
ไม่มีคำบรรยาใดๆ
ไปอ่านกันเลยน้าครับ

+++++++++++++++
error!ด้วยความที่ท่านเจี้ยว..ระแวงอะไรบางอย่าง ทำให้ถึงกับยอมถ่อสังขารจะเดินไปหน้าคณะ ความเจ็บแปลบประทุขึ้นหลังจาก
พยุงตัวยืนในรอบแรงของวัน .. อา ปวดไปครึ่งตัวเลยก็ว่าได้ แถมตอนลุกมาหน้าก็ยังมืดจนเซลงไปนั่งที่เตียงอีก กว่าจะ
เดินออกมาถึงหน้าบ้านก็แทบคลานออกมา .. แล้วนี่ยังจะต้องไปให้ถึงคณะอีกหรอ..
ความเจ็บที่เต็มเปี่ยม แต่ด้วยความรู้สึกกังวลมันเลยต้องฝืนร่างกายแบบนี้ ท่านเจี้ยวเดินเกาะตามผนังออกมาเรื่อยๆจน
ถึงประตูรั้ว กดปุ่มควบคุมให้ประตูบ้านเปิดเองอัตโนมัติ ก่อนจะพยุงตัวเดินออกมา แค่ยืนยังยืนขาชิดตัวตรงไม่ได้
แล้วเดินล่ะ .. อย่านึกถึงสภาพความอุบาถของมันเลย
รู้สึกโหวงเหมือนมีอะไรคาไว้ตลอด.. หมดแรงจะเกร็งยกขาขึ้นก้าวเดินในแต่ละย่างก้าว แต่ก็ต้องพยายามต่อไป
ครั้นจะโทรเรียกเพื่อนคนใดคนหนึ่งมารับ.. ก็กลัวว่ามันจะเป็นพิรุธเกินไป ออกมาจากบ้านไอ้เซียนในสภาพขาเดินขาถ่างๆ
แบบนี้ ต่อให้ผู้ชายแท้ก็ดูออก .. ว่าไปเผชิญอะไรมา
ไม่ใช่ว่าจะอายเพื่อนฝูงหรือกลัวตัวเองเป็นขี้ปากชาวบ้านหรอกนะ ที่พูดกับท่านเซียนไปนั่นเป็นส่วนหนึ่งในแผนทั้งสิ้น
คนอย่างท่านเจี้ยวนี่หรอจะแคร์สายตาประชาชี เหอะ! น้อยไปสิ นอกจากไม่แคร์แล้วบางครั้งยังทำตัวสวนกระแสอีก
ต่างหาก
..วันนี้เห็นพี่เซียนเดินไปม่อเด็กเอกอิ้งอยู่เลย..เสียงมันลอยก้องเข้ามาในหู.. หันซ้านหันขวาก็เห็นตัวเองเดินอยู่คนเดียวทั้งซอย จึ้นค่อยๆพยุงตัวเดินต่อ ..เผลอขบ
ฟันตัวเองแน่น
ม่อหรอ.. ไอ้เซียน
คิดโมโหขึ้นมา .. แต่พอนึกถึงประโยคเมื่อวานในห้องน้ำก็หยุดเดินฉับพลัน แน่นนึงคิดย้อนกลับไป
"จะได้ไม่มีใครรู้เรื่องของกูกับมึงไง มึงจะได้ม่อคนอื่นได้เรื่อยๆ"
"กูก็คบกับเป้เหมือนเดิม คนอื่นจะได้ไม่รู้สถานะของกูกับมึง.."
"กูก็เป็นสายเดิม มึงก็เป็นสายเดิมแถมยังมีอิสระอยู่........"นันต์ตาท่านเจี้ยวสั่นระริก..นึกย้อนคำพูดของตัวเองไป
.. ไม่คิดเลยว่ามันอาจจะเกิดขึ้นจริง คิดแต่ว่ามันคงไม่กล้า.. คิดไปเองว่ามัน .. รักแค่เราจริงๆ
คิดได้แค่นั้นก็กัดฟันกรอดแล้วเดินจ้ำต่อไป.. หน้าตานี่เริ่มแสงดให้เห็นชัดขึ้นทุกที ทุกทีว่ากำลังกังวล ทั้งที่ตัวท่านเจี้ยว
เองไม่เคยคิดจะใส่ใจอะไรเล็กๆน้อยๆ อาการนี้ควรจะเป็นของผู้หญิงมากกว่า อาการ.. งี่เง่า และฟุ้งซ่าน
แต่ความคิดมันห้ามกันได้ที่ไหนกัน ฟังจากปากไอ้เป้ก็คงจะไม่มีอะไรผิดเพี้ยนบิดเบี้ยวหรอกมั้ง เพราะระหว่างเป้กับตัวเอง
ก็ไม่ได้มีความสัมผัสลึกซึ้งแบบที่อิจฉาและพยายามแย่งชิงอะไรกัน ถึงกับต้องใส่สีตีไข่เรื่องพวกนี้แน่ ..
งั้นมันก็ต้องเกิดขึ้นจริงดิ..
ไม่ม๊าง.. คงเป็นเรื่องเข้าใจผิด จะไปซักไซร้เป้มากๆก็กลัวว่าจะถูกจับได้เรื่องท่านเซียน ก็ไม่ได้แคร์อะไรมากหรอก
แต่มันก็อดเขินเวลาถูกแซวไม่ได้นี่หว่า.. อืม พยายามคิดในแง่ดีไว้ คิดได้ดังนั้นท่านเจี้ยวก็ค่อยๆผ่อนคลายยิ้มออกมา
พอคิดได้อย่างนั้นไม่ถึงนาทีด้วยซ้ำ ท่านเจี้ยวที่เดินมาถึงหน้าปากซอยพอดีพลันได้ยืนเสียงมอเตอร์ไซด์ที่คุ้นเคย..
ขับผ่านหน้าไป
ภาพที่ผ่านไปตรงหน้า เห็นผู้ชายสองคนนั่งซ้อนมอเตอร์ไซด์สีดำ คนหน้าใส่หมวกกันน๊อกแต่ก็ยังเห็นดวงตาคู่เดิมกับ
คู่เดียวกันกับที่มองยามร่วมรักกันอย่างสุขล้น บัดนี้กำลังเหลียวมองคนด้านหลังด้วยสายตาเป็นประกาย .. เหอะ
แล้วหน้าตาคนหลังหรอ ก็ดูเปี่ยมไปด้วยความสุข!!!
รอยยิ้มจางหายทันใด..
แต่ปฏิกริยาที่แสดงออกมาทางฝ่ามือนี่สิ.. กำแน่น ก่อนจะเหวี่ยงใส่เสาไฟฟ้าจนได้เลือด..
+++++++++++++++++++++
"ซื้อโจ๊กไก่อาบังแล้วก็ต้มยำกุ้งร้านป้าแตนมา จะกินเลยมั๊ย?"
ท่านเจี้ยวที่นั่งอยู่ห้องรับแขกเปิดโทรศัพท์ดูไปเรื่อย ไม่ได้สนใจคนที่เพิ่งกลับมาพร้อมกับข้าวในมือเลยซักนิด ทั้งๆ
ที่ท้องก็หิวจะตาย แต่เพราะอะไรบางอย่างทำให้กระเดือกไม่ลงแม้แต่น้ำเปล่า
หลังจากเห็นภาพที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นหลังจากตกต้องเป็นเมียของเพื่อนคู่กัด ท่านเจี้ยวที่เผลือชกเสาไฟฟ้าจนได้เลือด
พยุงตัวกลับมาอย่างเจ็บแค้นเป็นที่สุด แต่จะทำอะไรได้ ก็คงได้แต่โทษตัวเองที่พูดจาพล่อยๆแบบนั้นออกไปจน
คนที่รู้สึกผูกพันธ์ด้วยหลวมตัวทำตามที่ตัวเองพูด
รู้งี้ไม่น่าชกเลยเสาไฟฟ้า ที่น่าชกที่สุดก็คงจะเป็นปากตัวเองนี่แหละ!
"งั้นเอาไปใส่ชามเลยนะ"
พูดจบ ท่านเซียนก็ก้มหน้าลงฉวยริมฝีปากลอบหอมแก้มท่านเจี้ยวขณะที่กำลังเหม่อลอยคิดไปเรื่อย.. สติพลันกลับมา
ก็เห็นแผ่นหลังสามีหายเข้าไปในครัวซะแล้ว..
เห๊อ.. หรือจะแค่คิดไปเองแน่วะ? มันก็ยังปกติดี ไม่มีอาการไม่พอใจเลยซักนิดเดียว แถมดูอ่อนโยนกว่าเดิมนิดๆด้วย
อา.. หรือจะแค่คิดไปเองจริงๆ
พ่อง พ่อง พ่อง พ่อง
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ที่คุ้นเคยดังแว่วๆ แทบจะอัตโนมิตท่านเจี้ยวรีบเหงี่ยหูฟังตามสัญชาตญาณความเป็นเมียโดยไม่รู้ตัว
"ฮะฮะ........ไม่เป็นไรโมพ"
ไอ้เอกอิ้ง.. คนเดียวกับที่ซ้อนมอเตอร์ไซด์ท่านเซียนนี่นะ ฟังต่อๆๆ
"อื้อ..... อยู่บ้านแล้ว กำลังจะทานข้าว ......อ้าว แล้วจะให้ไปทานกับใครที่ไหนล่ะ................."
แล้วจากนั้นเสียงมันก็อู้อี้จนฟังไม่รู้เรื่อง ..แล้วประโยคถัดไปมันพูดว่าอะไรน่ะ มันจะบอกว่ากินคนเดียวรึเปล่า.. หรือมันจะ
บอกว่ากินกับเพื่อน..
คิดแค่นี้ก็เริ่มฉุนขึ้นมานิด สามปียังชินชาได้ไม่รู้สึกอะไรกับคำๆนี้ แต่ทำไมผ่านมาแค่ไม่กี่ชั่วโมงถึงได้พาให้โมโหซะถี่
ยิบ แถมยังอดใจทนฟังฐานะเดิมนี่ไม่ได้อีก
.. ถ้าหากว่าความรัก .. ทำให้สุญเสียความเป็นตัวเองไปแล้วล่ะก็
อย่า
รัก กันเลยเหอะ
"ไอ้เซียน!!! พากูกลับคอนโด!!!"
ตะโกนเรียกคนที่ยังหัวเราะคิกคักอยู่ในครัวอย่างเหลืออด ส่งผลให้คนในครัววิ่งหน้าตื่นออกมาด้วยความตกใจบวกกับ
สงสัยว่าเมียรักเป็นอะไร
เหอะ!! ออกมามือยังถือโทรศัพทือยู่เลย!!
มันน่าโมโหมั๊ย!!!!!
"อ่าว ไม่กินโจ๊กไก่ก่อนหรอ วันนี้สั่งพิเศษไข่ขาวมาด้วยนะ อยู่กินก่อนสิ"
"ไม่!! พากูกลับ"
สวนขึ้นทันขวัน .. เป็นอะไรน้าไอ้เจี้ยวเอ๊ย ปกติไม่เคยมีอาการไม่พอใจรุนแรงขนาดนี้มาก่อน สงสัยจะว่าไอ้เซียนไว้
มากล่ะมั๊ง เพราะไอ้เซียนเวลาไม่พอใจอะไรก็ตะคอกด่าทอ.. ส่วนท่านเจี้ยวก็จะเป็นฝ่ายเย็นเข้าในเวลาที่ท่านเซียน
ร้อนเป็นไฟ แล้วตอนนี้ล่ะ ดันกลายร่างมาเป็นไฟเสียเอง
คนเป็นสามียืนเกาหัวเงอะงะ ก่อนจะได้ยินเสียงเมียแว๊ดขึ้นอีกรอบ
"เออ งั้นกูกลับเองก็ได้!"
