*ตะกี้พิมพ์ชื่อผิด =[]= ใครอ่านแล้วงง เจอคำชี้แจ้งนี้เข้าใจใหม่ด้วย ตอนนี้พูดถึงท่านเซียนนะ
โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง ตะกี้พิมพ์ชื่อผิด =[]= ใครอ่านแล้วงง เจอคำชี้แจ้งนี้เข้าใจใหม่ด้วย ตอนนี้พูดถึงท่านเซียนนะ .. แต่ตอนนี้แก้แล้วล่ะ ...
เอ็นบางๆเส้นสุดท้ายในห้องที่ไม่ได้เปิดไฟ.. ไม่มีแสงใดลอดผ่านเข้ามาจากหน้าต่าง ท่านเซียนที่นอนพิงหัวเตียงอย่างตายอดตายอยาก
ทอดสายตาไปที่ของสิ่งหนึ่ง..
มันเป็นสมุดเล่มหนาแล่มสีน้ำตาลอ่อนขอบทองริบบิ้นที่โผล่พ้นออกมาใต้หนังสือ แต่ที่ละเลยไม่ได้คือตัวอักษรที่
เขียนอยู่ที่หน้าปก
DIARY..
ของไร้สาระพันธุ์นั้นอยู่ในห้องชายโสดที่วันๆเอาแต่ฟันแล้วทิ้งได้อย่างไร? แน่นอน..ใครจะวิปริตซื้อมาตั้งวางไว้ที่
บนชั้นโชว์เหนือโทรทัศน์จอแบนสามมิติ แม้ตัวรูปเล่มจะสวยแค่ไหน แต่มันก็ไม่น่าจะเข้ากับคนอย่างเขาได้..
...
...
จับบัดดี้..
พูดถึงคำนี้แล้วคุณนึกถึงอะไร?
ของฝากใช่มั๊ย ...... นั่นล่ะ คือที่มาของไดอารี่เล่มนั้น
โป๊กกกกก
สันหนังสืออะไรซักอย่างเขกลงบนหัวท่านเซียนอย่างแรง
"บัดดี้มึงฝากมาให้ว่ะ"
คนพูดจบก็ยื่นอะไรซักอย่างมาให้ท่านเซียนที่หันหลังอยู่ไม่ได้สนใจจะรับเท่าไหร่แต่ก็ยื่นมือออกมารอแบบส่งๆ
พอวางบนมือเท่านั้นแหละ ของสิ่งนั้นร่วงทั้นทีเพราะน้ำหนักไม่ใช่น้อยๆ
"ไอ้เหี้ยของบัดดี้มึงนะ!"
"เออ ของบัดดี้กู ไม่ใช่ของมึงซักหน่อยไอ้เหี้ยเจี้ยว"
ท่านเจี้ยวที่ฟังก็ยิ้มกริ่ม
"มายยยยย ถ้าเป็นของกูแล้วมึงจะทามมายยยยยยย"
ท่านเจี้ยวล้อเลียน แต่ท่านเซียนก็สวนขึ้นท่านที
"เผาทิ้ง"
=_=..... หน้าท่านเจี้ยวตาซ้อนขึ้นสามสีชั้นลูกตาลอยเติงเกิบติดคิ้ว
"ของกูมันดูเลวร้ายขนาดนั้นเลยหรอ"
ท่านเซียนก้มลงไปหยิบไดอารี่เล่มหนาสีน้ำตาลเข้มขึ้นมาวางบนกระเป๋าเป้ตัวเอง
"ไม่เลวร้ายหรอก.."
ท่านเจี้ยวมีสีหน้าดีขึ้น
"แค่กลัวว่าถ้าเก็บไว้ก็จะเป็นเสนียดจัญไร ยิ่งไว้ใกล้ตัวนานเกิดห้านาทีสงสัยผีสางคงจะเข้าสิงกู"
หน้าหดเหลือสองมิลทันที ไรวะ... ขนาดนั้นเลยหรอ ขนาดนั้นเลยจริงดิ!!
ท่านเซียนยกไหล่พร้อมยกคิ้วเบะปาก ประมาณว่า 'ไม่มีปัญญาเถียงกูอ๊าดิ๊' ก่อนจะหันไปสนใจของที่บัดดี้ส่งมาให้
"....ส่งเหี้ยไรมาให้กู แมร่งปัญญาอ่อน"
"โหยมึง เค้าให้ของฟรียังจะไปด่าเค้าอีก เค้าซื้อให้มึงก็ดีถมเถแล้วไอ้เซียน"
ท่านเซียนเหล่ท่านเจี้ยว
"ก็กูไม่ได้ขอ..."
ท่านเจี้ยวอมลมทันที คิ้วหงิกงอเข้าหากัน
"งั้นก็ดี กูจะได้เอาไปคืนบัดดี้มึง เอามา!"
ท่านเจี้ยวลุกขึ้นจะไปขว้าไดอารี่แต่ก็ซัดอากาศเข้าไปเต็มๆกำมือ มองอีกทีท่านเซียนโยกมือที่ถือไดอารี่ห่างออกจาก
ตัวไปคนละทิศกับที่ท่านเจี้ยวพยายามจะแย่งชิง
"อาแระ อาแระของมึงไอ้เจี้ยว ของบัดดี้กู๊"
ท่านเจี้ยวพยายามยืดตัวยื่นมือไขว้คว้าไดอารี่ที่โยกไปโย้มาอยู่กลางอากาศ กระโดดคว้าบ้างแต่ไม่ได้มาซักที
"เอามาเด้ไอ่เซียน กูสงสารบัดดี้มึงจับหัวจวย ถ้าไม่มีค่ามึงก็เอามาดิกูจะเอาไปคืนเค้า ไม่ก็ริบไว้เอง"
พอพูดเท่านั้นท่านเซียนก็ยืนขึ้นหลังจากที่โยกโย้หลบหลีกท่านเจี้ยวสุดแขน ความสูงทั้งแขนที่ยาวกว่าเล็กน้อย
ทำให้ท่านเจี้ยวเริ่มกระโดดหย๋งๆไล่ตะปบไดอารี่ โดยมีเอฟเฟ็กซาวน์เป็นเสียงหัวเราะของท่านเซียนไม่ได้ขาด
...
รู้ตั้งแต่วันแรกแล้วว่าใครคือบัดดี้ .. แต่แค่อยากอำเฉยๆเท่านั้น
"กูไม่ให้!!!"
พูดจบก่อนจะออกวิ่งไปที่ประตูหน้าตึก ท่านเจี้ยววิ่งตามพลางหยิบร้องเท้าไล่เขวี้ยงอย่างเหลืออด ท่านเซียนโยก
หลบบ้างโดนบางแต่มันก็อดขำไม่ได้ .. รองเท้ามันมีแค่สองข้าง หลังจากนั้นท่านเจี้ยวก็หาของใกล้มือไล่เขวี้ยง
ใส่ท่านเซียน โดนหัวบ้าง.. เฉี่ยวหูบ้าง หลือซัดเต็มๆกลางหลังก็ยังมี แต่ไม่สามารถหยุดเสียงหัวเราะนั่นได้เลย ..
...
...
"ฮะ ฮะ.. ฮ่าๆ"
เสียงหัวเราะเบาๆดังขึ้นในห้อง ห้องที่มืดสนิท บัดนี้ในอ้อมกอดมีไดอารี่สีที่จางลงเล้กน้อยเนื่องจากมันถูกตั้งวางไว้
โดนแสงสาดตลอดระยะเวลาร่วมสองปี
นึกถึงแล้วมันอดขำไม่ได้ .. แต่เพราะความมืดบดบังทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าคนหัวเราะมีสีหน้าอย่างไร
.. สัมผัสได้แค่ เส้นชื้นลากผ่านจากหางตาลงสู่ปลายคาง ร้อนผ่าวที่จุดเริ่มต้น แต่เย็นยะเยือกที่สุดปลายสายทางน้ำใส
ก่อนจะหยดแหมะลง บนตัวหนังสือสีทอง .. DIARY
คนกอดยิ้มให้กับมันเล็กน้อย ปากกาที่เพิ่งถูกใช้งานเสร็จร่วงตกลงที่พื้นโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ ..
.. เพราะมัวแต่กอดเจ้าสมุดเล่มนั้น ก่อนจะลดตัวลงนอนขดบนเตียงกระชับสมุดในอ้อมอกแน่น ..
............. ความรู้สึกราวว่าตายจากกัน
.. ทั้งที่ความเป็นจริงยังย้ำอยู่ให้เห็นทุกวี่ทุกวันว่าคนๆนั้นยังมีชีวิตอยู่
... แต่สัมผัสไม่ได้
โง่ .. โอกาสมีตั้งเป็นปี ไม่เคยมองเห็น ไม่เคยใส่ใจ ไม่เคยนึก มัวแต่มองไปทางไหนหรอ? มัวแต่มองหาใคร?
มัวแต่ทำอะไรอยู่? มัวแต่เล่น? มัวแต่เอาชนะ? มัวแต่... มองโดยที่ไม่ได้ทำอะไร
มัวแต่ไร้สาระ ดูสิในวันนี้ ... กว่าจะรู้ว่าอะไรสำคัญ ก็ดันเสียเค้าไปแล้ว โอกาสจะได้กลับคืนมันอยู่ตรงไหนล่ะ?
ยืนย่ำอยู่กับที่ .. มองเค้ารักกัน?
งั้นหรอเซียน... ?
....
ตอบความคิดตัวเองแทบไม่ได้ ...
.........
เอาล่ะ.. พรุ่งนี้จะต้องไปบอกเค้าให้ได้ .. ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรก็ช่าง ก็ความรู้สึกมันเหลือเกินกว่าคำว่าอดทน
แล้ว ..
จะบอกให้ได้ ...
ต้องบอกให้ได้!!
.. ตัวสั่นกอดไดอารี่ในอ้อมอก ขยับหน้าซุกที่สันขอบก่อนจะหลับตาลง
เอาล่ะ ...
สุดท้ายแล้ว .. เอ็นบางๆเส้นสุดท้าย
มันยืดไม่ได้อีกแล้ว มีทางเดียวคือต้องสานต่อเพื่อให้รอด .. หรือตัดมันให้ขาด
.. ถ้ามันขาดสะบั้นลง อย่างน้อยๆผลของมันเพียงส่งผลแค่
..
..
ขาดใจตาย+++++++++++++
ตอนสั้นว่ะ ... ไว้ชดเชยทีหลังก็แล้วกันนะครับกับบท ... อิอิ ละไว้ในฐานที่เข้าใจ
โหย ออนรอกันเยอะเลยเว่ยเห่ย!!! คนเขียนโคตรจะตื้นตันอ่ะ! แต่อีโมติค่อนในเว็บมันมีแต่กอดอ่ะ
แต่คนเขียนอยากจับคนอ่าน
ดูดเรียงคนเลยจริงๆนะ! =[]=;;
อ่านตอนต่อไปปะ? อ่านต่อ พิม zhiki ต่อท้ายได้เลยมีคนเม้นชนเราอีกแล้วครับท่าน -_-+++