ตอนที่ 27
ครืดๆ
ผมนั่งดูดน้ำหวานอยู่ใต้ต้นไม้มองดูรถผ่านไปผ่านมาบนถนน อากาศร้อนเสียจนเหงื่อไหลพลั่กก็มีคนบริการเช็ดเหงื่อให้โดยไม่ต้องเมื่อยแขนแถมยังช่วยโบกพัดให้อีกต่างหาก นี่มันบริการดีเกินไปแล้ว! เกรงใจโว้ย!! ผมเหลียวตัวออกห่างจากพี่เฮอร์มิต
“เอ่อ...ไม่เป็นไรครับ ผมพัดเอง”
ปฏิเสธความหวังดีไปแล้วพยายามแย่งพัดจากมือของพี่เฮอร์มิตแต่เขาไม่ยอมแถมยิ้มกว้างเชียว ให้ตายสิ ถึงผมจะเป็นเพื่อนน้องพี่แต่ไม่ต้องบริการสะดวกสบายขนาดนี้ก็ได้นะครับ มันรู้สึกแปลกๆ ว่ะ ผมพยายามจะไม่ใส่ใจกับการบริการเป็นอย่างดีของพี่เขา
หลังจากที่เดินแบบเสร็จพี่เฮอร์มิตก็โผล่มาหาผมอย่างรวดเร็วแถมยังลากผมลากผมออกมาเที่ยวด้วยโดยมีพี่บอสและหัวหน้าทีมสนับสนุนออกหน้าออกตา เหอะ อะไรของสองคนนั้นกันวะ หัวหน้ายังพอเข้าใจแต่นี่พี่บอสก็เป็นไปด้วยน่ะสิ เฮ้อ อยากจะนอนตากแอร์ในห้องมากกว่ามาเดินตะลอนๆ อยู่ข้างนอกแบบนี้
“ฮัก ถ้าร้อนแบบนี้ ไปบ้านพี่ไหม?”
“บ้านพี่น่ะเหรอ?”
“ใช่ อยู่ใกล้ๆ นี่แหละ”
“มีแอร์?”
“แน่นอน ต้องมีอยู่แล้ว”
ผมคิดอยู่สักพักก็พยักหน้าตกลงไปบ้านพักของพี่เฮอร์มิต แน่ล่ะ ตอนนี้แอร์เป็นสิ่งที่ผมต้องการที่สุดแล้ว พี่เฮอร์มิตพาผมออกเดินไปทันที เดินๆ ผ่านนั้นผ่านนี้พี่แกก็ซื้อบริการให้ผมตลอดทางแถมยังทำหน้าที่ไกด์แบบไม่ให้ตกบกพร่องแม้แต่กระผีกเดียว โอ ผมว่านะพี่เขาสามารถเอาไกด์เป็นอาชีพถาวรได้เลยนะ และแล้วเราก็มาถึงบ้านพักเป็นทาวน์เฮ้าส์หลังเล็กๆ อยู่ได้คนเดียวแบบสบายๆ
“น่าอยู่ดีนะครับ”
เมื่อเดินเข้ามาผมมองไปรอบๆ บ้านแล้วอดที่จะบอกกับอีกฝ่ายไม่ได้ อืม มันน่าอยู่มากเลยนะครับ ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยู่จะมาอยู่อะไรแบบนี้คนเดียวเงียบๆ เหมือนกัน หรืออาจจะพาใครสักคนมาอยู่ด้วย อะแฮ่ม ก็ไม่ได้คิดว่าเป็นไอ้วินเซอร์หรอกนะ ไม่ได้คิดจริงๆ!
“ไม่หรอก”
“ทำไมล่ะครับ?”
ผมหันมาถามอย่างแปลกใจ พี่เฮอร์มิตที่กำลังไขประตูบ้านหันมายิ้มให้กับผมกว้าง
“ก็อยู่คนเดียวมันเหงาน่ะ”
“ก็หาใครสักคนมาอยู่ด้วยสิครับ”ผมเอ่ยต่อไปแบบไม่คิดอะไรมาก
“งั้นฮักสนใจมาอยู่กับพี่ไหมล่ะ?”
“ไม่ล่ะครับ ผมยังเรียนอยู่”
ผมโบกมือปฏิเสธอย่างรวดเร็วพอดีกับพี่เฮอร์มิตเปิดประตูบ้านได้จึงรีบจรลีเข้าไปข้างนอก อ๊ะ จริงสิ ลืมขออนุญาตเจ้าของบ้านสนิทเลย เฮ้อ แต่ช่างเถอะเพราะพี่เฮอร์มิตเป็นสุภาพบุรุษสุดๆ นี่น่ายืนตัวตรงเคารพธงชาติอยู่ที่เดิมเพื่อให้ผมเข้ามาก่อนล่ะมั้ง
“...”
“พี่เฮอร์มิตครับ”
“ว่าไง?”พี่เฮอร์มิตเหมือนเก็บสติกลับมาได้หันมาตอบรับอย่างเป็นปกติ
“เปิดแอร์ให้หน่อยสิครับ”
“...อ้อ ได้ๆ”
พี่เฮอร์มิตจึงเดินเข้ามาด้วยประการฉะนี้ พี่เฮอร์มิตเปิดแอร์และทีวีให้กับผม ถึงเปิดทีวีไปผมก็ไม่รู้เรื่องด้วยหรอกนะครับพี่แต่ก็ขอบคุณสำหรับความหวังดีล่ะกัน พี่เขาหายเข้าไปในห้องครัวแล้วสักพักก็ถือน้ำผลไม้เย็นๆ มาให้กับผม
“ขอบคุณครับ”
“ไม่ต้องเกรงใจนะ ตามสบายเลย”
“ครับ”
“ฮักเรียนอะไรอยู่งั้นเหรอ? พวกนิเทศหรือเปล่า?”
“เปล่า ผมเรียนคณะเดียวกับพรีสต์น่ะ”
“อ้อ สถาปัตย์สินะ ไม่ค่อยเข้ากับเธอเลยนะ”
“อย่างน้อยก็ดูเข้ามากกว่าไอ้พรีสต์แหละครับ”
“ฮ่าๆๆๆ นั้นก็ใช่อยู่หรอก แล้วพรีสต์เรียนเป็นยังไงมั้ง?”
“มันไม่ซิ่วก็ดีแค่ไหนแล้ว”
“ฮักเรียนที่ไหนนะ?”
“ก็ที่เดียวกันกับพรีสต์นั้นแหละครับ”
“เอ๋? งั้นเหรอ?”
พี่เฮอร์มิตขมวดคิ้วมุ่นอย่างแปลกใจ ผมมองพี่เขาเล็กน้อยอย่างสงสัย ผมเรียนที่เดียวกับไอ้พรีสต์มันทำให้พี่เขาแปลกใจขนาดนั้นเลยเหรอ?
“อืมมม พรีสต์ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้เลยนะ”
“สงสัยลืมพูดล่ะมั้งครับ”
ผมตอบกลับด้วยใบหน้าตาย แหงล่ะ ไอ้หน้าโง่นั้นรู้หรือยังก็ไม่รู้ว่าผมน่ะเรียนที่เดียวกันกับมัน มิน่าพี่เฮอร์มิตถึงดูแปลกใจ ถ้าไอ้พรีสต์มันรู้ว่าเรียนที่เดียวกันกับผมล่ะก็ป่านนี้มันคงจะป่าวประกาศให้ทั้งโลการู้ไปนานแล้วล่ะ เหอะๆ
ระหว่างที่ผมกำลังจิบน้ำผลไม้ มือถือของพี่เฮอร์มิตก็ส่งเสียงดังขึ้นมาพี่เขาล้วงมือถือออกมาดูเล็กน้อยก่อนจะขอตัวไปรับสายไกลออกไปจากผมหน่อย ผมเหลือบมองตามไปเล็กน้อย มือถือ? นั้นสิ ถ้าผมติดต่อกลับไปที่เมืองไทยหน่อยก็คงจะดีไม่น้อย อาจจะได้รู้ว่าที่นั้นเกิดอะไรขึ้น ไม่นานพี่เฮอร์มิตก็เดินกลับมาแล้วยิ้มให้กับผม
“คุณแม่ของพี่โทรมาน่ะ”
“พี่เฮอร์มิตโทรกลับที่บ้านบ่อยหรือเปล่าครับ?”
“ก็นะ ไม่บ่อยเท่าไรหรอก ส่วนมากจะเป็นคุณแม่ของพี่โทรมาเช็คความเรียบร้อยน่ะ”
เช็คว่าแอบซ่อนเมียแหม่มไว้หรือเปล่าสินะ
“ไอ้พรีสต์โทรหาพี่หรือเปล่าครับ?”
“ไม่หรอก พี่ไม่ให้เบอร์น่ะเดี๋ยวจะโทรมาก่อกวน”
พี่เฮอร์มิตเอ่ยอย่างขำๆ แต่ผมไม่ขำด้วยเพราะคิดว่าเรื่องนี้อาจจะเป็นจริงอย่างแน่นอน! ถ้าไอ้พรีสต์มันรู้เบอร์พี่เขาล่ะก็ต้องโทรมาวันละสามครั้งหลังอาหารแน่ๆ ก็มันน่ะติดพี่ขนาดนั้นนี่น่า! ผมพยายามทำตัวแนบเนียนไม่แสดงความสนใจเกี่ยวกับมือถือให้มากนักเดี๋ยวจะรู้ว่าผมหลอกล่อพี่เขาพอดี
“ว่าแต่พี่ไม่ไปเรียนเหรอครับ?”
“ช่วงนี้หยุดน่ะ ก็เลยว่างๆ ไม่มีอะไรทำ”
“ไม่ชวนแฟนไปเดตล่ะครับ”
“ฮะๆ พี่ไม่มีแฟนหรอก”
พี่เฮอร์มิตวางมือถือไว้บนโต๊ะแล้วนั่งโซฟาตัวถัดไป หัวเราะซะเป็นเรื่องดินฟ้าอากาศเลยแฮะ ผมมองอย่างไม่เชื่อสายตา แน่ล่ะเมื่อก่อนผมก็เห็นสมัยที่พี่เขาเรียนอยู่เมืองไทยก็ยังควงสาววันละคนผมนี่เห็นไม่ซ้ำหน้ากันสักที
“ทำไมทำหน้าไม่เชื่อกันแบบนั้นล่ะ?”
พี่เฮอร์มิตสังเกตสีหน้าของผมอยู่นานก่อนจะตัดพ้อเสียไม่ได้ รู้ได้ยังไงว่าผมทำหน้าไม่เชื่อวะ หรือว่าผมจะแสดงออกทางสีหน้าไปอย่างชัดเจนนี่อุตส่าห์เก็บสีหน้าสุดขีดแล้วนะ
“จริงๆ แล้วก็กำลังตัดใจอยู่ล่ะนะ”
ตัดใจ?
“ทำไมล่ะครับ?”
“...เขาคงจะไม่ชอบพี่หรอก”
“เขาบอกพี่เหรอครับ?”
“ไม่หรอก แปลกจังนะที่นายดูจะสนใจเรื่องนี้มาก”
พี่เฮอร์มิตส่ายหน้าก่อนจะถอนหายใจตอบออกมาแล้วหันมาพิจารณาผมเล็กน้อยแล้วเอ่ยอย่างแปลกใจ ผมยกแก้วน้ำผลไม้ขึ้นมาจิบอย่างเป็นธรรมชาติไม่เผยพิรุธใดๆ ออกไปทั้งสิ้น
“ก็มันน่าแปลกนี่ครับ พี่ก็ออกจะหน้าตาดี นิสัยก็ดี ใครปฏิเสธก็โง่แล้วล่ะครับ อีกอย่างถ้าพี่รักเขาจริงๆ ล่ะก็แทนที่จะมานั่งตัดใจทำไมไม่ลองสู้ดูสักตั้งล่ะครับ บางทีอาจจะสำเร็จก็ได้นะครับ”
เหมือนผมยังไงล่ะ ตามตื้อสุดตัวไม่มีถอยแม้จะต้องเจ็บปวดขนาดไหนก็ไม่ยอมแพ้สุดท้ายแล้วก็สมใจ มันชอบผมเหมือนกัน ฮิๆ พอคิดย้อนไปในตอนแรกๆ แล้วมันจั๊กจี้ยังไงชอบกล ไม่น่าเชื่อเลยว่าผมกับวินเซอร์จะลงเอยกันได้ นี่เป็นเพราะพลังใจล้วนๆ
“...ฮัก”
“อ๊ะ จริงสิ ผมยังไม่ได้โทรบอกพี่ยิ้มเลยว่ายังไม่กลับต้องอยู่ต่ออีกสามวัน เอ่อ พี่เฮอร์มิตครับ รบกวนยืมมือถือโทรบอกพี่หน่อยได้ไหมครับ?”
“ได้สิ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”
พี่เฮอร์มิตพยักหน้ารับแล้วหยิบมือถือให้กับผม เอ๋ เมื่อกี้พี่เขาจะพูดอะไรหรือเปล่านะ? ผมรับมือถือของพี่เฮอร์มิตมาแล้วมองหน้าของพี่เขานิดหน่อยแต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้พูดอะไรผมก็เลยคิดว่าเมื่อกี้คงจะหูฝาดไปเองล่ะมั้ง ผมลุกขึ้นเดินออกไปไกลจากพี่เฮอร์มิตกดเบอร์พี่ยิ้มแล้วโทรออก ไม่นานสัญญาณก็ต่อดังขึ้นและพี่ยิ้มก็มารับสาย
[ สวัสดีครับ ผมฮอยยิ้มครับ ]
“พี่ยิ้ม นี่ฮักเองนะ”
[ หือ? ฮักเหรอ? มีอะไรหรือเปล่า? ] พี่ยิ้มถามกลับมาอย่างปกติและไม่ท้วงถามเรื่องที่ผมไม่ได้กลับเลยสักนิด หมายความว่ายังไง?
“ตอนนี้ผมอยู่ที่เวียนนาคงยังจะไม่ได้กลับ อีกสักสองสามวันนู้นแหละถึงได้กลับ”
[ อื้ม! พี่รู้แล้วล่ะ ประธานทิมโทรมาบอกแล้ว ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะให้นายหยุดพักในเวลาทองแบบนี้หายากจริงๆ นั้นแหละแต่ก็ดีเหมือนกันนายจะพักไง! ถูกช่วงสุดๆ เลยล่ะ ] เสียงของพี่ยิ้มฟังดูร่าเริงสดใสยิ่งกว่าปกติซะอีก เหมือนคงจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นล่ะมั้ง ผมระแวงมากไปหรือเนี่ย เฮ้อ
“ครับ งั้นแค่นี้นะครับ”
[ เที่ยวให้สนุกล่ะ! ]
“ครับ”
ผมยังถือมือถือแนบหูเอาไว้เป็นฝ่ายพี่ยิ้มเองที่ตัดสายของผมไปเอง พี่ยิ้มเสียงเป็นปกติดีไม่มีน้ำเสียงกังวลหรืออะไรแม้แต่น้อย ซ้ำยังดูมีความสุขเป็นพิเศษอีกด้วยหรือว่าประธานทิมจะใจดีให้ผมพักจริงๆ เหอะ เป็นไปไม่ได้น่า! มันต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ ไม่อย่างนั้นจะให้ผมอยู่ที่นี้ทำไมล่ะ? กลับไปพักที่เมืองไทยก็ได้นี่น่า
ผมลองกดเบอร์ของไอ้วินเซอร์แล้วโทรออกไปแต่มันปิดเครื่องเอาไว้ โทรยังไงก็ไม่ติดสักที ผมขมวดคิ้วแล้วลองโทรไปที่เบอร์ห้องแทนรอสายอยู่นานก็ไม่มีใครรับสักคนผมโทรไปอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่มีใครรับเหมือนเดิม ไอ้วินเซอร์ไม่อยู่ห้อง? แถมยังปิดมือถือส่วนตัวอีก หมายความว่ายังไงกัน? ผมเริ่มกังวลขึ้นมาหน่อยๆ หรือว่าการที่ประธานทิมให้ผมอยู่ที่นี้จะมีอะไรเกี่ยวข้องกับไอ้วินเซอร์?
“มีอะไรหรือเปล่า ทำหน้าเครียดเชียว”
“ไม่มีครับ ขอบคุณสำหรับมือถือ”
ผมชะงักตัวก่อนจะหันไปส่ายหน้าแล้วยื่นมือถือให้กับพี่เฮอร์มิต พี่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจมากนักเก็บมือถือไว้ในกระเป๋าเสื้อก่อนจะถามผมขึ้น
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ไปซื้อมื้อเย็นก่อนนะ อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม?”
“ไม่ครับ”
“เดี๋ยวพี่กลับมา ฝากบ้านไว้แป๊บหนึ่ง”
พี่เฮอร์มิตเดินออกไปจากบ้านผมมองพี่เขาไปอย่างเงียบๆ เมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินลับหายไปจึงล้วงเอาบางอย่างในกระเป๋าออกไป มันเป็นสมุดเล็กๆ ที่เรียกว่าพาสปอร์ต มันเป็นของผมเองซึ่งผมแอบจิ๊กออกมาเงียบๆ ไม่ให้ใครรู้เผื่อกรณีที่คิดจะกลับไปเองโดยไม่รอพี่บอสและคนอื่นๆ จึงมันก็คือ...ตอนนี้แหละ!
ผมเปิดประตูบ้านแล้วเดินออกไปถนนใหญ่เพื่อโบกแท็กซี่อย่างรวดเร็ว ไม่นานนักผมก็ได้นั่งบนรถแล้วมุ่งหน้าไปที่สนามบินด้วยด่วน หวังว่าจะมีไฟลท์บินเวลาใกล้ๆ นี่ไม่งั้นผมต้องเสียเวลารออีกมากแน่ๆ ผมนั่งสงบอยู่ในรถแท็กซี่ครุ่นคิดคาดเดาไปต่างๆ นานาว่าที่เมืองไทยเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เกี่ยวอะไรกับไอ้วินเซอร์หรือเปล่า? ไม่นานผมก็มาถึงสนามบินจนได้
ผมจ่ายค่าแท็กซี่แล้วมุ่งหน้าไปจ้องตั๋วกลับเมืองไทยด้วยความร้อนใจ อ่า โชคดีจริงๆ ที่ไฟลท์กลับเมืองไทยอีกสามสิบนาทีต่อไปนี่เอง! ผมรีบซื้อตั๋วแล้วนั่งรอเวลาขึ้นเครื่อง ตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวของผมมีแต่กระเป๋าเงินที่มีเงินเล็กน้อยหลังจากซื้อตั๋วและพาสปอร์ตเล่มเดียวเท่านั้น มันไม่มีปัญหาสำหรับผมหรอกครับ แค่นี้ก็กลับเมืองไทยได้แต่ตอนนี้ผมกำลังเป็นห่วงไอ้บ้าที่เมืองไทยต่างหาก ขนาดผมใช้โทรศัพท์สาธารณะก็ยังติดต่อมันไม่ได้เลย เกิดอะไรขึ้นกับมันหรือเปล่า?
เมื่อถึงเวลาขึ้นเครื่องผมก็รีบประจำที่นั่งทันทีเดี๋ยวขึ้นช้าจะพลาดและอาจจะโดนตามตัวก็ได้(ผมมั่นใจว่าตอนนี้ทางนั้นต้องตามตัวผมกันให้ขวับแล้วแน่ๆ) จากเวียนนาถึงไทยต้องใช้เวลาตั้งสิบชั่วโมงแน่ะ ผมนั่งทรมานกับการบินลัดฟ้ากว่าครึ่งวัน ต้องนอนแล้วนอนอีกมันก็ยังไม่ถึงสักที ตอนขามายังไม่รู้สึกนานขนาดนี้เลยนะแต่ตอนขากลับทำไมผมรู้สึกว่ามันยาวนานขนาดนี้กัน สงสัยผมจะใจร้อนอยากจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่เมืองไทยแน่ๆ โธ่เอ๊ย เมื่อไรจะถึงสักที!!?
ผมนั่งกระสับกระส่ายเสียถึงแอร์ฯ สาวต้องเข้ามาถามอาการของผมแถมยังเซ้าซี้มากซะด้วย ผมก็พยายามจะอดทนให้มากที่สุดที่จะไม่ตวาดไล่อีกฝ่าย อะไรของเธอเนี่ย? แถมยังใจดียกขนมมาเสิร์ฟให้กับผมอีกต่างหากทำเอาผมโดนสายตาทิ่มแทงจากลูกค้าคนอื่นๆ ผมก็ไม่แคร์ยังไงก็ไม่รู้จักกันอยู่แล้ว เดี๋ยวลงเครื่องไปก็หมดเรื่อง ผมกินเค้กฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเสียงแอร์ฯ สาวประกาศให้เตรียมตัวเพราะเครื่องจะเตรียมลงจอดแล้ว
นานพอสมควรที่ผมได้เดินออกมาจากทางหน้าประตู อืม ที่เมืองไทยกี่โมงกี่ยามแล้วเนี่ย ผมเดินมึนๆ มาที่ร้านสะดวกซื้อมอบอะไรกินเล็กน้อย ดีนะที่ในกระเป๋ามาเงินบาทติดตัวไม่งั้นผมต้องยืนใบ้ทำอะไรไม่ได้สักอย่างแน่ๆ ผมมองนาฬิกาที่ติดผนัง นี่แปดโมงเช้าเหรอ? นี่ผมนั่งบนเครื่องทรหดกว่าสิบชั่วโมงแล้วมันรู้สึกเหนื่อยจริงๆ ครับ ผมจ่ายตังค์แล้วกำลังเดินออกจากร้านแต่สายตาไปจ๊ะเอ๋เข้ากับนิตยสารซุบซิบที่วางขายอยู่ ผมเดินถอยหลังกลับมาแล้วหยิบขึ้นมาดูแล้วขมวดคิ้ว
นี่มันอะไรกันวะ?
‘เลิฟมี เปิดตัวแฟนสาว ใครคือตัวจริง’ !!
... เหอะ ตูมีซะที่ไหนล่ะ!
ผมล้วงขนมเคี้ยวกรุบๆ อย่างไม่ใส่ใจ ผมจะเปิดตัวแฟนสาวอะไรกันล่ะ ให้ตายสิ มั่วนิ่มไปเรื่อยอะไอ้ข่าวซุบซิบพวกนี้ แบบหน้าปกก็มีรูปผมกะดาราผู้หญิงที่เคยร่วมงานกันทั้งหลาย นิตยสารเล่มนี้ก็หาเรื่องให้แฟนคลับซื้อกันจริงๆ แฮะ ผมวางนิตยสารนั้นเอาไว้ที่เดิม
หรือว่าเรื่องนี้ที่ทำให้ผมต้องติดค้างอยู่ที่เวียนนากันเนี่ย? ประธานทิมคิดมากไปแล้ว! ผมไม่ได้อ่อนไหวขนาดที่ข่าวแค่นี้จะทำอะไรผมได้หรอกนะ ผมถอนหายใจส่ายหน้าคิดในใจว่าไร้สาระชิบเป๋ง ผมขยับตัวให้พนักงานวางนิตยสารที่เพิ่งส่งมาวางไว้บนแผง ผมก้มลงดูนิตยสารเล่มใหม่ที่ถูกวางเรียงไว้
“...”
‘วินเซอร์ประกาศหมั้น’ !!!
TBC.
ฮักกลับมาโดยทิ้งระเบิดไว้ให้กับพี่เฮอร์มิตแท้ๆ เลย