ตอนที่ 19
“ครับ สวัสดีครับ ผมชื่อฮอยฮัก ยินดีที่ได้รู้จักคุณย่าครับ”
“ฮอยฮักเหรอ ชื่อน่ารักจัง”
หลังจากที่ผมนั่งอึ้งอยู่นั้นก็รวบรวมสติยกมือไหว้ก้มศีรษะเล็กน้อยแล้วแนะนำตัวตามมารยาทน่ะครับ คุณย่ากานต์ก็ยิ้มรับ อุว๊ะ!! หน้าโคตรเด็กเลยโว้ย อำกูเลยอยู่หรือเปล่าเนี่ย!!!? ผมมองอีกฝ่ายนิ่ง ในใจของผมนั้นยังไม่เชื่อหรอก ใครจะไปเชื่อลงล่ะวะ!!
“ดาร์ลิ้งไปไหนเหรอจ๊ะ? นี่กะว่าจะมาเยี่ยม”
“วินเซอร์ไปงานเลี้ยงครับ”
“งานเลี้ยงอะไรกัน?”คุณย่ากานต์ย่นจมูกแล้วมันดูน่ารักจริงๆ นะครับ คนๆ นี้อายุเท่าไรกันฟ่ะ!? ดูจากหนังตาแล้วผมคิดว่าเธอไม่น่าจะอายุเกินสามสิบหรอก! แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไงล่ะครับ เพราะประธานฮันก็ปาไปสี่สิบแล้ว แต่ เอ๊ะ หน้าตาประธานฮันก็ยังเอ๊าะๆ อยู่เลยนะ ดีเอ็นเอตระกูลนี้มัน...ลึกลับวะ!
“ว่าแต่หนูร้องไห้ทำไมเหรอจ๊ะ โดนเจ้าหลานงี่เง่ามันรังแกมาเหรอ?”คุณย่ามองไปมองรอบๆ แล้วก็หันมามองผมก่อนจะทำหน้าเหมือนคิดได้แล้วถามผมด้วยเสียงนุ่มนวล ผมนั่งนิ่งไม่ตอบอะไร จะให้บอกไงล่ะว่าหลานของคุณย่าน่ะมันเหี้ย! แล้วที่สุดแล้วก็คือ จะบอกให้บอกว่าผมตามจีบหลานชายของคุณย่าอยู่ครับเหรอ? บ้าน่ะสิ!!
“ไม่เป็นไรหรอก เล่าให้ฉันฟังได้นะหนู ถ้ามีอะไรพอช่วยได้ฉันก็จะช่วย”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ”ผมปฏิเสธออกไป คุณย่าก็หัวเราะเบาๆ มองผมด้วยแววตารู้ทัน
“เธอน่ะ ชอบลิ้งมันใช่ไหมล่ะ?”
“ครับ”ไอ้ผมมันก็บ้าจี้ไปพยักหน้ารับซะงั้น เฮ้ย ไหนบอกว่าจะไม่บอกเขาวะ!! แต่เอาเถอะ อย่างไงมันก็เป็นเรื่องจริง ผมก็ไม่ชอบโกหกใครด้วย คุณย่าเห็นผมยอมรับง่ายๆ ก็เลิกคิ้วรับก่อนจะเปลี่ยนไปยิ้มนิดๆ แล้วเอ่ยเสียงอ่อนโยนเหมือนคุยอยู่กับเด็กน้อยที่กำลังหวาดกลัว น้ำเสียงที่ปลอบประโลมหรือความเป็นแม่ในน้ำเสียงนั้นหรือเปล่าที่ทำให้ผมนิ่งแล้วเปิดปากพูดออกไปแบบไม่ปิดบัง ผมไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ที่รู้ก็คือคุณย่ากานต์มีบางอย่างคล้ายๆ กับแม่ของผม
อ่อนโยนแต่แข็งแกร่ง
“เจ้าหลานบ้าทำแบบนั้นกับเธองั้นเหรอ?”คุณย่าเอ่ยถามผมเสียงสูงอย่างแปลกใจ เธอยื่นปากแล้วจับแก้มของตัวเองอย่างครุ่นคิด ผมพยักหน้าแล้วเศร้า แต่ละวิธีที่มันทำนั้นเหมือนมันเกลียดผม แกล้งผมซะขนาดนั้นจะให้มองว่าอย่างไงล่ะ นอกจากมันเกลียดผม ไม่ชอบขี้หน้าน่ะ!!
ปัง!!!!!
“ชิ ไอ้ตระกูลเฮงซวย!”
หือ!!!?
ผมเบิกตากว้างเล็กน้อย มองเท้าเล็กๆ ของคุณย่ากานต์ที่ฟาดลงบนโต๊ะเสียงดังฟังชัด แต่ที่ชัดมากกว่านั้นก็คือเสียงสบถซึ่งห่างไกลจากคำว่าผู้ดีสุดๆ เลยล่ะครับ ผมแอบอึ้งเล็กน้อยแต่หน้ายังนิ่งเหมือนเดิมนั้นแหละ คุณย่ากานต์ทำหน้าจิ๊จ๊ะแบบไม่พอใจครับ มาดผู้ดีสูงส่งนั้นกลายเป็นเจ้าแม่ยากูซ่าไปเลย!!
“ฉันไม่คิดเลยว่าเจ้าเด็กนั้นมันจะเอานิสัยแย่ๆ มาจากปู่ของมัน ไอ้ตระกูลโรคจิตนี่มันน่านัก เห็นเจ้าหลานเฮงซวยชอบทำดีกับสาวๆ กับคู่ควงทั้งหลาย ฉันก็นึกว่ามันคงจะไม่เป็นแบบปู่มันซะอีก แต่ที่ไหนได้ ไอ้นิสัยชอบแกล้งคนที่ตัวเองชอบเนี่ยมันอยู่ในสายเลือดสินะ!!!”คุณย่าบ่นยาวเหยียดแล้วก็ถอนหายใจอย่างหัวเสีย ก่อนดวงตาคมๆ นั้นก็ตวัดมามองผมนิ่ง กระพริบตามองผมจากนั้นก็เลิกคิ้วแล้วขมวดคิ้วทำหน้าหลากลายอารมณ์ในเวลาอันรวดเร็ว
“ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าลิ้งมันจะมีสเปกแบบนี้แฮะ”เธอบ่นพึมพำผมก็เลิกคิ้วรับ บ่นอะไรหว่า? คุณย่ากานต์โบกมือไปมาแล้วยิ้มแบบไม่มายด์
“ฉันมีอะไรจะเล่าให้เธอฟังล่ะ”เธอยิ้มก็เล่าออกมา ผมก็ไม่ขัดศรัทธานั่งนิ่งรับฟังเงียบๆ
“สมัยที่ฉันไปเรียนต่อที่อเมริกาแล้วเจอกับวอลเธอร์ หมอนั้นน่ะหาเรื่องฉันตลอดเวลา ล้อปมด้อย จิกใช้เป็นทาส ข่มขู่บังคับ สารพัดวิธี ฉันก็อดทนมาตลอดจนกระทั่งมันอดทนไม่ไหว ฉันก็บ่อน้ำตาแตกร้องจะกลับเมืองไทยอย่างเดียว วอลเธอร์เจ้าเฮงซวยนั้นทำอะไรไม่ถูกเลยล่ะ หน้ามันตอนนั้นฉันยังจำได้อย่างดีเลย มันโคตรฮา!”คุณย่าหัวเราะออกมาอย่างสะใจ
“หึๆ จนกระทั่งฉันตัดสินใจกลับเมืองไทย เจ้าบ้าวอลเธอร์มันโคตรบ้าเลยตามมาที่สนามบินเพื่อห้ามไม่ให้ฉันกลับแล้วหมอนั้นก็ตะโกนบอกรัก มันเป็นอะไรที่น่าอายจริงๆ นะ เจ้าบ้าที่เอาแต่แกล้งฉันคนนั้นยืนหน้าแดงยิ่งกว่าลูกเชอรี่มันทำให้ฉันโกรธมันไม่ลงเลย ฉันก็บอกว่าจะกลับไปเยี่ยมบ้านเท่านั้นเดี๋ยวก็กลับ วอลเธอร์ก็หน้าแดงยิ่งกว่าเดิมแล้ววิ่งหนีไปเลย วันนั้นฮาจริงๆ นะ ไอ้บ้านั้นหน้าแตกสมน้ำหน้ามันจริงๆ!”คุณย่าเล่นเสียงใสดูท่าทางท่านจะมีความสุขมากกับความหลังนี้นะครับ ใบหน้านั้นดูอิ่มเอม วอลเธอร์เนี่ยคงจะเป็นคุณปู่สินะ? งั้นนี้ก็เป็นเรื่องสมัยของคุณปู่คุณย่า? ผมนั่งนิ่งรับฟังอีกฝ่ายไม่พูดอะไรเป็นการขัด
“แล้วตอนที่เจ้าฮันนี่ไปเจอไรซ่าแม่ของเจ้าลิ้งมันนั้นแหละ ฮันนี่ที่เป็นคนอ่อนโยนคนนั้นก็นิสัยเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ แกล้งเขาสารพัดแหละ แต่ไรซ่าน่ะฉลาดก็เลยกลายเป็นว่าเจ้าฮันนี่สยบเป็นฝ่ายแมวเชื่องๆ ไป หึๆ เธอเข้าใจไหม? ตระกูลนี้ที่เขาแกล้งน่ะเขาไม่ได้เกลียดหรอกนะ แต่เขาชอบแล้วก็อยากจะทดสอบเท่านั้นเอง ถึงวิธีจะงี่เง่าโคตรๆ ก็เถอะ”คุณย่ากานต์เบ้หน้าโบกมือไปมาแล้วจากนั้นก็หัวเราะเบาๆ ผมเนี่ยกะพริบตาปริบๆ อ้อ อันที่จริงผมค่อนข้างสมองรวดเร็วนะ แต่ว่าเจอเรื่องแบบนี้แล้วสมองมันอืดไปเลยครับ
“แกล้งเพราะชอบ? มันจะไม่เกินไปเหรอครับ?”
โรคจิตสุดๆ!! แกล้งคนที่ชอบเนี่ยนะ!!?
“ตระกูลเฮงซวยนี่มันไม่รู้จักคำว่าเกินไปหรอก ทำตามใจตัวเองตลอดแหละ”คุณย่ากานต์ถอนหายใจหน่ายๆ แล้วยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ ผมก็นิ่งไปครับ นั้นอาจจะเป็นคนอื่นๆ แต่อาจจะไม่ใช่ไอ้วินเซอร์หรอกครับ มันเนี่ยนะจะชอบผม? ไอ้แว่นจืดที่มันไม่เคยจะพูดดีๆ ด้วยน่ะเหรอ? อย่างไงผมก็ไม่เชื่อ!!! ไม่เชื่อพอๆ กับคนตรงหน้าเนี่ยเป็นคุณย่าของไอ้วินเซอร์ด้วย มันจะประหลาดเกินไปแล้วนะ!!!
“เธอน่ะเยี่ยมมากเลยล่ะที่ทนไอ้หลานบ้านั้นได้ขนาดนี้น่ะ”
“แต่ผมไม่ไหวแล้วล่ะครับ มันเหนื่อย”
“ใช่ อย่าไปทนเลย มันทำได้เราก็ทำมันกลับไป อย่าไปยอม ดัดนิสัยเฮงซวยนั้นซะ!”
“ดัด?”ผมเอียงหน้ามองอีกฝ่าย ให้ดัดนิสัยโรคจิตนั้นน่ะนะ คุณย่ากานต์พยักหน้ารับแล้วหัวเราะในลำคอ
“หึๆ ฉันจะให้วิธีสยบความบ้าของตระกูลนี่ล่ะกัน ถือซะว่าเป็นของขวัญวันวาเลนไทน์จากฉัน”
“วิธีสยบความบ้า?”ผมมองอีกฝ่ายด้วยความสนใจ แหงล่ะ ไอ้วินเซอร์มันทั้งบ้าโรคจิตวิปริต!!
“จากที่ฉันรู้จักตระกูลนี้มาก็นานหลายรุ่น เจ้าพวกนี้แพ้อยู่สองอย่าง อย่างแรกก็คือแพ้น้ำตา อย่างที่สองก็คือแพ้ลูกอ้อน ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่งเนี่ยแหละ”
น้ำตากะอ้อน!!?
ผมขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วทำหน้าเปลี่ยนเป็นซีดๆ ไม่ไหวล่ะมั้งคร้าบ!!! อย่างผมเนี่ยนะที่ไปบีบน้ำตาใส่ไอ้วินเซอร์ ยิ่งไปอ้อนเนี่ยมันคงจะขำกลิ้งแหละ! ผมถอนหายใจเบาๆ
“ลองทำดู เรียกมันเสียงหวานๆ ‘ดาร์ลิ้ง’ ไอ้เด็กนั้นไปไม่เป็นแล้วล่ะ!”
“อย่างผมเนี่ยคงจะทำไม่ได้หรอกครับ”ผมส่ายหน้าเล็กน้อย คิดสภาพตัวเองไม่ออกเลยว่าจะเป็นอย่างไง เอาไปเอามาไปเรียกมันแบบนั้นมันชกกลับมาแล้วจะยุ่งไปกว่าเดิมซะอีก
“สงสัยผมคงจะต้องหายไปสักพัก...”
“เฮ้ย!”คุณย่าอุทานเสียงแหลม เธอส่ายหน้าดิกๆ ผมถึงกลับเลิกคิ้วงงกับปฏิกิริยาต่อต้านของอีกฝ่าย อะไรหว่า? ผมแค่จะไปพักจิตพักใจแล้วค่อยกลับมา คุณย่ามองผมอย่างจริงจัง
“เธออยากเจ็บตัวเหรอ? วิธีหลบหรือหนีแบบนั้นไม่ดีแน่! ถึงตอนแรกๆ มันจะง่อยเกือบไหลตายก็เถอะแต่ตรรกะตระกูลนี้มันแปลกๆ พอเราวิ่งหนีหรือหลบหน้าเจ้าพวกนี้จะทำเหมือนกันเปี๊ยบ มันจะคร่ำครวญ ง่อยเหงา จะเป็นจะตายจากนั้นพวกมันก็จะทำเป็นไม่สนใจเรา ปล่อยไปอะไรแบบนี้ แต่นานเข้าจู่ๆ มันก็ลุกขึ้นออกล่าเธอแบบน่ากลัวสุดๆ แล้ว...หึๆ ถ้าถูกจับได้ล่ะก็เธอถูกขังเป็นนกในกรงทอง และนิสัยมันจะป่าเถื่อนยิ่งกว่าจำเลยรักเลยล่ะ อย่าเสี่ยงดีกว่าฉันเห็นหลายคู่แล้ว”คุณย่าหัวเราะเสียงต่ำๆ ผมฟังแล้วขนลุกอย่างหวาดเสียว ตรรกะตระกูลนี้จะโรคจิตไปไหน!!!? ผมครุ่นคิดต่อ หนีหรือหลบก็ไม่ได้? หน้ามันเนี่ยย่ำแย่ลงเรื่อยๆ นี่กูหลงผิดโคตรๆ ที่มาหลงไอ้เวรนี้!!
“ขอเตือนอีกข้อคืออย่าทำให้พวกนี้หึงเด็ดขาดพวกมันโคตรรรรรหึง โคตรรรรรหวงเลย แต่ถ้าเธอชอบแบบรุนแรงก็ลองทำดูนะ หึๆ”คุณย่าเหลือบมองผมแล้วหัวเราะคิกๆ
ผมไม่ใช่มาโซนะครับ!!!?
คุณย่านั่งเม้าท์มอยไอ้วินเซอร์จนมันพรุนเลยล่ะครับ ไม่ได้นินทานะครับ ก็แค่เล่าสู่กันฟัง แฮะๆ แล้วผมก็ทำนั้นทำนี้ให้ท่านทานด้วย คุณย่าเป็นคนคุยสนุกครับก็เลยคุยกันยาวจนคุณย่าก็ถูกเพื่อนโทรตามไปร่วมงานวันเกิด อ้อ ที่คุณย่ากานต์มาเมืองไทยก็เพราะมาวันเกิดเพื่อนเนี่ยแหละครับคุณย่ากานต์ท่านอยู่อเมริกากับคุณปู่วอลเธอร์นู้น มิน่าตอนปีใหม่ไอ้วินเซอร์ถึงไปฉลองที่อเมริกาแน่ะ
ได้รู้อะไรจากคุณย่าตั้งเยอะแยะเลยครับ อย่างเช่นไอ้ตู้ปริศนาในห้องของไอ้วินเซอร์ที่มันบอกว่าเป็นงานอดิเรกน่ะจริงๆ แล้วไอ้บ้านี่มันสะสมพวกชุดคอสเพลย์ครับ! คุณย่าบอกว่ามีตั้งแต่ชุดเครื่องแบบทหาร พยาบาล ชุดนอนวาบหวิว หูแมว หูหมายันชุดน่ารักๆ ทั้งหลายผมคิดสภาพไอ้วินเซอร์ใส่ชุดพวกนั้นแล้วขำไม่ออกแต่คุณย่ากลับหัวเราะกลิ้งแล้วบอกให้ผมนั้นแหละระวังตัวเอาไว้ มันไม่ได้เอาไว้ใส่เองแต่ให้คนอื่นใส่ให้มันดูต่างหาก!!! อันนี้ก็เข้าขั้นโรคจิตวิปริตชิบ!!!
สุดท้ายผมกับคุณย่าก็แลกเบอร์และอีเมล์กัน ไว้คุยผ่านเฟซบงเฟซบุ๊คครับ ผมเดินมาส่งคุณย่าข้างล่างคอนโด มองคุณย่าที่อยู่ในชุดกิโมโนแล้วสงสัย ไม่ได้สงสัยว่าทำไมถึงใส่หรอกครับ คุณย่าบอกว่าตอนนี้กำลังคลั่งวัฒนธรรมญี่ปุ่นอยู่น่ะครับ แต่ที่ผมสงสัยก็คือคุณย่าไม่ร้อนเหรอครับ? เหงื่อก็ไม่ออกเลยแต่ผมแค่เห็นก็ร้อนแทนแล้ว!
“มีปัญหาอะไรปรึกษาฉันได้เสมอนะ”
“ขอบคุณครับ”
“ฮอยฮัก อดทนหน่อยล่ะกันนะ ถ้าเธอผ่านจุดนี้ไปได้ เจ้าเด็กนั้นจะเป็นคนรักที่วิเศษมาก”
ล้อเล่นหรือเปล่า!!!?
ไอ้เด็กเวรนั้นนะน่ะคนรักที่วิเศษ?
ผมควรจะเชื่อดีไหมวะ!!!!?
“ฮิๆ ยากหน่อยที่จะสยบพวกปีศาจตระกูลนี้ แต่เมื่อพวกนั้นคิดได้รู้สึกตัว พวกเขาจะเป็นคนรักที่ดีมากอย่างวอลเธอร์สามีฉันแล้วก็ฮันนี่เจ้าลูกชายของฉัน ฉันเชื่อว่าเจ้าลิ้งก็จะเป็นคนรักที่ดีเหมือนสองคนนั้น อ้อ แล้วเรื่องช็อกโกแลตน่ะฉันว่ามันไม่กล้าทิ้งของเธอหรอก ลองคิดดูดีๆ ล่ะกัน โชคดีนะ หวังว่าเราจะได้มีโอกาสเจอกันอีก”
“ครับ ขอบคุณมากครับ”
“ฉันเข้าใจว่าทำไมเจ้าลิ้งถึงชอบเธอ มั่นใจในตัวเอง เจ้านั้นสู้เธอไม่ได้หรอก”คุณย่าพูดให้กำลังใจผมก่อนจะยิ้มกว้างให้ ผมเดินมาถึงรถสีดำคันใหญ่ที่มีคนใส่สูทดำยืนแข็งทื่อเรียงกับเป็นแถว เหวอ! อะไรวะเนี่ย!!? คุณย่าโบกมือพวกสูทดำเหมือนบอดี้การ์ดก็ขยับตัวโค้งตัวคำนับพร้อมเพรียงยิ่งกว่าทหาร ผมกระพริบตาปริบๆ ตระกูลนี้มันอะไรกันวะ!!?
ก่อนที่คุณย่าจะเดินขึ้นรถไป รถอัลฟาคันสวยก็วิ่งเข้ามาจอดตรงที่จอดประจำ แล้วเจ้าของซึ่งเป็นคนขับก็โผล่หัวขาวๆ ออกมาจากรถ ยืนเบิกตากว้างแล้วพุ่งตัวมาตรงที่ผมยืนอยู่ทันที ไอ้วินเซอร์ทำหน้าแปลกใจมองผมแล้วก็มองคุณย่ากานต์สลับไปมาแล้วหยุดมองที่ผม พอมันมองผมเท่านั้นแหละผมก็หลบตามัน ถึงคุณย่าจะบอกว่ามันทำไปเพราะชอบผมแต่ผมยังไม่อยากจะเชื่อและรู้สึกแย่
“คุณย่ามาถึงตอนไหนครับ?”ไอ้วินเซอร์หันไปถามหญิงสาวคนเดียวที่ยืนอยู่ สรุปว่าเป็นคุณย่าจริงๆ งั้นเหรอเนี่ย!!!? ผมค่อนข้างทึ่งเลยแหละแล้วคุณปู่จะหน้าตาอย่างไงวะ ชักอยากจะเห็นหัวหน้าปีศาจของตระกูลซะแล้วล่ะ!! คนที่ทำให้เจ้าเด็กขี้แยกลายเป็นหนุ่มหล่อนิสัยปีศาจแบบนี้ได้น่ะ
“มาถึงตอนบ่ายๆ น่ะ”
“แล้วคุณพ่อรู้เรื่องหรือยังครับเนี่ย? คงไม่ได้หนีคุณปู่มาใช่ไหม?”
“เอาอะไรมาพูดย่ะ ฉันจะหนีปู่แกมาทำไมกัน แล้วพ่อแกน่ะรู้เรื่องแล้วก็เป็นคนไปรับฉันที่สนามบินนี่ มีแต่แกนั้นแหละไอ้หลานงี่เง่าที่ไม่รู้เรื่องอะไร”คุณย่ากานต์ก็ไม่ยอมแพ้ครับ ตอบแว้ดๆ ใส่ทันที ไอ้วินเซอร์ถอนหายใจ
“แน่ใจนะครับว่าคุณปู่รู้เรื่อง?”
“เอ๊ะ อะไรของแกเจ้าลิ้ง อย่ามาทำเหมือนฉันเป็นเด็กๆ ไปหน่อยเลยน่า วอลเธอร์เขารู้เรื่องหรอก...มั้ง?”
“นั้นไงคิดแล้วไม่ได้บอกคุณปู่จริงๆ ด้วย อีกอย่างผมบอกแล้วไงให้เรียกผมว่าวินเซอร์”
“ทำไม เจ้าฮันก็ยังเรียกได้เลย”
“ก็นั้นเขาเป็นพ่อนี่ครับ”
“ฉันก็เป็นย่าย่ะ ถ้าไม่มีฉันอย่าหวังว่าแกจะเกิด!”
สงครามระหว่างย่าและหลานดำเนินไปอย่างดุเดือดเลือดพล่าน ผมมองอย่างชอบใจ อ่า สนุกดีเนอะ เฮ้ย ไม่ใช่เวลามาสนุกกับเรื่องนี้น่ะ ผมส่ายหน้าเล็กน้อย เผลอตัวไหลไปกับความสนุกทุกทีสิน่า ไอ้วินเซอร์กำลังจับคุณย่าเข้าคอร์สผู้ใหญ่พึงปฏิบัติตัวอย่างไรอยู่มันก็หันมามองผม
“มึงน่ะ ขึ้นไปห้องก่อน”ไอ้วินเซอร์มันจับไหล่ของผมแล้วดันออกไป ชิ แค่นี้ก็ไล่ กูไปก็ได้โว้ย ผมก้มตัวล่ำลาคุณย่าแล้วเดินออกไป ผมเดินมาถึงที่ห้องแล้วเดินเข้ามาในห้องนอนของไอ้วินเซอร์เหลือกล่องของขวัญวาเลนไทน์อยู่นิดหน่อย ผมหยิบกล่องช็อกโกแลตของตัวเองขึ้นมา
อยากทิ้งกูก็จะทิ้งผมโยนมันลงถุงแล้วจับกล่องอื่นๆ ยัดเข้าถุงเพื่อเอาไปทิ้งแต่จู่ๆ ผมก็เอะใจ เขย่ากล่องในมือได้ยินเสียงขรุๆ ขระๆ หนักเหมือนมีอะไรอยู่ข้างในแล้วค้นหากล่องของตัวเองขึ้นมาลองเขย่าดูแต่กลับไม่มีเสียงอะไรเลย! แถมยังรู้สึกเบากว่าเดิมอีก! ผมขมวดคิ้วแล้วสำรวจดูอย่างละเอียดลองแกะโบว์กระดาษที่ห่อก็คลี่ออกมาทันที ผมพับกระดาษแบบคลี่ง่ายๆ ให้ไอ้วินเซอร์น่ะครับ เพราะผมรู้ว่ามันไม่ชอบอะไรยุ่งยาก เปิดกล่องออกดูแล้วยืนงงอยู่กับที่
ในกล่องมันไม่มีอะไรเลย!!
“เจ้าบ้าวินเซอร์...”ตอนนี้หัวใจของผมเต้นรัวตุ้บๆ ขึ้นมาอย่างมีชีวิตชีวา ถ้าในกล่องนี้มันไม่มีอะไรเลยก็แสดงว่าไอ้วินเซอร์มันแกะกล่องนี้ออกตั้งแต่แรกแล้ว!? คงไม่ใช่มดมันมากินแน่ๆ มดอะไรกินเร็วขนาดนั้นวะ!! ผมยืนครุ่นคิดตอนที่ไอ้วินเซอร์มันได้กล่องนี้จากผมมันก็เดินเข้ามาในห้องนานมากแล้วจากนั้นมันก็เข้าห้องครัวไปก่อนจะออกไปงานเลี้ยง?
ผมลองค้นหาไปทั่วห้องนอนของมันแต่ก็ไม่เห็น มันยังไม่เก็บของกินไว้ในห้องนอนหรอกมั้ง อืม ผมยืนคิดเล็กน้อย ห้องครัว? ผมรีบเดินเข้าห้องครัวแล้วเปิดตู้เก็บข้าวของแต่ก็หาไม่เจอ ผมเหลือบไปมองตู้เย็นลองไปเปิดดูค้นนั้นเปิดนี้ดูจนกระทั่งไปเจอกระปุกเล็กๆ ที่ใส่ช็อกโกแลตที่ผมทำเองกับมือ ผมถอนหายใจโล่งแล้วยิ้มออกมา ปิดตู้เย็นไว้เหมือนเดิม
อย่างที่คุณย่าพูดไว้เลย!!
“...”ผมลุกขึ้นยืนนิ่ง
“....แฮ หึๆ”ผมหัวเราะออกมาจากลำคอ
วินเซอร์!
เสียงประตูหน้าห้องถูกเปิดออก ผมก็รีบเดินออกมาก้มหน้างุดๆ เข้าห้องนอนไป ไอ้วินเซอร์มองตามผมไปแล้วเดินมาที่ห้องนอนเหมือนกัน ผมก็ก้มหน้าเก็บข้าวของใส่ถุงดำเพื่อจะเอาไปทิ้งเงียบๆ ไอ้วินเซอร์มันก็เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมองผมไปด้วย ผมก็ก้มหน้าหลบสายตามันแล้วเดินถือถุงดำไปทิ้งที่ทิ้งขยะข้างนอกของคอนโดนู้น จากนั้นผมก็เดินเข้ามาในห้องอีกครั้ง ผมเห็นไอ้วินเซอร์มันใส่เสื้อคลุมอาบน้ำเดินออกมาจากห้องนอนทำเป็นเดินหยิบนั้นหยิบนี้แต่กูเห็นว่ามึงแอบสังเกตมองกูอยู่! ผมก็ไม่พูดอะไรกับมันเดินมาหยิบกระเป๋าสะพายขึ้นบ่าแล้วเดินออกไปเงียบๆ
“เฮ้ย!”ไอ้วินเซอร์มันตะโกนขึ้นมา ผมก็หยุดแล้วหันไปมองมันนิ่งๆ เห็นหน้าไอ้วินเซอร์ที่ทำหน้าสงสัยปนไม่แน่ใจ
“กลับแล้วเหรอ?”มันเงียบไปตั้งนานแล้วค่อยๆ ถามขึ้นมา ผมก็พยักหน้าแล้วหันหลังจะเดินต่อ
“เป็นอะไรวะ? คุณย่าพูดอะไรให้มึงเหรอ?”มันถามขึ้นอย่างรวดเร็ว ผมก็ส่ายหน้าทำท่างอยๆ ใส่มันไป ไอ้วินเซอร์มึงเนี่ยไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนทำหรือไงวะ โยนไปให้คนอื่นซะงั้น ตัวมึงนั้นแหละทำกู!!
“เดี๋ยว! กูหิว ทำอะไรให้กินหน่อย”ไอ้วินเซอร์ทำเสียงสั่งยิ่งกว่ากูเป็นคนใช้มันอีก ผมถอนหายใจแล้วเดินกลับมาวางกระเป๋าไว้ที่เดิม จากนั้นก็เดินเข้าครัวไปไอ้วินเซอร์ก็มองตามผมอย่างขัดใจที่เห็นผมทำอะไรง่อยๆ ไม่มีกะจิตกะใจ
หึ!
หนีก็ไม่ได้ หลบหน้าก็ไม่ได้ แถมอย่าทำให้หึงอีก! แล้วจะให้ผมไปบีบน้ำตาใส่มันเนี่ยนะ เหอะ! ไม่มีวันซะหรอก ผมไม่ใช่ผู้หญิงที่จะใช้น้ำตามาบีบเรียกร้องความสนใจ ผมไม่ได้อ่อนแอเจ้าน้ำตา แล้วจะให้ไปอ้อนก็ขอทีเถอะ ผมไม่แน่ใจว่าถ้าผมทำไปมันจะกลายเป็นอ้อนตีนหรือถูกมันอ้วกใส่ ถ้ามันไม่อ้วกผมเนี่ยแหละจะอ้วกแทน!!
ไอ้วินเซอร์มันก็เดินเข้ามาในห้องครัวนั่งจ้องผมที่โต๊ะกินข้าวเขม็งมันขมวดคิ้วเหมือนไม่พอใจอะไรบางอย่าง ผมก็หยิบนั้นหยิบนี้ว่าจะข้าวต้มให้ครับ ดึกขนาดนี้ทำของหนักๆ ไม่ได้เดี๋ยวอ้วนกันพอดี ผมทำไปถอนหายใจเฮือกไปด้วย ยืนมองหมดอาลัยตายอยาก
“มึงไม่ต้องแล้ว!!! ถอนหายใจออกเฮือกๆ อยู่นั้นแหละ!! มึงเป็นอะไร!? แบบนี้มันไม่ใช่มึงแล้ว กูไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้”ไอ้วินเซอร์มันลุกขึ้นมาโวยวายครับ ประโยคสุดท้ายมันก็บ่นพึมพำเบาๆ กับตัวเอง อ๋อ มึงคงจะคิดว่าแกล้งกูแล้วกูจะเศร้าร้องไห้หรือตอบกลับมึงใช่ไหม? อันที่จริงกูก็อยากทำแบบนั้นแต่มันก็เข้าทางมึงสิวะ!! เรื่องอะไร? ผมหันไปมองไอ้วินเซอร์แล้วถอนหายใจ
“เปล่าไม่ได้เป็นอะไร จะให้หยุดทำเหรอ?”
“ไม่ได้เป็นอะไรของมึง! กูเห็นมึงแล้วอารมณ์กูก็ตกไปด้วยเลย เวร! ออกไป!! ไปนั่งดูทีวีไป่ กูทำเอง!!”ไอ้วินเซอร์มันโมโหทำหน้าหงุดหงิดไล่ผมออกไปจากห้องครัวแล้วแย่งหน้าที่ของผมไปทำ ผมยืนมองมันอย่างแปลกใจ มึงทำกับข้าวได้ด้วยเหรอวะ? ผมยืนมองไอ้วินเซอร์ปากมันก็ด่าผมไปบ่นนั้นบ่นนี้แต่มือมันก็จับนั้นหันนี้อย่างคล่องแคล่ว หือ? มึงทำได้ด้วยนี่!! ผมมองไอ้วินเซอร์อย่างแปลกใจสุดๆ
“กูบอกให้มึงออกไป!”
“งั้นกูกลับนะ”ผมบอกมันด้วยน้ำเสียงไร้ชีวิตเหมือนเดิม ไอ้วินเซอร์มันก็หันมาพร้อมกับมีดในมือ
“ใครอนุญาตให้มึงกลับ!”
อืมฮึ วางมีดก่อนก็ได้นะ ตอนนี้มึงเหมือนฆาตรกรโรคจิตมาก
“ก็นายทำเองแล้วนี่ฉันก็ไม่มีหน้าที่อะไรก็ต้องกลับ...”
“มึงหุบปากแล้วรอแดกอย่างเดียวเหอะ!!!”
“ให้ฉันกินด้วยเหรอ?”
“กูทำเยอะขนาดนี้ให้ควายที่ไหนแดกด้วยเล่า! มึงนั่งรอไปเงียบๆ ได้ไหม!?”ไอ้วินเซอร์มันหันมาตวาดใส่ผมแล้วชี้สั่งให้ผมนั่งอยู่เงียบๆ ผมก็ปฏิบัติตามมันเป็นอย่างดีครับ นั่งมองไอ้วินเซอร์ทำนั้นทำนี้แล้วเพลินอ่ะ ผมแอบยิ้มเล็กน้อยได้เห็นภาพที่ไม่มีใครได้เห็น ไอ้วินเซอร์ทำกับข้าว แปลกสุดๆ เลย
ไอ้วินเซอร์มันยกจานมาวางไว้บนโต๊ะเยอะแยะเลยครับ นี่มันดึกแล้วนะมึงยังจะกินอะไรเยอะแยะขนานนี้วะ ผมมองจานอาหารที่ถูกนำมาวางตรงหน้า กลิ่นหอมดีแฮะ แต่รสชาติมันจะเป็นอย่างไงเนี่ยแหละไม่แน่ใจครับ แต่หน้าตาผ่านวะ ไม่น่าเชื่อเลย ผมเห็นไอ้วินเซอร์มันเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดก็ลุกขึ้นจะไปตักข้าวที่น่าจะสุกแล้วแต่ไอ้วินเซอร์มันกลับเดินมาผลักผมนั่งลงเหมือนเดิมแล้วไปตักข้าวมาวางไว้ให้กับผมและมันแล้วเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบเหยือกน้ำและแก้วมาวางบนโต๊ะ
“ไม่ได้ทำนานแล้วไม่รู้มันจะเป็นอย่างไง”มันบ่นเบาๆ แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ประจำตำแหน่งของมันนั้นแหละ ผมก็นั่งมองมันนิ่ง ไอ้วินเซอร์มันก็ขมวดคิ้วตวาดเสียงใส่
“กินไปสิวะ!!”
กูไม่อยากเสี่ยง มึงกินก่อนได้ป่ะ?
ไอ้วินเซอร์จ้องผมเขม็ง ผมก็เลยจำใจลองชิมอาหารตรงหน้า รอให้มันเย็นหน่อยแล้วตักเข้าปากไปผมเคี้ยวแล้วกลืนลงคอเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ อร่อยแฮะ!!
“เป็นไง?”ไอ้วินเซอร์มันถามขึ้นมันเก๊กหน้านิ่งครับ แต่ผมรู้ว่ามันน่ะอยากรู้อยากเห็นสุดๆ ผมพยักหน้าให้กับมัน
“อร่อยดี”
“เหอะ ไม่รู้จักเชฟขั้นเทพอย่างกูซะแล้ว!”พอชมไปมันก็ยิ้มกว้างก่อนจะชะงักทำเสียงขึ้นจมูกอวดตัวทันที ผมเนี่ยมองมันแล้วยิ้มนิดๆ ท่าทางเหมือนเด็กโดนชมแล้วอวดตัวแบบนี้มันดูน่ารักสุดๆ เลยล่ะ!! ไอ้วินเซอร์ไม่เห็นหรอกครับเพราะมันมัวแต่กินอยู่ ตามสไตล์การกินมันแหละครับ แต่เวลามันไปกินข้าวนอกมันก็นั่งกินเรียบร้อยนะเพราะอย่างนั้นมันเลยไม่ค่อยชอบกินข้าวนอกบ้านเพราะมันอึดอัด ไอ้วินเซอร์เคยบอกผมไว้น่ะครับ
“ไม่น่าเชื่อว่านายจะทำเป็นแฮะ”
“อยู่คนเดียวก็ต้องทำได้สิ”ไอ้วินเซอร์มันเงียบไปแล้วมันก็เอ่ยตอบกลับมาเสียงเบา ผมก็มองท่าทางเงียบๆ ของมันแล้วแปลกใจ อยู่คนแรกงั้นเหรอ? สงสัยจะเป็นตอนที่มันไปเรียนต่อที่อเมริกาล่ะมั้ง คุณย่าเล่าให้ผมฟังน่ะครับ มันไปตั้งแต่แปดขวบแล้วกลับมาตอนอายุสิบห้าเข้ามอปลายพอดี มิน่าผิวถึงได้ขาวจั๊วะ ดูดีๆ แล้วไอ้วินเซอร์มันขาวกว่าผมอีกนะครับ เหอะๆ
“ปิดเทอมนี้มึงมีงานหรือเปล่า?”
“ทำไมเหรอ?”ผมถามมันกลับ กูไม่รู้ว่าตารางงานมันจะเป็นอย่างไง แต่ถ้ามีอะไรสำคัญล่ะก็เดี๋ยวคุยกับพี่บอสดูอาจจะว่างก็ได้ เลื่อนงานไปคงจะไม่เป็นไรมั้ง ไอ้วินเซอร์หลบหน้าไปมองทางอื่นเหมือนมันกำลังเขินอยู่แล้วพูดอ้อมแอ้มออกมา
“ไปเที่ยว วันนี้กูไม่ค่อยได้อยู่มึงเท่าไร”
มึงหมายถึงมึงอยากจะชดเชยวันวาเลนไทน์ที่ไม่ได้อยู่กับกูเหรอวะ!!? ผมมองมันอย่างแปลกใจจู่ๆ มาใจดีด้วยจากนั้นผมก็มองมันอย่างระแวง มันจะหาเรื่องแกล้งผมอีกหรือเปล่าเนี่ย!? ผมนิ่งเงียบไม่พูดอะไร ไอ้วินเซอร์มันหันมามองผมอย่างไม่พอใจ
“ถ้าไม่ว่างก็ไม่เป็นไร กูก็ขี้เกียจ วันหยุดแมร่งนอนตีพุงอยู่ห้องก็ได้โว้ย”ไม่ต้องมาประชดกูก็ได้ไอ้บ้า แล้วกูบอกตอนไหนว่าจะไม่ไปวะ เฮ้อ
“ไป”
“ห๊ะ มึงไป? แล้วมึงอยากไปเที่ยวไหน?”ไอ้วินเซอร์มันก็ถามกลับเสียงเรียบๆ ผมหยุดคิดแต่ไม่รู้ว่าจะไปไหน ผมไม่ค่อยได้ไปเที่ยวเท่าไรครับ เพราะพี่ยิ้มทำงานเยอะตอนนี้ถ้าไปก็ต้องไปกับครอบครัวของเขาแหละ ส่วนพ่อดิซกับพ่อรินก็เคยไปเที่ยวนะครับไปต่างประเทศนู้น
“แล้วแต่นายล่ะกัน”
“งั้นเราไปเที่ยวเกาะกัน!”ไอ้วินเซอร์เสนอออกมาอย่างกระตือรือร้น ผมมองไอ้ท่าทางกระตือรือร้นนั้นอย่างไม่วางใจ มึงคงจะไม่ได้วางแผนอะไรใช่ไหมวินเซอร์
“ไปกันกี่คน?”
“หึ ถามได้ แค่เราสองคนน่ะสิ”ไอ้วินเซอร์ยิ้มที่มุมปากแล้วหัวเราะหึๆ ผมมองมันแล้วหวั่นๆ ไปสองคน!? เหมือนเจ้าเวอร์จิ้นน้อยๆ ของผมมันกำลังถูกบางอย่างสั่นคลอนความปลอดภัยอย่างไงไม่รู้ มึงคงไม่ได้วางแผนจะงาบกูหรอกใช่ไหม? แต่น้ำหน้าอย่างมันผมว่าชัวร์ป้าบ!!!
กูปฏิเสธตอนนี้ทันไหมวะ?
TBC.
ได้ฤกษ์อ่านหนังสือสักที พู้นนะ เพิ่งมาเริ่มอ่าน 555 มาอัพเป็นตอนสุดท้าย
ก่อนจะวางแผนแต่งไปเที่ยวของทั้งสองคน รู้สึกว่ามีแต่คนมาทวงคู่กัด
แล้วบอกว่าอย่าลำเอียงให้เรื่องนี้ โด่! ลำเอียงซะที่ไหนนนน~
หลังจากเกลียดชังน้ำหน้าของพระเอกพอสมควรแล้ว(หรือว่ามากวะ?)
ก็ขอกลับมาหวานกันใหม่ล่ะกัน ใครอยากให้ฮอยฮักแก้กลับก็ต้องคอยต่อไป
ยังไม่อยากจะดราม่า ดราม่าแค่นี้พอก่อน รอให้เขาเคลียร์งานและการสอบ
แล้วจะมาแต่งต่อนะ! ครั้งนี้อาจจะหายไปนาน อย่างไงก็อย่าเพิ่งลืมกัน~