เดท..แรกในร้านกาแฟที่อยู่เลยมหาลัยไปซักกิโล.. ร้านกาแฟริมทะเล .. (เอ๊ะมหาลัยอะไรหว่า?) ท่านเจี้ยวทอดสายตามอง
ไปยังผืนน้ำนิ่งตะวันที่คล้อยบ่ายสาดแสงมาที่ระเบียงแต่เพราะมีไม้ฝากั้นให้แสงลอดแต่พอสว่าง
ภายในร้านตกแต่งเป็นโทนสีฟ้าขาว ห้องแอร์ที่เย็นช่ำผิดบรรยากาศข้างนอกทำให้ท่านเจี้ยวต้องกระชับวงแขนกอด
ตัวเองลูบถูที่ต้นแขนแกร่งไปมา..
ใจลอยนึกไปไหนก็ไม่รู้..
..
"เหี้ยเจี้ยวมึงหนาวไมไม่บอกกูห๊าไอ่สัส"
พูดจบเสื้อกันหนาวขนเฟอร์ก็ลอยมาโปะหัวท่านเจี้ยว
"ส่งให้กูดีๆก็ได้ไอ่ฟาย... แล้วมึงไม่หนาวหรอนั่งกอดเข่าตัวสั่น เอาคืนไปเหอะกูตัวหนากว่ามึง อย่ามาทำป๋ากะกูไอ้
ร่างบางเอ๊ย"
ท่านเจี้ยวเถียงพลางโยนเสื้อกันหนาวขนเฟอร์กลับไป.. ท่านเซียนรับกลางอากาศแล้วคนที่เพิ่งโยนกลับก็นั่งสั่นเหมือน
เจ้าเข้าต่อไป.. มองเจ้าของเสื้อที่เพิ่งโยนให้เขาแต่เขาก็โยนกลับ
เห๊ออ.. อย่างน้อยน่าจะเถียงซักนิดว่า ไม่เอา เอาไปเถอะกูไม่ค่อยหนาวอะไรทำนองนี้
แต่นี่ไม่เลย .. พอท่านเซียนรับปุ๊บก็เอามากอดเฉ๊ย
"ไมมึงไม่ใส่อ่ะ.."
ท่านเจี้ยวสงสัย ..
"ก็มึงไม่ใส่ กูก็ไม่ใส่ จะได้เท่าเทียม กูเลยเอามากอดไว้นี่แหละ"
ทำไมถึงหนาวขนาดนี้น่ะหรอ .. เหตุการณ์ครั้งนั้นจำได้ว่า ท่านเจี้ยวกับท่านเซียนมาออกค่ายบนเขาตอนปี 2.. แต่พลัด
หลงกับพวกเพื่อนๆที่มาหาฟืนไปทำอาหารมื้อเย็น เลยทำให้ต้องหาที่นอนหลบลมหนาวและสัตว์ป่าในเวลาดึก แต่ก็ช่าง
คิดนะท่านเซียน ใส่ขนเฟอร์เข้าป่าไปหาฟืน (?)
"ไมมึงใส่ขนเฟอร์เข้าป่าวะ.. "
คนสงสัยถามอีกคนที่นั่งจุมปุกกอดเสื้อในอก
"ก็มันพลางตัวได้ไง.. มึงดูขนดิ มันเหมือนกับขนสิงโตดี เวลามีสัตว์ร้ายพอมาเห็นขนมันก็จะเป็นการข่มไปในตัวไง
ฟายยยยยยยยยยยยยยย"
ท่านเซียนด่ายาว ต่อด้วยหัวเราะชอบใจ มองท่านเจี้ยวที่นั่งสั่นกว่าเดิม บางทีก็กระตุกสะดุ้งพร้อมพูดว่าขนลุกๆ
ท่านเซียนกลอกตาไปมาคิดอะไรอยู่ในหัว
"อ้อ!!"
คนที่กลอกตาสะดุ้งเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ ซักพักก็ลุกขึ้นมานั่งข้างๆท่านเจี้ยวที่นั่งสั่นอยู่
"กูรู้แล้วว่าทำไงถึงจะเท่าเทียม"
ท่านเจี้ยวหันหน้าไปถาม .. ก่อนเสื้อขนเฟอร์จะถูกโยนอัดเข้ากับหน้าอีกที
"มึงเอาเสื้อกูไปกอด"
"หา??"
งงดิ .. อยู่ๆมาให้ท่านเจี้ยวกอดเสื้อ
"ก็เอาไปกอดไงเร็วดิเชี่ยกูหนาว"
ท่านเจี้ยวเลิกคิ้วสูงทันที แต่ก็ทำตามที่ท่านเซียนบอก .. พอเสื้อขนเฟอร์เข้าสู่อ้อมอกท่านเจี้ยวปุ๊บก็รู้สึกถึงแรงกดทับ
จากด้านหลัง พอก้มมองก็เห็นแขนที่สอดมาด้านหน้าโอบเสื้อกันหนาวในอ้อมกอดของท่านเจี้ยว..
ถูกกอดจากด้านหลัง... ??
"เห่ยกอดกูไม?"
"อ๊าว" ท่านเซียนส่งเสียงสูง "เท่าเทียมไงมึง มึงกอดเสื้อของกู กูก็กอดเสื้อกูที่อยู่ในกอดของมึง"
งง.. อ่าว งงดิสัส
"งงเหี้ยไรไอ้เจี้ยว"
"ก็มึงกอดกูอยู่ชัดๆ"
ท่านเจี้ยวหันหน้าไปถามท่านเซียนที่ห่างกันแค่คืบกว่าๆ.. ไอร้อนเบาๆแผ่ซ่านทั่วใบหน้าของกันและกัน
" K กูไม่แต๊ะอั๊งมึงหรอกไอ้เจี้ยว ดูมือกูด้วย มือกูวางบนเสื้อกูเหอะ"
ท่านเซียนเถียงอย่างไม่ลดละ .. เพราะแขนขาที่ยาวกว่าทำให้โอบร่างท่านเจี้ยวได้รอบ กล้ามเนื้อน้อยแต่ใช่ว่าจะไม่มี
ดูเหมือนว่าสองคนนี้เคยงัดข้อแข่งกัน แล้วผลที่ออกมาคือ .. ท่านเซียนชนะ ตัวแห้งแต่แรงควายก็เพิ่งเคยเจอท่านเซียน
นี่แหละ ท่านเจี้ยวที่ดูล่ำสันนิดหน่อยพอสมสวนแต่ถ้าเทียบกันแล้วสองคนนี้มีในอีกอย่างที่อีกคนไม่มี ท่านเซียนสูงชลู่
ไหล่กว้างเอวบางแขนยาวขายาวเกือบร้อยแปดสิบเจ็ด ส่วนท่านเจี้ยวพอมีกล้ามเนื้อสูงก็ปกติทั่วๆไป ร้อยเจ็ดสิบปลายๆ
แค่พอมีกล้ามเนื้อเท่านั้น แต่ถ้าให้เปรียบเทียบกัน ท่านเจี้ยวก็คงจะดูมีเยอะกว่า .. นิดนึง -_-
"ตัวมึงเย็นเจี๊ยบเลยวะไอ้เซียน"
ท่านเจี้ยวเห็นท่านเซียนเงียบไปก็เอ่อทัก ก่อนจะได้เสียงตอบกลับมาเป็นแค่ลมหายใจเบาๆ เลยหันหน้าไปมองให้ชัดๆ
ว่าหลับแล้วอย่างนั้นหรอ
..หันไปก็เห็นดันเผลอสบตากันเข้าพอดีในระยะประชิด
"อ่าว นึกว่าหลับ"
คนฟังไม่ได้พูดอะไรแต่ยังจ้องนิ่งอยู่แบบนั้น
"เห่ย เป็นไรวะ หลับในหรอ"
เงียบ .. เหมือนเดิม ยังจ้องอยู่เหมือนเดิมตาไม่กระพริบ .. สงสัยจะหลับใน ท่านเจี้ยวยิ้มมุมปาก
"หลับจริงดิ... อ้าาาา ปู๊ดๆๆ"
พอถามแล้วไม่ตอบ ท่านเจี้ยวเลยเป่าปากใส่หน้าท่านเซียนประสงค์ให้กลิ่นปากตัวเองทำร้ายคนตรงหน้า
"อื้ม อุ่นดี .. เป่าอีกดิ"
ท่านเจี้ยวคึก เลยเป่าปู๊ดๆใส่หน้าท่านเซียนก่อนจะระเบิดหัวเราะ
"กูไม่ได้แปรงฟันตั้งแต่เมื่อวานนะเว่ยเหี้ย นี่มึงจมูกบอดหรอ"
ท่านเซียนยิ้มบาง..
"กูเป็นภูมิแพ้ ตอนนี้กูหายใจไม่ออก กูเลยไม่ได้กลิ่น เป่าอีกสิ อากาศมันหนาวกูหายในไม่ได้เลย"
อ่าว..เวร มิน่าล่ะ
ท่านเจี้ยวเห็นท่านเซียนไม่ได้ทักอะไรเรื่องกลิ่นปาก เลยค่อยๆเป่าลมใส่หน้าท่านเซียนเบาๆ ไอร้อนกระทบหน้า
ท่านเซียน.. ก่อนจะก้มซุกมันลงที่ท้ายทอยท่านเจี้ยว
"เหี้ย....กูจั๊กกะจี้.."
ท่านเจี้ยวพูดเบาๆ..จ้องเสื้อขนเฟอร์ในอ้อมกอด
"กูหายใจไม่ออกจริงๆ ตรงนี้อุ่นดี ตัวมึงก็อุ่น ขอคิดค่าเสื้อที่มึงกอดอยู่หน่อยแล้วกัน"
ได้ข่าวว่าหมาตัวไหนวะปาใส่ท่านเจี้ยวแถมบังคับให้กอด
ด้านหลังสั่นจนรู้สึกว่าคนที่กำลังกอดพูดอะไรอู้อี้อยู่ซักอย่าง ท่านเจี้ยวตั้งใจฟัง .. แต่มันไม่ใช่ประโยคพูด
กลับเป็นเสียงหายใจที่ดูติดขัดจนน่ากลัว..
ท่านเจี้ยวไม่รู้จะทำอย่างไร เลยแหงนเอนหัวไปพิงหัวคนด้านหลัง ยกมือขึ้นลูบหัวคนหลังเบาๆ ลากจนมาถึงต้นคอ
ที่ยังร้อนผ่าวอยู่ของคนข้างหลัง ก่อนจะใช้มืออีกข้างจับมือเย็นๆที่ซุกอยู่ในเสื้อขนเฟอร์
..บีบมันแน่
ก่อนจะเอนกายไปหาคนหลังน้อยๆให้ความอบอุ่นแผ่ซ่านผ่านกายทั้งสองให้รอดพ้นคืนอันหนาวเหน็บนี้ไปให้ได้
ภาวนาเฝ้ารอการกลับมาของพระอาทิตย์ในยามอรุณ
.........
"พี่เจี้ยว"
"เอ่อ.. ครับๆๆ" คนถูกเรียกถึงกับสะดุ้ง
"พี่หนาวหรอ เราย้ายไปนั่งข้างนอกก็ได้นะครับ"
ท่านเจี้ยวยิ้มแหะๆ โบกไม้โบกมือ
"ไม่เป็นไรๆ อ่าวขนมปังมาแล้ว กินสิๆ เดี๋ยวมันจะเย็นก่อน พอมันเย็นแล้วมันแข็งด้วยนะของร้านนี้น่ะ"
"คร้าบบ~"
คนขานรับหยิบจานรองมาวางตรงหน้าก่อนจะหยิบซ่อมจิ้มลงที่ขนมปังแล้วจุ่มลงที่นมสด..
"เอ..พี่เจี้ยวกินอเมริกาโน่ด้วยหรอครับ"
... อเมริกาโน่ ท่านเจี้ยวที่กำลังจะยกกาแฟอุ่นๆขึ้นจิบ เสียงใสๆของเด็กเป้ก็เอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัยเมื่อกาแฟอีกแก้ว
วางอยู่ข้างๆท่านเจี้ยว
ปกติถ้าได้มาที่ร้านนี้ ต้องสั่ง เอสเปรสโซ่ คู่กับอเมริกาโน่เสมอ ..
..
..
"เปล่า .. คือ"
"??"
"พี่สั่งผิดน่ะ.."
ใช่ .. แก้วนั่น
... ทุกครั้งที่มาด้วยกัน
ก็จะกินคู่กัน ..
เอสเปรสโซ่ ของท่านเจี้ยวและ .. อเมริกาโน่จะเป็นของใครไปไม่ได้นอกจาก
...
ท่านเซียน...
ถ้าการมากันสองต่อสองเรียกว่า
เดท งั้น"กู"กับ"มึง คงเดทกันมาสามปีแล้วสินะไอ้เซียน..
+++++++++++++++++++++++++++++
รอกันเยอะเหมือนกันนะเนี่ย
ไอ้ผมก็คิดว่าแค่ 5 คนก็เยอะแล้วนะ นี่รอกันเป็นพวงๆ (?)

ตอนนี้ ย้อนอดีตที่ไม่เคยพูดถึง .. อิอิ สองคนนี้มีที่มาโคตรจะกุ๊กกิ๊ก แต่คำว่าเพื่อนมันติดคอ~

อ๊ากๆๆๆ
เอาอีกตอนปะ? ..

ถ้าจะเอาอีก พิม คำว่า zhiki ท้ายคอมเม้น แปลว่านั่นหมายถึงจะรอเอาอ่านตอนต่อไปในคืนนี้ เกิน.. 5 คน
จะได้อัพต่อ

ส่งสัญญาณมาล่ะ ถ้าครบปุ๊บ ผมจะใช้นิ้วเร่งพิมพ์ต่อทันที!!!~
ขอบคุณทุกท่านที่รอเน้อ
