Loveless Society เพราะรัก.....ออกแบบไม่ได้ (บทที่ 47) จบแล้วจ้า - 31/12/2011
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Loveless Society เพราะรัก.....ออกแบบไม่ได้ (บทที่ 47) จบแล้วจ้า - 31/12/2011  (อ่าน 57009 ครั้ง)

DexTunG

  • บุคคลทั่วไป

bellity

  • บุคคลทั่วไป
มีมาอีกคู่แล้วอ่ะ อัพได้สะใจพอๆ กับเรื่องสปายเลย อิอิ

ปอลิง +1 และเป็ด 1 ตัว

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
“เฮ้นัท" เสียงของแอนที่อยู่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ดังเจี๊ยวจ้าวมาพร้อมกับฝ้ายพื่อนเธอจากแผนก PR
   “โอ้ หวัดดี" นัทเอ่ยขึ้นขณะยืนอยู่เหนือเครื่องปรินท์บิลบอร์ดขนาดใหญ่ที่ห้องปรินท์ "ลมอะไรหอบพวกเธอ จากเคาท์เตอร์มาห้องนี้ได้เนี่ย"
   “ก็ปรินท์นั่นแหละน่า" ฝ้ายพูดพลางเดินเข้าไปเสียบทัมพ์ไดรฟ์เข้าคอมพิวเตอร์ "ว่าแต่นายเถอะงานน้อยลงแล้วสิ ตอนเนี้ย"
   “ช่ายรอประกาศผลอย่างเดียว ตอนนี้ก็มีแต่งานโคกับพี่สตูอื่นๆ" นัทตอบ
   “ถึงว่างเนอะ คิคิ" เอนและฝ้ายหัวเราะกันคิกคักๆ นัทขมวดคิ้วใส่
   “อะไรกันพวกเธอหา" นัทพูด
   “นี่ไม่รู้เรื่องเหรอเนี่ย" ฝ้ายว่าพลางหันมาทำตาถลนใส่นัท ก่อนจะหันไปหัวเราะกับแอนเพื่อนของเธอ นัททำหน้างงๆ
   "รู้อะไรเหรอ" นัทตอบขณะที่แอนหันไปหยิบหนังสือพิมพ์ที่อยู่ชั้นบนสุดของชั้นหนังสือในห้องแล้ววางลงตรงโต๊ะกรีดบอร์ด
   “ยลซะ" แอนพูดพลางชี้ไปที่พาดข่าวซุบซิบในแวดวงสังคมให้กายดู
   'พ่อมดแห่งวงการโฆษณา ควงสาวสวยแถวหน้าวงการแฟชั่นเปิดตัวเซ็ทแฟชั่นเพื่อการกุศล อุณหภูมิหวานร้อนระอุ เมื่อสาวสวยเอ่ย "กายคือคนที่รู้ใจที่สุดตั้งแต่สมัยเรียน"'
   นัทมองภาพข่าวที่กายและเจนยิ้มกว้างให้กับเขาผ่านหน้าหนังสือพิมพ์เล่มเล็กๆ
   “ดูสิ พอจบงานจากที่นี่ปุ๊บ ก็มีงานต่อที่อื่นทันทีเลย" แอนพูดพลางทำหน้าฝันล่องลอย "คนอะไรนอกจากจะหล่อแล้วยังเก่งอีกด้วย"
   “แถมแฟนเค้าก็สวยเสียด้วย ฉันว่าเคยเห็นเค้าแว้บๆที่นี่นะ อาจจะตาฝาดไป" ฝ้ายเสริม "ว่าไงล่ะนัท นายไม่รู้เรื่องเลยเหรอ"
   นัทยืนมองข่าวนิ่งสนิท
   “นัท" แอนพูดเสียงดัง นัทสะดุ้ง "อ่านอะไรอยู่"
   “ปล่าวอ่ะ ไม่มีไร" นัทตอบ
   “ว่าแต่นี่นายไม่ได้ติดต่อกับเค้าแล้วเหรอ" ฝ้ายถาม
   “ไม่อ่ะ" นัทพูดเรียบๆ "เราจบกันนานแล้ว หมายถึงเอ่อ ที่ทำกับโปรเจ็คมันจบแล้ว ฉันก็ไม่รู้ว่าจะติดต่อเขาไปอีกทำไม"
   “โหนี่ ถ้ามีเบอร์เขาแล้วไม่โทรเนี่ยนะ เอามาให้ฉันซะดีกว่า" แอนพูดแซว
   “โทรไปไม่กลัวแฟนเขารับเหรอยะ" ฝ้ายแขวะ
   “กายเค้าไม่มีทางมีแฟนได้หรอก" นัทพูดเสียงแข็งโพล่งขึ้นมา แอนและฝ้ายหันมามองเขาพลางตกตะลึง นัทมองไปรอบๆอย่างตกใจตัวเอง
   “อะไรนะ" แอนถาม
   “ฉันหมายถึง เค้าเป็นคาสโนว่าน่ะ" นัทพูดแก้เก้อ "เรื่องผู้หญิงเค้าที่หนึ่งเลยล่ะ"
   “อ่อ" ฝ้ายพูด "แต่แหม ถ้าได้เป็นหนึ่งในของเล่นคนอย่างคุณกาย ฉันก็ไม่ถือหรอกนะ คริคริ"
   แอนและฝ้ายนั่งหัวเราะคิกคัก
   “พวกเธอคิดไรกันอ่ะ" นัทพูดเสียงดัง "มันไม่ใช่เรื่องตลกเลยนะ โดนคนที่เราเชื่อใจเห็นเราเป็นแค่ของเล่นอ่ะ มันก็ไม่ต่างอะไรจากคนโง่ให้เขาหลอกหรอกนะจะบอกให้ ฉันไม่ตลกด้วยนะ"
   “อ้าว แล้วนายจะโวยวายทำไมเนี่ย" แอนทำหน้าเหยเกใส่ "ทำอย่างกะเคยเป็นของเล่นใคร เคยโดนคุณกายเค้าหลอกใช้มาหรือไงยะ"
   “ปล่าวซะหน่อย" นัทพูดพลางสะบัดออกไปจากห้องปริ้นท์ทันที
   “เอ๊า ดูคนเรา" แอนพูด "ฉันว่านัทต้องไปกินรังแตนที่ไหนมาแน่เลย"
   นัทเดินออกจาสตูดิโออย่างหัวเสีย เขาไม่คิดว่าตัวเองจะต้องมารับรู้เรื่องราวใดใดของกายอีก โดยเฉพาะเรื่องของแฟนเก่าที่พยายามเหลือเกินที่จะทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของของหมอนั่น ไม่รู้ตัวเองว่าความโกรธและหงุดหงิดร้อยแปดพวกนี้มันมาจากไหน แต่ตอนนี้ที่เขารู้สึกคืออยากจะต่อยหน้าหมอนั่นเสียเดี๋ยวนี้ให้หยุดทำตัวเสเพล ควงคนนู้นคนี้เย้ยเขาซักที
   “เจอหน้าเมื่อไหร่นะ จะคว่ำให้หายคันเลยคอยดู" นัทกัดฟันกรอดกับตัวเอง
   “เจอหน้าใคร" สาถามขึ้น เมื่อนัทรู้สึกตัวว่าตัวเองเดินพรวดพราดเข้ามาในสตูโดยที่พวกเขาที่เหลือตั้งตัวไม่ทัน "อะไร จะต่อยใคร โกรธใครมาเหรอ"
   นัทมองไปยังรอบๆสตู สา มิก และเอิร์ธกำลังมองเขาเป็นสายตาเดียว
   “ป...เปล่า....ไม่มีอะไร" นัทพูด "เอ่อ....ฉันแค่....แล้วนั่นไปตกน้ำที่ไหนมาอ่ะ"
   นัททักเอิร์ธแก้เก้อ
   “ไม่มีอะไร" มิกตอบแทนเอิร์ธ ที่สาถึงกับหันควับไปมองมิกอย่างสงสัย
   “เออดีเนอะ มีแต่คนไม่มีอะไร" สาว่า "มีคนหัวเปียกเสื้อเปียก มีคนหน้าแดง มีคนหน้าเศร้า มีคนโกรธคน แต่ไม่มีใครมีอะไร ดีจริง.....แล้วที่สั่งปรินท์อ่ะ"
   “เอ้อ...คือเอ่อ...ฉัน" นัทอ้ำอึ้ง ขณะที่หน้าเริ่มแดงขึ้นอีก
   “เอาเข้าไปแต่ละตัว" สาพูดพลางลุกขึ้น "อาการเหวอกำเริบอีกอ่ะสิ ไปนั่งเล่นเฟซบุ็คให้หายเหวอก่อนไป เดี่ยวฉันเดินไปเอาเอง พอและๆ มีแต่เรื่องประหลาด นี่ฉันอยู่ใหนเนี่ย วันเดอร์แลนด์รึไงยะ"
   สาเดินฉับๆออกจากสตูไปขณะที่นัทนั่งลงที่โต๊ะตัวเอง
   “งั้นฉันพาน้องไปข้างนอกนะ" มิกพูด พลางสะกิดให้เอิร์ธลุกขึ้น "ไปถ่ายรูปแล้วเอ่อ....คงไม่ได้กลับเข้ามาแล้ว กลับบ้านเองนะนัท"
   “อือ" นัทตอบนิ่งๆ
   มิกและเอิร์ธเดินออกไปจากสตูแม้ว่านัทจะยังนิ่งอยู่ตรงนั้นอยู่หลายนาที พลางคิดถึงหน้าของกาย นี่เขาเป็นอะไรไปกันแน่ แต่ที่แน่ๆเขาอยากจะเจอหน้าหมอนั่นเดี๋ยวนี้ และต่อยเข้าที่รอยยิ้มสุดกวนประสาทคู่นั้น อยากจะถามเขาว่าชีวิตแบบนั้นมันมีความสุขที่ตรงไหน ถ้ายังอยากจะขับรถตะลอนๆฟังเพลงเมทัลร็อคไปกับแฟนเก่าคนนั้น แล้วยังจะเข้ามายุ่งย่ามกับชีวิตเขาทำไม ทำไมต้องเรื่องเลวร้ายให้เกิดขึ้นแล้วก็จากไป กลับไปสู่ชีวิตที่ดีกว่านั่น ถ้าคิดจะเป็นแบบนั้นตั้งแต่แรก จงมาหาคนอย่างเขาทำไม จะเอาเรื่อง Loveless Society มาสร้างภาพทำไม และทำไมต้อง....
   “แกหึงเขาใช่ไหม" เสียงสาดังขึ้นที่ประตูสตูดอโอ นัทหมุนเก้าอี้หันหลับไปดู สาที่ยืนหน้าเคร่งขรึมแขนข้างหนึ่งหนีบใบบิลบอร์ดที่ไปเอามา ขณะที่มืออีกข้างเอาหนังสือพิมพ์ที่นัทเพิ่งได้เห็นจากแอนและฝ้ายแปะลงบนผนังกระจกสตูดิโอ นัทมองแล้วก็ก้มหน้าลง
   สาเดินเข้าในสตูดิโอก่อนจะรีบรุดไปหานัทแล้วดึงเขาเข้ามาคุยกับเธอ
   “แกอาจจะพยายามทำให้อะไรๆมันดูปกตินะนัท แกอาจจะทนได้นะ" สาพูด "แต่เป็นฉันเองก็ได้อ่ะที่จะไม่ทนกับไอ้ชีวิตปกติจอมปลอมนี่แล้ว"
   นัทยังคงนิ่งสนิท
   “ตอนนี้ไอ้มิกมันก็ดีขึ้นแล้ว เว้นก็แต่แก" สาพูดตรงประเด็น "ไม่ใช่ฉันดูไม่ออกนะว่าแกเป็นอะไรอ่ะ แกไม่เคยลืมเค้าได้เลย แกอาจจะถอดตุ๊กตาพวงกุญแจแกออกจากกระเป๋าดินสอ แกอาจจะทำเป็นเก็บลูกอมนั่นลงไปจากโต๊ะ แต่มันจะมีประโยชน์อะไรถ้าแกยังเอาของสองอย่างนั่นไปเก็บไปที่ห้องนอนแกแทน
   “แกจะบอกให้ทุกๆคนพยายามลืมเรื่องที่นั่นไปทำไม ในเมื่อเป็นแกเองที่กลับจำทุกๆอย่างได้ดี แกมานั่งเสียเสียใจกับสิ่งที่แกตัวสินใจลงไปแล้วทำไมวะนัท แกไม่เคยเป็นแบบนี้ แกไม่เคยมานั่งเสียใจกับสิ่งที่แกตัดสินใจไปแล้วอ่ะ ฉันไม่เข้าใจว่ะ
   “ฉันถามแกตรงๆ เกิดอะไรขึ้นระหว่างแกกับเค้า แกกับคุณกายมีอะไรกัน บอกฉันได้ไหม"
   นัทคิดว่าถึงเวลาที่เขากำลังโดนความจริงกลับมาเล่นงานซะแล้ว
…..........

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
บทที่ 16 The truth is out there....

   “มันจะมีประโยขน์อะไรวะ" นัทพูดเบาน้ำตาคลอเบ้า "มันไม่มีอะไรแก้ไขได้แล้วตอนนี้"
   “แกตอบไม่ตรงคำถาม" สาพูด "แกจะบอกเองหรือจะให้ฉันเดา และฉันว่าฉันเดาถูกด้วย"
   นัทมองหน้าสา.....ไม่ได้ มันต้องจบลงไปแล้ว จะไม่มีใครรื้อฟื้นเรื่องนี้ขึ้นมาอีก
   “ไม่มีอะไรหรอกสา มัน......”
   “กองเสื้อผ้าแกข้างกองอยู่ข้างเตียงเขาในวันที่ฉันไปเคาะประตูปลุกแกไปเขาสามมุก แล้วเจอกับเขา" สาพูดเสียงเฉียบ
   นัททรุดตัวลงพร้อมกับหลับตา น้ำตาของนัทไหลลงมาเป็นทาง
   “ฉ...ฉัน...ฉัน....ขอโทษ...สา" นัทร้องไห้ทันที "ฉัน..เสียใจ......”
   สามองเพื่อนรักอย่างสลดใจ มันเป็นอย่างที่เธอสงสัยจริงๆด้วย เธอมองเพื่อนรักอย่างห่วงใย ถึงอย่างไรก็ตามเธอไม่อยากเห็นเพื่อนเธอต้องเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเหมือนทุกวันนี้ มันต้องจบลง
   “ให้ฉันเดาต่อ" สาพูดอีก "แกไม่ต้องการให้เขาทำอะไรให้แกทั้งนั้น แล้วแกก็คิดจะจัดการเรื่องนี้เอง เพราะแกคิดว่ามันไม่มีทางที่คนอย่างเขาจะมาลงเอยที่ใครเพียงเพราะแค่เรื่อง......ข้ามคืน"
   นัทนิ่งสนิท น้ำตาแห่งความเงียบไหลลงเบาๆ
   “และให้ฉันเดาต่อไปอีก" สาตอกย้ำมัน "แกก็เลยอดทนทำให้ทุกอย่างเป็นปกติ เพื่อให้จบโปรเจ็คนั่นลง แล้วย้ำให้เค้าไปออกไปจากชีวิตแก แล้วแกก็ทึกทักเอาเองว่าอีกไม่นานเขาก็คงจะลืมแก เหมือนสาวๆคนอื่นๆที่เขาเคยเล่นด้วย ตามที่แกรู้จักเขามา แต่พอมาตอนนี้ แกคิดว่าพอเขาไปแล้วทุกอย่างมันจะจบ แต่กลายเป็นแกเองที่ตอนนี้เกิดคิดถึงเขาขึ้นมา ใช่ไหมล่ะ แกไม่เคยลืมเขาได้เลย แม้แต่วันเดียว"
   “หยุดเหอะ" นัทร้องเสียงดังใส่สา ที่ผงะออกทันทีเมื่อเห็นสภาพนัทร้องไห้ เพื่อนรักกตรงหน้าเธอไม่เคยร้องไห้ฟูมฟาย เธอรู้ดี แต่วันนี้ที่นัทร้องไห้ ชายหนุ่มตรงหน้าเธอกำลังสะอื้นเอาน้ำตาออกมา และหายใจหอบถี่ นัทส่งเสียงร้องไห้อยู่ในลำคอและมองหน้าสา ที่กำลังล้วงเข้าไปในความคิดเขา
   “ฉ...ฉัน..ท...ทำไม่ได้ว่ะสา ฉ...ฉัน....พ...พลาดเอง" นัทสะอื้น สาลูบตัวเพื่อนรักเบาๆ "ฉ....ท...ทน....ไม่ได้ ที่...ที่จะเห็น...เขา....ป....ไปอ่ะสา"
   “แล้วทำไมไม่บอกเขา" สาถามเบาๆ "แกรู้เหรอ ว่าเขาคิดยังไง"
   “ต...แต่....มัน...ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น" นัทพูด "ข...เขามีชีวิตแบนั้น....และฉันก็ไม่ต้องการ...ห...ให้ตัวเองต้อง....เจ็บ....เพราะสิ่งที่เขาเป็น"
   “แต่ที่แกเป็นอยู่เนี่ย มันไม่เรียกว่าเจ็บเหรอวะ" สาถามอีก "แกเคยฟังในสิ่งที่เขาอยากจะพูดหรือเปล่า หลังจากเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นน่ะ แกเคยรู้บ้างหรือเปล่า ว่ากายเค้าคิดอะไร"
   “แต่เค้าเคยพูด...ว....ว่าอย่าเชื่อในสิ่งที่เขาพ...พูด" นัทบอก
   “แล้วถ้าเกิดว่านั่นเป็นเพราะเขากลัวล่ะ" สาว่า "ถ้าเกิดว่าเขากลัวจะเสียแกไปเพราะสิ่งที่เขาพูด มันอาจจะขัดกับสิ่งที่เขาทำ เคยทำ หรือสิ่งที่แกได้ยินมา หรือเคยได้ยิน"
   “แกรู้ได้ยังไงอ่ะ" นัทขมวดคิ้ว
   “ฉันไม่รู้หรอก" สาพูดเสียงสูง "คำพูดคนหนึ่งคนประโยคตีความหมายได้เป็นร้อย แล้วคนอย่างกายที่คนทั้งวงกาตราหน้าว่าเขาเป็นพ่อมดจอมเจ้าเล่ห์ คำพูดเขาจะตีได้ซักกี่ความหมาย สิ่งที่แกต้องทำคือหาความจริงนัท ความจริงที่อยู่ในใจเขา"
   “ฉัน...จะไปถามได้ยังไง" นัทว่า "แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าเขาพูดจริงหรือโกหก"
   สาเอานิ้วชี้ไปที่อกของนัท
   “ใช้ใจแกฟังสิ" สาพูด "เพราะที่แกไม่รู้ความในใจเขา เพราะแกเองก็ไม่ได้เปิดใจให้เขานะ"
   “เธอรู้ได้ไงว่าฉันไม่ได้เปิดใจ" นัทแย้ง
   “เพราะแกกลัวว่าเขาจะรู้ ว่าแกรักเขาขึ้นมาไง" สาว่า "เถียงสิว่าไม่ใช่ ฉันรู้นะ"
   นัทก้มหน้าลง
   “นัท ฉันเอ่อ.....ไม่อยากเข้าไปยุ่งหรอกนะ แต่ฉันเคยมีโอกาสได้คุยกับกาย มาแล้วครั้งนึง เรื่องแก" สาพูด "ไม่ว่าแกจะเชื่อหรือเปล่าแต่เอ่อ......เขากังวลเรื่องแกนะ ฉันว่า แกเองก็น่าจะฟังเขาบ้าง บางทีแกเองก็อาจจะมองข้ามอะไรบางอย่างไปก็ได้อ่ะ"
   นัทไม่ได้ตอบอะไร
   “สำหรับฉันแล้ว เขาไม่ใช่คนที่เลวร้ายนะ เขาเป็นที่ทำอะไรแบบมีเหตุมีผล พอๆกับฉัน และแกเองก็เคยเป็นแบบนั้น" สาพูด "แต่ตอนนี้อ่ะ แกใช้แต่อารมณ์ มันก็ไม่แปลกหรอก เพราะแกกำลังรักเขา แต่ที่ฉันอยากจะขอก็คือ อย่าอยู่แบบที่เป็นอยู่นี่ ทุกๆคนไม่มีใครสบายใจแม้แต่มาร์คเค้าก็ห่วงแกนะ
   ออกไปซะ.....ไปหาความจริงที่แกอยากรู้ มันไม่ใช่เรื่องศักดิ์ศรีเหมือนตอนแรกที่แกอยากจะประชันกับเขาในวันที่เขามาที่นี่วันแรกแล้วนะ ตอนนี้มันเป็นเรื่องของหัวใจแกกับเขา ถ้าแกไม่รีบซะตอนนี้ เขาก็จะเดินจากแกไปไกลเรื่อยๆ" สาพูด "แล้วสุดท้ายถึงแกจะเจอกับเขาอีกครั้งวันใดซักวันหนึ่ง แกกับเขาก็จะเหมือนอยู่กันคนละโลกแล้ว....มิกมันเคยพลาดเรื่องแกเพราะแบบนี้มาแล้วครั้งนึง ฉันไม่อยากให้แกเหมือนมันอีกคน เพราะกว่ามันจะดีขึ้นจนมาถึงวันนี้ มันก็ทรมาณมาโดยตลอด"
   สาลุกขึ้น
   “อย่าให้อะไรๆเสียไปอีกเลย ฉันขอล่ะ" สาพูดครั้งสุดท้าย พลางกลับไปที่โต๊ะเพื่อเก็บข้าวของ
   “เธอจะไปไหนอ่ะ" นัทถามเบาๆ สานิ่งไปครั้งหนึ่งก่อนจะหันกลับมา
   “ใครๆเขาก็ออกไปหาอะไรทำข้างนอกกันทั้งนั้นแหละตอนนี้ มิก เอิร์ธ แม้แต่ไอ้ไบร์ท มีแต่แกที่ยังจมอยู่ที่นี่ กับเรื่องเดิมๆ" สาพูด "ออกไปทำอะไรซะบ้าง ทำอะไรก็ได้ ง่ายที่สุดก็ ทำเรื่องของตัวเอง"
   สาเดินออกจากสตูดิโอไป ทิ้งให้นัทนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น ชายหนุ่มหยิบเอาโทรศัพท์ของตัวเองออกมาพลางจ้องมองหน้าจออยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเอามือปัดหน้าจอเพื่อหมุนหาเบอร์เบอร์หนึ่งที่เขาแทบไม่ได้หมุนมาดูมันอีกเลย เมื่อเขาพบเบอร์นั้น ชายหนุ่มกดฟังก์ชั่นส่ง SMS หลับตาหนึ่งครั้งก่อนจะพิมพ์ข้อความลงไป

มาหาผมได้ไหม
ผมคิดถึงคุณ
       นัท

   นัทลืมตาขึ้นอีกครั้งหลังจากข้อความนั้นถูกส่งออกไป ก่อนจะถอนหายใจ สากำลังยุให้เขาทำเรื่องงี่เง่าที่สุดในรอบหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา นัทลบข้อความในกล่องส่งออกทิ้งก่อนจะสะบัดหัวไล่เรื่องที่ทำให้ตัวเองดูเป็นตัวละครงี่เง่า เขาลุกขึ้นเก็บของตรวจกล้อง เพื่อให้พร้อมกับการออกไปถ่ายรูปที่ชานเมืองแถวๆชายทพเลบางขุนเทียน เขาอยากไปถ่ายรูปแถวนั้นมานานแล้ว  ตามตารางชีวิตที่เขาเองเคยวางเอาไว้
   แต่ทว่าเสียงข้อความก็ดังขึ้น นัทมองมันหนึ่งครั้งก่อนจะเปิดออกอ่าน

จะไปรับเดี๋ยวนี้ อย่าเพิ่งออกไปไหน
คิดถึงคุณทุกนาทีที่ผ่านมา
                กาย
ปล. เกือบทำโทรศัพท์ร่วงพอเห็นข้อความคุณ

   นัทยิ้มกว้างให้กับข้อความนั้นโดยที่ไม่รู้ตัว พร้อมกับนึกคำสองคำในใจ
   “เว่อร์เกิ๊น!!!”
….............
   นัทไม่รู้สึกตัวใดใดอีกภายในครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตอนนี้เขากำลังนั่งอยู่ในรถสปอร์ตสีดำขลับคันหรูในตำแหน่งประจำที่เขาเคยนั่งมาร่วมสามเดือน เขาไม่ทันรับรู้ความรู้สึกตอนที่กายเคาะที่ปากทางเข้าสตูดิโอเบาๆแล้วพูดกับเขาว่า "ผมมาแล้ว" เขาจำไม่ได้ว่าตัวเองมองหน้ากายอยู่นานจนกายเดินมาจับตัวเขาแล้วพูดอีกว่า "จะให้พาไปไหน" นัทพูดสั้นๆว่าอยากไปถนนบางขุนเทียนชายทะเล กายไชที่ไม่ได้ถามอะไรอีก จับตัวนัทลุกขึ้น ขณะที่เขาเดินตามกายออกไปโดยไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียว
   กายขับรถไปถึงถนนบางขุนเทียนชายทะเลได้อย่างรวดเร็วในไม่กี่อึดใจ แม้ว่านัทยังคงไม่ได้แสดงอาการใดใดออกมา แต่กายก็สัมผัสได้ถึงความเศร้าหมองที่อบอวลอยู่ในรถ
   “จะให้ผมจอดตรงไหนดี" กายพูด
   “มีแคมปัสของมหาลัยแถวนี้อยู่ในซอยข้างหน้า คุณเข้าไปเดี๋ยวก็เจอเอง" นัทตอบ แม้ว่ายังจะไม่ได้มองหน้ากาย
   “คุณรู้ได้ไง"กายว่า
   “นั่นคณะผม" นัทตอบ "ผมกับมิกเรียนจบที่นั่น"
   “อ้อ" กายพ่นลมเบาๆ ก่อนจะเงียบไป
   รถของกายเเลี้ยวเข้าซอยเทียนทะเล 25 เข้าไปไม่ลึกนัก สองข้างทางเป็นทุ่งบ่อปลาและป่าชายเลนขนาดย่อมยาวสุดลูกหูลูกตา กายเปิดประทุนรถออกเพื่อรับอากาศที่ดีเสียจนยากจะเชื่อว่าที่นี่ยังอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร เขาชะลอรถลงเบาๆ และจอดลงข้างทางที่ไม่ค่อยมีผู้คน ซึ่งเมื่อทั้งคู่ลงไปก็พบสามารถมองเห็นคณะเก่าของนัทตั้งอยู่ท่ามกลางบ่อนากุ้งที่ดูผ่านๆเหมือนคณะตั้งอยู่กลางน้ำ นัทหยิบกล้องขึ้นมาและกดชัตเตอร์ถ่ายรูปทันที กายเห็นดังนั้นก็เริ่มทำบ้างเช่นกัน
   “ผมไม่ได้กลับมาที่นี่นานแล้ว" นัทพูดขึ้นเบาๆ "เมื่อก่อน สมัยเรียน มีงานอะไร เอะอ่ะผมก็ถ่ายเอา Location แถวๆนี้ เพราะไม่มีรถ แล้วก็พักอยู่หอในที่นี่ แล้วสถานที่มันก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไร"
   กายฟังนัทอยู่เงียบๆ
   “พอผมเรียนจบ ทำงานก็ไม่ได้กลับมาถ่ายรูปที่นี่อีกเลย มันเปลี่ยนไปมาก ถนนที่เรายืนอยู่ก็ลาดยางแล้ว สมัยนั้นยังเป็นลูกรังอยู่เลย" นัทว่า "ผมตั้งใจเอาไว้ว่าถ้าวันไหนว่างๆก็จะกลับมาถ่ายรูปที่นี่อีก"
   นัทเงียบไปพักนึง
   “ไม่น่าเชื่อว่า 3 ปีแล้วที่ผมไม่ได้กลับมาที่นี่เลย" นัทพูดเสียงสั่น "มันเป็นที่ที่ผมผูกพันมาก แค่ได้กลับมาเห็นคณะ แล้วก็บรรยากาศแถวนี้ผมก็ดีใจแล้ว ถึงแม้ว่าพอตกเย็น ผมก็ต้องกลับเข้าไปในเมืองอีก ทั้งๆที่จริงแล้ว ผมอยากจะอยู่กับอากาศเย็นๆแบบนี้ที่นี่ตลอดไป"
   กายเดินเข้ามาหานัทพลางจับกล้องของเขาลงจากหน้า และก้มหน้าลงไปจูบคนที่เขาคิดถึงจนแทบขาดใจทันที นัทหลับตาและปล่อยให้ความรู้สึกที่มีไหลผ่านร่างกายของเขาไป เขาทนไม่ไหวแล้ว ร่างกายที่สั่นสะท้านนี้ คิดถึงเจ้าของจูบนี้ที่สุดตลอดเวลาที่ผ่านมา ทั้งๆที่เจ็บปวดและเสียใจ แต่เขาก็ไม่เคยลืมกายได้เลย
   และก็ผละออกจากกัน ในที่สุด กายมองหน้านัทอย่างอ่อนโยน เป็นดวงตาแบบที่นัทไม่เคยเห็นมาก่อน ตั้งแต่รู้จักกับพ่อมดคนนี้มา
   “ผมรู้ว่าคุณไม่มีวันให้อภัยผม" กายพูด "แต่ทำไมไม่รู้เหมือนกัน ผมก้าวต่อไปไม่ได้ ถ้าผมยังไม่ได้ทำให้คุณเข้าใจผม"
   กายมองหน้านัทที่เศร้าหมองนั้น
   “ผมแค่อยากเจอหน้าคุณ" นัทพูดขึ้น เขายอมแพ้แล้ว "ผมไม่ได้จะกลืนคำพูดตัวเองแต่......”
   เงียบกันไปพักนึง
   “.....แค่ผมคิดว่าจะไม่ได้เจอคุณอีก" นัทพูด "ผมก็ทนให้มันเกิดขึ้นไม่ได้"
   กายยิ้มให้นัททันที พลางจับมือของนัทที่เย็นเฉียบ
   “ผมก็เหมือนกัน" กายตอบ "แล้วคิดยังไงถึงโทรหาผมได้ล่ะ ผมไม่กล้าโทรหาคุณเลย ผมหวังเอาไว้ว่าคุณจะโทรมา แต่ผมก็รู้ว่า........”
   “ผมอยากเจอคุณ" นัทพูดเสียงเข้มขึ้น "ผมอยากฟังคุณอธิบาย....เรื่องทั้งหมด"
   กายนิ่งไปซักพัก พลางมองเข้าไปในตาของนัท
   “ผมเป็นผู้ชายรักสนุก" กายพูดขึ้น
   นัทหายใจเข้าทันที เขาต้องพร้อมรับฟังกับทุกคำตอบที่จะเกิดขึ้นให้ได้ ไม่อย่างนั้น เรื่องนี้ก็จะไม่จบลงซักที
   “ผมเคยใช้ชีวิตอยู่กับไม่จริงจัง ไม่ผูกมัด ผมโตมากับที่ที่อิสระ มีการเดินทางและค้นหาอย่างไม่มีจุดหมาย" กายพูดต่อ "จนกระทั่งผมเข้าใจความหมายของ Lovess Society ที่ทำให้ผมมาเจอคุณ ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น กับตัวเองกันแน่ ผมคิดว่าตอนแรกแค่อยากจะลองเล่นกับคุณดู ว่าคุณจะเป็นยังไง"
   นัทก้มหน้าลง มันเป็นอย่างที่เขาคิดจริงๆด้วย เขาปล่อยมือออกจากกาย
   “แต่ตอนนี้ผมไม่สนุกแล้ว" กายพูดทันที "ตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้น คุณทำให้ผมอยู่ไม่ได้"
   นัทหันกลับมามองกาย
   “คุณทำให้ผม.......กังวล …..ผม.....ไปไหนไม่ถูก ไม่รู้ต้องเริ่มยังไงต่อไป" กายตอบ "ผมไม่เคยรับผิดชอบใคร แต่กับคุณ ผมไม่รู้ว่าจะเรียกว่าผมอยากรับผิดชอบหรือเปล่าแต่ ผมรู้สึกไม่อยากเสียคุณไป ผมไม่อยากให้คุณเกลียดผม ไม่อยากให้ใครแตะต้องคุณได้อีก หลังจากวันนั้น ผมอยากจะเป็นคนเดียวที่จะได้เห็นทั้งหมดของตัวคุณ จิตใจของคุณ ความคิดของคุณ"
   นัทมองหน้ากายนิ่ง
   “ที่ผมล่วงเกินคุณมันอาจจะเกิดจากความไม่ตั้งใจก็ได้ แต่หลังจากนั้นมาจนถึงวันนี้" กายหายใจเข้าครั้งนึง "ผมอยากให้คุณเป็นของผมคนเดียว"
   กายมองหน้านัทพยายามอธิบายอะไรบางอย่าง
   “แล้ว?” นัทพูดเบาๆ
   “ผมก็เลยยอมคุณทุกอย่าง" กายว่า "ยอมให้คุณได้รับการดูแลจากผม ทั้งๆที่ผมก็รู้ว่าคุณอยากจะแก้แค้นผมมากกว่า ยอมให้คุณไปทำตามใจตัวเองกับงานที่เปลืองตัวให้คนอื่น ทั้งๆที่ผมหึงคุณมากแค่ไหน ยอมให้คุณไล่ผมไปทั้งๆที่ผมไม่อยากจะจากคุณไปแม้ซักนาทีเดียว แต่ถ้ามันทำให้คุณได้ให้อภัยกับสิ่งที่ผมทำ ผมยอมคุณทุกอย่าง"
   “แล้วทำไมถึงมาพูดเอาป่านนี้" นัทถามตรงๆ
   “เพราะตอนนั้นผมรู้ว่าคุณลังเลเรื่องผม คุณเห็นภาพลักษณ์ของผมจากคนอื่นๆ" กายพูด "เพราะงั้นผมก็เลยลังเลเหมือนกันที่ไปกับคุณ ผมไม่อยากให้คนอื่นมาตัดสินแทนผมว่าคุณเป็นอะไรกับผม ทั้งๆที่ตัวผมเองก็ยังลังเล"
   นัทมองกายอย่างเหมือนกับว่าไม่เคยเห็นเขามาก่อน
   “และผมก็รู้ว่าตอนนี้คุณก็ยังลังเล" กายพูด "คุณแค่อยากรู้ความจริง ก็เลยอยากเจอผม เพราะคุณเองก็ไม่อยากอึดอัดใจใช่ไหมนัท"
   นัทไม่มีคำตอบอะไรเขาหันหลังให้กายแล้วมองไปที่คณะของเขาที่เริ่มเปิดไฟขึ้นทีะดวงสองดวงตามตึก
   “จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าผมให้อภัยคุณแล้ว" นัทพูด "คุณจะสบายใจแล้วกลับไปใช้ชีวิตปกติของคุณกับแฟนเก่าของคุณเหมือนที่คนเค้าพูดกันได้อย่างไม่อึดอัดเหมือนกันใช่หรือเปล่า"
   กายถอนหายใจทันที
   “ถ้าทั้งหมดที่คุณทำมันเพื่อต้องการหาความสบายใจให้กับตัวเอง ผมจะให้อภัยคุณก็ได้ เพราะจริงๆมันก็แค่เรื่องข้ามคืนเท่านั้นเอง" นัทฝืนใจพูด
   “ผมจะทำอย่างนั้นได้ยังไง ในเมื่อคุณคือคนที่ผมให้ความสำคัญนัท" กายพูด "ผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้คุณให้อภัยผมจากใจจริง และยอมให้ผมเป็นคนเดียว ที่รู้จักทั้งหมดของคุณ"
   นัทหันกลับมา ตอนนี้สายตาของกายเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอีกครั้ง
   “ผมไม่มีวันยอมแพ้ คุณก็รู้ว่าผมไม่เคยยอม" กายพูด "และผมก็ไม่สนด้วยว่าคุณจะรู้สึกยังไงกับผม แต่ผมจะทำต่อไป และผมก็จะดูแลคุณต่อไป"
   “แต่ผมไม่ได้ขอ" นัทพูดเสียงสั่น
   “แต่ผมจะทำ ผมจะทำให้คุณเอง" กายพูด "ตกลงไหมครับ คุณ นัท"
   นัทยิ้มให้กายอย่างพ่ายแพ้ เขาพ่ายแพ้คนตรงหน้าเขาอีกแล้ว ชายหนุ่มวิ่งเข้าไปกอดพ่อมดของเขาทันที
   มันไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว นัทคิด ถ้าเสียใจ มันก็เสียใจอยู่เท่านี้แหละ มันก็คงไม่มากไปกว่านี้ เพราะนี่ก็คือที่สุดของความเสียใจที่เขามีแล้ว
…..............

July_Moon

  • บุคคลทั่วไป
>///< อ๊ายยย
น่ารักไม่เปลี่ยน รอ ร๊อ รอ ตอนต่อไป

ออฟไลน์ Tun_Bow

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
คุ้นๆเหมือนเคยอ่านเรื่องนี้มาก่อนไงๆไม่รู้แหะ- -"

DexTunG

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
ใช้เวลาสองวันกว่าจะอ่านทัน(เพราะต้องสลับกับการทำงานด้วย หุ หุ)
ความรักของคนอารมณ์ศิลป์นี่ มันเหมือนดูภาพศิลป์เลยเนอะ
แต่ก็ชอบเรื่องนี้จัง

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
บทที่ 17 Congratulation ..... you won!!!

    “นะนะพี่มิกนะ ไปเถอะนะ" เอิร์ธเขย่าตัวมิกจนเขาแทบตกเก้าอี้ ขณะที่สากำลังเก็บข้าวของ "ถ้าพี่ไปด้วยมันจะมีความหมายต่างกันมาก"
   “โห....ดูใช้คำ" มิกทำหน้าเบ้ "ก็ไม่ได้อยากไปนี่หว่า แกอยากไปก็ไปเองดิวะ ก็ไม่ได้ห้าม"
   “โหย พี่มิก ไปกับเอิร์ธน้า วันนี้ก็ไม่มีใครอยู่ที่นี่แล้วด้วยอ่ะ พี่จะอยู่คนเดียวไปทำไมล่ะ" เอิร์ธว่า "นะนะไปเหอะๆ"
   มิกหันไปหาสาทันที
   “เอาน่า ออกไปเหอะ" สาว่า "ก็จริงอย่างน้องว่า ฉันต้องไปถ่ายรูปให้พี่อ๊อด ไม่รู้จะเสร็จกี่โมงด้วย"
   มิกทำหน้าเซ็ง
   “แล้วนัทล่ะ" มิกถาม
   “ไม่รู้เหมือนกัน มันบอกว่าขอไม่เข้าออฟฟิศ ไม่รู้เหมือนกันว่าไปไหน" สาพูด "โทรหามันบ้างหรือเปล่าล่ะ"
   “โทร ไม่รับ" มิกพูด "โทรไปบ้านก็ไม่มีใครรับเหมือนกัน"
   “อ่อเหรอ" สาพึมพำ
   “สา เสร็จยัง เราจะไปกันแล้ว" เสียงของชายตัวใหญ่ดังขึ้นจากสตู พี่อ๊อดนั่นเอง เอาเป็นดีไซน์เนอร์ที่อยู่ที่นี่มานานแล้ว มักจะขอแรงสาออกไปทำโปรเจ็คด้วยกันบ่อยๆ"
   “ค่า เรียบร้อยแล้วค่ะ" สาพูดตอบพลางหันมาหามิก "ฉันไปก่อนนะ โปรเจ็คยักษ์ใหญ่น่ะ"
   เธอกระซิบพลางยิบตาให้ก่อนจะจ้ำอ้าวออกจากสตูดิโอไป มิกมองเธอจากไปพลางถอนหายใจ
   “เอาไงเนี่ยพี่" เอิร์ธถาม มิกมองหน้าเขา "จะไปกับผมเปล่า?”
   “ทำไมพี่ต้องไปด้วย" มิกถามคำถามที่ยังไม่ได้รับคำตอบอีก
   “ไปเสพย์อาร์ทไง งานนี้ดีนะพี่ มีศิลปินดีดีหลายท่านที่เอางานมาโชว์" เอิร์ธตอบตาใส "แถมงาน Siam Art Fair นี่ก็จัดวันนี้เป็นวัดสุดท้ายแล้วด้วย"
   “เอาความจริง" มิกพูด
   เอิร์ธนิ่งไปพักนึง มิกเลิกคิ้วอย่างรู้คำตอบดี
   “.......แพร เค้าจะไปจัด Exhibition ของเอเจนซี่เขาฝึกงานในงานนั้นคับ" เอิร์ธตอบเบาๆ
   “ก็แค่นั้นแหละ" มิกพูดพลาง ดีดตัวลุกขึ้นพลางเดินไปที่โต๊ะของตัวเอง
   “แล้วไงเนี่ยพี่ จะไปเปล่า" เอิร์ธถามเสียงเข้ม มิกหันไปมองหน้าน้อง
   “แล้วจะหงุดหงิดทำไม" มิกถามเสียงเบาอีก
   “เอาจริงดิพี่ ผมไม่ชอบง้อใครนะเนี่ย" เอิร์ธพูด มิกเอียงคอพลางคำ
   “ไม่อยากง้อก็ไปเองดิ๊" มิกตอบเซ็งๆ "มันสำคัญตรงไหน จะให้พี่ไปทำไมวะ"
   “ก็ผมอยากให้พี่ไป พี่จะได้รู้เรื่องของผมมากขึ้ไง" เอิร์ธพูดแม้เสียงจะยังคงหงุดหงิด "ไปได้ป่ะพี่ ผมขอ"
   มิกมองเอิร์ธอยู่อย่างนั้น

   ในอีกครึ่งชั่วโมงต่อมามิกและเอิร์ธเดินเตร็ดเตร่อยู่ที่ Crystal Design Center แถวรามอินทรา ซึ่งหากจะพูดให้ถูกจริงๆแล้วคือ ทันที่ที่เจ้าเต่าทองจอดนิ่งสนิทลงที่ลานจอดรถ เอิร์ธก็รีบรุดลงจากรถพลางเหวี่ยงเอาเป้จากข้างหลังมาข้างหน้าและค้นอะไรอยู่สองสามอย่าง ก่อนจะหยิบเอากล่องของขวัญอันเล็กๆออกมาได้ พร้อมกับโยนเป้กลับมาให้มิก เขารับมันไว้ได้ทัน
   “เดี่ยวไปเจอกันในแกลนะพี่ ผมขอตัวแป้บนึง" เอิร์ธพูดพลางหายเข้าไปในกลุ่มเคาท์เตอร์ของเอเจนซี่ที่ร่วมกันจัดขึ้นมาในทันที
   มิกรู้สึกหงุดหงิดเล็กๆ เหมือนเขาจะเดาอะไรบางอย่างออก เขารูดซิปเป้ที่อยู่ตรงหน้าพลางมองเข้าไปข้างใน และก็เจอบางสิ่งบางอย่างอยู่ในนั้น เป็นกระเป๋าสตางค์ใบหนึ่ง ที่ไม่มีได้มีธนบัตรอยู่ในนั้น มิกหยิบมันขึ้นมาพร้อมกับเปิดออกดู ในช่องรูปภาพที่มิกเคยเห็นก่อนหน้านั้น เป็นกระดาษโพสอิทขนาดใหญ่โตที่ลงวันที่วันนี้แล้วเขียนกำกับว่า

'วันเกิดแพร ขอคืนดีเขาซะ'

   มิกปิดกระเป๋าสตางค์ลง เก็บเข้าเป้ และมองไปยังงานเหล่านั้น
   เขาว่าตอนนี้อะไรๆมันชักจะแปลกไปกันใหญ่แล้ว เอิร์ธกำลังเข้าใจอะไรบางอย่างผิดพลาดเป็นอย่างมาก และดูเหมือนตอนนี้เขาเริ่มอยากทำให้เอิร์ธเข้าใจอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ และทำให้เอิร์ธโตขึ้นซะที
   ชายหนุ่มเดินตามเข้าไปในงานแต่ทว่าเขาเห็นเอิร์ธกับเด็กสาวคนในรูปในกระเป๋าสตางค์ กำลังเดินออกจากห้องโถงไปแล้วหลบมุมไปด้านข้างที่ไม่มีผู้คน มิกค่อยๆเดินตามไปเงียบๆ ก่อนจะหลบเข้าที่มุมของเสา
   เอิร์ธกำลังมองหน้าแฟนเก่าของเขาด้วยใบหน้าเคร่งขรึมที่มิกไม่เคยเห็นมาก่อน ในขณะที่แพรกอดอก และพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่สบตามิก
   “เขาเป็นใครอ่ะ แฟนใหม่แพรเหรอ" เอิร์ธถามขึ้น
   “ถ้าเอิร์ธจำเป็นต้องรู้ เขาเป็นพี่ที่ฝึกงานแพร" เด็กสาวตอบ "และใช่ เขาเป็นแฟนแพร"
   เอิร์ธเงียบลง มิกถึงกับเลิกคิ้ว อย่างนี้นี่เอง
   “เอิร์ธมาทำไม" แพรถาม
   “เราอยากมาหาแพร เราอยากให้แพรเข้าใจว่า......”
   “พอเถอะเอิร์ธ" แพรมองหน้าเอิร์ธอย่างเย็นชา "เรื่องมันจบไปแล้ว เอิร์ธจะยังมาอะไรกับแพรอีก เอิร์ธเป็นคนบอกเลิกแพรนะ"
   “เรารู้ แต่เราแค่อยากให้แพรเข้าใจว่า เพราะอะไรทำไม เราอยากให้แพรเข้าใจเราบ้าง" เอิร์ธพยายามพูด
   “แพรเข้าใจดี แพรรู้จักเอิร์ธดี" แพรว่า "แต่แพรไม่อยากฟังเอิร์ธแล้ว ที่ผ่านมา มันมีแต่เหตุผลของเอิร์ธ ของเอิร์ธ ของเอิร์ธ แล้วเอิร์ธรู้หรือเปล่า ว่าเหตุผลที่แพรยอมตกลงเลิกกับเอิร์ธเพราะอะไร"
   เด็กหนุ่มเงียบกริบ ใบหน้าที่หล่อเหลาแดงก่ำด้วยความโกรธ
   “เพราะว่านี่คือสังคมของแพร นี่คือชีวิตที่แพรต้องการ และชีวิตมันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่เอิร์ธพยายามบอกแพร" แพรตอบเสียงเฉียบขาด "ที่ผ่านมา เอิร์ธหาเหตุผลร้อยแปดมาอธิบายให้แพรฟังตลอดเวลา ว่าทำไมเอิร์ธถึงเข้าไม่ถึงชีวิตของแพร สังคมของแพร เอิร์ธพยายามจัดการทุกๆอย่างด้วยเหตุผลทั้งๆที่จริงแล้ว เรื่องบางเรื่องมันใช้เหตุผลมาตัดสินไม่ได้หรอกนะ
   เอิร์ธรู้ไหมว่ายิ่งเอิร์ธพูด แพรก็จะยิ่งเสียใจมากขึ้นไปอีก เพราะเหตุผลของเอิร์ธมันสมบูรร์ซะจนแพรเองก็ไม่รู้จะแก้ไขมันยังไง แพรเสียใจมากที่เอิร์ธบอกเลิกกับแพรค่ะ แต่ตอนนี้แพรรู้แล้วว่าอะไรที่ทำให้แพรไม่ต้องอึดอัดได้อีก" เด็กสาวหายใจเข้าลึกๆ "เราไม่มีอะไรเข้ากันเลยค่ะ เอิร์ธไม่เคยเข้าใจสังคมแพร เอิร์ธไม่เข้าใจชีิวิตแพร และแพรก็คิดว่าตอนนี้ เราสองคนเป็นเพื่อนกันดีที่สุดแล้ว"
   เอิร์ธนิ่งสนิท
   “แพร" เอิร์ธพูดเบาๆ
   “นี่คือคำพูดเดียวกับที่เอิร์ธบอกเลิกแพร" เด็กสาวว่า "งั้นแพรจะขอใช้มันบอกเอิร์ธก็แล้วกัน กลับไปซะ แล้วไม่ต้องมาเจอกันอีกจนกว่าเอิร์ธจะคิดถึงสิ่งที่ตัวเองทำไว้แล้วตระหนักมันให้มากกว่านี้"
   แพรเดินออกมา
   “คนเราอยู่คนแพ้บ้างก็ได้นะเอิร์ธ"
   เด็กสาวเปิดประตูงานและหายเข้าไปโดยเอิร์ธไม่ได้วิ่งตามไปอีก มิกเดินออกมาจากหลืบมุม แต่ม่ทันจะได้ให้เอิร์ธรู้สึกตัว เด็กหนุ่มก็สังเกตเขาได้ซะแล้ว เด็กหนุ่มมองหน้ามิกครั้งหนึ่ง พลางกัดฟัน
   “พี่แอบฟังผมเหรอ" เอิร์ธตะโกน
   มิกถอนหายใจหนึ่งครั้ง ก่อนจะหันหลังกลับ แต่เอิร์ธก็จ้ำฝีเท้ามาหามิก ก่อนจะกระชากมิกหันหลังกลับ
   “ผมถามว่าพี่แอบฟังผมเหรอ" เอิร์ธถามเสียงแข็ง
   “ก็ที่นายให้พี่มา ก็เพื่อให้มารับรู้เรื่องพวกนี้ไม่ใช่รึไง" มิกว่า พลางขมวดคิ้ว "ไปสงบสติอารมณ์ไป จะได้ไปดูแกลกันต่อ"
   เอิร์ธนิ่งไปพักนึง
   “พี่จะไปก็ไปเหอะ ผมไม่ไปแล้ว" เอิร์ธพูดขึ้น "ผมเอาชนะเขาไม่ได้แล้ว ผมไม่อยากอยู่ในสังคมของเขาที่นี่แล้ว"
   มิกนิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะหันหน้ามาหาเอิร์ธช้าๆ
   พลั่ก!!!
   มิกต่อยหน้าที่หน้าของเอิร์ธหนึ่งครั้ง เด็กหนุ่มล้มลงกับพื้น พลางมองมิกด้วยตาเขียว
   “พี่ทำบ้าอะไรเนี่ย" เอิร์ธตะโกนใส่
   “พี่ต่างหากที่ต้องถามนาย ว่านายทำบ้าอะไรเนี่ย" มิกพูด พลางมองไปรอบๆ "นายมาทำอะไรที่นี่ นายรู้ตัวบ้างรึเปล่าเอิร์ธ"
   มิกมองไปทั่วตัวของเอิร์ธ
   “ที่นายทำเนี่ย คือพยายามเข้าไปอยู่ในที่ที่แฟนของนายอยู่ใช่หรือเปล่าหะ" มิกพูด "นายพยายามทำให้ตัวเองไปอยู่ในโลกที่เขาเป็นเหรอ ดูสารรูปตัวเองบ้างดิ ทุเรศว่ะ"
   “พี่ว่าอะไรนะ" เอิร์ธพูด
   “นายเป็นคนบอกเลิกเค้า แล้วกลืนคำพูดตัวเองทำไมวะ เป็นผู้ชายอ่ะ ตัดสินใจอะไรไปแล้ว ก็อย่าถอยหลังกลับดิ" มิกพูก "ไหนบอกว่าคนเราอยู่อย่างคนแพ้บ้างก็ได้ไง เนี่ยเหรอ อยู่อย่างคนแพ้ของนายอ่ะ"
   “มันเว้นเสียแต่ว่า คนคนนั้นจะเข้าใจความจริงผิดต่างหากพี่มิก” เอิร์ธตะโกน "ถ้าหลบมันก็ต้องหลบไปตลอด"
   “นายต่างหากที่เข้าใจผิดเอิร์ธ ที่ต้องเผชิญหน้าน่ะมันไม่ใช่อดีต แต่มันคือความจริง” มิกพูด "นายต่างหากที่แพ้ คนที่น่าแสดงความยินดีด้วยคือแฟนเก่าของนาย น้องแพรเขาชนะแล้ว เขามีแฟนใหม่ไปแล้ว เป็นคนวัยทำงานในเอเจนซี่ที่สามารถจัดแกลลอรี่ที่นี่ได้ในขณะที่นายยังเป็นเด็กฝึกงานของพี่อยู่นี่ไง นี่ไงความจริง"
    เอิร์ธก้มหน้าลง
   “ถึงนายดึงดันเอาเรื่องพวกนี้ใส่ลงไปใน Loveless Society พี่ก็ไม่ให้ผ่านหรอก" มิกพูด "นายก็ไม่ต้องเอาพี่มารับรู้เรื่องพวกนี้อีกแล้วนะ พี่ไม่มีทางยอมรับเรื่องพวกนี้ในงาน มันไม่มีประโยชน์ และโคตรสิ้นคิดเลย"
   “ผมไม่ได้จะเอามาพี่ที่นี่เพราะเรื่องงาน" เอิร์ธว่าเสียงดัง พลางมองหน้ามิก "ที่ผมเอาพี่มานี่ เพราะผมรู้ว่ามันจะต้องเป็นอะไรแบบนี้"
   มิกค่อยๆผ่อนลมหายใจแล้วมองหน้าน้อง
   “ผมก็แค่...จะหาใครซักคน ที่คอยปลอบผม" เอิร์ธพูดเสียงสั่น
   มิกส่ายหน้าพลางหยิบเอาเป้ของเอิร์ธแล้วเอากระเป๋าสตางค์ของเอิร์ธออกมา เขาหยิบโพสอิทหน้ารูปของเอิร์ธและแพรออกมาชูต่อหน้าเอิร์ธที่กำลังตกใจสุดขีด
   “แล้วนี่มันอะ.......”
   มิกเพ่งมองไปที่ด้านหลังของโพสอิทอันนั้น ยังมีข้อความอีกหนึ่งบรรทัดเขียนยู่ด้านหลัง

'ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เอาพี่มิกไปด้วย เขาปลอบได้'

   มิกมองข้อความนั้นได้แค่สองสามวินาที แต่กระดาษใบนั้นก็หายไปจากมือของเขาอย่างรวดเร็ว เอิร์ธลุกขึ้นมาตวัดกระดาษออกจากมือเขา พร้อมกลับรีบเอาของทุกอย่างของตัวเองคืน
   “พี่รู้เรื่องผมเยอะเกินไปแล้วล่ะผมว่า" เอิร์ธพูด ขณะกำลังเก็บของ
   “แกต้องการอย่างนี้เองนะ" มิกพูด
   เอิร์ธไม่พูดอะไรได้แต่เดินออกจาก Crystal Design Center ไปยังไอ้เต่าทองที่จอดอยู่ มิกมองตามไปอย่างสงสัย เด็กคนนี้ชักจะเอาใหญ่แล้ว และในฐานะพี่เทค เขาจะต้องสอนให้เอิรืธรู้จักตัวเองและโตมากกว่านี้ ไม่อย่างนั้น เด็กคนนี้ทำงานในสายอาชีพและสังคมที่เต็มไปด้วยเรื่องฉาบฉวยนี้ลำบากแน่ๆ เขาจะไม่ยอมให้เด็กคนนี้ต้องเป็นเหมือนนัทเด็ดขาด
…...........
   มิกวางแก้วสองใบบรรจุน้ำเก็กฮวยเย็นๆลงบนโต๊ะที่บ้านตรงริมน้ำอย่างระมัดระวัง ขณะที่เอิร์ธกำลังนั่งมองริมน้ำแล้วมองออกไปยังแม่น้ำเจ้าพระยาที่สะท้อนแสงอาทิตย์ยามบ่ายแก่ๆจนเป็นสีทองอร่าม บ้านของมิกบนถนนเจริญกรุงอยู่ริมแม่น้ำ และมันจะสวยงามอย่างนี้ทุกครั้งเมื่อถึงเวลาอันเหมาะเจาะ เอิร์ธมองแม่น้ำไหลไปมาอย่างนิ่งสนิท มีเพียงเสียงเรือยนต์แว่วเบาๆลอยมาตามแม่น้ำเท่านั้น
   “กินซะ จะได้ดีขึ้น" มิกพูด "อากาศร้อนๆแบบนี้จะได้เย็นลง"
   เอิร์ธหยิบแก้วขึ้นไปดื่มทันที แม้จะยังมองไปข้างหน้านิ่ง
   “พี่ขอโทษนะ" มิกพูด "เรื่องที่แกลลอรี่ ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า"
   เอิร์ธส่ายหน้า
   “เห้ย โกรธเหรอ" มิกพูด "ต่อยคืนก็ได้อ่ะ"
   เอิร์ธยังคงส่ายหน้าอีก มิกจึงหยุดล้อน้องเล่น
   “ผมสมควรโดนแหละ" เอิร์ธว่า "โดนจากพี่ ยังดีกว่าโดนจากแฟนแพรเค้า แม่งจะเจ็บกว่านี้"
   มิกเลิกคิ้วอย่างไม่มีความเห็น
   “บ้านพี่สวยดีอ่ะ" เอิร์ธว่า "ทำไมเหมือนไม่มีใครอยู่เลยอ่ะ"
   “พี่...เอ่อ.....เพิ่งกลับมาอยู่อ่ะ" มิกตอบ "หลายปีมานี่ พี่ไปอยู่บ้านพี่นัทมา"
   “ไปอยู่ทำไมอ่ะ" เอิร์ธถามนิ่งๆ
   “ก็....นัทมันต้องอยู่คนเดียว พี่ก็เลยไปอยู่เป็นเพื่อน แล้วทำงานกันที่นั่นด้วย" มิกเล่า "แม่พี่นัทเค้าไปทำงานอยู่อเมริกาตอนแรกก็ว่าจะกลับมาเดือนที่แล้ว แต่ปรากฎว่ายังอยากอยู่ที่นั่นต่อ ก็เลยยังไม่กลับน่ะ"
   “แล้วทำไมพี่กลับมาอยู่นี่ซะล่ะอ่ะ" เอิร์ธถามอีก
   “ก็....พี่.....”
   “พี่กับพี่นัทเลิกกันแล้วใช่ป่ะ" เอิร์ธถามอีก ทำเอามิกสะดุ้งเฮือก พลางมองไปหาเอิร์ธ
   “บ้า" มิกร้องเสียงดัง "พี่กับพี่นัทไม่ได้.....”
   “แล้วพี่นัทก็ไปคบกับพี่กายป่ะ" เอิร์ธพูดอีก "พี่อ่ะ อกหัก แล้วเสียใจเรื่องพี่นัท เมื่อตอนอาทิตย์ที่ผมมาแรกๆ"
   มิกขมวดคิ้วทันที เด็กคนนี้รู้เยอะไปจริงๆด้วย
   “เถียงดิ" เอิร์ธย้ำอีก
   “ถูก" มิกตอบเบาๆ "แต่ไม่ใช่ทั้งหมด มันซับซ้อนกว่านั้น"
   “อือ ผมไม่อยากรู้หรอก แต่มันก็ประมาณนี้ป่ะ" เอิร์ธว่า "พี่เป็นเกย์เหรอ"
   มิกเงียบไปพักนึง
   “พี่ชอบผู้หญิงนะ" มิกพูด "แต่กับพี่นัท พี่ไม่ได้เรียกว่าชอบว่ะ"
   “พี่เป็นห่วง พี่อยากทำทุกอย่างให้เขา พี่รักเขา ใช่ป่ะ" เอิร์ธตอบแทน มิกไม่ต้องตอบอะไรอีก ในความคิดเขา ยังไงก็ตามเอิร์ธก็รู้อะไรมากเกินไปอยู่แล้ว แล้วเขาเองก็ไม่อยากจะปิดความคิดอยากรู้อยากเห็นใคร เขาไม่ใช่คนที่มีอะไรต้องปิดบัง
   “อือ" เขาตอบเบาๆ
   “พี่ไม่เหนื่อยเหรอ" เอิร์ธพูด โดยที่มันไม่ใช่คำถามจริงๆ "พี่ทำยังไงอ่ะ พี่อดทนได้ยังไง พี่ไม่เสียใจแล้วเหรอ"
   “เสียใจดิ" มิกพูด พลางมองออกไป "แต่ทำไงได้ เห็นเขามีความสุข มันก็น่าจะดีใจใช่ป่ะล่ะ แต่เอาจริงๆนัทเขาก้ไม่ได้สุขขนาดนั้นแต่ ถ้าเขาอยากจะไป ใครจะห้ามได้ พี่เองก็ไม่ได้เป็นอะไรกับเขาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว"
   “แต่พี่ก็รักเขามาก และไม่อยากให้เขาไป" เอิร์ธพูดเสียงเศร้า "พี่ยังอยากให้เขาอยู่กับพี่ใช่ไหม"
   “เอิร์ธ คนที่เรารักไม่เคยจากรักไปไหน เขาจะยังมีชีวิตอยู่ในความทรงจำของเราเสมอเว่ย" มิกตอบ "และสำหรับนัทด้วยแล้ว พี่เขายังไงก็ยังเป็นเพื่อนพี่ พี่รู้จักเขามานานจนมั่นใจได้เลยว่า เขาไม่ได้ไปไหน ถึงจะทรมาณที่เป็นเพื่อนกันแล้วบอกรักไม่ได้ แต่ถ้าเพื่อนกันก็ไม่มีวันบอกเลิกนะ"
   เอิร์ธเงียบไปพักนึง
   “อย่าเสียใจไปเลย" มิกว่า "ยังมีคนที่อยากอยู่กับนายอีกเยอะ มันก็ต้องมีซักคนที่รู้จักตัวตนของนาย และยอมรับนายได้"
   “ผมว่าผมเจอแล้วล่ะ" เอิร์ธวางแก้วลงทันที พลางมองมาหามิก เอิร์ธเผยอปากเล็กน้อยแต่ไม่มีอะไรเล็ดลอดออกมา มิกมองหน้าเอิร์ธพลางลุ้นให้น้องพูดอะไรออกมาซักอย่าง
   “พี่มิก.......คบผมเป็นแฟนได้ไหม"
   มิกรู้สึกว่าแก้วเก็กฮวยที่ตัวเองถือมันเล็กลงอย่างห้วบห้าบ รวมถึงเขารู้สึกอยากจะกระโดดลงแม่น้ำไปเดี๋ยวนี้
   “อ....อะไร..น...”
   เอิร์ธส่งสายตาหล่อเหลาที่ใสกิ๊งมาหามิกอีก คราวนี้กลับเป็นมิกที่เผยอปากเล็กน้อยเหมือนจะพยายามพูดอะไรบางอย่างและ
   “ก็...อ...เอา...ด...”
   และ เสียงโทรศัพท์มือถือของมิกดังขึ้นทันที ทั้งสองสะดุ้งเฮือก มิกรีบรับทันทีด้วยมือสั่นเทา
   “ฮ...ฮ..ฮัลโหล มี...ไรสา" มิกพูดตะกุกตะกัก
   “มิก นายอยู่ไหนเนี่ย" สาพูดเสียงดัง
   “อ....อยู่บ้าน มีไร" มิกถาม
   “มาที่ออฟฟิศเดี๋ยวนี้" สาพูด "มิกเราชนะ ได้ยินหรือเปล่า ทีมเราได้ที่หนึ่งงาน B.A.D Award มิกเราชนะแล้ว"
   มิกตั้งตัวไม่ทันมากขึ้นไปอีกคราวนี้
   “อ....อะไรนะ" มิกพูดตะกุกตะกัก "เธอพูดจริงหรือเปล่าเนี่ย"
   “จริงสิ บอสจะฉลองให้เราคืนนี้ ที่ออฟฟิศจะมีปาร์ตี้กัน กลับมาเดี๋ยวนี้เลย เอาน้องเอิร์ธมาด้วย เพราะชื่อน้องก็ถูกใส่ไปในงานเราด้วยนะ น้องเขาคือทีมเดียวกับเรา" สาพูด
   มิกมองหน้าเอิร์ธพลางยิ้มกว้าง
   “ได้ อีกครึ่งชั่วโมงเจอกัน" มิกวางสายลง พลางมองหน้าเอิร์ธ
   “มีอะไรเหรอครับ" เอิร์ธถาม
   มิกเงียบไปพักนึง ก่อนจะยิ้มน้อยๆ
   “พี่....ตกลง" มิกพูดเบาๆ "เอิร์ธ......เป็นแฟนพี่นะ"
   เอิร์ธมองหน้ามิกพลางอมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
   “หึหึ" เอิร์ธหัวเราะในลำคอ
   และยังไม่ทันจะได้บอกเล่าข่าวดีหรือการแสดงความยินดีต่อชัยชนะซึ่งกันและกัน มิกสวมกอดเอิร์ธอยู่ตรงนั้น อ้อมกอดที่ดูสดใสอย่างประหลาด หลังจากอ้อมกอดที่มืดมนก็เริ่มต้นที่ตรงนี้เมื่อหลายเดือนก่อนวันที่นัทกอดลาเขาตรงนี้ แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่า การเดินทางสายใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
…................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-07-2011 01:39:35 โดย M2M_Jill »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

DexTunG

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
บทที่ 18 Promise i'm here......you're here

   เป็ยเวลาเพียงแค่สองชั่วโมงเท่านั้นเองหลังจากที่มิกบึ่งเจ้าเต่าทองกลับมาถึงออฟฟิศได้สำเร็จแล้วพบว่า Lovable Studio สามารถเปลี่ยนจากโรงฆ่าสัตว์ที่น่าเอ็นดูเป็นงานปาร์ตี้ขนาดย่อมที่จัดขึ้นในสตูดิโอ 1 บนชั้นสอง ที่เป็นสตูดิโอที่ใหญ่ที่สุดในออฟฟิศ ซึ่งมิกเดาเอาว่าน่าจะเป็นบอสที่พยายามหาเส้นสายจากลูกค้าของท่านมาได้เยอะ จนสามารถเนรมิตงานปาร์ตี้ขนาดใหญ่โดยใช้เวลาเพียงค่อนวันที่เขาหายจากออฟฟิศไปได้ สตูดิโอถูกประดับด้วยไฟอาร์ตี้ มีกระดาษพร้ิวติดประดับอย่างเก๋ อาหารทุกอย่างกำลังทยอยขนลงจากรถ ซึ่งมันมีปริมาณมากซะจนเขาเดาเอาว่ามันน่าจะเป็นงานเลี้ยงกันทั้งออฟฟิศ และที่น่าตกตะลึงคือพี่เจมส์ที่ทำงาน Visual สตูเดียวกับพี่อ๊อด สามารถหาเครื่อเงสียงและคาราโอเกะมาตั้งบนเวทีที่ปูขึ้นอย่างง่ายๆ พร้อมกับอุปกรณ์ดนตรีครบครัน ซึ่งนั่นทำเอามิกตกตะลึง
   มิกและเอิร์ธเดินเข้ามาในออฟฟิศช้าๆจนกระทั่ง
   พรึ่บ!!!!
   ร่างๆนึงกระโจนเข้ามาใส่มิกโดยที่เขาตั้งตัวไม่ทัน สานั่นเอง เขากอดเธอกลมอยู่ที่สตูดิโอตัวเองด้านล่าง
   “สำเร็จแล้วแก" สาพูดพลางร้องไห้ "ในที่สุด แกกับฉันพวกเราก็ทำสำเร็จแล้วมิก"
   มิกหัวเราะแห้งๆ
   “ใจเย็นๆ" มิกตอบ "ไม่ได้ชนะงานดีไซน์โลกซะหน่อยโธ่"
   แต่ถึงกระนั้นทั้งสองก็ยิ้มกว้างพลางกอดกันกลมอยู่ตรงนั้น เอิร์ธมองพี่ทั้งสองพลางยิ้มกว้าง ก่อนจะผละออกจากกัน สาปาดน้ำตาออกจากหน้า
   “แล้วนี่หายไปไหนกันมาเนี่ย" สาถาม มิกยิ้มแหยๆ
   “เอ่อ....”
   “ว่าไงล่ะ" สาถามอีก
   “ไปงาน Siam Art Fair มาคับ" เอิร์ธตอบแทน พลางหันไปมองหน้ามิกพลางยิ้มให้ สามองทั้งสองไปมาพลางขมวดคิ้ว
   “อ้อ" สาพูดเบาๆ มิกเห็นท่าไม่ดีจึงรีบตั้งสติ
   “...ล...แล้วนัทล่ะ มันไปไหน" มิกถามต่อ
   “เอาความจริงมะ" สาถาม
   “เอาความจริงดิ" มิกตอบ
   “ฉันโทรหามันไม่ได้เหอะ" สาพูดอย่างหัวเสีย
   “เอ๊า แล้วทำไงเนี่ย" มิกถามต่อ
   “ฉัน...เอ่อ...ก็เลยบอกบอสไปว่าติดต่อไม่ได้" สาพูด "และก็บอกให้บอสลองโทรหา...เอ่อ....คุณกายน่ะ"
   สาพยายามพูดอย่างระมัดระวัง มิกเลิกคิ้ว
   “ก็ดี" มิกพูดสียงใส "อือ.......คงได้เรื่องแหละ บอสเป็นอาของกายนิ สงสัยจะหายไปด้วยกันแหละ"
   สามองมิกอย่างสงสัยมากขึ้นไปอีก
   “แล้ว...เอ่อ...” สาเหมือนพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง
   “อะไรของเธอ" มิกมองสาด้วยความสงสัย "มีอะไร....”
   "ไม่มี๊" สาขึ้นเสียงสูง มิกดูขำกับท่าทางของเพื่อนรัก ก่อนจะหันไปหาเอิร์ธ
   “พี่ว่าพี่สาป่วย" มิกหันไปกระซิบที่ข้างหูเอิร์ธ
   “ฉันได้ยินนะยะ" สาว่า "ขึ้นไปข้างบนกันเหอะ งานปาร์ตี้จะเริ่มแล้ว ไปกันจ้ะเอิร์ธ ไปฉลองความสำเร็จของเรากัน"
   มิกส่ายหัว ขณะที่สาเดินจ้ำอ้าวขึ้นไปเป็นคนแรก มิกหันไปหาเอิร์ธพลางมองหน้าเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่ความสัมพันธ์เพิ่งจะเปลี่ยนไปเมื่อไม่นานนี้ มิกมองหน้าเอิร์ธอยู่อย่างนั้น
   “อะไรพี่" เอิร์ธถามด้วยตาเบิกโพลง
   “ขอบใจนะ" มิกพูด พลางยิ้มบางๆ
   “เรื่องอะไรพี่" เอิร์ธขมวดคิ้ว
   “นายไม่เข้าใจหรอก" มิกยิ้มที่มุมปาก
   “เอ๊า ดูคนเรา" เอิร์ธว่าใส่ "ไปได้แล้วพี่ อย่ามองผมงี้ดิ มันไงไม่รู้อ่ะ"
   “หึหึ" มิกหัวเราะเลียนแบบเสียงเอิร์ธ "ไม่เคยไง?"
   “เคยไรอ่ะ" เอิร์ธพูดเขินๆ
   “มีแฟนเป็นผู้ชายอ่ะ" มิกกระซิบเบาๆ
   “ก็ที่ขอให้มาคบอ่ะ ก็เพราะอยากลองไง" เอิร์ธพูดพลางถอยห่างมิกออกไป มิกก้มหน้าลงพลางถอยออกมา
   “อะไรวะ แค่นี้อ่ะเหรอ ที่มาคบกะพี่อ่ะ" มิกพูดเสียงงอน "โห อกหักจากหญิงมานี่หว่า"
   “ป่าวซะหน่อยเหอะ" เอิร์ธพูด "มันก็ใช่แหละ แต่แค่อยากหาพี่มาดูแลบ้างอ่ะ ไม่ได้เหรอ"
   มิกมองหน้าเอิร์ธพลางอมยิ้ม
   “จะขึ้นไปได้ยังอ่ะพี่ วันนี้ยังไม่ได้กินไรเลยนะ" เอิร์ธว่า
   “งั้นไป" มิกยื่นมือออกไปหาเอิร์ธ
   “ไรอ่ะ" เอิร์ธถามพลางมองมือนั้น
   “มาดิครับ ไอ้ตัวแสบ" มิกพยักหน้าเหมือนจะให้เอิร์ธเลิกมึน เด็กหนุ่มมองมือนั้นหนึ่งครั้งก่อนจะเอื้อมมือของตัวเองมาจับมิกและเดินขึ้นบันใดไปพร้อมกัน
   ทันทีที่ประตูสตูดิโอเปิดผางออก เหล่าพี่ๆเพื่อนๆจากฝ่ายต่างๆของบริษัทก็กรูกันเข้ามาแสดงความยินดีกับมิก เอิร์ธและสาอย่างแน่นขนัด ทั้งสาฝ่าฝูงคนในออฟฟิสไปจนกระทั่งถึงกลางสตูดิโอจนได้และเจอกับบอสพิพัฒน์ที่สวมกอดทั้งสามอย่างปิติ
   “บอสภูมิใจกับพวกนายมากๆเลย ฮ่า ฮ่า คราวนี้เอเจนซี่เราจะดังใหญ่แล้ว" บอสพูดเสียงดัง "มามามา ฉลองกันหน่อย"
   บอสส่งแก้วให้กับทั้งสามทันที
   “ผมกินไม่เป็นอ่ะพี่" เอิร์ธกระซิบข้างหูมิกเบาๆ
   “จริงดิ" มิกตอบขำๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
   “เอาล่ะนะ" บอสกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สาก็ขัดขึ้น
   “บอสคะ ไม่รอคุณกายก่อนเหรอคะ" สาถาม
   “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เจ้ากายกับเจ้านัทกว่าจะมาก็ดึกๆโน่นแหนะ เอ๊า"
   โพ๊ะ!!!!
   เสียงฝาแชมเปญดังขึ้นเป็นเหมือนสัญญาณแล้วหลังจากนั้น ปาร์ตี้ก็เริ่มขึ้นโดยไม่มีเวลา มิก สา และเอิร์ธโผเข้ากอดกันอีกครั้งก่อนที่พี่เจมส์เปิดเพลงจังหวะเป็นแอมเบี้ยนเก๋ๆ ให้เหล่าคนในออฟฟิศได้แดนซ์กัน
   “เอาล่ะครับ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ก็ขอเชิญพี่ๆน้องๆชาว Lovable สนุกกันให้เต็มที่กับความสำเร็จของมิกอาร์ททิสตัวพ่อ น้องสาแสนน่ารักของพี่ แล้วก็น้องเอิร์ธ น้องฝึกงานน้องใหม่ของเราด้วยนะครับ" พี่เจมส์พูดเสียงดีใจขณะเปิดเพลง "สำหรับเจ้านัทเจ้าหนูไฟแรงของเราตอนนี้ยังไม่มานะครับ และแน่นอนว่าคืนนี้เขาจะกลับมาพร้อมกับคนที่ทุกคนรอคอย คุณกายสิทธิ์พ่อมดของพวกเรานั่นเอง แต่ก่อนอื่นพวกเรา ไปโลดดดดดดด"
   โดยที่ไม่มีการกังวลใดใดวันนี้จึงเป็นวันที่มิกมีความสุขจริงๆในรอบหลายๆเดือนที่ผ่านมา ซึ่งนั่นทำให้มิกเข้าใจผิดทีเดียว
…...........
   ไม่ใช่เพราะอะไรหรอก เมื่องานปาร์ตี้เริ่มได้ไปซักพักใหญ่ แม้ว่าจะยังไม่มีวี่แววของของนัทและกาย แต่นั่นไม่ได้ทำให้มิกกังวลเท่าเรื่องที่มันเกิดขึ้นหลังจากเสียงฝาแชมเปญเงียบลงไปหนึ่งชั่วโมง ดูเหมือนว่าการที่น้องฝึกงานหน้าใหม่ที่เพิ่งมาทำงานที่นี่ได้หนึ่งเดือนแล้วยังสร้างผลงานให้กับบริษัทนั้นเป็นเรื่องที่น่าประทับใจ โดยเฉพาะเหล่าสาวๆฝ่ายประชาสัมพันธ์ที่ดูเหมือนจะติดอกติดใจในฝีมือการออกแบบและหน้าตาอันหล่อเหลาเกินจำเป็น ยิ่งในแสงสลัวๆบวกกับเสื้อผ้าชุดไปรเวสที่ใิกสั่งให้เอิร์ธใส่มาวันนี้เป็นวันแรก ยิ่งทำให้พวกPR ที่เพิ่งได้เห็นเอิร์ธเป็นวันแรกยิ่งเข้าไปคลอเคลียเด็กหนุ่มที่ดุเหมือนว่าเอิร์ธเองก็จะเฮฮาปร์ตี้จนเกินจำเป็น สาบอกมิกว่าอาจจะเป็นเพราะเอิร์ธไม่เคยดื่มเครื่องดื่มแรงๆมาก่อน แต่มิกกับคิดว่าอาจจะเป็นเพราะเรื่องวันนี้มากกว่า
   เอิร์ธออกลวดลายการเต้นอยู่ได้พักนึงก็ขอตัวจากพวกสาวๆกลุ่มนั้นออกมาหาอะไรกินที่เคาท์เตอร์อาหาร มิกเห็นดังนั้นจึงปรี่เข้าไปหา
   “เห้ย เสน่ห์แรงจังนะ" มิกพูดเสียงเข้ม
   “มันก็แหงอยู่แล้วพี่" เอิร์ธพูดพลางเก็กหล่อทันที ก่อนจะยักคิ้วให้มิก "หึหึ"
   “บอกที่บ้านหรือเปล่าว่าจะปาร์ตี้เนี่ย" มิกพยายามหาเรื่องพูดอีก
   “บอกทำไมพี่ ปกติผมอยู่หอ" เอิร์ธว่า "ถ้าบอก ผมก็อดดิิ"
   “ไหวเปล่าวะเนี่ย" มิกถามอีก
   “ไหวดิพี่ พี่จะสื่อไรป่ะเนี่ย" เอิร์ธเริ่มพูดเสียงแข็ง มิกขมวดคิ้ว
   “น้องเอิร์ธเสร็จหรือยัง มาเร็วๆ เพลงกำลังสนุกเลย" เสียงดังมาจากวงแดนซ์ที่มิกเดาว่าเป็นเสียงยัยแอนที่อยู่ PR กับแก๊งค์ของเธอ
   “ไปก่อนนะพี่" เอิร์ธลากเสียงพลางยิ้มกว้างก่อนจะลอยจากเคาท์เตอร์ไปโดยนัยน์ตาเยิ้ม
   มิกมองเอิร์ธไปอย่างหัวเสีย พลางมองเข้าไปในวงนั้น ตอนนี้เอิร์ธกลายเป็นดารากลาฟลอร์ไปเสียแล้ว โดยโดนรุมล้อมไปด้วยสาวๆจากเกือบทั้งออฟฟิศ เหมือนจะจงใจ มิกกำลังเห็นแอนกระซิบกระซาบอะไรบางอย่างอยู่ที่ข้างหูของเอิร์ธ มิกค่อยเดินๆไปในวงนั้นเขาเดาอะไรบางอย่างที่น่าจะเป็นไปได้ และก็เป็นอย่างคาด แอนหยิบบีบีขึ้นมา ในขณะที่เอิร์ธก็ค่อยๆล้วงกระเป๋ากางเกงตัวเองออกมาและ
   “ขอตัวสุดหล่อของเธอแป้บนะแอน" มิกพูดขึ้นกลางวงขณะที่มือของเขาคว้าหมับเข้าที่เอวของเอิร์ธและดึงเขาออกมาจากวงนั้น
   “..ม....มิก....อ....ไอ้....”
   เสียงของแอนถูกกลบด้วยไปด้วยเสียงเพลงของพี่เจมส์ที่กำลังจะเปลี่ยนบีสต์ เอิร์ธที่เหมือนถูกดึงตัวออกจากสวนสนุกหัวเสียเป็นอย่างมาก
   “อะไรของพี่เนี่ย" เอิร์ธพูดเสียงงัวเงีย ขฯะที่มิกดึงเด็กหนุ่มออกมานอกสตูดิโอทันที และลากไปยังห้องน้ำที่อยู่ปลายทางเดิน
   “อยากได้เบอร์พี่เขาเหรอ" มิกถามพลางเลิกคิ้ว
   “ก็....ป่าว" เอิร์ธลากเสียง "ก็เขาขอ ก็นิดนึง"
   “รู้ป่ะ พี่แอนเค้าเป็นคนยังไง" มิกถามอีก แต่เอิร์ธหัวเราะ
   “เห้ยพี่ ผมก็ไม่ได้จริงจังอะไร" เอิร์ธพูด "นี่ปาร์ตี้นะพี่ ก็แลกกันไป ไม่ได้ซีเรียส"
   มิกส่ายหน้าพลางถอนหายใจ
   “พี่หึงผมเหรอ" เอิร์ธพูดขึ้น
   “ป๊าว" มิกพูดเสียงสูง "ก็แค่....ไม่อยากให้เสียเด็ก"
   “เห้ย" เอิร์ธร้อง "พี่คงไม่ได้จริงจังอะไรขึ้นมาหรอกนะ กับผมอ่ะ ง่ายๆก็ได้พี่ สบายๆ"
   เอิร์ธพูดพลางเดินหายไป
   “ง่ายๆสบายๆของมึงเนี่ยกูไม่สบายนะไอ้.....”
   “..มิก" สาเรียกเขาจากด้านหลัง มิกตกใจสะดุ้งเฮือก ก่อนจะหันหลังกลับไปมองเธอดด้วยสายตากว้าง สาเพิ่งจะออกมาจากห้องน้ำ ขณะที่ในมือถือโทรศัพท์
   “มีอะไร" มิกทำตาถลน
   “เห้ย จะถึงตาใส่ฉันทำไมเนี่ย" สาร้อง "แค่จะบอกว่านัทมาถึงแล้วนะ คุณกายด้วย"
   “อ...อือ" มิกรับคำ
   “แล้วมาทำไรตรงนี้" สาถาม "แล้วคุยอะไรกับเอิร์ธเมื่อกี้อ่ะ ดูท่าทางแปลกๆ"
   “เปล่านี่" มิกขึ้นเสียงสูงอีก "ไม่มีอะไรเลย ไม่ได้คุย"
   “เอาเข้าไป ฉันว่ามันแปลกๆละ" สาว่า "และไอ้ที่แปลกเนี่ย ก็เจ้าเอิร์ธด้วย เห็นทำหน้าตาแปลกๆใส่แกเหมือนกับว่า..........ฉันไปถามน้องเองดีกว่า"
   “ไม่ต้อง" มิกพูดพลางดึงสาเอาไว้ "จะไปยุ่งอะไรล่ะ ไปหาไอ้นัทเหอะ นะนะ"
   “แน๊ะ เดียวนี้มีลูกอ้อน" สาร้อง "ฉันจะต้องรู้ให้ได้เลย คอยดู"
   มิกและสาเดินจ้ำอ้าวกลับเข้าไปในงานทันที และทันใดนั้นร่างๆหนึ่งก็วิ่งตรงเข้ามาหาสาและโผเข้ากอดเธอ นัทนั่นเอง
   “นัท!!!” สาร้อง ขณะที่นัทปล่อยโฮอยู่ในอ้อมกอดของสา เธอรู้ดี นัทเป็นคนเก็บอารมณ์ไว้ไม่เก่งเลย ไม่ว่าจะดีใจหรือเสียใจก็ตาม
   “เราชนะสา" นัทพูดเสียงสั่น "เราชนะ"
   “อื้อ โอ๋ๆๆๆ อย่าเสียใจไปนะนัท" สาหัวเราะ พลางกอดเพื่อนรักกลม กายที่อยู่ด้านหลังเดินมาหามิกช้าๆ ก่อนจะจับมือกัน
   “ขอบคุณมากนะครับมิก" กายพูดเสียงเข้มพลางยิ้มให้มิกกว้าง "ถ้าไม่มีคุณวันนั้นก็คงไม่มีวันนี้"
   “โห ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ" มิกพูดตอบพลางยิ้มให้กาย เป็นรอยยิ้มที่เขารู้สึกได้ว่า เขาจริงใจกับกายจริงๆ
   เมื่อหันมาอีกทีมิกก็เห็นนัทที่ผละออกจากสาแล้ว กำลังมองมาหาเขา และทั้งรู่ก็สวมกอดกันอย่างมีความหมายที่สุด
   “หายไปไหนมาเนี่ยหึ" มิกพูดกับนัทเบาๆ พลางลูบหัวนัทอย่างอ่อนโยน
   “ชนะแล้วมิก" นัทสะอื้น "เราชนะแล้ว เราสามคน ที่เหนื่อยกันมา ที่ฉันสู้ให้แกมา มันไม่สูญเปล่าแล้วมิก"
   “เห้ยนัท" มิกกระซิบ "เรื่องระหว่างเรา มันไม่เคยสูญเปล่านะ"
   นัทและมิกผละออกจากกัน มิกต่อยเข้าที่ไหล่นัทครั้งนึงก่อนจะเข้าไปกระซิบ
   “ขี้แงอยู่ได้ จะอ้อนใครเค้ารึไง"
   นัทย่นจมูกใส่มิกหนึ่งครั้งก่อนที่บอสจะเดินเข้ามาแสดงความยินดีกับทั้งหมดที่อยู่ครบทีม
   “อ้าวกาย" เสียงบอสดังขึ้น
   “หวัดดีครับคุณอา" กายไหว้บอสอย่างสุภาพ บอสตบเข้าที่ไหล่ของกายหนึ่งครั้ง
   “โฮะ โฮะ สมแล้วจริงๆที่เป็นพ่อมดแห่งวงการและเด็กใหม่ไฟแรงอย่างเรานัท ในที่สุด เอเจนซี่เราก็ชนะแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า" บอสร้องเสียงดังก่อนจะดื่มเข้าไปอีกหนึ่งแก้ว "เอาล่ะ แล้วตอนนี้เตรียมพร้อมกันหรือยังกับงานประกาศรางวัลที่จะถึงปลายเดือนนี้น่ะ"
   ทั้งหมดมองหน้ากันอย่างไม่ทันตั้งตัว
   “อะไรนะบอส" นัทร้องขึ้น
   “อ้าว ไม่รู้กันเหรอเนี่ย" บอสพูด "ก็เดี๋ยวปลายเดือนนี้จะมีงานประกาศรางวัล B.A.D Award ที่โรงแรม Centara  นะ เตรียมตัวจัดโชว์เจ๋งเอาไว้โชว์งานที่ได้รับรางวัลด้วยล่ะ"
   “เอ่อ...ได้ครับคุณอา" กายตอบรับ และพวกเขาที่เหลือก็ยิ้มรับเป็นคำตอบ
   “เอาล่ะๆ ตามสบายกันนะ อาหารยังเหลืออีกเพียบเลยกาย นัท ไปหาอะไรทานไป" บอสพูดก่อนจะหายเข้าไปในวงสาวๆอีกครั้ง เมื่อเห็นดังนั้นสาก็ยื่นมือออกมากลางวงทันที
   “รวมพลังกันหน่อยเร็ว กับการทำงานในความสำเร็จนี้ครั้งสุดท้าย" สาร้องขึ้น ที่เหลือมองหน้ากันเลิ่กลั่ก "เอ๊า นัท มิก คุณ...เอ้ยกาย มาเร็ว มารวมพลังกันอีกรอบนึงนะ"
   “ดูการ์ตูนมากไปป่ะเนี่ย" มิกพูดติดตลก ขณะที่นัทยิ้มแหยๆ
   “เอาเถอะน่า เร็วๆเข้า" สาพูดและยังคงตั้งมืออยู่ตรงนั้น
   “งั้นก็เอาสิคับ"
   กายพูดพร้อมกับจับมือของนัทแล้ววางทับลงบนมือของสา นัทหันไปมองหน้ากายอีกครั้งและยิ้มให้กัน มิกมองทั้งสองด้วยความรู้สึกเจ็บแปลบเล็กๆ
   “เห้ย อะไรกันอ่ะพี่ บูมกันลืมได้ไงเนี่ย" เสียงของเอิร์ธดังมาแต่ไกล แล้วเมื่อเด็กหนุ่มมาถึงวง เขาก็จับมือมิกวางลงบนมือของสาอีกที ก่อนจะยักคิ้วให้มิกหนึ่งครั้ง
   “แหม มากันเป็น.....”
   “อ่ะ แฮ่ม" มิกกระแอมเสียงดังกลบเกลื่อนสาทันที เธอมองมิกหนึ่งครั้ง "เอาซะที เมื่อย"
   “เดี๋ยวก่อนสิ" เสียงอันคุ้นหูดังมาจากประตูสตูดิโอ สาร้องเสียงดัง เป็นมาร์คนั่นเอง
   “ที่รักมาจนได้นะคะ" สาร้องทัก "มานี่เร็ว เอามือมาค่ะ เราจะบูมกันแล้ว
   มาร์คที่ยังงงๆมายืนข้างๆสาพร้อมกับวางมือลงไป
   “เอาล่ะ ครบและยังไงก็ขอบคุณทุกคนนะที่ในที่สุดพวกเราก็ทำสำเร็จซักที" สาพูด "Lovable สู้!!!”
   เฮ้!!!
   ทั้งหมดโยนมือขึ้นพร้อมกัน สากระโดดกอดแฟนหนุ่ม ในขณะที่มิกโอบไหล่เอิร์ธเอาไว้พลางแอบเหล่บีบีที่เอิร์ธกดอยู่ พร้อมกับกายและนัทหันไปจ้องหน้ากันอย่างมีความหมายอยู่ตรงนั้น เมื่อผ่านวินาทีนั้นไปสาก็ลากตัวมิกและนัทออกจากวงทันที
   เมื่อทั้งสามมาถึงมุมหนึ่งของงาน ขณะที่กายและมาร์คกำลังทำความรู้จักกับเอิร์ธ สาหันมาหาทั้งคู่
   “อะไรๆมันเปลี่ยนไปแล้วใช่ไหมเนี่ย ตอบฉันสินายสองคน" สาพูดพลางยิ้มกว้าง นัทหันหน้านี้ ขณะที่มิกมองเธอด้วยหน้าตากวนๆ
   “คิดว่าอะไรเปลี่ยนล่ะหะ ยัยตัวแสบ" มิกพูด "ไม่มีอะไรเปลี่ยนเลยใช่ป่ะนัท"
   “ช่ายยย" นัทหันมาตอบ "ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปซักหน่อย"
   “สัญญาได้ไหม ว่าเราจะยังอยู่ด้วยกัน" สาพูดพลางกอดคอเพื่อนของเธอเอาไว้ทั้งคู่ "เธอทั้งคู่"
   มิกและนัทหันไปมองเธอพร้อมกัน
   “ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ใครจะเอาแกไป" สาหันไปหานัท
   "แกจะไปชอบใคร" สาหันหามิก
   “แกสองคนจะยังอยู่ตรงนี้ใช่ไหม" สาถาม
   “ถ้าแกยังอยู่ ฉันสองคนก็ยังอยู่" มิกตอบ
   “พวกเราสัญญา" นัทตอบ
   “เย้" สาร้องก่อนจะกอดเพื่อนรักทั้งสองของเธอ โดยที่ทั้งสามถูกมองด้วยรอยยิ้มอันเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขของกาย เอิร์ธและมาร์คที่มองเขาทั้งสามอยู่
   ความสุขที่ทั้งสามเฝ้าาหามานานเกิดขึ้นท่ามกลางปาร์ตี้ที่แสนสนุก สังคมนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักได้แล้วในที่สุด ซึ่งทั้งสามไม่เคยเสียใจเลยที่ได้รู้จักกัน และจนในวันนี้ พวกเขาทั้งสามก็มีความสุขที่สุดแล้ว.......
   “อวสาน" สาร้องขึ้นเมื่อเธอมองไปที่ประตูงานปาร์ตี้ เมื่อร่างๆหนึ่งปรากฎตัวขึ้นในานด้วยชุดที่งามสง่าและใบหน้าคมกริบไปด้วยเมคอัพ "เลิกงานเถอะ ฉันขอ"
   มิกสะกิดเธอทันที ขณะที่มิกมองไปที่ร่างนั้นเขม็ง เจ้าของน้ำเสียงที่นัทรู้สึกไม่ชอบใจเอาอย่างมากกำลังเดินเข้าไปหากายตรงนั้นทันที
   “ดาร์ลิ่งคะ ไม่บอกเจนเลยอ่ะว่ามีฉลองกันอ่ะค่ะ....”
   เจนจิรา สวมกอดกายอยู่ตรงนั้น ในขณะที่นัทกำลังมองทั้งสองอย่างประเมิณค่า
   “ฉันบอกแล้ว อวสานแน่" สากระซิบกับมิกที่ถอนหายใจว่าอะไรๆชักจะมาคุเสียแล้ว
…................

DexTunG

  • บุคคลทั่วไป

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
 :เฮ้อ: บรรยากาศกำลังดี อะไรๆก็กำลังดูสวยงาม ดั๊นมีตัวดำมาแทรกให้ทุกสีที่กำลังสดใสหมองลงในทันใด
กายจะทำอย่างไร จะทำให้สีดำตัวนี้หลุดจากวงจรชีวิตไหม รึจะยังคงเอาไว้เช่นเดิม จะรออ่านตอนหน้าค่ะ

ออฟไลน์ เกริด้า(๐-*-๐)v

  • ไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้นแหละ
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +349/-29
ปั้มไว้ก่อน เด๋วมาอ่านนะ ^^

July_Moon

  • บุคคลทั่วไป
= =" อยากเอาออะไรฟาดหัวคุณเจนจิราสักทีสองที
เอิร์ธเองก็คลุมเครือเหลือเกินค่ะ น่าจับไปใส่เครื่องจับเท็จให้หมดเลยจริงๆ ฮ่าๆๆ
รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะ ^w^

ออฟไลน์ EunJin

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1313
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-2
รู้สึกเหมือนทุกอย่างกำลังจะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น
แล้วคุณเจนจิรานี่? มายังไงคะ = =?

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
เรื่อง ขอโทษผู้อ่าน :sad4:

เนื่องจากขณะนี้คนเขียนมีงานเข้า เนื่องจากตอนนี้คนเขียนได้รับหน้าที่เขียนนิยายเพื่อศึกษาตัวละคร
ให้กับละครเวทีเรื่องหนึ่ง ทำให้เดือนนี้ทั้งเดือน

มิรันดาเขียนต่อไม่ด้ายยยยยยย :o12: :o12: :o12:

จึงขอวอนให้ผู้อ่านทุกท่านอดใจรอให้ผ่านพ้นเดือนนรกนี่ไปก่อนซักนิด
แล้วกายเค้าจะกลับมาอย่างแน่นอน :jul1:

เพื่อเป็นการไถ่โทษมิรันดาจะขอเล่าอะไรๆให้ฟังเผื่อคนอ่านจะได้กรี๊ดกร๊าดดด มั้ง :-[

ในนิยายเรื่องนี้ไม่มีใครเป็น แมรี่ ชู เพราะฉะนั้นทุกตัวมีเหตุและผลในการใช้ชีวิตหมด ไม่มีใครร้ายหรือดีจนเกินความเป็นจริง ฉะนั้นจึงอยากให้ติดตามกันดีดีครับ :m16:

แล้วเจอกันเมื่องานหมดน้า :sad11:

ปล.ขอโทษจากใจ ที่ทำให้อารมณ์ค้าง :call:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-08-2011 01:52:48 โดย M2M_Jill »

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
บทที่ 19 Maybe I know......you know

   เจนใช้เวลาไม่นานมนการเดินเจิดจรัสไปทั่วทั้งงาน อวดชุดออกงานที่ดูมีสไตล์อย่างหาที่ติแมบไม่ได้ ทำเอาหนุ่มๆใน Lovable จ้องเธอกันตาเป็นมัน มิหนำซ้ำเธอยังลงไปยังกลางฟลอร์กับกายและ "เบิร์น" ฟลอร์อย่างโดดเด่นอยู่กลางสตูดิโอ ซึ่งเมื่อเธอและกายประกบคู่กันอยู่ตรงนั้นแล้ว นั่นทำให้งานฉลองนี้ดูยิ่งมีสีสันมากขึ้นไปอีก
   นัท มิก และเอิร์ธนั่งนิ่งอยู่ที่มุมๆหนึ่งของงาน เอิร์ธที่นั่งกดบีบีอย่างเอาเป็นเอาตาย เลยไม่ได้สนใจสิ่งอื่นใด แม้ว่ามิกจะนั่งมองการกระทำนั้นอย่างสอดส่อง ขณะที่นัทนั่งมองกายและเจนที่กลางฟลอร์ โดยไม่รู้ตัวว่าคิ้วเริ่มขมวดเข้าหากันช้าๆมากขึ้นๆ
   สาและมาร์คหมุนตัวออกมาจากวงเต้นรำ มาร์คอาสาไปเอาเครื่องดื่มขณะที่สายิ้มแป้นอย่างมีความสุขก่อนจะหันมาเจอทั้งสามนั่งอยู่ เธอเดินฉับๆเข้ามานั่งด้วย
   “มาร์คกำลังไปเอาเครื่องดื่ม สนใจมาร่วมวงด้วยไหม" สากล่าว มิกผละสายตาจากเอิร์ธมามองเธอก่อนจะถอนหายใจใส่เธอแล้วส่ายหน้า ก่อนจะกลับไปนั่งมองเอิร์ธในมุมปลอดภัยเหมือนเดิม
   “เอ๊า ไอ้นี่.......แกล่ะนัท" สาถามอีก "เห้ย คิ้วจะเป็นเลขแปดแล้ว เป็นไรเนี่ย"
   นัทละสายตาจากกลางวง หันมามองเธอก่อนจะถอนหายใจแล้วส่ายหน้า ก่อนจะกลับไปนั่งมองกายและเจนในมุมปลอดภัยตามเดิม
   “โอ๊ย นี่ เป็นบ้าไรกัน" สาร้องเสียงดัง ทำเอาเอิร์ธสะดุ้ง เงยหน้าจากบีบีขึ้นมามองเธอ มิกที่ตกใจก็รีบทำเป็นหันไปมองทางอื่น
   “มีไรเหรอพี่สา" เอิร์ธถามเลิ่กลั่ก พลางเหล่มองมิกที่ทำเป็นไม่สนใจ
   “ไม่มีอ่ะ" สาพูดพลางลุกขึ้นจากตรงนั้น พลางมองเพื่อนรักทั้งสอง "ขอบอกอีกที การที่ไม่พูดอะไร มันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลยฉันจะบอกให้"
   มิกและนัทมองหน้าเธออย่างพยายามทำเป็นไม่เข้าใจที่เธอพูด
   “อย่าไปเดาเอาว่าเขาจะรู้สึกอย่างที่พวกแกรู้สึก" สาพูดพลางเดินออกไป "คิดอะไรแปลกๆ คนนะไม่ใช่ Facebook ที่เวลาหงุดหงิดแล้วจะมีสถานะว่า' ไม่พอใจ' ขึ้นให้คนอื่นรู้น่ะ.......ประสาท!!!”
   สาเดินพึมพำก่อนจะออกจากวงไป
   “พี่สาเขาพยายามจะสื่ออะไรอ่ะคับ" เอิร์ธถามมิกและนัท พลางทำหน้างง
   นัทมองหน้ามิกหนึ่งครั้ง
   “เอ่อ........ไม่ใช่เรื่องของเด็กน่า" มิกว่า พลางทำเป็นมองไปทางอื่นอีก เอิร์ธเลิกคิ้วพลางยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะกลับไปกดบีบีต่อ มิกที่เห็นดังนั้นก็ถอนหายใจหนึ่งครั้งและจ้องด้านหลังศรีษะของเอิร์ธที่กำลังจมลงไปใน BBM ต่อ ในขณะที่นัทก็ยังคงหันกลับไปมองกายและเจนที่กลางวงนั้น
   เขายอมรับว่าตอนนี้เขาเปิดใจให้กายมากขึ้นแล้ว วันนี้ที่เขาหายไป ก็เพราะว่าเขาและกายออกไปเที่ยวกัน
   ใช่ เป็นการเที่ยวแบบที่คนทั่วไปจะนึกออก กายจอดรถที่เซ็นทรัลเวิร์ลก่อนจะพาเขาไปช่วยเลือกสีโคปิคชุดใหม่ ขณะที่นัทก็แวะไปร้านกล้องเพื่อดูเลนส์ดีดีใหม่ๆ เช่นกัน พอเที่ยงกายและเขาก็ทานอาหารกันที่ร้านอาหารญี่ปุ่น ก่อนจะจบลงที่ดูหนังดีดีเรื่องหนึ่ง และเมื่อโทรศัพท์ของกายดังขึ้นในโรง เขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไร จนกระทั่งออกมาจากโรงหนังเขาถึงทราบข่าวดี
   แต่เขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมตอนนี้ข่าวดีถึงพลิกหน้าเป็นข่าวร้ายได้ภายในยังไม่ถึงวัน
   เขาเปิดใจให้กายมาทั้งวันแล้ว กายรู้แล้วว่าเขารู้สึกยังไง
   เป็นเขาเองที่ไม่รู้ว่ากายรู้สึกยังไง ไม่เข้าใจว่ากายทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร
   แต่ถ้าถามว่าตอนนี้เขาโกรธใช่ไหม
   เขาโกรธจนแทบอยากจะกระชากทั้งกายและเจนไปให้สาทำในสิ่งที่เธอเองก็ลืมทำไป เด็ดหัวพวกเขาไปจิ้มน้ำพริก
…..........
   เวลาล่วงเลยไปเกือบค่อนคืนงานเลี้ยงจบลงพร้อมความสุข กายที่หลุดออกจาความสนุกสนานเริ่มมองหานัทที่ดูเหมือนจะหลบหน้าหลบตาออกไป เขาและเจนเดินลงมาจนถึงชั้นล่างของ Lovable Studio เจนที่กำลังหัวเราะต่อกระซิกกับคนอื่นๆในงานเลี้ยง ควงแขนกายเดินลงมาขณะที่กายสอดส่ายสายตาจนกระทั่งเจอกับนัทที่กำลังยืนรวมกลุ่มอยู่กับมิก เอิร์ธ สา และ มาร์ค
   “อ้าวคุณกาย"  สาร้องทักขึ้น "จะกลับแล้วเหมือนกันเหรอคะ"
   “ใช่ค่ะ" เจนร้องตอบ "เราสองคนกำลังจะไปหาร้านดีดีซักที่ต่อกันน่ะค่ะ"
   “แหม ขอบคุณที่ร่วมแบ่งปันนะคะคุณเจน แต่ก็ต้องขอโทษนะคะที่ฉันอยากจะได้ยินจากปากกายเค้าเองน่ะค่ะ" สาตอบทันที "หลายเดือนมานี่ กายเองเค้าก็สนิทกับพวกเรามาขึ้จจนติดแจเลยล่ะค่ะ ไปไหนมาไหนก็ชวนไปด้วยตลอด"
   สาพูดกลั้วหัวเราะพลางมองตรงไปยังดวงตาของเจนทันที ก่อนจะยิ้มที่มุมปากน้อยๆ เจนมองเธอนิ่งอยู่พักนึง
   “นี่เธ....”
   “อ้าวเจน" เสียงของฝนดังมาจากอีกด้านของลานจอดรถ เจนหันไปมอง
   “อ้าวยัยฝน กว่าจะมา งานที่นี่เค้าเลิกแล้วย่ะ" เจนตอบพางผละจากกายออกไปรวมกับฝูงเพื่อน "กายคะ ถ้ากายยังอยากจะมากับเจน ก็รีบหน่อยนะคะ เดี๋ยวเจนจะไปตกลงกับฝนเรื่องที่ที่จะต่อน่ะค่ะ"
   “ครับ เดี๋ยวผมตามไปนะ" กายตะโกนไล่หลังเจนไป ก่อนจะหันกลับมาหานัท ที่ทำเป็นมองหน้าเขาแต่ไม่ได้แสดงอาการอะไร
   “หาคุณตั้งนานแหนะ" กายพูด "หายไปไหนมาเนี่ย"
   “อ๋อ ไม่ได้ไปไหนนี่" นัทยิ้มตอบ "ก็เนี่ย ว่าจะหาข้าวต้มทานกันน่ะ พวกเราต้องไปส่งเอิร์ธที่หอ นี่ดึกแล้ว"
   “เหรอครับ" กายตอบพลางขมวดคิ้ว
   สาที่จิกตามองเจนอยู่กลายๆถูกมาร์คสะกิดให้หันกลับมา
   “เอ่อ...อ้อ...กาย ...แล้วตกลงจะยังไงคะเนี่ย จะไปกับแฟนเก่าคุณหรือเล่าล่ะ หรือจะไปไหนยังไงคะ" สาถามทันที และทำเหมือนว่าการท้าทายเจนเมื่อกี้เธอไม่ได้จงใจแม้แต่น้อย เธอมองไปทางกาย "ว่าไงล่ะคะ"
   “เอ่อ เอาจริงๆผมก็ยังไม่ได้จะแพลนว่าจะไปไหนต่ออ่ะครับ เพราะวันนี้ผมก็เหน่ือยมาทั้งวันแล้วด้วย" กายพูดพลางมองไปที่นัท "แล้ว....คุณล่ะ จะไปไหน ยังไง"
   “ผมเหรอ" นัทพยายามทำน้ำเสียงให้เรียบๆ "ก็ เนี่ย ผมไม่มีรถไง ผมก็ต้อกลับไอ้เต่าทองของมิก พวกเขาไปไหนผมก็ต้องไปด้วยอยู่แล้ว"
   “สา มาช่วยหน่อยดิ ฉันจะจัดที่ให้นัทมัน" มิกตะโกนมาจากรถ สาและมาร์คได้ยินก็รีบปรี่ไปที่รถ ไอ้เต้าทองไม่เคยรับคนเต็มพิกัดอย่าง 5 คนมาก่อน มิกก็เลยต้องจัดแจงที่นั่งให้เรียบร้อย
   “คุณจะไปกับเขาเหรอ" นัทถามทันที แบบเรียบๆ
   “แล้วคุณจะไปกับพวกเขาหรือเปล่า" กายถามกลับเรียบๆเหมือนกัน นัทเลิกคิ้ว
   “ไม่รู้สิ......” นัทพูดตอบ กายครุ่นคิดอย่างหนัก นัทมองกายที่ทำท่าเหมือนจะออกเดิน แต่ไม่กล้าก้าว เขาเงอะๆเงิ่นๆอยู่อย่างนั้น ก่อนจะออกเดินไปทันที จะเกิดอะไรขึ้นถ้ากายกลับไปกับเจนและแก๊งค์สังคมเดิมนั่น พ่อมดของเขาจะไปร่ายมนต์ที่ไหน และจบลงที่เตียงใครอีกหรือเปล่านะ.....
   นัทกัดฟันก่อนจะคว้าหมับเข้าที่แขนกาย
   กายหันหลังกลับมา นัทค่อยๆยื่นหน้าเข้าไปใกล้กาย
   “ถ้าคุณไปกับเขา ผมเอาเรื่องคุณแน่" นัทกระซิบเบาๆ ก่อนจะปล่อยกายลง กายยืนตัวตรงก่อนจะมองหน้านัทแล้วอมยิ้ม เขาจิ้มนิ้วใส่อกของนัท
   “ก็ถ้าคุณบอก ผมก็ไม่ทำ" กายพูดก่อนจะเดินถอยหลังออกไปยังกลุ่มของเจน นัทมองตามไปอยู่ตรงที่เดิม เขาเห็นกายกละเจนพูดอะไรกันซักสองสามประโยค ขณะที่เจนมองมาทางนัทด้วยสายตาเฉียบคม นัทเลิกคิ้วใส่เธอ แต่ทว่าสาก็เดินเข้ามาควงแขนนัทตรงที่ที่เขายืนอยู่ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างใส่เจนที่อยู่ห่างออกไปซักระยะอย่างจงใจที่สุด หญิงสาวมองนัทและสาครั้งหนึ่ง เจนจะยิ้มน้อยๆ ก่อนจะดึงกายลงมาจูบทันที
   “หะ" สาพ่นลมออกจากปากเบาๆ ขณะที่ร่างกายของนัทสั่นสะท้าน
   “งั้นก็ขอให้สนุกนะคะ คุณนัท คุณสา" เจนจิราพูดทิ้งท้ายก่อนจะเปิดประตูรถเพื่อนของเธอแล้วหายไป ขณะที่กายยังคงยืนโบกมือลาเธออยู่ตรงนั้น
   “ถ้าแกไม่ว่าอะไร ซักวันฉันจะตบยัยนั่นให้" สาพูดกับนัทเบาๆ "ถ้านังแรดนั่นไม่ตายคามือฉันละก็ ฉันจะเลิกถ่ายรูป และออกจากสายงานเดียวกับนั่งนั่นเลยคอยดู"
   นัทไม่ได้พูดอะไรขณะที่มองกายเดินมาหาเขาช้าๆ
   “เดาว่าฉันไม่ควรอยู่" สาขยับปากเบาๆ พลางยิ้มให้กายที่กำลังเดินมา "และเดาต่อไปอีกว่า แกคงไม่ได้กลับกับฉัน........งั้นฝากด้วยนะคะกาย พอดีรถเต็มน่ะค่ะ ต้องขอโทษจริงๆ"
   สาพูดท้ายประโยคเสียงดังทันทีเมื่อกายมาถึง
   “ผมก็กำลังจะขอตัวไปส่งนัทเค้าเหมือนกันครับ" กายยิ้มให้สาอย่างเจ้าเล่ห์ "งั้นก็คงพอดีกันเลยสินะครับสา"
   “ช..ช...ใช่ค่ะ พอดีเลย" สาพูดตอบ พลางตบมือ "งั้นไว้เจอกันนะนัท บายจ้ะ บายค่ะกาย..........ออกรถเลยมิก ไปกันเหอะ"
   สาเดินออกมาจากทั้งคู่ ก่อนจะขึ้นรถของมิก ที่มองมาทางกายและนัท
   “โชคดีนะ" มิกตะโกนหานัท พลางยิ้มกว้าง "ฝากนัทด้วยครับ คุณกาย"
   กายก้มหัวลงน้อยๆ ขณะที่มิกยิบตาให้นัทก่อนจะออกรถไปทันที
   นัทมองไอ้เต่าทองหายออกไปจากลานจอดรถ ก่อนจะหันมาเจอกายที่กำลังมองเขาพลางอมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
   “แล้วจะไปไหนกันดีครับ.....คุณ....นัท"
   นัทเผยอปากขึ้นเล็กน้อย พลางหันไปมองอย่างอื่น
   “ก....ก็......ค...คุณบอกจะพาผมกลับบ้านไม่ใช่รึไง" นัทว่า "ก็ไปดิ"
   กายหัวเราะเบาๆก่อนจะเกาจมูกตัวเอง เขาจับมือนัทก่อนจะพาเดินไปยังรถของสปอร์ตคันเดิม ก่อนจะเปิดประตูให้นัท
   “เชิญเข้าที่เดิมครับ" กายว่า นัทย่นจมูกใส่กายก่อนจะขึ้นรถ เมื่อกายขึ้นรถตามมา ชายหนุ่มสตาร์ทเครื่องก่อนจะบึ่งรถออกจาก Lovable Studio ทันที
   บทท้องถนนยามค่ำคืน เป็นเวลาแบบนี้อีกแล้ว และความรู้สึกแบบน้อีกแล้วที่นัทขึ้นมาบนรถครั้งนี้ เหมือนตอนที่ไปบางแสน เขารู้สึกเหมือนไม่กล้าจะพูดอะไรทั้งสิ้น ได้แต่มองออกไปข้างนอกรถ
   “นัท" กายเอ่ยขึ้น
   “อะไร" นัทตอบแบบรวดเร็ว เหมือนเตรียมตัวมาอยู่แล้ว กายหัวเราะเบาๆ
   “จะเกิดอะไรขึ้นเหรอ ถ้าผมไปกับเจน" กายพูดพลางยิ้มที่มุมปาก
   “ก...ก็....ผมก็จะไม่มีใครไปส่งบ้านไง" นัทพูดแก้เก้อ "ก็สาเค้าบอกแล้ว ว่ารถมันเต็ม แล้วต้องไปส่งเอิร์ธ"
   “อ้อเหรอ" กายทำน้ำเสียงกวนๆ
   “แล้วอีกอย่าง คุณก็พาผมไปข้างนอกทั้งวัน ต้องเป็นคุณนั่นแหละ ที่ไปส่งผมถึงช้า" นัทว่า
   “คร้าบบบ ยังไงผมก็จะรับผิดชอบคุณ....." กายยิ้มตอบ นัทหันมามองกายทันที "…....ไปส่งถึงบ้านอยู่แล้ว ถึงคุณไม่บอกน่ะ"
   “จริงเหรอคุณ" นัทถามเสียงขุ่น
   “จริงสิ แค่ตอนนั้นผมไม่รู้ว่าคุณอยากจะไปกับเพื่อนคุณจริงหรือเปล่า ผมก็เลยทำไรไม่ถูก" กายตอบเรียบๆ
   นัทส่ายหน้า นี่หมอนี่ไม่รู้เลยเหรอว่าก่อนจะลงมาที่ลานจอดรถ ทำอะไรเอาไว้
   “ถ้าคุณอยากไปกับเพื่อน ผมก็ไม่อยากบังคับ" กายพูดอีก "เวลาคุณอยู่กับเพื่อนๆ ผมไม่อยากเข้าไปยุ่งน่ะ"
   นัมรู้สึกเหมือนโดนว่าทางอ้อมทันที
   “ก็ถ้าคุณอยากอยู่กับเพื่อนของคุณ คุณจะไปก็ได้นะ" นัทพูดเสียงแข็ง
   “โห ลองโกรธแบบนี้ ผมไปก็ตายดิครับ" กายตอบพลางยิ้มที่มุมปาก "คุณไม่ได้เห็นผมไปกับเพื่อนแน่ดูท่าแล้ว"
   “ดูเขาไม่ได้อยากจะเป็นแค่เพื่อนคุณนะ" นัทพูดตรงๆกายเงียบเสียงลง
   “ผมกับเจน เราไม่มีอะไรต่อกันอีก" กายพูดเรียบๆ "ไม่มีอีกแล้วล่ะ"
   เขาเลี้ยวรถทันที
   “นั่นคุณจะไปไหนอ่ะ บ้านผมไปทางสาธุประดิษฐิ์นะ" นัทว่า
   “คุณไม่ได้ไปกับเพื่อนคุณ แถมคุณไม่อยากให้ผมไปกับเพื่อนผม" กายว่า "เพราะงั้น คืนนี้คุณต้องอยู่กับผม"
   “อะไรนะ ไม่เอา ผมจะลง" นัทร้องโวยวาย
   “ถ้าคุณร้องนะ ผมจะเปิดประทุน เอาดิ" กายว่า พลางยื่นหน้ามาใกล้ๆเขา "คืนนี้สนุกกันนะ"
   นัทขมวดคิ้วใส่กาย
   "นี่คุณ.....”
   “ยอมรับสิ ที่คุณลืมผมไม่ได้  และที่คอยหึงผมตลอดเวลาเนี่ย" กายเดาะลิ้นหยั่งเชิง "เพราะคุณรู้สึกว่าผมเป็นของคุณแล้ว ซึ่งถ้าว่ากันตามท่าทางการกระทำจริงแล้วเนี่ย คุณน่ะเป็นของผมซะมากกว่า"
   “พูดอะไรอ่ะ ทุเรศว่ะคุณ" นัทสบถ
   กายหัวเราะก่อนจะเร่งความเร็วตรงรี่ไปให้ถึงคอนโดหรูของเขาแถวสาทร นัทไม่ที่พูดอะไรไม่ได้หรือโวยวายอะไรไม่ได้ เพราะกายเปิดประทุนรถสปอร์ตของเขาซะแล้ว จึงได้แต่นั่งนิ่งๆ เมื่อรถของกายจอดนิ่งสนิทที่ใต้คอนโดราคาแพงกลางสาทร เขาหันมานัทก่อนจะจับมือนัทอย่างอ่อนโยน
   “อยู่กับผมคืนนี้นะ" กายว่า พลางมองเข้าไปในตาของนัท ที่ทั้งที่จริงแล้ว
   เขาอยากอยู่กับกาย ไม่ใช่แค่ข้ามคืนนี้ไป.....
   แต่ตลอดไป......
….........

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






yayee2

  • บุคคลทั่วไป
ทั้งนัททั้งกายแหละพยายามปรับตัวหากันก็แล้วกัน
ก็แต่ละคนต่างก็เคยใช้ชีวิตในแบบของตัวเองมานี่นะ

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
บทที่ 20 Listen to me......please

   ห้องของกายในสายตานัทไม่มีอะไรมากนัก หากไม่นับเรื่องที่ห้องอยู่ที่ชั้น 46 ซึ่งเป็นชั้นที่มีสระว่ายน้ำต่างหาก รวมถึงสวนหย่อมที่ระเบียงด้านบน และไม่นับเรื่องที่เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นในห้องนอนดูจะหาซื้อมาจากแบรนด์เนมยี่ห้อดังของงานโปรดักดีไซน์ทั้งหลายมาตั้งรวมไว้ นอกนั้นก็คงไม่อะไรสะดุดตามากไปนัก
   นัทนั่งนิ่งอยู่โซฟากลางห้องของกายอย่างตกประหม่า เขาไม่รู้จะต้องทำตัวอย่างไรดี กายพาเขามานั่งที่ตรงนี้ก่อนจะเดินไปทำอะไรต่อมิอะไรทั่วห้อง อย่างที่เขาไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นักว่ากายต้องการจะทำอะไรเพราะเขาไม่ได้เปิดไฟในห้องแม้แต่ดวงเดียว แต่ด้วยห้องกายเป็นผนังกระจก แสงจากด้านนอกจึงส่องเข้ามาได้อย่างพอเพียงบ้าง คำพูดสุดท้ายก่อนที่กายจะหายไปก็คือ "ขอผมอาบน้ำก่อนนะ"
   จะมาขอทำไมเล่า!!!!
   นัทนั่งจมอยู่กับความมืดและความเงียบได้ไม่นานก็เริ่มลุดขึ้นเพื่อผ่อนคลายความตื่นเต้น นัทเดินคลำไปตามผนังห้องเพื่อหาสวิตซ์ไฟ ความมืดบวกกับความตื่นเต้นมันเป็นอารมณ์ที่พลุ่งพล่านเกินไป นัทต้องควบคุมมัน เขาคลำไปเรื่อยๆจนกระทั่งไปเจอกับรูปภาพใบหนึ่งที่ตั้งอยู่บนโต๊ะริมผนัง มันเป็นภาพถ่ายคู่ที่กายถ่ายคู่อยู่กับเจนนั่นเองโดยมีฉากหลังเป็นสวนหน้าหอไอเฟลที่ฝรั่งเศส ใบหน้าของกายในรูปถ่ายดูมองเห็นไม่ชัดนัก แต่ด้วยแสงสลัว นัทรู้สึก่าในรูปถ่ายนั้นไม่เหมือนกายซะทีเดียว หรืออีกนัยก็คือกายดูเด็กมากจนนัทแทบจำไม่ได้
   “คุณมีช่วงเวลาดีดีที่ปารีสบ้างหรือเปล่า" เสียงดังขึ้นมาจากด้านหลัง เื่อนัทหันไปดู กายอยู่กลางห้องโดยนุ่งเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียว
   “เอ่อ ก็.....มีสิ" นัทพูดพลางรีบเก็บรูปขอกายวางลงที่เดิมอย่างระมัดระวัง พลางมองไปยังร่างกายที่ต้องแสงจากภายนอก มันทำให้หัวใจของนัทเต้นรัว "ก็ตอนไปจัดแกลอรี่ที่นั่น ทุกๆคนก็ตื่นเต้นกันหมดแหละ"
   “อ่อ จริงสินะ คุณมีเพื่อนห้องล้อมเต็มไปหมดเลยนี่" กายว่าพลางเดินไปยังเสตอริโอมุมห้องก่อนจะเปิดเพลงแจสอิเลคโทรเบาๆ
   “พูดเหมือนคุณไม่มีเพื่อนไปได้" นัทว่าพลางเดินไปยังผนังกระจก เพื่อมองออกไปยังกรุงเทพยามราตรีที่อยู่รายล้อม
   “ผมมี แต่ไม่ค่อยมีใครห้องล้อมเหมือนคุณนี่" เสียงของกายดังมาใกล้ๆตัวนัท และเมื่อเขารู้ตัว กายก็โอบกอดตัวเขาไว้จากด้านหลัง
   นัทกะเอาไว้แล้วว่ากายจะต้องทำอะไรประมาณนี้เขาจึงไม่ได้รู้สึกอะไรมากนัก
   “ต้องการจะสื่ออะไรปะเนี่ยคุณ" นัททำเป็นขัดขืนเล็กน้อยพอเป็นพิธี "อย่ามาทำเป็นคนขี้เหงาหน่อยเลยคุณผมไม่เชื่อหรอก คุณอ่ะ มีเพื่อน.....เห้ยยยยย"
   นัทถึงกับสะดุ้งโหยงเมื่อเขาเพิ่งจะรู้สึกตัวว่า กายไม่ได้นุ่งผ้าเช็ดตัวอีกต่อไปแล้ว กายโอบเขาด้วยเนื้อตัวที่เปลือยเปล่า และสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกมากไปกว่านั้น ดูเหมือนว่าส่วนล่างของกายจะชูชันขึ้นมาดันด้านหลังของนัทจนเขารู้สึกได้
   “ขอโทษที" กายพูดด้วยเสียงแผ่วเบา "มันตื่นเร็วไปหน่อย"
   นัททำหน้าเหยเกหนึ่งครั้ง เขาควรจะต้องบอกให้กายรู้เสียก่อนว่าถ้าจะทำอะไรก็น่าจะให้เขาเตรียมตัวก่อนไม่ใช่ลากตัวเขามาทำอะไรแบบนี้ตามใจชอบ
   “นี่คุณ....”
   นัทหันหลังกลับมาประจันหน้ากับกาย แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรกายก็จูบลงที่ริมฝีปากของเขาอย่างนุ่นมนวล นัทผละออกจากปากของกาย
   “คุณเมามากแล้วล่ะกาย ใส่เสื้อผ้าเถอะ ผม.....”
   กายจูบนัทอีกครังหนึ่ง นัทผละออกจากตัวอีกครั้ง
   “ผ...ผมไม่ควรจะมาอยู่นี่ ผมไม่คุ้นกับ.....”
   กายจูบนัทอีกครั้งหนึ่ง ไม่ปล่อยให้อะไรๆหลุดมือไปง่ายๆแน่นอน
   “ผม...ผม.......ผมหมดข้ออ้างแล้ว" นัทพูดเบาๆ ก่อนจะยิ้มให้กาย
   “ขอบคุณ" กายยิ้มให้นัมอีกครั้งก่อนจะจู่โจมเข้าใส่นัทอย่างทันที
   ทันทีที่ม่านปิดลง กายและนัทใช้โซฟาเป็นจุดเริ่มต้นของเกมส์รักครั้งนี้ มันไม่เหมือนครั้งก่อนแล้ว ครั้งนี้นัทเต็มใจเข้าร่วมเกมส์อย่างเต็มที่ เขาถอดกางเกงยีนส์ออกจนลงไปกองกับพื้นข้างตัว กายมองไปตามร่างกายของคนพิเศษของเขาก่อนจะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
   “อย่างมองดิ ผมเขินนะ" นัทพูด แม้ว่าตัวเองจะปล่อยให้กายที่เปลือยเปล่าอยู่เหนือตัวของเขามาหลายนาทีแล้ว "มีอะไร"
   กายเหล่มองปราการสุดท้ายของนัทอย่างเจ้าเล่ห์ ชั้นในสีขาวที่เขายังไม่ได้ถอด
   “จะให้ผมถอดให้หรือไง" กายกระซิบ
   “รู้แล้วยังจะถามอีกเหรอ" นัทกระซิบที่ข้างหูของกาย และหลังจากนั้นบทบรรเลงเพลงรักยามค่ำคืนก็ร้อนระอุ ก็เกิดขึ้น โดยที่นัทไม่รู้ตัวเลยว่า เขาได้ปล่อยให้ตัวเองเจ็บปวดกับการกระทำแบบเดิมอีกครั้ง แต่ต่างกันตรงที่ เขาเต็มใจไปกับมันอย่างเต็มตัว
…....

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
ดีใจจังคุณ M2M_Jill พากายกับนัทมาให้หายคิดถึงแหละ
แต่ดีใจยังไม่ทันได้หุบยิ้มเลย ก็ไปแระ  ยังไม่จุใจเลยค่ะ
คราวนี้คงไม่มีมารผจญนะ

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
“มันไม่มีเหตุผลเอาซะเลยอ่ะ" มิกบ่นอิดออดทันที ขณะที่เอิร์ธได้แต่นั่งทำตาปริบอยู่ที่เบาะหลัง ขณะที่สาและและมาร์ค มองมิกอย่างเอาเป็นเอาตาย
   “ผมก็ไม่ได้ตั้งใจทำให้มันเกิดเรื่องหรอกคับ" เอิร์ธพูด "ก็ใครจะรู้ล่ะว่าแม่จะมาอ่ะ"
   “เอาเถอะน่ามิก น้องมันก็โกหกไปแล้ว ทำอย่างกับแกไม่เคยโกหกแม่หนีเที่ยวไปได้" สาพูดทันทีพลางมองหน้ามิกเชิงขอร้อง
   “อ้าว แล้วไหงหวยมาออกที่ฉันล่ะ" มิกพูดอย่างหัวเสีย
   คือเรื่องของเรื่องมันเกิดขึ้นจากการเดินทางของไอ้เต่าทองที่กำลังสนุกสนานเฮฮาของ มาร์ค สา มิกและเอิร์ธ มันจบลตรงที่เสียงโทรศัพท์ของเอิร์ธดังขึ้นอย่างกระทันหัน และปรากฎว่าเป็นแม่ของเอิร์ธที่ทำให้เสียงเฮฮาในรถลดลงอย่างหวบห้าบ แม่ของเอิร์ธคิดว่าเอิร์ธจะอยู่หอในวันสุดสัปดาห์แบบนี้ จึงคิดว่าจะพาลจะมานอนค้างเป็นเพื่อนลูกที่หอซักหน่อย โดยไม่รู้เลยว่าลูกชายตัวดีเมามายไปกับแสงสีของอาชีพในอนาคตซะแล้ว เอิร์ธโกหกแม่ว่าเขาและพี่ๆที่ผึกงานไปถ่ายแฟชั่นกันที่ต่างจังหวัดและคงจะยังไม่กลับจนกว่าจะวันอาทิตย์ ผลจากการกระทำนี้ทำให้มิกต้องรับภาระในการพาเอิร์ธไปนอนค้างที่บ้านขณะที่มาร์คและสาก็ตามสไตล์เดิม ขอเจ้าเต่าทองไปลั่นล้ากันสองคน
   เมื่อเจ้าเต่าทองแล่นออกจากบ้านมิกที่ริมน้ำถนนเจริญกรุงไปได้ มิกมองหน้าเอิร์ธที่ยิ้มให้เขาแหยๆบนใบหน้าที่แดงกำ่
   “อั่นแน่ ทำเป็นหงุดหงิด ก็อยากให้ผมอยู่ด้วยต่ออ่ะดิ" เอิร์ธพูดแทบไม่เป็นภาษาพลางชี้นิ้วมาทางมิกพร้อมตาเยิ้ม
   “ไอ้นี่ คอไม่แข็งนี่หว่า มานี่มา" มิกลากตัวเอิร์ธเข้ามาในบ้านทันที ก่อนจะวางตัวเจ้าตัวแสบลงบนเก้าอี้หวายขนาดใหญ่กลางบ้าน มิกถอดเสื้อตัวเองออกและโยนมันไปไว้มุมหนึ่งและม้นวขากางเกงตัวเองขึ้น
   “อั่นแน่ จะทำอะไรอ่ะพี่" เอิร์ธถามอีก
   เขาถอนหายใจครั้งหนึ่งขณะมองเอิร์ธ เสมือนว่าตัวเองเตรียมพร้อมที่จะขัดห้องน้ำครั้งใหญ่
   “เอาวะ"
   มิกจัดแจงถอดเสื้อผ้าของเอิร์ธที่ไม่มีอาการขัดขืนใดใด ก่อนจะลากตัวเด็กหนุ่มที่มีเพียงบ๊อกเซอร์ไปยังห้องน้ำของบ้าน ห้องน้ำของมิกปูพื้นด้วยไม้ และตีรั้วกั้นโดยรอบๆเป็นตารางและปลูกต้นไม้ขนาดใหญ่ล้อมรอบเอาไว้ โดยเพดานเปิดโล่ง เป็นห้องน้ำที่ท้าลมห่มฟ้าทีเดียว มิกเปิดก๊อกน้ำใส่ตัวเอิร์ธทันที
   “เห้ย อะไรเนี่ยพี่มิก" เอิร์ธร้องโวยวายทันทีที่น้ำตกลงถึงหัว เขาถูกจับให้นั่งลงกับพื้นไม้ของห้องน้ำ ขณะที่มิกเริ่มนำฝักบัวรดไปรอบๆตัวเอิร์ธที่พยายามเบี่ยงตัวหลบสายน้ำเต็มที่ มิกใช้กำลังของตัวเองจับตัวเอิร์ธให้อยู่นิ่งๆก่อนจะเริ่มเอาครีมอาบน้ำถูไปทั่วตัว เด็กหนุ่มได้กลิ่นสบู่พร้อมกับสยน้ำจากฝักบัวที่ไหลไม่หยุด ปลุกสติสัมปชัญญะที่ล่องลอยของเอิร์ธให้ตื่นขึ้นอย่างเต็มตัว
   “เห้ยพี่มิก พี่ถอดของผมหมดเลยเหรอ" เอิร์ธร้องเสียงอันดัง อย่างชัดเจนเป็นอันว่าไอ้ตัวแสบของมิกตื่นเต็มตาแล้ว
   “แกเปลือยมาจะครึ่งชั่วโมงและ" มิกว่า "ตื่นได้ซะทีนะ"
   “โหยพี่ เปียกหมดเลย ผมไม่มีบ๊อกเซอร์มาเปลี่ยนนะ" เอิร์ธว่า
   “เหรอ" มิกทำเสียงใส "แล้ว โก หก แม่ ทำ ไม กัน เล่า ไอ้ ตัว แสบ"
   มิกขยี้หัวของเอิร์ธไปทีละคำพูดของตัวเอง
   “โอ๊ยอะไรเนี่ยพี่" เอิร์ธว่าพลางป้องปัดทรงผมอัหล่อเหลาที่คงจัดหล่อมาทั้งวันอย่างเต็มที่ ขณะที่มิกก็เริ่มโวยวายให้อยู่เฉยๆ เพราะมันใกล้จะเสร็จแล้ว "ก็ถ้าไม่โกหก แล้วผมจะได้มาเคลียร์กับพี่เปล่าล่ะ"
   มิกปิดก๊อกเป็นอันเสร็จพิธีพอดีกับที่วลีสุดท้ายเข้าหู
   “ว่าอะไรนะ" มิกถามอีกที
   เอิร์ธลุกขึ้นพลางขว้าผ้าเช็ดตัวที่แจวนอยู่ริมห้องน้ำมาห่มตัวเองพลางมองไปหามิกแล้วขวมดคิ้ว
   “ว่าอีกทีดิ๊ เคลียร์อะไรวะ ไม่เข้าใจว่ะ" มิกพูดพลางลูบน้ำออกจากตัวเองขณะมองไปหาเอิร์ธที่ยืนตัวสั่นขณะองมาหาเขาด้วยสายตาจริงจัง
   “พี่ไม่รู้จริงๆเหรอ" เอิร์ธว่า "เห้ย พี่แม่ง อย่าพูดชุ่ยๆงี้ดิ"
   มิกคิดว่าไอ้นี่คงยังไม่หายเมาแหงม ถึงได้พูดอะไรพิลึกพิลั่นปานนี้
   “แล้วมึงพูดเชี่ยอะไรของมึงเนี่ย จะเคลียร์อะไร" มิกพูดเสียงดังอีก เอิร์ธส่ายหน้าหนึ่งครั้งก่อนจะเดินชนไหล่มิกออกไปจากห้องน้ำ มิกถอนหายใจหนึ่งครั้งก่อนจะเดินตามออกไป
   “เห้ยอะไรของแกวะเอิร์ธมาพูดกันให้รู้เรื่องดิ๊" มิกคว้าไหล่ของเอิร์ธให้หันกลับมาประจันหน้ากับตน เอิร์ธมองหน้ามิก
   “พี่ทวนดิ ว่าวันนี้พี่ทำอะไรลงไปบ้าง" เอิร์ธว่ากลับ "ทวนมาครับ"
   มิกหัวเราะเบาๆ เอาก็เอาวะ
   “วันนี้อ่ะเหรอ" มิกพูด "ก็ถ่อไป Crystal Design กับแกไง เสร็จแล้วก็กลับมานี่ แล้วก็ไปปาร์ตี้ แล้วก็วนกลับมาที่นี่อีกตอนตีหนึ่งนี่ไงวะ"
   “แค่นั้นเหรอพี่ แล้วพี่พูดอะไรกับผมไว้อ่ะ" เอิร์ธพูดอีก
   “พูดอะไร" มิกขมวดคิ้ว
   “ก็เมื่อตอนบ่ายไง" เอิร์ธตอบ "ตอนที่เราสองคนรู้ว่าต้องไปปาร์ตี้ พี่พูดอะไรกับผม"
   “ก็.....” มิกอ้าปากค้าง เขางานเข้าซะแล้ว
   “พี่ไม่มายในสิ่งที่พูดไปมั่งไง?” เอิร์ธพูด
   “เหอๆ ใครกันแน่ไม่มายวะ" มิกพูดตรงๆพลางเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า พลางโยนชุดนอนไปให้ เอิร์ธรับไว้ในมือ
   “ก็นี่ไง ผมถึงอยากมาอยู่เคลียร์" เอิร์ธพูดพลางแต่งตัวทันที ขณะที่มิกหยิบผ้าเช็ดตัวของตัวเองมา เตรียมตัวจะไปอาบน้ำ "อ้าว จะไปไหนอีกอ่ะ เคลียร์กันก่อนดิ พี่จะเอาไง"
   “เอาไงอะไร" มิกถามกลับพลางหลบหน้าหลบตา
   “พี่มิก ดีดีดิ ผมจริงจังนะ" เอิร์ธว่า
   “ไม่ยักรู้ว่าจริงจัง" มิกพูดพลางปิดตู้เสื้อผ้าลงพลางเดินไปยังห้องน้ำ
   “พี่มิก" เอิร์ธพูดเสียงเข้มจนมิกตกใจจนต้องหันกลับมามอง เด็กหนุ่มมองหน้าเขาพลางครุ่งคิดอย่างหนัก เขามองหน้าเอิร์ธ
   “ก็ใช่ พี่ขอเราเป็นแฟน" มิกพูด
   “แล้ว?” เอิร์ธถามต่อ "พี่หงุดหงิดอะไร"
   “หงุดหงิดอะไร พี่ไม่ได้หงุดหงิด" มิกพูดเสียงดัง
   “ก็เนี่ยพี่หงุดหงิด" เอิร์ธว่า "พี่เป็นมาตั้งแต่ในงานเลี้ยงแล้ว"
   “เอาล่ะ" มิกเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว สงสัยงานนี้เขาคงจะต้องปรับอะไรบางอย่างซะแล้ว "รอพี่อาบน้ำแป้บนึง แล้วเดี๋ยวเรามาคุยกัน"
   มิกทิ้งเอิร์ธยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น มันไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนพูดอะไรแบบนี้กับเขา แต่ในเมื่อตอนบ่าย เขาขอให้เกิดมีความสัมพันธ์พิเศษให้เกิดขึ้นกับเอิร์ธแล้ว มันก็คงต้องเป็นเอิร์ธ ที่ต้องมานั่งทำความเข้าใจกันเสียแล้ว
   เขาไม่สนใจใครหรอก นอกจากคนที่เขาให้ความสำคัญ
   และเขาก็เจอแล้ว
….....

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
บทที่ 21 Wake me Up!!!

   แสงจากตะเกียงถูกจุดขึ้นเหนือหัวของเอิร์ธที่นั่งมองแม่้ำเจ้าพระยายามค่ำคืนจากชานบ้าน มิกแขวนมันไว้ที่เสาก่อนจะนั่งลงข้างๆเอิร์ธที่ตรงนั้นเอง
   “อ่ะ เคลียร์ไรว่ามา" มิกว่าพลางเช็ดหัวที่เปียกปอนหลังอาบน้ำด้วยผ้าเช็ดตัว
   “ผมมีคำถามเดียว" เอิร์ธหันมามองหน้ามิก ที่เลิกคิ้วมองอย่างสงสัย
   และในทันที เอิร์ธก็จูบเข้าที่ริมฝีปากของมิกทันที ชายหนุ่มถึงกับทำอะไรไม่ถูกปล่อยผ้าเช็ดตัวที่อยู่บนหัวร่วงลงพื้นอย่างควบคุมไม่ได้ ก่อนจะผละออกจากเอิร์ธพลางมองเข้าไปในดวงตาของเด็กหนุ่มที่ตอนนี้เต็มไปด้วยคำถามมากมาย
   “ผม....”
   “แกเหงาใช่ไหม" มิกพูดแทรกทันที เอิร์ธถึงกับทรุดลงตรงนั้น พลางมองหน้ามิก ที่เม้มปากอย่างพินิจ "เรื่องทั้งหมดที่ผ่านมาวันนี้ก็เพราะแค่แกเหงาเท่านั้นเองใช่ไหมเอิร์ธ"
   เด็กหนุ่มก้มหน้าลงกำหมัดแน่น มิกถอนหายจครั้งหนึ่ง
   “มีอะไรอีกไหม" มิกถามเอิร์ธทันที
   “พี่มิก พี่จะคิดจริงจังกับผมหรือเปล่า" เอิร์ธถามขึ้น
   “มันสำคัญด้วยเหรอวะ" มิกตอบ
   “ไม่เอาคำตอบแบบนี้พี่" เอิร์ธว่า "ผมขอคำตอบแบบที่ออกมาจากความรู้สึกพี่จริงๆได้หรือเปล่า"
   มิกนิ่งไปพักนึง
   “ล...แล้วจะให้พี่ตอบไงวะ" มิกพูด "จะตอบว่าไม่จริงจัง แม่งก็ดูเลวดิ แล้วอีกอย่าง ทำไมแกไม่บอกความรู้สึกแกบ้างอ่ะ"
   “พี่ก็รู้แล้วนี่ว่าผมเหงาอ่ะ" เอิร์ธพูด
   “แกจะเอาความรู้สึกง่ายๆแบบนั้นขึ้นมาเป็นสาเหตุที่เป็น เอ่อ....แฟนพี่อ่ะเหรอเอิร์ธ" มิกถาม "มันจะไม่ง่ายไปหน่อยเหรอวะ"
   “มันง่ายแบบนั้นแหละพี่" เอิร์ธพูด "พี่มิก คนเราใชีชีวิตกันอยู่ทุกวันนี้ก็ใช้ความรู้สึกเป็นที่ตั้งนะ ผมจะไม่งัดเหตุผลอะไรขึ้นมาทั้งนั้น ถ้าความจริงมันอยู่ที่ความรู้สึกของผม"
   มิกมองหน้าเอิร์ธอีกครั้ง
   “งั้นพี่ก็ไม่มีอะไรจะพูดเหมือนกัน" มิกว่า เอิร์ธเบิกตากว้าง
   “ทำไมล่ะพี่" เอิร์ธถาม
   “เพราะพี่เองก็เหงาเหมือนกันมั้ง" มิกขมวดคิ้วพลางมองออกไปยังสายน้ำที่ไหลเอื่อยๆตรงหน้า
   “พี่ก็เลยขอผมคบงั้นเหรอ" เอิร์ธถามอีก "ผมตกลงนะ"
   มิกหันมามองหน้าน้อง
   “ผมตกลงจริงๆนะพี่" เอิร์ธว่า "นี่ผมไม่ได้พูดเล่นๆหรอกนะ"
   “งั้นรู้ป่ะทำไงถึงจะได้มาเป็นแฟนพี่อ่ะ" มิกถามหลางยิ้มที่มุมปาก
   “โห มีเงื่อนไขด้วยเหรอ กับผมเนี่ยนะ...." เอิรืธทำหน้าเก็กหล่อแบบกวนๆ "….กับผมเนี่ยนะ"
   “เอิร์ธ มันก็ถูกนะว่าคนเราน่ะใช้ชีวิตด้วยภาวะทางอามรมณ์แต่บางทีการอธิบายถึงสาเหตุและที่มาของอารมณ์เหล่านั้น มันก็ช่วยให้อะไรง่ายขึ้นนะ" มิกพูด "เอาอย่างนี้......นายควรจะเริ่มจากการทำความเข้าใจตัวนายก่อนว่ารู้สึกอะไรยังไง ก่อนที่จะไปมีความรู้สึกดีดีกับใครอ่ะ รู้จักตัวเองก่อนดีปว่าป่ะ"
   เอิร์ธมองหน้ามิกเหมือนไม่เคยเห็นเขามาก่อน
   “รู้สึกอะไรยังไงอ่ะเหรอ" เอิร์ธถาม
   “ใช่ มันเป็นเรื่องง่ายๆที่ไม่ต้องเป็นเรื่องงานหรอก เวลาเรารู้สึกดีดีกับใครซักคนอ่ะ บางทีการกระทำอย่างเดียวมันไม่พอนะ นายต้องบอกเขาด้วย" มิกว่า "ง่ายๆก็ อย่างวันนีี้ ตอนนี้อ่ะ นายรู้สึกยังไง"
   “ตอนนี้เหรอ" เอิร์ธว่า "ผม....ไม่อยากให้เราสองคนเข้าใจอะไรผิดกันอ่ะพี่ ผมรู้สึกว่าทั้งวันมานี่ ผมกับพี่แปลกๆละ เหมือนว่ามีใครกำลังเข้าใจใครผิดอ่ะ"
   “อืมมม ก็แค่นั้นแหละ เห็นมะ ก็แค่พูดออกมา จัดระเบียบความคิดตัวเอง แค่นี้พี่ก็รู้และ ว่าแกต้องการอะไร" มิกว่า
   “แล้วยังไงอ่ะพี่ บอกผมกลับมาบ้างดิ" เอิร์ธย้อน
   “อ๋อ...ก็...ได้.........วันนี้เหรอ....เอ่อ....” มิกเม้มปากเล้กน้อยอย่างเก้อเขิน "ก็...พี่ก็หงุดหงิดที่แกลากพี่ไป Crystal Design Center ไปรับรู้เรื่องงี่เง่าของแกอ่ะ แล้วก็...เอ่อ.....หลังจากที่ขอแกเมื่อเย็นใช่มะ.........ตอนงานก็หงุดหงิดที่แกเที่ยวไปติดคนนู้นนี้ ทำอย่างกับที่คุยกันเมื่อเย็นเป็นเรื่องเล่นๆน่ะ"
   “ผมทำพี่หงุดหงิดขนาดนั้นเลยเหรอ" เอิร์ธทำเสียงทุ้ม
   “ก็...ไม่ขนาดนั้นหรอก ก็ถ้าแกบอกว่าที่พูดไปเมื่อเย็นแกจริงจังจริงๆ พี่ก็ไม่โกรธแล่ว" มิกพูด แม้ว่าจะพยายามไม่ให้ตัวเองหน้าแดง
   “จริงอ่ะ พี่ไม่โกรธผมแล้วใช่มะ" เอิร์ธถามอีก
   “เออน่า......แล้วไงอีก" มิกถามต่อทันทีแก้เก้อ "ทำไมถึงคิดว่าพี่จะปลอบใจแกได้วะ ที่เขียนไว้หลังโพสอิทอ่ะ"
   “อ๋อ ตอนนั้นอ่ะเหรอ......” เอิร์ธเหลือกตาครุ่นคิด "ก็....ผมไม่มีใครอ่ะพี่ ผมไม่รู้ว่าผลมันจะออกมาเป็นยังไงอ่ะอ่ะ กับแพร ผมก็เลยอย่าหาใครซักคน ที่จะเข้าใจผมได้มากที่สุด แต่ผมไม่อยากให้คนนั้นเข้าใจแพรอ่ะ เพื่อนผมคนอื่นๆ เขาเข้าใจแพรหมดเลย"
   “อ่อ..หาพวกว่างั้น........” มิกหรี่ตาลง "แล้วทำไมถึงต้องเป็นพี่อ่ะ"
   “โห พี่ ถ้าถามว่าทำไมถึงต้องเป็นพี่นี่ มันก็ต้องตั้งแต่วันแรกแล้วนะ" เอิร์ธว่า พลางหุบปากครั้งหนึ่ง เหมือนกับอะไรเพิ่งหลุดปากออกไป
   “อะไรนะ" มิกยื่นหน้าเข้าไปหาเอิร์ธทันที "บอกมาดิ๊"
   เอิร์ธยิ้มกวนๆครั้งหนึ่งก่อนจะหายใจเข้า
   “ก็......ตั้งแต่วันแรก ที่ผมเจอพี่อ่ะ มันเหมือนกับผมมองเห็นตัวเอง" เอิร์ธตอบ "ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่ถ้าถามว่าทำไมต้องเป็นพี่ ผมตอบได้แค่ว่า......ผมรู้สึกว่าพี่พร้อมเสมอ ที่จะให้ความสำคัญผม"
   มิกเงียบเสียงลง
   “ทุกครั้งที่พี่พยายามเข้าถึงความรู้สึกของผม พี่ไม่เคยต่อต้าน ทั้งๆที่ผมก็เป็นของผมอย่างเนี้ย แต่พี่ก็พยายามจะช่วย" เอิร์ธตอบ "อย่างตอนนี้ พี่ก็พยายามให้ผมจัดลำดับความคิดตัวเอง สามารถอธิบายตัวเองให้คนอื่นเข้าใจ ผม...ผมดีใจที่มีพี่ แล้ว....พอเกิดเรื่องวันนี้ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมโคตรอยากได้พี่เป็นแฟนเลย"
   มิกหัวเราะในคอเบาๆ
   “ขำไรอ่ะ" เอิร์ธว่าอีก "พี่มิกผมจริงจังนะ ผมไม่รู้หรอกว่าผู้ชายกับผู้ชายเขาคบกันยังไงอ่ะ แต่ตอนนี้อ่ะ ผมอยากจะคบกับพี่จริงๆนะ"
   “งั้นเอางี้" มิกจับตัวเอิร์ธให้นั่งตัวตรงแล้วหันนั่งหน้าหากัน "มองตาพี่ แล้วคิดตามนะ"
   เอิร์ธมองตามิกที่จ้องเขาอย่างมีความหมาย
   "พี่ไม่ใช่แพร พี่ไม่ใช่ผู้หญิงนะ" มิกว่า "พี่เป็นคนเข้าใจยาก พี่มีชีวิตแบบของพี่ พี่อาจจะชอบนัท แต่พี่ก็ไม่ได้เป็นเกย์เหมือนกัน และพี่ก็อาจจะยังลืมนัทไม่ได้เหมือนกันด้วย
   "พี่เพิ่งรู้จักเราแค่สามเดือน และพี่ก็จะอยู่กับเราแบบนี้ไปจนเราฝึกงานครบชั่วโมงเท่านั้น หลังจากนี้ความสัมพันธ์ระหว่างแกกับพี่ จะเป็นยังไงก็ยังไม่รู้ และพี่ก็ไม่ขอทำอะไร เพื่อให้ตัวเองดูเป็นการเรียกร้องให้เราอยู่กับพี่ เพราะพี่เองก็ยังไม่เข้าใจสิ่งที่มันเกิดขึ้นตอนนี้เหมือนกัน
   “ที่พี่พูดมามันไม่ได้หมายความว่าพี่จะบอกว่าได้หรือไม่ได้นะ พี่แค่พูดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นเฉยๆ" มิกว่าเอิร์ธยังคงนิ่งสนิท "แกเข้าใจที่พี่พูดใช่ไหม แกยังคิดตามอยู่ใช่หรือเปล่า"
   มิกมองเข้าไปในดวงตาที่ส่องความรู้สึกว่างเปล่าของเอิร์ธอย่างเงียบสนิทอยู่ครู่หนึ่ง
   “ที่พี่พูดมา ผมไม่อยากรับรู้เลยซักเรื่อง มันอาจจะเป็นปัญหาก็ได้ มันอจจะเป็นความจริงก็ได้ แต่ผมยังขอยืนยันคับพี่มิก ยืนยันคำตอบเดิม" เอิร์ธตอบเบาๆ "แล้วพี่อ่ะ พี่ยังยืนยันคำตอบเดิมหรือเปล่า"
   มิกหลับตาหนึ่งครั้ง ก่อนจะยิ้มให้เอิร์ธ
   “ถ้าแกยืนยันพี่ก็ไม่ว่าอะไรเหมือนกัน" มิกว่า "ก็ลองดู"
   ยิ้มให้กันครั้งนึง
   “แล้วไงอีก" มิกพูด
   “อะไรอีกอ่ะพี่" เอิร์ธว่าเบาๆ
   “ก็ตอนนี้ไง แกรู้สึกยังไง" มิกถาม
   “ตอนนี้เหรอ" เอิร์ธมองหน้ามิก "ผม....เขินว่ะ"
   “เอ่อะ" มิกหัวเราะเบาๆ
   “อย่าดิพี่" เอิร์ธร้อง "เอาตรงๆผมเห็นพี่ตอนนี้ไม่เหมือนกับที่เห็นพี่วันแรกที่ออฟฟิศเลย มันเหมือนกับว่า ผมโตขึ้นแล้วผมอยากจะรู้จักพี่ให้ได้ดีกว่านี้อ่ะ"
   “ยังไงนะ" มิกงงกับคำพูดของเอิร์ธอีก
   “เอาตรงกว่านี้อีกป่ะ" เอิร์ธว่า มิกพยักหน้า "ผมอยากลองมีอะไรกับพี่ได้ป่ะ"
   “เห้ยไอ้เอิร์ธ" มิกร้อง "นี่ไม่เรียกตรง.....นี่เรียก......เร็ว"
   “หึหึ" เอิร์ธยิ้มที่มุมปาก แต่ทันใดนั้นมิกถอดเสื้อนอนของตัวเองออกทันที เอิร์ธมองพี่มิกอย่างตกตะลึง "ทำไรอ่ะพี่"
   “พี่ก็ไม่เคยลองว่ะ" มิกว่า "ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเริ่มยังไง เอางี้ คืนนี้แกนอนกับพี่ ถอดเสื้อผ้าออกให้หมด"
   “เอ่อ....ล...แล้ว...จะ..ยังไงอ่ะพี่" เอิร์ธว่า "จะดีเหรอ"
   “ภาษากายไง" มิกตอบพลางลุกขึ้น และชูมือมาที่หน้าขอเอิร์ธ "ถ้าแกกับพี่รู้สึกดีกับเรื่องนี้จริงๆ เดี๋ยวก็รู้เอง"
   เอิร์ธจับมือของมิกแล้วลุกขึ้นยืน เขายิ้มให้มิกครั้งนึงก่อนจะถอดเสื้อของตัวเองออกทีละชิ้น มิกก็เช่นกัน
   “ผม.....แก้เลยนะ" เอิร์ธกระซิบเบาๆ
   มิกไม่ได้ให้คำตอบ แต่เขาหมุนดับตะเกียงที่อยู่เหนือหัวเป็นที่เรียบร้อยแล้วก่อนจะหันกลับมาหาเอิร์ธ
   “พี่ถอดหมดแล้วครับ"
   เขากระซิบพร้อมกับเดินนำไปสู่ห้องนอนที่อยู่ไม่ไกลกันนัก แสงจันทร์ส่องสะท้อนผืนน้ำต้องบ้านไม้เก่าๆริมแม่น้ำเจ้าพระยา ชายหนุ่มสองคนเริ่มต้นการเดินทางสายใหม่ที่นี่ โดยความคิดที่อิสระและสวยงามราวกับภาพวาดที่อ่อนไหวท่ามกลางแสงสีของไฟในเมืองที่วุ่นวายและไม่เคยนิทรา
….........
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-09-2011 02:27:06 โดย M2M_Jill »

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
แสงอาทิตย์สาดส่องต้องร่างอันเปลือยเปล่าของชายหนุ่มสองคนที่นอนอยู่ภายใต้ผ้านวมที่อบอุ่น บนชั้นที่ 46 ของคอนโดมีเนียมหรูกลางกรุง ร่างที่อ่อนเพลียจากเกมส์รักที่ร้อนแรงค่อยๆลืมตาขึ้น มองออกไปยังผ้าม่านสีเทาที่ส่างจ้าดด้วยแดดที่ส่องแสงอยู่ภายนอก  รอยแง้มเล็กๆระหว่างผ้าม่านมีนกสองตัวกำลังไล่กันอยู่ที่ระเบียง นัทมองมันอยู่อย่างนั้น แม้ว่าจะเห็นอะไรได้ไม่ถนัดนัก แต่มันก็คือการผ่อนคลายสายตาและร่างกาย เขายังไม่อยากลุกตอนนี้
   สัมผัสด้วยมือภายใต้ผ้าห่มที่ค่อยปลุกให้ส่วนล่างของนัทตื่นขึ้น ร่างอีกร่างเบียดตัวเองโอบกอดนัทเอาไว้ นัทหันมามองเจ้าของมือที่กำลังควบคุมอามณ์ของเขาจากจุดอ่อนไหวนั้น ใบหน้าอันหล่อเหลาจับจ้องที่ร่างกายของนัท พร้อมกับหายใจหอบถี่ แม้ว่าตอนนี้เขาจะรู้สึกอ่อนเพลีย แต่ทว่าร่างกายของเขามันไม่อาจจะต้านทานจังหวะมือที่จับส่วนล่างของนัทอย่างรู้ท่าทีพร้อมกับเคลื่อนไหวขึ้นลงด้วยความพอเหมาะ นัทหลับตาซึมซับความรู้สึกนั้น
   “สงสัยเมื่อคืน ไม่ได้ไปพร้อมกับผมอย่างที่ว่าใช่หรือเปล่า" กายพูดเบาๆที่ข้างหูของเขา
   “....ก็....คุณ.......” นัทพยายามตอบ แต่ทว่าความเสียวซ่านก็เข้าครอบงำ
   “ไม่ต้องพูดแล้ว" กายว่าพลางเร่งจังหวะมือขึ้น "ปล่อยออกมาเลย"
   “ต...แต่....ว่า.....ผ.....ผ้าห่ม....ค...คุณ...” นัทยกช่วงสะโพกรับกับความสุขที่กายมอบให้ พร้อมกับโอบร่างกายของกายเอาไว้เข้ามาชิดตัว "…...ผม......อ้ะห์"
   นัทพ่นลมหายใจพร้อมกับปลดปล่อยความสุขออกไปจากตัว กายยิ้มให้นัทเบาๆก่อนจะเลิกผ้าห่มออกดูผลงานของตัวเอง
   “โห ฟิตนะคุณ ยังเยอะอยู่เลย" กายแบมือออกจากจุดอ่อนไหวของนัท แล้วปล่อยให้น้ำรักของนัทไหลลงไปตามร่างกายที่ขาวนวล ก่อนจะหันมานัทอีกครั้ง "คราวหลัง ถ้าคุณไม่ได้เสร็จพร้อมผมทำไมไม่บอกล่ะ"
   นัทเบี่ยงหน้าหนีด้วยความอาย ขณะที่หน้าเริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ
   “ก็....ผมเห็นคุณก็มีความสุขดีอยู่แล้วนี่ ตอนที่....." นัทพูดเบาๆ กายเขยิบตัวขึ้นมาหานัทอีก
   “แต่ผมอยากให้ตัวเองเป็นที่หนึ่งเรื่องบนเตียงสำหรับคู่นอนนี่" กายพูดอีก นัทหันมามองหน้าพ่อมดจอมเจ้าเล่ห์ที่กำลังเอานิ้วที่เปื้อนคราบรักของนัทสัมผัสหน้าของนัทเบาๆ นัทได้กลิ่นคาวของตัวเองจึงเบนหน้าหนี
   “อ๋อ....” กายหัวเราะเบาๆ "หรือว่าคุณอยากให้ผมช่วยคุณแบบนี้ คุณชอบเหรอ"
   “บ้า ป่าวซะหน่อย" นัทร้องทันที
   “งั้นเหรอคับ" กายยิ้มเจ้าเล่ห์พลางเหลือบมองไปที่ผลงานของตัวเองอีกครั้ง "จริงอ่ะ"
   กายสัมผัสที่จุดอ่อนไหวนั้นอีกครั้งเบาๆ นัทจับหมับเข้าที่มือกายทันที
   “พอแล้ว" นัทพูดเบาๆ "ใช่...ผมชอบ"
   “หึหึ" กายหัวเราะ ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงในทันทีพร้อมกับหยิบผ้าเช็ดตัวที่อยู่หัวเตียงมาห่อหุ้มร่างกายเอาไว้ "ตื่นกันเหอะคุณ ไปอาบน้ำซะ จะได้ไปกัน"
   “ไปไหนอ่ะคุณ วันนี้วันเสาร์นะ พักบ้างเถอะ" นัทพูดออกมาจากใจจริง ตั้งแต่เมื่อวานจนกระทั่งตกดึก กายพาเขาออกไปไหนต่อไหนมาทั้งวัน แถมยังมาจบลงตรงที่เตียงนี้ ที่เขาทั้งคู่บรรเลงเพลงรักกันอย่างถึงพริกถึงขิง
   “วันนี้เราต้องเข้าไปประชุมและดูไซท์ที่จัดงานประกาศรางวัล B.A.D. Award” กายพูดเรียบๆ "ทางโน้นเขาอยากให้เราไปร่วม Discuss ด้วย คุณก็น่าจะไปนะ"
   “โห"
   นัทถอนหายใจหนึ่งครั้ง พลางนอนแผ่บนเตียง หมอนี่เอาหัวตรงไหนไปจำตารางงานกันนะ ทั้งๆที่จริงแล้วกายน่าจะเอาเวลาไปฝึกปรือเรื่องบนเตียงซะมากกว่า
   “อยากให้ผมทำอีกเหรอ" โดยไม่ทันตั้งตัว นัทเห็นกายกำลังยืนมองร่างกายของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยอารมณ์พลุ่งพล่านอีกครั้ง
   “บ้าเหรอคุณ" นัทร้องเสียงดัง "ผมแค่เหนื่อยๆ ผมยังไม่ได้หยุดเลยต่างหาก"
   “ลุกเถอะคุณ" กายว่า "ไม่งั้นผมจะ....”
   “ก็ได้" นัทดีดตัวลุกขึ้นทันที "โอ๊ย..”
   กายรีบรุดมาประคองตัวนัททันที ชายหนุ่มเจ็บแปล๊บเข้าที่จุดสำคัญที่ถูกล่วงล้ำไปเป็นครั้งที่สอง นัทจับหมับเข้าที่ก้นกบทันที นัทมองกายครั้งหนึ่งก่อนจะถอนหายใจ
   “นี่คุณเจ็บเพราะ...” กายพูดเสียงอ่อนโยน
   “ไม่ต้องเลยคุณ" นัทว่าเสียงหงุดหงิด "ทีตอนทำอ่ะ ก็ไม่ได้ยั้งเลย ทั้งคุณและผมอ่ะแหละ ไม่เป็นไรหรอก"
   “มันต้องบ่อยๆคุณ มันจะได้ชินและหายเจ็บไปเอง" กายว่า
   “เหรอ" นัทลากเสียงพลางมองกายด้วยหางตา "แล้ววันนี้ไปที่ไหนเนี่ย"
   “โรงแรมเซ็นทารา" กายพูด "งาน BAD Night จะจัดขึ้นวันเสาร์หน้า เรามีเวลาเตรียมงานกันอาทิตย์เดียวเอง ไหวไหมคุณ"
   “ไหวดิ" นัทว่า "คุณไปอาบน้ำเหอะ เดี๋ยวผมจะได้อาบต่อ"
   “อืม งั้นรอแป้บนะ" กายพูดพลางลุกไปจากเตียงจริงขณะที่นัทพยายามหาเหลี่ยมมุมนการขยับตัวโดยไม่ให้เกิดการสะเทือนไปถึงด้านหลัง
   เสียงโทรศัพท์ของกายดังขึ้น ชายหนุ่มหันหลังจากประตูห้องน้ำเดินไปรับทันที
   “ฮัลโหล" กายพูดรับโทรศัพท์พอดีกับที่เสียงๆหนึ่งดังลอดออกมาจากโทรศัพท์จนนัทได้ยิน เสียงที่คุ้นหูจนนัทไม่ต้องเดา
   “กาย กายอยู่ไหนคะเนี่ย"
   นัทมองกายด้วยสายตานิ่งสนิททันที เขาเม้มริมฝีปากเล็กน้อย
   “อ้าวเจน ผมเอ่อ.....ผมอยู่คอนโดน่ะ มีอะไรหรือเปล่า"
   กายมองนัทด้วยสายตาเป็นกังวลเล็กน้อย นัทลุกขึ้นจากเตียงตัดตรงไปยังห้องน้ำทันทีโดยไม่สนใจว่ากายจะคุยอะไรต่อ
   นัทชำระล้างสิ่งคราบต่างๆที่เปรอะตัวเขามาทั้งคืนออกอย่างอ้อยอิ่ง เขารู้สึกรำคาญเจนขึ้นมาจริงๆซะแล้ว ความคิดชั่วร้ายแว้บเข้ามาในสมองหรือบางที ถ้าเขาไม่ว่าอะไร สาจะจัดการยัยตัวร้ายนี่อย่างสาสมได้ไหมนะ
   ไม่กี่น่าทีต่อมานัทออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดที่กายให้เขาเปลี่ยน และนั่นทำให้นัทรู้สึกแปลกตาตัวเองเป็นอย่างมาก สไตล์การแต่งตัวของกายกับเขาแตกต่างกันสุดขั้ว และนั่นทำให้กายอมยิ้มไม่หยุดแม้ว่าจะออกมาจากคอนโดแล้วในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา
   บนท้องถนนที่รถติดบ้างเป็นบางช่วงอย่างวันเสาร์ รถสปอร์ตคันหรูวิ่งมุ่งหน้าไปยังแยกราชประสงค์ กายเปิดเพลงสากลอารมณ์ดี ในขณะที่นัทนั่งนิ่งไม่พูดไม่จามองออกไปนอกหน้าต่าง กายมองมาหานัทที่มองออกไปยังด้านนอกของรถ และพยายามหาคำพูดที่เหมาะสม
   “ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า" กายถามขึ้น
   “ไม่หรอกมั้ง" นัทว่า "ผมบอกว่าช่างมันไง วกเข้าเรื่องนี้จังนะคุณ"
   “ก็เป็นห่วงคุณนี่" กายว่า
   “ถ้าเป็นห่วง คุณก็น่าจะให้ผมพักบ้างเหอะ" นัทบ่นอุบอิบ "ทำไมคุณไม่บอกผมก่อนว่าวันนี้มีคุยงานอ่ะ"
   “ถ้าผมบอกคุณ เมื่อวาน คุณก็ไม่ไปเที่ยวกับผมอ่ะสิ" กายว่า
   “ถึงยังไงตอนเย็นคุณกับผมก็ต้องกลับมาปาร์ตี้ที่บริษัทอยู่ดีไม่ใช่เหรอ" นัทว่า "ชีวิตคุณนี่จะเที่ยวอะไรกันนักหนาเล่า"
   นัทว่าปนอารมณ์หงุดหงิดที่สะสมมา ดีที่กายทำดีกับเขามาทั้งคืนแล้ว เขาจึงไม่ได้หงุดหงิดใส่มากนัก
   “ก็เพราะมันไม่มีการเที่ยวที่ผมสบายใจเท่าตอนที่ไปกับคุณน่ะสิ" กายพูดน้ำเสียงจริงจัง
   “ผมว่าไม่จริงหรอก" นัทพูด "เวลาคุณไปกับเจน คุณก็สนุกดีนี่"
   นัทโพล่งปากออกไป เขาถึงกับรีบเงียบเสียงลง เพื่อไม่ให้ตัวเองแสดงอาการที่ดูงี่เง่า ที่เรียกว่า หึง  จนกายสังเกตได้
   “ผมบอกแล้วไง ว่าเจนกับผมไม่มีอะไรกันแล้ว" กายว่า "ดูคุณจะไม่สบายใจเรื่องนี้นะ"
   “ก็ผม......”
   “หึงผมล่ะสิ" กายพูดตัดหน้าทันทีพลางยิ้มที่มุมปาก
   “บ้า พูดไป" นัทขมวดคิ้วทันที ขณะที่กายหัวเราะเบาๆ
   “ไม่เอาดีกว่า ไม่ชวนคุณทะเลาะแล้ว" กายว่า "ทำอารมณ์ดีดีคุณ เดี๋ยวเจอผู้ใหญ่เขาจะไม่ปลื้มเอา"
   กายพูดเปลี่ยนเรื่องทันทีเมื่อรถเลีเยวเข้าที่จอดรถของเซ็นเทรัลเวิร์ล ทั้งคู่ก้าวลงจากรถพร้อมกับเดินไปยังส่วนของโรงแรมเพื่อไปยังห้องสัมนาที่อยู่ชั้น 24 เมื่อลิฟท์พาทั้งคู่ขึ้นมาถึงล็อบบี้ของชั้น 24 เสียงแหลมสูงก็ดังขึ้นอีกครั้ง นัทถึงกับเหลือกตาพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่จนกายต้องหันมามองเขาด้วยความตกใจ นัทเหลือกตามองกายด้วยสายตาน่ากลัว กายยิ้มให้นัทครั้งนึงก่อนจะเดินไปหาเจ้าของเสียงนั้น
   “กายคะ ให้ตายสิ เจนเกือบตื่นไม่ทันแหนะ เจ้าเบนซ์พาเราไปต่อที่คลับเลาจ์แถวๆสุขุมวิทค่ะกาย ร้านดีมากๆ เสียดายจริงๆที่เมื่อวานกายไม่ได้ไปด้วย" เจนพูดขณะเดินตรงรี่เข้ามาหากาย
   นัทมองหญิงสาวที่เดินเจิศจรัสเข้ามาหากายอย่างพินิจ ดูท่าทางแล้วกายคงจะไม่ยอมทำอะไรแน่ๆ และนัทก็เบื่อเต็มทีที่จะต้องทนกับอะไรแบบนี้
   “นี่ขนาดตื่นสายนะเนี่ย ยังแต่งตัวมาได้นะเจน" กายว่า
   “แล้วนี่เมื่อคืนกายทำอะไรล่ะคะ หรือว่าพักผ่อน" เจนพูดต่อ "เจนว่าจะโทรหากายซักหน่อย แล้ว.....”
   “เมื่อคืนผมอยู่กับกายครับ" นัทเดินตรงเข้ามาและจับมือกายทันที เจนจิรามองมือของนัทพลางหรี่ตาลง นัทยิ้มกว้างให้เธอ "เราสองคนเตรียมงานวันนี้กันน่ะครับ ทั้งคืนเลย"
   “โอ้ งั้นเหรอคะ......กาย" เจนหันมาหากายทันที
   “คับ" กายตอบสั้น เพราะว่านัทบีบมือกายแน่นเสียจนเขาไม่รู้จะพูดอย่างไร
   “แหม จริงเหรอคะเนี่ย เห็นกายบอกเจนว่าเรื่องมันกระทันหันมาก กายเพิ่งทราบเองไม่ใช่เหรอคะ คุณส่งข้อความมาหาเจนช่วงเช้ามืด" เจนว่า นัทหันไปมองหน้ากายทันทีที่เบนหน้าหลบไปทันที
   “อ้าวกาย นี่คุณเพิ่งบอกคุณเจนเมื่อตอนตีสี่เหรอ" นัทพูดขึ้น กายหันมาทำหน้าสงสัยใส่นัทที่ยิ้มให้เขา "โถ่คุณ แทนที่จะบอกคุณเจนไปซะตั้งแต่ก่อนเรานอนกัน คุณเจนจะได้ไม่ต้องรีบร้อนตื่นมาขนาดนี้ในวันหยุด....จริงไหมคับคุณเจน"
   เจนมองหน้านัทที่ยิ้มให้เธอ
   “ค่ะ" เธอรับคำใส่นัท "ไม่นึกเลยนะกาย ว่าจะไม่บอกเจนเป็นคนแรกซะและ"
   “ต้องขอโทษด้วยคับ พอดีเมื่อคืน....” นัทว่า "เราสองคนเตรียมตัวกันค่อนข้างหนักครับ เลยไม่ได้บอกคุณ"
   เจนมองหน้ากายอีกครั้ง
   “ไปกันได้แล้วล่ะค่ะ เดี๋ยวทางผู้ใหญ่จะรอ" เจนว่าพลางเดินนำทั้งคู่ไปยังห้องสัมนา"
   กายหันมาหานัท
   “คุณทำอะไรอ่ะ" กายถามด้วยน้ำเสียงที่สงสัยจริงๆ "บีบมือผมแรงไปไหม"
   “ผมก็แค่ไม่อยากให้ตัวเองดูเป็นคนอื่น ในวงเพื่อนของคุณ" นัทว่าพลางเดินตามเจนไป "คุณเองก็ต้องการแบบนี้ไม่ใช่เหรอ"
   “มันไม่เห็นจำเป็นเลย" กายว่า
   “โกหกเหอะ" นัทว่า "เมื่อหลายเดือนก่อน ที่คุณพาผมไปเจอเพื่อนๆคุณครั้งแรก ก็เพราะอยากให้ผมรู้จักสังคมคุณไม่ใช่เหรอ"
   “แต่นั่นมันก็เพราะ ผมอยากลองใจคุณต่างหาก" กายว่า
   นัทถึงกับหยุดชะงัก และมองหน้ากายอีกครั้ง
   “ลองใจผมเหรอ" นัทพูด
   “อ่าหะ" กายตอบ
   “อืม งั้นก็ดี" นัทยิ้มให้กายอีกครั้งก่อนจะเดินเข้าไปในห้องสัมนา
   กายรู้สึกว่ารอยยิ้มคู่นั้นของนัท ดูน่ากลัวพิลึก
….........
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-09-2011 22:36:39 โดย M2M_Jill »

ออฟไลน์ iota

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +83/-2
เคยตามอ่านเรื่องนี้... แต่ก็....
เข้ามาอ่านอีกรอบกลับไปทบทวนก่อนครับ
กด+  :L2:

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
“ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าจะแสดงทัศนะยังไง" สาพูดจริงจังในบ่ายวันอังคารของที่สตูดิโอในออฟฟิศขณะตัวเองกำลังนั่งโฟโต้ช้อปรูปภาพของงานใส่ลงไปในแบบจำลองสามมิติในคอมที่มิกส่มาให้เธอทำต่อเมื่อเช้า งานที่จะต้องสั่งทำวันพรุ่งนี้ก่อนที่จะนำขึ้นโชว์ในงาน B.A.D Night วันอาทิตย์ที่จะถึงนี้
   “คือฉันหมายความว่ามันก็ถูกที่ฉันไม่ชอบยัยเจนเว่ยนัท" สาพูด "แต่ฉันก็มองไม่เห็นจริงๆว่าเขาจะตั้งท่าไม่ชอบอะไรแก เพราะว่าสำหรับฉันนะ ยัยนั่นก็ตั้งป้อมกับทุกคนนั่นแหละ"
   นัทนั่งนิ่งสนิท ที่เขาตัดสินใจถามเรื่องนี้ขึ้นมาก็เพราะ วันนี้เป็นสุดท้ายที่เขาจะได้ทำงานอยู่ในออฟฟิศ เพราะหลังจากนี้เขาจะต้องไปซ้อมเดินแบบกับพรีเซนเตอร์ในโปรเจ็คนี้ ซึ่งนั่นก็คือคุณฝน มาร์ค เขาและเจน ซึ่งการประชุมกับผู้ใหญ่ที่เป็นพ่องานแม่งานในวันเสาร์ที่ผ่านมานั้น ทางกรรมการผู้จัดงานให้กายเป็นคนดูแลรับผิดชอบด้านการจัด Exhibition และให้เจนเป็นผู้รับผิดชอบการนำเสนองานทั้งหมด และเนื่องจากผลงานชิ้นนี้ของ Lovable Studio ได้รับรางวัลชนะเลิศในสาขา Cooperate Identity นี้ การนำเสนองานต่อหน้าดีไซน์เนอร์ทั้งวงการในงานประกาศรางวัล ดูจะเป็นเรื่องที่เจนจะยอมให้มันย่ำแย่ไม่ได้ และนั่นหมายความว่า นัทที่ถูกกายลากไปฟังวันนั้น เขาผู้เป็นดีไซน์เนอร์หน้าใหม่ไฟแรง ก็ไม่ต่างอะไรกับนายแบบมือใหม่ ที่นั่งฟังสิ่งที่ตัวเองต้องทำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
   “แกกังวลใจเรื่องอะไรกันแน่เนี่ยฉันถามจริงๆ" สาว่าขณะกดรอเวลาโปรแกรมเรนเดอร์ และหมุนตัวมาประจันหน้ากับนัท "อย่าบอกนะว่ากลัวจะมีการแยกเรื่องานกับเรื่องส่วนตัวกันไม่ออกขึ้นมาน่ะ"
   นัทมองสาพลางทำหน้าอมยิ้มเบาๆก่อนจะมองไปยังรูปตัวเองสวมกางเกงในสีขาวตัวจิ๋วที่อยู่บนผนัง Exhibition ของสาที่กำลังเรนเดอร์ในคอม
   “ไหนแกบอกว่ากายเค้ายืนยันแล้วไงว่าไม่มีอะไรระหว่างเขากับยัยนั่นแล้ว" สาพูด
   “เขาไม่แคร์อะไรนอกจากความคิดตัวเองหรอก" นัทพูด "ดังนั้นถึงเขาคิดว่าเขาไม่มี ก็ไม่ได้หมายความว่า คนอื่นจะไม่มีเหมือนกัน และก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะไม่มีผลกับฉันนะสา ฉันรู้จักกายดี"
   “โอ้" สาร้องเบาๆอย่างไม่เชื่อหู "รู้จักดีเลยเหรอ"
   นัทหันไปมองเธอทันที
   “ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น คือ....ฉันแค่"
   “เอาเหอะๆ ฉันไม่ได้สนใจเรื่องนั้นหรอก" สาว่า "ว่าแต่แกเถอะ แกจะตั้งป้อมกลับจริงๆน่ะเหรอ"
   นัทมองออกไปพลางคิดอยู่ครู่หนึ่ง
   “ก็ในเมื่อกายเค้าไม่ทำอะไรอ่ะ ฉันก็จะไม่ยอมอึดอัดเว่ย" นัทว่า "ถ้าเค้าอยากให้ฉันสบายใจเมื่ออยูกับเค้า นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่เค้าต้องทำ"
   สาถอนหายใจหนึ่งครั้งก่อนจะลุกขึ้น
   “จะไปไหนอ่ะ" นัทว่า
   “ฉันจะออกไปตามเรื่องของตกแต่งบู๊ท" สาพูดพลางเก็บข้าวของ "ตอนนี้คนทั้งออฟฟิศก็กำลังวุ่นๆกับการจัดบู๊ทของที่นี่อีกบู๊ทด้วยไง"
   “แต่ฉันว่าไม่ใช่ว่ะ แกยังเรนเดอร์งานไม่เสร็จเลย" นัทว่า "มีอะไรก็พูดมา"
   สาหยุดกึก
   “แกไม่ฟังฉันหรอก พนันสิ" สาว่า "ถ้าแค่อยากรู้ว่าฉันจะพูดอะไรก็จะบอกให้ หนึ่งเลยนะ ตอนนี้แกกำลังต้องเวทย์มนต์พ่อมดคนนี้อย่างเต็มเปาเลยเพื่อน ซึ่งแกอาจจะไม่รู้ตัวว่าแกก็ได้กลืนคำพูดตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว ข้อสอง เรื่องของเจน ฉันจะอยากจะให้แกระวังไว้ให้มาก เราไม่รู้ตื้นลึกหนาบางเรื่องนี้ เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผุ้หญิงคนนั้นเป็นยังไง ถ้าแกจะทำอะไร ก็อยากให้แกระวังด้วย เพราะคราวนี้ มันมีบุคคลที่สามเข้ามาแล้ว และก็ไม่ใช่คนในกลุ่มเราเหมือนคราวของมิกนะ"
   “แล้วแกจะให้ฉันทำยังไงล่ะ" นัทถาม
   “ถ้าเป็นฉัน ฉันก็อยู่เฉยๆ คนเรามันจะสบายใจไปทุกเรื่องได้ยังไงถ้าต้องใช้ชีวิตอยู่กับคนอื่น โดยเฉพาะคนที่เราให้ความสำคัญด้วย" สาว่า "มาร์คก็ทำเรื่องที่ฉันไม่สบายใจหลายเรื่อง เที่ยวสังสรรค์ ถ่ายนู๊ดกับสาวๆ ฉันไม่สบายใจกับเรื่องพวกนี้ แต่ถ้าคบแล้วอะไรถอยได้ก็ถอย อะไรปรับได้ก็ปรับ แต่ถ้าอะไรปรับไม่ได้ ก็ต้องทำใจเอา"
   “แกอย่างนั้นเหรอ" นัทว่า
   “ใช่ แต่ฉันไม่รู้ว่ามันจะใช้กับเรื่องนี้ได้หรือเปล่านะ แต่ว่าสำหรับฉันน่ะเจนเค้าก็ยังไม่ได้ทำอะไรที่ดูเป็นการแอนตี้แกขนาดนั้นสำหรับฉัน" สาว่า "แต่ก็ไม่รู้อ่ะ ฉันเองก็ไม่เห็นอย่างที่แกเห็นนี่นา ก็อย่างที่ยอก แกไม่ฟังฉันหรอกพนันสิ"
   สาว่าพลางเดินออกจากสตูดิโอ
   “จะทำอะไรก็ระวังๆแล้วกัน เดี๋ยวแกก็จะดังแล้ว ประกบกับกายแล้วกเจนด้วย" สาว่าทิ้งท้าย "ทีนี้ล่ะ งามหน้าฉาวโฉ่ทั้งวงการแน่"
   นัทมองสาเดินออกจาสตูดิโอไปก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ สาพูดถูก ทันทีที่งาน B.A.D Night จบลงเขาจะเป็นที่รู้จักของคนในวงการมากขึ้น ซึ่งนั่นมันหมายถึงการวางตัว และอื่นๆอีกมากมายซึ่งเป็นสิ่งที่นัทเกลียดมากที่สุด เขาสะบัดหัวไล่ความคิดของเขาออกไป มันไม่มีทางที่เขาจะเป็นจูเนียร์ดีไซน์เนอร์ไปตลอดหรอก จุดเปลี่ยนของชีวิตมันต้องมาเข้าซักวันอยู่แล้ว
   เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นนัทมองไปยังหน้าปัดที่ปรากฎเบอร์ที่เขาไม่คุ้น หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับทันที
   “นัทเหรอคะ" เสียงที่เขาแทบไม่ต้องเดาดังขึ้นที่ปลายสาย
   “ครับ ไม่ทราบว่านั่นใครครับ" เขายอมรับว่าตัวเองโกหก เขาแค่ลองถามดูเผื่อว่าคำตอบจะไม่ใช่ตามที่เขานึก
   “เจนเองค่ะ" เสียงนั้นตอบรับ
   “อ้อ สวัสดีครับ" นัทว่า "ได้เบอร์ผมมาได้ยังไงครับเนี่ย"
   “แหม คุณนัทคะ ไม่น่าถามเลยนะคะ" เจนว่าเสียงแหลมเล็ก
   “อ่อครับ" นัทว่า "แล้วคุณเจนโทรมามีอะไรคะ"
   “มานัดซ้อมค่ะ" เจนว่า "วันพรุ่งนี้คุณนัทต้องมาซ้อมเดินแบบพร้อมกับคนอื่นๆที่โรงแรมตอน 10 โมงเช้านะคะ สพดวกไหมเอ่ย"
   “แหม คุณเจนครับ ไม่น่าถามเลยนะครับ" นัทว่า "ยังไงผมก็ต้องว่างอยู่แล้วล่ะครับ"
   “ค่ะ งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะคะคุณนัท บายค่ะ.........กาย เจนบอก.....”
   เสียงโทรศัพท์ตัดไปทันที นัทดึงออกจากหูพลางมองที่หน้าปัดทันที
   นี่อยู่ด้วยกันหรอกเหรอ....
   แล้วทำไมไม่โทรมาบอกเองฟระ!!!!
   ทันใดนั้น นัทไม่รู้เหมือนกันว่า มันคืออารมณ์อะไร แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ทีไร กลยุทธ์การเอาคืนก็ผุดขึ้นมาในสมองของเขาร้อยแปดพันเก้าวิธีทันที
….....

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
….....
   “ไม่มีอะไรต้องกังวลหรอกน่า" มิกพูดขณะที่อาหารยังอยู่เต็มปาก เมื่อคุยโทรศัพท์กับสา "แกกังวลมากไปหรือเปล่า"
   “ฉันเป็นห่วงมันว่ะมิก เอาจริงๆนะ ฉันว่าถ้ากายเค้าทำแบบนี้ เดี๋ยวไอ้นัทมันแผลงฤทธิ์ขึ้นมาแล้วจะเกิดเรื่องน่ะสิ" สากว่าว "แกจำตอนปีสามไม่ได้เหรอ ที่มันแก้เผ็ดสโมที่ยืมตังค์ชมรมถ่ายรูปไปแล้วไม่คืนด้วยการ คิดดอกเบี้ยน่ะ"
   “เหอๆ ที่ตอนนั้นพอสโมไม่มีจ่ายคืนชมรมเรา มันก็ออกไปจัดงานแสดงภาพถ่ายข้างนอกเอง แล้วพอได้เงินบริจาคมาก็ไม่คืนส่วนที่เบิกสโมแล้วบอกว่านี่คือดอกเบี้ยใช่มะ" มิกว่าพลางหัวเราะ "เรื่องนั้นฉันยุมันเองแหละเอาจริง"
   “จะยังไงก็ตามเหอะ แต่แกก็ต้องรู้นะว่าตอนนี้มันกำลังเอาตัวเองขึ้นไปหาสังคมของคุณกายเขาอ่ะมิก ถ้าเกิดมันทำอะไรพลาดไปแล้วต้องร่วงลงมาล่ะ" สาว่า
   “มันเลือกแล้วนี่" มิกพูด
   “ไหนแกบอกว่าแกจะไม่ทิ้งมันไง" สาถาม
   “ฉันจะดูแลมันเว่ย แต่ในฐานะเพื่อนรักเท่านั้น" มิกว่า "สา แกอ่ะอย่าเพิ่งไปตื่นเต้นสิ ยังไม่ทันจะออกดอกเลย แกก็กำนดสีมันซะแล้ว ใจเย็นแม่คุณ แค่นี้นะจะกินข้าวว่ะ"
   “เดี๋ยวก่อน แล้วแกจะกลับเข้าออฟฟิศหรือเปล่า" สาถาม
   “ไม่อ่ะ เจอกันที่งานวันพรุ่งนี้เลย ฉันต้องไปจุฬา" มิกว่า
   “ไปทำไม" สาถาม
   “เหอะน่า แค่นี้นะคุณเธอ" มิกกดวางโทรศัพท์ลงโดยไม่สนใจว่าสากำลังพูดก่นด่ามิกที่ทิ้งให้เธอเป็นที่ปรึกษานัทโดยลำพังอยู่ที่ออฟฟิศ มิกส่ายหัวให้กับแม่กระต่ายตื่นตูมเพื่อนรักของเขาก่อนจะก้มหน้าก้มตาทานข้าวต่อไป ตอนนี้เขาอยู่ที่นั่งอยู่ที่ใต้ต้นไม้หน้าคณะสถาปัตยกรรมและการผังเมืองของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอยู่พักหนึ่งแล้วพร้อมกับข้าวกล่องหนึ่งกล่อง
   “มาแล้วพี่มิก" เสียงของเอิร์ธดังขึ้น พลางนั่งลงที่ข้างตัวของมิกทันที
   “เสร็จเรื่องแล้วเหรอ" มิกถามขึ้น
   “ใช่พี่ ไม่มีอะไรหรอก แค่มาเอาของที่สตูนิดหน่อย" เอิร์ธว่า "แล้วพี่ออกมาแบบนี้พี่สาไม่ว่าเอาเหรอ"
   “ช่างเขาดิ" มิกว่า "แฟนขอให้มาส่งก็ต้องมาอยู่แล้ว"
   “หึหึ" เอิร์ธยิ้มพลางหัวเราะ “ไปเหอะพี่ ป่านนี้ที่หอเรียบร้อยแล้วล่ะ"
   มิกลุกขึ้นเดินออกจากใต้ร่มไม้นั้นไปพร้อมกัน ก่อนจะพาเอิร์ธขึ้นนั่งแทนที่ตำแหน่งของนัทของไอ้เต่าทอง
   “มันไปทางไหนนะ ลืมไปแล้ว" มิกว่าขณะออกตัวรถ
   “มันอยู่ตรงข้ามมาบุญครองพี่" เอิร์ธตอบ
   ไอ้เต่าทองในวันนี้ นอกจากจะพามิกโดดงานใหญ่ที่ใกล้เข้ามาทุกทีมาอย่างไม่จำเป็นแล้ว มันยังทำหน้าที่เป็นรถบรรทุกขนของย้ายสัมภาระของเอิร์ธออกจากหอพักของมหาวิทยาลัยของตัวเอง ใช่แล้ว เอิร์ธทำเรื่องขอออกจากหอพักแล้ว และกำลังจะไปอยู่ที่ใหม่ ซึ่งก็ไม่ใช่ที่ไหน บ้านของมิกเอง
   เรื่องของเรื่องมันก็เกิดขึ้นจากการโกหกของเอิร์ธกับแม่เมื่อสามคืนก่อน สาเหตุที่แม่ของเอิรืธอยากจะมาหาลูกนักหนาในวันหยุดสุดสัปดาห์นั่นก็เพราะว่า คุณแม่และน้องสาวของเอิร์ธจะไปเยี่ยมคุณพ่อที่อังกฤษตลอดเวลาปิดภาคฤดูร้อนที่เหลืออยู่นี้ คุณแม่ของเอิร์ธแค่จะมาร่ำลาลูกชายก่อนจะไป และบอกว่าบ้านก็คงจะล็อคแน่นหนา แล้วถ้าลูกชายต้องการอะไรจากบ้านก็ให้รีบไปเอาเพราะจะไม่มีใครอยู่บ้านแล้ว ซึ่งเจ้าเอิร์ธก็อาศัยโอกาสนี้ออกากชีวิตเดิมๆ ย้ายไปสู่ชีวิตใหม่ทันที ซึ่งมันก็ไม่ใช่ที่ไหนอื่นไกล บ้านของมิกนั่นเอง
   เจ้าเต่าทองวนรถมาเอาของที่เอิรืธวานให้เพื่อนช่วยแพ็คใส่กล่องให้เป็นรอบสุดท้ายและเอาลงมาข้างล่างเรียบร้อยแล้วขึ้นรถ เอิร์ธรับเงินประกันหองวดสุดท้ายก่อนจะอันตรธานหายไปจากหอพักนั้นทันทีโดยไม่ให้แกงค์เพื่อนๆของเจ้าตัวได้ทันร่ำลา
   “ทำไมของน้องจังวะ สองรอบเอง" มิกถามขึ้นขณะบึ่งรถไปสู่ถนนเจริญกรุง
   “ผมไปๆมาๆบ้านบ่อยอ่ะพี่ ไม่ได้มีอะไรอยู่ที่หอจริงจัง นอกจากเสื้อผ้าสำรองแล้วก็หนังสือเรียนกับอุปกรร์เครื่องเขียน" เอิร์ธว่า "ส่วนโต๊ะดราฟผมก้อยู่บ้านอ่ะ แต่ตอนนี้ผมก็ใช้ของพี่ได้ใช่ป่ะ"
   “แหม่ไอ้นี่ วางแผนในหัวไว้เสร็จสรรพแล้วนี่" มิกว่า
   “ก็พี่มิกเคยบอกว่าที่บ้านพี่มีโต๊ะดราฟสองตัว มีของพี่กับของพี่นัท" เอิร์ธว่า
   “ใช่ อันของพี่เป็นดราฟไฟ แต่ของนัทมันเป็นอันสมัยเรียน ไม่ใช่ดราฟไฟนะ" มิกตอบ "เราใช้อันนั้นไปก็แล้วกัน"
   “ค้าบ แค่พี่ให้ผมมาอยู่ด้วย ก็ดีใจแล้ว" เอิร์ธว่า
   มิกอมยิ้มขณะที่แลี้ยวรถเข้าเยาวราช
   “ว่าแต่ แน่ใจนะว่าจะไม่มีปัญหาน่ะ" มิกว่า
   “ไม่หรอกพี่ ผมตัดสินใจแล้ว" เอิร์ธว่า
   “แล้วถ้าที่บ้านกลับมาล่ะ" มิกถาม
   “ผมก็จะได้บอกเขาไปเลย เรื่องที่ผมเป็นอยู่" เอิร์ธว่า มิกหันไปมองตาถลนทันที
   “บ...บ....บอกว่าอะไร"
   “ก็บอกว่าผมขอออกมาใช้ชีวิตเองซะทีไงพี่" เอิร์ธว่า
   “อ่อ" มิกพ่นลมออกเบาๆ
   “ผมอ่ะ เลือกเรียนก็ต่างจากที่ที่บ้านหวังเอาไว้แล้วอ่ะ" เอิร์ธว่า "ผมก็เลยต้องทำเลย ไม่อย่างนั้น ผมจะไม่ได้อิสระ อย่างที่สายงานนี้ควรจะเป็น"
   “นี่นายคิดว่าการเป็นดีไซน์เนอร์จะได้อิสระมากขนาดนั้นเลยเหรอ" มิกถาม
   “แล้วทำไมจะไม่ได้ล่ะพี่" เอิรืธถามต่ออีก
   “ก็ถ้าวันนึง เราเป็นที่รู้จัก การวางตัวก็เป็นเรื่องที่สำคัญนะ" มิกตอบ "ไม่มีอิสระที่แม้จรองหรอก"
   “งั้นผมขอลองหามันดูแล้วกันนะพี่" เอิร์ธว่าพลางก้มลงกดบีบีตามประสา มิกถอนหายใจครั้งหนึ่งก่อนจะขับรถต่อไป บางทีเขากับเอิร์ธอาจจะยังต้องเรียนรู้อะไรกันอีกมา ซึ่งนั่นถูกต้องทีเดียว เพราะนี่มันเพิ่งเป็นการเริ่มต้นเท่านั้น
…..........
   “ฉันว่านายดูเหนื่อยๆนะ" มาร์คโยนขวดน้ำให้นัทที่ด้านหลังเวที ตอนนี้ทั้งคู่อยู่ที่โรงแรมเซ็นทารา การซ้อมเดินแบบเป็นไปอย่างหนักหน่วง เจนจิรากำกับงานนี้อย่างมืออาชีพจริงๆ เธอมีทีมที่ไว้ใจได้ แม้ว่าเธอจะต้องเดินแบบเองด้วย แต่ทีมของเธอก็สามารถสร้างงานที่เป็นไปดังใจได้ราวกับเธอลงมือกำกับเอง และเมื่อถึงจุดจุดนี้ นัทก็เบื่อแล้วกับการจะลุกขึ้นมาแย้งใดใด ถึงมันจะเป็นงานของเขากับกายก็ตาม แต่เขาก็เลือกเองที่จะลงมาเป็นนายแบบ ดังนั้น เขาหมดสิทะ์ออกความเห็นแล้ว ในการทำงานเพื่อปิดฉากครั้งนี้ เขาเพียงแค่รอเสียงปรบมือเมื่อชื่อเขาถูกประกาศเท่านั้น
   “นายฟังฉันอยู่หรือเปล่านัท" มาร์คถามขึ้นเอง
   “ฟังสิ ฟัง มีอะไร" นัทถาม
   “อ้าว เออ ช่างมันเถอะ" มาร์คส่ายหัว "ฉันว่านายดูไม่มีสมาธิมีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า กับ....”
   มาร์คพยักเพยิดไปทางกายสิทธิ์ที่กำลังยิ้มกว้างอย่างเป็นสุข อยู่กับเจนจิรา บอส และคณะกรรมการจัดงาน B.A.D. Award นัทถอนหายใจหนึ่งครั้ง
   “อ่อ" มาร์คร้องออกมาเบาๆก่อนจะดื่มน้ำ
   “อะไรของนายวะ" นัทว่า
   “เอ๊า ไหงมาหงุดหงิดใส่ฉันเล่า" มาร์คว่า "ก็เห็นนายไม่มีสมาธิ ได้ยินมาว่าไม่อยากให้คุณเจนเขาเกทับไม่ใช่เหรอ ไหงไม่ตั้งใจให้ดีล่ะ"
   “ทำตัวเป็นสาอีกคนแล้วนะนายอ่ะ" นัทเขม่นใส่
   “ก็เป็นห่วงนายเหมือนที่รักนั่นแหละ" มาร์คว่า "ฉันว่านายอ่ะ ใจเย็นๆไว้ก่อนดีกว่า มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก เชื่อสิ"
   “รู้ได้ไง" นัทย้อน
   “ก็มันเป็นเรื่องของคนสองคนไง" มาร์คว่า
   “บางครั้งเรื่องของคนสองคน ก็มีคนอยากรู้ถมเถไปนะ" นัทว่ากลับ "ตอนคบกับสาใหม่ๆ ตอบนักข่าวว่าอะไรล่ะ แค่เพื่อน ป่ะ ถ้าจำไม่ผิด"
   “เห้ย นั่นมันเทคนิคทางการตลาด" มาร์คว่า "มันต้องดูตลาดก่อนจะวางแผงนี่ แต่นี่มันไม่เหมือนกัน นายสองคนวางแผงไปแล้ว จะทำอะไรก็ต้องระวัง มันไม่ได้เริ่มต้นใหม่นา"
   “พูดอะไรของนาย" นัทว่า "ไม่เข้าใจว่ะ"
   “ดูนั่นดิ" มาร์คชี้ไปยังจุดที่นัทไม่อยากมองที่สุดตั้งแต่มาถึง จุดที่กายและเจนยืนอยู่คู่กัน "นั่นมันอัลบั้มเวอร์ชั่น Official ที่วางแผงไปแล้ว"
   “มาร์ค" นัทพูดด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก
   มาร์คยักไหล่
   “ก็คนเขารู้กันแบบนี้นี่" มาร์คพูดก่อนจะเดินจากไป นัทก้มหน้าลง "เลิกเพ้อ แล้วก็กลับมาซ้อมได้แล้วเพื่อน"
   มาร์คตะโกนใส่จากด้านหลังเวที นัทสะดุ้งทันที
   ใช่สินะ เขาต้องรู้ตัวได้แล้วว่ากำลังทำอะไรอยู่......
   กายกำลังทำให้เขาทำตัวเป็นเด็กงอแง และมันจะเป็นอย่างนั้นไม่ได้ กับดีไซน์เนอร์ไฟแรงอย่างนัท......

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด