ตอนที่ 17ผมฉุกกระชากลากแขนฮอยฮักเดินตามผมมาที่รถแล้วเปิดโยนอีกฝ่ายเข้าไปนั่งแล้วเดินอ้อมมาที่ฝั่งคนขับ ผมเปิดประตูแล้วเข้าไปนั่ง รีบติดเครื่องแล้วขับออกตัวไป ฮอยฮักมองผมอย่างสงสัยแต่ใบหน้าของมันก็ยังนิ่งเหมือนเดิม ผมขับรถมองตรงไปข้างหน้า อารมณ์ตอนนี้มันไม่ดี หน้าก็บึ้งสนิท เหยียดเร่งความเร็วจนอีกคนที่นั่งอยู่หันมามองอีกครั้ง
“วินเซอร์”
“...”ผมหันไปมองแต่ก็ไม่พูดอะไร ขับรถตามถนนไปเรื่อยๆ ไม่ต้องห่วงว่ามันจะมีการฆาตกรรมหมกศพหรอกครับ ผมไม่ทำอะไรที่มันจบง่ายๆ แบบนั้นแน่นอน แบบนั้นมันก็ไม่สนุกน่ะสิ! ผมขับรถไปในหัวก็ครุ่นคิดว่าควรจะจัดการอย่างไงดี เหลือบไปมองอีกฝ่ายที่นั่งก้มหน้ากอดกระเป๋าแล้วเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง
ไม่รู้เลย ไม่รู้จริงๆ ว่าตรงไหนเสแสร้งอยู่ ตรงไหนเป็นความจริง!
แม้กระทั่งตอนนี้ผมยังไม่อยากจะปักใจเชื่อว่าเป็นคนๆ เดียวกันเลย แต่เอาเถอะ ผมแค่ยกสายสั่งคำเดียวเดี๋ยวก็สืบหาความจริงได้แล้วแหละ เมื่อก่อนทำไมผมไม่ทำน่ะเหรอ? แน่นอนว่าผมไม่คิดว่าจะมีใครมาเล่นตลกร้ายกาจขนาดนี้ด้วยนี่! มันจะเป็นนิยายขายหัวเราะหรือไง ตลก!! ปลอมตัวมาเพื่ออะไร? มาลองใจหรือแค่มาปั่นหัวเล่นๆ!? คนโดนหลอกน่ะมันไม่สนุกด้วยหรอกนะ!! ผมก็มีส่วนผิดคิดประมาทเองที่เห็นว่ามันเป็นเป็นแค่ไอ้แว่นจืดๆ คนหนึ่งเท่านั้น ฮึ่ม!!
ผมเลี้ยวเข้าคอนโดขับรถเข้ามาที่จอดประจำจากนั้นก็ดับเครื่องหันไปมองฮอยฮักที่ยังนิ่งเหมือนเดิม ผมเปิดประตูลงจากรถแล้วล้วงกระเป๋าหยิบมือถือกดโทรหาไอ้รีเบคโก้ ญาติฝ่ายปู่ที่ตอนกลับมาจากอเมริกามันติดสอยมาเที่ยวเมืองไทยด้วยน่ะครับ ไม่นานมันก็รับสาย
[ โย่~ นายท่านมีอะไรให้รับใช้ครับ? ]
“เบคโก้ โคตรเสียงดัง แกอยู่ไหน?”
[ พัทยา โย่~ ที่เมืองไทยแหล่มจริงๆ ด้วยนะนาย ว่างๆ มาเที่ยวด้วยกันสิครับ ]
“พอๆ ฉันอยากจะให้แก...”ผมกำลังจะพูดแต่เหลือบมามองเจ้าคนที่เดินมายืนอยู่ข้างๆ จึงเงียบไป ผมออกตัวเดินแล้วเสียงของเจ้ารีเบคโก้ก็ดังขึ้นหลังจากที่เสียงดังๆ นั้นเงียบไปแล้ว ผมเหลือบไปมองฮอยฮักที่เดินตามหลังมา
[ ให้ทำอะไรครับ? ]
“อยากจะให้ค้นหาร้านอาหารที่ฉันต้องการหน่อย กำลังดังอยู่ในวงการบันเทิง แต่ลึกลับเป็นส่วนตัวหน่อยนะ ร้านที่คนน้อยๆ เอาแต่ผู้ชายล้วน เดี๋ยวไปคุยงานเห็นผู้หญิงแล้วจะเขว้ ร้านที่พ่อรู้จักนั้นแหละ แกหาได้ไหม?”
[ โห นาย วงการบันเทิง? ชายล้วน? ท่านประธานรู้จัก? หมายถึงบริษัททีไอเอ็มหรือเปล่าครับ? ]
“หึ นั้นแหละ แกนี่สมกับเป็นคนที่ฉันเลือกจริงๆ ไม่เสียแรง”ผมยิ้มอย่างพอใจกระแดะลิ้นรับ ไม่เสียแรงที่เรียนมาด้วยกันตอนอยู่อเมริกา
[ นายท่าน~ เห็นประโยชน์เบคโก้แล้วใช่ไหมครับ? ]
“เออ นึกว่าชอบเรื่องใต้สะดืออย่างเดียวซะอีก”ผมกดลิฟต์แล้วเดินเข้าไป ยืนรอนิดหน่อยให้อีกคนที่เดินตามมาวิ่งเข้ามายืนข้างๆ ผมยกแขนพาดไหล่ของอีกฝ่ายคุยโทรศัพท์ต่อโดยที่ฮอยฮักหันมามองแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ
[ แหมๆ นายท่าน! ท่อนบนของผมคล่องพอๆ กับท่อนล่างเลยนะครับ แล้วที่บอกว่าลึกลับเนี่ยหมายถึงอะไรงั้นเหรอครับ? ]
“บรรยากาศเงียบๆ โล่งๆ ไม่ติดกับอะไรเลย”
[ คนที่เงียบๆ ไม่ชอบสุงสิงกับคนอื่น? เดี๋ยวนะนายท่าน ขอค้นข้อมูลก่อน ไอ้อับดัลก็ไม่อยู่ซะด้วยสิ ]
“อับดัลไปไหน?”
[ ก็ไปจัดการเรื่องเปลี่ยนนามสกุลให้นายท่านไงครับ อีกอย่างเดี๋ยวพวกผมจะไปจัดการเรื่องลาออกจากมหาวิทยาลัยต่อ น่าจะเสร็จแล้วประมาณเย็นๆ จะเอาเอกสารไปให้นะครับ ]
“เรื่องนั้นฉันยังไม่ได้ตอบตกลงสักหน่อย”ผมตอบรับเสียงห้วนๆ ตอนนี้ผมใช้นามสกุลของคุณย่าตามคุณพ่ออยู่ครับ จะเปลี่ยนนามสกุลไปใช้ของคุณปู่ตามที่พ่อของผมสัญญากับปู่ไว้ว่าเมื่อผมอายุ 20 ปีท่านจะให้ผมเปลี่ยนไปใช้นามสกุลของคุณปู่แทน และที่ผมไม่ค่อยพอใจนั้นก็คือการตัดสินใจเอาเองของคุณปู่ บ้าชะมัด!! ใครบอกว่าจะลาออกจากมหาวิทยาลัยแล้วไปอยู่อเมริกากัน!
[ นายท่านแต่ว่าเรื่องนี้คุณท่านสั่ง... ]
“ฉันปฏิเสธปู่ไปแล้ว แกจะฟังใครระหว่างฉันกับปู่!?”ผมปล่อยมือจากฮอยฮักแล้วเดินออกมาจากลิฟต์อย่างมีน้ำโห ทำไมมีแต่เรื่องที่ชวนปวดกบาลแบบนี้ด้วยวะ!!
[ โอ๊ะ นายท่านจะให้สืบเรื่องใครครับ ระหว่างพี่ลอนดอนกับอีกคน...เลิฟมี? ชื่อเหี้ยอะไรวะเนี่ย? ]
ไอ้รีเบคโก้เปลี่ยนเรื่องทำเอาผมฉุน เอื้อมเปิดประตูห้องเข้าไปแล้วเดินไปเปิดประตูระเบียงห้องคุยที่ข้างนอกจากนั้นก็เลื่อนปิดประตูเพื่อไม่ให้เสียงเข้าไปข้างใน แล้วนั้นอะไร มึงสบถใส่หูกูเนี่ยนะ ไอ้บ้า! พอฮอยฮักไม่ได้ยินผมก็ได้พูดสักที
“สัด! พี่ลอนดอนจะหามาทำเป๊ะอะไร!!? ฉันรู้จักพี่แกตั้งแต่ยังไม่เข้าวงการแล้ว! สืบเลิฟมีมา! อ้อ อีกคนที่อยากจะให้สืบน่ะ ฮอยฮักลูกชายของโซล่าอดีตดาราดัง ได้หรือยัง?”
[ แป๊บสินาย แฮ็กต้องใช้เวลาหน่อยนะครับ อ่ะ ได้แล้ว เลิฟมี นายภิญโญ ภวัตนรเศรษฐ์ เข้าวงการมาตั้งแต่ปี... ]
“เฮ้ย ไม่ต้องร่ายน้ำเอาเนื้อๆ โว้ย! เอาชื่อจริงของเลิฟมี ประวัติครอบครัว”
[ แปลกอ่ะนาย ไม่มีประวัติพวกนั้นเลยครับ ]
“งั้นเหรอ? แกแฮ็กหาข้อมูลในมหาลัยที่ฉันเรียนอยู่สิ ค้นหาชื่อ ภิญโญ ภวัตนรเศรษฐ์นั้นแหละ”
[ ครับ ได้แล้วครับนาย ภิญโญ ภวัตนรเศรษฐ์ นักศึกษา สาขาตกแต่งภายใน ปีสอง คณะสถาปัตครับ ]
เป๊ะ!!!!“ค้นหาประวัติของลูกชายของโซล่าด้วย เจาะระบบข้อมูลทางราชการเลยจะได้เร็ว”
[ แหม นายท่าน หาเรื่องเข้าไปอยู่กินที่คุกเลยนะครับเนี่ย ]
“เหอะ ถ้าแกโง่ให้เขาจับได้ก็ติดคุกไปซะ”
[ ได้แล้วครับ โซล่ามีลูกชายอยู่สองคน ฮอยยิ้ม นายภูมิภัทร ภวัตนรเศรษฐ์กับฮอยฮัก นายภิญโญ ภวัตนรเศรษฐ์ แต่ชื่อของนายภิญโญ โอนไปเป็นลูกบุญธรรมของนายภูดิส ซึ่งเป็นพี่ชายของโซล่าครับ ]
“เออ ขอบใจ”
[ ครับ แล้วเจอกันครับนายท่าน ]
ผมวางสายแล้วยืนนิ่งกับตัวเอง ภิญโญ ภวัตนรเศรษฐ์เป็นลูกชายของโซล่า แถมยังเป็นลูกบุญธรรมของภูดิสอีก ภูดิสเป็นชื่อจริงของท่านคิงอธิการมหาวิทยาลัยที่ผมเรียนอยู่นั้นแหละครับ เลิฟมีก็บอกว่าเป็นลูกบุญธรรมของท่านคิง เฮ้อ~ ทุกอย่างชัดเจนมาก ไม่ต้องพิสูจน์อะไรอีกแล้ว ผมเปิดประตูเดินเข้ามา ฮอยฮักก็นั่งอยู่บนโซฟาอ่านอะไรไม่รู้หรอกครับแต่พอผมเดินเข้ามาใกล้หมอนั้นก็เก็บเข้ากระเป๋าไป อย่าบอกนะว่านั้นเป็นบทละครน่ะ!! ผมนั่งลงข้างๆ มันแล้วขมวดคิ้ว ก้มตัวจับเสื้อหมอนั้นมาดมฟุดฟิด
แมร่ง กลิ่นส้มเจ้าปัญหา!“อะไรเหรอ?”
“เปล่า”ผมส่ายหน้าแล้วมองไปทางอื่น บรรยากาศระหว่างเราเงียบมาคุ ผมกำลังคิดว่าจะทำอะไรต่อไปดี หันมามองหน้าอีกฝ่ายที่จ้องผมอยู่ ผมค่อยๆ คลียิ้มออกมาแล้วยกมือเขี่ยแก้มของอีกฝ่าย ไม่รู้ว่านายคิดอะไรถึงทำแบบนี้แต่นายคิดผิดแล้วล่ะที่มาหลอกฉันน่ะ หึ ฉันจะแสดงความรักให้นายกระอักไปเลยล่ะฮัก!
น่าสนุกนะ ว่าไหม หึๆ“คิดอะไรถึงได้มาที่นี้น่ะวินเซอร์?”
“เปล่าหรอกครับ ก็แค่แวะมาหาอะไรกิน”ผมยิ้มก่อนจะตอบพี่นิวยอร์กที่ถามผมเมื่อเข้ามาในร้านเห็นผมนั่งอยู่ พี่นิวยอร์กนั่งลงตรงข้ามกับผมเลิกคิ้วอย่างไม่เชื่อ อันที่จริงก็ไม่ได้มาหาอะไรกินจริงๆ นั้นแหละ หลังจากไปรีดความลับมาจากอาทิมที่พอเอาเหล้าอย่างดีไปให้แกก็เม้าท์มอยให้ฟังหลายเรื่องเลยล่ะครับ แหม่! ไม่ต้องเสียเวลาล้วงเอาความลับเลย และที่มานี่ก็เพราะพี่ชายคนสนิทต้องการความช่วยเหลือครับ
“เอ้า ของที่สั่ง”พี่ลอนดอนเดินมาพร้อมกับเสิร์ฟของหวานที่ผมสั่งสุ่มๆ ไป
“เจ้าของร้านมาเสิร์ฟเองเนี่ย เกรงใจจังน่าพี่”
“ถ้าไม่รู้สึกจริงอย่าพูดวะ”พี่ลอนดอนเอ่ยด้วยใบหน้าเรียบๆ ผมก็ยักไหล่นั่งลองตักเจ้าของหวานที่น่าแหวะ(สำหรับผม)ดูท่าทางมันจะเป็นศัตรูของไอ้โซโล่แน่ๆ แหงล่ะ ไอ้เวรนั้นมันเป็นปรปักษ์กับของที่มีโคเลสเตอรอลสูงนี่น่า!!
“แล้วนี่พี่เรียกผมมาทำไม?”
“เอ่อ ที่บอกว่าจะให้ช่วยเป็นคู่ซ้อมเด็กใหม่ไง”
“อ้อ นัดวันมาดิ”ผมหยุดคิดเล็กน้อย เด็กใหม่คลาสลับแลน่ะเหรอ? อืมมมม! แบบนี้เอาไปควงเย้ยฮอยฮักมันดีกว่า! ผมพยักหน้ารับแล้วบอกให้พี่ลอนดอนหาเวลานัดมา พี่ลอนดอนเปิดปฏิทินของตัวเองแล้วชี้วันที่ให้ผมดู วันอาทิตย์งั้นเหรอ? งืมๆ
“แกไม่ติดอะไรใช่ไหม?”
“ก็ไม่น่าจะติดนะ”ผมลองคิดๆ ดูแล้ววันนั้นก็ไม่น่าจะติดอะไรล่ะมั้ง งานทุกอย่างก็เคลียร์ตั้งแต่ก่อนปีใหม่แล้ว ตอนนี้เหลือแต่โปรเจ็คท์หนังนั้นแหละ แล้วจู่ๆ พ่อก็โยนงานที่ผมรับผิดชอบอยู่ไปให้คนอื่นซะชิบ แล้วรายการวาไรตี้ที่วางแผนไว้ก็เสือกโดนโรคเลื่อนไปซะงั้น
“อย่างไงก็ฝากเด็กพี่ด้วยนะ พี่ก็สอนมันมาเยอะแล้วล่ะแต่หมอนั้นก็ยังอ่อนหัดอยู่”
“ไม่หรอกมั้ง เห็นฝึกล่าสุดก็ทำได้สมบูรณ์แบบเลยนี่”พี่นิวยอร์กแย้งแฟนของตัวเอง อ้าว พี่นิวยอร์กก็รู้จักงั้นเหรอครับ ไหนบอกว่าคลาสนี้ไม่ให้คนนอกเข้าไปล่ะครับ แล้วตกลงว่าเขาที่เรากำลังคุยกันอยู่เนี่ยคือใครครับ? พี่ลอนดอนมองแฟนตัวเองเล็กน้อยแล้วถอนหายใจ
“ก็เพราะมันเฟอร์เฟ็คส์ไปน่ะสิ”
“อ้อ อิจฉาว่างั้น?”พี่นิวยอร์กเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มๆ แต่คำพูดที่พี่แกหลุดออกมาเนี่ยสิมันไม่ได้แมทช์กับหน้าตายิ้มๆ ที่ดูอย่างไงก็อ่อนโยนนั้นเลยครับ! พี่ลอนดอนเหลือบมองพี่นิวยอร์กเล็กน้อยแล้วหันมามองผม ดวงตามีแวววูบเหมือนกำลังได้เห็นเรื่องสนุกๆ
“ถ้าเป็นแกล่ะก็ หมอนั้นต้องหลุดแหงๆ หึๆ”
“อ้อ ที่แท้พี่ก็อยากแกล้งเด็กใหม่เนี่ยนะ”ผมส่ายหน้าแล้วถอนหายใจปลงๆ เหมือนเข้าใจสิ่งที่พี่ชายต้องการ ถึงจะขี้แกล้งแต่ผมก็แกล้งแต่คนที่ตัวเองชอบเท่านั้นแหละนะ ไม่เหมือนพี่ลอนดอนหรอกแกล้งมันได้ทุกคน!
“นิสัยเสียว่าไหม?”พี่นิวยอร์กหัวเราะเบาๆ แล้วเอ่ยออกมา เป็นอีกครั้งที่พี่แกพูดอะไรไม่เข้ากับหน้ายิ้มๆ นั้น! พี่ลอนดอนหันขวับไปมองแต่เจอหน้ายิ้มที่เหมือนสตาฟเอาไว้ก็ว่าอะไรอีกฝ่ายไม่ลง ผมขอถ่ายรูปหน้ายิ้มของพี่นิวยอร์กแป๊บหนึ่งครับเอาไว้เป็นยันต์กันลอนดอน!
“แล้วเด็กใหม่ที่ว่านี่คือใครล่ะครับ”ผมกดบันทึกภาพเงยหน้ามาถามพี่ลอนดอน พี่แกไม่ตอบบู้ยปากไปข้างนอกร้าน พนักงานร้านและลูกค้าที่นั่งๆ อยู่ก็ทำหน้าเคลิบเคลิ้มกันเชียว ผมหันไปมองแล้วเลิกคิ้วหันกลับมามองพี่ลอนดอนอย่างไม่อยากจะเชื่อ!
“พี่ อย่าบอกนะว่า...”
“เออ คนนี้แหละ”
“พี่ลอนดอนมีอะไรงั้นเหรอครับ?”คนที่เข้ามาใหม่เดินมาหยุดที่โต๊ะที่พวกผมนั่งแล้วเอ่ยถามด้วยใบหน้านิ่งพอๆ กับคนถูกถาม ตอนนี้ผมไม่รู้จะว่าอย่างไงดีล่ะครับ! นี่มันจะบังเอิญเกินไปแล้ว ผมเงยหน้ามองคนที่มาใหม่ที่เหลือบมามองผมเล็กน้อยแล้วเมินไปทางอื่น ปฏิกิริยาเหมือนที่ผมคิดเอาไว้เป๊ะ!
ไม่ใช่ใครหรอกครับ
เลิฟมีหรือก็คือฮอยฮักนั้นแหละครับ!!“นั่งก่อนเลิฟ”พี่ลอนดอนก็เรียกให้ฮอยฮักนั่ง ดูๆ ไปแล้วเก้าอี้ฝั่งผมว่างอยู่นี่น่า ผมก็เลยขยับตัวให้อีกคนเข้ามานั่ง เลิฟมีก็นั่งลงข้างผมนั้นแหละครับ ผมก็ทำเป็นไม่สนใจหันไปคว้าหลอดดูดน้ำไปเรื่อย พี่ลอนดอนก็คุยกับฮอยฮักไป
หมอนี้นี่นะเป็นเด็กคลาสลับแล! ให้ตายเถอะ นึกว่าเด็กใหม่ที่ไหนซะอีกแต่ดันเป็นคนๆ นี้ มันจะรอดไหมฟ่ะเนี่ย!!? ดูอย่างไงๆ ก็ผู้ชายชัดๆ ถึงจะหน้าสวยกว่าผู้หญิงก็เถอะ! ไม่เหมือนพี่ลอนดอนหรือพี่ยูไนเต็ดหรอกนะที่เป็นพวกดูก็ไม่รู้ว่าเพศไหนน่ะ มันจะไหวเหรอวะ?
“ตกลงเป็นวันอาทิตย์เหรอครับ?”
“เออ วันนั้นแหละ”
“ครับ หมดธุระแล้วใช่ไหมครับ? ผมจะรีบไปทำงานต่อ”ฮอยฮักพยักหน้ารับแล้วพูดตัดบทของพี่ลอนดอนที่กำลังเอ่ยกระจุยกระจายเลยล่ะครับ พี่ลอนดอนอ้าปากค้างพะงาบๆ แล้วจำใจต้องพยักหน้ารับ ฮอยฮักลุกขึ้นโค้งตัวเล็กน้อยแล้วเดินออกไปฉับๆ อย่างรวดเร็ว
“หนอย! ไม่น่ารักเลย!”
ผมก็ว่างั้นแหละ ตอนที่หมอนี้เป็นเลิฟมีไม่เห็นน่ารักตรงไหน หยิ่งแล้วก็น่าหมั่นไส้ด้วย แต่ว่าเมื่อก่อนเลิฟมีน่ารักอยู่แท้ๆ อัพเลเวลน่าหมั่นไส้ขนาดนี้ก็เพราะอาทิมนั้นแหละ! เขาชอบผมแล้วมาทำเป็นขัดขวาง ทำไมผมรู้น่ะเหรอ? แหม! ไม่ใช่แค่อาทิมหรอกนะที่รู้จักนิสัยของผม ผมก็รู้จักอาทิมพอๆ กับอาทิมรู้จักผมนั้นแหละ!!
“เอาน่า เขาก็เป็นคนแบบนั้นนี่น่า”
“จะไหวงั้นเหรอครับแบบนั้น?”
“ไหวสิวิน เห็นแบบนั้นน่ะเขาก็เป็นอัจฉริยะเหมือนเธอเลยนะ”พี่นิวยอร์กยิ้มแล้วเอ่ยแก้ต่างให้ทันที พี่นิวยอร์กเนี่ยล่ะก็เป็นอาจารย์เขาหรือไงครับสนับสนุนดีจัง ดูอาจารย์ตัวจริงสิครับนั่งทำหน้าขัดใจอยู่นั้นน่ะ
“หึ ทำได้ดีเชียวแหละ อย่าไปห่วงเลย ขนาดให้ทดสอบแสดงบทคู่กับพี่นิวยังทำให้พี่นิวเคลิ้มอินไปกับบทคนรักเลยล่ะ”พี่ลอนดอนเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ พี่นิวยอร์กก็หัวเราะแห้งๆ เมื่อถูกแฟนประชดเข้าให้ โห ขนาดทำให้พี่นิวยอร์กอินได้เลยงั้นเหรอ ชักจะอยากเห็นซะแล้วสิว่าเป็นอย่างไง ผมครุ่นคิดในหัวเล็กน้อย แหม~ สมบูรณ์แบบงั้นเหรอ? ชักอยากจะให้ถึงวันอาทิตย์เร็วๆ แฮะ!! ผมยิ้มออกอย่างพึงพอใจ
เดทสินะ หึๆ"ชิ รู้ไหมเจ้าเลิฟน่ะเป็นบุคคลที่ตามหาตัวได้ยากที่สุดในวงการไปแล้วรู้ไหม? ไม่รู้หายตัวไปไหนนอกจากเวลางานนู้นแหละถึงจะเห็นหน้า เลยไม่มีเวลาแกล้งเลย ให้ตาย”
ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวผมแกล้งเผื่อให้!อีกอย่างที่หาตัวเขาไม่ได้เพราะเขาไปหาผมไง! ผมยิ้มรับกับคำบ่นของพี่ลอนดอน จากนั้นเราก็คุยสัพเพเหระตั้งแต่เรื่องงานในวงการไปจนกระทั่งถึงเรื่องส่วนตัว ผมกับพี่สองคนนี้รู้จักกับมานานแล้วล่ะครับ พี่นิวยอร์กผมรู้จักตั้งแต่ผมอายุน้อยๆ ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าอายุเท่าไร ส่วนพี่ลอนดอนผมรู้จักตอนไปอยู่ที่อเมริกานู้นแหละครับ
ต่อรีล่าง 