ตอนที่ 2 ผมมาถึงคณะโดยไม่มีใครสนใจสักคนเดียว ดีแล้วล่ะครับ รู้สึกสบายใจสุดๆ! ผมเดินมาต่อแถวกับคนอื่นๆ ที่หน้าห้องประชุมในคณะ ต่อแถวเป็นสาขาหรือเปล่าวะ? ผมถามคนข้างหน้าหาสาขาของตัวเองจนกระทั่งเดินมาแถวสุดท้ายเห็นหัวทองไวๆ
ไอ้พรีสต์แหง!
ผมรีบเดินมาต่อแถวที่ไอ้พรีสต์ยืนอยู่ข้างหน้านู้นแน่ะ สักพักก็มีคนมาต่อหลังผม ผมหันไปมองเขาหมอนั้นก็ส่งยิ้มมาให้กับผม ผิวเข้มๆ ตัดกับสีฟันดีเนอะ
“ชื่ออะไร?”
เอาล่ะสิ ชื่ออะไรดีวะ? เอาชื่อเก่าเนี่ยแหละ!!
“เราชื่อฮอยฮัก”
“กูชื่อแซม!”
มันกูมาเลยเหรอเนี่ย? ผมพยักหน้านิ่งๆ รับ กูก็อุตส่าห์สุภาพกับมึง คุณมึงจะแกล้งสุภาพกับกูหน่อยไม่ได้เลยหรือไงวะครับ? ผมนั่งลงเมื่อรุ่นพี่บอกเพราะยืนอยู่มันบังภาพพี่เขาอ่าครับ พี่แกก็ค่อนข้างจะเอ่อ...สูงน้อย? หลังจากที่พี่เขาบอกให้นั่งลงก็มีพี่อีกคนเดินเข้ามาพูดอะไรก็ไม่รู้ ผมไม่สนใจ สุดท้ายพี่แกก็เข้ามาเช็ดรายชื่อพวกผม
เรียกมาตั้งแต่สาขาอื่นจนกระทั่งมาถึงสาขาของพวกผมเป็นสาขาสุดท้าย ชื่อไอ้บ้าพรีสต์อยู่ต้นๆ เลยครับ มันยกมือขึ้นแล้วขานรับเสียงดัง อืม...นี่ไม่ใช่ค่ายทหารนะโว้ย อย่าเอานิสัยที่บ้านมาใช้เซ่! บ้านไอ้พรีสต์เป็นทหารครับ พ่อมันเนี่ยโคตรดุเลยล่ะ ใครจะมาเป็นแฟนไอ้พรีสต์ต้องเจอด่านกระสุนห่าใหญ่แหละ!!
“ภิญโญ”
“มาครับ”ผมยกมือขึ้นขานรับเมื่อรุ่นพี่อ่านชื่อของผม รุ่นพี่คนนั้นมองเหลียวหาไปมา
“ภิญโญมาหรือเปล่า?”
“มาครับพี่!”ผมลุกขึ้นยืนแสดงตัวว่ามาพี่แกก็พยักหน้ารับ เออ มองไม่เห็นหรือไงวะ? ตะโกนตอบเสียงดังขนาดนั้น หูตึงหรือไง? พอเช็คชื่อเสร็จพวกรุ่นพี่ก็ไล่ต้อนพวกเราเข้าห้องประชุมเพื่อไปฟังบรรยายอะไรต่อมิอะไรในวันแรก ผมนั่งฟังอยู่นานสองนาน หลับบ้างตื่นบ้างตามโอกาสที่เอื้ออำนวยจนกระทั่งปล่อยให้ไปพบอาจารย์ที่ปรึกษาประจำสาขา
รุ่นพี่สาขาของพวกผมถือป้ายรออยู่หน้าหอประชุม สาขาตกแต่งภายในก็เดินมายืนต่อแถวตามที่รุ่นพี่บอกอย่างว่าง่าย เมื่อครบจำนวนรุ่นพี่ก็พาเดินไปที่ห้องประจำสาขา อาจารย์ประจำสาขาของผมมีอยู่สี่คนเป็นชายสามหญิงแกร่งหนึ่ง! ผมนั่งหน้าห้องเลย ปกตินั่งข้างหน้าต่างแต่ช่างเถอะ พวกเนิร์ดเขาต้องอยู่หน้าห้องสิ!
หลังจากที่อาจารย์มาแนะนำตัวก็ปล่อยให้พวกรุ่นพี่คุยกับรุ่นน้อง พวกพี่ๆ ปล่อยให้เราแนะนำตัวซึ่งสาขาเราก็มีไม่มากหรอกครับ สิบห้าชีวิตเท่านั้นเอง! เริ่มต้นด้วยสาวสวย อืม เธอสวยจริงๆ ครับ!
“สวัสดีค่ะ เรียกเราว่าเมย์นะ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคน สถานะก็...สวยใสไม่ไร้สติ!”
“สวัสดีค่ะ ปาล์มมี่ค่ะ สถานะก็ถึงไม่ใช่นางฟ้าก็พาขึ้นสวรรค์ได้!”
อืม...สาวล่ะมั้ง? สถานะแรงได้ใจจริงๆ มันใกล้จะถึงแล้วสิ สถานะอะไรดีวะ? ผมนั่งทำหน้าเครียดคิดสถานะตัวเอง รุ่นพี่บอกให้แรงๆ? อะไรวะแรง?
“สวัสดีครับ ผมชื่อโจ้ สถานะ ผมไม่ใช่ณเดช แต่ไม่ปฏิเสธว่าหน้าคล้าย! ฮิ้ววว~!!!”
“สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จักเพื่อนๆ พี่ๆ ผมชื่อแซม สถานะ โนเกียไม่เหงาเท่าโนเมีย”
“สวัสดีทุกๆ คนครับ ผมพรีสต์ สถานะภาพตอนนี้โสด... อยู่ในโหมดโคตรกันดารแฟน!!! รับสมัครแฟนครับผม~”
ไอ้พรีสต์...แรงแต่วันแรกเลยนะโว้ย!!
“จริงเบาะๆ ที่ว่าโสดน่ะ”รุ่นพี่ผู้หญิงเอ่ยแซวไอ้พรีสต์กันใหญ่
“โสดแต่ไม่ซิงคร้าบบบ~!”
เจ้าเพื่อนบ้ามันก็ยังตอบกลับรุ่นพี่แล้วขยิบตาให้อีกต่างหาก มึงทำแล้วเท่ไม่ว่าหรอกแต่เนี่ยแต๋วชิบหายว่ะ!! อะ ถึงตาผมแล้วล่ะครับ สถานะอะไรดีเนี่ย!!? ที่คิดๆ มามันแรงเกินเด็กเนิร์ดจะเป็นซะด้วย เอ่อ...
“น้องผู้หญิงคนนั้นลุกขึ้นแนะนำตัวสิครับ”
อะ อ้าว...? แล้วผมล่ะครับพี่? พี่ข้ามผมไปแล้วน่า~! วันแรกของการเป็นจอมจืดจางมันได้ผลเกินไปหน่อยแล้ว ขนาดรุ่นพี่มองข้ามหัวกูไปเลยเหรอเนี่ย!!? ผมนั่งมองซ้ายมองขวาแล้วตัดสินใจลุกขึ้นมา
“พี่ ผมล่ะ?”
“อ้าว น้องนั่งตรงนั้นเหรอ โทษๆ พี่มองไม่เห็น”
ครับ! ถึงจะรู้ว่าตัวเองปลอมตัวเนียนมากแต่ถึงขั้นมองไม่เห็นเงาหัวเนี่ยมันออกจะเกินไปหรือเปล่าวะ เหอะ! รุ่นพี่ก็ให้ผมแนะนำตัว สถานะ... สถานะอะไรดี?
“เอ่อ...สวัสดีครับทุกคน ผมชื่อฮอยฮัก...”
ไอ้พรีสต์มันมองขวับมาทันที เฮ้ยๆ มันจำผมได้ใช่ไหมเนี่ย? ถึงจะจำได้แต่มึงอย่าเพิ่งบอกชาวบ้านเขานะโว้ย ผมพยายามขยิบตาส่งซิกเนลให้กับไอ้พรีสต์เอาเป็นเอาตาย ไอ้บ้านั้นทำหน้าเอ๋อใส่อีก อย่าบอกเขานะว่ากูน่ะเป็นใคร เดี๋ยวแม่งจะวุ่นวายกับชีวิตกูอีก ไอ้พรีสต์อ้าปากกำลังจะพูด ผมก็ใจเต้นตึกตัก
อย่านะเฟ้ย!!!“สถานะล่ะ?”ไอ้พรีสต์กระพริบตาปริบๆ แล้วขยับปากถามออกมา ผมมองหน้ามันนิ่ง เวร...นี่อย่าบอกกูนะว่ามึงจำเพื่อนไม่ได้อ่ะ ผมควรจะดีใจที่ปลอมตัวได้สำเร็จหรือเสียใจที่เพื่อนคบกันมานานนมจำไม่ได้ดีวะ? พรีสต์ได้ข่าวว่ากูกับมึงก็คบกันตั้งแต่อนุบาลเลยไม่ใช่หรือไง!? กูยังจำได้ดีว่ามึงแย่งกางเกงในกูไปใส่ตอนเข้าค่ายลูกเสือสมัยประถม!! อย่านะมึง อย่าให้กูแฉเรื่องวีรกรรมของมึง!
“สถานะมีเพื่อนโง่ๆ!”
หึ!!! นี่มันจำผมไม่ได้เพราะมันโง่หรือผมปลอมตัวเทพเกินไปวะ!? ไอ้พรีสต์มองหน้าผมงงๆ แล้วหันไปมองคนต่อไปที่ลุกขึ้นมาแนะนำตัว เราแนะนำตัวกันครบทุกคนรุ่นพี่ก็เข้ามาแนะนำการลงวิชาเรียนแล้วกิจกรรมที่ต้องทำที่จะถึงเร็วๆ นี้คือกิจกรรมรับน้องของคณะ จากนั้นรุ่นพี่ก็ปล่อยให้เราเลือกหัวหน้าสาขาของชั้นปี สรุปแล้วหัวหน้าชั้นปีของพวกผมคนแรกก็คือปาล์มมี่ครับ
เมื่อได้เวลาเที่ยงรุ่นพี่ก็ปล่อยเราไปกินข้าวแล้วกลับบ้านหรือหอใครหอมันแต่พวกเพื่อนๆ ในสาขานัดกันไปกินข้าวที่โรงอาหารกัน ผมก็เดินตามพวกมันไปเงียบๆ จนกระทั่งมาถึงโรงอาหารเราก็สั่งอาหารตามสั่งมากินกัน ผมนั่งกันอยู่เงียบๆ ในขณะที่พวกเพื่อนๆ มันชวนกันคุยเสียงแจ้วๆ โดยเฉพาะไอ้พรีสต์น่ะตัวดี ปากมากเหมือนเดิม!
“มึงติดที่นี้เหมือนกันเหรอวะเตี้ย?”ไอ้พรีสต์หันไปถามคนที่นั่งข้างๆ มัน เป็นเด็กหนุ่มตัวเล็กเหมือนเป็นเด็กมอต้นแน่ะ เจ้านั่นมองหน้าไอ้พรีสต์แล้ทำหน้าบึ้ง อ๊ะ หรือว่าคนนั้นจะเป็นเพื่อนมันที่ชื่อสตางค์?
“ทำไมกูต้องมาเจอมึงอีกวะเหี้ยพรีสต์”
“อ้าว มึงไม่ดีใจเหรอวะได้เรียนที่เดียวกับกูน่ะไอ้สตางค์ หา?”
“ดีใจสาดดด!”เจ้าตัวเตี้ยที่ชื่อสตางค์ตอบกลับด้วยอารมณ์เซ็งและเบื่อขี้หน้ามันสุดขีดแล้วคนที่บ่นเรื่องเรียนที่เดียวกับไอ้พรีสต์ก็คือคนที่เดินข้างๆ ผมเนี่ยแหละครับ เอ่อ...จำได้ว่ามันชื่อโจ้ล่ะมั้ง
“กูนี่สิ! ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะได้มาเจอไอ้พรีสต์ กูล่ะเบื่อขี้หน้ามันตั้งแต่ปิดเทอมแล้ว มิน่าพอถามว่าเรียนที่ไหน มันเอาแต่ยิ้มๆ หลอนๆ ใส่กู! ที่แท้มันเรียนที่เดียวกับกูนี่เอง!!”
“กูก็อยากให้มึงเซอร์ไพร้ส์ไงไอ้โจ้ หึๆ”
“เซอร์ไพร้ส์ม๊ากกก!!!”
แล้วถ้ากูบอกมึงว่ากูคือไอ้ฮักเพื่อนมึงอีกคน มึงจะเซอร์ไพร้ส์เปล่าวะพรีสต์? ผมมองหน้าไอ้พรีสต์แล้วก้มหน้าทานข้าว กูไม่บอกหรอก! กูจะไม่บอกจนกว่ามึงจะจำได้เองช่วยไม่ได้เพราะมันจำผมไม่ได้เอง กูไม่ผิดมึงนั้นแหละผิด ไอ้บ้าพรีสต์!
“พรุ่งนี้แม่งพี่นัดรวมเลยว่ะ ยังไม่ได้เรียน จะเข้ารับน้องแหละ”
“เอ่อว่ะ”
“บางทีอาจจะไม่มั้ง”
“กูว่าเจอแน่ๆ”
“แล้วตารางเรียนเอาไงวะ เรียนด้วยกันปะ?”ไอ้พรีสต์มันถามเรื่องมีสาระเหมือนกันเหรอเนี่ย น่าแปลกใจหน่อยๆ พวกเราคุยกันอยู่นานเมื่อทานข้าวเสร็จก็แยกย้ายกันกลับ ผมนั่งรถเมล์ประจำทางที่ผ่านซอยหน้าบ้านกลับครับ ขี่มอไซค์ไม่เป็น ขับแต่รถยนต์เป็นแล้วรถยนต์เนี่ยก็มีแค่ของพี่นั้นแหละครับ พี่บอกว่าจะซื้อให้ผมแต่ผมไม่อยากได้หรอก เดี๋ยวผมเก็บเงินซื้อเองดีกว่า อะไรๆ ก็พึ่งแต่พี่เนี่ย มันไม่ดีเอาซะเลยเหมือนเอาเปรียบพี่ชายตัวเอง!
ผมมาถึงบ้านเห็นรถจอดอยู่ก็รู้ว่าพี่กลับมาจากทำงานเรียบร้อยแล้ว ผมเดินเข้าไปในบ้านเห็นพี่นั่งยิ้มๆ กับนิตยสารในมือ พอเงยหน้าขึ้นเห็นผมเท่านั้นแหละพี่ยิ้มก็เปลี่ยนสีหน้าทันที
“แกไปตกลงกับประธานพิลึกๆ นั้นทำไมวะ?”
“ก็สนุกดีไงครับพี่”ผมเดินมาเทน้ำผลไม้มาดื่มแล้วเดินมานั่งเก้าอี้ตรงกันข้ามกับพี่ยิ้ม ผมถอนแว่นออกวางไว้ แว่นเนี่ยไม่ใช่เลนส์สายตาหรอกครับ สายตาของผมออกจะดีเว่อร์ไม่ต้องพึ่งเลนส์ พี่ยิ้มถอนหายใจ
“แล้วแต่แกล่ะกัน แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ชีวิตมหาวิทยาลัยน่ะผู้หญิงไม่น่ากลัวเท่าพวกผู้ชายหรอก!”พี่ยิ้มบ่นพึมพำ พี่ยิ้มหยุดเรียนตอนมอปลายครับ แต่พอตั้งตัวได้พี่ยิ้มก็กลับไปเรียนมหาวิทยาลัยจนได้ปริญญามาหนึ่งใบเมื่อไม่กี่ปีนี่เอง
ผมกับพี่ชายน่ะอายุห่างกันเป็นสิบปีเชียวนะ! รู้สึกว่าปีนี้พี่ยิ้มจะวางแผนออกจากอาชีพนายแบบแล้วแต่งงานกับแฟนของพี่แก จากนั้นก็ไปเปิดร้านอาหารด้วยกันพี่ยิ้มเล่าแพลนชีวิตให้ผมฟังเมื่อไม่นานมานี้แหละ พี่เขาห่วงอย่างเดียวที่ไม่กล้าแต่งงานสักที ห่วงอะไรน่ะเหรอ? ก็ห่วงผมน่ะสิ!
“จะมีแฟนทั้งทีก็เลือกหน่อย เหี้ยๆ น่ะไม่ต้องแลมัน! คนดีๆ น่ะมีเยอะ”
“ใครจะมาสนใจไอ้แว่นจืดๆ แบบนี้ล่ะพี่แล้วอีกอย่างผมก็ไม่คิดว่าจะเจอคนที่ใช่คนชอบหรอก เนื้อคู่ของผมอีกนานล่ะมั้ง?”
“เดี๋ยวก็เจอเองแหละ”
“พี่ดูอะไรน่ะ?”
“แหะๆ นิตยสารที่แกลงหน้าปกไง หล่อว่ะ สมกับเป็นน้องของฉัน!”พี่ยิ้มค่อยๆ ยิ้มแห้งๆ แล้วยกนิตยสารมาเปิดให้ผมดู ผมส่ายหน้าไปมา ไอ้อาการเห่อน้องของพี่แกก็ยังรักษาไม่หายทุ๊กที! พี่ยิ้มดูรูปไปยิ้มไป
“ถ้านี่พ่อกับแม่อยู่ล่ะก็คงจะภูมิใจมาก! เพราะแกเหมือนพ่อจะตาย”
“พ่อน่ะหล่อกว่าผมตั้งเยอะ”
“ก็ถูกนะ พ่อหล่อเหมือนพี่ส่วนแกน่ะหล่อเหมือนแม่ ทำไมหน้าแกจืดสนิทแบบนั้นวะ ไปทำอะไรกับหน้ามา?”พี่ยิ้มมองหน้าผมอย่างสงสัย หึๆ เคล็ดลับอย่างปลอมตัวครั้งนี้ต้องยกให้กับแผนกช่างแต่งหน้าขั้นเทพของท่านประธาน เพราะเนียนมาก สอนให้ผมทานั้นแต่งนี่จนกระทั่งเป็นไอ้จืดแบบนี้ สุดยอด!!
“แต่งหน้านิดๆ หน่อยๆ น่ะ”
“หือ สมจริงดีนี่แล้วคิดจะปลอมตัวไปถึงเมื่อไร?”
“จนจบเลยก็ดีเหมือนกันนะ”
ปลอมตัวไปจนจบห้าปีเนี่ยผมไปรับจ๊อบเป็นสายลับได้เลยน่ะเนี่ย!? เนียนขนาด! ไอ้พรีสต์ยังจำผมไม่ได้เลย จะว่าไปแล้วผมว่าจะชวนมันไปซื้อมือถือเครื่องใหม่ พกมือถือไว้ก็ไม่เสียหาย เดี๋ยวมีคนมาขอเบอร์จะได้ให้ได้ถูก เหอะๆ แล้วใครมันจะมาขอเบอร์ไอ้จืดแบบผมวะ?
การปลอมตัวเป็นแว่นจืดของผมประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีมากกก! ไม่มีใครจำผมได้สักคน แปลกชะมัด!! ขนาดพี่แน็กที่เคยเรียนที่เดียวกันกับผมยังจำไม่ได้เล๊ย พี่แน็กเขาเป็นพี่รหัสผมเองครับผมมีพี่รหัสอยู่สองคนด้วยกัน พี่รหัสจริงๆ ของผมชื่อโมพส่วนพี่แน็กเป็นพี่รหัสอุปถัมภ์ เวลาของเฟรชชี่ผ่านไปอย่างรวดเร็วมีทั้งสนุก มัน ฮา กับพวกเพื่อนๆ และรุ่นพี่สนิทกันมากขึ้น กับเพื่อนเนี่ยไม่มีคำสุภาพแล้วครับกูมึงปล่อยสัตว์ใส่กันสารพัดพิษ ไอ้พวกผู้หญิงที่ตอนแรกๆ ก็เรียบร้อยดีแต่พอผ่านไปหนึ่งปีพวกมันกลายพันธุ์ซะงั้น!
ตอนช่วงรับน้องไอ้พรีสต์โดนแกล้งหนักสุดๆ เพราะพี่เพ้นต์ที่เป็นพี่รหัสมันเป็นพี่ว๊ากครับ ไอ้พรีสต์มันโดนลงโทษให้แต่งชุดนักศึกษาหญิงมาเรียนตั้งสามวันแน่ะ! โดยมีเจ๊ปาล์มมี่เป็นคนแต่งเป็นเพื่อน ส่วนผมน่ะเหรอ? โอ๊ยยย! รุ่นพี่คนไหนจะเห็นหัวของผมบ้างล่ะคร้าบบบ!? ไอ้จืดอย่างผมเลยสบายไม่มีใครยุ่งด้วย มันเป็นอะไรที่สะดวกสบายสุดๆ ล่ะ!
ตอนนี้อยู่ในช่วงปิดเทอมหน้าร้อนครับ ผมก็ใช้เวลาว่างที่มีมากมายมาเรียนภาคฤดูร้อน วันนี้เป็นวันแรกของการเปิดเรียนซัมเมอร์ซึ่งผมก็ลงวิชาเรียนเสรี ก็ลงตัวที่ถามพวกรุ่นพี่ว่ามันเซฟเอง่ายนั้นแหละครับ ตอนนี้ผมก็มายืนงุนๆ งงๆ ที่คณะวิศวะ ตึกเยอะชิบหายอะ กูหลงอยู่ในคณะนี้แล้วหาทางไปห้องเรียนไม่ได้!
ผมมองซ้ายมองขวา ช่วงปิดเทอมคนก็เลยน้อยแต่ทำไมคณะนี้ถึงไม่ค่อยมีคนเลยวะ หรือว่ามันเช้าไปคนเลยยังไม่มากัน ผมพยายามมองหาคนถามทางจนกระทั่งมาเจอคนหนึ่งที่นั่งอยู่ที่ม้าหินอ่อน โชคดีจังว่ะ! ผมเดินเข้ามาหาอีกฝ่ายโอ ตัวใหญ่ชะมัด
“เอ่อ...พี่ครับ ห้องXXXX ไปทางไหนเหรอครับ?”
“ใครพี่มึงไม่ทราบ?”
ผมชะงักตัวเมื่ออีกฝ่ายหันมาตอบด้วยน้ำเสียงไม่พอใจอย่างยิ่ง ผมมองหน้าอีกฝ่าย คำแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวสมองก็คือ...มันหล่อ! ผมยืนกระพริบปริบๆ กับที่ ผมสีบรอนซ์ทองเข้ากับใบหน้าเรียวได้รูป คิ้วสีทองแต่ตาสีดำประกายวิบวับ จมูกดั้งอย่างตรง ริมฝีปากก็ได้รูปสวยน่าจูบ นี่มันหล่อสุดๆ ไปเลย!! เป็นนายแบบคงจะดังเป็นพลุเลยล่ะ!!!
“เอ่อ...ไม่ใช่พี่เหรอ?”
“เออ! กูเพิ่งปีหนึ่ง!!”
ห๊า!!!? ปีหนึ่ง? เท่ากูดิ! ผมยืนตัวตรงกระพริบตาปริบๆ มองอีกฝ่ายที่ค่อยๆ ลุกขึ้น โห~ ชิบ!!! นี่มันอายุเท่ากับจริงเปล่าวะ!? ตัวแม่งโคตรสูงอ่า!!! ผมเงยหน้ามองอีกฝ่าย หวังว่าความสูงของผมจะยังไม่หยุดเท่านี้นะ ไม่อยากเตี้ยแบบไอ้พรีสต์มัน
“รู้จักห้องนี้หรือเปล่า?”
“...”เจ้านั้นเหลือบตามามองเล็กน้อยแล้วก็ชี้ไปอาคารด้านโน้น อาคารนอกสุดต้องเดินไปอีกไกลเลยล่ะครับ โห~ ทำไมไปเรียนที่กันดารแบบนั้นวะ ไม่เข้าใจ!!
“ขอบใจ”เมื่ออายุเท่ากันกับอีกฝ่าย ทำไมผมต้องพูดสุภาพด้วยล่ะ? พูดแบบธรรมดาๆ เนี่ยแหละ เจ้าหมอนั้นยิ้มที่มุมปากรู้สึกว่ามันยิ้มกวนตีนชิบหาย! ผมไม่ได้เอะใจอะไรรีบเดินออกไปหาห้องเรียน เดี๋ยวก็ได้เวลาเรียนแล้ว ให้ตายสิ!
อ๊ากกก!!! สายแล้ว!ผมเดินขึ้นอาคารมาแล้วเดินหาห้องอยู่ตั้งนานสองนาน โว้ยยย!!! ทำไมไม่เห็นมีเลยวะ!? ผมเดินลากขามาถามเจ้าหน้าที่ที่กำลังทำงานในห้อง
“อ้อ มาผิดอาคารแล้วล่ะคะ ห้องนี้อยู่ตึกที่หน้าคณะนู้น เดินผ่านมาแล้วนะค่ะ”
เวรรร!!!ผมหันไปมองตามนิ้วที่อีกฝ่ายชี้ไปแล้วอารมณ์เสียทันที ไอ้บ้าหัวทองนั้น! มึงหลอกกูเหรอ!? ผมหันมาขอบคุณพี่สาวใจดีที่บอกทางให้กับผม จากนั้นผมก็รีบวิ่งกลับไปอาคารที่ผมเดินวนไปวนมาเพื่อถามทางแล้วเจอไอ้บัดซบผมทองนั้นแหละ! มึงนะมึง หลอกกูได้! มิน่ามันถึงยิ้มแปลกๆ ผมไม่น่าเชื่อใครง่ายๆ แบบนี้เลย!
ผมวิ่งมาถึงห้องเรียนเรียบร้อยแล้วเปิดประตูเข้ามา โชคดีที่อาจารย์ยังไม่เข้ามีแค่นักศึกษาที่อยู่ในชุดลำลองนั่งคุยกันรออาจารย์ ผมเดินเข้ามาเหงื่อโชกตัวแน่ะ เหนื่อยตั้งแต่เช้าเลย ให้ตายสิ มันเป็นเพราะไอ้หัวทองเหี้ยนั้นแท้ๆ! อย่าให้กูเห็นหน้ามึงอีกนะกูจะตามล้างโคตรมึงเลย ผมถือคติบุญคุณทดแทนแต่หนี้แค้นต้องตามล้างชั่วโคตร!
ผมนั่งแถวหน้าสุดที่ไม่มีใครนั่ง แปลกเหมือนกันครับทำไมพวกนักศึกษาไม่ว่าที่ไหนหรือคณะไหนชอบไปนั่งตรงด้านหลังนู้นแน่ะ กลัวอาจารย์กัดหรือไงกัน? ผมนั่งไม่ทันก้นอุ่น มีร่างสูงเดินเข้ามาโคตรจะเด่น! แค่เดินเข้ามาก็ทำให้เสียงทุกเสียงในห้องเงียบสนิท ให้มันน้อยๆ หน่อยเถอะว่ะ! หมั่นไส้!
ไอ้หล่อ จะหล่อไปไหนนน!?
“เฮ้ นั่นวินเซอร์หรือเปล่าแก? อ๊ายยย! ตัวจริงหล่อระเบิด! หล่อกว่าในทีวีอีกแน่ะ!”
“พ่อแม่มันให้กินอะไรวะถึงหล่อเกินหน้าเกินตาน่าหมั่นไส้ชิบหาย คงไม่ใช่ข้าวเพราะพวกเราก็กินแต่ทำไมทำไม้พวกเราหน้าตาเป็นปลาดุกชนเขื่อนแบบนี้วะ เหี้ย!”
สงสัยมันกินขี้! เปล่า ผมไม่ได้ว่ามันเลยนะ ชื่ออะไรนะ วินเซอร์? อู้ยยย~ พ่อแม่ตั้งให้ดูดีวะ! ไอ้วินเซอร์นั้นเดินมานั่งแถวเดียวกับผมไม่สนใจคำนินทาแม้แต่น้อย มึงช่างกล้านั่งใกล้กู! หึ!! ไอ้หัวเหลืองเอ๊ย แดกขี้ล่ะซีถึงได้ดูดีหัวเหลืองแบบนี้!!
“ถ้าเขาสนใจใครคนๆ นั้นก็จะได้เข้าวงการเป็นดาราใช่ไหมแก?”
“ใช่สิว่ะ ก็พ่อเขาเป็นเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่เชียวนะ”
“โอ๊ยยย~ อกอีแตนจะแตก! ทั้งหล่อ ทั้งรวย วุ้ย! อยากเอามาทำพันธุ์!”
“แกทำพันธุ์ได้เหรอยะนางเจส!”
“ต๊าย! ลืมตัว แค่น่าเอาก็พอไม่มีพันธุ์ล่ะกันย่ะ”
“...”
พันธุ์เหี้ยน่ะสิ!!โทษทีผมเป็นพวกแค้นฝังลึก แค้นนี้มันฝังลึก!! กูเดินแทบจะขาลาก ไอ้หัวเหลืองนี้โกหกกูทั้งๆ ที่มันรู้!!! มันกลับชี้ให้ผมไปอีกทาง ไอ้บ้าเอ๊ย!! อย่างมึงเนี่ยนะน่าทำพันธุ์ให้ไปทำปุ๋ยหมักกูยังไม่เอาเลย!
แถมฟรีมากับน้ำยาล้างจานกูก็เอาแต่น้ำยาเฟ้ย!!! TBC.เอาไปครึ่งหนึ่งก่อน หลังสอบเสร็จจะมาต่อให้นะ~! 