ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า  (อ่าน 101460 ครั้ง)

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:

เทวดา ในคราบซาตาน

ออฟไลน์ murasakisama

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1489
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-4
อ่านทีเดียวยาวเลยยยยย สนุกมากค่ะ :L2:

ออฟไลน์ powvera

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-3
เอาให้แรงแบบหยอดน้ำข้าวต้มไปเลยค่าท่านกัปตัน

บังอาจมาชกจิมมี่ของเค้า

ตายๆๆๆ  ตายเสียเถอะ  ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  (โดนถีบแถมตื๊บๆๆๆ)    :m31:    :m31:   :m31:

littleFiNgeR

  • บุคคลทั่วไป

FLIGHT 13 : ความเจ็บปวด




เหล่าผู้จัดการร้านและบริกรชายบางส่วนเข้ามาระงับเหตุการณ์เอาไว้ ร่างของกัปตันลูคัสถูกดึงออกห่างจากบาเรลล์ ซึ่งในขณะที่สจ๊วตผู้ทะนงตัวกลับยิ่งเดือดพล่านจะตรงเข้าไปซัดกัปตันหนุ่มคืน แต่ทว่าทั้งคู่ก็ถูกลากออกจากกันและบาเรลล์ก็ถูกคุมตัวออกจากห้องอาหารไป.. กัปตันลูคัสสะบัดตัวหลุดออกจากแขนบริกรสองนายที่เข้ามาดึงร่างเข้าไว้ก่อนหน้านี้พลันยังคงมองไปที่บาเรลล์ที่กำลังโดนหามออกไปด้วยสายตาแห่งความขุ่นเคืองในอารมณ์ ก่อนที่เขาจะรีบหันกลับมาที่ทิมมี่ที่ในเวลานี้กำลังถูกโรเจอร์เดินนำออกไปอีกทางหนึ่งเช่นกัน... ขณะที่คุณโรสรอยด์พยายามดมยาน้ำในขวดเล็กที่โชคดีที่หล่อนได้พกติดตัวเอาไว้ ก่อนที่จะบอกกับกัปตันหนุ่มถึงชะตากรรมต่อไปของเขา...


 “คุณรู้ตัวมั้ยคุณลูคัส... ต่อจากนี้ไปคุณจะต้องเจอกับอะไร!” คุณโรสรอยด์พูดไป พลางดมยาดมยัดเต็มร่องจมูก

 “....หึ.... ผมไม่สนหรอก....”

 “จ้า....ถึงไม่สนก็เถอะนะ....แต่คุณจะต้องเสียค่าชั่วโมงบินขาดรายได้หลายหมื่นยูโรเลยทีเดียว คุณรู้มั้ย... คุณอาจจะถูกพักงานร่วมอาทิตย์ หรือหากโชคร้ายมากกว่านั้น... อาจจะร่วมเดือนทีเดียว....ฟืด~ (เสียงสูดยาดม)”

 “....หึ...” กัปตันหนุ่มนึกหัวเราะให้กับตัวเองก่อนที่จะหันไปทางทิมมี่ที่เดินไกลออกไป และเขาก็ทำทีว่าจะเดินตามไปด้วย..
และอีกคนหนึ่งเมื่อเห็นดังนั้นก็รวดเร็วว่องไวไม่แพ้กัน... คนๆนั้นก็คือ ชอริต้า แซดเลอร์นั่นเอง หล่อนทำทีจะรีบตามกัปตันหนุ่มไปอย่างไม่ยอมเลิกรา แต่แล้ว....หล่อนก็พลาด ได้อย่างน่าอับอายยิ่งนัก... เนื่องจากฝีเท้าบนรองเท้าส้นสูงของตัวเองขณะที่กำลังเดินเชิดออกไปไม่ถึงเสี้ยววินาที หล่อนก็ถูกฝีเท้าของเทลิซ่าสกัดดาวรุ่งจนหล่อนล้มหน้าทิ่ม หน้าอกกระแทกพื้นดัง “บึ้บ!” จนทำเอาเควินและหนุ่มลูกเรือรายอื่นๆ พากันทำหน้าสยองเพราะกลัวบางสิ่งที่ล้มลงไปกระแทกกับพื้นนั้น แตกกระจายให้พวกเขาได้ยลเห็น...



              ++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++




-คฤหาสน์ดรอว์เยอร์ 22.00น. วันเดียวกัน-



เอ็มม่า เดินขึ้นมาจากห้องครัวด้านล่างพร้อมกับถาดในมือซึ่งมีแก้วนมอุ่นๆ ซึ่งหล่อนจะนำมาให้เทเลอร์ดื่มเพื่อบำรุงสุขภาพเป็นประจำทุกค่ำคืน... แต่ทันใดที่หล่อนกำลังจะเดินไปถึงที่หน้าห้องของเทเลอร์นั้น





เพล้~~~~~~~~~~~~งงงงงง!!!!!!!!!!!!!!!!




เอ็มม่าสะดุ้งตกใจกับเสียงอะไรบางอย่างที่หล่นแตกหล่อนมองตรงหน้าตัวเอง พลางคิดว่าหล่อนไม่ได้ทำแก้วหล่นแตกเสียหน่อย! แต่ทว่า.. เสียงนั้น มันดังมาจากห้องเทเลอร์ที่อยู่ข้างหน้า


“คุณหนู!” เอ็มม่าเริ่มใจคอไม่ดี หล่อนรีบวิ่งตรงไปที่หน้าห้องพลางหันไปวางถาดนมลงที่โต๊ะโชว์รูปที่ตั้งอยู่ด้านข้าง ก่อนที่หล่อนจะทุบประตูเสียงดังหลายต่อหลายครั้ง

 “คุณหนู!! คุณหนูเทเลอร์!! เป็นอะไรหรือเปล่าคะ!!” เอ็มม่าไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากหญิงสาวพลันใจคอไม่ดี... เทลิซ่ากับทิมมี่ก็ไม่อยู่บ้านเสียด้วยคืนนี้ หล่อนเริ่มวิตกจริต ก่อนที่เวลาจะผ่านไปเกือบสามนาที หล่อนถึงตัดสินใจลงไปหยิบพวงกุญแจซึ่งมีกุญแจทุกห้องในบ้านหลังนี้ขึ้นมาเปิดประตูเข้าไปในห้องของเทเลอร์ และทันทีที่หล่อนเข้าไปถึงด้านใน... เอ็มม่าทำตาเบิกโพลง กรีดร้องลั่นออกมาด้วยความตกใจ! เมื่อเห็นร่างของเทเลอร์ นอนหมดสติอยู่กับพื้น... และรอบๆตัวของเธอก็มีเศษกระจกและเศษแก้ว ที่แตกมาจากกรอบรูปขนาดใหญ่ ซึ่งมันเป็นรูปของสามพี่น้องตระกูลดรอว์เยอร์ของเธอนั่นเอง

 “คุณเทเลอร์!! คุณหนูคะ!! เป็นอะไรไปคะ!! ตายจริง!! โทรศัพท์! โทรศัพท์!” เอ็มม่าตั้งสติได้ก็รีบไปกดโทรศัพท์เพื่อเรียกรถพยาบาลทันที... พลางสีหน้าของหล่อนดูตื่นตระหนกมากราวกับตัวหล่อนเอง... ก็รู้ดีเช่นกัน... ว่าเทเลอร์นั้นกำลังประสบอยู่กับ “โรค” อะไร...


           





-ห้องพักของทิมมี่และกัปตันลูคัส-


 “โอ๊ย~!!” ทิมมี่สะดุ้งเฮือก เมื่อถูกสำลีกดลงที่แผลริมฝีปากซึ่งบุรุษพยาบาลจำเป็นในเวลานี้ ก็คือโรเจอร์ ซินแคลร์นั่นเอง... ทิมมี่รู้สึกสังหรณ์อะไรบางอย่าง หากแต่ลางนั้นมันไม่ได้เกี่ยวเนื่องอะไรกับเหตุการณ์ที่เขาถูกต่อยเมื่อครู่นี้เลยสักนิดเดียว

 “จ..เจ็บมากมั้ยครับ” โรเจอร์พลอยทำหน้าถอดสีไปด้วย

 “ป...เปล่าหรอกครับ ไม่เป็นไร... ค..คือ...”

 “คืออะไรหรือครับ?” โรเจอร์ยังไม่คลายความกังวล

 “....ผม...เป็นห่วง... น้องสาวน่ะครับ” ไม่รู้สังหรณ์แปลกๆนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร และทำไมเขาต้องนึกถึงใบหน้าของเทเลอร์ยามนี้ด้วย

 “เจ้าหมอนั่นเถื่อนสิ้นดีเลยนะครับ... คราวหลัง คุณทิมมี่อย่าเข้าไปใกล้หมอนั่นอีกนะครับ” ทิมมี่ยิ้มแห้งๆเมื่อได้ยินเช่นนั้น
แต่โรเจอร์กลับยิ้มให้อย่างเต็มเปี่ยมไปด้วยความห่วงใยประหลาด ซึ่งทิมมี่นั้นก็เริ่มรู้สึกหวั่นๆพิกลกับท่าทางและท่าทีของชายหนุ่มหน้าใสตรงหน้า

 “...ก...ก็ไม่ได้อยากเข้าไปใกล้เขาหรอกนะ...ต..แต่มันคงเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆนั่นแหล่ะ” ทิมมี่ว่า

 “แต่ผมว่า...เพราะคุณทิมมี่เข้าไปช่วยคุณลูคัสเอาไว้ต่างหากคุณทิมมี่ถึงถูกต่อยเอาแบบนี้.. ผมว่าคนๆนั้นน่ะ คุณอยู่ใกล้ๆแล้วอาจจะมีปัญหาก็ได้นะครับ.... ผมดูเหมือนเขาเป็นคนที่ใจร้อนมากๆคนหนึ่งทีเดียว คนที่จะเป็นกัปตันได้ดีน่ะเท่าที่ผมรู้มา ต้องเป็นคนที่ใจเย็นเอามากๆเลยนะครับ...ดูอย่างตอนที่คุณทิมมี่โดนต่อยสิ... คุณลูคัสหันกลับไปซัดหมอนั่นราวกับคนเสียสติไปเลยนะครับ” โรเจอร์ได้ทีสรรเสริญกัปตันหนุ่มยกใหญ่พาให้ทิมมี่นั่งฟังหน้าแห้งไปอย่างคิดตาม แต่ก็ยังไม่ทันที่จะคิดไปได้ไกลเท่าไหร่นัก...เสียงประตูก็ดังขึ้นเมื่อใครบางคนเปิดเข้ามา..พร้อมพาสีหน้าไม่สบอารมณ์ตามเข้ามาบนใบหน้าคมสันนั้นด้วย...

 “รู้ไว้นะไอ้หนุ่ม.... กัปตันน่ะ...เค้าไม่จำเป็นที่จะต้องใจเย็นให้กับคนพรรค์นั้นหรอก... แต่ถ้าหากนายยังจะดึงดันและคิดว่าคนที่เป็นกัปตันจะต้องเป็นอย่างนู้นอย่างนี้ตามที่นายคิดหรือต้องการล่ะก็...เกิดชาติหน้าเมื่อไหร่ แล้วนายค่อยมาเป็นกัปตันเองก็แล้วกัน... แต่ฉันคิดว่าชาตินี้ นายคงไม่มีคุณสมบัตินั้นหรอก... และอาจจะดูแย่กว่าฉันอีกด้วย..” นั่นคือคำพูดของกัปตันหนุ่มที่กล่าวต่อโรเจอร์ ผู้ที่กำลังมีสีหน้าตะลึงงันอยู่ในเวลานี้... และทิมมี่ก็เช่นกัน

 “นายยังไม่ได้ทานอะไรไม่ใช่เหรอไง...ลงไปทำเรื่องส่วนตัวตามสบายเถอะ” กัปตันหนุ่มไล่อย่างสุภาพ

 “แต่ผมยังทำแผลให้คุณทิมมี่ไม่เสร็จ”

 “ไม่จำเป็น!... ฉัน...ทำ...เอง!” กัปตันหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แล้วเอียงศีรษะไปทางด้านหลังเล็กน้อย ราวกับจะบอกให้เขาออกไป..ซึ่งการกระทำและคำพูดดังกล่าวสร้างความรู้สึกขุ่นเคืองให้กับโรเจอร์เป็นอย่างมาก แต่แล้ว..เขาก็ต้องลุกออกไป และยิ้มให้กับทิมมี่บางๆ ก่อนที่จะเดินสวนกัปตันหนุ่มออกมาด้วยสีหน้าที่ปะทะกันด้วยความไม่สบอารมณ์ กัปตันลูคัสปิดประตูห้องแล้วล็อคลงกลอนราวกับจะไม่ต้องการให้ใครเข้ามารบกวนเขาอีก...กัปตันหนุ่มเดินลูบใบหน้าขึ้นไปถึงหน้าผากและเส้นผมก่อนที่จะถอนใจออกมาแล้วเดินมานั่งตรงหน้าทิมมี่

 “ไง... เจ็บมากมั้ยเราน่ะ...” กัปตันหนุ่มถามด้วยสายตาและสีหน้าที่เปลี่ยนไป เขาพยายามข่มความหงุดหงิดจากสถานการณ์ก่อนหน้านี้เอาไว้ และกลับกลายมาเป็นสีหน้าเย็นลงเมื่ออยู่สองคนระหว่างเขากับทิมมี่

 “ไม่เท่าไหร่หรอกครับ...แค่ที่คุณเห็นว่าผมนิ่งไปตอนนั้น...อาจจะเป็นเพราะผมอึ้งมากกว่า..เนี่ย.. ครั้งแรกในชีวิตผมเลยนะที่ถูกต่อย ฮะฮะฮะ... มันรู้สึกอย่างนี้นี่เอง” ทิมมี่พูดแล้วหัวเราะไปเพราะทำอารมณ์ไม่ถูก

 “มา... เดี๋ยวฉันทำแผลให้”

 “อ...เอ่อ ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณโรเจอร์ล้างแผลให้แล้ว เหลือแค่แปะพลาสเตอร์หน่อยเดียวก็โอเค.แล้ว”

 “ไม่ต้อง... ฉันทำเอง นายทำไม่ถนัดหรอกน่า”

 “แต่....” ยังไม่ทันที่ทิมมี่จะพูดปฏิเสธต่อไป...มืออุ่นของกัปตันหนุ่ม ก็ยื่นมาจับปลายคางของชายหนุ่มหน้าขาวเอาไว้เบาๆ แล้วยกใบหน้าของทิมมี่ให้เชิดขึ้นเล็กน้อย...ก่อนที่จะมองรอยช้ำบนริมฝีปากนั้นด้วยสายตาที่นิ่งไปราวกับเขากำลังคิดอะไรบางอย่าง เมื่อได้จับจ้องริมฝีปากเรียวบางตรงหน้า...

 “ริมฝีปากของนาย............ เหมือนผู้หญิงเลยนะ.....” คำพูดที่แผ่วเบานั้นสร้างความหนาวซ่านบนผิวหนังของทิมมี่ได้อย่างแปลกประหลาดราวกับคนขนลุกต่อคำพูดดังกล่าวของกัปตันหนุ่มหน้าเข้มตรงหน้า... บรรยากาศโดยรอบเงียบสงัด.. นิ้วมือของกัปตันลูคัสยังคงวนเวียนและแอบสัมผัสกับริมฝีปากเรียวบางนั้นราวกับพอใจและปรารถนาบางสิ่งกับภาพตรงหน้า...



กัปตันหนุ่ม กลืนน้ำลายลงอึกใหญ่... เมื่อพยายามข่มใจที่กำลังคิดแหวกความรู้สึกและรสนิยมเดิมของเขาอยู่...ใบหน้าขาวยังนิ่งค้างบนฝ่ามืออุ่นนั้น... ราวกับถูกสะกดให้ต้องมนต์บนใบหน้าอันหล่อเหลาของกัปตันหนุ่มร้อยเสน่ห์เบื้องหน้า... และแล้ว..ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีก็ค่อยๆถูกทลายลงไป เมื่อบรรยากาศและทุกสิ่งทุกอย่างในเวลานี้บั่นทอนธรรมชาติของความเป็นบุรุษเพศลง... ทันทีที่กัปตันหนุ่มเริ่มโน้มใบหน้าลงเข้าไปใกล้กับริมฝีปากเรียวบางนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ!!



                           



             
ตรู๊ดดดด~~~~~~~!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!




เสียงโทรศัพท์...



ทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง... จนหมดสิ้น...


             
    ทิมมี่แทบจะกระโดดไปล้มหงายส่วนกัปตันหนุ่มก็รีบพาใบหน้าอันแดงก่ำของตัวเอง กระเสือกกระสนไปถึงโทรศัพท์ภายในห้องด้วยความรู้สึกว่าร่างกายของเขาในเวลานี้มันช่างอึดอัดและร้อนผ่าวเสียนี่กะไร

 “ฮัลโหล.... เอ่อ...ครับ...นำขึ้นมาเลยครับ...ครับ..ขอบคุณมาก” กัปตันหนุ่มกล่าวจบก็ค่อยๆวางสายลง พลางลูกตาแอบกลิ้งไปเหลือบมองด้านหลังราวกับไม่อยากหันไปสบตากับหน้าเด็กหนุ่มตรงๆ แล้วเขาก็พูดขึ้น

 “อ...เอ่อ.... คือ... เดี๋ยว... เดี๋ยวเราทานอาหารกันนะ” ทิมมี่ได้ยินดังนั้น เขาหันไปทางระเบียงด้านนอกที่ลมพัดตึง...เขารู้สึกอยากจะกระโดดลงไปจากตึกนี้ และกรีดร้องให้ดังสนั่นด้วยความอึดอัดเสียจริงๆ

 “...ค...ครับ....” ทิมมี่ตอบเสียงสั่นๆขณะที่เขาไม่อาจเห็นกัปตันลูคัสที่นั่งเกาท้ายทอยอยู่ด้านหลังอย่างฉุนเฉียวและหงุดหงิด พลางหันกลับไปมองโทรศัพท์เจ้ากรรมที่ดังขัดจังหวะเมื่อครู่นี้ด้วยอารมณ์ที่ไม่ดีขึ้นมากว่าเดิมมากยิ่งขึ้น..


           
อาหารค่ำมื้อนี้... ช่างเงียบกริบและไร้อรรถรสสิ้นดีทั้งกัปตันหนุ่มที่เอาแต่นั่งเขี่ยเนื้อเป็ดซอสส้มในจานของตัวเอง.. หากเป็ดมันยังมีชีวิตอยู่และหากมันพูดได้ มันคงจะถามเขาว่า  “ตกลงจะกินหรือไม่กิน” เป็นแน่แท้..แต่ก็ไม่ต่างอะไรกับทิมมี่เลยสักนิดเดียว...หนุ่มหน้าขาวยีสลัดผักมังสวิรัติของตัวเองในจานอย่างเหม่อลอยกว่าจะเอาส้อมจิ้มขึ้นมาทีละคำได้ เป็นอันว่าน้ำสลัดเหือดแห้งไปหมดแล้ว... นี่ยังไม่นับกับเฟรนช์ฟรายและน่องไก่นิวส์ออร์ลีนที่อยู่บนจานใหญ่ตรงหน้าคนทั้งคู่อีก...ซึ่งในเวลานี้ ความร้อนจากพวกมันหายเหือดไปหมดสิ้นแล้ว กัปตันหนุ่มเฉือนเนื้อเป็ดในจานของตัวเองอย่างเฉื่อยๆ ก่อนที่จะจิ้มแล้วยื่นไปวางไว้ในจานของทิมมี่พาให้หนุ่มหน้าหยกทำหน้าเหวอนิดๆเมื่อเห็นเนื้อเป็ดอยู่ในจานตัวเอง


 “กินเนื้อสัตว์เสียบ้างเถอะ...หุ่นนายจะแย่อยู่แล้วรู้มั้ย...”

 “....หืม...แย่?? .....แย่ยังไงครับ?”

 “ก็ผอมเอาผอมเอา...”

 “....แต่ผมไม่เคยอ้วนอยู่แล้วนี่....”

 “.....กินเข้าไปเถอะน่ะ...เป็ดน่ะ...อร่อยนะ..”

 “....หึ...อร่อยแล้วทำไมในจานคุณยังเหลือเต็มเลยล่ะครับ?” กัปตันหนุ่มอยากจะเอาอะไรยัดปากทิมมี่ แต่เขาก็ต้องข่มอารมณ์เขินประหลาดของตัวเองเอาไว้ก่อนที่จะคิดสั้นเพราะความอาย จิ้มเนื้อเป็ดชิ้นใหญ่ที่ยังไม่ทันเฉือนยัดเข้าปากไปอย่างเต็มกลืน..

 “........ ไม่ต้องรีบกินก็ได้มั้งครับ...เค้าคงไม่รีบมาเก็บถาดหรอก” ทิมมี่พูดยิ้มๆ พาให้กัปตันหนุ่มยิ่งวางสีหน้าไม่ถูกยิ่งกว่าเดิม...กัปตันลูคัสคว้าผ้าแนปคินขึ้นมาแล้วปาใส่หน้าทิมมี่ เมื่อเห็นสีหน้ายิ้มตรงหน้าแล้วอดใจไม่ไหวที่จะทำอะไรสักอย่างให้หนุ่มหน้าขาวหุบรอยยิ้มสวยลงไปได้....


     ในที่สุด... มื้อดินเนอร์ก็ผ่านพ้นไป และเวลาแห่งการพักผ่อนก็มาถึง...ทิมมี่รีบกระโดดตัวลงไปนอนขดอยู่บนเตียง พลางเอาผ้าห่มมาคลุมโปงเอาไว้...ในขณะที่กัปตันหนุ่มที่เปลี่ยนชุดมาเป็นชุดนอนผ้าเนื้อเย็นและโปร่งแสงเผยให้เห็นแผงอกและร่างกายล่ำสันของตัวเอง กัปตันหนุ่มไม่ลืมที่จะกล่าวราตรีสวัสดิ์กับทิมมี่.. ทิมมี่แกล้งหลับไปโดยไม่มีเสียงตอบรับจากเขา... ใช่... หากทิมมี่ตอบกลับไปเมื่อไหร่..รับรองว่า ... คืนนี้อาจจะมีการสนทนาอันอีกรอบเป็นแน่ และในเวลานี้ ทิมมี่ก็ต้องการจะหลับตาลงและพยายามข่มใจให้สงบเพื่อนอนหลับให้สนิท ทั้งๆที่ความเป็นจริงแล้ว... เขากลับรู้สึกอึดอัดยังไม่หายกับเหตุการณ์ที่ผ่านมาไม่นานมานี้...และก็ไม่แตกต่างกันเลยกับความรู้สึกของกัปตันหนุ่มที่ยังนอนพลิกตัวไปมา แล้วหันไปมองโทรศัพท์เจ้ากรรมบนหัวเตียงอย่างไม่สบอารมณ์





++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++




เช้าวันรุ่งขึ้น ณ ท่าอากาศยานฯ ชอริต้า เดินลากกระเป๋าสัมภาระออกมาด้วยสีหน้าที่สดชื่นกว่าเมื่อวาน เธอมองนาฬิกาข้อมือแล้วเห็นว่ายังไม่ถึงเวลาบรีฟงาน เลยนำกระเป๋าไปวางไว้ในห้องบรีฟงานชั่วคราวของท่าอากาศยานฯ แล้วเดินออกมาเพื่อหาเครื่องดื่มดื่มบริเวณเคาว์เตอร์ส่วนหลังของตึกอาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ

 “อ้าว... มานานแล้วเหรอ?” เทลิซ่าทักทายโรเจอร์ที่กำลังนั่งหน้าเคร่งเครียดกับปัญหาบางอย่างของตัวเองบนเคาว์เตอร์เครื่องดื่ม.. และเธอก็ไม่ทันสังเกตว่ามีเควินนั่งเคี้ยวหมากฝรั่งอยู่ข้างๆโรเจอร์อีกด้วย

 “มาได้ครู่หนึ่งแล้วล่ะ... มากับคุณเควินน่ะ” โรเจอร์ตอบหน้าเครียดๆในขณะที่เควินชะโงกหน้ามากระดิกคิ้วเล็กน้อยให้กับเทลิซ่า แต่หญิงสาวดูเหมือนว่าจะไม่สนใจ พลางหันไปทางพนักงานบริการเครื่องดื่ม

 “ขอน้ำส้มแก้วหนึ่งค่ะ”

 “ได้ครับ สักครู่ครับคุณผู้หญิง” เทลิซ่าถือโอกาสนั่งลงข้างๆโรเจอร์ ...และหญิงสาวก็เลยสังเกตเห็นสีหน้าของโรเจอร์ในเวลานี้..

 “เฮ่... นายเป็นอะไรน่ะ... หน้าตาเหมือนไม่สบายเลย?” เทลิซ่าถาม พลางรับแก้วน้ำส้มจากบริกร

 “ก็...ไม่มีอะไรมากหรอก... แค่...” โรเจอร์ทำหน้าเหมือนชะงัก เมื่อตัวเองเกือบหลุดพูดความรู้สึกบางอย่างของตัวเองออกมา...ขณะที่เควินทำหน้ายิ้มกริ่มอยู่ข้างๆ

 “ก็บอกไปดิ๊... ว่านายหลงรักพี่ชายของเทลิซ่าเขาน่ะ” คำพูดของเควิน ทำเอาโรเจอร์หน้าแดงก่ำ...ในขณะที่เทลิซ่าทำหน้าเหวออย่างตื่นตะลึง มองชายหนุ่มหน้าใสตรงหน้าแล้ว... คิดไม่ถึงจริงๆว่ารสนิยมของโรเจอร์คนนี้... จะเป็นไปในทางที่เธอไม่คาดคิด...

 “..อ...เอ่อ..... น..นายชอบ... ทิมมี่เหรอ!?” โรเจอร์หน้าแดงจนแทบจะระเบิดตัวเองให้เป็นเสี่ยงๆ... ขณะที่เควินทำหน้าหงิกใส่เทลิซ่า

 “ยังไม่เข้าใจอีกเหรอยัยบ๊อง! ถามแบบนี้โรเจอร์เขาก็อายแย่สิ!”

 “อ..เอ๊ะ!! ถือดียังไงมาเรียกฉันว่ายัยบ๊องยะ!!ไอ้หน้ายาว!” เควินตาโตเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดชื่นชมจากเทลิซ่า.. พลางเอามือขึ้นมาลูบใบหน้าตัวเองอย่างไม่เข้าใจว่าหน้าของตัวเองยาวกว่าคนอื่นตรงไหน

“..ค..คือ...ฉ...ฉัน....ฉันชอบพี่ของเธอจริงๆนั่นแหล่ะ...”โรเจอร์สารภาพออกมา พลันหน้าก็เริ่มแดงมากขึ้น.... เทลิซ่ายิ่งอ้าปากค้างเข้าไปอีก...



 “ต..ต..ต..แต่ว่า... ฉ..ฉันยังไม่รู้เลยนะ... ว่า..ทิมมี่จะเป็น...”







littleFiNgeR

  • บุคคลทั่วไป

FLIGHT 14 : กลเทวดา




เทลิซ่าพูดอึกอัก เควินแอบเหล่ตามองในความโง่ของเธอ

 “เธอนี่โง่นะ...พี่ชายตัวเองมีรสนิยมแบบไหนยังไม่รู้เลย... ขนาดฉันเป็นคนอื่นแท้ๆ ..ยังดูออกเลย ยิ่งพี่ชายเธอแล้วด้วยนะ... โอ้โห...ไม่ต้องเดาอะไรให้มากเลยล่ะ” เทลิซ่าเริ่มหงุดหงิด


 “ทิมมี่ก็แค่มีโครงหน้าไม่เหมือนผู้ชายทั่วไปก็เท่านั้น...หน้าอย่างนายก็เหมือนกันนั่นแหล่ะ ฉันเห็นตอนแรกแล้วยังนึกว่าเป็นโฮโมเลยด้วยซ้ำ!” คำพูดของเทลิซ่าพาให้เควินเหลือกตาแทบปลิ้น

 “ต๊าย~!” เควินส่งเสียงแขวะพาให้สีหน้าของโรเจอร์ตอนนี้ เริ่มคลายอาการแดงลง เมื่อเห็นการกัดกันของสองคนรอบข้าง

 “เอ้า! แล้วถ้านายชอบทิมมี่ขึ้นมา..นายจะมัวแต่มานั่งทำหน้าเครียดอย่างนี้ทำไมล่ะ!” เทลิซ่าถาม เมื่อหลีกบรรยากาศทุเรศๆเมื่อครู่นี้กับเควิน

 “...คือ...” โรเจอร์เริ่มมีสีหน้าเคร่งเครียดกลับคืนมา...

 “ค..คือฉันคิดว่า.... คุณทิมมี่....อาจจะมีคนที่ชอบอยู่แล้วก็เป็นได้...” เขาพูดพลางก้มตาและหลุบตาลงต่ำ... ขณะที่เควินแอบเบะปากอีกทางราวกับไม่เข้าใจรสนิยมแปลกๆของหนุ่มคนที่นั่งข้างๆในเวลานี้

 “หูย... ไม่มีหรอกน่า! ทิมมี่ไม่เห็นเคยเล่าให้ฉันฟังเลย! ....แหมๆ ถึงว่าสิครั้งแรกตอนที่นายเห็นทิมมี่เข้ามาในห้องอบรม ตอนที่เอาของมาให้ยัยวีว่า เลอคอติสตอนนั้นน่ะ นายถึงแอบจ้องมองทิมมี่ตาไม่กระพริบเลยทีเดียว...อีกทั้งยังชอบถามเรื่องทิมมี่กับฉันบ่อยๆ...แต่ฉันก็เพิ่งรู้นะเนี่ย! ไม่คิดเลยว่านายจะคิดแบบนี้กับพี่ของฉัน” ยิ่งเทลิซ่าพูดกลับมาในเรื่องน่าอายอีกครั้ง โรเจอร์ก็เริ่มหน้าพองขึ้นมาอีกจนได้ ในขณะที่เควินตอบแทนโรเจอร์ว่า

 “ก็เธอโง่น่ะสิ... ถึงเพิ่งจะรู้น่ะ...”

 “นี่! ถ้าไม่อยากอยู่ตรงนี้ ก็เข้าไปห้องบรีฟก่อนก็ได้นะยะ!!”

 “อะไรของเธอฮะ! ฉันมานั่งตรงนี้ก่อนเธอนะ... เธออยากเข้ามาแสดงความโง่ให้เห็นทำไมเล่า!?”

 “โถ่เว่ย! ไปเองก็ได้!”

 “แน้ะ!!” เควินทำเสียงล้อเลียน ขณะที่เทลิซ่าสะบัดก้นออกไปจริงๆ และบริกรหนุ่มที่ยืนอยู่ในเคาว์เตอร์ก็รีบตะโกนถามถึงค่าเครื่องดื่มทันที และก็ได้รับคำตอบจากเธอว่า..

 “เก็บที่ไอ้หน้ายาวคนนั้นแหล่ะ!!”



++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++

                           
           
เทลิซ่าเมื่อหลุดพ้นจากบรรยากาศที่ไม่สบอารมณ์ของตัวเองแล้วเธอก็เดินเล่นมาเรื่อยๆพลางคิดในใจว่าอยากจะช้อปปิ้งในร้านปลอดภาษีเสียหน่อย แต่แล้ว เธอก็ค้นหาบัตรเครดิตในกระเป๋าดู... ซึ่งปรากฏว่าเธอกลับใส่มันอยู่ในกระเป๋าเดินทาง ซึ่งวางอยู่ในห้องบรีฟ

 “บ้าจริง! ทำไมแกโง่อย่างนี้นะ!” เทลิซ่าด่าตัวเองเบาๆ แล้วนึกถึงคำพูดของเควิน ที่ว่าเธอว่า “โง่”  ยิ่งพาให้หล่อนรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นเข้าไปอีก... แต่แล้วหญิงสาวก็ตกใจเมื่อขณะที่เธอกำลังหันหลังออกมาจากหน้าร้านปลอดภาษีนั้น เธอก็เกือบชนเข้ากับคนๆหนึ่งที่ยืนนิ่งอยู่ด้านหลังของเธอได้สักครู่แล้ว!

 “...น..นาย!” เทลิซ่าตกใจ.. เมื่อเห็นบาเรลล์ยืนนิ่งสีหน้าไม่ได้แสดงออกถึงความรู้สึกหรืออารมณ์ใดใด...จนพาให้หญิงสาวคิดถึงเรื่องเมื่อวานนี้ และอดหวั่นใจไม่ได้ว่าเขาอาจจะแก้เผ็ดคืน เนื่องจากที่เธอทำให้เขาเสียหน้าในเมื่อวานนี้..

 “...ไม่ได้เอาบัตรมาเหรอ...” น้ำเสียงเรียบมขรึม และสีหน้ามาดกวนถามขึ้น

 “.....ล..แล้วเกี่ยวอะไร...” บาเรลล์คว้ากระเป๋าเงินของตัวเองจะกระเป๋ากางเกงด้านหลังออกมา พลางหยิบบัตรสีทองใบหนึ่งขึ้นมา และยื่นตรงหน้าหญิงสาว...ที่กำลังแสดงสีหน้างุนงงสงสัยอยู่ในเวลานี้

 “....อ...อะไร?...” เทลิซ่าถามด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ

 “...โง่รึไง... ไม่รู้จักบัตรเครดิตรึ?” ชายหนุ่มถามด้วยสีหน้ากวนประสาท.. เทลิซ่าอยากกรี๊ดมากกับคำว่า “โง่” เพราะตั้งแต่เช้าเธอจำไม่ได้ว่า..เธอได้ยินคำสรรเสริญดังกล่าวจากใครบ้างและนับได้ครั้งที่เท่าไหร่..

 “ก็รู้ย่ะ! แต่จะยื่นให้ฉันเพื่ออะไร!?”

 “เอาไว้เสียบปากเธอมั้ง!! เอาไปเซ่~!!” เทลิซ่ายังยืนอึนอย่างไม่เข้าใจ บาเรลล์คว้ามือของหล่อนขึ้นมาข้างหนึ่งแล้วสอดบัตรเครดิตของเขาลงไปกับเรียวมือสวยของหญิงสาวพลางกระดิกคิ้วตอบโต้และยิ้มบางๆ ซึ่งมันเป็นรอยยิ้มแรกที่เทลิซ่าได้เห็นและรู้สึกว่า... เขาเอง...มีเสน่ห์อยู่ตรงมุมปากแบบนี้นี่เอง!

 “....ดู... ดูทำหน้าเข้า...”

 “น..นาย... นายทำแบบนี้ทำไม?...”

 “ฉันเกลียดผู้หญิงโง่จังเลย..เธอรู้มั้ย..”

 “ฉันไม่ได้โง่นะยะ!!! ฉันแค่ไม่เข้าใจ” เทลิซ่าเดือดดาลกับคำพูดสรรเสริญแบบเดิมๆ บาเรลล์หันหน้าไปอีกแล้วถอนใจราวกับเขาเอือมระอาต่อความไม่รู้ของเทลิซ่าเสียจริงๆ...

 “ฉันกำลังจีบเธออยู่นะ...ช่วยกรุณาเข้าใจหน่อยได้มั้ย!” ลิซ่าทำหน้าเหมือนไก่ตาแตก...หล่อนยืนอึ้งนิ่งอยู่อย่างทำหน้าและแสดงอาการตอบโต้ดังกล่าวไม่ถูก... จนกระทั่ง..

 “นี่! ได้เวลาบรีฟงานแล้วจ้ะ... เธอสองคนน่ะ...ไปเร็ว” แอร์โฮสเตสสาวคนหนึ่งเดินผ่านมาและเรียกขึ้น.. บาเรลล์หันไปทำหน้าไม่สบอารมณ์ใส่หล่อนคนนั้น ขณะที่เทลิซ่ายังคงยืนนิ่งอย่างทำอะไรไม่ถูกเช่นเคย

 “..ค..คือ... ขอบใจนะ... แต่คงไม่ทันแล้วล่ะ..” น่าแปลกที่อยู่ๆเทลิซ่าก็ทำเสียงอ่อนลงผิดกับก่อนหน้านี้ ขณะที่หล่อนนั้นยื่นบัตรคืนเขาไป...แต่ดูเหมือนบาเรลล์จะไม่มีทีท่าว่าจะรับคืน

 “เก็บไว้เถอะ...เอาไว้ถึงปารีสเมื่อไหร่...เธอต้องไปคืนฉันที่มาดมัวแซล” บาเรลล์พูดจบพลางเบะปากและชักสีหน้ายิ้มกวน ก่อนที่เขาจะหันหลังให้หญิงสาวและรีบเดินออกไป...ทิ้งให้เทลิซ่ายืนตะลึงงันอยู่อย่างนั้น จนเมื่อเธอเริ่มได้สติเธอก็รีบเดินตามเขาไปพร้อมกับบัตรเครดิตที่ยังกำแน่นอยู่ในมือ


 “ตาบ้าเอ๊ย! มาดมัวแซลนั่นมันผับไม่ใช่เหรอ!!”


++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++


การเดินทางกลับสู่ปารีสเป็นไปได้ด้วยดี.. และดีกว่าขามาเสียอีก.. หากแต่ใครหลายคนอาจจะมีเรื่องคาอกคาใจอยู่บ้าง... ทั้งกัปตันลูคัสและทิมมี่ที่ต่างคนต่างรู้สึกประหลาดเมื่อได้เผชิญหน้ากันยามพักเครื่องตามประเทศต่างๆกว่าจะมาถึงปารีสได้ ก็พาให้คนทั้งคู่ผ่านความรู้สึกหลายต่อหลายอย่างมากพอดูเลยทีเดียว ส่วนโรเจอร์นะเหรอ... สจ๊วตหนุ่มหน้าเอเชียผู้นี้ ยังคงได้แต่มั่นในอารมณ์หลงใหลยามปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับทิมมี่อยู่เช่นเคย เขารู้สึกอัดอั้นจนอยากจะบอกความในใจของหนุ่มหน้าหยกได้รู้ หากแต่ว่าใจหนึ่งก็ไม่มั่นใจว่า.. ทิมมี่จะรับคนอย่างเขาได้หรือไม่...และอีกอย่างความเคลือบแคลงใจในความสัมพันธ์และท่าทางของกัปตันลูคัสต่อทิมมี่ที่ยังดูคลุมเครืออย่างผิดปกตินั้น..นั่นก็คือปัญหาใหญ่ ที่ทำให้โรเจอร์ต้องเก็บมาขบคิดอยู่เพียงลำพัง... แม้เทลิซ่าจะบอกเขาแล้วว่า กัปตันลูคัสเป็นเพียงคนรักของน้องสาวทิมมี่เท่านั้น... แต่มีบางสิ่งในสายตาของกัปตันยามที่มองมาทางทิมมี่...และทำให้โรเจอร์รับรู้ถึงความรู้สึกนั้นว่า...กัปตันลูคัส... กำลังรู้สึกดีต่อทิมมี่... เกินกว่าที่ใครจะเข้าใจได้ว่า...เป็นแค่เพียงคนรักของน้องสาวเพียงเท่านั้น...


ในขณะที่ชั้นประหยัด... ความรู้สึกเดิมๆของเทลิซ่าที่มีต่อชอริต้านั้นก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง.. เทลิซ่ารู้สึกอยากหาเข็มด้ามยาวๆสักเล่มมาทิ่มหน้าอกหน้าใจของชอริต้าให้ระเบิดเลือดพล่านออกมายามที่หล่อนเดินย้ายไปมาอยู่ในคาบิน... แต่น่าแปลก... กับทันทีที่โทรศัพท์ดังขึ้นในทุกๆช่วงต้นชั่วโมง...เทลิซ่าจะได้รับสายของบาเรลล์จากชั้น Business ทุกต้นชั่วโมง... กับคำถามที่เขาถามกลับมาว่า...ทำอะไรอยู่...และเทลิซ่าก็จะตอบตามไปเป็นคำตอบประจำของเธอว่า ทำงานอยู่....บทสนทนาของคนทั้งคู่... ก็มีอยู่เพียงเท่านี้จริงๆ...


           

เมื่อลูกเรือทุกคนกลับเข้าสู่ปารีสอีกครั้งต่างพากันแยกย้ายกลับบ้านและเตรียมตัวพักผ่อนก่อนที่จะกลับมารวมตัวและเจอกันอีกในไฟลท์หน้า...ทิมมี่เองก็เช่นนั้น มันช่างเป็นความรู้สึกเพลียไม่น้อย การเดินทางไปโอเวอร์ไนท์ครั้งล่าสุดนี้ช่างสร้างอารมณ์และความรู้สึกหลากหลายให้แก่เขาเป็นอย่างมากเลยทีเดียว... หนุ่มหน้าขาวเดินเข้ามาในล็อกเกอร์พร้อมกับถอดเสื้อและถอดกางเกง โดยไม่ลืมที่จะคลุมชุดอาบน้ำสำหรับบุรุษทับปกปิดอยู่ด้านนอกก่อนที่จะเดินเข้าห้องอาบน้ำไปพร้อมกับขวดยาสระผมและสบู่เหลวพร้อมกับสีหน้าที่อ่อนเพลียที่ยิ้มตอบคำทักทายจากเพื่อนร่วมงานต่างไฟลท์ที่กำลังจะเตรียมตัวผลัดเวรการทำงานในสถาบันเดียวกัน


ผ่านเวลาของการชำระล้างร่างกายและความอ่อนเพลียที่ถูกน้ำเย็นปลุกความกระชุ่มกระชวยให้หนุ่มหน้าหยกรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาบ้าง และทันทีที่เขาเปิดประตูห้องอาบน้ำออกมาพร้อมกับผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กที่พาดบ่าและปกปิดไหล่ขาว และผ้าขนหนูอีกตัวที่ห่อหุ้มท่อนล่าง เดินออกมาด้วยร่างกายที่เปียกปอน และต้องชะงักเมื่อทิมมี่พบใครบางคน ยืนขวางอยู่หน้าประตูราวกับคนตรงหน้ามีเรื่องจะพูดกับเขา...


 “...ร...โรเจอร์...”

 “..เอ่อ... ขอโทษครับ... ที่ทำให้ตกใจ” ชายหนุ่มร่างโปร่งก้มหน้าลงต่ำเล็กน้อยราวกับหลีกสายตาให้ออกไปจากผิวขาวของคนตรงหน้า

 “..มีอะไรกับผมหรือเปล่าครับ?” ทิมมี่ถามพลางเอามือข้างหนึ่งใช้ผ้าขนหนูบนไหล่เช็ดศีรษะที่เปียกปอนในเวลานี้..

 “..คือ.... คือผม...”

 “งั้น.. เดี๋ยวให้ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะครับ...” ทิมมี่ทำทีจะเดินเลี่ยงไปทางล็อกเกอร์ของตัวเอง... แต่แล้ว... คำพูดของโรเจอร์คำหนึ่ง ก็เผยออกมาพาให้ทิมมี่ต้องหยุดชะงัก! พลางยืนตะลึงงันไปด้วยความนึกไม่ถึง!

 “คือ...ผม.................... ผม....ผมชอบคุณ!” ไม่มีความรู้สึกใดใดต่อจากนี้ในสมองของทิมมี่... ชายหนุ่มหน้าขาวค่อยๆหันตัวเองกลับมามองใบหน้าของโรเจอร์...น่าประหลาดดีแท้ วันนี้เป็นวันแรกที่ทิมมี่รู้สึกว่าโรเจอร์มีสีหน้าที่จริงจังและดูดีมากกว่าที่เขาได้เห็นในครั้งแรกเมื่อวานนั้น... หากแต่สีหน้าขาวใสของคนตรงหน้า มีความจริงจังและจริงใจระคนอยู่จนทำให้เกิดสีหน้าของคนที่มีความน่าหลงใหลไม่น้อยเลยทีเดียว...แต่นั่น.. มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่จะทำให้ทิมมี่ต้องตกห้วงอารมณ์ของความประทับใจที่มาอย่างรวดเร็วและไม่คาดคิดแบบนี้หรอก

 “...อ...เอ่อ.... เหอะ...คือ...” ทิมมี่อยากจะหัวเราะให้กับตัวเอง เพราะเขาไม่รู้ว่าสมควรจะทำหน้าตาแบบไหนดีในเวลาเช่นนี้

 “ผมรู้ว่าคุณทิมมี่อึดอัดนะ...และมันก็เร็วไปด้วยใช่มั้ยครับ” คิ้วของโรเจอร์ขมวดเข้าหากัน ทำให้ใบหน้าจืดๆกลับกลายเป็นใบหน้าที่ดูคมเข้มและดูดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตา

 “เหอะๆ.. นั่นแหล่ะ... ที่ผมกำลังรู้สึกอยู่ล่ะ...” ทิมมี่รู้สึกว่ามันเร็วจริงๆแค่สองวันเท่านั้นเอง..ที่เขาได้พบกับชายหนุ่มตรงหน้าคนนี้ หากแต่กลับกันกับคนที่ชื่อโรเจอร์...มันช่างเป็นเวลาที่แสนยาวนานเหลือเกิน

 “...แต่ว่า.... ผมไม่ได้รู้สึกแบบนี้กับคุณ...ตั้งแต่เมื่อวานนี้หรอกคุณทิมมี่....” ทิมมี่ฟังและคิดตาม..

 “ผมเห็นคุณตั้งแต่วันแรกที่คุณเข้ามาในห้องอบรม... ผมรู้สึกว่าคุณดูดี.. และผมคิดว่าผมต้องการรู้จักกับคนอย่างคุณ...และยิ่งเมื่อผมได้มีโอกาสทำงานร่วมกับคุณแล้ว...ทำให้ผมรู้สึกประทับใจคุณมากขึ้น...มันมากจนทำให้ผมสามารถที่จะยืนบอกคุณในเวลานี้ได้...ว่าผมชอบ..”

 “เอาล่ะ....พ...พอก่อน...” ทิมมี่ยกมือขึ้นสองข้างต่อหน้าเขาเพื่อระงับความรู้สึกบางอย่างของตัวเองที่มันอาจจะแสดงผลของความรู้สึกออกมาบนใบหน้าของเขาได้ในตอนนี้

 “ค..คืออย่างนี้นะ........... คือ....ผมเป็นผู้ชาย.... อืม..ใช่ๆ... คือผมต้องการจะบอกคุณก็คือ ผมเป็นผู้ชาย...” โรเจอร์มองสีหน้าทิมมี่ในเวลานี้...เขายิ่งขมวดคิ้วมากขึ้นไปอีก

 “....ผม...ก็เห็นว่าคุณเป็นผู้ชายนี่ครับ...ผมไม่ได้บอกคุณสักหน่อย..ว่าคุณเป็นผู้หญิง...” คำพูดโรเจอร์ ทำให้ทิมมี่ต้องยกมือขึ้นมาแปะไว้ที่ขมับของตัวเองข้างหนึ่ง..ราวกับเขารู้สึกว่าตัวเองพูดอะไรที่อ้อมค้อมเกินไปหรือเปล่านะ...

 “คืออย่างนี้ครับ... ผม... ผมไม่ได้เป็น...”


“คุณจะบอกว่าคุณไม่ได้เป็นโฮโมใช่มั้ยครับ?” คำพูดของโรเจอร์ที่สวนขึ้นมาตัดบทของทิมมี่ทัน...ทำให้หนุ่มหน้าขาวทำหน้าอึ้งไปชั่วครู่ ก่อนที่จะพยักหน้าช้าๆราวกับตอบรับคำถามนั้น

 “...ช...ใช่... ผมไม่ได้เป็นโฮโม...” โรเจอร์ยืนกอดอกและสูดลมหายใจเข้าอย่างแรง และก็พ่นมาออกอย่างแรงเช่นกัน

 “ผมไม่สนว่าคุณจะเป็นหรือไม่เป็น.... ของแบบนี้ไม่มีใครรู้หรอก..จนกว่าคนๆหนึ่งจะยอมรัก และยอมรับ...ผมเองก็ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนกัน... แต่พอมาเจอคุณแล้ว...ผมก็ยังไม่รู้สึกถึงคำว่า โฮโม อีกอยู่ดี.....สิ่งที่ผมรู้สึกได้ก็คือ......” โรเจอร์ ค่อยๆเดินตรงเข้ามาใกล้ทิมมี่...หากด้านหลังของทิมมี่ไม่ใช่ล็อกเกอร์ที่ขวางอยู่ล่ะก็ หนุ่มหน้าหยกก็คงจะถอยห่างออกมาแล้ว เพราะทนอยู่ใกล้กับใบหน้าของโรเจอร์ในเวลาแบบนี้อยู่ได้..

 “...ผมแค่รู้สึกชอบคุณ.... และอาจจะดีกว่านี้...ถ้าความรู้สึกของผม... มันจะพัฒนาไปเป็น.... ความรัก......” ทิมมี่รู้สึกว่าใบหน้าของโรเจอร์จะโน้มเอียงลงมาใกล้กับใบหน้าของตัวเองมากขึ้น..ลมหายใจของโรเจอร์เริ่มทำให้ทิมมี่ได้สัมผัสถึงความอบอุ่นจากเขาได้ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ... และไม่ช้า...!!




 “ขอโทษที่มาขัดจังหวะ.... แต่ฉันว่าใครบางคนในเวลานี้...คงจะเหนื่อยเกินกว่าที่จะรับความรู้สึกของนายแล้วล่ะ....” โรเจอร์กับทิมมี่ชะงัก...แต่โรเจอร์ที่หันกลับไปมองต้นเสียงกลับยังไม่ยอมผละใบหน้าของตัวเองออกมาจากระยะของใบหน้าทิมมี่เลยสักนิด...พลาง..สายตาของโรเจอร์กลับแสดงความขุ่นเคือง เมื่อเห็นบุคคลตรงหน้าที่เดินเข้ามาและชอบเป็นอะไรที่ขัดขวางเขาอยู่เสมอ ในทุกๆที่และทุกๆอย่างที่เขากำลังคิดทำ จะเป็นใครไปไม่ได้...นอกจากกัปตันลูคัส กาโรล


ทิมมี่รีบผลักโรเจอร์ออกอย่างเบามือ ก่อนที่จะหันเข้าหาล็อกเกอร์ของตัวเอง แล้วเปิดประตูล็อกเกอร์มากั้นใบหน้าของตัวเองเอาไว้ เพื่อไม่ให้กัปตันหนุ่มที่ยืนเอามือสอดกระเป๋ากางเกงอยู่ตรงหน้า และทำหน้าไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ตรงนั้น.. ได้เห็นสีหน้าของตัวเองที่กำลังจะระเบิดออกมาเพราะปรับอารมณ์ไม่ถูกในยามนี้

 “...โทษทีนะ... ฉันมีเรื่องจะพูดกับทิมมี่...” กัปตันหนุ่มพูดกับโรเจอร์ด้วยสีหน้าและท่าทีที่ไม่สนใจคำว่า “มารยาท” เท่าไหร่ ...พาให้โรเจอร์ต้องหันไปเม้มปากด้วยความขุ่นเคืองอีกด้านหนึ่ง เขารู้สึกว่าตัวเองจะต้องมาอดทนกับคนที่ชอบจุ้นจ้านในเรื่องของเขามากมายและทุกๆครั้งเลยหรือนี่!? แต่แล้วโรเจอร์ก็หันกลับมามองกัปตันหนุ่มด้วยสายตาขุ่นๆอีกครั้ง


 “แต่ผม... ก็กำลังคุยเรื่องสำคัญอยู่กับทิมมี่เหมือนกัน...!” ในช่วงที่ชายหนุ่มสองคนกำลังปะทะสายตาต่อกันอย่างไม่รู้จักระงับอารมณ์ในเวลาแบบนี้...ทิมมี่กลับวางหน้าตัวเองเข้าไปในช่องล็อกเกอร์ราวกับคนเสียสติที่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรพิสดารอยู่...หากแต่ความจริงแล้ว..หนุ่มหน้าขาวเพียงแต่ต้องการจะหายตัวไปจากตรงนี้กับการที่จะต้องมาอยู่ในบรรยากาศที่แปรปรวนของคนอีกสองคน... มันช่างทำให้ความรู้สึกอ่อนเพลียที่มีอยู่ทวีความรู้สึกนั้นมากยิ่งขึ้นไปอีก


กัปตันลูคัส ยิ้มเยาะให้กับโรเจอร์ ดวงหน้าคมสันกับสายตาคมกริบที่มองมาทางโรเจอร์ ดั่งคมมีดที่จะเฉือนความรู้สึกของหนุ่มหน้าขาวที่กำลังยืนปะทะอารมณ์ต่อกันในเวลานี้ให้แหลกออกเป็นเสี่ยงๆ...



 “แต่ฉันว่าเรื่องของนาย... มันดูไร้สาระมากกว่าล่ะมั้ง...!”



++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++


TBC.

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :m15: :m15: :m15:

เทเลอย์ เป็นอะไร  :z13: :z13:

ออฟไลน์ murasakisama

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1489
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-4
เชียร์คู่บาเรลล์ค้า ท่าทางจะสนุก :mc4:

kslave

  • บุคคลทั่วไป
สนุกมากกกค่ะ
เค้าเกือบจะจูบกันแล้ว  :-[
มาต่อเร็วๆนะค่ะ

sunshadow

  • บุคคลทั่วไป


หาาาาาา กัปตันแอบยืนดูอยู่รึนี่
อย่างนี้รึเปล่าที่เค้าเรียกว่ารถไฟชนกัน
แม้ว่าทิมมี่จะไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วยก็เถอะ



littleFiNgeR

  • บุคคลทั่วไป


FLIGHT 15 : ฉากจบของนางฟ้า
             



โรเจอร์กำหมัดแน่นก่อนที่จะเดินตรงเข้าไปใกล้กัปตันลูคัสราวกับจะพุ่งตัวไปทำอะไรสักอย่าง แต่ทว่าโชคดีที่ทิมมี่รับรู้ถึงรังสีร้อนผ่าวของโรเจอร์ได้ทันท่วงที หนุ่มหน้าหยกรีบคว้าแขนของโรเจอร์เอาไว้ ก่อนที่หมัดแน่นของโรเจอร์จะทำอะไรบางอย่างลงไปและนั่นอาจจะเป็นจุดจบของตัวเขาเอง

 “พอๆ!! พวกคุณคุยเรื่องอะไรกันเนี่ย!? ...มีอะไรไม่เข้าใจกันหรือไงครับ!” ทิมมี่ถามด้วยน้ำเสียงสุดทนพลางมองคนทั้งคู่ที่ยืนจ้องหน้ากัน คนหนึ่งก็ยืนกำหมัดแน่นหายใจหอบอย่างร้อนรน แต่อีกคนกลับยืนนิ่งไม่สะทกสะท้านหรือตื่นกลัวท่าทีใดใดจากอีกคนเลยสักนิดเดียว

 “ฉันไม่ได้ตั้งแต่ใจจะมาหาเรื่องนะทิมมี่....แต่ฉันมีอะไรบางอย่าง เอามาให้นายก็เท่านั้น” กัปตันหนุ่มพูดสีหน้าเรียบเฉย หากแต่โรเจอร์ยังมองด้วยสายตาขุ่นเคืองไม่ยอมลดรา ทิมมี่มองเห็นมือของกัปตันลูคัสถือแผ่นกระดาษบางอย่างและยื่นมาให้เขาตรงหน้าพลางเดินไปรับมันแล้วทำทีจะเปิดออกอ่าน

 “จดหมายนี่ครับ? จากใคร?” ทิมมี่ถามกัปตันหนุ่มที่ยังคงปะทะสายตากับโรเจอร์อย่างนิ่งๆ

 “เห็นคุณอลิซที่เคาว์เตอร์บอกมาว่า...คนที่ชื่อเอ็มม่าฝากโน้ตนั้นเอาไว้ให้ตั้งแต่เมื่อเช้ามืด ก่อนที่จะรีบวิ่งออกไป...คุณอลิซเลยไม่ทันได้ถามว่ามีเรื่องฉุกเฉินอะไรหรือเปล่าน่ะสิ...เธอเลยไม่ได้โทร.ขึ้นเครื่องไปหานาย”

 “อ...อ่อ.... ถ้าอย่างนั้น... ขอบคุณมากนะครับ...” ทิมมี่ก้มศีรษะเล็กน้อยก่อนที่จะเปิดจดหมายออกมาช้าๆ ขณะที่กัปตันหนุ่มถามต่อโดยละสายตาจากโรเจอร์ที่ยังคงจ้องหน้าเขาอยู่ขณะนี้

 “กลับยังไงล่ะ... รถยังไม่เสร็จอีกเหรอ?”

 “อ...อ่อครับ...รถโปเกตลอด...แต่ผมว่าผมจะกลับแท็ก...”

 “ผมจะไปส่งครับ” โรเจอร์รีบใช้สะพานขวางแม่น้ำทันทีพาให้สายตาของกัปตันลูคัสพลิกกลับมามองที่เขาอีกครั้ง

 “อ..เอ่อ...ม..ไม่เป็นไรหรอกครับคือว่า....” คำพูดสิ้นสุดไป... อย่างผิดปกติ...ทิมมี่เริ่มผูกคิ้วขมวดเข้าหากัน เมื่อสายตาที่จับจ้องอยู่บนแผ่นกระดาษโน้ตนั้นมันมีความหมายอะไรบางอย่าง... ที่ทำให้หนุ่มหน้าขาวชะงักอึ้งไป!

 “.......... เป็นอะไรไป...ทิมมี่...” กัปตันลูคัสเหมือนจะสังเกตเห็นสีหน้าดังกล่าวได้รวดเร็วยิ่งนัก

 “....ค..คุณทิมมี่ครับ!.... ให้ผมไปส่งนะครับ” โรเจอร์ยังคงตื๊อถาม แต่ทิมมี่กลับไม่ได้สนใจคำถามนั้น แต่เขากลับมองไปทางกัปตันหนุ่ม...ดวงตาทั้งสองข้างเริ่มมีน้ำใสใสคลอเบ้าอยู่เต็มปริ่ม...พาให้กัปตันหนุ่มรู้สึกใจคอไม่ดีตามไปด้วย

 “กัปตันครับ.... คุณ... ไปส่งผมที...” ดูเหมือนว่าจะมีความรู้สึกบางอย่างที่ทำให้กัปตันหนุ่มเริ่มรับรู้อะไรบางอย่างจากสีหน้าของทิมมี่ในตอนนี้...หากแต่โรเจอร์ที่ได้แต่ยืนตะลึงกับคำพูดนั้นของทิมมี่ราวกับหนุ่มหน้าหยกมิได้สนใจในคำถามของเขาก่อนหน้านี้เลยสักนิดเดียว


 “....ได้สิ...” กัปตันหนุ่มตอบรับ

 “...ถ..ถ้าอย่างนั้น...ผมขอ...เปลี่ยนเสื้อผ้า...ก่อนนะครับ...” ทิมมี่พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือก่อนที่จะขยำกระดาษในมือ ...กัปตันลูคัสมองมาทางโรเจอร์ ก่อนที่จะพูดขึ้น

 “นายไม่คิดที่จะกลับไปหลับไปนอนหรือยังไง...” โรเจอร์หันมามองกัปตันลูคัสอีกครั้ง เขารู้สึกเจ็บใจกับสายตาของกัปตันหนุ่มที่มองมา แม้สีหน้าของกัปตันจะนิ่ง...แต่สายตาของเขากลับบ่งบอกถึงความเย้ยหยันบางอย่างที่ทำให้โรเจอร์ต้องเดินเลี่ยงออกมาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์!


++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++



 “....อะไรนะ!! เทเลอร์! เทเลอร์เข้าโรงพยาบาลเหรอ!!” กัปตันลูคัสตะเบงเสียงถาม สีหน้าที่ตื่นตระหนกจนดูน่ากลัว... พาให้ทิมมี่มองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความรู้สึกตะลึงงันไป...ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังเดินออกมาจนจะถึงรถคันหรูของกัปตัน..

 “...อ...เอ่อ.... คุณลูคัส...ทำไมคุณถึงดูเหมือนกับ... อย่างกับคุณคิดว่า...เทเลอร์จะเป็นอะไรมากไปเสียอย่างนั้นแหล่ะ...คือ.... จริงๆแล้ว...ผมว่า เธออาจจะป่วยธรรมดาก็ได้มั้งครับ” กัปตันลูคัสพยายามรวบรวมสติ... เมื่อเขารู้สึกว่าตัวเองได้ลืมอะไรบางอย่างและเกือบเผลอหลุดปากบอกสิ่งที่สำคัญออกไป... ใช่... ท่าทีของกัปตันหนุ่มในเวลานี้ ทำให้ทิมมี่รู้สึกได้ดีว่า... เขามีอะไรปิดบังอยู่

 “....คุณ...มีอะไรจะพูดกับผมหรือเปล่า?... ด...ดูคุณเครียดเหลือเกิน?” กัปตันลูคัสส่ายหน้า และเมื่อเขาเดินไปถึงรถตัวเอง
ชายหนุ่มก็กดปุ่มเลเซอร์เปิดประตูรถ แล้วรีบเดินไปเปิดประตูรถด้านคนนั่งด้านหน้า เพื่อให้ทิมมี่เข้าไปนั่ง
 “...ม...ไม่มีอะไรหรอก.... ฉ..ฉันแค่เห็นว่าเทเลอร์ อาจจะไม่สบายร้ายแรงน่ะ...ก..ก็เห็นคุณเอ็มม่าถึงขนาดมาบอกที่ศูนย์แบบนี้” ทิมมี่ฟังแล้วคิดตาม... จริงสินะ...ทำไมคุณเอ็มม่าถึงต้องอุตส่าห์มาบอกข่าวถึงที่นี่... ซึ่งจริงๆแล้วเธอก็น่าจะรู้ดีว่าเขากับเทลิซ่าจะกลับบ้านวันนี้ และเมื่อทิมมี่นึกถึงเทลิซ่าได้... หนุ่มหน้าหยกก็หันไปที่กัปตันลูคัสที่ยืนรอให้หนุ่มหน้าขาวเข้ารถไปราวกับจะปิดประตูให้ด้วยสีหน้าร้อนรน

 “อ..เอ่อคุณลูคัสครับ! ผ..ผมลืมเทลิซ่าไปเลย!บางทีเราน่าจะชวนเธอไปโรงพยาบาลด้วย..”

 “ม..ไม่ต้องหรอก! ฉ..ฉันว่าเรารีบไปดีกว่า..ไป...เข้าไปเถอะ” ทิมมี่ถูกฝ่ามือของกัปตันหนุ่มผลักเบาๆให้เข้าไปนั่ง... กัปตันหนุ่มรีบปิดประตูแล้ววิ่งมาทางฝั่งที่นั่งคนขับ ก่อนที่จะลงมานั่งแล้วรีบสตาร์ทรถ และแล่นออกไปด้วยความเร็วทันทีพาให้ทิมมี่รู้สึกว่า.. บรรยากาศในยามนี้ทำให้เขาหวั่นใจไม่น้อย..กับท่าทีแปลกๆของกัปตันหนุ่มผู้นี้..อะไรบางอย่างทำให้ทิมมี่รู้สึกว่า... อีกไม่นานเขาจะได้รู้...ในเรื่องที่เขานั้น...ไม่คาดคิด!


ทันทีที่รถเฟอร์รารี่คันหรูของกัปตันลูคัสแล่นออกไป...รถเก๋งคันสีแดงเพลิง ของใครบางคนที่จอดซุ่มรออยู่ก่อนหน้านี้.  ก็แล่นขับตามออกมาทันที!


++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++

                           


 เทลิซ่าเดินออกมาจากล็อกเกอร์หญิงหลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดเกาะอกและกางเกงยีนส์แบบสบายๆแล้ว...หญิงสาวเดินตรงไปที่ห้องพักผ่อนของเหล่าลูกเรือ สายตากวาดมองลูกเรือที่กำลังนั่งเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์บ้างกำลังอ่านหนังสือพิมพ์บ้าง.. และเล่นสนุ๊กบ้าง... แต่คนที่เธอกำลังมองหา.. กลับไม่ได้อยู่ภายในห้องนี้..หญิงสาวขมวดคิ้วอย่างแปลกใจและสงสัย


 “ทิมมี่ไปไหนนะ.... หรือว่าจะกลับไปแล้ว...เฮอะ!...ทำไมไม่รอกันบ้างเล้ย!” เทลิซ่าบ่นอุบอิบเมื่อมองไม่เห็นพี่ชาย และขณะที่หล่อนหันมาทางด้านหลังนั้น...หล่อนก็ชนเข้ากับชายร่างสูงที่ยืนทื่อเป็นเรือเกลืออยู่ด้านหลังพลันอุทานตกใจขึ้นมาพาให้ลูกเรือคนอื่นๆในห้องหันมามองที่เทลิซ่าเป็นตาเดียว

 “...ตกใจบ้าอะไร...” บุรุษใบหน้าเย้ายวนอวัยวะเบื้องต่ำถามด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง....เทลิซ่ายกมือขึ้นลูบหน้าผากแล้วถอนใจออกมาอย่างโล่งอกที่เธอเห็นว่าคนข้างหลังเป็นมนุษย์ด้วยกัน...


 “ตาบ้าเอ๊ย! มายืนทำบ้าอะไรยะ ตกใจหมดเลย!”

 “ขวัญอ่อนเป็นเหมือนกันนี่?”

 “เฮอะ... เอ้า! เชิญๆเชิญตามสบายเถอะย่ะ...เดินเข้าไปสิ!” เทลิซ่าทำท่าหลีกทางให้เมื่อคิดว่าบาเรลล์ จะมาห้องนี้เพื่อเข้ามาพักผ่อน..ขณะที่ลูกเรือคนอื่นๆที่เห็นบาเรลล์บางส่วนที่เดินลุกเลี่ยงออกไป แต่อีกบางส่วนที่กำลังเล่นเกมส์ขับเครื่องบินอยู่นั้นก็พยายามแทบจะนั่งพับเพียบเล่นกันเลยทีเดียว

 “ใครบอกว่าฉันจะมาห้องนี้เพื่อเล่นเกมส์........ฉันไม่ใช่พวกปัญญาอ่อนไม่รู้จักโตนะ...” น้ำเสียงเรียบนิ่งแบบห้วนๆ ความหมายของมันพาให้เหล่าลูกเรือที่ยังหน้ามึนอยู่ในห้องนี้ ต้องแอบเหงื่อตกกันเป็นทิวแถว เมื่อได้รับคำสรรเสริญพาดพิงมาถึง...

 “ฉันตามเธอมาน่ะ...” บาเรลล์พูดตรงมาก...ตรงจนเทลิซ่ารู้สึกอยากหายตัวไปตรงนี้

“...ม..มีอะไร..................อ...อ้อ!! จริงสิ!นายฝากบัตรไว้ที่ฉันนี่...เอาๆ” เทลิซ่าหันไปเปิดกระเป๋าสะพายของตัวเอง..พลางทำท่าเหมือนจะหยิบอะไรออกมา แต่บาเรลล์กลับกระชากกระเป๋าสะพายข้างของเธอไป...พาให้เทลิซ่าตกใจและแสดงสีหน้าตะลึงกับการกระทำดังกล่าวของเขา!

 “น...นี่นาย! เอากระเป๋าฉันไปทำไมน่ะ!! เอาคืนมานะ!”

 “อะไรของเธอ!! ฉันแค่จะถือให้!!” บาเรลล์ยกกระเป๋าขึ้นสูงเพื่อหนีฝ่ามือยื้อแย่งของเทลิซ่า...หญิงสาวพยายามจะทำความเข้าใจกับการกระทำของบาเรลล์ในเวลานี้...หากแต่เธอนั้นโง่เกินไปที่จะเข้าใจต่อการกระทำเหล่านี้ได้

 “จะถือไปไหนเล่า! ฉันจะกลับบ้านแล้ว!”

 “แต่พี่ชายเธอคงทิ้งเธอไว้สินะ...ฉันเห็นเค้านั่งรถออกไปกับไอ้กัปตันงี่เง่านั่นน่ะ... หึ... ว่าแต่พูดถึงมันแล้วก็ลืมไปเลยนะ.... กะจะเล่นให้มันโดนพักงานสักหน่อย” บาเรลล์แสดงสีหน้าขุ่นๆออกมาทันทีเมื่อนึกถึงกัปตันลูคัส..เทลิซ่าเอามือยกขึ้นเท้าสะเอว

 “นายนี่เลวไม่รู้ตัวจริงๆนะ” คำพูดดังกล่าวพาให้หนุ่มหน้ากวนเบิกตาโพลงขึ้นมานิดๆ...ราวกับนึกไม่ถึงว่าหล่อนจะพูดอย่างนี้กับเขา

 “....เธอว่าอะไรนะ?..”

 “เลวแล้วยังหูหนวกอีก... นี่! นายอย่าเอาความเป็นใหญ่ของตัวเองมาทำให้คนอื่นเดือดร้อนเลยนะ...ไม่มีใครเขาชอบหรอกนะ คนที่ชอบวางก้ามให้คนอื่นกลัวน่ะ... มีแต่คนเขาอยากหนี! เอากระเป๋ามาสิ(โว่ย)!!” เทลิซ่าพยายามกระโดดไปคว้าจะกระเป๋าจากมือของบาเรลล์ที่ยกขึ้นสูง...บาเรลล์ยังคงจ้องหน้าเทลิซ่าไม่ยอมละสายตา ก่อนที่จะถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เรียบเย็นเช่นเดิม

 “....ถามหน่อยเถอะนะ.....แล้วไอ้การเป็นคนที่คนอื่นรักคนอื่นชอบเนี่ย.... มันต้องทำกันยังไงรึ?” ชายหนุ่มถามหน้านิ่งเหมือนจะกวน...เทลิซ่ารู้สึกเหนื่อยกับการกระโดดตัวโหยงๆ

 “จะถามไปทำไมเล่าเอ้อ!! บอกไปคนอย่างนายก็กู่ไม่กลับแล้วล่ะ!! กระเป๋าฉัน!!”

“ไปเที่ยวกับฉันหน่อยสิ...” เทลิซ่าชะงักสีหน้าเริ่มคลายความหงุดหงิด แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนมาในทางที่ดีขึ้น.. หล่อนสงสัยว่าชายหนุ่มคนนี้มาไม้ไหนกันแน่...

 “...ฮ...ฮะ!?” บาเรลล์ ค่อยๆลดมือลง แล้วยื่นกระเป๋าสะพายคืนให้หล่อน... เทลิซ่ารับกลับมาอย่างช้าๆสีหน้ายังดูอึ้งๆกับคำเชิญชวนดังกล่าว..

 “ไปเที่ยวกัน... มาดมัวแซลล์ดีมั้ย?” บาเรลล์ถามสีหน้านิ่งๆพยายามเสนอผับที่แพงที่สุดในปารีสมาเป็นอันดับแรก เทลิซ่า...เมื่อหลุดออกจากความตะลึงตึงๆแล้ว...หญิงสาวก็รีบเปิดกระเป๋าสะพาย แล้วคว้าบัตรเครดิตของบาเรลล์ แล้วยื่นคืนให้ตรงหน้าเขา

 “ไม่ไป!! ฉันเหนื่อยมาก!! ขอร้องล่ะ... ฉันไม่ได้เดินเล่นอยู่บนเครื่องเหมือนกับนายหรอกนะ!” บาเรลล์ฟังดังนั้น ชายหนุ่มยกคิ้วสูงแล้วเบะปากราวกับทำหน้าล้อเลียน

 “แต่ถึงยังไงเธอก็ต้องมากับฉันอยู่ดีนั่นแหล่ะ...” บาเรลล์พูด ก่อนที่จะหันหลังให้เทลิซ่า..หญิงสาวรู้สึกเอะใจกับคำพูดดังกล่าวของบาเรลล์...และยังงุนงงกับการเดินจากไปของเขา... หญิงสาวพลางคิดในใจว่าเขาคงแน่มากสินะที่เดินหันหลังให้กับเธอ...หึ...เขาคงนึกว่าเราจะต้องเดินตามไปแน่ๆ ...เชอะ..ฝันไปเถอะ!


เทลิซ่าไม่ได้คิดจะเดินตามบาเรลล์ไปจริงๆนั่นแหล่ะ... เธอรู้สึกสะใจ และอยากเห็นสีหน้าของบาเรลล์ตอนเสียเชิงหญิงเสียเหลือเกิน...หากแต่เธอยังไม่รู้ชะตากรรมอะไรบางอย่างของตัวเองจนกระทั่งเธอเดินกลับเข้าไปในห้องล็อกเกอร์หญิงอีกครั้ง เพื่อที่จะไปหยิบกระเป๋าล้อลากที่มีข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวเป็นสัมภาระมากมายอยู่ในกระเป๋าใบนั้น... แต่ทว่า...เมื่อเธอกลับมา... กระเป๋าที่เธอฝากหญิงงามที่เคาว์เตอร์ฝากกระเป๋าในล็อคเกอร์หญิง เอาไว้ก่อนหน้านี้...เธอกลับได้รับคำตอบจากหญิงงามผู้รับฝากว่า...


 “ค...คุณบาเรลล์...รับกระเป๋าของคุณ...ป..ไปแล้วค่ะ...” ไม่ต้องให้บรรยายความรู้สึกใดใดของเทลิซ่า...อีกต่อไปแล้ว...


 “ไอ้บาเรลล์~~~~~~~!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ไอ้บ้า~~~!!!!!” เหล่าลูกเรือสาวคนอื่นๆ พากันตกใจกับเสียงสบถด่าจากปากของเทลิซ่าที่ดังก้องไปทั่วห้องล็อกเกอร์หญิงแห่งนี้...



++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++



ถึงโรงพยาบาลกลางนอเธอร์ดัม..ดูเหมือนว่ากัปตันหนุ่มจะรีบร้อนเดินนำทิมมี่เข้ามาด้วยสีหน้าที่ตึงเครียด พาให้ทิมมี่สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ไม่ชอบมาพากลเข้าเสียแล้ว.. พลัน! ขณะที่ทั้งคู่กำลังก้าวไปถึงเคาว์เตอร์ประชาสัมพันธ์ของโรงพยาบาลนั้น... ทิมมี่คว้าแขนของกัปตันหนุ่มเอาไว้ ทำให้กัปตันลูคัสถูกแรงดึงจนต้องหันตัวกลับมาพร้อมกับสีหน้าตกใจเล็กน้อย


 “คุณลูคัส!...ผมคิดว่าคุณคงต้องบอกอะไรบางอย่างกับผมเสียที!” ทิมมี่ถามด้วยสีหน้าที่ตึงเครียดไม่แพ้กัน..หากแต่ความตึงเครียดของทิมมี่นั้น ...เขาไม่อาจรู้เรื่องเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรสักอย่างเลยผิดกับกัปตันหนุ่มในเวลานี้..


 “...ทิมมี่...อีกไม่กี่นาทีนายก็จะรู้เอง...แต่ขอร้อง.... นายอย่ารู้จากปากของฉันเลย!” กัปตันหนุ่มสะบัดข้อศอกให้หลุดออกมาจากมือขาวของทิมมี่..พลางหันไปถามนางพยาบาลที่เคาว์เตอร์ว่า..

 “ขอโทษนะครับ... ผู้ป่วยที่เข้าการรักษาที่นี่ ที่ชื่อเอ่อ... เทเลอร์ ดรอว์เยอร์ น่ะครับ...ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน”

 “รอสักครู่นะคะ...” นางพยาบาลหันไปคีย์ข้อมูล... ในขณะที่กัปตันลูคัสหันมามองทิมมี่ด้วยสายตาวิงวอน ขอให้หนุ่มหน้าหยกอย่างโกรธเขาเลย...แต่ทว่า...ทิมมี่ไม่ได้มีความรู้สึกโกรธเขาหรอก...หากแต่มีความรู้สึกหวั่นวิตกอย่างน่าประหลาด ทั้งๆที่เขาเองก็เดาไม่ออกว่า เรื่องที่เขากำลังกลัวอยู่ในขณะนี้... มันจะเกี่ยวเนื่องกับเรื่องที่เทเลอร์เข้าโรงพยาบาลแห่งนี้หรือไม่


“...คุณเป็นญาติของคุณเทเลอร์ ดรอว์เยอร์ ใช่มั้ยคะ?” นางพยาบาลถามขึ้น ขณะที่กัปตันหนุ่มรีบพยักหน้าก่อนทิมมี่ซึ่งขนาดพี่ชายแท้ๆยังคงไหวตัวไม่ทันเท่าเขาเลยสักนิดเดียว

 “ท..ทำนองนั้นครับ..อ..เอ่อ...ผมเป็นแฟนเขา...ส่วนคนนี้... เป็นพี่ชาย...” ทิมมี่เดินตรงไปยืนชิดกับเคาว์เตอร์เมื่อนางพยาบาลสาวมองมาทางเขา

 “ครับ...ผมทิมมี่ ดรอว์เยอร์...เอ่อ...น้องสาวผมอยู่ที่ไหนครับ?” ทิมมี่ถามด้วยสีหน้าที่เริ่มตึงขึ้น...นางพยาบาลตอบด้วยคำพูดที่พาให้คนทั้งคู่ชะงักไป..

 “เดี๋ยวดิฉันต้องขอโทรศัพท์บอกกับเจ้าหน้าที่เฝ้าห้องดับจิตก่อนนะคะ...พอดีว่าห้องนั้นล็อคอยู่น่ะคะ เดี๋ยวยังไงคุณทั้งสองช่วยรอบริเวณนี้สักครู่นะคะ...เดี๋ยวเจ้าหน้าที่เฝ้าห้องมาแล้วดิฉันจะให้เขาพาไปรับศพค่ะ” นางพยาบาลสาวพูดจบประโยคนั้น ....โดยที่ไม่ได้มองสีหน้าของชายทั้งสองคนที่กำลังยืนตาเบิกโพลงด้วยความตกตะลึงกับสิ่งที่คนทั้งคู่ได้ยิน!


 “........ค....คุณลูคัส..........” สีหน้าของหนุ่มหน้าหยกในเวลานี้...นิ่งค้างไปเมื่อกับร่างที่ไร้วิญญาณ และรู้สึกชาไปทั้งร่างจากการได้รับรู้ถึงคำพูดของหญิงสาวตรงหน้า...เมื่อครู่นี้...

 “ฮัลโหล...ค่า... คือตอนนี้ไม่ทราบกำลังยุ่งอยู่มั้ยคะ คือญาติของผู้ตายที่ชื่อ..เอ่อ... เทเลอร์ ดรอว์เยอร์... รหัสเตียง C-CEL 7070 ที่เกิดภาวะช็อคตอนฉายรังสีน่ะค่ะ...พอดีญาติเขาจะมารับศพน่ะค่ะ......... เอ๋?....... ว่าอย่างไรนะคะ?............... เมื่อสักครู่นี้มีคนนำศพไปแล้วเหรอคะ!?..... ใครคะ?........ด...เดี๋ยวชื่ออะไรนะคะ............ อ...อ่ะค่ะๆ...ขอบคุณมากค่ะ” นางพยาบาลสาววางโทรศัพท์แล้วหันมารายงานกับคนทั้งคู่

 “คือคุณคะ มีคนที่ชื่อเอ็มม่ามารับศพ....อ...เอ๋!?” แต่ทว่า... คนทั้งคู่... ไม่ได้ยืนอยู่ ณ ที่นี้เสียแล้ว....               




++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






littleFiNgeR

  • บุคคลทั่วไป

FLIGHT 16 : ฉากจบของนางฟ้า (2)



 
กัปตันลูคัสถูกทิมมี่ดึงแขนออกมาที่ลานจอดรถด้านหลังของโรงพยาบาล..หากแต่ทั้งสองยังคงมีสีหน้าที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง..ดูเหมือนกัปตันหนุ่มจะช็อคกับสิ่งที่เขาได้ยินมา...แววตาแข็งกระด้างพาให้ทิมมี่ไม่อาจรู้ได้ว่าในเวลานี้เขารู้สึกอย่างไร หากแต่สิ่งที่ทิมมี่รู้ดีในเวลานี้ก็คือ..ความรู้สึกของตัวเขาเอง..ที่มันรู้สึกช็อคมากไปกว่า...กับสิ่งที่เขาได้ยินเมื่อครู่นั้น...


 “กัปตัน!! คุณรู้อะไร!! ทำไมคุณไม่บอกผมล่ะ!!คุณรู้มาก่อนหน้านี้แล้วใช่มั้ยว่าเทเลอร์เป็นอะไร!! ทำไมคุณถึงต้องโกหกผมด้วย!! ทำไม!! ทำไม!!” ร่างสูงใหญ่ถูกเขย่าแขนทั้งสองข้าง.. เขาเซไปมาเมื่อถูกร่างบางเขย่าราวกับเขานั้นไม่มีเรี่ยวแรงใดใดเหลืออยู่เลยในเวลานี้...ดวงตาแดงก่ำของกัปตันลูคัส มองมาทางทิมมี่ ที่กำลังจ้องหน้าเขาอยู่...และบนใบหน้าขาวนั้น ก็เริ่มมีน้ำตาไหลออกมาทั้งสองข้าง..พร้อมๆกับความรู้สึกของทิมมี่ที่ส่งมาให้เขาพาให้ชายหนุ่มรู้สึกแย่ลงกว่าเดิม...


 “....เทเลอร์.... ขอร้องฉัน.......ว่าไม่ให้บอกนาย....” คำตอบของกัปตันลูคัส...ทำให้หนุ่มหน้าขาวยังคงสีหน้าอึ้ง และดูเหมือนจะมากกว่าเดิมหลายเท่า

 “.....คุณลูคัส................ ผมเป็นใคร!.... ทำไมคุณถึงทำกับผมแบบนี้! ทำๆไม!! คุณโกหกผมทำไม!!”

 “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะโกหกนายนะทิมมี่!! แต่ฉันรับปากเทเลอร์เอาไว้!! ...เธอบอกกับฉันว่าเธอเป็นมะเร็งกระดูก!! เป็นมาตั้งแต่ตอนที่เธอเพิ่งจะลาออกจากงานแล้ว!! และเรื่องนี้คุณเอ็มม่าก็รู้ก่อนฉันเสียอีก!! .... นายต้องเข้าใจ!! เทเลอร์รักพี่และน้องของเธอมาก!! แม้แต่เทลิซ่าที่อยู่กับเทเลอร์ตลอด! ก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ!! ....ทิมมี่!! อย่าโกรธฉัน!!” กัปตันลูคัสตะเบงเสียงตอบ พลางเขย่าร่างที่บางกว่ากลับ... พร้อมกับบนใบหน้าที่เริ่มมีน้ำตาของความเป็นชายไหลออกมาให้ทิมมี่ได้มองเห็นแล้ว....ทิมมี่บีบน้ำตาก่อนที่จะร้องไห้ออกมาลั่น... ฝ่ามือของคนทั้งสองต่างคนต่างบีบอยู่ที่ข้อศอกของกันและกัน...ราวกับจะถ่ายทอดความโศกเศร้าทั้งหมดให้กับคนตรงหน้า... จนบรรยากาศรอบๆนี้... มันมีแต่ความว้าเหว่และสลดใจ...กับสิ่งที่คนทั้งคู่ได้รับ...


 “แต่คุณ.... ทำไมคุณถึงไม่คิดบ้าง...ว่าผมจะต้อง....ฮือ~” ทิมมี่พูดไม่ออก... แต่ทว่า...คนตรงหน้า...รับรู้ถึงความรู้สึกของหนุ่มหน้าขาวคนนี้ดี...ร่างสูงใหญ่ โผเข้ากอดร่างของทิมมี่...แขนทั้งสองข้างโอบรัดร่างบางเอาไว้แน่นหนาจนทิมมี่รู้สึกถึงความอบอุ่นที่ได้รับมาราวกับเป็นลมอุ่นที่พัดเข้ามาปลอบประโลมให้กับชีวิตที่แสนเจ็บปวดของเขา... ร่างของคนทั้งคู่โอบกอดซึ่งกันและกันอย่างแนบแน่น....และสิ่งที่ทำให้ทั้งสองต้องตกตะลึงนั้น! ก็ปรากฏขึ้นอย่างที่ทั้งคู่ไม่คาดคิด!!


                           
ปี๊น~~~~~!!!!!!!!!!!!!!!



แสงไฟจากรถเก๋งคันหรูสีแดงเพลิง..พุ่งเข้ามาแยงตาของทิมมี่และกัปตันหนุ่มจนต้องเบี่ยงหน้านี้...ทันใดในช่วงวินาทีที่ทั้งคู่อยู่ในอารมณ์ตกใจ..กัปตันหนุ่มโอบกอดร่างทิมมี่แล้วเบี่ยงให้หลบไปบริเวณข้างทาง! กัปตันหนุ่มล้มทับร่างของหนุ่มหน้าขาวอย่างแรง...หากแต่ฝ่ามืออันแสนอบอุ่นของเขา..สอดไปรองรับศีรษะของทิมมี่เอาไว้ได้ทัน ทำให้ศีรษะของหนุ่มหน้าขาวพ้นจากแรงกระแทกที่พื้นไปอย่างเส้นยาแดงผ่าแปด...แต่สิ่งที่เป็นผลจากการกระทำนั้น...ก็ทำให้ทิมมี่และกัปตันหนุ่ม... พูดอะไรไม่ออกเช่นกัน!


สาเหตุที่เพราะคนทั้งคู่...พูดอะไรไม่ออกนั้น...เนื่องจากริมฝีปากของกัปตันลูคัสในเวลานี้... มันกดอยู่บนริมฝีปากเรียวบางของหนุ่มหน้าขาว.. ที่นอนตัวแข็งทื่อภายใต้ร่างแกร่งของกัปตันหนุ่ม... ในเวลานี้นั่นเอง..เวลาเกือบหนึ่งนาที... ที่กัปตันหนุ่มยังคงอยู่ในภวังค์นั้น...จนกระทั่งเมื่อเสียงฝีเท้าของใครบางคนดังใกล้เข้ามา..ทิมมี่เป็นคนทำลายอารมณ์และความรู้สึกที่ค้างเติ่งอยู่นี้ออกไปจากหัวจนหมดสิ้นก่อนที่หนุ่มหน้าหยกจะรีบลุกขึ้น ก่อนที่จะเหลือบไปเห็นบุคคลที่กำลังเดินตรงเข้ามา.. ด้วยความไม่คาดคิด!

 “...ค.... คุณวีว่า...!!” หญิงสาวในชุดกราวน์สีดำ เดินก้าวเข้ามาช้าๆ..พาให้ทิมมี่และกัปตันลูคัสที่เดินออกมาเผชิญหน้ากันนั้น... แสดงสีหน้าตกใจกับการปรากฏตัวของงหล่อนที่นี่.. และในเวลานี้!

 “ตกใจมากรึไงคะ?... คุณลูคัส!?” สายตาของเธอน่ากลัวกว่าน้ำเสียงที่พูด..ทิมมี่รับรู้ถึงแววตาร้ายกาจที่แสดงความเป็นเจ้าของนั้นดี.. เขาเคยแต่ได้ยินเทลิซ่าโทร.มาฟ้องเขาเมื่อตอนที่เขาพักอยู่ในญี่ปุ่นเมื่อปีก่อน..ว่าเทเลอร์ถูกใครบางคนตามรังควานและคอยทำร้ายอย่างไม่หยุดหย่อนจนทำให้น้องสาวของเขาต้องทิ้งงานทิ้งการ..แต่เขาไม่คิดว่าบุคคลดังกล่าวจะชื่อ “วีว่า เลอคอติส” จนกระทั่งมาได้ยินจากปากของเทเลอร์เอง... มิหนำซ้ำ... ทิมมี่ยังรู้สึกร้อนวูบเมื่อเห็นสายตาชิงชังของเธอในเวลานี้เป็นอย่างมาก...ทิมมี่รู้ดี... ว่าเทเลอร์ผ่านอะไรมา.. และมันคงเลวร้ายไม่เบาเป็นแน่!

 “...ธ...เธอมาที่นี่ได้ยังไง? วีว่า!?” กัปตันหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง เพราะเขาเดาได้ว่าการปรากฏตัวของเธอในเวลานี้มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน

 “ถามทำไมคะ?... คุณเองก็รู้อยู่แก่ใจไม่ใช่เหรอไง? ฮึ... น่าขำเป็นบ้า... ฉันไม่คิดเลยนะว่าคุณจะมารับศพนังเทเลอร์ ดรอว์เยอร์..... นางฟ้าปีกหักคนนั้น..นี่คุณยังไม่ลืมมันอีกรึไง!” ทิมมี่กำหมัดแน่น เมื่อได้ยินหญิงสาวพูดถึงน้องสาวตัวเองในทางที่เลวร้าย..ขณะเดียวกัน กัปตันหนุ่มเดินตรงเข้ามาที่เบื้องหน้าของหล่อน..พร้อมกับสีหน้าและแววตารังเกียจรังชังเธอมากมายเหลือเกิน และดูเหมือนว่า... วีว่า เลอคอติส ก็จะรับรู้ถึงสายตาดังกล่าว แต่หล่อนกลับไม่ได้แสดงท่าทีสะทกสะท้านแต่อย่างใด

 “นางฟ้าที่ปีกหัก... หมายถึงคุณต่างหากวีว่า... ไม่ใช่เทเลอร์!” คำพูดนั้น.. เริ่มทำให้วีว่า ขุ่นเคืองจนออกมาที่สีหน้าในเวลานี้บ้างแล้ว

 “คุณลูคัส!!”

 “คุณไม่ต้องมาตะเบงเสียงใส่ผม!! คุณมันก็เหมือนตัวหลืบตัวไร! ที่ชอบเข้ามายุ่งวุ่นวายในชีวิตของผม! คุณมันตัวน่ารังเกียจมากคุณรู้มั้ยวีว่า!!”



เพี๊ยะ!!



สิ้นสุดคำตอกกลับของกัปตันหนุ่มเขาก็ถูกตบอย่างแรงด้วยฝ่ามือของวีว่า เลอคอติส! ...หญิงสาวกัดฟันกรอดด้วยความเจ็บแค้นที่ได้ยินพูดดังกล่าวของกัปตันลูคัส


 “ฉันไม่ใช่ผู้หญิงอย่างว่า! ที่คุณจะมาดูถูกและมามองข้ามคนอย่างฉันได้!! ฉันไม่ใช่นังเทเลอร์ที่โง่งี่เง่า!! ฉันมาก่อนมัน!! และฉันก็เป็นของคุณแล้ว... และคุณก็ต้องเป็นของฉันเหมือนกัน!!”

 “เธอนั่นแหล่ะงี่เง่า!! ผู้หญิงอย่างเธอใครเขาจะเอาไปทำพันธุ์หรือวีว่า!! มองค่าตัวเองสูงเกินไปหน่อยแล้ว!!”

“คุณลูคัส!! แต่ฉัน!”

 “ออกไปให้พ้นจากชีวิตของผม!! ไป!!” ไม่เคยมีใครเห็นท่าทางและอารมณ์ของกัปตันหนุ่มผู้นี้โกรธจัดได้ถึงขนาดนี้มาก่อน... แววตาขุ่นมัวและสีหน้าที่ราวกับจะลุกเป็นไฟเนื่องจากความร้อนผ่าวในจิตใจของเขาตอนนี้มันแทบจะระเบิดออกมาใส่ผู้หญิงหน้าด้านตรงหน้าคนนี้ในเวลาไม่ช้า...หากแต่หญิงสาวเริ่มรู้สึกกลัว ใบหน้าที่สั่นเทาเพราะความเจ็บแค้นและเกรงกลัวต่อคนตรงหน้า...ทำให้หญิงสาวต้องพูดอะไรบางอย่างออกมา.. ก่อนที่ตัวหล่อนจะเดินกระแทกฝีเท้าออกไปอย่างไม่มีวันสำนึกผิดใดใดในตัวเอง..

 “จำไว้นะคุณลูคัส!! หากคุณคิดจะทิ้งฉัน... เหมือนกับที่คุณทิ้งคนอื่นๆ..... คุณ!! จะไม่มีวันได้อยู่อย่างมีความสุข!! จำคำพูดของฉันไว้เลย!!” กัปตันหนุ่มยืนอึ้ง...มองแผ่นหลังของหญิงสาวผู้ร้ายกาจเดินขึ้นรถ แล้วแล่นออกไปอย่างเร็ว! ชายหนุ่มมองรถคันสีแดงเพลิงเลี้ยวหายไปลับตา.. ก่อนที่เขาจะเริ่มมีสติอีกครั้งแล้วก็รีบหันมาทางด้านหลังที่เขาคิดว่ามีทิมมี่ยืนอึ้งอยู่... หากแต่ว่าในเวลานี้... เขาไม่เห็นร่างของหนุ่มหน้าขาวคนนั้นเสียแล้ว!




 “ทิมมี่!.... ทิมมี่!!”


++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++




เสียงร้องไห้ดังระงมภายในโบสถ์นอเธอร์ดัมที่สวยงามยามพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า... แสงจากโคมไฟมากมายประกายไปทั่ว...ทั้งโบสถ์และวิหารนอเธอร์ดัมที่ตั้งอยู่เคียงกัน.. หากแต่ความสวยงามเบื้องนอกกลับมีความโศกเศร้าเสียใจอยู่ภายใน...
ชายหนุ่มหน้าขาวเดินตรงเข้ามาภายในโบสถ์... ดวงตาแดงก่ำและร่างกายที่สั่นเทา... มองเห็นแผ่นหลังของหญิงชราที่กำลังยืนร้องห่มร้องไห้อยู่เบื้องหน้าตัวเมียบสีน้ำตาลสวยงามเบื้องบนแท่นสง่านั้น...ดอกไม้สีขาวถูกตกแต่งอยู่บนหีบยาวที่ใครๆเรียกมันว่า “โลงศพ” ... หนุ่มหน้าขาวไม่อยากจะคิดเลยว่า... หีบหลังนั้นน่ะหรือ... ที่เป็นที่อยู่ของเทเลอร์... น้องสาวที่เขาสุดรักในเวลานี้...

 “....คุณเอ็มม่าครับ...” เสียงของทิมมี่เรียกหญิงชราที่ยืนเดียวดายอยู่ภายในโบสถ์หลังนี้...

 “คุณหนู! ฮือ~!!!” เอ็มม่าหันกลับมาแล้วเดินตรงเข้ามาสวมกอดร่างของทิมมี่ด้วยความโศกเศร้า... ร่างทั้งสองกอดกันอย่างแนบแน่น.. ความรู้สึกสะเทือนใจในยามนี้...ใครจะมากเท่าทิมมี่ได้กันล่ะ... ใช่.. ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไป... เร็วและไร้ความคาดคิด...และมิอาจได้สั่งเสียต่อกันเลยแม้จะสักวินาทีเดียว..

 “ทำไม.... คุณถึงไม่บอกผมล่ะ...คุณเอ็มม่า...” ทิมมี่ถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ขณะที่เอ็มม่ายิ่งร้องไห้โฮหนักเข้าไปอีก...

 “ดิ...ดิฉัน..... ดิฉันทำตาม... ที่คุณหนูเทเลอร์ขอร้องเอาไว้น่ะค่ะ...ฮือ~!” ทิมมี่ได้ยินคำพูดของหล่อน... พาให้คิดถึงใบหน้าของคนอีกคนหนึ่ง

 “...ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ.... ในสายตาของคุณ.... ไม่ได้เห็นผมมีความหมายอะไรแก่เทเลอร์เลยใช่มั้ย...” ทิมมี่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ..น้ำตาที่คลอเบ้าและยังไม่ยอมปล่อยให้มันไหลออกมา... หากแต่เมื่อไหร่ที่ชายหนุ่มได้ปลดปล่อยความโศกเศร้าออกมาแล้วล่ะก็...เวลานั้น.. คำว่า “เหตุผล” ใดใด... ก็ไม่อาจมีความหมายอีกต่อไปแล้ว...ใช่.. ตอนนี้ เขายังต้องการเวลาที่ยังมีสติ...เพื่อที่จะรับฟังเรื่องราวความเป็นมาเป็นไปของเรื่องที่เกิดขึ้น...จากใครหลายๆคนอยู่..



“ตรงกันข้ามเลย.... นายมีความหมายแก่เทเลอร์....มากที่สุด” น้ำเสียงที่ตอบกลับ.. มันไม่ใช่น้ำเสียงของเอ็มม่า แต่กลับเป็นเสียงของกัปตันหนุ่มที่เดินเข้ามา..ด้วยสีหน้าที่แสดงถึงความสะเทือนใจ...เมื่อได้เห็นที่อยู่ของคนรักในเวลานี้... ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า..ทิมมี่ค่อยๆหันมามองกัปตันหนุ่ม..บัดนี้... เหตุผลใดใดไม่จำเป็นสำหรับหนุ่มหน้าขาวอีกต่อไปแล้ว... เมื่อในที่สุดน้ำตาแห่งความเศร้า... ก็ได้ไหลพรูลงมา... เมื่อสายตาของคนทั้งคู่เผชิญความรู้สึกกดดันมากมายต่อกัน...


 “และที่เทเลอร์ตกลงกับฉัน... และคุณเอ็มม่า.........ก็เพราะว่าเทเลอร์เอง.... รักพี่ชายของเธอมาก... รวมถึงน้องสาวของเธอด้วย....”


 “แล้วนี่น่ะหรือคือสิ่งที่คนที่เทเลอร์รักจะต้องประสบพบเจอ!! นี่น่ะหรือสิ่งที่ผมจะต้องได้รับหลังจากที่ผมกำลังจะเดินกลับบ้าน!! สิ่งนี้น่ะหรือที่เทเลอร์มอบให้สำหรับคนที่เธอบอกว่าเธอรักมากที่สุด!! ผมควรจะเสียใจกับเธอในเวลาแบบนี้!! โดยที่ไม่มีเวลาสักนาทีเพื่อที่จะได้ทำใจเลยน่ะหรือคุณลูคัส!! คุณไม่ใช่ผม!! ต่อให้คุณปลอบผมให้ผมเข้าใจยังไง!! ผมก็ไม่มีวันเข้าใจกับสิ่งที่พวกคุณทำหรอก!!! ผมไม่มีวันเข้าใจหรอก!!” ทิมมี่ร้องไห้โฮออกมา.. พลางหันหลังให้กัปตันหนุ่ม  และเงยหน้ามองโลงศพที่ตั้งนิ่งอยู่เบื้องหน้า...

 “ถ้าฉันเป็นคนที่สำคัญสำหรับเธอจริงๆ!! เธอจะไม่ทำกับฉันแบบนี้หรอกเทเลอร์!! เธอจะไม่ทำ!” ทิมมี่เอ่ยบอกน้องสาวที่นอนไร้วิญญาณอยู่เบื้องหน้า...ขณะที่บาทหลวงเริ่มตีระฆังบ่งบอกสัญญาณว่าเป็นเวลาสองทุ่มพอดี...เสียงระฆังดังกังวานไปทั่ว..ราวกับเป็นเสียงแห่งความเจ็บปวดของคนที่กำลังยืนรับไม่ได้อยู่ภายในโบสถ์หลังนี้

 “คุณเอ็มม่าครับ.. ผมขอคุยกับทิมมี่ก่อนได้มั้ยครับ”

 “ช..เชิญค่ะ” หญิงชราเดินออกไปทั้งน้ำตา... กัปตันหนุ่มเดินตรงมาใกล้แผ่นหลังของร่างที่บางกว่ามากยิ่งขึ้น... แต่ทว่า! ทิมมี่กลับหันหลังกลับมาทางเขาอย่างรวดเร็ว.... และ...



เพี๊ยะ!!!


ฝ่ามือเรียวบางตบเข้าไปที่ใบหน้าของกัปตันหนุ่มอย่างแรง...ร่างสูงใหญ่เบนใบหน้าไปตามแรงปะทะดังกล่าว... และยังคงนิ่งค้างอยู่ในท่านั้น... ดวงตามองลงต่ำ น้ำตาเริ่มเอ่อท่วมเบ้าจนความรู้สึกเข้มแข็งของชายชาตรีกำลังจะถูกถล่มลงด้วยการกระทำของคนตรงหน้า...


 “การที่เทเลอร์ได้เดินมาเจอคนอย่างคุณ....ผมคิดว่ามันเป็นเวรกรรม และจุดจบของเธอ ที่ทุเรศที่สุดเลยคุณรู้มั้ย!” น้ำเสียงแข็งกระด้างแต่เอ่ยออกมาด้วยเสียงอันเบาแต่กลับเยือกเย็นอยู่ในที

 “..... และการที่ผมได้มาพบกับคนอย่างคุณ.....ผมก็รู้สึกว่ามันเป็นเวรกรรมเช่นกัน....ผมไม่คิดว่าคุณจะทำให้ผมต้องเสียใจกับเรื่องแบบนี้ได้อีก.... คุณปิดบังเพื่อคนอื่น... มองข้ามความรู้สึกของผม... คุณไม่ยอมให้ผมได้สั่งเสียเธอ!! คุณไม่ได้เข้าใจและลึกซึ้งถึงความรู้สึกที่ผมมีต่อเทเลอร์เลยสักนิดเดียว!!! คุณลืมไปแล้วหรือคุณลูคัส!! การกลับมาอยู่ในปารีสของผม... ผมมีเจตนาอะไรต่อคุณ!! ผมกลับมาที่นี่ก็เพื่อปกป้องใครคุณก็รู้!! แต่ทำไมคุณถึงมองข้ามผม... คุณทำให้ผมเจ็บปวดอย่างนี้อยู่เรื่อยได้ยังไง!! คุณทำได้ยังไง!!” อีกหลายการตบตีจากฝ่ามือของทิมมี่... ที่ลงไปยังใบหน้าอันคมสันของชายหนุ่มหลายต่อหลายครั้งติดต่อกัน...หากแต่กัปตันหนุ่มก็มิได้ถอยหนีหรือต่อสู้ใดใด... เขากลับก้มหน้านิ่ง... เอียงหน้าให้ชายหนุ่มได้ระบายความรู้สึกออกมาจนหมดสิ้น... หากแต่คงจะยังไม่จบสิ้นสำหรับความเจ็บปวดดังกล่าวในเวลานี้เป็นแน่

 “..... ฉันพยายามแล้วทิมมี่.... ฉันพยายามจะทำให้ชีวิตของนายและน้องสาวนายดีขึ้น.... ฉันพยายามที่จะไม่ทำให้ใครเสียน้ำตาอีก..... และฉัน...... ก็พยายาม...... ที่จะทำให้นายมีความสุขด้วย...”

 “คุณสร้างภาพมากกว่า... คุณกลับมาเพราะคุณสงสารน้องของผม!! เพราะคุณรู้ว่าน้องสาวผมเป็นมะเร็งไงล่ะ!! ไอ้มะเร็งที่พี่ชายงี่เง่าอย่างผมยังไม่มีโอกาสได้รู้!! จนวันที่น้องตัวเองตายเนี่ย!! ใช่มั้ย!! คุณทำออกมาเพราะคุณสร้างภาพ!! คุณเคยทำให้ใครมีความสุขโดยที่มันออกมาจากใจคุณบ้างมั้ย!! คุณลูคัส!! เคยมั้ย!!”

 “เคย!!” เสียงแข็งกร้าวที่ตะคอกกลับ...พาให้ร่างที่บางกว่าหยุดอารมณ์ที่แสนเจ็บปวดในยามนี้ชะงักลงทันที...

 “ฉันเคย และก็ทำอยู่ในทุกวันนี้!! ฉันกำลังจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อใครคนนึง!! เปลี่ยนมันเพื่อที่จะทำให้เขาคนนั้นเชื่อมั่นว่าฉันเองก็เป็นคนมีหัวใจ!! ฉันกำลังพยายามทำใจเพื่อที่จะยอมรับตัวเองกับการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่อย่างที่ตัวเองไม่เคยคิดทำเพื่อใครมาก่อน!”

 “เฮอะ...ฮะฮะฮะฮะ! คุณพูดดูดีให้ตัวเองเสมอคุณลูคัส!! คำพูดของคุณมันเวอร์เกินไป! คุณไม่ได้ทำให้ใครรู้สึกดีกับการเปลี่ยนแปลงที่แม้แต่ผมก็ยังมองไม่เห็นมันเลย!! ผมไม่เห็นคุณจะเปลี่ยนอะไรสักนิด!!”

 “นายจะรู้ดีไปกว่าฉันได้ยังไง!!! ฉันพยายามมองคนๆหนึ่งให้เหมือนกับคนอื่นๆที่ฉันเคยรู้สึกดีด้วยมันยากเย็นขนาดไหนนายรู้มั้ย! .... คนๆนั้นที่ทำให้ฉันต้องคิดทบทวนว่า... ฉันกำลังเดินไปในทางที่ถูกอยู่หรือเปล่า! .... คนที่อยู่ในสถานะที่ฉันไม่สามารถรักได้!! แต่ฉันก็กำลังพยายามอยู่!! แต่คนงี่เง่าอย่างนายจะไปรู้อะไร!!” ทิมมี่มองหน้ากัปตันหนุ่ม... สีหน้าเย้ยหยันปรากฏขึ้นต่อสู้กับดวงหน้าคมสันที่เปื้อนน้ำตาของเขา

 “เสียใจด้วยนะคุณลูคัส.... คนๆนั้น......เขาไม่มีลมหายใจไว้รอดูคุณเปลี่ยนแปลงตัวเองอีกแล้ว... คนๆนั้นรอให้คุณทำใจรักเขาไม่ได้อีกแล้ว.... เพราะคนๆนั้นเขาตายแล้ว!! เขาตายไปแล้ว!!!” ทิมมี่ผละออกมาจากกัปตันหนุ่ม... หนุ่มหน้าขาววิ่งออกมาจากโบสถ์ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความสะเทือนใจในเวลานี้...ทิ้งให้กัปตันหนุ่มหันหลัง..และมองตามร่างบางที่วิ่งออกไปด้วยความรู้สึกเสียใจไม่แพ้กัน.. น้ำตาของลูกผู้ชายไหลรินลงมา..พร้อมกับคำพูดที่ดังคลุมเครืออยู่ในลำคอของเขาว่า...



 “พูดผิดแล้วทิมมี่.......... คนที่ทำให้ฉัน...พยายามเปลี่ยนตัวเอง.........ไม่ใช่คนที่ตายไปแล้ว....... หากแต่เป็น..........คนที่เพิ่งเดินหนีฉันไป..... คนๆนั้นต่างหากล่ะ....”





++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++

TBC.
                       





ลัลล้าสบายใจ อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกยังไงกันบ้างเอ่ย ^_^

ตอนบ่ายมีสอบ สาธุ!! สอบได้ๆๆ 55+

ไปละค้าาาา

sunshadow

  • บุคคลทั่วไป


ง่า เศร้าเชียว
งี้จะกลับมาดีกันยังไงเนี่ย



ออฟไลน์ «ƤȑǃǹĉΞḠ○ḺҒ™»

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 251
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
โอ้ย เครียดดดดดดด

ต่อไวๆนะคร้าบบบบบบบบ

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
เป็นกำลังใจให้ครับ

ออฟไลน์ murasakisama

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1489
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-4
ขอให้ทำข้อสอบได้แล้วก็มาลงตอนต่อไปเร็วๆนะคะกำลังลุ้นเลยเชียววววว  มาม่ากะลังอืดได้ที่เชียว :m15:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ jimmyFG

  • Ich Liebe dich.
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-4
    • @Facebook
เพิ่งเข้ามาอ่านสามชั่วโมงลวดจนตามทันขอบอกว่าสนุกมากๆเลย เป็นกำลังใจให้นะคับทิ้งไปสอบกับตอนเศร้าๆสะงั้นขอให้สอบดีๆนะครับ รอตอนต่อไปจร้ารีบมาต่อไวๆนะ :L2:

ออฟไลน์ silverphoenix

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +347/-3
เอาใจช่วยลูคัส...ให้เอาชนะใจทิมมี่ให้ได้เร็วๆน้าา

เป็นกำลังให้คนโพสด้วยจ้า  +1  ให้น้าา

littleFiNgeR

  • บุคคลทั่วไป

มาต่อก่อนไปสอบวันสุดท้ายยย ^^






FLIGHT 17 : รอยต่อของหัวใจ





-ผับมาดมัวแซล-


เทลิซ่าเดินสะพายกระเป๋าเข้ามาภายในผับด้วยสีหน้าบึ้งตึง.. สายตากวาดมองไปรอบๆสถานที่เริงรมย์ แต่กลับมีผู้คนบางตา อาจจะเป็นเพราะว่ายังไม่ดึกมากนัก.. หญิงสาวเลี่ยงคำถามจากบริกรพลางตอบสวนไปก่อนจะได้ยินคำถามว่า เธอนัดกับเพื่อนเอาไว้..


 “หาใครอยู่หรือเปล่า?” เสียงนิรนามพาให้หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย เสียงมันมาจากด้านหลังพลางเห็นบุคคลต้นเสียงนั่งเหยียดตัวอยู่ที่โต๊ะวีไอพีชุดใหญ่...หากแต่คนที่นั่งอยู่ก็ไม่ได้ทำให้หญิงสาวแปลกใจเท่าไหร่นัก เทลิซ่าเม้มปากอย่างเจ็บแสบ ที่เห็นสีหน้าของชายหนุ่มตอนนี้ เขาช่างดูสุนทรีย์กับการกระทำของตัวเองเหลือเกิน

 “กระเป๋าฉันอยู่ที่ไหน!”

 “.....ห...ห๊ะ?”

 “อย่ามากวนนะ! กระเป๋าฉันอยู่ไหน!!” เทลิซ่าแสดงสีหน้าเหลืออด ไปพร้อมๆกับน้ำเสียงที่เปล่งออกไป

 “ก็เสียงเพลงมันดัง...พูดดังๆหน่อยซี่....เออ...ทางที่ดีมานั่งก่อนจะดีกว่า” เทลิซ่าเดินตรงเข้าไป...หากแต่เธอไม่ได้เดินไปเพื่อที่จะนั่ง.. แต่หล่อนกลับหยิบแก้วมาการิต้าขึ้นมาในมือ...แล้วก็...



สาด...


 “เฮ้ย!~~!!” ชายหนุ่มสะดุ้งตัวลุกขึ้น เมื่อเสื้อผ้าราคาแพงถูกหญิงสาวที่ยืนเท้าสะเอวอยู่เบื้องหน้าสาดเข้าให้จนกลิ่นโซดาหึ่งเต็มตัว...สีหน้าของบาเรลล์ไม่วายปรากฏอารมณ์ขุ่นมากยิ่งขึ้น..

 “ทำบ้าอะไรของเธอเนี่ย!”

 “เอากระเป๋าของฉันมาเดี๋ยวนี่นะ!!” เทลิซ่าตะเบงเสียงใส่.. ขณะที่ดีเจผิวดำที่ยืนสแคลชแผ่นอยู่ด้านบนนั้นมองเห็นสถานการณ์พร้อมๆกับคนอื่นๆ เลยรีบคว้าเพลงที่แรงขึ้นมาขย่มอารมณ์ของคนทั้งคู่...

 “ม..มีอะไรกันหรือเปล่าครับ!” ดูเหมือนจะเป็นผู้จัดการผับ สวมชุดสูทสีดำหน้าอกมีเข็มกลัดป้ายชื่อสีทองดูดี แต่หน้าไม่ให้อาชีพนี้.. ยืนเหงื่อตกอยู่ข้างๆเทลิซ่า

 “อย่ามายุ่ง! แฟนจะคุยกัน! เก็บหน้าเอาไว้รับแขกเถอะไป!” แม้แต่ผู้จัดการก็ยิ้มแห้งและแอบโบกมือบ๊ายบายในใจให้แก่เทลิซ่า ... หญิงสาวทำท่าว่าจะหยิบจานป๊อบคอร์นที่วางอยู่บนโต๊ะเดียวกันขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอีก แต่คราวนี้ชายหนุ่มกลับไหวตัวทันแล้วคว้ามือของหล่อนไว้... ฝ่ามือของชายหนุ่มบีบข้อมือของเทลิซ่าแน่นจนหญิงสาวต้องเอามืออีกข้างของตัวเองทุบตอบโต้ฝ่ามือหนานั้นอย่างแรง

 “ปล่อย!! เจ็บนะ! ทำบ้าอะไรเนี่ย!”

 “ฉันบอกให้เธอนั่งกับฉัน! แค่นี้มันยากนักรึไง!!”

 “นี่!! ไอ้หัวแหลม!! ฉันไม่ได้จะมานั่งกินเหล้ากับนายนะ! ฉันมาเอากระเป๋าของฉันคืน!! ฉันเหนื่อยมามากพอแล้ว นายอย่ามาลดเวลาการพักผ่อนของฉันจะได้มั้ย!! ฮะ!! เอากระเป๋ามา!”

 “เพลียมากเหรอ...” น้ำเสียงของชายหนุ่มถามสวน..น้ำเสียงดูไม่ต่อเนื่องจากอารมณ์ก่อนหน้านี้สักเท่าไหร่

 “เพลียมากจะได้พาไปเปิดห้อง...ที่ไหนดีล่ะ...”

 “เปิดห้องกับแม่แกน่ะสิ!! ฉันจะเอากระเป๋า!”

 “เธอชอบโรงแรมไหน..” เทลิซ่าหันซ้ายหันขวามองเห็นคนมากมายที่เมื่อครู่ได้แอบมองมาทางเธอ แต่แล้วเมื่อเห็นสายตาของเธอสวนกลับพวกคนเหล่านั้นก็เลยหันขวับกลับไปทันทีเช่นกัน

 “อย่ามากวนประสาทฉัน!! เอากระเป๋า...!!” มีอะไรบางอย่าง.. ทำให้หญิงสาวชะงักไป...สายตาของเธอมองผ่านชายหนุ่มที่ยืนหน้านิ่งตรงหน้า...ทะลุไปยังด้านหลัง..ที่มีใครบางคนกำลังจะยืนนิ่งอยู่เบื้องหลังของบาเรลล์ในเวลานี้..

 “เฮ่ย.... จะเอากระเป๋าของผู้หญิงไปทำอะไรวะ?” ต้นเสียง... ทำให้บาเรลล์ขมวดคิ้วก่อนที่จะหันไปมองด้วยท่าทีช้าๆราวกับไม่สะทกสะท้านกับน้ำเสียงนั้นของใครบางคนเสียเท่าไหร่...และซึ่งเมื่อทั้งคู่ได้เผชิญหน้ากันแล้ว... บาเรลล์คลี่ยิ้มออกมาบางๆพร้อมกับสายตาขุ่นเคืองกับการที่เควินได้มาปรากฏตัวอยู่ ณ ที่แห่งนี้...


 “ฉันถามน่ะ.... แกจะเอากระเป๋าผู้หญิงไปทำไม?” สายตาของบาเรลล์ดูเหมือนจะสะกดให้คนรอบข้างรับรู้ถึงรังสีอำมหิตบางอย่าง... ผู้คนที่นั่งอยู่บนโต๊ะรอบๆต่างทำทีลุกขึ้นไปเต้นที่อื่น หากแต่ความจริงแล้ว...พวกเขากลัวว่าเมื่อไหร่พายุทอร์นาโดก่อตัวขึ้นตรงนี้ เขาจะได้ปลีกตัวออกมาก่อนที่จะถูกลูกหลงพายุให้หมุนติ้วตามไปด้วย..

“แล้วมันเรื่องอะไร....ไม่ทราบ?” บาเรลล์ถามด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก...ท่ามกลางเพลงสุดระทึกอารมณ์ที่ดีเจกำลังสแคลชส่งมาให้

 “เอ้า... ก็แค่สงสัยเฉยๆน่ะสิ... เอ... หรือว่าแก....จะแอบจิตวะ?”

 “อะไรนะ!?”

 “เอ้า! ก็แกเอากระเป๋าผู้หญิงใบแบบนั้น...แกจะต้องการอะไรจากในกระเป๋าล่ะ... นอกจากว่าจะมี... ยกทรง...กางเกงชั้นใน...แล้วก็.....หึหึหึ...ผ้าอนา..”



ผัวะ!!!!~!!!!



ยังไม่ทันที่เควินจะถามถึงข้อสงสัยจบสิ้น...ใบหน้าของเขาก็กระแทกด้วยหมัดเหล็กของหนุ่มหน้าเย็นคนนี้...ท่ามกลางเสียงวีดว้ายจากสตรีเพศโดยรอบ...เทลิซ่าเริ่มรู้สึกว่าทุกอย่างมันไปกันใหญ่แล้ว... พลัน.. สายตาของเธอเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะวีไอพีที่บาเรลล์นั่งอยู่ตรงนี้

 “อย่ามาปากดีกับฉัน!! แกก็รู้ดีนี่ว่าฉันเป็นใคร!! อยากจะอยู่ชั้นกราวน์ก็บอกดีๆก็ได้นะ...ฉันจะปลดแกให้ลงมาดักดานอยู่ที่ภาคพื้นดิน!! เผื่อแกจะได้สาระแนเรื่องของคนอื่นได้ง่ายขึ้น!!” นี่อาจจะเป็นคำพูดที่ยาวที่สุดของบาเรลล์...ในความรู้สึกของเทลิซ่า ...หญิงสาวหันไปมองเควินแล้วรีบวิ่งปรี่ไปทางเขา

 “เควิน! นายไม่ต้องเข้ามายุ่งเรื่องนี้หรอกนะ... ฉันไม่เป็นไร นายกลับไปเถอะ!” เควินหันกลับมามองเทลิซ่าที่ยืนเกาะแขนเขาอยู่ด้านหลัง...ด้วยแววตาขุ่นเคืองอย่างไม่เข้าใจ

 “อะไรของเธอ...”

 “ได้ยินแล้วใช่มั้ยไอ้งั่ง! ผู้หญิงเขาไล่ให้กลับบ้านน่ะ...หึ... ไปนอนดูดนมวัวต่อเถอะว่ะ”

 “โหยไอ้!!”




ผัวะ~~!!!



                       
ครั้งที่สอง..ก็ยังเป็นหมัดเหล็กของบาเรลล์ที่มาถึงก่อนเควินจะเข้าไปบุกบ้างอยู่ดี...


 “เควิน!! นายกลับไปเถอะนะ!! ฉันไม่เป็นไร!! นายอย่ามาเดือดร้อนเลย! กลับไปเถอะ!!” ชายหนุ่มหันกลับมามองที่หญิงสาวด้วยริมฝีปากเปื้อนลิ่มเลือดอีกครั้ง...สายตาของเขาพยายามคิดว่าสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ในเวลานี้...เป็นสิ่งที่หญิงสาวไม่ต้องการอย่างนั้นหรือ...

 “กลับไปเถอะ... ฉันมาที่นี่... กับเขา...” คำพูดนั้น...พาให้เควินเหลือกตาโตเล็กน้อยด้วยความไม่คาดคิด

 “เธอเนี่ยนะ!?” เควินถามทวนด้วยน้ำเสียงอ่อนลง..

 “อ...อืม... นายกลับไปได้แล้ว... กลับไปเถอะ....” ไม่มีใครเข้าใจและรับรู้ถึงความรู้สึกประหลาดของเควินในเวลานี้ได้...คำพูดและน้ำเสียงนั้นดูเหมือนจะไล่เขาจริงๆนั่นแหล่ะ...หากแต่ก่อนหน้านี้ เขาได้แอบมองเธอมาช่วงระยะหนึ่ง...จนเขาสามารถรับรู้ได้ว่าเธอไม่ได้มากับบาเรลล์ และก็กำลังจะมีปากเสียงกันด้วย... หากแต่ทำไมล่ะ?...ทำไมเทลิซ่าจะต้องพูดโกหกแบบนี้

 “ไปสิไอ้งั่ง! ยืนเบลอทำไมล่ะวะ!” บาเรลล์พูดเสียด ขณะที่เควินหันมองกลับไปกลับมาที่บาเรลล์และเทลิซ่า... ก่อนที่สุดท้าย เขาจะหันมามองที่เทลิซ่าด้วยสายตาเย็นชาอีกครั้งหนึ่ง..

 “แล้วแต่เธอแล้วกัน...” ชายหนุ่มเดินผละออกไป...พร้อมกับทิ้งอาการแน่นิ่งของคนหลายคนเอาไว้ ณ เวลานี้.. บาเรลล์ มองตรงมาที่เทลิซ่ารอยยิ้มของชายหนุ่มปรากฏบางๆ
 “ทำไม...เธอถึงพูดกับหมอนั่นอย่างนั้นล่ะ...” เทลิซ่าไม่ตอบ..แต่หลุบตาลงต่ำ...

 “...ไม่มีอะไร..... ก็แค่...”

 “ก็แค่อะไร...” บาเรลล์ยังรุกถามพลางค่อยๆก้าวเดินมาใกล้หญิงสาวมากยิ่งขึ้น.. ขณะที่เวลานี้ดีเจกำลังเปิดเพลงที่ช้าลงเรื่อยๆ เหล่าคนที่มาก็พากันลุกยืนโยกไปมาตามจังหวะเพลงช้าๆ... อารมณ์แต่ละคนเปลี่ยนแปลงไปอย่างฉับพลัน.. อาจจะเป็นเพราะเจ้าดีเจผิวดำที่สร้างบรรยากาศได้แปรปรวนชนิดที่ว่าหักอารมณ์แบบฟ้าผ่าจริงๆ

 “ก็แค่... ฉันมาตามนัด... ที่นายสัญญาเอาไว้กับฉัน... ว่านายจะพาฉันมาเที่ยวที่นี่...ก่อนหน้านี่ไง” คำพูดและสีหน้าที่เรียบนิ่งของหญิงสาว..ปรากฏรอยยิ้มที่กว้างขึ้นบนใบหน้าของบาเรลล์

 “...โม้น่ะ... เธอพูดอะไรออกมา...รู้ตัวรึเปล่า?”

 “....อืม... รู้สิ...แต่ว่า........” สายตาของหญิงสาวเงยมองชายหนุ่มที่มีสีหน้าที่ดีขึ้นอย่างที่เขาไม่รู้สึกตัว...เทลิซ่ายิ้มบางๆอย่างเขินๆ

 “....ฉันขอ...ไปเข้าห้องน้ำแป๊บนึงนะ...” เทลิซ่าเลี่ยงออกมาด้วยอาการเขิน...ขณะที่บาเรลล์มองตามหญิงสาวที่เดินขอตัวออกไป...สีหน้าของเขาเองก็เริ่มที่จะแสดงความดีใจขึ้นมามากขึ้น.. จนพาให้เหล่าบริกรและผู้จัดการที่ยืนเหงื่อตกอยู่บริเวณรอบๆนี้ต่างพากันยิ้มตามด้วยอารมณ์และความรู้สึกโล่งใจเป็นปลิดทิ้ง..



++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++



ฝีเท้าของเทลิซ่า... ก้าวออกมาจากหลังร้านด้วยท่าทีที่เรียบนิ่ง...ร่างบางเดินตรงไปที่รถคันหรูสปอร์ตสีดำ หลังจากที่พยายามใช้สายตากวาดมองรถที่จอดอยู่ในลานจอดรถแห่งนี้ว่า...มีรถคันไหนบ้างที่มีปฏิกิริยาตอบสนองหลังจากที่เธอกดปุ่มรีโมทเปิดประตูแบบแสงเลเซอร์ออกไปแล้ว..และในที่สุด..หล่อนก็เจอ..หญิงสาวเดินไปเปิดประตูรถคันนั้น... รถที่เธอแอบหยิบกุญแจมันหลังจากที่ชายหนุ่มบางคนวางเอาไว้บนโต๊ะด้วยความที่พลาดเกินไป...และเมื่อประตูทางคนขับถูกเปิดออกมาได้.. หญิงสาวก็ก้มตัวลงยกไกที่เปิดประตูหลังออกมา...ทันทีที่ประตูหลังเด้งขึ้น.. หญิงสาวก็เดินมายืนนิ่ง... มองทางช่องใส่ของขนาดใหญ่ของรถ..และที่เธอคาดเดาเอาไว้ก็ไม่ผิด... กระเป๋าของหญิงสาว.. นอนแอ้งแม้งอยู่ตรงหน้าของหล่อนนี้เอง


เทลิซ่า...ปิดล็อคประตูทุกด้านเพื่อเข้าสู่สภาพเดิมอีกครั้ง.. แต่หญิงสาวก็ไม่ลืมที่จะหยิบกระเป๋าลากของตัวเองออกมาด้วย...แต่ทว่า... ภารกิจที่เธอมาที่นี่ สำเร็จลุล่วงไปแล้ว...แต่ความเจ็บใจบางอย่าง.... มันกลับยังไม่ยุติ...


                           

 พลัน!



สายตาของเธอ มองไปทางตู้นิรภัยสีแดงที่ติดตั้งอยู่ที่ผนังตรงหน้า... มันคือตู้ที่เก็บขวานฉุกเฉินเอาไว้...เธอมองมันแล้วยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกสะใจบางอย่าง.. กับความคิดของตัวเอง



“รถสวยดีนะไอ้หัวตั้ง... รวยมากนัก... ก็เตรียมตัวถอยรถใหม่เลยแล้วกัน!”





++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++




รถแท็กซี่ขับมาจอดหน้าคฤหาสน์ดรอว์เยอร์ในเวลาเกือบสี่ทุ่ม เทลิซ่าก้าวเข้ามาภายในบ้าน.. สายตาเธอกวาดมองสภาพแวดล้อมตรงหน้าแล้วอดคิดไม่ได้ว่า...ทำไมบ้านเธอถึงเงียบสงัดถึงเพียงนี้...หญิงสาวเดินลากกระเป๋าเข้ามาด้วยท่าทีเหน็ดเหนื่อยและเมื่อยล้ายิ่งนัก..เธอเลือกที่จะปิดโทรศัพท์มือถือเพื่อป้องกันการราวีจากบาเรลล์...หญิงสาวเดินเข้ามาวางกระเป๋าทุกอย่างไว้ที่ส่วนรับแขกบริเวณส่วนหน้าของตึก....พลางยกข้อศอกขึ้นมาเป่าด้วยความรู้สึกเจ็บเล็กน้อย หลังจากที่หล่อนไปทำอะไรบางอย่างมาจนกระจกแก้วเกิดบาดเข้าไปที่ศอกหากเพราะหล่อนไม่ทันระวัง




กริ๊งงงงง~!!!


เสียงโทรศัพท์บ้านพาให้หญิงสาวสะดุ้ง... หล่อนนึกขึ้นได้ว่าตัวเองยังไม่ได้เปิดไฟสักดวง... และหลังจากที่เดินไปเปิดไฟระย้าในส่วนรับแขกแล้ว..หญิงสาวก็ปรี่ตรงไปรับสายด้วยความรีบร้อน



 “ฮัลโหล....” น้ำเสียงสั่นเล็กน้อย เมื่อหล่อนหวั่นเล็กๆว่าปลายสายจะเป็นเจ้ากรรมนายเวรที่ผับมาดมัวแซล... หากแต่ไม่ใช่..

“เทลิซ่า.....” น้ำเสียงที่สั่นกว่าของคนต้นสาย..พาให้เทลิซ่าขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัย

 “ทิมมี่เหรอ....ทิมมี่หรือเปล่า?”

 “...อ...อืม” เสียงตอบรับปนกับความสะอึกสะอื้นพาให้หญิงสาวจับอารมณ์นั้นถูกแต่กลับไม่เข้าใจ

 “เป็นอะไรน่ะ?.... แล้วนี่หายไปไหนกันหมด...เออใช่! ...นี่ๆ เดี๋ยวนายโทร.เข้ามือถือได้มั้ย... เดี๋ยวฉันจะเปิด แล้วจะขึ้นไปดูเทเลอร์หน่อย...ตายแล้ว! ลืมซะสนิทเลยนะเนี่ย!”

 “.........ไม่ต้องหรอก...” เสียงของทิมมี่ ตอบกลับมาทันที จนทำให้หญิงสาวชะงัก

 “..ว่าไงนะ?..”

 “มาที่โบสถ์แล้วกัน.... ส่วนฉันกำลังจะกลับแล้ว...เพิ่งออกมา....”

 “เพิ่งออกมา?.... นายไปทำอะไรที่นั่น?.... แล้วคุณเอ็มม่าด้วย?... เธอไปไหน?”

 “เธอรออยู่ที่นี่... แค่นี้นะ” ทิมมี่ตัดสายไปทันทีและยังคงนั่งลงยองๆบนริมทางเท้าบนถนนสายเล็กๆที่ตัดผ่านโบสถ์...พลางร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด... ร่างสูงใหญ่ เดินออกมาจากโบสถ์พร้อมสายตาที่สั่นคลอเช่นกัน...เขาเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างๆทิมมี่ แล้วยื่นฝ่ามือหนาให้หนุ่มหน้าขาวเบื้องหน้า...

 “กลับนะ... ฉันไปส่ง...” ทิมมี่เอามือปาดน้ำตา แล้วก้มหน้าวางลงบนฝ่ามือตัวเองครู่หนึ่งก่อนที่จะสูดลมหายใจลึกแล้วลุกพรวดขึ้นโดยไม่สนใจฝ่ามือที่ยื่นมาให้ตัวเอง...จากคนที่ยืนอยู่ข้างๆในเวลานี้

 “ไม่เป็นไร... ผมจะกลับแท็กซี่...”

 “...... นายโกรธฉัน.....” กัปตันลูคัสพูดด้วยน้ำเสียงสั่น.. แต่ใบหน้าเขายังคงเข้มแข็งมากกว่าทิมมี่หลายเท่านัก...

 “...แล้วคุณจะมาสนใจอะไร....หมดหน้าที่ของคุณแล้วคุณลูคัส.... เทเลอร์ตายไปแล้ว......... ผม..... คงจะไม่มีอะไรที่จะต้องเกี่ยวข้องกับคุณอีก......”

 “....พูดอะไรของนาย.... หน้าที่อะไร..... ฉันไม่ได้รู้สึกว่าการเข้ามาในชีวิตของเทเลอร์ เป็นหน้าที่ที่ฉันจะต้องทำหรอกนะ..... แต่ว่าฉัน..”

 “กลับไปเถอะคุณลูคัส... วันนี้ผมรู้สึกแย่จริงๆ....ผมรับรู้อะไรที่มันหนักหัวพอแล้ว... ผมอยากพักผ่อน... อ้อ.... แล้วก็....” ทิมมี่หันมาทางชายหนุ่มที่ยืนทำหน้าไม่เข้าใจอยู่ข้างๆ แล้วสบตาเขาเพียงเล็กน้อย ก่อนที่จะกล่าวขึ้น

 “...ผมฝากลางานกับคุณโรสรอยด์และคุณซินดี้ด้วยนะครับ....ผมขอลาสักสามสี่วัน... ผมขอเวลา...สำหรับตัวเอง...สักระยะหนึ่ง...” ชายหนุ่มยังคงจ้องหน้าหนุ่มหน้าขาวอย่างไม่วางตา.. เขาเดินเข้ามาประชิดกับร่างที่บางกว่าพร้อมกับก้มหน้าลงต่ำเพื่อให้คนตรงหน้าได้เห็นสีหน้าและแววตา ที่เขาพยายามแสดงออกมาว่าเขารู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมากมายเพียงไร... และไม่แพ้กันกับร่างบางนักหรอก

 “....หวังว่า..... นายจะกลับมา...แล้วยิ้มให้ฉันอีกครั้ง.... ใช่มั้ย...” ทิมมี่ได้ยินดังนั้น...สายตาของเขาเหลือบไปเห็นแท็กซี่คันหนึ่งกำลังวิ่งผ่านมา... หนุ่มหน้าขาวผละตัวออกห่างจากกัปตันลูคัสก่อนที่จะโบกมือเรียกแท็กซี่ให้จอด...หนุ่มหน้าขาวเดินไปเปิดประตูรถ... และก่อนที่เขาจะก้าวเข้าไปนั้น...

 “....ผมไม่รับปาก.... ว่าเวลานั้น....ผมจะพอมีรอยยิ้มและความรู้สึกดีๆให้กับคุณอยู่อีกมั้ย...... แต่สิ่งที่ผมรับรู้ได้เวลานี้ก็คือ...........ผม.... เสียใจ.......เสียใจกับการกระทำของคุณ... และเทเลอร์เองก็เช่นกัน..” รถแท็กซี่แล่นออกไปในไม่ช้า...ทิ้งเหลือไว้เพียงชายหนุ่มร่างสูงที่ยังยืนมองตามไปอยู่ตรงนี้..และซึ่งความรู้สึกใหม่ที่กัปตันหนุ่มเริ่มแน่ใจในตัวเองแล้วว่า... สิ่งที่ตนเองพยายามค้นหามาตลอดชีวิต ผ่านชีวิตใครหลายคนมามากมาย... ในเวลานี้...เหตุการณ์บางส่วนทำให้เขามั่นใจเหลือเกินว่า... เขาได้พบแล้ว...พบกับใครบางคน... ที่เขารู้สึกได้ว่าการที่ได้เห็นใครคนนั้น “ร้องไห้และเจ็บปวด” มันทำให้เขาอยากจะปกป้องคนๆนั้นเอาไว้เหลือเกิน

++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++

TBC.




ตอนนี้ก็ยังมาม่าอยู่เล็กน้อย 555+

ขอบคุณสำหรับคำอวยพรให้สอบได้นะคะ ยังดีที่ผลออกมาไม่ใช่ได้สอบอะนะ อิอิ

วันนี้เหลืออีก 1 วิชาสุดท้าย ถ้าตอนเย็นๆเพื่อนไม่ลากไปไหนจะมาต่อให้อีก 1 ตอน (ถ้ากำลังใจดีให้ 2 ตอน เลยเอ้า 55+)


พบกันใหม่ในตอนที่มีชื่อว่า 'เกมเทวดา' นะคะ (ชื่อนี้จะอยู่กับเราไปอีก 5 ตอนเลยทีเดียว^^)

รักทุกคนค่า ^_^

ออฟไลน์ silverphoenix

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +347/-3
แอบเชียร์คู่เทเลซ่าบาร์เรลนิดๆนะเนี่ยยย  อิอิ


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
เป็นกำลังใจให้ครับ

ออฟไลน์ murasakisama

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1489
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-4
ตอนนี้อิ่มมาม่าแล้วค่ะ ขอของหวานมั่งนะคะ :m15:

sunshadow

  • บุคคลทั่วไป


เทลิซ่านี่ก็แสบใช่เล่นนะเนี่ย
ดูเหมือนทิมมี่จะโกรธมากเลยนะเนี่ย จะไปรอดไหมคู่นี้
เห็นทิมมี่เศร้างี้แล้ว. . . แอบเศร้าตาม T T


ออฟไลน์ jimmyFG

  • Ich Liebe dich.
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-4
    • @Facebook

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

nona159

  • บุคคลทั่วไป
ทิมกับลูคัสเหมือนเส้นขนานที่เข้ามาบรรจบกันไม่ได้เลยนะอ่านแล้วรู้สึกบีบอ่ะ

เทริซ่าก็มีคนเข้ามาทีเดียวสองคนไม่รู้ว่าใครกันจะได้ใจเธอไปครอง

littleFiNgeR

  • บุคคลทั่วไป
FLIGHT 18 : เกมเทวดา





การกลับมาภายในคฤหาสน์ซึ่งเป็นที่อยู่ของหนุ่มหน้าขาวอีกครั้ง... หากแต่การกลับมาครั้งนี้มันแตกต่างจากเดิมมากเหลือเกิน... หากเพราะคฤหาสน์หลังนี้..ต้องเสียผู้อาศัยที่แสนน่าสงสารคนหนึ่งไป..โดยที่ไม่มีใคร..ตั้งรับและทำใจได้ในเวลาที่สั้นและรวดเร็วเหลือเกินอย่างนี้เลย ค่ำคืนที่แสนทรมานนั้นมันไม่ยอมผ่านพ้นไปง่ายๆ.. ขึ้นอยู่กับจิตใจคนที่ยังเหลืออยู่เท่านั้นที่จะพร้อมหรือไม่กับการเผชิญหน้าบนโลกที่ไม่ยุติธรรมเหล่านี้ต่อไป..หากแต่ถ้าจะถามทิมมี่ในเวลานี้..อาจจะยังไม่มีคำตอบดีๆจากเขาคนนี้เป็นแน่




ก๊อก ก๊อก...




เสียงประตูห้องถูกเคาะดังเพียงสองครั้ง..หนุ่มหน้าขาวก็สะดุ้งตื่น.. บนเตียงหนานุ่มในชุดเสื้อผ้าตัวเดิมของเมื่อวาน และสภาพร่างกายและสีหน้าที่ดูโทรมลงไปเพียงข้ามคืน ใช่..เขาดูอิดโรยเหลือเกิน... ชายหนุ่มหน้าหยกค่อยๆลุกตัวไปเปิดประตูเมื่อแสงแดดในห้องนี้แยงตาและปลุกให้เขาตื่นเข้าสู่โลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง...



 “.... เทลิซ่า....” หญิงสาวที่ยืนอยู่หน้าห้องในเวลานี้...สีหน้าและทุกสิ่งทุกอย่างของเธอ ก็ไม่ได้ดูดีไปกว่าผู้เป็นพี่สักเท่าไหร่กันเลย...



 “....ฉันนึกว่านายหายไปไหนทั้งคืน...ที่แท้... ก็มานอนห้องเทเลอร์...นั่นเอง...” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงสั่นคลอและขาดช่วง
เมื่อสายตาของเธอกวาดมองเข้ามาภายในห้องที่ก่อนหน้าไม่กี่วันนี้.. เธอยังเห็นผู้ที่เป็นเจ้าของห้อง.. นอนอยู่ในห้องนี้ และยิ้มให้เธออยู่ไม่นานนี้เอง...



 “....แล้วเธอล่ะ.... หายไปไหนมาทั้งคืน?...” ผู้เป็นพี่ถามด้วยน้ำเสียงอิดโรย..



 “...ไม่ได้ไปไหนหรอก.....ฉันแค่... กลับมานอน...ที่มุมรับแขกน่ะ......หึ..... แม้แต่จะเดินขึ้นบันไดมานอนบนห้อง... ฉันยังแทบไม่มีแรงเลย.....คิดดูสิ” เทลิซ่าตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่สายตาเหม่อลอยไปในห้อง... ขณะที่ผู้เป็นพี่เดินสวนออกมา
พลางเงยหน้ากลั้นน้ำใสใสเอาไว้..ไม่ยอมให้มันไหลออกมารับอรุณที่จะทำให้เขาหม่นหมองตลอดทั้งวันแบบนี้แน่



 “....กี่โมงนะ ที่เราจะไปสุสานน่ะ... เมื่อคืนฉันก็ลืมถามบาทหลวงกับคุณเอ็มม่าเลย” ทิมมี่ถามขึ้น



 “........เห็นคุณเอ็มม่าบอกเมื่อคืน....ว่าวันนี้ตอนเก้าโมงเช้า.... นี่ก็จะแปดโมงแล้ว...ฉันว่านายรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ”



 “อ่าวแล้ว...แล้วเธอเปลี่ยนเรียบร้อยแล้วหรือเนี่ย...เร็วดีนะ...” เทลิซ่ายิ้มบางๆก่อนตอบ



 “หึ... ฉันหลับไปแค่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ...พอตื่นขึ้นมาอีกครั้ง... ฉันก็นอนไม่หลับอีกเลย.....” ทิมมี่พยักหน้ารับรู้ราวกับเข้าใจความรู้สึกนั้น



 “...อืม... งั้นเดี๋ยวเสร็จฝังเทเลอร์แล้ว...เราคงได้พักกันสักระยะล่ะ... เรื่องลาไม่ต้องห่วงนะเดี๋ยวฉันจะโทรติดต่อคุณซินดี้ให้อีกที...”



 “คงไม่เป็นไรแน่นะ...ฉันเพิ่งทำงานได้รอบเดียวเองซะด้วย..”



 “ไม่เป็นไรหรอก..คุณซินดี้คงจะเข้าใจ...”




++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++





 “ขอพระเจ้าโปรดจงเมตตา นำพาหญิงสาว ผู้มีนาม เทเลอร์ ดรอว์เยอร์... สู่สรวงสวรรค์ พ้นทุกข์จากทุกสิ่งและขอพรพระองค์ทรงอวยพระพรให้แก่ครอบครัวดรอเยอร์  ขอพระหัตถ์จากพระองค์จงอยู่กับข้าพระองค์และขอพระองค์ทรงรักษาครอบครัวดรอว์เยอร์ และลูกๆทั้งหลายให้พ้นจากเหตุร้าย เพื่อไม่ให้พวกเขาเหล่านั้น ได้เจ็บปวดกาย เจ็บปวดหัวใจ..และลูกทุกคน จะนำพระพรไปสู่คนรอบข้างและอยู่ภายใต้การทรงสถิตและพิทักษ์รักษาพระองค์ตลอดไป"

           

 (ที่มา : Catholicthailand .คอม)




สิ้นสุดคำกล่าวของบาทหลวง..หลุมฝังศพก็ถูกกลบด้วยผืนดินเสร็จสิ้นพอดี.. ท่ามกลางความเศร้าโศกของสองพี่น้องที่ต้องร้องไห้ออกมาอีกครั้งอย่างอดกลั้นเสียไม่ได้ ในขณะที่อีกมุมหนึ่ง... กัปตันหนุ่มลูคัสที่ยืนอยู่หลังสุดของกลุ่มคนที่มาไว้อาลัย... เขาเองก็เป็นคนที่ต้องเสียน้ำตาให้กับคนตรงหน้าเช่นกัน..


             



 “....ทานอะไรบ้างหรือยัง?” น้ำเสียงอ่อนทุ้มทักขึ้นจนทำให้หนุ่มหน้าขาวสะดุ้งตัวเล็กน้อย..ในขณะที่เขาเองกำลังยืนเหม่อมองสนามหญ้าผืนกว้างภายในสวนสาธารณะใกล้ๆกับสุสาน ไม่ใกล้ไม่ไกลกันนักในก่อนหน้านี้



 “...ยัง...” น้ำเสียงอ่อนกว่าตอบสั้นๆ พลางหันไปมองกัปตันหนุ่มที่เดินเข้ามาทักด้วยสีหน้าที่ไม่ต่างกันกับเขาเท่าไหร่นัก



 “ไปหาอะไรกินกันมั้ย... ท่าทาง... นายจะไม่ไหวอยู่แล้ว” กัปตันหนุ่มถามคนที่ยืนหันหลังให้ ทิมมี่.. สูดหายใจเข้าปอดลึก
ก่อนที่จะหันมาทางร่างสูงใหญ่ที่ยืนตัวตรงอยู่ด้านหลัง.. บุคลิกที่ไม่ตกแม้จะอยู่ในสภาพที่เสียใจไม่แพ้กันกับหนุ่มหน้าขาวตรงหน้า



 “...คุณคิดว่าเวลาแบบนี้... ผมจะมีอารมณ์นึกอยากทานอะไร... เหมือนคุณหรือไงครับ?”



 “ทิมมี่! นายเลิกพูดแบบนี้กับฉันได้มั้ย!” เสียงตอบโต้ทันควันของกัปตันหนุ่มราวกับกรอบความอดทนบางอย่างของเขาแตกออกมาเป็นเสี่ยงๆ



 “ผมควรจะพูดยังไงกับคุณล่ะครับ.... ในเมื่อคุณ.... เป็นคนที่ชอบปิดบังอะไรคนอื่นมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว.....หึ... คิดกลับไปกลับมาอีกครั้ง..... ผมก็อดเจ็บใจไปไม่ได้.....ผมไม่น่าปล่อยให้น้องสาวของตัวเองเดินมาในเส้นทางนี้ที่มีคุณเลย!! ต่อให้คุณจะพยายามทำตัวให้ดีขึ้นอย่างที่ปากคุณว่า... หรือแม้กระทั่งใจคุณจะพยายามทำตามอย่างที่คิดก็ตาม... แต่คุณรู้มั้ย!! คุณแก้ไขวันพรุ่งนี้ได้ ทั้งๆที่เมื่อวานคุณยังไม่ได้สะสางอะไรเลย!!”



 “นายกำลังพูดเรื่องอะไรของนาย.. ฉันงงไปหมดแล้ว!”



 “ก็เรื่องคนรักของคุณไง...ผมเห็นสายตาของเธอวันนั้น.... วันที่เธอขับรถตรงเข้ามาทางผมกับคุณ!! ผมเห็นสายตาของเธอแล้วน่าแปลกดีที่ผมสามารถเห็นภาพเทเลอร์ถูกตามรังควานในอดีตได้เป็นช็อตๆ! ทั้งๆที่เวลานั้นผมไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วยซ้ำไป!! แต่ผมรับรู้ได้ดี...หล่อนทำทุกอย่างเพื่อคุณได้จริงๆ!! แล้วสิ่งที่หล่อนทำทุกอย่าง... ต้นเหตุมันก็คือคุ...!!!” ยังไม่ทันที่หนุ่มหน้าขาวจะพูดได้ครบประโยคนั้น...ริมฝีปากเรียวบาง กลับถูกหักห้ามคำพูดร้ายกาจนั้น.. ด้วยริมฝีปากของคนตรงข้ามอย่างที่หนุ่มหน้าขาวไม่ทันตั้งตัว!


                       
สัมผัสแห่งความร้อนแรงภายใต้อารมณ์ของคนทั้งคู่ที่ยังไม่ดับสิ้น...ทิมมี่แม้มือไม้จะพยายามบ่ายเบี่ยงเท่าไหร่ แต่ก็ไม่อาจแข็งขืนหรือต่อต้านร่างสูงที่กอดรัดร่างที่บางกว่าเอาไว้จนแน่น...พร้อมกับใบหน้าทั้งสองที่เสียดสีกันอย่างแนบชิด..
จนทิมมี่แทบจะหายใจไม่ออก...มีเพียงอากาศจากลมหายใจของกัปตันหนุ่มผู้นี้เท่านั้นที่ถ่ายทอดไออุ่นมาให้จนหนุ่มหน้าขาวแทบตัวอ่อนทรุดลงไป... หากฝ่ามือและอ้อมแขนอันแข็งแกร่ง ไม่เหนี่ยวรั้งเอาไว้เช่นนี้...



 “...ป..ปล่อย.....ปล่อยสิ....” เสียงที่อ่อนแรงลงเพราะสัมผัสอุ่นก่อนหน้านี้ส่งเสียงดื้อดึงให้ร่างสูงออกห่างจากตัวของเขา.. หากแต่อ้อมกอดนี้กลับแน่นขึ้นกว่าเดิม พร้อมกับสีหน้าของกัปตันหนุ่มที่เริ่มปรากฏรอยยิ้มบางๆออกมา พาให้หนุ่มหน้าขาวตรงหน้าอดหวั่นใจกับดวงหน้าของคนตรงข้ามนี้ไม่ได้..




 “ไปกับฉันนะ... แล้วฉันจะปล่อย...”




 “ป...ไปไหน!?...” น้ำเสียงอ่อนแรงถามกลับทันควัน



 “ก็ไปทาน.............ท..ทิมมี่........ทิมมี่!!” ทิมมี่.. ทนฝืนร่างกายของตนเองต่อไปไม่ได้อีกแล้ว... หนุ่มหน้าขาวหมดสติลงบนอกแกร่งของกัปตันหนุ่มในที่สุด...ร่างสูงอุ้มทิมมี่ออกมาจากสวนสาธารณะแห่งนี้และตรงไปที่รถของเขาทันที...




 “ทนก่อนนะทิมมี่! ทนก่อน!” กัปตันหนุ่มพาร่างบางนั่งรถเฟอร์รารี่คันหรูของตัวเองออกมาจากที่นั่นในเวลาต่อมา.. ท่ามกลางสายตาของใครบางคนที่กำลังแอบยืนซุ่มอยู่บริเวณพุ่มไม้ไม่ไกลจากจุดเดิมที่ทั้งคู่ยืนก่อนหน้านี้... “เธอ” คือคนที่ทำให้เรื่องทุกอย่าง.. เดินทางเข้าสู่วังวนแห่งไฟเข้าไปทุกที



 “..ไม่จริง..... คุณลูคัส...... ไม่จริง! นั่นมัน....”




++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++




     เทลิซ่า.. เดินออกมาจากสุสานเป็นคนสุดท้าย.. หากแต่หล่อนต้องหยุดฝีเท้าชะงักไปทันทีเมื่อเห็นใครบางคน ยืนพิงอยู่ที่ประตูใหญ่ทางเข้าของสุสานแห่งนี้..สีหน้าของเขาดูไม่สบอารมณ์ แต่ก็เริ่มคลายลงอย่างรวดเร็วเมื่อเขาคนนั้นสังเกตเห็นสีหน้าที่ไม่สู้ดีเท่าไหร่ของเทลิซ่าในเวลานี้...อารมณ์คุกรุ่น.. บนสีหน้าเมื่อครู่ของชายหนุ่ม กลับหายไปกับตา.. หญิงสาวถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า เธอรู้ดีว่าเธอกำลังจะเจอกับอะไร..



 “...... มาทำไม..........” เทลิซ่าถามด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า หากแต่ชายหนุ่มไม่ได้รู้สึกหัวเสียเหมือนก่อนหน้านี้ที่เขาคิดตั้งใจให้เป็นอย่างนั้น



 “....เธอเป็นอะไร...” หนุ่มหน้ากวน ถามออกมาขัดกับบุคลิกของเขา ราวกับคนละคน



 “......ฉันจะไปเป็นอะไร....”



 “ก็หน้าเธอบอกอยู่...จะถามย้อนทำไม?”



 “ขอร้องนะ.... ฉัน... ฉันยังไม่ได้นอนเลยตั้งแต่เมื่อคืน...ฉันง่วงมาก...เหนื่อยด้วย”



 “....หึ... ทำไมเธอชอบอ้างว่าเธอเหนื่อยจัง?”



 “ก็ฉันเหนื่อยจริงๆนี่!!!” น้ำเสียงตะคอกลั่นของเทลิซ่า พาให้ชายหนุ่มสะอึกไป...



 “.... เป็นอะไรรึเปล่า?...” สีหน้าที่ไม่สะทกสะท้านกลับถามออกมาอย่างไม่เข้าใจในที่สุด... หญิงสาวก็ไม่อาจอดกลั้นน้ำตาของตัวเองได้อีกครั้ง...เธอยกมือทั้งสองข้างขึ้นปิดบังใบหน้าของตัวเอง..พลางร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด ราวกับบาเรลล์จะเริ่มฉลาดขึ้นบ้าง เมื่อสายตาของเขามองชุดเสื้อผ้าที่เธอสวมใส่ สีดำทั้งตัว และยังสวมถุงมือหนาสีดำพร้อมกับหมวกใบใหญ่บนศีรษะในเวลานี้อีกด้วย



 “....ใครเป็นอะไรรึ....” เทลิซ่ายังไม่มีคำตอบให้เขา แต่หล่อนยังคงยืนร้องไห้อย่างเจ็บปวดมากยิ่งขึ้น



 “ฉันไปส่งนะ...” ไม่มีปฏิกิริยาใดใดตอบรับ...บาเรลล์เดินมาตรงหน้าหญิงสาว.. และฝ่ามือที่ไม่เคยทำให้ใครรู้สึกดี กลับเอื้อมขึ้นมาประคองร่างบางเอาไว้ในอ้อมแขน... เทลิซ่า..ได้แต่เดินตามแรงผลักเบาๆของชายหนุ่มออกไปจากตรงนี้.. หากเพราะเธอยังคงไม่มีสติที่จะคิดเกลียดคิดชังกับใคร... ในช่วงเวลา ณ ขณะนี้ที่เธอเป็นอยู่.. สิ่งที่เดียวที่เธอรู้สึกได้ก็คือ... เธอกำลังเสียใจ... และก็อยากให้ใครสักคน.. อยู่เป็นเพื่อนเธอ... ในเวลานี้เป็นที่สุด



++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++





      รถหรูสีแดงเพลิงขับเคลื่อนออกมาจากสวนสาธารณะ...เข้าสู่ถนนเล็กๆหน้าสวน.. หญิงสาวในชุดเครื่องแบบยังคงครุ่นคิดถึงภาพเหตุการณ์ที่หล่อนเองนั้นไม่เข้าใจว่า.. เรื่องราวทั้งหมดในภาพนั้นมันเกิดขึ้นได้ยังไง! กัปตันหนุ่มผู้เพียบพร้อม และดูดีตั้งศีรษะจรดปลายเท้า...กับหนุ่มหน้าขาวที่ไม่เคยมีทีท่าว่าเขาคนนั้นจะได้ยืนในอยู่สภาพนั้นกับคนอย่างกัปตันลูคัสได้... ความสับสนพาให้อารมณ์คุกรุ่น...แต่กลับในช่วงเวลาที่หล่อนเหยียบเต็มเหนี่ยวนั้น... หล่อนก็ต้องชะงัก! เมื่อมีรถของใครบางคน กำลังเลี้ยวเข้ามาเส้นทางเดียวกันกับเธอ! และรถคันนั้นก็เหมือนจะตีวงกว้าง เกือบเสยหน้ารถของเธอเข้า! หากแต่ถึงจะเกือบเฉียดให้ตื่นตกใจ... รถทั้งสองคันก็จอดลงกะทันหันเหมือนกันทั้งคู่.. ราวกับว่าทั้งสอง จะลงมาตรวจดูความเรียบร้อยว่า เมื่อกี้นี้...ไม่มีอะไรเฉี่ยวชนกันจริงๆใช่หรือไม่..




      วีว่า เลอคอติส ก้าวลงจากรถสีแดงเพลิงของตัวเอง...สายตาของหล่อนมองเหยียดไปทางรถสีดำตกรุ่นที่จอดอยู่ไม่ห่างกันเท่าไหร่นักกับบริเวณที่รถของเธอจอด.... แต่สิ่งที่ทำให้วีว่า ต้องเหลือกตามองด้วยความไม่คาดคิดอีกครั้ง... เมื่อคนขับรถคันนั้นเอง.. ก้าวลงออกมา... ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า..





“...น..นั่นมัน!?” ดูเหมือนชายหนุ่มผู้ที่ก้าวลงมาจะทำหน้าตกใจเล็กน้อยเหมือนกัน ที่เห็นวีว่ามาปรากฏตัวอยู่ที่นี่



 “...ค..คุณวีว่า....ส..ส..สวัสดี..ครับ”



 “...นายเป็น...”



 “....ผม.. โรเจอร์ ซินแคลร์ครับ..” วีว่าถอนใจเมื่อนึกขึ้นได้พลางกลับเข้าสู่สีหน้าในโหมดเหยียดหยันเช่นเคย



 “เฮ้อ... นึกว่าใคร... คุณซินแคลร์นั่นเอง.... หึ...แปลกดีนะ... วันนี้พวกแอร์ฯกับสจ๊วตดานอสซี่.. ว่างกันนักหรือไง....ถึงได้เห็นพวกลูกเรือชั้นประหยัดแห่กันมาในงานไว้อาลัยแอร์โฮสเตสกระจอกๆกันเต็มไปหมด...ฮึ... ฉันว่าน่าจะปิดศูนย์ลูกเรือ หรือไม่ก็หยุดบินไปเลยสักวันนะ...แล้วก็กวาดพนักงานทุกคนมาร่วมงานให้กับลูกเรือกระจอกๆนั่นให้หมดทุกคน....ฮึ~! ให้ความสนใจกันจัง” โรเจอร์ได้ยินแล้วรู้สึกตะขิดตะขวงใจกับคำพูดดังกล่าว... เขารู้สึกว่าเขาเองก็ถูกเหมารวมและถูกเสียดสีไปกับคำพูดนั้นของเธอด้วย



 “...ค..คือ... ผมเข้างานตอนเย็นน่ะครับ.. แต่ผมแวะมา..เพราะผมรู้จากคุณซินดี้ว่า..”



 “ช่างเถอะๆ!~ ฉันไม่ได้อยากรู้เรื่องของคุณหรอกนะคุณซินแคลร์...เอ้อนี่....แล้วจะบอกให้เอาบุญนะจ้ะ..สงสัยเพิ่งจะได้ขับรถใช่มั้ยเนี่ย..” โรเจอร์ทำหน้าเจื่อน..



 “ค..ครับ..”



 “ว่าแล้วเชียว..หึ.... คราวหน้าคราวหลังนะจ้ะ...จะเลี้ยวจะเข้าซอยซ่องที่ไหนน่ะ ..หัดชิดเลนขวาเอาไว้ซะบ้าง.. ไม่ทราบว่าอยู่ต่างประเทศรึไงจ้ะ?... ถึงได้ไม่รู้ว่าปารีสเนี่ยเค้าใช้ถนนกันเลนไหน!” วีว่า เลอคอติส สวมวิญญาณเป็นจราจรหญิงชั่วครู่ ก่อนที่จะหันกลับไปที่รถแล้วเธอก็แล่นรถออกไปด้วยความรู้สึกหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิมเป็นสองเท่า พาให้โรเจอร์ยืนมึนกับบรรยากาศก่อนหน้านี้...และไม่เข้าใจว่า.. ทำไมเธอถึงเป็นคนที่ร้ายกาจทั้งท่าทางและคำพูดแบบนี้กันนะ..






       ภายในรถกบเขียวเยอรมันคันหรูของบาเรลล์..แน่นอน..ป้ายแดงใหม่เอี่ยมราวกับเพิ่งถอยออกมาในไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้... เทลิซ่าซึ่งนั่งเหม่อลอยอยู่ที่เบาะข้างคนขับ..พลางมองทิวทัศน์โดยรอบของกรุงปารีสที่ตัวเองคุ้นเคย เมื่อชายหนุ่มผู้ทำหน้าที่เป็นโชเฟอร์ขับร่อนไปร่อนมารอบเมืองอย่างไม่มีจุดหมายปลายทางในเวลานี้..




 “...มาหาฉัน...มีธุระอะไร....” น้ำเสียงเรียบนิ่งของหญิงสาวอดให้บาเรลล์แอบหันไปทางกระจกแล้วถอนใจออกมาอย่างเซ็งๆไม่ได้



 “....จริงๆก็มี... แต่คิดว่าไม่พูดจะดีกว่า...มันไม่ใช่เรื่องเดือดร้อนอะไรมากนักหรอก...”



 “เดือดร้อน?... อะไร?...” เทลิซ่าราวกับจะนึกไม่ออก หากเป็นเพราะสถานการณ์ในปัจจุบัน ทำให้เธอลืมอะไรบางอย่าง.. ที่เธอไม่น่าจะลืมได้... ใช่แล้ว... สิ่งที่เธอลืม..ก็คือการกระทำบางอย่าง ของตัวเธอเองก่อนหน้านี้



 “...อย่ารู้เลย... ว่าแต่อยากกินอะไรมั้ย...”



 “ถามก็ตอบสิ..” หญิงสาวจะคาดคั้น บาเรลล์มองหล่อนด้วยสายตาหงุดหงิด.. เทลิซ่าในเวลานี้ช่างโง่งี่เง่าเสียเหลือเกิน



 “แล้วเธอไปทำอะไรใครเขาไว้หรือเปล่าล่ะ!!” ในที่สุด..น้ำเสียงหนักขึ้นก็เริ่มตอบเข้าใกล้คำถาม



 “....................” ดูเหมือนหญิงสาวจะทำหน้าครุ่นคิด



 “...ใคร?...”



 “โอ้ย!! ช่างแม่X เฮอะ!! เอ้า! อยากกินอะไร!” บาเรลล์เริ่มฉุนได้ที่



 “......ไม่.... ไม่หิวอะไรทั้งนั้น.....” หญิงสาวตอบเสียงเรียบ



 “ขอร้องเถอะ...จะกินอะไรแม่คุณ... มันใช่เรื่องของฉันมั้ยเนี่ยที่จะต้องพูดจาดีๆกับเธอเนี่ย ฮะ!”



 “แล้วนายจะลากฉันขึ้นรถมาทำไมเล่า!!”



 “ก็เธอปล่อยให้ฉันลากมาทำไมล่ะ!!”



 “งั้นก็จอดตรงนี้เลยแล้วกัน!”



 “เออ!!” ช่างง่ายดายเหลือเกิน...ชายหนุ่มหักเลี้ยวจอดเข้าริมทางทันที..พาให้หญิงสาวชะงักตกใจกับแรงบรกของตัวรถ..โชคดีที่หล่อนคาดเข็มขัดเอาไว้..ไม่เช่นนั้นล่ะก็... เธอคงได้เข้าโรงพยาบาลทำแผลที่หน้าผากเป็นแน่



 “เอ้า! ลงไปสิแม่คุณ! ขอบคุณนะที่เลือกร้านเสียที พูดมากอยู่ได้!”



 “ฮะ!?” หญิงสาวหันไปมองด้านนอก..บริเวณตรงหน้าที่รถคันหรูของบาเรลล์จอดอยู่นี้..หากแต่มันคือห้องอาหารหรูหราขนาดใหญ่ตรงหน้า ..เทลิซ่าไม่คิดว่าที่เขาขับมาจอดที่นี่ เพราะเป็นคำพูดโมโหของเธอหรอก




 “เอ้า! ลง!!”



++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++



TBC.


19 จะมาต่อประมาณทุ่มสองทุ่มนะคะ ^^


ตอนนี้พอจะหวานดับเศร้าได้มั้ยอ่า 5555+

sunshadow

  • บุคคลทั่วไป


เฮ้ย!! ไหงหมดสภาพทั้งพี่ทั้งน้องเลยล่ะ ถึงจะมีคนคอยเป็นห่วงที่ดูเหมือนจะไว้ใจได้(ล่ะมั้ง) อยู่ข้างๆก็เถอะ
แต่อย่างนี้จะไปรอดไหมเนี่ย เหลือกันแค่2 คนพี่น้องแล้วน้าาาาา



ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
ไม่ทันได้สังเกตเลขที่ของตอน  โหววว  อัพเร็วมาก ๆ ชอบนะ  อ่านสะใจดี
ชอบเทลิซ่ากับบาเรลล์  เคมีเข้ากันสุด ๆ เลย
อ่านเรื่องนี้แล้วได้บรรยากาศมาก ๆ เหมือนได้เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ด้วยเลยค่ะ
+1  คนโพสต์ด้วย

littleFiNgeR

  • บุคคลทั่วไป


FLIGHT 19 : เกมเทวดา (2)





โทรศัพท์ดังขึ้นภายในคฤหาสน์ดรอว์เยอร์... คุณเอ็มม่าทำทีจะไปรับ แต่ใครบางคนกลับแบมือห้ามเอาไว้ แล้วขอเป็นคนรับสายเสียเอง.. คุณเอ็มม่าเลยได้แต่พยักหน้าอย่างงงๆ แต่หล่อนก็ยืนอยู่ห่างๆ



 “สวัสดี... บ้านดรอว์เยอร์” น้ำเสียงเข้มขรึมที่ทักทายพาให้ต้นสายที่โทร.เข้ามาอย่างโรเจอร์เอะใจไปเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าบ้านของทิมมี่จะมีผู้ชายอื่นอยู่ด้วยจากที่เขาได้รับรู้มาจากเทลิซ่า..



 “อ..เอ่อ...ค..คุณทิมมี่ ดรอว์เยอร์อยู่มั้ยครับ..ผมต้องการพูดกับเขา” โรเจอร์พูดอย่างสุภาพ หากแต่คนที่รับฟังอยู่กลับรู้ดีว่าคนที่โทร.มาเป็นใคร



 “...อยู่.. แต่คงจะพูดกับใครไม่ได้... เพราะเขากำลังพักผ่อน”



 “...อ..เอ่อ ข..ขอโทษนะครับ...ม..ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครครับ?” โรเจอร์ถามทั้งๆที่ในหัวกลับมีหน้าของใครบางคนลอยอยู่ ราวกับเขาคาดเดาได้ว่าคนที่รับสายด้วยน้ำเสียงขุ่นๆคนนี้ เป็นใคร..



“...นายจะรู้ไปทำไมล่ะ?” หนุ่มมาดเข้มโยกโย้ แต่โรเจอร์ยังไม่ยอมหยุดถาม



“เปล่าครับ...ผมแค่คิดว่าผมรู้จักคุณ...ผมคุ้นน้ำเสียงของคุณ” โรเจอร์ตอบด้วยน้ำเสียงขุ่นๆที่เปลี่ยนไปจากเดิม



 “...งั้นเหรอ.... คงจะจำผิดคนมั้ง... (เอ่อ..คุณเอ็มม่าครับ.. ช่วยไปเตรียมข้าวโอ๊ตไว้ให้ทิมมี่ที)” ชายหนุ่มสั่ง ขณะที่เอ็มม่ารับคำแล้วรีบเดินห่างออกไป...หากแต่มันเป็นอุบายที่ชายหนุ่มคนนี้ จะให้เอ็มม่าเดินออกห่างจากเขา..ซึ่งทำให้เขาสนทนาได้สะดวกมากขึ้น



 “ผมคิดว่าผมจำคนไม่ผิดหรอกครับ..ผมแค่สงสัยว่า... คุณไปอยู่ที่นั่นได้ยังไง... ทั้งๆที่ผมดูตารางงานของคุณแล้ว... คุณควรจะต้องเข้าบรีฟเย็นนี้พร้อมกับผม”



 “หึ... ก็ฉันบอกแล้วไงว่านายคงเข้าใจผิด... ฉันไม่ได้รู้จักนาย....”



 “งั้นเหรอ... แล้วคุณเป็นใครกันล่ะ” น้ำเสียงของโรเจอร์เริ่มขุ่นมากขึ้นแล้ว ขณะที่ชายหนุ่มผู้ที่ได้รับคำถามอีกครั้ง.. เขาใช้สายตากวาดมองไปรอบๆห้องโถงของคฤหาสน์ และเมื่อมองเห็นว่าไม่มีใครอยู่แล้ว..เขาจึงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงชัดเจน กรอกหูโรเจอร์จนทำให้เขาชะงักอึ้งไป..ด้วยคำตอบที่ว่า..





“ฉันเป็นคนรักของทิมมี่... พอใจกับคำตอบมั้ยล่ะ?”




แกร่ก!





          ชายหนุ่มวางสายไปอย่างไม่แยแส.. ก่อนที่เขาจะเดินขึ้นไปชั้นบน.. ด้วยรอยยิ้มบางๆที่มุมปากและสีหน้าพอใจกับความรู้สึกของตัวเองในเวลานี้เป็นอย่างมาก.. เขาเดินขึ้นมายังชั้นบนแล้ว และตรงเข้ามาในห้องของทิมมี่.. ซึ่งในเวลานี้ หนุ่มหน้าหยกยังคงนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงหลังนุ่มของตนเอง..ชายหนุ่มเดินลงมานั่งที่เตียง แล้วดันตัวเองให้กึ่งนั่งกึ่งนอนเคียงข้างหนุ่มหน้าขาว..ฝ่ามือข้างหนึ่งปัดไรผมของหนุ่มหน้าขาว เผยให้เห็นหน้าผากและใบหน้าขาวเนียน.. สายตาคมกริบบนใบหน้าคมสัน มองคนตรงหน้าแล้วอดหวั่นไหวต่อทุกสิ่งที่เป็นทิมมี่เสียไม่ได้... อะไรกันที่ทำให้เขาเกิดความเปลี่ยนแปลงมากมาย ทั้งความรู้สึก..ความประพฤติ.. และทุกๆสิ่ง... มันกลับด้านเพียงเพราะหนึ่งชีวิตตรงหน้าที่ผ่านเข้ามาในเวลาที่ไม่นานเท่าไหร่นัก...สายตายังคงเล้าโลมไปทั่วร่างกายของหนุ่มหน้าขาวที่นอนหลับใหลอย่างหมดแรงกำลัง และไม่ช้า... ภาพของคนตรงหน้า ก็พาอารมณ์ของชายหนุ่มให้ค่อยๆโน้มเอียงใบหน้าลงไปใกล้หน้าผากขาวนั้น..




แต่ทว่า..






ก๊อก..ก๊อก..ก๊อก..






 “ข้าวโอ๊ตได้แล้วค่ะ...คุณลูคัส” กัปตันหนุ่มผละออกจากร่างของทิมมี่ แล้วลุกไปเปิดประตูด้วยสีหน้าที่แอบหงุดหงิดเล็กน้อย



 “เชิญครับ.. เอาเข้ามาวางบนโต๊ะเลย... เดี๋ยวเขาตื่นแล้วผมจะให้เขาทานเอง”



 “เอ่อ...แล้วคุณลูคัส.. ไม่ไปทำงานหรือคะ?” เอ็มม่าถามอย่างข้องใจ



 “ผมลาน่ะครับ.. จะไปอีกทีก็วันมะรืน..ว่าจะออกบินพร้อมทิมมี่...แล้วก็เทลิซ่าด้วย”



 “อ๋อค่ะ... แล้ว...คุณจะพักที่นี่ด้วยมั้ยคะ ดิฉันจะได้เตรียมห้องไว้ให้” ชายหนุ่มได้ยินคำถาม..พลางยิ้มบางๆที่มุมปากเมื่อนึกถึงความต้องการของตัวเองได้...



 “ครับ..ผมจะขอพักที่นี่ด้วย...แต่คุณเอ็มม่าคงไม่ต้องลำบาก...... ผมจะนอนในห้องนี้แหล่ะ”



 “..อ..เอ๋...ต..แต่ว่าที่โซฟา ดิฉันเกรงว่าคุณจะไม่สะ..”



 “ไม่เป็นไรครับ.. ผมยังไงก็ได้.. ขอบคุณมากนะครับ...” เอ็มม่าทำหน้างุนงงอยู่ไม่คลาย



 “ถ..ถ้าอย่างนั้นดิฉันขอตัวนะคะ มีอะไรกดเรียกดิฉันได้นะคะคุณ”



 “ครับ..ขอบคุณมากครับ” ในที่สุด.. กัปตันหนุ่มก็ปิดประตูลงอีกครั้ง..คราวนี้เขาไม่ลืมที่จะกดล็อคกลอนประตู แล้วหันมามองร่างที่บางกว่านอนหลับแน่นิ่งอยู่ตรงหน้าพลางยิ้มอย่างพอใจ






 “ตื่นเมื่อไหร่... แล้วฉันจะเอาคืนนะ...ทิมมี่”






++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++






          โรเจอร์กลับเข้ามาในศูนย์ฯลูกเรือ...ชายหนุ่มทำหน้ากลุ้มคนเดียวไม่พอ.. ยังพบคุณซินดี้นั่งทำหน้าบุญไม่รับอยู่ในห้องพักผ่อนของลูกเรืออีกต่างหาก..




 “ส..สวัสดีครับคุณซินดี้...”



 “อ..อ้าว โอ้พระเจ้าจอร์จ! ขอบคุณสวรรค์ที่คุณมา..เฮ้อ..”



 “อ..เอ่อ.. มีอะไรหรือเปล่าครับ?.. คุณซินดี้หน้าตาไม่ค่อยดีเลย..”



 “ก็จะอะไรล่ะจ้ะ...เฮ้อ.. ลูกเรือเที่ยวบินไปอิตาลีคราวนี้.. ดั๊น!กระหน่ำลากันให้พร้อมหน้าเลย.. ทั้งชั้นประหยัดอย่างเทลิซ่า... แล้วไหนจะชั้นธุรกิจอย่างทิมมี่ที่ดันเกิดเรื่องเดียวกันอีก... แล้วไหนจะพาไปถึงคุณชายจอมติสท์อย่างคุณบาเรลล์! แล้วยังจะมาแจ๊กพอตแตกลามไปถึงกัปตันมือหนึ่งของเราที่อยู่ๆก็ใช้สิทธิ์ลาพักร้อน เอาไปรีแลกซ์จนเกลี้ยงผังเลยเนี่ย! เฮ้อ.... นี่ฉันก็ต้องโร่โทรศัพท์หาลูกเรือที่ต้องการต่อกะอีกนะ.. มีคนพร้อมใจจะทำหลายคนอยู่ แต่ฉันเห็นหน้าตาแล้วต้องคัดหน่อยล่ะ... แต่ละคน... ทำหน้าเหมือนจะไม่รอด... เพลียแล้วยังจะรับงานกันอีก...สงสัยคราวนี้โคไพลอตอย่างคุณมอริสต้องได้ขึ้นแท่นกัปตันแหง...”



 “อ..อ่าว..แล้ว ชอริต้ากับคุณเควินล่ะครับ?”



 “นั่นล่ะแจ๊กพอตคูณสองเลยล่ะจ้ะ.... สองคนนั้นได้เวรหยุดพอดี..ดูสิ...เวรกรรมดิฉันที่จะต้องจัดระบบใหม่หมดเลย... ส่วนเอลลี่ก็ยังถูกพักงานอยู่... โชคดีนะที่โคไพลอตมากาเรตยอมเปลี่ยนวันหยุด...ไม่งั้นเที่ยวบินอิตาลีนี่คุณมอริสคงรับไปเต็มๆกลืนเลยทีเดียว... เอ้อ... วันนี้คุณคงจะได้ขึ้นเฟิร์สคลาสเลยแล้วกันนะ ..ไหวไหมล่ะ.. จริงๆแล้วไม่อยากถามหรอก เพราะยังไงก็ต้องไหว” คุณซินดี้พูดไปเกาศีรษะไปอย่างสุดเอือม..มันไม่เคยเกิดเหตุการณ์ช็อตผังขนาดนี้มาก่อนเลย.. และแต่ละคนที่ลาหยุดไป ต่างก็มีเหตุผลที่สมควรให้หยุดเสียด้วยสิ



 “งั้นฝากด้วยแล้วกันนะจ้ะ... โอ๊ย สงสัยฉันต้องเป็นเพอเซอร์แทนคุณโรสรอยด์อีรอบนี้แหงเลย... แม่วีว่าก็อีกคน... ลาหายไปไหนก็ไม่รู้.. แทนที่จะไปช่วยบนเครื่องกันหน่อย... ใจตรงกันหมดแบบนี้.. เจ๊ง..เจ๊ง!” คุณซินดี้บ่นไปตลอดทางราวกับคนแก่... ในขณะที่โรเจอร์นึกถึงคำพูดที่ทำให้เขาอดเคืองใจเป็นไปไม่ได้.. กับเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อครู่...ทำไมคนที่เขาคาดคิดว่าน่าจะเป็นคนๆนั้น.. กลับกล้าที่จะพูดออกมาว่า “คนรักของทิมมี่” ออกมาได้อย่างเต็มปากเต็มคำ... พลางมือข้างหนึ่งกำหมัดแน่นด้วยความเจ็บใจ... หรือว่าทุกๆครั้งที่คนๆนั้นเข้ามาขัดจังหวะราวกับเป็นอุปสรรคระหว่างเขากับทิมมี่ตลอดเวลา.. “คนๆนั้น” จะมีเจตนาอะไรบางอย่าง แอบแฝงอยู่จริงๆ!






++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++






 “อยากไปไหนต่อหรือเปล่า?” เสียงเย็นชาถามหญิงสาวที่กำลังนั่งหน้าไม่สบอารมณ์อยู่บนรถ แต่คงน้อยกว่าก่อนมื้ออาหาร ที่ตอนมา สีหน้าของเทลิซ่าแทบจะดูไม่ได้เลยสักนิดเดียว



 “ดูหน้าฉันสิ...ว่าฉันอยากจะไปไหนต่อหรือเปล่า” เทลิซ่าส่งสายตาขุ่นๆใส่บาเรลล์ ขณะที่ชายหนุ่มก็หันมามองหน้าเธอก่อนที่จะสตาร์ทรถ



 “โอ้... หน้าเธอบอกว่าอยากไปต่อนะ”



 “ขอร้องล่ะ! ฉันอยากกลับบ้าน....ฉันเหนื่อยมากพอแล้ว... วันมะรืนก็ต้องทำงานอีก”



 “ก็วันพรุ่งนี้ยังมีเวลาให้นอนทั้งวันนี่”



 “นายประสาทหรือเปล่า คนเราจะนอนวันเว้นวันได้ยังไงเล่า!” บาเรลล์แอบชำเลืองมองสีหน้าของหญิงสาว ที่ดูเหมือนจะไม่ไหวจริงๆ



 “เอาน่ะๆ... เดี๋ยวจะไปส่งบ้านก็ได้”



 “ไม่ต้อง! ไปส่งที่สุสาน”



 “เอ้า! ทำไมเล่า! ไปส่งถึงบ้านเลยไม่ดีรึไง...เธอนึกว่าฉันโง่ไม่รู้จักบ้านเธอเหรอ... อย่าห้ามเสียให้ยาก”



 “ไม่ได้ห้ามย่ะ! แต่ฉันขับรถมาสุสานแล้วถ้าฉันไม่เอารถกลับบ้าน ฉันก็โดนตำรวจล็อกล้อสิยะ!” บาเรลล์หายใจฟืดฟัดอย่างฉุนๆ



 “เออน่ะ... ไปสุสานก็ไปสุสาน....ว่าแต่ไปถึงแล้วเธอจะกลับเลยหรือเปล่า” เทลิซ่าเริ่มรำคาญกับคำถามของชายหนุ่มที่ออกจะมากเรื่องเกินไป



 “ฉันจะไว้อาลัยที่หลุมศพของบาเรลล์ คลูเซอร์ก่อนน่ะ.... นายอยากจะยืนเป็นเพื่อนฉันมั้ยล่ะ?” หญิงสาวถามยิ้มๆ พลางกระดกคิ้วยึกๆสองทีอย่างกวนอารมณ์ ขณะที่ชายหนุ่มหลบหน้าไปกัดฟันกรอดอย่างหมั่นไส้ ก่อนที่เขาจะเหยียบคันเร่งสุดแรงเกิดจนหญิงสาวหลังศีรษะกระแทกเบาะแล้วร้องโอยออกมาอย่างมึนหัว







 “ไอ้บ้า!! ขับอย่างนี้หาเรื่องฉันใช่มั้ย!!”








++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++








ฟอด~ดด!!






          เสียงและแรงจากการกระทำบางอย่าง... ทำให้หนุ่มหน้าขาวค่อยๆลืมตาขึ้น บนเตียงหนานุ่มของตัวเอง... ความรู้สึกของเขาทันทีที่ดวงตาเบิกกว้างออกมาเผชิญกับวิวทิวทัศน์ยามเย็นของปารีสจากหน้าต่างบานใหญ่ตรงหน้า...และ.... อ้อมกอดของใครบางคน ที่นอนแนบชิดร่างกายของเขาอยู่ในเวลานี้!





 “........น....นี่...!! นี่คุณ!” น้ำเสียงงัวเงียกลับกลายเป็นชัดคำขึ้นเมื่ออารมณ์ตกใจพาไป...กัปตันหนุ่มที่ไม่ได้นอนหลับแต่กลับทำสะลึมสะลือตบตาค่อยๆคลายแขนออกจากร่างบาง... ขณะที่ทิมมี่มองร่างสูงใหญ่ที่นอนชิดเคียงข้างอย่างอดคิดไม่ได้ว่า.. เขามาทำอะไรที่นี่! และไอ้เสียงกับแรงปะทะเบาๆที่ทำให้เขาตื่นเมื่อกี้นี้มันอะไรกัน... หากแต่ความสงสัยก็พาให้หนุ่มหน้าขาวรู้สึกชื้นๆบางอย่างที่พวงแก้มข้างหนึ่ง... พลางเอามือลูบแก้มข้างนั้นของตัวเอง และพยายามเดาให้ออกห่างจากสิ่งที่เขากำลังสงสัยให้มากที่สุด




 “ม...เมื่อกี้คุณทำอะไรหรือเปล่าน่ะ?” ทิมมี่ถามไปลูบแก้มไปพลางอย่างหวั่นๆ ขณะที่กัปตันหนุ่มยังแกล้งหลับตาพริ้ม แล้วยิ้มบางๆออกมา




 “เปล่านี้.... กำลังฝันอยู่...”



 “ฝันบ้าอะไรของคุณ!”


                           
“....อืม...ก็ฝันว่าได้หอมแก้มใครก็ไม่รู้อยู่น่ะสิ...” ทิมมี่ทำตาโต... พลางถูแก้มของตัวเองให้แรงขึ้น เมื่อเริ่มคิดได้แล้วว่าเมื่อครู่นี้.. เขาถูกคนๆนี้กระทำอะไรบางอย่างไปเสียแล้วจริงๆ




 “เอ้า...ถูเข้าไป... เดี๋ยวจินนี่ก็ลอยออกหูหรอก” กัปตันหนุ่มพูดพลางนอนยิ้มอย่างไม่รู้สึกสะทกสะท้านต่อสายตาของคนที่กำลังนั่งตัวตรงและหัวหูยุ่งเหยิง




 “คุณลูคัส! ลุกไป!”




 “เอ้อ! อะไรกัน... ฉันเพิ่งจะได้นอนเมื่อกี้นี้เอง...ขอหลับก่อนสิ”




 “คุณก็กลับบ้านคุณไปสิครับ! นี่มันบ้านผม! แล้วนี่มันก็ห้องของผม!!”




 “ไม่เป็นไรหรอก... ฉันไม่ถือ..”




“ฮะ?...”




“นอนต่อเถอะน่า!” อ้อมแขนของชายหนุ่มผลักร่างที่บางกว่าให้ล้มลงนอนอีกครั้ง... ถึงจังหวะเหมาะที่กัปตันหนุ่มแอบคิดสะใจเล็กๆ ก่อนที่เขาจะพุ่งตัวขึ้นมานอนทับร่างของทิมมี่ท่ามกลางสีหน้าตกใจและไม่คาดคิดของหนุ่มหน้าขาวที่กำลังโดนบุกรุกโดยกัปตันหนุ่มหน้าเข้ม..ที่กำลังโน้มใบหน้าของเขาลงมาอย่างรวดเร็ว




 “คุณลูคัส! ทำอะไรน่ะ เฮ้!!” แต่ทว่า.. ใบหน้าที่โน้มลงมา กลับวางลงบนหมอนข้างๆกับใบหน้าขาวของทิมมี่.. ในขณะที่หนุ่มหน้าหยกเหงื่อเริ่มแตก...กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างคาดเดาไม่ถูกว่าชายหนุ่มร่างใหญ่คนนี้จะทำอะไร



 “ฉันเหนื่อย... ขอนอนก่อนได้มั้ย.... ส่วนนาย...ก็ลุกไปทานข้าวโอ๊ตของคุณเอ็มม่าได้แล้ว” น้ำเสียงที่เอ่ยออกไปนั้น...ราวกับชายหนุ่มผู้นี้จะเข้าสู่ภาวะ “เหนื่อยของจริง”... กัปตันหนุ่มยิ้มบางๆก่อนหลับตาลง.. และแน่นิ่งไปบนร่างบางของทิมมี่ ในขณะที่ทิมมี่ใช้ทั้งเท้าใช้ทั้งมือดันชายหนุ่มให้พลิกตัวนอนหงายกลับไปก่อนที่เขาจะลุกออกจากเตียงด้วยสีหน้าที่แดงเรื่อ หากแต่เขากลับไม่รู้สึกตัวเลยสักนิดเดียว





         มิอาจที่จะปลุกให้เขาตื่นขึ้นมาได้อีกแล้ว... ทิมมี่เองรู้สึกหวั่นไหวไม่ได้ เมื่อได้เห็นร่างสูงใหญ่นอนหงายหลับนิ่ง... เขาถอนใจพลางมองคนตรงหน้าแล้วไม่เข้าใจว่าอะไรกัน... ที่ทำให้ตัวทิมมี่เองต้องโกรธชายหนุ่มคนนี้มากมายถึงขนาดนี้... ความเข้าใจจึงค่อยถูกทำลายลงไปเมื่อได้ยินเสียงหายใจที่เหนื่อยล้าของกัปตันหนุ่ม.. และแล้ว..รอยยิ้มบางๆก็เกิดขึ้นบนใบหน้าของทิมมี่..และเป็นอีกครั้งที่ทิมมี่.. ไม่รู้สึกตัวเลยว่า ตอนนี้.. เขากำลังรู้สึกอย่างไร...กับกัปตันลูคัส..






++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++







“ตื่นเสียทีนะ.....” ทิมมี่ เอ่ยทันทีที่เห็นดวงตาของกัปตันหนุ่มค่อยๆกระพริบลืมขึ้นช้าๆ... ขณะที่ชายหนุ่มเมื่อได้ยินเสียงคนตรงหน้าทักทายด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์นั้น เขาก็ค่อยๆคลี่ยิ้มออกมาอย่างพอใจ



 “....กี่โมงแล้วเหรอ....”



 “ทุ่มนึง..... ค่ำแล้ว..คุณควรจะกลับไปพักผ่อนได้แล้วล่ะ...”



 “...หืม?.... ก็นี่ไง...พักผ่อนอยู่...” ทิมมี่ถอนใจพร้อมกับแสดงสีหน้าเอือมระอา



 “คุณลูคัส....ผมถามอะไรแล้วคุณช่วยตอบผมได้ตรงๆได้มั้ย...” กัปตันหนุ่มที่นอนนิ่งพลางลืมตาขึ้นมาข้างหนึ่งอย่างอยากรู้ ว่าคำถามนั้นจะคืออะไร



 “ถามมาสิ...”




 “คุณเป็นเกย์หรือเปล่า?” คำถามที่ตรงเกินไป ทำให้ใครบางคนสะดุ้งลุกนั่งพร้อมกับแสดงสีหน้าตกใจในคำถาม.. หากแต่สายตาของทิมมี่ที่มองกลับมามันช่างไร้อารมณ์และไร้การแสดงออกต่อคำถามของตัวเขานั้นโดยสิ้นเชิง..





 “....ถ...ถามอะไรของนาย...”




 “มีแค่สองคำตอบ... เป็น...หรือไม่เป็น..” สีหน้านิ่งของทิมมี่ ยังคงจ้องชายหนุ่มอย่างไม่วางตา



 “อะไรที่ทำให้นายถามฉันแบบนี้..?”



 “...... ไม่น่าถาม......ก็สิ่งที่คุณกำลังทำให้ผมเข้าใจ... มันมีอยู่ตั้งมากมายไม่ใช่เหรอ?” คำพูดของทิมมี่พาให้กัปตันหนุ่มนั่งสะอึกเงียบอย่างไม่คาดคิด...เขาไม่เคยยอมรับกับคำว่า “เกย์” เลยสักนิดเดียว..หากแต่ขอให้สิ่งที่เขาเป็นอยู่ ให้มันเรียกเป็นอย่างอื่นได้คงจะวิเศษกว่านี้... และสิ่งที่เขาเป็นอยู่ก็คือ สิ่งที่แสดงความรู้สึกดีๆให้กับ “ผู้ชาย” ด้วยกันอย่างทิมมี่.. แต่ถึงกระนั้นแล้ว... เขาก็ไม่ค่อยชอบกับคำว่า “เกย์” เท่าไหร่นัก..



 “....แล้วถ้านายได้คำตอบจากฉันแล้ว.... มันจะเป็นยังไงต่อไปล่ะ..” ชายหนุ่มถามกลับ...ทิมมี่ยังคงมองหน้าเขาอย่างไม่วางตา



 “มันอาจจะไม่มีอะไรต่อไปหรอก.... แต่มันเป็นแค่ความรู้สึกอยากรู้ของผมก็เท่านั้นเอง...”



 “นายอยากรู้ไปทำไม?... นายต้องมีเหตุผลสิ”



 “แล้วคุณมีเหตุผลอะไรที่คุณจะมาโยกโย้ไม่ยอมตอบผมล่ะ?” คำถามที่สวนกลับไปกลับมา แต่สรุปว่ากัปตันหนุ่มก็เป็นฝ่ายนิ่งเงียบไปทุกที และแล้ว... กัปตันก็ตัดสินใจอะไรบางอย่าง สีหน้าครุ่นคิดบ่งบอกว่าเขากำลังพยายามตัดสินกับความรู้สึกนึกคิดและรสนิยมของตัวเอง..



 “ฉัน....ไม่ได้เป็นเกย์...” กัปตันหนุ่มกล่าวขึ้น...ทิมมี่เหมือนจะทำตาโตขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็กลับหันไปอีกทาง เพื่อหันหลังให้กับชายหนุ่มผู้นี้... แต่ทว่า.. คำตอบมันยังไม่จบ..




 “ฉันไม่ยอมรับที่ใครจะเรียกฉันเป็นแบบนั้น.... แต่ฉันขอให้มีคำอื่นที่ดีกว่านี้... คำว่าอะไรก็ได้... ที่มันมีความหมายเดียวกันก็คือ...... ฉัน... เป็นผู้ชาย... ที่รักนาย.. มากที่สุด!”








++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++

TBC.

ทิ้งระเบิดไว้เล็กน้อย

ส่วนตัวชอบประโยคสุดท้ายมากเลยนะคะ


‘ฉันเป็นผู้ชายที่รักนายมากที่สุด’ เขินอ่ะ >///<


ขออภัยเป็นอย่างสูงที่เมื่อวานไม่ได้มาต่อ พอดีเพื่อนลากไปฉลองเลยเกิดอาการเมาแป๊บซี่เล็กน้อย 55+

สงสัยเพื่อนมันจะแอบผสมสิ่งมึนเมา กร๊ากกกกกกกกกกกก



สวัสดีค่ะ ^_^

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด