ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า  (อ่าน 101449 ครั้ง)

littleFiNgeR

  • บุคคลทั่วไป
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้


1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เีดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0




 :pig2:  :pig2:  :pig2:  :pig2:


นิยายเรื่องนี้คนโพสต์ได้นำมาลง โดยได้รับอนุญาติจากเจ้าของเรื่องเรียบร้อยแล้วนะคะ

จริงเคยลงแล้วครั้งนึง ได้ประมาณ 17-18 ตอน แล้วก็หยุดลงไปนานมากกกกก น่าจะครึ่งปีได้ ว่าจะลงต่อจากกระทู้เก่าแต่มันดูรกๆยังไงไม่รู้เลยลบกระทู้เก่าไป แหะๆ คราวนี้สัญญาว่าจะลงจนจบเรื่องนะคะ จะไม่เบี้ยวเลี้ยวววววววววว


 :m23:   :m23:

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-10-2011 15:59:12 โดย S.T.Kalafina »

littleFiNgeR

  • บุคคลทั่วไป

FLIGHT ONE : เที่ยวบินแห่งความแค้น


             
            รถยนต์เฟอร์รารี่คันหรูรุ่น F430 สีดำเงาแวววับเมื่อต้องแสงอาทิตย์ ถูกขับมาจอดอย่างสง่างามบริเวณพื้นที่จอดรถส่วนตัวของ “นักบิน” หรือที่ลูกเรือทั้งหลายเรียกเขาว่า “กัปตัน”  แห่งสายการบินชื่อก้องโลกและสร้างเกียรติภูมิให้แก่ฝรั่งเศส...   นั่นก็คือ สายการบิน DANOSSY AIRLINE ..

     ชายหนุ่มวัยยี่สิบแปดลมฝน เปิดประตูรถคันหรู พร้อมก้าวลงมาด้วยท่าทีบุคลิกอันน่าหลงใหล  สีหน้าที่ถูกวางฟอร์มไว้แล้วก่อนหน้านี้ มันเข้ากับชุดฟอร์มกัปตันได้ดี ราวกับเขาเป็นบุรุษเพศที่หาจุดติเสียมิได้เลยทีเดียว... ใบหน้าคมเข้ม คิ้วสีน้ำตาลเข้มหนา กับผมที่ถูกเซ็ตอย่างดูภูมิฐานภายในหมวกประจำเครื่องแบบ กับกระเป๋าสีดำหนังทรงสี่เหลี่ยมถูกนำออกมาจากภายในรถ พร้อมกับท่าทีขยับร่างกายที่ดูมุมไหนแล้วก็ไม่อาจห้ามใจให้ใครต่อใครได้ ฝ่ามือของชายหนุ่มขยับเนกไทต์เบาๆ ก่อนที่จะยิ้มให้กับบรรยากาศรอบๆ ราวกับทุกวันของเขาเป็นวันที่แสนวิเศษกว่าใครๆบนโลกใบนี้


  ลูคัส กาโรล นั่นคือชื่อของเขา..

                           
     ชื่อที่เป็นที่รู้จักกันดีในพนักงานทุกส่วนของท่าอากาศยานรัวซี-ชาร์ลส์เดอโกล กรุงปารีส...ด้วยชื่อเสียงเรียงนามที่มาจากความประพฤติทางสังคมและการงาน เป็นที่น่านับถือและน่าไว้วางใจมากที่สุดในบรรดาวงการนักบินของฝรั่งเศสเ ขาเคยได้รับความไว้วางพระทัย โดยพระบรมวงศานุวงศ์ของประเทศต่างๆซึ่งแต่ละพระองค์เชิญให้เขาไปประจำห้องค็อกพิทในเที่ยวบินที่องค์นั้นๆเสด็จ เพื่อความอุ่นพระทัยในความปลอดภัยอีกด้วย

                                                 
     ชายหนุ่มเจ้าของรูปร่างและหน้าตาสง่างาม เดินตรงเข้ามายังอาคารด้านหน้าที่ตั้งตระหง่านอย่างยิ่งใหญ่อยู่เบื้องหน้าของเขา มันคืออาคารศูนย์ปฏิบัติการท่าอากาศยานฯ ซึ่งรวบรวมศูนย์ลูกเรือของสายการบินต่างๆเอาไว้มากมายทั่วโลก..ใครก็ตามที่เดินผ่านลูคัสเป็นอันต้องหันมายิ้มแย้มทักทายกันถ้วนหน้าไม่ว่าจะเป็นคนชาติไหน แต่ชายหนุ่มผู้ทรงสง่าผู้นี้ จะยิ้มตอบและยินยอมพูดคุยด้วย เฉพาะ “แอร์โฮสเตส” สาวสวยเพียงเท่านั้น


ลิฟต์กระจกตัวใหญ่ พาร่างของลูคัสขึ้นมาบริเวณชั้น9 ของอาคารตึกนี้ ซึ่งมันเป็นชั้นประจำการของศูนย์ปฏิบัติการลูกเรือของสายการบิน DANOSSY AIRLINE  ที่เขาปฏิบัติหน้าที่อยู่ ณ สายการบินนี้


 “กัปตันคะ” เสียงอ่อนเสียงหวานลอยมาจากเคาว์เตอร์บริเวณส่วนหน้าของศูนย์ฯลูกเรือ พนักงานประจำกราวน์สวมชุดสีดำเงาหนังพลาสติก ซึ่งเป็นยูนิฟอร์มที่เป็นเอกลักษณ์และโดดเด่นของดานอสซี่ แอร์ไลน์

 “คุณวีว่ามารอกัปตันที่ห้องได้ครู่หนึ่งแล้วล่ะค่ะ” ทันทีที่ได้ยินการรายงานดังกล่าวชายหนุ่มแอบเบี่ยงใบหน้าไปอีกทาง แล้วเม้มริมฝีปากเรียวบางที่หญิงสาวคลั่งไคล้ของตน พลางกัดฟันเบาๆราวกับเขาเบื่อหน่ายกับการรับฟังคำรายงานนั้น

 “ขอบคุณคุณอลิซ” ลูคัสตอบเสียงเรียบ ไม่ตกฟอร์มเดิม ทำให้หญิงสาวนางนั้นได้แต่แอบเขินตัวขด

     ชายหนุ่มเดินตรงเข้ามาภายในพื้นที่พักผ่อนของลูกเรือดานอสซี่ ระหว่างทางเหล่าลูกเรือ ซึ่งหมายถึง สจ๊วตหนุ่มและแอร์โฮสเตสสาวหลายเชื้อชาติที่มาอยู่ในสายการบินนี้ทำความเคารพด้วยการยิ้มให้และกล่าวสวัสดีทักทายกันถ้วนหน้า แต่ความสุขุมและเคร่งขรึมของเขาก็เป็นจุดที่ทำให้ทุกคนรับรู้ถึงเอกลักษณ์และบุคลิกของเขาดี ใช่...เป็นที่น่าเอาแบบอย่างยิ่งนัก ในสังคมของคนบินได้ ประตูห้องของตัวเองถูกผลักเข้าไป ชายหนุ่มมองเห็นหญิงสาวผมบลอนด์มะฮอกกานีนั่งไขว่ห้างทาลิปสติกสีแดงสดอยู่บนโต๊ะทำงานของตัวเอง ทันทีที่หญิงสาวเห็นเขาเดินเข้ามา หล่อนรีบลดเครื่องสำอางวางลง พร้อมกับฉีกยิ้มอันน่าเย้ายวนใส่ชายหนุ่มอย่างไม่เก้อเขิน


 “คุณมาเลทหรือเปล่าคะ? ที่รัก?” คำทักทายของ วีว่า เลอคอติส หญิงสาววัยยี่สิบเจ็ดกะรัต ที่มีความสามารถในตนเองสูง ถึงขนาดที่ไต่เต้าจากแอร์โฮสเตสชั้นประหยัดพุ่งมาประทับอยู่บนชั้นเฟิร์สคลาสได้ไม่ถึงครึ่งปี และในเวลานี้ ซึ่งผ่านมากว่าหกปีแล้วที่เธอทำงานอยู่ที่นี่ ...


     วีว่า เลอคอติส ได้รับตำแหน่งที่ทรงเกียรติกว่านั้น เพราะเธอได้ถูกเชิญให้เป็น“ผู้อบรมบุคลิกภาพและมารยาทบนเครื่องบิน” ให้แก่ลูกเรือทั้งสจ๊วตและแอร์โฮสเตสรุ่นใหม่ ที่ได้รับคัดเลือกมาทำงาน และสอบ TOEIC ผ่านตามกฎระเบียบของบริษัทแล้ว และเธอก็มีหน้าที่ขัดเกลาให้ผู้หญิงที่บุคลิกไม่เอาไหนกลับกลายมาเป็นนางหงส์ประจำเที่ยวบินต่างๆได้มาหลายต่อหลายคนแล้ว ใครๆก็ต่างหมายปองหญิงสาวรวยเสน่ห์อย่างเธอ หากแต่ชายหนุ่มผู้ทะนงตนเองอย่างลูคัส... เขาได้ลิ้มรสหญิงสาวผู้นี้ไปแล้ว ก็เป็นอันต้องหมดสิ้นความใคร่ไปในไม่ช้า...ผู้หญิงในสายตาของลูคัสก็แค่นกตัวเล็กๆธรรมดาๆที่โบยบินอยู่บนอากาศ ซึ่งเขาจะสามารถจู่โจมตีและหักปีกเธอเหล่านั้นได้ ด้วยเสน่ห์อันร้อนแรงและร้ายกาจในตัวเขาเอง.... และดูทีท่าว่าในเวลานี้ชายหนุ่มก็รู้สึกเอือมระอาไม่น้อยที่จะต้องถูกหญิงสาวที่กัดไม่ปล่อยอย่างวีว่า ตามจองล้างจองผลาญมาเกือบครบปีที่เขาได้ร่วมรักกับผู้หญิงบ้าตัณหาอย่างเธอ!


 “...ผมไม่ได้มาเลทสักหน่อย...” คำตอบสั้นๆทำให้วีว่ายิ้มอย่างพอใจในเอกลักษณ์เช่นนี้

 “..แต่คุณจะต้องเข้าบรีฟกับลูกเรือก่อนจะขึ้นเครื่องสี่สิบห้านาทีไม่ใช่หรือคะ?”

 “นี่ก็เหลืออีกตั้งชั่วโมงนี่..”

 “แต่ฉันคิดว่าคุณจะมาผ่อนคลายกับฉันก่อนเสียอีก...” คำพูดเชิญชวนอย่างน่าไม่อาย ทำให้ชายหนุ่มต้องแอบหันมาถอนใจอีกครั้ง ก่อนที่จะถอดสูทตัวนอกของตัวเองออก ขณะที่ประตูห้องถูกเปิดเข้ามา พร้อมกับพนักงานสาวของชั้นกราวน์คนเดิม

 “รับกาแฟเลยไหมคะกัปตัน?”

 “ไม่ล่ะ... วันนี้ผมทานมาจากที่พักแล้ว ขอบคุณมากคุณอลิซ..... เอ้อ... คุณวีว่า ผมว่าคุณก็ควรจะเข้าสถาบันได้แล้วนะ ป่านนี้ลูกเรือรุ่นใหม่คงจะมารอคุณอยู่ที่นั่นแล้ว” หญิงสาวเบะริมฝีปากสีแดงสดเล็กน้อย ก่อนที่จะเดินตรงมาลูบไล้แผ่นอกของชายหนุ่มเบาๆ ก่อนเอ่ย

“ก็ได้ค่ะ... แต่หลังจากที่คุณบินรอบนี้จบแล้ว...คุณต้องมีเวลาให้ฉันบ้างนะคะ....” ชายหนุ่มรีบพยักหน้ารับคำ แล้วผายมือเชิญให้หญิงสาวออกไป ขณะที่วีว่าโปรยเสน่ห์ที่ดูไร้ค่าในสายตาของลูคัสด้วยหางตาที่ถูกกรีดไว้อย่างเย้ายวน แต่ชวนอาเจียนมากกว่าสำหรับชายหนุ่มก่อนที่หล่อนจะย้ายสะโพกร้อนๆของเธอออกจากห้องนี้ ตามอลิซออกไปในไม่ช้า

“...ชิ!” เสียงสบถเบาๆอย่างเบื่อหน่ายของชายหนุ่ม ดังลอดออกมาจากไรฟัน ก่อนที่เขาจะเตรียมเอกสารเข้าห้องประชุม
เพื่อเข้าบรีฟ หรือเป็นการเตรียมตัวก่อนการเดินทางร่วมกัน ระหว่างนักบินและลูกเรือทั้งหมด ซึ่งจะต้องมีการบรีฟเช่นนี้เป็นประจำก่อนการเดินทางของทุกเที่ยวบินเช่นกัน และชายหนุ่มก็พร้อมเสมอกับการเข้าประชุมก่อนเดินทางเช่นนี้...ใช่...มาถึงจุดนี้... เขามั่นใจในตัวเองแล้วล่ะว่า.. เขาน่ะ มืออาชีพระดับไหน...
             



++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++




          เบื้องหน้าของทางเข้าศูนย์ฯลูกเรือดานอสซี่แอร์ไลน์... ชายหนุ่มวัยยี่สิบสองปี สวมแว่นดำอย่างมีมาด ริมฝีปากบางสีชมพูสดเบะเล็กน้อย พร้อมกับสายตาที่มองดูป้าย “DANOSSY AIRLINE” เบื้องหน้าด้วยความรู้สึกดูแคลนประหลาด แต่หากชายหนุ่มหน้าขาวภายใต้แว่นกันแดดมาดเท่ มิได้คิดว่าดานอสซี่แอร์ไลน์กระจอกหรือด้อยค่าอะไรหรอก แต่ชายหนุ่มกลับรู้สึกย่ำแย่ในตัวใครบางคนของที่นี่มากกว่า...และคนๆนั้นที่ชายหนุ่มปรารถนาจะพบเจอ ก็ทำให้เขาต้องเดินทางมาที่นี่...เพื่อที่จะ...


 “ขอโทษนะครับ... ผมชื่อ ทิมมี่ ดรอว์เยอร์ ผมนัดสัมภาษณ์งานไว้กับคุณซินดี้น่ะครับ” ชายหนุ่มหน้าขาวพูดพลางถอดแว่นกันแดดออกอย่างมีมาด ทำเอาอลิซ พนักงานส่วนหน้าต้องหวั่นไหวกับบุรุษแปลกหน้าเข้าอีกแล้ว

 “..ค..ค่ะ..คุณทิมมี่ ดรอว์เยอร์นะคะ เชิญทางนี้เลยค่ะ ดิฉันจะพาไปที่ห้องคุณซินดี้ค่ะ เธอคงรออยู่แล้ว”

 “ขอบคุณครับ” ทิมมี่ ดรอว์เยอร์ตอบรับคำพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ ก่อนที่จะเดินตามหญิงสาวในยูนิฟอร์มสีดำ เพื่อตรงไปยังห้องของหัวหน้าฝ่ายบุคคลที่ชื่อ “ซินดี้ รอลนาเวลล์” ประตูห้องของคุณซินดี้ถูกเปิดเข้ามา หญิงสาววัยกลางคนบนโต๊ะทำงาน มองชายหนุ่มหน้าขาว ดวงตาประกายสีฟ้าอันคุ้นเคย พลางยิ้มออกมาอย่างดีใจไม่น้อย


 “มาแล้วหรือที่รัก! ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจถูกนะทิมมี่!”

 “ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งนะครับ คุณซินดี้” ชายหนุ่มแสดงสีหน้ายิ้มแย้มแบบพอสมควรตามมาดของเขา

 “เชิญนั่งสิทิมมี่... ฉันดีใจมากๆเลยที่ได้พบกับเธออีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่เราพรากจากกันเมื่อปีที่แล้วน่ะ”

 “อย่าพูดว่าพรากจากกันสิครับ... ผมเลือก JAL AIRLINE เพราะความอยากลองหาประสบการณ์จากสายการบินต่างประเทศมากกว่า....แต่อย่างว่าแหล่ะ จะมีสายการบินไหนที่จะเหมาะกับคนฝรั่งเศสอย่างเราเท่ากับ ดานอสซี่...หึ...ผมคิดผิดจริงๆที่ไม่ได้รับข้อเสนอของคุณคราวนั้น” หญิงวัยกลางคนแสดงสีหน้าพอใจ เมื่อได้ยินคำเยินยอสายการบินเจ้าชีวิตของตัวเองเช่นนั้น

 “เอาล่ะๆที่รัก เราไม่ว่ากันนะสำหรับเรื่องเก่าๆน่ะ...นายยังหนุ่มยังแน่น โชคดีเหลือเกินที่ JAL เขาเซ็นต์สัญญากับเธอแค่ปีเดียว แต่หากเซ็นต์ถึงห้าปีล่ะก็...ฉันคงจะไม่ได้พบเธออีกนานเลย”

 “หึ...ผมก็ว่าอย่างนั้นล่ะครับ...แต่ผมก็ตั้งใจเอาไว้นะครับ...ว่าผมจะเซ็นสัญญากับดานอสซี่...สักห้าปีไปเลย....” ซินดี้ รอลนาเวลล์ ยกมือขึ้นปะทะกันจนเกิดเสียงดังพร้อมกับสีหน้าพออกพอใจ

“เป็นอย่างที่ปากพูด งั้นก็... นี่เลย” ซินดี้คว้ากระดาษ ที่มีกรอบสีฟ้ายื่นมาตรงหน้าชายหนุ่ม...ทิมมี่รู้ดีว่ามันคือกระดาษแผ่นสำคัญที่จะผูกมัดเขาตลอดระยะเวลาที่เขาต้องการ ชายหนุ่มยิ้มบางๆก่อนที่จะหยิบปากกาด้ามสีทองราคาไม่กี่พันยูโรที่กระเป๋าอกซ้ายขึ้นมา พลางมองซินดี้ด้วยสีหน้าวางฟอร์มราวกับเขามิได้ต้องการจะง้อสายการบินแห่งนี้เสียเท่าไหร่ หากแต่ความจริงแล้ว ทิมมี่...ต้องการอย่างที่สุดที่จะได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสายการบินแห่งนี้ เพื่อที่จะเข้ามาทำภารกิจบางอย่าง ที่เขาหมายเอาไว้ในตั้งแต่แรกแล้ว...ลายเซ็นของชายหนุ่มถูกขีดลงในกระดาษแผ่นนั้น พร้อมๆกับความแค้นบางอย่างที่ทะยานไปตามปลายปากกาด้ามหรูแท่งนี้ด้วย


           

++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++
       



“ยังไงก็อาทิตย์หน้าเราเจอกันนะทิม เดี๋ยวฉันจะจัดวางผังตารางเที่ยวบินเอาไว้ให้”

“ขอบคุณครับ คุณซินดี้” ทิมมี่กล่าวขอบคุณ ขณะที่ซินดี้กำลังเดินมาส่งเขาบริเวณหน้าประตูทางเข้าออกของศูนย์ฯลูกเรือดานอสซี่

“ถ้าอย่างนั้น เอาไว้เจอกันก็แล้วกันนะจ๊ะ เดินทางดีๆล่ะ”

 “ครับ...สวัสดีครับ” ชายหนุ่มกล่าวอำลา ก่อนที่จะมองตามหญิงวัยกลางคนที่เดินกลับเข้าไปในศูนย์ฯ ขณะที่อลิซที่ยืนประจำอยู่หน้าเคาว์เตอร์ ก็ก้มศีรษะเล็กน้อยเป็นการอำลาเช่นกัน ทิมมี่เองก็ตอบรับคำลานั้น ก่อนที่เขาจะหันหน้ามาทางลิฟต์ด้านหน้า โดยที่ไม่ทันระวัง...


 “อะ!... ขอโทษครับ!” ทิมมี่กล่าวทันที เมื่อตนเองรู้สึกได้ว่าไหล่ขวาชนเข้ากับบ่าข้างหนึ่งของใครบางคน ชายหนุ่มหน้าคมเข้ม ชื่อเสียงเลื่องลือไปไกลทั่วทุกสายการบิน ยืนมองชายหนุ่มหน้าขาวที่กล่าวขอโทษ สายตาของเขามองทิมมี่อย่างประหลาดราวกับทิมมี่เป็นคนที่เขาเคยพบเห็นมาก่อน... และในขณะเดียวกันนั้นทิมมี่เอง ก็นึกยิ้มในใจ พลางไฟแห่งความแค้นก็พุ่งพล่านขึ้นท่วมอกอีกครั้งหนึ่ง... ใช่แล้ว... ในที่สุด ชายหนุ่มก็พบกับคนที่เขาตามหา และหมายจะพบเจอจนได้
ท่ามกลางสายตาที่มองโต้กลับไป มันเต็มไปด้วยไฟแค้นบางอย่าง...ที่ทำเอาชายหนุ่มใบหน้าประดุจเจ้าชายในฝันต้องสงสัยและไม่เข้าใจถึงสายตาโต้ตอบนั้นของทิมมี่


 “...ร...เรา.... เคยเจอกันที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า?...”  นั่นคือคำพูดแรกของลูคัส ที่ทำให้ชายหนุ่มตรงหน้ายิ้มบางๆก่อนที่จะตอบคำถามนั้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

 “....คุณคิดว่าเคยหรือเปล่าล่ะครับ?...” คำตอบที่ไม่เคลียร์ของทิมมี่ ทำให้ลูคัสรู้สึกอึดอัดอย่างประหลาด...สรุปว่าหนุ่มหน้าขาวคนนี้ เคยพบกันมาก่อนหรือเปล่านะ! แล้วถ้าไม่เคย ทำไมต้องมายียวนกวนประสาทเขาแบบนี้ด้วย

 “...น...นายมาสมัครงานที่นี่หรือ?...” เขายังคงอดทน ถามต่อไปอย่างใจเย็นตามมาดอันสุขุม

 “ไม่เชิงครับ...ความจริง...ผมย้ายมาจากการสายการบินเดิมที่ผมเคยทำต่างหาก....” ชายหนุ่มผิวหยกตอบกลับด้วยสีหน้ามีเลศนัยน์ ยิ่งทำให้ลูคัสรู้สึกหงุดหงิดประหลาดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในยามสนทนาไม่ว่าจะกับใคร
“สรุปว่าเราเคยเจอกันหรือเปล่า?...”  ยังคงถามคำถามเดิม แต่ทิมมี่กลับไม่ตอบ ก่อนที่จะเดินไปกดปุ่มที่ลิฟต์ตรงหน้า แล้วหันสีหน้าอันน่าสงสัยกลับมา พร้อมกับรอยยิ้มสุดท้ายก่อนที่ประตูลิฟต์จะเปิดออก และเขาก็เดินเข้าไปในลิฟต์...ทิ้งให้ลูคัสมองตามไปด้วยความรู้สึกประหลาดไม่คลาย..

 “...ไอ้เด็กบ้าเอ้ย...” คำสบถดังแค่ในลำคอกัปตันหนุ่มหล่อไฟแรงถอนใจอย่างหงุดหงิด ก่อนที่จะตัดความสงสัยดังกล่าวลง
แล้วเดินกลับเข้าไปในศูนย์ฯด้วยท่าทางและมาดเดิม หากแต่ภายในใจยังคงรู้สึกร้อนรุ่ม เมื่อได้เห็นสายตาและดวงหน้าอันแสนคุ้นเคยนั้น... เจอกันคราวหน้า ฉันต้องรู้ให้ได้ ว่านายเป็นใคร ... ความคิดนั้นดังอยู่ในสมองของลูคัส และเขาเองก็ยังสงสัยในตัวเองเหมือนกันว่า... ทำไม? เขาถึงต้องอยากรู้ว่าชายหนุ่มคนนั้นเป็นใครมากกว่าคนอื่นๆที่เขารู้จักมาด้วย



++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++




           คฤหาสน์สามชั้นขนาดกะทัดรัดบนพื้นที่ส่วนหนึ่งใจกลางกรุงปารีส รถยนต์คันสีน้ำเงินเงาวาว แล่นเข้ามาเทียบบริเวณบันไดหน้าคฤหาสน์ ทิมมี่ก้าวลงมาจากรถของตัวเอง พลางถอดแว่นกันแดดสีดำประจำตัวออก พลางกวาดสายตามองไปรอบๆบริเวณตึกตรงหน้า ซึ่งก็คือบ้านหลังแรกในชีวิตของเขา ที่พ่อกับแม่มอบไว้ให้ก่อนจากไป ...

 “คุณชายทิมมี่!!! คุณชายจริงๆด้วย!” เสียงของหญิงวัยเกษียณดังขึ้นจากประตูทางเข้าของคฤหาสน์ ชายหนุ่มมองหญิงผู้นั้นแล้วยิ้มออกมาพร้อมกับความคิดถึงบนสีหน้าที่แสดงออกมาได้อย่างชัดเจน ... หญิงวัยหกสิบเศษคนนี้ คือ “เอ็มม่า” แม่บ้านที่คอยดูแลคฤหาสน์หลังนี้มานานตั้งแต่ก่อนที่ทิมมี่จะเกิดเสียอีก หล่อนเดินลงมาพร้อมกับชายหนุ่มที่เดินสวนขึ้นไป ทั้งคู่กอดกันกลมด้วยความคิดถึง หากเป็นเพราะทั้งสองไม่ได้เจอหน้ากันเกือบปีเต็มเลยทีเดียว


 “คุณเอ็มม่า... ผมบอกแล้วไง ว่าอย่าเรียกผมว่าคุณชาย ผมไม่ใช่ลูกท่านเซอร์เสียหน่อย”

 “แหม เจอกันทีไร คุณชายพูดอย่างนี้ทุกที... ดิฉันเรียกมาตั้งแต่คุณชายแบเบาะแล้ว จะให้ดิฉันเปลี่ยนมันคงจะไม่ง่ายหรอกค่ะ...ฮึฮึฮึ~~!!” หญิงชราส่งเสียงหัวเราะออกมา หล่อนดูแข็งแรงอยู่เลยแม้หน้าตาจะเหี่ยวย่นไปตามวัยแล้วก็ตาม...ทิมมี่ยิ้มได้ไม่เท่าไหร่ ความนึกถึงใครบางคนก็ทำให้สีหน้าของชายหนุ่มหม่นลงไปอีกครั้ง..

“...คุณเอ็มม่า........ แล้ว..... เทเลอร์ล่ะ...” ไม่ต่างกันเลยกับเอ็มม่า ซึ่งตอนนี้ แกก็เปลี่ยนสีหน้ากลายมาเป็นหมองลงอีกคนหนึ่งแล้ว
 “..อย...อยู่ในห้องนอนของเธอนะค่ะ....เฮ่อ....” ชายหนุ่มค่อยๆผละออกมาจากอ้อมกอดของเอ็มม่า ทั้งคู่พากันเดินเข้ามาในตึกของคฤหาสน์สามชั้นท่ามกลางจิตใจและความรู้สึกที่หดหู่มากยิ่งขึ้น...ตลอดทุกฝีก้าวที่ชายหนุ่มเดินตรงไปเพื่อพบใครบางคนที่เขาเพิ่งจะถามถึง...ใช่แล้ว... ไม่มีความรู้สึกแย่เรื่องอะไรจะเท่ากับความรู้สึกแย่แทนคนที่เรารักหรอก...เมื่อจิตใจของคนที่เรารักยังคงเศร้าหมอง...คนที่อยู่รอบๆข้างอย่างทิมมี่เอง.. ก็อดเศร้าหมองลงไปด้วยเสียมิได้ แต่เขาอาจจะมีความรู้สึกอีกอย่างหนึ่วมากกว่าคนที่เขารักเสียอีกด้วยซ้ำ...ใช่... ความรู้สึกอีกอย่างหนึ่ง... ที่มันเรียกว่า “ความเคียดแค้น” ยังไงล่ะ!


               

          ประตูไม้อัดสลักลายพระเยซูหรูหรา ถูกเปิดเข้าไปด้านใน...พาร่างของทิมมี่ให้เดินเข้าไปพบกับใครบางคนที่กำลังกึ่งนั่งกึ่งนอน ใบหน้าเปื้อนน้ำใสใสที่ไหลรินออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง...ผมเผ้าของหญิงสาวบนเตียงกระเซอะกระเซิงราวกับไม่ได้จับหวีมาหลายวัน ผมบ๊อบยุ่งๆถูกฝ่ามือของทิมมี่วางลง ร่างหญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อถูกสัมผัสบนศีรษะจากฝ่ามืออันแสนอ่อนโยนและอบอุ่น จากผู้เป็น “พี่ชาย”


 “ทิมมี่!”   หญิงสาวอุทานขึ้น...เพียงในชั่ววินาทีที่เธอไม่ต้องคิด เทเลอร์ ดรอว์เยอร์ อดีตแอร์โฮสเตสประจำสายการบิน ดานอสซี่ แอร์ไลน์ เธอโอบกอดร่างของทิมมี่ผู้เป็นพี่ชายด้วยความรู้สึกโหยหาและเศร้าใจเหลือเกิน ในขณะเดียวกันทิมมี่ก็โอบกอดตอบรับน้องสาวด้วยความรู้สึกสลดใจไม่ต่างเท่าไหร่นัก น้ำตาของผู้เป็นพี่เริ่มรื้นแฉะ พลางอดกัดฟันแน่นด้วยความแค้นใจที่ต้องเห็นน้องสาวตัวเองจบอนาคตที่วาดฝันเอาไว้ เพียงเพราะ “คนๆเดียว” ...ทิมมี่นั่งลงบนเตียงหนาข้างๆน้องสาวที่อายุต่างกันแค่ปีเดียว เธอฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆมาพร้อมๆกันกับทิมมี่ กำลังใจจากพี่ชายดีๆคนนี้ทำให้เธอได้เป็นแอร์โฮสเตสตั้งแต่อายุเพียงยี่สิบปี แต่ก็ไม่ถึงปีดีนักที่เธอต้องจบอนาคตของตัวเองลง...


 “เป็นอย่างไรบ้าง...เทเลอร์....” ผู้เป็นพี่ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

 “.....ไม่เป็นไร........ฉัน....ยังไม่ตายหรอก.....” ผู้เป็นน้องสาวตอบทั้งน้ำตา คำตอบมันช่างตรงกันข้ามกับความรู้สึกของเธอเหลือเกิน.. ใช่ เธอนี่แหล่ะที่ทำให้ทิมมี่ต้องกลับมา... เพราะการที่เธอพยายามจะ “ฆ่าตัวตาย” ก่อนหน้านี้..ทำให้ทิมมี่ ต้องกลับมา...ทำหน้าที่ของพี่ชายที่จะปกป้อง.. และ “แก้แค้น” แทนน้องสาว!



++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++


TBC.


เอาตอนแรกไปก่อนตอนนึง มันต้องจัดหน้าเวิร์ดใหม่ทั้งเรื่องเลย 55+

ใครที่เคยอ่านแล้วอ่านอีกก็ได้นะคะ  :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ THiiCHA

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-4
กำลังจะเข้ามาบอกพอดีว่า มีคนเคยเอามาลง ><

สรุปเป็นคนๆเดียวกันนั่นเอง เค้าจำได้นะตัวเอง กิ๊วๆๆ 5555

รอบนี้ลงให้จบน๊าๆๆ +1 ให้คนโพสค่ะ

 :mc4: :mc4: :mc4:

littleFiNgeR

  • บุคคลทั่วไป
กำลังจะเข้ามาบอกพอดีว่า มีคนเคยเอามาลง ><

สรุปเป็นคนๆเดียวกันนั่นเอง เค้าจำได้นะตัวเอง กิ๊วๆๆ 5555

รอบนี้ลงให้จบน๊าๆๆ +1 ให้คนโพสค่ะ

 :mc4: :mc4: :mc4:


จำเค้าได้ด้วยอ่า แอร๊ยยย! เขิน!

แอบไปอู้มาหลายเดือน 555+

+1 คืนให้ตัวเองนะ โทษฐานน่ารัก อิอิ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ silverphoenix

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +347/-3
เพิ่งเม้นเรื่องปลายทางหัวใจไปเมื่อกี้นี่เอง  ก็กดเข้ามาอ่านเรื่องต่อเลย

มาเห็นดิสเพลย์คนแต่ง  เฮ้ยคุ้นๆอ่ะ  เลยกลับไปดูเรื่องปลายทางอีกครั้งเลยได้รุว่า  เป็นคนๆเดียวกัน  อิอิ

ยังไม่เคยอ่านเรื่องนี้มาก่อนเลย  แต่อยากอ่านต่อมากกก  อยากรุแล้วว่าทิมมี่จะแก้แค้นยังไง

หุหุหุ 

ปล.บวกเป็ดไปเล้ยยยยย

littleFiNgeR

  • บุคคลทั่วไป
FLIGHT TWO : นางฟ้าปีกหัก




      การกลับมาของพี่ชาย แม้จะต้องมาพบกับน้องสาวที่นอนซมราวกับคนหมดอาลัยตายอยากเช่นนี้แล้ว...ทิมมี่...ยังต้องทำหน้าที่ของพี่ชาย ที่จะต้องเข้มแข็งให้น้องสาวเห็น... และแน่นอนคนที่ทำให้น้องสาวของเขาต้องเสียใจจนต้องฆ่าตัวตาย แม้จะโชคดีรอดชีวิตมาได้จากการกระทำโง่ๆเพราะคนๆนั้นแล้วก็ตามที...แต่ให้อภัยไม่ได้หรอก! ใครก็ตามที่เข้ามาหมิ่นเกียรติน้องสาว...เข้ามาทำลายอนาคต และดับสิ้นความฝันอันแสนหวาน ที่จะได้เชิดหน้าชูตาเป็นนางฟ้าโบยบินอยู่บนกลีบเมฆ มันดับสลายหายไปกับตา เพราะความหลอกลวง ของชายหนุ่มผู้ทะนงตนและไม่อาจรับรู้หรือคงไม่คิดจะใส่ใจใยดีกับผู้ที่เขากระทำเฉกเช่นเทเลอร์... ทิมมี่นั่งทบทวนความแค้นที่ตนเองจะต้องชำระ ภายในห้องนอนที่เต็มไปด้วยควันคุกรุ่นของความเคียดแค้นชิงชัง...ความคิดแน่วแน่และตั้งใจแล้วว่า เขาจะต้องทำให้ชีวิตของชายคนนั้น พบกับความพินาศจงได้! ในสักวัน!!




++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++





-STITUE OF DANOSSY TRAINING ATTENDANT-
(สถาบันฝึกอบรมลูกเรือแห่งสายการบินดานอสซี่)


             
     เสียงเข้มของหญิงสาวผมบลอนด์มะฮอกกานีดังไปทั่วห้องอบรมที่มีลูกเรือฝึกหัดรุ่นใหม่กว่ายี่สิบชีวิต ทุกคนนั่งเงียบฟัง “ผู้อบรมบุคลิกภาพและมารยาทบนเครื่องบิน” หรือ วีว่า เลอคอติส และใช้สมาธิไปกับการฟังหล่อนที่สาธยายไปพลางเดินย้ายก้นไป...มีหญิงสาวไม่น้อยในห้องนี้ที่เกิดอารมณ์หมันไส้เต็มอก แต่ก็มิอาจปริปากบอกใครได้ แม้แต่ว่าที่สจ๊วตหนุ่มรูปหล่อหลายคนก็อดสั่งหล่อนในใจไม่ได้ว่า ขอให้หล่อนหยุดเดินเสียที มึนศีรษะจะแย่อยู่แล้ว


“การเทรนสำหรับฉัน.. จะมีทั้งภาคทฤษฏีและภาคปฏิบัติ...ว่าที่ลูกเรือทุกคนจะต้องผ่านการเรียนรู้ในการปฏิบัติตัวอย่างไรต่อผู้โดยสาร ควรจะบริการเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่มอย่างไรไม่ให้เกิดความผิดพลาดและอุบัติเหตุ และอีกทั้ง.. บุคลิกและท่าทีต่างๆที่ทุกคนพึงกระทำในยามที่เครื่องบินอยู่ในสภาวะที่ไม่ปกติ.. พวกเธอทุกคนจะต้องเป็นสติและสมองให้แก่ผู้โดยสารผู้โง่เขลาในสภาวะวิตกจริตเหล่านั้น...พวกเธอทุกคนต้องแสดงท่าทีที่ไม่เกรงกลัวและมั่นคงในฟอร์มของตัวเองตลอดเวลา ไม่ว่าจะเกิดภาวะใดใดทั้งสิ้น!” เริ่มมีอาการคันมือคันเท้าบ้าง สำหรับว่าที่ลูกเรือสาวๆบางคน ใช่... วีว่า ใช้คำพูดที่ไม่น่าฟังเท่าไหร่สำหรับพวกเธอ อีกทั้งยังมาดและสายตาของวีว่าที่มองมาทางพวกเธอทั้งหมดราวกับเหยียดๆหรือดูถูกดูแคลนอย่างไรอย่างนั้น

 “แน่นอน!! ฉัน... วีว่า เลอคอติส! จะเป็นผู้ที่จะแปลงร่างคนธรรมดาๆอย่างพวกเธอให้กลายเป็นเทวดากับนางฟ้าให้ได้อย่างไร้ที่ติ! อย่างแรกที่ฉันอยากจะให้ทุกคนตั้งใจจดสิ่งที่ฉันจะพูด มันไม่ใช่เรื่องของบุคลิกภาพหรอก... ยังก่อนที่รัก...ปราการด่านสำคัญที่จะทำให้พวกเธออยู่รอดบนเรือบินกลางอากาศ ก่อนที่พวกเธอจะคิดติดปีก... พวกเธอต้องมาเริ่มเปิดกระเป๋ากันก่อน..... แล้วก็ตั้งใจฟังฉันให้ดีๆ.... ว่ากระเป๋าใบหรูยี่ห้อดานอสซี่...ที่พวกเธอจะใช้ลากเดินเฉิดฉายในวันข้างหน้า... พวกเธอจะต้องใส่สิ่งของจำเป็นอะไรลงไปในนั้นบ้าง... ใครจดไม่ทัน ช่วยไม่ได้นะ...”


           
++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++
                     
                       
     รถแท็กซี่แล่นมาจอดบริเวณหน้าคฤหาสน์สามชั้นของตระกูลดรอว์เยอร์ หญิงสาววัยยี่สิบเอ็ดปีก้าวลงจากรถ พร้อมกับท่วงท่าอันมาดมั่น ใบหน้าเรียวสวยพร้อมกับร่างเพรียวบางก้าวเข้าสู่ตัวคฤหาสน์ด้วยความรู้สึกสงสัยกับรถคันหรูสีน้ำเงินที่จอดตระหง่านอยู่ด้านนอกราวกับไม่คุ้นตาหล่อน ทันใดที่เอ็มม่าแม่บ้านประจำตระกูลเดินออกมาต้อนรับคุณหนูสุดท้องของตระกูลดรอว์เยอร์ หญิงสาวก็ถามขึ้นทันทีด้วยสีหน้าสงสัยและข้องใจ

 “รถสีน้ำเงินของใคร?... ฉันไม่ยักจะเคยเห็น” น้ำเสียงเรียบนิ่งพร้อมสายตาคมกริบที่ถูกแต่งแต้มด้วยอายชาโดว์สีชมพูกับลิปสติกสีโอโรสสดประกายน้ำที่ทำให้ใบหน้าหวานๆของเธอกลายเป็นหญิงมั่นผิดหูผิดตาไปเลยทีเดียว


     เธอคือ เทลิซ่า ดรอว์เยอร์ น้องสาวอีกคนหนึ่งของทิมมี่ที่เดินตามรอยพี่ชายและพี่สาว มาเป็นว่าที่นางฟ้าคนใหม่ของดานอสซี่ แอร์ไลน์เช่นกัน ..สีหน้าแสดงความสงสัยและต้องการคำตอบของเทลิซ่า ไม่นานนักมันก็คลายก่อนที่เอ็มม่าจะตอบเสียอีก เมื่อสายตาของหญิงสาว มองไปเห็นใครบางคนที่กำลังเดินลงมาจากบันไดชั้นสอง...สีหน้าของเทลิซ่าเปลี่ยนไป ราวกับดีใจที่ได้พบใครคนนั้น

“ทิมมี่!!” เทลิซ่าอุทานเสียงดัง ในขณะเดียวกันชายหนุ่มก็ยิ้มทักทายน้องสาวคนสุดท้องด้วยสีหน้าดีใจไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก หากแต่เขาวางมาดได้สุขุมกว่าหญิงสาวที่กำลังจะเดินแกมวิ่งขึ้นบันไดตรงมาทางเขา

 “นึกว่านายจะไม่กลับมาเสียแล้ว!” หล่อนดีใจและกอดผู้เป็นพี่ด้วยความคิดถึง ขณะที่ทิมมี่เองก็กอดตอบ

“พูดอย่างกับฉันจะไปตายที่ไหนอย่างนั้นแหล่ะ....ก็แค่ไปอยู่ไกลบ้านเท่านั้นเอง”

“แหม! ไกลสิ! ไกลมากเลยด้วย อยู่ที่ญี่ปุ่นเป็นอย่างไรบ้าง? สายการบินของเขาน่ะ”

“JAL น่ะเหรอ... ก็ดีนะ แต่อาจจะไม่เท่าดานอสซี่ล่ะมั้ง ไม่รู้สิ ....อาทิตย์หน้าคงได้รู้กันน่ะ”

“จริงเหรอ!! นี่สรุปว่านายจะย้ายมาอยู่ที่ดานอสซี่จริงๆแล้วใช่มั้ย!”

 “ก็ใช่น่ะสิ.... แล้วเธอล่ะเทลิซ่าเป็นอย่างไรบ้างล่ะ? ไปฝึกอบรมมา เป็นอย่างไรบ้าง” เท่านั้นเอง สีหน้าของเทลิซ่าก็เปลี่ยนไปกลับทำหน้าเหม็นเบื่อทันที

“น่าเบื่อจะแย่....”

“อะไรนะ?... เบื่อ?.... บ้าน่ะ มีแต่คนเขาตื่นเต้นกันทั้งนั้น ที่จะได้มายืนอยู่ตรงนี้แบบเธอน่ะ”

“ฉันไม่ได้เบื่อฝึกนี่ ฉันเบื่อคนต่างหาก...” เทลิซ่าเม้มปากราวกับคันปากเหลือเกินที่จะเอ่ยชื่อคนๆนั้น

 “เบื่อคน?..... ใครกัน?”

“จะใครล่ะ นายอาจจะยังไม่รู้จักหรอก...นังครูฝึกของฉันน่ะสิ มีแต่คนหมันไส้หล่อน รู้มั้ยว่าหล่อนน่ะวางมาดจนฉันกับเพื่อนบางคนอยากจะเสยให้เลยรู้หรือเปล่า”

“ขืนถ้าเธอทำอย่างนั้น.. เธอจบชีวิตแน่ๆ...อดทนหน่อยสิ เธอรู้หรือเปล่า... ว่าเวลาเธอบินน่ะ มีเรื่องหลายๆเรื่องที่เธอจะต้องอดทนมากกว่าเรื่องขี้เล็บแบบนี้เสียอีก” ชายหนุ่มเตือนน้องสาว พลางลูบเรือนผมนุ่มของเทลิซ่าอย่างเป็นห่วง

“ไม่ต้องเป็นห่วงน่า.... เอ้อ ฉันขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะ เมื่อยมากเลย...วันนี้ยัยครูฝึกนั่นให้ฉันยืนใส่ส้นสูงนิ่งๆเป็นชั่วโมงเลยล่ะ ข้อเท้าฉันจะหักอยู่แล้ว... ยังไงเย็นนี้ดินเนอร์กันแล้วกัน”

 “โอเค..ตามสบายเถอะ” ชายหนุ่มพูดพลางตบไหล่หญิงสาวเบาๆ ก่อนที่จะเดินสวนกับเธอลงมา

“เอ้อ!ทิมมี่...” เทลิซ่านึกขึ้นได้ เรียกเขาไว้อีกครั้ง

“ว่าไง?...” ทิมมี่เงยหน้ากลับขึ้นไปมองน้องสาว ขณะที่เทลิซ่าแสดงสีหน้าเจื่อนลง

 “เจอเทเลอร์แล้วใช่มั้ย” เทลิซ่าถามด้วยน้ำเสียงอ่อนลง ทิมมี่พยักหน้าเบาๆแล้วสีหน้าก็เจื่อนตามลงไปอีกคน....ก่อนที่จะเดินลงมาแล้วทำท่าว่าจะออกไปข้างนอก ทิ้งให้เทลิซ่ายืนถอนใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับเทเลอร์...


           
++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++
                         

     ชายหนุ่มร่างสูงใบหน้าคมคายกระชากใจบรรดาแอร์โฮสเตสสาว...เดินก้าวลงมาจากทางเดินของลูกเรือ และเข้าสู่พื้นที่ของท่าอากาศยานรัวซี-ชาร์ลส์เดอโกลด้วยท่าทางการเดินและบุคลิกอันสง่างาม แม้แต่ผู้โดยสารมากมายที่ยืนออกันอยู่บริเวณพื้นที่ของผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ยังไม่แคล้วหันมามองอย่างชื่นชมราวกับพบเห็นเทวาจากเบื้องบนลงมาเดินให้ยลโฉมกันตาร้อนผ่าวอย่างไรอย่างนั้น

 “ไปไหนต่อหรือเปล่าครับกัปตัน?” ชายหนุ่มร่างสูงอีกนาย ถามกัปตันรูปหล่อที่กำลังเดินนำหน้าอยู่อย่างมาดมั่นนั้น

 “มีอะไรหรือเปล่าคุณมอริส?” กัปตันลูคัสหันมาทันทีที่ได้ยินคำถาม และยังถามต่อด้วยความสงสัยว่าโคไพลอต หรือผู้ช่วยนักบิน(หรือกัปตันคนที่สองในค็อกพิท) ถามขึ้นทั้งๆที่มอริสไม่เคยถามมาก่อนเวลาลงเครื่อง

 “เปล่าหรอกครับ ผมแค่เห็นว่ากัปตันจะได้หยุดสองสามวัน ไม่มีเที่ยวบินในช่วงนี้... กัปตันอาจจะอยากไปพักผ่อนที่ไหนก็ได้...หากเป็นเช่นนั้น ผมก็อยากจะเสนอสถานที่ท่องเที่ยวให้กัปตันก็เท่านั้นเอง” รู้สึกว่าลูคัสจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้วในตอนนี้...จากการที่เขาพอจะทราบประวัติคร่าวๆของโคไพลอตนายนี้มา ...มอริส เรนจ์ เป็นทายาทเจ้าของรีสอร์ทแห่งหนึ่งในคอร์ซิก้า และคงไม่จะพ้น กับการนำเสนอให้เขาไปยังที่แห่งนั้นเป็นแน่... ลูคัสยิ้มบางๆอย่างรู้ทัน แต่เขาก็หาทางปฏิเสธด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน

 “ผมคงไม่ได้ไปเที่ยวไหนหรอกคุณมอริส... ผมว่าจะอยู่ในปารีสนี่แหล่ะ มีธุระบางอย่างที่ผมต้องทำ” โคไพลอตทำหน้าเจื่อนลงเล็กน้อย และเมื่อถึงบริเวณจุดนัดพบใหญ่ มอริสก็ก้มศีรษะเล็กน้อยเป็นการอำลา ขณะที่ลูคัสมองตามไปแล้วถอนใจอย่างมีมาด...สายตาของชายหนุ่มกวาดไปรอบๆบริเวณนี้ ราวกับเขาได้นัดใครบางคนเอาไว้... สายตาคมกริบ กวาดไปพบกับหญิงสาวนางหนึ่งที่กำลังเดินตรงมาทางเขา...ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก แอร์โฮสเตสรุ่นน้องที่มักจะพลาดการทำงานร่วมเที่ยวบินกันอยู่เรื่อย เธอชื่อ “คลอเดีย” และการพบกันที่ราวกับนัดเอาไว้เช่นนี้... ลูคัสกับเธอเท่านั้น ที่รู้ดี... ว่าเขาทั้งสองคนจะไปต่อความสุขหลังการทำงานที่แสนหนักหน่วง.. ณ ที่แห่งใด!


     กัปตันหนุ่มกับแอร์โฮสเตสสาวของดานอสซี่ แอร์ไลน์ พารถยนต์เฟอร์รารี่สีดำคันหรูแล่นออกไปจากลานจอดรถของกัปตันในเวลาต่อมา... โดยไม่ทันสังเกตเลยว่า... หญิงสาวในชุด “ผู้อบรมบุคลิกภาพและมารยาทบนเครื่องบิน” ที่กำลังนั่งอยู่ในรถคันสีแดงสดไม่ไกลจากรถของกัปตันที่แล่นออกไปนั้น...กำลังมองรถของชายหนุ่มผ่านแว่นกันแดด ด้วยสายตาชิงชัง... และไม่ช้า! รถสีแดงคันหรู ก็ออกทะยานตามรถของลูคัสไปอย่างไม่รีรอ!


++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++

                           
     การพักผ่อนคลายเครียดจากการบินระยะไกลแต่ละครั้งของกัปตันสุดหล่ออย่าง ลูคัส กาโรล ชายหนุ่มมักจะเลือกวิธีผ่อนคลายด้วยการหิ้วแอร์โฮสเตสสาวสวยมายังโรงแรมม่านรูดสุดหรูที่ไม่ไกลจากตัวเมืองปารีสนัก หากที่ต้องมาแถบชานเมืองก็เพราะว่า ด้วยชื่อเสียงของเขาที่จะต้องหลบเลี่ยงสายตาผู้คน อีกทั้งยังเกรงว่าการไปพักผ่อนในโรงแรมกลางกรุงปารีสนั้น พนักงานต้อนรับของโรงแรมอาจจะจำเขาได้ เพราะกรุงปารีส คือสถานที่เกิด และเป็นสถานที่ๆสร้างชื่อเสียงให้กับเขา ตอนที่ชายหนุ่มได้รับรางวัล “กัปตันยอดเยี่ยม” นั่นเอง

สองร่างเปลือยเปล่าบนเตียงหนานุ่มในโมเทลริมชานเมือง ความสุขกำลังแผ่ซ่านไปทั่วร่างของนางฟ้าผู้หื่นกระหายไม่แพ้กันกับชายหนุ่มที่รอเวลาการผ่อนคลายเช่นนี้มาชั่วระยะหนึ่งแล้วเช่นเดียวกัน เสียงครางเบาๆสร้างอารมณ์ปรารถนาให้คนทั้งคู่ได้เป็นอย่างดี...ลีลาร้อนแรงของกัปตันหนุ่มรูปหล่อ กระชากอารมณ์หญิงสาวให้อยู่ในเงื้อมมือได้อย่างอ่อนระทวย..


แต่ทว่า...

             

ก่อก...ก่อก...ก่อก..



เสียงเคาะประตูขัดอารมณ์ของคนทั้งคู่ คลอเดียถอนใจอย่างหงุดหงิดไม่ต่างกันกับลูคัสที่ต้องถอยผละออกจากร่างของเธอ พลางเอามือลูบหน้าผากที่อาบเหงื่ออย่างไม่พอใจที่ถูกมารความสุขเรียกหาในเวลาเช่นนี้ ชายหนุ่มคว้าผ้าขนหนูขึ้นมาปกปิดท่อนล่างที่ร้อนผ่าวก่อนที่จะถอนใจอีกครั้ง

 “ไม่เป็นไร... เดี๋ยวผมไปดูเอง” ชายหนุ่มพูดระงับอารมณ์ที่พลุ้งพล่าน ก่อนที่จะเดินหัวเสียมาถึงประตูห้อง พลางคิดในใจว่าเจ้าบริกรน่าโง่ที่ไหนบังอาจจะขัดอารมณ์กันได้...และความคิดก็หยุดลงทันทีเมื่อชายหนุ่มเปิดประตูเข้ามา และพบกับคนตรงหน้า...ที่ทำให้ กัปตันหนุ่มรูปหล่อ... ตะลึงไป!!

 “......ว.............. วีว่า!!” สัญชาตญาณของเขาบอกเขาได้ในตอนนี้... เวรกรรมตามติดจรวดจริงๆ!



     วีว่า เลอคอติส แสดงสีหน้าตะลึงเมื่อเห็นท่อนบนของแผงอกที่กว้างใหญ่แต่ชุ่มไปด้วยเหงื่อและกลิ่นหอมประหลาดราวกับกลิ่นน้ำหอมจากสตรีเพศ... สีหน้าของหล่อนเริ่มสั่นเทาราวกับอารมณ์รุนแรงอะไรบางอย่างพล่านพุ่งอยู่เต็มอก... ท่ามกลางความอึ้งของลูคัสที่ยืนนิ่งทำอะไรไม่เป็นเลยทีเดียว..

 “ธ...เธอ... มาทำอะไรที่นี่!” ไม่มีคำตอบใดใดจากปากของวีว่า แต่เธอกลับผลักหน้าอกอันแข็งแกร่งของชายหนุ่มเข้ามา แล้วก้าวเท้าสวบๆตรงมาด้านในราวกับรู้ดีว่ามีใครอีกคนอาศัยอยู่ภายในห้องๆนี้.. และในที่สุดความคิดของเธอ ก็ทำให้เธอรับรู้ได้ดีว่า เธอนั้น..คาดไม่ผิดจริงๆ!

 “นังร่าน~~!!!! ฉันจะฆ่าแก!!” เสียงใหญ่ของสาวนัยน์ตาดุดังขึ้น ราวกับฟ้าผ่าลงกลางใบหน้าของคลอเดีย เมื่อถูกแรงตบอันสนั่นทุ่งของฝ่ามือชิงชังของวีว่า คลอเดียหน้าหงายพลางหยิบผ้าห่มสีขาวบนเตียงมาคลุมร่างแทบไม่ทัน แต่ดูเหมือนวีว่าจะพยายามกระชากผ้าห่มให้หลุดออก

 “ไหน!! ไหนขอดูผิวหนังของอีพวกหน้าไม่อายหน่อยซิ!! เปิดออกมาซี่! หน้าหนาเป็นปูนโบสถ์แบบแกเนี่ย จะทำเหนียงอายไปทำไมนังร่าน! เปิดมาสิ!! เปิดมา!!” วีว่าตรงเข้าไปกระชากผ้าห่มนั้นอย่างบ้าคลั่ง เสียงร้องของคลอเดียระงมไปทั่วห้องเมื่อถูกจู่โจมอย่างร้ายกาจ ขณะที่ชายหนุ่มในสภาพเปลือยท่อนบนรีบวิ่งมาคว้าร่างของหญิงสาวหึงหฤโหดผู้นี้ออกแต่ก็กลับถูกสะบัดจนผ้านุ่งหลุดไปกองกับพื้น กัปตันหนุ่มในร่างเปลือยเปล่ารีบหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาปกปิดร่างกาย และคิดไม่ออกว่าจะเข้าไปหยุดสงครามนางฟ้าตรงหน้าได้อย่างไร... วีว่า เลอคอติส จะน่ากลัวเช่นนี้ทุกครั้งที่จับได้ว่ากัปตันลูคัสมีหญิงอื่นไว้สนุกสนาน แม้ตัวลูคัสเองจะบอกเธอหลายครั้งว่าเขาไม่คิดจริงจังกับใครแม้แต่ตัวเธอเอง แต่ดูเหมือนหญิงสาวที่มั่นใจในตัวเองสูงอย่างวีว่าจะไม่ยอมราวีและให้ใครลบเกียรติของเธอได้ง่ายๆเหมือนกับแอร์โฮสเตสผู้ตกเป็นเหยื่อสวาทของชายหนุ่มอย่างที่ผ่านมา


    ร่างในชุดผ้าห่มสีขาว ถูกจิกศีรษะถูกเหวี่ยงออกมาบริเวณหน้าห้องพัก ท่ามกลางเสียงตวาดขับไล่ของวีว่า เลอคอติส จนทำเอาแขกเหรื่อห้องต่างๆโผล่หน้าออกมาดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น...ทุกสายตาจับจ้องมาที่ร่างเปลือยที่ห่อหุ้มอยู่เพียงผ้าห่มผืนบาง สีหน้าตื่นตระหนกและร้องไห้เมื่อถูกโจมตีอย่างสาสมใจครูฝึกสาวแห่งดานอสซี่...ส่วนชายหนุ่มผู้สร้างวีรกรรมครั้งนี้ให้กับเธอ กลับได้ยืนสงบอยู่ในห้อง เนื่องจากเขาไม่สามารถออกไปโชว์ตัวให้ใครต่อใครรับรู้ได้ว่ากัปตันมือหนึ่งแห่งดานอสซี่ คือชนวนเหตุอันอื้อฉาวเช่นนี้... และยิ่งชุดยูนิฟอร์มดานอสซี่ที่วีว่าสวมใส่อยู่ในขณะนี้ก็อีกเหตุผลหนึ่งที่จะทำให้คนที่สังเกตเห็นเดาได้ไม่ยาก... อีกทั้งเสื้อผ้าของคลอเดียที่ถูกเหวี่ยงออกมานอกม่านที่วีว่ารูดออกมาประจานต่อหน้าสังคมก็ทำให้คลอเดียแทบจะอยากหายตัวออกไปจากตรงนี้ด้วยความอับอายอย่างที่สุด!

                           
     ขณะที่ปล่อยให้นางมารในคราบนางฟ้าส่งเสียงให้อับอายอยู่นั้น...ลูคัสรีบสวมใส่เสื้อผ้า ก่อนที่จะวิ่งลงมายังรถที่จอดนิ่งอยู่อย่างเงียบๆอย่างไม่รีรอให้วีว่ารู้สึกตัว...หากแต่ทันทีที่ชายหนุ่มติดเครื่องยนต์ วีว่าหันขวับมาทางรถด้านหลังที่กำลังถูกปล่อยเกียร์ถอยหลังออกมาโดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย วีว่าพยายามจะเปิดประตูรถแต่ชายหนุ่มก็ไม่อาจจะยอมให้หล่อนลงมานั่งในเบาะรถของเขาได้ อีกทั้งลูคัสยังสวมแว่นกันแดดและผ้าปิดปากอนามัยอำพรางใบหน้าของตน... ก่อนที่จะหันหน้ารถให้วิ่งตรงไปจากตรงนี้.. ทิ้งให้วีว่าและนางฟ้าผู้ต้องชะตากรรมอีกคน ได้แต่นั่งร้องห่มร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด


 “กลับมานะ!! กลับมาเดี๋ยวนี้!!” แม้วีว่าจะตะโกนให้ดังจนหลอดเสียงแตก... ร้อยทั้งร้อย เทวาแห่งกลีบเมฆ ก็ไม่มีวันกลับมา.. ให้อับอายขายขี้หน้า และเป็นขี้ปากคนแถวนี้หรอก... ใช่... นี่คือการกระทำของกัปตันหนุ่ม ที่เขามองเห็นนางฟ้าเหล่านี้.. เป็นเพียงแค่ “เศษขยะกลางอากาศ”
เพียงเท่านั้น!



++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++
                 
                           
        เฟอร์รารี่สีดำคันหรูของลูคัส แล่นออกมาอย่างรวดเร็วจากโมเทลหฤหรร ในขณะที่ไม่ทันที่เขาจะระวัง! รถที่ขับตรงมาในเลนเดียวกันนั้นถึงกับบีบแตรดังสนั่นไปทั่วท้องถนนอันเงียบกริบของชานเมือง.. แต่บีบไปก็เท่านั้น กัปตันผู้มีกรรมตามทันรับรู้ถึงแรงกระแทกจากส่วนหน้าของรถคันหรูได้เป็นอย่างดี... ใช่... รถของเขาถูกชนเข้าเสียแล้ว... และที่แย่ไปกว่านั้น รถของผู้ที่ขับมาชนก็ไฟหน้าแตก จอดนิ่งอยู่ตรงหน้าเช่นกัน และเพราะความซวยหนักเข้าไปอีกก็คือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ชายหนุ่มคาดเดาได้ว่า เขาเองนั่นแหล่ะ ที่เป็นฝ่ายผิด ชายหนุ่มรีบก้าวลงมาจากรถคันหรู ไวพอกันกับเจ้าของรถคันดังกล่าวที่ก้าวลงมาจากรถคันสีน้ำเงินหรูหราของตัวเอง ท่าทีอันสุขุมเยือกเย็นของทั้งสองคน ไม่ต่างจากกันเลยสักนิด ในช่วงนาทีแรกที่ลงมานั้น ไม่มีใครเอ่ยปากโวยวาย.. หากแต่ความเป็นจริง สิ่งที่เสี้ยมสอนให้เขาทั้งสองมีบุคลิกที่น่านับถือเช่นนี้ ก็คงจะเป็นเพราะอาชีพ “บนเครื่องบิน” เช่นเดียวกันนั่นแหล่ะ...ใช่แล้ว... ลูคัสมองชายหนุ่มผิวขาวตรงหน้าราวกับตื่นตะลึงกับบุคคลที่เขาเคยพบมาก่อนหน้านี้...


 “... นึกว่าใคร....” เป็นชายหนุ่มหน้าขาวที่เป็นผู้เอ่ยทักก่อนด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด พลางถอดแว่นกันแดดออกมามองหน้ากัปตันให้เต็มชัดสองลูกตา... ขณะเดียวกันกัปตันหนุ่มกลับถอนใจอย่างกลัดกลุ้มอีกครั้ง เมื่อเห็นผู้ร่วมอาชีพและร่วมสถาบันมาพบเห็นเขาอยู่บริเวณด้านหน้าสถานที่ไร้สังคมเช่นนี้..

 “....นาย.... นายที่... ดานอสซี่...” กัปตันหนุ่มเรียกอย่างไม่รู้จักชื่อ ขณะที่รอยยิ้มบางๆแต่แฝงไปด้วยเลศนัยน์ของทิมมี่ปรากฏขึ้นบนสีหน้าราวกับดีใจเหลือเกินที่ได้พบเขา ณ สถานที่แห่งนี้... แต่ขณะเดียวกัน กัปตันหนุ่มหันมองไปทางด้านหลังราวกับเกรงว่าใครบางคนที่อยู่ในนั้น.. จะตามออกมาราวี

 “เอาล่ะ.... นายมากับฉัน!”



++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++


TBC.


ตอนที่ 2 มาแล้ววววว เดี๋ยวตอนที่ 3 จะตามมาช่วงประมาณ 3 -4 ทุ่มนะคะ เว้นช่วงนิดนึง 555+

ไปละค่าาาาา


 :bye2: :bye2:

littleFiNgeR

  • บุคคลทั่วไป


FLIGHT THREE : เทวาร้อยรัก

             




 “ว่าไงนะ?” ชายหนุ่มผิวหยกถามทวนอย่างไม่เข้าใจ

 “บอกว่าให้มากับฉันไง! ดับรถของนายแล้วจอดเอาไว้ตรงนี้ก่อน!” กัปตันหนุ่มทรงเสน่ห์แสดงอาการร้อนรนทางสีหน้า แต่ไม่มากจนดูหลุดมาดของเขา

“แต่ผมคงต้องเรียกประกัน”

 “ไม่ต้องเรียกแล้ว! นายจะเอาเท่าไหร่ฉันมีจ่ายน่า! ดับรถแล้วขึ้นรถมากับฉันก่อนเร็วเข้า!” ทิมมี่สังเกตท่าทีของลูคัส เขารู้สึกได้ว่าชายหนุ่มกำลังร้อนรนอะไรบางอย่างอยู่

 “เร็วเถอะน่า! มีคนกำลังตามฉันมานะ!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทิมมี่ก็ยิ้มบางๆออกมาอย่างเดาได้ทันทีว่า.. “คน” ที่กัปตันหนุ่มกล่าวถึง คงจะไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก.. ก็คงจะเป็นพวกหงส์หยกในสถาบันที่เขาเข้าร่วมอยู่ ณ เวลานี้นั่นแหล่ะ... ชายหนุ่มหน้าขาวคิดว่าลูคัสไม่น่าจะเป็นพิษเป็นภัยอะไรกับเขา หากเขาคิดจะขึ้นรถไปอย่างที่เขาเสนอ...เพราะหากลูคัสเป็นคนที่แย่มากกว่านี้ล่ะก็... เขาคงจะขับรถหนีออกไปแล้ว ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง ทิมมี่ก็คงจะยิ่งเจ็บแค้นมากยิ่งกว่าเดิมอีกหลายเท่า จากความแค้นที่มีอยู่ก่อนหน้านี้...และกัปตันหนุ่มเองก็ยังไม่รู้สึกตัว ถึงแรงพยาบาทจากชายหนุ่มหน้าใสที่ไม่ได้ไร้เดียงสาเฉกเช่นดวงหน้าที่ปรากฏ


ทิมมี่เดินเข้าไปนั่งในรถคันหรู หลังจากที่ขยับรถของตัวเองให้เข้าที่เข้าทางริมฝั่งถนนแล้ว และไม่ลืมที่จะล็อครถเอาไว้ด้วย



++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++
               


                       
          สองบุรุษเดินเร่งฝีเท้าอยู่ในล็อบบี้ของโรงแรมแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากโมเทลแห่งนั้น และก็ยังเป็นโรงแรมม่านรูดแบบเดิมๆที่ทำเอาทิมมี่คิดเคืองอยู่ในใจว่า...กัปตันหนุ่มรูปหล่อแต่ใจสกปรกผู้นี้มีความเชี่ยวชาญในการหาทางเข้าออกโรงแรมจิ้งหรีดพวกนี้ได้ราวกับมืออาชีพทีเดียว

 “ถามหน่อย... ทำไมคุณต้องพาผมมาที่นี่?” ในที่สุดทิมมี่ก็ถามขึ้นเมื่อเริ่มรู้สึกว่าตัวเองหงุดหงิดแปลกๆ

 “เอาเถอะน่า! มันเงียบดี”

 “คุณรู้ได้ไง? เคยใช้บริการหรือ?” คำถามเสียดสีเล็กน้อย ทำให้กัปตันหนุ่มที่เดินนำอยู่หันมามองหน้า

 “แล้วจะทำไม?” คำถามกลับที่ทำให้อุณหภูมิความร้อนแรงบางอย่างในหัวของชายหนุ่มหน้าหยกต้องปั่นป่วนอีกครั้ง.. พลางคิดในใจอย่างเจ็บแค้นว่า เขาจะรู้ไหมนะว่าการที่เขาเป็นคนแบบนี้ มีผู้หญิงคนหนึ่งจะต้องช้ำใจกับพฤติกรรมของเขา จนเกือบทำลายชีวิตของตัวเองไปได้... ทำไมเขาถึงได้คิดน้อยนัก ทั้งๆที่การงานก็บ่งบอกให้ใครๆรู้ว่าเขานั้นเรียนสูงและพื้นฐานของชีวิตเลิศเลอขนาดไหน...แต่ทำไมกับอีแค่เรื่องของสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวมากที่สุดอย่างที่เขาเรียกว่า “ความรู้สึก” กับ “หัวใจ” ทำไมเขาถึงมองข้ามสิ่งๆนั้นไปได้อย่างน่าละอายยิ่งนัก

 “ผมขอเปิดห้องแค่ครู่เดียวเท่านั้น...” กัปตันหนุ่มเอ่ยกับเคาว์เตอร์สาว ขณะที่เขาก็สวมแว่นกันแดดและผ้าปิดปากอยู่อย่างไม่ยอมถอด แต่ในขณะเดียวกันทิมมี่กลับไม่ได้สนใจการกระทำเหล่านั้นสักเท่าไหร่ แม้สายตาของพนักงานสาวสวยจะมองมาทางเขายังผิดปกติก็ตามที

 “อัตราขั้นต่ำสามชั่วโมงนะคะ... หนึ่งร้อยยูโรค่ะ” เธอตอบ พลางสายตายังเหลือบมองทิมมี่อยู่เป็นช่วงๆ

 “ขอบคุณครับ” กัปตันหนุ่มกล่าวเมื่อเช็ค-อินเป็นที่เรียบร้อย.. ทิมมี่รู้สึกตกใจเล็กๆเมื่อฝ่ามือของชายหนุ่มเอื้อมดึงข้อมือของตนเองจูงไปยังห้องพักที่เขาเช็คอินเอาไว้อย่างรีบร้อน หากแต่ทิมมี่เริ่มจะอายบ้างแล้ว กับสายตาที่สอง ที่สาม และที่สี่ถึงหลายที่...ที่กำลังหันมาให้ความสนใจกับหนุ่มในเครื่องแบบกัปตันแต่ใบหน้าปกปิดมิดชิด และอีกหนุ่มในชุดลำลองธรรมดา แต่กลับมีเข็มขัดของดานอสซี่ติดประจานตัวเองอยู่ที่เอว ..ชายหนุ่มหน้าหยกพลางคิดในใจอย่างนึกด่าตัวเองที่ผิดพลาดไป ไม่น่าจะเอาสถาบันมาพกติดตัวเอาไว้แบบนี้เลยสักนิด หากแต่พอลองคิดอีกทีแล้ว... เขาก็มิได้คาดคิดนี่ว่าจะต้องมาเจอเรื่องราวบ้าๆกับคนที่เขาเกลียดชัง และยังมาอยู่ในสถานที่แบบนี้อีกด้วย กัปตันหนุ่มพาชายหนุ่มผิวขาวเข้ามายังในห้องพักระดับปานกลาง...

 “เอาล่ะ!” ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะเดินห่างออกมาจากประตูดี กัปตันหนุ่มรูปหล่อก็เอ่ยขึ้น

 “จะให้ฉันจ่ายนายเท่าไหร่...ก็ว่ามาเลย?...”

 “....ฮะ?...” ทิมมี่ทำเสียงราวกับไม่เข้าใจ

 “จะเอาเท่าไหร่...ว่ามา..” สีหน้าเรียบนิ่งของกัปตัน เขาถอดแว่นและผ้าปิดปากออก พลางเห็นสีหน้าหล่อเหลาที่กลับถอนใจอย่างเหน็ดเหนื่อย

 “ความจริงแล้ว...คุณไม่จำเป็นที่จะต้องจ่ายเองนะครับ... เพราะคุณกับผมเราต่างก็มีประกัน”

 “แต่ฉันไม่อยากเสียเวลา เข้าใจมั้ย!?” สีหน้าแสดงความรำคาญเล็กๆ ทำให้ทิมมี่รู้สึกหงุดหงิดยิ่งขึ้น

 “แต่คุณต่างหากที่ทำให้เสียเวลาเอง... ผมขับมาดีๆ คุณก็ทิ่มหน้าออกมา อย่างกับหนีผู้หญิงมาอย่างนั้นแหล่ะ!” กัปตันหนุ่มชะงักราวกับถูกแทงด้วยคำพูดเสียดสีของทิมมี่.. ในขณะที่ชายหนุ่มผิวหยกแอบยิ้มในใจเมื่อได้เห็นสีหน้าชะงักของลูคัส กาโรล

 “รู้ดีจริงนะ..... ว่าแต่นายเถอะ.... ชื่ออะไร เป็นใครกันแน่?..... ทำไมคราวนั้นถึงพูดจาแปลกๆกับฉัน?”

 “พูดจาแปลกๆ...?...ผมพูดอะไรแปลก?”

 “นายบอกฉันมาเถอะน่า! ว่านายชื่ออะไร”

 “ทำไม?... คุณจะฟ้องคุณซินดี้ รอลนาเวลล์ อย่างนั้นเหรอ”

 “ปากดีเหลือเกินนะ” กัปตันหนุ่มคว้าคอเสื้อของทิมมี่พลางกระชากให้เข้าใกล้ร่างอันแข็งแกร่งของเขา สีหน้าของลูคัสราวกับไม่พอใจมากที่ถูกรุ่นน้องในสถาบันพูดจาไม่ให้เกียรติเช่นนี้ ไม่มีใครกล้าหือกับเขาหรอก เพราะต่างคนต่างก็รู้ดีว่าเขาเป็นใคร และมีอะไรการันตีชื่อเสียงและเกียรติยศของเขาอยู่ หากแต่เจ้าเด็กหน้าขาวคนนี้ที่ทำให้ลูคัสรู้สึกขุ่นเคืองใจไม่น้อย กับท่าทีการตอบโต้ราวกับทิมมี่เคียดแค้นอะไรเขานักหนา

 “จะตอบมั้ยว่าชื่ออะไร....”

 “คุณไม่ใช่คนวิเศษจากไหนคุณลูคัส...” ชายหนุ่มผิวหยกสะบัดมือทั้งสองข้างของลูคัสออกจากปกเสื้อ แรงเหวี่ยงเล็กๆแต่ทำให้กัปตันหนุ่มชะงักไปกับท่าทีนั้น

 “คุณมันก็แค่... คนเดินดินธรรมดา...ไม่ใช่เทพหรือเทวดา ที่ใครจะต้องกลัวคุณ....” และคำพูดนั้น ก็ทำให้กัปตันหนุ่มต้องกระชากคอเสื้อของทิมมี่เข้ามาอีกครั้งด้วยความไม่พอใจ

 “พูดอะไรระวังปากบ้างนะ! ไอ้เด็กโง่!” และทิมมี่ก็ตอบโต้ด้วยการสะบัดกลับเช่นเคย แต่คราวนี้...ไม่ใช่เพียงแค่นั้น... ฝ่ามือเรียวยาวที่ดูเหมือนจะไม่มีแรงต่อสู้ กลับกระชากปีกประดับยศที่ติดอยู่บนบ่าด้านขวาของกัปตันหนุ่มหลุดออกมาจากบ่า จนเข็มขัดที่กระชากหลุดออกมาเกี่ยวเข้ากับแขนเสื้อจนเป็นรอยขาดยาว...กัปตันหนุ่มแสดงสีหน้าอึ้งไปกับการตอบโต้ที่ดูเชือดเฉือนและไม่พอใจยิ่งนัก... พลางยิ่งคิดสงสัยหนักว่า เขากับรุ่นน้องหน้าอ่อนคนนี้ เคยมีเรื่องอะไรผูกใจกันมาหรือเปล่า!

 “จำไว้นะ...คุณลูคัส...............คุณมันก็แค่นกตัวผู้ธรรมดาๆ ที่บินโฉบไปมาเพื่อหาเหยื่อไว้บรรเทาความใคร่... แต่หากเมื่อใดที่ปีกของคุณ..... ถูกใครบางคนหักกลางอากาศล่ะก็..... เมื่อนั้นแหล่ะ...” ชายหนุ่มผิวหยก เขวี้ยงปีกประดับบ่าด้านขวาในมือลงกับพื้นห้องและตกไปอยู่บนรองเท้าหนังแก้วของกัปตันลูคัส... พลางแสดงสีหน้าราวกับเคียดแค้นชิงชังจนทำเอากัปตันหนุ่มรู้สึกร้อนผ่าวอย่างประหลาด!

 “คุณจะไม่มีโอกาสได้บิน.... และในที่สุด...คุณก็จะต้องตกมาตาย! และคุณจะต้องเสียใจกับการกระทำของคุณ!! คุณจำคำพูดของผมไว้ให้ดี!!” ทิมมี่สะบัดตัวออกมา และก้าวออกมาจากห้องพักห้องนั้น...ที่ยังมีกัปตันหนุ่มยืนหน้าครุ่นคิดกับคำพูดดังกล่าวอย่างไม่เข้าใจ... หากแต่ความไม่เข้าใจนั้นกลับสร้างความรู้สึกสะพรึงประหลาด ที่ทำให้ชายหนุ่มต้องพยายามคิดให้ได้ว่า...เขาเคยไปทำอะไรไว้ให้กับทิมมี่!! บุคคลที่คุ้นหน้าคุ้นตา แต่กลับไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามเลยสักนิดเดียว!



           
++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++

             
                           
         ใบหน้าซีดขาว ภายในห้องนอนใหญ่ของคฤหาสน์ห้องหนึ่ง... เทเลอร์ยังคงมีรอยน้ำตาอาบเปื้อนไม่สร่างซา พาให้เทลิซ่าที่ถือถาดยาและข้าวโอ๊ตร้อนๆมาให้ในยามเย็นเช่นนี้ต้องทำสีหน้าอ่อนแรงตามไปด้วยอีกคน ในขณะเดียวกันที่เทเลอร์มองชุดฟอร์มของน้องสาว ชุดฝึกอบรมของดานอสซี่ที่เธอเองครั้งหนึ่งก็เคยได้สวมใส่มันอย่างภาคภูมิใจ แต่แล้วในที่สุดเสื้ออันทรงคุณค่าของเธอก็ถูกแขวนไว้อย่างไร้ความหมายภายในตู้ ซึ่งเธอคงไม่มีโอกาสที่จะได้สวมใส่มันอย่างเชิดหน้าชูตาให้กับตัวเองอีกต่อไปแล้ว


 “ทานสักหน่อยเถอะเทเลอร์ ตอนฉันออกจากบ้าน เธอก็ไม่ยอมทานอะไรเลย นี่พอฉันกลับมา เธอก็ยังจะทานอะไรอีกเหรอ นี่ถ้าฉันได้บินเมื่อไหร่ เธออยู่คนเดียวแบบนี้คงไม่คิดที่จะทานอะไรเลยใช่มั้ย?” ผู้เป็นน้องสาวบ่น พลางสีหน้าหม่นลงเมื่อเห็นพี่สาวของเธอยังคงน้ำตาร่วงเผาะๆ

 “เธอใส่ชุดนี้แล้ว..... สวยนะ....เทลิซ่า...” เทเลอร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เทลิซ่าถอนใจ พลางวางถาดลงกับโต๊ะข้างหัวเตียงช้าๆ แล้วกลับมานั่งข้างๆหล่อนที่เดิม

 “ใครที่ได้มีโอกาสได้ใส่ชุดนี้...ก็คงสวยเหมือนกันทุกคนนั่นแหล่ะ... เมื่อปีที่แล้ว ฉันเห็นเธอใส่ เธอก็สวยเหมือนกัน” เทลิซ่ากล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเย็นพาทำให้ผู้เป็นพี่หันมา และกลั้นน้ำตาไม่อยู่

 “ชีวิตของฉัน....มันคงเดินมาสุดแค่จุดแล้วล่ะมั้ง.....” น้ำเสียงเศร้าๆทำให้เทลิซ่าถอนใจอีกครั้ง

 “สู้สิเทเลอร์ เธอต้องหาอะไรทำบ้างนะ....อยู่เฉยๆแบบนี้ คิดแต่เรื่องไม่เป็นเรื่องทั้งนั้น” ขณะที่เทลิซ่ากำลังพยายามบอกสิ่งดีๆให้พี่สาว เสียงประตูห้องก็ดังขึ้นพร้อมกับใครบางคนที่เปิดเข้ามา บุคคลดังกล่าวมีสีหน้าที่ยังไม่คลายความหงุดหงิด ขณะที่สองสาวมองหน้าผู้เป็นพี่ด้วยความรู้สึกสงสัย

 “ไปไหนมาน่ะทิมมี่? ทำไมฉันไม่ได้ยินเสียงรถนายเลย?” เทลิซ่าถามขึ้น

 “อ๋อ... มีอุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะ....พี่ให้คนนำมาส่งให้ที่นี่ แต่เขาคงเอาไปเข้าศูนย์ก่อน”

 “นายเป็นอะไรมากมั้ยทิม?” เทเลอร์ถามด้วยสีหน้าที่ยังเปื้อนน้ำตา พาทำให้คนถูกถามอดถอนใจไม่ได้ที่ยังคงเห็นน้องสาวเป็นแบบนี้

 “ฉันน่ะ....ไม่เป็นอะไรหรอก.... แต่เธอน่ะสิ....ยอมกินอะไรบ้างหรือยัง?”

 “ยังหรอก...ดื้อจะตาย!” เทลิซ่าตอบแทน ก่อนที่จะลุกพรวดขึ้น และบอกพี่ชาย

 “ฉันขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนแล้วกันนะ”

 “ตามสบายเถอะตัวแสบ...” ทิมมี่กล่าวหน้านิ่งๆ ขณะที่เทเลอร์หันไปอีกทางหนึ่งเพื่อหลีกเลี่ยงการสังเกตของสายตาทิมมี่

 “แค่ผู้ชายคนเดียว.... เธอเป็นได้มากถึงขนาดนี้เลยหรือเทเลอร์?” เทเลอร์นั่งน้ำตาไหลพรากอยู่อีกด้านหนึ่ง ขณะที่ทิมมี่ลงมานั่งบนเตียง มองน้องสาวที่ยังคงนั่งหันหลังให้อยู่...

 “เขาก็แค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง.. ที่ไม่เห็นจะมีอะไรให้เธอต้องเสียดายเลยสักนิดเดียว...” คำพูดนั้น มันคงไม่ใช่คำปลอบที่ดี เพราะเทเลอร์ยิ่งร้องไห้หนักเข้าไปอีก

 “...ฉ...ฉันไม่ได้เสียดายเขา..... ต..แต่ฉัน...รักเขามาก...ก็เท่านั้นเอง....” ทิมมี่ถอนใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น  เขารู้สึกเหนื่อยแทนและเห็นใจน้องสาวเหลือเกิน แต่เขาก็เป็นคนที่เข้มแข็งมาก และไม่ชอบที่จะให้น้องสาวหรือคนที่เขารักแสดงความอ่อนแอให้เห็นแบบนี้

 “ฉ...ฉันรู้สึกเจ็บปวด...... เจ็บมาตลอดเลยทิม..... แม้ในระหว่างที่ฉันคบกับเขา..... เวลาที่เขาบอกว่ารักฉัน.....ในช่วงเวลาแบบนั้น ฉันก็ไม่เคยมีความสุขเลย...... ฉันถูกคนรอบข้างด่าว่า... หาว่าฉันไปแย่งคนรักของใคร.......ฮือ..”

 “อะไรนะ?.....แย่งอย่างนั้นเหรอ? .................... คนที่ว่าเธอแบบนั้น ก็คงเคยเป็นคู่นอนของผู้ชายคนนั้นมาก่อนล่ะสิท่า” เทเลอร์พยักหน้าช้าๆ

 “ต..ตอนแรก...ฉันก็ไม่เชื่อหรอก..... เพราะว่าเขาบอกกับฉัน... ว่าเขาไม่เคยนอนกับใครในเวลาที่เขาคบกับฉัน.....”

 “แล้วเธอเชื่อเหรอ?.....”

 “ฉันรักเขามากนะ.... ตอนนั้นฉันโง่มาก.... ฉันเชื่อเขา” ทิมมี่เริ่มรู้สึกว่าความรุนแรงบางอย่างกำลังวิ่งวนอยู่ในหัวและความรู้สึกอีกแล้ว

 “แล้วอะไรล่ะ... ที่ทำให้เธอเชื่อ.... เชื่อว่าเขาเลวน่ะ” ทิมมี่ถามต่อด้วยน้ำเสียงหนักขึ้น มันดูเหมือนคนที่กำลังเริ่มก่อไฟในอารมณ์ และดูว่าความเคียดแค้นแทนน้องสาวจะกลับมาทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดอีก ขณะที่เทเลอร์ เมื่อได้ยินคำถามนั้น เธอก็หันกลับมามองหน้าทิมมี่พลางร้องไห้ออกมาให้เขาได้เห็นอีกยกหนึ่ง

 “....ฉ...ฉัน.... ฉันเห็นเขา... พาผู้หญิงคนหนึ่ง.... เข้าโรงแรมน่ะสิ!” ทิมมี่อึ้งไปที่ได้ยินเช่นนั้น... แต่ก็คิดว่าน้องสาวของเธอใจเด็ดดีเหมือนกัน ที่อุตส่าห์ตามไปเห็นเข้ากับตาตัวเอง...แต่ความใจเด็ดนั้นก็กลับส่งผลเสียให้กับเธอ เมื่อเธอคิดสั้นจะฆ่าตัวตาย

 “ผู้หญิงคนนั้นยังอาละวาดใส่ฉันอีก... ที่ฉันต้องออกจากงานมานี่.... เพราะฉันไม่ได้อยากจะเลิกกับคุณลูคัสเลยสักนิดเดียว! เพราะฉันยังรักเขาอยู่....แต่ฉันทนไม่ได้ที่มีแต่คนมองฉันอย่างทุเรศ! อีกทั้งผู้หญิงคนที่นอนกับเขาคนนั้น ก็ยังราวีฉันตลอดเวลาเลย!...ฉันอายมากนะทิม... ฉันถึงต้องยอมเสียอนาคต... และตั้งใจที่จะจากโลกนี้ไป....ฉันไม่เหลืออะไรอีกแล้วทิม ฉันไม่เหลืออะไรอีกแล้ว!! ฮือ~!!!” ทิมมี่ตรงเข้ามากอดน้องสาวพลางลูบศีรษะของเธอด้วยความรู้สึกสงสารจับใจ

 “พอแล้วเทเลอร์...ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว... ทานข้าวโอ๊ตแล้วทานยาซะ...” ทิมมี่ตัดบทสนทนา เพื่อไม่ให้บรรยากาศในห้องนี้เลวร้ายยิ่งขึ้น เทเลอร์ออกจากอ้อมอกพี่ชายก่อนที่จะระงับน้ำเสียงที่สั่นเครือของตัวเอง ก่อนจะบอก

 “เดี๋ยวฉันกินเองแหล่ะ... นายไปพักผ่อนเถอะ....”

 “แน่ใจนะ... ว่าจะกินน่ะ...”

 “...อ...อื้ม...” ทิมมี่ลุกขึ้น พลางเดินไปที่ประตูช้าๆ ก่อนที่จะมองเห็นน้องสาวค่อยๆนอนลงกับเตียงอีกครั้งกับท่าทีที่อ่อนล้า
 ทิมมี่นึกสะดุดคำพูดของเทเลอร์บางอย่าง.. ชายหนุ่มถามขึ้นอีกครั้งก่อนที่จะเดินออกจากห้องนี้ไป..

 “.....เทเลอร์....” หญิงสาวพลิกตัวหันมามองหน้าพี่ชาย

“หืม?.....”

 “เธอ.... พอจะบอกได้มั้ย.... ผู้หญิงที่อาละวาดเธอคนนั้น..... ชื่ออะไร...?” เทเลอร์ได้ยินคำถาม หญิงสาวหันกลับไปหลบหน้าทิมมี่อีกครั้ง ในขณะที่ทิมมี่เองกลับคิดว่าอาจจะไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรอีกแล้ว เพราะเทเลอร์เองก็ทำทีว่าจะไม่อยากพูด...แต่ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะก้าวออกไปจากห้องนี้...คำตอบของเทเลอร์ก็ดังขึ้น...ก่อนที่ชายหนุ่มจะปิดประตู และได้ยินคำตอบนั้นพอดิบพอดี




 “เธอชื่อ..... วีว่า... เลอคอติส...!”


++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++



TBC.


โควต้าเต็ม ต่ออีกทีพรุ่งนี้ค่าาาา ^^

ออฟไลน์ silverphoenix

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +347/-3
นังวีว่าาาาาา  ร้ายอย่างนี้ต้องเจอทิมมี่

ลูคัสก็เหอะ  ทำงี้ได้ไงเนี่ยยย  ไม่รับผิดชอบเลยย

ติดตามๆๆ 

บวกเป็ดไป2 ตัวเลยล่ะกานนนน

littleFiNgeR

  • บุคคลทั่วไป
FLIGHT FOUR : เที่ยวบินแรกแห่งความชิงชัง
             


ในที่สุด.. วันเวลาที่ทิมมี่รอคอยก็มาถึง..การทำงานวันแรกในสถาบันของสายการบินติดอันดับโลกอย่างสายการบินดานอสซี่ แอร์ไลน์ และยังเป็นสายการบินบ้านเกิดของทิมมี่ที่เขามองผ่านไปเมื่อก่อนหน้านี้อีกด้วย หากแต่การกลับมาครั้งนี้ เขาก็ได้เตรียมพร้อมรับมือกับใครบางคน เที่ยวบินแรกที่เขาจะต้องปฏิบัติงานในช่วงบ่าย เขารู้สึกดีใจไม่น้อยที่ได้รู้ว่า ระบบผังงานของตัวเอง มีกัปตันที่ชื่อ “ลูคัส กาโรล” ทำหน้าที่เป็นกัปตันมือหนึ่งของเครื่องอีกด้วย


ทิมมี่ ดรอว์เยอร์ แสดงท่าทีของเด็กใหม่ในสายการบินนี้ได้อย่างดี การฝากเนื้อฝากตัวแก่รุ่นพี่เป็นสิ่งที่เขาต้องพึงกระทำ และเขาก็ได้ความรู้จักกับเพื่อนใหม่ร่วมทำงานในชั้น Business Class เธอเป็นแอร์โฮสเตสที่เพิ่งเข้ามาทำงานก่อนหน้าทิมมี่ได้ไม่กี่สัปดาห์ เธอชื่อ เอลลี่ แซนดอริช ทิมมี่ตรงเข้ามาในห้องล็อกเกอร์เพื่อจัดเครื่องแต่งกายให้เข้าที่เข้าทางให้เนี้ยบอีกครั้ง ก่อนที่จะเดินออกมาจากห้องพลางมองนาฬิกา เพื่อนร่วมงานชายหรือสจ๊วตเข้ามาทักทายทิมมี่ และเตือนบอกว่าใกล้จะถึงเวลาบรีฟกันแล้ว

ภายในห้อง Briefing ทิมมี่เดินเคียงมากับเอลลี่พร้อมกับสจ๊วตและแอร์โฮสเตสคนอื่นๆ พอเข้ามาจับจองที่นั่งเพื่อเตรียมตัวจดเอกสาร สายตาของทิมมี่ก็ไปสะดุดกับสายตาของใครบางคนที่นั่งอยู่ในห้องบรีฟห้องนี้ก่อนหน้าที่เขาจะเข้ามานานพอสมควรแล้ว เขาคนนั้นไม่ใช่ใคร... บุคคลที่กำลังมองหน้าทิมมี่อย่างมีปัญหาราวกับยังไม่เคลียร์ในวันที่ต้องปะทะคารมกันในวันนั้นอยู่... แต่ทิมมี่กลับเมินสายตาจดจ้องของกัปตันหนุ่มผู้นั้นไป และกัปตันลูคัสก็ลุกขึ้นจากที่นั่งของตัวเอง พลางเดินไปนั่งที่โต๊ะแลกเชอร์ข้างๆทิมมี่ และตอนนี้..ชายหนุ่มผิวหยกก็เริ่มรู้สึกหงุดหงิดก่อนการทำงานเสียแล้ว

 “เอาล่ะ มากันพร้อมแล้วนะ... สวัสดีค่ะ...ไง..ไม่ได้เจอกันนานนะเอลลี่ ไม่สบายหายหรือยังจ้ะ?” โรสรอยด์ หญิงวัยกลางคน ผู้ได้รับตำแหน่งหัวหน้าเที่ยวบินในครั้งนี้ ออกมายืนอยู่หน้าห้องพลางทักแอร์ฯสาวที่หายหน้าไปนานเกือบเดือน ...ขณะที่เอลลี่ยิ้มพลางตอบรับเบาๆ

 “เอาล่ะๆ ไม่เป็นการเสียเวลาแล้วกันนะ พวกคุณจะได้ไปดื่มกาแฟเตรียมตัวกันก่อนขึ้นเครื่อง...สำหรับเที่ยวบินวันนี้ ดิฉัน โรสรอยด์จะมาทำหน้าที่เป็นหัวหน้าเที่ยวบินนะคะ... เอ้อ...ไหนๆดูก่อน”โรสรอยด์หยิบเอกสารบนโต๊ะตรงหน้าขึ้นมาถือในมือ

 “วันนี้ไฟลท์เครื่องออกเวลา 14.00 น. เอ้อ ตอนนี้ก็สิบเอ็ดโมงแล้ว เราทุกคนจะมีเวลาพักถึงบ่ายโมงนะคะ วันนี้ที่ต้องเรียกมาเร็วก่อนกำหนดขึ้นเครื่องหลายชั่วโมงก็เนื่องจากว่าเรามีแขกวีไอพีด้วย ดิฉันก็เลยมีเอกสารมากมายจะมาแจกให้ทุกคนเอาไปอ่านกันเองแล้วกัน สำหรับดิฉันเดี๋ยวขอไปเร็วเลยแล้วกัน ดิฉันจะแจ้งให้ทุกคนทราบว่าเที่ยวบินไปกลับฝรั่งเศส-อเมริกาเที่ยวนี้เป็นแบบ โอเวอร์ไนท์ด้วย เราจะไปพักกันที่โรงแรมโลแกนของแอร์พอร์ตบอสตันที่เดิม... เอ้อ ส่วนกัปตันมือทองของเราก็จะเป็นผู้พาเรือบินเที่ยวนี้ไปถึงแมตซาซูเซตส์ สวัสดีค่ะคุณลูคัส” เป็นการทักทายในห้องบรีฟเช่นนี้ทุกครั้งที่กัปตันหนุ่มรวมถึงคนอื่นๆที่ได้ยินการเรียกชื่อจะต้องลุกยืนขึ้นแล้วก้มศีรษะลงอย่างทักทายเพื่อนร่วมเที่ยวบิน กัปตันลูคัสลุกขึ้นด้วยมาดสง่างามเช่นเคย แอร์ฯสาวๆต่างไม่อยู่นิ่ง ต่างหันไปซุบซิบกันอย่างปลาบปลื้มที่ได้ร่วมเที่ยวบิน แถมยังโอเวอร์ไนท์ด้วยกันอีกด้วย ...ซึ่งเอลลี่ก็ไม่วายสะกิดทิมมี่ และพูดอีกว่า “คนอะไร..หล่อไปหมดทุกส่วนเลย” ...ขณะที่หน้าสีของทิมมี่กลับแสดงตรงกันข้าม

 “ส่วนโคไพล็อตก็คนเดิมของเรา คุณมอริสค่ะ” โคไพลอตมอริส ลุกยืนทักทาย

 “วันนี้เฟิร์สคลาสตกเป็นของ คุณโดนัลด์กับคุณเบลล่า แขกวีไอพีดูให้ดีนะจ้ะ ว่าไม่ต้องการผักขมลงในจานสลัด และไม่ต้องการมะเขือเทศในซุปมื้อเย็นด้วย” สองหนุ่มสาวลุกยืนรับคำ พร้อมรับเอกสารสำคัญในมือของโรสรอยด์ไปนั่งทบทวน

 “โอ้ว้าว... สำหรับบิวสิเนส คลาสของเราวันนี้...มีสจ๊วตหนุ่มหน้าใสถอยมาจาก JAL เสียด้วย... ยินดีต้อนรับค่ะคุณทิมมี่ และเธอด้วยนะเอลลี่ คุณสองคนได้รับหน้าที่นี้ดูแลผู้บริหารโซนี่มิวสิคข้อบังคับมีอยู่ในแผ่นนี้นะจ้ะ” ทิมมี่ลุกขึ้นพร้อมกับเอลลี่ พลางสายตาของลูคัสยังคงจับจ้องชายหนุ่มหน้าขาวไม่วางตา

 “ส่วนชั้นประหยัดวันนี้ก็เซ็ตเดิม คุณรอยัล คุณเดสซี่ คุณบีเวอร่าและคุณแนพคิน สี่สหายที่ผูกตายกันทุกไฟลท์บิน รอบนี้ผู้โดยสารแน่นมากนะขอบอก คุณสี่คนอาจจะต้องรับมือกับผู้โดยสารจู้จี้ขี้บ่นจนกว่าจะไปถึงบอสตันเลยทีเดียว” สองสจ๊วตและสองแอร์ฯผู้ได้รับหน้าที่ดังกล่าวต่างพยักหน้ารับคำและชูมื้อขึ้นสู้ตายอย่างไม่เกรงกลัว ใช่..สี่คนนี้รับมือกับผู้โดยสารเรื่องมากมาแล้วนับไฟลท์ไม่ถ้วน และยังได้รับโล่ดีเด่นว่าทั้งสี่เป็นผู้เก็บอารมณ์และมีความอดทนได้ยอดเยี่ยมอีกเสียด้วย...
แน่ล่ะ ไม่มีผู้โดยสารชั้นไหนจะวุ่นวายได้เท่ากับชั้นประหยัดอีกแล้ว...จ่ายตั๋วถูกแต่กลับวางท่าเป็นราชา... แต่สี่คนนี้เขารับมือไหว คุณโรสรอยด์เธอไม่ต้องเป็นห่วงเช่นเคย..



           
++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++


ผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ เริ่มต่อแถวกันขึ้นรถบัสสีดำของดานอสซี่แอร์ไลน์ เพื่อตรงไปยังตัวเครื่องบิน และไม่ช้า.. การเริ่มต้นปฏิบัติงานครั้งแรกของดานอสซี่แอร์ไลน์ของทิมมี่ก็เริ่มต้นขึ้น..

 “Good afternoon, may I see your boarding pass,please?” ทิมมี่กล่าวขออนุญาตตรวจสอบบอร์ดดิ้งพาสเป็นภาษาอังกฤษเพราะเขาไม่สามารถคาดเดาได้ว่าผู้โดยสารตรงหน้าเป็นคนฝรั่งเศสหรือคนชาติอื่นกันแน่ ฉะนั้นภาษาสากลย่อมมาก่อนในยามที่พนักงานไม่สามารถหยั่งรู้...ขณะที่ทิมมี่ยืนอยู่หน้าประตูทางเข้าของห้องผู้โดยสารชั้น Business Class พร้อมกับเอลลี่ที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามของประตู และเมื่อชายหนุ่มได้ตรวจสอบบอร์ดดิ้งพาสแล้ว และมองเห็นชื่อบุคคลนั้นที่บ่งบอกว่าเป็นคนฝรั่งเศส เขาจึงขอบคุณเป็นภาษาบ้านเกิดทันที

 “ขอบคุณครับ ที่นั่งของคุณคือ 20 K อยู่ทางด้านขวามือของเครื่องครับผม”


           
++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++

                 

          หลังจากที่ผู้โดยสารทุกระดับชั้นเข้ามานั่งในห้องคาบิน หรือห้องโดยสารครบแล้ว เครื่องบินของสายการบินดานอสซี่ แอร์ไลน์ เริ่มติดเครื่องทำงาน... ทิมมี่ทำหน้าที่ในการพากษ์เสียงภาษาอังกฤษ โดยให้เอลลี่ทำท่าสาธิตวิธีการสวมใส่เสื้อชูชีพ และการใช้หน้ากากออกซิเจน รวมถึงแนะนำปุ่มต่างๆบริเวณที่นั่งผู้โดยสารทั้งปุ่มเรียกพนักงาน ปุ่มเปิดไฟอ่านหนังสือ แผงเสียบชุดหูฟัง หรือแม้แต่การใช้โทรทัศน์แบบ LCD ส่วนตัว และยังแนะนำให้ผู้โดยสารทบทวนวิธีการสาธิตดังกล่าวในเอกสารที่เสียบอยู่ในซองด้านหน้าอีกครั้งเพื่อความปลอดภัยอีกด้วย


         เมื่อเครื่องบินเริ่มเคลื่อนตัวออก และวิ่งไปตามรันเวย์อย่างช้าๆ เสียงกัปตันลูคัสจะดังผ่านลำโพงตามระดับชั้นต่างๆ เสียงอันนุ่มนวลชวนให้คนฟังรับรู้ได้ว่า เจ้าของเสียงคงหน้าตาหล่อเหลาชวนฝันไม่น้อย..เอลลี่เองก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน หากแต่ทิมมี่กลับเดินลงมานั่งในเก้าอี้พนักงาน และรัดเข็มขัดด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์กับเสียงของกัปตันหนุ่มที่กำลังประกาศให้ทุกคนอยู่ประจำที่และรัดเข็มขัดอย่างเคร่งครัด หลังจากเครื่องบินลอยลำอยู่บนน่านฟ้า ในเวลาสิบห้านาทีหลังจากที่ล้อเครื่องบินผละออกจากผืนรันเวย์แล้ว สจ๊วตและแอร์โฮสเตส ต่างคนต่างจะเริ่มทำงาน ...ทิมมี่เตรียมชุดหูฟัง และชุด Amenity Kits ซึ่งมีทั้งแปรงสีฟัน ยาสีฟันขนาดพกพา ที่อุดหู ที่ปิดตา และถุงเท้า เดินแจกให้แก่ผู้โดยสารทุกคนจนครบ ก่อนที่โทรศัพท์ด้านหลังห้องจะดังขึ้น เอลลี่รีบเดินไปรับ


 “ค่ะกัปตัน........ ค่ะ.... รอสักครู่นะคะ” เอลลี่วางสายโทรศัพท์ พร้อมกับทำสีหน้าราวกับสงสัยใส่โทรศัพท์ติดผนัง..ทิมมี่เดินกลับเข้ามาแล้วถามขึ้น

 “ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ?”

 “คือ...เมื่อกี้กัปตันโทร.มาสั่งกาแฟน่ะสิ” เอลลี่ตอบ แต่ทิมมี่ยิ่งทำสีหน้าสงสัยเข้าไปอีก

 “แล้วยังไง?”

 “ก็เขาบอกว่า... ให้นายเป็นคนเอาไปให้เขาน่ะสิ เอ่อ...รหัสประตูห้อง 7070 นะ”

 “หา?...” ทิมมี่ได้ยินดังนั้นความสงสัยที่มีเริ่มกระจ่าง กัปตันหนุ่มต้องการหาเรื่องอะไรเขาแน่ๆ ทิมมี่แสดงสีหน้าหงุดหงิดทันที ก่อนที่จะเดินตรงเข้าไปในห้อง GALLEY หรือห้องครัวนั่นแหล่ะ แล้วเตรียมแก้วกาแฟกับถาดและจานรองมาวางเตรียมไว้พลางหยิบซองกาแฟมาฉีกอย่างไม่สบอารมณ์ และเอลลี่ก็ตามเข้ามา เธอมองเห็นสีหน้าของทิมมี่แล้วอดสงสัยอีกไม่ได้

 “ง...งั้น... เดี๋ยวฉันเอาเครื่องดื่มไปเสิร์ฟผู้โดยสารก่อนแล้วกันนะ”

 “ไม่ต้องเอลลี่!” ทิมมี่ค้านขึ้น ขณะที่หญิงสาวชะงัก เมื่อกำลังจะเดินไปที่รถเข็นบรรทุกเครื่องดื่มด้านในของห้อง.. เธอมองทิมมี่ด้วยสีหน้าสงสัยเช่นเคยกับท่าทีดังกล่าวที่ราวกับทิมมี่โมโหอะไรมาอย่างนั้นแหล่ะ

 “เธอเอากาแฟนี้ไปให้กัปตันแล้วกัน เดี๋ยวฉันเอาเครื่องดื่มไปเสิร์ฟเอง”

 “ต...แต่ว่า...” หญิงสาวทำมือทำไม้ราวกับนั่นไม่ใช่หน้าที่ของเธอ แต่ทิมมี่กลับตัดบท

 “โอเค..ขอบคุณมาก..” ชายหนุ่มยื่นถาดกาแฟพร้อมกับกาแฟร้อนๆในถ้วยที่ชงเสร็จแล้ว ให้กับเอลลี่ที่ยืนอ้าปากกว้างอย่างไม่เข้าใจอะไรทั้งสิ้น... อารมณ์และบรรยากาศแปลกๆของทิมมี่ทำให้เธอต้องทำตามที่ชายหนุ่มพูดอย่างเลี่ยงไม่ได้ ในขณะที่ทิมมี่ต้องปั้นหน้ายิ้มออกไปเสิร์ฟบริการเครื่องดื่มอย่างแย่งหน้าที่ของเธอไป เอลลี่ยืนกดรหัสอยู่หน้าห้องค็อกพิทหรือห้องกัปตัน เมื่อทันทีที่ประตูเปิด กัปตันหนุ่มหน้าคมรีบหันขวับมามองด้านหลังทันที.. สายตาดูจะตกใจเล็กๆกับคนที่นำกาแฟมาให้..ไม่ใช่คนที่เขาคาดคิดเอาไว้

 “...อ่าว...แล้ว...?”

 “คือ... ทิมมี่เขากำลังเอ่อ...เสิร์ฟเครื่องดื่มอยู่น่ะค่ะ...เอ่อ ไม่ทราบว่ากัปตันมีเรื่องอะไรกับทิมมี่หรือเปล่าค่ะ ...หากจะสั่งอะไร
ผ่านดิฉันไปก็ได้นะคะ” กัปตันหนุ่มรับกาแฟจากเอลลี่มาด้วยสีหน้าหงุดหงิดเล็กๆ ขณะที่โคไพลอตอย่างมอริส ก็ทำหน้าสงสัยไปด้วยเหมือนกันกับท่าทีไม่สบอารมณ์ของลูคัสตั้งแต่นั่งประจำเครื่องแล้ว

 “ไม่มีอะไร... ขอบคุณมากคุณเอลลี่....” เอลลี่ผงกศีรษะเล็กน้อย ก่อนที่จะเดินออกมาจากห้อง ด้วยสีหน้าที่ไม่เข้าใจอะไรทั้งสิ้นเช่นเคย


++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++


          ตลอดระยะเวลาการบินนั้นทิมมี่แทบจะไม่คิดอะไรในหัวเลยนอกจากความฟุ้งซ่านเกี่ยวกับเรื่องของน้องสาว... เขาไม่รู้เลยว่าจะทำอย่างไรให้กัปตันลูคัส กลับไปขอโทษเทเลอร์และทำให้เธอกลับมามีความสุขอีกครั้งหนึ่ง แม้ทิมมี่จะรู้ดีว่ามันคงยากและอาจจะไม่มีวันหรอกที่กัปตันลูคัสจะกระทำเช่นนั้น.. แต่เขาจะไม่ยอมให้น้องสาวของตัวเองต้องตกอยู่แต่ในความทุกข์แบบนี้แต่ฝ่ายเดียวหรอก หากลูคัสไม่คิดจะรับผิดชอบความรู้สึกใดใดของน้องสาว ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ลูคัสนั่นแหล่ะที่จะต้องเดือดร้อนและรับผลกรรมของตัวเองอย่างเจ็บปวดไม่ต่างอะไรกับที่น้องสาวของเขาเจอ


          เครื่องบินของสายการบินดานอสซี่ แอร์ไลน์ เทียบท่าอากาศยานโลแกน ในเขตบอสตัน รัฐแมตซาซูเซตส์ ของสหรัฐอเมริกาในช่วงเย็น เหตุที่มาเร็วเป็นพิเศษกว่าทุกครั้ง ก็เพราะไฟลท์นี้ เครื่องไม่แวะลงรับส่งผู้โดยสารที่ประเทศอังกฤษ เป็นไฟลท์ของเครื่องบินโดยสารพิเศษ สำหรับแขกวีไอพีและคณะแขกผู้มีระดับเท่านั้น ฉะนั้นเวลาที่เหลือมากกว่าเดิม 4-5 ชั่วโมงจากที่เคยมี ก็ทำให้เหล่าลูกเรือต่างรู้สึกโล่งอกมากขึ้นที่จะได้มีเวลาพักผ่อนและดินเนอร์ในที่แปลกๆนอกจากที่โรงแรมหรือทางสายการบินจัดให้อย่างที่เคย

เหล่าสจ๊วตและแอร์โฮสเตส เดินเรียงกันเป็นแถวในทางเดินยาวจากประตูเครื่องสู่ทางเข้าท่าอากาศยานขนาดใหญ่ ทิมมี่เดินเคียงไปกับเอลลี่ ตามคนอื่นๆด้วยฝีเท้าราวกับเร่งเร็วเกินกว่าปกติ เอลลี่เองก็รู้สึกเช่นนั้น เมื่อเธอต้องเดินตามชายหนุ่มให้ทันพลางเข็นกระเป๋าสัมภาระของตนเองตามไปด้วย ด้วยความทุลักทุเล

 “นายรีบไปไหนเหรอทิมมี่! จะรีบไปช้อปปิ้งหรือไง นี่เพิ่งจะหกโมงกว่าๆเองนะ ยังไม่ทันมืดเลย” ทิมมี่ทำหน้ากระอึกกระอักราวกับเขาไม่ได้ต้องการจะทำอย่างนั้น หากแต่เขาก็ไม่สามารถบอกเธอได้ว่าเขากำลังรีบปั่นขาตัวเองให้รีบเดินเพื่อหลบเลี่ยงการปะทะคารมกับใครบางคนที่กำลังเดินจ้ำทำความเร็วพอๆกันทางด้านหลัง

 “ป..เปล่าหรอกเอลลี่ ค..คือ... คือฉันปวดท้องนิดหน่อยน่ะ”

 “หา? ปวดท้องเหรอ? นายกินสลัดเข้าไปหรือเปล่า ฉันเห็นนายกินแต่ซุปนี่ ท้องนายจะไม่ดีได้ไง?” ทิมมี่เริ่มรำคาญกับสิ่งที่อยู่รอบๆตัวเขา แม้กระทั่งเพื่อนใหม่คนนี้ ที่ระหว่างตอนที่อยู่บนเครื่องก็เอาแต่ถามเรื่องของเขากับกัปตันอยู่ไม่ยอมคลาย ชายหนุ่มไม่เข้าใจว่าเธอจะอยากรู้เรื่องของคนอื่นไปทำไมกัน

 “ไม่เป็นอะไรมากหรอก แต่ฉันอยากถึงโรงแรมไวไวน่ะ เธอเองก็ไม่ต้องรีบตามฉันก็ได้ เพราะยังไงเราก็คงพักคนละห้องอยู่แล้ว” ทิมมี่กล่าวจบ จากเดินก็กลายเป็นเดินวิ่งทันที เขาแซงเหล่าทีมลูกเรือรวมถึงเพอร์เซอร์ (Purser) หรือหัวหน้าเที่ยวบินอย่างคุณโรสรอยด์ไป พลางยิ้มบางๆให้เขาเหล่านั้นเพื่อขอโทษที่เดินแตกแถว...แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เขาแค่คนเดียวหรอกที่กำลังรีบ... กัปตันหนุ่มกับมาดที่เคยนิ่งสุขุมนุ่มลึก ในเวลานี้ก็เดินลิ่วๆแซงเพอร์เซอร์ไปอีกคนเช่นกัน ท่ามกลางสายตางุนงงของคุณโรสรอยด์ที่ได้แต่เดินช้าลงและมองคนทั้งคู่อย่างไม่เข้าใจ


++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++

           
               
-LOGAN AIRPORT HOTEL-


ทิมมี่ในตอนนี้ไม่ได้เดินเร็วเหมือนก่อนหน้านี้แล้วแต่อาจจะเรียกได้ว่า ชายหนุ่มวิ่งเลยมากกว่า... ใช่.. เขาวิ่งเข้ามาภายในโรงแรมแอร์พอร์ตหรูของท่าอากาศยานโลแกน ชายหนุ่มไปถึงเคาว์เตอร์รีเซพชั่นและไม่รอช้าที่จะเช็คอินห้องของตัวเองทันที


 “Hello, I’m Timmy Drawyer. I’m a steward from Danossy Airline, Could you check my room,please?” ทิมมี่เริ่มการเช็คอินด้วยการแสดงตนเป็นสจ๊วตของสายการบินทันที เพื่อที่จะได้พักฟรีตามสิทธิพิเศษของลูกเรือดานอสซี่ แอร์ไลน์

 “Your room number 709 ,sir” (ห้องของคุณหมายเลข 709ค่ะ)

 “Thank you…. I beg for my room card” (ขอบคุณครับ ผมขอบัตรเข้าห้องด้วย”

 “umm…. Sorry Mr.Drawyer, You must wait for room-mate before,sir” (อืม..ขอโทษค่ะคุณดรอว์เยอร์ คุณต้องรอให้เพื่อนร่วมห้องของคุณมาก่อนนะคะ) ทิมมี่ทำหน้าเหวอเมื่อได้ยินเช่นนั้น เพื่อนร่วมห้องอย่างนั้นเหรอ?... นี่เขาไม่ได้นอนเดี่ยวหรือไงกันนี่ เฮอะ... ตลกดีนะ อย่าบอกนะว่าเจอห้องทวิ...

 “ห้อง Twin Room สินะ” เสียงของใครบางคน ตอบแทนความคิดของทิมมี่ที่กำลังเกิดขึ้นในเวลานี้.. เสียงนั้นมาจากด้านหลัง
และทิมมี่ก็รู้ดีก่อนที่เขาจะตัดสินใจหันไปมองคนๆนั้น...ใช่.. เขารู้ดีว่าคนที่ยืนมาดสง่างามอยู่ด้านหลัง แต่แอบเหงื่อตกเล็กน้อยจากการที่วิ่งตามมาคนนั้น เป็นใคร...


ทิมมี่ถอนใจก่อนที่จะมองกัปตันหนุ่มที่เดินมายืนเคียงข้างกันกับตัวเขา พลางกัปตันหนุ่มหล่อตรงหน้าแนะนำตัวเองกับรีเซฟชั่นนิสต์ว่า... เขาเป็นใคร


 “oh… You rest with Mr.Drawyer?” (โฮ่ คุณพักห้องเดียวกับเขาใช่มั้ยคะ)

 “Yes,ma’am… in case that… I beg for our room keys,please” (ใช่ครับคุณผู้หญิง ถ้าอย่างนั้นผมขอการ์ดของเราด้วยนะครับ) ทิมมี่ทำหน้าราวกับคนที่กำลังตกใจมาก เมื่อได้รู้ว่าตนเองจะต้องพักอยู่กับใครในคืนนี้

 “มีอะไรเหรอ? มองหน้าฉันอย่างกับฉันไม่ใช่คนอย่างนั้นแหล่ะ..... รึว่าเธอคิดว่าฉันไม่ใช่อยู่แล้ว?.... ถึงได้เอาแต่จะหนีหน้าฉันอยู่ตลอด” ทิมมี่ได้ยินดังนั้น รีบทำสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติ

 “เฮอะ... หนีคุณงั้นเหรอ? ทำไมผมจะต้องทำอย่างนั้นด้วยคุณกัปตัน?”

 “ก็ไม่รู้สินะ... นายไม่คิดว่านายทำอย่างนั้นหรือไง?” คำถามอันแสนน่ารำคาญและน่าเจ็บใจสายการบินของตัวเอง ชายหนุ่มไม่คิดว่าเพอร์เซอร์จะจัดห้องให้เขาอยู่กับคนแบบนี้ ทั้งๆที่ความเป็นจริงแล้ว กัปตันก็ควรจะพักอยู่กับโคไพลอตมากกว่ามันช่างเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงจริงๆ ... และเท่าที่เขาเคยอยู่ JAL มาก่อน เขาก็เห็นว่ากัปตันของสายการบินนั้น ได้พักห้องเดี่ยวพักคนเดียวเสียด้วยซ้ำไป.. จะมีใครรู้บ้างมั้ยว่าเขาเกลียดกัปตันคนนี้จนแทบอยากจะอาเจียนออกมาด้วยความขยะแขยงเลยด้วยซ้ำ

 “เอ้า! นี่ไง... การ์ดของนาย..เอาไปคนละอันสิ” กัปตันหนุ่มยื่นการ์ดใบหนึ่งให้ ทิมมี่รับมาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะรีบเดินตรงไปที่ลิฟต์ ท่ามกลางสายตาที่ยังจับจ้องพฤติกรรมประหลาดนั้นของชายหนุ่มผิวหยก... อย่างไม่วางตา.. กัปตันหนุ่มเดินไปยืนอยู่ข้างๆทิมมี่ ก่อนที่ลิฟต์จะเปิดออกและทั้งสองก็ก้าวเข้าไปยืนอยู่ในลิฟต์พร้อมๆกัน...ภายในลิฟต์ที่เงียบสงัด และผนังลิฟต์ก็ดันเป็นกระจกทั้งสี่ด้าน ทำให้ทิมมี่ไม่สามารถละสายตาให้ออกจากใบหน้าของกัปตันหนุ่มไปได้แม้จะสักมุมเดียว รอยยิ้มกลั่นแกล้งของลูคัสยังมีให้เห็น และคำพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้ชายหนุ่มผิวหยกต้องรู้สึกเจ็บใจมากยิ่งขึ้น ก่อนที่ประตูลิฟต์จะเปิดออกในเวลาต่อมา..


 “รู้เอาไว้ด้วยนะคุณดรอว์เยอร์........ ไม่ได้มีแค่แอร์โฮสเตสเท่านั้น...... ที่หลงใหลคนอย่างผม........หึ..... ไม่เว้นแม้แต่....”


ทิมมีเดินพรวดออกมาจากลิฟต์ทันทีที่ประตูเปิดออกมาโดยไม่รอที่จะให้กัปตันหนุ่มได้พูดอะไรออกมาทำให้เขารู้สึกปั่นป่วนอีก ในขณะเดียวกันกัปตันหนุ่มได้แต่ยืนยิ้มอย่างทะนงตนและพอใจกับท่าทีของเด็กหนุ่มไม่น้อยเลยทีเดียว


++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++


TBC.

หายไปหลายวัน เพราะไปอยู่ในที่กันดารมา 555+

มาต่อแล้วนะคะ เดี๋ยวดึกๆมาลงอีกตอน^^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ silverphoenix

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +347/-3
อั๊ยๆๆๆๆ  พระเอกหลงตัวเองว่ะ  (เรื่องจริงชัดๆ = ='')

ทิมมี่  อย่าไปยอมนะลูก!!!

คนเขียนก็สู้ๆเด้อ  ^^

บวกเป็ด

littleFiNgeR

  • บุคคลทั่วไป

FLIGHT FIVE : OVER NIGHT
             



          ทิมมี่ยืนมองตัวเองอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ภายในห้องน้ำสุดหรูของห้องพักแบบเตียงคู่ หรือแบบ Twin Room อันแสนแพงในชั้น VIP ซึ่งเป็นสิทธิพิเศษที่พนักงานเจ้าหน้าที่หรือลูกเรือของดานอสซี่ แอร์ไลน์ จะได้พักผ่อนที่นี่ฟรี ในทุกครั้งที่มีการโอเวอร์ไนท์ค้างคืนจากการบินไม่ว่าจะมาจากประเทศใดก็ตาม สีหน้าของชายหนุ่มในกระจกและนอกกระจกก็คงจะเหมือนกัน สีหน้ายุ่งเหยิงหงุดหงิดเมื่อต้องมาร่วมหลับนอนอยู่ภายในห้องเดียวกันกับคนที่เขาแสนเกลียดชังตั้งแต่แรกที่ได้ยินชื่อจากปากของน้องสาว..

          ชายหนุ่มมองไปที่ราวแขวนผ้าภายในห้องน้ำที่มีผ้าเช็ดตัวของกัปตันหนุ่มพาดเอาไว้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้กัปตันหนุ่มได้ชิงชำระล้างร่างกายก่อนเขา กลิ่นหอมจากร่างของชายหนุ่มที่สาวๆหลายคนปรารถนาจะได้สัมผัส แต่ชายหนุ่มหน้าหยกกลับรู้สึกแขยงกลิ่นที่ฟุ้งไปทั่วห้องอาบน้ำในเวลานี้ ขนาดยังคิดว่ากลิ่นน้ำยาล้างส้วมแรงๆยังจะน่าสูดดมมากกว่ากลิ่นของผู้ชายสกปรกคนนั้นเสียอีก ประตูห้องน้ำถูกเปิดออก ชายหนุ่มในชุดคลุมอาบน้ำเดินออกมา สายตาสะดุดไปที่กัปตันหนุ่ม ที่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าและนั่งราวกับรอเพื่อที่จะพูดกับเขาอยู่บนเตียงหลังใหญ่ของตนเอง



 “มีอะไร...มองทำไม?...” คำถามห้วน พลางชายหนุ่มเช็ดผมตัวเองและเดินผ่านร่างสง่างามนั้นไปที่เตียงหรือมุมพักผ่อนของตัวเอง


 “มองไม่ได้หรือไง?... ส่วนใหญ่ใครๆก็รู้สึกพอใจนะ ที่ถูกฉันมอง...” ทิมมี่รู้สึกร้อนไปทั่วหัวทั้งๆที่ตัวเองสระผมมาแล้ว..


 “ทำไมคุณถึงไม่ลงไปดินเนอร์ฮ้ะ?...คุณจะมัวแต่มานั่งหาเรื่องให้ผมหงุดหงิดเพื่ออะไรกัน?” ทิมมี่ถามพลางหันหน้ามามองกัปตันหนุ่มด้วยสายตาหงุดหงิดเกินกว่าคำพูดที่ได้บอกออกไป ขณะที่กัปตันหนุ่มราวกับจะไม่แยแสความรู้สึกของหนุ่มหน้าขาวเท่าไหร่นัก แถมยังยิ้มบางๆราวกับพอใจที่จะได้ยุแหย่คนอย่างทิมมี่อีกด้วย


 “แล้วเพื่ออะไรที่นายจะต้องหงุดหงิดใส่ฉันด้วยล่ะ?......ทั้งๆที่คนอื่นๆในเที่ยวบิน ฉันก็เห็นนายพูดคุยกับเขาดี...นายทำอย่างกับว่านายโกรธฉัน เพราะฉันไปทำอะไรให้นายอย่างนั้นแหล่ะ ถามจริงๆนะ... บอกฉันได้มั้ย... ว่านายโกรธหรือเกลียดฉันเรื่องอะไร... หากเป็นลูกผู้ชาย... หันมานั่งคุยกันหน่อยซิ” สีหน้าและท่าทางของกัปตันดูเอาจริงเอาจังเมื่อตอนท้ายของคำพูดดังกล่าว ในขณะที่สายตาของทิมมี่ตอนนี้ กำลังมองเขาด้วยสายตาเย้ยหยันที่ทำให้กัปตันหนุ่มรู้สึกหงุดหงิดพิกล


 “แต่คุณเองก็ไม่ใช่ลูกผู้ชายนี่ครับ... หรือคุณจะบอกว่าคุณเป็น?” ลูคัสเริ่มทนไม่ไหว กัปตันหนุ่มลุกออกจากเตียงพลางเดินไปที่ร่างของชายหนุ่มหน้าขาวที่บริเวณเตียงด้านข้าง แล้วเอามือจับหัวไหล่ทั้งสองข้างของชายหนุ่มพลางบีบอย่างแรงและเขย่าหลายครั้ง จนทิมมี่รู้สึกตกใจ


 “นายต่างหากที่หาเรื่องฉัน!! บอกมาสิ!! ฉันไปทำอะไรให้นายโกรธ!! บอกฉันมาสิ! บอกมาสิ!” ฝ่ามือข้างหนึ่งที่บีบหัวไหล่นุ่มอยู่นั้นมันเผลอไปดันเสื้อคลุมให้เปิดกว้างออก ในขณะที่ทิมมี่ไม่ได้รู้สึกอะไรกับการกระทำที่อุกอาจเช่นนี้ แต่สายตาของกัปตันหนุ่มเองกลับลดต่ำมองเนินหน้าอกขาวของชายหนุ่มตรงหน้า พลางแสดงสีหน้าสะอึกเล็กน้อย ราวกับเกิดความรู้สึกประหลาดอะไรบางอย่างกับตัวเอง ในขณะที่ทิมมี่นั้นผลักร่างสูงใหญ่ของเขาออกห่าง แต่ก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่ากัปตันหนุ่มกำลังตะลึงอะไรบางอย่างในตัวเขาอยู่


 “ไม่จำเป็นที่คุณต้องรู้หรอก.... ถึงเวลาจะรู้คุณก็รู้เอง..... เชิญคุณออกไปดินเนอร์กับสาวๆของคุณตามสบายเถอะครับ...
เชิญ!” ทิมมี่ผายมือไปทางประตู พร้อมชักสีหน้าท้าทาย แต่ก็แอบหายใจแรงเพราะอารมณ์บางประการเมื่อได้อยู่ใกล้กับบุคคลที่มีเสน่ห์รุนแรงอย่างกัปตันลูคัส



          ในขณะที่กัปตันหนุ่มนั้นถอนใจและละสายตาออกจากแผ่นอกและหัวไหล่ขาวของทิมมี่พลางยกมือและใช้นิ้วชี้ขึ้นมาเขย่าเบาๆตรงหน้าหนุ่มหน้าอ่อนราวกับมีความหมายว่า อย่าทำเป็นอวดดี ประมาณนั้น..และเขาก็ตัดสินใจเดินออกไปจากห้องด้วยท่าทางที่หงุดหงิดทันที... ทิ้งให้ทิมมี่มองตามไปด้วยสายตาขุ่นเคือง




 “คนแบบนี้น่ะเหรอ...ที่ทำให้เธอรักเธอหลงน่ะ...เทเลอร์!?”




++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++
                           
                         
 

          ทิมมี่เดินออกมาจากห้องพักพร้อมกับกระเป๋าเงินใบยาวของตัวเอง ชายหนุ่มตกใจเล็กๆเมื่อเดินออกมาจากห้องพบกับใครบางคนที่ยังคงไม่ไปไหน แต่กลับยืนกอดอกพิงอยู่บริเวณที่รูดคีย์การ์ดของห้องพลางสายตาเย็นชานั้น มองมาทางทิมมี่ราวกับยังไม่คลายความขุ่นในอารมณ์



 “..นี่คุณยัง...”


 “ก็รอนายอยู่นั่นแหล่ะ” ทิมมี่ชะงัก สีหน้าแสดงความสงสัย


 “รอ?... รอทำไม?”


 “รอไปดินเนอร์น่ะสิ” ชายหนุ่มตอบห้วนๆ ทิมมี่หันหน้าไปอีกทางพลางถอนใจอย่างเหนื่อยล้ากับการเผชิญหน้ากับคนที่เขาแสนจะเบื่อและสุดชังผู้นี้


 “ไม่มีแอร์สาวๆให้คุณหว่านเสน่ห์แล้วหรือไง? คุณจะมาอะไรกับผมนักหนากัน!”


 “มี.... แต่นายนั่นแหล่ะที่อะไรกับฉันนักหนา...ไป! ฉันหิวจะตาลายอยู่แล้ว” ทิมมี่มองแผ่นหลังของชายหนุ่มที่เดินนำออกไปด้วยความรู้สึกงุนงงกับพฤติกรรมของเขา ... เขาต้องการจะยั่วให้เราหงุดหงิดไปมากกว่านี้หรือไงนะ... ชายหนุ่มหน้าหยกยังคิดในใจอย่างสุดแสนที่จะระอา แต่อย่างว่า เขาก็ไม่อยากที่จะทำตัวให้มีพิรุธไปมากกว่านักหรอก



++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++
                   



 “คุณคงจะลำบากหน่อยนะ... เพราะคืนนี้มีผมอยู่ในห้องของคุณด้วย..คุณคงจะไม่ได้พักผ่อนกับแอร์สาวคนไหนได้...” ทิมมี่พูดขึ้น ขณะที่เขาเองกับกัปตันหนุ่มรูปหล่อนั่งอยู่ในโต๊ะอาหารสุดหรูในภัตตาคารระดับไฮคลาสของโรงแรมโลแกน ท่ามกลางสายตาความงุนงงของเพอร์เซอร์โรสรอยด์ รวมถึงโคไพลอตอย่างมอริส และรวมไปอีกกับพวกลูกเรือทั้งหลายแหล่ ที่มองมาทางกัปตันลูคัสอย่างประหลาดใจ ซึ่งตามปกติแล้วกัปตันลูคัสผู้วางมาดงามสง่าและไม่ค่อยสุงสิงกับเพื่อนบุรุษด้วยกันจะต้องนั่งดินเนอร์เพียงลำพังเหมือนทุกครั้งที่มีโอเวอร์ไนท์ หรือพักเครื่องลง... หากแต่คราวนี้ โต๊ะอาหารของกัปตันเสน่ห์เหลือร้ายกับมีชายหนุ่มหน้าขาวนั่งเชยคางพลางสนทนาด้วยท่าทางและกิริยาอย่างออกรส ความเป็นจริงแล้วสายตาคนอื่นอาจจะเห็นเป็นอย่างนั้น แต่ที่แท้จริงๆแล้วทิมมี่กลับสนทนาด้วยคำพูดถากถางร่วมกันกับกัปตันหนุ่มหล่อมากกว่า ผลัดกันใส่ผลัดกันถากอย่างไม่มีใครยอมใคร... ครั้งนี้เลยดูเหมือนจะเป็นการรับประทานอาหารที่แสนเอร็ดอร่อยและไม่รู้อิ่มเป็นครั้งแรกของกัปตันลูคัส



 “หึ...ทำไมนายถึงคิดว่าฉันจะต้องเกรงใจนายถึงขนาดนั้นล่ะ?” กัปตันลูคัสย้อนถาม สีหน้ากวนอารมณ์


 “.....คุณหมายความว่าไง?” ทิมมี่เองก็แสดงสีหน้าตอบรับที่ไม่สบอารมณ์เช่นกัน


 “หากฉันอยากจะนอนกับใครก็ตาม... ฉันก็ต้องได้นอน...รู้ไว้ด้วยไอ้เด็กโง่” สายตาเย้ยท้าทายและรอยยิ้มร้อยเล่ห์ของเทวดาหนุ่ม สร้างความเดือดดาลจนกระอักไปเต็มอกหนุ่มหน้าขาว ที่กำลังนั่งอดกลั้นกับคำพูดไม่มียางอายของกัปตันหนุ่มตรงหน้า


 “แม้นายจะนอนกรนอยู่ข้างๆฉัน.... ฉันก็กล้าที่จะทำอะไรกับคนที่ฉันอยากทำ!” ยังไม่จบ..


 “คุณที่สกปรกกว่าที่ผมคิดจริงๆ... ในสายตาคนอื่นคุณก็เป็นเทวดาได้หรอกนะ... แต่ความเป็นจริงที่ผมเห็นและได้รู้จักคุณมาเนี่ย... ผมคิดว่าคุณน่าจะเป็นแค่ซาตานที่แฝงอยู่ในร่างเทวดามากกว่า คุณลูคัส” กัปตันหนุ่มกำมีดและส้อมในมือแน่น..ราวกับรู้สึกพล่านมากขึ้นเมื่อได้ยินคำตอบโต้ที่แรงกว่า แต่เขาก็ยังยิ้มออกมาด้วยสีหน้าที่รู้เลยว่าฝืน


 “แสดงว่าที่ผ่านนี่... นายคิดว่าฉันสกปรกมาตั้งแต่แรกที่นายเห็นเลยใช่มั้ย?” สีหน้าที่เริ่มจริงจังกับอะไรบางอย่าง ทำให้ทิมมี่เริ่มรู้สึกต้องตั้งตัวอีกครั้ง เพื่อรับมือกับคำถามจู่โจมที่อาจจะทำให้เขาหลุดปากพูดอะไรบางอย่างออกมา ให้เขาเคลือบแคลงใจอีก


 “เปล่า... ผมก็แค่... คิดว่าผมเอง คงจะมองคนไม่ผิด”


 “ฮึ! หึหึหึ!” เสียงหัวเราะเบาๆในลำคอ แสดงให้เห็นว่ากัปตันหนุ่มนั้นเริ่มออกอาการหงุดหงิดเต็มสตรีมแล้ว... ขณะที่ทิมมี่เองก็กระดกคิ้วทั้งสองข้าง แล้วตัดไก่งวงเข้าปากพร้อมกับแสดงสีหน้าพออกพอใจ


 “นายยังไม่รู้จักฉันดีนะไอ้เด็กโง่!” กัปตันหนุ่มพูดเบาลง กับสีหน้าที่กลับจริงจังมากขึ้นทิมมี่วางมีดและส้อมลงกับจาน สายตาเหลือบมองใบหน้าที่เคร่งขรึมและดูดุดันขึ้นของชายหนุ่มตรงหน้าแต่เปล่าเลย..ทิมมี่ไม่ได้รู้สึกเสียววาบหรือสะทกสะท้านใดใดทั้งนั้น แต่กลับหยิบคูปองแลกเงินในกระเป๋าเงินออกมา แล้ววางลงกับโต๊ะของตนเองทำท่าว่าอีกไม่นานเขากำลังจะลุกไปจากตรงนี้ และให้บริกรมาเก็บคูปองแทนเงินสดของสายการบินไป... กัปตันลูคัสยังคงจ้องมองเจ้าของร่างอันขาวเนียนเกินบุรุษตรงหน้าที่กำลังทำท่าว่าจะลุกไปจริงๆ... แต่ทิมมี่ก็ยังไม่วายพูดทิ้งท้ายด้วยคำพูดที่ทำให้กัปตันหนุ่มไฟลุกขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่จะลุกออกไปจากตรงนี้...


 “คุณเองก็ระวังตัวของคุณไว้ให้ดีเหมือนกันนะคุณลูคัส...... เพราะผมคิดว่า.... ผมรู้จักคุณดี มากกว่าที่คุณรู้จักผมเสียอีก....
กู๊ดไนท์!”


           
++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++



                       
          การควบคุมอารมณ์นับเป็นข้อสำคัญและปัจจัยหลักๆสำหรับคนที่มาทำอาชีพนี้เหมือนกับทิมมี่ ดรอว์เยอร์... แต่ทว่า ในความเป็นจริงกลับกลับกัน ชีวิตจริงของเหล่าแอร์โฮสเตส สจ๊วต หรือแม้จะไปถึงระดับสูงอย่างโคไพลอตจนกระทั่งกัปตันก็ตาม มักจะไม่ได้สวยหรูอย่างที่คนอาชีพอื่นๆได้เพ่งมองกัน น้อยคนนักที่จะได้เป็นดั่งฝัน ที่หมายถึง “ฝันจริงๆ” แต่คนส่วนมากก็กลับมีปัญหาในเรื่องต่างๆ ที่คนเดินถนนทั่วไปเป็นกันอยู่ไม่แตกต่างแม้สักนิดเดียว


          ความอดทน นิยามของความสำเร็จแห่งอาชีพเทวดาและนางฟ้าผู้ใฝ่สูง ... ทิมมี่ยังคงยืนระงับอารมณ์ของตัวเองอยู่บริเวณระเบียงชั้นล็อบบี้ดาดฟ้าของโรงแรม ในคืนนี้ที่แขกของโรงแรมบางตาน้อยคนที่จะนึกสุนทรีย์มายืนดูดาวในยามค่ำคืนของสหรัฐฯ แต่ทิมมี่ก็ไม่ได้พิศวาสดาวเหล่านั้นนักหรอก แต่มันก็คงจะดีกว่า หากเขาจะยืนอยู่ตรงนี้ เพื่อรอให้กัปตันกวนประสาทคนนั้นหลับไปก่อน แล้วเขาค่อยคิดที่จะเดินกลับเข้าห้องในกลางดึก แม้เขาจะต้องยอมลดทอนชั่วโมงการพักผ่อนของตัวเองลงไป... แต่ขืนเข้าห้องไปในเวลานี้ ก็คงจะไม่ได้พักผ่อนอีกอยู่ดีนั่นแหล่ะ แต่แล้วในที่สุด... เมื่อชายหนุ่มหน้าหยกมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง มันบอกเวลาว่าห้าทุ่มแล้ว และเหมาะสมที่กัปตันหนุ่มเลือดร้อนผู้นั้นจะหลับอย่างสงบไปเสียที
..ทิมมี่เดินออกมาจากล็อบบี้และไม่ลืมที่จะวางคูปองแทนเงินสดไว้บนโต๊ะนั่งดื่มของตัวเองอีกด้วย



           
++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++

             

                           
          ชายหนุ่มหน้าขาวรูดการ์ดเข้ามาในห้องด้วยท่าทีที่เบาย่องราวกับเป็นขโมย หากแต่ความจริงแล้วตัวเขาเองไม่อยากที่จะปลุกกัปตันสกปรกนั่นให้ตื่นขึ้นมาหาเรื่องเขาได้อีก.. และเมื่อร่างสูงบางเข้ามายืนอยู่ในห้องพัก สายตาก็ทำหน้าที่เป็นประสาทสัมผัสแรกทันที มันกวาดมองไปรอบๆห้องพัก ซึ่งส่วนหน้าเป็นมุมรับแขกสุดหรู และด้านหลังเป็นประตูทางเข้าของห้องนอน...เงียบจัง... หลับแล้วมั้ง...ชายหนุ่มคิดในใจ พลางถอนใจออกมาแล้วเริ่มเดินอย่างเต็มฝ่าเท้า แต่แล้ว..


 “....อุ๊ย!!....ก...กัปตัน!...” ชายหนุ่มหน้าหยกหยุดชะงักทันที...ประสาทสัมผัสทางเสียงเริ่มทำหน้าที่แทนตาที่ยังมองอะไรไม่เห็นจากภายในห้องนอนตรงหน้านั้น เสียงซุบซิบ... เสียงหัวเราะ.... เสียงการขยับเขยื้อนของผืนผ้าบนเตียง...และเสียงของ...



ผู้หญิง!!



         ประสาทสัมผัสทางการได้ยิน มันสั่งการและประมวลผลต่อสมองของทิมมี่เป็นเสียงเหล่านั้น.. หึ.... ไอ้พวกเทวดาบ้าตัณหาเอ๊ย...นั่นคือถ้อยคำที่อยู่ในโสตประสาทของทิมมี่... ชายหนุ่มหน้าหยกเริ่มได้ยินเสียงผู้หญิงชัดเจนขึ้น และยังมีเสียงถอนหายใจแรงๆของกัปตันหนุ่มที่แสนคุ้นหู ชายหนุ่มหน้าหยกที่ยืนอยู่เบื้องหน้าทางเข้าห้องสวรรค์ของเหล่าทวยเทพในตอนนี้ยืนกำหมัดแน่น สีหน้าบ่งบอกถึงการกลับมาของความเคียดแค้น... สติและสมองเริ่มตีกันนัว ความชั่วบางอย่างทวีให้ทิมมี่เห็นภาพน้องสาวของตัวเอง ในยามที่ต้องเสียน้ำตาให้กับผู้ชายสกปรกคนนั้นอีกครั้งจนได้!เสียงหญิงสาวที่เขาได้ยินจากด้านในนั้น.. ก็ไม่ใช่ใครอื่น... เธอคือ..เอลลี่... เพื่อนร่วมทางของชายหนุ่มหน้าหยกคนนี้นั่นเอง..


     หลังจากความแค้นที่ไร้ความคิดค่อยๆจางลงไป... สมองส่วนดีเริ่มทำงานและตอบสนองถึงแผนการบางอย่าง... ที่ทำให้ชายหนุ่มหน้าขาวผู้นี้... เกิดรอยยิ้มบางๆบนสีหน้าที่เยือกเย็น.. มันเป็นรอยยิ้มของ “ผู้ชนะ” บนสนามการต่อสู้กลางอากาศโดยที่ฝ่ายตรงข้าม หรือคู่ต่อสู้ที่เป็นอริศัตรู....ไม่มีโอกาสได้ไหวตัวทัน!




           
++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++




-ท่าอากาศยานโลแกน เวลา 08.30 น.-



          กัปตันหนุ่มในชุดเครื่องแบบสง่างาม ตรงเข้ามาสู่ทางเดินยาวที่เชื่อมต่อระหว่างตัวอาคารผู้โดยสารและเครื่องบินลำยักษ์ของดานอสซี่ แอร์ไลน์... สีหน้าของกัปตันหนุ่มดูราวกับไม่ค่อยสู้ดีนัก สายตาคมกริบที่เต็มไปด้วยอารมณ์บางอย่าง สีหน้าเคร่งขรึมที่มากเกินกว่าปกติพาร่างสูงแข็งแกร่งของตัวเองก้าวตามเพอร์เซอร์โรสรอยด์ทัน ขณะที่หัวหน้าเที่ยวบินสาวยังคงเดินลากกระเป๋าของตัวเองอยู่อย่างเรื่อยๆและดูไม่รีบร้อนเหมือนเขา


 “คุณโรสรอยด์ครับ” เสียงนุ่มบาดใจสาวดังขึ้นจากด้านหลังหัวหน้าเที่ยวบินสาววัยฉกรรจ์


 “อ..อ้าว! แหมคุณลูคัส! ตกใจหมด มาไม่ให้สุ้มให้เสียง...มีอะไรหรือเปล่าเนี่ย? หน้าตาไม่ดีเลย?” เธอยังถามด้วยน้ำเสียงสดชื่นดี ซึ่งตรงกันข้ามกับเขา


 “ลูกเรือขึ้นเครื่องกันหมดแล้วเหรอครับ?” กัปตันหนุ่มถามเสียงเรียบๆ


 “ก็มีส่วนหนึ่งขึ้นไปรอเตรียมความพร้อมเพื่อต้อนรับผู้โดยสารในคาบินไงคะ... ส่วนอีกกลุ่มก็อยู่ในตัวตึกรอประกาศและนำทางเข้ามา...อ..เอ้อ...เดี๋ยวๆ... มีอะไรกับใครหรือเปล่าคะเนี่ย?”


 “เอ่อ.... แล้ว.... สจ๊วตใหม่ล่ะครับ?”


 “สจ๊วตใหม่...?.... สจ๊วตใหม่?...ใครหว่า...” เธอทำหน้าเหมือนนึกไม่ออก


 “ก็สจ๊วตบนชั้น Business ไงครับ! ที่ชื่อ..”


 “อ๋อๆๆๆ! แหม ... ทิมมี่น่ะเหรอ... โถ่เอ้ย เขาไม่สจ๊วตใหม่อะไรหรอก เขาเป็นสจ๊วตมาจาก JAL ตั้งเกือบปีแล้ว..เห้อ...ถึงว่าไอ้เราก็นึกไม่ออก... ทิมมี่น่ะเหรอคะขึ้นเครื่องตั้งแต่คุณมอริสยังไม่มาแล้วล่ะค่ะ”


 “เอ่อ.... นี่.... นี่ผมเข้าสายหรือครับ?”


 “อ๋อ ไม่ๆๆค่ะ ไม่เลย...ไม่รู้ทำไมเหมือนกันที่ทิมมี่กับคนอื่นๆวันนี้มาประจำตำแหน่งกันเร็วดีเหลือเกิน แต่เห็นว่าเมื่อคืนนี้... เด็กทิมมี่คนนั้นต้องเปิดห้องใหม่ เสียเงินตัวเองด้วยนะคะ... มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่าคะ?” กัปตันลูคัสรู้สึกหงุดหงิดแปลกๆ ทั้งๆที่สาเหตุดังกล่าวไม่น่าจะทำให้เขารู้สึกอารมณ์แบบนี้ได้ แต่หากเขากลับอุตส่าห์ประกอบกิจบางอย่างในคืนที่ผ่านมาให้เร็วที่สุดแล้วเผื่อเจ้าเด็กหน้าอ่อนคนนั้นจะขึ้นมา แต่ที่ไหนได้...กลับไม่เห็นโผล่เข้ามาเลยสักนิด...กัปตันหนุ่มรีบเดินนำคุณโรสรอยด์ไป ทิ้งให้หัวหน้าเที่ยวบินที่ยังคงงุนงง รีบจ้ำตามราวกับหล่อนอยากรู้อยากเห็นเสียเหลือเกิน



++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++



 “ทิมมี่... คือ... ฉันอยากจะถามนายว่า...” เสียงเอลลี่เอ่ยถาม น้ำเสียงสั่นเกร็งๆแปลกๆ ในขณะที่คนทั้งคู่กำลังจัดเตรียมชุด Amenity Kits ชุดใหม่สำหรับผู้โดยสารอย่างเงียบๆ แต่หล่อนก็แทรกความเงียบสงัดก่อนหน้านี้ ด้วยคำถามบางอย่าง ทำให้ทิมมี่ค่อยๆเงยหน้ามองหญิงสาวที่ยืนแพ็คของอยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าสงสัยราวกับว่าเขายังไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น หากแต่ความจริงแล้ว ชายหนุ่มรู้ดี ว่าเธอกำลังจะถามอะไร


 “คือว่า... เมื่อคืนนี้... ทำไมนายถึง.... ไปเปิดห้องพักใหม่ล่ะ?..” หล่อนถอนใจราวกับรู้สึกโล่งเมื่อได้ถามออกไปแล้ว แต่ความจริงนั้น ยังคงลุ้นกับคำตอบอยู่เหมือนกัน เธอกำลังคิดว่า...ทิมมี่เห็นอะไรบางอย่างที่เธอกระทำลงไปหรือเปล่า?...


 “ก็... อ๋อ...เมื่อคืนนี้....ฉัน...” ยังไม่ทันจะหาเรื่องปดตอบไป สายตาก็เหลือบมองใครบางคนที่มายืนนิ่งอยู่ด้านหลังของเอลลี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้... ทิมมี่เบิกตาโพลงราวกับตกใจเมื่อเห็นเขา ขณะที่เอลลี่ก็รู้สึกแปลกๆเมื่อได้เห็นสีหน้าทิมมี่พลางหันไปมองด้านหลังแล้วพลางตกใจตามกันไปอีกคน


 “คุณออกไปก่อนได้มั้ยเอลลี่.... ผม.... ต้องการคำตอบนั้น.... มากกว่าคุณ” เสียงกัปตันหนุ่มดูเรียบนิ่งแต่น่าขนลุกพิกล เมื่อสีหน้าที่เย็นชากลับส่งความหมายบางอย่างให้กับทิมมี่... แม้ชายหนุ่มหน้าหยกจะไม่เคยสะทกสะท้านต่อใบหน้าของเขาเลยสักครั้ง แต่ครั้งนี้... ทิมมี่รู้สึกว่า.. กัปตันลูคัส... กำลังหาช่องทางบีบให้เขาได้พูดความจริงเป็นแน่.. สายตาของทิมมี่กวาดมองไปรอบห้องอย่างไร้จุดหมาย เอลลี่รีบก้มศีรษะเดินผ่านร่างสูงสง่าไปด้วยความรู้สึกอึดอัดและเสียดายที่ไม่ได้ยินคำตอบนั้นจากปากของทิมมี่เอง...



 “เอาล่ะ.... นายจะบอกฉันได้หรือยัง.............. ทิมมี่!!”



++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++


TBC.



มาต่อแล้วนะคะ

แจ้งอีกครั้งว่าเรื่องนี้ผู้โพสต์ไม่ได้เป็นผู้แต่งเองนะคะ เพียงแต่นำเนื้อเรื่องมาลงเท่านั้นน้า^^

พบกันใหม่ตอนหน้าจ้าาาา

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13

สังคม นี้อะ ถ้าไม่ร้ายอยู่ไม่ได้หรอก

ออฟไลน์ silverphoenix

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +347/-3
เคยอ่านเรื่องเกี่ยวกับพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินมาหลายเรื่องแล้ว

พวกเขาต้องอดทนกับพวกลูกค้ามากจริงๆแหล่ะ  นับถือๆๆๆ

littleFiNgeR

  • บุคคลทั่วไป
FLIGHT SIX : นาทีของการเปิดโปง





 “บอก?.... บอกอะไร?” ทิมมี่ทำหน้าไขสือชวนให้กัปตันหนุ่มต้องหันซ้ายหันขวา กัดฟันแน่นอย่างหงุดหงิด


 “นาย.... ไป...ไหน...มา... เมื่อ...คืน!!” กัปตันหนุ่มเน้นเสียงลงหนักทุกๆคำในประโยค น้ำเสียงที่ราวกับไม่พอใจ ทำให้ทิมมี่นึกสงสัยว่าเขาจะหงุดหงิดตนเรื่องอะไรกันแน่? เขาจะไปนอนที่ไหนแล้วทำไมกัปตันเจ้าอารมณ์ผู้นี้ถึงต้องทำหน้าราวกับคนโมโหเช่นนี้ด้วย


 “อะไรกันกัปตัน?... คุณเป็นอะไรกับผม ผมถึงต้องรายงานคุณตลอดเวลาด้วย”


 “นายมันทำตัวน่าสงสัยนี่! อยู่ๆ... นายจะย้ายไปนอนที่อื่นทั้งๆที่ไม่ได้เอากระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเองไปด้วยเนี่ยนะ? แล้วเมื่อเช้าฉันตื่นมา กระเป๋าของนายก็หายไปแล้ว! นายเข้ามาในห้องตั้งแต่เมื่อไหร่กัน แล้วทำไมเข้ามาถึงไม่บอกฉัน!” น้ำเสียงเริ่มขุ่น และสีหน้าดูไม่พอใจขึ้นเรื่อยๆ...ทิมมี่มองสีหน้าของกัปตันหนุ่มตอนนี้แล้ว เริ่มเดาได้ว่า เขาคงนึกสงสัยอะไรบางอย่าง..ในตัวเขา


 “แล้วผมจะต้องปลุกคุณเพื่ออะไร?... เมื่อคืน... ผมก็แค่ขึ้นไปดูดาวครู่นึง แล้วก็ดื่มไปเยอะพอสมควร ผมพอใจที่อยากจะเปิดห้องอีก เพราะผมมีเงิน...แล้วก็ลืมเข้าไปเอาของเครื่องใช้ส่วนตัว... ก็เท่านั้นเอง”


 “แน่ใจเหรอว่าลืม?.......ไม่ใช่ว่า...” กัปตันหนุ่มเดินเข้าใกล้ร่างชายหนุ่มผิวขาวมากขึ้นเรื่อยๆ...ใบหน้าคมสันจ้องหนุ่มหน้าอ่อนด้วยความรู้สึกจับผิดอย่างไม่เกรงใจ


 “ไม่ใช่ว่านาย... เข้ามาเห็นอะไร... ก่อนที่นายจะออกไปหรอกนะ?!!...” สีหน้าของทิมมี่เริ่มคลายความวิตกลงพลางคลี่ริมฝีปากยิ้มออกมา และยังหัวเราะใส่หน้ากัปตันหนุ่มอีกด้วย.. ท่ามกลางสีหน้าตะลึงเล็กน้อยของกัปตันลูคัสที่มองเห็นปฏิกิริยาอันน่าสงสัยเบื้องหน้า



 “ฮะฮะฮะ~!”



 “นายขำอะไร!” คำถามห้วนๆแต่เสียงหนักหน่วง ทำเอาทิมมี่ต้องฝืนหัวเราะแล้วกลับมาทำหน้าเรียบนิ่ง


 “ก็ไม่ได้ขำอะไรหรอก... ก็กัปตันปล่อยมุขออกมาให้ผมขำทำไมล่ะ...”


 “ฉันไม่ได้ขำกับนายนะ..ไอ้หน้าอ่อน!” น้ำเสียงข่มลง เพื่อลดระดับความดังของเสียงที่ขัดกับอารมณ์ในสมองตอนนี้ ที่มันกำลังพุ่งพล่านอย่างเต็มที่..


 “กัปตันคิดว่าผมจะเห็นกัปตัน แก้ผ้าอาบน้ำหรือยังไงครับ?...ฮึ~! ผมนึกถึงภาพคุณตอนนั้น ผมก็เลยขำน่ะสิ... ผมว่าตอนนี้กัปตันเข้าไปนั่งทำอารมณ์ในค็อกพิทจะดีกว่านะครับ...ขืนกัปตันมือหนึ่งของเราอารมณ์รุนแรงมากไปกว่านี้... ผู้โดยสารรวมถึงลูกเรือทุกคน..คงจะแย่นะครับ” ทิมมี่วาง Amenity Kits ลงบนโต๊ะเข็นเรียบร้อยพลางกระดกคิ้วข้างหนึ่งอย่างยั่วประสาทกัปตันหนุ่มเบื้องหน้า


 “อย่าลืมสิครับ... เราทุกคนบนเครื่องบินลำนี้... ฝากชีวิตเอาไว้กับคุณนะ.... เอ้อ... ไม่ใช่แค่ฝากชีวิตนะครับ...แอร์โฮสเตส ‘บางคน’ บนเครื่องบินลำนี้.... เธอเองก็ฝาก ‘หัวใจ’..... ไว้ที่กัปตันด้วยเหมือนกัน” ทิมมี่เดินผละออกมาจากห้อง ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มสะใจ แล้วตรงไปบริเวณหน้า GATE ทางเข้าเครื่องเพื่อรอต้อนรับผู้โดยสารที่จะไปฝรั่งเศสทิ้งให้กัปตันหนุ่มยืนทุบกำแพงด้วยฝ่ามือที่กำแน่นพร้อมสายตาชิงชังที่ตามร่างของทิมมี่ไปพร้อมกับคำพูดที่แสนเจ็บใจไม่น้อย




 “ฝากไว้ก่อนนะ... ไอ้เด็กบ้า!”





++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++




          ในที่สุดการกลับสู่ผืนแผ่นดินฝรั่งเศสก็เป็นไปได้ด้วยดี แม้บรรยากาศระหว่างสจ๊วตหนุ่มและกัปตันผู้ทรงเสน่ห์และแววตาเหลือร้ายยังคงคลุมเครือกันอยู่.. ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ซึ่งทั้งตัวกัปตันหนุ่มเอง และเหล่าแอร์โฮสเตสหลายๆคน ที่มองเห็นพฤติกรรมของเทวดาหนุ่มเปลี่ยนไป หลังจากเครื่องจอดสงบในท่าอากาศยานแห่งปารีส กัปตันหนุ่มที่เคยยักคิ้วหลิ่วตาให้สาวแอร์ฯเพื่อเรียกหาชวนกันไปพักผ่อนหย่อนใจกันเช่นเคย แต่ครั้งนี้กลับแปลกไป ทุกสายตาแอบจับตาดูกัปตันหนุ่ม ที่มีสีหน้าร้อนรนต่ออะไรบางอย่าง



          หากแต่ความเป็นจริงนั้น ลูคัสกำลังรีบเร่งฝีเท้าของตนเองเพื่อตามให้ทันสจ๊วตหน้าอ่อนที่ตั้งแต่เครื่องลงจอดและเสร็จสิ้นภารกิจทุกอย่าง สจ๊วตหน้าหยกก็หายตัวไปราวกับไม่ได้มาเที่ยวบินเดียวกันเสียอย่างนั้น และความเป็นจริงอีกด้านหนึ่ง... ทิมมี่ก็กำลังเร่งฝีเท้าของตัวเองเข้ามาในศูนย์ลูกเรือเช่นเดียวกัน ความรีบร้อน ทำเอาทิมมี่ชนเข้ากับใครบางคน บริเวณทางเลี้ยวเข้าสู่ห้องล็อกเกอร์... ชายหนุ่มผมสีดำสนิทราวกับคนเอเชีย แต่ใบหน้ากลับเป็นชายชาวฝรั่งเศสโดยแท้ด้วยดวงตาเปี่ยมเสน่ห์และริมฝีปากที่มีมุมยิ้มเล็กน้อยอยู่ตลอดเวลา ซึ่งมองไปมองมา สีหน้าของเขาราวกับคนอารมณ์ดีกับทุกๆเรื่อง...
แม้กระทั่งตอนนี้ แม้เขาจะถูกชนอย่างแรง และทำให้กาแฟเย็นในแก้วที่เขาถือมากระเด็นตกลงไป แต่สีหน้าของเขาที่มองกลับมาทางทิมมี่ก็ดูเหมือนไม่ตื่นตกใจหรือฉุนเฉียวแต่ประการใดเลยสักนิด




 “ข..ขอโทษนะครับ! ผ..ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้คุณต้องเสีย...” ชายหนุ่มหน้ายิ้มดวงตาคมกริบถอนใจแต่ก็ยิ้มออกมากว้างขึ้น


 “ไม่เป็นไรหรอกครับ... เรื่องเล็กน้อยน่ะ”


 “ข..ขอโทษจริงๆนะครับ!” ชายหนุ่มผมดำ มองทิมมี่ด้วยสายตาสงสัย...


 “นี่คุณ?.... เป็นสจ๊วตใหม่เหรอครับ?” เขาเลื่อนใบหน้าเข้ามาอีกนิดเพื่อสังเกตรูปหน้าที่ไม่คุ้นตา ขณะที่ทิมมี่ยิ้มบางๆ แต่ท่าทียังดูเลิกลักรีบร้อน


 “ค..ครับ... ผมชื่อทิมมี่ครับ...ยินดีที่ได้รู้จักคุณ...”


 “เควิน ครับ... เควิน รัสเซลล์...ยินดีที่ได้รู้จักคุณเช่นกัน คุณทิมมี่...เอ่อ...” สีหน้าสงสัยยังคงไม่หมดไป


 “เอ่อ... คุณเพิ่งลงเครื่องใช่มั้ยครับเนี่ย? แล้วคุณจะรีบไปไหนครับ? กลับบ้านหรือ?” ทิมมี่พยักหน้าหงกๆ แล้วกันซ้ายหันขวา มองหน้ามองหลังราวกับคนที่กำลังวิ่งหนีใครมาแล้วกลัวตามทันเสียอย่างนั้นล่ะ แต่ความเป็นจริงมันก็ใกล้เคียง... ถึงแม้จะใช้คำว่า “หนี” ที่ดูเกินไปสักนิดนึงก็ตาม


 “อ..เอ่อ... คุณเควินครับ... ผ..ผมอยากรู้ว่า.. ศูนย์ลูกเรือของเราที่นี่... มีห้องคอมพิวเตอร์บ้างหรือเปล่าครับ?”


 “ห้องคอมพิวเตอร์?.....หมายถึงอะไรครับ? คุณจะเล่นเกมส์รึ?” ชายหนุ่มถามคิ้วขมวด


 “ม..ไม่เชิงครับ... ผมต้องการเครื่องไรต์......อ..เอ่อ ผมหมายถึง.... ผมต้องการจะไรต์แผ่นซีดีน่ะครับ”


 “อ๋อ! เข้าใจแล้วครับ... อ้อ อยู่ในห้องพักผ่อนของลูกเรือไงครับ? คุณยังไม่ได้เข้าไปหรอกหรือ?”


 “อ๋อ.... ยังเลยครับ ถ้าอย่างนั้น ผมต้องขอบคุณมากนะครับ...เอ่อ.. แล้วคุณจะไปขึ้นเครื่องใช่มั้ยครับเนี่ย?” เควิน รัสเซลล์ ยิ้มพลางผงกศีรษะตอบรับ


 “ครับ... เบื่อจะแย่ ผมอยู่เที่ยวบินสายเอเชียน่ะครับ แต่ว่ารอบหน้าคงได้บินแถวๆนี้บ้าง ...เบื่อไปแล้วเอเชีย... มีแต่สงคราม..ฮะฮะฮะ~!”


 “อ..เอ่อ... ถ้าอย่างนั้นผมไม่รบกวนเวลาเตรียมตัวของคุณแล้วกันนะครับ... ผมขอตัวก่อนนะครับ” ทิมมี่กล่าว ขณะที่เควินก็ก้มศีรษะเล็กน้อยตอบรับหนุ่มรุ่นน้อง ทั้งอายุและวุฒิภาวะ


 “ตามสบายครับ...แล้วคงได้เจอกัน”


 “ครับ...โชคดีครับ” ทิมมี่รีบก้าวฝีเท้าต่อทันทีโดยไม่ได้เห็นสายตาของเพื่อนรุ่นพี่คนใหม่ ที่เขาหันมองตามไปด้วยสีหน้าที่ยังไม่คลายความงุนงงบางอย่าง... แต่ไม่ช้า ชายหนุ่มผมดำ..ก็เดินออกไปจากตรงนี้ ด้วยความรู้สึกโล่งใจที่ผังเที่ยวบินต่อไป เขาจะได้บินในยุโรปใกล้ๆเสียที



           
++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++
                           




-STITUE OF DANOSSY TRAINING ATTENDANT-
(สถาบันฝึกอบรมลูกเรือแห่งสายการบินดานอสซี่)




             
 “แต่งตัวดีมีชัยไปกว่าครึ่ง... Accessories ต่างๆ สำหรับแอร์โฮสเตสสาวๆอย่างเราก็จะต้องมีประดับติดหน้าติดตากันไว้บ้าง เช่น นาฬิกา และโดยเฉพาะต่างหู....ซึ่งเวลาที่พวกรวบผมเกล้าขึ้นไปจนหมดแล้ว ผู้โดยสารก็เห็นรูปหน้าอันน่าพิลึกพิลั่นของพวกเธอ...และอาจจะดูโล้นความรู้สึกเมื่อต้องเห็นสีหน้าอันไร้ความเป็นผู้หญิงของคนบางคน.. ฉะนั้นต่างหูคือปัจจัยสำคัญที่จะทำให้พวกเธอทุกคน ฉีกใบหน้าห่วยแตกเดิมๆของตัวเอง ให้มีราคาขึ้น..ซึ่งฉันขอย้ำไว้ก่อนว่าถ้าพวกเธอจะใช้ต่างหูไร้สกุลรุนชาติข้างถนนหรือที่วางขายตามพาร์คล่ะก็... ฉันขอให้เธอเอาความคิดแบบรสนิยมต่ำแบบนั้น ขยำทิ้งและปาลงชักโครกไปได้เลย!” วีว่า เลอคอติส.. ถ่ายทอดวิธีการสร้างบุคลิกภาพให้แก่บรรดาแอร์โฮสเตสสาวด้วยท่าทีและสีหน้าอันเป็นเอกลักษณ์ของความเป็นเธอ... ซึ่งนั่นก็สร้างอารมณ์คุกกรุ่นให้แก่เหล่าลูกเรือฝึกหัดไม่น้อย โดยเฉพาะเทลิซ่า ที่กำลังนั่งคันมือของตัวเองราวกับตกหิดเสียอย่างนั้น



 “หลังจากที่พวกเธอจัดการใบหน้าอันสุดเห่ยของตัวเอง ให้ดูสวยราวกับนางฟ้าแล้ว.... ขั้นตอนต่อไป ช่วงวินาทีแห่งความอัปยศอดสูจะเริ่มต้นขึ้นทันที..ที่เหล่าผู้โดยสารเดินผ่านเกตเข้ามาแล้วก็ทำหน้าปั้นปึ้งใส่พวกเธอราวกับเคียดแค้นกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน...แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่พวกเธอจะต้องพึงสังวรเอาไว้ก็คือ... ยิ้มเท่านั้นที่ครองโลก! อย่าคิดที่จะเดินเข้าไปแล้วตบใส่สักสองสามตุ้บ หากเธอทำเช่นนั้นล่ะก็...เธอคงจะโดนเด็ดปีกเป็นแน่.....บุคลิกต้องตาสร้างเสน่หาอันต้องใจ! เธอจะต้องยืนตัวตรง นั่งหลังตรง และเดินตัวตรง! แต่ฉันไม่ได้บอกให้พวกเธอเดินเชิดหน้าจนเตะเท้าผู้โดยสาร สะดุดหน้าคว่ำลงไปหรอกนะ... แล้วบนเครื่องบินก็ไม่มีขี้นกขี้ราให้เธอเชิดหน้ารอด้วย...ฉะนั้น.... เธอต้องดูดีอย่างพองาม อย่าดัดจริตจะก้าน และยิ้มทันทีที่มีเรื่อง... พวกเธอพอจะเข้าใจในสิ่งที่ฉันพูดมั้ย?” ทุกสิ่งทุกอย่างที่หล่อนพูด ทั้งความ “จริตจะก้าน” ที่เธอเปรียบเปรยออกมา ...ลูกเรือสาวทุกชีวิตรับทราบดีว่า... ทุกสิ่งที่เธอพูดนั้น เข้าตัวแม่คุณเธอเป๊ะๆ


 “คุณวีว่าคะ!” หญิงสาวในชุดกราวน์ของดานอสซี่ เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับยื่นหน้าอันสุดเห่ย(ในสายตาของวีว่า) และเอ่ยบอกหล่อน


 “มีคนมาขอพบค่ะ... เขาบอกว่าเขามีของสำคัญมาให้คุณ” วีว่า เลอคอติส แสดงสีหน้าสงสัย


 “ใครกัน... บอกให้เขาเข้ามาซิ” สีหน้าและน้ำเสียงไม่รับแขก แต่ก็บอกให้หล่อนผู้นั้นเดินไปเรียกมาพบแทนที่หล่อนจะมีมารยาทเดินออกมาจากห้องเสียเอง... เทลิซ่าอยากลุกไปทำอะไรบางอย่างกับวีว่าเหลือเกิน แต่อนาคตที่แสนสวยของเธอ... คงไม่ต้องการให้เธอทำเช่นนั้นแน่... และขณะที่ความคิดของเทลิซ่านั้นกำลังโลดแล่นอยู่อย่างเดือดดาล... ชายหนุ่มหน้าขาวเดินเข้ามาภายในห้องอบรมห้องนี้..ดวงตาของเทลิซ่าเบิกโพลงเล็กน้อย ราวกับตกใจเล็กๆที่เจอบุคคลตรงหน้าในเวลานี้... แน่นอน เธอรู้จักเขาดี..


 “นายเป็นใคร? อ้อ... ชื่ออะไรเนี่ย” วีว่าพยายามอ่านป้ายชื่อที่เข็มกลัดติดอกซ้าย

 “ผ
มชื่อทิมมี่ ดรอว์เยอร์... เป็นสจ๊วตใหม่ของที่นี่... ผมมีของสำคัญจะนำมาให้คุณ” ชายหนุ่มหน้าขาวดูมีท่าทางรีบร้อนที่จะพูด... แต่เขาก็รู้สึกว่ามีใครบางคนจ้องมองเขาอยู่...หากแต่ไม่ใช่เทลิซ่า.. แต่กลับเป็นกลุ่มผู้ชายหรือว่าที่สจ๊วตรุ่นใหม่ของสายการบินที่กำลังนั่งเป็นกลุ่มอยู่หลังห้อง แต่ทิมมี่ก็กลับไม่ได้สนใจกับสายตาที่กำลังจ้องมองอย่างตะลึงอะไรบางอย่างในตัวเขามากนัก... เขายังคงมองหน้าวีว่า เลอคอติส และตั้งอกตั้งใจพูด


 “อะไร?...”


 “มันอยู่ในซองเอกสารซองนี้... ผมขอแนะนำให้คุณพักการอบรมสักครู่เดียว... แล้วผมก็อยากให้คุณนำซีดีแผ่นนี้..... ไปเปิดดูในห้องทำงานของคุณ”


 “ซีดี?...ซีดีอะไร?” หล่อนยังแสดงสีหน้าสงสัยและยังถามไม่เลิก


 “เอาเถอะ...ผมนำมาให้คุณและจะบอกคุณเท่านี้แหล่ะ... ผมขอย้ำและแนะนำอีกครั้ง... ว่าคุณต้องดูเดี๋ยวนี้... และดูให้เร็วที่สุดด้วยนะ!” ทิมมี่กล่าวจบ เขาเดินกลับออกไปด้วยมาดราวกับคนที่แน่ต่ออะไรบางอย่าง... แต่เขาก็ยังสะดุดกับความรู้สึกประหลาดกับสายตาของใครบางคนในกลุ่มชายหนุ่มด้านหลังที่กำลังมองเขาอยู่อย่างไม่วางตา... ทิมมี่ตัดสินใจเดินพ้นออกมาจากห้อง.. แล้วทำสีหน้าครุ่นคิด





 “ใครกันนะ............................. สายตาของใคร!?”



           
++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++
                           
       


                     
          ทิมมี่เดินกลับมายังลานจอดรถบริเวณหลังตึกของอาคารศูนย์ปฏิบัติการฯ เขามองหารถของตนที่บัดนี้มันได้ถูกแปลงสีใหม่หลังจากที่ถูกชนคราวที่แล้ว ขณะที่ชายหนุ่มก้าวขึ้นรถและกำลังสตาร์ทเครื่องยนต์นั่น..



 แค่ก แค่ก แค่ก แค่ก แค่ก~!




เสียงเครื่องยนต์ดังไม่สบอารมณ์ทิมมี่ ชายหนุ่มหน้าขาวเดินลงจากรถ พลางไปยกฝาประโปรงรถด้านหน้าขึ้นมา
สายตาคู่สวยกวาดมองเครื่องยนต์ตรงหน้าด้วยความรู้สึกเซ็งเต็มเหนี่ยว



 “โอ๊ย! ชิ! บ้าจริงๆ... ขับยังไงให้น้ำมันเครื่องหมดเนี่ย!?” ชายหนุ่มสบถใส่ตนเองอย่างหงุดหงิด


“นั่นสินะ.... ขับรถประสาอะไร?... ปล่อยให้น้ำมันหมดไปเสียได้?” เสียงของใครบางคนจากด้านหลังทำเอาชายหนุ่มหน้าขาวสะดุ้งเฮือก พลันหันขวับไปมองเบื้องหลังด้วยสีหน้าตื่นตกใจไม่น้อยกับการปรากฏตัวของคนที่เขาพยายามจะหลีกเลี่ยง แต่ก็กลับมาพบกันอีกจนได้


 “น...นี่คุณ... มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?....ลานจอดรถของพวกกัปตันอยู่ด้านหน้าตึกไม่ใช่เหรอ!” กัปตันรูปหล่อยิ้มที่มุมปาก ก่อนที่จะหัวเราะดังหึเบาๆ


 “ฉันยังไม่รู้สึกเคลียร์กับนายเท่าไหร่... กับเรื่องบางเรื่อง” เขาพูดพลางชักสีหน้าราวกับพอใจที่ได้เห็นสีหน้าเมื่อครู่ของชายหนุ่มรุ่นน้อง


 “คุณอย่าพยายามยุ่งกับผมให้มากเลยดีกว่าคุณลูคัส... ผมรู้สึกทุเรศที่ต้องเห็นคุณเดินตามเพื่อที่จะถูกคาดคั้นกับเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง”


 “ก็ขอให้มันไม่เป็นเรื่อง จริงๆก็แล้วกัน!!” กัปตันหนุ่มกดเสียงเข้ม พลางทำสีหน้าขุ่นเคือง แต่ทิมมี่ก็มิได้ตื่นตระหนกหรือสะทกสะท้านกับท่าทีข่มขู่นั้นเท่าไหร่นัก


 “ขอตัวนะ ผมเหนื่อยมาก!” ทิมมี่เดินกลับไปเปิดประตูรถโดยไม่ลืมที่จะปิดกระโปรงหน้ารถลง แล้วเดินไปหยิบกระเป๋าถือสีดำของตนเองออกมาจากรถอีกครั้งหนึ่งทุกอริยาบถของเขายังถูกจับจ้องด้วยสายตาอันคมกริบของกัปตันหนุ่มทุกท่วงท่าทุกนาที


 “จะกลับยังไงน่ะ?” กัปตันลูคัสถามขึ้น ทิมมี่ถอนใจพลางล็อครถด้วยสีหน้าเรียบนิ่งและไม่คิดตอบ


 “ไม่ได้ยินหรือไง?” กัปตันหนุ่มถามขึ้นอีกครั้ง ทิมมี่เดินเลี่ยงออกมาจากบรรยากาศอันไม่สบอารมณ์แต่ก็ถูกกัปตันหนุ่มดึงข้อมือเอาไว้ได้


 “กลับกับฉันสิ... ฉันไปส่ง” น้ำเสียงออกคำสั่งทำเอาสจ๊วตหน้าอ่อนหยุดชะงัก


 “อะไรนะ?...” ทิมมี่ถามทวนพลางส่งเสียงสูง สีหน้าหนุ่มหน้าหยกราวกับไม่อยากเชื่อหูตัวเอง


 “อย่าทำหน้ากวนประสาทฉันอย่างนั้น ฉันไม่ได้พิศวาสอะไรนายนักหรอกนะ แต่อย่างไรก็ตาม.. ฉันจะต้องเคลียร์กับนายให้รู้เรื่องให้ได้! มาเดี๋ยวนี้เลย!” ลูคัสดึงข้อมือชายหนุ่มออกมาจากลานจอดรถลูกเรือ ท่ามกลางสีหน้าและความรู้สึกประหลาดใจไม่น้อยกับการกระทำของกัปตันหนุ่มผู้นี้.. พลางคิดในใจว่า ตัวเขาเองทำอะไรลงไปให้กัปตันผู้นี้รู้สึกว่าผิดปกติอย่างนั้นหรือ? ทำไมเขาถึงต้องพยายามเข้ามาหาความจริงกับเรื่องบางเรื่องให้ได้ แล้วทำไมป่านนี้.. วีว่ายังคงไม่มาปรากฏตัวอย่างที่เขาคาดเดาเอาไว้กันนี่!



++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++





“บ้านของนายนี่... ฉันว่าฉันคุ้นๆทางนะ” กัปตันหนุ่มกล่าว ขณะที่กำลังขับไปตามทางที่ทิมมี่บอกเรื่อยๆ สีหน้าของทิมมี่ดูขุ่นๆ พลางคิดในใจอย่างเจ็บแสบว่า ก็ใช่น่ะสิ.. คุณเคยมาส่งใครที่นี่บ่อยๆนี่...


 “อย่าทำหน้าแบบนั้นได้มั้ย? นายชอบทำหน้าเหมือนกับว่าฉันไปทำอะไรให้นายเคียดแค้นมากเสียอย่างนั้นแหล่ะ..” กัปตันลูคัสหน้ามุ่ยพอๆกัน แต่เขาต่างหากที่ไม่มีโอกาสรับรู้เรื่องบางเรื่องทีเป็นมูลเหตุเลย


 “อย่ามาใส่ใจกับหน้าของผมเลย... คุณควรจะเอาเวลาที่ว่างมากตอนนี้ไปทำประโยชน์หรือหาเวลาบำเรอตัวเองอย่างที่คุณเคยทำจะดีกว่านะครับ” คำพูดกระแทกแดกดัน แต่กัปตันหนุ่มเริ่มชินกับคนๆนี้


 “ไม่หรอก... ฉันก็พักผ่อนและบำเรอตัวเองมาแล้ว... นายเองก็น่าจะรู้ดีนี่... เมื่อคืนนี้นายเองก็เข้ามาในห้องนั้นด้วยไม่ใช่หรือ?” ทิมมี่ชะงัก! เมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าวของกัปตันหนุ่มที่กำลังมองตรงหน้าด้วยสายตาเย้ยหยัน



++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++



TBC.



littleFiNgeR

  • บุคคลทั่วไป
FLIGHT SEVEN : นางฟ้าสกัดปีก




 “คุณพูดอะไรของคุณ!?” ทิมมี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงติดขัด กัปตันหนุ่มยังคงนั่งยิ้มอย่างเจ็บๆกับสิ่งที่เขาคาดเดา


 “ช่างเถอะ.... มันจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริงก็ช่าง.... แต่สิ่งที่ฉันสนใจที่จะเคลียร์กับนาย มันไม่ใช่เรื่องนี้หรอก” กัปตันหนุ่มพูดเสียงเข้ม รถยังเหมือนจะขับเร็วไม่มีการชะลอแม้สัญญาณไฟข้างหน้าจะแสดงสีเหลืองให้เห็นแล้ว แต่ลูคัสก็ยังฝ่าไปอีกฝั่งของสี่แยกได้ด้วยสีหน้าและอารมณ์ไม่เกรงกลัวต่อทุกสิ่ง


 “เรื่องอะไรของคุณที่คุณจะเคลียร์? ผมไม่เห็นว่าเราจะมีอะไรต้องเคลียร์กันเลยสักนิด”


 “มีสิ!! ท่าทางของนายบอกฉันว่ามี!”


 “ไร้สาระน่ะ!”


 “ไม่หรอก...ถึงมันจะไร้สาระในความคิดของนายแต่คนอย่างฉันไม่ชอบให้ใครมาหยิ่งยโสด้วย โดยเฉพาะรุ่นอ่อนหัดอย่างนายแล้วล่ะก็...ฉันต้องการให้นายอยู่ในท่าทีที่เหมาะสมต่อวุฒิภาวะและตำแหน่งหน้าที่ต่อคนที่มีความรู้มากกว่าอย่างฉัน! ฉันไม่เคยเห็นใครอวดดีและจองหองกับฉันเท่านาย ฉันคิดว่าฉันคงต้องเคยทำอะไรบางอย่างให้นายโกรธมาก และหากมันเป็นเรื่องนั้นที่ทำให้นายแสดงท่าทีกับฉันแบบนี้ล่ะก็... ขอให้นายบอกฉันมาเดี๋ยวนี้... ว่าสรุปว่าฉันไปทำอะไรให้นายกันแน่!!”



ทิมมี่ยังคงนั่งนิ่งราวกับไม่ได้สนใจกับคำพูดเหล่านั้นทำให้กัปตันหนุ่มต้องเลี้ยวรถมาจอดอยู่ริมทาง โดยที่ได้รับเสียแตรสรรเสริญจากรถคันหลังตามมาดังสนั่นไปทั่วท้องถนน ทิมมี่ชะงักตกใจ



 “บ้าอะไรของคุณเนี่ย! ขับรถอย่างนี้ คราวหลังอย่าได้ชวนใครขึ้นรถนะ... ขอบคุณมากที่จอด ผมลงตรงนี้แหล่ะ!” ทิมมี่พูดน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ก่อนที่จะคว้ากระเป๋าสัมภาระของตัวเองออกมาจากรถแล้วเปิดประตูก้าวลงมาด้วยท่าทีรวดเร็วและไม่คิดขอบคุณ ขณะเดียวกันที่กัปตันหนุ่มเดินตามลงมา แล้วรีบตรงไปดึงข้อมือของทิมมี่เอาไว้ ก่อนที่ทิมมี่จะเตรียมโบกเรียกรถแท็กซี่


 “จะหนีไปไหนอีก! คิดว่าจะทำท่าแบบนี้กับฉันอีกนานเท่าไหร่ฮะ!” กัปตันเริ่มตะเบงเสียงอารมณ์โกรธ


 “ผมไม่มีอะไรกับคุณทั้งนั้นแหล่ะคุณกัปตัน! แค่เพราะผมไม่ชอบขี้หน้าคุณ คุณเข้าใจมั้ย!”


 “อะไรนะ!?” กัปตันลูคัสย้อนถามทวนด้วยน้ำเสียงสูง


 “อย่างที่ได้ยินนั่นแหล่ะ! ผมไม่ชอบผู้ชายอย่างคุณ!! ผมไม่ชอบขี้หน้าคุณ! เห็นแล้วมันหงุดหงิด! พอใจมั้ย!! ผมไม่มีอะไรจะเคลียร์นอกจากที่จะพูดกับคุณแบบนี้!! คุณลูคัส!” กัปตันหนุ่มอึ้งไป... ความรู้สึกประหลาดราวกับถูกของแข็งกระแทกอย่างแรง ไม่เคยมีใครพูดบอกความรู้สึกติดลบเช่นนี้ต่อหน้าต่อตาเขา... เขาไม่เคยว่าชีวิตและรูปลักษณ์ของเขาที่โดดเด่นและเป็นที่หนึ่งไร้ที่ติในความมั่นใจในตัวเองจะกลับมีใครบางคนนั้นมองเขาในแง่ตรงกันข้ามได้ถึงขนาดนี้... สายตาที่มองร่างของทิมมี่
ที่เดินออกห่างไปเรื่อยๆพร้อมกับสีหน้าเกลียดชัง กัปตันหนุ่มไม่ได้รู้สึกโกรธอย่างที่เขาควรจะเป็น... แต่ความรู้สึกทึ่งกับความเป็นตัวตนของสจ๊วตหน้าอ่อนตรงหน้าที่กำลังเดินจากไปมากกว่า.... ที่ทำให้เขานั้นรู้สึกร้อนๆหนาวๆได้อย่างแปลกพิกล






 “ไม่ชอบขี้หน้า??..... อย่างนั้นเหรอ!?”


           


          พูดไปคงไม่มีใครเชื่อ กัปตันหนุ่มผู้ที่ไม่เคยแคร์ความรู้สึกของใคร แต่กลับเอาเรื่องที่ดูไร้สาระอย่างที่ปากว่า นำกลับไปคิดจนฝันร้ายอยู่สองสามคืนที่เป็นอย่างนั้นก็คงเป็นเพราะใบหน้าเย้ยหยันและคำพูดของจองหองของทิมมี่ที่ยังฝังอยู่ในโสตประสาท ไม่ว่ากัปตันหนุ่มจะพยายามลบล้างออกไปด้วยเสียงเพลงคลาสสิคจากไอพอตหรือไม่ว่าจะทำวิธีใดเพื่อให้สมองพักผ่อนและเตรียมตัวสำหรับไฟลท์ต่อไปที่จะเริ่มออกเดินทางในวันต่อไป ซึ่งเป็นการเดินทางข้ามทวีป ระหว่างฝรั่งเศสไปถึงดินแดนอาทิตย์อุทัยหรือประเทศญี่ปุ่นนั้นเอง ใช่แล้ว..กัปตันหนุ่มต้องจมอยู่กับเวลาแห่งการพักผ่อน ที่มีแต่ใบหน้าของสจ๊วตหนุ่มจอมโอหังผู้นั้น อย่างไม่อาจหลีกหนีหรือข่มใจให้หลับสบายลงได้เสียเลย




++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++




          ในที่สุด ไฟลท์ไปญี่ปุ่นก็มาถึง...ทิมมี่เดินตรงเข้ามาในห้องของเทเลอร์ ขณะที่หญิงสาวเจ้าของห้องยังคงหลับสนิทด้วยความน่าสงสาร ผู้เป็นพี่ชายได้แต่ลูบศีรษะเบาๆ แล้วเอ่ยลาเป็นประจำเช่นทุกครั้งก่อนที่จะเดินออกมาจากห้องอย่างเงียบๆ



 “อ้าวทิมมี่?... วันนี้ทำไมมีบินเช้าจังเลย พักแค่สองวันเอง?” เทลิซ่าเอ่ยเมื่อเดินมาเจอกันที่ห้องโถง


 “วันนี้มีบินไกลหน่อย ไปถึงญี่ปุ่นนู่น...พูดแล้วก็นึกเบื่อเหมือนกัน” ทิมมี่เอ่ยตอบพลางขยับสูทให้ลงตัว


 “เอ้อ ถามหน่อยสิทิมมี่... วันนั้นนายเอาอะไรให้ยัยวีว่า เลอคอติสน่ะ?” สีหน้าของเทลิซ่าแสดงความสงสัยจนทำเอาชายหนุ่มหน้าขาวชะงักเล็กน้อย


 “ทำไมเหรอ?... เธอรู้อะไร?” ทิมมี่ถามด้วยสีหน้าจับผิด แต่หญิงสาวยักไหล่ก่อนตอบ


 “ก็ไม่รู้น่ะสิถึงได้ถาม...แต่นายรู้มั้ย...หลังจากที่ยัยวีว่านั่นเดินตามนายออกไป แล้วเข้าห้องทำงานไปทำอะไรสักอย่างหนึ่งนะ... แป๊บเดียวแหล่ะ เธอก็ออกมาสั่งให้พวกลูกเรือฝึกหัดอย่างฉันแยกย้ายกันไปว่ายน้ำเสียอย่างนั้นแหล่ะ! ขณะที่หล่อนยังไม่ได้บอกวิธีการทรงตัวเลยสักนิดเดียว ทั้งๆที่ตอนแรกหล่อนบอกว่าจะเกริ่นก่อนแท้ๆ แต่ในที่สุดก็ต้องรบกวนคุณวีสเตอร์ ครูฝึกสอนอีกคนจนได้... ฉันไม่เข้าใจอารมณ์ยัยนี่เลยจริงๆ ฉันว่านะ...ไอ้ที่หล่อนบอกว่าหล่อนได้รับหน้าที่อันน่านับถือตอนนี้น่ะ ฉันว่าจริงๆแล้วหล่อนโดนเฉดหัวลงมาสอนมากกว่า นิสัยอย่างหล่อนน่าจะตบแขกไปจนได้เรื่องน่ะแหล่ะ ว่ามะ?”


 “เวอร์น่ะ.... ฉันไปก่อนล่ะ ไม่อยากฟังเรื่องไร้สาระ... ไปนะ!” เทลิซ่ามองพี่ชายที่เดินตรงไปเรียกแท็กซี่หน้าบ้าน เนื่องจากรถยังส่งซ่อมไม่เสร็จ พลางหล่อนนึกขึ้นได้


 “เฮ่! ทิมมี่!! นายยังไม่ตอบฉันเลยนะ ว่านายให้อะไรกับยัยวีว่าน่ะ!! ทิมมี่!! เดี๋ยวสิ!!” เมื่อเทลิซ่าวิ่งตามออกไปแต่ก็ไม่ทัน... ท่ามกลางสายตาของเทเลอร์ที่แอบเดินลงมาจากชั้นบน ด้วยสีหน้าสงสัยกับคำถามของเทลิซ่าว่า... ทิมมี่... ให้อะไรแก่วีว่ากันแน่นะ!?


           



         ทิมมี่เดินเข้ามาในตึกของอาคารศูนย์ปฏิบัติการฯลูกเรือและตรงขึ้นมายังชั้น9 ซึ่งเป็นชั้นของสายการบินดานอสซี่ แอร์ไลน์ที่เวลานี้เขาสังกัดอยู่ และได้เซ็นสัญญาตลอดระยะเวลาถึง 5 ปี ชายหนุ่มผิวปากเดินเข้ามาในห้องล็อกเกอร์ชายด้วยสีหน้าสดชื่นผ่องใส แต่ทุกอิริยาบถก็สิ้นสุดลงเมื่อชายหนุ่มหน้าขาวต้องผงะกับการเผชิญหน้ากันอีกครั้งของกัปตันหนุ่มที่ยืนกอดอกท่าทางมาดนิ่งภายในล็อกเกอร์แถวเดียวกันราวกับกัปตันหนุ่มกำลังยืนรอเขาอยู่อย่างไรอย่างนั้นแหล่ะ




 “สวัสดีกัปตัน” ทิมมี่ฝืนยิ้มก่อนทัก ซึ่งมันเป็นสีหน้าของอารมณ์เย้ยหยันที่สร้างความรู้สึกเจ็บแสบให้กับกัปตันมากขึ้นไปอีกจากก่อนหน้านี้ที่เขาก็ยืนรอสจ๊วตหน้าละอ่อนตรงหน้าด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองอยู่แล้ว


 “สาแก่ใจนายแล้วสินะ...” คำพูดทักตอบสั้นๆน้ำเสียงขุ่นมัวกลับทำให้ชายหนุ่มหน้าขาวชะงักไปเล็กน้อย ขณะที่กำลังเปิดล็อกเกอร์ค้างไว้ และหันหน้ามามองเขาด้วยสีหน้าสงสัย


 “สาแก่ใจ?..... อะไร?” ทิมมี่รู้สึกไม่เข้าใจ


 “นายทำให้คนอื่นถูกพักงาน.. สมใจนายแล้วสิ... นายต้องการจะแกล้งคนอื่นแบบนี้เองน่ะเหรอ” ทิมมี่ชะงักอีกครั้ง สีหน้ามุ่ยมากขึ้นเมื่อได้ยินเรื่องที่ฟังแล้วไม่เข้าใจ


 “คุณหมายความว่ายังไง?.... ใครกันถูกพักงาน... แล้วทำไมคุณถึงต้องมากล่าวหาว่าผมแกล้งด้วย!” ทิมมี่ตอบโต้ และไม่ทันระวัง! กัปตันหนุ่มสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บใจ พาร่างอันสูงแกร่งตรงเข้ามาพร้อมจับหัวไหล่สจ๊วตหนุ่ม พลางบีบแน่นอย่างสุดกลั้น สายตาที่มองทะลุผ่านใบหน้าขาวบ่งบอกถึงความร้อนแรงและความเดือดดาลเป็นที่สุด


 “ก็นายไม่ใช่หรือไง!! ที่เป็นคนเอาซีดีที่นายบันทึกเอาไว้ตอนที่ฉันกับเอลลี่อยู่ด้วยกันในโรงแรม ไปให้วีว่า เลอคอติสดูน่ะ!!
เป็นนายไม่ใช่หรือไงเล่า!” กัปตันหนุ่มตะคอกเสียงถาม ขณะที่ทิมมี่พยายามตั้งสติไม่ให้รู้สึกตื่นกลัวกับท่าทางที่ดุดันของชายหนุ่มตรงหน้าพลางสลัดร่างของตัวเองให้หลุดออกจากฝ่ามือที่บีบแน่นอยู่นั้นแล้วตอบโต้กลับทันที


 “ใช่แล้วจะทำไม!! แล้วฉันไปทำให้ใครโดนพักงาน!! ใคร!”


 “เอลลี่ ยังไงล่ะ!!” คำตอบของกัปตันหนุ่ม ทำเอาทิมมี่ชะงักอึ้ง... ชายหนุ่มหน้าขาวนึกถึงเอลลี่ เพื่อนร่วมเที่ยวบินที่เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะให้หล่อนมารับกรรมจากการกระทำของเขาเลยสักนิด... เป้าหมายที่ควรจะเป็นกัปตันหนุ่มบ้าตัณหาผู้นี้ แต่กลับตกไปอยู่กับนางฟ้าตัวเล็กๆที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร แต่ถูกมนต์ตัณหาของเทวดาชั่วตรงหน้า ที่ทำให้เธอต้องพลอยถูกพักงานไปอีก ที่เธอเพิ่งจะได้กลับมาทำงานอีกครั้งแท้ๆ


 “เป็นยังไง!! สาแก่ใจนายแล้วสิ!!” กัปตันหัวเราะห้วนๆในลำคออย่างเย้ยหยัน เมื่อเห็นสีหน้าที่เจื่อนลงของทิมมี่..


 “นายคิดจะทำอะไรฉัน! บอกมาเดี๋ยวนี้นะ!!” กัปตันหนุ่มตะคอกเสียงถามอีกครั้ง ก่อนที่จะตรงเข้ามาผลักสจ๊วตหนุ่มไปติดล็อกเกอร์ด้านหลัง และเอามือขึงร่างนั้นเอาไว้ให้อยู่นิ่ง... สีหน้าของทิมมี่ยังคงตะลึงกับการกระทำของตัวเองอยู่...


 “บอกฉันมา! นายต้องการอะไรจากฉัน!! ทำไมนายถึงต้องโกรธและเกลียดฉัน!! ฉันไปทำอะไรให้นาย! ฉันไปทำอะไรให้นาย!! บอกมาเซ่!!” ทิมมี่รู้สึกสั่นเทาแปลกๆเมื่อถูกจู่โจมด้วยร่างกายอันแข็งแกร่งตรงหน้า...ใบหน้าคมสันอยู่ห่างใบหน้าของทิมมี่ไม่ถึงคืบ ลมหายใจอุ่นๆเป่ารดกันด้วยความรู้สึกที่แตกต่าง คนหนึ่งกำลังหายใจหอบด้วยความร้อนรนราวกับไฟที่ถูกเติมเชื้อ ส่วนอีกคนกลับหายใจหอบราวกับคนที่กำลังจะหายใจไม่ออก เพราะบรรยากาศรอบๆที่แสนจะอึดอัดเสียเหลือเกิน


 “คุณไม่มีวันรู้หรอกคุณลูคัส.... ถ้าหากคุณไม่อยากให้ผม... หาเรื่องคุณอีก..... ผม..... จะขอย้ายผังเที่ยวบินเอง.....” ทิมมี่พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนระทวย ด้วยความรู้สึกเหมือนตัวเองนั้นนิสัยแย่เหลือเกินที่ทำให้คนที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยต้องพลอยเดือดร้อนไปอีกคน...


 “ว่าไงนะ?..... นายคิดจะหนีฉันอย่างนั้นเหรอ...”


 “ก็ถ้าคุณไม่อยากจะเจอเรื่องซวยๆแบบนี้อีก! ผมก็จะทำแบบที่ผมบอกคุณไปนั่นแหล่ะ! เพราะขืนผมอยู่ไฟลท์เดียวกับคุณ... ไม่มีวันและเวลาไหนที่ผมจะมีความสุข.... ผมรู้สึกแย่ทุกครั้งที่เจอคุณ... ผมเกลียดคุณมาก... คุณรู้เอาไว้เสียด้วย!!” กัปตันลูคัสอึ้งไป...เมื่อได้ยินเช่นนั้น อะไรกันนะ ที่ทำให้เด็กหนุ่มตรงหน้าเกลียดชังเขาได้ถึงขนาดนี้...อะไรกันที่ทำให้เขาได้เห็นสีหน้าของความเคียดแค้นชิงชัง ทั้งๆที่เขาเองก็ไม่รู้สึกมาก่อนเลยว่าได้ทำอะไรกับเด็กหนุ่มตรงหน้านี้ไปอย่างไรบ้าง... มีอะไรบางอย่างในคำพูดดังกล่าวที่ทำให้ชายหนุ่มนิ่งอึ้งและความโกรธราวกับจะค่อยทลายไปอย่างที่ไม่ควรจะเป็น ทั้งๆที่ได้ยินคำพูดว่าถูกเกลียดแล้วแท้ๆ...แต่ทำไมเขาเองกลับรู้สึกประหลาดราวกับไม่อยากให้มันเป็นเช่นนั้น


 “นายรู้อะไรมั้ยไอ้เด็กบ้า.... นายทำให้ฉัน.....รู้สึก....” เสียงที่อ่อนลงของกัปตันหนุ่ม..พร้อมกับการกระทำบางอย่าง... ที่ทำให้ทิมมี่อึ้งและไม่เคยคาดคิด... เมื่อใบหน้าอันคมสันตรงหน้า ค่อยๆโน้มลงมา...หาเขา! และช่วงวินาทีแห่งอารมณ์ประหลาดที่เข้าจู่โจมกัปตันลูคัสนั้นเอง


 “เฮ่!! หยุดนะ!!” เสียงใครบางใครดังขึ้นจากด้านหลังไม่ทันที่กัปตันหนุ่มจะหันไปมองว่าบุคคลคนๆนั้นเป็นใครก็ถูกฝ่ามือของเจ้าของเสียงดึงร่างเขาออกมา และเหวี่ยงออกไปจากร่างของทิมมี่ทันที...ขณะที่ใบหน้าซีดเผือดของทิมมี่หันมองชายหนุ่มในชุดเครื่องแบบสจ๊วตตรงหน้า ซึ่งเป็นคนที่เหวี่ยงร่างสูงนั้นออกไปจากเขาด้วยความที่ไม่กลัวเลยว่ากำลังกระทำอยู่กับบุคคลตำแหน่งที่สูงกว่าขนาดไหน



 “เข้ามายุ่งทำไม! เควิน!” กัปตันหนุ่มถามด้วยสีหน้าขุ่นเคือง เมื่อเห็นสจ๊วตหนุ่มที่ยืนกร่างอยู่ตรงหน้า ใบหน้าของเควินในตอนนี้แตกต่างจากเมื่อวันก่อนที่ทิมมี่ได้พบเห็นอย่างสิ้นเชิง.. เขาดูโกรธเคืองต่อบุคคลตรงหน้า ใบหน้ามองโลกในแง่ดีหายไปไม่เหมือนเช่นเคย... ทิมมี่พลางคิดในใจ... นี่น่ะหรือ? คนที่เขาชนจนแก้วกาแฟตกลงไปเมื่อวันก่อน?


“อย่ายุ่งกับเพื่อนของผม! กัปตัน!!” สีหน้าของเควินดูไม่พอใจจนทิมมี่รู้สึกว่า.. มันไม่ใช่แค่เรื่องของเขาแล้วล่ะที่ทำให้เควินไม่พอใจกัปตันหนุ่มมากมายขนาดนี้..ลำพังก่อนหน้า.. เควินกับกัปตันลูคัสคงต้องมีปัญหาอะไรกันมาก่อนเป็นแน่!


 “นายคิดว่าตัวเองเป็นใคร! นั่นน่ะหรือเพื่อนนาย! เฮอะ... ให้ตายเถอะ”


 “ผมขอเตือนอีกครั้งนะ... ครั้งนี้...ผมจะไม่ยอมให้คนอย่างคุณมายืนเบ่งอำนาจใส่ใครอีกแล้ว!” คำพูดของเควิน พาความคุกรุ่นให้แก่กัปตันอีกครั้ง แต่แล้วสัญญาณออดของศูนย์ฯกลับดังขัดจังหวะการสนทนาอันร้อนผ่าวของล็อกเกอร์แห่งนี้ตามมาด้วยเสียงของอลิซ เจ้าหน้าที่ประจำกราวน์สาวกล่าวเรียกลูกเรือเช่นเคย




 “ขอเชิญ กัปตันลูคัส กาโรล คุณโรสรอยด์ คุณมอริส และเจ้าหน้าที่ลูกเรือของสายการบินดานอสซี่ ประจำเที่ยวบิน DG 9690
ที่จะบินไปประเทศญี่ปุ่นในอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า ขอเชิญทุกท่านเข้าร่วมวางแผนการเดินทางพร้อมกัน ที่ห้องบรีฟวิ่งห้อง B .... ณ เวลานี้ด้วยค่ะ...ประกาศอีกครั้งนะคะ...” กัปตันหนุ่มขยับเนกไทต์ของตัวเองให้เข้ารูปก่อนที่จะแสดงสีหน้าขุ่นเคืองใส่เควิน แล้วหันสายตาอันคมกริบมาทางทิมมี่ที่ยังยืนหอบสั่นพิงล็อกเกอร์อยู่อย่างไม่เปลี่ยนท่าที กัปตันหนุ่มเดินผ่านทั้งสองมาช้าๆ พลางหันหน้ามามองทิมมี่ด้วยแววตาชิงชังอีกครั้งพร้อมกับคำพูดทิ้งท้ายเอาไว้ที่ทำให้ทิมมี่ยิ่งทวีความกังวลมากยิ่งขึ้น



 “อย่าลืมการกระทำของตัวเองแล้วกันนะทิมมี่.... นายต้องการจะทำลายฉัน ฉันไม่กลัวหรอก... แต่อย่าคิดหนีฉันเป็นอันขาด..... เตือนอีกครั้ง......... อย่าคิดหนี....... เพราะไม่ว่ายังไง! ฉันก็ต้องรู้ให้ได้... ว่านายต้องการอะไรจากฉัน!”





++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++








-ห้อง GALLEY ชั้นผู้โดยสาร Business Class บนเครื่องบิน เวลา 12.00 น. เครื่องบินลอยลำอยู่บนน่านฟ้าของประเทศอิตาลี-





 “นายยังไม่ได้บอกฉันเลยนะ... ว่าทำไมกัปตันถึงทำอย่างนั้นกับนาย?” เควินกล่าวขึ้นทำลายความเงียบ จนทำเอาทิมมี่สะดุ้งเล็กน้อย ขณะที่ตัวเองกำลังมัวแต่เหม่อลอยคิดแต่เรื่องเอลลี่อยู่ตลอด



 “ค..คือ... เรื่องมันยาวน่ะ... จริงๆแล้วไม่ใช่แค่นายคนเดียวที่ยังไม่รู้..... แม้แต่กัปตัน... ก็ยังไม่รู้เลย ว่าทำไมฉันถึงต้องทำแบบนั้น” ทิมมี่กล่าวเสียงลอยๆ ไม่รู้เมื่อไหร่ที่ทั้งคู่มายืนพูดคุยกันได้ราวกับเป็นเพื่อนกันมาก่อนหน้านี้เสียอย่างนั้น ซึ่งอันที่จริงแล้วเพิ่งจะได้คุยกันจริงๆก็วันที่ไฟลท์ตรงกันอย่างวันนี้เท่านั้นเอง แต่หากเพราะเควินเองก็ไม่พอใจและไม่ชอบขี้หน้ากัปตันลูคัสอยู่เป็นทุนแล้ว เควินเลยอยากจะรู้จักทิมมี่มากขึ้น เผื่อว่าในบางเรื่องที่เขาเคยประสบพบเจอมา จากวีรกรรมของลูคัส อาจจะตรงกันหรือเหมือนกันกับเขา..


 “เอาเถอะ..ถ้านายไม่อยากบอกไม่เป็นไร... ถ้างั้น ไวน์นี่ ฉันจะยกเอาไปเสิร์ฟก่อนแล้วกันนะ... เอ้อ ฝากดูคุณพอลด้วย วันนี้เขามา VIP”


 “อืม..โอเค..ไม่มีปัญหา” ทิมมี่รับคำ ก่อนที่จะเดินออกมาจากห้องครัวนั้น พลางถอนใจทิ้งเอาไว้อีกด้วย


           
          ทิมมี่เดินออกมาถึงที่นั่งของคุณพอล ผู้จัดการใหญ่ของบริษัทรถยนต์นิสซันน์ สจ๊วตหนุ่มรับรู้มาว่าเขาเป็นคนอังกฤษ และแน่นอนเขาต้องใช้ภาษาอังกฤษต้อนรับขับสู้อีกแล้ว...แต่น่าสงสัยว่าในตอนนี้คุณพอลกลับนอนหอบหายใจสั่น ราวกับคนหายใจไม่ออกอย่างไรอย่างนั้น ทั้งๆที่ตอนบรีฟก่อนขึ้นเครื่องทิมมี่ไม่ได้เห็นข้อมูลการเป็นโรคหอบหืดของเขาเลยสักนิดเดียว



 “You look pale. Is anything the matter with you?, Mr.Paul?”  (ดูคุณหน้าซีดนะครับ เป็นอะไรหรือเปล่าครับคุณพอล?) ทิมมี่ถามคุณพอลด้วยสีหน้าสงสัยและกังวล


 “I feel like throwing up.” (ผมรู้สึกคลื่นไส้น่ะครับ) คุณพอลกล่าวด้วยสีหน้าซีดเซียว


 “The Airsickness bag is on the seat pocket.”  (ถุงอาเจียนอยู่ในกระเป๋าที่นั่งนะครับ)


 “Oh!, I see.” (อ๋อ ผมเห็นแล้วครับ)


 “Do you need a glass of water?”  (คุณต้องการน้ำสักแก้วมั้ยครับ?)ทิมมี่ถามด้วยสีหน้ากังวลแทน


 “Yes,please.” (กรุณาด้วยครับ)


 “I’ll bring it right away.” (ผมจะนำมาทันทีครับ) ทิมมี่เดินกลับเข้ามาในห้องGalley ก่อนที่จะหยิบขวดน้ำดื่มออกมารินใส่แก้ว แล้วนำมาออกมาบริการคุณพอลด้านนอก สวนกับเควินที่กำลังเดินเข้ามา แต่ขณะที่ทิมมี่กำลังเดินไปถึงที่นั่งของคุณพอลนั้น ทิมมี่ก็ตกตะลึงไปเมื่อเห็นอาการบางอย่างของคุณพอลที่เรียกเสียงร้องให้กับคนรอบๆข้างเขาอย่างหวั่นวิตก


 “How do you feel now!? Mr.Paul!!”  ทิมมี่วางแก้วน้ำกับถาดลงบนพื้น พลางรีบปรี่เข้าไปที่ร่างของคุณพอลที่กำลังนั่งชักกะตุกอยู่บนที่นั่ง พาให้ผู้โดยสารรอบๆตัวเขาส่งเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจ... คุณพอลอาการเหมือนหนักขึ้นเรื่อยๆราวกับคนหายใจไม่ออกแล้วใกล้จะหมดลมหายใจ เควินเห็นท่าไม่ดีรีบวิ่งไปหยิบเครื่องปั๊มหัวใจพร้อมโทร.เรียกแอร์โฮสเตสจากชั้นอื่นๆขึ้นมาช่วย ทิมมี่ดึงร่างของคุณพอลลงมานอนราบกับพื้นแล้วบอกให้ทุกคนบริเวณนี้ถอยห่าง เพื่อให้อากาศไหลผ่านมายังเขา...ท่ามกลางวินาทีอันตื่นตระหนกของผู้โดยสารคนอื่นๆที่มองเหตุการณ์อย่างตื่นตกใจ





++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++


TBC.



โอ๊ะๆๆๆ เกิดอะหยังขึ้นน้อ.... อิอิ

ช่วงนี้มันต้องเร่งปั่นรายงานนิดนึง (2 เล่มแน่ะ กำหนดส่งพร้อมกันอีกตะหาก) คงจะยุ่งๆหน่อย

แต่ถ้าช่วงไหนมีเวลาว่างจะรีบมาต่อให้นะค้า!!!  ^_^



ออฟไลน์ silverphoenix

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +347/-3
ยาวววววว สะใจดีจัง  555

มิสเตอร์พอลจะเป็นอะไรมั้ยน้าาาาา

ตอนนั้นเควินก็ไม่น่าจะเข้ามาขัดจังหวะเลยเนอะ  เฮ้ออออ

รอน้าๆๆ  บวกเป็ดๆๆ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :z13: :z13: :z13: :z13:

ประกาส หาแพทย์ บนเครืาอลบินด่วนเรยยย

zeen11

  • บุคคลทั่วไป
เพิ่งเข้ามาอ่าน สนุกดีค่ะ อยากรู้ว่าทิมมี่จะจัดการนายกัปตันจอมหื่น หลงตัวเองยังไง  :laugh: :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ silverphoenix

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +347/-3
คนโพสหายไปหนายยยยย  หายไปสองเรื่องเลยน้าาา  T^T

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






sunshadow

  • บุคคลทั่วไป
อ้ากกกกกกกกกก กำลังสนุกเลยอ่า
เนื้อเรื่องเข้มข้นชวนให้ติดตามมากๆเลย
ปะทะอารมณ์กันได้มันจริงๆ

มาต่อเร็วๆนะคะ
เป็นกำลังใจให้อยู่จ้า

littleFiNgeR

  • บุคคลทั่วไป
FLIGHT 8 : การกลับมาของเทวดาเดินดิน
             



 “นับ 1 นับ 2 นับ 3! เคลียร์!” ทิมมี่นับ เควินประกบเครื่องชาร์จแล้วประทับกลางอกของคุณพอล แรงดันไฟฟ้าทำให้ตัวคุณพอลกระตุกขึ้น ท่ามกลางความตื่นเต้นของแต่ละคนรวมถึงบรรดาเหล่าสจ๊วตและแอร์โฮสเตส ขณะที่คุณโรสรอยด์เองก็โทร.แจ้งให้กัปตันหนุ่มและโคไพลอตทราบถึงเหตุการณ์ความเป็นไปภายในเครื่องด้วย... การช่วยชีวิตดำเนินต่อไปนานกว่า 15นาที จนกระทั่ง... คุณพอลลืมตาขึ้นพร้อมกับหอบหายใจดัง ทิมมี่กับเควินรีบประคองร่างของผู้โดยสาร VIP ผู้นี้ ขึ้นนั่งบนเก้าอี้ แล้วปรับเอนให้นอนลงเพื่อที่จะได้รับอากาศที่ถ่ายเทได้สะดวก ทิมมี่หันไปบอกเหล่าสจ๊วตและแอร์โฮสเตสที่มาจากชั้นต่างๆที่ยืนคอยช่วยอยู่ด้านหลัง พลางพูดด้วยสีหน้ายิ้มๆว่า


 “ขอบคุณทุกคนมากครับ... เชิญแยกย้ายทำหน้าที่เถอะครับ ทางนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว” เหล่าลูกเรือต่างยิ้มตอบรับ ก่อนที่จะเดินแยกย้ายกันไป.. ท่ามกลางความโล่งใจให้แก่เหล่าผู้โดยสารในชั้น Business Class ทุกคนให้กลับมาอยู่ในภาวะปกติด้วย... คุณโรสรอยด์เดินเข้ามาหาทิมมี่และเควินที่กำลังยืนอยู่ไม่ไกลจากคุณพอล

 “เป็นอย่างไรบ้าง? เรียบร้อยดีนะ?” คุณโรสรอยด์ถาม เควินพยักหน้าก่อนตอบ

 “ดีครับ คุณพอลค่อยยังชั่วแล้ว ผมคิดว่าน่าจะเกิดจากแรงกดอากาศน่ะครับ แต่น่าแปลกที่คุณพอลกลับมีอาการรุนแรงราวกับคนที่มีประวัติเป็นโรคหัวใจเสียอย่างนั้น” เควินถาม คุณโรสรอยด์ตอบยิ้มๆ

 “ใครก็เป็นได้ทั้งนั้นแหล่ะ แค่เป็นโรคภูมิแพ้ธรรมดาหรือหากน้ำในร่างกายมีไม่มากพอ หรือภูมิคุ้มกันไม่สามารถปรับตัวได้ทัน...อาการแบบนี้ก็อาจจะเกิดขึ้นได้ เอาล่ะ..ขอบใจทั้งสองคนมากเลยนะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว เดี๋ยวฉันไปเดินดูคาบินอื่นก่อนแล้วกันนะ”

 “ไม่ต้องเป็นห่วงครับ” เควินและทิมมี่ตอบพร้อมกัน ทิมมี่เดินเข้าไปที่คุณพอล ที่กำลังนอนลืมตาปรือๆอีกครั้ง


 “How do you feel now? Mr.Paul” (คุณรู้สึกอย่างไรบ้างครับตอนนี้?) ทิมมี่ถามสีหน้ายิ้มๆ


“I feel a bit better, Thank you very much” (ผมค่อยยังชั่วแล้วครับ ขอบคุณมาก)


            ++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++


ถึงประเทศญี่ปุ่น เครื่องบินถูกพักเครื่องและตรวจสอบสถานะเครื่องภายในท่าอากาศยานนาริตะ กรุงโตเกียว ทิมมี่กับเควินยังคงเตรียมตัวสำหรับอาหารและชุด Amenity Kits ชุดใหม่สำหรับผู้โดยสารที่กำลังจะขึ้นเครื่องเที่ยวบินต่อไปในอีก
45นาทีข้างหน้านี้ ทั้งคู่ไม่มีโอกาสที่จะได้ลงไปชอปปิ้งจับจ่ายใน Duty Free เหมือนกับเหล่าลูกเรือระดับชั้นประหยัดกันเลย...
หากเป็นเพราะความยุ่งเหยิงจากเหตุการณ์บนเครื่องบิน ทำให้ทั้งคู่ไม่ทันเตรียมตัวสำหรับของใช้ล็อตต่อไปทัน แต่คุณโรสรอยด์เองก็ยังคงมีน้ำใจลงไปชอปปิ้งแทนให้ ซึ่งอันที่จริงแล้วหล่อนก็แค่ถามว่าต้องการอะไรเป็นมารยาทเท่านั้นแหล่ะ แต่หล่อนอยากที่จะลงไปช้อปปิ้งมากกว่า และนั่นล่ะคือสาระสำคัญ เควินเผยให้ทิมมี่ได้รู้ภายในห้อง GALLEY ว่าลูคัสเคยทำให้เขาและแฟนสาว ต้องเลิกรากันก่อนหน้านี้แฟนของเขาเป็นแอร์โฮสเตสอยู่ที่นี่เหมือนกัน แต่เธอทำใจไม่ได้ ที่ต้องถูกลูคัสหลอกและยังจะเจอวีว่า เลอคอติสตามราวีอีก.. เธอจึงลาออกแล้วย้ายไปอยู่สายการบินอื่น และเขาก็ได้ข่าวไม่นานมานี้ว่า แฟนของเขาคนนั้น ได้แต่งงานใหม่ไปแล้ว


ทิมมี่ฟังดูแล้วไม่ค่อยต่างกันกับน้องสาวเขาเท่าไหร่ แต่ที่ต่างก็คงมีแค่ตัวเทเลอร์เองที่คิดสั้นไม่เหมือนกับแฟนสาวของเควิน...กัปตันคนนั้นมองเห็นผู้หญิงเป็นเพียงนกกระดาษเท่านั้นสินะ ทิมมี่คิดแล้วรู้สึกเจ็บแค้นแทนน้องสาวตัวเองอีกครั้ง




เควินเดินเข้ามาทำความสะอาดในห้องผู้โดยสาร ขณะที่ทิ้งให้ทิมมี่ยืนเตรียมเครื่องดื่มอยู่ในห้อง Galley เพียงลำพัง
แต่แล้วไม่ช้า ก็มีใครบางคนเดินตรงเข้ามาในห้องนี้ ทิมมี่หันมามองด้วยสีหน้าสงสัยแล้วก็ค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นสีหน้าของความหงุดหงิดไม่ช้า

 “เห็นหน้าฉันแล้วรู้สึกแย่ขนาดนั้นเชียวหรือ?” กัปตันหนุ่มถาม พลางยืนกอดอกพิงกับขอบประตูห้อง

 “ถ้ารู้ตัวก็ไม่น่าจะถามนะครับ” ทิมมี่ตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์ แต่สร้างรอยหม่นบนใบหน้าของกัปตันหนุ่มในเวลาเดียวกันนี้

 “นายไม่คิดจะรับผิดชอบกับการกระทำของนายใช่มั้ย?” คำถามด้วยน้ำเสียงเคืองๆ แต่กลับไม่ได้ทำให้ทิมมี่รู้สึกสะทกสะท้านเช่นเดิมอีกแล้ว ชายหนุ่มหน้าขาวกลับยิ้มเย้ยออกมาเพิ่มอุณหภูมิให้กับกัปตันหนุ่มเป็นสองเท่าตัว

 “เพื่ออะไรที่ผมจะต้องรับผิดชอบล่ะ?.... หึ... ผมอาจจะผิดที่ทำให้เอลลี่ต้องโดนพักงาน เพราะพลาดไปที่มัวแต่คิดว่าจะทำอย่างไรดีให้คุณ คนที่ผมรังเกียจกระเด็นออกไปจากตำแหน่งเทวดาของที่นี่... แต่ในเมื่อผลมันเป็นเช่นนี้ คุณไม่คิดแปลกใจบ้างเหรอ... ว่าทำไม... นางฟ้าของคุณแต่ละคน... มักมีจุดจบที่ทุเรศทุกๆคนจากการซึมซับความสกปรกในหัวใจของคุณทั้งสิ้น” กัปตันหนุ่มไม่อาจอดกลั้นได้อีกแล้ว เขาตรงเข้าไปเบื้องหน้าของร่างที่ตัวเล็กกว่าพลางกระทุ้งไหล่ทิมมี่อย่างแรงอย่างอดไม่ไหวจากคำพูดสบประมาทและความหมายอันร้ายกาจที่เขาได้ยิน

 “นายต้องการให้ฉันเป็นถึงขนาดนั้น... แสดงว่านาย... นายเคียดแค้นฉันมากจริงๆ... เหตุผลของนายถึงฉันจะยังไม่รู้นะทิมมี่... แต่ยังไง... ฉันจะไม่ยอมให้นายเล่นงานฉันฝ่ายเดียวแน่!” กัปตันกล่าวด้วยน้ำเสียงข่ม แต่ทิมมี่กลับยิ้มเย้ยคำพูดนั้นราวกับไม่เกรงกลัว

 “ผมจะแนะนำอะไรให้มั้ยกัปตัน... การที่คุณคิดจะต่อสู้กับผม... ผมว่าอันดับแรก... หากคุณไม่ต้องการให้คนรอบๆข้างคุณเดือดร้อนไปอีกล่ะก็... คุณควรจะไปกำราบภรรยาของคุณเสียก่อนดีกว่า” กัปตันลูคัสตรงเข้ามากระชากคอเสื้อของทิมมี่อีกครั้ง

 “ปากดีนักนะ! ใครเป็นภรรยาฉัน!”

 “อ้าว...ก็คุณวีว่ายังไงล่ะ...หึ... ผมขอบอกนะ... สิ่งที่ผมทำเมื่อวันก่อนนั้น มันจะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายแน่กัปตัน!...ถ้าหากคุณไม่อยากให้ใครเดือดร้อนไปอีกนอกจากตัวคุณ... คุณคงต้องจัดการกับเธอคนนั้นก่อนเป็นอย่างแรก”

 “สรุปว่า........ นายคิดจะทำลายฉันอยู่ใช่มั้ย!” สีหน้าดุดันและไม่ยำเกรงต่อหน้าอ่อนตรงหน้าสร้างรอยยิ้มอย่างเหนือกว่าบนใบหน้าของทิมมี่

 “ใช่!!.... ผมมาที่นี่... และเมื่อมาถึงตัวคุณขนาดนี้แล้ว...... ผม.... จองเวรกับคุณเรียบร้อยแล้ว!!” ชายหนุ่มยื่นอกให้กัปตันหนุ่ม มองป้ายชื่อบนหน้าอกของเขา ด้วยท่าทีแยบยลที่ไม่อาจทำให้เขาดูรู้ได้เลยว่าทิมมี่กำลังจะสื่อลางอะไรแก่เขา... หากแต่ความต้องการของทิมมี่นั้นมันซับซ้อนเกินกว่าที่ กัปตันหนุ่มผู้ไม่รู้สึกผิดต่อการกระทำของตัวเอง... จะจับผิดสังเกตได้ ... กัปตันหนุ่มเดินผละออกมาอย่างฉุนเฉียว และปะทะสายตากับเควินครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเดินออกไป


ทิมมี่กลับสู่ฝรั่งเศสอีกครั้ง แต่เหตุการณ์บางอย่างก็เปลี่ยนไปไม่เหมือนจากก่อนหน้านี้ คือหนุ่มหน้าหยกสังเกตเห็นกัปตันหนุ่มเดินมาดสุขุมเรียบนิ่งอย่างไม่สนอกสนใจเขา ไม่ได้เดินตามทิมมี่เหมือนก่อนหน้านี้อีก หรืออาจเป็นเพราะเควินที่ยังเดินตามหนุ่มหน้าขาวตลอดเวลาก็เป็นได้


 “เอ่อ... นายกลับบ้านยังไงเหรอทิมมี่?” เควินถาม ขณะที่ทั้งคู่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในล็อกเกอร์ชาย


 “อืม..แท็กซี่น่ะ”


 “แท็กซี่?... ป่านนี้น่ะเหรอ นี่ก็เกือบตี1แล้วนะ!? ทำไมนายไม่นอนพักที่นี่เลยล่ะ” เควินออกความเห็น


 “ไม่หรอก.. น้องสาวฉันไม่ค่อยสบายน่ะ ฉันทิ้งเธอไว้ลำพังไม่ได้หรอก”


 “อ๋อ....งั้นเหรอ...เอ้อ...แล้วบ้านนายอยู่ตรงไหนล่ะ?”


 “แถวนอธาดามน่ะ”


 “เฮ้ บ้านฉันก็เลยไปนิดเดียว..ให้ฉันไปส่งมั้ย? ฉันขับรถมา” เควินเสนอ ทิมมี่มองหน้าเควินอย่างขอบคุณ แต่ทิมมี่ก็ต้องปฏิเสธไว้ก่อน


 “ไม่เป็นไรหรอก ขอบคุณนะ”


 “เฮ้! เราเป็นเพื่อนกันแล้วนะ! นายไม่ต้องเกรงใจหรอกทิมมี่ ฉันไม่เหนื่อยเท่านายหรอกวันนี้”


 “อืม...เอางั้นเหรอ...” ทิมมี่ถามอย่างเกรงใจ


 “เอาสิ...ไป! ฉันไปส่ง” ทิมมี่กับเควิน เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดภาคพื้นดินเรียบร้อย ก่อนที่จะพากันถือกระเป๋าออกมาจากศูนย์ฯลูกเรือทางด้านหลัง ซึ่งเป็นลานจอดรถสำหรับลูกเรือ เควินพาทิมมี่ไปยังรถเก๋งเลคซัสของตัวเอง ทิมมี่เอ่ยขอบคุณอีกครั้ง ก่อนที่ไม่ช้า เควินก็พารถของตัวเองเคลื่อนออกไปจากสถานที่แห่งนี้...พร้อมกับรถสีดำเฟอร์รารี่ ของใครบางคนที่เคลื่อนตัวตามออกไปอย่างช้าๆด้วย!


   



 “ขอบคุณมากนะเควิน... อยากเข้าไปดื่มอะไรหน่อยหรือเปล่า? กาแฟร้อนเอามั้ย?” ทิมมี่ถามด้วยความเกรงใจและยินดี เมื่อเควินส่งเขาถึงหน้าบ้านด้วยความปลอดภัย


 “ไม่เป็นไรหรอก...วันมะรืนเจอกัน พรุ่งนี้ก็พักผ่อนแล้วกันนะ”


 “พูดผิดแล้ว วันพรุ่งนี้ต่างหากที่ต้องเจอกัน นี่ตีสองครึ่งแล้วนะ เข้าอีกวันแล้วเควิน”


 “อ...เออนั่นสิ... งั้นฉันรีบกลับไปนอนก่อนแล้วกันนะ แล้วเจอกันเพื่อน!”


 “ขอบคุณนะ ขับรถดีๆล่ะ”


 “บาย!” เควินขับรถออกไปโดยที่ทิมมี่ยืนมองจนรถของเขาหายลับไปกับทางโค้งด้านหน้า... ก่อนที่หนุ่มหน้าหยกด้วยสีหน้าที่เหนื่อยล้าจะพาร่างอันอ่อนเพลียของตัวเองเข้าบ้านไปอย่างอิดโรย...ท่ามกลางสายตาของใครบางคน ที่นั่งแสดงสีหน้าอึ้งราวกับเขาไม่คาดคิดต่อสถานที่ตรงหน้า! ชายหนุ่มในชุดเครื่องแบบกัปตันอันทรงเกียรติภายในรถเฟอร์รารี่หรูหราสีดำที่แอบจอดนิ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านหลังตรงหน้า! เขาจำได้ดี... ว่าบ้านหลังนี้ เป็นบ้านของผู้หญิงคนหนึ่ง... ที่เขาเคยให้ความสำคัญมากที่สุดในชีวิต!


 “ไม่จริง!.......... อย่าบอกนะว่า.... ทิมมี่...คือ....”





            ++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++

           


           9.30 น. ทิมมี่ลุกขึ้นจากที่นอนอีกครั้ง มันอาจจะไม่ใช่การหลับพักผ่อนที่เต็มที่สักเท่าไหร่ แต่เขาก็คงนอนหลับไม่ลงเมื่อแสงแดดเข้าแยงตาภายในห้องอันกว้าง..ชายหนุ่มอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วเดินลงมาข้างล่างพบกับเทลิซ่าที่กำลังเตรียมตัวออกไปฝึกอบรมเช่นเคย



 “ว่าอย่างไรเรา... ฝึกเสร็จเมื่อไหร่”


 “อ้าว..กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะทิมมี่? ไม่ยักรู้”


 “เมื่อคืนนี้แหล่ะ เพื่อนมาส่ง...ว่าแต่รถฉันป่านนี้จะซ่อมเสร็จหรือยังก็ไม่รู้สิ นานเหลือเกิน”


 “เอ้อ... เมื่อกี้ถามว่าอะไรนะ?”


 “ฉันถามว่าเธอจะฝึกเสร็จเมื่อไหร่?” เทลิซ่าได้ยินคำถามแล้วตอบแบบยิ้มๆ


 “อาทิตย์หน้าฉันก็ได้ลงของจริงแล้วล่ะ!” ทิมมี่ได้ยินดังนั้น ถึงกับยิ้มออกมาอย่างยินดี


 “จริงเหรอ! ดีใจด้วยนะ เออใช่สิ...อาทิตย์หน้าไปรับผังใหม่อยู่เหมือนกันหวังว่าจะได้ขึ้นเครื่องเที่ยวบินเดียวกันแล้วกันนะ”


 “โหย...ไม่รู้สิ... ยัยวีว่า เลอคอติสเป็นคนจัดผังเสียด้วย”


 “อ้าว?... วีว่าเกี่ยวอะไร? เธอเป็นแค่ครูฝึกนะ? หน้าที่นั้นต้องเป็นของคุณซินดี้ไม่ใช่หรือ?”


 “ก็นั่นน่ะสิ แต่คราวนี้หล่อนลงมาเองเลยล่ะ...เชอะ..ไม่รู้ว่ามีแฟนตัวเองเป็นกัปตันหรือเปล่านะ เห็นได้ยินคนอื่นเค้านินทากันว่าหล่อนน่ะจัดเที่ยวบินที่แฟนหล่อนไปโดยที่เลือกแอร์ฯหน้าตาขี้เหร่ๆไปอยู่กับแฟนหล่อนหมดเลย... นายว่าหล่อนบ้ามั้ยล่ะ” ทิมมี่ได้ยินถึงกับหลุดปากหัวเราะ


 “ฮะฮะ... นั่นสิ... เอาเถอะๆ... เธอไปได้แล้ว เดี๋ยวไม่ทัน เธอจะถูกคะแนนเสียเปล่าๆ”


 “เอ้อ... ฝากดูพี่เทเลอร์ด้วยนะ”


 “ไม่ต้องห่วงน่า... วันนี้ฉันหยุด...ไปเถอะ” เทลิซ่ายิ้มให้พี่ชาย ก่อนที่จะเดินออกไป... ขณะที่ทิมมี่นั้นก็นึกถึงเทเลอร์ขึ้นมาได้
เลยทำทีจะกลับขึ้นไปปลุกหล่อน แต่ทว่า...


 “คุณทิมมี่คะ!” เสียงของเอ็มม่า แม่บ้านวัยชราเรียกชายหนุ่มเอาไว้


 “มีอะไรหรือคุณเอ็มม่า?”


 “ไม่รู้สิคะ! ดิฉันเห็นรถสีดำคันหนึ่งจอดตั้งแต่เมื่อเช้ามืดแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าจอดไว้นานกว่านั้นหรือเปล่า...อยู่ติดกำแพงบ้านเรานี่แหล่ะค่ะ”


 “อะไรนะ?... แล้วยังไงล่ะ?... เขาอาจจะมาหาบ้านข้างๆก็ได้นี่”


 “จะเป็นไปได้ยังไงล่ะคะ... บ้านข้างๆนี่ประกาศขายไปแล้ว และก็ยังไม่มีใครเข้ามาอยู่... ฝั่งตรงข้ามก็เป็นแม่น้ำ ถ้าเป็นบ้านถัดไปเขาก็ต้องไปจอดหน้าบ้านนั้นสิคะ... แล้วนี่ก็นานมากแล้ว...คนขับก็ไม่รู้หายไปไหน ดิฉันลองเดินเข้าไปใกล้ๆรถคันนั้นตั้งหลายครั้งแล้ว...”


 “อย่างนั้นเหรอ?...... เอ้อ...ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันไปดูเองคุณเอ็มม่า”


 “ระวังตัวด้วยนะคะคุณ!” ทิมมี่เดินออกมาจากตัวตึกคฤหาสน์ หนุ่มหน้าหยกเปิดประตูอัลลอยบานเล็ก แล้วโผล่หน้าออกไปมองซ้ายมองขวาอย่างระแวดระวัง ความเงียบสงัดและหมอกที่ลงปกคลุมสร้างบรรยากาศแปลกๆราวกับไม่น่าที่จะมีสิ่งมีชีวิตอยู่ในรอบๆบริเวณนี้... ทิมมี่ก้าวพ้นประตูออกมา ริ้วหมอกสลายออกไปจากรถสีดำคันตรงหน้า...ดวงตาชายหนุ่มเบิกโพลงอย่างไม่คาดคิด


 “นั่นมันรถของ....!!” ทิมมี่อุทานขึ้น พร้อมกับสีหน้าที่แสดงถึงความตกใจและไม่คาดคิด... เฟอร์รารี่สีดำที่เขาเคยนั่ง เขาจำได้ดี... และแล้วคำตอบจากเสียงของใครบางคน ก็ดังขึ้นจากด้านหลังของทิมมี่!


 “ตกใจมากล่ะสินะ... ที่เห็นรถของฉัน!” น้ำเสียงแข็งกร้าว ทำเอาทิมมี่หันขวับกลับมามองด้วยสายตาตะลึงงัน! กัปตันหนุ่มที่ยังคงชุดเครื่องแบบเดิมจากหน้าที่... ทิมมี่สีหน้าค้างไปทันทีที่ชายหนุ่มตรงหน้าปรากฏตัวขึ้นด้วยท่าทีสุขุมเยือกเย็น


 “คุณ...ตามผมมาตั้งแต่เมื่อไหร่!!” ทิมมี่ถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ


 “หึ.... สัญชาตญาณของนายนี่... ไม่ได้เรื่องเลยนะ...” ทิมมี่เลี่ยงใบหน้าไปทางอื่น และกัปตันลูคัสก็ตรงเข้ามาที่ชายหนุ่มหน้าอ่อนตรงหน้าพลางใช้มือบีบไหล่ทั้งสองข้างของทิมมี่อย่างแน่น ทิมมี่อยู่ในอาการตกใจต่ออารมณ์ของเขา


 “นายเป็นอะไรกับเทเลอร์!!” ทิมมี่ชะงัก...เมื่อได้ยินคำถาม... กัปตันหนุ่มจะว่าอย่างไรนะหากเขารู้ว่าเราเข้ามาในดานอสซี่ เพื่อทำลายเขา... และความจริงทั้งหมดหากจะต้องถูกเปิดเผย เขาจะต้องเจอกับอะไรบ้าง! ทำไมทุกอย่างที่จบลงอย่างรวดเร็วปานนี้... ไม่จริงใช่มั้ย! กัปตันหนุ่มผู้นี้จะรู้สึกอย่างไร... หากการมาของทิมมี่จะทำให้เขาต้องดิ่งลง... เขาคงจะโกรธมาก จนต้องสั่งคุณซินดี้ให้ปลดเขาออกเป็นแน่!


 “ตอบฉันมาสิ!!! นิ่งอยู่ทำไม!!” ทิมมี่พยายามรวบรวมสติและพยายามไม่คิดถึงผลลัพธ์ในการณ์ข้างหน้า หนุ่มหน้าหยกสะบัดแขนของตัวเองออกจนได้แล้วปรับสีหน้าให้ต่อสู้กับกัปตันหนุ่มได้ราวกับไม่สะทกสะท้านต่ออารมณ์ใดใด


 “ฉัน!! เป็นพี่ชายของเทเลอร์ ดรอว์เยอร์!!!............ พี่ชายของผู้หญิงคนหนึ่ง... ที่ฆ่าตัวตายเพราะผู้ชายของคุณยังไงล่ะ!!กัปตันลูคัสตะลึงไป...สีหน้าอึ้งกับการได้ยินได้ฟังในสิ่งที่ไม่คาดคิด... ความหมายบางอย่างที่ทำเอาลูคัสตะลึงไป.. อย่าบอกนะว่า... การมาของทิมมี่... คือผลพวงจากการกระทำในอดีตของเขา!



 “ทิมมี่........................... อย่าบอกนะ.....ว่านาย............”





++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++


TBC.

littleFiNgeR

  • บุคคลทั่วไป

FLIGHT 9 : เบื้องหลังของความเสียใจ
             




ทิมมี่ชักสีหน้าเย้ยหยัน ตอบโต้สีหน้าตื่นตะลึงของกัปตันหนุ่มที่ยืนอึ้งมองเขาอย่างไม่คาดคิด

 “ใช่!.. คุณคิดถูกแล้วกัปตัน.... คุณเดาถูกแล้ว ว่าทำไม! ผมถึงเกลียดคุณ!” เสียงสั่นตอบด้วยอารมณ์คับแค้น ในขณะที่กัปตันยังสีหน้าอึ้งอย่างไม่คลาย

 “นายบอกว่า.... เทเลอร์... ฆ่าตัวตายอย่างนั้นเหรอ....” กัปตันหนุ่มถามขึ้น ด้วยน้ำเสียงอ่อนลงจนทำให้ทิมมี่หันมอง... ลูคัสเดินไปพิงที่กำแพงของคฤหาสน์ดรอว์เยอร์ สีหน้าของเขาดูย่ำแย่ยิ่งนักเมื่อรับรู้ถึงการกระทำของเทเลอร์ที่สืบเนื่องมาจากการกระทำของตัวเขาเอง ทิมมี่มองชายหนุ่มตรงหน้า มองท่าทีที่อ่อนแรงของกัปตันหนุ่มแล้ว เขาอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าตอนนี้...กัปตันหนุ่มกำลังคิดอะไร

 “คุณรู้อะไรมั้ยกัปตัน....น้องสาวของผมคนนี้....ไม่เคยรักใครเท่ากับคุณมาก่อน...ผมเป็นพี่ชายของเธอและอยู่กับเธอมาตั้งแต่เกิด....ไม่เคยสักวัน...ที่เทเลอร์จะไม่พูดถึงคุณ...ในเวลาที่คุณกับเธอมีความสุข...ผมน่ะหรือ...ได้ยินคำบอกเล่า และสีหน้าของน้องสาวทุกๆวัน! ผมมองเห็นสีหน้าของเธอแล้วอดยินดีด้วยไม่ได้! ที่เธอได้รับความรักจากคนที่มีชีวิตอยู่ในจุดสูงสุดอย่างบนฟ้า! คุณคือหัวใจและทุกๆอย่าง ที่ทำให้เธอ... สามารถยืนอยู่ได้ แม้จะถูกคนรักของคุณตามราวี!! แต่คำว่ารักของคุณ ในที่สุดมันก็เปลี่ยนไป... กลายเป็นคำพูดที่ฆ่าเธออย่างเลือดเย็น!! ผมไม่ใช่ผู้หญิงแต่ผมรู้ดี!! เพราะวินาทีที่เห็นน้องสาวของตัวเองกำลังจะตาย.... คุณเชื่อรึเปล่า!! ว่าความรู้สึกของผมตอนนั้น........ ผมอยากจะฆ่าคนที่ชื่อ ลูคัส กาโรล
มากที่สุดเลย!! คุณรู้มั้ย!!!” กัปตันหนุ่มยืนอึ้งกับสิ่งที่เขาได้ยิน...ใบหน้าอ่อนโยนที่เปลี่ยนไปสู่ความร้ายกาจของทิมมี่ กัปตันหนุ่มไม่อาจคาดคิดถึงการปรากฏของเขาว่ามันจะมีความหมายที่น่ากลัวเช่นนี้เลย


 “ฉัน...ทำให้เทเลอร์ฆ่าตัวตาย..... อย่างนั้นหรือเนี่ย....” กัปตันหนุ่มเงยหน้ามองฟ้าที่มัวหมอง เต็มเป็นด้วยริ้วหมอกหนาพลางถอนใจราวกับไม่คาดคิดว่าการกระทำของตนเองจะทำลายชีวิตของใครบางคนได้มากมายถึงเพียงนี้... หากแต่ในความคิดที่ผ่านมาของเขา ผู้หญิงก็คือมนุษย์ธรรมดาที่ไม่ได้ต้องการความรักเท่ากับความใคร่...จะมีใครสักคนที่พอใจในตัวเขา ซึ่งรักเขาด้วยหัวใจจริงๆนอกจากร่างกายและตำแหน่งหน้าที่ การยืนอยู่บนจุดที่สูงกว่าใคร เลยทำให้เขาไม่สามารถรับรู้ถึงความรู้สึก จิตใจ... ของผู้หญิงบางคน ที่รักเขาได้อย่างเต็มหัวใจเฉกเช่นเทเลอร์ได้เลย... คำพูดที่ทิ่มแทงของทิมมี่เมื่อครู่ ทำให้เขาต้องยืนนิ่ง ย้อนเวลาในความทรงจำ คิดถึงภาพของเทเลอร์ยามมีความสุข เขาทำลายเธอด้วยการมีสัมพันธ์กับคนอื่น และยังปล่อยให้วีว่า เลอคอติส อาละวาดได้ตามใจชอบอีกต่างหาก...


 “...ทิมมี่........... หากฉันจะพูดอะไรกับนายบางอย่าง..... ฉันไม่รู้ว่า..... นายจะเชื่อฉันหรือไม่?” กัปตันหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงโรยลง ทิมมี่เริ่มกลับเข้าสู่บรรยากาศแห่งความเศร้าอีกครั้ง ชายหนุ่มหน้าขาวน้ำตารื้นกับสิ่งที่ผ่านมา

 “คุณจะพูดอะไร....” คำถามสั่นๆของชายหนุ่ม ทำให้กัปตันหนุ่มค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองเขา และทำให้ทิมมี่เห็นดวงตาแดงก่ำของกัปตันหนุ่ม และสีหน้าของคนที่มีความรู้สึกราวกับสำนึกผิดในการกระทำของตน

 “ฉันไม่ได้ตั้งใจ... และไม่เคยคิดเลยว่า.... เทเลอร์... จะรักฉัน .... และรักมากถึงขนาดนั้น...” ทิมมี่อึ้ง มองหน้าชายหนุ่มที่กำลังปล่อยน้ำตาของลูกผู้ชายออกมา ใครบางจะได้พบเห็นภาพเทวดากำลังยืนร้องไห้สำนึกผิดเฉกเช่นเขากันนะ... ทิมมี่นึกในใจจนรู้สึกว่าร่างกายตอนนี้ร้อนผ่าวไปหมด

 “ฉันอยาก... เจอเทเลอร์.....” กัปตันหนุ่มกล่าวขึ้น ทิมมี่มองหน้าเขา แล้วครุ่นคิด

 “ได้โปรด... ฉันอยากพบเธอจริงๆ” บางที... ทิมมี่อาจจะพอมองเห็นทางบางอย่างแล้ว... ทางที่จะทำให้น้องสาวของเขากลับมามีความสุขอีกครั้งหนึ่ง... ไม่ว่าสิ่งเลวร้ายใดใดที่พัดผ่านเข้ามา ทำให้เขาและน้องสาวได้จดจำ... แต่หากการพบกันของคนทั้งคู่ในเวลานี้จะทำให้เกิดเรื่องดีๆตามมาหลังจากนั้น... ทิมมี่เอง... ก็คงจะโล่งใจและหยุดความเคียดแค้นทุกอย่างลงเสียที!




++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++



หญิงสาวยังคงนอนนิ่งอยู่บนเตียงหนานุ่ม แม้แสงอาทิตย์จะสาดเข้ามาแยงตาให้หล่อนตื่นอยู่นานแล้วก็ตามราวกับเป็นคนพิการก็ไม่ปานที่หล่อนเองก็ไม่คิดจะเหยียบพื้นห้องก้าวลงไปแม้จะออกไปสูดอากาศนอกบ้าน หล่อนก็ไม่คิดสุนทรีย์จะทำอะไรทั้งสิ้น วันๆได้เพียงแต่เดินเข้าออกห้องน้ำ และกลับมานอนๆนั่งๆอยู่บนเตียง อย่างกับจะทำตัวเองให้เหมือนคนแก่อายุเจ็ดสิบอย่างนั้นแหล่ะ เสียงประตูดังให้ได้ยิน หญิงสาวนึกได้เพียงแต่เอ็มม่าที่คงเอาอะไรแบบเดิมๆมาประเคนให้ถึงที่


 “วางไว้ตรงนั้นแหล่ะ... เดี๋ยวฉันกินเอง...” น้ำเสียงราบเรียบ ร่างกายที่พลิกหันเข้าหาหน้าต่างกระจกบานใหญ่ที่แสงแดดส่องลอดม่านผืนใหญ่เข้ามาบางเบา เทเลอร์รู้สึกเอะใจเล็กๆ เมื่อเสียงประตูที่ดังเพียงแค่ครั้งเดียวราวกับคนๆนั้นยังไม่ได้ถอยออกไปจากห้องของเธอ


 “ฉันบอกว่าเดี๋ยวฉันกินเอง... คุณจะไปไหนก็ไปเถอะ คุณเอ็ม...” หญิงสาวเริ่มรู้สึกแปลกๆไปจากเดิม เอ็มม่าไม่เคยเข้ามาอย่างสงบเงียบเช่นนี้ และความสงสัยนั้นก็ทำให้หญิงสาวต้องหันกลับมามอง!




.....!




ชั่ววินาทีที่หล่อนหันมาเห็นใครบางคน... สีหน้าที่บ่งบอกได้ถึงความไม่คาดคิดต่อสายตาตัวเอง..ราวกับเจอเจ้าชายที่วนเวียนอยู่แต่ในความฝัน... เจ้าชายที่มิอาจจะมีวันกลับมายืนตรงหน้าของหล่อนได้เหมือนอย่าง ณ วินาทีนี้... คนที่เคยทำให้หล่อนยิ้ม ร้องไห้ มีความสุข หัวเราะ และทุกอารมณ์ในชีวิต.. รวมถึงคนที่ทำลายชีวิตของเธอด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำก่อนที่คนตรงหน้านี้จะทอดทิ้งไป ยากเกินที่หญิงสาวจะพูดอะไรออกมาได้... เทวดาหนุ่มรูปหล่อเจ้าของอ้อมกอดที่หญิงสาวปรารถนา
ยืนสีหน้าเศร้าหมองอยู่ตรงหน้าของเธอ... เทเลอร์...ไม่คาดคิดว่าชาตินี้จะได้เจอกับคนๆนี้อีก ความเจ็บปวดที่เต็มอกและทำให้เธอตกอยู่แต่ในมุมมืด.. พลันสลายหายไปอย่างรวดเร็ว ผิดกันกับเวลาที่ผ่านมา เวลาแห่งความเจ็บปวดที่แสนนานและทรมาน
 มันกลับจบลงเพียงเพราะการปรากฏตัวของชายหนุ่มตรงหน้าเวลานี้เพียงเท่านั้นเอง!


 “....ค....คุณ....ลูคัส...!” น้ำเสียงสั่นคลอกับน้ำตาที่ไหลตามออกมา ความฝันที่เป็นจริงกับความหวังเล็กๆที่เธอหวังไว้นานแสนนานเหลือเกินว่าเขาจะกลับมาหาเธอที่นี่อีกครั้งหนึ่ง..ไม่ว่าเขาจะมา ด้วยสถานะอะไร

 “...เทเลอร์..........เธอ...” กัปตันหนุ่มพูดไม่ออกเช่นกันได้แต่เรียกหาคนที่เขากระทำจนย่อยยับตรงหน้า อนาคตที่หมดสิ้นไปทุกสิ่งอย่างเพราะเขา... ความสำนึกผิดที่เขาไม่เคยคิดว่าตนเองจะมี กลับเกิดขึ้นในเวลานี้เพียงแค่เห็นใบหน้าที่โรยราอันน่าสะเทือนใจของหญิงสาวตรงหน้าเพียงเท่านั้น... ใช่.. สภาพของเทเลอร์ตอนนี้ เธอดูซีดขาวจนน่ากลัวราวกับคนป่วยที่เป็นโรคร้ายอย่างไรอย่างนั้นเลยทีเดียว



ช่วงนาทีแห่งความเงียบสงัด ภาพต่างๆย้อนกลับมาจนคนทั้งคู่ไม่อาจห้ามใจได้อีกแล้ว... กัปตันหนุ่มกับอดีตนางฟ้าผู้งดงามสวมกอดกันอย่างแตกต่างในความรู้สึก คนหนึ่งกอดด้วยความรู้สึกโหยหาและแสนคิดถึง แต่อีกคนหนึ่ง..กลับกอดด้วยความรู้สึกสำนึกผิดต่อการกระทำของตนเอง


“ผมขอโทษนะเทเลอร์!...ผม...ผมขอโทษ~!! ผมขอโทษ!!” น้ำเสียงสั่นที่ดังขึ้นเรื่อยๆของกัปตัน ทำให้หญิงสาวยิ่งน้ำตาไหลพรากออกมาอีกยกใหญ่

 “....ค...แค่ฉันได้เห็นหน้าคุณอีก.....ฉ...ฉัน..... ก็ไม่เป็นไรแล้วค่ะ....” หญิงสาวตอบทั้งน้ำตา ภายนอกห้องนั้น ที่มีพี่ชายหน้าขาวยืนน้ำตารื้นอยู่เงียบๆ รอยยิ้มบางๆเกิดขึ้นบนใบหน้าของเขาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน... หากรู้ว่ากัปตันหนุ่มรู้จักสำนึกผิดชอบชั่วดีได้เช่นนี้ เขาคงจะพากัปตันหนุ่มคนนี้มาหาเทเลอร์ตั้งแต่วันแรกแล้ว... แต่แน่นอนล่ะ ชื่อเสียงของกัปตันลูคัส ใครที่ไม่รู้จักเขาดี... ก็คงไม่คิดเหมือนกัน... ว่าคนๆนั้นจะมีโอกาสได้ร้องไห้ให้คนอื่นเห็นได้อย่างไม่อายฟ้าดิน หึ... น่าขำดี...แม้แต่คนที่ได้ขึ้นชื่อว่าอยู่สูงสุดของความเป็นมนุษย์นั้น... ยังต้องเสียน้ำตา ให้กับเรื่องรักๆใคร่ๆแบบนี้ด้วยเลย...



            ++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++



เทลิซ่าเดินกลับเข้ามาในบ้านอีกครั้งในเวลาเกือบเที่ยง ทิมมี่นั่งเหม่ออยู่สนามหญ้าด้านล่างพลางแกว่งชิงช้าไม้อัดที่กำลังนั่งอยู่อย่างช้าๆ เขาอยากรู้เหลือเกินว่าตอนนี้เทวดาหนุ่มกับอดีตนางฟ้ากำลังพูดคุยเรื่องอะไรกันอยู่นะ


“อ้าว?... ได้หยุดแล้วทำไมไม่พักล่ะ?” ทิมมี่สะดุ้งเล็กๆเมื่อเทลิซ่ากลับมาเร็วจนน่าตกใจ..ไม่สิ.. เร็วเกินไปแล้ว

 “เปล่า..ไม่ได้หยุดหรอก ตอนเย็นก็ต้องออกบินอีกแล้ว ว่าแต่เธอ! ทำไมถึง...”

 “ยัยบ้านั่นลางานน่ะสิ แล้วครูฝึกอีกคนก็ติดเที่ยวบิน ดูซิ! พรุ่งนี้เลยต้องเจอฝึกเต็มวัน บ้าจริงๆ”

 “ยัยบ้า?... ยัยบ้าไหน?” ทิมมี่ทำหน้าสงสัยเพราะคิดไม่ทัน

 “ก็ยัยวีว่า เลอคอติส น่ะสิ!! ยัยนี่เป็นครูฝึกที่มีปัญหาจริงๆ ปัญหาเยอะเสียด้วยนะ ...เฮอะ... สงสัยสามีไม่กลับบ้านล่ะมั้ง...
ยัยบ้าเอ๊ย!”

 “ฮะฮะ..... คงจะจริงมั้ง...” ทิมมี่หัวเราะเจื่อนๆ พลางมองขึ้นไปที่หน้าต่างชั้นสาม ซึ่งเป็นห้องของเทเลอร์...เทลิซ่ามองหน้าทิมมี่อย่างสงสัยไม่เลิก

 “แล้วนั่งทำอะไร? นอนพอแล้วเหรอ? ไม่ใช่ว่าเที่ยวบินคืนนี้นายไปเบลอใส่ผู้โดยสารหรอกนะ” ทิมมี่ทำหน้าแห้ง

 “อย่ามาสอนฉันน่ะ... ฉันบินก่อนเธอเข้าปีที่สองแล้ว... เออนี่... ฉันมีอะไรสำคัญกว่านั้นจะบอกน่ะ พอดี... เอ่อ... กัปตันลูคัส
อยู่ข้างบนกับเทเลอร์นะ.. เดินเข้าไปก็เบาๆด้วย” เทลิซ่าทำหน้าเหมือนได้ยินไม่ชัด หล่อนหันมามองพี่ชายอีกครั้งด้วยสีหน้างุนงงเป็นไก่ตาแตก

 “อะไรนะ! กัปตัน!! ตานั่นกลับมาอีกแล้วเหรอ!!” เทลิซ่าทำหน้าไม่สบอารมณ์

 “อืม.. แต่ฉันก็หวังนะ... ว่าคราวนี้ ไม่ว่าเขาสองคนจะจบลงอย่างไร... ก็ขอให้เทเลอร์ปล่อยวาง แล้วกลับมาเอาใจใส่ตัวเองเหมือนเดิมได้สักทีก็แล้วกัน.... ฉันน่ะบอกไม่ถูกจริงๆนะ ...จะให้คุณลูคัสกลับมา จะว่าดีก็ดี...แต่จะว่าไม่ดี...มันก็...”

 “ไม่ดีอยู่แล้วแหล่ะ!!!” เทลิซ่าค้านรับทันที

 “ไม่ใช่เพราะตากัปตันนั่นคนเดียวหรอกนะทิมมี่ที่ทำให้เทเลอร์ต้องตกอับได้ถึงขนาดนี้...ยัยพวกแมงหวี่ที่อยู่รอบๆตัวกัปตันนั่นก็อีกคน...ตอนแรกที่ฉันได้ฟังเทเลอร์พูดถึงยัยวีว่านะฉันเดาหน้าหล่อนไม่ออกหรอก แต่พอเข้าไปฝึกอบรมแล้วเจอหล่อนตัวเป็นๆล่ะก็นะ...นังนั่นแย่กว่าที่ฉันคิดเสียอีก!! ซาตานติดปีกชัดๆ!!” ทิมมี่ฟังแล้วหัวเราะแห้งๆออกมาอีกด้วยความขำขันกับท่าทีปั้นปึงของน้องสาว

 “เทลิซ่า..... ฉันจะบอกอะไรให้นะ....... ซาตานน่ะ...มันมีปีกทุกตัวแหล่ะ.... และบนฟ้า... ก็ไม่ได้มีแค่นางฟ้า... หรือเพียงแต่เทวดาเท่านั้นหรอก.... จำเอาไว้ให้ดีล่ะ!”




            ++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++




เกือบบ่ายโมง ที่กัปตันหนุ่มเดินลงมาจากตัวบ้าน.. ทิมมี่เผลอนั่งหลับไปแล้วที่ชิงช้าภายในสวน กัปตันหนุ่มยังคงสังเกตเห็นและเดินตรงมาสีหน้าของเขาดูอ่อนลงกว่าก่อนหน้าที่เขาเคยเป็น เสียงฝีเท้าแตะต้องผืนหญ้า ทำให้ทิมมี่สะดุ้งตื่น


 “รบกวนเวลาพักนายหรือเปล่า? ความจริงแล้ว... นายน่าจะไปนอนบนบ้านนะ” กัปตันหนุ่มกล่าว ทิมมี่ขยี้ตาสีหน้าอ่อนเพลียไม่น้อย

“ป...เปล่าหรอก... อืม.. ว่าแต่... คุณคุยอะไรกับน้องสาวผมตั้งนาน?” หนุ่มหน้าขาวถามตาปรือๆ
 “ก็.....” สีหน้าของเขาดูอึ้งกับคำถามนั้นราวกับมีเรื่องอะไรบางอย่างที่ทิมมี่ยังไม่รู้ และไม่สมควรจะรู้ในเวลานี้

 “ม...ไม่มีอะไรหรอก... คนไม่ได้เจอกันนาน.... เลยมีเรื่องคุยเยอะน่ะ” ทิมมี่หน้าเจื่อนเมื่อได้ยินราวกับรู้สึกไม่ดีเหมือนกัน
เพราะที่ผ่านมา เขามองเห็นกัปตันหนุ่มผู้นี้ ร้ายกาจมากกว่าที่เขาเป็นอยู่ ซึ่งบรรยากาศโดยรวมตอนนี้ ทิมมี่ก็คาดเดาว่า...ทุกอย่างคงจะเริ่มต้น หรือไม่ก็จบลงด้วยดี..

 “อืม... คุณอาจจะโกรธผมนะคุณลูคัส ที่ผมทำอะไรไม่ดีกับคุณไว้ แล้วยังทำให้...เอลลี่ต้องถูกพักงานด้วย...” ทิมมี่พูดน้ำเสียงเอื่อยๆ

 “ไม่เป็นไรหรอก...” ชายหนุ่มตอบกลับสีหน้านิ่งๆ แล้วพูดต่อ

 “ฉันสมควรเหมือนกัน ที่จะถูกนายจองหองใส่....นาย... ทำหน้าที่ของพี่ชายที่ดีแล้ว” ทิมมี่พยักหน้าช้าๆ ราวกับไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่กับคำพูดนั้น กัปตันหนุ่มมีสีหน้าที่ราวกับมีเรื่องบางอย่างที่อยากจะพูด แต่ก็ไม่กล้าพูด... และทิมมี่ก็สังเกตเห็น

 “มีอะไรจะบอกผมหรือเปล่า?..... เรื่อง...เทเลอร์น่ะ...” กัปตันหนุ่มได้ยินคำถาม ก็หลุบตาลงต่ำครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเงยมองชายหนุ่มหน้าขาวตรงหน้าอีกครั้ง

 “ถ้าเกิดว่า... ฉัน... จะกลับมาคบกับน้องสาวของนายอีก..... พี่ชายอย่างนาย... จะว่าอะไรมั้ย..?” คำถามนั้น...ทำเอาทิมมี่อึ้งไป... สีหน้าค้างนิ่งที่ยิ่งกว่าคาดเดาเอาไว้ในตอนแรก... ความรู้สึกหลากหลาย และไม่รู้ว่ามันจะดีหรือไม่ดี... เข้ามาวนเวียนอยู่ในหัวราวกับคำพูดของเทลิซ่าก่อนหน้านี้

 “คุณ?... จะกลับมาคบกับน้องสาวของผมอีกอย่างนั้นหรือ?...” คำถามกับน้ำเสีนงที่ราวกับไม่แน่ใจ

 “...คือ......... ฉันเข้าใจนะ... ว่านายอาจจะไม่พอใจและไม่ชอบขี้หน้าฉันเท่าไหร่ ....เพราะสิ่งที่ฉันทำกับน้องสาวของนาย มันอาจจะมากมายเกินกว่าที่พี่ชายอย่างนายจะให้อภัยได้...... แต่อย่างไรก็ตาม ฉัน.... บอกกับเทเลอร์ไว้แล้วว่า... ฉัน...จะอยู่ดูแลเธอ...ตลอดไป..จนกว่า.....”


 “...จนกว่าอะไร!?” ทิมมี่ถามทวนทันทีเมื่อได้ยินคำพูดแปลกๆ ทำเอาชายหนุ่มสะอึกเงียบ

 “ม...ไม่มีอะไรหรอก........... ก็จนกว่า..... เราทั้งสองคนจะตายจากกัน....” ทิมมี่รู้สึกอะไรบางอย่างในคำพูดนั้น... ดวงตาเลิกลักของกัปตันหนุ่ม ทำให้ทิมมี่สงสัยว่าเขามีเรื่องอะไรบางอย่างที่ยังพูดออกมาไม่หมด.. ความลับอย่างนั้นเหรอ!? กัปตันคนนี้มีความลับอะไรกับเขาอย่างนั้นหรือ.. ไม่สิ ถ้าหากมันเป็นความลับจริง... เทเลอร์เองก็คงจะปิดบังเรื่องอะไรบางอย่างกับเขาเหมือนกัน... แต่มันคืออะไรนะ! และทำไมจะต้องโกหกหรือปิดบังเขาด้วย..... หรือว่าทั้งหมดที่เขาคิดระแวงมากไปเองอีกแล้ว?

 “ว่าอย่างไรล่ะ... นาย...จะอนุญาต และให้อภัยคนอย่างฉันได้มั้ย?....” ทิมมี่นั่งก้มหน้าหรุบตาลงพื้นอีกครั้ง.. ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับกัปตันหนุ่มที่จ้องมองมาทางเขาอยู่ตลอดและไม่กลัวว่าทิมมี่จะตอบโต้กลับมาให้เขารู้สึกผิดมากไปกว่านี้แต่อย่างใด

 “ผมเป็นคนที่โกรธคนยาก... แต่หากโกรธใครแล้ว... ก็ยากเหมือนกันที่มันจะหายไปจากใจของผมจนสนิท.......แต่สำหรับคุณ.... หากคุณจะแก้ตัวด้วยการทำอะไรบางอย่างให้ผมเห็น.... ผม... จะยกโทษให้คุณ... และจะลืมสิ่งที่คุณทำทุกๆอย่าง....” สีหน้าของกัปตันหนุ่มดูอ่อนลงเมื่อได้ยินคำพูดนั้น และเกิดรอยยิ้มบางๆในสีหน้าที่หมองเศร้า

 “นายอยากให้ฉันทำอะไรล่ะ... ฉันทำได้ทุกอย่าง....เพื่อนาย...” คำพูดบางคำในประโยคข้างต้น ทำให้ทิมมี่รู้สึกว่าเขาพูดผิด...

 “ไม่ใช่เพื่อผม... เพื่อน้องสาวของผมต่างหาก...” กัปตันหนุ่มยิ้มบางๆ

 “ก็ได้..... ว่าแต่..... นายจะใช้ให้ฉันทำอะไรล่ะ? บอกมาเลย...”

 “คุณแน่ใจหรือเปล่า... ว่าหากผมพูดไปแล้ว... คุณจะทำให้สำเร็จได้น่ะ...” กัปตันหนุ่มพยักหน้าอีกครั้ง

 “ได้สิ..... ฉันสัญญา...ด้วยเกียรติของเทวดาแห่งดานอสซี่เลย....” รอยยิ้มบางๆของลูคัส ทำให้ทิมมี่นั้นเผลอยิ้มตามก่อนที่สีหน้าจริงจังบางอย่าง ที่เผยออกมาพร้อมกับคำพูดของทิมมี่... ที่ทำให้กัปตันหนุ่มต้องสะดุ้งไปเล็กน้อย... เมื่อเริ่มเดาได้กับสิ่งที่เขาจะต้องทำ



 “คุณรู้จัก..... คนที่ชื่อ................................. วีว่า เลอคอติส มั้ยล่ะ............... คุณลูคัส!”



           


เจ้าของชื่อดังกล่าว...วีว่า เลอคอติส กำลังเดินเข้ามาภายในศูนย์ฯลูกเรือของดานอสซี่ในตอนเย็น จริงๆแล้ววันนี้หล่อนลาป่วยและเบี้ยวสอนไป แต่จุดประสงค์ที่หล่อนมาในชุดนอกเครื่องแบบตอนนี้ก็เพื่อที่จะดักเจอใครบางคนที่หล่อนจะต้องเคลียร์กับเรื่องบางเรื่องเสียให้ได้ และแล้ว.. เฟอร์รารี่สีดำหรู ก็แล่นเข้ามาจอดบริเวณลานจอดรถของนักบิน ..กัปตันหนุ่มเดินก้าวลงมาพร้อมมาดชวนฝันไม่มีสร่าง ก่อนที่จะพาร่างสูงกำยำสมส่วนของตัวเองขึ้นมาถึงชั้น9ด้วยลิฟต์กระจกแก้ว
มายังสถานที่ทำงานต้นสังกัดของตนเองในเวลาเพียงห้านาที... แต่เมื่อมาถึงชุดเคาว์เตอร์ด้านหน้า ชายหนุ่มยังไม่ทันอ้าปากทักทายอลิซ พนักงานกราวน์สาวเลยสักคำ... ใครบางคนที่ยืนคอยเขาอยู่ ก็ทำให้กัปตันหนุ่มแอบเบี่ยงสายตาทำหน้าเหม็นเบื่อทันที



++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++


TBC.


ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
ซาตานน่ะ...มันมีปีกทุกตัวแหล่ะ.... และบนฟ้า... ก็ไม่ได้มีแค่นางฟ้า... หรือเพียงแต่เทวดาเท่านั้นหรอก.... จำเอาไว้ให้ดีล่ะ!



แอร์ไลน์ ชีวิตจริงที่ยิ่งกว่านิยาย  o13 o13 o13 o13 o13 o13

ออฟไลน์ THiiCHA

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-4
อ่านเรื่องนี้แล้ว ลังเล

เอ ตกลงตูจะยังอยากเป็นแอร์อีกรึเปล่า  5555555

รอตอนต่อไป คิคิ้วววววววว

ออฟไลน์ silverphoenix

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +347/-3
หายไปนานเลยอ่าาาาา

แล้วนี่พระเอกกลับมาคบกับเทเลอร์แล้วจะคู่กับนายเอกของเราได้ไงล่ะเนี่ยยยย

ลุ้นๆๆ

littleFiNgeR

  • บุคคลทั่วไป
FLIGHT 10 : เทวาและนางฟ้ารุ่นใหม่!



             
 “เห็นหน้าฉันแล้วคุณทำหน้าอย่างนั้นหรือคะ! คุณหนีหน้าฉันตั้งแต่เมื่อวันก่อน... ทำไมคะ? หรือว่าคุณกลัวเรื่องที่รูปภาพเหล่านั้น มันจะทำให้คุณจนมุมในการแก้ตัวอย่างนั้นสิ! ใช่มั้ย!” วีว่าพูดด้วยน้ำเสียงโมโห ขณะที่กัปตันหนุ่มยิ้มเยาะเล็กๆ


 “แก้ตัวอย่างนั้นเหรอ?... คุณเป็นอะไรกับผม? ทำไมผมถึงต้องแก้ตัวกับคุณด้วย?” คำถามนั้น ทำเอาหญิงสาวตรงหน้าแสดงท่าทางร้อนรนขึ้นมาทันที


 “ทำไมคุณถึงพูดแบบนี้กับฉัน! ฉันไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนของคุณที่ยอมให้คุณถีบส่งได้ง่ายๆหรอกนะ! ฉันไม่ใช่คนที่คุณจะดูถูกได้คุณลูคัส” ท่าทีแข็งกร้าวต่อกัปตันหนุ่ม ทำเอาชายรูปหล่อตรงหน้าถึงกับยิ้มออกมา


 “แต่สำหรับผม...คุณแย่กว่าทุกคนที่ผมมองข้ามเสียอีก...รู้มั้ยคุณวีว่า... ต่อจากนี้ไปผมขอร้องล่ะนะ ไหนๆเราก็เจอกันจนได้แล้ว... ผมเองก็มีเรื่องที่จะรบกวนคุณเหมือนกัน... คุณช่วยกรุณา... ออกไปจากชีวิตของผมด้วยเถอะ... เพราะต่อจากนี้ไป... ผม...ไม่ใช่ตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้ว!” วีว่า เลอคอติส หน้าเสียไปทันที... ก่อนที่จะถามขึ้นด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง


 “คุณหมายความว่ายังไง!! คุณลูคัส!!” หล่อนแสดงสีหน้าราวกับเจ็บใจไม่น้อยที่ได้ยินเช่นนั้น กัปตันหนุ่มยังคงยิ้มไม่คลาย ก่อนจะพูดอะไรบางอย่างออกมาพาให้หญิงสาวยืนอึ้งตะลึงงันไปในทันที ก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินทิ้งให้หล่อนยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น


 “ผม... จะกลับไปคบกับเทเลอร์.... และผมก็ขอให้คุณ... เลิกวุ่นวายกับชีวิตของผมเสียที!” สิ้นสุดคำพูดดังกล่าว กัปตันหนุ่มก็เดินหายไปกับทางเดินด้านหลัง ทิ้งให้วีว่ายืนตะลึงงันกับสิ่งที่หล่อนได้ยินชัดเจนเต็มสองรูหู ใบหน้าแห่งความเคียดแค้นปรากฏขึ้น


 “เทเลอร์ ดรอว์เยอร์!! เห็นทีเราจะต้องเจอกันอีกครั้งแล้วสินะ!!”




            ++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++




         หลังจากที่กัปตันหนุ่มได้ตัดสินใจกลับมาคืนความสัมพันธ์กับเทเลอร์ ดรอว์เยอร์ อีกครั้ง... ทิมมี่ในสายตาของกัปตันหนุ่มก็เริ่มเปลี่ยนไปทีละน้อย เที่ยวบินที่ร่วมเดินทางด้วยกันดูราบรื่นขึ้นมากกว่าเดิมนัก ซึ่งอันที่จริงแล้วมากกว่าเดิมหลายเท่าเสียด้วย เพราะนับตั้งแต่วันที่ทั้งคู่ออกไฟลท์แรกด้วยกันหลังจากที่กัปตันลูคัสสำนักผิดแล้วนั้น ทิมมี่ก็ดูอารมณ์ดีขึ้นถึงแม้ว่าจะไม่ได้แสดงออกมาทางสีหน้าหรือท่าทางใดใดต่อเขา แต่กัปตันหนุ่มก็อดสังเกตไม่ได้ว่า ทิมมี่ดูสดชื่นกว่าทุกครั้งอย่างที่เคยเป็น ทั้งเวลาการลงพักเครื่องและจับจ่ายในร้าน DUTY FREE เมื่อทั้งคู่เผชิญหน้ากันก่อเกิดรอยยิ้มของมิตรภาพที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเสียอย่างนั้น... ในขณะที่เควินเองก็มองผู้เป็นเพื่อนด้วยสายตาประหลาดใจเช่นกันกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นและเขาไม่ยักรู้...




  ตลอดเวลาห้าวัน กับการข้ามน้ำข้ามทวีปเหนือน่านฟ้า ทั้งยุโรปและเอเชียการพักผ่อนยามโอเวอร์ไนท์เป็นอะไรที่วิเศษที่สุด การได้เที่ยวชมเมืองฮ่องกง และเมืองหลวงใหญ่ในทวีปเอเชีย มันเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศในการทำงานอันเคร่งเครียดในสถานที่จำกัดของเหล่านักบินและลูกเรือได้เป็นอย่างดี.. และกัปตันลูคัสเอง ก็ยังได้มีโอกาสใกล้ชิดกับทิมมี่มากยิ่งขึ้นด้วย.. ความผูกพันที่เกี่ยวดองกันเริ่มทำให้ทิมมี่ผ่อนคลายจากปัญหาที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ลงได้ด้วยดี.. ซึ่งความเป็นจริงนั้นทิมมี่ยังแอบเห็นความอ่อนโยนของกัปตันลูคัสที่แสดงออกต่อเขาอย่างที่เขาไม่เคยนึกว่าจะได้เห็นอีกด้วย




            ++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++




         เริ่มอาทิตย์ใหม่ เข้าสู่การปรับผังตารางเวรการทำงานใหม่อีกครั้ง... และการปฏิบัติงานครั้งแรกของเหล่าลูกเรือรุ่นใหม่ ที่ผ่านการอบรมกับสถาบันฯของดานอสซี่มาอย่างลำบากลำบนในช่วงเวลาที่ผ่านมา..สจ๊วตและแอร์โฮสเตสหน้าใหม่จำนวนเจ็ดชีวิต กับภารหน้าที่ในเที่ยวบินโอเวอร์ไนท์ หรือเที่ยวบินที่ต้องพักค้างคืน ในบอสตัน สหรัฐอเมริกา กับโรงแรมโลแกน โรงแรมพันธมิตรของดานอสซี่เช่นเดิมนั่นเอง.. คุณซินดี้ รอลนาเวลล์ ทำหน้าที่ต้อนรับลูกเรือที่มายืนเข้าแถวเบื้องหน้าตึกอาคารปฏิบัติการของท่าอากาศยานฯในเวลานี้อย่างพร้อมเพรียง เหล่าลูกเรือหน้าใหม่ต่างยืนเชิดและยิ้มสู้ต้อนรับการทำงานอันทรงเกียรติของตนเองราวกับเต็มไปด้วยความภาคภูมิยิ่งนัก.. และการแนะนำตัวก่อนเข้าสู่ตึกลูกเรือ ก็เริ่มต้นขึ้น..


 “ดิฉันชื่อ เทลิซ่า ดรอว์เยอร์ค่ะ ... การบริการที่ดีที่สุด คือการบริการที่ออกมาจากหัวใจ ไม่ใช่เพียงความรู้สึก” หล่อนพูดจบ
พร้อมสโลแกนของตัวเอง คุณซินดี้ยกนิ้วโป้งชูให้ก่อนที่จะหันต่อมาที่คนถัดมา


 “ดิฉันชื่อ ชอริต้า แซดเลอร์ ... ความดูดีและสง่างาม คือใจความหลักของงานบริการค่ะ!” หญิงสาวท่าทางมุ่งมั่นกล่าวขึ้น พาให้สีหน้าของคุณซินดี้เหวอไปเล็กน้อยกับความมั่นใจเกินร้อยของเธอที่เทลิซ่าแอบชำเลืองมองคนที่ยืนอยู่ข้างๆพลางถูกสายตาเย้ยหยันของชอริต้ามองตอบมาเช่นเดียวกัน ... เทลิซ่ารู้สึกทะแม่งๆกับบรรยากาศอย่างไรชอบกลเข้าแล้วสิ


การแนะนำตัวของทุกคนผ่านมาจนมาถึงชายหนุ่มหน้าเข้มมาดกวนคนสุดท้ายที่ยืนอยู่ปลายแถว คุณซินดี้อึกอักเมื่อเห็นเขา พลางเห็นสีหน้าของสจ๊วตหนุ่มแล้ว หล่อนต้องหาอะไรบางอย่างเพื่อหลีกเลี่ยงบรรยากาศแปลกๆที่กำลังจะเกิดขึ้น



 “อ...เอาเป็นว่า เราทุกคนพร้อมกันแล้วนะ! ไปๆ ฉันจะพาขึ้นไปเตรียมตัวเข้าห้องบรีฟกันเลย.. เดินให้สวยเหมือนตอนฝึกนะจ้ะ มาๆ!” เทลิซ่าและคนอื่นๆมองเห็นสีหน้าผิดปกติของคุณซินดี้ และคำถามที่ทุกคนในแถวต่างผุดขึ้นมาจากหัวสมองที่ไม่มีความเข้าใจ...ว่าทำไม... คุณซินดี้ถึงไม่ให้สจ๊วตหนุ่มมาดกวนที่มีรอยเจาะหูตลอดแนวใบหูนั้นได้แนะนำตัว... ใช่..บุคลิกต้องห้ามที่ไม่มีทางที่ใครจะสามารถมายืนอยู่ในอาชีพอันสูงส่งแบบนี้ได้..หากสจ๊วตหนุ่มคนนี้... ไม่ใช่ลูกหลานของผู้เป็นใหญ่เป็นโตล่ะก็นะ... ฝันไปได้เลย...





เข้าสู่ห้องบรีฟอย่างเช่นเคย ในเวลาก่อนขึ้นเครื่องสี่สิบห้าถึงหนึ่งชั่วโมง... คุณโรสรอยด์แอบชักสีหน้าหนักใจเล็กๆกับการที่จะต้องทำหน้าที่ฝึกมือใหม่จำนวนเจ็ดชีวิต แต่เที่ยวบินที่เธอได้รับหน้าที่เป็นเพอร์เซอร์ในวันนี้ก็ยังถือว่าโชคดีที่มีมือใหม่มาร่วมเที่ยวบินด้วยเพียง 4 คน ส่วนอีก3 คน กำลังนั่งรอเพอร์เซอร์เที่ยวบินอื่นๆอยู่อีกห้องหนึ่ง


ทิมมี่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อ วันนี้เขามาช้าเพราะรถเจ้ากรรมที่มีปัญหาอยู่เรื่อย เขาตั้งใจไว้แล้วว่า หากได้หยุดพักสักสองสามวันเขาจะถอยรถใหม่ประชดชีวิตไปเสียเลย และเมื่อหนุ่มหน้าขาวเดินเข้ามาหลังเพื่อนสายตาก็ยังคงไปเผชิญกับใบหน้าของกัปตันหนุ่มเป็นคนแรกอย่างเคย ทั้งคู่ยิ้มบางๆให้กัน ก่อนที่ทิมมี่จะเดินไปนั่งที่หลังห้องข้างๆโต๊ะของเควินที่กำลังนั่งจ้องมองใครบางคนอย่างไม่สบอารมณ์ แต่ซึ่งคนๆนั้นกลับไม่ใช่กัปตันลูคัสเหมือนอย่างเคย




 “เป็นอะไรเควิน?... หน้าตานายไม่ดีเลยนะ” ทิมมี่ถามเมื่อเห็นสายตาแข็งกระด้างของเพื่อนร่วมงาน กำลังจ้องไปที่ใครบางคนที่ทิมมี่ไม่รู้จัก


 “เปล่า...แค่ไม่ชอบขี้หน้าไอ้เจาะหูนั่นนิดหน่อยก็เท่านั้นเอง...” ไม่รู้ว่าเสียงของเควินดังเกินไปหรือเปล่า ผลลัพธ์จากคำพูดนั้น ทำให้สจ๊วตหนุ่มหน้าใหม่ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกวนประสาทหันมากลับมาเพียงหางตาที่บ่งบอกได้ว่าเขาคนนั้นก็เริ่มไม่สบอารมณ์เช่นเดียวกัน


 “เอาน่า! อย่าไปสนใจเลย... ทำใจให้สบายก่อนขึ้นเครื่องสิ... ลืมกฎไปแล้วเหรอ?”


 “...เฮ้อ...อืมๆ!!” เควินรับคำอย่างจำใจ ขณะที่คุณโรสรอยด์เริ่มออกมายืนหน้าห้องหลังจากที่โบ๊ะแป้งลงใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยย่นเพราะอาชีพที่ต้องยิ้มจนเนียนสนิทไปทั่วหน้าแล้ว... ทิมมี่หยิบสมุดเล่มเล็กขึ้นมาวางบนโต๊ะและหยิบปากกาตามขึ้นมาเพื่อเตรียมจดรายละเอียดสำคัญ แต่ความรีบร้อนที่ติดมาตั้งแต่เมื่อครู่ทำให้ชายหนุ่มทำปากกาลูกลื่นตกลงพื้นไป และมันก็กลิ้งไปยังโต๊ะข้างเคียงที่ออกไปประมาณสองถึงสามคืบ


 “ผมหยิบให้ครับ!” ทิมมี่ชะงักไปเล็กน้อย เมื่อคำพูดนั้นเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่ม ชายหนุ่มในชุดสจ๊วตที่เพิ่งได้หยิบสวมปฏิบัติหน้าที่เป็นครั้งแรก ใบหน้าขาวเนียนตัดกับสีผมสีดำสนิท และคิ้วที่คมเข้ม ใบหน้าทุกอย่างทำให้ทิมมี่สะอึกและอดคิดไม่ได้ว่าเขาคนนี้เป็นลูกครึ่งเอเชียหรือเปล่า?... ทำไมใบหน้าถึงออกไปทางญี่ปุ่นหรือเกาหลีมากนัก แต่หากดูป้ายชื่อที่หน้าอก... ชื่อของเขาก็ไม่ได้บ่งบอกเลยว่าเป็นเชื้อสายของคนเอเชีย...ความคิดมากมายกับการพบเจอคนแปลกหน้า ทำให้สายตาของทิมมี่พิจารณาคนที่นั่งอยู่ไม่ไกลได้ละเอียดถี่ถ้วนราวกับเป็นนักช่างสังเกตก็ไม่ปาน หนุ่มหน้าขาวพลางยิ้มเผยให้เห็นลักยิ้มที่ทำให้หน้าตาของเขาดูสดใสขึ้นมากกว่าที่เห็น... เขาก้มหยิบปากกาด้ามทองให้ทิมมี่ พร้อมรอยยิ้มทักทายนั้นที่ส่งตอบมาด้วยความมีมนุษยสัมพันธ์เต็มเปี่ยม ทิมมี่เห็นเลยอดที่จะยิ้มตอบเสียไม่ได้



 “ขอบคุณครับ... คุณเพิ่งมาใหม่หรือ?” ทิมมี่กล่าวก่อนที่จะถามอย่างเป็นมิตร ขณะที่ชายหนุ่มตรงหน้ายิ้มก่อนที่จะตอบกลับด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลและอ่อนโยนราวกับเขาเป็นคนที่ใจเย็นมากเลยทีเดียว


 “ครับผม! ผมชื่อ โรเจอร์ ซินแคลร์ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ คุณทิมมี่ ดรอว์เยอร์!” ทิมมี่อดแปลกใจไม่ได้ที่ตนเองไม่ได้แนะนำตัวก็เพราะโรเจอร์หรือหนุ่มหน้าใสตรงหน้าเขานี้ กลับรู้จักชื่อและสกุลของเขาได้อย่างดี และสำเนียงก็ถูกต้องกว่าใครๆที่เคยเรียกอีกด้วย...หรือว่าเพราะโรเจอร์เห็นป้ายชื่อของเขา? แต่ก็ไม่น่าจะรวดเร็วและชัดเจนเช่นนี้นี่นา


 “คุณไม่ต้องตกใจหรอกครับว่าทำไมผมถึงรู้จักคุณ... เอาเป็นว่า... ผมรู้จักคุณมาก่อนหน้านี้แล้วล่ะครับ แต่คุณเองคงจะไม่รู้จักผม” ทิมมี่ยิ้มแห้งๆ แล้วอดสงสัยไม่ได้อีก แต่ก่อนที่จะเกิดคำถามต่อไป... เสียงคุณโรสรอยด์ก็ดังขึ้นพาให้ทุกคนกลับเข้าสู่การทำหน้าที่ของตนเองในทันที โดยเฉพาะทิมมี่ ดรอว์เยอร์ ที่หันหน้ากลับไปเตรียมตัวจดงานอย่างตั้งอกตั้งใจ...ท่ามกลางสายตาที่จับจ้องของโรเจอร์ในเวลานี้กับรอยยิ้มที่แสดงถึงความพอใจกับการได้เห็นทิมมี่... ซึ่งหากใครเห็นในเวลานี้ก็คงอธิบายไม่ได้ว่า...โรเจอร์กำลังคิดอะไรอยู่...


 “เอาล่ะค่ะ วันนี้ดิฉันจะขอแนะนำสมาชิกใหม่ของเราสี่คนก่อนนะคะ เอาล่ะ คนแรก.. เอ่อ..” คุณโรสรอยด์ชะงักไปเล็กน้อย เมื่อเริ่มต้นอ่านชื่อของใครบางคนที่อยู่บนกระดาษรายงานในมือ..


 “เอ่อ.... คนแรก... คุณบาเรลล์ คลูเซอร์ .....อ่ะ....เอ่อ...ค่ะ!” คุณโรสรอยด์แนะนำด้วยน้ำเสียงแปลกๆ ตามปกติแล้วไม่ว่าจะลูกเรือหรือสมาชิกเก่าหรือว่าใหม่ จะต้องลุกขึ้นยืนทักทายทุกครั้งเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อ แต่ทว่า... บาเรลล์ คลูเซอร์ สจ๊วตหนุ่มหล่อรูปร่างดี แต่บุคลิกกลับแย่ยิ่งกว่าใครอื่น.. ยังคงนั่งเคี้ยวหมากฝรั่งต้วมๆอยู่นิ่งๆ สายตาของชายหนุ่มมาดกวนมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างไม่คิดจะปฏิสัมพันธ์กับใครเลยสักคน ทำเอาคุณโรสรอยด์ยิ้มเจื่อนจนเหงือกแห้งหน้าห้อง ก่อนที่จะแนะนำบุคคลต่อไป


 “ต..ต่อไปนะคะ... เทลิซ่า ดรอว์เยอร์.... น้องสาวของคุณทิมมี่นั่นเอง! ยินดีต้อนรับนะคะ!” คุณโรสรอยด์เลยหันมาใส่ใจกับหญิงสาวที่ลุกขึ้นยืนยิ้มฝากเนื้อฝากตัวแทน แต่สายตาของเทลิซ่าก็ยังไม่วายเหลือบไปมองคนรอบข้างที่สร้างบรรยากาศทุเรศๆให้กับเธอไม่แพ้กับบาเรลล์ คนด้านซ้ายก็คือกัปตันลูคัสที่เธอเหม็นขี้หน้า... กับคนด้านขวาที่เธอรู้สึกไม่กินเส้นมากที่สุดในเวลานี้ ก็คือ ชอริต้า แซดเลอร์ นั่นเอง


 “และสาวสวยคนต่อมาของเราก็คือ ชอริต้า แซดเลอร์ค่ะ!” ชอริต้าแอ่นอกขนาดเต็มมือเต็มไม้ของตนขึ้นมา พร้อมกับพาร่างระหงยืนเชิด และยิ้มยั่วสจ๊วตหนุ่มรอบข้าง... โดยเฉพาะสายตาพิศวาสที่ไปสะดุดอยู่ที่ร่างสูงของกัปตันลูคัส..ที่ทำเอาชายหนุ่มถึงกับสะอึกไปกับความใจกล้าของหล่อน


 “และคนสุดท้ายนะคะ สจ๊วตหนุ่มหน้าใสของเรา.... โรเจอร์ ซินแคลร์ค่ะ!” โรเจอร์ลุกขึ้นจากที่นั่งด้วยท่าทางใจเย็น และยังไม่วายจะหันมายิ้มให้กับทิมมี่ก่อนที่จะลุกอีกด้วย... ทิมมี่รู้สึกแปลกๆกับเพื่อนร่วมงานรุ่นใหม่คนนี้เสียจริงๆ..


 “เอาล่ะค่ะ!! เรามาเริ่มบรีฟงานกันเลยดีกว่า เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลานะคะ ...เชิญกัปตันสุดหล่อของเราหน้าห้องเลยค่ะ!!”


           


            ถึงเวลานับชั่วโมงของการทำงานอีกครั้งหนึ่ง โรเจอร์เดินเข้ามาภายในชั้น First Class ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความดีใจ เมื่อการทำงานครั้งแรกของตัวเขาก็ได้มาร่วมงานกับ ทิมมี่ ดรอว์เยอร์ บนชั้นผู้โดยสารที่หรูที่สุดของเครื่องบินนี้อีกเสียด้วย
หนุ่มหน้าใสเดินเข้ามาในห้อง Galley ที่มีทิมมี่กำลังยืนเตรียมชุด Amenity Kits อยู่ด้วยใบหน้าสดชื่นเช่นเดียวกัน


 “ดีจังเลยนะครับ... ผมได้ร่วมงานเที่ยวบินแรกกับคุณ” โรเจอร์กล่าวด้วยน้ำเสียงตามอารมณ์ข้างต้น ทิมมี่สะดุ้งเล็กน้อยกับการเข้ามาโดยไม่ให้สุ้มให้เสียงของเขาหรืออาจจะเป็นเพราะว่าโรเจอร์ดูเหมือนเป็นคนที่บุคลิกเย็นและนิ่งเกินไปกว่าที่เขาจะรู้สึกตัว

 “อ่ะ...เอ่อครับ...ยินดีเหมือนกัน... เอ่อ ว่าแต่พักผ่อนมาพอหรือยังล่ะครับ? เราต้องเจอแขกวีไอพีนะ เที่ยวบินแรกของคุณคงจะเหนื่อยเอาการทีเดียว” ทิมมี่พูดยิ้มๆ ขณะที่บุคคลหน้าใสตรงหน้า กลับยิ้มออกมามากขึ้นกว่าเดิมอีก

 “ผมพร้อมเสมอครับ ถ้ายังไง ผมก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ... ว่าแต่คุณเถอะ อายุน้อยกว่าผมตั้งสองปี เก่งนะครับที่ได้มาเป็นสจ๊วตได้เร็วขนาดนี้..... ตอนที่ผมอายุเท่าคุณ ผมยังสอบ Tofle ยังไม่ติดเลย” โรเจอร์พูดไปและหัวเราะให้กับความขายหน้าของตัวเองทำให้ทิมมี่รู้สึกเริ่มผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น เมื่อได้ผู้ร่วมงานบนชั้นผู้โดยสารที่เรียกได้ว่า “ระดับสูง” ที่สุดของเครื่องบินลำนี้ เสียงฝีเท้าของใครบางคนดังใกล้เข้ามาไม่ช้าเจ้าของฝีเท้านั้นก็ปรากฏตัวเข้ามาภายในห้องเตรียมครัวห้องนี้ ทิมมี่รู้สึกตกใจเล็กๆก่อนที่จะยิ้มทักทายกัปตันหนุ่มผู้เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มบางๆ


 “ไงทิมมี่... ตื่นเต้นมั้ย? วันนี้ผู้โดยสารชั้นของนายได้ชื่อว่าจอมลามกเลยนะ ...หึ... เขาชอบแต๊ะอั๋งสจ๊วตหนุ่มๆเป็นว่าเล่นเลยล่ะ...ไง...ทำใจได้หรือเปล่า?” ทิมมี่หัวเราะในลำคอเล็กๆ ก่อนที่จะตอบชายหนุ่มด้วยสีหน้าไม่สะทกสะท้านท่ามกลางสายตาของโรเจอร์ ที่มองกัปตันหนุ่มไม่วางตา

 “ทำใจมานานแล้วครับ... คุณพูดอย่างกับว่าผมไม่เคยโดนอย่างนั้นแหล่ะ”

 “เฮ่! จริงหรือเนี่ย? ใครกันบังอาจทำอย่างนั้นกับนายนะ?” กัปตันลูคัสถามอย่างขึ้นเสียงแนวหยอกเล่น ขณะที่โรเจอร์หันมามองทิมมี่อย่างอึ้งๆอยู่เหมือนกัน

 “ก็ผู้โดยสารเฟิร์สคลาส ตอนที่ผมอยู่ JAL นั่นแหล่ะ.... เอ่อ...ว่าแต่คุณ?... จะรับกาแฟก่อนมั้ยครับ”

 “อืม...ดีเหมือนกัน แต่เอาไว้ให้เครื่องขึ้นสักสามสิบนาทีก่อนก็ดีนะ... ฉันยังไม่อยากรบกวนนาย... แล้วยังไงก็...สู้ๆแล้วกัน!”กัปตันหนุ่มพูดพลางวางมือลงบนบ่าของทิมมี่แล้วเขย่าสองสามครั้ง ก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องไป ... ทิมมี่มองตามไปด้วยรอยยิ้มบางๆ ขณะที่หนุ่มหน้าใสที่ยืนข้างๆกลับมองหน้าทิมมี่ด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจอะไรบางอย่าง

 “นั่น... แฟนคุณเหรอครับ?” นั่นคือคำถาม... ที่ทำเอาทิมมี่ชะงักอึ้งไป.. จนชุด Amenity ในมือหลุดร่วงลงกับพื้นอย่างไม่คิดฝัน ว่าเพื่อนร่วมงานคนใหม่ผู้นี้จะกล้าถามอะไรที่มันไม่มีสาระออกมาได้


 “ฮ้ะ?.... บ..บ้าน่ะ....”

 “แต่ผมเห็นสายตาของเขา มองคุณแบบพอใจมากเลยนะครับ... คุณไม่รู้สึกบ้างเหรอ?” โรเจอร์ถามหน้านิ่งๆ..

 “...ค...คือ... เขาเป็นคนรักของน้องสาวฉันต่างหาก...”

 “เทลิซ่าน่ะเหรอครับ!?” โรเจอร์ถามสีหน้าตกใจเล็กๆ แต่ทิมมี่กลับยืนเกาหัวแกร่กๆ

 “เปล่า.. น้องสาวผมอีกคนหนึ่งน่ะ คุณไม่รู้จักหรอก...เอ้อ... ผมว่าเรารีบเตรียมตัวกันดีกว่านะ ผู้โดยสารคงกำลังนั่งรถขึ้นเครื่องมาแล้วล่ะ...” ทิมมี่ตัดบทอย่างดื้อๆ ซึ่งโรเจอร์รู้สึกแปลกๆราวกับว่าสีหน้าของทิมมี่ในตอนนี้... กำลังสับสนอะไรบางอย่าง... ไม่สิ... ดูเหมือนมีอะไรบางอย่างที่แอบซ่อนอยู่ในใจต่างหาก...




++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++



ผู้โดยสารขึ้นมาประจำคาบินแล้ว ลูกเรือทุกคนเริ่มประจำที่เช่นเดียวกันการทำเหมือนกันทุกๆครั้ง ในทุกๆเที่ยวบิน
โดยเฉพาะสจ๊วตหรือแอร์โฮสเตสรุ่นพี่ที่จะต้องทำให้รุ่นน้องดูเป็นตัวอย่าง และฝึกให้รุ่นน้องทำตามในวาระต่อๆไป.. โรเจอร์มองทิมมี่อย่างสนอกสนใจหากแต่ทิมมี่กลับรู้สึกว่า... โรเจอร์นั้นไม่ได้สังเกตในวิธีการพูดหรือการแนะนำผู้โดยสารแต่อย่างใดหรอก...หากแต่ความจริงแล้วสายตาประหลาดของโรเจอร์นั้น กลับทำให้ทิมมี่รู้สึกคลับคล้ายคลับคลาราวกับเคยรู้สึกจากการถูกจับจ้องเช่นนี้มาก่อน... ใช่แล้ว! เหมือนกันเลยกับตอนนั้น! ตอนที่ทิมมี่เข้าไปยื่นซีดีให้กับวีว่า เลอคอติส... สายตาของใครบางคนตอนนั้นที่ทิมมี่รู้สึกได้แต่กลับมองไม่เห็น....  แต่ความรู้สึกไม่ได้ต่างจากตอนนี้เลยจริงๆ! หรือว่าคนที่มองเขาอยู่ในตอนนั้น.... จะเป็นโรเจอร์ ซินแคลร์ กันนะ? แต่แล้วในที่สุด ทิมมี่ก็ยิ้มแห้งๆตอบสายตาที่มองจ้องมานั้นไป... ทำให้โรเจอร์สะดุ้งเล็กๆ เมื่อถูกจับได้ว่าแอบมองชายหนุ่มหน้าขาวอยู่...พลางแสดงสีหน้ายิ้มตอบอย่างเก้อๆเช่นเดียวกัน








 “นี่หล่อน!” เสียงเรียกของผู้ร่วมงาน ทำเอาเทลิซ่าสะดุ้งเฮือก เนื่องจากเธอไม่คิดว่าใครจะมากล้าเรียกเธอได้เสนาะหูเช่นนี้






++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++



littleFiNgeR

  • บุคคลทั่วไป
FLIGHT 11 : บุคคลที่สาม?
             


ชอริต้านั่นเอง... ผู้ร่วมเที่ยวบินควบกับผู้ร่วมชั้นประหยัดในวันนี้... เทลิซ่ารู้สึกย่ำแย่มากกับการปฏิบัติหน้าที่กับเพื่อนรุ่นเดียวกัน แม้ว่าจะมีรุ่นพี่อยู่อีกสองคน ที่กำลังเดินไปเดินมาอยู่นอกห้อง GALLEY ที่ในขณะที่เธอกำลังจัดเตรียมชุดอาหารอยู่เงียบๆนี้เอง

 “อะไร...” เสียงตอบรับห้วนๆ มองหน้าหญิงสาวที่กำลังเอากระจกขึ้นมาส่อง แล้วดันทรงตัวเองอย่างพออกพอใจ

 “เธอว่าดีมั้ย...”

 “ฮ้ะ!?” เทลิซ่าทำหน้างุนงง เมื่อเห็นท่าทางอวดทรงของหล่อนและคำถามที่ตามมา

 “ฉันถามว่า ..เธอคิดว่าดีมั้ย.... ถ้าฉันจะนำกาแฟร้อนๆไปให้กัปตันของเราสักแก้วหนึ่งน่ะ..ฮึฮึฮึ!” เทลิซ่าแอบทำหน้าเหม็นอึ
ก่อนที่จะนำกล่องอาหารเข้าเตาเวฟไปอย่างไม่สนใจ

 “นี่เธอ...ไม่ตอบก็ไม่เป็นไรนะยะ... แต่ฝากทางนี้ก่อนแล้วกัน...ฉัน...จะเอากาแฟไปเสิร์ฟกัปตันลูคัสก่อนล่ะ” ชอริต้าทำท่าจะกดกาแฟจากเครื่องทำกาแฟตรงหน้าใส่แก้วใบใหญ่สำหรับกัปตันและเพอร์เซอร์ ขณะที่เทลิซ่ามองอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนที่จะคัดค้าน

 “แต่กัปตันไม่ได้สั่งนี่!?... แล้วเธอจะเข้าไปให้กัปตันได้ยังไง?... เธอต้องได้รับรหัสเข้าค็อกพิทก่อนนะ”

 “แหม...ไม่เป็นไรหรอกน่า... ไปกดออดเรียกหน้าห้อง... ยังไงกัปตันก็ต้องเปิดให้ฉันอยู่แล้วล่ะ ฮุฮุฮุ!” เทลิซ่ามองนางฟ้าหน้าโง่ผู้หลงตัวเอง

 “งั้นก็ตามสบายเถอะย่ะ!” เทลิซ่ากล่าวตอบอย่างเป็นมิตรที่แสนดี ก่อนที่จะเดินไปบิดอุณหภูมิของเตาไมโครเวฟอีกครั้งเพราะเธอนึกขึ้นได้ว่าเธอลืมบิดอุ่นนั่นเอง



            ++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++



นางฟ้าสะโพกสะท้านใจหนุ่ม เดินบิดก้นพร้อมถาดกาแฟในมือเดินขึ้นไปถึงหน้าห้องค็อกพิท ก่อนที่มือของหล่อนจะเอื้อมไปกดออดนั้น เธอก็ไม่ลืมที่จะดันหน้าอกของตนเองให้ดูเต็มตาคนมองมากยิ่งขึ้นพร้อมกับมองกาแฟในถาดสองถ้วยด้วยความพออกพอใจ และแล้ว..


ออด~!!


กัปตันลูคัส และโตไพลอตมอริสต่างมองไปที่จอมอนิเตอร์ภายในห้องค็อกพิทเป็นตาเดียวกัน ขณะที่เกิดสีหน้าสงสัยของคนทั้งคู่ตามมาเมื่อได้มองเห็นหน้าจอตรงหน้าแล้ว

 “กัปตันสั่งกาแฟตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?” โคไพลอตมองหน้ากัปตันลูคัสอย่างงุนงง

 “เปล่านี่... ผมคิดว่าคุณสั่งเสียด้วยซ้ำ” ทั้งคู่ยังคงมองหน้ากันราวกับตัดสินใจอะไรบางอย่างไม่ถูกว่าจะเอายังไงดี แต่ในที่สุดแล้วกัปตันหนุ่มก็กดปุ่มไมค์แล้วเรียกแอร์โฮสเตสสาวที่ยืนเอวคอดอยู่นอกห้องเข้ามา

 “เชิญครับคุณชอริต้า..รหัส 7070” ชอริต้าทำตาโตทันทีเมื่อได้ยินเสียงกัปตันหนุ่มก่อนที่หล่อนจะรีบกดรหัสและประตูห้องค็อกพิทก็เปิดออก หญิงสาวเดินก้าวเข้าไปพร้อมใบหน้าที่แต่งไว้ก่อนนี้อย่างจัดจ้านที่ทำเอาโคไพลอตเห็นแล้วทำหน้าอึ้ง..ก่อนที่จะรีบกลับไปควบคุมคอนโซลอย่างตั้งสมาธิอีกครั้ง... แต่ทว่ากลับกันกัปตันหนุ่มผู้ที่ไม่เคยทนไหวกับหญิงสาวมาดเฉี่ยวเช่นนี้กลับแสดงสายตาเรียบเฉยต่อชอริต้า แล้วยังมีสีหน้างุนงงมากกว่าจะยิ้มแย้มอย่างที่เคยเป็น

 “เอ่อ... ผมไม่ได้สั่งนี่ครับ?” ชอริต้าได้ยินคำถามดังนั้น หล่อนยังคงยิ้มออกมาอย่างไม่เข้าใจความหมาย

 “คือ... ดิฉันเกรงว่ากัปตันจะเหนื่อยนะค่ะ ไม่อยากให้กัปตันเพลียด้วย... ดิฉันเลยนำกาแฟมาเสิร์ฟให้ค่ะ” กัปตันหนุ่มหันไปมองโคไพลอต ที่นั่งเหงื่อตกอยู่ข้างๆที่ประจำตำแหน่ง

“ถ้าอย่างนั้น....” กัปตันหนุ่ม เอื้อมมือไปหยิบแก้วบนถาด ในมือของชอริต้ามาแก้วหนึ่ง... แล้วยื่นให้โคไพลอตมอริส ขณะที่เจ้าตัวผู้ที่กำลังนั่งเหงื่อแตกอยู่นั้นแสดงสีหน้างุนงงเมื่อเห็นกัปตันยื่นมาให้

 “ขอบคุณนะคุณชอริต้า.... แต่สำหรับอีกถ้วยผมไม่รับดีกว่า...คุณเอากลับไปเถอะ” หากใบหน้าของชอริต้าทำด้วยแก้วในตอนนี้... มันก็คงจะร้าวหรือไม่ก็แตกละเอียดลงมากองกับพื้นห้องเป็นอย่างแน่แท้

 “ต...แต่ว่า..กัปตันจะไม่...”

 “ผมไม่รับครับ... ขอบคุณมาก.. ผมทานแล้วเรียบร้อย ขอบคุณจริงๆ...เชิญครับ” เป็นคำตอบรับผสมผสานกับความหมายที่บอกให้หล่อน “ออกไป” จากห้องๆนี้ ชอริต้ายิ้มหน้าเจื่อนหน้าอกตกก่อนที่จะออกมาจากห้อง...ทันทีที่ประตูปิดลง หญิงสาวกระทืบเท้าอย่างเจ็บใจในท่าทีเย่อหยิ่งของกัปตันหนุ่ม

 “ทำเป็นไม่สนใจนะกัปตัน! คอยดูเถอะ! โอเวอร์ไนท์มาถึงเมื่อไหร่... เราได้เจอกันแน่!”



                        ++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++



 “จะรับอะไรเพิ่มมั้ยครับคุณโรบิน?” โรเจอร์ถามแขกวีไอพีด้วยสีหน้าที่แตกต่างจากความรู้สึก เมื่อถูกปฏิเสธจากแขกดังกล่าว สจ๊วตหนุ่มก็เดินกลับเข้ามาในห้อง GALLEY อีกครั้ง

 “เฮ้อ!” โรเจอร์ถอนใจราวกับหมดอาลัยตายอยาก ขณะที่ทิมมี่ที่กำลังกุลีกุจอกับการจัดเรียงอาหารชุดพิเศษช่วงเวลาทีไทม์(เครื่องชาและเครื่องเคียงต่างๆ) ชายหนุ่มมองสจ๊วตรุ่นน้องที่มีอายุมากกว่าแล้วอดยิ้มอย่างเข้าใจดีถึงความรู้สึกในเวลานี้ของเขา

 “ทำใจเถอะนะคุณโรเจอร์...การได้มายืนทำหน้าที่อยู่ในชั้นเฟิร์สคลาสแบบนี้ การมีรายได้ที่มากกว่าชั้นอื่นๆ ก็ย่อมต้องแลกกับความอดทนและอารมณ์ที่ต้องมีมากกว่าลูกเรือชั้นอื่นๆเป็นธรรมดานั่นแหล่ะ” โรเจอร์ยิ้มเมื่อได้ยินคำพูดนั้นราวกับเขาหายเหนื่อยขึ้นไปเยอะเลยทีเดียว

 “เอ่อ... แล้ว...คุณจะออกไปเสิร์ฟเครื่องดื่มเลยหรือเปล่าครับ? ให้ผมช่วยนะ?”

 “ไม่เป็นไรหรอก คุณเพิ่งกลับเข้ามา นั่งพักก่อนเถอะ... มีอะไรเดี๋ยวผมจัดการเองได้ครับ ขอบคุณมาก”

 “ต..แต่ผมอยากช่วยคุณจริงๆนะครับ” ทิมมี่ชะงักเมื่อเห็นสีหน้าจริงจังเบื้องหน้า..

 “อ...เอ่อ..คือ... ผมหมายถึง...ผมยังไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไหร่...” โรเจอร์พูดเสียงติดขัดแต่ตรงกันข้ามกับใบหน้าของเขาเวลานี้ ซึ่งภาพตรงหน้าก็ทำให้ทิมมี่หลุดหัวเราะออกมาได้

 “ฮะฮะฮะ... ผมว่าคุณไปล้างหน้าล้างตาจะดีกว่านะ... ผมไม่เป็นไรจริงๆสบายมาก ยังไงก็ต้องขอบคุณอีกครั้งนะครับ...” ทิมมี่ก้าวออกมาจากห้องพร้อมรถเข็นเสิร์ฟเครื่องดื่มด้วยรอยยิ้ม...ทิ้งให้โรเจอร์รีบหันเข้าหากระจกภายในห้องด้วยความหงุดหงิดตัวเองที่ดันแสดงสีหน้าถึงความเหน็ดเหนื่อยให้ทิมมี่เห็นเข้าจนได้ โทรศัพท์ภายในชั้นเฟิร์สคลาสดังขึ้นในเวลาต่อมา พอดีกับที่ทิมมี่กลับเข้ามาภายในห้อง GALLEY พอดิบพอดี

 “ไม่เป็นไรครับ ผมรับเองคุณโรเจอร์” ทิมมี่อาสารับก่อนที่จะยกหูโทรศัพท์ที่ดังขึ้น

 “สวัสดีครับ? ทิมมี่ครับ”

 “ว่ายังไง?... ทานอะไรหรือยังทิมมี่?” บุคคลต้นเสียงเอ่ยถามขึ้น..พาให้สีหน้าของทิมมี่หายเหนื่อยไปอย่างประหลาด และกลับปรากฏรอยยิ้มบนหน้าขึ้นมา จนทำเอาโรเจอร์ที่ยืนมองอยู่นั้นแสดงสีหน้าสงสัยและพยายามเดาว่าใครโทร.เข้ามา

 “เรียบร้อยแล้วครับกัปตัน...เอ่อ... ขอโทษทีนะครับ ผมยุ่งมากเลย...กาแฟของกัปตันผมเลยยังไม่ได้ยกไปให้” โรเจอร์เดาได้แล้วว่าใคร เขาแอบชักสีหน้าหงุดหงิดอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมกัปตันลูคัสจะต้องโทรศัพท์มาถามพี่ชายของแฟนตัวเองราวกับใส่ใจอะไรมากมายอย่างนี้

 “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก... ฉันยังไม่หลับหรอกน่า...ตอนนี้ฉันให้คุณมอริสไปนอนพักผลัดกันคนละ15นาทีน่ะ.. ยังไงก็...อีกสักครึ่งชั่วโมง..เครื่องก็จะลงบอสตันแล้ว...สงสัยว่าฉันคงจะไม่ได้ดื่มกาแฟของนายเป็นแน่แล้วล่ะ” ทิมมี่ทำหน้าเจื่อน

 “ข..ขอโทษจริงๆนะครับ”

 “ล้อเล่นน่า..อย่าเครียดสิ.....เอ้อ... ถ้าอย่างนั้นเท่านี้นะ...ลงเครื่องแล้วเราคงได้เจอกัน”

 “ครับผม...แล้ว....เจอกัน!” ทิมมี่วางสายหลังจากที่กัปตันหนุ่มกดวางไปแล้ว..หนุ่มหน้าขาวยิ้มให้กับโทรศัพท์อย่างไม่รู้ตัวท่ามกลางสายตาที่จับจ้องมาของโรเจอร์ทำเอาทิมมี่รู้สึกได้ถึงการถูกมองด้วยสายตาแบบนั้นอีกครั้งหนึ่ง

 “ม..มีอะไรหรือเปล่า?” ทิมมี่ถามพลางคลี่สีหน้าที่ยิ้มแย้มเมื่อครู่ออก เมื่อเห็นสีหน้าของคนตรงหน้าที่ดูตรงข้ามกับเขาอย่างชัดเจน

 “ไม่มีอะไรหรอกครับ... ผมขอตัวไปบริการผู้โดยสารก่อนแล้วกัน...ผมได้ยินเสียงออดเรียก” โรเจอร์พูดสั้นๆก่อนที่จะเดินออกไปด้วยสีหน้าที่ทิมมี่ไม่เข้าใจเอาเสียเลยว่าทำไมอยู่ๆ เดี๋ยวเขาก็ดูอารมณ์ดี แต่บางครั้งเขาก็กลับดูหงุดหงิดกับอะไรบางอย่างขึ้นมาโดยที่ทิมมี่เองก็ไม่รู้ถึงสาเหตุนั้น

 “พิลึกคน...”




ถึงเวลาก่อนที่เครื่องจะลงผู้โดยสารทุกระดับชั้นจะเตรียมตัวรัดเข็มขัดกันพร้อมหน้า แต่ทว่าดูเหมือนคุณโรบิน แห่งชั้นเฟิร์สคลาสหรือผู้เป็นผู้โดยสารวีไอพีของเที่ยวบินลำนี้..กลับจะดูไม่ใส่ใจต่อคำเตือนหรือแสงไฟบนแผงตรงหน้าเอาเสียเลยว่าให้รัดเข็มขัดเพื่อความปลอดภัย จนทำให้ต้องลำบากทิมมี่ที่ต้องเดินมาทำหน้าที่ลูกเรือที่ดีแก่ผู้โดยสาร

 “คุณโรบินครับ... รบกวนช่วยรัดเข็มขัดนิร....อ้ะ...!” ราวกับช่วงเสี้ยวนาที.. ที่ความห่วงใยผู้โดยสารนั้นกลับถูกเหยียดหยามด้วยฝ่ามือของผู้โดยสารวีไอพีหนุ่ม...คุณโรบินเอื้อมมือมาวางลงที่สะโพกของทิมมี่! ขณะที่ชายหนุ่มหน้าขาวแสดงสีหน้าตกใจเล็กน้อย.. แต่อากัปกิริยากลับไม่ได้ดูตกใจมากมายเท่าไหร่นักหากจะเทียบกับความรู้สึกส่วนลึกในเวลานี้... แต่ทว่าดูเหมือนสายตาของใครบางคนที่นั่งรัดเข็มขัดอยู่ด้านหลังห้องผู้โดยสาร จะดูไม่พอใจมากที่เห็นทิมมี่ถูกเหยียดด้วยฝ่ามือโสโครกนั้นของคุณโรบิน สายตาแข็งกร้าวนั้นก็คือ... โรเจอร์ ซินแคลร์ นั่นเอง!


จรรยาบรรณ คือเครื่องมือสำคัญที่ทำให้มืออาชีพในการบริการอย่าง ทิมมี่ ดรอว์เยอร์... เผยยิ้มตอบโต้แทนความโมโหที่พุ่งสุดขีดอยู่ในจิตใจ หนุ่มหน้าขาวถอยตัวออกมาอย่างนอบน้อม แต่เมื่อนึกขึ้นได้อีกทีก็ยังไม่วายจะตรงเข้าไปใกล้คุณโรบิน และรัดเข็มขัดนิรภัยให้อีกเสียด้วย...โดยไม่ได้แยแสเลยว่าสายตาลามกของคนดังกล่าวจะกำลังโลมเลียร่างกายของทิมมี่อยู่อย่างปรารถนา...ส่วนทิมมี่เองนั้นก็ไม่ได้ตาบอดอะไร แต่เพียงทำเป็นไม่เห็นแล้วยิ้มใส่ให้กับความโสโครกของคนผู้นี้ก็เท่านั้นเอง


กึง! กึง! กึง!


เสียงอันเป็นปกติยามที่ล้อแตะพื้นรันเวย์ แต่ที่จะไม่ปกติในยามนี้ก็คือ ทิมมี่ ดรอว์เยอร์ ที่ยังคงเดินอยู่ในห้องผู้โดยสารสืบเนื่องจากการไปดูแลความปลอดภัยให้กับแขกลามกจกเปรตผู้นั้น แรงกระแทกอันเป็นผลจากการที่ล้อแตะพื้นรันเวย์ ทำให้ร่างบางของทิมมี่เซและทำทีจะล้มลงกับพื้นเสียให้ได้ แต่ดูเหมือนจะมีใครบางคนเร็วต่อภาพตรงหน้า... โรเจอร์ ซินแคลร์! ปลดเข็มขัดของตัวเองออก ก่อนที่จะตรงเข้าไปโอบร่างของทิมมี่ ดรอว์เยอร์เอาไว้ ท่ามกลางสายตาและความรู้สึกประหลาดของตัวทิมมี่... ที่นานมาแล้ว... เขาไม่เคยถูกอ้อมกอดจากผู้ชายคนไหนที่ตรงเข้ามาช่วยเหลือเขาได้ยามที่เขาล้มลงเช่นนี้... ใช่... เขาหมายถึงคนในครอบครัวเขาต่างหาก..


 “ข..ขอบคุณครับ...” ทิมมี่กล่าวขณะที่ใบหน้าของคนทั้งคู่อยู่ใกล้กันเพียงไม่ถึงคืบดี.. รอยยิ้มร้อยเสน่ห์บนใบหน้าขาวของโรเจอร์ปรากฏขึ้นอย่างพอใจที่เห็นคนตรงหน้าปลอดภัยไม่ล้มลงไปกระแทกกับอะไรเสียก่อน

 “ไปนั่งประจำที่ดีกว่าครับ” โรเจอร์กล่าวแต่ยังไม่ยอมคลายอ้อมกอดจากคนที่ร่างบางกว่า คนทั้งสองประคองตัวกันไปมา
ท่ามกลางเสียงของกัปตันลูคัสจากลำโพงที่ดังไปทั่วทุกห้อง ว่า ณ เวลานี้ ยังไม่ควรที่จะปลดเข็มขัดออกจากตัว เพราะเนื่องจากยังไม่สามารถเข้าจอดเทียบท่าได้สืบเนื่องจากการจราจรบนรันเวย์ที่ดูโกลาหลและติดขัด ในยามที่เครื่องบินขึ้นลงมากมายในเวลาเช่นนี้

 “ขอบคุณอีกครั้งนะครับ” ทิมมี่กล่าว เมื่อคนทั้งคู่มาถึงที่นั่งประจำที่ได้อย่างปลอดภัย ท่ามกลางตัวเครื่องที่สั่นคลอนอยู่ไม่หยุด และก็ได้รอยยิ้มตอบกลับมาจากโรเจอร์ ก่อนที่เขาจะพูดตอบว่า..

 “ถ้าเป็นคำขอบคุณเป็นอย่างอื่น... ก็คงจะดีนะครับ...”

 “...ฮ...ฮะ?..” ทิมมี่ส่งเสียงราวกับได้ยินไม่ชัด แต่โรเจอร์กลับส่ายหน้าอย่างยิ้มๆราวกับอย่าคิดใส่ใจในสิ่งที่เขาพูด... แต่จะได้อย่างไรกันล่ะ ก็ในเมื่อทิมมี่ ดรอว์เยอร์... ได้ยินคำพูดดังกล่าวอย่างชัดเจนเลยน่ะสิ




                        ++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++




-โรงแรมโลแกนแอร์พอร์ต-



ทิมมี่เดินเข้ามาถึงในโรงแรมพร้อมกับโรเจอร์ เควิน เทลิซ่า และชอริต้า ส่วนลูกเรือคนอื่นๆรวมถึงคุณโรสรอยด์และกัปตันลูคัสเดินทางมาถึงก่อนหน้านี้แล้ว ทันทีที่ทิมมี่ลากกระเป๋าเข้ามาเขาก็เห็นกัปตันลูคัสทำหน้าแปลกๆที่ตรงหน้า

 “ทิมมี่ เราได้ห้องพักห้องเดียวกับคุณลูคัสนะจ้ะ” คุณโรสรอยด์เอ่ยขึ้นพร้อมคีย์การ์ดในมือที่ยื่นมาให้ ทิมมี่เหลือบมองกัปตันหนุ่มที่ยืนยิ้มบางๆอยู่เบื้องหน้า ขณะเดียวกันโรเจอร์รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไม่รู้เหตุผล

 “ส่วนโรเจอร์กับเควินพักห้องเดียวกันนะจ้ะ แล้วก็ชอริต้ากับเทลิซ่าห้องคู่เช่นกัน แล้วก็..เอ่อ..ค..คุณบาเรลล์ได้พักห้องเดี่ยวค่ะ..” ดูเหมือนจะมีสายตาจากหลายคนแอบมองไปทางบาเรลล์ด้วยความไม่พอใจรวมถึงเทลิซ่าที่แอบหันไปมอง พอดิบพอดีกับจังหวะที่บาเรลล์หันมามองทางเธอพอดี

 “มีปัญหาอะไรหรือเปล่าสาวสวย?” คำถามเย้ยหยันของบาเรลล์ที่ยิ้มอย่างพอใจกับสายตาขุ่นๆของเทลิซ่านั้น
 “เปล่า...ไม่มี!”

 “ถ้าเธอมี... ก็มานอนกับฉันก็ได้นะ...หึหึหึ” สจ๊วตหนุ่มที่คิดว่าตนแน่กล่าวขึ้น... และก่อให้เกิดความรู้สึกแย่ๆให้กับหลายๆคนในเวลาต่อมา โดยเฉพาะทิมมี่ที่ยืนมองบาเรลล์ด้วยสายตาไม่พอใจเช่นกัน แต่ทว่า..ฝ่ามืออุ่นของกัปตันลูคัสก็กลับวางลงบนไหล่ของเขาจนทำเอาทิมมี่สะดุ้งเล็กน้อย

 “ขึ้นห้องเรากันดีกว่า....ไปเถอะ!” กัปตันหนุ่มพูดด้วยสีหน้าเรียบนิ่งราวกับบีบมือเบาๆลงบนไหล่นั้นให้หนุ่มหน้าขาวเดินตามเขามาโดยเร็ว ทิ้งให้โรเจอร์ยืนถอนหายใจฟืดฟัดอย่างไม่สบอารมณ์ จนเควินแอบสังเกตได้

 “เป็นอะไรหรือเปล่าคุณ?” เควินถามหน้าเรียบๆ

 “..ม..ไม่มีอะไรครับ...”

 “ไปๆ เราขึ้นไปพักกันบ้างดีกว่า...” เควินพูดแล้วเดินนำไป ขณะที่โรเจอร์ก็เดินตามไปอย่างหงุดหงิดเช่นเดียวกัน... ส่วนชอริต้ากับเทลิซ่าก็ไม่ต้องพูดถึง หล่อนเดินตามกันไปโดยทิ้งระยะขนานราวกับหล่อนทั้งสองพักกันคนละห้องอย่างไรอย่างนั้นเลยทีเดียว





ทิมมี่ อาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย หนุ่มหน้าขาวแอบกวาดสายตามองไปรอบๆ เพื่อมองหาผู้ร่วมห้องอย่างสงสัยว่าเขาหายไปไหนในเวลานี้? แต่ทว่าเขาก็กลับเห็นร่างสูงยืนอยู่นอกระเบียงห้อง โดยมีลมพัดตึงจนเผยให้เห็นสีหน้าอันหม่นหมองอย่างแปลกพิกลบนใบหน้าของกัปตันหนุ่มผู้นั้น


 “เอ่อ... คุณไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าหรือครับ?” ทิมมี่ถามเมื่อเลื่อนประตูออกไปยืนร่วมระเบียงห้อง ณ เวลานี้... กัปตันหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อยก่อนหันมาส่งสายตาที่ตรงกันข้ามกับสีหน้าเมื่อครู่

 “ย..ยังหรอก... ฉันรอไปดินเนอร์กับนายอยู่...”

 “คุณจะไปดินเนอร์ชุดกัปตันนี่น่ะหรือครับ?” ทิมมี่ถามหน้ายิ้มๆ

 “ทำไมล่ะ? ไม่เท่เหรอ? นึกว่านายจะชอบเสียอีก” คำพูดของกัปตันหนุ่ม ทำเอาหนุ่มหน้าขาวยืนทำหน้าไม่ถูก...พลางพยายามคิดว่า คงไม่มีความหมายอะไรพิเศษในคำพูดนั้นหรอกมั้ง...

 “หึ... ผมว่าคุณน่าจะล้างหน้าล้างตาสักหน่อยก็ยังดีนะครับ ดูคุณเพลียๆยังไงไม่รู้...”

 “อืม...ก็ว่าอย่างนั้นล่ะ ..รอฉันแปบเดียวนะ”

 “..........................เอ่อ.............เดี๋ยวครับ...คุณลูคัส..” ทิมมี่เรียกเขาไว้ ขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะเดินตรงมาเพื่อเข้าไปในห้อง

 “มีอะไรเหรอ?...” กัปตันหนุ่มถามพลางสังเกตเห็นสีหน้าแปลกๆของทิมมี่ในเวลานี้...

 “......ผมอยากจะรู้ว่า.......ทำไม.......คุณถึงคิด...ที่จะกลับไปคบกับพี่สาวผมอีก...” กัปตันหนุ่มได้ยินคำถามนั้น ภายในใจเขารู้สึกชะงักไปมากทีเดียว แต่บนสีหน้ากลับข่มความรู้สึกและความจริงบางอย่างที่ปกปิดเอาไว้ในเวลานี้ได้อย่างดีจนหนุ่มหน้าหยกตรงหน้ามิอาจคาดเดาได้เลยว่าเขาทำแบบนี้ เพราะทำด้วยความสำนึกผิด หรือทำเพราะความเต็มใจ.. หรือเพราะทำเพื่ออื่นใดกันแน่!?

 “ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้หรอกทิมมี่.... ฉัน....แค่อยากจะทำอะไรเพื่อน้องสาวของนายได้บ้าง...” ทิมมี่ฟังแล้วรู้สึกไม่เคลียร์..'งึ่กๆงั่กๆ



            ++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++



littleFiNgeR

  • บุคคลทั่วไป
FLIGHT 12 : เทวาปะทะ



             
 “ทำอะไรเพื่อน้องสาวผม?... หมายถึง... การที่กลับไปคบกับเทเลอร์อีกครั้งน่ะหรือ?...” กัปตันลูคัสได้ยินคำถาม ชายหนุ่มทำสีหน้าครุ่นคิดก่อนที่จะพยักหน้าตอบ

 “ก็..ใช่น่ะสิ...”

 “....เอ่อ... ผมไม่คิดมาก่อนว่า...... เทเลอร์จะ...อยากจะกลับไปคบกับคุณนะ...” คำพูดของชายหนุ่มทำเอากัปตันลูคัสหันกลับไปมองอย่างอึ้งๆในขณะที่ทิมมี่รีบแสดงสีหน้าปฏิเสธ

 “ค..คือ ผมไม่ได้จะพูดให้คุณรู้สึกไม่ดีหรอกนะ...แต่ผมเพียงสงสัยว่า.....อันที่จริง... ความสุขของเทเลอร์ก็คือคุณ... แต่ผมไม่คิดว่า...การที่คุณจะกลับไปคืนดีกับน้องสาวของผม... เอ่อ... พูดตามตรงนะความรู้สึกของผมมันกำลังสงสัยว่า..... คุณ....กลับมาเพราะรักน้องสาวของผมจริงๆ.... หรือว่าคุณคิดเพียงสงสารเทเลอร์กันแน่....” คำพูดของทิมมี่ยังทำให้กัปตันหนุ่มยืนอึ้งอย่างนิ่งอยู่อย่างนั้น... ความรู้สึกของกัปตันนั้น ไม่ได้ดีไปกว่าใครอื่นเลยในเวลานี้ หากมันเป็นความอึดอัดกับเรื่องบางเรื่อง ที่เขาไม่สามารถจะบอกทิมมี่ได้ในเวลาเช่นนี้..หากเป็นเพราะว่า... เทเลอร์... ได้ขอร้องกับเขาเอาไว้...

 “คือ... ฉัน.... ฉันรักน้องสาวของนายจริงๆ...มันไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นหรอก...อีกอย่าง... ฉันก็ได้ทำตามที่นายเสนอมาแล้ว... ฉันบอกวีว่า เลอคอติสแล้ว ว่าอย่าเข้ามายุ่งกับฉันและเทเลอร์อีก... ถึงยังไงต่อจากนี้... ฉันก็จะไม่รักใคร....นอกจากเทเลอร์อีกแล้ว...” กัปตันลูคัสเหมือนจะพูดน้ำเสียงหนักแน่นขึ้น หากแต่สายตาของเขาระหว่างที่เขากำลังพูดอยู่นั้นกลับหรุบตาลงต่ำราวกับไม่กล้าจะสบตาทิมมี่ที่กำลังยืนจ้องเขาอยู่อย่างจับผิดก็ไม่ปาน

 “...อืม... ถ้าผมเป็นคนขี้สงสัยจนทำให้คุณรำคาญล่ะก็..ผมต้องขอโทษคุณด้วยนะ... คือ...ผมก็แค่เป็นห่วงน้องสาวของผมก็เท่านั้น.... ผมไม่อยากให้เธอเสียใจอีก”

 “...อืม.. ฉันเข้าใจนาย... ฉันไม่ได้รำคาญหรอก....แค่ฉันอยากจะ....” กัปตันลูคัส มองใบหน้าขาวของคนตรงหน้า...แล้วรู้สึกหวั่นไหวประหลาดเสียไม่ได้.. ความลับที่เขาปิดบังอยู่มันช่างอึดอัดจนเกิดความรู้สึกทรมานต่อจิตใจและความรู้สึกของตัวเองอย่างไรอย่างนั้น...หากแต่เวลาต่อจากนี้ มันก็ยังไม่ใช่เวลาสมควรที่เขาจะพูดบอกความจริงให้กับทิมมี่ได้รับรู้เช่นเดียวกัน

 “ฉันแค่อยากจะทำเพื่อเทเลอร์...... แล้วก็...ที่สำคัญที่สุด......” กัปตันหนุ่มหันหลังให้ทิมมี่..ก่อนที่เขาจะเดินกลับเข้าไปในห้องนั้น... เขาได้ทิ้งคำพูดคำหนึ่งเอาไว้ให้ทิมมี่ยิ่งทวีความไม่เข้าใจมากขึ้นไปอีก... ด้วยคำพูดที่ว่า...


 “ฉัน...อยากจะทำเพื่อ...นาย..” แม้ความรู้สึกมากมายที่ทิมมี่ยังคงค้างคากับคำพูดเหล่านั้น แต่ในเมื่อกัปตันหนุ่มกลับตัวกลับใจมายืนอยู่ใกล้ๆให้เขารู้สึกไว้ใจได้ในยามนี้ ทิมมี่...ก็พยายามคิดว่าพอควรแล้วที่เขาจะตื๊อถามในสิ่งที่ดูน่ารำคาญใจต่อเขา...




-ภัตตาคารไฮแกรนด์ ภายในโรงแรมโลแกน ชั้น 2F-



เทลิซ่ากำลังเดินจ้ำอ้าวตรงไปที่ภัตตาคารหรูหราตรงหน้า แต่ยังไม่ทันที่เธอจะเดินไปถึงประตูห้องอาหารดี เธอก็ชนเข้ากับใครบางคนที่กำลังเดินมาอีกทางหนึ่งด้วยความไม่ทันระวังเช่นเดียวกัน ทั้งคู่หันไปขอโทษกัน พลางตกใจเล็กๆ ที่เหมือนกับเจอคนที่รู้จัก... แน่ล่ะ... ทำงานอยู่ด้วยกันอีกต่างหาก


 “หิวมากเลยเหรอเธอ?” บอกไม่ถูกว่าคำถามจาก “เควิน” นั้นมันจะหมายความไปในทางดีหรือทางยั่วอารมณ์กันแน่ เทลิซ่าชักสีหน้าหงุดหงิดมากขึ้นกว่าเดิมจนทำเอาชายหนุ่มทำหน้ากวนประสาทอยากรู้อยากเห็นเข้าไปอีก

 “ไม่ได้หิวมาก! แต่รำคาญคน!” เทลิซ่าพูดโยนน้ำเสียงใส่หน้าชายหนุ่ม จนเควินตอบรับสีหน้าเหวอๆ

 “รำคาญคน?... ทำไมเหรอ เจอคนโรคจิตข้างห้องหรือไง?” เทลิซ่าหันไปมองด้านหลัง ก่อนที่จะเบะปากด้วยความหมันไส้ใครบางคนที่กำลังเดินตามหล่อนมา

 “ไม่ใช่ข้างห้องหรอกย่ะ! อยู่ในห้องฉันเลยมากกว่า!” เทลิซ่าพูดจาตอบโต้รุ่นพี่ได้อย่างเป็นกันเองมากทีเดียวขณะที่เควินนั้นยังทำหน้างุนงงอย่างไม่เข้าใจ แต่แล้วเมื่อสายตาของเขาจับจ้องไปที่ทางเดินตรงหน้า เขาก็อ้าปากค้าง...เมื่อเห็นใครบางคนกำลังเดินย้ายสะโพกเข้ามา... พร้อมกับลีล่าท่วงท่าการเดินที่บาดจิตบาดใจชายหนุ่มน้อยใหญ่เป็นไม่น้อย!


ชุดแซกท์หรูสีแดงแสบลูกหูลูกตา ทำเอาเควินตื่นตะลึงกับความใจกล้าของชอริต้า แซดเลอร์! ที่กล้าใส่ชุดที่คว้านหน้าอกลึกจนเห็นร่องและอกขาวอวบอิ่ม..คอคว้านลึกรูปตัววี ทำให้ใครก็ตามที่เห็นหล่อนต้องรับรู้และยกย่องให้หล่อนเป็นสาวใจกล้าแห่งปี หากเมื่อหล่อนไม่ได้ใส่ซับในหรือยกทรงใดๆปกปิดปทุมถันเลยแม้แต่น้อย และแน่นอน...ต่อให้ชุดแซกท์หนาขนาดไหน...การที่ไม่ใส่บราและไร้ฝาผิดจุก ก็มักจะเผยให้เห็นรอยนูนของอะไรบางอย่าง ปรากฏอยู่ให้คนตรงหน้ามองอย่างตะลึงตึงๆกันไปทีเดียว


 “...โอย... พระเจ้าช่วย... แม่คุณเอ๊ย!” เควินมองตามหญิงสาวทีเดินสวน และสะบัดลอนผมเข้าไปในร้าน... บริกรหนุ่มที่เดินผ่านไปผ่านมาถึงกับหันกลับมามองจนเดินชนกันอลหม่านภายในร้าน... แต่กลับมีความรู้สึกพยาบาทจากใครบางคน ที่กำลังยืนครุ่นคิดอยู่หน้าร้าน ณ ขณะนี้ว่า... เธอสมควรจะเข้าไปร่วมดินเนอร์ภายในร้านๆนี้ด้วยหรือไม่...

 “ฮึ่ย! นังนี่มันน่าจะไปเป็นนางนั่งตู้จริงๆ!” เทลิซ่าสรรเสริญ

 “ฮ..ฮะ?...” เควินทำเสียงทวนอย่างฟังไม่ได้ศัพท์

 “โอ๊ย! หมดอารมณ์จะกินอะไรแล้วเนี่ย!”

 “เอ๋า??... แล้วไปอิจฉาเค้าทำไมล่ะ ... เธอก็ใส่มาแข่งกับเขาก็ได้นี่?” เควินเสนอหน้าหยอกเย้า แต่กลับได้รับสายตาตอบรับที่น่าสะพรึงจากเทลิซ่าจนชายหนุ่มร้อง ...อูย... ออกมาอย่างเสียวไส้

 “เอาเถอะน่า! นี่อย่าบอกนะว่าจะไปกินร้านอื่นน่ะ?... จะหาที่อื่นกินทำไมให้เปลืองงบฮะ? เอาค่าชั่วโมงบินไปช้อปปิ้งอย่างอื่นจะดีกว่าน่ะ...เรื่องกินเรื่องเล็ก ในโควตาฟรีๆไม่มีใครเค้าปฏิเสธกันหรอก...น่า! มาเหอะ!” เควินถือวิสาสาะเอามือไปพาดไหล่หญิงสาวแล้วพาเดินเข้ามาจนเทลิซ่าสะดุ้งและผลักออกอย่างหงุดหงิด

 “เดินเองได้เว่ย!” เทลิซ่าเดินนำเข้าไปด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ ขณะเดียวกันเควินได้แต่ยืนมองตามไปอย่างยิ้มๆ เขาไม่เข้าใจเลยว่า ผู้หญิงที่นิสัยเป็นเด็กขี้หมันไส้คนอื่นอย่างนี้เข้ามาเป็นนางฟ้าเหมือนกับคนอื่นๆได้อย่างไร



              ++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++




“ว้าว... คุณเห็นอะไรนั่นมั้ย?...” ทิมมี่กล่าวหน้ายิ้มๆขณะที่เขากับกัปตันหนุ่มเพิ่งเดินเข้ามาภายในภัตตาคาร และเพิ่งจะลงนั่งบนโต๊ะอาหารสำหรับสี่ที่ แต่ทว่า..เขาก็มากันแค่สองคน... กัปตันหนุ่มหันไปมองด้านหลัง เมื่อเห็นสายตาของทิมมี่มองไปที่ใครบางคนซึ่งอยู่บริเวณด้านหลังของกัปตันหนุ่ม

 “.....อ....อะ....” กัปตันหนุ่มพูดไม่ออกกันไปเลยทีเดียว เมื่อสายตาของเขาไปสะดุดอยู่ที่เรือนร่างอันอวบอิ่มและหน้าอกมหึมาไซส์ของใครบางคนที่กำลังเดินย้ายสะโพกสลาตันตรงมาที่เขา กัปตันลูคัสรีบหันกลับมาทางทิมมี่พร้อมกับพยายามคลี่สีหน้าตะลึงงันของตัวเองให้หลุดพ้นออกไป หากแต่ดูเหมือนว่ามันช่างยากนักหากคิดจะทำเช่นนั้นโดยกะทันหันในยามนี้

 “ขอนั่งด้วยคนได้มั้ยคะ... กัปตันลูคัส” เสียงยั่วของนางฟ้ายั่วสวาททำเอากัปตันหนุ่มใจเต้นแรงราวกับจิตใจเดิมที่แข็งแกร่งอ่อนยวบลงไปเพราะแรงเสน่ห์ของชอริต้า ขณะที่ทิมมี่ได้แอบนั่งอมยิ้มอย่างลุ้นๆว่ากัปตันหนุ่มจะมีทีท่าหลีกเลี่ยงและทำตามคำสัญญาที่กัปตันหนุ่มให้กับเขาและเทเลอร์เอาไว้ได้หรือไม่...

 “...อ...เอ่อ...คือผมว่า...” ยังไม่ทันที่กัปตันหนุ่มจะหาคำพูดปฏิเสธใดใด แต่ทิมมี่กลับผายมือไปที่เก้าอี้ตัวข้างๆของกัปตันแล้วยิ้มให้หญิงสาวอย่างเป็นมิตร

 “เชิญเลยครับคุณชอริต้า” ทิมมี่เชื้อเชิญด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ขณะที่ชอริต้ายิ้มตอบอย่างไม่เกรงใจ ก่อนที่จะนั่งลงข้างๆกัปตันหนุ่ม ที่นึกว่าทิมมี่อยู่ในใจในเวลานี้

 “ไม่ทราบว่ากัปตันสั่งอาหารหรือยังคะ ชอริต้าสั่งให้ดีมั้ยคะ?” หญิงสาวเริ่มรุกก่อนอย่างไม่ได้สังเกตสีหน้าของกัปตันลูคัสเลยว่าต้องการให้หล่อนช่วยเหลือหรือไม่

 “ยังไม่ได้สั่งครับ... แต่ผมคงไม่ต้องรบกวนคุณหรอก... เอ่อ...ทิมมี่ นายสั่งให้ฉันทีสิ...” หนุ่มหน้าขาวชะงักอึ้ง พลางมองสมุดเมนูที่ถูกโยนมาตรงหน้าจากฝ่ามือและสีหน้าอันไม่สบอารมณ์ของกัปตันหนุ่ม ...และก็เกิดเสียง “เพล้ง” เล็กน้อยบนใบหน้าของชอริต้า แซดเลอร์

 “อ...เอ่อ...ค..คือ... ให้ดิฉันสั่งให้ดีกว่ามั้ยคะ” หล่อนยังไม่เลิกวุ่นวายจนกัปตันหนุ่มต้องหันมามองด้วยสายตาแห่งความสุนทรีย์... (ซึ่งมันตรงกันข้ามต่างหาก) ชอริต้าเลยต้องยิ้มเจื่อนไป แล้วเปิดดูเมนูอาหารในมือตัวเองขณะที่กัปตันหนุ่มหันไปมองทิมมี่ด้วยสายตาหงุดหงิด

 “เอ้า...สั่งให้ฉันหน่อยสิ! นายเป็นคนเดียวที่รู้...ว่าฉันชอบอะไร....และไม่ชอบอะไร!” ทิมมี่อึ้งกับสีหน้าจริงจังของกัปตันหนุ่มพลางอดทึ่งไม่ได้ว่า... กัปตันหนุ่มผู้ที่ไม่อาจปฏิเสธเสน่ห์ร้อนจากหญิงสาวคนไหนได้ แต่กลับแสดงความอดทนจนเหงื่อซิบๆอยู่บนขมับให้เขาได้เห็น...และความรู้สึกดังกล่าวที่ทิมมี่กำลังประมวลพิจารณาการกระทำของกัปตันลูคัสในเวลานี้ ก็ทำให้ทิมมี่ต้องระงับอารมณ์ขันของตัวเอง เมื่อเห็นสีหน้าของชายหนุ่มตรงหน้าเสียมิได้
                         
                           

 ปึ้ง!!


 “เฮ้ย!! ทำบ้าอะไรของแกวะเนี่ย!!” เสียงดังจากมุมหนึ่งของโต๊ะริมหน้าต่างด้านในสุดของร้าน... ทิมมี่ กัปตันลูคัส และชอริต้ารวมถึงบริกรที่กำลังยืนจดเมนูต่างหันไปมองที่ต้นเสียงบริเวณโต๊ะๆนั้นด้วยความตกใจ เสียงตะเบงเข้มนั้นเป็นเสียงของเควิน... และสถานการณ์ในตอนนั้นก็มีผู้ร่วมเหตุการณ์ร้อนนั้นด้วยอย่างเทลิซ่า และต้นเหตุของเรื่องอย่าง...บาเรลล์ คลูเซอร์...


เทลิซ่าเดินไปยืนอยู่หลังเควินบนโต๊ะอาหารที่เลอะเทอะไปด้วยมื้อค่ำที่ถูกเหวี่ยงเละอยู่กลางโต๊ะจากฝีมือของบาเรลล์ ที่กระแทกฝ่ามือลงไปที่จานกระเบื้องเหล่านั้นอย่างไม่พอใจกับเรื่องอะไรบางอย่าง... ทิมมี่ทำหน้าที่พี่ชายได้ดี เขาตรงไปที่เทลิซ่า พร้อมๆกับกัปตันลูคัสและชอริต้ารวมถึงเหล่าผู้ที่เพิ่งจะลงมาอย่างคุณโรสรอยด์ โรเจอร์ และคนอื่นๆ ก็รีบกรูเข้าไปดูเหตุการณ์ทั้งๆที่ยังไม่มีโต๊ะนั่งเป็นหลักเป็นแหล่งทันที


 “เกิดอะไรขึ้น!!” กัปตันลูคัสถามเสียงแข็ง เมื่อมองเห็นสีหน้าเย่อหยิ่งและจองหองของบาเรลล์ คลูเซอร์ ... สจ๊วตหนุ่มผู้ที่ลอยมาเหนือใคร วางมือชันโต๊ะ ยืนท่ากวนประสาท...ไม่มีใครคาดคิดหรอกว่า คนอย่างเขาจะได้มายืนอยู่ ณ จุดนี้ได้เหมือนคนอื่นๆ


 “อยากมีปัญหากับฉันรึไง... ไอ้กัปตัน” คำพูดอันหมิ่นเกียรติพาให้ทุกคนได้แต่ยืนอึ้งตะลึงไป... แม้แต่คุณโรสรอยด์ก็ยังทำอะไรไม่ถูก แม้ชอริต้ากับโรเจอร์จะหันไปมองเพอร์เซอร์ของตัวเองอย่างต้องการความช่วยเหลือ


 “..ค..คือ..จ..จ..จ..ใจเย็นๆก่อนนะจ้ะ...ค..คุณบาเรลล์...ก..กัปตันลู..คัส!” นั่นคือคำพูดสั่นอันหวั่นวิตกของหล่อน ที่หล่อนพอจะทำได้ในเวลานี้


 “เกิดอะไรขึ้นหรือไง...” กัปตันหนุ่มพยายามระงับอารมณ์ และหันไปถามเควินและเทลิซ่า... นี่อาจเป็นครั้งแรกที่เควินรู้สึกดีต่อกัปตันลูคัส เพราะปรกติเมื่อเกิดเรื่องอะไรแบบนี้ขึ้น ซึ่งถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยมีคนแบบนี้ให้เกิดก็ตาม..... กัปตันลูคัสมักจะเลี่ยงและไม่อยากเข้ามาช่วยเหลือสักเท่าไหร่ แต่ครั้งนี้ก็ถือว่าเควิน ได้มองเขาในทางที่ดีขึ้นบ้าง ขณะที่เทลิซ่ายืนมองเควินอย่างหงุดหงิด ที่มัวแต่นิ่งนานไม่ยอมตอบ หล่อนจึงตอบแทน

 “ก็ตาสจ๊วตกวนประสาทคนนี้น่ะสิ! อยู่ๆก็เข้ามาชวนดิฉันให้ดิฉันไปนั่งโต๊ะด้วย .... ดิฉันไม่อยากไปนั่ง เพราะสั่งอาหารมาแล้ว และอีกอย่าง... ดิฉันก็นั่งอยู่กับเควินแล้วก็ไม่คิดจะลุกไปไหน.... อยู่ๆตานี่ก็โมโหแล้วก็เขวี้ยงจานขนมปังมาตรงหน้าเควิน ดูสิ! เสื้อเขาเลอะเทอะหมดเลย! สจ๊วตอะไร~! นิสัยเถื่อนเป็นบ้า!! คนอย่างนายน่าจะไปเป็นบ๋อยในผับโกโรโกโสมากกว่านะไอ้เง่า!” คำพูดของเทลิซ่าที่เริ่มแรงขึ้นในช่วงท้าย พาให้คนที่รู้ชะตากรรมดีอย่างคุณโรสรอยด์ ใจเต้นเป็นเพลงตะลึงตึงๆ หากแต่คนอื่นๆก็แอบยิ้มอย่างสะใจ...ทิมมี่กระชากข้อศอกของน้องสาวเบาๆราวกับเตือนให้สงบสติอารมณ์ กัปตันลูคัส ปะทะสายตากับบาเรลล์ คลูเซอร์...ก่อนที่จะพูดขึ้นด้วยสีหน้าดูแคลน จนพาให้บาเรลล์กำหมัดแน่น

 “จริงอย่างที่เธอว่านั่นแหล่ะ...... คนอย่างนายไม่เห็นจะมีคุณสมบัติของสจ๊วตที่ดีเลย... นายน่าจะไปเป็นสจ๊วตล้างจานอยู่ตามผับบาร์มากกว่า...” เกิดเสียงขำขันในวงสจ๊วตและแอร์โฮสเตสคนอื่นๆ คุณโรสรอยด์หันไปทำหน้าเหวอใส่กัปตันลูคัส   ผู้ที่ไม่สนใจกว่าใครจะใหญ่มาจากไหน...ทิมมี่รู้สึกอึ้งและทึ่งกับคำพูดของเขารวมถึงชอริต้าที่ยืนยิ้มและกระดิกคิ้วใส่บาเรลล์อย่างสะใจราวกับพอใจที่ดาร์ลิ่ง(อ้างโดยพลการ)ของตัวเองแสดงท่าทีออกมาได้อย่างสุดเท่ห์ยิ่งนัก


แต่ทว่า...เมื่อสิ้นสุดคำพูดของกัปตันหนุ่มได้ไม่นาน...บาเรลล์ ตรงเข้ามากระชากคอเสื้อของกัปตันหนุ่มผู้มีตำแหน่งสูงกว่า... หากแต่สจ๊วตหนุ่มไม่กลัวกฏระเบียบใดใดของสายการบินนักหรอก หากเพราะผู้เป็นพ่อถือหุ้นส่วนอยู่ในสายการบินเป็นถึงลำดับสาม และเขาก็คิดเสมอว่าจะไม่มีวันที่ใครจะสามารถสั่งปลดหรือแม้แต่จะสั่งพักงานแก่เขาได้

 “คิดจะมีเรื่องเหรอไงวะ! ไอ้กัปตัน!!” เสียงแหบกร้าวของบาเรลล์ ท้าทายสายตาที่เรียบนิ่งไร้ความสะทกสะท้านของกัปตันลูคัส และเมื่อกัปตันหนุ่มได้ยินคำท้าทายเช่นนั้น...สิ่งที่เขาอดกลั้นเอาไว้นาน... ในที่สุด มันก็ล้นทะลักออกมาด้วยหมัดหนาที่เต็มเหนี่ยว กระแทกลงบนใบหน้าของบาเรลล์อย่างแรงจนเกิดเสียงดัง “ปั๊ก”!! ท่ามกลางทุกสายตาในภัตตาคารสุดหรู...


ทิมมี่อึ้ง... แต่สติของเขายังคงมี หนุ่มหน้าขาวตรงไปคว้าแขนของกัปตันหนุ่มเอาไว้แล้วทำทีจะลากออกมาจากบรรยากาศที่แสนจะสุดทนตรงหน้า...แต่ทว่า บาเรลล์ คลูเซอร์ ที่ถูกต่อยจนยืนเซนั้นไม่ได้คิดที่จะยอมให้กัปตันหนุ่มโจมตีเขาเพียงฝ่ายเดียว...ร่างของบาเรลล์โถมเข้ามาทางกัปตันลูคัสอีกครั้ง... แต่ทว่า... หมัดของสจ๊วตหนุ่มผู้ทะนงตนกลับพุ่งเข้าใส่ถูกที่ใบหน้าขาวของทิมมี่ที่กำลังยืนขวางอยู่ในเวลานั้นเสียได้!! กัปตันลูคัส... มองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างตื่นตะลึง ... ทิมมี่ชะงักอึ้งเมื่อถูกต่อยเป็นครั้งแรกในชีวิต.. ใช่ ...คนอย่างเขาไม่เคยมีปัญหาหรือสร้างศัตรูให้แก่ตัวเอง... ฉะนั้น หมัดนี้จากบาเรลล์...จึงเป็นหมัดแรกที่ผิดพลาด แต่กลับสร้างความรู้สึกเจ็บและชา จนไม่ช้าน้ำสีแดงก็ปรากฏอยู่ที่มุมปากของทิมมี่ ...ท่ามกลางสายตาอันตื่นตะลึงของกัปตันลูคัส ... และโรเจอร์!


 “คุณทิมมี่!!”โรเจอร์วิ่งถลาเข้ามา ชนชอริต้าเกือบหงาย...พลางประคองทิมมี่ที่ยืนกุมปากอย่างตะลึงและทำหน้าไม่ถูก ขณะที่กัปตันลูคัส หันกลับไปที่บาเรลล์อีกครั้ง...... และ....


พลั่ก!!! พลั่ก!!! พลั่ก!!!



โครม~~~~~~!!!!!!!!!!!!!!!!



....ใช่......





ครั้งนี้... เขาไม่ยั้งเลยทีเดียว



  ++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++



TBC.



 :L2: :L2:

ออฟไลน์ silverphoenix

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +347/-3
น่านนนน  ทิมมี่เจ้าเสน่ห์จริงๆ  หุหุ

แล้วลูคัสจะทำยังไงเนี่ย  +1  ให้น้าาา

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด