ตอน แรกพบ
< Winzer’s Mode >
[ วินเซอร์ วันนี้ฉันอยากเจอเธอนะ ]
“หือ ทำไมเหรอ? วันนี้ฉันมีเรียนคงจะไม่ว่างหรอก”
ผมตอบไปอย่างไม่สนใจ แน่ล่ะ ยัยก้ามปูเนี่ยผมหมดความสนใจและใส่ใจไปนานมากแล้วนี่น่า ถึงจะเป็นคนสวยมากก็เถอะแต่ว่ามันช่วยไม่ได้ล่ะนะและไม่นานมานี่เธอบอกผมว่าเธอท้อง อ่า! ผมแน่ใจเลยว่านั้นไม่ใช่ลูกของผมแน่นอน ถึงผมจะคบกับเธอนานเป็นปีแต่ผมยุ่งกับเธอแค่ไม่กี่ครั้งก่อนคบกันด้วยซ้ำ หลังๆ มาผมก็ไม่ได้ยุ่งกับตัวเธอเลย และที่สำคัญผู้หญิงคนนี้ก็มั่วพอๆ กับผมนั้นแหละ ทำไมผมจะไม่รู้ใต้หน้ากากอันแสนสวยงามของเธอเต็มไปด้วยความเน่าเฟะ
[ วินเซอร์! เธอจะไม่รับผิดชอบงั้นเหรอ!? ]
“นี่ ถ้าเธอมีลูกของฉันจริงๆ ล่ะก็ป่านนี้คงจะคลอดแล้วล่ะ”
ผมเอ่ยอย่างใจเย็น แม้ว่าผมจะชอบเล่นสนุกแต่ไม่เคยลืมตัวสักครั้ง ผมน่ะระมัดระวังตัวเสมอนั้นแหละ ปัจจุบันนี่ไม่ว่าทั้งโรคทั้งเรื่องไม่คาดฝันมันเยอะจริงๆ อีกอย่างผมก็เพิ่งเข้ามหาลัยเองนะ จะให้เป็นพ่อคนนี่มันก็เร็วเกินไปไม่ใช่เหรอ
[ เธอคงจะจำไม่ได้ วันนั้นเรามีอะไรกันโดยไม่ใส่ถุงยางนะ ]
วันไหนกันฟะ?
นี่คุณเธอกำลังสับสนระหว่างผมกับตัวผู้ที่ไหนล่ะเนี่ย น้ำเสียงของเธอดูลนลานมากขึ้น ช่างน่าสงสารจริงๆ เธอกำลังดังในฐานะนางเอกแต่ก็นะ ดูเหมือนเธอจะทำเรื่องผิดพลาดไปซะแล้ว ผมก็ช่วยอะไรเธอไม่ได้แล้วล่ะ สงสัยผมต้องเลิกติดต่อกับยัยก้ามปูซะแล้ว
[ วินเซอร์ อย่าเงียบสิ พูดอะไรสักอย่าง! เราเป็นแฟนกันนะ! ]
“แฟนเหรอ? ฉันแทบจะลืมไปแล้วว่าเราคบกัน”
[ ว่าไงนะ เธอนี่มันใจร้าย! ]
“งั้นเราก็เลิกกันเถอะ ฉันน่าจะพูดคำนี้นานแล้วล่ะแต่มันก็ลืมทุกที ”
[ วินเซอร์! แล้วลูกของเราล่ะ จะให้ฉันทำยังไง!? ]
“เฮ่ยๆ นั้นลูกของเธอไม่ใช่ลูกของฉันสักหน่อย เอาล่ะ จากนี้ไปอย่าโทรมาหาฉันอีก บาย~ ขอให้โชคดีนะครับ”
[ วินเซอร์!! ]
ผมตัดสายไปอย่างเย็นชา
เฮอะ เธอก็คงจะรู้แล้วว่าผมพยายามจะเลิกกับเธอก็เลยหาทางจับผมเอาไว้กุเรื่องท้องงี่เง่าขึ้นมาสินะ ให้ตายสิ การถูกผูกมัดเนี่ยไม่เหมาะกับผมจริงๆ นั้นแหละ ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายมันก็เหมือนๆ กันไปหมด การที่จะชอบใครอย่างมั่นคงจริงๆ น่ะมันมีแค่ในนิยายหรือละครเท่านั้นแหละนะ สำหรับผมการนอกใจน่ะทำได้ง่ายดายจนน่าเบื่อ แล้วคนพวกนั้นก็จะตอบกลับด้วยการนอกใจเราต่อ อ่า ไม่ว่าจะทำไปด้วยอารมณ์แค้นหรืออะไรก็ช่างแต่นั้นก็เป็นการนอกใจใช่ไหมล่ะ จะหาคนที่รักมั่นคงคงจะต้องพลิกแผ่นดินหาซะล่ะมั้ง
เฮ้อ นี่ดราม่าเกินไปหน่อยหรือเปล่า? ยัยก้ามปูดันมาทำให้วันแรกของการเรียนซัมเมอร์ของผมมันดราม่าจนอากาศรอบข้างร้อนอบอ้าวไปด้วยเลย เซ็งจริงๆ วะ จริงๆ แล้วผมไม่ใช่คนชอบดราม่าเลยนะ ออกจะรักสนุกด้วยซ้ำ
มองเวลาในมือถือ เหลือเวลาอีกเยอะกว่าจะถึงเวลาเรียน ผมตัดสินใจนั่งม้าหินอ่อนหน้าตึกเรียนเนี่ยแหละ อ๊ะ ลืมบอกไปเลยว่าผมเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ ผมลงเรียนภาคซัมเมอร์แก้เซ็งน่ะครับ
“ว้าย! วินเซอร์นี่น่า”เสียงอุทานของสาวสวยที่บังเอิญผ่านมาทำให้ผมต้องยิ้มตอบกลับไปพร้อมกับยกมือโบกทักทาย เธอก็หน้าแดงเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว
อ่า มันเป็นปฏิกิริยาสำหรับคนหน้าตาดีล่ะนะ เมื่อเจอคนหน้าตาสวยน่ารักผมก็มักจะทำดีและอ่อนโยนด้วย แต่ถ้าเจอคนที่ผมชอบล่ะก็ไม่รู้ทำไมผมจะชอบแกล้งเขาก็ไม่รู้แฮะ อ่า ถึงมันจะไม่ค่อยมีคนที่ผมชอบจริงๆ โผล่นักก็เถอะ มิน่าล่ะ ผมถึงได้อาการดราม่าขนาดนี้ นี่ผมไม่ได้แกล้งใครมานานมากแล้วสินะจนแม้กระทั่งตัวเองก็เกือบจะลืมไปด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นประเภทเอสสุดโต่ง!
เฮ้อ นี่มันเช้าเกินไปสินะถึงไม่ค่อยมีใครมาเลย ผมนั่งมองยอดปลายต้นไม้มองท้องฟ้าสีฟ้าสวย อืม ตอนเช้าๆ เนี่ยท้องฟ้าสวยจังเลยนะ ระหว่างที่ผมกำลังเหม่อมองท้องฟ้าข้างบน จู่ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ผม
ผมหันไปมองเจ้าของเสียงนั้น พอผมเห็นหน้าหมอนั้นเท่านั้นเลยผมก็แทบจะช็อกกับการแต่งตัวของมัน อะไรกันวะ!? เชยระเบิดเลยวะ! สมัยนี้ยังมีคนนิยมแฟชั่นย้อนยุครุ่นปู่ทวดอยู่อีกเหรอเนี่ย!? เสื้อยืดตัวใหญ่และกางเกงยีนส์ตัวหลวม ดูเหมือนเด็กฮิปฮอปแร๊ปโย่ว ที่หงุดหงิดมากที่สุดก็คือแว่นตารุ่นทวดนั้นแหละ สมัยนี้ยังมีซื้อขายกันอยู่อีกเหรอ!!? ทั้งการแต่งตัวและสภาพทุกอย่างบนตัว นี้มันสไตล์โอตาคุชัดๆ
พูดได้คำเดียวว่าจืดชืดไร้ตัวตนที่สุด!!
“เอ่อ...พี่ครับ ห้องXXXX ไปทางไหนเหรอครับ?”
“ใครพี่มึงไม่ทราบ?”
ชะ!! เจ้าจืดนี้เรียกเขาว่าพี่งั้นเหรอ!? ผมเพิ่งอยู่ปีหนึ่งเองนะ หน้ากูดูแก่ขนาดที่มึงต้องเรียกกว่าพี่เลยหรือไงฟ่ะ!?
“เอ่อ...ไม่ใช่พี่เหรอ?”
“เออ! กูเพิ่งปีหนึ่ง!!”ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดนิดหน่อย เจ้าแว่นจืดนั้นก็ทำชะงักตัวมองหน้าผมนิ่งๆ เหมือนจะตกใจ อะไร! ก็แค่ตัวใหญ่เท่านั้นเอง เหอะ ใครบอกให้มึงตัวเล็กเองฟ่ะ อย่ามาตัดสินใจคนด้วยรูปร่างได้ไหม ชิ!
“รู้จักห้องนี้หรือเปล่า?”เจ้าแว่นถามผมอีกครั้ง ผมเหลือบมองมันเล็กน้อยแล้วยกมือชี้ไปอาคารด้านในสุด
“ขอบใจ”
เมื่อผมได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยขอบคุณผมก็ยิ้มที่มุมปากรับ เจ้าแว่นนั้นก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว ผมมองตามหลังของมันไปแล้วมองมือของตัวเองที่ชี้ไปอาคารนั้น อืมมม... นี่มันอะไรกันเนี่ย ทำไมเจ้ามือนี่ถึงได้ชี้ไปอาคารตรงกันข้ามได้ล่ะเนี่ย ทั้งๆ ที่ผมเองก็ตั้งใจจะบอกอยู่แล้วว่าห้องที่เจ้าแว่นนั้นหาอยู่น่ะมันอยู่อาคารข้างหลังผมนี่เอง
เห็นหน้าเจ้าแว่นนั้นแล้วสันดานเสียมันถูกกระตุ้นยังไงไม่รู้สิครับ ผมมองมือของตัวเองอย่างงุนงง ให้ตายเถอะ ทำไมถึงได้ไปแกล้งเจ้าแว่นนั้นเข้าล่ะเนี่ย อาคารนั้นอยู่ไกลซะด้วยสิ ผมต้องโดนมันแช่งแน่ๆ เลย อ่า ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ
เอาเถอะ ผมคงจะไม่ได้เจอหมอนั้นอีกแล้วล่ะมั้ง ผมมองเวลาบนมือถือแล้วลุกขึ้น ได้เวลาเรียนแล้วล่ะครับ ห้องที่ผมไปเรียนมันห้อง XXXX นี่น่า...
อ้าว!
นั่นมันห้องเดียวกับไอ้แว่นจืดนั้นไม่ใช่เหรอไง!!?
TBC.
มาอัพแบบสั้นๆ ไปก่อน เดี๋ยวตอนในเนื้อเรื่องจะตามมาทีหลังนะ ^^
ตอนสั้นๆ นี่อารมณ์ประมาณว่าแค่เห็นหน้าก็อยากจะแกล้งอะไรประมาณนี้