ตอนที่ 25เฮ้ยๆ จะเปลือยไปถึงไหนฟะ?
ผมยืนมองคนรักที่เดินเปลือยท่อนบนให้ว่อนทั่วกองถ่าย ซีนนี้ถ่ายที่น้ำตกเป็นฉากที่ไม่ใช่คิวของผม คราวนี้เป็นคิวของฮอยฮักและสาวน้อยฮันน่าเป็นฉากกุ๊กกิ๊กที่หาได้ยากจากหนังเรื่องนี้ แถมยังเป็นฉากในน้ำตกอีก โรแมนติกซะ หงุดหงิดตรงที่ทำไมฮอยฮักต้องถอดเสื้อผ้าด้วยไม่ทราบ! ลงน้ำแบบใส่เสื้อผ้าก็ได้นี่น่า เฮอะ โธ่เอ๊ย ไอ้วินเซอร์ใจเย็นสิเฟ้ย นี่คืองานนะงาน!
ผมนั่งข้างโฟมผู้กำกับคนเก่งเพื่อเรียนรู้งานของผู้กำกับ ปกติผมตั้งใจเรียนรู้แต่ตอนนี้ผมไม่มีสมาธิที่จะเรียนรู้เอาซะเลย ก็จะให้มีสมาธิได้ยังไงเล่า เมียสุดที่รักกำลังเปลือยท่อนบนให้ชาวบ้านอ่านกินจะๆ แบบนี้ ชวนให้หงุดหงิดจริงๆ นั่นน่ะกูดูได้คนเดียวน่ะเฟ้ย! ฉุนกึกเลยฟะ ชิ!
ทั้งๆ ที่มีงานยุ่งไม่ค่อยมีโอกาสได้เจอกันบ่อย ได่แค่คุยทางโทรศัพท์แถมได้คุยแค่สั้นๆ ตั้งแต่กลับมาจากทริปนั้นรู้สึกว่าพวกเราห่างเหินกันเพราะแต่ละคนยุ่งจนหัวฟู ถึงจะได้เจอในกองถ่ายแต่ก็คุยอะไรกันไม่ได้มากมาย อารมณ์ของผมในตอนนี้ทุกอย่างที่เห็นมันช่างขัดตาไปหมด
“วินเซอร์ นายมองอะไรอยู่?”พี่โฟมเงยหน้าขึ้นจากจอภาพหันมาถามเสียงเรียบๆ ผมตอบกลับไปสายตายังจับจ้องที่จอ
“จังหวะตอนขยับเข้ามาใกล้กันน่าจะค่อยๆ ซูมเน้นกว่านี้ น่าจะทำให้คนดูน่าตื่นเต้นมากกว่านะครับ”
ไม่ใช่แล้ว! จะเข้าใกล้เมียกูเกินไปแล้ว! มือนั่นก็ทั้งแกะทั้งกอดลูบคลำอยู่ได้!
“คิดเหมือนกันเลย!”พี่โฟมยิ้มออกมากว้างแล้วหันไปตะโกนสั่งการ ผมนี่โคตรเซ็ง จะไปยืดเวลาให้ฮักโชว์เนื้อหนังมังสาอีกทำไม!? ให้ตายสิ เอาเถอะ เพื่อหนังจะออกมาได้ดูดีที่สุด ผมยอมหักใจก็ได้
หลังจากที่ถ่ายจนเป็นที่พอใจใช้เวลาไม่นาน พี่โฟมยกโทรโข่งสั่งพักกองให้ทุกคนได้พักผ่อน แต่ละคนดีใจออกหน้าออกหน้า แหงล่ะ น้ำตกแห่งนี้น้ำใสสะอาดน่าเล่นมากทีเดียว ผมตั้งท่าจะลุกขึ้นเพื่อไปพักบ้างแต่สวรรค์คงไม่ให้โอกาสนั้นกับผม พี่ผู้กำกับหน้ายิ้มจับชายเสื้อของผมชี้ไม้ชี้มือเพื่อจะปรึกษาเรื่องงานของวันพรุ่งนี้ ผมแหงนหน้ามองฟ้า เฮงซวยเอ๊ย! ผมนั่งที่เดิมในขณะที่ได้แต่มองคนอื่นๆ ทยอยเก็บอุปกรณ์เตรียมจะไปเล่นน้ำกันเต็มที่
ผมเหลือบสายตาไปมองฮอยฮักซึ่งกำลังถูกผู้คนห้อมล้อม ใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนสิ! จะว่านเสน่ห์หลอกล่อใครหรือไง? แค่ปัจจุบันที่มีอยู่มันยังไม่มากพอเหรอ ไม่ว่าจะเป็นฮันน่า เจ้าเรด หรือแม้กระทั่งคุณพี่นัทก็เข้าไปร่วมวง ผมคอยระวังไอ้คุณพี่นัทสุดขีดเพราะเจ้าแก่นี่คอยฉวยโอกาสได้ทุกเวลา มีลูกล่อลูกชนแพรวพราว ประมาทเฮียแกไม่ได้เลยครับ เหนื่อยโคตรๆ กับเจ้าคนที่หว่านเสน่ห์ใส่คนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ตั้งใจหรือไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
กลุ่มนั้นพูดคุยกันสนุกเฮฮาแต่ดูเหมือนกัดกันเอง เจ้าเรดมองคุณพี่นัทกับสาวน้อยฮันน่าเขม็ง ส่วนฮันน่าก็เขม็งเจ้าเรด มีแต่คุณพี่นัทนี่แหละที่ทำหน้ายิ้มไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ ส่วนฮอยฮักไม่รู้เรื่องไม่รู้ราวอะไรกับพวกนั้นหรอกครับ ต่อให้พวกนั้นแย่งกันแทบตายก็คงจะไม่คิดว่าเป็นเพราะตัวเองแหงๆ บางครั้งผมก็รู้สึกว่าฮอยฮักถ้าไม่สนใจอะไรสักเรื่องก็จะไม่สนใจแบบเมินเฉยสุดขั้วโลกไปเลยล่ะ ยังดีนะที่ผมไม่ใช่หนึ่งในนั้น
“พรุ่งนี้การถ่ายนอกสถานที่เป็นซีนสุดท้ายแล้ว ที่เหลือเป็นฉากต่อสู้ที่ถ่ายในสตูดิโอ คงจะต้องมีคิวซ้อมเยอะหน่อยเพื่อจะได้ฉากต่อสู้ที่ไหลลื่น”
ผมที่หูฟังสิ่งที่ผู้กำกับพูดและพยักหน้ารับเป็นจังหวะ ตาจ้องไปที่กลุ่มของนักแสดงทั้งหลายซึ่งกำลังทยอยไปที่พักกัน โธ่เอ๊ย ผมก็อยากจะเล่นน้ำกับฮอยฮักเหมือนกัน!
“วินเซอร์?”
“มีอะไรครับ?”ผมกลับมาสนใจงานตรงหน้าด้วยใบหน้าจริงจัง
“พวกพี่จะย้อนดูซีนที่ถ่ายเสร็จเมื่อกี้อีกครั้ง นายจะดูด้วยกันไหม?”
แล้วกูปฏิเสธได้ไหมเล่า บ้าจริง!
“ครับ”
พี่โฟมมองผมอย่างแปลกใจแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร โทษทีพี่ตอนนี้ผมกำลังนอยด์ ผมและผู้กำกับรวมไปถึงผู้ช่วยทั้งหลายนั่งดูซีนที่ถ่ายเสร็จเพื่อคุยเรื่องรายละเอียด ยิ่งดูก็ยิ่งหงุดหงิด สองคนนี้ช่างเป็นนักแสดงที่ดีจริงๆ! แสดงซะผมอินกับบทบาทของพวกเขา เหมือนทั้งสองรู้สึกดีๆ ต่อกันจริงๆ งั้นแหละ พับผ่า! ลมหึงพัดกระพือขึ้นเรื่อยๆ ในอก อึดอัดจนจุก พอเข้าฉากกับฮักทีไรยัยฮันน่าแสดงได้ดีกว่าตอนปกติเลยน่ะ เฮอะ! โธ่เอ๊ย ผมกลายเป็นคนคิดเล็กคิดน้อย บ้าหึงไปทั่วขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน นี่มันจะเกินไปแล้วนะ! สงบใจหน่อยโว้ยไอ้วินเซอร์ ทำงานๆ ท่องไว้ ทำงานอยู่...
“อืม คู่นี้เขาน่ารักดีนะ”พี่โฟมหัวเราะขึ้นมาเบาๆ แล้วเอ่ยชม ผมยิ้มรับในใจคัดค้าน ไม่จริง! ไม่เห็นจะน่ารักตรงไหน!? ไม่เหมาะสมกันเลยด้วยซ้ำ เฮอะ! คนในกองยิ้มเอ็นดูถ้วนหน้าพลางมองไปที่ฮอยฮักกับยัยฮันน่าที่เดินกลับมาที่น้ำตก แต่ผมดูยังไงก็เห็นว่ายัยฮันน่าใช้กำลังลากฮักมาอย่างไม่เต็มใจมากกว่า
จงใจสินะ จงใจใช่ไหม!?
ยิ่งมองยิ่งทำให้ผมไม่ชอบขี้หน้ายัยฮันน่าคนนี้จริงๆ ใส่ชุดบิกินี่มาเล่นน้ำตกเลยนะ คุณเธอเตรียมพร้อมเกินไปแล้ว! แถมยังพยายามจะใช้ประโยชน์จากเรือนร่างของตัวเองออเซาะฮอยฮักอีก ผมอดจะหวั่นไม่ได้ ยังไงฮอยฮักก็เป็นผู้ชาย เจอความนิ่มนุ่มของสตรีเพศเข้าไปก็ต้องเขวกันบ้างแหละ ผมก็ยังเป็น!
“มีจุดไหนที่นายว่าเห็นว่าต้องแก้อีกหรือเปล่าวินเซอร์?”
“ทำไมเหรอครับ?”ผมมองพี่โฟมอย่างแปลกใจ จู่ๆ ก็หันมาถามผม พี่โฟมเลิกคิ้ว
“ก็เห็นนายทำหน้าเหมือนไม่พอใจนี่น่า อยากแก้ตรงไหนหรือเปล่า?”
“ไม่หรอกครับ ผมก็แค่กำลังคิดไอเดียรายการวาไรตี้ใหม่ที่พ่อสั่งให้คิดน่ะครับ”
“นายนี่ขยันเกินไปแล้วนะ”พี่โฟมว่าอย่างนั้นผมก็ได้แต่ยิ้มรับล่ะครับ
“เอาล่ะ วันนี้พักก่อนล่ะกัน ถ้ามีอะไรอีกฉันจะเรียกประชุม”พี่โฟมยิ้มตาหยีแล้วลุกขึ้นบอกลาผู้ช่วยแต่ละคนของพี่เขา
ในที่สุดก็เลิกสักที ผมหันไปมองฮอยฮักที่โดนเจ้าเรดและเฮียนัทลากลงน้ำ พวกเขาเล่นน้ำกันอย่างสนุก ฮอยฮักโดนพวกนั้นลากเข้าวงไปอย่างช่วยไม่ได้ ผมถอนหายใจเบาๆ แล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินมาที่ริมน้ำตก ในใจท่องยุบหนอพองหนอ ไม่หึงหนอ!
“ไง คุณผู้ช่วยผู้กำกับ”
“พวกพี่มาตั้งแต่เมื่อไรน่ะ?”ผมชะงักเท้ามองสองหนุ่มที่นั่งหย่อนขาลงไปในน้ำแล้วร้องถามอย่างแปลกใจ
ผมเดินมายืนข้างๆ พี่ลอนดอนที่กำลังโบกมือทัก คนที่นั่งด้วยอีกคนก็คือพี่นิวยอร์กเจ้าเก่า วันนี้ทั้งสองไม่มีคิวถ่ายแต่เป็นวันพรุ่งนี้ครับ ไหนบอกว่าจะมาถึงตอนค่ำๆ ล่ะ พี่ลอนดอนยักไหล่ไม่สนใจ คนที่เป็นคนตอบคำถามผมกลับเป็นพี่นิวยอร์ก
“งานเสร็จก่อนกำหนดก็เลยมาถึงเร็ว”
“น่าจะบอกกันก่อนนะครับ”
“บอกพี่โฟมแล้วล่ะ”พี่นิวยอร์กยิ้มแล้วเอ่ย ผมพยักหน้ารับแล้วทรุดตัวนั่งลง
พวกเราสามคนชวนกันคุยตามประสาของคนในวงการน่ะครับ ก็มีเรื่องเพลงบ้าง เร็วๆ นี้ทางบริษัทของเราจะจัดคอนเสิร์ตประจำปีน่ะครับ บริษัทของพ่อผมมันมีงานครอบคลุมไปแทบจะทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นนักร้อง นักแสดง นายแบบโฆษณา พิธีกรวาไรตี้ แบบว่าเยอะมาก พ่อนี่เก่งจริงๆ สร้างบริษัทของตัวเองให้ยิ่งใหญ่ได้ขนาดนี้โดยไม่พึ่งบารมีของปู่เลยสักนิด พ่อคือคนที่ผมนับถือมากที่สุด
“ได้ยินมาว่าท่านประธานกำลังให้นายทำวาไรตี้สินะ?”
“ใช่แล้วครับพี่นิว ตอนแรกรายการ Let’s play ผมคิดขึ้นมาแท้ๆ แต่พ่อดันโยนไปให้คนอื่นทำแทนซะได้ ตอนนี้จะให้ผมคิดรายการใหม่อีก”ผมบ่นพึมพำไม่เชิงว่าไม่พอใจหรอกนะแต่มันก็ชวนให้หงุดหงิดอยู่บ้าง
“เอาน่า ถ้าเป็นนายล่ะก็พี่ว่าต้องมีไอเดียดีๆ แน่”
“พี่นิวก็ชมกันเกินไป”
ผมกับพี่นิวยอร์กคุยข้ามหน้าข้ามหน้าพี่ลอนดอนอยู่นานจนกระทั่งพี่นิวยอร์กถูกพี่โฟมลากออกไปคุยตามประสาเพื่อนสนิท ทิ้งให้ผมอยู่กับพี่ลอนดอนสองต่อสอง เราสองคนต่างเงียบไม่มีใครเปิดประเด็นขึ้นมาก่อน ผมหันไปมองฮอยฮักอีกครั้ง พวกเขากำลังเล่นโยนบอลในน้ำกัน เฮอะ ผมหันไปมองทางอื่นอย่างไม่พอใจ เห็นแล้วมันบาดตาบาดใจ ทีน้ำตกน่ะเล่นทีน้ำทะเลไม่เห็นลงมาเล่นกับผมเลยสักครั้ง!
“ดูเหมือนว่ารุ่นน้องของฉันเขาจะสนิทสนมกับคนในกองถ่ายแล้วนะเนี่ย”พี่ลอนดอนมองไปที่ฮอยฮักแล้วบ่นพึมพำ ผมหันมามองแวบหนึ่งเหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมาย ถ้ามีพิรุธเดี๋ยวพี่ลอนดอนจับได้ผมไม่แย่หรอกเหรอ? พี่ลอนดอนมองผมเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง ผมก็ยิ้มแล้วเลิกคิ้วขึ้น
“มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
“ฉันรู้นะโว้ยว่าพวกแกน่ะแอบคบ”พี่ลอนดอนพูดหน้าตาย รู้!? พี่เขาพูดถึงใครวะ หมายถึงผมกับฮอยฮักน่ะเหรอ? แล้วพี่เขารู้ได้ยังไง ไอ้ผมก็มั่นใจเต็มร้อยว่าไม่เคยเผยท่าทางให้จับผิดได้นะ ผมทำเหมือนไม่เข้าใจแบบแนบเนียน
“พี่พูดถึงอะไรเหรอครับ?”
“ไม่ต้องปิดบังฉันหรอกเพราะเจ้าฮักน่ะวิ่งทำหน้าระรื่นหน้าบานปานกระด้งมารายงานฉันอย่างละเอียดยิบ แหม แกนี่โรแมนติกจริงๆ สมคำร่ำลือว่ะไอ้วิน!”พี่ลอนดอนยิ้มล้อนิดๆ แล้วตบไหล่ของผมดังปักๆ
ฮักกก! ทำไมต้องไปบอกตัวปัญหาอย่างหมอนี้ด้วยเนี่ย!? พี่ลอนดอนมองผมเหมือนอยู่เหนือกว่า ผมเริ่มเหงื่อตก เอาแล้วไง อุตส่าห์ระวังตัวแจเพื่อไม่ให้พี่ลอนดอนเอาผมเป็นของเล่นแก้เซ็งแต่ไม่วายโดนจับไต๋จนได้
“อย่าห่วงเลย ฮักบอกว่าถ้าฉันแกล้งแกเขาจะเอาคืนเป็นสิบเท่าฉันไม่อยากยุ่งยาก อีกอย่างแกล้งแกไปก็ไม่สนุกเท่ากับแกล้งเจ้าฮักมันหรอก”พี่ลอนดอนส่ายหน้าอย่างไม่ยี่หระ แถมยังพูดเต็มๆ ปากอีกต่างหาก นั้นสินะครับแกล้งใครไม่สนุกเท่าแกล้งฮอยฮักหรอกเนอะ ผมพยักหน้าเห็นด้วยทันที
“ฮอยฮักยังไม่รู้สินะว่าแกรู้ว่าฮักคือเลิฟมีน่ะ”
“คิดว่าน่าจะยัง”
“แล้วแกไม่คิดจะบอกเขาหรือไง?”
“ไม่ ผมรอให้ฮักเป็นคนมาบอกผมเอง”
“ว่าแต่พวกแกตกลงเป็นแฟนกันแล้วใช่ไหม?”
“เอ่อ...เรื่องนั้นมันก็...”ผมพยายามคิดแต่ก็คิดไม่ออกว่าตัวผมได้ขอฮักเป็นแฟนอย่างเป็นทางการหรือยัง เอ๊ะ ผมยังไม่เคยพูดเลยเหรอเนี่ย แย่จริงๆ ว่ะ ทำไมลืมไปได้วะ!? แต่ว่าขนาดนี้แล้วยังจะไม่ต้องพูดอะไรมากหรอกมั้ง? ก็รู้ๆ กันอยู่นี่น่า พี่ลอนดอนมองผมแล้วถอนหายใจเบาๆ
“วินเซอร์แกรู้สึกไหมว่าเจ้าฮักมันฉลาดมากแต่กลับโง่มากในบางเรื่อง”
รู้นานแล้วล่ะครับ แถมหมอนั้นยังเป็นคนเถรตรงซะน่าตกใจอีกต่างหาก ผมได้แต่ยิ้มรับแห้งๆ พี่ลอนดอนก็พูดต่อด้วยใบหน้าเรียบเฉยแต่สีหน้าของพี่เขาเหมือนจะเป็นห่วง จากที่คลุกคลีตีโมงกับพวกหน้าตายมานาน ผมมองเห็นเป็นแบบนั้นล่ะนะ
“แกรู้ไหมเมื่อเร็วๆ นี้เจ้าฮักน่ะถูกประธานทิมเรียกไปด่าอยู่หลายครั้งเลยนะ”
“ทำไมเหรอครับ?”ผมขมวดคิ้วทันที ลุงทิมแกเรียกไปด่าเรื่องอะไรกัน? เรื่องของผมงั้นเหรอ? ลุงทิมน่าจะยังไม่รู้นี่น่า
“ก็ตอนที่สัมภาษณ์นิตยสารน่ะหมอนั้นดันไปเถรตรงตอบว่ากำลังมีความรักอยู่น่ะสิยังดีที่บอสแก้สถานการณ์ให้ถึงไม่ได้เป็นข่าว หมอนั้นเป็นพวกเถรตรงที่ไม่คิดจะโกหกสื่อเลยสักนิด ถ้าใครถามมาตัวข้าก็จะตอบไปตรงๆ เฮ้อ ประธานทิมเขากลุ้มใจเรื่องนี้มาก แถมระยะนี้ แกดูสิ เจ้าฮักอาจจะไม่รู้ตัวแต่มันกลับมีพีโรโมนมากกว่าเดิมซะอีกแล้วแกคิดว่านี่เป็นความผิดของใคร!?”
“...” ขอโทษครับ เดี๋ยวผมจะสั่งสอนเมียให้นะครับ!
อีกอย่างมันเป็นเรื่องปกติของคนที่มีความรักและเซ็กซ์ที่ดีย่อมมีรัศมีของความดูดีเพิ่มขึ้นล่ะนะ ผมมองฮอยฮักแล้วกลุ้มใจตามพี่ลอนดอน ยิ่งกับหมอนี้แล้วยิ่งไปกันใหญ่! ผมควรจะทำยังไงดีเนี่ย พี่ลอนดอนตบไหล่ของผมเบาๆ แล้วลุกขึ้นยืน
“เอาเถอะค่อยๆ คิดแก้ปัญหาไปล่ะกัน ฉันขอตัวก่อนล่ะ”
หลังจากที่พี่ลอนดอนเดินจากไปผมก็นั่งครุ่นคิดอยู่ที่เดิม ฮอยฮักเป็นประเภทเถรตรงหมอนั้นไม่คิดจะแกล้งตอบเลยหรือไงนะ แล้วนี่ถ้าเราเป็นแฟนกันจริงๆ วันข้างหน้าเกิดมีคนมาสัมภาษณ์หมอนั้นคงไม่ตอบไปด้วยสีหน้าตายว่าเป็นแฟนกับผมหรอกใช่ไหม? ไม่น่าจะใช่ เอ่อ...ผมชักจะไม่แน่ใจแล้วสิ ถ้าเป็นฮอยฮักล่ะก็ผมว่าเขาต้องบอกความจริงไปแหงแซะ! พระเจ้า ผมเริ่มเครียดกับนิสัยส่วนนี้ของฮอยฮักซะแล้วสิ แต่ถ้าผมไม่บอกว่าเราเป็นอะไรกันมันก็เหมือนกับว่าผมไม่จริงจังด้วยน่ะสิ อืม...ทำไมมันยุ่งยากแบบนี้วะ
“ลิ้ง! คิดอะไรอยู่หน้าเครียดเชียวนะ”
ผมสะดุ้งตกใจกับมือที่วางลงบนไหล่ คนที่เรียกแบบนี้มีแค่คนเดียวแหละครับ ผมหันมาทำหน้าบึ้งใส่คุณพ่อที่เคารพ เล่นโผล่หัวมาแบบไม่ให้สุ้มไม่ให้เสียงกันเลยนะครับคุณพ่อ! พ่อของผมยิ้มกว้างแล้วนั่งลงข้างๆ ผม ว่าแต่พ่อมาทำอะไรที่นี้? เป็นประธานบริษัทแล้วมาเที่ยวเตร่แบบนี้มันไม่ดีนะครับ
“ช่วงนี้ดูลูกมีความสุขดีนะ”
“งั้นเหรอครับ?”ผมหันไปมองพ่ออย่างแปลกใจ ผมก็ไปกินข้าวกับพ่อบ้างหรือไม่ก็กลับไปบ้านของปู่ที่พ่ออยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้บ่อยนัก ทำไมพ่อถึงได้ตาแหลมมองออกได้ปุบปับขนาดนี้ อ่า ก็นั้นสินะ ก็เพราะผมเป็นลูกชายคนเดียวของพ่อนี่น่า ถ้าพ่อไม่สังเกตผมแล้วพ่อจะไปสังเกตใคร
“ถ้าลิ้งจะไปแต่งวันไหนพ่อจะไปขอให้นะลูก ฮือ...นี่พ่อต้องเสียแกให้กับลูกสะใภ้แล้วเหรอเนี่ย โฮ...”
“พ่อ...”
ผมเรียกอีกฝ่ายอย่างอ่อนใจ กำลังซึ้งอยู่แล้วเชียว! ผมหัวเราะขำกับท่าทางเหมือนโอเว่อร์ของพ่อ อ่านการ์ตูนมากไปแล้วนะพ่อ มีควักอุปกรณ์เสริมอย่างผ้าเช็ดหน้ามากัดไว้อีกต่างหาก นี่กะจะเล่นเอาฮาเต็มที่ล่ะสิ เจ้าพ่อบ้าเอ๊ย! ผมส่ายหน้าแล้วยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเปิดปากปลอบใจ
“เอาน่า ถึงจะแพ้ลูกสะใภ้แต่พ่อก็เป็นพ่อคนเดียวของผมล่ะนะ”
“...ฮือออ~! ลิ้ง แกมันน่ารักจริงๆ!”พ่ออึ้งอยู่นานก่อนจะโผเข้ามากอดผมซะเต็มรักแล้วปล่อยโฮอย่างเด็กๆ
ผมถอนหายใจปล่อยให้พ่อกอด จะว่าไปแล้วมันก็นานมากแล้วน่ะเนี่ยที่พ่อกอดผมไว้แบบนี้ ตั้งแต่โตมาผมก็มักจะหลบหลีกไม่ให้ท่านเข้ามากอดอยู่เรื่อยนี่น่า พ่อเป็นคนที่ห่วงใยและทำเพื่อผมมาตลอด ผมยกมือตบไหล่ของพ่อเบาๆ
ขอโทษแล้วก็ขอบคุณมากครับพ่อ
ไหงจากบทเครียดๆ มาเป็นบทซาบซึ้งแบบนี้ได้วะเนี่ย...
“...อ๊ะ”สายตาของผมก็ไปประสานเข้ากับสายตาของฮอยฮักที่ไม่รู้ว่ามาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไร ในมือของเขาถือลูกบอลสงสัยจะมาตามเก็บลูกบอลแหง สายตาของหมอนั้นกำลังมองผมสลับกับพ่อแล้วเหมือนจะยิ้มออกมานิดๆ
งะ...ผมตัวแข็งทื่อทันที
“โอ๊สต์ เลิฟมีเล่นน้ำสนุกไหม?”พ่อเงยหน้าขึ้นมองไปเห็นฮอยฮักก็โบกมือทักทายกันอย่างสนิทสนมราวกับซี้กันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน
“ครับ ขอโทษที่มารบกวน”ฮอยฮักตอบกลับมาอย่างสุภาพ
“ไม่เป็นไร อย่าเล่นน้ำนานนักล่ะ เดี๋ยวเป็นหวัด”
“เข้าใจแล้วครับ”
ผมมองพ่อกับฮอยฮักคุยกันเงียบๆ ดูลูกสะใภ้กะพ่อตาคุยกันแบบนี้ มันแอบปลื้มลึกๆ แฮะ
“เอ้อ ว่าแต่เมื่อกี้เธอเห็นไหม?”พ่อโน้มตัวไปข้างหน้าแล้วยกมือกั้นปากกระซิบกับฮอยฮัก แต่ประทานโทษมันได้ยินเหมือนเดิมเฟ้ย!
“เอ่อ ครับ”ฮอยฮักพยักหน้า
เจ้านี่ก็ยังตอบตรงไปตรงมาเหมือนเดิม!
“ลิ้งก็เป็นแบบนี้แหละ น่ารักใช่ไหมล่ะ ฮิๆ ลูกของฉันอะ”พ่อเชิดหน้าอย่างภาคภูมิใจ มันน่าภูมิใจตรงไหน!?
“ครับ”
โอ๊ยยย!! พอเถอะ จะนินทาก็ไปนินทากันไกลๆ หน่อยได้ไหม!? แล้วเจ้าบ้าฮอยฮักจะมาครับอะไรกันเล่า ผมหน้าแดงร้อนผ่าวจนจะไหม้อยู่แล้ว รีบๆ ไปเลย ไป่! ฮอยฮักเงยหน้ามองผม หน้าน่ะนิ่งอยู่หรอกแต่ทำไมสายตามันเหมือนกำลังล้อเลียนผมอยู่อย่างไรอย่างนั้น ตูโคตรอายเลยเฟ้ย
“ผมขอตัวก่อนนะครับ”
“โอ๊สต์ ไว้คุยกันใหม่นะ”
ฮอยฮักโค้งตัวเล็กน้อยแล้วเดินลุยน้ำห่างออกไปเพื่อสมทบกับพวกที่รออยู่ ผมก้มหน้าลงอย่างหมดเรี่ยวแรง หน้าร้อนขึ้นมาเหมือนเป็นไข้ บ้าที่สุด! น่าอายโคตรที่ให้หมอนั้นเห็นตอนที่กำลังอยู่กับพ่อแบบนี้ ภาพลักษณ์ของผม หมดกัน!
“ลิ้ง? เป็นอะไรน่ะ?”
“ถ้าไม่ยุ่งกับผมตอนนี้จะขอบคุณมาก”
“ฮ่าๆๆๆ! อะไรกัน ไม่เห็นต้องเขินคนกันเอง”
เพราะว่าเป็นคนกันเองน่ะสิถึงได้เขิน เจ้าพ่อบ้าเอ๊ย!
การถ่ายทำกว่าจะเรียบร้อยก็เล่นสูบพลังชีวิตของทุกคนในกองเกือบจะหมดตัว ยิ่งมีท่านประธานมาวนเวียนยิ่งทำให้พนักงานทุกคนเกร็งกันถ้วนหน้าและที่น่าเจ็บใจมากที่สุดคือตัวการทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีก! เจ้าพ่อบ้าเอ๊ย! ฮอยฮักกลับไปก่อนเพราะมีงานอื่นอีกและคิวของเขาก็ถ่ายเสร็จเรียบร้อยสมบูรณ์ ส่วนผมน่ะเหรอ? ถึงจะกลับมาแล้วแต่ก็ต้องหมกตัวอยู่ในสตูดิโอยุ่งกับเรื่องตัดต่อเพิ่มนั้นเพิ่มนี่กว่าจะถูกปล่อยตัวออกมาผมก็สะลึมสะลือเกือบจะลืมว่ากลับมานอนห้องได้ยังไง
และแล้วผมก็ได้เวลาพักผ่อนสักที! หลังจากตะลุยทำงานกับพวกพี่ๆ ขนาดไม่หลับไม่อาบน้ำ เพราะเจ้าประธานตัวแสบพูดหน้าตาเฉยว่าอยากจะให้หนังเสร็จสมบูรณ์เร็วๆ อะแฮ่ม ช่างเรื่องนั้นก่อนเถอะครับ ที่สำคัญคือ...วันนี้ฮอยฮักจะมาที่ห้องผม เยส! ในที่สุดฮักก็ว่างจนได้ ผมแทบจะจุดพลุฉลองหลังจากที่ฮักโทรมาบอก
กริ๊งๆ
“ยินดีต้อนรับค่ะ”เสียงพนักงานของร้านเอ่ยต้อนรับเสียงใสเมื่อผมเดินเปิดประตูร้านเข้าไป ร้านตกแต่งได้ดูดีมากเลยแฮะ พนักงานเดินเข้ามาหาผม
“ไม่ทราบว่าคุณลูกค้ากำลังมองหาอะไรอยู่คะ?”
“คือ...ผมอยากจะดูสุนัขตัวเล็กๆ น่ารักๆ น่ะครับ”
“งั้นลองดูพันธุ์ปอมไหมคะ?”
“ครับ”
ผมเดินตามพนักงานมาเข้าโซนสุนัขพันธุ์เล็กแล้วเดินเลี้ยวเข้าซอยพันธุ์ปอมเมอเรเนียน พอเข้ามาในเขตนี้ก็จะเห็นสุนัขตัวเล็กๆ สีขาวบ้าง สีน้ำตาลอ่อน สีครีมนอนอยู่ในกรง มีตั้งหลายตัวเลยแฮะ ผมมองดูทีละตัวแล้วเกาหัวแกรกๆ เจ้าหมาพวกนี้มันน่ารักเหรอวะ? ผมไม่มีความสนใจเกี่ยวกับเจ้าพวกนี้สักนิด อีกอย่างผมก็ไม่เคยคิดจะเลี้ยงมันด้วย ถามว่าผมมาที่ร้านสัตว์เลี้ยงทำไมน่ะเหรอ? อืม เมื่อเร็วๆ นี้พี่ลอนดอนบอกว่าฮอยฮักโดนลุงทิมว่ามาอีกแล้วแถมช่วงนี้หมอนั้นก็ดูซึมๆ ไปด้วยผมก็เลยคิดว่าถ้ามีอะไรที่ทำให้เขาร่าเริงขึ้นมาได้ก็คงจะดี
จากที่สังเกตฮอยฮักน่าจะชอบพวกสัตว์ตัวเล็กๆ น่ารักน่าเอ็นดู ไม่ว่าจะตอนที่ถ่ายแบบตอนนั้น ตอนที่เฮียนัทเอาหมามาล่อ หรือพวกกระต่ายตอนไปที่ทะเล แม้กระทั่งคนเจ้าบ้านี่ยังเอ็นดูพวกตัวเล็กๆ น่ารักๆ เลย! อย่างเจ้าพรีสต์ตัวดีนั้นไง แล้วเดี๋ยวนี้ดันเพิ่มเจ้าเรดตัวปัญหาเข้าไปอีก ผมยืนคิดหนักอยู่นานสองนานจนพนักงานสาวเอ่ยทักขึ้น
“เอ่อ ไม่ทราบว่าถูกใจตัวไหนไหมคะ?”
“เอ่อ...เดี๋ยวนะครับ อืม...”ผมพยายามเดินหาตัวที่ถูกใจ ตัวเล็กๆ น่ารักๆ อืมมม...สีขาวหรือว่าสีครีมดี? อืม...อ๊ะ! ผมหยุดมองตรงหน้าเจ้าหมาตัวน้อยสีขาว มันเหมือนก้อนสำลีขาวขนาดกำปั้นแล้วมีตาโตๆ สีดำ ผมดูแล้วขำทันที น่ารักดีแฮะ หึๆ ฮ่าๆๆ แถมยังหมาตัวนี้เหมือนทำหน้าเหม็นเบื่อเซ็งแสนเซ็งอีกต่างหาก เห็นเจ้าตัวนี้แล้วคิดถึงฮอยฮักขึ้นมาเลย ผมยิ้มกว้างแล้วหันไปหาพนักงาน
“ผมเลือกตัวนี้แหละครับ”
“...อ๊ะ! ค่ะ ตกลงเลือกตัวนี้น่ะคะ!! มันเป็นปอมเมอเรเนียนพันธุ์ทีคัพ ตัวผู้ เพิ่งอายุ 1 เดือนเองนะคะ...”พนักงานคนนั้นจ้องผมจนเหม่อ พอผมหันไปถึงกับสะดุ้งตัวโหยงเลย เฮ้อ ทำยังไงได้ก็คนมันเสน่ห์แรง พนักงานคนนั้นเปิดกรงแล้วอุ้มเจ้าหมาน้อยส่งมาให้กับผม มันเล็กขนาดที่ผมอุ้มมือเดียวยังได้เลย โอ้โห ตัวเล็กฉิบ ถ้าเกิดมันวิ่งหายไปกูจะหาเจอไหมเนี่ย?
“รบกวนช่วยแนะนำของจำเป็นสำหรับเจ้าตัวเล็กนี่หน่อยได้ไหมครับ?”
“ยินดีค่ะ รบกวนเดินตามฉันมาเลยนะคะ”
แล้วผมก็เดินไปเลือกอะไรไม่รู้ต่างๆ นานา เยอะไปไหมครับพี่? สำหรับเจ้าตัวเล็กๆ เท่ากำปั้นนี่มันเยอะขนาดนี้เลยเหรอวะ? ผมพยักหน้ารับแล้วตัดสินใจซื้อมันทั้งหมดที่คุณพนักงานเธอแนะนำมา รีบเอามา เอามาให้หมดเลย วุ่นวายจริงโว้ย นี่ผมคิดถูกหรือคิดผิดที่มาซื้อไอ้นี่ไปให้ฮอยฮัก
ระหว่างที่ผมวุ่นวายอยู่กับการซื้อของใช้ให้หมาก็มีคนมาสะกิดหลังผม พอผมหันไปก็เจอเข้ากับไอ้เพื่อนยากที่หอบแมวของมันมาทักด้วยใบหน้าตาย
“ไงวินเซอร์ มึงมาทำอะไรวะ?”
“ซื้อหมา แล้วมึงล่ะ?”
“กูพาอาบังมาหาหมอ”
พอผมบอกว่ามาซื้อหมาไอ้โซโล่มันก็เลิกคิ้วอย่างแปลกใจแต่มันก็ตอบกลับมาไม่เซ้าซี้ถามอะไรมากควานเหมือนเดิม มันยกเจ้าอาบังแมวสุดรักขึ้นโชว์เป็นหลักฐาน อย่าเอามาใกล้ลูกกูเฟ้ย! แมวมึงยิ่งเซี้ยวๆ อยู่ถ้ามันตบลูกกูก่อนจะได้เจอแม่มันจะทำยังไง ผมถอยหลังออกห่างจากไอ้โซโล่เล็กน้อย
“ว่าแต่ทำไมจู่ๆ มึงถึงอยากเลี้ยงหมาล่ะวะ?”
“ไม่รู้ กูแค่อยากเลี้ยง”ผมไม่ทันได้คิดเหตุผลก็เลยแถตอบไปอย่างนั้น แล้วคุณมึงอยากรู้ไปทำซากอะไรวะ ผมพยายามทำตัวแนบเนียนไม่มีพิรุธ ไอ้โซโล่มันก็จ้องผมด้วยใบหน้านิ่ง เฮ้อ ทำไมทุกวันนี้ผมถึงได้เจอะเจอแต่คนหน้าตายทั้งนั้นเลยนะจนผมจะกลายเป็นคนไร้อารมณ์เหมือนพวกมันแล้วนี่
“น่ารักดีนี่ พันธุ์ปอมทีคัพ มันชื่ออะไรล่ะ?”