.. ทำไมนะ ทำไมมันรู้สึกแย่กับการกระทำตัวเองของแบบนี้ งี่เง่าไม่เข้าเรื่องจริงๆ รู้ทั้งรู้ว่าสิ่งที่ทำมันยอดแย่ แต่ก็อดทนไว้
ไม่ไหว
ตอนนี้ใจท่านเจี้ยวสั่นระรัว ยันตัวเองให้ลุกขึ้นได้ก็คว้าเสื้อที่พาดอยู่บนโซฟามาใส่ ..จะของใครล่ะ ก็ของไอ้เซียนนี่แหละ
ใส่ๆไป เดี๋ยวค่อยมาคืนทีหลังก็ยังได้ พอสวมเสร็จก็เท้าโซฟาพยุงตัวจะเดินออก แล้วท่านเซียนก็ปรี่มาขวาง
"เดินก็จะไม่ไหวยังจะไปอีก ถ้ากลับไปถึงห้องใครจะดูแลมึงไอ้เจี้ยว"
น้ำเสียงอ่อนโยนจนใจยวบ มือที่ยังรั้งจับแขนอยู่พาให้ใจชื้นขึ้นมาหน่อยนึง แค่แปบเดียวเท่านั้นท่านเจี้ยวก็สะบัดมือออก
ท่านเซียนหน้าเสียนิดหน่อย.. ปนกับแปลกใจกับท่าทีของเมีย
"พากูกลับได้แล้วน่า กูดูแลตัวเองได้"
ลดเลเวลเสียงลงนิดหน่อย แต่สายตาก็ยังไม่กล้าสบต้องกับท่านเซียนอยู่ดี
.. เห๊อ หน่วงหัวใจอีกแล้วเว๊ย ปากก็อยากจะถามว่าม่อไอ้โมพจริงมั๊ย แต่อีกใจก็กลัวคำตอบอีก เอาเข้าไป .. ที่กลัวก็คง
มีสาเหตุมาจากตัวเองนี่แหละ
หึ๋ย พูดแล้วอยากจะชกปากตัวเองขึ้นมาจริงๆ!! ถ้ามันเป็ฯแบบนั้นจริงขึ้นมา แล้วถ้าอะไรๆมันชัดเจนขึ้นกว่านี้
.. นึกแค่นี้ก็ปวดแปลบกลางอก
"เป็นไรไอ้เจี้ยว.."
ท่านเซียนที่ก้าวเข้ามาตรงหน้าอย่างเป็นห่วง ใช้สองฝ่ามือประคองหน้าเมียรักขึ้นสบสายตา ท่านเซียนยังมีสายตาที่อ่อน
โยนเหมือนเมื่อคืน.. น้ำเสียงทุ้มนุ้มนวลกว่าครั้งไหนๆที่เคยคุยกัน มองหน้าเมียรักอย่างเพ็งพิจารณาสงสัย
ท่านเจี้ยวจ้องมองนัยน์ตาคู่นั้นอยู่นาน ก่อนจะเบนหน้าหนี หลับตาลงช้าๆ ตัดสินใจถามออกมาจนได้
"มึงม่อไอ้โมพหรอ.."
...
นิ่งไปชั่วอึดใจ ก่อนที่จะได้ยินเสียงขำพรืดจากฝ่ายท่านเซียน ท่านเจี้ยวค่อยพรี่ตามองทีละน้อยก่อนจะเปิดขยายม่านตาทั้ง
สองอย่างเต็มตา
"ฮ่าๆๆๆ ฮ่ะฮ่าฮะฮะ"
"ขำไรไอ้เชี่ยเซียน!!!"
เมื่อเห็นคนตรงหน้าขำ ใจก็ยังแอบชื้นขึ้นมานิด แต่ขำแบบนี้มันเหมือนถูกหัวเราะเยาะนี่สิ...
"ฮ่าๆ ขำมึงไง"
ก่อนที่ท่านเซียนจะคว้าร่างท่านเจี้ยวเข้ามากอด
"โอ่ๆ เป็นไรมึง ใครเค้าบอกมึงมาว่ากูม่อไอ้โมพ"
"??"
ท่านเซียนอธิบายต่อ
"ไอ้โมพมันแฟนแล้วนะเว่ย นี่ไม่รู้หรอ มันกำลังคบกับดาวของเซกเราอยู่อ่ะ"
อ่าวเวร.. ไหนบอกว่าดาวเอกเราเป็นทอม?
"อย่ามาแหลไอ้เซียน ดาวเซกเราเป็นทอมไม่ใช่หรอ คนที่เป็นดาวคณะอ่ะ"
นั่นไง .. ยิ่งขำพรืดเข้าไปใหญ่
"ฮ่าๆๆๆๆๆ ไอ้เจี้ยวมึงเลอะเทอะใหญ่แล้ว อันนั้นดาวคณะเว่ย ดาวคณะเราที่เป็นทอมอยู่เอกวิศวะโยธานู้น แต่นี่ดาวเซก
เราไง คนที่ชื่อกี๋อ่ะ"
กี๋.. กี๋ไหนวะ
"กี๋ตัวเล็กๆขาวๆหน้าจืดๆอยู่ปีหนึ่งปีนี้ไง"
โอย.. ถ้าปีหนึ่งอย่ามาคุยกันเลย ท่านเจี้ยวจำหน้าใครไม่ค่อยแม่นนักหรอก ขนาดไปนอนกับใครมาบ้าง ผ่านไปวันสองวัน
ยังลืมแบบหมดเยื่อใยเล๊ย
"เออๆๆๆๆ ช่างๆๆ" ท่านเจี้ยวตัดรำคาญ ไปเอาโจ๊กมาได้แล้ว ทั้งวันกูยังไม่ได้แดกไรเลย"
ท่านเซียนยิ้มกริ่มก่อนจะขโมยหอมแก้มเมียอีกที
"งั้นตอบมาก่อน ตอนที่ถามเรื่องนี้รู้สึกไงบ้าง?"
ด้วยความที่ท่านเจี้ยวไม่รู้เลยตอบไปตามความจริงซะงั้น..
"ไม่พอใจ กูโมโห!! กูไม่ชอบ!! เห็นอีกทีมึงตายคาตีนกูแน่ไอ้เซียน!!!!"
โอ้.. หึงโหด คนเป็นสามีหน้าเสียไปนิดเดียวก่อนจะกลับมาตีหน้ากะล่อนต่อ
"โถๆๆๆ" ท่านเซียนทำเสียงเศร้า "น่าสงสารจังเลย" แล้วตามมาด้วยเสียงจิ๊ปาก "ขี้หึงไม่รู้ตัวซะด้วยนะเมียกู"
วาบ..
วาบ..
วาบบบบบ
ทำไมอากาศมันเริ่มร้อน..?
แล้วทำไมมันร้อนๆแค่ที่หน้าวะ ?
"ฮ่าๆๆๆ ไอ้เจี้ยวมึงหน้าแดงใหญ่เลยอ่ะ ฮ่า ฮ่าฮะฮะฮะฮะฮะ" ก่อนจะหอมแก้มเมียแรงๆอยู่หลายที ไอ้คนถูกหอมก็ดิ้น
พล่านเหมือนโดนน้ำร้อนลวก ดิ้นไปดิ้นมาโดนสามีหอมทั้งแก้มซ้ายแก้มขวา พลัดจูบที่ปากแล้วยังวนมาหอมแก้มต่อ
ฟัดจนแก้มเมียเกือบช้ำ
"K ไอ้เซียนพอแล้วมึง! คึกไปแล้วชิพหาย"
ก่อนเสียงหนึ่งจะกระซิบกรอกลงที่หู..
"มึงเป็นคนแรกนะ ที่ทำให้กูรู้สึกอยากถูกผูกมัด"แว๊บ
แว๊บบ
แว๊บบ
โลกมันเริ่มร้อนใช่มั๊ย ? หรือใครเอาไดร์มาเป่าที่หน้าก็ไม่รู้
"ไอ้เหี้ย......"
ก้มหน้ามุดอกคนสูงกว่า ซ่อนอีกแล้ว .. งานนี้ต้องซ่อน อย่าให้มันเห็นเชียวว่าท่านเจี้ยวกำลังแทบจะอ้าปากร้องว๊ากกก
"หึหึ"
เสียสามีขำในลำคอก่อนจะพลักร่างเมียให้เอนลงบนโซฟา
"เห่ย.."
จะไม่เห่ยได้ไง ก็ท่านเซียนเล่นขึ้นคร่อมหมับเลยน่ะสิ.. ก่อนจะตามมาด้วยริมฝีปากอุ่นแนบชิดกับปากท่านเจี้ยว บดคลึงกัน
ไปมา แล้วริมฝีปากก็ถูกยกขึ้นมาไซร้ดมซอกคอเมียรักอยากกระหาย..
"อื่อ.. ไอ้เซียน.. กูยังเจ็บอยู่เลยนะ อาห์.."
พูดไม่เต็มเสียง.. พลันเสียงกระซิบสามียิ่งทำให้อ่อนราแรงลงอีก
"...จี้"
จี้?
ใครจี้?
ท่านเจี้ยวได้สติพลักหัวท่านเซียนออกทันที
"มึงเรียกผิดคนแล้วมั๊งไอ้เซียน"
คนฟังอยู่ยิ้มแสยะ.. ก่อนจะโพร่งอธิบายออกมา
"คนเรียกมึงว่าเจี้ยวมันเยอะแล้ว"
"แล้วไม ก็ชื่อกู"
"แล้วกูผิดมั๊ยล่ะที่อยากเป็นคนพิเศษ เรียกอะไรก็ช่าง.."
กระซิบลมหายใจบอก..
...
"....ที่มีแค่เรารู้กันสองคน"..
ป๊าดดดดดดดดดดดด ไอ้เซียน!!!!!!
ก่อนที่ริมฝีปากจะแนบลงที่ใบหูแดงเบาๆ แล้วกรอกกระซิบลมหายใจจนแทบช็อกอีกรอบ
..
..
..
..
..
"..รักนะ"
..
..
error!error!error!error!error!error!error!error!error!error!error!error!error!error!error!
error!error!error!error!error!error!error!error!error!error!error!error!error!error!error!
error!error!error!error!error!error!error!error!error!error!error!error!error!error!error!
ค้าง...
ค้างเติ่ง...
เอ่อ....................................
ช็อกเลยทีเดียว!
....
สามีผละออกไปแล้ว หันมาอีกทีก็เห็นโทรศัพท์แนบอยู่ที่หูอีก
"อ้าวเป้หรอ...."
เอ๊ะ....................
...
ทำไมเริ่มใจไม่ดีอีกแล้ววะ
แต่.. เป้มันก็น้องเรา ไม่มีไรหรอก...
..
มั๊งง
++++++++++++++++++++++++
หึหึหึหึ... ขอคนเขียนหัวเราะมั่งเหอะ หึหึ...
เตรียมตัวเตรียมใจ เจอท่านเป้ (เอ๊ะ มันเป็นท่านไปตั้งแต่เมื่อไหร่) ...
..
ตามทวงหนี้..
..
ท่านเจี้ยวผู้ไม่เคยเดือดร้อนกับเรื่องอะไรมาก (กับท่านเซียนเรียกว่าหึง)
และตลก ขำๆได้กับทุกเรื่อง
...
หึหึ
ปล. ท่านเซียนยังไม่เห็นแผลที่มือท่านเจี้ยวหรอ แต่จะโผล่ในตอนหน้าเด้อ เดี๋ยวจะพากันสงสัย