>>> ที่รัก~♥ รักผมสิ!! <<<
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: >>> ที่รัก~♥ รักผมสิ!! <<<  (อ่าน 1483251 ครั้ง)

ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
คนเขียนกลับมาแล้วดีใจมากๆๆ
วินมันจะปลอมตัวทำไมเนี่ยอยากรู้จัง
+1 นะคะ

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
สารภาพว่าลืมตอนแรก ๆ ไปแล้

ตัองย้อนกลับไปอ่านใหม่

ยังไงก็รออ่านจ้า

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
อย่าหายไปนานนะคะ คิดถึงฮักกะวินเซอร์ค่ะ :monkeysad:

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3960
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
นึกว่าจะไม่กลับมาต่อซะแล้ว 555 ดีใจจังที่กลับมาค่ะ

กลับมาฮักก็สดชื่นอีกครั้ง ดีจัง

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
อยากเห็นวินเซอร์แต่งเป็นหญิงเป็นขวัญตา

ออฟไลน์ wikawee

  • มีชีวิตอยู่เพื่อทำฝันให้เป็นจริง
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-7
เหมือนหายไปเป็นปีเลย  ในที่สุดก็กลับมาสักที   :sad4:

DreamingLoyely

  • บุคคลทั่วไป
 :sad4: :sad4: ที่ร้องไห้นี้ ไม่ใช่อะไรนะคะ ดีใจจจจจจจจจจจจจจจจจ

ที่คนแต่งมาต่อแล้ววววว  รออยู่ทุกวี่วันจริงๆๆๆ ฮ่าๆๆๆๆๆ

ว่าแต่ จะเล่นซ่อนหากันหรอจ๊ะ เอาไปประกาศตัวเลยดีกว่ามั้ยว่าคยกันอยู่ ฮ่าๆๆๆๆ

แต่ ซ่อนหาก็ลุ้นดีนะคะเนี่ยย

รออยู่นะคะ รอตอนต่อไป เย้ๆๆๆ  รักคนแต่งที่สุดดดดดดดดดดดดดด  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ zoe131313

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
สู้ๆๆค่ะนักเขียน o13

 “เราจะเล่นเกมซ่อนหาไงล่ะ!” พี่วินพูดแบบนี่ เกิดเรื่องแน่ๆๆ :serius2: :serius2: หรือเกิดไปแล้ว :z2: :เฮ้อ:


ออฟไลน์ Ploy Poy

  • ' พลอยยยยยยยยยย,,,
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
หายกันไปข้ามปีเลยทีเดียว.#

ออฟไลน์ pockypocky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 179
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
เพิ่งมาไล่อ่านค่ะ สนุกมากๆๆเลย

แต่ตอนแรกสงสารฮักมาก วินเซอร์จะซาดิสต์ไปหนายยยย

มาต่อตอนต่อไปไวๆนะคะ (ได้กลิ่นมาม่ามาแต่ไกล  :sad4: )

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41

snice_cz

  • บุคคลทั่วไป
รอตอนต่อไปจ้า ...

ออฟไลน์ nutty

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1143
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-3
นานดีจิง แต่รอนะเมื่อไหร่จถึงตอนปัจจุบัน

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6

ออฟไลน์ Gutjang

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
ชอบโหมดฮอยฮักยั่วชมัด  :-[

ออฟไลน์ sam3sam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2562
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-4
สำหรับฮักจะแบบไหนวินเซอร์ก็น่ากินทั้งนั้นหล่ะนะ

ออฟไลน์ Still_14OC

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2041
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-7
ออกมาเถอะ เลิกซ่อนได้แล้วววววววว

annachang

  • บุคคลทั่วไป
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด นึกว่าตาฝาดจริงๆค่ะมือไม้ไม่ไหวติง  :o8: :o8:

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1296
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
ดีใจจังที่มาต่อแล้ว

ออฟไลน์ koikoi

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3862
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +311/-13
วินเซอร์จะทำยังไงต่อไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ KARMI

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-2
คิดถึงเหลอเกิน  :monkeysad:

ออฟไลน์ ekonut

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 350
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-1
คิดถึงฮอยฮักกะวินเซอร์มากๆเลย  :กอด1:

ออฟไลน์ buathongfin

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1251
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
ในที่สุดก็ตามทัน~ สุขใจจริงๆที่วินเซอร์ไม่ได้หมั้น  :o8:

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
หายไปนาน จนลืมเนื้อเรื่อง ==;
อ่านใหม่อีกรอบจนจบ ความรู้สึกเดิมๆกลับมาอีกครั้ง อยากอ่านต่อแล้วค่ะ

ออฟไลน์ amito

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1944
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-0
เกิดอะไรขึ้น วินเซอร์จะโดนจับหมั้นจริงๆเหรอ ต้องปลอมตัวขนาดนี้ต้องมีอะไรแน่ๆ

ปล. ดีใจด้วยนะคะที่จะหลุดพ้นจากวงจรงานวิจัย

ออฟไลน์ lovelypolly

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-3
หึ หึ น่าสนุก
ว่าแต่จะเล่นกะใครหละเกมส์นี้
คิดถึงคนเขียนมากๆ นึกว่าลืมกันไปซะแล้ว
ยังไงก็ยังรออ่านอยู่เสมอจ้า สู้ๆ
มาต่อเร็วๆน้าาาา

ออฟไลน์ sbeam14

  • I♥เล้าเป็ด ก๊าบๆ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 323
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-4
อย่า หาย ไป อีก สิ
ปิด เทอม แล้ว ไม่ ใช่ หรออออออ????
:m16: :m31: :angry2: :serius2:

กลับมาทวงบัลลังค์เจ้าแห่งเล้าเป็ดเถิดดดดดด  :call: :call: :call:


ออฟไลน์ poypoy

  • ไม่ว่าจะเป็นอะไร จงเป็นสิ่งนั้นให้ดีที่สุด
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 444
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +996/-4
    • PoyPoy
ตอนที่ 28 ทำไม


<< Winzer’s Mode >>


“คุณวินเซอร์ครับ”


“คุณวินเซอร์คะ”


“...” ผมยืนเหม่อลอยเสียงพูดของคนข้างๆ แทบจะไม่เข้าหูผมเลย อ่า ช่วงนี้โหมงานจนกลายเป็นซอมบี้อยู่แล้วล่ะครับ ยิ่งหน้าร้อนซัมเมอร์เป็นเดือนที่ต้องวุ่นวายมากกว่าเดิมเพราะมีเด็กใหม่เข้ามาในสังกัดเยอะไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ทำเอาผมเหนื่อยหน่ายใจสุดๆ ผมก้มหน้ากุมหัวแล้วขยี้ผมปลุกตัวเองให้ตื่นขึ้นมาสะสางงาน


“คุณวินเซอร์กลับไปพักก่อนดีไหมครับ?”


“ไม่เป็นไร อีกนิดเดียวก็จะเสร็จแล้ว”


“ท่านประธานฝากบอกให้คุณวินเซอร์นอนให้ครบแปดชั่วโมงกินให้ครบสามมื้อด้วยน่ะค่ะ”


“...” ผมพยักหน้ารับแต่ไม่ได้คิดจะปฏิบัติตามเลยสักนิด ผมรู้ว่าพ่อเป็นห่วงผมแต่งานมันรุมล้อมซะขนาดนี้จะมัวแต่ทำตัวเป็นเด็กอนุบาลรักอนามัยได้ยังไงเล่า


“คุณวินเซอร์ สวัสดีครับ”


“สวัสดี”ผมหันไปมองหนุ่มน้อยที่เดินเข้ามาพร้อมกับกลุ่มนายแบบคนอื่นๆ แต่เขาดูน่ารักและทักทายผมเสียงดังเป็นพิเศษทำให้ผมจำเขาได้ในทันที เขายิ้มกว้างให้ผมเป็นพิเศษเลยล่ะ ไม่อยากจะหลงตัวเองหรอกนะครับแต่ว่าเขาต้องชอบผมแน่ๆ เลยว่ะ เหอะๆ เจ้าเรดที่เดินเข้ามาพร้อมกันมองผมด้วยหางตาแล้วเชิดหน้าใส่ทันที ไอ้นี่นิ กล้าเชิดใส่เจ้านายงั้นเหรอ!?


“เรด”


ผมกวักมือเรียกเจ้าเด็กแสบเข้ามาหา เจ้านั่นก็เหลือบมองมาแล้วเดินเข้ามาหาผมอย่างไม่เต็มใจ เดี๋ยวนี้นี่ทำท่าทางแบบนี้กับกูเชียวนะ! พออีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้ในรัศมีฝ่ามืออรหันต์ผมก็ไม่ลังเลถวายมันให้กับเจ้าเด็กนี่เลยสักนี่ เจ้าเรดกุมหัวแล้วร้องโวยวายเสียงดังที่ผมไปทำร้ายร่างกายนายแบบอย่างมัน ถุย กูไม่สนใจหรอกว่ามึงจะเป็นยังไง! ผมกับเรดแกล้งกันไปแกล้งกันมาตามประสาคนสนิทกัน


“พี่ พอแหละ เดี๋ยวผมจะมีศัตรูมากกว่าเดิม”ไอ้เรดยกมือห้ามผมอย่างเซ็งๆ ผมเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย


“เอ็งสนใจด้วยหรือไงวะ?”


เรดชำเหลืองสายตาไปมองพวกเด็กใหม่แล้วกลับมามองผมพร้อมกับเอ่ยหยอกล้อ


“สนหรือไม่สนก็ช่างเถอะ แต่สายตาเจ้าพวกนั้นแทบจะฆ่าผมได้เลยนะนั้น”


“หึๆ สมน้ำหน้า”ผมยิ้มกว้างอย่างพอใจที่ประสบความสำเร็จบรรลุเป้าหมายในครั้งนี้ แน่ล่ะ ผมไม่ลืมหรอกนะว่าไอ้เรดตัวดีมันเล็งฮอยฮักอยู่น่ะ ให้มันมีภาระมากๆ นั้นแหละจะได้ไม่มีเวลาไปตามวอแวกับคนของผม


“โห ตั้งใจนี่หว่า!”ไอ้เรดที่เพิ่งเข้าใจเป้าหมายของผมก็หน้าบึ้งตึงก่อนจะกระทืบเท้าเดินออกไปอย่างโมโห


ผมไม่สนใจอาการงอนของเรดหันมาตั้งใจสะสางทำงานเพื่อกลับไปนอนพักเอาแรง จะว่าไปแล้วนี่มันกี่วันแล้วที่ฮอยฮักไปทำงานเมืองนอกนะ? มัวแต่ทำงานไม่ลืมหูลืมตาจนลืมนับวันเวลาไปด้วย ให้ตาย ผมถอนหายใจเบาๆ แล้วล้วงมือถือขึ้นมาดูวันเวลาก่อนจะกลับมาตั้งสมาธิกับงานตรงหน้า ไม่นานนักด้วยความช่วยเหลือแกมเห็นใจของเหล่าสตร๊าฟฟ์ทำให้งานเสร็จลงอย่างรวดเร็วและงดงาม ผมถึงได้สิทธิ์กลับไปนอนเสียที ระหว่างที่ผมกำลังเดินไร้เรี่ยวแรงก็มีเสียงเรียกชื่อของผม


“คุณวินเซอร์ครับ! รอเดี๋ยวครับ!”


ผมหันกลับไปก็เห็นนายแบบหนุ่มน้อยคนนั้นวิ่งหอบแฮกตามหลังผมมา อะไรหว่า? หรือว่าในสตูดิโอมีปัญหางั้นเหรอ? ผมที่ตาปรือง่วงเต็มทนจ้องเขานิ่ง เด็กคนนั้นก็อ้าปากเอ่ยตะกุตะกักเสียจนผมชักจะทนรอไม่ไหว


“เธอชื่อ?”


“เอ่อ! ผะ...ผม...ชื่อ ซันนี่ครับ”


“มีอะไรเหรอซันนี่?”ผมพยายามถามอย่างสุภาพมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แน่นอนว่าภาพลักษณ์ของผมนั้นเป็นคนที่ไม่ว่าจะเป็นใครขอให้หน้าตาสวยหรือน่ารักก็จะสุภาพด้วยอยู่แล้วนี่นะ เด็กนั้นมองผมอ้าปากเหวอแก้มแดงระเรื่อ เฮ้อ ขนาดกูโทรมจัดขนาดนี้ยังมีเสน่ห์ทำเอาเด็กน้อยไร้เดียงสาจ้องตาค้างแบบนี้เลยว่ะ หนักใจจริงๆ!


“ปะ...เปล่าครับ คือ...ผม...คะแค่อยากจะบอกว่า...”


คงไม่ใช่มาสารภาพรักหรอกนะ? ผมชักจะอารมณ์เสียซะแล้วสิ ไม่เห็นหรือไง สภาพของกูจะเป็นซอมบี้ที่เพิ่งผุดขึ้นจากหลุมอยู่แล้ว ถ้าจะสารภาพจริงๆ ล่ะก็เลือกเวลาหน่อยโว้ย! แหกตาดูซะบ้างว่าตอนนี้มันควรไหม!? ระหว่างที่ทางนั้นยังมัวแต่อ้ำๆ อึ้งๆ ติดอ่างผมก็พ่นคำด่าในใจอย่างดุเดือด


“คือ...รักษาสุขภาพด้วยนะครับ!”


พูดเสร็จเขาก็วิ่งแจ้นไปทันที ผมยืนเบลอเกาหัวแกรกๆ แม่ง กลับไปต้องสระผมซะแล้วสินะ ผมหันตัวเดินโซซัดโซเซเข้าลิฟต์เพื่อลงไปข้างล่างกลับห้องนอนสักที ผมผิงผนังลิฟต์หลับตาพักรอเสียงสัญญาณสักพักเสียงลิฟต์ก็เปิดออกจอดอยู่ชั้นล่างสุด ผมเดินออกมาจากลิฟต์อย่างเชื่องช้าไร้แรงก้าวเดิน ไม่ไหวแฮะ หรือจะนอนที่บริษัทดีวะ? อีแบบนี้จะขับรถรอดไปถึงคอนโดหรือเปล่าก็ไม่รู้ ระหว่างที่ผมลังเลตัดสินใจไม่ถูกสองแขนก็เหมือนถูกพยุงดึงขึ้น


“...หือ?”ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามองคนที่เข้ามาพยุงอย่างสงสัย อ่า! ไอ้พวกนี้นี่เอง ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกครับแต่เป็นไอ้อับดัลกับไอ้รีเบคโก้นั้นแหละ กลับมาตั้งแต่เมื่อไรกันวะ ไม่เห็นโทรมาบอกกูเลย เดี๋ยวก็ไปเดี๋ยวก็มาตกลงกูยังเป็นเจ้านายพวกมึงอยู่หรือเปล่าวะ?


“โห นาย! อาบน้ำบ้างหรือเปล่าเนี่ย?”


ฟายเอ๊ย! กูต้องอาบอยู่แล้ว ผมลืมตาอย่างหงุดหงิดแทบอยากจะเบิร์ดกะโหลกไอ้รีเบคโก้ปากมอมมันทำจมูกฟุดฟิดแล้วถามกวนตีน โชคดีของมึงที่ตอนนี้กูไม่อยากจะเปลืองแรงไปสั่งสอนมึง เหอะ ไอ้อับดัลมองผมอย่างเป็นห่วง


“นายท่าน ไม่ได้นอนมากี่วันแล้วครับ?”


“สี่วันมั้ง?”ผมตอบมันไปแล้วหาวหวอดๆ เจ้าสองคนนั้นก็พยายามลากผมขึ้นรถแล้วขับมาส่งที่คอนโด อืม ดีจริงๆ ว่ะที่ไม่ต้องเสี่ยงอันตรายขับรถมาเอง ผมหลับตานอนอย่างสนิทใจ เดี๋ยวพวกมันก็พาผมไปส่งที่ห้องแล้วขนไว้บนเตียงเองนั้นแหละ แน่นอนว่าผมไว้ใจพวกมันอยู่แล้ว


“นายท่าน! ตื่นสิครับ!”


“นาย! โธ่เอ๊ย!”


ระหว่างที่นอนอยู่นั้นผมเหมือนจะฝันว่าไอ้สองตัวนั้นพยายามที่จะปลุกผมอย่างร้อนใจ หือ? เกิดอะไรขึ้นวะ? เข้าห้องไม่ได้งั้นเหรอ? ผมขยับตัวพยายามจะตื่นขึ้นมาแต่แล้วเสียงต่างๆ ก็หายไป อ้าว หรือว่าผมกำลังฝันอยู่กันนะ เอาล่ะ ขี้เกียจตื่นแล้วโว้ย! พวกมึงก็แก้ปัญหาเอาเองล่ะกัน กูจะนอนแล้ว!


“...”


สัมผัสเย็นๆ ตามแขนขาทำให้ผมรู้สึกเคลิ้มผ่อนคลายขึ้นเยอะ มือนุ่มนิ่มที่กำลังเช็ดตัวให้กับอย่างแผ่วเบา นี่ผมกำลังฝันอยู่ใช่ไหม? ฮอยฮักกลับมาแล้วงั้นเหรอ? ดีจัง! ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา ผ้าม่านสีขาวปลิวพลิ้วไสว แสงอาทิตย์อ่อนๆ ทอดตกลงมาบนปลายเตียง หือ? ที่นี้ที่ไหนกันนะ? หรือว่าผมกำลังฝันอยู่จริงๆ? ไม่เป็นไร ขอแค่ที่นี้มีฮักก็เพียงพอสำหรับผมแล้ว


“ฮัก...”ผมเอ่ยเรียกเสียงแผ่วเบาแล้วยิ้มออกมาพลิกหน้ามามองแล้วขมวดคิ้วฉับพลันเมื่อเห็นคนข้างๆ ถนัดชัดกับตา สมองของผมหยุดแล่นแล้วหันมองรอบข้างอย่างงุนงง เฮ้ย ที่นี้มันที่ไหนกันวะ? แล้ว...แล้ว ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร!?


ผมลุกขึ้นพรวดทันทีแล้วสะบัดมือของผู้หญิงที่ผมไม่รู้จักมักจี่ที่กำลังนั่งเช็ดตัวให้กับผม ผมก้มมองท่อนบนที่เปลือยเปล่าแต่รู้สึกได้ว่าท่อนล่างยังใส่เสื้อผ้าอยู่ งั้นก็ไม่ใช่มันไม่มีสติขนาดไปคว้าผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้มาด้วยล่ะมั้ง งั้นที่นี้มันที่ไหนกันล่ะ? ไอ้พวกสองตัวนั้นหายไปไหนวะ? ก่อนจะหลับผมจำได้ว่าพวกมันเป็นคนพาผมไปนอนนี่! ผมพยายามมองทิวทัศน์ในห้องแล้วมองออกไปข้างนอกหน้าต่างเห็นสวนที่มีพันธุ์ไม้ต่างๆ จัดแต่งเป็นอย่างดี แถมไกลออกนั้นเป็นบ่อน้ำพุคิวปิดตัวน้อยที่ทำให้สมองของผมค่อยๆ ผุดความทรงจำขึ้นมาอย่างช้าๆ


ไม่... ไม่ใช่!


ทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี้!? ผมก้าวพรวดลุกขึ้นจากเตียงแล้วกระโดดไปเกาะหน้าต่างห้องเพื่อมองภาพต่างๆ ของบ้าน ไม่สิ คฤหาสน์ที่อยู่ในความทรงจำในวัยเด็ก ทุกซอกทุกมุมเหมือนเดิมไม่มีผิด! ผมตัวสั่นเล็กน้อยกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ไม่ ที่นี้ต้องไม่ใช่คฤหาสน์ของพ่อแน่ๆ! ที่นั้นมันปิดตายไม่มีใครอยู่มาตั้งแต่เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ทำไม? หรือว่าพ่อ? ไม่สิ พ่อไม่มีทางมาที่นี้และไม่พาผมมาที่คฤหาสน์หลังนี้แน่ๆ ไม่ใช่พ่อ! แล้วใครกันล่ะ? คำถามนั้นทำให้ใจของผมสะท้านไหวเมื่อได้ยินเสียงประตูห้องค่อยๆ ปิดพร้อมกับเสียงไม้เท้าเคาะพื้นตามจังหวะการก้าวเดิน


ผมตัวแข็งทื่อ หันหลังกลับไป


“คุณปู่?”


“ตื่นแล้วเหรอหลานรักของปู่ หลานนอนขี้เซาเหมือนตอนเด็กๆ เลยนะ”


ร่างสูงใหญ่ในชุดโค้ทยาวสีดำตัวเก่งเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มนิดๆ บนใบหน้าหล่อเหลาที่แทบจะไม่เสื่อมไปตามอายุที่มากขึ้นของเจ้าตัว ผมมองเขาด้วยสายตานิ่งและเย็นชาอย่างที่ไม่เคยใช้มองใครมาก่อน บรรยากาศระหว่างผมกับปู่เหมือนมีอุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่อากาศกลับเยือกเย็นที่ทำให้หญิงสาวหนึ่งเดียวในห้องตัวสั่นระริกมือที่ถือชามใส่น้ำก็ไร้เรี่ยวแรงทำให้มันหล่นลงกระทบพื้นเสียงดัง ส่งผลให้บรรยากาศอันขัดแย้งที่น่าอึดอัดคลายตัวลง


“ดูสิ เพราะพวกเรามัวแต่เงียบทำให้หนูโรซ่าอึดอัดแย่เลย”


“ขอโทษค่ะ”ผู้หญิงคนนั้นเอ่ยขอโทษออกไปแล้วย่องตัวลงเก็บชามหันเหลียวหาผ้าเพื่อมาเช็ดพื้นที่เปียกเปื้อนไปด้วยน้ำ คุณปู่ก้มลงมองแล้วห้ามปรามเธอ


“ไม่ต้องๆ หนูไปตามคนรับใช้มาทำเถอะ”


สาวเจ้าลุกขึ้นแล้วพยักหน้ารับอย่างว่าง่ายเมื่อคุณปู่บอก เธอหันมามองผมเมื่อเห็นว่าผมกำลังจ้องเขม็งเธอก็หลบสายตาไปอย่างเอียงอายแล้วรีบก้มหน้าเดินออกไปจากห้อง ท่าทางอายๆ ของเจ้าหล่อนเป็นเรื่องปกติสำหรับผมอยู่แล้วเพราะมีน้อยคนที่เห็นผมเปลือยอกแล้วไม่เขินแต่ไอ้แววตาหมายมาดนั้นมันอะไรกันวะ? และแล้วในห้องก็เหลือผมกับคุณปู่ ชิบ ไม่ได้เตรียมตัวมาเผชิญหน้าซะด้วย ให้ตาย แล้วจู่ๆ ทำไมถึงมาอยู่ที่เมืองไทยโดยไม่บอกไม่กล่าวแบบนี้วะ? คงจะไม่ได้แอบวางแผนอะไรอยู่หรอกนะ


“ผมรู้สึกประหลาดใจมากที่เห็นคุณปู่อยู่ที่นี้”


“หลานที่แปลกใจมากกว่านั้น ถ้ารู้ว่าย่าของหลานก็อยู่ที่นี้ด้วย”


อะไรนะ!? ผมชะงักเล็กน้อยก่อนจะปรับท่าทางเป็นสบายๆ ยกมุมปากขึ้นมานิดๆ พยักหน้ารับอย่างเยือกเย็นแต่ในใจนั้นกำลังตีกันวุ่นวายเพื่อขบคิดสาเหตุที่หอบทั้งสองมาอยู่ที่นี้คืออะไร ระหว่างที่ผมยืนนิ่งไม่พูดอะไรต่อคุณปู่ยิ้มนิดๆ เดินเข้ามาหาผมอย่างช้าๆ แล้วยืนอยู่ข้างๆ ผม ถึงท่าทางของปู่จะดูผ่อนคลายแต่เขากลับแผ่แรงกดดันออกมาเพื่อข่มขวัญศัตรูนั้นก็คือผมนั้นเอง


“ที่คฤหาสน์นี้สวยดีนะ เหมาะจะเป็นที่เริ่มต้นใหม่ของแก”


เริ่มต้นใหม่งั้นเหรอ? ผมนิ่งฟังปู่พูดพร้อมกับหันไปมองนอกหน้าต่างธรรมชาติอันสวยงามที่ชวนให้คิดถึงความทรงจำในอดีตซึ่งสมาชิกในครอบครัวยังอยู่ครบ ช่วงเวลานั้นช่างเป็นช่วงสุดแสนมีความสุขและล้ำค่าเกินว่าจะให้ใครบางคนมาทำให้มันแปดเปื้อน ผมคุครุ่นอยู่ในใจ อดทนรอให้เขาเอ่ยจุดประสงค์ที่มาทำให้ที่นี้ฟื้นตัวขึ้นมาอีกครั้ง


คนๆ นี้ไม่ทำอะไรโดยไม่หวังผลนักหรอก!


ปู่หันตัวกลับแล้วค่อยๆ เดินไปที่ประตูห้อง ผมมองตามเขาไปแล้วคิดในใจว่าเขาจะต้องหันกลับมาพูดทิ้งท้ายตามนิสัยของเจ้าตัว และปู่ก็ค่อยๆ หันกลับมาหยุดยืนนิ่ง ผมแทบจะกระตุกมุมปาก ท่าทีลีลาเชื่องช้าที่พยายามก่อกวนให้คู่สนทนาร้อนอกร้อนใจนั้นผมก็ดูออก แน่ล่ะ ธาตุแท้ของปู่น่ะผมรู้มาหมดแล้วเพราะเจ้าตัวสอนผมเรียนรู้เรื่องพวกนี้มานานโข


“แกเองก็รีบแต่งตัวดีกว่า อีกไม่นานจะมีงานแถลงข่าวหมั้นระหว่างแกกับหนูโรซ่า”


แถลงข่าวหมั้น!?


“ผมจำได้ว่าเคยปฏิเสธไปแล้ว”ผมค่อยๆ เอ่ยชัดถ้อยชัดคำอย่างใจเย็น อดกลั้นความรู้สึกไม่พอใจที่อีกฝ่ายมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว คิดว่าพูดรู้เรื่องตั้งแต่ตอนนั้นแล้วแต่ผมดูถูกความหัวแข็งดื้อรั้นไม่ฟังใครของปู่มากเกินไป! แถลงข่าวหมั้นอะไรกันเล่า!? นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกันฟะ ปู่เลิกคิ้วรับด้วยท่าทีชวนให้หมั่นไส้แล้วเอ่ยตอบกลับอย่างเจ้าเล่ห์


“จำได้ ตอนนั้นแกปฏิเสธไม่แต่งงาน ฉันก็เลยคิดว่าหมั้นก่อนแล้วค่อยแต่งตอนแกตอบตกลง”


“ผมไม่มีทางตอบตกลง!”ผมตอบออกไปอย่างรวดเร็วแทบไม่ต้องคิดคำตอบเสียด้วยซ้ำ อีกฝ่ายก็ไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจกับคำปฏิเสธอันชัดเจนและท่าทางดุดันของผม ปู่ยิ้มรับ


“แกเปลี่ยนใจยอมรับตำแหน่งต่อจากฉันสินะ?”


“ไม่มีทาง”


“งั้นแกก็เหลือทางเลือกเดียวก็คือแต่งงานกับหนูโรซ่า!”ปู่สั่งด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปเป็นแข็งกระด้างแล้วหันตัวเดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็วไม่รอให้ผมพูดโต้ตอบอะไรได้ ผมกัดฟันกรอดโมโหหันไปฟาดแขนระบายกับแจกันใกล้ๆ จนมันหล่นตกแตกดังเพล้ง น้ำและดอกไม้กระจายบนพื้นเละเทะหาความสวยงามแบบตอนแรกไม่ได้ ผมหายใจเข้าเสียงดังแล้วก้าวข้ามแจกันที่แตกเป็นเสี่ยงๆ เดินออกไปเพื่อหาทางหนีทีไล่ ผมไม่ยอมให้ปู่ได้อย่างที่หวังสมใจหรอก


ไม่มีทาง ไม่มีทางเด็ดขาด!


ผมใส่เสื้อผ้าเดินออกมาจากห้องเดินสำรวจคฤหาสน์ที่เหมือนถูกปรับปรุงให้เป็นเหมือนแต่ก่อนที่ผมเคยอยู่เมื่อตอนเด็กๆ ก่อนจะเกิดโศกนาฏกรรมอันแสนเศร้ากับแม่ของผมที่คฤหาสน์แห่งนี้ นั้นทำให้พ่อและผมไม่ยอม ไม่สิ ต้องเรียกว่าไม่กล้า ไม่มีความกล้าหาญพอที่จะอยู่ในสถานที่อันมีความทรงจำแสนเลวร้ายนั้น เป็นว่าสถานที่แห่งนี้มีความทรงจำทั้งดีและร้ายในวัยเด็ก แต่ดูเหมือนเวลาผ่านไปเป็นสิบกว่าปีแล้วมันทำให้ความรู้สึกอคติต่อที่แห่งนี้ลดน้อยลงไปตามกาลเวลา


ผมค่อยๆ เดินผ่านที่ต่างๆ อย่างเชื่องช้าใช้สายตามองทุกจุดอย่างละเอียด แม้แต่รายละเอียดในจุดเล็กๆ น้อยๆ ก็ยังทำออกมาได้เหมือนกับในอดีตเสียจนผมอดทึ่งไม่ได้ ผมเดินตามระเบียงหินอ่อนสีขาวออกมาที่สวนหลังบ้านที่มีศาลาสีขาวนวลตั้งโดดเด่นท่ามกลางดงกุกลาบสีแดงสวย ผมเดินเลาะไปตามแผ่นหินที่วางตัวบนพื้นหญ้าสีเขียวขจี ทอดสายตามองสวนกุหลาบที่จึงสมัยยามเด็กๆ ผมกับพ่อช่วยกันปลูกและดูแลพวกมันอย่างทะนุถนอมเพราะว่าชื่อแม่ของผม ‘ไรซ่า’ มีความหมายว่าดอกกุหลาบ และที่มันเป็นสีแดงก็เพราะว่าแม่ชอบสีนี้น่ะสิ ผมยืนหลับตาสูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆ ของกุหลาบเข้ามาในปอด ผมยังจำได้ว่าแม่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของกุหลาบอยู่ทุกครั้งที่ผมวิ่งเข้าไปกอดท่าน


“ ‘ไรซ่า’ เป็นภาษารัสเซียที่หมายถึงดอกกุหลาบสินะ”


เสียงเล็กๆ เอ่ยขึ้น ผมค่อยๆ ลืมตาแล้วพยักหน้ารับกับประโยคที่กล่าวมานั้น ใช่แล้วครับ ไรซ่าเป็นภาษารัสเซียที่แปลว่าดอกกุหลาบ ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมคุณแม่ของผมถึงมีชื่อรัสเซียนั้นก็เพราะแม่ของผมเป็นคนรัสเซียน่ะสิ แม่ของผมเป็นนางแบบชาวรัสเซียจึงพ่อไปเจอกับแม่ที่งานเดินแบบที่ปารีส ที่ผมออกมาหล่อเหลาไร้ที่ติแบบนี้ก็เพราะส่วนหนึ่งได้ยีนของแม่ช่วยเอาไว้เยอะทีเดียว จะนับผมเป็นลูกครึ่งก็ได้นะ ครึ่งรัสเซีย อังกฤษและไทย


“ผมแปลกใจมากทีเดียวที่คุณปู่บอกว่าคุณย่าก็อยู่ที่นี้ด้วย”ผมเอ่ยปนหัวเราะค่อยๆ หันหน้าไปมองร่างบอบางในชุดสีกระโปรงวันพีชสีขาวผมสีดำสลวยปล่อยสยายเป็นลอนคลื่นนุ่มนิ่มคลอเคลียใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารัก คุณย่ายิ้มกว้างแล้วค่อยๆ กระโดดย่องตามแผ่นหินเข้ามาหาผม


“ฉันก็ถูกหลอกมาเหมือนกับแกนั้นแหละน่า”


“ผมไม่ได้ถูกหลอกสักหน่อย ถูกลากมาตอนนอนไม่ได้สติต่างหาก”ผมถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายและชินชากับพฤติกรรมไม่ปกติของปู่ ว่าแต่เจ้าสองคนที่ลากผมทั้งๆ ที่นอนอยู่มันหายหัวไปไหนกันนะ? เดินสำรวจคฤหาสน์ก็ไม่เห็นพวกมันมาเสนอหน้าเลย เป็นลูกน้องภาษาอะไรวะ? ยอมให้คนอื่นจับตัวเจ้านายตัวเองมาได้ยังไง เจ้าสองคนนี่มันไม่ได้เรื่องจริงๆ!


“ถือว่าเป็นความซวยของแกที่เผอเรอเอง”


“ใครจะไปคิดว่าจะโดนคุณปู่ลักพาตัวมาหมั้นบ้าบออะไรอย่างนี้ล่ะครับ”ผมถอนหายใจแรงๆ หนึ่งทีแทนความไม่พอใจที่ถูกลากมาเผชิญชะตากรรมอันไม่เต็มใจแบบนี้


“ถ้าแกไม่อยากแต่งแล้วทำไมถึงไม่ยอมรับตำแหน่งต่อดีๆ ล่ะ”


“ผมไม่อยากได้ตำแหน่งนั้น! ผมไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับมัน!”ผมขึ้นเสียงอย่างลืมตัว น้ำเสียงของผมดูแข็งกระด้างหยาบจนแม้กระทั่งตัวของผมเองยังตกใจกับปฏิกิริยาอันรุนแรง อาจจะเป็นเพราะคฤหาสน์หลังนี้ทำให้ความทรงจำนั้นชัดเจนมากกว่าปกติถึงทำให้ผมเผลอมีท่าทีก้าวร้าวแบบนั้นออกไป ผมชำเหลืองมองใบหน้าของคุณย่าอย่างเสียใจแต่คุณย่าก็ไม่ได้มีท่าทีใดๆ กับปฏิกิริยานั้นท่านเงียบไม่เอ่ยใดๆ จนกระทั่งคุณย่าจะหันตัวมองไปรอบๆ แล้วโพล่งขึ้นมาไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย


“ที่นี้สวยนะ น่าเสียดายทิ้งไปตั้งสิบกว่าปีแน่ะ”


“คุณย่าเป็นคนสั่งให้ซ่อมแซ่มที่นี้งั้นเหรอครับ?”ผมเงียบแล้วเอ่ยถามเสียงอ่อนลง คุณย่าเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้กับผมแล้วส่ายหน้าปฏิเสธ


“เปล่า วอลเธอร์เป็นคนทำต่างหาก”


“คุณปู่น่ะเหรอ?”ผมขมวดคิ้วถามด้วยน้ำเสียงไม่เชื่อสักเท่าไร ปู่น่ะไม่ชอบแม่นี่น่าเพราะว่าพ่อไม่ยอมรับตำแหน่งต่อจากปู่ต้นเหตุก็มาจากแม่ คุณย่ามองผมด้วยสายตาเอ็นดูแล้วพยักหน้ายืนยันคำพูดเดิม


“ใช่แล้ววอลเธอร์นั้นแหละ จริงๆ แล้วเขาน่ะชอบที่นี้มากพอๆ กับพวกเธอเลยล่ะ ก็เพราะที่นี้เขาได้เป็นแค่คุณปู่ธรรมดาๆ คนหนึ่งที่ไม่มีทั้งตำแหน่งหรือหน้าที่อะไรเข้ามาเกี่ยวนี่น่ะ คนแก่น่ะยังไงก็รักลูกรักหลานตัวเองอยู่แล้ว”คุณย่าหันตัวเดินออกไปปล่อยให้ผมคิดติดใจกับคำพูดของท่าน ปู่นี่นะ? จะดูยังไงก็ไม่เห็นความรักอะไรนั้นเลยแม้แต่สักนิด คุณย่าชะงักตัวแล้วหันกลับมาเหมือนเพิ่งนึกอะไรบางอย่างได้


“จริงสิ เพิ่งนึกได้ว่าเมื่อกี้ผ่านไปห้องโถงได้ยินเจ้าฮันนี่กำลังเถียงกับพ่อตัวเองดุเดือดเชียว ดูจะโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงเลยล่ะ”


หา? พ่อ!?


ผมแอบตกใจเบาๆ เมื่อได้ยินแบบนั้น พ่อน่ะเหรอโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยง? ผมไม่เคยเห็น สาบานได้ผมไม่เคยเห็นพ่อของตัวเองโมโหเลยสักครั้ง คิดไม่ออกเลยจริงๆ ว่าพ่อที่เอาแต่ทำตัวเห่อลูกแบบนั้นจะโมโหแล้วเป็นยังไง? ผมกำลังจินตนาการตอนที่พ่อฟิวส์ขาดแต่ก็สังเกตเห็นเจ้าลิ่วล้อสองตัวโบกไม้โบกมือทำท่าลับๆ ล่อๆ เหลียวซ้ายแลขวาเหมือนกลัวใครจะมาเจอตัว


“ทำอะไรของพวกมึงวะ?”


“ชู่ว~~~!!!”พวกมันพร้อมใจยกนิ้วส่งเสียงห้ามไม่ให้ผมเสียงดัง ผมก็เงียบไปแล้วยืนรอพวกมันที่รีบคลานเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว อะไรของพวกมันวะ? หรือว่าปู่ไม่ให้พวกมึงมาหากู? ในที่สุดพวกมันก็คลานมาถึงผมแล้วนั่งพักหายใจกัน


“นาย พวกเราพยายามปลุกแล้วแต่นายไม่ตื่น”ไอ้รีเบคโก้อ้าปากมาก็รีบแก้ตัวก่อนทันที ผมพยักหน้ารับอย่างไม่สนใจ


“เอ่อ กูรู้แล้วว่าแต่พวกมึงหายไปไหนมาวะ?”


“พวกเราโดนนายใหญ่กักบริเวณและไม่อนุญาตให้มาเจอกับนายท่านครับ”ไอ้อับดัลตอบอย่างจริงจังเป็นงานเป็นการ ผมหันไปมองมันเล็กน้อย ก็พอเดาได้ล่ะนะว่ามันต้องเป็นอย่างนั้นแล้วผมก็เอ่ยถามบางอย่างที่สงสัยกลัวปู่จะรู้เรื่องเข้า


“ปู่รู้เรื่อง ‘เขา’ หรือยัง?”


“ยังครับนายแต่นายใหญ่พอจะระแคะระคายเรื่องของลูกพี่แล้ว”


ผมพยักหน้ารับเรียบๆ แล้วถามถึงสถานการณ์ข้างนอก ไอ้รีเบคโก้ก็รีบรายงานถึงจำนวนและตำแหน่งของลูกน้องของปู่ที่กระจายตัวอยู่ตามที่ต่างๆ ในคฤหาสน์และพูดถึงงานแถลงข่าวที่ล่มตั้งแต่เริ่มเพราะพ่อของผมเข้ามาโวยวายได้ถูกเวลาแถมยังขู่พวกนักข่าวที่มาทำข่าวในงานเป็นการใหญ่ โอ้แฮะ พ่อของรับบทโหดอีกแล้ว! ผมหัวเราะอารมณ์ดีขึ้นมาเล็กน้อย


“งั้นแสดงว่าปู่ต้องเปลี่ยนแผนการแน่ๆ เอาล่ะ ก่อนที่กูจะโดนจับไปเข้าพิธีหมั้นมาลักลอบหนีออกไปจากที่นี้กันเถอะ หึๆ”


หลังจากที่พวกเราวางแผนเผ่นหนีก็ได้ยินเสียงเอะอะเล็กน้อย ไอ้อับดัลหันมามองผมเหมือนบอกว่าพวกลูกน้องของปู่รับรู้การหายตัวของพวกมันแล้ว ผมพยักหน้าให้กับพวกมันเล็กน้อย จากนั้นเราก็แยกย้ายกันหลบหนีกันคนละทางเพราะทางนั้นต้องคิดว่าพวกเราจะหนีออกไปทั้งสามคนแน่ๆ ถ้าขืนหนีไปเป็นก้อนอย่างนี้ต้องเสี่ยงต่อการถูกจับได้ง่ายๆ น่ะสิ ผมเดินมาที่ส่วนข้างหน้าของคฤหาสน์ซึ่งมีรถจอดอยู่หลายคันก่อนจะค่อยๆ ย่องเบาไร้เสียงมาที่รถตู้ใกล้ๆ ระวังไม่ให้ลูกน้องของปู่ที่ยืนประจำอยู่ในจุดต่างๆ ของคฤหาสน์พบเห็น


ผมลองเปิดรถคันใกล้ตัวแต่ประตูมันล็อกทำให้เปิดไม่ได้ ถ้านี่มีอะไรที่ใช้สะเดาะได้ก็คงจะง่ายกว่านี้ ผมเลือกลองเปิดรถตู้มากกว่าจะเป็นรถยนต์เพราะปลอดภัยและซ่อนตัวได้ดีกว่า และแล้วรถตู้เกือบคันสุดท้ายไม่ได้ล็อกประตูเอาไว้และมีคนขับรถยืนสืบบุหรี่อยู่ใกล้ๆ นั้นด้วย ผมค่อยๆ เปิดประตูแผ่วเบาแล้วแทรกตัวเข้าไปข้างในอย่างยากลำบาก ให้ตายเถอะ รถตู้แคบเป็นบ้า!


“อ้าว งานเสร็จแล้วงั้นเหรอครับ?”


“เสร็จบ้าอะไรล่ะ! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันแน่!? ตกลงหมั้นหรือไม่หมั้นกัน!?”


“บ้าบอคอแตกที่สุด! เสียเวลาจริงๆ แถมยังต้องโดนข่มขู่อีก!! น่าโมโหชะมัด อย่าให้มีโอกาสนะจะเขียนข่าวละเลงให้เละทั้งพ่อทั้งลูกนั้นแหละ!!”


“เฮ้ย อย่าทำบ้าๆ ดีกว่า”


พวกนักข่าวที่คาดว่าเป็นพวกรถคันที่ผมกำลังใช้เป็นที่หลบหนีเดินเข้ามาเปิดประตูพร้อมกับบ่นเสียงดังไม่พอใจ พวกเขาเดินขึ้นมานั่งข้างหน้าแล้วถอดป้ายออกจากคอโยนกระดาษปากกาใส่เบาะรถเหมือนระบายอารมณ์ที่เหมือนถูกรังแกอย่างไม่เต็มใจ ผมหมอบอยู่เบาะหลังสุดได้ยินเสียงรถสตาร์ทติดเครื่องและค่อยๆ ออกตัวไปอย่างช้าๆ


“ชิ มียงมียามเฝ้าหน้าประตูทำอย่างกับบ้านนายกอย่างนั้นแหละ!”


“แกนี่หุบปากทีเถอะ พวกเราไม่อยากเดือดร้อนไปด้วยหรอกนะ”


“ใช่ แกคิดว่าเบื้องหลังของพวกเขามันธรรมดาหรือยังไง!? ถ้าไม่อยากหมดอนาคตแกเงียบไปเลย”


ผมค่อยๆ ขึ้นมานั่งบนเบาะแล้วมองกลับไปดูด้านหลังที่รถกำลังค่อยๆ แล่นจากออกไปจากคฤหาสน์เรื่อยๆ อ่า ในที่สุดก็ออกมาจากที่นั้นได้แล้ว ดีจริงๆ ที่เหมือนคุณปู่จะยังไม่ออกคำสั่งให้จับตาดูอย่างเข้มงวด ผมขยับตัวไปข้างหน้าแล้วเอ่ยบอกให้คนขับรถจอด


“ช่วยจอดรถให้หน่อยได้ไหมครับ?”


“แว๊กกกก!!!”นักข่าวที่กำลังนินทาผมอย่างสนุกปากหันมามองแล้วสะดุ้งตกใจจนเสียงเรียกหลงเสียดังลั่นทำเอาแอบตกใจไปด้วย ทุกคนในรถหันมามองผมอย่างตกใจแกมสงสัย คนขับรถชะลอความเร็วแล้วจอดข้างทางให้กับผมทันที ประตูรถถูกเปิดเป็นอันดับต่อมา ก่อนจะรถจากรถผมก็ยิ้มให้กับพวกเขาที่ยังคงมองผมด้วยสายตาตกตะลึง


“ขอบคุณครับ”



  :L2:อ่านต่อรีล่าง :L2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-09-2013 22:03:57 โดย poypoy »

ออฟไลน์ poypoy

  • ไม่ว่าจะเป็นอะไร จงเป็นสิ่งนั้นให้ดีที่สุด
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 444
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +996/-4
    • PoyPoy
เมื่อหนีพ้นผมก็รีบกลับมาที่ห้องและทำตัวเงียบเชียบ ไม่พยายามออกไปไหนถ้าไม่จำเป็นเพราะสังหรณ์ใจว่าคุณปู่ยังไม่ยอมวางมือจากเรื่องนี้ง่ายๆ แน่ ไม่นานนักเจ้าพวกสองคนนั้นก็ติดต่อมาหาผมบอกว่ากำลังหนีลูกน้องของคุณปู่ไปที่อื่นจนกว่าจะเรื่องจะสงบถึงจะกลับมา ผมก็เห็นด้วยกับพวกมันเพราะอย่างน้อยอีกนานกว่าคุณปู่จะรู้เรื่องของฮอยฮักแต่ที่แน่ๆ ต้องมีสักวันนั้นแหละที่คุณปู่รู้เรื่องนี้เขเรื่องนี้เข้าเพราะถ้าหากผมยังคบและมีความสัมพันธ์กันอยู่แบบนี้คงจะปิดเป็นความลับตลอดไปไม่ได้อย่างแน่นอน


ผมไม่อยากรับตำแหน่งนั้นต่อจากปู่จริงๆ และแน่นอนตอนนี้ไม่อยากจะแต่งงานใครด้วย ผมนั่งครุ่นคิดแล้วถอนหายใจอย่างยากลำบาก ถ้าฮอยฮักเป็นผู้หญิงก็คงจะดีน่ะสิตอนนี้ผมคงจะไม่มีปัญหาในเรื่องนี้แค่รีบผลิตลูกแล้วส่งตัวไปให้ปู่ก็จบ แต่คิดอีกรอบฮอยฮักเป็นผู้ชายก็ดีแล้วล่ะถ้ามีลูกแล้วต้องส่งให้ปู่ล่ะก็...ลูกคงจะเกลียดผมไปทั้งชีวิตแน่ๆ


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


เสียงประตูดังขึ้นเป็นรอบที่ร้อยซึ่งผมก็ไม่คิดจะเปิดให้แม้แต่น้อย ผมเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้นเพียงครั้งแรก เพราะการเคาะประตูในครั้งก่อนหน้านั้นจะเคาะอยู่นานกว่าจะผละตัวออกไป ผมหันไปมองประตูแล้วขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นอะไรบางอย่างสอดเข้ามาทางช่องจดหมาย ผมลุกขึ้นไปหยิบขึ้นมาดูมันเป็นนิตยสารดาราซุบซิบแถมยังพาดหัวข่าวว่าผมประกาศหมั้นอีกต่างหาก ไม่แค่นิตยสารเจ้านี่เจ้าเดียวหรอกนะครับยังมีอีกหลายเจ้าแม้แต่ในเน็ตก็ยังมีแถมในหนังสือพิมพ์ยังหันมาเล่นข่าวนี้ ผมพลิกจดหมายที่ปลิวหล่นจากนิตยสารเมื่อผมเปิดอ่าน ผมก้มเก็บขึ้นมาแล้วรีบฉีกอ่านเมื่อเห็นลายมือคุ้นตา


ผมกวาดสายตาตามบรรทัดแล้วบรรทัดเล่า บรรทัดแรกเป็นการถามสารทุกข์สุขดิบของผมตามประสาคุณพ่อเห่อลูก และบรรทัดเกือบจะสุดท้ายถึงเข้าสู่หัวเรื่องที่สำคัญน่าให้ความสนใจหน่อย พ่อบอกเขียนถึงสถานการณ์ต่างๆ ว่าคุณปู่กำลังตามหาผมและพยายามเล่นข่าวว่าผมกำลังหมั้นและสุดท้ายพ่อเขียน วัน เวลา ที่อยู่พร้อมกับเบอร์โทรผู้จะมาสัมภาษณ์ผมเพื่อเป็นการแก้ข่าวทั้งนิตยสารและรายงานก๊อตซิสดารา สรุปแล้วพ่อหาทางออกให้กับผมจนได้ ผมเงยหน้าไปมองปฏิทินแล้วก้มมองจดหมายในมือพร้อมกับครุ่นคิดวางแพลนนัดหมายและการหลบหลีกสายตาลูกน้องของคุณปู่ออกไปทำธุระ         


“ยินดีต้อนรับครับ อ้าว? คุณวินเซอร์นี่เอง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ”


“ช่วงนี้ยุ่งๆ น่ะ”


“อ้อ ไม่ทราบว่าจะนั่งที่ประจำเลยดีไหมครับ?”


“อ่า โทษที วันนี้นัดกับคนรู้จักน่ะ คุณทำงานต่อเถอะ”


“ครับ แล้วเจอกันครับ”


ผมทักทายกับผู้จัดการร้านเฮฟเว่นเล็กน้อย อีกฝ่ายก้มศีรษะให้อย่างสุภาพแล้วเดินไปต้อนรับพูดคุยกับลูกค้าคนอื่นๆ ผมได้ไปที่ซึ่งพ่อได้เขียนไว้ในจดหมายตามเวลานัดและทำการให้สัมภาษณ์ตอบคำถามเป็นการแก้ข่าวร้อนแรงที่เกิดขึ้น งานนี้ผ่านพ้นไปอย่างเรียบร้อยไม่มีอุปสรรคใดๆ ทำให้ผมรู้สึกเบาใจขึ้นมาก หลังจากนั้นก็บึ่งมาที่ร้านเฮฟเว่นซึ่งเป็นบาร์นั่งจิบเครื่องดื่มผสมกับนั่งฟังเพลงเบาๆ ร้านนี้ตั้งอยู่ใกล้กับบริษัทดีเอของผม นั้นทำให้ที่นี้กลายเป็นที่ผ่อนคลายและนัดพบของเหล่าคนในวงการไปโดยปริยาย ผมเหลียวมองหาสถานที่ที่นัดกันเอาไว้


ที่นั่งสุดขอบบาร์หน้าเคาน์เตอร์...


ผมเดินตรงไปที่ตำแหน่งนั้นไม่รีบร้อนเพราะตอนนี้ก็ยังไม่ถึงเวลานัด ไม่รู้ลุงทิมจะนัดมาคุยเรื่องอะไรแต่ที่แน่ๆ ผมค่อนข้างจะให้น้ำหนักเรื่องของฮอยฮักมากๆ ลุงต้องมาพูดเรื่องนี้แน่ๆ ผมนั่งลงบนเก้าอี้นั่งบาร์แล้วสั่งเครื่องดื่มเพื่อรอคู่นัดครั้งนี้ ระหว่างที่นั่งรอเครื่องดื่มที่สั่งไปผมก็เงยหน้ามองสำรวจการตกแต่งที่แปลกใหม่ในร้าน ไม่ได้เข้ามานานแล้วร้านจะเปลี่ยนไปบ้างก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรมากมาย แถมยังรู้สึกว่าการตกแต่งแบบนี้ทำให้บรรยากาศน่านั่งดื่มมากขึ้นกว่าเดิมตั้งเยอะ


ในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี่เจอเรื่องมาเยอะต้องใช้เวลาคิดแก้ปัญหาจนเวลาหลับนอนแทบจะไม่ค่อยมี ได้มาผ่อนคลายอารมณ์เคร่งเครียดจิบเครื่องดื่มเบาๆ แบบนี้ก็ดีไปอย่าง ถ้าไม่นับกับการที่ต้องเผชิญหน้ากับลุงทิมที่ไม่รู้จะเอาเรื่องอะไรมาให้ผมหนักใจอีกล่ะก็ ผมนั่งได้สักพักก็มีคนนั่งลงตำแหน่งข้างๆ


อ่า ในที่สุดลุงทิมก็มาสักที ผมวางศอกบนบาร์แล้วหมุนตัวหันไปมองคู่นัด ริมฝีปากที่กำลังเอื้อยเอ่ยเพื่อล้อเลียนแบบคนรู้จักก็รีบปิดฉับพลัน คิ้วขมวดเข้าหากันอย่างรวดเร็ว ดวงตาของผมแข็งเกร็งไปชั่วขณะ ชายหนุ่มตรงหน้านี้ไม่ใช่ลุงทิมอย่างแน่นอน แหงล่ะ ข้อแรกลุงทิมไม่หนุ่มขนาดนี้ ข้อสองลุงทิมไม่ได้หน้าตาแบบนี้ แล้วอะไรทำให้ผมแทบจะสมองตีกันอย่างยุ่งเหยินแบบนี้น่ะเหรอ? หึ!


รูปร่างชายตรงหน้าถือว่าสูงเอาการแถมยังรูปร่างดีที่เหล่านายแบบชั้นนำควรจะเป็น ใบหน้าหล่อเหลานิ่งสนิทบรรยากาศราวกับทะเลสงบก่อนพายุโหมกระหน่ำ เขาเป็นคนที่ผมรู้จักอาจจะไม่รู้จักดีแต่รู้จักแน่ๆ ผมไม่รู้จักเขาก็บ้าแล้ว! ชายคนนี้คือพี่ชายของฮอยฮัก ผู้ซึ่งเคยเป็นนายแบบสุดฮอตฮิตที่ชื่อสไมล์นั่นเอง! ถ้ามองในแง่โลกสวยงามเขาอาจจะบังเอิญมานั่งจิบเครื่องดื่มพักผ่อนที่ร้านนี้ แต่ถ้ามองอีกด้านที่มีความเป็นไปได้สูงติดเพดานนั้นก็คือเขาคือคู่นัดครั้งนี้ของผมนั่นเอง! สายตาที่อีกฝ่ายส่งมาให้ทำเอาทั่วร่างของผมเย็นวูบ สายตาที่บ่งบอกถึงความชิงชังและเกลียดจนเข้าไส้ แบบนี้ลางไม่ดีแล้วแน่ๆ


“วินเซอร์ใช่ไหมครับ?”


“ใช่ครับ คุณคือ...?”


“ผม ฮอยยิ้ม เป็นพี่ชายของฮอยฮักครับและเป็นคนนัดคุณมากในครั้งนี้”


“ยินดีที่ได้รู้จักครับ”ผมเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพและยื่นมือออกไปอย่างกล้าหาญพยายามจะเมินเฉยสายตาที่มองผมเป็นสัตว์ประหลาดที่แสนน่ารังเกียจของเขา ฮอยยิ้มยิ้มประดับบนใบหน้าดูดีของเขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพและไม่ใส่ใจจะจับมือกับผมเลยสักนิด


“ถ้าจะบอกว่าไม่ยินดีเลยแม้แต่น้อยคงจะเป็นการเสียมารยาทสินะครับ”


“...” ผมเงียบไม่ตอบ ใบหน้ายังรักษารอยยิ้มบางๆ เอาไว้ อ่า อดทนไว้วินเซอร์ คนๆ นี้เป็นพี่ชายของคนรักของแก!


“สั่งอะไรก่อนไหมครับ?”


“ก็ดี มานั่งเฉยๆ ที่ร้านของคนอื่นดูไม่ดีสักเท่าไร”ฮอยยิ้มเอ่ยคล้อยตามผมแล้วโบกมือเรียกพนักงานมารับออเดอร์อย่างรวดเร็วเหมือนกลัวว่าผมจะทำมันก่อน ระหว่างที่รอเครื่องดื่มบรรยากาศระหว่างผมกับเขาช่างชวนน่าอึดอัดเสียจริงๆ พี่ของฮอยฮักรู้เรื่องของผมกับฮอยฮักงั้นเหรอ? แล้วดูท่าทางจะไม่ชอบขี้หน้าผมอย่างแรงซะด้วยสิ


“เรามาเริ่มคุยกันเลยดีไหม? ฉันไม่อยากจะอยู่ที่นี้สักเท่าไร อากาศไม่น่าหายใจ”


ทั้งน้องทั้งพี่กัดเจ็บพอกันเลย! ผมพยักหน้ารับไม่เรื่องมาก พยายามจะไม่พูดอะไรไปมาก แค่นี้เขาจะเกลียดผมไม่รู้จะว่ายังไงแล้วครับ ผมไม่อยากมีเรื่องกับพี่ชายของฮอยฮักหรอกนะและแน่นอนว่าไม่อยากให้ฮอยฮักมีปัญหากับพี่ชายของตัวเองด้วย พอมาคิดทบทวนดูแล้วตั้งแต่พ่อแม่ของพวกเขาเสียชีวิตไปก็เหลือแค่สองพี่น้องนี่นะ


“ดูเหมือนว่าตอนนี้น้องชายของฉันจะหลงผิดไปนิดหน่อยน่ะนะ”


หลงผิดงั้นเหรอ? นั้นสินะ ไม่ว่าจะพิจารณาจากด้านไหนก็ตามมันก็น่าจะเป็นอย่างนั่นเพราะคนอย่างหมอนั้นมาหลงรักผมมันก็เหมือนกับการหลงผิดจริงๆ นั้นแหละ เรื่องนี้ผมเองก็ยังคิดสงสัยอยู่เหมือนกัน


“เธอช่วยเลิกยุ่งกับฮอยฮักจะได้ไหม?”


อ่า นิสัยนี้ก็สมกับเป็นพี่น้องกันจริงๆ พูดตรงไม่อ้อมค้อมเลยสักนิด! ผมถอนหายใจเบาๆ ก็กะไว้แล้วท่าทางของพี่ชายฮอยฮักดูไม่เป็นมิตรเอาซะเลยแบบนี้คงจะไม่ได้มาแบบฉันมิตรสนับสนุนให้น้องชายมาชอบผู้ชายเป็นแน่ แต่ว่านะ... ทำไมผมจะต้องทำตามคำขอร้องของเขาด้วยล่ะ ผมคลี่ยิ้มแล้วตอบออกไปมาแววล้อเลียนเล็กน้อย


“คงจะไม่ได้หรอกครับคุณพี่ชาย”


แต่ทว่าคุณพี่ฮอยยิ้มกลับไม่สะท้านเลยแม้แต่น้อยกลับเอ่ยต่ออย่างเฉยชา


“ก็คิดไว้แล้วว่าเธอจะต้องปฏิเสธ ขืนตอบตกลงทันทีน้องชายของฉันดูจะไม่มีค่าอะไรเท่าไรอย่างนั้นก็แย่เหมือนกัน”


ทั้งๆ ที่ผมปฏิเสธออกไปชัดเจนขนาดนั้นแต่เขาก็ไม่เป็นกังวลเลย หรือว่าจะแค่มาทดสอบระดับความจริงจังของผมกัน? อะไรของเขาวะ? เดาไม่ออกว่าจะมาไม้ไหนกันแน่ หรือว่ามีแผนเด็ดที่ทำให้มีความมั่นใจแบบนั้นได้ ผมพยายามครุ่นคิดอย่างเป็นกังวลแต่ก็ไม่แสดงออกมา ใบหน้าของผมยังคงผ่อนคลายยิ้มแย้มสบายๆ อยู่


“ฮอยฮักบอกคุณงั้นเหรอครับ?”


“หึ ถ้าเจ้านั้นบอกฉันคงจะไม่เจ็บปวดขนาดนี้”


อีกฝ่ายตอบด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดและน้อยใจที่ถูกน้องชายสุดที่รักของตนปกปิดเรื่องนี้ หมายความว่าฮอยฮักไม่เคยบอกเรื่องเขากับผมให้พี่ชายของตัวเองเลยทั้งๆ ที่ยังคุยเรื่องนี้กับพี่ลอนดอนได้แสดงว่าฮอยฮักต้องยังกังวลท่าทีของพี่ชายอยู่แน่ๆ ไม่งั้นนิสัยอย่างหมอนั้นจะมานั่งปกปิดพี่ชายของตัวเองทำไมกัน? และเป็นไปได้มากว่าอีกฝ่ายนัดผมมานี้โดยที่ฮอยฮักยังไม่รู้หรือยังไม่ระแคะระคายเรื่องที่พี่ของตัวเองรู้เรื่องเข้าแล้วแน่ๆ


“เธอรู้หรือเปล่าว่าความฝันสองอย่างของฮอยฮักคืออะไร?”


“...” ผมนั่งเงียบไม่ได้ตอบใดๆ ไป แน่นอนว่าพอเห็นผมเงียบเขาก็หัวเราะขึ้นจมูกเหมือนดูถูกกลายๆ ระหว่างนั้นพนักงานก็นำเครื่องดื่มที่สั่งไว้มาเสิร์ฟ และเมื่อเรานั่งอยู่สองคนไร้คนมารบกวนพี่ชายของฮอยฮักก็เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง


“ความฝันของฮอยฮักมีสองอย่าง ความฝันหนึ่งในสองเป็นความฝันของพ่อของพวกเรา พ่อใฝ่ฝันอยากเป็นดาราที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในฐานะนักแสดง และอีกความฝันก็คือสร้างครอบครัวของตัวเอง ตอนที่เด็กคนนั้นพูดถึงความฝันของตัวเองเขาดูมีความสุขกับมันมาก ฉันเคยคิดว่าถ้าหากทำแบบนั้นได้จริงล่ะก็เขาคงจะมีความสุขมากกว่าตอนนี้”


“...” ผมนั่งยกเครื่องดื่มมาจิบเบาๆ และยังคงนั่งเงียบไม่เอ่ยใดๆ ออกไปเหมือนเดิม


“ดังนั้นอยากจะขอร้องเธอ ได้โปรด...ได้โปรดอย่าขโมยความฝันไปจากเด็กคนนั้นเลย”


ขโมย?


ผมนิ่งเงียบกับคำกล่าวหาที่แล่นเข้ามากระทบใจที่หนักอึ้ง ใบหน้าไร้รอยยิ้มเหลือเพียงความเรียบเฉยแฝงความเศร้าใจ ข้างในยิ่งเงียบงันชาไร้ความรู้สึก ผมอยากจะตอบปฏิเสธออกไป ถึงเราจะคบกันแล้วจะทำไม? เกี่ยวอะไรกับความฝันของฮอยฮักด้วย? ผมอยากจะตอบกลับไปอย่างเห็นแก่ตัวว่ามันไม่ได้เกี่ยวกับผม! ผมไม่มีทางยอมปล่อยมือจากเขา! แต่ทำไมกันนะ ทำไมเสียงของผมถึงได้ขาดหายไป ทำไมลำคอของผมมันตีบตันเสียจนเปล่งเสียงใดๆ ออกไปไม่ได้เลย


“ขอโทษจริงๆ ที่ต้องพูดแบบนี้ ฉันอยากจะให้ฮอยฮักได้สิ่งที่ดีที่สุดและที่สำคัญกว่านั้นฉันอยากให้เขามีความสุข เธอเองก็อยากให้เด็กคนนั้นมีความสุขใช่ไหม?”


ผมก็ทำให้เขามีความสุขได้เหมือนกัน... ประโยคที่ติดคาอยู่ที่ริมฝีปาก ผมพูดไม่ได้เต็มปากนักหรอกว่าจะทำให้เขามีความสุขได้หรือเปล่าเพราะดูจากสถานการณ์แล้วช่างเป็นคำพูดที่เลื่อนลอยไร้น้ำหนักสิ้นดี แม้กระทั่งตัวเองผมยังจัดการให้ชัดเจนไม่ได้เลย ผมนั่งแหว่งแก้วให้น้ำแข็งก้อนกลมกลิ้งส่งเสียงกริ๊งๆ ครุ่นคิดในภวังค์ของตัวเองอย่างเหม่อลอยแม้กระทั่งพี่ชายของฮอยฮักพูดอะไรสองสามประโยคมันก็ไม่ได้เข้าหูผมเลยแม้แต่น้อย ขนาดตอนที่เขาเดินออกไปผมยังไม่รู้สึกตัวเลย


‘อะไรนะ!? เธอพูดอะไรน่ะ?’


‘ฉันบอกว่านายมันก็แค่ไอ้ปัญญาลิง ดีแต่ร้องเจี๊ยกๆ ทำไม! มันไม่ใช่ความจริงหรือไง?’


‘หนอยยย เธออยากลองลิงจูบไหมล่ะ!?’


‘ว้ายยย ตาบ้า! ไอ้แพะลามก’


‘อ้าว ตกลงฉันเป็นลิงหรือแพะกันแน่?’


“...” ผมยกยิ้มขึ้นมากับใบหน้าสวยที่ทำหน้าทำตากะล่อนเสียจนน่าเอ็นดูเป็นธรรมชาติของเขา แสดงเหมือนกับว่าเขาเป็นอย่างนั้นจริงๆ เป็นอย่างนั้นมาตั้งแต่เกิด ยิ่งดูก็ยิ่งรู้ว่าเขาช่างเป็นคนที่มีพรสรรค์ ฝีมือขนาดนี้ถ้าถูกขัดเกลาอีกสักหน่อย อย่าว่าแต่วงการบันเทิงเลยแม้แต่ระดับโลกก็ยังต้องทึ่ง


ผมนั่งดูผลงานของฮอยฮักตั้งแต่เข้าวงการมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ไม่รู้ว่าใช้เวลานานเท่าไรแต่บนพื้นกลับมีกระป๋องเบียร์กองเกลื่อนกลาดเกะกะ ผมใช้เท้าเขี่ยพวกมันออกไปแล้วเอี่ยวตัวไปหยิบแก้วที่บรรจุน้ำเหลวสีน้ำตาลใสมาค่อยๆ จิบ และแทบจะเป็นทุกชั่วโมงของแต่ละวันก็จะมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ผมไม่แม้จะหันไปมองเพราะรู้อยู่แล้วว่าเป็นคนของปู่มาเคาะ ผมกำลังจะวางแก้วที่เดิมแต่มันกลับร่วงจากมือของผมตกแตกกระจายบนพื้น


“...” ผมมองเศษแก้วที่แตกกระจายแล้วเหลือบมามองมือของตัวเองที่กำลังสั่นเทาแล้วค่อยๆ พยายามนึกว่าครั้งสุกท้ายที่ได้กินข้าวมันเมื่อไรแต่ก็จำไม่ได้เลย มิน่าถึงรู้สึกเหนื่อยๆ ผมถอนหายใจแล้วลูบผมที่แยงดวงกะตาเสียจนรำคาญ ก่อนจะแปลกใจกับเคราที่สากตามมือที่ไปแตะต้องเข้า ผมลูบคลำตามรูปคางของตัวเองแล้วทิ้งตัวเอนหลังพิงพนักโซฟาอย่างอ่อนแรง เสียงหัวใจที่เต้นแผ่วดังอยู่ในห้วงความคิดที่วุ่นวายสับสนลังเลใจที่จะตัดสินใจ


ผมกลัว กลัวที่จะต้องตัดสินใจ...


เสียงเรียกเข้ามือถือดังเข้าโสตหูผมลุกขึ้นเดินโซเซไปรับสายอย่างไร้เรี่ยวแรงที่ห้องนอนของตัวเอง อ่า เพิ่งสังเกตเห็นว่าห้องมันเละเทะขนาดนี้ ผมยืนนิ่งยกมือลูบหน้าหลับตาพัก ทำไมกำแพงมันเอียงเอนแบบนี้กันนะ? ทุกๆ อย่างหมุนติ้ววนจนผมคลื่นไส้อยากจะอาเจียน ผมพยายามเดินมาคว้ามือถือยืนพิงกำแพงแล้วกดรับสาย


[ ไง หลานรัก ว้าว! แกมีคนรักแล้วงั้นรึ? ทำไมไม่บอกปู่ ]


“...” ผมยืดตัวยืนแข็งทื่อกับเสียงที่ค่อยๆ ลอดออกมา น้ำเสียงเย็นเอ่ยปนเสียงหัวเราะ


[ ปิดได้ดีแต่ไม่มีถ้าปิดไปได้ตลอดหรอกเจ้าหลานโง่ หึๆ ]


ปู่รู้แล้ว!!! รู้ได้ยังไง!!? สมองของผมตันมืดแปดด้านคิดไม่ออกมาทำพลาดตรงไหน เสียงหัวเราะเย็นๆ ทำให้หัวใจของผมเต้นผิดจังหวะ ท้องไส้เริ่มปั่นป่วน ไม่ ปู่คิดจะ... เพราะผมรู้ ผมรู้นิสัย ไม่สิ ผมรู้สันดานของชายคนนี้ดีนั่นทำให้ผมกลัวจับใจ


[ ฉันอยากจะไปทักทายคนรักของแกซะตอนนี้เลยแต่ไม่หรอกเพราะแกเป็นหลานคนเดียวของฉัน ดังนั้น จะให้เวลาแกค่อยๆ คิด...เลือก...ทางที่ดีที่สุดให้ตัวเองและให้คนรักของแก หวังว่าแกจะให้คำตอบที่ฉันหวังไว้ ]


ผมค่อยๆ ลดมือลง ผมยกมุมปากยิ้มเยาะ เลือกทางที่ดีที่สุดอย่างนั้นเหรอ? หึๆ ฮ่าๆๆๆ! หึๆ ดีที่สุด!? ดีที่สุดสำหรับใครกันล่ะ!!? สำหรับปู่? สำหรับฮอยฮัก? หรือสำหรับตัวผมเอง? ผมปล่อยให้มือถือค่อยๆ หล่นจากมือแล้วทิ้งตัวนอนลงบนเตียง กัดฟันขมวดคิ้วอดกลั้นความรู้สึกที่ถูกไล่ให้จนตรอก ขอบตาร้อนผ่าวปวดมึนไปทั้งหัว ผมกำหมัดแน่นเริ่มทุบเตียงระบายความอึดอัดที่อัดแน่นอยู่ในอกจนมือเริ่มเจ็บแปลบและชา ทำไม! ทำไม!! ทำไมมมม!!!?


ทำไมมึงถึงได้โง่! ทำไมมึงถึงอ่อนแอแบบนี้...วินเซอร์



TBC.


แต่งดราม่าไม่ถนัดจริงๆ รู้สึกว่ามันไม่กดดันไม่เศร้า
หรือว่าเราไม่อินกะบทกันแน่นะ? เฮ้อ พยายามจะถ่ายทอด
ความคิดสับสนและกลัวของวินเซอร์เต็มที่แล้ว
เดี๋ยวจะลองทำฟีลลิ่งมากกว่านี้แล้วพยายามปรับปรุงใหม่อีกครั้ง T T

ออฟไลน์ pockypocky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 179
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
คุณปู่วินเซอร์ใจร้ายที่สุดเลย  :m16:

ฮอยฮักรีบๆกลับมานะ ก่อนที่วินเซอร์จะคิดมากไปมากกว่านี้

แล้วมาต่อไวๆนะคะ  :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด