++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>จบแล้ว ย้ายได้เลยครับ [09/02/12]<<
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>จบแล้ว ย้ายได้เลยครับ [09/02/12]<<  (อ่าน 93472 ครั้ง)

Violet_Melon

  • บุคคลทั่วไป
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้


1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เีดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-02-2012 10:12:24 โดย Violet_Melon »

Violet_Melon

  • บุคคลทั่วไป
       ในที่สุดก็ได้ฤกษ์เขียนเรื่องราวของผมจริงๆซะที ผมเขียนเรื่องนี้เพราะแรงบรรดาลใจหลายๆอย่าง ทั้งตอนนี้ผมค่อนข้างว่างจากการทำงาน และการที่ผมมีโอกาสได้อ่านเรื่องราวของใครหลายๆคน จากหลายๆที่ ซึ่งมีเรื่องราวดีๆ ที่เพื่อนๆเอามาเขียนให้อ่านกันทำให้เห็นมุมมองความรักของใครหลายๆคนที่แตกต่างออกไป เป็นมุมมองที่ผมไม่เคยได้มองจากมุมนั้นมาก่อน ทำให้เหมือนเป็นการเปิดโลกทรรศน์ของผมให้กว้างขึ้น ผมจึงอยากตอบแทนเพื่อนๆบ้าง ที่ทำให้ผมได้มีโอกาศอ่านเรื่องราวดีๆเหล่านั้น
       ผมเลือกเขียนลงที่นี่เป็นเรื่องแรก เพราสังคมที่นี่แลดูอบอุ่น หน้ารัก ทั้งผู้เขียนและผู้อ่าน ดูมีความสุขในการทำหน้าที่ของตัวเอง ผู้เขียนมีความสุขที่ได้เล่าเรื่องราวผ่านตัวหนังสือ ส่วนผู้อ่านก็มีความสุขที่ได้อ่านเรื่องราวดีๆเหล่านั่น แล้วแสดงความชื่นชมผ่านการตอบกระทู้ ผู้เขียนก็ได้ความสุขจากตรงนี้กต่อหนึ่ง
       เหนือสิ่งอื่นใด ผมอยากจะเขียนเรื่องราวดีๆ เหล่านี้ เพราะผมกลัวว่าวันนึงผมอาจจะลืมเรื่องราวดีๆเหล่านี้ไป ดังนั้นผมจึงขอเก็บมันเอาไว้เป็นลายลักษณ์อักษร และขอตั้งชื่อเรื่องของผมว่า “ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ”

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
เรื่องอยู่ไหน
1 - 10 ไม่เห็นมี
..รออ่านอยู่นะ..

+1 ให้ก่อนเลย

Violet_Melon

  • บุคคลทั่วไป
      “ยังกับมึงพูดดีกับกูนักนี่ กูเกลียดมึง ยังไง กูก็ไม่มีวันญาติดีกับมึงหรอก ไปตายซะ ไอ้เชี่ยะหน้าตัวเมีย รังแกคนไม่มีทางสู้ กูเกลียดๆๆๆ เกลียดมึง ได้ยินมั้ยว่ากูเกลียดมึง” จำไม่ได้ว่าตอนนั้นพูดอะไรไปมั่ง แต่น่าจะประมาณนี้นะ ปากร้ายน่าดูเลยกู ยังคิดว่าทำไมตอนนั้นเป็นคนปากร้ายได้ขนาดนั้น มันเองก็ดูชะงักไปนิดนึง ตอนแรกคิดว่ามันจะหยุดไม่ก็มันคงจะบีบคอผมตายคามือตรงนั้น เพราะด่ามันไปแรงขนาดนั้น
       แต่........ ผมคิดผิด ไอ้นี่มันเลวกว่านั้นอีก เข้าขั้นโรคจิตแหละ (ที่จริงผมกับมันก็โรคจิตพอๆกัน ชอบความรุนแรง 5555) มันจ้องหน้าผมเขม็ง แบบแววตาตอนนั้นมันน่ากลัวมากๆอ่ะ ผมแทบอยากจะหายไปจากตรงนั้น หัวใจแทบจะหยุดเต้น ผมดิ้นจนมือข้างหนึ่งหลุดจากมัน  ผมรีบเอามือข้างที่มันปล่อยยันพื้น เพื่อที่จะพยุงตัวขึ้น แต่มันกลับใช้เข่ามันมากดทับท้องของผมไว้ แล้วคว้าเข้าที่คอเสื้อผม กระชากจนกระดุมหลุดออกมาทั้งแผง มันเอามือแหวกเสื้อผมออก แล้วกดผมลงกับพื้นตามเดิม ตอนนั้นผมก็ยื้อยุด ฉุดกระชากกับมันสุดฤทธิ์ แต่ก็จะไปสู้แรงควายแบบมันได้ยังไง  แล้วมันก็ทำในสิ่งที่ผมไม่เคยคิดมาก่อน ไม่เคยคิดว่าชาตินี้จะถูกผู้ชายด้วยกันมาทำอะไรแบบนี้ เมื่อมันเอาจมูกลงมาซุกที่ซอกใบหูผม
      ตอนนั้น บรรยายความรู้สึกไม่ถูกจริงๆ มันรู้สึกขนลุกไปหมด ขนลุกไปทั้งตัว หมดเรี่ยวแรง เสียงในลำคอก็รู้สึกแหบแห้งไปซะเฉยๆอย่างนั้น ยิ่งตอนที่จมูกมันซุกที่หลังใบหูผม แล้วมันสูดหายใจเข้า หายใจออก รู้สึกเหมือนใจจะขาด ทนแทบจะไม่ไหว ทำได้แค่หลับตาปี๋ พยายามหดคอลงให้สั้นที่สุด เพื่อที่จมูกมันจะได้ไม่สามารถเข้ามาสัมผัสกับลำคอผมได้ แล้วบิดลำคอหลบมัน แต่แทนที่มันจะช่วยให้ผมรอดพ้นจากคมจมูกของมันได้ มันกลับยิ่งไปกระตุ้นอารมณ์หื่นของมันให้มากขึ้นไปอีก
      “ไอ้เหี้ย ปล่อยกู”
    “ยังปากดี อยู่อีกเหรอ เดี๋ยวกูจะเอาให้ร้องไม่ออกเลยมึง”
    "ไอ้ เหี้ยมึงทำไรวะ ปล่อยกูโว้ย”
    “ด่า เอ๋อ ยังด่ากูอีกเอ๋อ”
     นอกจากมันจะไม่หยุดแล้ว” มันยิ่งรุกผมหนักมากกว่าเดิม ตอนแรกมันแค่เอาจมูกมาซุกๆที่หลังใบหู แล้วมันก็เริ่มลงมาที่คอ ใต้คาง แล้วก็เริ่มเอาหนวดเอาคางมันมาถูๆด้วย (เรียกว่าไซร้นั่นแหละ) พอผมเอียงหลบมันมาทางซ้ายมันก็เปลี่ยนไปไซร้ซอกคอผมทางขวา ผมเอียงหลบทางขวามันก็มาไซร้ซอกคอผมทางซ้าย จนกลายเป็นว่าผมให้ความร่วมมือกับมันไปโดยปริยาย ตอนนี้ในห้องเงียบกริบ มีแต่เสียงผมร้องบอกให้มันหยุด แต่ก็เบาลงๆ เสียงลมหายใจ จนในที่สุดก็เปลี่ยนเป็นเสียงครางของผมกะมัน (ผมไม่ได้ครางเพราะเสียวนะว้อย มันจึ๊กกะดึ๋ยอ่ะ แต่มันอ่ะครางทำไมก็ไม่รู้ ไปถามมันเองละกัน) เสียงหอบเป็นระยะๆ ตอนนั้นยอมรับว่าอารมณ์ผมเริ่มกระเจิงไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ในหัวสมองมันขาวโพลนไปหมด ตอนแรกก็จึ๊กกะดึ๋ยปนจั๊กกะจี้ นานๆไปมันก็รู้สึกเสียวแปลกๆอ่ะ มันหยุดแล้วเงยหน้าขึ้นมามองผม ยิ้มแบบเยาะเย้ย
      “ไง แฮ่กๆ ไม่ปากดีแล้วเหรอ เอ๊ะหรือว่าชอบ แฮ่กๆ” อ๊ากกก เจ็บใจ อาศัยช่วงที่มันเริ่มคลายแรงบีบว่าแล้วผมก็ดันตัวขึ้นอีกรอบ เกือบจะดิ้นหลุดแล้วเชียว แต่มันนี่สิ เร็วกว่าคว้าตัวผมได้มันก็กดผมลงกับพิ้นแล้วก็ลงมือซุกไซร้ผมอีก ไอ้เชี่ยนี่มันไปฝึกทำจากไหนมาวะคล่องเชียว ทำเอาผมเคลิ้มกับมันไปซะได้ ตอนแรกผมก็ยังดิ้นรน เพื่อให้หลุดจากเงื้อมมือของมันสุดชีวิต แต่พอเจอแบบนี้เข้าไปหมดเรี่ยวแรงจริงๆ แล้วเหตุการณ์ที่เกิดผมไม่รู้ว่าจริงๆแล้วมันนานแค่ไหน แต่ความรู้สึกในตอนนั้นรู้สึกเหมือนมันนานมากๆ เหมือนเวลามันเดินช้าลงหลายร้อยเท่าเพื่อให้ผมได้จดจำกับทุกๆอย่างที่มันทำกับผม  ตอนนี้ผมหยุดดิ้นรนแล้ว ปล่อยมันทำตามใจของมัน มันจะทำอะไรก็ทำไป ผมไม่มีเรี่ยวแรงที่จะหลุดไปจากอุ้งมือของมันแล้ว
       เมื่อมันเห็นผมเริ่มนิ่งมันก็ค่อยๆปล่อยมือผม จากตอนแรกที่มันทำรุนแรงมันก็ค่อยๆทำเบาลง นุ่มนวน แผ่วเบา แล้วเปลี่ยนเป็น เอามือมาบีบไปตามสะโพก และก้นผม มันปล่อยมืออีกข้างที่เหลือจามือผม แล้วเปลี่ยนมาเป็นลูบไล้ ไปตามแผ่นหลังของผมแทน แต่สวนหัวของมันทั้งจมูกและปากมันก็ยังทำหน้าที่ของมันต่อไป ทั้งจูบ ทั้งไซร้ ไปทั่วคอและใบหูของผม มือมันเริ่มเลื้อยตำลงมาเรื่อยๆ ตอนนี้จากเดิมที่มันขึ้นคร่อมผมไว้ทั้งตัว ไม่รู้ว่ามันเปลี่ยนเป็นนั่งคุกเข้าอยู่ตรงหว่างขาผมตั้งแต่เมื่อไร แล้วขาผมก็ไปเกยไว้ที่สะโพกของมัน กระดุมเสื้อมันขาดหลุดออกไปเหลือเพียงสองเม็ดดานล่างที่ติดอยู่ แต่ตัวเสื้อมันนั้นร่นลงมาจนเกือบถึงเอว คงเป็นเพราะแรงยื้อยุดฉุดกระชากกันก่อนหน้านี้ มือไม้มันก็ยังคงเลื้อยต่ำมาบริเวนบั้นเอวและแผ่นหลังของผม
        จนตอนนี้สติผมที่หลุดลอยไปมันเริ่มกลับมา แต่ตัวผมยังคงไร้เรี่ยวแรงเหมือนเดิม เริ่มคิดว่าทำไมมันทำแบบนี้กับผม เพื่อแก้แคนผมงั้นเหรอ มันเลือกใช้วิธีได้ถูกแล้วจริงๆ ตอนนี้ผมทั้งเจ็บทั้งอาย รู้สึกเสียศักดิ์ศรี ผมไม่สามารถสู้ ขัดขืนมันได้เลย ทำไมนะผมช่างอ่อนแอแบบนี้ ทำไมผมไม่เกิดมาแข็งแรง ตัวโตๆ เหมือนกับมันนะ ถ้าผมแข็งแรงกว่านี้ผมคงไม่โดนรังแกอยู่ฝ่ายเดียวแบบนี้ ตอนนี้ ไม่มีเสียงใดๆหลุดจากปากผม มีแต่น้ำใสๆไหลออกจากตา ออกมาอาบแก้มสองข้าง ส่วนมันก็ยังคงเคลื่อนไหวร่างกายมันอยู่บนตัวผม มันไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลย อารมณ์มันคงกระเจิงไปไหนต่อไหนแล้ว...

Violet_Melon

  • บุคคลทั่วไป
ลป.จัด เลย์เอาท์ยากจัง กลัวคนอ่าน อ่านไม่รู้เรื่องง่ะ จะพยายามจัดให้อ่านง่ายๆละกันนะครับ  :call:

ตอนแรก : วันแรกกับชีวิตเด็กมัธยม

 
      ผมชื่อนะโม ครับ บ้านเกิดผมนะเหรอ คนส่วนใหญ่จะเรียกกันว่า “เมืองกล้วยไข่” เป็นจังหวัดที่อยู่ทางภาคเหนือตอนล่างนะครับ

ตอนเด็กเหรอ ผมก็เป็นเด็กผู้ชายทั่วๆไปแหละครับ ต่างจากคนอื่นก็ตรงที่ ผมจะเป็นเด็กที่โตช้าน่ะครับ ในรุ่นเดียวกันแล้วผมก็จะตัวเล็กกว่าเพื่อนๆ ครับ

ตอนเด็กๆผมน่ารักน๊าาาาาาาาา เพราะจำได้ว่าใครๆก็ชอบ มาหยิกแก้มผม บอกว่าแก้มน่าหยิกจัง ผมก็ชอบนะที่ใครๆ ก็มารุมมาตุ้มรุมรักผม

เหมือนเป็นดาราตัวน้อยๆ ยังไงยังงั้นเลย ปลื้มมมมมมม

       เข้าเรื่องกันซะที วันนี้ดีใจจัง เป็นวันเปิดเทอมแรกของผม  ผมจะได้เรียน ม.1 แล้วโอ๊วววว ตื่นเต้นๆ โรงเรียนใหม่จะเป็นไงมั่งน๊า ว่าเข้าไปนั่น

ตอนไปสมัครก็เคยไปมาแล้ว ทำยังกะบ้านนอกเข้ากรุง !!! ...ก็มันตื่นเต้นนี่นา

       แล้วกูจะรีบตื่นขึ้นมาทำบ้าไรวะนี่  ยังง่วงอยู่เลย รถโรงเรียนมารับตั้ง 7 โมงครึ่ง นอนต่ออีกหน่อยดีกว่า...ไม่ได้เฟร้ย... มันก็ต้องหล่อกันหน่อย วันนี้

เปิดเรียนวันแรก เราต้องสร้างความประทับใจให้เพื่อนใหม่ เว้ย ต้องเสริมหล่อกันน้อย เรียกเรตติ้งกันซะหน่อย

       ....เอ่อ หรือว่าตายแล้วเกิดใหม่ มันจะง่ายกว่าหว่า (โป๊ก!!! สาดดด --> จิตใต้สำนึก)

        แม่ : “อ้าว โหนก (แม่ผมจะเรียกผมว่า ไอ้โหนก อ่ะคับเพราะตอนเด็กๆหัวโหนก >///< อายจัง) ตื่นแล้วทำไมไม่ลุกไปอาบน้ำแต่งตัวล่ะ มานั่งบ่นพึมพำไร คนเดียว”

        “แหะๆ แม่! ไปแล้วๆๆ”

       กว่าจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบๆ 7 โมง ผมเดินมารอรถพร้อมกับไอ้แก้ว(แก้วเป็นเพื่อนผู้หญิงที่สนิทกันมากครับ พ่อแม่มันกับพ่อแม่ผมซึ่งเป็นเพื่อนกัน เราถูกเลี้ยงด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ

     1 ชั่วโมงกว่าๆ ผ่านไปผมก็ได้มาถึงโรงเรียน โห... วุ่นวายดีจริงๆเปิดเทอมวันแรก คนมากมายเลย แล้วผมต้องไปอยู่ห้องไหนละนี่ ผมก็เดินเล่นรอบๆโรงเรียนกับแก้วครับ จนออดดังผมก็มาเข้าแถวครับ หลังจากเข้าแถวเสร็จแล้ว อาจารย์ก็ให้นักเรียนใหม่ เดินหาห้องเรียนของตัวเอง เค้าจะติดชื่อไว้ที่หน้าห้องน่ะ ผมก็เดินหาไป กูจะหาเจอมั้ยเนี่ย

     อ่ะ! นั่นเจอแล้ว ผมได้อยู่ห้อง 3 ครับส่วนไอ้แก้วมันได้อยู่ห้อง 4 (มีห้องเรียนทั้งหมด 6 ห้องอ่ะครับ) แอบเซ็งเล็กน้อย นึกว่าจะได้อยู่ห้องเดียวกัน   ผมเดินเข้าไปเหลียวซ้ายแลขวา  อ๊ะ! ที่ตรงนั้นว่าง ทำเลดีริมหน้าต่างซะก้วย มองไปข้างนอก เห็นหญ้าเขียวๆ แล้วน่าสดชื่อ อากาศดี ลมพัดโชยมาเบาๆ

      หลังจากนั้นก็มีคนทยอยเข้ามากันเรื่อยๆ ดูวุ่นวายมาก กว่าจะได้เข้าห้องกันหมดทุกคนก็ปาเข้าไป 10 โมง

                “นี่นาย ที่ตรงนี้ว่างป่ะขอเรานั่งด้วยคนได้มะ”

       ผมก็แหงนมองหน้ามัน (ยืนยันว่าต้องใช้คำว่าแหงนหน้า ใม่ใช่เงยนะ) โหนี่เด็ก ม .1 เหรอวะ ทำไมตัวมันสูงอย่างนี้วะเนี่ย สงสัยชาติก่อนมันจะทำบุญด้วยเสาไฟฟ้า สูงมาก สูงโคตรๆ จากการประมาณด้วยสายตา น่าจะสูงราวซัก 180 เซนฯกว่าเห็นจะได้ 

                “นี่นาย เราถามว่าที่นั่งตรงนี้ว่างมั้ย” \

                “อ่อ... ว่างๆ นั่งดิ”

            “เออ เราชื่อตุ๊นะ มาจากโรงเรียนปาง... นายล่ะชื่อไร มาจากโรงเรียนไหนเหรอ” โห... มาจากโรงเรียนดังซะด้วยสงสัยจะเรียนเก่งน่าดู ดีๆจะได้ลอกการบ้านมัน (แล้วหลังจากนี้ก็จะได้รู้ว่าผมคิดผิด หึหึ)

            “เราชื่อนะโม มาจากโรงเรียน....”

        แล้วผมก็คุยอะไรกันเรื่อยเปื่อยแหละ เริ่มๆสนิทกันแล้วล่ะ ดูท่ามันก็น่าจะนิสัยดี สุภาพ ผมได้เพื่อนใหม่แล้ว ดีใจจัง ตลอดทั้งครึ่งวันนั้นผมก็ไม่ได้เรียนหนังสือหรอก ก็เปิดเทอมนี่นะ มันก็วุ่นๆแบบนี้แหละ ก็มีแนะนำตัวกันไป อาจารย์คนไหนเข้ามาก็ให้แนะนำตัว สรุปว่าวันนั้นคงแนะนำตัวไป 5-6 รอบ ก็มันมีคาบเรียนประมาณ 5-6 คาบอ่ะ

        ออดดดดดดดดดดดดด ....โอ้เสียงสวรรค์ เวลาที่ผมรอคอยก็มาถึงซะที เที่ยงแว้วววว หิวโคตรๆ สงสัยเมื่อเช้าคุยมากไปหน่อย เลยเสียพลังงานไปเยอะ ต้องเอาพลังงานกลับคืนมา ผมก็เดินลงมากินข้าวกับไอ้ตุ๊


        เดินลงมาก็มองหาไอ้แก้วมัน กลัวมันไม่มีเพื่อนกินข้าว จนเดินลงมาถึงโรงอาหารก็เห็นมันนั่งกับเพื่อนๆใหม่เป็นโขยงเชียว ผู้หญิงนี่ละก็ผูกสัมพันธ์กับคนอื่นง่ายซะเหลือเกิน ผมก็เลยได้กินข้าวกับไอ้ตุ๊  2 คน แล้วก็ไปเดินรอบๆ โรงเรียนย่อยอาหาร ไปสำรวจตึกต่างๆ เพราะอาจจะต้องเดินเรียน ผมกับไอ้ตุ๊ดูจะถูกชะตากันมากไม่ทันไรเราก็สนิทกัน เลยเริ่มพูดกันมึงๆกูๆ มันเป็นคนน่ารักครับ คุยสนุก ค่อนข้างจะสุภาพเลยแหละ  ตอนนั้นผมคิดแค่ว่าดีจังได้มันเป็นเพื่อน เพราะว่าคงไม่มีใครกล้ามารังแกผม 555 ได้บอร์ดี้การ์ดตัวเบ้อเริ่ม   



Violet_Melon

  • บุคคลทั่วไป
คุณ broke-back มาเจิมเป็นคนแรกเลยอ่ะ ขอบคุณมากๆครับ กำลังรีบลงอยู่ครับ มันจัดเลย์เอาท์ยากมาก  :serius2:

ตอนที่ 2: คิดผิด...คิดใหม่
      หลายวันผ่านไป ไวเหมือนโกหก (มุขฝืดดดด)  วันนี้ก็เป็นอีกวันกับชีวิตเด็ก ม.1 วันนี้ผมมาถึงห้องก็เจอไอ้ตุ๊นั่งอยู่แล้ว พอมันเห็นหน้าผมเท่านั้นแหละ มันก็ยิ้มเผล่ ผมเดินไปนั่งที่ผม มันก็ทำท่าเอามือ มาบีบๆนวดๆ ขาผม

       “วันนี้มึงน่ารักจัง เหนื่อยมั้ย มาๆๆๆนั่งก่อนเอากระเป๋ามานั่เดี๋ยวกูช่วยถือ มาๆๆ นั่งๆ” มันทำท่าเอามือปัดฝุ่นที่เก้าอี้ของผม

       “อะไรของเมิง อารมณ์ไหนเนี่ยะ กินอย่าไม่ได้เขย่าขวดรึไง”

       “ป่าว ก็กูเห็นเมิงเดินมาเหนื่อยๆ แหมมึงเห็นกูเป็นคนไงวะเนี่ย”

       “เมิงไม่ต้องมาพูดดีอ่ะ มีไรก็ว่ามา”

       “แหะๆๆ เมิงอ่ะทำเป็นรู้ทันกู แบบว่า เมิงทำการบ้านภาษาอังกฤษมายังอ่ะ”

       “นั่นไงกูว่าแล้ว จะลอกกูว่างั้นเหอะ ทำมาเป็นทำดีกะกู ตอแหลจริงๆ”

       “เออน่าก็เมิงอ่ะ เก่งอังกฤษ มันก็ยาก กูทำไมได้อ่ะ ขอบเอามาดูเป็นแนวทางหน่อย” ถุ๊ยยยย ขอเอาไปลอกก็บอกมาตรงๆ ทำมาเป็นพูดให้ดูดีนะ สาดดดดด

       “ทำไม่ได้ หรือไม่ได้ทำวะ ไอ้ห่า กูก็เห็นเมิงลอกกูทุกอย่างแหละ” ผมคิดผิดจริงๆ ว่าเด็กที่มาจากโรงเรียนดังๆอย่างมันเนี่ยะ น่าจะเรียนเก่ง ที่ไหนได้ ดูมันเหอะ ผมก็ทำเป็นบ่นอุบอิบ แต่ก็ยอมให้มันลอกอยู่ดี

         ขณะที่มันกำลังก้มหน้าก้มตาลอกการบ้าน ผมถึงได้มีเวลามาพิจรณา รูปร่างหน้าตาของมัน คนอะไรวะสู๊งงงสูง คงสูง 180 กว่าแน่เลย ผมอ่ะสูงแค่หน้าอกมันได้มั้ง ตัวมันก็ล่ำๆ ผิวคล้ำหน่อย ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเด็กมอต้นอายุแค่ 13 แถมมันยังอ่อนเดือนกว่าผมด้วยตั้งเป็นครึ่งปี คิ้วมันก็ดก ปากอิ่มได้รูปสีแดงนั่น ทำให้ใบหน้ามันยิ่งแลดูมีเสน่ห์มากขึ้นไปใหญ่ หันกลับมามองดูตัวเอง... แล้วทำไมตัวกูกะเปี๊ยกแบบนี้วะ แถมตัวก็ผอมอีก เฮ้อออ... อยากตัวโตๆแบบนี้มั่งจัง ซักพักมันคงรู้แหละว่าผมจ้องมันอยู่ ก็เริ่มออกอาการหน้าแดง แก้มแดง หูเหอแดง ขึ้นมาทันทีทันใด

       “มองเชี่ยะไรวะ หน้ากูมีไรติดรึไง” นั่นลอกของกูแล้วยังมาปากดีกะกู เดี๋ยวโดดเตะคอหัก (แหะๆ แต่ต้องให้มันนอนลงนะ จะได้เตะถึง)

       “อ่ะเอาไป เสร็จแล้ว ขอบใจ”

       “เออ กูมันก็มีประโยชน์แค่นี้แหละว้า”

       “เออน่า เดี๋ยวกลางวันเลี้ยงข้าว”

       “จริงอ่ะ เย้ๆๆๆๆ แต่ก่อนอื่น…”

       “ไรของเมิงงง”

       "ให้กูขี่คอลงไปเข้าแถวด้วย” ว่าแล้วก็โดดเกาะหลังมัน ฮ่า ฮ่า สบายไม่ต้องเดิน

       คือผมชอบขี่คอมันอ่ะครับ ก็มันตัวใหญ่ แบกผมได้สบายๆ ผมถามมันนะว่าไม่หนักเหรอ มันก็บอกว่าผมตัวกะเปี๊ยกเดียวแล้ว แบกผมสัก 10 คนก็ยังไหว (ว่าเข้าไปนั่น ดีงั้นกูขอขี่มึงทุกๆวันเลยละกัน) ได้ขี่หลังมันแล้วรู้สึกดียังไงก็ไม่รู้  เอ่อ... ผมแค่จะบอกว่าที่บอกว่ารู้สึกดีน่ะ ก็เพราะว่าได้ขี่คนตัวใหญ่ๆ รู้สึกเหมือนมีอำนาขอย่างไรก็ไม่รู้ หึ หึ หึ

       ผมกับไอ้ตุ๊ ตัวติดกันอย่างกับปาท่องโก๋ มีผมที่ไหนก็มีมันที่นั่น แล้วตอนนี้ผมก็รู้จักเพื่อนใหม่ๆเพิ่มมากขึ้น แล้วก็เริ่มจับกลุ่มกัน ตอนนี้กลุ่ม ผมก็จะมีอยู่ 6 คนแหละครับ ก็มี ไอ้ตุ๊ ผม ไอ้อุ้ย ไอ้ต้น ไอ้ตั้ม แล้วก็ไอ้คิด พวกมันตัวใหญ่กว่าผมกันทุกคน จะมีก็แต่ไอ้อุ้ยนี่แหละที่ตัวเท่าๆกับผม แกงค์ผมก็แสบๆคันๆกันทั้งนั้น ทั้งดื้อ ทั้งเสียงดัง เป็นขาโจ๋ ประจำห้องเลย  โดนอาจารย์ตีเป็นประจำก็เพราะไอ้ความทะลึ่ง ทะเล้นของพวกผมนี่แหละ





ออฟไลน์ Mookkun

  • magKapleVE
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 637
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
    • Consensual free relationships
*-* 
รอนะๆๆ
ลงละเดี๋ยวบวกให้ ^__^

ออฟไลน์ kitty

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +258/-7

Violet_Melon

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 3: อยากโต T_T

       เทอมนี้วิชาพละศึกษา อาจารย์จะสอนกีฬาเทเบิลเทนนิส หรือปิงปอง แต่...ไม่อยากจะบอกว่านะ ทักษะทางด้านกีฬาของผมนะ ห่วยมากถึงมากที่สุด แค่ส่วนโต๊ะปิงปองน่ะ ก็ดูเหมือนว่าจะสูงเกือบเท่าอกผมแล้ว  แค่คิดก็ปวดใจ แล้วแบบนี้ผมเล่นได้อย่างไรเนี่ย ดูคนอื่นเค้าก็ไม่ค่อยจะมีปัญหากันซักเท่าไร ก็หันไปหาไอ้อุ้ย(จำมันได้ป่ะ ที่เป็นเพื่อนในกลุ่มผมแล้วตัวมันเท่าๆกับผม) มองหน้ามันมันก็ยิ้ม คงรู้แหละว่าผมจะถามอะไรมันก็บอกว่า

       “ยืนไม่ถึงเหรอ 555 เตี้ยเอ๊ย” สาดดดด ต่อยกะกูเลยมะ ผมก็ไปลองยืนเทียบกับโต๊ะ O_o สูงเกือบถึงอก

       เล่นไปเล่นมาก็สนุกดีแฮะ ตีถูกมั่งไม่ถูกมั่ง  ผมวนเปลี่ยนกันเล่นไปทีละคน และแล้วก็มาถึงคราวผมเล่นกับไอ้ตุ๊

       “กูเอาจริงนะ ไอ้โม” ไอ้ตุ๊ทำท่าขู่

       “เออ อาจริงซะทีเหอะ แพ้แล้วอย่ามาคร่ำครวญ”

        “ทำเป็นปากดีนะเมิง กูจะคอยดูน้ำหน้าเมิง”

       ตอนแรกก็สนุกดีหรอกครับเล่นไปได้ซักพักผมก็เริ่มหงุดหงิด เมื่อผมรู้สึกเหมือนว่าจะโดนแกล้ง แล้วผมก็เริ่มโวยวายตามนิสัยของผม

        “แม่ง ไอ้ตุ๊มึงโกงกู”

        “โกงไรเมิงง พูดดีๆ เมิงอ่ะอ่อนเอง อย่ามาพาล”

        “เชี่ย ก็เมิงเล่นหยอดแต่หน้าเนต ใครจะไปรับได้วะ ขี้โกง”

        “อ๊าวว แล้วมันมีกฏข้อใหนว่าห้าม หยอดหน้าเนตวะ มึงบ้าป่าวว สู้เค้าไม่ได้แล้วมาพาล ขี้แพ้ชวนตี” มันทำท่ากวนตีนใส่ผม ผมยิ่งปรี๊ดขึ้นมาใหญ่

“เออ เมิงจะเล่นแบบนี้ใช่ป่ะ เชิญเมิงเล่นไปคนดียวเหอะ กูไม่เล่นแล้ว” ผมโยนไม่ทิ้งใส่โต๊ะ แล้วเดินออกมาด้วยอารมณ์โมโห อย่างมาก เซ็งเป็ด ผมก็เดินห้องน้ำว่าจะ ล้างหน้าล้างตาซะหน่อย ระหว่างที่ผมเดินก้มหน้าก้มตา หน้างอเป็นจวักตักข้าว เหลียวมองข้างหลังเป็นระยะๆ ด้วยคิดว่าไอ้ตุ๊มันจะตามมาง้ออย่างที่มันเคยทำ ได้แต่คิดในใจว่าแม่ง...มันไม่คิดจะตามมาง้อกูเลยใช่ไหมเนี่ยะ เพราะปกติผมงอนทีไร ไอ้ตุ๊ก็จะเป็นฝ่ายมาง้อผมตลอด ยิ่งเห็นว่าไอ้ตุ๊ไม่ตามมาง้อผมซะที ผมก็ยิ่งงอนหนักยกว่าเดิมอีก ระหว่างนั้นผมด้วยตวามไม่ระวังผมก็เดินไปชนใครบางคนเข้า

        “โอ้ย! ใครวะแม่งเดินไม่ดูตาม้าตาเรือ คนยิ่งหงุดหงิดๆ อยู่” นี่แหละนิสัยผม มีอะไร ก็โวยวายไว้ก่อนแหละ ผิดถูกไม่รู้ขอให้ได้พูด ทั้งๆที่ผมเองแหละที่เดินไม่ดู

        “นี่ นายเดินมาชนเราเองนะ ขอโทษ ก็ไม่ขอโทษ ยังจะมาพูดแบบนี้อีก มารยาทอ่ะมีมั้ย”

        ผมก็เงยหน้าขึ้นมาองมัน โห แม่งตัวบักเอ๊บ (ภาษาถิ่นครับ แปลว่าใหญ่มาก ^ ^) สูงพอๆกะไอ้ตุ๊ได้เลยมั้งเนี่ย  ผมได้แต่คิดในใจ ... นี่กูจะโดนมันต่อยป่าววะ แล้วก็เหลือบไปเห็นชื่อที่อกเสื้อมัน  “เฉลิมพล ศิ....” อ่ะ นามสกุลมันคุ้นๆ น๊า เหมือนเคยเห็นที่ไหน นึกไม่ออกว่ะ ช่างแม่ง จำชื่อมันได้แล้วถ้ามึงต่อยกูจริง กูจะไปฟ้องครู หึ หึ  ชื่อมันขึ้นต้นด้วย “ฉ” สงสัยคงจะเรียนอยู่ห้อง 1/1 (คือว่าเทอมแรก จะแบ่งนักเรียนออกเป็น 6 ห้อง โดยเรียงลำดับตามตัวอักษรน่ะครับ แล้วเทอม 2 ค่อยแบ่งห้องตามเกรดเฉลี่ยครับ) ตอนนี้นึกถึงไอ้ตุ๊เลย ถ้ามันอยู่ด้วยนะมันต้องปกป้องผมได้แน่ๆเลย ฮือออออออ ไอ้ตุ๊มาช่วยกูที
       
         “ไม่มีเว้ย เผอิญพ่อแม่กู ไม่ได้สั่งสอน” เวงกรรมกู ตัวแค่เอวเค้าเนี้ยะ เมิงจะโดนมิใช่น้อย ถ้ามันเล่นงานกูขึ้นมา คาดว่าไม่ตายก็คางเหลืองล่ะนะ แต่ทำไงได้ปากมันเร็วกว่าความคิดไปแล้ว

         “เออ มึงทำเป็นปากดี ระวังปากจะมีสี” สันดานหยาบของมันเริ่มออก เริ่มขึ้นมึงขึ้นกู เลวจริงๆ (จริงๆแล้วเป็นมึงเองไม่ใช่รึ ที่ขึ้นมึงขึ้นกูกับเค้าก่อน --> จิตใต้สำนึก - -“)

          “ทำไม มึงนึกว่ากูกลัวมึงเหรอ” ยังครับ ผมยังปากดีไม่เลิก
         “เฮ้ย ไอ้เวอร์ทำไรอยู่วะ เร็วๆจะเปลี่ยนคาบแล้ว” เสียงเพื่อนมันเรียกครับ ชื่อเวอร์เหรอวะ เออดีรีบๆลากมันไปซะดีก่อนที่กูจะเตะมันคอหัก (คิดในใจไปงั้นแหละ จริงๆแล้วสูงแค่เอวมัน ไม่โดนมันเตะคอหักก็บุญแค่ไหนแล้ว)

          “ฝากไว้ก่อนเถอะ มึง”แล้วมันก็รีบเดินตามเพื่อนมันไป
           เฮ่ออออ รอดตัวไปที แล้วผมก็ไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตา ไปนั่งรอบนห้องเรียนคาบต่อไป ผ่านไปซัก 10 นาทีพวกมันก็เดินตามขึ้นมา ไอ้อุ้ยก็ถือกระเป๋ามาส่งให้ บอกว่าผมลืมกระเป๋าไว้ที่ห้องพละแล้วมันก็เดินไปนั่งอีกโต๊ะที่อยู่ข้างหลัง ไอ้ตุ๊ มันก็เดินมานั่งข้างๆผม แต่ ... ชิส์ ผมงอน ผมก็ลุกไปนั่งกะไอ้อุ้ยมัน ไอ้อุ้ยมันก็มองหน้าผมยิ้มๆ ทำท่าล้อเลียน ผมทำหน้าดุใส่มัน แล้วก็นั่งลงเรียน จนหมดคาบ ก็ถึงเวลาพักเที่ยงพอดี เลยลงไปกินข้าวกลางวัน ตอนกินข้าวไอ้ตุ๊มันก็มานั่งข้างๆผม ผมก็ทำท่าจะลุกหนีไปนั่งข้างไอ้ต้น  แต่ไอ้ตุ๊มันก็คว้าข้อมือไว้ ผมก็ได้แต่ค้อนมัน(เริ่มมีมองค้อน แฮะๆๆ) แล้วก็นั่งลงที่เดิม แต่ก็ยังงอนมันยู่ ก้มหน้าก้มตากินไปไม่สนใจมัน มันก็พยายามชวนคุยนะ แต่...ชิส์ ผมไม่สน

         “โกรธเหรอ กูขอโทษกูก็แค่แหย่มึงเล่นๆ”

        “ไม่ได้โกรธ ทำไมต้องโกรธ มึงไม่ได้ทำไรผิดนิ”

         “ไม่โกรธ งั้นก็งอน”

         “ไม่ได้งอน กูจะงอนทำไม กูเสือกเกิดมาตัวเล็กเอง เลยเล่นสู้เมิงไม่ได้ แล้วไง”

         “นั่นไง มึงงอนจริงๆด้วย อะไรว๊าาาา แค่นี้ก็ทำงอน เป็นผู้หญิงไปได้ โอ๋ๆๆๆ หายงอนนะ”

        “...” เงียบ ไม่สนว้อย ไม่ต้องมาทำเป็นง้อ (จริงๆก็ไม่ได้โกรธไม่ได้งอนไรมากมาย แต่ทำฟอร์มไปงั้นแหละ อิอิ)

        “กูว่านะผู้หญิงเค้ายังไม่ขี้งอนเท่ามึงเลย อย่าทำตัวงี่เง่าน่า เรื่องแค่นี้เอง” พวกเพื่อนเข้ามารุมประนามผม

        “เออ ใช่ๆ” ไอ้ต้ำกะไอ้ต้นมันผสมโรงกัน รุมกูใหญ่ ผมก็ได้แต่ทำตาเขียวปั๊ดใส่มัน จนพวกมันหยุดพูด แล้วกินข้าว ต่อไป พอไอ้ตุ๊มันกินเสร็จมันก็ลุกเดินไป ผมก็มองตามหลังมันไป อาไรว้า...จะง้อกูอีกหน่อยก็ไม่ได้ เอ๊ะ! หรือว่ากูจะเล่นตัวมากไปหน่อย ตามมันไปจะดีมั้ยนะ .... ม่ายๆๆๆ เดี๋ยวเสียฟอร์ม มันหายไปได้ซักพัก มันก็กลับมาพร้อมกับถ้วยไอติม มันยื่นให้ เชอะแค่นี้คิดว่ากูจะหายโกรธเหรอ แต่ก็ยอมรับไอติมจากมือมันมาแต่โดยดี(เห็นแก่กินโน๊ะ >_<) แอบมองมัน มันก็ยิ้มๆ แล้วก็นั่งลงข้างๆ

        “ไรวะ มึงเลี้ยงไอ้โมคนเดียวเอง แล้วพวกกูล่ะ” พวกเพื่อนผมมันโวยวาย

        ไอ้ตุ๊  : “อยากกิน ก็ไปซื้อเอาเองดิ ตังค์พวกมึงก็มี”

        ไอ้ตั้ม : “แม่งลำเอียงว่ะ จำไว้เลยมึง”

        ไอ้คิด : “เมิงก็ต้องงอน กะมันบ่อยๆโว้ย มันถึงจะซื้อ ให้มึงกิน เมิงดูดิ๊ ไอ้โมงอนไอ้ตุ๊ทีไรมันได้กินฟรีทุกเที่ยว ถ้าเป็นกูนะกูจะงอนแม่งทุกวัน ได้กินฟรีๆ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
 
        เออ จริงว่ะ ไอ้คิดเมิงพูดถูกว่ะ เด๋วกูงอนมันแม่งทุกวันเลยดีกว่ากูจะได้กินฟรีๆ อิอิอิ แค่คิดก็น้ำลายสอแล้ว เป็นความคิดที่ดีมากๆ

        ไอ้ตุ๊  : “จะได้กินหน้าแข้งกูแทนน่ะสิ”

        ชิ้งงง!!! (เป็นเสียงสายตาที่ผมค้อนไอ้ตุ๊น่ะ ) มันก็หันมายิ้ม หัวเราะแหะๆ ประมาณว่า กูล้อเล่งงง แล้วผมก็ก้มหน้าก้มตากินต่อไป พวกมันก็ลุกไปซื้อไอติมมากินกันมั่ง ส่วนไอ้ตุ๊มันก็กินถ้วยเดียวกะผมแหละ (ช้อนคันเดียวกันด้วยล่ะ) ตอนพวกมันกลับมา ผมก็กะลังตักไออติมใส่ปากไอ้ตุ๊มันพอดี (เรียกว่าป้อนน่ะแหละ)

        ไอ้คิด : “โห มีป้อนกันด้วยวุ้ย ยังกะผัวเมียกันแน่ะพวกมึง 2 คน”

         ผม  :  “กินไปพวกมึงอย่าพูดมาก จะกินมั้ย หรือจะให้กูช่วย” ผมพูดพร้อมกับหยิบช้อนทำท่าจะตักไอติมมัน มันก็รีบยกถ้วยหนี จะบอกว่าตอนนั้นที่พวกมันแซว ผมก็ขำๆอ่ะครับ ไม่ได้มีอาการเขินอายอะไร ก็ตอนนั้นมันไม่ได้มีไรจริงๆ ผมไม่ได้คิดอะไรกับไอ้ตุ๊มันซักหน่อย แล้วที่สำคัญ ผมยังไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไรด้วยซ้ำ ก็ยังเด็กอยู่นี่นะ ไร้เดียงสาครับ ไร้เดียงสา (/me ทำหน้าแบ๊ว)


Violet_Melon

  • บุคคลทั่วไป
คุณ mook30628031 คุณ kitty  ขอบคุณมากๆครับ

ตอนที่ 4: อย่าทำแบบนี้...ไม่ดีๆ หัวใจจะวาย

       วันนี้ผมก็มาเรียนตามปกติแหละ ช่วงนี้กะลังสนุกกับการมาเรียนมากมายครับ อะไรใหม่ๆมักจะทำให้เราสดชื่นเสมอ เพื่อนใหม่ ห้องเรียนใหม่  บรรยากาศใหม่ๆ ฮ๊าาาาาาาา (สู้หายใจ) มีความสุขจริงๆเลยกรู วันนี้แกงค์ผมก็มากันพร้อมหน้าแหละ  วันนี้ตอนบ่ายมีเรียนสังคมศึกษาตั้ง 2 คาบแน่ะ(เป็นวิชาที่ผมไม่ชอบเอาซะเลย)  แล้วก็คาบสุดท้ายก็เป็นชั่วโมงอิสระ พวกผมก็เข้าไปเรียนสายกัน(อีกตามเคย) เพราะช่วงพักกลางวันไอ้พวกเพื่อนๆผม มันมัวไปนั่งเหล่สาวกันที่โรงอาหาร ผมก็เป็นไปกะเค้าด้วยแฮะ ขำๆน่ะ แค่สนุกสนาน ไปตามวัย หุ หุ

       พอเข้ามาถึงทำไมมันเสียงดังผิดปกติฟระ เพราะว่าปกติ ถ้าเรียนวิชานี้ จะต้องเงียบตั้งใจเรียนกันมาก เพราะอาจารย์แกโหดมากๆ

       ปรากฏว่าอาจารย์ไม่อยู่ครับ พวกกลุ่มผมก็เลยชวนกันว่าจะลงไปเตะบอลกัน แต่ปรากฏว่า ทันทีที่ก้าวออกจากห้อง ก็จ๊ะเอ๋กับอาจาย์สอนภาษาไทย(มาสอนแทนครับ และโหดไม่แพ้กัน) แกเดินเข้ามาบอกว่าไม่ให้ออกไปไหนไม่งั้นจะจดชื่อไปให้อาจารย์สุจินดา(ชื่ออาจารย์สอนสังคมศึกษา) ให้นั่งอ่านหนังสืออยู่บนห้อง พวกผมออกอาการเซ็ง เดินคอตกกันกลับมานั่งที่ ไม่นานนักฝนก็เทกระหน่ำลงมา อากาศก็เริ่มเย็นลง  ผมกับเพื่อนๆเดินมานั่งริมหน้าต่างหลังห้อง ทำท่าเป็นเอาหนังสือขึ้นมาอ่าน แต่ขี้เกียจง่ะ นอนดีกว่าแฮะ อากาศกำลังเย็นสาบยเลยด้วย
       ว่าแล้วก็ฟุบลงไปกะโต๊ะ... แต่แต่ปวดหลังแฮะ นอนไม่ถนัดเลย ผมเลยจัดแจง ไปลากเก้าอี้มาอีก 2 ตัว เอามาต่อกัน จะได้นอนสบายๆ ... เอาล่ะจะนอนละนะ แล้วก็ล้มตัวลงนอน...นอนบนตักไอ้ตุ๊มัน หุหุ สบายดีจริงๆ ไอ้ตุ๊มองผมงงๆ ตอนนี้มันกำลังนั่งอ่านการ์ตูน ผมยิ้มเอาปากทำท่าส่งจูบให้มัน แล้วก็นอนหงายบนตักมัน  มันก้มลงมามองผมยิ้มๆ เอามือลูบหัวผมเบาๆ ผมก็แยกเขี้ยวใส่มัน แล้วก็นอน หลับไป
                    Z
          z
 
    Z
          Z
                                                z
       z
                        Z
 
          Z
                                    z

       นอนหลับนานแค่ไหนก็ไม่รู้  ผมรู้สึกเหหมือนมีอะไรก็ไม่รู้ มันแข็งๆอุ่นๆ มาดุนอยู่ใต้ต้นคอผมอ่ะ งืมๆๆ แต่ด้วยความง่วง ผมก็งัวเงียๆ ขยับเปลี่ยนท่านิดนึง ก็ถึงได้รู้ว่า ไอ้ตุ๊มันหลับอยู่ครับคือมันเอาหน้าผากมันวางไว้บนขอบโต๊ะอ่ะแล้วก็หลับ หน้ามันกับหน้าผมก็เลยอยู่ตรงกันพอดีะ มือข้างขวาของมันมาวางไว้บนหน้าอกผม แล้วมือมันก็มากุมมือผมไว้ตั้งกะเมื่อไรก็ไม่รู้ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรงัวเงียขึ้นมานิดนึงแล้วก็หลับ

          Z
               z
 
         Z
              Z
                                                z
         z
                        Z
 
             Z
                                    Z


        ... ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้ง  ก็พบว่าตัวเองมานอนหงายอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ดูเหมือนจะเป็นกระท่อม มุงแฝกแฮะ โห ข้างนอกทำไมมันมืดอย่างนี้วะ สงสัยฝนจะตกอากาศก็เย็นๆ บรื๋ออออ....หนาวจัง ผมพยายามจะดันตัวลุกขึ้น แต่ว่าทำไมตัวมันหนักอย่างนี้วะ ลุกไม่ขึ้นอ่ะ ไม่มีแรงด้วย นี่ผมเป็นอะไรไปเนี่ย สงสัยจะไม่สบายแฮะ ไม่เป็นไรลุกไม่ได้ ก็ไม่ต้องลุก นอนมันอยู่อย่างนี้แหละ ว่าแต่ว่าที่นี่มันที่ไหนวะ เอ..... หรือว่ากูจะถูกจับมาเรียกค่าไถ่ หรือว่าถูกจับมาข่มขืน  ไม่นะ ม่ายยยยยย แม่จ๋าช่วยหนูด้วยยยยย (โป๊ก! ฟุ้งซ่านจริงนะมึง --> จิตใต้สำนึก)

       ผมนอนอยู่อย่างนั้นจะขยับตัวก็ไม่ได้ หมดเรี่ยวหมดแรงจริงๆ(เพิ่งมารู้ทีหลังว่า ไอ้อาการแบบนี้ละมั้งที่เค้าเรียกว่าผีอำ ) ตอนนี้ฝนก็ตกลงมาอย่างกับฟ้ารั่ว ผมได้แต่นอนมองหลังคาแฝกผุๆ  แต่ เหวอ มีฝนหยดลงมาด้วย เวรกรรมจริงๆ แล้วไอ้ฝนเจ้ากรรมมันก็ย้อยหยดลงมาตรงหน้าผากผม จะหลบก็หลบไม่ได้  แปะ! เม็ดแรกเต็มๆเลย แล้วนั่น เม็ดที่สองกำลังตามมา ไม่ได้การละ เม็ดใหญ่เลยทีนี้ โดนเข้าไปมีหวังแฉะแน่  ไม่ได้การละต้องหลบให้พ้น ผมพยายามรวบรวมกำลังที่มีเพื่อที่จะลุกขึ้นแต่ เหมือนร่างกายมันไม่ยอมทำตามคำสั่ง มันเริ่มย้อย ค่อยๆ หยดลงมา

       ...... แต่ก่อนที่มันจะหยดลงมาโดนหน้าผมนั้น ผมก็รวบรวมพลังทั้งหมดสะบัดหน้าแรงๆ พรืดๆๆ ..... ในที่สุดผมก็หลบมันพ้น เป็นพอดีกับที่ผมตื่นขึ้นมาพอดี เฮ้อ....เหนื่อยชิบเป๋ง แต่ว่า พอผมลืมตาขึ้นมา ผมก็ต้องพบกับเรื่องที่ทำให้ผมต้องตกใจยิ่งกว่า เป็นเรื่องที่ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่า ไอ้ตุ๊มันจะกล้าทำกับผมแบบนี้ แล้วผมเองก็ยังไม่ได้เตรียมใจที่จะพบกับเรื่องแบบนี้ .......


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






Violet_Melon

  • บุคคลทั่วไป
ตอนพิเศษ: รักแรก

        ตอนนี้เป็นตอนพิเศษนะครับ จำเป็นต้องเขียนตอนนี้ก่อนเพราะว่า เดี๋ยวเพื่อนจะอ่านตอนต่อไปไม่รู้เรื่องน่ะครับ

        ตอนนั้นผมยังเรียนอยู่ประถมครับ (ประมาณ ป.2 - ป.3 นี่แหละจำไม่ได้แล้ว) ก็อย่างที่บอกนะครับ ผมเป็นเด็กโตช้า ตัวเล็กนิดเดียว จึงเป็นเป้าหมายของพวกเด็กเกเรๆ ที่ชอบแกล้งคนอื่น ผมมักจะโดนไอ้พวกเด็กเกเรที่เป็นรุ่นพี่ ป.5-ป.6 แกล้งบ่อยๆ ตอนนั้นจะมีอยู่แก๊งค์นึงที่ชอบแกล้งคนอื่นไปทั่ว โดยเฉพาะผมนี่โดนมันแกล้งเป็นประจำ กลุ่มนี้มันมีกัน 4-5 คน เท่าที่จำได้ก็มี ไอ้เพลิง ไอ้แง ไอ้อุ๊ ไอ้แป๊ะ ไอ้หนึ่ง ตัวร้ายๆกันทั้งนั้น โดยเฉพาะไอ้แป๊ะตัวอย่างกับควาย ผมเห็นไอ้พวกนี้เดินมานะผมต้องรีบวิ่งหนี ไม่ก็หลบมัน กลัวพวกมันที่สุดแล้วตอนนั้น

        มีวันนึงที่โรงเรียนเหมือนจะจัดงานประชุมอะไรซักอย่างก็มี ครูจากต่างโรงเรียนมาประชุมกันมากมาย เต็มโรงเรียนไปหมด พวกครูในโรงเรียนก็ต้องไปประชุมกันหมด เด็กๆก็เลยไม่ต้องเรียนหนังสือ ออกมาวิ่งเล่นกันสนุกสนาน ผมก็ได้ออกมาวิ่งเล่นไล่จับ กับเพื่อนๆกันสนุกสนาน ดีใจจังไม่ต้องเรียนหนังสือ ขณะที่ผมกำลังวิ่งไล่จับกันสนุกสนานอยู่นั้น

        “เฮ้ย! โมระวัง” เอี๊ยดดดดดดดด ปึ๊ก

        ไม่ทันซะละ ผมวิ่งไปชนใครคนนึงเข้าอย่างจัง ผมน่ะกระเด็นเลย แต่ไอ้ใครคนนั้น มันไม่สะเทือนเลยสักกะนิด พอผมเงยหน้าดูมันเท่านั้นแหละ ฮืออออ แทบจะร้องไห้ ไอ้พวกนั้นมันมากันครบแกงค์เลย ผมลุกขึ้นเตรียมตัวจะวิ่งหนี แต่ไม่ทันละ มันเข้ามาล็อกตัวผมไว้เรียบร้อย

        “วันนี้มาหากูถึงที่เลยนะมึง ดี กูกำลังไม่มีอะไรทำอยู่พอดี”

        แล้วพวกมันก็ลากผมมาแถวๆห้องน้ำ ด้านหลังโรงเรียน ....โอย กูจะโดนพวกมันรุมโทรมมั้ยนี่ (โป๊ก เพ้อเจ้อ ! --> จิตใต้สำนึก)

        “อ๊ากก ปล่อยกูนะ ไอ้พวกบ้า ปล่อยเด้”

        “เฮ้ย! พวกมึงเอาไงกะมันดีวะ อัดมันเลยมะ”

        “ไอ้บ้า เดี๋ยวมันก็ตายห่ากันพอดี อืมมมม... เอางี้ กูว่าจับมันแก้ผ้า ดีกว่า ฮ่า ฮ่า”

        “เออๆ ดีๆๆ เอาเลยช่วยกันจับมันดิ๊ เดี๋ยวกูแก้ผ้ามันเอง”  -*- ไม่ต้องช่วยกันหรอก แค่ไอ้ควายแป๊ะตัวเดียวกูก็ดิ้นไม่หลุดแล้วววว ไอ้ฟาย

        “ปล๊อยย ปล่อยกูนะ กูจะฟ้องครู ฮือออออ ไอ้บ้า” ผมร้องไห้ไปด้วย ดิ้นด้วย ไอ้แป๊ะก็รัดผมจนเจ็บไปหมด แต่แทนที่พวกมันจะหยุด มันกลับช่วยกันรุมทึ้ง ผมยิ่งกว่าเดิม

        "ฟ้องครูเอ๋อ ฟ้องครูเอ๋อ  กูกลัวตายล่ะ นี่แน่ะ นี่แน่ะ 5555 ถอดออกให้หมดเลย  555" แต่ก่อนที่เสื้อผ้าของผมจะได้ทันหลุดออกจากตัวนั้น...
 
        “เดี๋ยว พวกมึงหยุดก่อน” เสียงไอ้เพลิงครับ หัวหน้าแก๊งค์ สงสัยมันจะใจอ่อนไม่อยากแกล้งผม แล้ว อืม ก็เป็นคนดีเหมือนกันนี่มึง

        “กูคิดอะไรดีๆ ออกแล้วว่ะ”มันพูดแล้วทำหน้าเจ้าเล่ห์ กรรมละกู เห็นนรกมารออยู่ข้างหน้าละ ไอ้นี่มันแสบที่สุดละ กูจะโดนอะไรวะนี่

        “เดี๋ยวกูมา ไอ้หนึ่งไปกับกูดิ๊ “มัน 2 คนหายกันไปแถวๆหน้าโรงเรียน ที่เค้าปลูกดอกไม้กันไว้เยอะๆมัน 2 คนหายไปได้ซักแปบ มันก็กลับมา พร้อมกับ .... พร้อมกับ .....พร้อมกับ กรี๊ดดดดดดดดดด “หนอนแก้ว”

        หมายเหตุ : ขออธิบายนิดนึง เกี่ยวกับ ไอ้เจ้า “หนอนแก้ว” เนี่ยะ เพื่อนๆรู้จักกันมั้ยครับ มันเป็นหนอนตัวเขียวๆ ที่อยู่ตามต้นดอก “แพงพวย” อ่ะครับคือมันตัวเท่าๆนิ้วก้อยอ่ะครับ ตัวเขียวๆ แล้วก็มีจุด สีขาว-ดำ อยู่ที่ตรงหัวมันอ่ะ ซึ่งเหมือน ตาโตๆ ของมันอ่ะครับ น่ากลัว มากกกกกกกกก กลัวที่สุดแล้วไอ้ตัวนี้ ปัจจุบันก็กลัวอยู่ แค่นึกถึงก็ขนลุกแล้ว บรื๋ออออออออ (ก็ตอนนั้นไม่เห้นว่าไอ้เจ้า "หนอนแก้ว" มันจะน่ารักเหมือนไอ้หนอนชาเขียวตรงไหน)

        กลับมาเข้าเรื่องกันต่อ

        ทันทีที่ผมเห็นมันจับหนอนแก้วมาเท่านั้นแหละ

         “ม่ายยยยย ปล่อยกู๊ ไอ้บ้า ฮือๆๆๆ ปล่อยกูนะ ไอ้พวกเชี่ย ปล๊อยยยยยย”

        “โห ปากนักดีเหรอ มีด่าด้วย มันต้องเจอแบบนี้” ว่าแล้วไอ้เพลิงมันก็เอาหนอนแก้วมาเกาะที่ แขนผม

        “อ๊าาาาาา เอาออกไป เอาออกไป๊ ไอ้เชี่ย ฮืออออออออ เอาออกป๊ายยยยย” เข่าอ่อนเลยครับ แต่มันไม่ปล่อยผมหลุดมือหรอก ไอ้แป๊ะมันยังรัดตัวผมแน่นอยู่ นี่ผมจะรอดมั้ยนี่ ถ้าไม่หัวใจวายตายซะก่อน ก็คงจะโดน ไอ้แป๊ะรัดจนตายก่อน

        “อ๊ะ ยังไม่หายปากดีมันต้องเจอแบบนี้ พวกมึง บีบให้มันอ้าปาก ดิ๊” แล้วพวกมันก็มารุม เอามือมาบีบปากผม แล้วก็หยิบหนอนมาจะใส่ปาก ผม

        “อ๊อก!  อ๊าก! กูหายใจไม่ อ่อก! ”จะตายครับผม กลัวก็กลัว หายใจก็ไม่ออก ฮืออออ ใครก็ได้ช่วยกูด้วย และแล้ว ....ก่อนที่ผมจะได้กินหนอนแก้วเป็นอาหารว่าง

        “หยุดนะ! นี่พวกเธอ ทำอะไรกันอยู่น่ะ หยุดเดี๋ยวนี้นะ”เป็นเสียงผู้หญิง เสียงใครสักคนนึง ดังขึ้นข้างหลังไอ้พวกนั้น  แค่นั้นแหละ ไอ้พวกนั้นมันก็วิ่งกระจัดกระจาย หายกันไป ส่วนผมก็นั่งทรุดแหมะ สะอึกสะอื้นอยู่ตรงนั้น  แล้วใครคนนั้นก็ มานั่งลงข้างหน้าผม

        “เป็นอะไรมามั้ยหนู เงียบซะ มาทางนี้มา เนื้อตัวมอมแมไปหมดแล้ว”แล้วเค้าก็จูงมือผมมานั่งที่โต๊ะหินอ่อน

        “อ่ะ หยุดร้องไห้ได้แล้วจ้ะ ไม่เป็นไรแล้วนะ”

        “ฮือ ฮึก ฮึก”ผมยังร้องไห้สะอึกสะอื้น

        “เงียบได้แล้วจ้ะ นี่เอานี่ไปนะ” ใครคนนั้นหญิบลูกอมจากในกระเป๋าถือยื่นให้ผมสองเม็ด แล้วแกะลูกอมอีกเม็ดยื่นให้ผม

        ผมรับลูกอมมาใส่ปาก แต่ก็ยังสะอื้น ฮั่กๆ อยู่ นึกว่าจะตายซะแล้วกู ใครคนนั้นก็มองผมยิ้มๆ ผมเพิ่งได้เห็นหน้าเค้าชัดๆครับ คงอายุราวๆ 30 กว่าๆ แต่ยังสวยอยู่เลย ผมยาวหยักศกนิดๆ หน้าขาว ตากลมโต ปากบางสวย ทาลิปสติกสีชมพูอ่อนๆ แต่งหน้านิดหน่อยยิ่งทำให้ใครคนนั้นดูสวยยิ่งขึ้นไปอีก  สวยมากเลยนะเนี่ยะ หน้าตาประมาณ “คุณลูกศร ธนาภรณ์ รัตนเสน” เลย (ไม่รู้ว่าจะรู้จักกันหรือเปล่า นางเอกช่อง 7 สมัยนั้น ตอนนั้นละครเรื่อง “ตะวันชิงพลบ”กำลังดังฮะ คือผมชอบนางเอกคนนี้มากอะ ไม่รู้ว่าตอนนี้หายไปไหนแล้ว) โอ้วว ไม่ไหวแล้วตกหลุมรักเข้าอย่างจัง สวยแถมยังใจดีอีก โอยยยย ใจละลายยยย

       “ชื่ออะไรจ๊ะหนู”นั่น เสียงก็เพราะ เพอร์เฟคจริงๆ ผมก็มัวแต่ตะลึงอยู่
       “ว่าไงจ๊ะ ชื่ออะไรล่ะเรา”
       “ฮึก ฮึก ชื่อ นะโม ฮึก ครับ”
      “แล้ว  ... บลา ๆๆๆๆๆ”นั่งปลอบผมอยู่ได้พักนึง คุณเค้าก็บอกว่าต้องไปประชุมต่อ ผมก็ขอบคุณเค้า ตอนเค้าลุกขึ้น ผมก็เหลือบไปเห็นป้ายชื่อที่หน้าอกเค้า “เยาว...    ศิ....” แหมชื่อก็ยังเพราะอีก สมบูรณ์แบบจริงๆ เป็นชื่อที่ผมคงจำไปตลอดชีวิตแหละ ก็รักแรกของผมนี่นา..




gay_love

  • บุคคลทั่วไป
 o13
มาลงพื้นที่อ่านด้วยแต่เพิ่งอ่านได้สองตอน..แต่ก็บวกจร๊า..ให้นะโมชื่อน่ารัก..

Violet_Melon

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 5 : ปลาหมอตายเพราะปาก

        ช่วงนี้เป็นช่วงปลายภาคของการเรียนในเทอมแรกของผมแล้วครับ ไกล้สอบแล้วครับ ช่วงนี้เลยขยันอ่านหนังสือหน่อย วิชาอื่นๆที่ใครต่อใครว่ายาก ทั้ง คณิต อังกฤษ วิทยาศาสตร์ ผมรู้สึกว่ามันก็งั้นๆ อ่านอย่างละ 2 รอบก็พอ ผมไม่เห็นว่ามันจะยากอย่างที่ทุกคนว่าเลย (ตอนนั้นรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ) มีอยู่วิชาเดียวที่ผมกังวนอย่างมาก ไม่รู้จะเอายังไงกับมันดี ก็คือ .........ปิงปอง (พละศึกษา) ให้ตายเถอะ ผมไม่มีพวงสวรรค์ เอ๊ยย!!! พรสวรรค์ในด้านกีฬาเอาเสียจริงๆ เฮ่อออ

        วันนี้ตอนพักเที่ยงก็เลยว่าจะชวน พวกเพื่อนๆไปซ้อมตีปิงปอง ซะหน่อย แต่เนื่องจากเป็นช่วงไกล้สอบ พวกมันก็เลยขยันกันเป็นพิเศษ งดกิจกรรมต่างๆ ทุกชนิด จากที่เคยลงไปเล่นข้างล่าง ไปนั่งหลีหญิงกัน มันก็ต้องตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือกันแทน เพราะมันยังอ่านกันไม่จบซักวิชา  ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมมันไม่รู้จักทบทวนกันก่อนหน้านี้ ไม่รู้จักอ่านกันก่อนสอบนานๆ เพิ่งจะมาอ่านตอนนี้แล้วมันจะทันอ่านกันมั้ยนี่ ผมดูพวกมันละกลุ้มใจแทน ส่วนผมเองน่ะ... อ่านจบเล่ม มาตั้งแต่กลางภาคแล้วล่ะ

           ดังนั้น ตอนพักเที่ยง

            “ตุ๊ๆ ไปซ้อมปิงปองเป็นเพื่อนหน่อยสิ กูยังโต้ได้ไม่ถึง 20 ลูกเลยอ่ะ ไปเล่นกะกูหน่อย นะๆๆๆ”

           “... ” ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก ตรู๊ดๆๆๆๆ

           “คิด เมิงไปเป็นเล่นกะกูหน่อย ดิ “

           “.... ”หมายเลขที่ท่านเรียกยังไม่เปิดให้บริการ ตู๊ดๆๆๆ

           “อุ้ย.....”

           “ตาบอดเหรอเมิง กูอ่านหนังสือกันอยู่ไม่ไปเว้ย เล่นคนเดียวไปก่อน”

           “โหย เล่นคนเดียวกูจะไปโต้ลูกกับใครอ่ะ (จะให้กูไปโต้กับวิญญาณป้อมึงเหรอ สาดด) นะๆๆๆๆ ไปกะกูหน่อย”

           “ก็ตีกับข้างฝาไปก่อนดิ”

           “ -_- พวกเมิงอ่ะ ไม่รู้จักอ่านกันตั้งนานแล้ววะ มาอ่านตอนนี้อ่ะ มันจะทันมั้ย ชิส์ กูไปคนเดียวก็ได้วะ กูไม่เห็นจะง้อ” ว่าแล้วก็คว้าไม้ปิงปองแล้วก็เดินสะบัดตูดออกไป

           “นะโม!!! รอด้วย ไปเล่นซ้อมปิงปองเหรอ เราไปด้วยคน” เหมียวเป็นเพื่อนในห้อง น่าตาน่ารักดีทีเดียว อืมม ดีเหมือนกัน แก้ขัดไปก่อน ไม่ง้อพวกมันก็ได้ 

           และแล้วผมก็ได้ตระหนักว่า ฝีมือเรื่องกีฬาของผมนี่มันช่างห่วยดีจริงๆ ขนาดเด็กผู้หญิง ผมยังเล่นสู้เค้าไม่ได้เลย ทำไมวะกูต้องทำยังไงถึงจะเก่งวะ เรื่องใช้สมองนี่ กูไม่เคยกลัวใคร แต่ไอ้เรื่องใช้ร่างกาย ใช้กำลังนี่ไม่ถนัดจริงๆ  ดูท่าเหมียวจะสนุกมากๆ ส่วนผมน่ะเหรอก็สนุกครับ สนุกกับการวิ่งเก็บลูก  -_-  ขณะที่ผมกำลังสนุกกับการวิ่งเก็บลูกที่กระดอน ออกมานอกโรงยิมอยู่นั้น ผมก็บังเอินไปจ๊ะเอ๋ กับใครบางคน ในมือมันถือลูกปิงปองของผมอยู่ ให้ตายสิไม่รู้ทำไม รู้สึกไม่ถูกชะตากับไอ้บ้านี่จริงๆ “ไอ้เวอร์”

            “เอาลูกปิงปองกูคืนมา”

            “เอ๊ะ มึงนี่กูอุตส่าห์เก็บให้ พูดดีๆไม่เป็นไง”

            “เอาคืนมา”

            “พูดดีๆก่อนสิ แล้วกูจะให้” มันพูดแล้วทำหน้ากวนตีน อีก ชักยัวะ (เอ๊ะ อันที่จริงก็ยัวะ ตั้งกะเห็นหน้ามันแล้วล่ะ)

            “มึงนี่ พ่อ แม่ ไม่เคยสั่งสอนหรือไง ว่าการยุ่งกับของคนอื่นเค้า มันไม่มีมารยาท หรือว่าแม่เป็นครู มีเวลาแต่สั่งสอนคนอื่น เลยไม่มีเวลาสั่งสอนลูกตัวเอง พ่อเมิงก็คงจะด้วยสินะ คงทำงานจนไม่มีเวลามาสั่งมาสอนลูก เฮอะ”

(พอจะเดาได้มั้ยครับว่าผมรู้ได้ไงว่าแม่ของมันเป็นครู ลองกลับไปอ่านตอนพิเศษ “รักแรก”ดูนะครับ) ตอนนั้นผมเด็กอยู่น่ะครับ อารมณ์ก็ฉุนเฉียว พูดไปไม่ทันคิดหรอก ที่จริงมันก็ไม่ได้หวังร้ายอะไร มันอุตส่าห์เก็บลูกให้ด้วยซ้ำ แต่ตอนนั้น คนมันไม่ชอบหน้านี่หว่า เรียกว่าเหม็นขี้หน้ามันสุดๆ ก็เลยพูดแบบนั้นไปน่ะ หารู้ไม่ว่า สิ่งที่พูดไปมันจะนำภัยร้ายมาสู่ตัวเอง จากตอนแรกที่คิดว่าจะกวนตีนมันเฉยๆ ตอนนี้ผมแทบไม่กล้ามองหน้ามันที่เดียว แต่ก็ยังทำใจดีสู้เสือ

            ด้วยความที่มันเป็นคนค่อนข้างขาวด้วย ตอนมันโกรธหน้ามันเลยแดงแปร๊ดเลย แดงทั้งหน้า ทั้งหู ทั้งหัว ผมงี้ใจสั่นเลย มันตรงปรี่มาที่ผม พร้อมกับเอามือจับที่ไหล่ผมทั้งสองข้าง แล้วยกผมขึ้นแล้วจับผมไปกระแทกกับผนังโรงยิม

            ปึ๊ก!!!! แอ๊ก !!! อ่อกก

            เสียงดังมากทั้งเจ็บ ทั้งจุก น้ำตาเล็ดเลย ไอ้เลว ไอ้ชั่ว ไม่คิดว่ามันจะป่าเถื่อนได้ถึงขนาดนี้ กลัวก็กลัว ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยโดนใครทำแบบนี้ มันเลวจริงๆ อารมณ์นั้นแทบร้องไห้แต่ก็ยังมีฟอร์มครับ มันจ้องผมตาเขม็ง มือก็ยังยกผมลอยอยู่อย่างนั้น

            “มึง ด่ากูได้แต่อย่าลามถึงพ่อถึงแม่กู สัด พ่อแม่กู ไม่ได้รู้เรื่องด้วย แล้วกูก็ไม่ได้จะแกล้งอะไรมึงซักหน่อย กูอุตส่าห์เก็บลูกมาให้มึงยังมาด่า กูอีก มึงเป็นเหี้ยไร คราวก่อนก็ทีนึงแล้ว สัตว์เอ๊ยย” มันเอามืออีกข้าง มาบีบคอผมด้วยอ่ะ ไอ้เลวจะรอดมั้ยนี่เกิดมาไม่เคยโดนใครทำขนาดนี้กับกูเลยนะสาดดด

            “เฮ้ยย!! นายทำไรน่ะ ปล่อยนะไม่งั้นเราไปฟ้องครูจริงๆด้วย”

          “เออ!! ไปฟ้องเลยกูไม่กลัวหรอก ขอซัดปากไอ้เหี้ยนี่ซักทีเถอะ แม่งปากดีนัก” ไปฟ้องครูอะไรล่ะ ไอ้นี่มันเป็นลูกครู มันไม่กลัวหรอก เด็กเส้นแหงๆ ฮืออ ซวยจริงกู ไม่น่ามาเจอกับมันเลย (อ่านะคนเรา ไม่รู้จักโทษตัวเองซะมั่ง จริงๆ เป็นเพราะปากเสียเองแท้ๆ จิตใต้สำนึกไอ้โมครับ ชอบทับถมจริงๆนะเมิง)

            “นั่น อาจารย์สมศักดิ์เดินมาพอดีเลย อาจารย์คะทางนี้ค่ะ” มันจ้องตาผมเขม็ง นี่มันไม่กลัวอาจารย์จริงๆเหรอวะ

            “เออ กูก็ไม่อยากทำมึงหรอก สงสาร ลูกหมาว่ะ ดูซิตกใจหน้าซีดเชียว กลัวกูเหรอ ฮ่า ฮ่า ไอ้ลูกหมาทำเป็นปากดี ทำไมคราวนี้เงียบละ เอาดิ ด่ากูอีกดิ หึ หึ” มันพูดเสร็จแล้วก็ปล่อยผมร่วงลงมา แล้วมันก็หันหลังเดินไป เชี่ยยย เจ็บใจๆๆๆๆ ไอ้เลวฝากไว้ก่อนเหอะมึง(เมื่อไรจะได้เอาคืนวะ)

            “นะโม นะโม เป็นไงบ้าง”

            เจ็บน่ะสิถาม ได้ ฮืออ น้ำตาเล็ด เยี่ยวแทบราด แต่ก็กัดฟันตอบออกไป 

            “อืม ไม่เป็นไรหรอก รีบไปกัน เหอะเดี๋ยวอาจารย์มาจริงๆแล้วจะยุ่ง”แม่งสีฟอร์มชิบ กูต้องให้ผู้หญิงมาช่วยเหรอวะเนี่ยะ ไอ้เลวเวอร์อย่าให้ถึงทีกูมั่งนะมึง จะเอาคืนให้สาสมเลย ก็ได้แต่คิดเท่านั้นแหละผม ไม่มีปัญญาไปเอาคืนมันหรอก ตัวยังกะควายย ตัวพอๆกับไอ้ตุ๊เลยอ่ะ ใครจะไปสู้ได้วะ เอ๊ะ หรืออย่างนี้วะ ที่เค้าเรียกว่าปอดแหก ฮ่า ฮ่า

จบตอนนี้ ^ ^

ตอนที่ 4 (ต่อ)


           ผมนอนอยู่อย่างนั้นจะขยับตัวก็ไม่ได้ หมดเรี่ยวหมดแรงจริงๆ(เพิ่งมารู้ทีหลังว่า ไอ้อาการแบบนี้ละมั้งที่เค้าเรียกว่าผีอำ ) ตอนนี้ฝนก็ตกลงมาอย่างกับฟ้ารั่ว ผมได้แต่นอนมองหลังคาแฝกผุๆ  แต่ เหวอ มีฝนหยดลงมาด้วย เวรกรรมจริงๆ แล้วไอ้ฝนเจ้ากรรมมันก็ย้อยหยดลงมาตรงหน้าผากผม จะหลบก็หลบไม่ได้  แปะ! เม็ดแรกเต็มๆเลย แล้วนั่น เม็ดที่สองกำลังตามมา ไม่ได้การละ เม็ดใหญ่เลยทีนี้ โดนเข้าไปมีหวังแฉะแน่  ไม่ได้การละต้องหลบให้พ้น

           ผมพยายามรวบรวมกำลังที่มีเพื่อที่จะลุกขึ้นแต่ เหมือนร่างกายมันไม่ยอมทำตามคำสั่ง มันเริ่มย้อย ค่อยๆ หยดลงมา...... แต่ก่อนที่มันจะหยดลงมาโดนหน้าผมนั้น ผมก็รวบรวมพลังทั้งหมดสะบัดหน้าแรงๆ พรืดๆๆ ..... ในที่สุดผมก็หลบมันพ้น เป็นพอดีกับที่ผมตื่นขึ้นมาพอดี เฮ้อ....เหนื่อยชิบเป๋ง แต่ว่า พอผมลืมตาขึ้นมา ผมก็ต้องพบกับเรื่องที่ทำให้ผมต้องตกใจยิ่งกว่า เป็นเรื่องที่ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่า ไอ้ตุ๊มันจะกล้าทำกับผมแบบนี้ แล้วผมเองก็ยังไม่ได้เตรียมใจที่จะพบกับเรื่องแบบนี้

           หน้าของผมกับไอ้ตุ๊ มันห่างกันแค่คืบ คือนึกภาพออกป่ะครับ ผมนอนบนตักมัน ส่วนมันก็หลับโดยเอาหน้าผากเกยบนขอบโต๊ะครับ หน้ามันกับหน้าผมเลยตรงกัน แล้วก็ห่างกันนิดเดียว ผมเห็นหน้ามันชัดเจน หน้าขาวๆ ไม่มีสิวสักเม็ด จมูกเป็นสัน และที่สำคัญปาก ปากแดงๆห้อยๆอย่างกับปากน้องต้อล AF4 หวานใจของพี่นัท มันกำลังไกล้เข้ามา ไกล้เข้ามา ไกล้เข้ามา อร๊างงงงง

           แต่.....แต่ๆๆอย่าเพิ่งคิดกันไปไกลสิ สิ่งที่ไกล้เข้ามานั้นมันไม่ใช่ปากแดงๆห้อยๆน่ะสิ แต่มันเป็นบางสิ่งบางอย่างที่ย้อยออกมาจากปากแดงๆห้อยๆนั้น ถถถถถถถ ถูกต้องแล้วคร้าบบบ o_O มัน มัน มันคือ น้ำลายยยยยย 

           ผมหลบน้ำลายหยดนั้นมาได้อยากหวุดหวิด ตื่นขึ้นมาก็ซัดไอ้ตุ๊ ไปสองสามที โทษฐานที่ทำให้ผมฝันร้าย และบังอาจเอาท่อนไม้มาหนุนหัวให้ผม ฮา




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-09-2011 23:41:05 โดย Violet_Melon »

Violet_Melon

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณนะครับ gay_love ฝากเรื่องของผมด้วยนะครับ

ตอนที่ 6: ประกาศสงคราม 1

        ผ่านไปหนึ่งเทอมละครับ ตอนนี้ผมอยู่เทอม 2 วันนี้เป็นวันก่อนเปิดเทอม 2 วันครับ เป็นวันที่อาจารย์นัดมาฟังผลสอบครับ เพื่อที่ใครติด “0” ติด “ร” ก็จะได้ทำเรื่องแก้ วันนี้มีเรื่องให้ตื่นเต้นตื่นเต้นอีกอย่างหนึ่ง คือเทอมนี้ต้องจัดห้องเรียนใหม่ครับ แล้วก็จะแบ่งนักเรียนออกตามเกรดเฉลี่ยครับ ห้อง 1 กับห้อง 2 ก็จะเป็นเด็กหัวอ่อนๆหน่อย ส่วนห้อง 3,4,5 (ตอนนี้เหลือ 5 ห้องแล้ว)ก็จะมีแต่เด็กเก่งๆ

        ส่วนผมหลังจากวิ่งตรวจดูรายชื่อหน้าห้องอยู่นาน ในที่สุดผมก็มีห้องอยู่แล้วครับ ผมได้อยู่ห้อง 3 ครับ แล้วเพื่อนๆผมหว่า มันได้อยู่ห้องไหนกันบ้าง ผมก็ไล่ดูรายชื่อเพื่อนในห้องเดียวกับผมละครับว่ามีใครบ้าง สรุปว่า ไอ้อุ้ยและไอ้ตุ๊ สุดที่ร๊ากกกกของผม มันได้อยู่ห้องเดียวกะผมด้วยอ่ะ ส่วนไอ้ต้น ไอ้คิด กับ ไอ้ตั้ม ได้อยู่ห้อง 4 หุหุ แต่ว่าตอนนี้พวกมันหายหัวไปไหนกันหมดหว่า เอ๊ะหรือจะกลับกันไปหมดแล้วหว่า ไม่เป็นไรอีก 2 วันค่อยเจอกันละกันนะ ตอนนี้กลับบ้านไปเล่นเกมดีกว่า Battle City กะลังมันเลยเชียว กี๊ซซซซซ

        .

        .

        .

        .

        .

        แล้ววันเปิดเทอมก็มาถึง ตื่นเต้นจังจะได้เจอเพื่อนใหม่ ห้องเรียนใหม่ อาจารย์ใหม่ มีความสุขจัง ผมรีบลุกขึ้น จะไปอาบน้ำแต่งตัว แต่... รู้สึกหน้ามันร้อนๆ ผ่าวๆ เอ๊ะรึว่าเราจะตื่นเต้นมากไป อ๊ะมีอะไรแดงๆไหลออกมาจากจมูกด้วยวะ แล้วทำไมหายใจไม่ออก (มึงก็หายใจเข้าสิวะ   -..,- ) แล้วทำไมโลกมันเอียง เอียงลง เอียงลง ตึง!!!! ได้ยินเสียงแม่โวยวายอยู่แว่วๆ แต่ไม่ไหว ตาจะปิด งืมมมม แล้วสติสัมปชัญญะของผมก็ดับวูบไป รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนเย็นๆ มานอนอยู่ที่โรงพยาบาลซะแล้ว

        สรุปว่าผมเป็นภูมิแพ้ เกล็ดเลือดต่ำ แต่ทำไมเพิ่งจะมารู้ตัวตอนนี้หว่า อยู่มาตั้งสิบกว่าปีไม่เคยเห็นมีอาการ คุณหมอก็บอกว่าคงจะไปกินอาหารแสลงเข้า หรือไม่ก็คงแพ้อากาศ พักผ่อนน้อย(ก็แน่ล่ะเส่ เล่นเกมทั้งวันทั้งคืน)  แล้วเลยเกิดอาการภูมิแพ้กำเริบ สรุปว่าผมเลยไม่ได้ไปโรงเรียนเพราะต้องนอนโรงพยาบาล 1 คืน พอออกจากโรงพยาบาลก็ต้องพักยาวไปอีก 1 อาทิตย์ แถมต้องโดนหมอเจาะเลือด โดนเข้มน้ำเกลืออีก ทรมานชิบ

        วันจันทร์ผ่านไป

        .

        วันอังคารผ่านไป

        .

        วันพุธผ่านไป

        .

        .

        (คือนับวันรอเมื่อไรจะได้ไปโรงเรียน อยากไปโรงเรียนๆๆๆๆๆ)

        7 วันผ่านไป ในที่สุดดดดดดดดด วันนี้ก็มาถึงซะที ผมจะได้ไปโรงเรียนแล้ววววว (/me ทำหน้าดีใจ ปากเผยอ ประหนึ่งว่าได้เป็นนางงามจักรยาน เอ๊ย!! จักรวาล) ใส่ชุดใหม่ เดินออกจากบ้านด้วยความมั่นใจ โลกช่างสดใสจริงๆ แล้วผมก็ได้มาเรียนจริงๆซะที มาถึงก็เจอไอ้ตุ๊ กะไอ้อุ้ย พวกมันนั่งกันซะหลังห้องเชียว มันจองที่ไว้ให้ผมด้วยแฮะ ไอ้ตุ๊กับไอ้อุ้ย มัน 2 คนนั่งด้วยกันแฮะ แล้วผมก็เลยต้องนั่นคนเดียว ... อ๊ะไม่ใช่หรอก
        “โมนั่งนี่ละกันนะ กูกะไอ้อุ้ยนั่งหลังมึง”

        “อ่ะ!! ให้กูนั่งคนเดียวเหรอ -_- ”

        “เปล่าๆ เราได้เพื่อนใหม่เพิ่มมาคนนึงว่ะ เด๋วมึงก็นั่งกะมันละกัน”

        โห ไอ้สองคนนี่มันเร็วจริงๆ หาเพื่อนมาตั้งแก๊งค์ใหม่ได้ละ กูหยุดเรียนไปแค่อาทิตย์เดียวเองนะนี่

        “นั่นไง ไอ้เวอร์มันมาแล้วว่ะ มันชื่อพาวเวอร์ นะมึง”

        “-_-” บอกอีกทีสิว่ามันไม่จริง มันชื่ออะไรนะ ไม่นะ โลกมันคงไม่กลมขนาดนั้นหรอก คงแค่คนชื่อเหมือนกันเฉยๆแหละ ชื่อแบบนี้อ่ะโหลจะตายไป พาวเวอร์เหรอ กระแดะใช้ชื่อภาษาอังกฤษเชียวนะเมิง ถุยยย

        “ไง เวอร์นี่นะโม อยู่ห้องเดียวกับกูมาตั้งแต่เทอมที่แล้วละ เดี๋ยวให้มันนั่งกับมึงนะ”

        ผม เงยหน้าขึ้นดูมัน มันก็มองมาที่ผม มันยิ้ม(ตอนนั้นเดาว่ามันต้องยิ้มเยาะผมแน่เลย ประมาณว่า มาให้มันเชือดถึงที่เลยทีนี้) ซวยแล้ววว ใช่มันจริงๆด้วย ไอ้ฟายตุ๊ ไอ้ฟายอุ้ย หาเรื่องตายให้กูแล้วมั้ยล่ะ คราวนี้กูได้ตายคามือมันแน่ พวกมึงไม่น่าเลย จะรู้มั้ยยว่ามันเกือบจะฆ่ากูมาครั้งนึงแล้ว ผมกับมันไม่ทันได้พูดอะไรกันหรอก เสียงออดก็ดังขึ้นก่อน ก็เลยต้องลงไปเข้าแถวกัน ผมก็รีบลุกจะไปเข้าแถว ขณะที่ผมก้าวขานั้น ผมก็รู้สึกว่าสะดุดอะไรบางอย่าง จนผมถลาเข้าไปหาไอ้อุ้ย แล้วล้มลงเสียงดัง

        “เฮ๊ย!!!” ตุ๊บ พลั่ก (น่าจะเสียงประมาณนี้นะ)

        “เป็นไร นะโม ยังไม่หายดีเหรอ” ไอ้อุ้ยถาม ผมมองหน้าไอ้เวอร์ มันยักคิ้วหนึ่งจึ๊ก (กวนตีนชิบ หน้าตามันตอนนั้นอ่ะ)

        “ป่าว สงสัย สะดุดตีนหมาน่ะ” ขีดเส้นใต้คำว่าหมานะ ผมย้ำ ไอ้เวอร์มันทำตาเขียวใส่ผม แล้วก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ผมได้แต่คิดในใจ“มึงจะประกาศสงครามกับกูใช่มั้ย”



Violet_Melon

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 7:ประกาศสงคราม 2

        หลายสัปดาห์ผ่านไป ผมกับไอ้เวอร์ไม่ค่อยได้คุยกันซักเท่าไรหรอก ทั้งที่ไปไหนก็ไปด้วยกัน 4 คนตลอด แต่เพื่อนๆก็ไม่ได้สงสัยอะไรกันมากมาย เพราะปกติมันก็ไม่ใช่คนคุยเก่งอยู่แล้ว ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอผมก็ไม่ได้อยากยุ่งเกี่ยวกับมันซักเท่าไรหรอก ผมคิดไว้แล้วว่ายังไงชาตินี้ก็ไม่มีวันญาติดีกับคนแบบมันเด็ดขาด แต่ไอ้เนี่ยมันร้ายลึก หลายๆคนมองภายนอกอาจจะเห็นว่า มันเป็นคนพูดน้อย อาจารย์หลายคนยังชมมันเลยว่ามันเป็นคนเรียบร้อย นิสัยดี แต่กับผมมันไม่ใช้แบบนั้นนะสิ ลับหลังคนอื่นทีไรมันได้ ทำสงครามกับผม อย่างเช่นวันนี้

       ผมมาถึงโรงเรียนเช้ากว่าปกติ เพราะวันนี้แม่มาส่ง ก็มาเจอมันนั่งอยู่ที่โต๊ะ ผมก็ว่าจะเอากระเป๋าไปเก็บแล้วจะลงไปกินข้าว ทันทีที่เดินมาถึงโต๊ะ

        “ไง ลูกแหง่ วันนีให้แม่มาส่งเหรอ สงสัยกลัวลูกชายจะไปสะดุดตีนใครเข้า” อ้าวไอ้เชี่ยะนี่ กวนตีนกูแต่เช้า ผมก็หันกับไปมองหน้ามัน

        “พอดี แม่ลูกเค้ารักกันน่ะ ก็ต้องห่วงกันเป็นธรรมดา ดีนะเนี่ยแม่กูเป็นชาวไร่ชาวนา เลยมีเวลามาดูแลอบรมสั่งสอน มีเวลามาส่งกูที่โรงเรียน นี่ถ้าพ่อแม่กูเป็นครูสอนหนังสือนะ คงไม่มีเวลาให้แบบนี้หรอก เพราะคงต้องมัวแต่ไปสอนนักเรียนเลยไม่มาสอนลูก กูคงกลายเป็นเด็กมีปัญหา ขาดความอบอุ่นไปแล้วล่ะว่ะ”

        “ไอ้เหี้ย นี่มึงด่าแม่กู ว่าแม่กูไม่สั่งสอนกูเหรอ”
   
        “กูไม่ได้ด่าโว้ย กูก็แค่พูดเรื่องของแม่กูให้ฟัง ส่วนมึงคิดยังไงก็เรื่องของมึง” สะใจว้อยยย แต่ผมยังไม่อยากทะเลาะกับมันไปมากกว่านี้ (เด๋วเจ็บตัว อยู่กับมัน 2 คนด้วย ถ้ามีคนอื่นอยู่ด้วย ก็จะกล้าต่อปากต่อคำกับมันมากกว่านี้ ) ผมรีบเอากระเป๋าวางแล้วจะลงไปกินข้าว แต่ทันทีที่ผมหันหลังแล้วกำลังก้าวขาออกมา มันก็ขัดขาผมอีกแล้ว แต่แผนแบบนี้มันใช้กับกูได้แค่หนเดียวเท่านั้นแหละเว้ย

        ก่อนที่ผมจะลมคะมำลงไป ผมก็หันมาคว้าหมับเข้าที่คอมันเข้าให้ แล้วก็เซ แซ่ด แซ่ด เข้าหามัน ตอนแรกกะว่าจะคว้าคอมันแล้วลากมันล้มคะมำไปด้วยกันแต่ป่าวเลย ตัวมันยังกะหมีควาย ไม่สะเทือนเลยแม้แต่น้อย ด้วยแรงเหวี่ยงหรืออะไรก็ไม่ทราบได้   มือมันก็คว้าหมับเข้าที่เอวผมแล้วก็กระชากอย่างแรง ตัวผมก็ถลาเข้าหาอ้อมกอดมันเต็มๆ รู้สึกร้อนๆตรงหน้าผาก เพราะจมูกมันชนเข้ากับหน้าผากผม ผมตัวแข็งทื่อ เหมือนโดนไฟฟ้าสักแสนโวลต์ช็อต หน้าผมกับหน้ามันห่างกันไม่กี่เซนต์ จ้องหน้ากันประมาณ 10 วิ ผมมองนัยน์ตามันตอนนั้นแปลกอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่ได้มีความรู้สึกน่ากลัว หรือก้าวร้าวอย่างที่ผมเคยเห็นมาก่อนหน้านี้เลยแม้แต่น้อย ออกจะดูเศร้าๆเหงาๆ เหมือนมีอะไรซ่อนอยู่ข้างใน แววตามันดูน่าสงสารอ่ะครับ บอกไม่ถูก ตอนนั้นผมคงไม่ทันสังเกตหรอกว่า หน้าผมอ่ะแดงมาก รู้สึกหน้าชาๆ แล้วมันก็เป็นฝ่ายรู้สึกตัวก่อน ปล่อยมือจากเอวผม แล้วมันก็รีบหันหลังออกจากห้องไป ส่วนผมนะเหรอยืนนิ่งตัวแข็งอยู่อย่างนั้น หน้าร้อนผ่าว ใจนี้เต้น ตึก ตึก แทบจะทะลักออกมา ไม่ได้กลัวว่ามันจะทำร้าย อะไรเลย เพราะความรู้สึกตอนนั้นมันไม่ได้มีความรู้สึกว่าจะทำร้ายผมเลย ผมเซเข้าหาผนังห้อง หอบแฮ่กๆ (ไม่รู้ว่ามันเหนื่อยอะไร ถึงได้หอบแฮ่กๆขนาดนั้น สงสัยกูจะไปวิ่งควายมา) พอดีกับไอ้ตุ๊เดินเข้ามา

         “เฮ้ยโม เป็นไรวะ”

        “ไม่เป็นไรอ่ะ สงสัยภูมิแพ้กำเริบ ตอนนี้ค่อยยังชั่วล่ะ”

        “แน่นะเว้ย เดี๋ยวมาตายในห้องเรียนกูกลัวผี” อ่าว ไอ่นี่ เด๋วโดดกัดหูขาดเลย ปากหมานจริงๆ

        “แล้วตะกี้เห็นไอ้เวอร์รีบออกไป ทักมัน มันก็ไม่พูด ไม่รุ้รีบไปไหน”

        “กูจะไปรู้มันเหรอ ไม่ใช่พ่อมันนิ สงสัยมันจะรีบไปตามควายมั้ง”

        “อ่าว ไอ่นี่ ถามดีๆ กวนตีนกูอีก เด๋วปั๊ด” อ่าวไอ่นี่ จะลงไม่ลงมือกับกูเหรอ

        “เออๆๆช่างเหอะ ไปกินข้าวกันหน่อยกูหิว” กูใช้พลังงานไปเยอะ พากูไปหน่อยเหอะ ไปถึงโรงอาหารก็เห็นไอ้เวอร์นั่งกินข้าวอยู่ ผมกับไอ้ตุ๊ไปซื้อข้าวมานั่งโต๊ะเดียวกับมัน ไอ้ตุ๊นั่งข้างมัน ส่วนผมนั่งอีกฝั่ง มันสองคนก็นั่งคุยกันไป ผมก็ก้มหน้าก้มตากิน ไม่กล้ามองหน้ามัน กินไปใจก็เต้นไป ยังตื่นเต้นกับเรื่องเมื่อกี้ไม่หาย ไอ้ตุ๊มันก็คงสงสัยแหละ ว่าทำไมผมกับมันไม่คุยกันซักคำ

        “มึงสองคนมีไร กันป่าววะ กูไม่เห็นมึงค่อยพูดกันเลยวะ” ผมกำลังจะอ้าปาก บอกไอ้ตุ๊ว่า ก็แน่ละ กูไม่ค่อยอยากเสวนากับมันหรอก กูเหม็นขี้หน้ามันจะตาย

        “ไม่นี่ ทำไมเหรอ ปกติกูก็ไม่ใช่คนชอบพูดมากมาย อะไรนี่ ถ้ากูพูดมากไปเดี๋ยวจะหาว่ากูแย่งไอ้โมมันพูดอีก เด๋วมันก็เฉาปากตาย ให้มันพูดไปคนเดียวอ่ะดีแล้ว หึ หึ” มันพูดแบบไม่มองหน้าผมครับ แล้วก็ยิ้มเยาะ หัวเราะ หึ หึ เลวจริงไอ่นี่มึงว่ากูพูดมากเหรอวะ ในตอนนั้นผมคิดว่าจะสวนมันกลับไปเหมือนกัน แต่เงียบๆไปดีกว่า ไว้เอาคืนมันไห้กระอักเลือดตายไปเลย เมิงยังรู้จักกูน้อยไป

Violet_Melon

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 8: น้ำมาปลากินมด

วีรเวรวีรกรรมที่มันทำกับผมยังมีอีกเยอะ สาธยายจนคอแห้งก็คงไม่หมด เอาแบบที่พอจำได้ละกัน

อย่างเช่นวันนี้ พักเที่ยงกำลังจะออกไปกินข้าว

            “เฮ้ย!! รองเท้ากูหายไปไหนวะ ใครแอบใส่ผิดไปวะ ช่วยกูหาหน่อยดิ๊”

            “ไม่มั้ง ถ้าใส่ผิดก็ต้องมีคู่อื่น เหลืออยู่มั่งสิวะ แต่นี่ไม่เห็นมีเลยอ่ะ” อืมม นั่นสิไอ้อุ้ยพูดถูก ฉลาดมาก มาหอมที่ดิ๊ อิอิ

            “แล้วแม่งหายไปไหนวะ ใครเอาของกูไปซ่อนแน่เลย อย่าให้รู้นะมึง (ที่จริงก็เคยแอบเอาของคนอื่นไปซ่อนเหมือนกัน ^_^ ) ช่วยกูหาหน่อยสิ” ก็ช่วยกันหาอยู่นานสองนาน

            “เฮ้ยโม ดูโน่นดิ๊ใช่รองเท้ามึงรึเปล่า”ไอ้ตุ๊ชี้ไปบนยอดต้นพญาสัตบรรณ (ต้นตีนเป็ดน่ะแหละ) ที่อยู่ระหว่างอาคารเรียน (ตอนนี้พวกผมยืนอยู่กันที่ชั้น 2)

            “เฮ้ย! เชี่ยยยย ไปอยู่นั่นได้ไงวะ”จะบอกว่าตอนนั้นรู้สึกเฉยๆ เพราะผมก็เคยแกล้งเพื่อนคนอืนๆ ประมาณนี้เหมือนกัน และขณะที่กำลังจะลงไปปีนเอารองเท้าผมนั้น ผมก็ฉุกคิดได้ว่า คนที่จะกล้าทำกับผมแบบนี้ได้มันมีไม่กี่คนหรอก แล้วหนึ่งในนั้นก็ยืนอยู่ข้างๆผมนั่นแหละ “คนที่คุณก็รู้ว่าใคร” ผมมองหน้าไอ้เวอร์ มันยักคิ้ว จึ๊ก จึ๊ก แล้วยิ้มที่มุมปาก เป็นอันว่า มันนี่เองที่โยนรองเท้าผมไปบนยอดมะขาม ฮึ่มๆๆๆ แค้นนนนน แต่ก็เท่านั้นไม่ได้โวยวายอะไร ฝากไว้ก่อนมึงงงง
 
หรืออย่างเช่นวันนี้ คาบเรียนภาษาอังกฤษ

            “ใครไม่ได้ส่งการบ้านออกมายืนหน้าห้อง กฤษดา วันชัย กนกเนตร (ใครอีกก็ไม่รู้) แล้วก็ ศุภชัย (ชื่อผม)” เฮ้ยยยย ได้ไงกูส่งแล้วนี่ หันขวับมาที่ไอ้ตุ๊ กะ ไอ้อุ้ย ก็มันเอาของผมไปลอกนี่นา มองหน้ามันสองคน
            “กูส่งให้แล้วจริงๆนะ กูเอามาลอกแล้วก็ส่งให้พร้อมกัน 3 คนเลย จริงๆ”

            แล้วก็ผมก็โดนไม้เรียวหวดก้นไป 1 ทีเจ็บๆๆๆ คัดศัพท์ภาษาอังกฤษอีก 10 หน้า ตอนนั้นไม่ได้โกรธไรมากมายกับไอ้ 2 คนนั้นหรอก มันก็บอกขอโทด แล้วจะไถ่โทดโดยการเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวตอนเย็น (เห็นแก่กินโน๊ะ คนเรา) อาจารย์ก็สอนจนจบคาบเรียนไปแล้วก็ออกจากห้องไป ไอ้เวอร์ก็เอาสมุดการบ้านผมมาวางแปะไว้บนโต๊ะผม พร้อมกับโน๊ต แล้วมันก็เดินลงไปเข้าแถวกลับบ้านเฉยเลย

            “โทดที เอาไปลอกแล้วลืมส่งให้” ไอ้เลววววว อันนี้ไม่รู้จริงๆว่ามันจงใจแกล้ง หรือว่าลืมส่งให้ แต่ ณ ตอนนั้นคิดว่ามันแกล้งผมชัวร์ๆ เจ็บใจๆๆๆๆ ทำกูได้นะมึง (ที่จริงอันนี้ ถ้าจำไม่ผิดตอนเย็นมันเลี้ยงขนมผมด้วยล่ะ คาดว่ามันจะลืมจริงๆ แต่ไม่รู้ล่ะเหมาๆรวมไปแหละว่ามันจงใจแกล้งผม)
 
หรือว่าวันนี้กำลังทำแล็บวิทยาศาสตร์อยู่

ตอนทำแลบจะได้นั่งกันเป็นกลุ่มๆ หันหน้าเข้าหากันน่ะครับ กลุ่มผมก็นั่งกัน 4 คน วันนี้มันมาแนวแปลก พูดดีๆกับผมก็เป็น ขณะที่อาจารย์กำลังพูดอยู่นั้น

            “เฮ้ยๆ โมกูถามหน่อยดิ ตรงนี้กูไม่เข้าใจ เนี่ย...” พูดดีกับกูก็เป็นนะมึง มันพูดแล้วก็ยื่นหนังสือ ยื่นหน้าของมันมาไกล้ๆผม เอาวะมันคงเบื่อจะแกล้งผมแล้วล่ะ ก็ดี ผมก็ขี้เกียจสู้รบปรบมือกับมันแล้วเหมือนกัน แล้วอีกอยากอาจารย์กำลังสอนอยู่แบบนี้ ถ้าผมทำศึกกับมันตอนนี้มันคงไม่เป็นผมดีกับผมเป็นแน่แท้

             “ไหน อืม ก็ตรงนี้ มันต้อง .... แล้วก็ ... แล้วก็...”

             “อืมๆ เหรอ แล้วตรงนี้ล่ะ”

            “ก็ ... แล้วก็แบบนี้ ... แล้วก็ ... แล้วก็...” ขณะที่ผมกำลังอธิบายให้มันฟังอยู่นั้น อาจารย์ก็เดินมา แต่ผมไม่ทันมองเห็นหรอก ก็กำลังตั้งใจอธิบายให้มันฟังอยู่ แต่มันนี่สิ ผมคิดว่ามันคงเห็นอาจารย์เดินมาแหละแต่มันไม่บอกผม เลวจริงๆ

            “นี่ นายศุภชัย เธอจะสอนแข่งกับครูใช่มั้ย ครูจะได้ไม่ต้องสอน”

            “คือว่า ก็ผม”ไอ้เวอร์ ทำเป็นตั้งใจเรียนขึ้นมาทีเดียว ทำเป็นมองไปที่กระดานดำ ก้มหน้าก้มตาจด ทำเป็นเรียบร้อยขึ้นมากะทันหันเชียว แม่มมม จงใจแกล้งกูนี่หว่าไอ้เลว

          “ไม่ต้องมาแก้ตัวเลย ตั้งแต่เข้าห้องมาครูเห็นเธอยังคุยไม่หยุดเลย คราวนี้จะหยุดได้รึยัง”

            “ครับ ขอโทษครับ”ไอ้เลว ทำกูโดนดุ แอบเหลือบไปมองที่มัน ยังทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมเหมือนเดิม อ๊ากกกกกก เจ็บใจๆๆๆ ไอ้เลว แกล้งกูชัดๆ ฮืออออ น้ำตาแทบเล็ด เจ็บใจสุดๆ มีอีกหลายอย่างที่มันทำกับผมไว้เจ็บแสบ จำได้มั่งไม่ได้มั่ง อย่างที่บอกสาธยายจนคอแห้งก็ไม่หมด คราวนี้เป็นถือซะว่าทีของมึง อย่าให้ถึงทีกูบ้างล่ะกัน มึงได้อ่วมแน่ ชิส์

Violet_Melon

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 9 : น้ำลดมดกินปลา
         ปกติแล้วที่ห้องเรียน ก็จะมีการแบ่งกันเป็นเวรประจำห้อง ทำความสะอาดห้องแหละครับ ผมอยู่วันอะไรก็ไม่รู้แหละจำไม่ได้ แต่ที่รู้ๆละเป็นคนละวันกับที่ไอ้เวอร์มันอยู่ ปกติแล้วคนที่เป็นเวรประจำวัน ก็จะต้องมาเช้ากว่าปกติ งานที่ต้องทำก็มี มาปัดกวาด เช็ด ถู ลบกระดาน ทิ้งถังขยะ จัดโต๊ะ ไอ้วันอื่นๆก็ไม่มีปัญหาหรอก จนมาวันหนึ่งผมก็สบโอกาสที่จะได้เอาคืนจากมันซะที หลังจากที่ผมปล่อยให้มันทำกับผมมาซะนาน  วันนั้นเป็นวันศุกร์ ผมก็มาเช้าเป็นปกติแหละ อ่านการ์ตูนอยู่ในห้อง เพื่อนๆก็ทะยอยกันมา เวรประจำวันเค้าก็มาทำกันปกติ ที่จริงผมจำได้ว่าวันนี้ไอ้เวอร์มันก็เป็นเวรประจำวันด้วย แต่ไม่ยักกะเห็นมันโผล่หัวมา จนเพื่อนๆทำความจะอาดห้องกันเสร็จเรียบร้อย  ก็ลงไปข้างล่างกันจนเกือบหมด เหลืออีก 2-3 คน ส่วนผมก็กำลังติดพันอยู่ การ์ตูนกำลังมันส์เลยเชียว และแล้วมันก็โผล่หัวมา ทันทีที่มันก้าวขาเข้าห้องมา
          “ดีเนอะคนเรา ไม่ค่อยจะเอาเปรียบเพื่อนเท่าไรเล๊ยย เป็นเวรประจำวันแท้ๆ มาเอาป่านนี้ ไม่มาพรุ่งนี้เลยล่ะ”...เงียบไม่มีคำไดๆหลุดออกมาจากปากของมัน

          “คนเราอ่ะ น้ำใจคงไม่มี เพื่อนๆเค้ารีบมาทำเวรห้อง กันเหนื่อยแทบตาย ตัวเองแกล้งมาสายซะงั้น สบายไปเลย”

          “มึงไม่รู้อ่ะไร ก็เงียบปากหมาๆ ของมึงไปซะ รถโรงเรียนมันมาช้าหรอก”

          “คนดีชอบแก้ไขอ่ะน่ะ คนอะไรชอบแก้ตัว” มันวาง (จริงๆต้องบอกว่าโยน) กระเป๋าลงบนโต๊ะ ข้างๆผมเสียงดังโครม ผมงี้สะดุ้งโหยง แต่ก็ยังรักษามาดนิ่งๆเอาไว้ได้

          “ดีแต่ใช้กำลังแหละว๊า สมองอ่ะใช้ไม่เป็น ที่จริงน่าจะเอากำลังควายๆ ไปช่วยเพื่อนทำเวรห้องจะดีกว่านะ ดีกว่าเอามาหาเรื่องคนอื่นเค้าน่ะ (ที่จริงกูตะหากที่ไปหาเรื่องมันก่อน)” มันคงจะขี้เกียจเถียงกับผมแล้วมันก็เดิน ไปทำท่าจัดโต๊ะ อะไรของมันไปเรื่อยเปื่อย แต่ด้วยความที่ว่าผมกลัวว่ามันจะได้ทำงานน้อยไป ผมก็เลยลุกขึ้นยืน บิดขี้เกียจ ก้าวขาออกมาแล้วก็แกล้งเดินสะดุด เซแซ่ดๆๆ ไปใส่โต๊ะ ทำเอาโต๊ะล้มระเนระนาดไปหลายตัว มันมองมาที่ผมตาเขียว

         “อ๊ะ!! โทดทีว่ะ พอดีกูหน้ามืดน่ะ ยังไงมึงก็จะจัดโต๊ะใหม่อยู่แล้วนี่ ก็ทำใหม่ให้เรียบร้อยเลยละกันนะ” มันไม่ได้ว่าอะไรแต่มองผมตาเขียวปั๊ด เดินมาจัดโต๊ะตรงที่ผมทำล้มไว้

         ผมก็รีบเดินอ้อมไปทางหลังห้อง (ไม่ได้กลัวนะ แต่ปลอดภัยไว้ก่อน) และแล้วผมก็เหลือบไปเห็นถังขยะหลังห้อง อะโห เต็มถังเชียว ไวเท่าความคิด ผมก็เตะถังขยะเข้าให้เสียงดัง โครมมมม!! ใหญ่ ขยะกระจายออกมาเกลื่อนเชียว

          “เฮ้ย!! มึง” มันชี้หน้าผม

          “อ้ะ!! อีกแล้วกูซุ่มซ่ามเองแหละ ขอโทดนะ ขอโทดนะ”ผมพูดแล้วยักคิ้วให้มัน 1 จึ๊ก แล้วก็รีบใส่ตีนผี โกยอ้าวลงมาเข้าแถวโดยด่วน จะอยู่ให้มันยำผมทำไม่ล่ะ ถ้าใครคิดว่าแค่นี้แล้วมันจะจบละก็ คุณผู้อ่านรู้จักกับความแสบของผมน้อยไปล่ะครับ เพราะผมได้คำนวณสิ่งต่างๆไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

         ผมลงมาถึงนักเรียนก็เริ่มทะยอยที่จะเข้าแถวกันแล้ว จนร้องเพลงชาติ สวดมนต์ ยืนสงบนิ่งเสร็จ ผมถึงเห็นไอ้เวอร์เดินลงมาเข้าแถว เหงื่อแตกพลั่กเลยล่ะครับ พอมันเดินลงมาถึง อาจารย์ก็เรียกให้ไปยืนด้านหน้าเสาธง คือที่นี่จะมีกฏว่าใครที่มาสาย จะต้องไปเข้าแถวยืน(ประจาน) หน้าเสาธงครับ แล้วก็รอจนกว่าเพื่อนๆจะทำกิจกรรมหน้าเสาธงเสร็จ แล้วถึงให้พวกนี้เริ่มทำกิจกรรมหน้าเสาธงกันใหม่ แล้วจบด้วยวิ่งรอบสนามอีก 1 รอบ ฮ่า ฮ่า บอกแล้วว่าผมคำนวณทุกอย่างไว้แล้ว แล้ววันนั้นผมก็นั่งเรียนอย่างสบายใจ หุหุ ไม่เคยรู้สึกสบายใจอย่างนี้มานานละ จนเพื่อนๆผมมันสงสัยว่าไอ้นี่เป็นอะไรวะ นั่งอารมณ์ดีอยู่ได้ แถมดูจะออกนอกหน้าไปซะด้วยซ้ำ คงมีอยู่คนเดียวแหละที่รู้ว่าทำไม ก็ไอ้คนที่นั่งแผ่รังสีอำมหิต อยู่ข้างๆผมนี่ไง ^o^


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-09-2011 00:01:55 โดย Violet_Melon »

Violet_Melon

  • บุคคลทั่วไป
ตอน 10: Rate - R
            คนเราแต่ละคนมีความอดทน มากน้อย ไม่เท่ากันหรอก ไม่ได้หมายถึงตัวผมเองนะครับ เพราะรู้ดีว่าตัวผมเองเป็นคนไม่มีความอดทนเอาเสียเลย อะไรที่รู้สึกไม่พอใจก็จะแสดงออกมาตรงนั้นเลย ไม่ค่อยจะเก็บไว้ แต่บางคนก็จะสามารถที่จะเก็บอารมณ์เอาไว้ได้ โดยที่ไม่แสดงออกมา ความเป็นคนที่มีความอดทนอดกลั้นผมว่ามันเป็นสิ่งดี ทำให้เราสามารอยู่ร่วมกับคนอื่นได้

            สำหรับผมแล้วยอมรับว่าตอนนั้นยังเด็กอยู่มาก ความอดทนยังมีน้อย ก็ได้แต่คอยเรียนรู้ต่อไป เพื่อที่จะให้ผมสั่งสมความอดทนอดกลั้น ไม่ให้มันออกมาทำร้ายคนอื่นได้ง่ายๆเหมือนทุกวันนี้ สำหรับไอ้เวอร์แล้วผมว่ามันมีความเป็นผู้ใหญ่ค่อนข้างสูงกว่าผมเยอะ ผมรู้นะว่ามันค่อนข้างอดทนอดกลั้นกับผมแม้จะมีหลายครั้งที่มันก็หลุดโมโหออกมา จนทำเอาผมเกือบเจ็บตัวกับมันหลายครั้ง(นอกจากครั้งแรกที่เจอกัน อันนั้นเจ็บจริง) แต่ก็มีหลายครั้งมันรู้จักข่มใจไม่ให้โมโห ไปกับคำพูดยั่วโมโหต่างๆนาๆ ของผม  แต่ก็เท่านั้นแหละ คนเราต่อให้มันอดทนได้มากแค่ไหนมันก็มีขีดจำกัดของมันอยู่ ยิ่งมาเจอแบบผมด้วยแล้ว ใครทนได้เกิน 2 ครั้งก็เก่ง

            วันนี้ก็คงเป็นวันที่มันอดทนสุดๆ กับผมแล้ว วันนั้นเป็นเย็นวันศุกร์ กำลังอยู่ในช่วงแข่งกีฬาสีครับ ไอ้ตุ๊กับไอ้เวอร์เป็นนักกีฬาบาสเก็ตบอลครับ แต่ผมอยู่คนละสีกับพวกมัน อย่างที่รู้ๆกันว่ากีฬาผมไม่เอาไหน ก็ได้แต่นั่งดูพวกมันเล่นอยู่ข้างๆสนาม ส่วนไอ้อุ้ยมานั่งได้แป๊บเดียวมันก็ขอตัวกลับบ้านไปก่อน แล้วผมก็มีหน้าที่ เสิร์ฟขนม น้ำให้พวกมันสองคน แล้วเรื่องมันก็เกิดตอนนี้แหละ

            ไอ้เวอร์มันเพิ่งซื้อ เสื้อมาใหม่ เป็นเสื้อกีฬาสี มันก็ฝากผมถือไว้ แถมกำชับว่าห้ามทำเปื้อนด้วย ไม่งั้นเจ็บ เหอะ ไอ้บ้า กูกลัวตายล่ะ (จริงๆ ก็แอบกลัวมัน  =.= ) ผมก็ดูมันเล่นบาสกันไป ไอ้ตุ๊ของผมนี่มันเท่ห์จริงๆ ตัวก็สู๊งสูง หุ่นก็ดี หน้าตาก็หล่อ 555 เห็นนักกีฬาคนอื่นๆในสนาม มมีใครตัวสูงเท่ามันเลย แล้วงี้จะไปแย่งลูกคนอื่นได้ไงฟระ โดนชนทีตัวปลิว ผมเห็นพวกตัวเล็กๆเล่นแล้วเจ็บแทน นี่ถ้าลงไปเล่นด้วยคงได้เลือดแง๋มๆ ดูมันแต่ละคนตัวควายๆ ทั้งนั้น ไอ้ตุ๊งี้ ไอ้เวอร์งี้ แล้วยังมีพวก ม. 3 อีก เห็นแล้วสยอง ส่วนไอ้เวอร์อ่ะเหรอ ก็งั้นๆ เล่นไปเก๊กไป เห็นแล้วหมั่นใส่ มีพวกผู้หญิงที่นั่งเชียร์ข้างสนามด้วย เห็นกรี๊ดอ้เวอร์จัง มีดีอะไรวะ ชิส์ ผมก็นั่งดูมันเล่นกันนอยู่นาน จนหกโมงเย็น นักเรียนก็เริ่มทยอยกลับบ้านกันแล้ว ส่วนผมก็นึกได้ว่าลืมหนังสือไว้ที่ห้องเรียน ต้องเอากลับไปทำการบ้านด้วยก็เลยจะไปเอาหนังสือที่ห้อง เลยฝากเสื้อไอ้เวอร์ไว้กับเพื่อนอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆไว้ให้มัน เผื่อว่าพวกมันจะเลิกเล่นบาสแล้วกลับบ้านก่อน

            แล้วผมก็ขึ้นไปเอาหนังสือที่ห้องเรียนแต่ไปเจออาจารย์นุช อาจารย์ประจำชั้นผมหอบของพะรุงพะรัง เลยช่วยแกถือของกลับบ้านพักก่อนแล้วก็รีบขึ้นไปบนห้องไปเอาหนังสือ ตอนนั้นก็โพล้เพล้แล้ว ผมรีบไปหยิบหนังสือแล้วก็รีบเดินออกจากห้องมา แต่พอผมเดินมาถึงประตู ก็ต้องตกใจ เพราะไอ้เวอร์มันมายืนขวางอยู่ที่ประตู แถมมันมองผมอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ทำเอาผมงี้เสียววาบไปทั้งตัว อึ้งไปแป๊บนึงผมก็ทำใจเย็นถามมันไป

            "อ้าว! ลืมของเหรอ" มันเงียบไม่ตอบแถม จ้องผมตาเขม็ง แล้วมันก็ผลักผมอย่างแรงกลับเข้ามาในห้อง แถมปิดประตูเสียงดังปัง ผมโมโหฉิวขึ้นมา ไอ้บ้านี่ผีเข้าอะไรอีกวะ แต่ก่อนที่ผมจะได้พูดอะไรออกไปมันก็กระชากคอผมแล้วตะคอกกลับมา
 
           “มึงทำเชี่ยไรกับเสื้อกู”

           “อะไรกูทำไร”

           “แหกตาดูสิวะ สัด” อ้าวไอ้เชี่ยะนีมาถึงด่าเอาๆเห็นกูเป็นไรวะ มันโยนเสื้อมันใส่หน้าผม ผมก็หยิบมาดู ในใจนึกฉุนมันมากๆว่าคนเชี่ยะไรวะ แม่งพาลกูเอาๆ แต่พอเห็นเสื้อมันผมก็เข้าใจที่มันโกรธ เสื้อมันเปรอะเลยครับ แถมมีรอยหมากฝรั่งติดอยู่อีกต่างหาก

           “เฮ้ย! กูไม่ได้ทำนะโว้ย กู... ” ผมพยายามจะบอกว่าผมฝากเสื้อไว้กับเพื่อนอีกคนนะเว้ย แต่มันไม่เปิดโอกาสให้ผมได้พูด

           “ไม่ได้ทำเหรอ กูฝากเสื้อไว้กับมึง แล้วเสื้อกูก็ไปกองคลุกฝุ่น มันหมายความว่าไงวะ หา”

           “เฮ้ย ก็กูบอกว่ากูไม่ได้ทำ กู... ”

           “มึงไม่ไต้องมาพูด มึงมันกวนตีน ทำอะไรกูไม่ได้ ก็ไปทำกับของๆกู หน้าตัวเมียนี่หว่า สัดเอ๊ย”

           “ไอ้เหี้ย กูบอกว่ากูไม่ได้ทำๆ”

           “สัด มึงไม่ได้ทำแล้วใครจะทำ หมามันคงทำได้หรอก” อ้าว ไอ้เชี่ยนี่ด่ากูเป็นหมาอีก ฉุนขาด สติหลุดไปแล้วกู

           “เออ สัด แล้วจะทำไม ของแค่นี้กูซื้อให้ใหม่ก็ได้วะ แค่เปื้อนแค่นี้ จะเป็นจะตาย ยังกับพ่อตาย บ้าป่าววะ”ผมพูดแล้วก็รีบเดิน จะออกมาจากห้อง คราวนี้เอง มันมองผมตาเขียวปั๊ด อย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ (เพิ่งมารู้ว่าหนึ่งในคำพูดที่ผมพูดไปนี้ เป็นคำพูดต้องห้ามสำหรับมัน ถ้ามันได้ยินเมื่อไรล่ะก็ สติหลุดทันที) แล้วเดินไปขวางประตูไว้ มันคว้าตัวผมได้ก็เหวี่ยงผมออกมาจากประตู แล้วก็จับตัวผมกดลงกับพื้นแล้วขึ้นคร่อมตัวผมไว้

           “มึงจะอะไรกับกูนักหนา ฮะ มึงจะเอายังไงกับกูวะ”   

            มือข้างหนึ่งของมันจับข้อมือของผมกางออกเสมอหัวแล้วกดไว้กับพิ้น มันจ้องตาผมเขม็งเลย บอกตามตรงว่าอารมณ์กลัวตอนนั้น ไม่ได้มีเลยแม้แต่น้อย ตายเป็นตายผมไม่กลัวมันหรอก ผมพยายามดิ้นให้หลุดจากมัน แต่แรงมันเยอะชิบ แล้วด้วยท่าที่มันกดมือผมไว้ อยู่คิดเหรอว่าจะหลุดจากมันง่ายๆ เมื่อกำลังใช้ไม่ได้ผล ผมก็ต้องหันมาใช้อาวุธชิ้นเดียวที่ผมยังเหลืออยู่ ปากไง

            “แล้วไง มึงไม่ชอบขี้หน้ากู มึงก็มาพาลใส่กูตลอดอ่ะ กูก็ไม่ชอบขี้หน้ามึงเมือนกันละวะ กูเกลียดขี้หน้ามึง ยิ่งต้องมานั่งอยู่ไกล้มึงทุกวันๆ กูก็ยิ่งเกลียดมึงมากขึ้นทุกวันๆ ทั้งเกลียด ทั้งขยะแขยง กูเกลียดมึงอ่ะเข้าใจมั้ย”

            “แล้วกูไปทำอะไรให้มึงนักหนา มึงถึงได้เกลียดกูนัก มีแต่มึงนั่นแหละ แกล้งกูสารพัด”

            “เหรอ แล้วที่มึงทำกับกูล่ะ มึงก็แกล้งกูสารพัด ใช้กำลังกับกู เห็นกูสู้ไม่ได้ก็เอาใหญ่ แม่งถือว่ามึงตัวโตกว่า รึไงวะ”

            “ก็ถ้ามึงไม่ปากดีกับกู กูจะทำอะไรมึงมั้ย มึงอ่ะเคยพูดกับกูดีๆมั่งรึเปล่า”

            “ยังกับมึงพูดดีกับกูนักนี่ กูเกลียดมึง ยังไง กูก็ไม่มีวันญาติดีกับมึงหรอก ไปตายซะ ไอ้เชี่ยะหน้าตัวเมีย รังแกคนไม่มีทางสู้ กูเกลียดๆๆๆ เกลียดมึง ได้ยินมั้ยว่ากูเกลียดมึง” จำไม่ได้ว่าตอนนั้นพูดอะไรไปมั่ง แต่น่าจะประมาณนี้นะ ปากร้ายน่าดูเลยกู ยังคิดว่าทำไมตอนนั้นเป็นคนปากร้ายได้จนาดนั้น มันเองก็ดูชะงักไปนิดนึง ตอนแรกคิดว่ามันจะหยุดไม่ก็มันคงจะบีบคอผมตายคามือตรงนั้น เพราะด่ามันไปแรงขนาดนั้น

            แต่........ ผมคิดผิด ไอ้นี่มันเลวกว่านั้นอีก เข้าขั้นโรคจิตแหละ (ที่จริงผมกับมันก็โรคจิตพอๆกัน ชอบความรุนแรง 5555) มันจ้องหน้าผมเขม็ง แบบแววตาตอนนั้นมันน่ากลัวมากๆอ่ะ ผมแทบอยากจะหายไปจากตรงนั้น หัวใจแทบจะหยุดเต้น ผมดิ้นจนมือข้างหนึ่งหลุดจากมัน  ผมรีบเอามือข้างที่มันปล่อยยันพื้น เพื่อที่จะพยุงตัวขึ้น แต่มันกลับใช้เข่ามันมากดทับท้องของผมไว้ แล้วคว้าเข้าที่คอเสื้อผม กระชากจนกระดุมหลุดออกมาทั้งแผง มันเอามือแหวกเสื้อผมออก แล้วกดผมลงกับพื้นตามเดิม ตอนนั้นผมก็ยื้อยุด ฉุดกระชากกับมันสุดฤทธิ์ แต่ก็จะไปสู้แรงควายแบบมันได้ยังไง  แล้วมันก็ทำในสิ่งที่ผมไม่เคยคิดมาก่อน ไม่เคยคิดว่าชาตินี้จะถูกผู้ชายด้วยกันมาทำอะไรแบบนี้ มันเอาจมูกลงมาซุกที่ซอกใบหูผม


สิบตอนตามหัวข้อกระทู้นะครับ อิอิ จัดเลย์เอาท์ยากจริงๆ เลยลงเสร็จช้า 

แล้วจะรีบเอาตอนใหม่มาลงต่อนะครับ ไม่เกิน 2 วัน

ยังไงก็ฝากผลงานของผมด้วยนะครับ

ขอบคุณคร้าบบบบบบ


ออฟไลน์ ต่ายน้อย

  • กระต่ายน้อยลอยคอ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 816
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-3
    • http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=27719.0
มาเป็นกำลังใจให้ครับ :L2:

อ่านตาปูดเลยฮับ o22

lunar

  • บุคคลทั่วไป
ยาวมากกกก อ่านจุใจเลยค่ะ
รอตอนที่ 11 นะคะ

 :pig4:
ปล ปากแดงๆห้อยๆอย่างกับปากน้องต้อล AF4 หวานใจของพี่นัท>>>กรี๊ดดดดดแบบไม่มีเหตุผล (เหรอ) :o8:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

tawan

  • บุคคลทั่วไป
ตอน 11 ต่อเลยยยยยยยย

ค้างงงงงงง

 :call:

Rhythm

  • บุคคลทั่วไป

lptk

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
แอ๊! อยากอ่านตอนที่ 11 ต่อเลยอ่า เพลินมากมาย  :m18:

ออฟไลน์ 4559

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3978
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-8
เอาต่อๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ อิสระ

  • ถ้า add ให้กอด,ถ้า give five ให้จุ๊บ,ถ้า ment ให้เบอร์ คิคิ
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-8
    • https://www.facebook.com/%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C-1433707443445407/?modal=admin_todo_tour
อยากอ่านต่อ
ชอบนะโม ปากจัดน่าจูบดีจัง :man1:

Violet_Melon

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณนะครับ คุณผู้ออ่านทุกท่านครับ

>> mini_bilieber ฝากผลงานผมด้วยนะครับ

>> lunar ชอบน้องต้อลเหมือนกันเหรอครับ อิอิ

>> roseen ขอบคุณนะครับ ช่วยจุดประทัดให้มีคนมาอ่านเยอะๆใช่ป่ะครับ

>> tawan จัดไปเล้ยยยยยย เอามาลงให้อีก 2 ตอนละ

>> Rhythm ได้เลยครับ

>> lptk เอาไปทั้งตอน 11 และ 12 เลยละกัน หุหุ

>> BeeRY เอาไปอีก 2 ตอนนนนนน

>> 4559 ครับๆ เอาต่อๆ แหะๆ

>>nara555 ครับ จูบเลยๆ ถ้าไม่กลัวโดน กัดปากเอาน่ะ

คนอ่านน่ารักดีครับ เลยเอามาลงให้อีกสองตอน อ่านกันให้สนุกนะคร้าบบบบบบ

อ้อ! ติชมกันมาได้นะครับ ผมจะได้เอาไปปรับปรุงการเขียน ขอบคุณคร้าบบบบ

Violet_Melon

  • บุคคลทั่วไป
ตอน 11:(เรท R) ตอน 2

แต่........

   ผมคิดผิด ไอ้นี่มันเลวกว่านั้นอีก เข้าขั้นโรคจิตแหละ (ที่จริงผมกับมันก็โรคจิตพอๆกัน ชอบความรุนแรง 5555) มันจ้องหน้าผมเขม็ง แบบแววตาตอนนั้นมันน่ากลัวมากๆอ่ะ ผมแทบอยากจะหายไปจากตรงนั้น หัวใจเหมือนแทบจะหยุดเต้น มันละมือข้างนึงออกจากมือผม ผมรีบเอามือข้างที่มันปล่อยยันพื้น เพื่อที่จะพยุงตัวขึ้น แต่มันกลับใช้เข่ามันมากดทับท้องของผมไว้ แล้วคว้าเข้าที่คอเสื้อผม กระชากจนกระดุมหลุดออกมาทั้งแผง มันเอามือแหวกเสื้อผมออก แล้วกดผมลงกับพื้นตามเดิม ตอนนั้นผมก็ยื้อยุด ฉุดกระชากกับมันสุดฤทธิ์ แต่ก็จะไปสู้แรงควายแบบมันได้ยังไง  แล้วมันก็ทำในสิ่งที่ผมไม่เคยคิดมาก่อน ไม่เคยคิดว่าชาตินี้จะถูกผู้ชายด้วยกันมาทำอะไรแบบนี้ มันเอาจมูกลงมาซุกที่ซอกใบหูผม ตอนนั้น บรรยายความรู้สึกไม่ถูกจริงๆ มันรู้สึกขนลุกไปหมด ขนลุกไปทั้งตัว หมดเรี่ยวแรง เสียงในลำคอก็รู้สึกแหบแห้งไปซะเฉยๆอย่างนั้น ยิ่งตอนที่จมูกมันซุกที่หลังใบหูผม แล้วมันสูดหายใจเข้า หายใจออก รู้สึกเหมือนใจจะขาด ทนแทบจะไม่ไหว ทำได้แค่หลับตาปี๋ พยายามหดคอลงให้สั้นที่สุด เพื่อที่จมูกมันจะได้ไม่สามารถเข้ามาสัมผัสกับลำคอผมได้ แล้วบิดลำคอหลบมัน แต่แทนที่มันจะช่วยให้ผมรอดพ้นจากคมจมูกของมันได้ มันกลับยิ่งไปกระตุ้นอารมณ์หื่นของมันให้มากขึ้นไปอีก

   “ไอ้เหี้ย ปล่อยกู”

   “ยังปากดี อยู่อีกเหรอ เดี๋ยวกูจะเอาให้ร้องไม่ออกเลยมึง”

   “ไอ้ เหี้ยมึงทำไรวะ ปล่อยกูโว้ย”

   “ด่า เอ๋อ ยังด่ากูอีกเอ๋อ”

   นอกจากมันจะไม่หยุดแล้ว” มันยิ่งรุกผมหนักมากกว่าเดิม ตอนแรกมันแค่เอาจมูกมาซุกๆที่หลังใบหู แล้วมันก็เริ่มลงมาที่คอ ใต้คาง แล้วก็เริ่มเอาหนวดเอาคางมันมาถูๆด้วย (เรียกว่าไซร้นั่นแหละ) พอผมเอียงหลบมันมาทางซ้ายมันก็เปลี่ยนไปไซร้ซอกคอผมทางขวา ผมเอียงหลบทางขวามันก็มาไซร้ซอกคอผมทางซ้าย จนกลายเป็นว่าผมให้ความร่วมมือกับมันไปโดยปริยาย ตอนนี้ในห้องเงียบกริบ มีแต่เสียงผมร้องบอกให้มันหยุด แต่ก็เบาลงๆ เสียงลมหายใจ จนในที่สุดก็เปลี่ยนเป็นเสียงครางของผมกะมัน (ผมไม่ได้ครางเพราะเสียวนะว้อย มันจึ๊กกะดึ๋ยอ่ะ แต่มันอ่ะครางทำไมก็ไม่รู้ ไปถามมันเองละกัน) เสียงหอบเป็นระยะๆ ตอนนั้นยอมรับว่าอารมณ์ผมเริ่มกระเจิงไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ในหัวสมองมันขาวโพลนไปหมด ตอนแรกก็จึ๊กกะดึ๋ยปนจั๊กกะจี้ นานๆไปมันก็รู้สึกเสียวแปลกๆอ่ะ มันหยุดแล้วเงยหน้าขึ้นมามองผม ยิ้มแบบเยาะเย้ย

   “ไง แฮ่กๆ ไม่ปากดีแล้วเหรอ เอ๊ะหรือว่าชอบ แฮ่กๆ” อ๊ากกก เจ็บใจ อาศัยช่วงที่มันเริ่มคลายแรงบีบว่าแล้วผมก็ดันตัวขึ้นอีกรอบ เกือบจะดิ้นหลุดแล้วเชียว แต่มันนี่สิ เร็วกว่าคว้าตัวผมได้มันก็กดผมลงกับพิ้นแล้วก็ลงมือซุกไซร้ผมอีก ไอ้เชี่ยนี่มันไปฝึกทำจากไหนมาวะคล่องเชียว ทำเอาผมเคลิ้มกับมันไปซะได้ ตอนแรกผมก็ยังดิ้นรน เพื่อให้หลุดจากเงื้อมมือของมันสุดชีวิต แต่พอเจอแบบนี้เข้าไปหมดเรี่ยวแรงจริงๆ แล้วเหตุการณ์ที่เกิดผมไม่รู้ว่าจริงๆแล้วมันนานแค่ไหน แต่ความรู้สึกในตอนนั้นรู้สึกเหมือนมันนานมากๆ เหมือนเวลามันเดินช้าลงหลายร้อยเท่าเพื่อให้ผมได้จดจำกับทุกๆอย่างที่มันทำกับผม  ตอนนี้ผมหยุดดิ้นรนแล้ว ปล่อยมันทำตามใจของมัน มันจะทำอะไรก็ทำไป ผมไม่มีเรี่ยวแรงที่จะหลุดไปจากอุ้งมือของมันแล้ว

   เมื่อมันเห็นผมเริ่มนิ่งมันก็ค่อยๆปล่อยมือผม จากตอนแรกที่มันทำรุนแรงมันก็ค่อยๆทำเบาลง นุ่มนวน แผ่วเบา แล้วเปลี่ยนเป็น เอามือมาบีบไปตามสะโพก และก้นผม มันปล่อยมืออีกข้างที่เหลือจากมือผม แล้วเปลี่ยนมาเป็นลูบไล้ ไปตามแผ่นหลังของผมแทน แต่สวนหัวของมันทั้งจมูกและปากมันก็ยังทำหน้าที่ของมันต่อไป ทั้งจูบ ทั้งไซร้ ไปทั่วคอและใบหูของผม มือมันเริ่มเลื้อยตำลงมาเรื่อยๆ ตอนนี้จากเดิมที่มันขึ้นคร่อมผมไว้ทั้งตัว ไม่รู้ว่ามันเปลี่ยนเป็นนั่งคุกเข้าอยู่ตรงหว่างขาผมตั้งแต่เมื่อไร แล้วขาผมก็ไปเกยไว้ที่สะโพกของมัน กระดุมเสื้อมันขาดหลุดออกไปเหลือเพียงสองเม็ดดานล่างที่ติดอยู่ แต่ตัวเสื้อมันนั้นร่นลงมาจนเกือบถึงเอว คงเป็นเพราะแรงยื้อยุดฉุดกระชากกันก่อนหน้านี้ มือไม้มันก็ยังคงเลื้อยต่ำมาบริเวนบั้นเอวและแผ่นหลังของผม

   จนตอนนี้สติผมที่หลุดลอยไปมันเริ่มกลับมา แต่ตัวผมยังคงไร้เรี่ยวแรงเหมือนเดิม เริ่มคิดว่าทำไมมันทำแบบนี้กับผม เพื่อแก้แคนผมงั้นเหรอ มันเลือกใช้วิธีได้ถูกแล้วจริงๆ ตอนนี้ผมทั้งเจ็บทั้งอาย รู้สึกเสียศักดิ์ศรี ผมไม่สามารถสู้ ขัดขืนมันได้เลย ทำไมนะผมช่างอ่อนแอแบบนี้ ทำไมผมไม่เกิดมาแข็งแรง ตัวโตๆ เหมือนกับมันนะ ถ้าผมแข็งแรงกว่านี้ผมคงไม่โดนรังแกอยู่ฝ่ายเดียวแบบนี้ ตอนนี้ ไม่มีเสียงใดๆหลุดจากปากผม มีแต่น้ำใสๆไหลออกจากตา ออกมาอาบแก้มสองข้าง ส่วนมันก็ยังคงเคลื่อนไหวร่างกายมันอยู่บนตัวผม มันไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลย อารมณ์มันคงกระเจิงไปไหนต่อไหนแล้ว

   แต่เสียงสะอื้นน้อยๆ กับลำตัวที่สั่นๆของผม ทำให้มันหยุดพฤติกรรมทั้งหมดของมัน มันยันตัวขึ้น แล้วมองมาที่ผม พอมันเห็นผมร้องไห้ ดูมันตกใจ ชะงักไปแปบนึง มันหยุด แล้วพยุงตัวผมซึ่งท่อนบนตอนนี้เปลือยเปล่าขึ้นมา มันรั้งตัวผมเข้ามาแนบชิดกับอกของมัน แล้วก็เอามือข้างนึงโอบผมไว้ มืออีกข้างก็ลูบๆที่หัวผมเหมือนจะพยายามปลอบ ตอนนั้นดูมันเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ดูอ่อนโยน อบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ผมก็ทำได้แค่เพียงสะอึกสะอื้นอยู่กับอกของมัน มันก็พยายามลูบหัวแล้วกอดผมให้เข้ามาแนบชิดกับตัวของมันมากขึ้นอีก คล้ายๆกับว่ามันพยายามจะบอกขอโทษ แต่ก็ไม่ได้มีคำพูดใดๆหลุดออกมาจากปากผมกับมัน อารมณ์ตอนนั้นบอกไม่ถูกว่าโกรธมัน หรือว่าเสียใจ หรือว่ากลัว แบบไหนมากกว่ากัน แต่อารมณ์หนึ่งที่ชัดเจนมากที่สุดที่เกิดขึ้น ณ ตอนนั้นคือผมรู้สึกสบาย สงบ สุข อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งๆที่มันเพิ่งทำร้ายผมแท้ๆ  มันกอดผมอยู่อย่างนั้นจนซักพักเมื่อมันเห็นผมสงบลง มันก็เอื้อมมือไปหยิบเสื้อที่สุดแสนจะรุ่งริ่งของผม เอามาใส่ให้ ตอนนี้ผมกลายเป็นลูกแมวเชื่องๆของมันไปโดยปริยาย มันทำอะไรให้ผมก็ยอม มันเอามือมาปาดน้ำตาให้ผมออกทั้งสองข้าง มันพยุงผมลุกขึ้นแล้วก็บอกว่า

   ”กลับบ้าน เด๋วไปส่ง” มันพูกเสร็จก็ยื่นจมูกของมันมาหอมตรงหน้าผากของผม แล้วก็เดินไปหยิบกระเป๋านักเรียนของผมกับมันมา แล้วก็พาผมออกมาจากกห้องมันพาผมมาส่งหน้าโรงเรียน ไม่มีคำพูดใดๆออกจากปากของผมกับมัน ดีนะที่ตอนนั้นเวลาประมาณ 6 โมงเย็นกว่าๆเกือบจะทุ่มนักเรียนกลับกันเกือบหมดแล้ว บรรยากาศก็เริ่มจะมืดแล้วด้วยไม่งั้นมีใครเห็นผมสภาพนี้ มีหวังได้รู้กันหมดแน่ว่าผมโดนอะไรมา ตอนแรกมันจะตามมาส่งที่บ้าน แต่ผมบอกว่าจะกลับเอง มันส่งผมขึ้นรถ แล้วเดินก็จ๋อยกลับบ้านไป

   ผมกลับมาถึงบ้านก็รีบเข้าห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเลย กลัวแม่มาเห็นสภาพนี้ เด๋วแม่ช็อคตายลูกชายเกือบจะโดนข่มขืน  เข้าห้องผมก็รีบอาบน้ำโดยด่วน พอส่องกระจกเท่านั้นแหละ แม่มมมม แดงเป็นปื้นทั้งตัวเลย ไอ้เวอร์ ไอ้เลว ไอ้โรคจิต ไอ้ซาดิสม์ จิตวิปริตแน่ๆเลยมึงเนี่ย ขัดๆถูๆ ขัดไปก็นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นหมาดๆ ใจยังเต้นตุบๆอยู่เลย ตอนนี้รู้สึกอายมาก อ่าว แล้วกูจะอายทำไมนี่  อายก็แสดงว่ากูชอบที่มันทำแบบนั้นกับกูน่ะสิ ไม่ๆๆๆๆ(สะบัดหน้า พรืดๆ) กูต้องโกรธมัน เกลียดมันสิ มันโคตรเลว เลว เหล่ว เล่ว เล้ว เหลว แต่จะว่าไปอืมม ... มันก็เสียวดีน่ะ เพลินดีออก ม่ายยยย ไม่ๆๆๆบ้าๆๆ กูจะคิดยังงั้นได้ไงต้องรักนวนสงวนตัวหน่อยสิ มันเป็นศัตรูตัวฉกาจของมึงนะเว้ย อย่าเคลิ้มไปกับมันสิ ใช่แล้วกูต้องเกลียดๆๆๆ มันให้มากขึ้นไปอีก ฮึ่ยยยย

Violet_Melon

  • บุคคลทั่วไป
ตอน 12: (เกือบ)หวาน

   วันรุ่งขึ้นเป็นเป็นวันศุกร์ ผมก็เลยโดดเรียนซะงั้น ขี้เกียจไปเห็นหน้ามันไม่ใช้ว่ากลัวมันนะ แต่ไม่อยากเจอมันตอนนี้ ต้องนั่งข้างมัอีก ไม่รู้ว่าจะทำหน้ายังไง แล้วก็ไม่รู้ว่ามันจะเกิดหื่นขึ้นมาแล้วจับผมปล้ำ อย่างเมื่อวานอีกหรือเปล่า ทางที่ดี อย่าเพิ่งเจอหน้ากันเลยดีกว่า ปลอดภัยไว้ก่อน ผมก็เขียนใบลาป่วยฝากไอ้แก้วไป ถ้าขาดไปเฉยๆโดนอาจารย์ประจำชั้นสุดโหดของผมฟาดน่องลายแน่ แล้ววันนี้ก็เลยนอนอยู่บ้านทั้งวัน ผมมานอนเล่นใต้ต้นมะม่วงหน้าบ้านซึ่งมีเปลญวนผูกอยู่ นอนไปนานแค่ไหนก็ไม่รู้ ก็ต้องสะดุ้งตื่น เพราะได้ยินเสียงรถยนต์ใครก็ไม่รู้เข้ามาจอดหน้าบ้าน
Mitsubishi Strada สีน้ำเงินของใครวะใหม่เอี่ยมเชียว พอรถจอดสนิด ผมก็เพ่งดูอยู่ว่าใครวะ จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครลงมา อะไรของมันวะ ได้ยินเสียงแม่ตะโกนมาจากหลังบ้านว่าไปดูซิใครมา ผมจำต้องลุกออกจากเปลแบบขี้เกียจๆลงไปดูว่าใครวะ รถแม่งก็ติดฟิล์มซะดำเชียว กูจะมองเห็นมั้ยนี่ ผมก็เลยเดินไปยืนข้างรถ พยายามมองว่าใคร แล้วกระจกรถก็ค่อยๆเลื่อลงช้าๆ

   “เฮ้ยยยย!!” ผมตะโกนแบบตกใจ มันมาได้ไงวะนี่ ใครน่ะเหรอ ก็จะใครซะอีกล่ะ ก็คนที่คุณก็รู้ว่าใคร มันใส่ชุกนักเรียนอยู่ อย่าบอกนะว่าเมิงโดดเรียนมา เหอๆไม่กลัวน่องลายเหรอเมิง

   “มาได้ไงอ่ะเมิง”

   “ขับรถมา” อ้าวเชี่ย ตอบแบบนี้เมิงคงอยากโดนรองเท้ากูยัดปาก

   “จะมากวนตีนกูแค่นี้ใช่มั้ย กูจะได้กลับเข้าบ้าน” ผมพูดเสร็จก็หันหลังเดินกลับเข้าบ้าน ได้ยินเสียงมันเปิดประตูรถ แล้วลงมาคว้าแขนผมไว้ บีบซะแน่น ก่อนที่จะกระชากผมเข้าหาตัวมัน มืออีกข้างนึงก็กอดเข้าที่เอวผม

   “ปล่อยกูนะเว้ย เมิงจะทำเชี่ยไรเนี่ย” ไอ้นี่ พ่อกับแม่กูอยู่นะเว้ย เมิงไม่กลัวลูกปืนพ่อกูเรอะ มันเงียบไม่พูดอะไร แล้วมองมาที่คอ แล้วก็ ตามเนื้อตัวผม ถ้าดูไม่ผิดผมแอบเห็นมันยิ้มด้วยอ่ะ ตอนแรกผมก็สงสัยว่ามันยิ้มอะไร ก็ก้มมองดูตัวเอง เฮ้ยยยยยย ก็ตอนนี้อ่ะผมใส่กางเกงขาสั้น เสื้อยืดย้วยๆอยู่ แล้วมันไม่แค่นั้น่ะสิ รอยดูด รอยแดง ตามเนื้อตามตัวผม มันยังไม่จางไปเลย แถมเริ่มออกจะเขียวๆ คล้ำๆแล้วด้วย ผมรีบผลักมัน ออกแล้วเอามือปิดตามเนื้อตามตัว (อย่างกะจะปิดมิด)  มันมองผมอย่างขำๆ ชิส์ ก็เมิงอ่ะแหละทำกูเป็นแบบนี้ แล้วผมก็เผลอนึกไปถึงเรื่องเมื่อวาน ทำให้ตัวเองรู้สึกว่าหน้าร้อนผ่าวๆ

   “ไหน ว่าไม่สบาย แล้วไงมายืนทำปากดีกะกูอยู่ได้เนี่ย”

   “เรื่องของกู แล้วเมิงอ่ะถ่อมาทำไมถึงบ้านกูเนี่ยะ” มันไม่ตอบแต่ลากแขนผมมาที่รถ

   “ขึ้นรถ”

   “เฮ้ย จะพากูไปไหน กูไม่ไปกะเมิงหรอก ปล่อยกูเลย เชี่ยนี่”

   “เมิงจะไปกับกูดีๆ หรือเมิงจะให้กูจูบโชว์แม่มึงตรงนี้เลยล่ะ”มันพูดพลางขยับยื่นหน้าเข้ามาหาผม ส่วนผมก็ได้ยินเสียงแม่เดินมา

   “ใครมาน่ะโหนก”

   “เอ่อ...เพื่อนที่โรงเรียนน่ะแม่”

   “อ่า แม่นะโมเหรอครับ หวัดดีครับแม่ ผมชื่อพาวเวอร์ครับ” แหมทีงี้พูดซะน่ารักเชียวเมิง ทีกะกูละอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ แล้วตะกี้เมิงเรียกใครว่าแม่ สาดดดด นี่แม่กูนะเมิง ผมมองตอมันเขียวปั๊ด ทำปากขมุบขมิบ

   “ใครแม่เมิง ไอ้บ้า” มันยักคิ้วให้ผมจึ๊กนึง ทำหน้ากวนตีนๆ

   “จ้าๆ หวัดดีจะ แล้วมาทำไมล่ะนี่ ไม่ไปโรงเรียนเหรอ”

   “อ่อ มาเยี่ยมนะโมน่ะครับ เห็นว่าไม่สบาย”

   “อ้อเหรอ ไม่รู้มันเป็นอะไรเหมือนกัน เห็นเป็นผื่นๆแดงเต็มตัว สงสัยจะเป็นลมพิษ”

   “ลมพิษอะไรล่ะแม่ ถ้าจะเป็นลมพิษ ก็พิษหื่นของไอ้เวอร์นี่แหละ”อันนี้คิดในใจ ใครจะกล้าพูดออกมาวะ เด๋วแม่หัวใจวายตาย ส่วนมันอะยิ้ม หัวเราะหึๆ มองดูเนื้อตัวผม สะใจล่ะสิท่า สันดานนนนน

   “แม่ครับ งั้นเดี๋ยวผมพานะโมไปหาหมอนะครับ เดี๋ยวเป็นมากขึ้นจะแย่”

   “ใครบอกเมิง ว่ากูจะไปกับเมิง บ้าป่าว”

   “อ่อ อยากให้กูจูบโชว์แม่เมิงก็ไม่บอก”มันพูดแล้วก็คว้าข้อมือผมไว้ ทำท่าจะจูบผม ผมรีบหลบ หันไปบอกแม่

   “แม่เดี๋ยวไปหาหมอนะ เดี๋ยวกลับ”

   “อืม ขับรถดีๆกันล่ะ”

   “งั้นผมไปนะครับ”

   “จ้า เดี๋ยวขากลับแวะมากินข้าวกับแม่ด้วยนะ” เจร๊ยยยย แม่ไปชวนมันทำมายยย ไอ่นี่นะมันจะข่มขืนหนูน้า แล้วยังไปเรียกมันว่าลูกอีก จะบ้าตาย

   “ครับ ไปละครับแม่” แล้วมันก็จับผมยัดเข้ารถมัน ขับรถพาผมมาไม่รู้มันจะพาผมไปไหน

   “จอด กูจะลงตรงนี้”

   “อะไร กูบอกกะแม่เมิงว่าจะพาเมิงไปหาหมอ”

   “ไปหาป๊ะ เมิงอ่ะดิ กูไม่ได้เป็นอะไร”

   “เอ๊า ไหนเมิงบอกแม่เมิงว่าเป็นลมพิษ”

   “ลมพิษเชี่ยไร ที่กูเป็นแบบนี้ก็เพราะ...อุบส์” แล้วก็คิดไปถึงเรื่องเมื่อวาน แม่งยังเสียวไม่หาย เอ๊ย!!ไม่ใช่ ยังกลัวไม่หาย คิดแล้วก็หน้าร้อนผ่าวๆ

   “เพราอะไรล่ะ ก็ว่ามาดิ” มันพูดยิ้มๆ ตามันมองมางี้ หื่นเชียว

   “จะไปรู้เรอะ”เลิกพูดเหอะเมิงกูอายนะสาดนี่

   “อ่อ งั้นเดี๋ยวกูทำให้ดูอีกทีละกัน ว่ามันเกิดจากอะไร”มันพูดแล้วจอดรถ ทำหน้าหื่นใส่ผมอีกตะหาก

   “ไอ้เชี่ย อย่านะเมิง” ผมว่าแล้วเตรียมยกเท้าจะยันมัน ตัวเองก็ถอยมาพิงประตูรถ

   “ฮ่า ฮ่า กลัวเหรอเมิง คิดว่ากูจะพิสวาสเมิงนักรึไง อืม แต่จะว่าไป กูก็อยากลองเหมือนกันว่ะ เมิงก็ตัวนิ่มๆดี มาทำแบบเมื่อวานกันหน่อยดีมะ”

   “ไปลองกะพ่องเมิงเหอะ จอดรถก็ดีแล้ว กูจะได้ลง”ว่าแล้วก็เอื้อมมือไปเปิดประตูรถ แต่มันไวกว่า รียบล็อคประตูรถซะก่อน

   “ใครอนุญาตให้เมิงลง”

   “อ่าว ไอ้ควายกูจะทำอะไร ต้องขออนุญาตเมิงรึไง”

   “แต่นี่มันรถกู”

   “แล้วเมิงเสือกพากูขึ้นมาทำไมวะ”

   “เรื่องของกู เมิงนั่งเฉยๆซะ ถ้าไม่อยากโดนแบบเมื่อวานอีก รับรองคราวนี้กูไม่ใจอ่อนแน่” เชี่ยละแม่งขู่กูแบบนี้กูนั่งเฉยๆก็ได้วะ มันพูดเสร็จก็ออกรถ ขับไปนานแค่ไหนก็ไม่รู้ แล้วก็ไม่รู้มันจะพาผมไปไหน ผมเองก็ขี้เกียจถามมัน จะพาไปไหนก็ไปเหอะ เซ็ง ผมเผลอนั่งหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ ตื่นมาอีกทีก็ตอนมันจอดรถ มันพาผมมาที่ไหนเนี่ย ได้ยินเสียงเหมือนน้ำไหลไกลๆ

   “ลงมาดิ” ผมเปิดประตูรถลงมาก็ถึงได้รู้ว่ามันพาผมมาที่สถานที่แห่หนึ่ง เป็นน้ำตกเล็กๆแถวบ้าน จริงๆมันไม่ใช่น้ำตกหรอก เป็นแก่งซะมากกว่ามีน้ำไหล แล้วก็โขดหินเรียงราย มีร้านขายอาหาร มันเดินนำผมไปที่ร้านอาหาร มันเลือกร้านที่มีที่นั่งติดริมน้ำ

   “จะกินอะไร”

   “มีเมนูป่ะ” จริงๆแล้วไม่อยากกินกับมันเล้ย แต่มันหิวอ่ะทำไงได้

   “ไม่มี”

   “แล้วมันมีอาหาร อะไรมั่ง”

   “ไม่ต้องล่ะเดี๋ยวกูสั่งเอง”แล้วมันก็สั่งอาหารมา 4-5 อย่างทุกอย่างที่มันสั่งต่องลงท้ายด้วยคำว่า ไม่เผ็ด สงสัยมันจะกินเผ็ดไม่ได้ อ่อนด๋อยว่ะ มานานนักอาหารก็มาถึง ผมก็จัดการโซ้ยซะ ก็มันหิวนี่นา แล้วบรรยากาศก็ดีซะด้วย นั่งกินอาหารริมน้ำ ชมป่าเขาลำเนาไพร มองอะไรไปเรื่อยเปื่อย บรรยากาศช่างดีจริงๆ

   “ไง อร่อยอ่ะดิ”

   “...” บรรยากาศมันเสียก็เพราะมึงนี่แหละ ถ้ามึงไม่อยู่ตรงนี้นะ มันคงจะร่มรื่นกว่านี้เยอะ

   หลังจากที่สวาปามอาหารจนหมดโต๊ะ

   “เล่นน้ำป่าว”

   “ไม่เอาอ่ะ ไม่มีเสื้อผ้ามาเปลี่ยน”

   “ไม่เห็นเป็นไรก็แก้ผ้าเล่น”พ่อเมิงอ่ะเส่ คนอยู่กันตาตั้งคะนาน (ตาตั้งคะนาน=มากมาย)

   “กูไม่ได้หน้าด้านเหมือนมึงนะ อยากเล่นก็เล่นไปคนเดียวเหอะ” ท่าทางมันจะไม่ได้ยินที่ผมพูดเพราะมันลากผมเดินลัดเลาะไปตามต้นน้ำ ซึ่งคนก็น้อยลงเรื่อยๆ (จริงๆแล้ววันนี้ก็ไม่ใช่วันหยุด คนเลยน้อยมาก) จนเดินมาไกลพอสมควรก็พบว่าไม่มีคนอยู่เลย บรรยากาศเงียบมากมาย น่าเสียตัวจริงๆ เฮ้ยยย!! ไม่ใช่ล่ะ

   พอได้ที่มันก็หันมามองทำตาซึ้งใส่ผม แล้วก็

ถอดเสื้อมันออก เฮ้ยยยยยย เมิงจะทำไรเนี่ย กูไม่เอานะเว้ย แต่จะว่าไปแม่งหุ่นดีจริงๆ นี่มันเด็กอายุ 13 แน่เหรอวะ ตัวโต มีกล้ามอกด้วยอ่ะ แล้วเอวมันนะคอดเล็ก ไหล่กว้าง มีกล้ามที่แขนอีก แม่งงกินอะไรมาวะ ดูกูดิ๊ ผอมกะหร่องเชียว

“มองไรวะ ชอบอะดิ๊”เชี่ย ดันเผลอมองมันซะได้ ว่าแล้วก็หน้าร้อนผ่าวๆเลยกู

“ค..ยเหอะ กูไม่ได้มองเมิงละกัน”จริงๆแล้วกูมองเมิงอ่ะแหละ มันส่วยหัว หัวเราะหึๆแล้วก็โยนเสื้อมาคลุมหัวผม

   “เชี่ยยยยยยยยยยย” ผมก็คว้าเสื้อออกจากหัว กะจะด่ามันซะหน่อย (อ้าว ด่าไปแล้วนี่ เหอะๆ) พอผมเอาเสื้อออกจากหัว ก็พบว่ามันมายืนอยู่ข้างหน้าผมซะแล้ว ตางี้จ้องกูซะเยิ้มเชียววว เชี่ยเมิงจะเข้ามาไกล้กูทำมายย กูกลัวนะเว้ย แล้วมันก็

   ก็



   ก็



ก็ก้มลงถอดกางเกง(อ่ะนั่นแน่ะ คิดอะไรกันอยู่ เหอๆ) แต่เอ๊ะ ถอดกางเกง จ๊ากกกกก เมิงจะถอดทำมายยยย แล้วหันหน้ามาทางกูอีก ไปบ้า กูยังไม่อยากเห็นหนอนชาเขียวเมิงนะโว้ยยย

   “เฮ๊ยย!! เมิงทำไรน่ะ”

   “เอ๊า ก็จะถอดกางเกงเล่นน้ำ”

   “ไอ้บ้า ไม่อายใครรึไง หรือว่าชอบโชว์หา”

   “อายทำไม ไม่เห็นมีคนอยู่” อ่าว แล้วหมาเหรอ ยืนคุยกับเมิงอยู่เนี่ย อ่าว งี้กูก็ด่าตัวเองว่าเป็นหมาน่ะสิ

   “ควาย กูนี่ไง” อ่าว ว่าตัวเองเป็นควายอยู่ดีแหละกู

   “เอ๊า นึกว่าอยากดูซะอีกเห็นจ้องกูเขม็งเลย” สาดดดด พ่อเมิงอ่ะเส่

   “เชี่ย เหอะ กูจะไปมองทำไมของกูก็มี”

   “ก็ของกูใหญ่กว่าไง เมิงเลยมอง” สาดด เอาเรื่องจริงมาพูด มันไม่ฟังเสียงถอดกางเกงมันลงพรวด

   “เฮ๊ยยยย!” ผมรีบเอามือปิดตา ยังไม่อยากเห็นตอนนี้ เด๋วกุ้งยิงตากู แล้วมันก็โยนกางเกงมาใส่หัวผม ไอ้สาดดดดดด ผมรีบเอากางเกงออกจากหัว แล้วโวยวายเตรียมจะด่ามัน โดยลืมไปว่ามันถอดกางเกงแล้ว

   “เฮ้ยยย!” ผมร้องอย่างตกใจในสิ่งที่ผมเห็น

   ผมเห็น


   ผมเห็น




(ยังไมจบนะครับตอนนี้ เดี๋ยวลงต่อพรุ่งนี้นะครับ นอนหลับฝันดีครับ ทุกท่าน)

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด