Love Sick เมื่อร่างกายตกเป็นทาสของหัวใจ [-23-] จบแล้วค่ะ!!
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Love Sick เมื่อร่างกายตกเป็นทาสของหัวใจ [-23-] จบแล้วค่ะ!!  (อ่าน 195980 ครั้ง)

บีบีจัง

  • บุคคลทั่วไป
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



***** คุยกันหน่อยค่า~ *****

แหมๆ ไม่ทันไรก็มีเรื่องใหม่มาอีกแล้วแหะ > <
คิดว่าหลายคนอาจจะสงสัยหลายเรื่อง เช่นว่า เรื่องนี้บีจะดองมั้ย? จะดราม่ามั้ย? ฯลฯ
ขอไม่ตอบเลยสักคำถามนะคะ (เย้! ^^)
แต่อยากจะขอบอกว่าเรื่องนี้มันเป็นแนวที่ใฝ่ฝันอยากจะลองแต่งมานานแล้วค่ะ
ตัวเอกของเราก็เป็นเด็กกำพร้าอีกแย้ว แต่ไม่มืดมนนะคะ <3

ชื่อเรื่องก็คือ Love Sick ซึ่งหมายถึง การป่วยเพราะความรัก
ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ แค่ชอบชื่อนี้และอาการ Love Sick ก็เป็นเอกลักษณ์ของนายเอกเสียด้วย
ชะเอมเขาขี้อายค่ะ เวลาเขินจัดๆก็ไข้รับประทาน เลยคิดว่าเอาชื่อเรื่องแบบนี้ก็บ่งบอกคาแรกเตอร์ได้ดี (เนอะ ^^)

ตั้งใจว่าเรื่องนี้จะทำการบ้านหนักๆหน่อย อาจจะต้องใช้เวลาเขียนแต่ละตอนนานนิดนึง ก็อย่าเพิ่งเบื่อรอกันนะคะ
ส่วนเรื่องคอมเมนท์ของผู้อ่านทุกคน บีอ่านหมดนะคะ แม้จะไม่ค่อยได้ร่วมพูดคุยด้วยก็เถอะ บางทีมันก็ไม่รู้จะพูดอะไรอะค่ะ ถ้าเป็นคำติ บีก็จะรีบแก้ทันทีเลยค่ะ ไม่ใช่ไม่รับรู้นะคะ อย่าคิดว่าบีหยิ่งนะคะ T^T

ขอบคุณทุกคนที่ให้โอกาสเข้ามาอ่านเรื่องใหม่ของบีนะคะ (กราบงามๆ) -/\-
ปล.สถานที่และบุคคลในเรื่องเป็นสิ่งสมมติ ไม่มีอยู่จริงนะคะ


สารบัญ


:music: :music: :music:




Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-07-2012 17:29:11 โดย บีบีจัง »

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: Love Sick [-1-] 16/9/11
«ตอบ #1 เมื่อ16-09-2011 13:05:31 »

 :mc4: :mc4: :mc4:

บีบีจัง

  • บุคคลทั่วไป
Love Sick [-1-]
«ตอบ #2 เมื่อ16-09-2011 17:21:00 »


Love Sick

- 1 -



ผมกำลังนั่งเท้าคางจ้องมองก้อนเมฆบนท้องฟ้าอย่างเลื่อนลอย สมองของผมไม่ได้คิดอะไรเป็นเรื่องเป็นราวนัก มันเหมือนเป็นการปล่อยอารมณ์ไปกับสิ่งรอบตัว ถึงแม้ว่าในห้องเรียนนั้นจะมีเสียงดังเพราะอาจารย์ที่สอนยังไม่มา แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคกับการนั่งเหม่อของผมแต่อย่างใด...

ในมือของผมมีดินสอดำสำหรับร่างภาพหนึ่งแท่ง ผมตั้งใจว่าจะออกแบบงานตามที่อาจารย์สั่งมาให้เสร็จเสียที อาจารย์สั่งงานผมมาเป็นสัปดาห์แล้ว แต่ผมก็ยังไม่มีอารมณ์ที่จะทำ มันเหมือนกับว่ายังคิดไม่ออก และไม่รู้ว่าจะวาดอะไรดี บางทีความรู้สึกที่อยากจะวาดรูปมันก็จะเกิดขึ้นมาเฉยๆ ยิ่งเวลาที่ผมได้ทำตัวผ่อนคลาย ความคิดของผมก็จะตื่นตัวมากขึ้น

เมื่อรู้ตัวอีกทีกลีบดอกไม้สีดำกลีบแล้วกลีบเล่าถูกร่างขึ้นมาอย่างรวดเร็วและประกอบเข้ากันเป็นดอกโบตั๋นดอกใหญ่ และจากดอกโบตั๋นเพียงดอกเดียว ก็เพิ่มขึ้นจนเป็นช่อตามแต่มือของผมจะสร้างมันขึ้นมา และในที่สุดก็เต็มหน้ากระดาษ จังหวะนั้นผมก็รู้สึกถึงการจ้องมอง จึงชะงักมือและเสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นตรงหน้าผมพอดี

“เอม กูเห็นว่ามึงกำลังมือขึ้น ก็ไม่อยากจะรบกวนนะ แต่...กูขอลอกการบ้านหน่อยสิ”

