มาต่อแล้วนะคะ หลังจากที่ปล่อยให้รอกันานแสนนาน
เค้าติดสอลอ่ะตัวเอง ขอโทษนะคะ
...........................................................................
“พี่อ่ะโทรศัพท์” ไอ้โอ๋ยื่นโทรศัพท์มือถือให้ผม
“เอามาทำไมว่ะ”
“สามีใครโทรมาไม่รู้ อ่ะเอาไปดิพี่” ไอ้โอ๋ยังยัดเยียดโทรศัพท์มันให้ผม ผมได้แต่ปรายตามองมันนิ่งๆ
“ฝากไปบอกคนในสายด้วยนะว่าวันนี้ไม่มีอารมณ์คุย” ผมบอกก่อนจะเดินออกจากห้องทำงาน ถ้าถามว่าโกรธไหม
คือมันเคืองมากกว่าครับ ใครใช้ให้ยัยซิ้มนั่นมันกวนอารมณ์ผมล่ะ
ผมถือว่าเป็นความผิดของไอ้เจ้าของโทรศัพท์แล้วกันที่ปล่อยให้คนอื่นมาใช้
อย่าหาว่าผมพาลเลยนะ แค่ตอนนี้อารมณ์เสีย
“แน่ะ ไม่คุยกันแล้วมาหลบหน้างออยู่นี่เนี่ยนะ” ไอ้โอ๋จอมกวนยังตามไม่เลิก
“ทำไมมีอะไร ถ้าจะมาแก้ตัวแทนบอกไว้ก่อนว่าอย่า”
“โด่พี่ ผมรึจะกล้า ผมก็แค่อยากจะบอกว่า คนเราน่ะอยู่ด้วยกันจนมีลูกขนาดนี้แล้ว มีอะไรก็ค่อยๆคุยกันดิ ถ้าไม่คุยเมื่อไหร่มันจะเข้าใจกันสักทีเล่า เฮ้อ ไม่ใช่เด็กแล้วนะพี่น่ะ” ไอ้โอ๋เทศ ก่อนจะเดินจากไป เอ่อ มาบ่นๆๆ แล้วก็ไปเนี่ยนะ ไอ้น้องเวร
“รักนะคะ คนดีของฉัน”
เสียงริงโทนคุ้นหูดังขึ้น จะไม่คุ้นได้ไง ก็มันเป็นริงโทนผมเองแล้วก็มีแค่คนเดียวด้วยที่ใช้เสียงนี้
รับ
ไม่รับ
รับ
ไม่รับ
เอาไงดีหว่า ???
ริงโทนยังแผดเสียงลั่น จนคนรอบข้าง เริ่มจะมองผมแปลกๆ เอาว่ะ
ผมกลั้นใจกดรับสาย ก่อนจะโดนด่าทางสายตามากไปกว่านี้
“กัน!!” เสียงในสายเรียกซะเสียงดังจนผมสะดุ้ง
“อืม” เอ่อ คือ ไม่รู้จะตอบอะไร อ่า
“กัน คือว่าเซ้นส์อยากอธิบายเรื่อง…”
“พอเถอะเซ้นส์” ผมห้าม คือไม่ใช่ไม่อยากรู้นะครับ แต่ผมว่าเรื่องนี้มันอ่อนไหวเกินกว่าจะอธิบายทางโทรศัพท์
“แต่ว่า..” เซ้นส์บอกเสียวแผ่ว
“กันเข้าใจ เอาเป็นว่ากันไม่ได้โกรธเซ้นส์ แต่กันแค่ไม่อยากคุยกับเซ้นส์ทางโทรศัพท์น่ะ ”
“ครับ เซ้นส์เข้าใจ อีกสามวันเจอกันนะครับที่รัก เซ้นส์รักกันนะ รักกันคนเดียว”
ปลายสายบอกก่อนจะวางไป เฮ้อ เหนื่อยครับ เหนื่อยจริงๆ
ตกเย็นผมไปรับลูกที่บ้านพ่อกับแม่ตามปกติ แต่ก็ต้องตกใจเพราะที่บ้านผมมีรถอีกคันจอดอยู่ ไม่คุ้นซะด้วยนะครับ
“อ้าวกัน กลับมาแล้วเหรอลูก” แม่ทักทันที่เห็นผมเดินเข้ามาในบ้าน
“ครับแม่”
“แม่ครับ รถใครเหรอที่จอดหน้าบ้านอ่ะ”
“ไปดูเองไป อยู่กับหลานๆในห้องนั่งเล่นน่ะ”
แน่ แม่ผม มีลับลมคมในแปลกๆ วุ้ย คงไม่ใช่ เจ้าหนี้หรอกนะครับ ยังไม่พร้อมจะจนฮ่าๆๆ
ผมเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นเห็นผู้ชายคนนึงกำลัง เล่นกับสองแฝดอยู่ ข้างหลังมันดูคุ้นๆเนาะ
“เฮ้ย พี่รบ” ผมตะโกนทันทีที่คิดออก ผู้ชายคนนี้คือพี่รบครับ
ชื่อเต็มคือ พตท นักรบ เอื้อองการ เป็นรุ่นพี่ผมที่โรงเรียนตำรวจครับ
เรียกว่าตอนเรียนเนี่ย สนิทที่สุด เลยล่ะครับ
“ไง ไอ้กันไม่เจอกันไม่กี่ปีมีลูกสองคนเลยเหรอว่ะ” พี่รบหันมาทักผม
“เรื่องมันยาวว่ะพี่” ผมตอบแหม จะให้พูดตรงๆว่ามีสามีแล้วมันก็ยังไงๆอยู่นะ
“อายห่ะ อะไร ข้ารู้หมดแล้วเว้ย คุณป้าบอกหมดแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าไอ้เสือจะสิ้นลายฮ่าๆๆ” พี่รบหัวเราะซะจนผมเริ่มจะโกรธ แล้วนะ
“อ้าว อย่ามาทำหน้างอ พี่ไม่ใช่สามีเอ็ง ไม่ง้อนะเว้ย ฮ่าๆๆ”
“เว้ย อย่าล้อดิว่ะ” ไอ้พี่รบเล่นล้อซะผมอายจนแทบจะแทรกกระเบื้องหนีอยู่แล้วนะ
“เออ ไม่ล้อแล้ว”
“ไหนพ่อบอกว่า พี่ย้ายไปชายแดนไม่ใช่เหรอ ทำไมมาโผล่ที่นี่อ่ะ” ผมถาม ก็เมื่อปีที่แล้วได้ข่าว่า
พี่แกย้ายไปอยู่ที่ภาคใต้น่ะครับ อย่างว่า พี่ผมมันขาบู๊ อยู่ในเมืองไม่ได้นานหรอก
“อ้อ พี่ลาน่ะ ว่างก็เลยกะจะตามเอ็งไปกินเหล้าซะหน่อยแต่คงไม่ได้แล้วมั้งเนี่ย ”
“โทษทีว่ะพี่ ” ผมขอโทษซะยกใหญ่ นานๆได้เจอกันทีแต่ผมดันต้องดูลูกซะงั้น
“ไม่เป็นไรเว้ย เปลี่ยนจากกินเหล้าเป็นกินข้าวก็ได้ ” พี่รบบอกอย่างอารมณ์ดี
“ครับ สารวัตร” ผมรับคำก่อนจะ พาท่านสารวัตรออกไปซื้อของที่ห้าง ซะหน่อย
…………………………………………………………………………..
“อืม ไม่น่าเชื่อๆ”
“ไม่น่าเชื่ออะไรครับ สารวัตร”
“ก็ไม่น่าเชื่อว่าเอ็งจะ มาจับตะหลิวทำกับข้าวได้นะสิ ทีเมื่อก่อนทอดไข่ยังไหม้” พี่รบบอกพลางจ้องผมทำกับข้าวซะตาถลน
“แหม คนเรามันต้องพัฒนาบ้างดิพี่”
“เดี๋ยวต้องกลับไปบอกไอ้พวกเพื่อนๆเอ็งมันคงได้ช็อคตายกัน ฮ่าๆๆ”
ผมหัวเราะไปกับท่าทางอึ้งๆของพี่รบ เฮ้อ อยู่กับพี่รบมันก็สบายใจไปอีกแบบนะครับ ไม่มีเวลาคิดฟุ้งซ่านดี
วันนี้วันเสาร์แห่งชาติอีกแล้วครับ แล้วก็เป็นวันที่สามที่ไอ้ท่านสารวัตรมานอนอืดที่บ้านผม
ไล่ก็ไม่ไปบอกว่าอยากเห็นกับหลาน เฮ้ย อย่าเพิ่งคิดกันไปไกลนะ ผมกับไอ้พี่รบเนี่ย
ไม่ได้จริงๆครับ แค่คิดก็ขนลุกจะแย่แล้ว
“ไอ้กัน การมีลูกนี่มันดีอย่างนี้นี่เองเนาะ”
“อารมณ์ไหนว่ะพี่”
“ไม่รู้ดิว่ะ สงสัยเหงามั้ง แต่ตำรวจอย่างข้าจะตายวันไหนไม่มีใครรู้ ข้าไม่อยากดึงใครมาลำบาก”
น่านมาเป็นพระเอกเชียว อาการแบบนี้พอจะเดาได้ไหมว่าตกหลุมรักเข้าให้แล้วเนี่ย
“น่านพี่ ไปตกหลุมรักสาวใต้มาเหรอ”
“อย่ามาทำเป็นรู้ทันนะไอ้กัน” พี่รบมองตาขวาง ว่าแล้วอาการแบบนี้มันคนอกหักชัดๆ ฮ่าๆๆ
“พี่ ไม่สู้แล้วจะรู้เหรอว่าจะสำเร็จไหม ลองสักตั้งสิ ไหนบอกคนอย่างนักรบไม่กลัวอะไรไง”
“พอเลยๆ เรื่องของตัวเองเอาให้รอดซะก่อน เห็นว่าทะเลาะกันอยู่นิ”
“เฮ้ยพี่ รู้ได้ไงว่ะ”
“ก็ไอ้โอ๋มันเล่าให้ฟัง” ไอ้โอ๋ ไอ้น้องเวร แหม ไอ้นี่ เผลอไม่ได้
“กินข้าวเหอะ ข้าหิวแล้วเร็วๆ”
(ภาคเซ้นส์)
ผมมองนาฬิกาอย่างใจจดใจจ่อ ก็หลังจากที่ผมได้คุยกับกันวันนั้น นี่มันก็สามวันแล้วนะครับที่เราไม่ได้เจอกันเลย
ผมเองก็งานยุ่งมากเพราะต้องรับเจรจาให้เสร็จ เฮ้อ คิดถึง กัน แล้วก็สองแฝดมาก ไม่เอาแล้วแบบนี้
คราวหน้าคงต้องขนกันไปทั้งบ้าน แล้ว
ผมขับรถเข้าไปในบ้าน ด้วยความสงสัยเพราะในบ้านมีรถไม่คุ้นจอดอยู่นะสิครับจะว่ารถพี่โอ๋ก็ไม่น่าจะใช่
“ฮ่าๆๆ ” เสียงหัวเราะของคนสองคนดังออกมาจากห้องนั่งเล่นจนผมต้องขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“จ๊ะเอ๋ น้องซายส์มาให้ลุง อุ้มหน่อยเร็ว” ผู้ชายแปลกหน้ากำลังอุ้มน้องซายส์อยู่ เฮ้ย เรื่องอะไรมาอุ้ม
นางฟ้าของผมเนี่ย แถมกันยังหัวเราะผสมโรงไปด้วยอีก อารมณ์ตอนนี้ไม่รู้ว่ายังไง เสียใจ น้อยใจ
โมโห หึง หวง มันปนกันไปหมดแล้วล่ะครับ ถ้าเป็นคุณจะรู้สึกยังไง ถ้าเห็นคนรักของตัวเอง
ไปหัวร่อต่อกระซิกกับคนอื่นอยู่
“กัน” ผมเรียกเสียงดัง จนอีกสองคนที่กำลังหัวเราะอยู่ต้องหยุดอย่างกะกดรีโมท
“เอ่อ หวัดดีครับ คุณคงเป็นคุณ ภาสวิช สินะครับ” ไอ้คนแปลกหน้าทักผม
“ครับ” ตอบไปตามมารยาท ผมมองคนแปลกหน้าด้วยสายตาประมาณว่า เมื่อไหรคุณ(มึง)จะออกห่างลูกกับเมีย (ผม)กูสักทีว่ะ
“อ้อ หล่อกว่าที่คิดนะเนี่ย ฮ่าๆ ผม นักรบครับ เป็นรุ่นพี่ไอ้กัน”
“ครับ”
“อ่า อากาศมันเริ่มร้อน กันพี่กลับแล้วนะเว้ย ผมกลับแล้วนะครับคุณภาสวิช”
“ครับ”
“เดี๋ยวสิพี่รบ ผมไปส่ง” กันบอกก่อนจะรั้ง ไอ้คุณนักรบอะไรนั่นไว้ ผมเลยมองกันตาขวางประมาณว่า
สามีคุณอยู่ตรงนี้ตะหากครับ
“อย่าเลย พี่กลับเองได้” อีกคนบอกก่อนจะเดินออกไป
ตอนนี้บ้านทั้งบ้านเงียบจนได้ยินเสียงแอร์ อืม บรรยากาศมันอึดดัดชะมัด ว่าไหม ครับ
“กัน /เซ้นส์” เอ๋าพอจะพูดก็พูดพร้อมกันซะงั้น อืม ตอนนี้มันเหมือนละครหลังข่าวไปนะ
แล้วมันก็ตกอยู่ในความเงียบเหมือนเดิม เอ่อ อึดอัด
“อะ อ๊าๆๆ” เสียงอ้อแอ้ของไอ้ตัวแสบประท้วงขึ้น สงสัยน้อยใจที่ผมไม่ทักหรือว่า อึดอัดแทนป๊าหว่า
“อ่า น้องซัน ง่วงแล้วเหรอลูก” กันรีบวิ่งไปดูไอ้ตัวแสบ ก่อนที่ผมจะเข้าไปอุ้มสาวน้อยบ้าง
“หยุดนะเซ้นส์ ล้างมือยัง” กันหันมาดุ
“จ้าๆ ไปล้างแล้วจ้า” ผมยิ้มขำ ฮ่าๆๆ ความอึดอัดเมื่อกี้มันหายวับไปทันทีแหม บางทีการมีลูกมันก็ดีอย่างนี้แหล่ะเนาะ
…………………………………………………………………………………………..
ผมมองกันที่กล่อมสองแฝดอยู่บนเตียงเงียบๆ ไม่กล้ากวนอ่ะ เดี๋ยวโดนดุ แหะๆ บอกแล้วไงว่าไม่ได้กลัวเมีย
“ลูกหลับแล้วเหรอกัน”
“อืม” ง่า สั้นไปนะ หรือยังไม่หายโกรธหว่า
“คือเซ้นส์ขอคุยอะไรกับกันหน่อยได้ไหม”
“อืม”
“คือว่าเรื่องเม่ยหลิง เซ้นส์ขอโทษนะ เซ้นส์ไม่คิดว่า เขาจะโทรมาก่อกวนกันน่ะ ตะ แต่เราสองคนไม่ได้มีอะไรจริงนะ”
“อืม” ง่า ทำไมมันยังสั้นอยู่อ่ะ เริ่มกลัวแล้วนะเนี่ย
“กันหายโกรธเซ็นส์เถอะนะ” ผมเริ่มอ้อน
“ไม่” เง้อ ไหงงั้นอ่ะ T^T ทำไงดีครับ ช่วยผมหน่อยสิ
“เซ้นส์” จู่ๆกันก็เรียกผม
“คะ ครับ”
“เซ็นส์รักกันไหม”
“รักสิ เซ้นสรักกันที่สุดเลยนะ”
“แล้วเชื่อใจกันไหม”
“เชื่อครับ”
เอ่อ ไม่เข้าใจอ่ะครับว่ากันถามผมทำไม
“แล้วเซ้นส์คิดว่า กันรักเซ้นส์ไหม เชื่อใจเซ้นส์หรือเปล่าล่ะ” กันถามผม
“รักมั้งครับ” ผมตอบแต่ไม่เต็มเสียงนัก ถ้าเป็นเมื่อก่อนอาจจะเต็มเสียงแต่ตอนนี้กันโกรธผมอยู่เลยไม่ค่อยแน่ใจ แหะๆ
“ทำไมตอบแบบนั้นล่ะ หรือเซ้นส์ไม่มั่นใจในตัวกันแล้ว”
“ไม่ใช่นะ เซ้นส์เชื่อว่ากันรักเซ้นส์”
ผมบอกลนลานก่อนจะเข้าไปกอดกัน ผมไม่อยากให้กันคิดนิครับว่าผมสงสัยเขานิครับ
“เซ้นส์ฟังนะ กันรักเซ้นส์ แล้วก็เชื่อใจเซ้นส์นะ ถ้าตราบใดที่กันยังไม่เห็นกับตากันไม่มีทางเชื่อคำพูดคนอื่นมากกว่าคนที่กันรักหรอก”
“ขอบคุณนะครับ ขอบคุณที่กันเชื่อใจเซ้นส์” ผมบอกก่อนจะกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น
จะมีใครสักกี่คนที่โชคดีเหมือนผม ที่ได้เจอกับคนรักที่แสนดีอย่างกัน อยากตะโกนดังๆจังว่า ผมรักผู้กองของผมที่สุดเลยครับ
แต่ผมยังมีเรื่องค้างคาอยู่หน่อย นึง
“กัน เซ้นส์ถามหน่อยได้ไหม เมื่อกี้ใคร” ผมถามเสียงเข้ม ก็ผมหึงอ่ะ
“อ้อ นั้นพี่รบ เป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนตำรวจน่ะ ทำไมหึงเหรอ” กันถามล้อๆ
“หึงสิ เมียทั้งคนนะ ใครจะไม่หึงล่ะ”
ฟอด ผมบอกพลางหอมแก้มไปหลายฟอด แหม ยังหอมเหมือนเดิมเนาะ ชอบกลิ่นแป้งเด็กอ่อนๆ
จากตัวกันที่สุดเลยครับ ฮ่าๆๆ ตอนนี้กัน หน้าแดงไปหมดแล้วครับ แหมเห็นแล้วมันอดใจไม่ไหว เอิ๊ก
ไม่ได้เจอกันตั้ง ห้าวันนะครับ ผมคิดถึงกันจะแย่ แน่ะๆๆ ไม่ต้องอยากรู้ ต่อไปนี้เป็นเวลาส่วนตัว ครับ ขอตัวง้อเมียก่อนนะ ฮ่าๆๆ