ท่านเจี๊ยวหลุบตาลงต่ำมองพื้นคิดอะไรเรื่อยเปื่อย เงยหน้าขึ้นมองไดอารี่ที่ตั้งโชว์อยู่บนชั้นเหนือทีวีอีกครั้ง มองค้างอยู่นาน
เหมือนอะไรบางอย่างดลใจอย่างประหลาด เขาลุกขึ้นเดินไปหยิบไดอารี่เล่มนั่นลงจากชั้นวาง ก่อนจะกลับมานั่งที่เดิม ค่อยเปิด
หน้าปกหนาออก ไล่สายตามองหน้ากระดาษที่วางเปล่าอย่างไร้จุดมุ่งหมายอีกครั้ง เขาเปิดหน้าถัดไปก็พบเพียงเส้นบรรทัด
กับช่องใส่วันที่ ทุกอย่างว่างเปล่าไร้รอยหมึกเช่นเดิม
เขาเปิดค้างอยู่ที่หน้าสองก่อนจะปิดมันลงอย่างเก่า มองทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง แม้พยายามจะไม่คิดอะไร แต่ทำไม
มันยังรู้สึกไม่ค่อยดีอยู่วะ..
ท่านเจี๊ยวถอนหายใจอย่างเหนื่อยออกก่อนจะลุกขึ้นยืน ไดอารี่ในมือที่ถือไว้หลวมๆร่วงลงพื้นตามแรงโน้มถ่วง สันเล่มกระแดก
เข้ากับพื้น ปกหน้าปกหลังหนามากน้ำหนักทั้งสองเปิดกาง สมุดมากเส้นถูกเปิดขึ้นอีกครั้งอย่างบังเอิญ ท่านเจี๊ยวก้มลงจะเก็บขึ้น
มาก็พบเงาหมึกลางๆ เขาเปิดหาหน้านั้น ใช้ปลายนิ้วกรีดไล่ทุกแผ่นจนเจอตัวอักษรลายมือที่แสนจะคุ้นเคย
ตัวหนังสือมันตีลังกาอยู่ ท่านเจี๊ยวกลับด้านหลังสือเพื่ออ่าน แต่นิ้วที่สอดผิดแผ่นทำให้เขารู้ว่า หน้าที่ถูกบันทุก ไม่ได้มีเพียงหน้าเดียว
เขาก้มหน้าลงอ่านอย่างสนใจ.. แต่ใจความนั่นกลับทำให้หน้าท่านเจี๊ยวชาวาบ..
เหมือนภาพฉายซ้ำ เรื่องราวบางอย่างที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน..
...
"กูหรอ? กูพลาดตั้งแต่ไปหลงชอบรุ่นน้องม.5ที่โรงเรียน น้องแมร่งน่ารัก น่ารักกว่าผู้หญิงอีกนะมึง ตากลมๆ ปากอิ่มๆ
จมูกโด่ง กูเห็นแล้วแมร่งอยากจับมาใส่กระโปรง แล้วต่อจากนั้น..."..คำถามที่เคยถาม แต่ไม่เคยได้ฟังคำตอบ แต่ตอนนี้มันกลับอยู่ในมือของเขาแล้ว
- 5ปีก่อน -นายเซียนที่กำลังคร่ำเคร่งกับการอ่านหนังสือเตรียมสอบเข้าระดับอุดมศึกษา พอจบระดับมัธยมก็ไร้หลักให้ยึดเฉกเช่น
เดียวกับใครหลายๆคนในช่วงนี้ เขาตั้งใจจะสอบเข้าคณะนิติ หรือรองลงมาก็คงจะหนีไม่พ้นคณะบริหาร ตัวเลือกแรกเป็น
สิ่งที่เขาชอบ แต่ตัวเลือกรองลงมา เนื่องจากที่บ้านประกอบกิจการ จึงละทิ้งไม่ได้เช่นกัน ถ้าติดอันใดอันหนึ่งทุกอย่างก็คง
จะเข้าที่เข้าทางกว่าตอนนี้ที่เป็น
วันนั้นเป็นวันที่เขาจำได้แม่นที่สุด.. แฟนสาวคนล่าสุดของเขาบอกเลิกหลังจากหล่อนสอบชิงทุนไปอเมริกาสำเร็จ ด้วยเหตุ
ผลว่าห่างกันไกลก็ควรจะเลิกรากันไป ซึ่งเขาก็เห็นด้วยเลยยอมเลิก
บอกตรงๆตลอดจนอายุสิบแปดปีนี้ เขาคบใครมาก็มากพอตัว นับว่าเป็นไอ้เสือเลยทีเดียว เพราะควงสาวไม่ค่อยจะซ้ำหน้า
แต่ช่วงนี้คงต้องลดละเลิกหน่อยล่ะ ไม่อย่างนั้นคงหาหลักยึดไม่ได้ว่าการศึกษาระดับต่อไปจะหันเหไปทางไหน
เขานั่งอ่านหนังสืออยู่ในรั้วโรงเรียนเก่า เห็นนักเรียนรุ่นน้องๆมาประชุมผู้ปกครองกัน หน้าเก่าบ้างใหม่บ้างประปราย
ก็จำไม่ค่อยถนัดนักเพราะโรงเรียนก็ใหญ่ไม่ใช่เล่นๆ แต่สิ่งที่เขาจำได้แม่นที่สุดในวันนั้นคือ ..นักเรียนชายกางเกงดำ
สิ่งที่เขาเห็นทำให้เกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นอย่างที่ไม่เคยเกิด ผิวอมชมพูต้องแสงเจิดจ้ากระแทกตา ทรงผมรองทรงที่
เริ่มยาว เงาร่างย้อนแสงที่บางพอดีไม่หนาจนเกินไป ยิ่งเดินใกล้เข้ามาเขาก็ยิ่งละสายตาไปไหนไม่ได้
ดวงตากลมเรียวที่เป็นสิ่งแรกบนเครื่องหน้าดึงดูดยิ่งกว่า มองข้างหน้ามั่นคง ปากอิ่มมุมตก มองปราดเดียวก็รู้ว่าไม่สบอารมณ์
เพราะหัวคิ้วหนาขมวดมุ่น ชายคนที่ว่ากำลังจะเดินผ่านหน้าเขาไปอย่างช้าๆ ถึงได้เห็นรูปจมูกสวยสันเรียวปลายเชิดนั่น
เขาไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขาถึงได้มองตามจนนายคนนั้นเดินหายเข้าไปในหอประชุม
หลังจากวันนั้น เขาก็ไม่ได้เอ๊ะใจถึงบางสิ่งบางอย่างที่เริ่มเปลี่ยนไปในตัวเขา กลายเป็นว่าช่วงใกล้เปิดเทอมหลังจากสอบติด
นิติธรรมศาสตร์แล้วเขาก็ยังมานั่งอ่านหนังสือที่โรงเรียนเก่าเพื่อซุ่มมองนายคนนั้นที่คาดว่าจะเป็นรุ่นน้องที่ย้ายมาจากที่อื่น
เพราะวันที่เข้าประชุมนายคนนั้นใส่กางเกงดำ ทั้งที่นักเรียนทั้งโรงเรียนจะใส่กระโปรงและกางเกงสีน้ำเงินกัน
เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ทำไมเขาถึงมองแต่เด็กผู้ชายคนนี้ ทั้งชีวิตแฟนสาวที่เคยมีก็น้อยเสียที่ไหน ถ้าเรื่องบนเตียงก็ผ่าน
ร้อนหนาวมาก็พอตัว แต่ก่อนจะขึ้นเตียงได้เขาก็ใช้วิธีเดียวกันนี้คือนั่งมองก่อนจะลงมือจีบ
แล้วนี่... ผู้ชายนะ!?
แม้มหาลัยจะเปิดเรียนแล้ว เขาก็ยังหาเวลามาดอดนั่งมอง พอโรงเรียนมัธยมเปิดเทอมเขาก็เห็นนายคนนั้นใส่กางเกงน้ำเงิน
มาเรียน เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นด้วยกับเครื่องแบบนักเรียนกางเกงน้ำเงิน ผิวขาวอมชมพูนั่นตัดกับสีกางเกงน้ำเงินอย่างลง
ตัวที่สุด หน้าตาที่ออกจะดูแมน แต่ถ้ามองในมุมกลับ กลับน่ารักอย่างประหลาด
และเวลาใบหน้านั่นเปื้อนรอยยิ้มเมื่อใด ใจมันพองจนคับอก กว่าจะชินกับรอยยิ้มจากนายคนนั้นที่มองจากมุมนี้ใช้เวลาเกือบทั้ง
วันเพราะนายคนนั้นหัวเราะบ่อยมาก จนบางครั้งเขาเผลอยิ้มตามไปด้วยเสียอย่างนั้น
ไม่เคยรู้มาก่อนเลยจริงๆ แม้เขาจะชอบมองก่อนเข้าไปจีบ แค่ครั้งนี้แตกต่างออกไป เขามีความสุขที่ได้เฝ้ามองอยู่อย่างนี้ มัน
มีความสุขอย่างน่าเหลือเชื่อที่แค่มองเท่านั้น ไม่เคยคุย ไม่เคยรับรู้ความเป็นไปเกี่ยวกับคนๆนั้น ทำไมมันรู้สึกดีได้ขนาดนี้
..
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เขาก็ยังเฝ้ามองอยู่อย่างนั้นไปเรื่อย มารู้อีกทีว่าน้องคนนั้นขึ้นมอหกและใกล้จะจบเต็มที ถ้าหากนับย้อนวันกลับ
ไปตั้งแต่วันแรกที่เขาเฝ้ามองนายคนนั้นมามันก็ตั้งแต่ปีที่แล้วนู้น นี่เขาเฝ้ามองคนๆหนึ่งมาเป็นปีเชียวเหรอเนี่ย!
เพื่อนที่สนิทกันพอสมควรรู้เรื่องที่เขาตามมามองเด็กในโรงเรียนเก่าทุกวันสงสารเลยสงเคราะห์ให้ ไปสืบเรื่องส่วนตัวเล็กๆน้อยๆ
แล้วก็เอามาบอกเขา จากนั้นเขาก็รู้เพิ่มว่า หลังจากนายคนนั้นจบมอหกแล้วจะไปต่อที่มหาลัยอะไร
พอเอาข้อมูลที่ว่ามาบอก เพื่อนที่ทำหน้าที่เป็นอย่างดีพูดอะไรให้เขาได้คิด จนเขาแน่ใจตัวเองกับเรื่องอะไรบางอย่างได้อย่างเด็ด
ขาด..
เรื่องที่ว่านั่นคือ... เขากำลังกลายเป็นเกย์
ตอนแรกก็รับไม่ค่อยได้ จนหวาดระแวงทุกสายตาที่มองมา อุปาทานไปเองว่าสังคมรังเกียจ แต่ไหนๆก้ไหนแล้ว จะเป็นก็เป็นมัน
ให้สุดๆไปเลยดีกว่า หลังจากนั้นเขาก็เลิกแคร์สายตาประชาชีแล้วหันไปลองประตูชัยจนพักหลังมานี้เริ่มกลายเป็นการเสพติด
ช่วงกลางปีนั้น เป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิตอีกครั้งหนึ่ง เขารู้มาว่านายคนที่เขามองมาแรมปีสอบติดมหาลัยแถวภาคตะวัน
ออกที่ติดชายทะเล เขาที่กำลังไปได้สวยกับชีวิตเด็กคณะนิติกลับฟุ้งซ่าน.. จนท้ายที่สุด เขาตัดสินใจซิ่วไปสอบเข้ามหาลัยเดียว
คณะเดียวเอกเดียวกันกับรุ่นน้องคนนั้น สิ่งที่หวัง.. ขอแค่ได้มองใกล้กว่านี้อีกนิด อยากจะมองเขาหัวเราะต่ออีกซักหน่อย แม้จะเสีย
เวลาไปสองปีถึงจะได้ไม่คุ้มเสียแต่มันก็คงสุขจนแทบลืมหายใจ..
..
..
เรื่องทั้งหมดที่เขาได้อ่านทำให้รู้สึกสับสนยิ่งกว่าตอนเจอถุงยาในลิ้นชักเสียอีก ตอนนี้มันนหูอื้อตาลายแล้วก็รู้สึกเบลอ
ทันทีที่จับใจความจนเข้าใจ สองเท้ารีบสาวอย่างเร็วจนกลายเป็นวิ่งในที่สุด รองเท้ารัดส้นที่วางขวางทางดูท่าทางใส่ยากเขา
ตัดสินใจเตะจนพ้นทางแล้ววิ่งเท้าเปล่าออกมาทั้งอย่างนั้น ไม่เป็นไรหรอกบ้านไอ้เซียนกับร้านไอ้เตี้ยมันไม่ค่อยห่างกันมาก
วิ่งเต็มฝ่าเท้า..เหมือนคราวที่ได้ยินคนรักร้องไห้เสียงสะอื้นในร้านไอ้เตี้ยครั้งก่อนนั้น แตกต่างกันตรงที่คืนนี้ฝนไม่ตก แต่อากาศ
นี่สิกำลังเย็นลงเรื่อยๆแล้วจนทุกย่างก้าวเหมือนเหยียบเข็มเป็นร้อย
จนในที่สุดก็ถึงร้านไอ้เตี้ย ท่านเจี๊ยวยืนหอบอยู่หน้าร้านเห็นสามีถือถุงกับข้าวล้วงเงินทอนเก็บใส่กระเป๋ากำลังจะเดินออกมาพอดี
"อ่าว" ท่านเซียนที่เงยหน้าขึ้นมาประหลาดใจนิดหน่อย ว่าทำไมไม่รออยู่ที่บ้าน แต่กลับวิ่งออกมาแม้แต่รองเท้าก็ไม่ได้ใส่..
ท่านเจี๊ยวที่พอหายเหนื่อยแล้วยืดตัวขึ้นตามเดิมมองท่านเซียนด้วยแววตาที่แปลกไป
..
"เซียน กูกับมึงต้องคุยกัน"
+++++
ท่านเซียนพาท่านเจี๊ยวออกไปคุยกันที่หาดตามที่ท่านเจี๊ยวสั่ง ..ผัวที่ดีต้องฟังบัญชาเมีย
พอจอดมอเตอร์ไซด์ท่านเจี๊ยวเดินนำลงมาที่หาด ท่านเซียนที่ตามมาติดๆไม่กล้าพูดอะไรแทรก คนยืนรออยู่ค่อยๆหันกลับมา
ถามหน้านิ่ง "มึงจบมอปลายที่ไหน"
คำถามสั้น.. แต่ไร้เสียงตอบ ท่านเซียนนัยน์สะท้อนวาบสบตากับคนตรงหน้าที่ยิ่งคงเฉยไร้อารมณ์
"มึงจบรุ่นไหน"
ยังไม่ทันได้คำตอบก็ยิ่งคำถามใหม่ทันที จนฝ่ายที่ถูกคาดคั้นเริ่มมีอาการหวั่น ท่านเจี๊ยวก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน ว่าเขากำลัง
รู้สึกอย่างไรในขณะนี้ แต่มันแฝงความโมโหอยู่เล็กๆ..
"ทำไมมึงไม่เคยบอกกู" ท่านเจี๊ยวเริ่มเพิ่มระดับเสียงขึ้น "ถ้ากูไม่ไปอ่านเจอ มึงจะไม่บอกอะไรกูเลยใช่มั้ย" ท่านเซียน
เงียบกริบ เขาเก็บงำเรื่องต่างๆไว้เป็นอย่างดีไม่มีหลุดลอด เก็บมันไว้อย่างมิดชิดดีกว่าตอนที่สะกดความเจ็บปวดตอนเป้กับ
เจี๊ยวคบกันอีก ..เป็นเพราะว่าเรื่องนี้คงเก็บง่ายกว่าด้วยล่ะมั้ง
ขึ้นชื่อว่าผู้ชาย มักจะเก็บซ่อนความรู้สึกเก่งเสมอ เขาเก็บมาได้ตั้งหลายปีและบันทึกอะไรหลายๆอย่างไว้ในไดอารี่เล่มนั้น
ถึงกับยอมตัดส่วนที่เป็นข้อความเกี่ยวกับเรื่องราวในอดีตจากสมุดบันทึกเล่มเก่าๆมาแปะลงในไดอารี่ที่ท่านเจี๊ยวให้มา
และบันทึกทุกอย่างที่เกี่ยวกับท่านเจี๊ยวลงไปในไดอารี่เล่มนั้น แทนการแสดงออกทางสีหน้า แววตา และท่าทาง
ผ่านมาตลอดสามปี .. ทุกอย่างมีความหมาย ทุกอย่างมีค่าเกินมูลค่าใดๆ การที่เขาได้เฝ้ามองครตรงหน้าระยะประชิดยิ่งกว่า
ตอนไปเฝ้ามองอยู่ที่โรงเรียนมันมีความสุขสุดๆ แล้วยิ่งไปกว่านั้น เขาได้คุยกัน ได้อยู่ใกล้กันตลอดเวลาจนใครก็แทรกเขาออก
จากกันไม่ได้ถือเป็นสัญญาณที่ดีว่ามันก็คงเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ จวบจนวันนั้นเอง วันที่เป้เข้ามาแทรก เขาถึงได้แทบกระอัก
"ไอ้เซียน..." พอเห็นคนตรงหน้าเงียบไปนานท่านเจี๊ยวเรียกเสียงเบาก่อนจะเอามือขึ้นไปตบบ่า "ขอโทษนะเว้ย.."
พอได้ยินคำขอโทษ ท่านเซียนเงยหน้าขึ้นหน่อยหนึ่ง ประหนึ่งสงสัยว่าขอโทษเรื่องอะไร เพราะเขาสิต้องเป็นฝ่ายขอโทษ
"มึงอาจจะสงสัยหรือเปล่ากูไม่รู้นะ ว่ากูบอกรักมึงบ่อยๆตอนเอากันเพราะอารมณ์มันพาไป" ท่านเซียนเริ่มหน้าเสีย.. ประโยค
หวั่นไหวที่น่ากลัวที่สุดแล่นผ่านแว๊บเข้ามาในสมอง ..เขากำลังจะถูกบอกเลิกแล้วให้กลับไปเป็นเพื่อนเหมือนเดิมหรือเปล่านะ?
"กูยอมรับ มันอาจจะใช่" ท่านเซียนถึงกับหยุดหายใจ...
อะไรนะ... เขากำลัง จะถูก บอกเลิก จริงๆหรอ?
..
..
..
"แต่ตอนนี้""..."
แทบจะอดกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ท่านเซียนเอามือประคองลูบหน้าตัวเอง ใจเต้นระรัวสั่นเทิ้มไปหมด..
..
"กูโคตรมั่นใจเลยวะ.."ท่านเจี๊ยวที่เห็นท่านเซียนเริ่มสะอื้นก็โผ่เข้ากอดอย่างรุนแรงแล้วรัดแน่นจนหายใจแทบไม่ออก.. ก่อนจะกรอกเสียงเบาๆผ่านโสต
ประสาทหู
..
..
"กูรักมึง"!!
"... รักมึงมาก" ก่อนจะระบายยิ้มอิ่มอุ่นเผยบนหน้าที่แนบแก้มของท่านเซียนอยู่ ..
" ...พี่เซียน"ท่านเซียนคลายกอดออกแต่แขนก็ยังไม่ได้หลุดจากกัน เขาสบตาเมียรักอย่างมากความหมายแต่ไร้คำพูด น้ำตายังคลอหน่วย
อยู่ที่ขอบตา ท่านเจี๊ยวยกมือขึ้นปาดออกให้ อาจจะปาดแรงไปไม่ได้อ่อนโยนเหมือนในละครฉากรักเรื่องไหนก็เถอะ "ผัวกูขี้แยว่ะ"
ก่อนจะยิ้มละอุนให้เขาอย่างเคย ท่านเซียนหัวเราะ
ก่อนที่ทั้งคู่จะนิ่งงันไปอีกครั้ง สบตากันยาวนานจนไม่รู้ว่ามันนานแค่ไหนท่านเซียนโน้มหน้าลงหาท่านเจี๊ยวในอ้อมกอด โน้มใกล้
เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ ท่านเจี๊ยวรีบเบี่ยงหน้าหลบ "สัส อย่ามาสปาร์คกันตรงนี้" ท่านเซียนชะงักชักหน้ากลับแล้วมองหน้า
ท่านเจี๊ยวที่เบี่ยงหน้าหนีผิวขาวอมชมพูแดงระเรื่อแม้จะมืดแต่ท่านเซียนเห็นได้อย่างชัดเจน เหล่ตามอง "จะเอาก็ไปเอาที่บ้าน
กูไม่ชอบนอกสถานที่"
แมร่ง!!! ยั่วเก่งเกินไปแล้วนะเมียกู! ท่านเซียนกู่ร้องประท้วงในใจ
..
'รู้ไหม.. มันไม่ใช่แค่สามปีที่ผมเฝ้ามองเขาเหมือนที่ใครๆเข้าใจ แต่มันคือห้าปีต่างหากล่ะ ฮาาาา'
'รู้ใช่ไหม ความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ มิน่าล่ะ... ห้าปีที่ผ่านมา ผมไม่เคยคิดว่ามันช้าเลย'
'คงไม่มีใครรู้อีกเหมือนกันแม้แต่ตัวผมเอง ว่าตอนนี้ผมรักเค้าแค่ไหน แล้วจะเอาอะไรมาเปรียบดี ผมไม่รู้ว่ะ ฮาาา'
'ถึงพวกไอ้เตี้ยจะรู้จะเห็นเรื่องความสัมพันธ์ แต่จะไม่มีใครได้รู้ ว่าเรารักกันยังไง ท่าไหนบ้าง ฮาาาาาา'
ประโยคสุดท้ายในไดอารี่.. คือประโยคที่ทำให้ท่านเจี๊ยวรีบวิ่งออกมาอย่างไม่คิดชีวิต
..
...
...
....
. . .
'แต่ตอนนี้ ..ผมรู้แล้วว่าที่ผ่านมาทั้งชีวิต ผมกำลังรอใคร นั่ น เ เ ห ล ะ . . คื อ สิ่ ง เ ดี ย ว ที่ ผ ม รู้ 'เพลงประกอบ
คลิกที่นี่ .. To Be Continue รุกxรุก_[Before!]
See you later.
**
จบแล้ว จบแล้ว จบแล้ววววววว

(แต่ติดบ่วงกรรมอิตรงทูบีคอนทินิวดิ

)
ผมไม่รู้ว่าประทับใจมั้ยนะ เพราะมันใช้เวลาเขียนค่อนข้างยาวนาน... (จนผู้อ่านบางคนเลิกอ่านแล้วหายไปอ่านเรื่องอื่นกันหมดแล้ว T^T) แต่ไม่เป็นไร ไว้จำได้ค่อยกลับมาอ่านก็ได้ -^______^- ตอนนี้ผมเขียนหลายรอบมากๆ ใช้ความพยายามสูงทีเดียวเพราะประเด็นจบไม่รู้จะเยอะไปไหน =A= แก้แล้วแก้อีก จนไปหาฤกษ์งามๆแล้วเอาลงเสียที (หรือแกเพิ่งเขียนเสดกันแน่ห๊ะ!!)
ก็ ... คนเขียนตั้งใจจะบอกว่า ผมตั้งใจเขียนตอนนี้มากนะ .. ตั้งใจมากๆจริง สุดท้ายนี้ก็สุดแท้แต่ผู้อ่านจะคอมเม้น (มาด่า T^T) หรือจะกดเป็ด (เพราะหนูอยากได้ TAT) ให้ก็แล้วแต่กรุณาเลยครับ ผมขอแค่คนที่จองมาอย่าลืมโอน ขอแค่นั้นเจรงเจร๊งง (เคร๊ง *เสียงเขวี้ยงขวด*) 555+
อ่า .. จะฝอยไรต่อดีล่ะ เมื่อก่อนผมคุยเก่งกว่านี้ แต่ตอนนี้รู้สึกว่ามันพูดไรไม่ออกง่ะ (งานจุกคอ TTATT) ไงก็ .. ผมฝากผลงานเรื่องอื่นๆด้วยแล้วกันครับ ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนถึงบรรทัดนี้คร้าบ 5555
Zhiki ShoyuTsu'Gi((( 17.12.2554 )))