“กูยังไม่ตั้งว่ะ”ผมส่ายหน้า สมแล้วที่เป็นไอ้คุณชาย เฮอะ รู้เรื่องสัตว์เป็นอย่างดีเชียวนะ
“ให้กูตั้งให้ไหม?”
“ไม่ต้องๆ กูเกรงใจ เดี๋ยวกูตั้งเอง!”ผมรีบปฏิเสธมันทันที ขืนให้ไอ้บ้านี่มันตั้งให้ ลูกหมาของผมต้องมีชื่อที่แสนจะทุเรศแน่เลย ก็เซ้นส์ตั้งชื่อของไอ้บ้าโซโล่มันแย่ถึงขั้นติดลบเลยนะ! ดูจากชื่อแมวของมันสิครับ แมวออกจะน่ารักขนาดนั้นแต่ดันตั้งชื่อให้มันว่าอาบังเฉยเลย ผมไม่รู้ว่าตอนที่มันได้เจ้าอาบังมาบังเอิญตอนนั้นมีแขกมาขายมุ้งที่บ้านมันหรือเปล่าไม่รู้ ตั้งมาได้ไม่เกรงใจแมวมันเลย
“วินเซอร์มึงว่างไหม กูอยากคุยเรื่อง...พรีสต์น่ะ”ไอ้โซโล่พูดขึ้นท่อนท้ายๆ กลับทำเสียงเบาเหมือนไม่แน่ใจ ไอ้เวรนี่ จะจีบติดไหมฟะ? ขนาดพูดชื่อมันยังออกอาการขนาดนี้ ผมมองเพื่อนด้วยความสมเพชเวทนามันมากมาย ทีคนอื่นกูเห็นมึงไม่สะทกสะท้านหวั่นไหว แล้วติ่งอะไรของไอ้พรีสต์ถึงทำให้เพื่อนกูเป็นได้ขนาดนี้วะ?
“โทษทีนะพวก วันนี้กูไม่ว่างว่ะ เดี๋ยวกูโทรหามึงล่ะกัน”
“วิน กูหวังพึ่งมึงนะโว้ย”ไอ้โซโล่ทำหน้าจริงจังอย่างกับมันมาทวงหนี้ผมอย่างไรอย่างนั้น ผมพยักหน้ารับไปอย่างจริงจังไม่แพ้มัน
เออๆ กูรู้ๆ มึงไร้น้ำยามากจนต้องพึ่งกู กูเข้าใจ เดี๋ยวกูจะคิดแผนการบรรเจิดที่สุดในสามโลกให้มึงเลย รับรองไม่พลาดแน่! หลังจากนั้นผมคุยกับไอ้โซโล่อยู่สักพักพนักงานก็หิ้วข้าวของสำหรับหมาน้อยของผมมาส่งให้ ผมกับไอ้โซโล่ถึงได้บอกลากัน
“แล้วเจอกันว่ะ”
“เออ แล้วเจอกัน”
ผมเดินถือกระเป๋าใส่ลูกหมาเดินออกมาจากร้านพร้อมกับหิ้วถุงข้าวของจำเป็นสำหรับลูกสุนัขเดินมาที่รถ นี่ยังไม่ถึงเที่ยงเลย ฮักบอกว่าจะมาหาผมตอนบ่ายๆ อ่า งั้นผมก็แวะหาอะไรกินก่อนดีกว่า ผมเปิดประตูรถวางเจ้าหมาพร้อมถุงข้าวของไว้ที่เบาะด้านหน้าแล้วเดินมาขึ้นรถอีกฝั่ง ขณะที่กำลังสตาร์ทรถผมหันไปมองเจ้าหมาน้อยที่นอนอยู่ในกระเป๋า
จะว่าไปแล้วผมต้องตั้งชื่อให้มันใช่ไหม อืม...เอาชื่ออะไรดีหว่า? ผม ดาร์ลิ้ง เจ้าหมานี้ก็น่าจะชื่อคล้ายๆ กัน ฮันนี่? เฮ้ย นั้นชื่อพ่อกูเฟ้ย เดียร์? นั้นก็คุณย่าอีก อืมมม My boo~ มันก็เจ๋งดีหรอกแต่ว่าไม่เอาดีกว่า งั้นก็เหลือ...สวีตฮาร์ตสินะ อืม สวีต! สวีตฮาร์ต! โอเค
เจ้าหมาต่อไปนี้มึงชื่อ ‘สวีตฮาร์ต’!!
ผมยิ้มให้กับเจ้าสวีต มันคงจะไม่รู้ว่าผมได้มอบภารกิจสำคัญให้กับมันเรียบร้อยแล้ว มึงต้องทำให้ฮักร่าเริงขึ้นให้ได้นะเจ้าหมา กูหวังกับมึงมากนะโว้ย อย่าทำให้ผิดหวังล่ะ!
TBC.อย่าเพิ่งไปคิดถึงเรื่องดราม่าเลย เรามาหวานกันต่อเหอะ~
ตอนหน้าวินเซอร์มีอะไรมาเซอร์ไพร้ส์ฮอยฮักอีกแล้ว
ฮอยฮักจะชอบสวีตฮาร์ตหรือเปล่าหนอ ก็ต้องรอลุ้นตอนต่อไป!สวีตฮาร์ต น่าร้ากกกก~