

   สานึกไม่ออกเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับการท่องเที่ยว การที่เธอเห็นว่ามิกมีอาการซึมเศร้ามันก็เป็นเรื่องปกติ แต่ทว่าการเยี่ยมชมของแปลกที่พิพิธภัณฑ์ริปลีย์ที่พัทยา กลับมีอะไรที่แปลกยิ่งกว่ากระโหลกมนุษย์ย่อส่วนเสียอีก เมื่อกลายเป็นเธอและมาร์คที่ถูกย่อส่วนให้เล็กลงจากภาวะสุดอึดอัดนี้ และกลับกลายเป็นว่ามิกต่างหากที่เริ่มมีอาการดีขึ้น แต่คนที่มีอาการแย่ลงคือ.....กาย
   อาหารมื้อกลางวันสุดแพงดำเนินไปท่ามกลางสายตาที่ตรวจเช็คสถานการณ์ ทุกความเป็นไปอย่างละเอียดของสา นัทดูจะใช้ชีวิตได้อย่างปกติและสนุกสนานไปกับการท่องเที่ยว เช่นเดียวกับมิก ที่ก็ดูมีท่าทีที่ดีขึ้น หลังจากการที่ทั้งคู่เข้าไปในปราสาทผีสิงและวิ่งโร่ออกมาพร้อมกัน การที่สาเห็นทั้งคู่กลับมาร่าเริงได้เหมือนเดิมมันก็ดีอยู่หรอก แต่สาก็ยังรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่มันไม่ชอบมาพากล นัทที่มีอาการเหมือนตัวเองไม่สบายตัว หรืออะไรซักอย่างที่ทำให้เขาไปไหนมาไหนไม่ค่อยสะดวกตาพิกล และทุกครั้งที่นัททำท่าเหมือนจะชะงักกับการเดินทาง กายก็จะรีบปรี่เข้าไปดูแลอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน จากการทำงานที่ผ่านมาของสาที่ทำร่วมกับกาย เธอก็พอจะรับรู้ความจริงที่นัทพยายามเฝ้าบอกเธออยู่บ้างเรื่องที่กายเป็นพ่อมดจอมกวนประสาท แต่ทำไมทริปนี้พ่อมดคนนี้ถึงเปลี่ยนตัวเองเป็นสุนัข ไม่สิ เป็น จิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์ที่ดันมาเอาอกเอาใจเจ้านายอย่างเกินความจำเป็น แต่แน่นอนว่าสาก็เก็บคำถามนี้เอาไว้มิดชิดโดยไม่ปริปากแซว หรือถามใครคนอื่นๆเลย
   “ดูสิมิก เค้าเปิดประตูรถให้กันด้วยล่ะ" สาสะกิดให้มิกดูผ่านกระจกหลังของไอ้เต่าทอง ขณะกำลังจะกลับโรงแรม เมื่อนัทกำลังจะขึ้นรถ กายก็ปรี่เข้ามเปิดประตูให้ทันที มิกมองไปแล้วก็เลิกคิ้วก่อนจะมาทำหน้าเบ้ใส่สา
   “ไม่ต้องทุกเม็ดก็ได้" มิกแซวก่อนจะสตาร์ทรถ "เธอสะกิดฉันดูจนตอนนี้ฉันหมดอารมณ์จะน้อยใจมันและ"
   “เธอตัดใจได้แล้วเหรอ" สาร้องทันที
   “ฉันรำคาญ" มิกตัดพ้อ ขณะที่มาร์คก็หัวเราะ
   “หยุดเลยนะมาร์ค ก็แหม ที่นายอยากให้มาเที่ยวกัน ก็เพราะอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้กับเค้าสองคนไม่ใช่เหรอ" สาบอกกับมิก ขณะที่มิกค่อยๆออกรถไปพลางมองรถสปอร์ตคันหรูที่ตามหลังมาอย่างเฉยชา
   “ฉันก็เคยอยากดู ว่าเขาจะจะตัดสินใจยังไง" มิกว่า
   “ขอออกความเห็นซักอย่างนึง" มาร์คพูดขึ้นจากเบาะหลัง "ในฐานะที่เคยทำงานกับคุณกายมาก่อนพวกนาย รู้เอาไว้เลยนะ ว่าเขาไม่ใช่พวกที่จะลงเอยอะไรกับใครได้หรอก เขามันผู้ชายลั่นล้า คนในวงการทุกคนรู้ดี"
   “นั่นแหละฉันถึงให้เขาอยู่ใกล้ตาเรา" มิกตอบ "ถ้านัทมันล้ม ฉันจะเป็นคนแรกที่ไปฉุดมันขึ้นมา"
   “แล้วทำไมไม่ห้ามไว้ก่อนล่ะ" มาร์คถาม
   “ก็เพราะว่าเราสามคนรู้วิธีจัดการอะไรๆกับเรื่องแบบนี้น่ะสิที่รัก" สากล่าว "ตอนนี้น้ำมันเชี่ยว ไม่มีใครอยากเอาเรือเข้าไปขวางหรอก มันมีแต่เสียกับเสีย ในเมื่อนัทเขาอยากจะลอง ก็ต้องปล่อยเขา ถ้ามันจะต้องมีอะไรผิดพลาด ก็มีแต่พวกเรานนี่แหละที่จะอยู่เคียงข้างเขา"
   “โฮ่" มาร์คเลิกคิ้ว "มีแฟนเฟรนลี่โคตรไว้กรู"
   “แล้วที่สำคัญ ฉันว่านัทเองก็น่าจะมีแผนอะไรซักอย่างอยู่ในใจอยู่หรอก" มิกว่า "มันไม่ใช่คนที่จะยอมเสียเปรียบง่ายๆอยู่แล้ว"
   “เพียงแต่ว่าไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะรู้หรือเปล่า ว่ากำลังเล่นอยู่กับอะไร" มาร์คว่า สาและมิกหันมองหน้ากันอย่างเข้าใจดี "ฉันกลัวว่าตอนจบ นัทเค้าก็จะมีแต่เสียใจกับเสียใจเท่านั้นแหละ"
   สาและมิกไม่ได้พูดอะไรกันอีก ก็เป็นจริงอย่างที่มาร์คว่า แต่ยังไงก็ตาม สาคิดว่าความสัมพันธ์ของทั้งกายและนัทมันยังไ่ไปถึงไหน และไม่รู้ว่ามันจะออกหัวหรือก้อย เธอจะไม่ด่วนสรุปเรื่องนี้เด็ดขาด ในขณะที่มิกก็ยังคงรอดูนัทอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ และแน่นอนว่าถ้าเกิดกายทำอะไรให้นัทต้องเจ็บช้ำน้ำใจล่ะก็ มิกไม่มีวันให้อภัยเขาเด็ดขาด แต่มิกไม่ได้เกลียดกาย เขาจะดีใจมากหากกายจะดูแลนัทได้จริงๆ เขาขอเพียงให้มันเป็นจริงอย่างนั้น ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ดีว่าตอนนี้กายและนัทก็ยังไม่ได้มีอะไรเลยเถิดไปไหน
   ซึ่งมันผิดคาดทีเดียว บรรยากาศในรถสปอร์ตคันหรูมีบรรยากาศมาคุเสียยิ่งกว่าในเจ้าเต่าทองเสียอีก มันไม่ได้มีบทสนทนาอะไรมากมายนักบนรถ นัทจะตอบคำถามกายบ้างเป็นบางช่วงเช่น "ผมไม่ได้เป็นอะไร" หรือ "คุณแวะปั้มหน่อยได้ไหม" ซึ่งต่างจากกายที่มองนัทราวกับเขาเป็นกระจกส่องรถอีกบานที่ต้องคอยหันมาตรวจเช็คสม่ำเสมอ สำหรับกายแล้ว เขารู้ดีว่านัทกำลังคิดอะไร แต่เขาไม่อยากจะอธิบายหรือฝืนอธิบายมัน เพราะถึงอย่างไรแล้วนัทก็คงคิดว่าเขาโลเลหรือเชื่อใจไม่ได้อยู่ดี ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุดที่เขาจะทำได้ตอนนี้คือพยายามดูแลนัทให้ดีที่สุด ให้สาสมกับสิ่งที่เขาได้ทำลงไป
   ตกเย็นลง การท่องเที่ยวครั้งนี้แน่นอนว่าจะต้องจบลงที่วงเหล้า แต่มันก็ไม่ได้เฮฮาปาร์ตี้มากจนถึงขั้นเละเทะ ที่ภัตตาคารของโรงแรมวันนี้มีเพียงกายเท่านั้นที่ไม่ได้ดื่มอะไร มากนัก
   “คุณกายคะแล้วตกลงว่าเรื่องงานนี่เหลืออะไรบ้างคะเนี่ย" สาพูดขึ้นมา
   “ก็พอเรากลับไปแล้ววันจันทร์ทางกรรมการก็จะเริ่มบอกบรีฟกลับมาครับว่าของเราผ่านหรือไม่ ถ้าไม่ก็ต้องแก้กัน ถ้าผ่าน คราวนี้ก็ถึงคราวโปรดักชั่นแล้วล่ะครับ" กายตอบ
   “โปรดักชั่นที่ว่านี่ ต้องใช้นางแบบและนายแบบด้วยใช่หรือเปล่าครับ ถ้าตามร่างสเก็ชของผม" มิกว่า
   “ใช่แล้วครับ เดี๋ยวก็คงต้องนั่งหากันอีกว่าจะเป็นใคร" กายพูด
   “แล้วนัทล่ะมีไอเดียอะไรจะเสนอบ้าง" สาว่า นัทที่กำลังนั่งมองแก้วไวน์นิ่งจรสาต้องเรียกอีกครั้ง "นัท ได้ยินฉันหรือเปล่า"
   “อ่อ....เอ้อ....ดีดี" นัทพูด
   “ดีแป๊ะอะไรล่ะ ยังไม่ได้พูดอะไรเลย" มิกว่า " เป็นไรมากป่ะเนี่ย ดูเหนื่อยๆนะแก"
   “อ๋อ เปล่า ไม่มีอะไร" นัทตอบ
   “ถ้าไม่ไหวจะขึ้นไปก่อนก็ได้นะ" มิกบอก
   “เห้ย ไม่เป็นไรจริงๆ แล้วเมื่อกี้ว่าอะไรกันล่ะ เรื่องโปรดักชั่นเหรอ" นัทถาม "ก็ตามนั้น ถ้ากายเค้าว่าดี ผมจะไปขัดอะไรได้ล่ะ"
   สาและมิกถึงกับเงียบเสียงลง
   “อ่ะ......แหม่ พอดีเลย ถ้าต้องใช้นายแบบ เดี๋ยวผมเป็นให้เอาป่ะล่ะ ช่วงนี้ตารางงานผมว่างพอดี" มาร์ครีบพูดดึงอารมณ์ขึ้นมา
   “เอาสิครับ" กายยิ้มให้อย่างเป็นมิตร "เป็นมาร์คก็ดีเหมือนกัน รู้แนวกันอยู่แล้วด้วย"
   “แหม จะว่าไปมันก็ดีเหมือนกันนะเนี่ย สาเองก็ไม่คิดว่าจะมีโอกาสร่วมงานกับคุณกายเลยค่ะให้ตายสิ" สาว่า
   “ใช่ครับ ผมเองก็ต้องขอบคุณคุณกายอีกครั้งครับกับเรื่องที่ผ่านมา" มิกพูด "ยินดีเช่นกันที่ได้ร่วมงานกันครับ"
   กายยิ้มกว้าง
   “ผมก็ดีใจนะ ที่มีโอกาสได้รู้จักแล้วก็ร่วมงานกับพวกคุณ ประทับใจมากครับ" กายตอบรับ
   “เดี๋ยวคุณก็ไปแล้วนี่" นัทพูดโพล่งขึ้นอีก ทั้งหมดหันมามองเขา นัทมองไปรอบๆวงอย่างไม่เห็นว่าเขาพูดอะไรผิดไป
   “อะไรนะ" กายถามเสียงเข้ม
   “ก็คุณพูดเอง วันแรกที่คุณมาเจอพวกเราจำไม่ได้เหรอ" นัทพูด "ว่าคุณจะเป็นพาร์ทเนอร์ให้เราจะจบโปรเจ็ค ฉะนั้นถ้างานจบแล้ว คุณก็คงไปแล้วสินะ"
   กายมองหน้านัทเขม็ง นัทมองหน้ากายกลับอย่างไม่สนใจอะไร สา มาร์คและมิกมองดูเหตุการณ์อย่างตื่นตกใจ เมื่อนัทเห็นว่ากายไม่กล้าทำอะไรเขา จึงลุกขึ้นจากโต๊ะ
   “นอนก่อนนะ เดี๋ยวเช้ามืดจะตื่นไปถ่ายรูป" นัทว่าพลางออกเดิน
   พวกเขามองนัทเดินจากไป ทั้งหมดตามไม่ทันกับการกระทำนี้นัก
   “ฉันว่าไอ้นัทป่วย" สาพูด
   กายมองนัทที่เดินผ่านไปช้าๆ ทันใดนั้นสติของเขาก็ขาดผึง พ่อมดลุกขึ้นแล้วเดินตามไปทันที มิกเห็นดังนั้นก็ลุกขึ้นแต่มาร์คดึงตัวเขาไว้ พลางส่ายหน้า ขณะที่สามองตามทั้งสองไปอย่างรู้ความนัย
   นัทเดินสาวเท้าขึ้นไปถึงห้องได้ทันก่อนที่กายจะตามเขาเข้าลิฟท์ทัน แต่ถึงอย่างไรก็ตามกายก็ตามเข้าเขาไปในห้องได้ในอีกไม่กี่นาทีต่อมา แต่สำหรับนัทเขาไม่ทนแล้ว ตลอดวันมานี่เป็นความรู้อึดอัดและการท่องเที่ยวที่ทรมาณเหลือเกิน แม้ว่าเขาจะรู้ว่ามันใกล้จบสุดสัปดาห์ที่แสนยาวานนี้ลงแล้ว เสียงปิดประตูดังขึ้น
   “นี่คุณสนุกมากใช่ไหมนัท" กายเปิดประเด็นพูดก่อน นัทยังคงหันหลังให้กับเขา "ผมไม่สนุกแล้วนะ"
   “เหรอครับ ผมนึกว่าคุณจะสนุกซะอีก" นัทพูด "ผมพยายามทำตัวให้ปั่นหัวยากแล้วนะ คุณน่าจะหากลเม็ดเด็ดๆมาเอาชนะผมให้ได้นะครับคุณพ่อมด"
   “นี่ที่คุณยอมให้ผมดูแลคุณทั้งวันมานี่ เพื่อที่คุณจะแก้แค้นผมเหรอ" กายถามตรงประเด็น นัทยังคงเงียบสนิท
   “แล้วมันต่างกันตรงไหนล่ะครับ พอเรากลับกรุงเทพ คุณกับผมก็ต้องกลับไปอยู่ในตำแหน่งที่ควรจะเป็นอยู่ดี คุณจะมาแคร์ความรู้สึกผมทำไมอีก" นัทพูด
   “นัท ผมขอล่ะ อย่าทำแบบนี้" กายพูดอย่างอ่อนโยนที่สุด "บอกผมสิว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่มีความหมายอะไรระหว่างเราสองคนเลย"
   “สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นน่ะเหรอ นี่คุณกล้าบอกว่าเรื่องนั้น......”
   “ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องเมื่อคืน ผมหมายถึงทุกเรื่องที่ผ่านมา" กายย้อน นัทถึงกับเงียบสนิท "ผมหมายถึง ตั้งแต่วันที่เราเจอกัน วันที่คุณงอนผม วันที่อยู่ดีดีคุณก็มาเป็นห่วงความรู้สึกผม แล้วก็หยุดเถียงซักทีว่ามันไม่จริง ผมรู้ว่าคุณรู้สึกยังไงกับผมนัท หยุดหลอกตัวเองซะที"
   “ไม่ยักกะนึกว่าคุณจำได้" นัทพูด
   “ผมจำทุกๆอย่างได้" กายย้ำ
   “แต่คุณบอกผม" นัทเริ่มเสียงสั่นเครือ "คุณบอกผมให้ลืมเรื่องราวเหล่านั้น คุณบอกผมว่าคุณไม่ได้จริงจังอะไร"
   ในที่สุดตลอดเวลาหนึ่งวันที่ผ่านมาความอัดอั้นทั้งหมดของนัทก็พังทลายลง
   “คุณบอกผม ว่าคุณแค่รักสนุก คุณแค่..........” นัทน้ำตาคลอเบ้า กายเดินเข้ามาหานัทช้าๆ "คุณหลอกให้ผม.....”
   นัทไม่อยากพูดอะไรออกไปมากกว่านี้ ไม่เช่นนั้นมันจะเป็นอันตราย
   “นัท เรื่องของเราสองคน ผมไม่ได้ต้องการจะหลอกคุณ มันอาจจะดูเหมือนอย่างนั้น แต่คุณจงรู้ไว้ ว่าผมตั้งใจและผมจริงใจ" กายพูด แต่นัทเริ่มรู้สึกว่านี่เป็นบทสนทนาที่วกวนเสียเหลือเกิน เขาจำเป็นต้องตัดสินใจอะไรบางอย่าง เขาหายใจเข้าอีกครั้ง
   “โอเค" นัทหันหลังกลับ "งั้นผมขอคุณข้อนึง หลังจากวันนี้"
   กายมองนัทอย่างมีความหมาย
   “ลืมเรื่องทุกอย่างไว้ที่นี่" นัทพูด
   “อะไรนะ" กายว่า
   “ผมไม่สนใจ และไม่อยากรู้อีกแล้วว่าคุณจะยังไง" นัทว่า "แต่ผมขอ เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้น ผมขอให้มันจบที่นี่ คุณทำให้ผมได้ไหม"
   “นัท...คุณ" กายพูดเสียงแผ่วเบา
   “ถ้าคุณจริงใจกับผมจริงๆ ผมขอให้หยุดซะ" นัทว่า "อย่างน้อยๆ เพื่อรักษางานที่เราจะต้องทำด้วยกัน จนกว่าจะจบโปรเจ็คนี้นะกาย"
   นัทไม่รอฟังคำตอบใดใดอีก ชายหนุ่มเดินเข้าห้องนอนและปิดประตูทันที
…...........
   เสียงคลื่นกระทบหาดทรายช้าๆ ละทะเลพัดอ่อนๆเข้าหาชายฝั่ง ชายหนุ่มนั่งมองทะเลออกไปไกลสุดลูกหูลูกตา พลางนึกถึงเรื่องของตัวเอง มันมาถึงจุดจบเสียแล้วกับเรื่องราวทั้งหมด มันเป็นเพราะเขาเองที่ทำมันพังเพียงเพราะความรักชีวิตแบบเก่าๆ เพราะเขาเองที่ไม่กล้าจริงจังกับใครอีก มันเป็นเพราะเขาทั้งหมด กายนั่งมองท้องทะเลอยู่อย่างนั้น เป็นความเจ็บปวดที่เขาไม่เคยคิดว่าจะได้เจอเลยตลอดชีวิตในแบบของเขา
   “ขอนั่งด้วยได้ไหมคะ" สาร้องทักขึ้น กายหันไปเจอเธอที่เดินลงมาด้วยชุดสบายๆ
   “ได้สิครับ" กายพูดพลางขยับตัวให้เธอนั่งลง
   “อากาศดีนะคะ เลือกมุมได้ดีจัง เงียบมากเลย" สาเอ่ยชม
   “พูดมาตรงๆเถอะครับ" กายพูดอย่างไม่อ้อมค้อมตามสไตล์ของเขา
   “คุณต่างหากล่ะที่ต้องพูดตรงๆ" สาว่ากลับกายถึงกับสะดุ้งพลางหัวเราะเบาๆ
   “ผม ไม่มีอะไรจะแก้ตัว" กายสารภาพ "ผมยอมรับว่าผมทำเขาไว้เยอะ ในหลายๆเรื่อง แต่ผมไม่ได้ตั้งใจให้มันเลวร้ายขนาดนี้นะครับคุณสา"
   “ฉันเองก็ไม่รู้จักคุณมาก่อนหรอกนะกาย" สาว่า "ถ้าไม่นับเรื่องที่คนอื่นๆพูดถึงคุณ กายคะ ที่คุณทำไปทั้งหมดนี่มันเพียงเพราะความสนุกหรือเปล่า ถ้าใช่ สาขอเถอะค่ะ นัทเป็นเพื่อนที่สารักมาก สาไม่อยากให้เขาไปเป็น....”
   “ของเล่นของผม" กายพูดต่อ สาเงียบลง "ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม ผมไม่เคยเห็นเค้าเป็นของเล่นของผม ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมทำ ผมบริสุทธิ์ใจ ตอนแรกมันอาจจะใช่ แต่พอที่ผ่านมาพอมันเริ่มมาไกลขนาดนี้ ผมชักไม่สนุกแล้ว เขาทำให้ผมเป็นกังวล เขาทำให้ผม Lag ผมไปข้างหน้าต่อไปไม่ได้ ผมถอยหลังก็ไม่ได้ ผมทำอะไรไม่ถูกเลย สุดท้ายผมเลยกลายเป็นคนไม่จริงใจไปจนได้"
   สามองหน้าพ่อมดตรงหน้าเธอ เธอรู้เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมาว่าเหตุการณ์เริ่มบานปลายรุนแรง เธอแยกกับมิกไปเคลียร์กับอีกฝ่าย ทั้งๆที่เป็นสิ่งสุดท้ายที่อยากทำแต่มันก็ช่วยไม่ได้เลย
   “กายคะ" สาเริ่มพูด "มันไม่ได้ผิดที่บางทีเรายังไม่พร้อมที่ตัดสินใจ สาเข้าใจว่าคุณเคยมีชีวิตแบบไหนมาก่อน มันไม่แปลกหรอกค่ะ ถ้าคุณจะทำอะไรไม่ถูกเมื่อเจอกับนัทเค้า"
   “ผมไม่แน่ใจ ว่ามันถูกต้องแล้วหรือเปล่าที่ผมทำไปทั้งหมด ผมทำเพื่อตัวเขา หรือ ผมทำเพียงเพราะอยากจะดึงเขาให้ขึ้นมาอยู่กับผม ซึ่งนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการอีก" กายส่ายหน้าพลางหลับตา "ผมไม่รู้จะทำยังไง ไปต่อยังไง"
   “การลังเลใจ เป็นจุดเริ่มต้นของละทิ้งนะคะ" สาพูด "ถ้าคุณจริงใจและบริสุทธิ์ใจจริงๆ คุณก็ไม่ต้องลังเลแล้วนะคะกาย สาเชื่อว่าถ้าคุณบริสุทธิ์ใจมันก็ไม่มีอะไรที่จะผ่านไปไม่ได้"
   “แล้วถ้าผมไม่ได้จริงใจล่ะ" กายถาม
   “ไม่จริงหรอกค่ะ" สาว่า "มันก็เหมือนกับตอนเราอยู่ม.ปลายมั้งคะ สาเองก็ไม่เคยตั้งใจเรียน แล้วก็ไม่เคยคิดจะจริงจังกับการสอบเข้ามหาลัยมาก่อนเลยค่ะ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเริ่มจากตรงไหนที่รู้สึกว่าดีไซน์เนอร์นี่แหละใช่ พอมันใช่แล้วอ่ะ ความขยันอ่านหนังสือ ก็มาจากไหนไม่รู้ แล้วก็.....มาจนถึงตรงนี้แหละค่ะ คุณเองก็น่าจะลองใช้เวลาหาดูอีกนิด ว่ามันใช่หรือยัง"
   สาลุกขึ้นออกเดินกลับโรงแรม
   “เวลามันคงไม่คอยท่าแล้วมั้งคุณ" กายว่า "Times Up”
   “งั้นรอรอบหน้าสิ" สายิ้ม "รถกลับกรุงเทพ ไม่ได้มีวันละรอบซักหน่อย จริงไหมคะ"
   “ขอบคุณนะครับคุณสา" กายกล่าว
   “สาเฉยๆได้แล้วกาย" สาพูด "ถ้าคุณยังไม่ใกล้พวกเรากว่านี้ สาว่ามันคงยากถ้าคุณจะดึงใครซักคนขึ้นไป ขอให้โชคดีนะคะ สู้ๆนะ"
   กายเดินมองสาเดินจากไปพร้อมกับถนหายใจ เขาต้องอดทนแล้วสู้กับสิ่งนี้ซักที หรือเพราะเขาอยู่กับชีวิตที่ถูกตามใจมาโดยตลอดกระมัง แต่ตอนนี้เขาก็ได้เวลาจริงจังได้แล้ว
….............
   ภายใต้แสงสลัวๆของห้องพักในโรงแรมร่างสองร่างกำลังกำลังแนบริมฝีปากเข้าหาซึ่งกันและกันอย่างเบาบางและมีความหมาย มิกรีบรุดเข้ามาหานัททันทีที่เห็นว่าอะไรๆชักจะไปกันใหญ่แล้ว เมื่อเขาเปิดประตูห้องนอนออก เข้าวิ่งถลาเข้าไปหานัทและจูบเขาทันทีโดยไม่รีรอ ไม่มีคำถาม ไม่มีคำบอกเล่าใดใด มิกใช้ความรู้สึกของเขาบอกเล่าผ่านร่างกายซึ่งนัทก็ตอบสนองมันได้ทันที เมื่อทั้งสองผละออกจากกัน นัทหายใจหอบถี่รัวมิกลูบหัวคนที่เขารักอย่างห่วงใย
   “บอกได้ไหม" มิกถามเบาๆ นัทส่ายหน้า "เขาทำอะไร"
   นัทยังคงส่ายหน้า มิกสวมกอดนัททันที
   “ฉันไม่อยากเห็นแกเป็นแบบนี้" มิกพูด
   “แต่ฉันก็ไม่อยากให้แกทำแบบนี้เหมือนกัน" นัทพูดเบาๆ "ฉันรู้ว่าแกห่วงฉัน แต่ฉันไม่เป็นไรเว่ย"
   “ตัดสินใจเองแล้วสินะ" มิกพูด นัทพยักหน้าน้อยๆ "ฉันรักแกน่ะเว่ย ไม่ว่ายังไงฉันก็ห่วงแกที่สุด"
   “ขอบใจมิก"
   เสียงเปิดประตูดังขึ้น มิกผละออกจากนัททันที เป็นสานั่นเองที่เข้ามาเห็นภาพที่มิกและนัทกอดกันอยู่ สามองทั้งคู่อย่างถอดใจ
   “เราต้องกลับแล้ว" สาพูด "กลับเถอะ กลับเดี๋ยวนี้"
   และนั่นก็เป็นคำพูดสุดท้ายที่พวกเขาได้สนทนากันในสุดสัปดาห์ที่แสนยาวนานนี้
….........

DexTunG

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ kokikung

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1594
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-3
OMG อะไรกานนนนนนนน
ทำไมกายยทำแบบเน้อ่า  :เฮ้อ:
นัทจะใจอ่อนไหมเนี่ยยยยยยย สู้ๆๆนะกาย

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
บทที่ 12 Internship

   ชายหนุ่มในชุดนักศึกษาหน้าตาหล่อเหลานั่งตัวตรงอยู่ที่โต๊ะเลขานุการของ Lovable Studio ด้วยท่าทีตกประหม่า เด็กหนุ่มที่เพิ่งจบชั้นปีที่สามในสาขาออกแบบนิเทศศิลป์ ที่เพิ่งจะปิดภาคเรียนและย่างเข้าสู่ฤดูฝึกงาน เขาถูกถูกหญิงสาววัยกลางคนมองผ่านแว่นตาที่สวมเก๋ๆ อย่างมีสไตล์อย่างพินิจ เขาขยำปลายเนคไทที่ติดตรามหาวิทยาลัยอย่างเป็นกังวล ในคำพูดที่เขารอฟัง
   “เริ่มงานทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ 10 โมง" หญิงสาวสวมแว่นกล่าว "ห้ามเลทนะจ้ะ"
   “ครับ ได้ครับ พี่...." เด็กหนุ่มตอบรับพลางผ่อนคลายลงบ้าง
   “ผึ้งจ้ะ เรียกพี่ผึ้งก็ได้จ้ะ เดี่ยวนะ เราว่า เราทำอะไรได้บ้างนะ" ผึ้งถามต่อ
   “ผมทำงานกราฟฟิคได้ครับ ทุกประเภท แล้วก็งานคอมโพสหน้ากระดาษ โปสเตอร์แล้วก็ทำผังโฟลว์ชาร์ทครับ" เด็กหนุ่มตอบ
   “อืม งั้นก็ดีเลย พอดีมีพี่คนนึงเค้าเองไม่ค่อยสันทัดเรื่องงานพวกนี้ แล้วเค้าอาจจะอยากได้ลูกมือช่วยแบ่งเบาได้อยู่พอดี" ผึ้งกล่าว "เราชื่อเล่นว่าอะไรล่ะ นฤเดช"
   “เอิร์ธครับ" เอิร์ธตอบ "ผมชื่อเอิร์ธครับ"
   “อ้อ จ้ะเอิร์ธ" ผึ้งยิ้มให้เขา "สา สา อยู่หรือเปล่า สา"
   “ขาเจ๊" เสียงแหลมเล็กของสาดังมาแต่ไกล ไม่กี่อึดใจใบหน้าของเธอก็ปรากฎอยู่ที่หน้าห้องของผึ้ง
   “มีอะไรคะเจ๊" สาถาม
   “นี่น้องเอิร์ธเด็กฝึกงานน่ะ" ผึ้งแนะนำเด็กหนุ่มที่ไหว้สาทันที เธอรับไหว้พลางยิ้มกว้าง "น้องเค้าเก่งงานซีจีเลยอยากให้เธอเอาไปเป็นลูกมือเจ้ามิก เห็นว่ามันงานด้านนี้ล้นมืออยู่นี่ มันเองก็งมโข่งช้าเป็นชั่วโมงเลยๆไม่ใช่เหรองานคอม"
   “อ๋อได้ค่ะ ดีจ้ะเอิร์ธ พี่ชื่อสานะ" สาแนะนำตัวเอง "งั้นหนูพาน้องไปเลยป่ะคะ"
   “จ้ะ ฝากด้วยนะ ให้อยู่สตูเราไปเลยก็แล้วกัน" ผึ้งว่า ขณะที่เอิร์ธเก็บข้าวของตัวเองแล้วลุกออกจากห้องของผึ้งทันที เมื่อเด็กหนุ่มเดินนำหน้าไปก่อน สาหันมาอมยิ้มกับผึ้ง
   “น้องหล่อเนอะ" สาว่า ขณะที่ผึ้งทำหน้าตาดุใส่ สาหัวเราะคิกคักพลางแนะนำที่ต่างให้กับเอิร์ธ
   “สตูพี่น่ะอยู่กันสี่คน สองคนน่ะเพื่อนพี่ ส่วนอีกคนน่ะ เอ่อ ช่างเถอะ ว่าแต่เราอายุเท่าไหร่เนี่ย" สาเริ่มทักทาย
   “21 ครับ" เอิร์ธตอบ
   “อ้อจ้ะ ที่นี่รับงานออกาไนซ์ซะเป็นส่วนใหญ่รับอีเว้นท์บ้าง นอกนั้นก็ไม่ค่อยมีอะไรมาก แต่ตอนนี้ที่งานหนักๆก็คงเป็นเพราะเอเจนซี่เรากำลังจะลงประกวดงาน B.A.D Award น่ะ" สาเล่า
   “จริงเหรอครับ" เอิร์ธถาม "เป็นงานที่ผมเคยลงประกวดเมื่อตอนปีสองครับ แต่ก็.....”
   “หึหึ อย่าไปซีเรียส ของธรรมดาน่า นั่นห้องปริ้นท์อัดรูปอยู่ด้านนั้นนะ ส่วนบันไดนั่นขึ้นไปห้องของบอสของที่นี่ ยังมีสตูอีกสามสตูอยู่ถัดไป ส่วนพวกพี่อยู่ที่สตูนี้จ้ะ.......เฮ้ นัท มิก" สาร้องเข้าไปสตูดิโอ
   นัทกับมิกที่กำลังง่วนกำกับการช่วยกันเลือกไทโปที่เหมาะสมกับงานกราฟฟิคหันกลับมามองสาและเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า
   “หวัดดีคับ" เอิร์ธก้มหัวลงอย่างสุภาพ
   “นี่น้องฝึกงานนะ ชื่อเอิร์ธ เค้าจะมาช่วยนายทำซีจีน่ะมิก" สาว่า
   “หวัดดีคับพี่มิก พี่.....” เอิร์ธชี้ไปที่นัท
   “นัทครับ หวัดดีครับเอิร์ธ" นัทยิ้มกว้างทักทาย
   “เธอว่าอะไรนะ ช่วยฉันทำงานซีจีน่ะเรอะ" มิกว่า
   “ช่าย สงสัยจะเป็นตอนที่นายไปทำงานให้เจ๊ผึ้งแกแน่เลย ที่นายไปงมโข่ง VTR ให้เจ๊แกเกือบทั้งคืน" สาว่า "นี่จ้ะ โต๊ะเรา นั่งตรงนี้ก็ได้เนอะ....”
   “ไม่จริงเลยเหอะ ที่ฉันงมอยู่นานก็เพราะคอมเจ๊แกอืดอย่างกะอะไร พอๆกับอายุเจ๊แกนั่นแหละ" มิกว่าซึ่งนัทขำจริงๆกับเรื่องนั้น
   “หะหะ แต่ฉันก็ช่วยคอนเฟิร์มเจ๊แกนะ เพราะว่าฉันเห็นแกถนัดแต่งานทำมือนี่หว่า" สาแซวอีก
   “หยุดเลยยัยสา ฉันไม่ใช่เต่าแก่ถึงกับใช้คอมไม่เป็นหรอก" มิกเถียง
   “เอ่อ.....ถ้างั้นผมไม่ต้องช่วยพี่มิกก็ได้ครับ" เอิร์ธพูดขึ้น
   “ไม่ต้อง นายไม่มีสิทธิ์เลือก ฉันสั่งอะไรก็ทำตามแค่นั้น เข้าใจป่ะ" มิกหันไปพูดกับเอิร์ธเสียงแข็งโดยที่สาและนัทห้ามไม่ทัน เพราะสมัยเรียนมิกเคยเป็นพี่เชียร์เวลาเห็นน้องปีการศึกษาอ่อนกว่า เขามักจะมีหัวโขนมาสวมไว้ทันที และเริ่มไม่อยากให้ใครมาแซวให้ภาพลักษณ์ของมิกเสียไปต่อหน้ารุ่นน้อง ซึ่งนั่นก็เป็นอีกอารมณ์ติสต์แตกของมิกอีกเช่นกัน
   สาและนัทคาดว่าจะเห็นอาการสลดหรือหวาดกลัวมิกขึ้นมาในตัวน้องฝึกงานซึ่งมันผิดถนัด ตอนนี้เอิร์ธเลิกคิ้วใส่มิกที่มองหน้าเด็กหนุ่มอย่างมึนงงว่าการพูดของเขาไม่ได้ส่งผลอะไรเลย เอิร์ธหรี่ตาลงและมองทะลุตัวมิกไป
   “โทษนะครับ ใครเป็นคนทำโปสเตอร์นั้นน่ะครับ พี่นัท" เอิร์ธชี้ไปยังไอแมคที่มิกและนัทนั่งงมกันอยู่เมื่อครู่
   “เอ่อ....มิกเค้าเป็นคนจัดน่ะ พี่กำลังช่วยหา Head ที่มันน่าจะเหมาะแบบว่า....." นัทพูดไม่ทันจะจบประโยค เอิร์ธก็ไถลเก้าอี้ตรงรี่ไปยังไอแมคและเริ่มลงือจัดเรียงโปสเตอร์หน้านั้นใหม่
   “เฮ้ คิดว่ากำลังทำอะไรอยู่น่ะ ฉันจัดมาตั้งครึ่งชั่วโมงนะ" มิกร้อง
   “ผมว่าพี่น่าจะใจเย็นหน่อยน้า" เอิร์ธว่า "มิน่าล่ะ ถึงทำงานคอมไม่เร็ว ใจร้อนนี่เอง"
   มิกกำลังจะอ้าปาก นัทหันมาแล้วส่ายหน้าช้าๆ ในขณะที่สาเท้าเอวแล้วเริ่มมองน้องฝึกงานไฟแรงคนนี้พลางอมยิ้ม คราวนี้อาร์ทตัวพ่อกำลังมีคนมาลบเหลี่ยมเสียแล้ว
   “แบบนี้เป็นไงครับ" เอิร์ธถอยตัวเองออกมาขณะปรับให้โปสเตอร์เป็นภาพฟูลสกรีน ซึ่งโปสเตอร์ตรงหน้า อักษรทุกตัวถูกจัดวางอย่างมีระเบียบ โดยที่ยังคงมีมิติอยู่ ในขณะที่ส่วน Head เอิร์ธได้ปรับเอาท์ไลน์ของฟอนต์เดิมไม่ให้มันดูระเกะระกะ จนเกินไป ลดส่วนตีนและหัวของอักษรลงจนเข้ารูปกับกราฟิคด้านหลังแต่ยังคงเด่นสมเป็น Header อยู่
   เอิร์ธยิ้มกว้างให้ทั้งสาม นัทเลิกคิ้วมองสาที่ส่งสายตาหากันว่า ไม่เลว.....
   ซึ่งผิดถนัดกับมิกที่มองเด็กหนุ่มอย่างประเมิณค่าอยู่หลายนาทีก่อนจะรุดไปที่คอมเพื่อสั่งปรินท์ทันทีโดยที่เอิร์ธแอบอมยิ้มอยู่ในใจ
   “ก็ถ้าเก่งแบบนี้ได้ตลอดก็ดี จะได้เป็นงาน ไม่ต้องสอนอะไรมาก" มิกพูดงึมงำๆอยู่คนเดียว
   “ครับ" เอิร์ธรับคำเสียงดังฟังชัด "พี่เลี้ยง"
   สาแค่นหัวเราะออกมาทันที ขณะที่นัทเอาแขนกระทุ้งมิกเพื่อนรักที่ทำหน้าเซ็งๆ
   “งั้นเอานี่ไปทำ" มิกค้นอะไรบางอย่างคลุกคลักอยู่ซักพัก ก่อนจะโยนกระดาษถนอมสายตากับผ้าไหมปึกนึงโยนให้เอิร์ธที่โต๊ะ
   “อะไรอ่ะพี่" เอิร์ธถาม
   “ทำสมุด" มิกพูด "ของชำร่วยที่จะแจกลูกค้าในงานอีเว้นท์ B.A.D. Award”
   “เฮ้มิก นั่นเราทำกันเองดีกว่าไหม งานคุณกายนะ" นัทส่งเสียงเตือน "แล้วนอกเค้าถนัดงานซีจีไม่ใช่เหรอ"
   “ก็คนเค้าเก่ง" มิกขึ้นเสียงสูง "มาฝึกงาน มันก็ต้องทำอะไรที่ตัวเองไม่ถนัดบ้าง แล้วห้ามเสียล่ะ พวกนี้ใช้จริงนะน้อง"
   “พวกนี้" เอิร์ธร้อง
   “อ่อใช้ เอาซัก 50 เล่มก่อน" มิกพูด
   เอิร์ธเงียบไปซักพัก
   “งั้นผมขอบรีฟครับ" เอิร์ธร้อง สาและนัทหันไปหาเอิร์ธทันที
   “ขออะไรนะ" มิกถามอีกครั้ง
   “ก็บรีฟของสมุดพวกนี้ไงครับ" เอิร์ธว่า "ก็นี่มันงานดีไซน์นะครับ ไม่ใช่งานโรงงาน ผมจะทำได้ยังไงโดยไม่รู้คอนเซ็ปต์มันอ่ะ"
   “เจ็ท!!!” นัทสบถหยาบออกมา ขณะที่สามองหน้ามิกเหมือนกับว่าเขากำลังถูกน๊อกดาวน์ มิกมองเด็กคนนี้พลางอมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
   “ด....ได้ รอแป้บ"
   มิกหันหน้าไปปรินท์บรีฟออกจากอีเมล์ที่กายส่งให้เขาเมื่อวันจันทร์ออกมา นัทและสาถึงกับขำเบาๆ
   “หัวเราะไรกันเนี่ย" มิกว่าขึ้นมา ซึ่งนั่นทำให้เสียงหัวเราะดังขึ้นไปใหญ่ "ไม่ต้องเลยนะ อ้อ แล้วก็ไม่ต้องช่วยน้องด้วย เค้าเป็นเด็กชั้น ฉันจะดูแลเอง"
   เอิร์ธมองไปหามิกด้วยสายตาที่ท้าทาย โดยไม่รู้เลยว่านี่คือจุดเริ่มต้นที่แทบจะเปลี่ยนชีวิตของเขาไปเลยทีเดียว
…............
   “คุณว่าใครทำนะ" กายถามนัทอย่างสุภาพบนห้องทำงานของบอส ขณะหยิบสมุดปกผ้าไหมขึ้นมาพิจารณาอย่างระมัดระวังว่าเขาจะทำมันชำรุด มันเป็นสมุดที่ทำด้วยกระดาษถนอมสายตาห่อด้วยผ้าไหมสีเขียวที่ตัดกับสีเหลืองอ่อนอย่างดูมีระดับ สีของการโปรโมทโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่พวกเขากำลังรับผิดชอบลงประกวดร่วมกัน
   “น้องเอิร์ธครับ เป็นน้องฝึกงานของมิก เพิ่งจะปีสาม ตอนเขาโดนมิกสั่งให้ทำ เขาขอบรีฟของคุณมาเช็คไอเดียก่อนทำงานด้วย" นัทตอบเรียบๆ
   “เหรอ ดีจัง ฝากไปบอกเค้าด้วยนะว่า ผมชอบมาก ชอบจริงๆ" กายว่า นัทพยักหน้ารับ
   “มิกฝากให้ผมมาถามว่า คุณได้เลือกนางแบบสองคนเอาไว้หรือยังเพราะว่ามิกเค้าได้เตรียมตัวนายแบบไว้แล้วสองคนครับ" นัทพูด
   กายมองหน้านัท
   “ผมเลือกเอาไว้แล้ว และก็ติดต่อให้พวกเขามาแล้วด้วยวันนี้น่ะ" กายตอบ
   “ก็ดีครับใครเหรอ" นัทถาม
   “นางแบบคนนึงคือฝนโปรดักซ์ดีไซน์เนอร์เพื่อนผมเอง เธอเป็นคนมีเส่ห์แล้วก็เหมาะกับเช็ทปราดเปรียวดี" กายว่า "ส่วนอีกคนก็คือ เจน เธอจะมาทำเสื้อผ้าให้แล้วก็นางแบบไปด้วย กับเซ็ทที่ดูสดใสน่ะ"
   “อ้อ" นัทร้องเบาๆ พลางนึกถึงผู้หญิงคนที่เป็นแฟนเก่าของ...... ไม่สิ เขาไม่เคยรู้จักใครเหล่านี้เลย
   “แล้วนายแบบล่ะ" กายถามขึ้น
   “ก็มาร์ค เค้าคงบอกคุณไว้แล้ว" นัทว่า "ส่วนอีกคน......คือผมเอง"
   กายมองหน้านัท
   “อะไรนะ" กายร้อง พลางหัวเราะแก้เก้อ "คุณไม่จำเป็นต้องลงเป็นนายแบบเองนะมัน....”
   “คุณมีปัญหาเหรอ" นัทถามกลับ "ผมตัดสินใจแล้ว ไหนคุณเคยบอกว่า ผมออกความเห็นได้ไง เราเป็นพาร์ทเนอร์กันไม่ใช่เหรอครับ"
   คำพูดอันแข็งกร้าวและเย็นชาของนัททำให้กายก้มหน้าลง
   “งั้นก็ตามใจคุณและกัน" กายว่า
   “ขอบคุณครับ" นัทพูดพลางลุกขึ้น "ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวนะ"
   นัทไม่ได้แม้แต่รอฟังคำตอบ แต่เขาหันหลังและเดินออกไปทันที กายจึงลุกขึ้นและพยายามพูดอะไรบางอย่างและ....
   “ดาร์ลิ่งงงงงง"
   เสียงแหลมเล็กของสาวในชุดที่แปลกตาอย่างมีสไตล์และผมยาวสยายดำขลับเปิดประตูสวนนัทเข้ามาให้ห้องทำงานของบอสทันที
   “โทษทีเจนมาช้าไปอ่ะ รถติดมากแล้วออฟฟิสก็เล็กมาก เจนหาที่จอดรถไม่เจอเลยค่ะ" เจนพูดพลางสวมกอดเข้าที่ตัวกายพลางหันมาเจอนัท "อ้าวคุณนัท ตายจริง ไม่ได้เจอกันตั้งนาน สบายดีหรือเปล่าคะ ดูเครียดๆนะคะเนี่ย ใจเย็นๆค่ะ งานใกล้จบละ"
   “ครับ" นัทรับคำพลางมองกายด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย จนกายถึงกับต้องหลบสายตาลง "ผมเองก็รอเวลาให้งานนี้มันจบซักทีเหมือนกัน"
   “ก็เหมือนกันแหละค่ะ" เจนพูดใส่เขาพร้อมกับมองเขาอย่างมีความนัย
   “งั้นผมขอตัวนะครับ เจอกันตอนประชุมงานพรุ่งนี้" นัทพูดพลางหันหลังกลับ
   “ค่ะ เชิญค่ะ" เจนว่าใส่ "กาย ฝนตอบตกลงแล้วล่ะค่ะ เดี๋ยวก็คงมา.....”
   นัทปิดประตูห้องลงพร้อมกับเดินลงมาข้างล่าง ภาพของกายและเจนกลับมาหลอกหลอนเขาอีกแล้ว ยอมรับว่าภาพเก่าที่คลับเลาทจ์เมื่อหลายเดือนก่อนยิ่งเด่นชัดขึ้นมาอีก ผู้หญิงคนนี้ฉายแววบางอย่างออกมาจนเขารู้สึกได้ เธอเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง พลังที่สามารถเอาชนะเขาได้ในทุกๆด้าน เขาไม่ค่อยถูกกับเรื่องแฟชั่น จึงไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของเธอมาก่อน แต่จากการที่ได้เจอเธอครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง เขาตระหนักแล้วว่าการผูกมิตรกับเธอกลายเป็นปัญหาเสียแล้ว เพราะหมอนั่นแท้ๆ.....ไม่สิ ไม่ใช่เพราะใคร เพราะเขาไม่ถูกชะตาเอง
   “ไอ้นัท" มิกร้อง จนนัทสะดุ้งโหยง
   “อะไร เรียกซะดัง" นัทถาม
   "ก็แกเดินจะจะชนฉันอยู่แล้วเนี่ย คิดไรอยู่" มิกว่า
   “อ๋อปล่าว ได้เรื่องนางแบบจากคุณกายแล้วนะ" นัทว่า
   “อ่อ" มิกพ่นลมออกจากปากเบาๆ เหมือนจะเดาอะไรบางอย่างออก "แล้วว่าไงอ่ะ"
   “ก็เขาหานางแบบได้แล้ว สองคนเลย เป็นเพื่อนเค้าน่ะ ประชุมงานพร้อมกันพรุ่งนี้สิบโมงครึ่ง" นัทว่า
   “แล้วเค้ามีปัญหาเรื่องที่แกเป็นนายแบบเองหรือเปล่า" มิกถามอีก
   “ไม่" นัทตอบสั้นๆ
   “แล้วเขารู้หรือเปล่า ว่ามันต้องเปลือยเอ่อ....”
   “ไม่" นัทพูดตัดบท "ฉันเป็นคนตัดสินใจในฐานะนายแบบเว่ย งานส่วนของฉันมันหมดแล้ว ตอนนี้ฉันเป็นนายแบบ แล้วก็มีสิทธิ์เลือกงานในฐานะนายแบบ ถึงจะชั่วคราวก็เหอะ ไม่มีใครต้องมาตัดสินแทนฉัน มันไม่จำเป็นต้อง...."
   “นัท นัท....” มิกมองซ้ายมองขวาก่อนจะขยับตัวเข้าใกล้นัทมากขึ้นพลางเขย่าตัวเขา "ไม่เอาดิ มองหน้าหน้าฉัน คุยกับฉัน เหมือนตอนเราอยู่ที่บ้าน เหมือนคืนสุดท้ายที่โรงแรมนั่นดิ แบบที่ไม่มีงานดีไซน์ ไม่มีความเสียใจ ไม่มีคนอื่น"
   มิกค่อยๆลูบหน้าคนรักเบาๆ นัทเอาหน้าหลบ
   “ไม่เป็นไรแล้ว ขอบใจนะ ช่วงนี้ฉันหงุดหงิดไปหน่อยอ่ะ โทษที" นัทถอนหายใจ "เออ เขาชมงานน้องเอิร์ธด้วย เขาชอบมาก"
   “งั้นเหรอ" มิกพูดเสียงสูง "เป็นไปได้ไงกัน เออใช่.....แม่ง....ฉันไปก่อน"
   มิกร้องขึ้นพลางวิ่งไปตามโถงบริษัท
   “แกจะไปไหนอ่ะ" นัทร้องถาม
   “ไอ้ไบร์ท มันถือโอกาสตอนฉันไม่อยู่ พาเจ้าเด็กนั่นไปช่วยงานกองถ่ายอ่ะดิ" มิกตะโกนตอบ
   “แล้วมันไม่ได้ไงวะ" นัทถามอีก
   “เด็กนั่นมันเด็กฉัน มีแต่ฉันกับเพื่อนที่ใช้มันได้เว่ย" มิกพูดพลางหายตัวออกจากบริษัทไป
   นัทรู้สึกถึงอะไรแปลกๆเข้าซะแล้ว
….............
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-07-2011 23:37:11 โดย M2M_Jill »

July_Moon

  • บุคคลทั่วไป
สนุกมากจริงๆค่ะ จะรอติดตามเรื่อยๆนะคะ

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
บทที่ 13 That's Mine

   “ดังนั้นภาพถ่ายทั้งสองเซ็ทที่เราจะถ่ายทำกันบ่ายนี้ จะเป็นไปตามที่ผมเพิ่งกล่าวไปนะครับ เอ่อเพื่อความสะดวกใจผมขอให้คุณฝนและนัทออกไปคุยกันเรื่องเอ่อ คอนเซ็ปต์แล้วก็หาวิธีเซฟน่ะครับ แล้วเดี๋ยวเราจะใช้สตูดิโอถ่ายรูปกัน โดยที่คุณกายจะเป็นคนถ่ายรูปเซ็ทสดใสของมาร์คและคุณเจน และสาจะเป็นคนถ่ายเซ็ทนู๊ดเองนะครับ"
   มิกอธิบายงานมาจนถึงช่วงท้ายของการประชุม การประชุมที่อึดอัดและไปเป็นได้ยากที่สุดเท่าที่นัทเคยได้เข้าประชุมมา ซึ่งเรื่องที่ขัดใจเขาในการประชุมเช้านี้จนมันล่วงเลยมาจนเกือบเที่ยงมันมีอยู่สองประเด็น ประเด็นแรกคือฝ่ายคอสตูมของเราดูเหมือนจะทำการบ้านมาอย่างเกินจำเป็น เจนจิราเธอยิงคำถามใส่มิกที่เป็นพ่องานถ่ายภาพศิลป์ครั้งนี้อย่างล้วงลึก จนถึงขั้นย้อนถามกลับไปถึงตอนไอเดียแรก โดยทั้งที่จริงแล้วเธอเองก็แทบไม่มีสิทธิ์ถามอะไรลึกขนาดนั้นเพราะเธอมาทีหลัง แต่กายก็ยังปล่อยให้เธอสามารถถล่มมิกด้วยคำถามสุดหฤโหด แต่โชคดีที่มิกและเจนมีประสบการณ์ในเรื่องที่ต่างกันสุดขั้ว ฉะนั้นคำถามและคำตอบมันเลยดูเหมือนจะไม่ได้สมการเท่าไหร่นัก ราวกับพูดคนละภาษา และมันก็จบลงด้วยเธอเองก็ต้องยอมรับมิกไปอย่างงงๆ ซึ่งสำหรับนัทแล้วมันช่างน่าขำ ไม่มีทางที่เจนจะถล่มมิกได้เลย มิกมีคำตอบที่ล้ำลึกมากพอที่ลูกค้าที่หินที่สุดยังต้องอึ้งมาแล้ว
   ประเด็นถัดมาคือเมื่อมาถึงการอธิบายเซ็ทภาพถ่ายนู๊ตที่เขาต้องถ่ายกับคุณฝน ใช่แล้วมันเป็นเซ็ทภาพถ่ายนู๊ทที่เขาต้องทาตัวสีเขียวและใส่เพียงกางเกงในสีขาวตัวจิ๋ว โดยที่คุณฝนจะห่มเพียงผ้าสีขาวพลิ้วไหวเหมือนสายลมและผืนป่า เขามั่นใจในตัวมิกและเห็นด้วยกับความงามนั้นเพราะมันไม่ได้อนาจารเลย และเพื่อไม่ให้ต้องใช้นายแบบที่เปลืองตัวมากไปนัก นัทจึงตอบตกลงที่จะเป็นเองเพื่อความสะดวกและรวดเร็ว ที่มันเป็นปัญหาก็คงดูเหมือนกับว่าเมื่อกายรู้ว่านัทกำลังจะต้องทำอะไร ดูเขาจะต้องขัดอะไรไปเสียทุกอย่างขึ้นมาซะอย่างนั้น ซึ่งนั่นทำให้นัทหงุดหงิดมาก
   “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว แยกย้ายกันดีกว่าครับ อีกครึ่งชั่วโมงไปเจอกันที่สตูดิโอถ่ายรูปชั้น 4  ครับ" มิกพูด
   “ขอเป็นชั่วโมงนึงได้ไหมคะคุณมิก" เจนกล่าวขึ้นอีก "ฉันไม่คิดว่าจะเตรียมชุดแล้วก็แต่งหน้าแต่งตัวทุกคนทันน่ะค่ะ"
   “คบกันคนละครึ่งทางก็แล้วกันครับคุณเจน 45 นาที ห้ามเลทนะครับ เพราะไม่งั้นเราจะช้ากันหมด" มิกพูดอย่างเฉียบขาดตามสไตล์ ใบหน้าของเจนดูถอยกรูไปก่อนที่ทุกคนจะลุกฮือแยกย้าย กายรีบปรี่เข้ามาหานัททันทีและ.....
   “คุณนัทคะ" ฝนร้องเรียกเขา นัทมองหน้ากายแว้บนึงก่อนจะฆันไปหาเจ้าของเสียง
   “ค...ครับคุณฝน" นัทพูด
   “คือฉันอยากจะมาเคลียร์ก่อนจะต้องถ่ายจริงก่อนน่ะค่ะว่า.....” ฝนพูดกระอักกระอ่วน
   “คือถ้าคุณไม่ถือ ผมก็จะเต็มที่นะครับ ผมไม่คิดอะไรอยู่แล้วครับ" นัทพูดพลางยิ้มกว้าง
   “ค่ะ...แต่ว่าก็เขินๆอยู่เหมือนกัน" ฝนกล่าว
   “เต็มที่กันดีกว่าครับ" นัทพูด "ช่างภาพของเซ็ทเราคือสาเป็นผู้หญิงด้วย แล้วผมเองก็จะอยู่ข้างหลังคุณมากกว่า เราก็คงไม่เห็นอะไรกันมากมายนัก"
   “ค่ะ งั้นแยกย้ายนะคะ" ฝนกล่าว
   “ครับแล้วเดี๋ยวเจอกัน"
   นัทพูดให้กับฝนซึ่งหายไปพร้อมกับมาร์คยังห้องแต่งตัว นัทเหลือบมองไปที่เจนที่เอาแบบร่างอะไรซักอย่างให้กายดูอย่างใกล้ชิดจนแทบจะปีนป่ายกันอยู่ตรงโซฟาอยู่แล้ว นัทถอนหายใจครั้งหนึ่งก่อนจะปลีกตัวออกมากับสาและมิกด้านนอกห้องประชุม
   “เป็นอะไรไป ทำหน้าซะเครียดเชียว" มิกพูดกับสาพอดีที่นัทปิดประตูห้องประชุม
   “ก็ถ้ายัยนั่นยังไม่หยุดถามอะไรอีกล่ะก็ แม่จะเควี้ยง DSLR ใส่ให้ขนตาหลุดเลย" สาว่าอย่างเผ็ดร้อน "มาทีหลังแล้วยังทำให้งานล่าช้าอีก"
   “เขาก็แค่อยากให้งานออกมาดีหรอกน่า" มิกว่า
   “มันก็ดีไงที่นายตอบยัยนั่นได้ แต่ให้ตายเถอะมิก นี่นายดูไม่ออกเหรอว่ายัยนั่นทำท่าดูถูกงานเราจะตายไป" สาว่า "ชุดที่เอามาให้เซ็ทโน้นก็ใช่ว่าจะสวย"
   “เอาน่าๆ รีบๆลงไปเตรียมของได้แล้ว" มิกพูด
   “ใครก็ได้ตอบฉันหน่อยซิว่ายัยนี่เป็นใครมาจากไหนกัน ทำตัวน่าหมั่นไส้ชะมัด " สาว่าพลางสะบัดเดินลงบันได
   “เขาเป็นแฟนเก่าของกาย ที่ฉันเคยเล่าให้ฟังเมื่อหลายเดือนก่อน" นัทพูดเรียบๆก่อนจะแทรกตัวลงบันไดตามไป "ก็ไม่แปลกที่เขาจะเป็นแบบนี้ เพราะเขาไม่ชอบขี้หน้าฉันตั้งแต่วันนั้นแล้ว"
   นัทเดินนำหน้าหายไปยังสตูดิโอ
   “โอ้" สาร้อง "กระจ่างชัดเลย"
   มิกถอนหายใจก่อนจะลากสาเดินลงบันไดตามนัทไป เมื่อมาถึงสตูดิโอมิกก็ร้องเสียงดัง
   “เอิร์ธ!!!”
   “ครับ" น้องฝึกงานหันมารับคำ
   “หายไปไหนมาอ่ะ" มิกถลาเข้าไปต่อว่า
   “ก็เปล่านี่ครับ ผมก็มาสิบโมงปกติ แต่เห็นพวกพี่ขึ้นไปประชุมกัน ผมก็เลยรออยู่นี่ ไม่มีอะไรทำ" เอิร์ธว่า
   “พี่หมายถึงเมื่อวาน ที่พี่บอกว่าพี่จะไปรับทำไมไม่รอ" มิกพูด
   “อ้อ เรื่องเมื่อวานผมก็มีอะไรจะบอกพี่เหมือนกัน" เอิร์ธว่าเสียงแข็ง
   “นายจะว่าอะไร นายเป็นเด็กของพี่ นายไม่มีสิทธิ์ไปทำงานให้คนอื่นถ้าพี่ไม่อนุญาต โดยเฉพาะไอ้ไบรท์ ถ้านายยังไม่ได้รู้จักมันดีพอ นายก็ไม่จำเป็นต้องไปช่วยมัน" มิกพูดเสียงเฉียบขาด "แล้วอีกอย่างที่โทรไปบอกให้รอ พี่จะไปรับทำไมไม่รอ"
   “งั้นผมก็ขอโทษด้วยครับที่ไม่ทราบว่าผมไม่ควรไปทำงานให้พี่ไบร์ท แต่พี่เค้ามาขอแล้วผมก็ไม่เห็นว่าไม่ควรจะช่วยเขาตรงไหนผมเป็นแค่เด็กฝึกงานนะครับ และผมก็ทำสมุดของพี่เสร็จแล้วด้วย" เอิร์ธว่า "แต่ข้อสำคัญ ผมไม่ชอบให้ใครมีเบอร์โทรผมโดยที่ผมไม่อนุญาตเหมือนกัน และที่สำคัญตอนนอกเวลาฝึกงานแล้ว ทำไมผมต้องรอพี่ด้วยล่ะ"
   มิก สา และนัทอึ้งกับคำพูดของเอิร์ธอย่างทันที เด็กคนนี้นี่ไม่เบาจริงๆ
   “อ...อะไรนะ" มิกว่า "นี่พี่จะมีเบอร์แกไม่ได้เลยเหรอ"
   “มันก็เรื่องที่ผมขอก็แล้วกันครับ" เอิร์ธว่า "แต่ถ้าพี่มีไปแล้วก็ไม่เป็นไรครับ แต่พอหลังเลิกงานก็คือเราสองคนก็ไม่ต้องติดต่อหันหรอกมั้งครับ แล้ววันนี้พี่มีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่า"
   มิกอึ้งอยู่พักนึงก่อนจะตั้งสติได้
   “เราจะมีถ่ายรูปกันที่สตู 4 และ 5 ไปจัดไฟให้เสร็จ พี่ให้เวลาสิบห้านาที" มิกว่า "พี่หมายความตามคำที่พูด"
   เอิร์ธมองหน้ามิกอยู่ขณะหนึ่งก่อนจะออกเดิน
   “ฟังพี่น่ะ มันก็ไม่ได้แย่นักหรอกนะน้อง" มิกพูดขึ้น เอิร์ธนิ่งอยู่พักหนึ่งก่อนจะออกเดินไป
   “เห้ย แกไม่ต้องโหดขนาดนั้นก็ได้ป่าววะ น้องมันไม่รู้เรื่องอะไรของแกกับไบร์ทนะ" นัทว่า
   “ใช่ แล้วที่จริงน้องเค้าก็ทำถูกนะ ลองคิดสิว่าถ้าน้องเค้าไม่ไปกับไอ้สารเลวนั่น เดี๋ยวมันก็ได้ปากปีจอขึ้นมาอีกหรอก เพราะน้องเค้าก็เด็กแกนะ" สาพูด "ส่วนเรื่องเบอร์น่ะ บางคนเค้าก็ถือนะ เด็กสมัยนี้ก็เป็นกันเยอะออก"
   “แล้วพวกนายสองคนลืมไปแล้วหรือไงว่าตอนมาฝึกงานที่นี่ มันทำอะไรกับเราเอาไว้บ้าง แล้วเดือนที่แล้วมันทำอะไรฉันไว้บ้าง" มิกพูด "เด็กมันเก่งก็จริง แต่ก็ต้องกดมันไว้บ้าง เหลิงไปมากเดี๋ยวก็เป็นเหมือน.......”
   มิกเงียบเสียงก่อนถึงคำที่นัทก็พอจะนึกออกว่าเป็นใคร
   “ก็อธิบายบ้างไรบ้างก็ได้" สาพูดเบาๆเพื่อให้อะไรๆเย็นลง "แกอ่ะก็อย่าใช้อารมณ์มากสิวะ คุยแบบเหตุผลใช้เหตุผลบ้างก็ได้ อาร์ทแดกไปครึ่งตัวแล้วเนี่ย ทุกคนไม่ได้เหมือนฉันกับนัทนะเว่ยที่จะตามแกทันน่ะ"
   มิกสะบัดหัวไล่เรื่องซีเรียสออกไป ก่อนจะเบาอารมณ์ลง
   “เอาเหอะๆ ยังไงฉันก็ไม่ได้จงชังน้องเค้าหรอก ก็ที่ทำเนี่ยก็เพราะเป็นห่วง พวกแกก็รู้" มิกว่า
   “เออ พวกฉันรู้ เวลาแกเป็นห่วงใครทีไร พยายามช่วยใคร ทำเอาคนที่ถูกห่วงโคตรเครียดเลย" นัทแซว สาเห็นด้วยเลยต่อยเข้าที่แขนมิกหมัดนึง
   “ไปแต่งตัวดิ" มิกบอกนัท
   “แต่งตัว?” นัทว่า "ผมไม่ได้ใส่อะไรเลยคับ กางเกงในตัวเดียวคับ"
   “งั้นก็ไปทาตัวได้แล้วไปนัท เดี๋ยวยัยเจนเกิดทวงเวลาขึ้นมา ไอ้มิกได้หน้าแหก" สาพูด
   นัทรับคำก่อนจะเดินไปในห้องน้ำทันที
…...........
   บรรยากาศมาคุที่เกิดขึ้นคงเป็นจากมิกและเอิร์ธมากกว่า แต่ที่ทำให้การทำงานสำหรับสบายมากขึ้นไปอีกคือการทำงานที่ต้องแยกสตูดิโอกันถ่ายภาพไวท์สกรีน มาร์คและเจน จะถูกถ่ายโดยกายสิทธิ์พ่อมดของวงการที่สตูดิโอ 4 ส่วนภาพถ่ายที่ต้องมิดชิดหน่อยก็เลยยกมาถ่ายกันที่ สตูดิโอ 5 ที่อยู่ริมสุดและไม่มีหน้าต่าง มิกที่กลายเป็นผู้เช็คงานพอใจเล็กๆกับการจัดไฟของน้องเอิร์ธที่ปรับเอาไว้พอดีราวกับรู้ว่ากายและสาต้องการแสงเท่าไหร่ มิกกันน้องเอิร์ธออกไปจากสตูดิโอ 5 เพราะมันค่อนข้างติดเรทนิดหน่อย ในสตูก็มีแต่สา นัท และคุณฝน ที่มีมิกแวะเวียนมาบ้างเพื่อตรวจดู
   อาการเคอะเขินคงเกิดขึ้นแต่เฉพาะคุณฝน   เพราะผ้าที่ใช้ปกคลุมร่างกายเธอเป็นเพียงผ้าพลิ้วๆสีขาวที่ต้องพัดโดยพัดลมตั้งตัวใหญ่อีกที แต่พอผ่านไปได้ซักสิบห้านาที เธอก็สามารถแสดงฝีมือออกมาได้อย่างน่าประทับใจ ผิดกับนัทที่ออกจะเคอะๆเขินๆ และทำตัวไม่ค่อยถูก เขาถูกมิกและสาให้เป็นนายแบบอยู่หลายครั้ง แต่ครั้งนี้ก็โหดเอาการอยู่
   “โทษทีเถอะนัท ถอดเลยได้ไหม" สาเหยปากเชิงขอร้อง
   “อ...อะไรนะ" นัทร้อง
   “เร็วๆสิ มันกำลังได้ ชายผ้าคุณฝนเขาปิดตรงนั้นพอดี กำลังสวยเลยเนี่ย เร็วๆ" สาเร่ง
   “รีบเลยค่ะคุณมิก มันจะหลุดแล้วค่ะ" ฝนเร่งอีก
   ถึงนี่มันจะอยู่นอกเหนือที่ตกลงกันไว้ แต่นัทก็ทำใจ เขาหลับตาหนึ่งครั้งก่อนที่จะถอดชื้นส่วนสุดท้ายออกไปโดยเร็ว
   “สุดยอด" สาพึมพำตามสไตล์ "อีกสี่นะคะ หนึ่ง สอง"
   เสียงกดชัตเตอร์ของสาดำเนินไปพร้อมกับเสียงเปิดประตูที่คราวนี้มันเปิดกว้างเกินจำเป็น นัทพบว่า ผู้คนจากสตูดิโอ 4 คงถ่ายเสร็จแล้วเพราะคนที่เดินนำเข้ามาอย่างเงียบเชียบไม่ให้เสียสมาธิสาคือมาร์ค ตามมาด้วยมิกและน้องเอิร์ธ นัทหน้าเริ่มแดงเล็กน้อย พลางทำหน้าเหยเก
   “สมาธินัท อย่าไปกังวล อีกนิดเดียว สุดท้ายแล้ว คุณฝนคะ ซ้ายหน่อยค่ะ" สากำกับอย่างมืออาชีพ
   ทันใดนั้นโดยที่เขาไม่ทันจะตั้งตัวคนที่ตามเข้ามาเป็นคนสุดท้ายก็คือ......
   “เสร็จแล้ว" สาร้องพลางลดกล้องลง แต่โดยที่ทุกคนตั้งตัวไม่ทันคือ กายเดินตรงรี่ไปหานัทและ...
   พรึ่บ!!
   กายห่อตัวของนัทเอาไว้ด้วยผ้าขนหนูที่เขานำติดตัวมาอย่างรวดเร็วพอดีกับที่น้องเอิร์ธปิดพัดลมแล้วฝนก็รวบผ้าสีขาวของเธอห่อตัวเธอได้เองอย่างมิดชิด ท่ามกลางสายตาหลายคู่กับการกระทำของกาย นัทมองหน้าเขา กายมองเขากลับด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหมาย
   “ผมไม่อยากให้ใครเห็น สิ่งที่มันเป็นของผม" กายกระซิบเบาๆตรงหน้าเขา ขณะที่ตัวเขาบังนัทจากคนอื่นๆที่อยู่ด้านหลัง "รีบไปหาอะไรใส่ซะ"
   “นี่..คุ....” นัทพยายามจะเถียง
   “อย่าเป็นตรงนี้ได้ไหม ขอร้อง" กายพูดเบาๆ นัทจึงชะงักอยู่พักนึงก่อนจะจับผ้าขนหนูนั้นห่มตัวเองออกไปจากห้อง เขารับรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่ามีมิก สา และมาร์คกำลังมองเขาแบบไม่ให้ผิดสังเกตในขณะที่คุณฝนได้รับการดูแลโดยน้องเอิร์ธที่เตรียมเสื้อผ้าเอาไว้ให้เธอเรียบร้อยแล้ว นัทเดินไปยังประตูสตูดิโอพอดีกับทีร่างๆหนึ่งแทรกเข้ามา
   “กายคะเห็นผ้าขนหนูที่เจนเตรียมไว้ให้คุณนั......” เจนชะงักเมื่อเห็นนัทอยู่ตรงหน้าเธอพร้อมผ้าขนหนูที่เธอตามกำลังหา นัทพยายามไม่สบตาเธอ เพราะตอนนี้เขาหน้าแดงจนแทบจะระเบิดแล้ว มันมาจากความโกรธและเสียใจ "งั้นก็เอ่อ.....รีบหน่อยนะคะคุณนัท ฉันต้องรีบเก็บของ ฉันกับกายเราจะออกไปข้างนอกกันต่อน่ะค่ะ"
   นัทเงยหน้าขึ้นมามองหน้าเธอจนได้ ก่อนจะหันหลังไปมองหน้ากาย
   “ได้ครับ" นัทพูดขึ้นแม้ว่าจะยังไม่ละสายตาจากกาย "งั้นคุณก็ช่วยหลีกให้ผมไปซะทีนะ"
   เจนเงียบไปครู่นึง เธอพยายามตีความหมายว่านัทกำลังว่ากระทบเธอหรือใคร แต่ทว่านัทก็แทรกตัวผ่านตัวเธอไปเสียแล้ว กายยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น แม้ว่าคนอื่นๆจะพยายามทำอะไรบางอย่าง เก็บของ หรือช่วยดูแลคุณฝน เพื่อให้ทุกอย่างดูเป็นปกติ แต่มิกกลับจ้องกายด้วยสายตาที่แข็งกร้าว ก่อนจะหลบตาลง
   “เอิร์ธ" มิกเรียกขึ้น ทันทีกับที่เข้าของชื่อรับคำ "ไปช่วยพี่นัทล้างตัวไป เอาเสื้อผ้าพี่เขาไปให้ในห้องน้ำด้วย อยู่บนโต๊ะดราฟที่สตูชั้นล่างนะ คุณกาย....”
   กายดูจะตกใจเล็กน้อยที่ถูกเรียกชื่อ
   “คุณจะเอายังไง" มิกถามขึ้น สาถึงกับจ้อมมิกตากถลน "ผมหมายความว่า คุณจะให้ผม สา หรือว่าคุณจะเช็ครูปเอง รวมรูปที่ใครยังไงน่ะครับ"
   “เอ่อ......สา คุณคัดรูปที่คุณว่าโอเคมาให้ผมเลยแล้วกันครับ ผมขอ 80 ใบ ของผมอีก 80 แล้วเดี๋ยววันพรุ่งนี้เราช่วยกันคัดกันอีกรอบสุดท้าย"
   สาถึงกับใจหล่นไปอยู่ตาตุ่ม นึกว่าจะมีการวางมวยกันเสียแล้ว
   “ได้ค่ะ ได้เลย" สาพูดอึกอัก
   “งั้นผมฝากทางนี้ด้วยนะครับคุณมิก" กายว่า เหมือนพยายามจะสื่ออะไรบางอย่าง "ผมขอตัวไปช่วยเพื่อนๆจัดข้าวของแล้วไปส่งพวกเขาก่อน"
   “รีบหน่อยก็ดีนะคะกาย เจนมีธุระค่ะ" เธอกล่าวขึ้น สาถึงกับมองเธอด้วยสายตาอาฆาตแว้บนึง และหลังจากนั้นคุณฝน กายและเจนก็เดินออกจากห้องไป
   ปึง!!!!
   มิกต่อยเข้าที่กำแพงครั้งหนึ่งพลางกัดฟันกรอด ทันทีที่ประตูสตูดิโอปิดลง มิกหน้าแดงก่ำจนน้ำตาคลอเบ้า
   “มิก"สาเดินเข้าไปจับมือเพื่อนรักเบาๆ "นายบอกแล้วนะ ว่าจะพยายามลืม เราทุกคนที่นี่"
   “เธอตาบอดรึไง ไม่เห็นเหรอ" มิกพูดสั้นๆ "เธออาจจะตาบอดก็ได้ แต่ฉันเชื่อว่าความจำเธอไม่ได้เสื่อม"
   “นายโกรธคุณกายมันจะได้อะไรขึ้นมาล่ะ" สาถามตรงประเด็น
   “ฉันไม่ได้โกรธเขา" มิกตอบ สาทำหน้าสงสัย และทันใดนั้นน้ำตาของมิกไหลออกมา "ฉันโกรธคนของเรา ฉันเห็นสายตามันมองเขา มันไม่ได้พยายามลืมเหมือนที่มันอยากให้พวกเราทำ"
   สาพ่นลมออกเบาๆก่อนจะก้มหน้าลงรับความจริง
   “ทำไมวะ" มิกร้อง "มันจะดึงดันให้ตัวเองเจ็บทำไมวะหะ"
   สาหันไปหามาร์คพลางยื่นกล้องให้เขาเก็บ ขณะที่เธอเก็บของส่วนตัว
   “ฉันเชื่อว่า มันก็กำลังถามแกด้วยคำถามเดียวกันเหมือนกัน" สาพูดเรียบๆพลางออกเดินไปจากสตู "และฉันเองก็อยากถามแกด้วยเหมือนกัน"
   สาปิดประตูสตูดิโอลง ทิ้งให้มิกจมอยู่กับความเจ็บปวดเพียงลำพัง
….........
   “เห้ย!!!” เอิร์ธร้องเสียงหลงเมื่อเปิดประตูสตูดิโอกลับเข้ามาเพื่อเช็คความเรียบร้อยอีกครั้งหลังจากงานถ่ายรูปจบไปกว่าสองชั่วโมง เขาพบร่างๆหนึ่งนั่งกอดเข่าอยู่ตรงมุมมืดของห้อง เอิร์ธเดินเข้าไปใกล้ก็พบว่าเป็นมิกที่ยังนั่งอยู่ที่เดิมโดยที่มือมีรอยเลือดและฟกช้ำ เอิร์ธยังไม่ทันจะถามอะไรก็รีบออกไปจากห้อง และกลับเข้ามาในอีกไม่กี่อึดใจพร้อมกับกระเป๋าพยายามบาลฉุกเฉินที่อยู่ตรงปลายของทางเดิน แม้ว่าการเดินอันโครมครามของเอิร์ธจะดังหรือจะเข้าออกห้องเป็นครั้งที่สองแล้ว มิกก็ยังคงนั่งนิ่งสายตาจับจ้องไปที่พื้นเช่นเดิม
   เอิร์ธไม่พูดถามอะไรทั้งนั้น เขาจับมือมิกขึ้นมาพร้อมกับเริ่มทำแผลให้กับพี่เลี้ยงของเขา
   “แผ่นอคูสติกมันทำด้วยกระดาษอัดพี่มิก" เอิร์ธกล่าว "ถึงยังไงพี่ต่อยมันก็ต้องได้แผล"
   มิกหันไปมองเด็กหนุ่มที่กำลังทำแผลให้เขา
   “ไม่อยากรู้เหรอว่าพี่เป็นไร" มิกถามด้วยเสียงแหบพร่า
   “ถ้าพี่อยากบอกพี่ก็บอกเองแหละ" เอิร์ธว่า "ผมค่อนข้างเคารพความเป็นส่วนตัวของคนอื่นน่ะ"
   มิกส่ายหน้าน้อยๆ
   “กลับมาเช็คของรึไง" มิกถาม
   “ครับ" เอิร์ธตอบ "นี่เย็นแล้ว ผมจะกลับแล้วด้วย"
   “งั้นไม่ต้องทำแล้วไป รีบนักก็" มิกกระชากมือกลับ แต่เอิร์ธก็ดึงมันกลับมาอีก
   “อยู่เฉยๆดิพี่ ผมพูดซักคำยังว่ารีบอ่ะ" เอิร์ธว่า "ทำไมชอบคิดอะไรไปเองนะพี่เนี่ย มันไม่ได้แย่นะถ้าจะปล่อยวางบ้างน่ะ เราคนเดียวคุมอะไรทุกอย่างไม่ได้หมดหรอก"
   “ต้องการจะสื่อไรป่ะเนี่ย" มิกถามกลับ
   “ก็ปล่าว ก็ผมเห็นพี่ทำงานวันนี้อ่ะ พี่ไม่เหนื่อยหรือไง" เอิร์ธถามขึ้น มิกถึงกับสะดุดกับคำถามนั้น ไม่มีใครเคยถามเขาแบบนี้มก่อนเลยนี่นา
   “ก็ถ้าไม่ใช่พี่ มันจะได้อย่างนี้หรอเปล่าล่ะ" มิกตอบ "คนเราทำอะไรได้ด้วยตัวเอง ก็ต้องทำให้ได้ จะได้ไม่ต้องไปรบกวนคนอื่นเค้า"
   เอิร์ธเริ่มพันผ้าพันแผลให้มิก ก่อนจะพูดต่อ
   “แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าพี่จะต้องคิดอะไรคนเดียวนี่" เอิร์ธว่า "ผมว่าพี่น่าจะลองแบ่งอะไรๆออกไปบ้างนะ อย่างน้อยก็เรื่องงาน ดูจากสภาพแล้วเนี่ย พี่ไม่ปกติแน่ๆตอนเนี้ย"
   “ทำเป็นรู้ดีเหอะ" มิกพูด
   “แล้วจริงป่ะล่ะ" เอิร์ธย้อน "อย่างเรื่องงานบางอย่างพี่แบ่งๆมาให้ผมช่วยคิดบ้างก็ได้นะ ไม่ต้องมาสั่งๆอย่างเดียวหรอก"
   “ทำไม ไม่อยากทำอ่ะดิ" มิกว่า
   “ปล่าว พี่สั่งอะไรมาอ่ะผมทำอยู่แล้วแหละ" เอิร์ธตอบ "ผมก็แค่อยากแบ่งเบาน่ะ ในทุกๆเรื่อง เห็นสภาพพี่แบบนี้แล้ว ผมไม่สบายใจว่ะพี่"
   มิกหันไปมองเอิร์ธอย่างไม่เคยเห็นเขามาก่อน
   “ขอบใจนะ" มิกพูดขึ้น เอิร์ธยิ้มให้พลางยักคิ้ว "ไม่ต้องเก็กหล่อใส่พี่ก็ได้มั้ง"
   “หึหึ" เอิร์ธหัวเราะในลำคอ
   “ที่พี่ไม่อยากให้แกไปช่วยอะไรเจ้าไบร์ทน่ะ เพราะมันเป็นตัวอันตรายของที่นี่ มันเคยทำเรื่องไม่ดีกับพี่แล้วก็พี่สาพี่นัทไว้เยอะ พี่ไม่อยากให้เราต้องมาเจอแบบเดียวที่พี่เจอที่นี่" มิกพูดขึ้น "ทั้งหมดที่เข้มงวดไป ก็เพราะเป็นห่วงเว่ย"
   “หึหึ กะแล้ว" เอิร์ธว่า มิกขมวดคิ้ว
   “ไรวะ" มิกถาม
   “ก็ผมไปทำงานกับเขามาน่ะ เขาแม่งโคตรกากเลยพี่" เอิร์ธพูด "ทำงานกับพี่ยังสนุกกว่าตั้งเยอะ ก็รู้แล้วแหละว่าทำไมพี่ถึงไม่อยากให้ไปทำ แต่พี่ไม่พูดนี่"
   “นี่เราลองใจพี่เหรอหะ" มิกโขกกระโหลกน้องไปหนึ่งที
   “โหไรวะ ดุอีกและ ก็แค่อธิบายให้ฟัง"
   เอิร์ธพูดพลางลุกขึ้นเก็บของ
   “ไปได้แล้วพี่ เลิกนั่งเล่นเอ็มวีได้แล้ว ไปทำงานต่อกันเหอะ มีอะไรให้ช่วยก็สั่งมา" เอิร์ธว่า
   มิกยิ้มให้เด็กหนุ่มหนึ่งที
   “งั้นนายกลับไปพักผ่อนไป เดี๋ยวเก็บกวาดที่นี่เอง เหนื่อยมาทั้งวันและ" มิกยิ้มให้
   เอิร์ธเลิกคิ้ว ก่อนจะโบกมือลา
   “งั้นบายพี่มิก เจอกันพรุ่งนี้" เอิร์ธกล่าวพลางเดินไปยังประตูสตูดิโอ "อย่าให้แผลโดนน้ำล่ะ"
   มิกมองที่มือของตัวเองก่อนจะยิ้มกว้าง การมีคนอื่นมาเป็นห่วงบ้างมันก็รู้สึกดีเหมือนกันนะ
   มิกคิดโดยไม่รู้เลยว่าเรื่องเล็กๆนี้มันจะเป็นเรื่องใหญ่ในไม่ช้านี้
…........

DexTunG

  • บุคคลทั่วไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






July_Moon

  • บุคคลทั่วไป
>///<
มิก เอิร์ธ
หรือ เอิร์ธ มิก กันแน่นะ อ๊ายยยยยย แต่ชอบหมดนั่นล่ะ หุหุ

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
บทที่ 14 One fine Day

   “โอเคและ ในที่สุดก็เหลือ 20 รูปสุดท้าย เป็นอันว่าจบเรื่องงานถ่ายภาพ" พูดเสียงขณะเดินลงมาที่สตู "งานบิลบอร์ด คุณกายเค้ารับทำอง ส่วนบู็ทที่เหลือก็ตามที่เราร่างเสก็ชไว้ตอนนู้น เอาเอ้าท์ไลน์เดิมมาทำได้เลย"
   “งั้นก็ดีเลย" นัทพิมพ์งานอยู่สองสามทีก่อนจะกดเอนเทอร์ "เราก็ไม่มีอะไรต้องทำจนกว่าจะส่งงานอีกรอบวันศุกร์หน้า สินะ"
   “ที่จริงเหลือแต่งานทำมือนะ" สาว่า "แต่จากสภาพแล้ว.....”
   สาและนัทมองไปยังมิกที่กำลังนั่งมองผ้าพันแผลอย่างครุ่งคิด เขารู้สึกประทับใจเจ้าเด็กหนุ่มนั่นขึ้นมาเสียง่ายๆ วันนี้เขาทำอะไรได้ไม่ถนัดนักด้วยความที่มือขวามีผ้าพันอยู่ ซึ่งเขาก็เพิ่งได้รับการเปลี่ยนผ้าใหม่ด้วยมือของเจ้าเด็กหนุ่มคนเดิมที่มาทำให้เขาเมื่อตอนเช้าก่อนจะเข้าไปเลือกรูปไฟนอล
   “ว่าแต่แกไหวป่ะเนี่ย" นัทสะกิดถาม
   “ไหวดิ ไหวอยู่แล้ว" มิกพูดแม้ว่าจะไม่ละสายตาไปจากมือขวาของตัวเอง
   “แล้วน้องตัวดีแกไปไหนแล้วล่ะ" สาถามขึ้น
   “ไปล้างรูปที่เหลือน่ะ ฉันจะเก็บเอาเข้าคอลเลคติ้งบุ๊ค" มิกพูด
   “เออดีเหมือนกันเดี๋ยวฉันล้างส่วนของฉันด้วยดีกว่า" สาพูดพลางเดินออกไปที่หน้าสตูดิโอ "เอิร์ธ เอิร์ธ"
   “เรียกมันทำไม" มิกถาม
   “เอ้า ฉันก็จะใช้น้องมันเอาการ์ดฉันไปล้างอัดน่ะสิ" สาตอบพลางทำหน้าสงสัย
   “เอิร์ธมันไม่ว่าง" มิกพูดเรียบๆ นัทหันขวับมาหาเพื่อนทันที มิกมองไปรอบๆ "ฉันจะพาน้องออกไปข้างนอก ไป...เอ่อ....พบลูกค้า"
   “ลูกค้า?” นัททวนคำ "ลูกค้าไหนอีกวะ"
   “ก็.....ที่ให้ CI ร้านอาหารไง ไม่มีไรหรอกน่า" มิกพูดจบพอดีกับที่เอิร์ธเดินกลับเข้ามาในสตูดิโอ สามองตามไปอย่างพินิจพิเคราะห์
   “นี่รูปคับพี่" เอิร์ธวางลงบนโต๊ะของมิก
   “ขอบใจมาก พร้อมหรือยัง พี่จะไปแล้ว" มิกถามขึ้น
   “เอาดิพี่ ผมก็ไม่ได้ต้องทำอะไรแล้วเหมือนกัน" เอิร์ธตอบ มิกจึงเก็บข้าวของลุกขึ้น พลางจับตัวเอิร์ธแล้วออกเดินไปจากสตูดิโอทันที
   “ฉันว่าแปลกๆและ" สาพูดพลางเดินไปสะกิดนัท
   “อะไรแปลก" นัทถาม
   “ก็สุดที่รักตัวกวนของแกไง" สาแซว "เดี๋ยวนี้มีพาออกไปข้างนอกกันด้วย"
   “โอย นี่เธอก็เพลาบ้างก็ได้เรื่องเก็บรายละเอียดเนี่ย ไม่เห็นมีอะไรเลย" นัทว่า "ก็เอิร์ธเค้าเป็นเด็กมิกมัน มันก็พาออกไปดูงานเหมือนตอนที่เจ๊ผึ้งพาเธอไปนั่นแหละ"
   “แต่ยังไงฉันก็ว่าแปลกอยู่ดีอ่ะ" สาว่าพลางหรี่สายตาลง "เมื่อเช้า พอฉันเข้าออฟฟิศมาก็เห็นเอิร์ธเค้ากำลังเปลี่ยนผ่าพันแผลให้มิกอยู่พอดีเลย"
   “นี่แม่คุณ การที่มิกมันชอบฉันก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะต้องจับคู่ให้มันกับผู้ชายคนอื่นๆไปทั่วนะคับ" นัทว่า "ทำตัวเป็นสาววายไปได้"
   “แหม ฉันก็แค่อยากเห็นเพื่อนๆฉันมีความสุขบ้างไรบ้าง" สาร้อง
   “อยากจิ้นคนเดียวล่ะสิไม่ว่า" นัทพูดพลางเอื้อมมือไปหยิบแฟ้มที่สาหิ้วลงมาจากห้องของบอสหลังจากที่เธอและมิกไปช่วยกันเลือกรูปกับกายเมื่อเช้า มันเป็นแฟ้มรูปไฟนอลที่คัดจากการถ่ายรูปเมื่อวานเซ็ทละ 10 ใบ นัทเปิดมันออกก่อนจะต้องสะดุดกับภาพข้างใน
   “นี่มันอะไรกันเนี่ย" นัทร้อง
   “อะไรเหรอ" สาทักพลางก้มมาที่โต๊ะของนัท
   “ก็รูปพวกนี้น่ะสิ" นัทพูด "นี่แน่ใจนะว่านี่คือดีที่สุด"
   “เอาความจริงมะ" สาถาม
   “ความจริงดิ" นัทรับมุกเธอ
   “รูปของคุณกายเสียเยอะมากเลยเหอะ" สาพูดทันทีอย่างไม่อ้อมค้อม "ฉันเห็นรูปเค้าแล้วก็แปลกใจอยู่เหมือนกัน เลือกยากมาก สงสัยจะเกิดจากยัยเจนที่เร่งเวลาคุณกายละมั้ง ดูเขารีบๆถ่ายชอบกล นี่ดูรูปสุดท้ายนี่ ดีนะที่เขาใส่เอฟฟเฟคไป ไม่งั้นออกมาแย่มาก เดาได้เลยว่าเขากำลังกังวลอะไรบางอย่าง ฉันสงสัยว่าเป็นเรื่องเวลาน่ะ"
   “ไม่ใช่หรอก" นัทพูดโพล่งขึ้น
   “อะไรนะ" สาทวนคำ
   “เอ่อ......ไม่มีอะไร ขอแฟ้มนะ" นัทคว้าแฟ้มพลางลุกขึ้น
   “นายจะไปไหนอ่ะ" สาพูด
   “ไปถามหางานที่มี Quality ดีกว่าน่ะสิ" นัทพูดพลางจ้ำอ้าวขึ้นไปบนห้องของบอสทันที โดยไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้น นัทเปิดประตูเข้าไปโดยไม่รีรอ
   “คุณต้องอธิบายเรื่องพวกนี้มาเดี๋ยวนี้เลยนะคุณ.....อ้าว บอส" นัทถึงกับชะงักเมื่อในห้องของบอสพิพัฒน์นั่งอยู่ที่โต๊ะ ที่เขาเกือบลืมไปแล้วว่าห้องนี้เป็นห้องของบอสไม่ใช่กาย
   “อ้าวนัท.....ตกใจหมดเลย มีเรื่องอะไรเหรอ" บอสถาม
   “เอ่อ...หลานรักบอสเค้าไปไหนแล้วล่ะครับ" นัทถามทันที
   “เขาไปแล้ว" บอสตอบ
   “ไป....ไปไหนครับ" นัทถาม
   “ก็ไปแล้วไงเล่า" บอสทวนคำ "ตอนนี้มันก็ไม่ได้มีงานอะไรที่ต้องทำกันในทีมที่หนักแล้วนี่ รอส่งงานในสุดสัปดาห์นี้ แล้วก็รอผลตัดสินแล้วเจ้านัท เช็คตารางการประกวดบ้างหรือเปล่า"
   นัทอึ้งไปเล้กน้อย
   “อะไรนะครับบอส" นัทพูด
   “โฮ่ๆ สงสัยนี่แกคงจะโหมงานหนักไปจนเบลอเลยล่ะสิ" บอสว่า "เจ้ากายมันไปแล้ว เค้าถือว่าจบโปรเจ็คแล้วไง ที่เหลือก็แค่งานที่พวกเราต้องทำต่อกันเองไม่ใช่เหรอ บอสพูดถูกไหม"
   นัทครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
   “ทำไม เกิดติดใจเจ้ากายขึ้นมาล่ะสิ" บอสแซว นัทถึงกับสะดุ้งเฮือก
   “ม...ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ" นัทพยายามแก้ตัว
   “เอาน่า บอสเข้าใจ เจ้ากายมันเก่ง คนไปแรงอย่างเราก็คงสนุกที่ได้ทำงานกับเขานั่นแหละ" บอสตอบขำๆ "อืม ถ้าเรามีอะไรกับเขาก็คงต้องติดต่อเขาเองแล้วล่ะมั้ง เจ้ากายคงกลับมาที่นี่อีกทีก็คงหลังจากผลประกาศไปแล้ว ซึ่งนั่นก็อีก...”
   “หนึ่งเดือน" นัทพูดเบาๆ เขารู้สึกเหมือนอะไรซักอย่างในตัวเขาหายวับไป กลายเป็นความรู้สึกโล่ง ที่ไม่ใช่สบายตัว เป็นความโล่งที่เกิดจาก......ความเดียวดาย
   “แล้วมีอะไรเร่งด่วนหรือเปล่า เดี๋ยวบอกโทรตามมันให้ก็ได้นะ แต่ไม่รู้มันจะรับหรือเปล่านะ หึหึ" บอสว่า "พ่อมดเป็นอิสระอีกทีแล้วนี่นา ฮ่า ฮ่า ฮ่า"
   “ไม่ต้องหรอกครับบอส" นัทพูดนิ่งๆ "ผมไม่มีอะไรกับเขาแล้วครับ"
   นัทพูดพลางหันหลังกลับ
   “อ้อ เดี๋ยวๆ" บอสเรียกตัวเขา "กายเค้าฝากนี่ไว้ให้คุณด้วยแหนะ ดูมันคงจะกวนประสาทคุณอีกแน่เลย"
   “อะไรเหรอครับ" นัทว่าพลางหันไปดู เขานิ่งสนิทเล็กน้อยเมื่อเห็นของตรงหน้า
   สิ่งที่บอสถืออยู่ในมือคือ ลูกอมโลลิป็อบเม็ดเล็กๆที่เขาเคยยิงเป้าในงานวัน Fun In Park ที่กายกับเขาไปหา Inspiration ด้วยกันเมื่อหลายเดือนก่อน มันยังคงถูกห่อมิดชิดอย่างสวยงามเหมือนวันแรกที่เขายิงมันได้ นัทเดินเข้าไปหยิบมันคืนจากบอสด้วยมือสั่นเทา
   “ฮ่าๆๆ ลูกอม หมอนี่มันกวนประสาทจริงๆ" บอสพูด
   นัทไม่ได้ตอบอะไร แต่เขาเดินกลับออกจากห้องไปโดยที่แทบไม่มีเรี่ยวแรงใดใดอีก
….........
   “อ่ะ" มิกยื่นถุงน้ำอัดลมให้กับเด็กหนุ่มหน้าหล่อน้องฝึกงานที่สวนกลางกรุง เอิร์ธรับมันมากินอย่างไม่ค่อยสบายอามรณ์นัก มิกนั่งลงข้างๆน้องก่อนริมบึงน้ำ
   “ไม่มีลูกค้าใช่ไหมเนี่ยพี่" เอิร์ธถามขึ้นตรงๆ พลางดูดน้ำอัดลมไปด้วย ขณะที่มิกมองออกไปที่บึง
   “อือ" มิกตอบห้วนๆ "แค่ไม่อยากอยู่ในสตู"
   “ทนไม่ไหวแล้วอ่ะดิ" เอิร์ธว่ามิกมองหน้าน้อง
   “เห้ยนี่รู้มากอ่ะ รู้ตัวป่ะเนี่ย" มิกว่า
   “หึหึ" เอิร์ธหัวเราะในลำคอแล้วก็ยักคิ้วใส่มิก ซึ่งเจ้าตัวมองหน้าแล้วก็แอบเบื่อวิธีเก็กหล่อของเจ้าเด็กหนุ่มนี่เต็มทน "ทนไม่ไหว ก็ไม่ต้องทนดิ๊"
   “ก็ถึงออกมานี่ไง" มิกพูด พลางส่ายหน้า "โทษทีเว่ย ที่จริงก็ไม่อยากให้ต้องมาดราม่าหรอก"
   “เห้ย ไม่เป็นไรพี่ ผมเข้าใจ" เอิร์ธตอบ "มันก็ต้องมีทุกที่แหละ ผมชินแล้ว"
   “เออ ขอบใจนะ เรื่องมือเนี่ย" มิกพูด
   “เปลี่ยนผ้าอีกทีก็คงหายแล้วพี่" เอิร์ธพูด
   “เอิร์ธ ถามไรอย่างดิ" มิกว่า "นายเคยเป็นห่วงใครมากๆ จนถึงยอมสละตัวเองเพื่อเขาหรือเปล่า"
   “เคยพี่" เอิร์ธพูด "แต่ไม่ทำแล้ว"
   “ไมอ่ะ" มิกถาม
   “มันเหนื่อยพี่" เอิร์ธตอบ "แล้วคนที่เราไปห่วง แม่งก็จะไม่โตว่ะพี่"
   มิกหันไปมองน้อง
   “เพราะบางทีเราไม่จำเป็นต้องไปรับผิดชอบอะไรแทนเขานะ คนเราอ่ะ อยู่อย่างพ่ายแพ้บ้างก็ได้ มันจะไปสมหวังทุกอย่างได้ยังไงเล่า จริงป่ะล่ะ" เอิร์ธตอบ
   “ไม่เคยรักใครอ่ะดิ" มิกแซว
   “หึหึ" เอิร์ธหัวเราะอีก "ผมไม่รักคนที่ไม่รักตัวเองคับ"
   “แต่คนที่ทำอะไรเพื่อความรักชอบทำไรโง่ๆ พี่ไม่ชอบเลยว่ะ" มิกพูด
   “ก็ถ้าไม่โง่ก่อน แล้วจะฉลาดไหมล่ะพี่" เอิร์ธย้อนอีก "อย่าไปตัดสินแทนเค้าดิ๊ ให้เค้าลองก่อน เชื่อผมเหอะ พี่จะได้ไม่ต้องอึดอัดแบบที่เป็นอยู่นี่ไง"
   “รู้ดีอีก ใครบอกอะไรหรือไง" มิกถามเสียงสูง เอิร์ธยักคิ้วพลางชูสองนิ้วชี้ไปที่ตาของมิก
   “ชัดเลยพี่" เอิร์ธว่า
   มิกยิ้มแห้งๆ
   “แถมพี่เลี้ยงผมเนี่ย ก็เป็นคนเก็บอารมณ์เก๊งเก่ง" เอิร์ธแซว "เอาน่า พักที่นี่ให้สบายแล้วค่อยกลับไปก็ได้ ผมจะได้ไม่ต้องทำงาน แถมกินข้าวฟรีอีก ฮ่าๆ"
   “ไม่ต้องขี้เกียจเลย ที่พามาเนี่ยมีโปรเจ็คให้ทำเป็นคะแนนวิชาฝึกงานนายนี่แหละ" มิกตอบ เอิร์ธทำหน้าเซ็งๆ "พี่ของ่ายๆ เป็นเซ็ทภาพถ่ายศิลป์ที่สื่อถึงคำว่า Loveless Society”
   “เชี่ย!!! ยากพี่" เอิร์ธสบถ มิกโขกหัวไปหนึ่งที
   “ยากตรงไหน พี่เคยทำมาแล้วเหอะ" มิกพูด "ทุกวันศุกร์เอารูปถ่าย experiment มาให้ดูด้วย Research เจ๋งๆด้วยล่ะ ถ้าวันไหนจะออกไปถ่ายรูปข้างนอกให้เข้ามาที่ออฟฟิศแล้วบอกพี่ก่อน อย่าออกไปเฉยๆล่ะ"
   “ครับ" เอิร์ธรับคำ
   “ไป กลับกันได้แล้ว" มิกพูดพลางลุกขึ้น
   “งั้นวันนี้ผมขอกลับเลยได้ป่ะล่ะพี่" เอิร์ธถาม
   “นัดแฟนไว้รึไง" มิกแซวขณะออกเดิน
   “หึหึ" เอิร์ธหัวเราะ "ถ้ามีแฟนผมรู้ว่าวันนี้ออกมากับพี่สองต่อสองล่ะก็ ผมโดนเล่นแล้วพี่"
   มิกหันไปหัวเราะ หัวเราะแบบที่มีความสุขจริงๆ แบบที่เขาไม่เคยได้หัวเราะมาก่อน ตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เขาออกไปถ่ายรูปกับนัท ซึ่งเขารู้ดีว่ามันอาจจะไม่มีวันนั้นอีกแล้ว
   “นายเองก็น่ารักเหมือนกันนะเนี่ยเจ้าเอิร์ธ" มิกพูดออกมาเบาๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ ขณะที่เดินตามเอิร์ธ ออกจากสวนสาธารณะ เมื่ออกมาถึงหน้าสวน มิกโบกแทกซี่คันนึงให้เอิร์ธเพื่อส่งกลับบ้าน เอิร์ธเปิดประตูขึ้นรถ
   “ขอบใจนะที่มากับพี่ครึ่งวันนี้อ่ะ" มิกว่า เอิร์ธยิ้มให้อย่างเจ้าเล่ห์
   “ถ้าว่าผมน่ารักอ่ะ ทำไมไม่จีบล่ะพี่" เอิร์ธยักคิ้วให้มิกก่อนจะหายขึ้นรถแท๊กซี่ไปโดยทิ้งให้มิกยิ้มกริ่มอยู่ตรงนั้น
…..........
   เมื่อประตูสตูเปิดออกอีกครั้ง มิกเปิดไฟขึ้นจนห้องสว่างวาบ ชายหนุ่มที่ฮัมเพลงเข้ามาจากข้างนอกอย่างอารมณ์ดีก็ต้องเงียบเสียงลงเมื่อพบร่างหนึ่งนั่งนิ่งอยู่ในห้อง มิกมองไปรอบๆไม่พบใครอื่นอีกแม้แต่ไบรท์
   “จะอยู่ดึกแล้วไมไม่เปิดไฟวะ" มิกถาม "รอฉันเหรอ"
   “เปล่า" นัทตอบเบาๆขณะที่มือกำลังหมุนลูกอมเล่นบนโต๊ะดราฟ
   “แล้วจะกลับยังอ่ะ เดี๋ยวไปส่งบ้าน" มิกพูด
   “เดี๋ยวกลับเองก็ได้ นายกลับบ้านไปเหอะ" นัทพูด
   “ช่วงนี้ฉันไม่ได้อยู่กับบ้านนาย นายโอเคหรือเปล่า จะให้กลับไปอยู่เป็นเพื่อนอีกไหม" มิกถาม
   “ไม่อ่ะ อยู่คนเดียวบ้างก็ดีเหมือนกัน" นัทพูดพลางหันไปมองหน้ามิก ที่กำลังมองเขาด้วยสายตาที่ห่วงใยไม่ต่างไปจากเดิม และเหมือนไม่ได้มีการจงใจ มิกก้มตัวลงไปจูบกับนัททันที จูบกันอย่างนั้นจนยาวนาน จนความรู้สึกที่มีอยู่เริ่มเบาบางลงบ้างจนกระทั่งผละออกจากกัน
   “รู้ป่ะทำอย่างนี้ไม่ดี" นัทพูด
   “รู้" มิกพูดเบาๆ "ฉันรู้ว่าฉันไม่สิทธิ์ แต่ถ้าทำแล้วแกรู้สึกดีขึ้น ฉันก็ยอม"
   มิกพูดสั้นๆก่อนจะเก็บของบนโต๊ะที่หมายตาจะเข้ามาเอาแล้วกลับออกไปจากสตูดิโอ
   “แกยังรักฉันอยู่ป่าววะ" นัทถามขึ้น
   “มันสำคัญด้วยเหรอวะ" มิกถามกลับ "ที่จูบไปเมื่อกี้ ตีความหมายไม่ออกไง?”
   “ฉันแค่.....อยากรู้" นัทตอบเบาๆ "ฉันแค่ อยู่ดีดีก้รู้สึกว่า ใครๆก็หายไปหมดเลยแม้แต่แก หมายถึงวันนี้น่ะ"
   นัทพูดแฝงความหมาย
   “สำหรับฉัน วันนี้ไม่มีเรื่องอะไรเลย" มิกพูด พลางหันหลังกลับมา "วันนี้เป็นก็เป็นวันปกติดีดีวันหนึ่ง"
   “คิดงั้นเหรอวะ" นัทถาม
   “ก็แกเลือกแล้ว แกบอกฉันเอง" มิกว่า พลางนึกถึงคำพูดของเอิร์ธ "แกอยากให้มันเป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอ"
   นัทก้มหน้าลง พลางเพ่งมองไปที่ลูกอมน้ำตาเริ่มเอ่อคลอ
   “บางทีคนเรา อยู่อย่างคนแพ้บ้างก็ได้" มิกพูดขึ้น ก็เป็นเหมือนอย่างที่มาร์คว่า ในเมื่อนัทเลือกที่จะเล่นกับเวทย์มนต์นี้ ตอนจบมันก็มีแต่เจ็บกับเจ็บ "แกเลือกลงเล่นเอง"
   “พูดงี้ทิ้งกันนี่หว่า" นัทพูดเสียงสั่น
   “แกก็รู้ว่าฉันไม่เคยทิ้งแก" มิกพูด "แต่ถ้าฉันไม่ทำอย่างนี้ แกก็ไม่เข้มแข็งซักที"
   มิกออกจาสตูดิโอไป
   “ถ้าไม่ไหวก็โทรหาฉัน" มิกตะโกนเข้ามา "จะไปหาแกถึงบ้านก่อนแกจะวางหูอีก"
   นัทมองมิกเดินจากไป จริงสินะ
   เป็นเขาเองที่ต้องการให้ทุกอย่างจบลงแบบนี้ เขาขอร้องให้ทุกคนลืมเรื่องทุกอย่างทิ้งไว้ที่สุดสัปดาห์นั้น และเป็นเขาเองที่อยากจะทำให้กายต้องเจ็บอย่างที่เขาต้องการ และก็กลับเป็นเขาเองที่เจ็บแบบล้มไม่เป็นท่า ซึ่งอันที่จริงเขาก็ควรจะพอใจได้แล้ว ที่ตอนนี้กายได้ออกไปจากที่นี่แล้ว และจะไม่มีอีกแล้วคนที่ทำให้หัวใจเขาเต็มไปด้วยความสับสน จะไม่มีอีกแล้วคนที่คอยกวนประสาทเขาแล้วทำให้เขามีความสุขได้
   และไม่ว่าเขาจะปฏิเสธมันลงอย่างไร.....
   ความจริงก็คือ
   เขาคิดถึงกายเหลือเกิน......
…......
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-07-2011 16:36:16 โดย M2M_Jill »

Rhythm

  • บุคคลทั่วไป
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ ชอบจัง
 o13

hahn

  • บุคคลทั่วไป
นัทจะทำยังไงต่อไป

ออฟไลน์ kokikung

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1594
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-3
เอิร์ธ มิค  :impress2: คู่นี้ ชอบบบบบ
แต่นะกายไปแล้วหวังว่านัทคงดีใจ ชิ*

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
กระซิบคนอ่านครั้งที่ 1

หลังจากโพสมาได้ 14 ตอนก็พบว่ามีผู้อ่านจำนวนหนึ่งชอบเรื่องของเรา
ดีใจมากแอร๊ยยยยยยยย  :z1: :z1:

ก็เลยมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยมาฝากกันสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเป็นประจำน้า
เรื่องแรกที่จะกระซิบ :-[

เพลงประกอบนิยายเล่มนี้ที่เลือกเอาไว้ใช้ทำอารมณ์มีทั้งหมด 8 เพลงน้าลองไปหาฟังกันดู
1. แสงสว่าง - August Band
2. Unlovable - Mind
3. ตัวสำรอง - Calories Blah Blah
4. ใกล้ - Scurbb
5. หากไม่มีวันพรุ่งนี้ - Da Endrophine
6. ชั่วคราวหรือค้างคืนตลอดไป - Sleepless Society
7. รักเธอให้น้อยลง - Bandwagon
8. Born To Be A Lady - Girls' Generation

ซึ่งเพลงหลักจะเป็นเพลงแสงสว่าง ซึ่งเชื่อว่าเพลงทั้ง 8 เพลงจะช่วยเพิ่มอรรถรสในโลกของ Loveless Society ให้ชัดเจนและโรแมนติกซาบซึ้งขึ้นได้มากกว่าเดิมแน่นอนจ้า

กระซิบเรื่องที่ 2  :-[

ภาพ Loveless Society เป็นภาพที่มีอยู่จริงๆแต่ไม่ใช่ภาพถ่าย แต่เป็นภาพวาดของศิลปินอิสระท่านหนึ่ง
แต่เรื่องราวต่างๆของวงการโฆษณานี้เป็นประสบการณ์จริงของคนเขียนที่อยู่ในแวดวงสายอาชีพนี้

กระซิบเรื่องที่ 3  :-[
คู่รักในละครมีตัวตนอยู่จริงๆ เลยแหละ แต่ผู้เขียนขออุบเอาไว้แล้วกันว่าเป็นคู่ไหนนะคร้าบบบบบบบ

และขอกระซิบแถมว่าช่วงนี้อาจจะอัพแบบ Non-Stop ด้วย ใครที่ออนไลน์เว็บนี้บ่อยๆก็คงได้อ่านตอนใหม่ล่าสุดก่อนใครเลยล่ะ

แล้วเจอกันในตอนต่อไปนะครับ
 :bye2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-07-2011 22:54:41 โดย M2M_Jill »

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

DexTunG

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
บทที่ 15 for a better life.

   ไม่มีอะไรเกิดขึ้นในสตูดิโออีกหลังจากที่รูปแบบ Cooperate Identity ของโทรศัพท์ยี่ห้อดังในคอนเซ็ปโทรศัทพ์สีเขียวหรือ Community of Nature ถูกส่งเข้าอีเมล์ของคณะกรรมการ B.A.D Award เป็นที่เรียบร้อยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นอกเหนือจากสุดสัปดาห์ที่คนในสตูดิโอจัดขึ้นเพื่อฉลองการปิดงานที่แสะจะราบรื่นนี้ นัท มิก สา และ มาร์ค อิ่มเอมกับหมูกระทะเจ้าเดิมโดยปราศจากคนอื่นคนใด ได้จบลงอย่างเรียบง่ายพร้อมการพักผ่อนในอีกสองสามวันต่อมา การเริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ในเดือนใหม่จึงไม่แปลกที่จะมีคนไม่อยู่ในสตูดิโอบ้าง หรือลาไปดูงานนนอกสถานที่บ้าง
   ซึ่งนั่นส่งผลให้สตูดูร้างผู้คน และเงียบสงัด ซึ่งมีการทราบทีหลังอีกว่า ไบร์ทของลาพักงานไปสามเดือนเต็มๆ เพราะจะไปสัมนาที่ยุโรปในงานอินดรัสเทรล แฟร์ที่จัดขึ้นที่เมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี แต่ทว่าสตูดิโอแทนที่จะมีความสดใสฉายแสงขึ้น กลับมีอุณหภูมิลดลงอย่างหวบห้าบ มันไม่ใช่การที่สตูดูกว้างขึ้น หรือสเปซมันทำให้สบายใจขึ้น มันโหวงเหวงเกินไป เดียวดายเกินไป และเงียบสงัดเกินไป
   หลายสัปดาห์ผ่านไปเหมือนเวลาช่างเดินช้าๆอย่างไม่มีจุดหมาย นัท และ สาไม่มีอะไรทำนอกจากงานถ่ายรูปเล็กๆหรือรับอีเวนท์ย่อยๆที่ออกไปข้างนอกบ้าง หรือนั่งแช่อยู่ในสตูทั้งวัน ผิดกับมิกที่ดูจะมีอะไรทำมากกว่า โปรเจ็คที่เขาทำกับเอิร์ธสามารถทำให้มิกหายออกไปข้างนอกได้เป็นวันๆ หรือไม่เข้าออฟฟิศกันทั้งคู่ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้นัทได้รู้สึกถึงความแปลกใหม่ได้เท่าา เขายังคงนิ่งสงบเหมือนว่าอะไรบางอย่างได้หายไปจากชีวิต
   “เคยคิดบ้างหรือเปล่าว่าความหมายจะตีความได้มากกว่าานี้" มิกเอ่ยขึ้นขณะเช็คพรีเซนเทชั่นของเอิร์ธที่แก้มาเป็นรอบที่สามแล้ว
   “ผม ไม่เข้าใจอ่ะพี่ คือแบบว่าคำว่า Loveless น่ะมันค่อนข้างขัดกับคำว่า Society ที่หมายถึงการ Connect กันของคนจนเกิดเป็นสังคม ผมก็เลยหาจุดเชื่อมไม่ออกว่า สัมคมที่ความรักน้อยลงจะอธิบายได้ด้วยภาพยังไง" เอิร์ธกล่าว
   มิกนั่งนิ่งอยู่สักพัก
   “เธอว่าไงสา" มิกหันไปถามสาที่เงยหน้าขึ้นมาจากการตัดรูป
   “ไม่รู้สิ" เธอตอบ "บางทีอ่ะภาพที่เราเห็นกับทีน้องเห็นมันจะไม่เหมือนกันหรือเปล่า เพราะมันคนละ Gen กัน"
   “ฉันว่าไม่นะ ฉันกับเอิร์ธเราอายุห่างกันแค่.....” มิกว่า "เท่าไหร่นะเอิร์ธ"
   “ก็ 3 ปีพี่" เอิร์ธตอบ
   “งั้นฉันว่ามันต้องเป็นเรื่อง ประสบการณ์ว่า Experiment ที่น้องมีไม่เท่าแก" สาตอบ มิกเลิกคิ้ว
   “เจ้าของภาพว่าไงคับ" มิกหันไปถามนัทที่นั่งนิ่งพลางคิดไม่ตก
   “เอาความจริงมะ" นัทถาม
   “เอาความจริงคับ" มิกตอบ
   “ตอนฉันตั้งคอลลาจภาพ ไม่ได้ตั้งชื่อไว้ก่อนว่ะ" นัทตอบ "มันแว้บมาทีหลังอ่ะคำว่า Loveless Society”
   “อ้าวเชี่ย" มิกสบถ "แล้วมันมาจากไหนวะคับ"
   “มันจากเอ่อ....ตอนที่ย้อนกลับไปดูที่มาของภาพ ปรากฎว่ามันเป็นภาพที่ได้จากงานสังคมทั่วไป ตอนสมัยที่บอสชอบพาพวกเราไปออกงานบ่อยๆอ่ะจำได้ป่ะ" นัทพูด "การจัดไฟในแต่ล่ะงานปาร์ตี้ของพวกดีไซน์เนอร์เค้าทำสวยดีอ่ะ พอถ่ายรูปออกมาทำงานศิลป์มันก็เลยสวย พอมีภาพคนที่ดูวุ่นวาย ปรับเบลอเข้า ก็เลยดูมีความหมายไง"
   “แล้วมันหมายความว่า.....” มิกถามต่อ
   “ก็ในงานปาร์ตี้พวกนั้นอ่ะ ฉันก็เห็นมีแต่พวกสังคมไฮๆ แล้วก็พวกดีไซน์เนอร์ที่ประสบความสำเร็จแล้วทั้งนั้น แต่ดูท่าทางแล้วก็ไม่เห็นใครจะรู้จักใครจริงซักคน เห็นควงโฉบไปโฉบมา แต่พอเลิกงานเค้ากลับรถกันคนละคันน่ะ" นัทว่า "พอไปเจอหลายๆงานเข้า มันก็เหมือนๆกันหมดเลย พอคิดจะตั้งชื่อภาพพวกนั้น ก็เลยคิดถึงคำว่ารัก ที่มันหายไปจากสังคมแบบนี้ไง ก็เลยตั้ง แล้วปรากฎว่ามันก็โดนดี"
   “อ่อ" มิกเลิกคิ้ว "เค้าเรียกว่าแถตอนจบนี่เอง อย่าเอาอย่างนะเอิร์ธ ไม่ดี ไม่ดี"
   “เหอๆ" นัทร้องพลางกลับไปเล่นคอมต่อ
   “อืม แล้วเข้าใจที่พี่ช่วยกัน Discuss ป่ะเนี่ย พอจะเห็นภาพป่ะ" มิกพูด "คือถึงพี่นัทเค้าจะแถตอนจบอ่ะ แต่ภาพมันก็สื่อเรื่องนั้นออกมาอยู่ด้วยนึกออกป่ะ ฉะนั้นมันก็ได้ไง"
   “ถ้าเป็น Society แบบนั้น.....ผม......เอ่อ" เอิร์ธทำท่ากระอักกระอ่วน พลางเดินไปยังกระเป๋าเป้ที่ติดตัวมาฝึกงานทุกวัน หยิบอะไรอยู่สองสามนาที มิกมองตามไปเห็นเอิร์ธทำท่าทางแปลกๆ เด็กหนุ่มนิ่งอยู่กับกระเป๋าอึดใจหนึ่งก่อนจะกลับมาหามิกพร้อมกับกระเป๋าสตางค์ตัวเอง เอิร์ธนั่งลงที่ตรงข้ามมิกเช่นเดิมก่อนจะควักรูปถ่ายใบนึงออกมาจากกระเป๋าสตางค์แล้วยื่นให้มิก
   “อะไรอ่ะ" มิกถามพลางหยิบมาดู โดยที่เอิร์ธไม่ได้ตอบอะไร
   ภาพนั้นเป็นรูปถ่ายใบเล็กๆ ที่ดูเหมือนจะถ่ายจากกลุ่มนักศึกษาทั้งชั้นเรียนที่กำลังมานั่งถ่ายรูปร่วมกัน แต่เหมือนกับรูปใบนี้ไม่ใช่รูปที่ถ่ายแล้วใช้ได้ มันเหมือนรูปที่ต้องการจะถ่ายเพื่อเป็นรูปรวมแต่มันคงเสีย เพราะคนในรูปยังคงหันหน้าคุยกัน และไม่ได้มองกล้อง
   มิกพินิจรูปนั้นอยู่ครู่หนึ่ง ภาพที่เห็นคือเอิร์ธไม่ได้คุยอยู่กับใคร เขามองไปยังกลุ่มคนที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของแถวแต่สิ่งที่มิกสัมผัสได้ มันกลับไม่ใช่ความวุ่นวายของภาพถ่ายหมู่ที่ยังไม่เรียบร้อย แต่กลับเป็นความเดียวดายเสียเหลือเกิน อาจเพราะไม่รู้ทำไม เขาเอาตัวเอิร์ธเป็นศูนย์กลางของความหมาย ความเดียวดายนั้นมันอยู่ในสายตาที่เอิร์ธมองไปยังอีกกลุ่มที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของรูปถ่าย
   มิกเงยหน้าขึ้นมองเอิร์ธที่ขมวดคิ้วมองพื้นอย่างเคร่งขรึม มิกเข้าใจทันที
   “เห้ย....ถ้าไม่สะดวกใจจะเล่นเรื่องนี้อ่ะ ก็อย่าเอามาเล่าดิ" มิกพูด
   เอิร์ธมองหน้ามิกอย่างพยายามจะสื่อสารอะไรบางอย่าง เด็กหนุ่มมองหน้ามิกอย่างเหมือนไม่เคยเห็นมิกมาก่อน มิกเลิกคิ้ว
   “เข้าใจว่าการ Visualize ภาพของตัวเองในงานดีไซน์เป็นเรื่องสำคัญ" มิกพูด "แต่ดีไซน์เนอร์หลายคน ที่จบลงด้วยการผันตัวเองไปเป็นอาร์ทติส เพราะเขาเข้าข้างตัวเองมากเกินไปนะ และก็หลายคนที่ก็อินกับอารมณ์ของตัวเองในงานนั้นๆจนถอนตัวเองไม่ขึ้นก็มีนะเอิร์ธ"
   “มันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ผมเข้าใจโจทย์พี่ได้" เอิร์ธพูด "มันตรงใช่ป่ะครับ"
   “พี่ได้ Loneliness ไม่ใช่ Loveless” มิกส่งรูปคืนให้น้อง เอิร์ธรับมืนคืนแล้วเก็บมันใส่กระเป๋า พลางลุกขึ้น
   “ไม่ใช่หรอกพี่" เอิร์ธตอบ ก่อนจะสะบัดกระเป๋าสตางค์ให้เปิดออกแล้วหันหามิก
   ภาพตรงหน้าเขา คือ ภาพของเอิร์ธและเด็กสาวหน้าต่าน่ารัก ที่อยู่แนบใบหน้าชิดกันอย่างหวานแว๋ว มิกมองรูปอย่างตกตะลึงก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองเจ้าของรูป ที่กำลังยักคิ้ว
   “หึหึ"
   เอิร์ธหัวเราะในลำคอก่อนจะเดินหายออกไปจากสตู ขณะที่มิกเหมือนกับมีใครทำให้เขาตกใจแล้วสติหล่นวาบหายไป ข้างในเขารู้สึกโหวงอย่างประหลาด
   “มีอะไรป่าววะ" นัทหันมาถามมิก ที่หันไปมองนัทด้วยหน้าตาเลิ่กลั่ก
   “ม...ไม่มี...เดี๋ยวมานะ" มิกพูดพลางวิ่งตามเอิร์ธออกไปทันที
   เหมือนไม่ต้องทายมิกได้ยินเสียงน้ำดังมาจากห้องน้ำชายที่อยู่หลังห้องอัดรูป มิกเปิดประตูเข้าไป ก็พบกับเด็กหนุ่มหน้าหล่อเหลาที่ตอนี้หัวเปียกปอน และชุ่มน้ำเลยไปจนถึงคอเสื้อนักศึกษา กำลังจ้องมองกระจกห้องน้ำด้วยตาแดงก่ำและสีหน้าเคร่งขรึม มิกเห็นสภาพดังกล่าวก็ปิดประตูห้องน้ำแล้วยืนพิงผนัง พลางยิ้มด้วยความรู้สึกที่ก้ำกึ่งระหว่างสงสารกับนึกขำ
   “รูปรวมนั่นถ่ายตอนส่งดีไซน์วิชาสุดท้ายพี่" เอิร์ธพูดเรียบๆ "หลังเลิกกันสี่วัน"
   “อือหึ" มิกรับคำในลำคอ
   “แพรมีสังคมของเขาว่ะพี่" เอิร์ธตอบ "สังคมที่ผมตามไปไม่ถึง สังคมที่ผมไม่เข้าใจ"
   เงียบกันไปพักนึง
   “ผมเคยห่วงเค้ามาก" เอิร์ธตอบ "แล้ววันนึงผมก็รู้สึกเหนื่อยที่ต้องวิ่งตามเขา ผมอยากมีชีวิตที่ไม่ต้องทุ่มเทให้ใครแล้วเหนื่อยไปฟรีๆ ผมอยากพักบ้าง ผมก็เลยเลิกห่วงใครๆอีก"
   เอิร์ธพูดพลางลูบหน้าตัวเอง
   “เราเป็นคนบอกเลิกใช่ป่ะ" มิกถาม เอิร์ธหันมาหามิกทันที
   “รู้ได้ไงอ่ะพี่" เอิร์ธถาม
   มิกชูสองนิ้วแล้วชี้ไปที่ตาของเอิร์ธ
   “ชัดเลย" มิกพูดขำๆ "แล้วตอนนี้น้องฝึกงานพี่ก็เก็บอารมณ์เก๊งเก่ง"
   เอิร์ธที่ขำไม่ออกก้มหน้าลง
   “จะเปลี่ยนหัวข้อเปล่า?” มิกพูด "ถ้าไม่ไหวอ่ะ พี่เปลี่ยนให้ก็ได้ อย่าไปลงลึก พี่อยากฝึกเราเป็นดีไซน์เนอร์ ไม่ใช่อาร์ททิสต์"
   “ไม่อ่ะพี่" เอิร์ธพูด "ถ้าจะหลบ มันก็ต้องหลบไปตลอดแหละ"
   มิกอึ้งไปเล็กน้อย เขาเจอคนที่พูดแบบนี้มาสองคนแล้ว แล้วทั้งสองคนก็อยู่ในอามรมณ์เดียวกันคือ เจ็บนะ...แต่ไม่แสดงออก แล้วก็ยังงัดหาเหตุผลร้อยแปดมาหลีกเลี่ยงการจมกับความเจ็บของตัวเอง
   “งั้นช่วงนี้พักก่อน เดี๋ยวหางานอื่นให้ทำไปพลางๆ แล้วค่อยกลับมาลุยกันใหม่" มิกพูด แต่เอิร์ธยังคงอยู่ในสภาพเดิม มิกส่ายหน้าแล้วก็เดินเข้าไปหาเด็กหนุ่ม
   “แล้วก็เลิกทำตัวเป็นพระเอกเอ็มวีได้แล้ว" มิกพูดพร้อมกับจับตัวเอิร์ธหันหน้าเข้ามาหาตัวเอง พลางเอาเนคไทของเอิร์ธที่เปียกชุ่มอกจากคอ เขาปลดกระดุมคอเสื้อของเอิร์ธลงสองเม็ดพลางสะบัดให้ลมโป่งเข้าเสื้อให้ดูพอแห้งลงบ้าง
   “ไม่เป็นไรพี่ผมทำเองก็ได้" เอิร์ธว่าพลางจับมือมิกออก
   “อยู่เฉยๆดิ มันลื่นนะเว่ย...ห....ห...เห้ย"
   ขณะที่มิกกำลังกำลังปัดมือเอิร์ธออก การขยับเท้าของทั้งคู่บนพื้นที่เปียกปอนไปด้วยน้ำก๊อกทำเอ็มวีขอเอิร์ธ ปลายเท้าของมิกลื่นพรืดไปจากตำแหน่งเดิมอย่างตั้งตัวไม่ทัน แต่ด้วยความว่องไว เอิร์ธขว้าหมับเข้าที่ไหล่ของมิกขณะที่มิกลื่นโน้มตัวดันเอิร์ธไปยังชั้นอ่างล่างหน้าได้ทันก่อนที่จะเกิดที่จะล้มไปด้วยกันทั้งคู่ ทำให้ตอนนี้มือของมิกข้างนึงจับมือของเอิร์ธไว้ขณะที่อีกข้างนึงเท้าลงบนขอบอ่างล้างหน้า ในขณะที่เอิร์ธยังคงจับอยู่ที่ไหล่ของมิก แต่อีกมือถูกมิกกำแน่นเอาไว้ หน้าของเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ใบหน้าระเรื่อไปด้วยหยดน้ำที่ไหลลงมาจากผมที่เปียกปอน พร้อมกับนัยน์ตาแดงกำ่กำลังจ้องมองมิกอย่างชิดใกล้ เงียบกันอยู่อย่างนั้น
   “ก..ก็...บอก...แล้ว ว่าให้อยู่เฉยๆ" มิกพูดเบาๆ
   เอิร์ธก้มหน้าลง
   “โทษคับ" พลางพยุงตัวเองลุกขึ้น ในขณะที่มิกก็เริ่มจัดแจงชุดนักศึกษาสีขาวที่เปียกไปทั่วคอและอกใหม่ พลางหยิบทิชชู่มาซับคอเสื้อและสะบัดคอเสื้อให้อีกครั้งหนึ่ง
   “มองไร" มิกถามขึ้น เมื่อรู้สึกว่าเอิร์ธกำลังมองหน้าเขาอย่างจงใจ
   “พี่เคยดูแลอย่างนี้มาก่อนหรือเปล่าอ่ะ" เอิร์ธถาม
   “ถามทำไมวะ" มิกย้อน
   “พี่ทำให้ผมนึกถึง สิ่งที่ผมเคยทำให้แพรเมื่อก่อน" เอิร์ธพูดเบาๆ เสียงแข็งๆของเด็กหนุ่มขุ่นมัว
   “เห้ย" มิกเอามือบิดหัวของเอิร์ธที่หลบตาให้หันมาประจันหน้ากับเขา "ถ้าจะคิดจะดูแลใคร มันก็ต้องทำให้สุดเว่ย จริงอยู่ อาจจะต้องเว้นระยะระหว่างเรากับเขาบ้าง แต่ถ้ารักเค้าจริงมันก็ต้องดูแลให้ได้ตลอดไป ไม่ว่าเขาจะรักเราอยู่หรือเปล่าเว่ย"
   “แล้วที่พี่ทำให้ผมเนี่ย มันแปลว่าพี่รักผมหรือเปล่า" เอิร์ธถาม สายตาของเด็กหนุ่มเบิกกว้าง มิกเดาว่าคราวนี้เอิร์ธไม่ได้ตั้งใจจะเจ้าเล่ห์หรือยอกย้อนอะไร คงเกิดจากอารมณ์ต่อเนื่องจากเรื่องที่ตัวเองคิดไม่ตกเมื่อครู่ มิกจับตัวเอิร์ธถอยไปหนึ่งช่วงตัว
   “ถึงต้องเว้นระยะระหว่างกันบ้าง เพื่อให้เขาโตไง" มิกตอบ "แกพูดเองนะเอิร์ธ"
   เด็กหนุ่มพยักหน้ารับเหมือนมิกเพิ่งจะสอนให้เขาบวกหนึ่งกับหนึ่งเป็นสองได้ครั้งแรก
   “ขอบใจพี่นะ" เอิร์ธพูด "ชอบพี่ว่ะ คุยกับพี่แล้วโคตรได้เรื่องเลยอ่ะ คิดอะไรได้ตั้งเยอะ"
   “เออ เอางานให้ได้เยอะๆด้วยก็จะดีมาก" มิกว่า
   “งั้นเดี๋ยวผมลุยเรื่องนี้ต่อเลยดีกว่า" เอิร์ธว่า "พี่ไม่ต้องเปลี่ยนหัวข้อหรอก"
   “ไหวแน่เหรอเอิร์ธ" มิกถาม "เดี๋ยวก็ Hurt ขึ้นมาทำงานไม่ได้ทำไง
   “ผมก็ให้พี่ปลอบผมไง" เอิร์ธว่า
   “เอ๊า ไอ้นี่" มิกร้อง "แล้วพี่ต้องมีเรื่องส่วนตัวเลยไง?"
   “แชร์กันดิพี่" เอิร์ธว่า "ผมปลอบพี่แล้วพี่ก็ปลอบผม จะได้เห็นภาพ Lovelessกว้างๆ แถมผมจะได้ไม่ต้องมาพรีเซนต์พี่ทุกศุกร์ด้วย เพราะพี่ก็จะได้รู้เรื่องผมไปตลอดอยู่แล้วไง"
   “สรุปคือเพราะขี้เกียจทำพรีเซนต์?" มิกแซว
   “หึหึ" เอิร์ธหัวเราะพลางยักคิ้ว พลางหยิบเนคไทชุ่มน้ำของตัวเอง ก่อนจะเดินสวนมิกออกไป
   “ออกกันเถอะพี่ อึดอัดว่ะ" เอิร์ธพูด
   “คราวหน้า ไม่ต้องใส่ชุดนักศึกษามาแล้วนะ" มิกว่า "เอาชุดสุภาพธรรมดาๆ มาเลย"
   “ทำไมอ่ะ" เอิร์ธถาม
   “ก็เผื่อวันไหนลงเรื่องแฟนเก่านายลึกๆ แล้วเกิดทนไม่ไหว เอาหัวแกว่งน้ำอีก จะได้ไม่เปียกโชกจนเห็นไปถึงไหนๆต่อไหนแบบนี้ไงเล่า" มิกว่า
   เอิร์ธมองไปที่อกตัวเองที่เพราะชุดเปียกเลยดูไม่สุภาพเอามากๆ
   “หึหึ" เอิร์ธหัวเราะในลำคอ "เท่ห์ดีออกพี่"
   พูดจบเอิร์ธก็เดินหายออกไป มิกรู้ทันทีว่าสงสัยโปรเจ็คนี้เขาคงเหนื่อยแน่กว่าจะเข็นเอิร์ธให้ผ่านวิชาฝึกงานไปได้ แต่เขาคิดว่ามันคงไม่ยาก เด็กคนนี้มีวิธีจัดระบบความคิดและอารมณ์ของตัวเองได้ดีทีเดียว ฉะนั้นเอิร์ธก็คง Visualize อารมณ์ตัวเองออกมาไม่ยาก และโปรเจ็คเล็กๆนี้ก็คงจะจบลงโดยไว
   เขาเดินออกไปโดยไม่รู้เลยว่า อะไรที่อามรมณ์ที่คนเราคิดว่าจัดการได้ง่ายๆ ส่วนใหญ่ตอนท้ายๆก็ไม่สามารถเอาชนะสิ่งที่เรียกว่า หัวใจไม่ยอมรับ ได้ซักที....
…...........

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด