ตอนที่ 3 “ในฐานะตากล้องแล้วนายเป็นคนที่มีเสน่ห์มาก ดีใจที่มีคนค้นพบนาย ต่อไปนายต้องเป็นนายแบบอันดับหนึ่งของวงการแน่ พยายามเข้าล่ะ”พี่คิมเอ่ยพร้อมกับยิ้มให้กับผมใบหน้าที่เหมือนโจรนั้นดูดีขึ้นมาหน่อย ผมพยักหน้ารับถึงหน้าผมจะนิ่งแต่จริงๆ แล้วแอบตกใจอยู่เหมือนกัน แหงล่ะ! จู่ๆ ก็บอกว่าหลงเสน่ห์เข้าแล้ว พูดก่ำกวมแบบนั้นก็ต้องตกใจกันบ้าง จริงๆ แล้วชอบในฐานะนายแบบก็ไม่พูดให้เคลียร์ๆ เฮอ! ผมถ่ายไปจนพี่คิมแกพอใจก็นานอยู่นั้นแหละครับ ทีมงานก็พักกันก่อนที่จะรวมถ่ายเป็นคู่บ้างผมเดินมานั่งเก้าอี้เพื่อพัก พี่ที่ควบคุมแสงแกก็นั่งอยู่ก่อนแล้วครับ อีกฝ่ายยิ้มกว้างให้กับผม ผมแค่ผงกหัวรับไป
“ไอ้คิมน่ะไม่เคยชมใครแบบนี้หรอกนะ! แสดงว่าเธอเจ๋งจริง!”
“ขอบคุณครับ”ผมตอบรับสั้นๆ แบบไม่ยินดียินร้าย ไอ้พวกนายแบบที่เหลือแต่ละคนเนี่ยออกอาการอิจฉาผมตาร้อนผ่าวๆ เฮ้อ~ ไม่ได้ทำอะไรเลยก็ดูเหมือนจะสร้างศัตรูอีกแล้วสิครับเนี่ย
“อ๊ะ คุณวิน!”
“สวัสดีครับคุณวินเซอร์”
เสียงจากเหล่าสตาฟฟ์ดังขึ้นเป็นทอดๆ ผมแค่เหลือบสายตาไปมองเท่านั้นแหละ ไอ้หัวมะเขือเน่ามันเดินเข้ามาอย่างมาดเท่ เหอะๆ หมั่นไส้! ดูเหมือนแต่ละคนปลื้มหมอนี้มากเลยแฮะ สตาฟฟ์หนุ่มสาวในสตูฯ มองมันตาวิบวับอย่างกับมีดาวในตาแน่ะ ไม่ใช่แค่พวกสตาฟฟ์หรอกแม้แต่นายแบบพวกขี้อิจฉาพวกนี้ก็ดูเหมือนระริกระรี้เข้าไปหาไอ้วินเซอร์หยั่งกับอีหนูเจอป๋าอย่างไรอย่างนั้น!
“เลิฟ คอแห้งไหม กินอะไรหรือเปล่า?”
“น้ำเปล่าครับ”
“โอเค รอแป๊บหนึ่ง”
พี่บอสเดินเข้ามาถามผมแล้วเดินออกไปหยิบแก้วน้ำมาให้ ระหว่างที่ผมดื่มน้ำเงียบๆ เสียงเอะอะเสียงดังก็มาจากกลุ่มที่มีไอ้หัวมะเขือเน่ายืนกลางกลุ่มนั้นแหละครับ ผมเหลือบมองอย่างไม่สนใจแต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเจ้าหมอนี้มันเป็นใครกันแน่? แต่ละคนกระดี๊กระด๊ากันใหญ่
“พี่บอส”
“ว่าไง?”
“เจ้าหัวแดงนั้นใครเหรอ?”
“อ้อ นั้นคุณวินเซอร์ลูกชายคนเดียวของประธานฮันเจ้าของบริษัทดีเอไง ดังมากเลยนะเด็กคนนี้น่ะก็หน้าตาหล่อแล้วการทำงานของเขาก็โปรมากด้วย เห็นว่าจะได้บริหารต่อจากพ่อน่ะ”
งั้นเหรอ? มิน่าล่ะถึงได้พูดว่าถ้าเจ้าหมอนี้ถูกใจล่ะก็จะได้เข้าวงการ อย่างนี้นี่เองมีพ่อเป็นเจ้าพ่อวงการสื่อนี่เนอะ ประธานฮัน? เห? ก็คนผมทองนั้นน่ะสิ! พ่อหน้าตาลูกครึ่งแบบนั้นหมอนี้ก็คงจะเป็นเสี้ยว เอาอีกล่ะ ผมคิดเรื่องหมอนี้อีกล่ะ เฮ้อ~ เซ็งว่ะ!!
“แต่นายอย่าไปยุ่งกับเขาดีกว่ายังไงเขาก็ตัวอันตรายอันดับหนึ่งเชียวนะแต่ว่าวินเซอร์ก็คงไม่ชอบแบบนายล่ะมั้งเลิฟ ก็รายนั้นชอบหนุ่มใสๆ เอ๊าะๆ นี่น่า ไอ้ที่ดูร้ายๆ แบบนายน่ะหมดสิทธิ์ หึๆ”พี่บอสเอ่ยพร้อมกับเลิกคิ้วล้อเลียนผม โธ่เอ๊ย! มันไม่ชอบผมน่ะดีแล้วเดี๋ยวอาชีพดาราอย่างผมจะลำบาก!!
ผมหันไปมองไอ้วินเซอร์ด้วยหางตาดูแล้วโคตรจะหยิ่งเพราะพวกนายแบบทั้งหลายที่รุมล้อมหมอนั้นพร้อมใจมองมาอย่างไม่พอใจ โถ~ ไอ้วินเซอร์มันเป็นอะไรกับพวกมึงกัน มาโกรธแค้นแทนทำไมวะ? เจ้าหมอนั้นก็หันมามองผมอยู่ครู่หนึ่งผมหันไปมองทางอื่นเมินไม่สนใจ ก็กูหยิ่งไง! นานพอสมควรเจ้าวินเซอร์ก็เดินออกไปจากสตูฯ ทำให้เหล่าสตาฟฟ์และนายแบบที่เข้าไปรุมหมอนั้นแยกย้ายทำหน้าที่ของตัวเองต่อ
“ถึงคิวนายแล้วเลิฟ”พี่บอสบอกผมเมื่ออีตาพี่คิมโบกมือให้กับผมพร้อมกับยิ้มกว้างกระตือรือร้นมากมาย อีตาคนนี้มันบ้าเปล่าวะ? ตากล้องไม่เต็มบาท! ผมเดินเข้าฉาก พี่ช่างแต่งหน้าก็เข้ามาประกบซับหน้าให้เล็กน้อยก่อนจะถ่าย เอาล่ะ ตอนนี้ผมจะตั้งสมาธิอยู่ที่งานแล้ว!!
ข้อสอบนี้มันอะไรกันวะ!!? เอาไว้ฆ่าคนหรือไง!!!? หลังจากสามชั่วโมงในการทำข้อสอบผมก็พาตัวที่สมองกระเด็นหนีหายล่องลอยผ่านหน้าประตูออกมา วันนี้สอบตั้งสามวิชาแน่ะผมอยากจะตาย วิชาสุดท้ายหนักมากนี่อาจารย์แก้เผ็ดพวกไม่มาเรียนหรือไงกันแต่อยากจะบอกว่าพวกไม่มาเรียนมันเห็นข้อสอบตอนแรกแล้วยิ้มร่าผ่านไปสามสิบนาทีมันก็เดินออกไปจากห้องแล้ว! มันหนักตรงที่พวกมีความรู้เนี่ยสิเขียนจนมือหยิกมืองอเลยนะ!!
นั่งนานไปหน่อยก็ปวดเมื่อยร่างกายเหมือนกันว่ะผมเดินออกจากห้องสอบเป็นคนสุดท้าย ข้างนอกมืดมากครับ ตอนนี้สามทุ่มผมใช้สมองมาตั้งแต่เช้าแล้วเวลานี้มันใช้งานไม่ได้ชั่วคราวปิดทำการเพื่อพักฟื้นอยู่ครับ ผมเดินเข้าห้องน้ำมาล้างหน้าล้างตาหน่อย
ผมเงยหน้ามองกระจกแล้วชะงัก เวร ลืมไปเลยว่าหน้าแต่งเครื่องสำอางเป็นไอ้จืดอยู่แต่ก็ช่างมันเถอะตอนนี้คงไม่มีใครอยู่แล้ว ค่ำขนาดนี้ใครมันจะมาสนใจคนอื่นล่ะ ผมสวมแว่นไว้เหมือนเดิมแล้วเดินออกจากห้องน้ำไปกดลิฟต์เพื่อที่จะได้ลงไปข้างล่าง พอลิฟต์มาก็รีบเดินเข้าไปก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิดตัวลงก็มีมือเข้ามากั้นแล้วประตูลิฟต์ก็เปิดอีกครั้ง ผมเงยหน้ามองเพื่อนร่วมลิฟต์แล้วหันหน้าเข้าผนังลิฟต์ทันที
เวร!
ไอ้วินเซอร์!!ก็เห็นมันเดินออกจากห้องสอบก่อนผมนี่น่าแล้วทำไมมันยังอยู่ที่นี้อีกวะ!? ผมไม่ได้มองมันนะแค่เงยหน้ามาแล้วเห็นมันเดินออกไปจากห้องเท่านั้นเอง จริงๆ! ไอ้วินเซอร์เดินไปยืนอยู่อีกมุมของลิฟต์มันไม่ได้สนใจเพื่อนร่วมลิฟต์แบบผมแม้แต่น้อย บรรยากาศในลิฟต์เงียบมากต่างคนก็หันเข้าผนังลิฟต์ไม่มีใครสนใจใคร
กึก!!! กึก!!!! พรึบ!!เฮ้ยยย!!!ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจต่อให้คนมีสติยังไงก็ต้องตกใจอยู่แล้วล่ะครับ ลิฟต์ที่ดีๆ อยู่กลับไฟดับมืดไปหมด เวร! ลิฟต์ค้างงั้นเหรอ!!? แล้วผมจะต้องทำยังไงดีเนี่ย โอ๊ยยย!!! ตั้งสติก่อนครับ ผมพยายามรวบรวมสติ เอาล่ะตอนนี้ก็ต้องกดปุ่มขอความช่วยเหลือก่อน
ตุ้บ!หือออ? เสียงอะไรหล่นวะ อย่านะเฟ้ย! รู้สึกว่าหนังผีที่ไปดูมาจะกลับมาเล่นงานผมเมื่อเวลาผ่านมานานแล้ว ตอนดูในโรงมันก็งั้นๆ แต่พอมาอยู่ในสถานการณ์จริงกูเสือกหลอน! ผมพยายามคลำหาแผงบังคับลิฟต์แล้วทำไมมันไม่มีเสียงไฟเลยวะไม่มีไฟฉุกเฉินหรือไง!? เสียงหายใจหอบดังขึ้นในลิฟต์ เวร... แล้วทำไมต้องทำเสียงหลอนๆ ด้วยวะ กูยิ่งสติแตกอยู่! ผมไม่ได้ถอนหายใจแรง งั้น...อีกคนที่อยู่ในลิฟต์เป็นคนทำงั้นเหรอ? หรือว่ามันไม่ใช่คนนน!!!
เอาล่ะ พระเจ้าจะมาทดสอบคนขวัญแข็งๆ แบบผมทำไมกัน ไอ้วินเซอร์เหี้ยนี้มึงจะหายใจแรงทำไมวะ!!? แต่...เอ๊ะ? หายใจแรงขนาดนี้มันไม่หัวใจวายตายไปแล้วใช่ไหม? ผมพยายามค้นเอามือถือของตัวเองออกมาแสงจากมือถือส่องสว่างสลัวๆ ผมงมหาปุ่มขอความช่วยเหลืออย่าบอกกูนะว่าเจ้าหน้าที่มันกลับบ้านแล้ว! ใครก็ได้ช่วยผมที! ผมกดปุ่มนั้นแล้วหันไปหาเพื่อนร่วมทุกข์อีกคนที่มันเงียบเหลือแต่เสียงหายใจแรงๆ ส่องแสงมือถือหาจนกระทั่งเห็นมันขดตัวกระจุกที่มุมลิฟต์ หลับตาตัวสั่นงกๆ
อะไร? เป็นอะไรวะ?
“เฮ้ย! เป็นอะไรวะ?”
“...”
“ตายหรือยัง?”
ผมเดินมานั่งข้างๆ มันแล้วจิ้มอีกฝ่ายถ้ามีไม้ผมก็จะใช้ไม้จิ้ม! ไอ้วินเซอร์ไม่แม้แต่จะขยับตัวเลย มันเป็นอะไรวะเนี่ย? ผมจับแขนของมันเขย่าเบาๆ มึงอย่ามานอนที่นี้นะโว้ย ไปนอนที่บ้าน!
“แสง...”
อะไรนะ? ผมเอียงหูฟังอีกฝ่ายพูดเสียงแผ่วเบา แสงอะไร? ผมเงยหน้ามองไปรอบๆ แล้วกลับมามองไอ้วินเซอร์อีกครั้ง แสงอะไรของมัน? มึงกำลังฝันอยู่หรือไงวะ!!? ผมกดมือถืออีกครั้งแสงสว่างนวลๆ เกิดขึ้นอีกครั้ง ไอ้วินเซอร์ถอนหายใจเบาๆ แต่มันก็ยังหลับตาเหมือนเดิม
แสง?
อย่าบอกนะว่า...
มึงกลัวความมืดน่ะ?
เฮ้ยๆ อย่ามาล้อเล่นน่า! มันไม่น่าเชื่อเลย แสงในมือถือดับไปอีกครั้งเจ้าวินเซอร์ก็ขยับยุกยิกเข้ามาใกล้ผม เออๆ ไม่ต้องเข้ามาใกล้กูหรอกเดี๋ยวจะกดมือถือเอาแสงให้ แหม...ตัวก็ใหญ่แต่ดันกลัวความมืดเนี่ยนะ ให้ตายเถอะ! เด็กชะมัดเลยว่ะ!!
ปิ๊บๆ
“เวร มือถือแบตฯ หมด”
ผมมองมือถือของตัวเองที่จู่ๆ ก็ส่งเสียงเตือน ไม่นานมันจะดับเครื่องไปเองโดยไม่ขออนุญาตจากเจ้าของมันเล๊ย ไอ้มือถือบ้า! เจ้านายกำลังลำบากนะโว้ย ทำไมถึงทำกันได้! ผมถอนหายใจเฮือกแล้วเอามือถือไว้ในกระเป๋าเหมือนเดิมก่อนจะทิ้งตัวนั่งข้างๆ ไอ้วินเซอร์ เมื่อไรเจ้าหน้าที่จะมาช่วยวะ ไม่อยากนอนที่นี้หรอกนะ!
ตอนนี้มันก็ค่ำมากแล้วคงไม่ใช่ว่าผมต้องอยู่ในนี้จนถึงตอนเช้าหรอกใช่ไหม!? แล้วไอ้ลิฟต์บ้านี่มันค้างเพราะอะไรกันวะ ทำไมมาค้างตอนที่กูใช้ด้วยเนี่ย!!? ผมหันขวับไปมองเจ้าวินเซอร์อย่างตกใจ จู่ๆ ไอ้เวรนี่ก็หลอนขึ้นมามึงจะร้องไห้ทำไมวะ!? มึงกับกูยังมีโอกาสรอดอยู่โว้ยยย ยังไม่ตายยยแล้วกูก็ไม่ยอมตายด้วยยย!!!
กูยังซิงอยู่!!! ต้องหาเมียมาเปิดเวอร์จิ้นก่อน!!!“เป็นอะไรวะ ร้องไห้ไม่อายหรือไง?”
“...”มันไม่ตอบครับ เข้าไปอยู่ในโลกของตัวเองอย่างสมบูรณ์แบบ มึงอย่าเพิ่งเข้าโลกส่วนตัวสิวะอยู่เป็นเพื่อนกูก่อน! ผมถอนหายใจเฮือกทำไมกูต้องมาติดลิฟต์กับไอ้เด็กนิสัยไม่ดีแถมขี้แยแบบมึงด้วย ทำไมฟ้าถึงลงโทษกูแบบนี้!?
ไม่ยุติธรรมมม!!!“เฮ้ย อย่าเนียนโว้ย!”
ไอ้บ้าวินเซอร์มันเข้ามาคว้าตัวผมแล้วซุกตัวกอดผมไว้แน่น กูไม่ใช่ตุ๊กตานะโว้ยกรุณาอย่าเนียนนน! โธ่เอ๊ย!! แล้วทำไมผมถึงได้ใจอ่อนกับไอ้เด็กนิสัยเสียคนนี้ด้วยวะ!!? เสียงสะอึกสะอื้นน่าสงสารเสียจนผมต้องกอดปลอบ เอาว่ะ คิดซะว่ากำลังกอดปลอบใจเด็กอยู่ล่ะกันแต่เด็กเหี้ยอะไรตัวโคตรใหญ่!
“ยังรักผมอยู่หรือเปล่า?”
หา!? ไอ้วินเซอร์บ่นพึมพำอะไรบางอย่างแล้วกอดผมแน่นเข้าไปอีก เวรรร!!! มึงอกหักรักคุดมางั้นเหรอ!? หล่อแบบมันก็อกหักได้งั้นเหรอ? ขนาดผมยังไม่เคยอกหักเล๊ย แน่นอนล่ะก็ผมยังไม่เคยชอบใครจริงจังนี่น่า!
“ทำไมถึงทิ้งผมไป?”
“ก็ไม่ได้ทิ้งสักหน่อย”
“ไม่จริง! ไหนบอกว่ารักผมไง แล้ว...ทำไมทิ้งผมไป!”
โอ๊ยยย!!! กูจะไปรู้กับแฟนมึงเหรอออ!!? มึงมันนิสัยเสียไงแฟนมึงถึงได้ทิ้งไป! แล้วจะกอดกูจนกระดูกหักเลยหรือไงวะ!? ตอนนี้กูจุกแล้วเฟ้ยยย! แล้วไอ้บ้านี้ยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิมอีกผมควรจะทำอะไรไงดีวะ!? ลิฟต์ก็ไม่มีใครมาช่วย ไอ้คนที่ติดด้วยก็สติแตก!!
“ใจเย็นๆ สิวะ ผู้หญิงทิ้งแค่นี้ทำไมมึงต้องร้องไห้จะเป็นจะตายด้วย! ไม่ใช่ว่ามันมีคนเดียวนี่หว่า!!”
“...”
“ถึงกูจะไม่มีประสบการณ์เรื่องนี้แต่มึงจะมานั่งเศร้าให้มันจะได้อะไร เขาจะกลับมาหามึงหรือยังไง?”
“...”
“หาคนใหม่ที่ดีกว่าแจ่มกว่าสิวะไอ้โง่ คนโสดที่ดีๆ ยังมีอีกเยอะ”
“...”
“แล้วนี่เหี้ยอะไรวะ? ตัวใหญ่ซะเปล่ามานั่งร้องไห้ฟูมฟาย”
“...”
“ถ้าเขาไม่รักมึงก็ปล่อยไปเถอะ เชื่อกูรั้งไว้ก็ไม่มีความสุขหรอก หน้าตามึงดีจะตายมึงหาใหม่ให้เช้งวับแล้วขี้คร้านแฟนเก่าของมึงจะนึกเสียดายว่ะ!”
“...”
ผมแม่งพร่ำอยู่นานแสนนานไอ้คนที่ทิ้งน้ำหนักลงมาที่ผมมันเงียบและนิ่งมาก ผมขยับตัวจับมันเขย่าเบาๆ เวร!!! ไอ้เหี้ยยย!!! มึงหลับไปตั้งแต่เมื่อไรวะ!? ผมผลักมันออกไปทันที กวนส้น! เสียงผัวะดังมากสงสัยหัวมันจะโขกผนังลิฟต์ สมน้ำหน้า! ผมนั่งอยู่ตั้งนานในลิฟต์มันเงียบมากผมถอนหายใจเฮือกแล้วยื่นมือไปคลำๆ ตัวของไอ้วินเซอร์ดึงมันมาผิงตัวเอง จะได้รู้ว่าผมยังมีเพื่อนอยู่ด้วยไม่ได้อยู่คนเดียว!
ผมนั่งสัปหงกอยู่นานจนกระทั่งรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนของลิฟต์ไฟในลิฟต์สว่างขึ้น ผมก็ลุกขึ้นร้องตะโกนอย่างดีใจสุดขีด แม่งงง!!! ลิฟต์ทำงานแล้วโว้ยยย!!! แล้วลิฟต์ก็ลงมาชั้นหนึ่งที่เป็นจุดหมายในตอนแรก เอาล่ะได้กลับบ้านสักที! ผมกำลังเดินออกจากลิฟต์แต่หันไปมองไอ้คนที่นอนอยู่แล้วยักไหล่ ปล่อยมันนอนเฝ้าลิฟต์เนี่ยแหละ!
“...”
โว้ยยย!!!ไหนบอกว่าจะปล่อยให้มันนอนเฝ้าลิฟต์ล่ะโว้ยยย!!! แล้วทำไมผมต้องมาลากไอ้ตัวยักษ์นี่ออกมาด้วยหนักก็หนัก! ผมพยายามพยุงมันออกมาจากลิฟต์แล้วทำไมมึงไม่ตื่นขึ้นมาสักทีวะ!? ลำบากกูอยู่ได้!! ผมพามันมาทิ้งไว้ที่โต๊ะม้าหินอ่อนหน้าตึก เอาล่ะแค่นี้ก็พอแล้วล่ะมั้ง ผมก็เดินออกไปหน่อยแต่ก็หยุดแล้วก็หันกลับมา
เหี้ยเอ๊ยยย!!!ผมเดินกลับมาหาเจ้าวินเซอร์แล้วสะบัดเสื้อแขนยาวของตัวเองคลุมตัวของมันไว้ อากาศตอนดึกมันหนาวนิดหน่อยเดี๋ยวมันเป็นหวัดแล้วทำไมกูต้องเป็นห่วงมันด้วยวะเนี่ย!!? ผมมองใบหน้าที่หลับปุ๋ยอย่างกับเด็กๆ แล้วส่ายหน้าไปมา ตอนหลับก็ดูไม่เหี้ยอะไรมากมายแต่พอตื่นเนี่ยสิ เหอะๆ ไม่รู้จะอธิบายยังไง!
ผมล้วงเอาโพสต์อินมาเขียนอะไรบางอย่างแล้วแปะที่หน้าผากมันไว้ เหอะๆ แก้แค้นโว้ย! มึงทำให้กูลำบากอย่าคิดว่ากูจะไม่เอาคืน! พอแปะเสร็จผมก็เดินออกไปอย่างรวดเร็วเดี๋ยวมันตื่นมาเจอผมแล้วจะอาละวาด ผมยิ้มออกมากว้างอย่างขบขัน
ไอ้เด็กขี้แยเอ๊ย!TBC.สอบเสร็จแล้วววววว!!! ณ เวลาสามทุ่มปอยสลบคาห้องสอบ!!! 
บร๊ะเจ้าาาาาาา~!!!!! ข้อสอบเอี้ยอะไรครับพี่น้อง กูเขียนจนสมองไหล!!
อาจารย์หนูไม่ได้อยู่ขอนแก่นนะจะรู้ว่าที่ขอนแก่นมันมีพิกัดเท่าไร
ภูมิมิติมันเป็นอย่างไง!!!? ขอนแก่นมันไม่มีเทือกเขาให้ตอบสักหน่อยยย!!!
โฮกกกกกกก!!! สอบเสร็จ...ซึ้งเลยกู!! จบวิชานี้ จบสิ้นกันสักที!! 
จบการบ่น....