ตอนที่ 17 อ๋อมขับรถกลับบ้านด้วยอารมณ์ดีเยี่ยม ระยะทางไกลไม่ได้เป็นปัญหา เลี้ยวรถเข้าสวนก็ค่ำแล้ว แต่ยังเจอพี่โชคพี่ชายคนเดียวยืนคุมคนงานเก็บของจากการถางไร่ และขนย้ายใบไม้ใบหญ้าขึ้นรถเอาไปทำปุ๋ยต่อไป
อ๋อมจอดรถข้างทาง ลงมาหาพี่ แต่พี่ชายบอกว่าให้เข้าไปที่บ้านเลยพ่อกับแม่รออยู่
“แล้วพี่สะใภ้กับหลานๆล่ะ”
“อยู่รีสอร์ท เดี๋ยวคงมา”
พี่ชายหันซ้ายหันขวาเกิดอาการไม่อยากทำงานต่อ บอกคนงานให้ขับรถกลับไปที่โรงปุ๋ย ส่วนตัวเองนั่งรถมากับน้องชาย
“ตัวกูเลอะฝุ่น ขึ้นรถมึงได้มั้ยวะเนี่ย”
“โหพี่ ถึงเลอะโคลนก็ขึ้นมาเหอะ จะให้ขนขี้วัวก็ยังได้”
“ก็กูเห็น ไอ้เปล่ง เพื่อนมึงสวนถัดไปเนี่ยมันกลับมาบ้านใครก็แตะรถมันไม่ได้ แล้วแมร่งก็อย่างคนประสาทกลัวดำกลัวแดดห่าอะไรไม่รู้” พี่ชายพูดทำบุ้ยปากไปทางสวนถัดไป ทำท่าเหมือนกับว่าอยู่บ้านติดกันเหมือนในกรุงเทพฯ งั้นแหละ
“คนไม่เหมือนกัน”
“เออแมร่ง กูเจอมันที่วัด มันสตาร์ทรถเปิดแอร์รออยู่ในรถ ไม่ขึ้นไปที่ศาลา เมียกูสิบอกคนรู้จัก เดินเข้าไปเคาะเรียก พอคุยกันเรียกมันไอ้เปล่งมันบอกให้เรียกมันว่าปีเตอร์ ปีเตอร์จรวยห่า หน้าตาบ้านนอกเสือกชื่อปีเตอร์”
อ๋อมหัวเราะเสียงก้องรถ “มันไม่ชอบบ้านนอกมาแต่ไหนแต่ไรพี่ก็รู้”
“แต่ไม่คิดว่ามันจะขนาดนี้ไง พี่น้องมันเป็นครอก แต่ละคนก้มหน้าก้มหน้าทำมาหากินไม่เห็นมีใครลืมกำพืดอย่างมัน”
พี่ชายด่าคนข้างบ้านอย่างเมามัน จนกระทั่งอ๋อมจอดรถที่โรงเก็บ
“แต่เดี๋ยวกูมีเรื่องบอกพ่อกับแม่ด้วย”
“เรื่องอะไร ว่าที่สะใภ้เหรอ”
“อันนั้น คงต้องรออีกนิด กูว่าจะบวชว่ะ”
“เฮ่ย จะแต่งเมียเหรอ” พี่ชายทำเสียงดีอกดีใจ แม่ที่ยืนรออยู่ถึงกับเดินมาหา
“อะไรมึงจะแต่งเมียเหรอ”
“สวัสดีแม่ พ่อสวัสดี” อ๋อมยกมือสวัสดีแม่ก่อนแล้วหันไปหาพ่อที่เดินลงบันไดมาหา “ไม่ใช่แต่งเมียหรอก ขึ้นบ้านกินน้ำก่อนไม่ได้หรือไง”
“โหลีลาว่ะไอ้อ๋อม” พี่ชายบ่น
“พี่ก็อย่าทำท่าอยากรู้สิ จะได้ไม่ลีลา”
กลับมาถึงบ้านกินข้าวมื้อดึกมาก รายล้อมไปด้วยพ่อกับแม่ที่ยังไม่ง่วง พี่ชาย พี่สะใภ้กับหลานชายหลานสาว 5 คนเรียนหนังสือตั้งแต่ไอ้แรกหลานชายคนโต มอ 3 ลงไปถึงไอ้น้องเล็กชั้นประถม 1 พากันนั่งคุยกันจากเรื่องหนึ่งไปอีกเรื่องหนึ่ง
“มึงน่ะนะเลิกเจ้าชู้” แม่เสียงดังลั่นบ้าน
“อะไรของแม่เนี่ย แทนที่จะดีใจ กลับตกใจ”
“หมาออกลูกเป็นตะเข้ละมึง” แม่ื่ท่าทางไม่เชื่อสักนิด
“แล้วแม่จะรู้ว่าหนูเป็นคนดี ไม่ใช่รักสนุกไปเรื่อย” อ๋อมทำเป็นกอดขาออเซาะแม่
ขณะที่พ่อยิ้มกริ่ม “อาการแบบนี้แสดงว่ามันเจอเข้าแล้ว”
“พ่อไม่คิดว่ามันกำลังหลงหรือไง” พี่ชายขัดคอ
“อย่างน้อยคราวนี้มันก็พูดว่ามันจะเป็นคนดีแล้วกัน”
“เอาล่ะอย่าเพิ่งโต้เถียง นอกจากเรื่องที่จะกลับตัวกลับใจก็คือหนูจะบวชละ”
“ชัดเลย มันจะแต่งเมีย” พี่ชายชี้หน้า
“ไรวะ ไอ้ห่าพี่โชคบอกว่าไม่แต่งก็ไม่แต่งสิ” อ๋อมเถียงพี่ชายแล้วหันไปหาแม่ที่นั่งหัวเราะ “อ้าวแม่ ไม่มีน้ำตาสักนิดเหรอ”
“ทำไมกูต้องร้อง”
“อ้าว ก็เวลาลูกชายจะบวช พ่อแม่ร้องไห้ทั้งนั้นแหละ”
“เหรอ แต่ไม่ใช่กูแน่ๆ” แม่ย้ำ “ตอนไอ้โชคบวชสิค่อยคุ้มกับน้ำตากูหน่อย”
“คร๊าบบหญิงแกร่งแห่งระยอง” อ๋อมนวดขาแม่ หันไปบอกพ่อ “หลังหนูรับปริญญานะพ่อ”
พ่อยิ้มเย็น พยักหน้า จนลูกชาย 2 คนขยับเข้ามาแซว “อะไรน่ะพ่อ แม่ไม่ร้องไห้ แต่พ่อจะร้องไห้”
“กูจะซึ้งไม่ออกเพราะพวกมึงแหละ” พ่อกลายเป็นเก้อ “บวชน่ะแล้วแต่พระอุปัชฌาย์ ไม่ได้แล้วแต่มึง”
“ก็รู้ แต่ทีนี้ หนูไม่อยากบวชอาทิตย์หรือสิบวันแบบนั้น บวชก็บวชสักเดือน ช่วงก่อนหนูกลับไปเรียนต่อแหละ”
“หรือว่ามึงทำผู้หญิงท้อง” พี่ชายชี้หน้า
น้องชายก็เถียงทันที “ไม่ท้องโว้ย ปล่อยนอกตลอด”
“ปล่อยนอกคืออะไร” เสียงของไอ้น้องเล็กถาม ปกติมันไม่เคยนั่งฟังอะไรเงียบๆ หรอกนะ แต่คราวนี้มันเงียบ แล้วมันก็ถามโพล่งขึ้นมา เล่นเอาพี่น้องที่กำลังตั้งท่าจะเถียงกันถึงกับหยุดกึก
“มันคือ...” คุณอาอ๋อมผู้ใช้คำศัพท์เทคนิค ทำท่าวาดมือ ตั้งใจ เตรียมพร้อมสำหรับอธิบายให้เด็กน้อยเข้าใจ แต่พี่สะใภ้รีบเข้ามาอุ้มไอ้น้องเล็กพาไปเข้านอน
“พี่ว่า พี่อธิบายเองจะดีกว่า ให้อ๋อมกับพี่โชคอธิบาย เดี๋ยวยิ่งเข้าใจผิดไปอีกทาง”
พอเด็กๆ กลับเข้าห้องนอนแม่ก็ชี้ที่อ๋อม “ไอ้น้องเล็กเนี่ยช่างซักถอดแบบมึงออกมาเป๊ะ”
“ปอ 1 แล้วไม่ใช่หรือแม่ มันจะจะเลิกเล่นเกม 100 คำถามแล้วนะ”
“ไม่หรอก มึงน่ะจนถึงตอนนี้ถ้ามึงอยากรู้มึงก็ต้องซักเอาให้ได้เหมือนเดิมใช่มั้ยล่ะ” พี่ชายช่วยเสริม “ก็พอไอ้น้องเล็กมันซักมากๆ กูรำคาญไม่ตอบ ก็ปัดๆ ไป แม่บอกว่าถ้าอยากให้ลูกฉลาดเหมือนมึง ก็อย่าเบื่อที่จะตอบคำถาม”
อ๋อมหันไปยักคิ้ว ยิ้มภูมิใจกับแม่ แต่หุบยิ้มทันทีที่พี่โชคพูดต่อ
“เรื่องฉลาดเรียนเก่งเนี่ย กูไม่ท้อที่จะตอบคำถามนะ แต่เรื่องเจ้าชู้เนี่ยกูกลัวจริง”
“อ้าว ไม่มีแล้วจริงๆ เคลียร์หมด อ่ะ เนี่ยอยู่บ้านเนี่ย พี่รอดูเลยละกันว่าจะมีสาวที่ไหนโทรหา หรือ กูโทรหาสาวที่ไหนหรือเปล่า”
“ทำไมต้องหลังรับปริญญา” พี่ชายสงสัย
“กูมีเรื่องที่ต้องจัดการให้วางใจก่อนน่ะ”
“เรื่องอะไร บอกพ่อกับแม่ได้มั้ย”
“ได้..” อ๋อมลังเล “แม่จำไอ้ต้อนเด็กข้างบ้านได้มั้ย”
“ได้เด็กนั่นกับพ่อแม่มัน อารมณ์ดีกันทั้งบ้าน”
“แต่ทีนี้ มีเพื่อนมันในกลุ่มคนหนึ่งเป็นเด็กอารมณ์ประมาณ พวกแพ้ไม่เป็นน่ะ”
“เหมือนพวกแพ้แล้วชวนตีแบบนั้น” พี่โชคหันไปอธิบายกับแม่ เลยโดนแม่ค้อน
“กูรู้จัก”
“แต่มาพักนี้มันติดกับต้อนมาก ต้อนมันก็ได้แต่ตามใจไป แต่ที่เห็นคือกลัวมันจะทำร้ายตัวเอง หรือคนใกล้ตัว”
“ไอ้เปล่งแค่น่าหมั่นไส้ แต่เด็กคนนี้น่าเป็นห่วงว่ะ แล้วมึงจะไปยุ่งกับเขาทำไม”
“ก็...เพราะกูเห็นมัน 2 คนบ่อยๆน่ะสิ แล้ว..มันแปลกๆว่ะ เห็นแล้วก็ไม่สบายใจ มันกลัวๆไงไม่รู้”
“เพิ่งเคยได้ยินมึงพูดว่ากลัว” แม่บอกพลางพยักหน้า
“แต่ก็ดีที่มึงรู้จักห่วงคนอื่นซะบ้าง ช่วงระหว่างนี้มึงก็เอาหนังสือสวดมนต์ไปท่องไปเรื่อยๆ อย่าไปเสือกกับเรื่องของเขามากนัก” พ่อเตือน
ส่วนพี่ชายช่วยเสริม “ช่วงก่อนบวชเนี่ยมันมักมีเรื่องมีอะไรเข้ามาทดสอบ มึงก็ต้องระวังให้มาก” แล้วหักมุมอีกที “มึงไม่ได้จะแต่งเมียแน่นะ”
“ห่าพี่โชค จะให้แต่งกับใคร ไอ้โอหรือไง”
พ่อกับแม่เลยพากันขำ “เออ บอกพวกมันให้มาเที่ยวกันช่วงก่อนมึงบวชก็ดี ไอ้ต้อนด้วยนะ เด็กสมัยนี้แมร่งเรียนหนังสือกันจนกูไม่อยากไปเกิดใหม่แล้ว กลัวต้องเรียนซ้ำ”
เฮฮา ตามประสาพ่อแม่ลูก ช่วยงานพี่ชายในไร่อีกหลายวัน จนถึงเวลาที่ต้องกลับมากรุงเทพเพื่อจัดการเรื่องราวก่อนรับปริญญา
กลับมากรุงเทพ ฯ มองไปที่บ้านข้างๆ ทุกอย่างยังเหมือนเดิม รอยยิ้มกว้างทักทาย
“กลับมาแล้วหรือฮะ”
“เป็นไงมั่ง”
ต้อนทำหน้างง ๆ “ไม่มีไร ทำไมถามแบบนี้ล่ะ”
“ก็จะไปรู้เหรอ เมื่อคืนไม่มีอะไร รอบ 12 ชั่วโมงมานี้อาจมีก็ได้”
“โห เรื่องเว่อร์ละยกนิ้วให้เลย” ต้อนส่ายหน้า
ก็ทั้งโทรหา และส่งแมสเซจ เจอหน้ายังถามประโยคนี้อีก ไม่เรียกว่าเว่อร์ได้ไง
ไอ้ปลาชะโงกหน้าออกมาจากในบ้าน
“พี่อ๋อม กลับบ้านเป็นไงมั่งพี่”
อ๋อมมองผ่านปลา ไปที่เพื่อนคนอื่นๆที่เดินเรียงแถวออกมาดูส่งเสียงทักทายกัน
“สอบเสร็จวันสุดท้ายไปเที่ยวบ้านพี่กัน เลือกเอาจะนอนสวนหรือรีสอร์ท”
ท่ามกลางเสียงร้องเย๊ ยังมีเสียงไม่เห็นด้วย
“ทำไมต้องไป”
“ก็ไปพักผ่อนไงหลังสอบเสร็จ พี่เองก็รับปริญญาแล้วเหมือนกัน ก็หาเรื่องพักก่อนเรียนต่อ แล้วก็ว่าจะบวชด้วย แต่ต้องรอพระก่อน”
“เหอะ บวชไปก็ไปเท่านั้น” เกมเล่นแรงจนต้อนต้องกระตุกมือ
ไอ้เล้งคนตัวเท่าๆกับต้อน วิ่งเข้ามาเกาะรั้วคุย
“เพื่อนพี่ก็ไปด้วยเหรอ”
“เออ พวกน้องเรียนจบ พี่ก็จบเหมือนกันนี่หว่า”
“แต่เหมือนไม่จบ ฟังๆดูเหมือนแค่พัก เพราะเดี๋ยวก็เรียนต่อกันทุกคน” ไอ้นนท์อ้วนดำแสดงความเห็นในมือยังถือถุงขนม
“เออนั่นแหละ แล้วแต่จะเรียกกัน” พี่อ๋อมยอมแพ้ “เอาขนมอีกมั้ย พี่แวะซื้อมาฝาก”
“ไม่ ซื้อกินเองได้” เกมเสียงห้วนสั้น จนเพื่อนทุกคนมองหน้ากัน
“นนท์” พี่อ๋อมหันถามคนกินเก่งของกลุ่ม
“ไม่เป็นไรครับพี่ ขอบคุณมาก” ไอ้นนท์ ส่งสัญญาณทางสายตาขอโทษข้ามรั้วบ้านมาให้
อ๋อมได้แต่พยักหน้าเข้าใจ
ก็ยังดีที่มันมาอ่านหนังสือด้วยกันทั้งกลุ่ม ไม่ทิ้งต้อนไว้กับเกม
จน 4 โมงเย็นแต่ละคนถึงได้กลับบ้าน แล้วมันก็ถึงเวลาที่อ๋อมจะถือผลไม้ และของฝากไปบ้านข้างๆ
“ไม่ล็อคบ้านนะเรา”
ทำเป็นพูดเหมือนหวังดี มือก็ถือของเดินเข้าไปในบ้านข้างๆหน้าตาเฉย
ต้อนที่กำลังเก็บล้างถ้วยชามที่เพื่อนกินเสร็จแล้วไปล้างในครัวหันมามอง หน้าตาเหรอหรา
“อ้าว ผมว่าผมใส่กุญแจแล้วนะ”
ตามประสาคนลักกินขโมยกิน เห็นอยู่ว่าเกมเดินออกไปแล้ว รู้อยู่ว่าพ่อกับแม่ยังไม่กลับ แต่ก็ยังมองสำรวจไปทั่ว
ที่จริงบ้านจัดสรรไม่ได้หลังใหญ่โตอะไร เดินเข้ามาก็เห็นไปถึงครัวหลังบ้านแล้ว
พอพี่เดินถือของเข้าไปวางในครัว ต้อนก็หันมาส่งยิ้มประจบ
“พี่ทำต้มปลาทูกับมะดันได้มั้ย”
“สบายมาก”
วางของฝากทั้งหมดบนโต๊ะ แล้วหันไปรวบกอด รั้งเอวน้องเข้ามาหา อีกมือช้อนหลังศีรษะดันขึ้นมารับริมฝีปาก
ดูดย้ำ พลิกหน้าปรับมุม สอดลิ้นแล้วดูดเม้มริมฝีปาก เลื่อนจูบแก้ม จูบคาง ไม่พักให้หายใจ จนต้อนส่งเสียงท้วง
“พอแล้ว พอแล้ว”
“คิดถึง”
“อื้อ..”
ช้อนมือใต้สะโพกยกอุ้มมานั่งบนโต๊ะกินข้าว จัดท่าทางให้เสร็จ
“อื้อ ไม่เอา ไม่เอา”
“ยืนจูบตรงนั้นไม่ถนัด ต้อนนั่งดีกว่า นี่ไง” 2 มือพี่ประคองใบหน้าไว้ ตามด้วยริมฝีปากกดแนบสนิท สอดลิ้น แล้วเลื่อนมือป่ายที่แผ่นหลัง
ร่างผอมบางแอ่นตัวเข้าเบียดพี่ตามแรงกดมือที่หลัง แล้วเหมือนจะรู้ตัวว่า ยิ่งมีแต่จะเสียเปรียบเลยเบี่ยงตัวหนี
แต่มันก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น เพราะพี่ยืนแทรกกลางหว่างขา
“ไปกี่วันเอง”
“ไม่รู้กี่วัน แต่มันเหมือนนานมาก”
“ก็คุยกันอยู่ทุกวัน”
“มันไม่เหมือนกัน”
“รออีกนิดนะฮะ”
พี่ละจูบที่คอ ถอนหายใจหนัก แนบหน้าผากชนหน้าผาก “รู้มั้ยว่ามันยากมาก”
“รู้ แต่อีกนิดเดียวเอง”
“อื้อ”
พี่บอกแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ ซบหน้าลงกับอกของต้อน แขนเรียวโอบกอด หลับตาฟังเสียงหัวใจ รับรู้สัมผัส สูดกลิ่นหอมติดจมูก
“ที่ว่าอยากได้มากขึ้นเรื่อยๆ เป็นแบบนี้เอง”
“ปกติง่ายกว่านี้ใช่มั้ยล่ะ”
เสียงเหมือนจะงอน ทำให้พี่เงยหน้าขึ้นมอง ต้อนทำแก้มพองแล้วหัวเราะร่วน
“อ่ะ กลัวผมงอนเหรอ”
“ก็กลัวสิ พี่มันคนประวัติเยอะ ก็รู้ว่าส่วนหนึ่งที่ต้องรอคือเกม อีกส่วนคือตัวพี่เองที่ต้องทำให้เชื่อใจ”
“อันที่จริง ที่พี่เจ้าชู้ มันก็ทำให้ผม...ไม่ค่อยแน่ใจ” ต้อนยิ้มแหย
พี่อ๋อมได้แต่พยักหน้าเข้าใจ “อ่า....เข้าใจแล้วครับ พี่รู้ตัวแล้ว”
“รู้แล้วก็อย่าเผลอตัวเผลอใจไปอีก”
“ไม่แล้ว”
ต้อนหัวเราะหึหึ ไม่เชื่ออย่างชัดเจน พี่ทำปากยื่นล้อเลียน
“ไม่มีมาตั้งเป็นเดือนๆแล้วยังไม่เชื่ออีก”
“พี่ก็รู้ว่า คนเราน่ะมันจะดีแตกขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ คนที่คิดว่าเขาไป แต่ที่จริงเขายังไม่ไป ยังโกรธแค้นก็ยังมีอยู่...” ต้อนพูดแล้วก็หยุดไปเฉย ๆ
“มีอะไร”
“ผมไม่มีสิทธิ์พูดกับพี่อย่างนี้นี่นา เพราะผมเป็นคนบอกกับพี่ตั้งแต่แรกว่าอย่ารอ”
“แล้วพี่ก็บอกตั้งแต่แรกว่าจะรอ มีไรมั้ย”
“ก็แหม มันจะเคยตัวนะเนี่ย” ต้อนพูดเขินๆ
อ๋อมบีบจมูกเล็กของน้องเบามือ “งั้นเรามาทบทวนข้อตกลงกันอีกครั้ง”
“อย่างกับทันงั้นแหละ”
“งั้นเอาไงดี”
ต้อนเอียงหน้าเอียงคอ “ทำกับข้าวเหอะ เดี๋ยวแม่มาได้กินข้าว”
“เดี๋ยวดิ ซึ้งอีกนิด คิดถึงจะตายอยู่แล้ว”
“1 นาที”
พี่รีบพูดทันที “พี่รักต้อน”
ต้อนหน้าแดงไปถึงหู ที่ผ่านมาขอพี่ว่า อย่าเพิ่งพูดคำนี้ แล้วก็คิดว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกสักหน่อยที่พี่ชิงพูดคำนี้ขึ้นมาเฉยๆ
แต่หัวใจก็ยังเต้นโครมคราม
ส่วนพี่ยิ้มกรุ้มกริ่ม ฉกจูบอีกครั้งแล้วผละออกแบบ...ตัดใจอย่างที่สุด
“ไปทำกับข้าวแล้วนะครับ”
ลุกขึ้นมาเตรียมของ ต้อนก็หันไปหุงข้าว
“ช่วงนี้แม่กลับเร็ว เดี๋ยวก็มาละ”
“แม่คงห่วงต้อน”
“ใช่ เค้าไม่ได้พูดอะไรนะ แต่ว่าจะคอยมองคอยดู เวลาหลับไปกับโต๊ะจะได้ยินเสียงแม่เปิดประตูเข้ามาดูทุกคืน”
“แน่ใจเหรอว่าเป็นแม่น่ะ”
พี่หันมาทำตาโต มองซ้ายมองขวา
“อะ อย่ามาหลอกนะ กลัวจริงนะเฟ้ย”
“เออ ก็ทีพี่ ต้อนยังหลอกเลย”
“แล้วพี่กลัวซะที่ไหนล่ะ”
“กลัวจริงน่ะ”
“จริงดิ ห้ามหลอก”
“งั้น คืนนี้พี่ปีนรั้วมาเฝ้าดีมั้ย”
ต้อนกะพริบตาถี่ๆ “เกิดอะไรขึ้นเนี่ย”
“อะไร”
“ก็ดู....เอ่อ...หื่นกว่าเดิม”
“เริ่มกดอาการหวงไม่ไหวแล้วมั้ง” พี่หันมาแตะคางของน้อง เกลี่ยปลายนิ้วที่ริมฝีปาก “ในสมองเห็นแต่ภาพเวลาที่ต้อนอยู่กับเกม แอบมองมาจากฝั่งโน้นก็เห็นอยู่ด้วยกันตลอด”
“ตลอดที่ไหน อีก 3 คนก็อยู่ด้วยกัน ไปแคมป์ด้วยกัน เรียนพิเศษด้วยกัน ไม่ได้อยู่กัน 2 คนตลอดหรอก”
จากที่แตะคางเปลี่ยนเป็นกอดไว้แน่น
“พี่รู้ว่า ต้อนเองก็ระวังตัว แต่มันก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ไปอยู่ที่ไหนใจมันก็ห่วงแต่คนทางนี้”
“แล้วก่อนหน้านี้ล่ะ”
“ก็ห่วงอีกแบบหนึ่ง”
“มีแต่คนเป็นห่วงผมเนอะ”
“แล้วรำคาญหรือเปล่า”
ต้อนยิ้มแป้น ส่ายหน้า “ไม่หรอก มีคนเป็นห่วงดีกว่าหันไปทางไหนเขาก็หันหลังให้ … เปลี่ยนเรื่องให้มันห่างตัวอีกนิดเหอะ”
“ว่ามา”
...ห่างยังไงพี่ก็วนกลับไปที่เรื่องของเราจนได้น่ะแหละต้อน...
“ตอนพี่สอบเข้ามหาลัย เครียดอย่างนี้ป่ะ”
“ไม่เลย”
“โหย ไรวะ”
“ก็..คนมันเรียนเก่ง”
ต้อนทำปากยื่น “ทำไมเวลาผมเจอคนเข้ามหาลัยได้แต่ละคนชอบบอกว่าไม่เครียด เพราะอ่านหนังสือเรื่อยๆ ทุกคนเลยนะ”
“แต่มันใช่เลยนะต้อน ถ้าจะถามว่าพี่เตรียมตัวนานมั้ยก็ต้องบอกว่าตั้งแต่มอ 4”
ต้อนฟังพี่พูดไปเรื่อย จนกับข้าวเสร็จ แม่มาอ๋อมก็เดินตามมาสวัสดี
“อ้าวอ๋อม ต้อนให้ทำกับข้าวอีกแล้วเหรอ” แม่รู้ทัน “ไหนบอกว่าทำได้สบายมากไงต้อน”
“ทำได้ สบายมาก แต่นั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าวเฉยๆ พี่ก็หยิบโน่นนี่ใส่หม้อ ใส่กระทะละ สะ บาย มั่ก”
“ต้อน แม่ว่าแม่อายอ๋อมว่ะ”
“โหย งั้นไหนๆแม่ก็อายละ พี่ทำผัดคะน้าปลาเค็มอีกอย่างละกัน” ต้อนหันมาหาคนที่ได้แต่ยืนยิ้มกว้าง
“พี่ทำผัดกะหล่ำแล้ว เปลี่ยนเป็นไข่ระเบิดมั้ย มันน่าจะเข้ากับต้มปลาทูมากกว่า” พี่อ๋อมเสนอ
“พอแล้วอ๋อม ทำหลายอย่างต้อนมันจะเลือกกินแต่กับเปล่าๆ ไม่กินข้าว”
“คุณนายรู้ทัน เริ่มไม่น่ารักแล้วนะ” ต้อนทำกอดอก “เดี๊ยะ จะฟ้องคุณชายแว้น”
แม่ที่กำลังเดินนำเข้าบ้านหันมามอง “คุณชายแว้นที่ไหนอีกล่ะ”
“คุณน้ายยยยยยย” ต้อนลากเสียงซะยาวไป 5 จังหวัด “คุณชายแว้น ณ แกงเผ็ดเป็ดย่างไง”
“อ๋อ” แม่ทำเสียงเข้าใจแล้วหัวเราะร่วน
อ๋อมเดินเลยเข้าไปในครัว ทำท่าจะเตรียมทำกับข้าวเพิ่ม แม่เลยยิ่งเกรงใจ
“อ๋อม คืนนี้ไม่มีนัด ก็กินข้าวด้วยกันก่อนนะ”
“ครับ”
ตอบรับแม่ แล้วหันมายักคิ้วส่งยิ้มกรุ้มกริ่มให้คนที่แอบแลบลิ้นให้
======จบตอนที่ 17=======
ดูเหมือนคุณผู้อ่านจะหวงต้อนนะเนี่ย คนเขียนเขาก็หวง โยกหลบตลอด ไม่ได้แค่โยกหลบ ผมไม่เขียนเลยแหละ จนทำให้ ต้อนหายไปหลายตอน เพราะมันเป็นช่วงที่ผมกำลังนอยด์ แต่เพื่อผัดไทกุ้งสดกับไอติมชาเขียว ก็เลยเขียนเติมจากบทบรรยายที่ไม่มีไดอะล็อคไปจิ๊ดนึง ป๋ามาแบ่งตอนใหม่ ต้อนเลยอยู่ดีมีความสุข (ทำไมรู้สึกว่าผมว่าผมไม่ควรเล่านิสัยไม่ดีของตัวเองนะเนี่ย)
หวังว่าคุณจะมีความสุขเมื่อได้อ่านเรื่องที่เราเขียน อยากกินเครปครีมสดอ่ะ
พบกันวันพฤหัสบดีนะครับ ขอบคุณทุกความเห็นและคำแนะนำครับ ขอบคุณๆๆๆๆ กอดรวบคุณทุกคนให้หมดเลย โป้ง พี่ปุ้ม เตือนอะไรเี่นี่ย พวกป๋็านี่หว่า
ไจฟ์ครับ ทีครับ