ตอนที่ 5“แม่ง! ไอ้โซโล่มึงพาพวกกูมากินข้าวคณะนี้อีกล่ะ ไม่เบื่อหรือไงวะ ไปกินข้าวคณะแพทย์เหอะ สาวแพทย์แม่งสุดยอดเลยนะโว้ย”ไอ้ว่าที่คุณหมอหมูเอ่ยขึ้นขณะที่พวกผมยกพลมากินข้าวคณะสถาปัตย์เหมือนเคย ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับไอ้หมู สาวคณะแพทย์เนี่ยเขาสวยจริงอะไรจริง ถึงจะแอบสยองที่ต้องระแวงว่าจะถูกหั่นชิ้นส่วนของพวกสันดานเสียแบบผมตอนไหนก็ไม่รู้นี่สิ
“คณะนี้มันใกล้คณะกูนี่หว่า”ไอ้โซโล่มันแก้ตัวไปแบบน้ำใสไม่เห็นตัวปลา เอ่อ! ฟังโคตรขึ้นเลยว่ะ!! ไอ้หมูที่เรียนคณะแพทย์ทำหน้าฉุนทันที มันต้องเดินทางไกลจากคณะแพทย์เพื่อกินข้าวที่คณะสถาปัตย์ เป็นอะไรที่ลงทุนมาก!
“เชี่ย ถ้าอย่างนั้นไปกินคณะกูเหอะ”
“ไอ้ชุบมึงหุบปากไปเลย คณะนิติบ้านนอกแบบนั้น ใครจะไปวะ! กินอยู่คณะนี้แหละดีแล้ว แฟนกูจะไม่ต้องระแวงว่ากูไปเหล่สาวที่ไหน”ไอ้ชินมันสวนขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วส่ายหน้าไม่เห็นด้วย ไอ้เรื่องแฟนมันเนี่ยเป็นความผิดมันเองนั้นแหละ ใครบอกให้ไปเจ้าชู้ให้แฟนเห็น เหอะๆ อ่อนว่ะ ต้องเทพแห่งการสับรางอย่างกูสิ ควงแม่งสามสี่คนในวันเดียวสบาย!
“ไอ้วินเซอร์ เมื่อไรมึงจะหยุดคุยโทรศัพท์สักทีว่ะ คุยสาวอยู่ได้ แดกข้าวก่อน!”
ระหว่างที่พวกผมกำลังรอข้าวมาเสิร์ฟ ผมมีสาวๆ โทรมาไม่เว้นให้หายใจช่วงนี้ผมโสดเรื่องสาวๆ อะไรแบบนี้มันก็ยิ่งมีเยอะมากขึ้นเป็นเงาตามตัว ก็นะ คนมันหน้าตาดีว่ะ! ที่ผ่านมาก็ควงสาวๆ ไม่เว้นแต่ละวัน เบื่อๆ เซ็งๆ ก็เปลี่ยนคู่ไปเรื่อยๆ แต่ผมไม่ได้มั่วหรอกนะ ยังไงก็ยังเลือกอยู่บ้างแหละ
พอมาถึงคณะสถาปัตย์ทำให้ผมคิดได้ว่าผมกำลังตามหาคนๆ หนึ่งอยู่แต่ก็ไม่เจอสักทีก็เลยไม่สนใจมันล่ะ ผมเป็นคนความอดทนต่ำ หาไปเรื่อยๆ เดี๋ยวมันก็เห็นเองแหละ ยังไงซะผมก็แค่อยากจะขอบคุณที่แบ่งปันชี้ตและฟังผมคร่ำครวญเป็นบ้าเป็นบอ นี่ถ้าได้เจอผมคิดว่าเราน่าจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้
ผมใช้โอกาสในตอนที่ไอ้โซโล่มันมานั่งส่องหาสาวผมทองมาหาบุคคลปริศนาของผมเช่นกัน มีแค่ลายมือกับกลิ่นน้ำหอมเท่านั้นเอง หาเจอเนี่ยพรหมลิขิตล่ะ! ผมเหลือบสายตาไปมองคนๆ หนึ่งเขากำลังมองมาที่ผม พอผมหันไปคนๆ นั้นก็เดินหนีไปซะงั้น เฮ้ย...ถ้าจำไม่ผิดนั้นมัน...ริว นายแบบที่กำลังดัง แล้วถ้าจำไม่ผิดอยู่สังกัดบริษัทของผมด้วย
หมอนั้นเรียนอยู่ที่นี้งั้นเหรอ?
“มึงจะไปไหนวะไอ้วินเซอร์?”พวกเพื่อนๆ ถามเมื่อผมลุกขึ้นยืน ผมยกมือเล็กน้อยไม่ตอบพวกมันแล้วสาวเท้าตามร่างสูงโปร่งนั้นไป
“เดี๋ยว! นายนั้นแหละ”
“ครับ?”ริวหันมาทำหน้างงๆ ใส่ผม ใบหน้าที่น่ารักนั้นดูจะตกใจเมื่อเห็นผมเดินตามมา โอ๊ะ~ หน้านั้นเหมือนกระต่ายตัวน้อยกำลังตกใจกลัวเลยแฮะ ผมมองอีกฝ่ายแล้วยิ้มที่มุมปากอย่างถูกใจ
“ริวใช่ไหม?”
“ครับ คุณวินเซอร์มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
“ไม่มีอะไรหรอกแค่ทักทายน่ะ นายเรียนคณะนี้งั้นเหรอ?”ที่พูดไปมันก็แค่อ้างเท่านั้นแหละ ถ้าเชื่อก็ซื่อบื้อเกินไปแล้วจะทักบ้าอะไรต้องเดินตามมาขนาดนี้ด้วยนอกจากจะมีจุดประสงค์อย่างอื่นแฝงอยู่! ริวมองผมด้วยดวงตาโตๆ นั้น
“ครับ ผมเรียนถาปัตย์ ทำไมครับ?”
“เปล่าหรอก ก็แค่แปลกใจที่นายเรียนคณะนี้ ปกติดาราเขาไม่เรียนอะไรแบบนี้หรอก”
“ผมสนใจเรื่องบ้าน มันแปลกงั้นเหรอครับ?”พูดออกมาก็หน้าแดงหลบตาอายๆ แบบนั้นมันดูน่ารักสุดๆ ไปเลยล่ะ! ผมแอบยิ้มกระหยิ่มในใจ เหอะๆ ลูกกระต่ายน้อยมาให้สิงโตตัวนี้กินซะดีๆ!!
“ไม่แปลกหรอก งั้นขอตัวก่อนนะ หวังว่าจะได้เจอกันอีก”ผมเอ่ยตัดบทสนทนาอย่างรวดเร็วแล้วทิ้งรอยยิ้มเอาไว้เป็นของฝากอีกฝ่ายที่มองตามผมมา หึๆ! อีกเดี๋ยวกระต่ายน้อยตัวนี้ก็ติดกับแน่นอน!!
“โห~! กูนึกว่าอะไรซะอีก แม่ง ไปม่อนี่เอง”
“ไอ้วินเซอร์มึงจะมากไปแล้วนะ! เมื่อกี้ยังคุยกับสาวแล้วแม่งเดินไปม่อหนุ่มต่ออีก”ไอ้ว่าที่คุณหมอหมูแอบจิตเริ่มโอดโอย เหอะๆ แล้วไงวะ ก็กูมันใจร้าย! กูอยากได้ใครก็ไปม่อคนนั้นไม่มีความคิดจะหยุดที่ใครให้รำคาญใจอีกแล้วโว้ย เรื่อยๆ มันไปจนกว่าจะเบื่อกันไปข้างนี่แหละ กูกับพวกมึงมันไม่เหมือนกัน!
“ว่าแต่เมื่อไรกูจะได้ไปกินข้าวคณะอื่นบ้างวะ ส่องสาวถาปัตย์จนเบื่อแล้วนะโว้ยไอ้โซโล่”
“อย่าบ่น! แดกข้าวไป”ไอ้โซโล่หันมาผลักหัวไอ้ชุบแล้วกลับไปหันหน้าเป็นเรดาร์ตามจับสาวผมทองของมันต่อไป ผมเล่าหรือยังว่าเพื่อนผมไอ้โซโล่เนี่ยมันตกหลุมรักสาวคนหนึ่งอยู่ซึ่งเจ้าตัวยืนยันเสียงแข็งว่าไม่ได้จริงจังอะไร มันเพียรพยายามมานั่งเฝ้าสาวผมทองที่คณะนี้บ่อยมากจนปัจจุบันนี้ก็ยังไม่เห็นสาวผมทองสักคน!
“วันนี้เอาไงวะ?”ไอ้ชุบที่ลูบหัวตัวเองป้อยๆ หันมาถามพวกผม วันนี้พวกผมนัดกันไปเที่ยวตามประสาหนุ่มๆ น่ะครับแต่วันนี้ผมติดนัดแล้วน่ะสิ เสียดายไม่ได้ไปบริหารเสน่ห์ตามเคย เฮ้อ
“กูขอตัวว่ะ วันนี้มีนัด ไว้วันหลังล่ะกัน”
“อีกล่ะ ช่วงนี้มึงมีนัดตลอด”
“ช่วยไม่ได้ว่ะ คนมันเนื้อหอมก็งี้แหละ”
“กูขอแช่งให้มึงเป็นเอดส์ตาย”
“เหี้ยหมู เจริญปากจริงมึง!”ผมหันไปตบหัวไอ้หมอหมูที่ปากหมาได้โล่ มาแช่งกูแบบนี้ทำไมวะ? ไอ้บ้านี่!! เหอะ กูรักษาความสะอาดและเซฟตลอดโว้ย ไม่เคยเผลอให้ใคร หึ! ผมหันมารับโทรศัพท์ที่ดังขึ้นอีกครั้งขอตัวรับสายกิ๊กก่อนล่ะกันครับ พอคุยไปสักนิดผมก็ขอตัวกับเพื่อนๆ เพื่อไปหาคู่นัดวันนี้ก่อน
“กูขอตัวก่อนนะโว้ย”
“เออ ไปไกลๆ ส้นกูเลย ไอ้บ้ากาม! ไม่แบ่งเพื่อน”ไอ้หมูมันโบกมือไล่แถมยังตะโกนด่ามาตามหลัง ไอ้เวรนิ มึงหาไม่ได้ก็ไม่ต้องมาโทษกู!
ผมมาที่บริษัทของตัวเอง รู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังจะถ่ายแบบอยู่นะ คู่ควงคนล่าของผมเป็นนายแบบน่ารักคนหนึ่ง น้องเขาเพิ่งเข้ามาหน้าตาใช้ได้เลย ผมเดินเข้ามาในสตูดิโอที่กำลังถ่ายทำแบบมองหาน้องเรด ใช่แล้วครับ คู่ควงคนใหม่นี้ชื่อว่าน้องเรด
ภายนอกนี่ใสซื่อไร้เดียงสาสุดๆ แต่อย่าไว้ใจเด็กคนนี้ครับ ร่านสุดๆ ไปเลยล่ะ! ผมยังตกใจ เฮ้อ~ นึกว่าจะได้พวกไร้เดียงสาน่ารักอะไรแบบนี้ซะอีก ในวงการแบบนี้มันก็ต้องช่ำชองเรื่องแบบนี้เป็นธรรมดาสินะ ผมค่อนข้างชอบเด็กเอ๊าะไร้เดียงสาน่ารัก มันคงจะสนุกถ้าผมเป็นคนสอนเรื่องพวกนี้เองแล้วเสี้ยมสอนในแบบที่ต้องการ หึๆ แค่คิดกูก็หื่นแล้วโว้ย!!
เฮ้อ~ เบื่อพวกร่านอยากได้จิ้นบ้าง!!ผมเห็นหนุ่มน่ารักตัวเล็กๆ ที่กำลังโค้งตัวทักทายใครบางคนอยู่ โอ๊ะ! นั้นมันเลิฟมีนี่น่า น้องเรดหน้าซีดตัวสั่นเมื่อต้องเข้าไปทักทายนายแบบผู้มีกิตติศัพท์ความยโส ดูสายตานั้นสิ โห~ ฆ่าคนได้เลย! ผมมองอีกฝ่ายอย่างเพลินๆ ตานั้นสวยจริงๆ นั้นแหละ พับผ่า!! น้องเรดรีบขอตัวเมื่อทักทายรุ่นพี่เสร็จแล้วน้องเขาก็หันมาเห็นผมที่ยืนโบกมือให้
“พี่วินเซอร์มาแล้วเหรอครับ?”
“ครับ แล้วนี่เป็นอะไร หน้าซีดๆ”
เห็นแล้วยังจะมาถามอีกว่ามาหรือยัง? ตาไม่มีหรือไงวะ!? ผมแย้มยิ้มรับตรงข้ามกับในใจอย่างสุดๆ โลกมายาก็เหมือนโลกของมนุษย์สองหน้านั้นแหละครับคุณควรจะทำใจถ้าจะอยู่ในวงการนี้ ตัวของน้องเรดเองก็ใช่ว่าจะมีผมอยู่คนเดียว ไอ้ท่าทางออดอ้อนเป็นเด็กๆ นี่มันดูน่ารักดี ก็คนมันน่ารักทำอะไรออกมาก็น่ารักล่ะว่ะ
“วันนี้เรดได้ถ่ายแบบกับพี่เลิฟมีน่ะสิครับ เรดกลัวอ่า”
“กลัวทำไม เขาก็ไม่ได้มากัดเราสักหน่อย”
“โถ ถึงไม่ได้กัดแต่เรดก็กลัว ตาพี่เขาน่ากลัวจริงๆ นะครับ เมื่อกี้นี้ก็เหมือนกัน”
“ขนาดนั้นเชียว”
ผมหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วยกมือลูบศีรษะอีกฝ่ายอย่างปลอบใจ น่ากลัวตรงไหนแบบนั้นน่ะเขาเรียกว่าสวยต่างหากล่ะ! ถึงจะดูไร้อารมณ์ไปสักหน่อยแต่ถ้าบนเตียงเนี่ยตานั้นคงจะยั่วยวนสุดๆ ไปเลยล่ะมั้ง ผมเดาว่าไอ้หน้าตาแบบนั้นคงจะผ่านศึกมาแยะเยอะแน่ๆ!
“ถึงคิวเธอแล้วเรด”
หลังจากที่ผมกับเรดคุยกันนานพอสมควร เรดก็ถูกเรียกตัวไปเข้าฉากเพื่อถ่ายแบบ เรดพูดให้ผมฟังว่าวันนี้เป็นคอนเซ็บต์น่ารักสดใสแต่ผมแปลกใจอยู่เล็กน้อย ไอ้น่ารักสดใสมันเข้ากับเรดได้เป็นอย่างดีแต่เอ่อ...นายแบบอีกคนล่ะ? เลิฟมีอะไรนั้นผมไม่เห็นจะแสดงอารมณ์อะไรออกมานอกจากความเมินเฉยเย็นชาแล้วมันจะสดใสน่ารักได้ยังไงวะ!? เป็นอะไรที่ผมต้องจับตามองเลยล่ะครับ!
“เลิฟ ยิ้มหน่อยได้ไหม?”
เอาแล้วไงครับ พี่เต๋าตากล้องเอ่ยทักเมื่อถ่ายไปได้เล็กน้อย ก็คอนเซ็บต์มันน่ารักสดใสใช่ไหมล่ะ น้องเรดเนี่ยยิ้มคิขุเต็มที่แต่อีกคน... หน้านิ่งได้อีก! เลิฟมีก็ยังคงทำอารมณ์เฉยสนิทเช่นเดิม ใครเป็นคนเลือกนายแบบวะเนี่ย!? ถึงจะดังแค่ไหนก็เถอะแต่ควรเลือกคนที่เหมาะสมสิ! อย่างหมอนี่น่ะมันต้องพวกอิมเมจเท่ๆ หรือไม่ก็ยั่วยวน เซ็กซี่นู้น!!! ผมรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยทีมงานเลือกได้ไม่ตรงคอนเซ็บต์ คิดก่อนเลือกหรือเปล่าวะเนี่ย!?
ผมมองดูการถ่ายแบบนี้ที่ดำเนินไปอย่างทุลักทุเล แหงล่ะ ก็เลือกนายแบบไม่ตรงกับอิมเมจนี่น่า! เรดก็เข้าไปหยอกอีกฝ่ายทำท่าน่ารักให้ดูจนเลิฟมีอะไรนั้นหงุดหงิด เขาขอพักแล้วเดินออกไปทำหน้าลำบากใจที่จะต้องทำท่าน่ารักๆ แบบเรด ผมแอบจะถูกใจเล็กน้อยที่หมอนั้นแสดงสีหน้าออกมา ถึงจะเป็นตอนเหวี่ยงๆ ก็เถอะ
ผมเห็นพี่บอสผู้จัดการของอีกฝ่ายเข้ามาพูดคุยด้วยแล้วไม่นานเขาก็กลับเข้ามาถ่ายต่อ คราวนี้มีสุนัขตัวเล็กๆ เข้าฉากด้วยล่ะครับ ผมแอบมองเลิฟมีที่ดูเหมือนจะระแวงต่อการมองของคนอื่นๆ แล้วผมก็ต้องแปลกใจอีกครั้งเมื่อเห็นเลิฟมีกำลังเล่นกับสุนัขตัวเล็กนั้น ท่าทางจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองถูกคนอื่นจ้องอยู่น่ะ!
แล้วเลิฟมีก็หันมามองเมื่อรู้ตัวว่าถูกจ้องมองอยู่ หน้านิ่งๆ นั้นดูขึ้นสีระเรื่อ อายล่ะสิ! แต่ท่าทางแบบนั้นก็น่ารักดีนะ ผมแอบหัวเราะกับท่าทางทำเป็นกลบเกลื่อนของอีกฝ่าย ทำหน้าเข้มขรึมยังไงก็ไม่มีทางกลบเกลื่อนท่าทางเมื่อกี้ได้หรอกนะ ดูเหมือนเขาจะชอบสุนัขนะ?
“เอายิ้มแบบเมื่อกี้ก็โอเคนะเลิฟ”
พี่เต๋าก็ไปแกล้งเขา! ผมมองพี่ตากล้องฝีมือต้นๆ ของบริษัทแล้วส่ายหน้าไปมา คนๆ นี้ก็จะชอบพูดเล่นด้วยใบหน้าจริงจังจนทำให้คนอื่นๆ คิดว่าพี่แกพูดจริงก็เล่นทำหน้าตาจริงจังแบบนั้นนี่น่าแต่พี่เต๋าเป็นช่างภาพที่ขี้เล่นมากนะครับ ผมรู้จักช่างภาพของบริษัทอยู่หลายคน ไม่ว่าจะเป็นพี่คิม พี่เต๋า พี่มาร์ พี่เบียร์ พวกนี้จะเป็นช่างภาพที่มีฝีมือระดับเทพของบริษัทเราครับ ผมนั่งดูการถ่ายแบบอยู่นานจนกระทั่งมีโทรศัพท์โทรเข้ามา
ผมรับสายแล้วคุยเรื่องงานเล็กน้อย คนในทีมที่จัดทำนิตยสารแฟรันด้วยกันน่ะครับ นิตยสารแฟรันซึ่งเป็นนิตยสารที่ผมเป็นคนริเริ่มสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยเรียนมอปลายนู้น เนื่องจากพ่ออยากให้ผมเรียนรู้งานด้วยตัวเองก็เลยให้ผมมาทำงานทดลองดู ปรากฏว่านิตยสารแฟรันได้รับความนิยมมาก ทุกอย่างในเล่มผมจะจัดการและคัดสรรเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบทความต่างๆ แฟชั่นและนายแบบนางแบบที่จะขึ้นปก ที่สำคัญผมเป็นคนถ่ายปกเองกับมือ!!
ไม่น่าเชื่อใช่ไหมล่ะ? แต่หน้าอย่างผมเนี่ยทำงานมาเกือบจะหมดแล้วนะ ไม่ว่าจะเป็นนิตยสาร โปรดิวเซอร์เพลง แต่งเพลง อัดเพลง จัดคอนเสิร์ต ล่าสุดก็กำลังแต่งบทละครอยู่ครับ เพราะงานทดลองต่อไปคือพวกงานละคร ผมจะต้องแต่งบทละครเองแล้วไปเสนอกับท่านประธาน(ก็พ่อผมนั้นแหละ) ถ้าผ่านก็ต้องออดิชั่นหาตัวแสดง กำกับเอง ทำทุกอย่างเองหมด โดยมีพ่อเป็นคนแนะนำ เรื่องผมกับพ่อน่ะเหรอ? ก็เหมือนเดิมเพียงแค่ผมแยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานได้ครับ ผมเป็นมืออาชีพพอ!
“ตกลงเลือกนายแบบสำหรับปกเดือนนี้หรือยังครับ?”
[ ค่ะ ทีมเราเลือกเลิฟมีเป็นนายแบบปกเดือนนี้ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณวินเซอร์จะแนะนำอะไรเพิ่มเติมอีกไหมคะ? ]
“เลิฟมี? อ้อ ไม่ทราบว่าเดือนนี้ธีมคืออะไรงั้นเหรอครับ?”มันงานเยอะไปหน่อยผมก็เลยลืมไปสนิท ธีมมันคืออะไรวะ ทำไมเลือกคนๆ นี้ล่ะ? ผมพยายามครุ่นคิดความเหมาะสมกับเนื้องาน ถึงจะชอบคนๆ นี้แต่สำหรับงานแล้วผมไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาปนหรอกน่า
[ ช่วงนี้หน้าฝนไงค่ะ คุณวินเซอร์ระบุธีมให้เป็นพวกเซ็กซี่กลางสายฝนค่ะ ]
“อ้อ~ น่าจะโอเคแล้วนะ วันถ่ายวันเดิมนั้นแหละแล้วสถานที่ผมระบุไปเรียบร้อยไหม?”
[ ค่ะ ติดต่อเรียบร้อยแล้วค่ะ ถ้ามีอะไรเพิ่มเติมดิฉันจะโทรมาแจ้งคุณวินเซอร์อีกทีนะค่ะ ]
“โอเค ดูแลความเรียบร้อยของพวกเนื้อหาในเล่มด้วยนะครับคุณครีม”
[ ค่ะ ไม่มีอะไรผิดพลาดค่ะ ]
เมื่อวางสายผมก็นั่งมองการถ่ายแบบนั้นอีกครั้งแล้วผมตัดสินใจลุกเดินออกไปจากสตูดิโอ การนั่งอยู่เฉยๆ มันน่าเบื่อสำหรับผมนี่กะหาอะไรทำฆ่าเวลาสักหน่อยครับ ผมเดินเข้ามาในร้านค็อฟฟี่ช็อปแล้วไปเจอกับริวที่นั่งอยู่มุมร้านคนเดียว ผมสั่งมอคค่าไประหว่างยืนรอผมก็แอบมองร่างบางนั้น ให้ตายเถอะ น่ารักจริงๆ นั้นแหละว่ะ!
นั้นน่ะสเปกเลยเหอะ! ตัวเล็กๆ บางๆ ตาโตๆ น่ารักๆ!
ใช่เลยว่ะ!“มอคค่าครับ”
มอคค่าที่ผมสั่งถูกยกมาเสิร์ฟตรงหน้าเรียบร้อย ผมยกแก้วนั้นแล้วเดินมาที่โต๊ะตรงมุมห้อง ผมกระแอมเสียงเล็กน้อย ริวเงยหน้าขึ้นมามองพอเห็นผมเขาก็ตกใจเล็กน้อย
“คุณวินเซอร์!?”
“เรียกว่าวินเซอร์เฉยๆ ก็ได้ ขอนั่งด้วยคนนะ”
“เอ่อ...ครับ”ริวพยักหน้าเบาๆ แล้วผมก็นั่งเก้าอี้ตรงกันข้ามกับอีกฝ่าย
“ถ่ายแบบงั้นเหรอ?”
“เปล่าครับ แค่มาดูงานนิดหน่อยน่ะครับแล้วคุณวินเซอร์มาทำอะไรงั้นเหรอครับ?”
“วินเซอร์ไม่ใช่คุณวินเซอร์ เราอายุเท่ากันเรียกธรรมดาเถอะ”
ผมยิ้มประดับบนใบหน้าอีกฝ่ายมองผมนิ่งแล้วค่อยๆ ก้มหน้าลงเมื่อรู้ตัวว่ามองผมนานเกินไป กระต่ายน้อยตัวนี้คงจะหนีกรงเล็บสิงโตอย่างผมไม่พ้นแล้วล่ะมั้ง หว่า~ ค่อนข้างน่าเบื่อนิดหน่อยแฮะ พอมาเจอพวกไร้เดียงสาจริงๆ มันก็ได้ง่ายๆ ไม่ตื่นเต้นเอาซะเลยตรงกันข้ามพวกร่านถึงใจแต่ผมไม่พอใจว่ะ เฮ้อ กูช่างเลือกมากจริงๆ!
ผมคุยกับริวนานพอสมควร ผมได้เบอร์ติดต่อของเขามาไว้ในเมมมือถือ หว่า~ เบอร์เพิ่มอีกแหละ ไม่รู้มันจะจุได้อีกกี่เบอร์แต่ที่แน่ๆ เมมเครื่องของผมน่ะมันมีแต่เบอร์พวกสาวๆ กับหนุ่มๆ ทั้งนั้นจนพวกเพื่อนๆ มันอิจฉาตาร้อนอยากได้แบบผมบ้าง อยากได้ก็หาเอาสิว่ะ!
ผมขอตัวจากริวแล้วกลับมาที่สตูดิโอถ่ายแบบอีกครั้ง พอเข้ามาน้องเรดก็เดินมาหาผมด้วยใบหน้าหงิกๆ อะไรอีกวะ? อย่างบอกนะว่างอนที่กูหายตัวไปน่ะ ถ้าบอกว่าไปเข้าห้องน้ำจะเชื่อกูไหมวะ? น้องเรดเข้ามากอดแขนของผมแล้วออดอ้อนเหมือนเดิม
“พี่วินเซอร์ไปไหนมาครับ?”
“อ้อ ไปเข้าห้องน้ำน่ะ”
“ห้องน้ำคงจะอยู่ที่สตูล ไปนานมาก”
ผมหันไปมองคนที่เอ่ยลอยๆ มาอย่างแปลกใจ ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกครับที่ทำให้ผมแปลกใจได้น่ะ ก็นายแบบที่ชื่อสยองสะท้านทรวงนั้นแหละ เลิฟมีครับ! ผมพาน้องเรดมานั่งใกล้ๆ อีกฝ่ายเขานั่งหันหลังให้กับผม
“นั้นน่ะสิครับ ไปห้องน้ำทำไมไปนานขนาดนั้นด้วย?”
“อ้าว พี่ก็ไปนั่งพักสายตา จิบกาแฟอะไรพวกนี้น่ะก็เลยนานนิดเดียว”
“แถมนั่งจิบกับริวนายแบบหน้าหวานคนนั้นด้วย”
“...”
จะอยู่เงียบๆ เหมือนเดิมผมก็ไม่ว่าอะไรนะเลิฟ!“ริวไหนครับพี่วินเซอร์!?”
เรดคว้าแขนของผมแล้วเอ่ยถามเสียงแข็งทันที อะไรกันวะ? ผมระบายยิ้มเอาใจอีกฝ่ายแล้วเหลือบไปมองคนปากบอน เห็นแล้วเฉยๆ ไปเซ่เอามาเผาทำไมวะ!? หาเรื่องให้กูปวดเศียรแท้ๆ เลิฟหันมาเห็นสายตาต่อว่าของผมเขาก็เชิดหน้ายิ้มที่มุมปากแบบดูถูกดูแคลนกันสุดๆ ผมขบกรามแน่น ไอ้นิสัยแบบนี้มันแย่จริงๆ
ต้องดัดให้เข็ด!TBC.
มาอัพตอนดึกๆ เมื่อปอยไม่มีอารมณ์จะอ่านหนังสือ<<< (ได้ข่าวว่าสอบสองวิชา!)
เหอะๆ มาขยันผิดเวลาจริงๆ เลยน่า เจ็บปวดหัวใจ~!

ใครว่าย้อนไกลล่ะ ก็เรื่องนี้มันเรื่องของสองคนนี้นี่น่า ก็ต้องเริ่มตั้งแต่พวกเขาเจอกันซี!ถามคนแต่งค่ะ ว่าตอนนี้พรีสต์รู้แล้วเหรอว่าฮอยฮักกับเลิฟมีเป็นคนเดียวกัน เพราะถ้ายังไม่รู้ ผู้หญิงที่มาสีในผับก็น่าจะจำไม่ได้เหมือนกัน [ พรีสต์ยังไม่รู้ค่ะ แต่ตอนนั้นพรีสต์เขาไปเที่ยวกับฮักเพื่อนรักไม่ใช่ฮอยฮักแว่นจืดนะค่ะ เข้าใจไหมเอ่ย?]