ผมเงยหน้ามองคนที่ยืนเกาหัวแกรกและยิ้มแบบเก้อๆมาให้ด้วยสายตาหงุดหงิดเล็กน้อย เพราะไม่รู้ว่านี่เป็นครั้งที่เท่าไรของสัปดาห์ที่เพื่อนมาขอลอกการบ้าน
“เลี้ยงข้าวกูด้วย” ผมพูดสั้นๆแล้วส่งสมุดเล่มหนาให้เพื่อนก่อนจะก้มหน้าวาดรูปต่ออย่างสบายใจว่าจะไม่ต้องเสียค่าข้าวกลางวัน
“เออ ก็ได้วะแม่ง...” คนที่รู้ตัวว่าจะต้องเลี้ยงข้าวเพื่อนบ่นอย่างเสียไม่ได้ เพราะเสียเงินเลี้ยงข้าวย่อมดีกว่าถูกอาจารย์ทำโทษแน่นอน

ห้องเรียนที่ผมมานั่งปล่อยอารมณ์สเก็ตช์รูปอยู่นี้เป็นส่วนหนึ่งของโรงเรียนศิลปะเฉพาะทางที่มีระบบการเรียนการสอนแบบผสมผสาน คือเรียนทั้งวิชาทั่วไปเช่น เลข ภาษาอังกฤษ วิทยาศาสตร์ และสอนวิชาเฉพาะทางอีกต่างหาก ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องเรียนหนักกว่าเด็กที่เรียนโรงเรียนปกติ และเพราะการเรียนที่มีชั่วโมงเรียนเยอะแบบนี้ ที่นี่จึงเป็นโรงเรียนประจำ เพื่อที่นักเรียนจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปกลับในแต่ละวัน

นโยบายของผู้สร้างโรงเรียนซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งในวงการศิลปะระดับโลกต้องการที่จะผลิตศิลปินที่มีคุณภาพ เด็กแต่ละคนที่จะเข้ามาเรียนที่นี่ได้จะต้องมีความสามารถที่เป็นเลิศเกี่ยวกับศิลปะด้านใดด้านหนึ่ง โรงเรียนจะขัดเกลาเด็กๆเหล่านั้นให้มีศักยภาพและฝีมือชั้นเลิศก่อนจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย ผู้สร้างโรงเรียนมีความเชื่อว่า ในสภาพแวดล้อมที่ดีเลิศ เป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะสร้างอัจฉริยะ โรงเรียนนี้จึงกินพื้นที่กว่าหนึ่งร้อยห้าสิบไร่ ประกอบไปด้วยอาคารเรียนหลายหลังและอาคารปฏิบัติกิจกรรมต่างๆครบถ้วน มีทั้งสวนสาธารณะ โรงอาหาร สนามกีฬา โรงละคร ฯลฯ

ผมชื่อเอม หรือชื่อเล่นเต็มๆก็คือชะเอม ผมเป็นนักเรียนชั้นปีหนึ่งของแผนกศิลปะ หรือเทียบเท่ากับเด็กม.4นั่นเอง ความเป็นมาที่ทำให้ผมตัดสินใจมาเรียนที่นี่ก็เพราะอาจารย์ที่ปรึกษาสมัยม.ต้นเอาเอกสารเกี่ยวกับโรงเรียนนี้มาให้ และบอกว่ามีทุนการศึกษาแบบร้อยเปอร์เซ็นต์สำหรับนักเรียนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ บวกกับที่ผมรักการวาดรูปมาตั้งแต่จำความได้ ผมจึงตั้งใจอ่านหนังสือเลือดตาแทบกระเด็นเพื่อหวังว่าจะได้เรียนที่นี่ ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเด็กกำพร้าแบบผม...

วันแรกที่ผมย้ายเข้ามาอยู่ในหอพักของเด็กปีหนึ่ง ก็ได้พบกับรูมเมทที่จะอยู่ด้วยกันไปตลอดสามปีเป็นครั้งแรก ซึ่งก็คือมิ้นท์ หรือคนที่กำลังลอกการบ้านของผมอยู่ในตอนนี้ นอกจากมันจะเป็นรูมเมทแล้วยังเรียนแผนกเดียวกับผมด้วย มิ้นท์เองสอบเข้ามาเรียนในแผนกศิลปะเช่นเดียวกัน มีรสนิยมคล้ายกัน ชอบอะไรคล้ายกัน พูดคุยในเรื่องแนวเดียวกัน แต่สิ่งที่ทำให้ทั้งผมและมิ้นท์แตกต่างกันก็คือมิ้นท์ไม่ใช่นักเรียนทุนและยอมจ่ายค่าเรียนแพงระยับทุกเทอม นั่นหมายความว่าบ้านของมิ้นท์มีฐานะดีมาก และไม่ได้มีชะตาชีวิตที่ต้องดิ้นรนรักษาเกรดเฉลี่ยให้สูงเข้าไว้แบบผม เพื่อที่จะได้ไม่หลุดจากการเป็นนักเรียนทุน

“แล้ววันนี้มึงจะกินอะไร” มิ้นท์ละมือจากการลอกแล้วมาถาม ผมหยุดคิดแป๊บหนึ่งแล้วนึกถึงร้านที่แพงที่สุดในโรงอาหาร
“จะกินคอร์สเอของร้านโครัลเบอรี่”
“โห เอาซะแพงเลยนะมึง” มิ้นท์ร้องเสียงหลงทันที เมื่อได้ยินว่าเพื่อนอยากจะกินอะไร เพราะเมนูของร้านนี้เริ่มต้นที่ 199++ และยิ่งเป็นคอร์สเอซึ่งประกอบด้วยข้าวแกงกะหรี่ห่อไข่ ซุปสาหร่าย แคลิฟอเนียมากิและไก่ทอดด้วยแล้ว ราคาเซ็ตละ 275 บาทเลยทีเดียว
“มิ้นท์ แล้วทีมึงลอกการบ้านกูมาทั้งอาทิตย์ละ” ผมเค้นถามเสียงเย็น เพราะรู้ว่าถ้าถ้าไปขอเพื่อนคนอื่นลอก เขาคงคิดเงินไอ้มิ้นท์เป็นรายวิชาเลยมั้ง
“แหมๆ กูล้อเล่นน่าเอม เดี๋ยวกลางวันกูพาไปเลี้ยงข้าวตอบแทนละกันนะ” พอเห็นว่าผมเริ่มเอาจริงมันก็หัวเราะกลบเกลื่อนทันที...


“พี่ครับ ผมเอาคอร์สเอ” ผมสั่งรายการอาหารที่คิดไว้แล้วว่าจะต้องได้กินกับพนักงานในเคาเตอร์ ส่วนเจ้ามือยังคงยืนเลือกอยู่เลยว่าจะกินอะไรดี
“มึงว่ากูกินไรดีวะ” มิ้นท์บ่นพึมพำ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมสนใจมากเท่ากับคนๆหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มพี่ปีสามกลุ่มนั้น

พี่เปปเปอร์... เจ้าของร่างสูงที่นั่งพูดคุยเฮฮาอยู่ในกลุ่มเพื่อนดูโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ที่สุด ไม่ใช่ว่าคนอื่นในกลุ่มจะขี้ริ้วขี้เหร่อะไร แต่เพราะว่าเขาดูดีเกินไปต่างหาก ผิวขาวเนียนละเอียดเหมือนกับเครื่องกระเบื้องเคลือบชั้นดีและหน้าตาที่เหมือนปั้นออกมาจากท้องพ่อแม่แบบนั้น... ผมคิดในครั้งแรกที่เห็นเขาว่าบางทีพี่เปปเปอร์อาจจะเป็นร่างจำแลงของไมเคิล แองเจโลหรือเปล่า...

“ชะเอมครับ กูรู้นะว่ามึงมองอะไร” เสียงกระซิบเบาๆข้างหูทำเอาผมสะดุ้งเฮือกและหลุดจากภวังค์เพ้อฝันทันที
“ไอ้มิ้นท์! เสือก!” ผมตะคอกใส่หูเพื่อน แต่มันคงไม่โกรธหรอก เพราะการกวนตีนแล้วก็โดนด่าเป็นเรื่องธรรมดาสามัญสำหรับไอ้มิ้นท์อยู่แล้ว
“แหมๆ หนูเอมพูดจาไม่น่ารักเหมือนหน้าตาเลยนะ” ไอ้ตัวแสนรู้เดินถือถาดอาหารตามผมต้อยๆโดยไม่หยุดปาก
“มึงก็เอาแต่มองเนอะ ไม่ทำอะไรสักอย่าง” แน่ะ... ยังมีหน้ามาวิจารณ์ผมอีก...
“แล้วมึงจะให้กูทำยังไงกับเขาละ พี่เขาเป็นผู้ชายนะ แล้วกูก็เป็นผู้ชาย”
“เอ๊า แล้วไงวะ เราเด็กศิลป์ ทุกอย่างมันเป็นศิลปะอยู่แล้ว บางทีเขาอาจจะมีมุมมองความรักแตกต่างจากคนอื่นก็ได้” ฟังที่มิ้นท์พูดแล้วก็ไม่ได้รู้สึกดีขึ้นมา มันก็เห็นๆกันอยู่ว่าความเป็นจริงคืออะไร พี่เปปเปอร์เป็นหนุ่มหล่อ บ้านรวย แล้วก็เรียนเก่ง เป็นที่รู้จักของทุกคน แล้วจะมีเหตุอะไรให้เขามาสนใจผม เด็กที่ไม่มีพ่อแม่แล้วยังมีจิตใจไม่เหมือนคนทั่วไปเขาอีกต่างหาก...

“เอม มึงจะเป็นยังไงกูไม่สนหรอกนะ ที่กูคิดแบบนี้ก็เพราะว่ามึงเป็นเพื่อนกู” แล้วคำพูดของมิ้นท์ทำให้ผมต้องอมยิ้มจนได้
“พูดอย่างกับรู้จักกูดี นี่เพิ่งจะเทอมสองเองนะ มึงยังรู้จักกูไม่ถึงปีด้วยซ้ำ”
“ทำไมวะ ความรักไม่ต้องการเวลานะเว้ย”
“จะอ้วก อย่ามาน้ำเน่าตอนนี้สิวะ!” ถึงปากจะพูดแบบนั้น แต่ผมก็รู้สึกดีกับความจริงใจของไอ้มิ้นท์เหลือเกิน


“วันนี้จะไปรอกูที่สนามบาสมั้ยเนี่ย” มิ้นท์ถามขึ้นมาในขณะที่กำลังเก็บกระเป๋า วิชาสุดท้ายเพิ่งเลิกเรียนไป มิ้นท์เป็นสมาชิกของทีมบาสก็จะไปซ้อมบาสทุกเย็น ส่วนผมนั้นอยู่ชมรมกลับบ้าน แต่บางทีก็จะถูกไอ้มิ้นท์ลากให้ไปนั่งรอด้วยทำไมก็ไม่รู้ - -*
“เออ ไปก็ได้ วันนี้ไม่มีการบ้าน กลับไปก็ไม่มีอะไรทำ” ผมพูดแล้วสะพายกระเป๋าขึ้นหลังเพื่อเดินตามมันออกไปที่จอดจักรยาน

“เฮ้ย!” พอจอดจักรยานเรียบร้อยแล้วมันก็เดินลิ่วไปที่สนามบาสก่อน แต่ยังไม่ทันจะถึงสนามก็ร้องเสียงหลงขึ้นมาจนผมที่กำลังหยิบขวดเกลือแร่จากตะกร้าหน้าจักรยานแปลกใจไปด้วย
“อะไรของมึง” ยิ่งเห็นเพื่อนยืนนิ่งไม่เดินต่อและทำสีหน้าเหมือนไม่เชื่อสายตา ผมจึงมองไปทางเดียวกับที่สายตามิ้นท์จ้องอยู่บ้าง
“เฮ้ย!” คราวนี้เป็นเสียงของผมเอง ก็ร่างของคนที่กำลังวาดลวดลายอย่างคล่องแคล่วอยู่บนสนามบาสตรงหน้าน่ะดูดพลังงานผมไปหมดเลย ถ้าหากมีเครื่องเอ็กซเรย์ก็คงเห็นว่าหัวใจผมแทบทะลุออกมาจากอกแน่ๆ

“ร้อยวันพันปีกูไม่ยักเคยเห็นพี่เปปเปอร์มาซ้อม จะเห็นก็แค่ตอนไปแข่ง” เสียงมิ้นท์บ่นงึมงำ แต่สภาพจิตใจของผมลอยละล่องจนไม่สนใจสิ่งอื่นรอบตัวเสียแล้วสิ
“อ้าวเอม แล้วมึงจะหน้าแดงทำไม”
“เรื่องของกู!”
“นี่แน่ะ กวนตีนนัก!” นึกแล้วก็โมโหที่ไอ้มิ้นท์เสือกรู้มาก ผมเลยซัดที่หน้าแข้งมันเสียหนึ่งที
“โอ๊ย ห่านี่ กูเจ็บนะ” ผมรีบจ้ำหนีก่อนจะโดนเพื่อนรักทำคืน
“อ้าว! แล้วมึงจะไปไหนเนี่ย” มิ้นท์ส่งเสียงโหวกเหวกเดินตามผมที่กำลังกลับไปที่จักรยาน แน่นอนว่าไอ้มิ้นท์เสียงดังขนาดนั้นต้องตกเป็นเป้าสายตาของใครต่อใครแน่นอน
“อย่าเสียงดังดิมิ้นท์ เขาหันมามองกันทั้งสนามแล้วเนี่ย” ผมเดินไปบ่นไป ในใจคิดว่าจะกลับหอทันทีเพราะคงทนอยู่ที่นี่ไม่ได้แน่ๆ ผมคงช็อกตายแน่ครับ
“ก็แล้วมึงจะไปไหนละ ไหนบอกจะมานั่งคอยกูไง แถมยังเอาสปอนเซอร์กูไปอีก เฮ้ย!” พอมันว่าแบบนั้นผมก็เลยโยนขวดสปอนเซอร์ให้แบบไม่ทันตั้งตัว
“อย่าบอกนะว่ามึงอายที่เห็นพี่เปปเปอร์อ่ะ” ทั้งที่ได้ขวดสปอนเซอร์ไปแล้ว แต่มันก็ยังคงแพล่มไม่หยุด
“อ๊ากกก! อย่าพูดออกมานะไอ้บ้ามิ้นท์!”
“ฮ่าๆ จริงด้วย นี่มึงอายเป็นด้วยเหรอเนียะ”

“มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่าครับ” เสียงพี่เปปเปอร์ถามขึ้นด้านหลังไอ้มิ้น ส่งผลให้ทั้งผมและมันชะงักอย่างทันควัน
เพราะว่าไอ้มิ้นท์ที่ล้อผมเสียงดังจนดึงดูดคนที่ผมไม่น่าจะมีโอกาสได้เข้าใกล้ให้มายืนห่างจากผมแค่เมตรเดียว สาเหตุที่ผมชะงักก็เพราะอายจนอยากจะเอาหัวมุดดิน ส่วนสาเหตุที่ไอ้มิ้นท์ชะงักก็คงเพราะไม่คาดคิดว่าบุคคลที่สามที่มันกำลังเอามาล้อผมจะเป็นฝ่ายเดินเข้ามาถามด้วยตัวเอง
“อะ...เอ่อ ไม่มีครับ แค่เล่นกัน” ทั้งสองคนต่างพากันอึ้งไปแป๊บหนึ่ง ก่อนที่ไอ้มิ้นท์จะคิดได้ว่ารุ่นพี่ต้องการคำตอบ
“อืม งั้นก็ไปซ้อมสิครับ เราเป็นเด็กใหม่ของทีมนี่มิ้นท์ ขยันซ้อมหน่อยนะอย่าเอาแต่เล่น” คำดุจากพี่เปปเปอร์ทำให้ผมอมยิ้มได้นิดหนึ่งเพราะสะใจ แต่ไอ้มิ้นท์กลับทำหน้าหงิกหันมามองผมแบบคาดโทษแล้วเดินเข็ดเขี้ยวเคี้ยวฟันไปที่สนามบาส
‘แบร่ กูกลัวมึงตายละมิ้นท์’ ผมคิดในใจแล้วแลบลิ้นใส่มัน

อะ...
หง่า...
ผมลืมไปว่าพี่เปปเปอร์ยังยืนอยู่ตรงนี้...

“เอ่อ... ผมไม่ได้เป็นสมาชิกทีมบาสนะครับ” ผมบอกออกไปด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักกับคนที่ยืนมองหน้าผมอยู่
“ครับ พี่รู้แล้ว” ถึงอย่างนั้นพี่เขาก็ยังคงยืนยิ้มและมองหน้าผมไม่เลิก
“แล้ว...มีธุระอะไรกับผมหรือเปล่าครับ”
“หึหึ ไม่มีครับ” เสียงหัวเราะของพี่เปปเปอร์ทำให้ผมขนลุกนิดหนึ่ง ย้ำว่านิดหนึ่งนะครับ สรุปแล้วทำไมเขาไม่ไปซ้อมละ จะมาจ้องผมทำไม
“ไม่ไปซ้อมเหรอครับ” เอาวะ ลองถามอีกรอบ เผื่อเขาจะเดินไปสักที
“ซ้อมสิ”
...
..
.
....
..
.
กริบเลยครับ.. พูดแค่นั้นแล้วก็มองหน้าผมต่อ นึกภาพนะ คนสองคนยืนตรงข้ามกัน มองหน้ากัน แต่ไม่พูดอะไรเลย นี่มันจะเข้าพล็อตหนังน้ำเน่าแล้วน้า!!!

“ไม่ไปนั่งดูซ้อมเหรอครับ”
“เอ่อ...ไม่ดีกว่าครับ ผมอยากกลับห้อง” พี่เขาถามผมขึ้นมาเฉยๆ ผมเองไม่ทันตั้งตัวก็ตอบไปตรงข้ามกับที่ใจคิด อย่างนี้เขาเรียกว่าปากแข็งหรือเปล่านะ...
“เสียดายจัง วันนี้พี่อุตส่าห์เข้ามาซ้อม”
เห?
พี่เข้ามาซ้อม? แล้วเสียดายอะไรครับ?
ผมทำหน้าหมางงยังไม่หายข้องใจพี่เขาก็ลูบหัวผมแล้วเดินกลับไปที่สนาม ผมยกมือขึ้นมาจับหัวตัวเองตรงที่พี่เขาสัมผัสเมื่อกี้ นี่พี่เขาจะรู้ตัวหรือเปล่าว่าทำให้คนๆหนึ่งใจเต้นแค่ไหนกับสัมผัสของเขา

คืนนั้น...
“เฮ้ย ไอ้เอม มึงเป็นไข้นี่หว่า ตัวร้อนจี๋เลย ไปทำไรมาเนี่ยยยย” เสียงไอ้มิ้นท์โหวกเหวกหลังจากที่มันกลับหอแล้วเห็นว่าผมนอนนิ่งอยู่บนเตียง ผมไม่รู้หรอกว่าผมตัวร้อนหรือเป็นไข้ ก็ในหัวของผมมีแต่สัมผัสของพี่เปปเปอร์เท่านั้น... สมองผมเอาแต่วนเวียนถามคำถามซ้ำซากที่ผมเองก็คิดไม่ออกเสียที

ทำไมพี่เปปเปอร์ถึงทำแบบนี้กับผม?

โอย...ปวดหัว...




ออฟไลน์ Bowbonk

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-4
Re: Love Sick [-1-] 16/9/11
«ตอบ #3 เมื่อ16-09-2011 19:35:34 »

เม้นก่อน  ค่อยอ่าน

ออฟไลน์ Bowbonk

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-4
Re: Love Sick [-1-] 16/9/11
«ตอบ #4 เมื่อ16-09-2011 19:44:55 »

น่ารักจังค่ะ

จะตามนะค่ะ

มาลงเร้วๆๆๆน้าาาาาาาาาาาาาาาา

 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

 :3123: :3123: :3123: :3123: :3123: :3123: :3123: :3123:

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
Re: Love Sick [-1-] 16/9/11
«ตอบ #5 เมื่อ16-09-2011 20:34:07 »

แปะไว้แปปๆๆๆ
ไปกินข้าวก่อน เดี๋ยวมาอ่าน  :กอด1:

ออฟไลน์ murasakisama

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1489
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-4
Re: Love Sick [-1-] 16/9/11
«ตอบ #6 เมื่อ16-09-2011 21:28:18 »

 :bye2: ว้าววววววพี่เปปเปอร์ชักจะยังไงซะแล้วววว :-[

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
Re: Love Sick [-1-] 16/9/11
«ตอบ #7 เมื่อ16-09-2011 22:54:28 »

ใจตรงกันนี่น่า


วู้ววววววว แบบนี้รอความน่ารักอย่างเดียวเลย

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6
Re: Love Sick [-1-] 16/9/11
«ตอบ #8 เมื่อ16-09-2011 22:55:54 »

เป็นเอามาก

konan6688

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Sick [-1-] 16/9/11
«ตอบ #9 เมื่อ16-09-2011 23:39:47 »

มาต่อโดยด่วนนะคับ 555 ตอนเดียวติดใจซะแล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Love Sick [-1-] 16/9/11
« ตอบ #9 เมื่อ: 16-09-2011 23:39:47 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ maio2000

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 203
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
Re: Love Sick [-1-] 16/9/11
«ตอบ #10 เมื่อ17-09-2011 00:04:14 »

 :-[ น้องชะเอมของเรา ไงหนูเป็นแบบนี้ค่ะ น่ารักมากๆๆๆ ไม่ต้องสนใจใคร
เดินหน้าจีบพี่เค้าเลย ดูก็รู้ว่ามีใจนะเนี่ย  :z3:มาลงตอนเดียวก็แทบบ้าแล้วค่ะ
อยากอ่านต่อ  :call: พลีส

July_Moon

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Sick [-1-] 16/9/11
«ตอบ #11 เมื่อ17-09-2011 00:49:39 »

เปปเปอร์มาแรงเน้อ... ><

หุหุหุ

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
Re: Love Sick [-1-] 16/9/11
«ตอบ #12 เมื่อ17-09-2011 02:51:20 »

อยากอ่านต่อแว้ววววววววว :o8:

บีบีจัง

  • บุคคลทั่วไป
Love Sick [-2-]
«ตอบ #13 เมื่อ18-09-2011 14:01:33 »

Love Sick

- 2 -


“!!!”
ผมสะดุ้งเฮือกขึ้นมานั่งด้วยความตกใจ ร่างดำที่เห็นเป็นเงารางๆ ในความมืดนั่งอยู่ข้างเตียงและจ้องมาทางผม ไอเย็นยะเยือกขึ้นมาตามแนวกระดูกสันหลัง หรือว่านี่ผมจะเจอดีเข้าให้แล้ว!!
และก่อนที่ผมจะทันได้ทำอะไร ร่างนั้นก็ส่งเสียงพูดขึ้นมาว่า

“ตื่นแล้วเหรอวะ เป็นไงมั่งเนี่ย”

ไอ้เหี้ยมิ้นท์!!!!!!

“อะไรของมึงเนี่ย! มานั่งจ้องหน้ากูมืดๆทำไม ไฟก็ไม่เปิด ดีนะกูไม่ถีบหงายหลังน่ะ!!” ลองนึกดูสิครับว่าผมจะตกใจแค่ไหน
“อ้าว ก็มึงหลับอะ ถ้าเปิดไฟเดี๋ยวมึงก็จะหลับไม่สบาย จะปลุกมึงกูก็ไม่กล้า เลยคิดว่านั่งรอมึงตื่นดีกว่า” ไอ้มิ้นท์อธิบายแบบซื่อๆ
“...” ผมด่ามันไม่ออกเลยครับ ไม่ใช่ไม่โมโหนะ แต่ไม่รู้จะพูดอะไร อึ้งกับตรรกะของมันจริงๆครับ
“แล้วจะปลุกกูทำไม มีเรื่องอะไรหรือเปล่า” ผมเลี่ยงดีกว่า ขี้เกียจพูดกับมันเรื่องที่มันมานั่งจ้องหน้าผมแล้ว
“คือว่า...” ไอ้มิ้นท์พูดคาไว้แล้วก็เอื้อมมือไปหยิบกระเป๋ามันมาควานหาอะไรสักอย่างในนั้น
“?” ผมเองก็สงสัยไม่น้อย เพราะไอ้มิ้นไม่เคยมีท่าทีประหลาดๆแบบนี้มาก่อนครับ มันเหมือนว่ามันอึ้ง มึน สับสนจนหาทางออกไม่ได้น่ะครับ
“อะ..นี่ เออ! วันนี้วันอะไรมึงรู้หรือเปล่า” มันหดมือที่ถือกล่องปริศนาในมือกลับ แล้วถามผมเรื่องวันที่ขึ้นมาเฉยๆ
“อะไรของมึงเนียะ วันนี้ก็ 17 ไง เอากล่องนั่นมาดูดิวะ อะไรกันนักหนา”
“ไม่ใช่เว้ย วันนี้ 18 มึงหลับไปวันนึงเลยนะโว้ย” ผมตะลึง นี่ผมหลับนานขนาดนั้นเลยเหรอ
“มึงอะ ไข้ขึ้น เพ้อทั้งคืนเลย ไปทำอะไรมาถึงไข้ขึ้นวะ”
“เอ่อ...” ผมไม่อยากเล่าเลยครับ เรื่องสาเหตุที่ทำให้ผมไข้ขึ้นน่ะ... พอนึกถึงก็รู้สึกร้อนๆอีกแล้ว...
“แล้วเมื่อเย็นน่ะ ตอนกูออกไปซ้อมบาส พี่เปปเปอร์เขาก็ถามถึงมึง ว่าวันนี้เพื่อนไม่มาเหรอ” อ๋า~ ชื่อนี้อีกแล้ว ผมไม่อยากได้ยินชื่อนี้เล้ยยยย แค่นึกถึงก็ใจสั่นอีกแล้ว
“ละ...แล้วไงล่ะ”
“กูก็บอกเขาว่าเพื่อนไม่สบายครับ ไข้ขึ้น พี่เปปเปอร์ก็พยักหน้าว่ารับรู้นะ แล้วก็ไม่มีอะไร ก็ไปซ้อมต่ออะ”
“แค่เนี้ย มึงจะมาทำหน้าแปลกใจอะไรนักหนาวะ” ผมคิดว่าพี่เขาก็คงแค่ขำๆที่พวกผมไปตีกันทีสนามบาส เลยจำได้ ก็แค่นั้นมั้งครับ...
“ไม่ใช่แค่นี้น่ะสิ อีตอนที่กูจะกลับน่ะ พี่เขาก็ยื่นไอ้กล่องเนี้ยมาให้กู” หงะ ตอนนี้สายตาผมเริ่มชินกับความมืดแล้ว กล่องในมือไอ้มิ้นท์เป็นกล่องที่ใหญ่เอาเรื่องเลยครับ
“มึงแกะดิ กูอยากรู้ว่าข้างในเป็นอะไร” ผมรับกล่องมาจากไอ้มิ้นท์ มันลุกมานั่งขัดสมาธิบนเตียงผมแล้วชะโงกหน้ามารอดูอย่างสนใจ
“...” ผมขมวดคิ้ว ทั้งสงสัย ทั้งแปลกใจ พอผมแกะกระดาษที่ห่อออกถึงได้เห็นว่าเป็น....
ซุปไก่สกัดตราแบรนด์...
“แบรนด์เหรอวะ?”
“...เขาให้กูเพื่ออะไรวะ?” ผมมองหน้าไอ้มิ้นท์ด้วยความสงสัย มันเองก็ส่ายหัว
“มึงมีอะไรที่ไม่ได้บอกกูหรือเปล่าเอม”
“เฮ้ย บ้าแล้ว”
“แล้วทำไมจู่ๆพี่เปปเปอร์เขาถึงสนใจมึงวะ พอกูบอกว่ามึงเป็นไข้ ก็ซื้อแบรนด์มาให้อีก” มิ้นท์เริ่มสวมรอยเป็นนักสืบแล้วครับ ผมเองส่ายหัวเหนื่อยใจแล้วเดินเอากล่องไปวางที่หลังตู้เย็นของไอ้มิ้นท์
“กูไม่รู้ และก็ไม่ต้องถามด้วย ไอ้ซุปไก่เนี่ยถ้ามึงจะกินก็กินเลยนะ”
“แล้วมึงไม่กินเหรอ”
“ไม่ว่ะ กูไม่ชอบกิน มันเหม็น”
“ไรว้า คนให้เสียน้ำใจแย่เลย” ไอ้มิ้นท์บ่นพึมพำจนผมเริ่มหมั่นไส้
“แล้วมึงจะกินมั้ย”
“กินดิวะ ของชอบกูเลยนะนั่น”  แล้วมันก็ดี๊ด๊าไปเปิดขวดแรกมากระดกทีเดียวหมดเลยครับ แหวะ... เหม็นจะตาย...


วันนี้ผมตื่นแต่เช้าเพื่อจะเตรียมตัวไปเรียน เมื่อวานผมขาดเรียนไปแล้ววันนึง ผมจึงต้องรีบไปตามงานกับอาจารย์ครับ ที่นี่มีการแข่งขันสูง ถ้าผมมัวแต่เอ้อระเหย ไม่ช้าเกรดเฉลี่ยก็คงแย่ลง
“มึง...รีบตื่นจังวะเอม” เสียงไอ้มิ้นท์งัวเงียอยู่ในผ้าห่ม ผมไม่ได้ตอบอะไรมันเพราะรู้ว่ามันคงหลับต่ออีก ผมสำรวจความเรียบร้อยของเสื้อผ้า มีเศษฝุ่นติดตรงชายกางเกงนิดหนึ่ง ผมไม่ชอบให้เสื้อผ้าของผมไม่เรียบร้อย แม้แต่นิดเดียวก็ไม่ได้ สงสัยนี่อาจจะเป็นนิสัยของพวกเกย์ละมั้ง..
“กูไปก่อนนะมิ้นท์” ผมบอกเพื่อนที่ยังคงนอนอุตุบนเตียง แม้ว่ามันอาจจะไม่รู้ก็ตามว่าผมออกไปตอนไหนก็ตาม

ผมชอบอาคารเรียนยามเช้ามาก ที่นี่มีต้นไม้เยอะ ตอนเช้าก็เลยมักจะมีหมอกบางๆ ยิ่งถ้าหน้าหนาวละก็ หมอกลงจัดเลยแหละครับ
‘มีคนมาจ๊อกกิ้งด้วยแฮะ’ ผมคิดได้แค่นั้นก็มองเห็นนักวิ่งคนนั้นพอดี ผมตกใจจนอยากจะเดินกลับไปที่หออีกรอบ แต่ก็ไม่ทันแล้วละครับ เจ้าของหน้าหล่อๆนั่นมาหยุดวิ่งตรงหน้าผมแล้วยิ้มกว้างให้
“น้องเอม หายไข้แล้วเหรอครับ” อ๊ากกกก พี่เปปเปอร์เรียกผมว่า ‘น้องเอม’ ด้วยละ!!
“คะ...ครับ” ผม...ผมเก็บอาการอยู่มั้ยนะ ผมแสดงอะไรให้เขาผิดสังเกตไปหรือเปล่านะ
“แล้วได้ของที่พี่ฝากมิ้นท์ไปให้หรือเปล่า” พี่เปปเปอร์ถามพลางเอาผ้าขนหนูมาซับเหงื่อที่หน้า ผมอยากจะดึงผ้าขนหนูผืนนั้นมาลองดมดูจังว่ากลิ่นเหงื่อของพี่เขาจะเป็นยังไง โฮก~
“ได้รับแล้วครับ เอ่อ...ขอบคุณมากนะครับ” นึกได้ผมก็รีบขอบคุณเลยครับ ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้กินเลยสักขวดก็เถอะ นึกแล้วยังแหวะกับรสชาติไม่หาย
“ไม่เป็นไรหรอกครับ พี่เต็มใจให้ บำรุงร่างกายดีๆจะได้ไม่ป่วยอีก” พี่เปปเปอร์ยิ้มครับ โอ้มายก็อด ให้ตายเถอะ นี่ผมกำลังจะตายเพราะสำลักความหล่อของพี่เขามั้ยเนี่ย
“คะ...ครับ” ฮึ่ย! นี่ผมเป็นอะไรไปนะ ทั้งที่มีโอกาสอยู่ตรงหน้าแล้วแท้ๆ  แต่ดันมาเขินตอบคำถามคำอยู่ได้ โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยๆนะเว้ยไอ้เอม

ฮือ...แต่ผมก็ไม่กล้าอยู่ดีอะ ผมยังเขินอยู่เลย จะเงยหน้าคุยกับพี่เขายังไม่กล้าด้วยซ้ำ ผมก็ได้แต่ยืนก้มหน้ามองรองเท้าวิ่งไนกี้ของพี่เปปเปอร์อยู่แบบนั้นแหละครับ

“อืม..งั้นพี่ขอตัวก่อนนะครับ ไว้วันหลังค่อยคุยกันใหม่นะ” พี่เขาลูบหัวผมอีกแล้ว เขาลูบหัวผมเบาๆแล้วก็ยิ้มให้ ก่อนจะวิ่งต่อไปครับ ทำไมพี่เขาใจดีแบบนี้นะ

ตอนนี้ผมเลยนึกถึงคำคมของฝรั่งที่เขาบอกไว้ว่า การเริ่มต้นเช้าวันใหม่ที่ดี จะทำให้วันนั้นมีแต่เรื่องดีๆไปทั้งวัน แล้วเช้านี้ผมเพิ่งเจอเรื่องดีซูเปอร์ดี แบบนี้วันทั้งวันผมคงโคตรเฮงเลยสินะ!!


ทั้งที่เมื่อเช้าผมคิดแบบนั้นครับ...
แต่ตอนนี้ผมต้องมาช่วยอาจารย์วิชาเลขเก็บสมุดการบ้านของพี่ปีสามหลังเลิกเรียน ทำไมผมถึงต้องเจอเรื่องเฮงซวยแบบนี้เนี่ย!!
คุณคงสงสัยสินะว่าช่วยงานอาจารย์มันแย่ตรงไหน ถ้าเป็นโรงเรียนทั่วไปมันจะไม่แย่เลยครับ แต่ถ้าเป็นโรงเรียนนี้ พื้นที่ขนาดนี้ ระยะห่างระหว่างแต่ละอาคารไกลขนาดวิ่งมาราธอนได้เลยนะครับ ฮือ....กรรมของไอ้เอม

ในขณะที่ผมกำลังหอบสมุดการบ้านกว่าห้าสิบเล่มแล้วลากสังขารไปที่ตึกแผนกภาษานั้นผมก็นึกก่นด่าความเชื่อของพวกฝรั่งไปในใจด้วย

“ทำไมทำหน้าหงิกแบบนั้นละครับเอม”

โอว.... ผมขอกลับคำพูดแล้วกันนะครับ วันนี้ผมคงโชคดีจริงๆสินะ ได้เจอพี่เปปเปอร์ตั้งสองรอบ! พี่เปปเปอร์เขาเดินลงมาจากบันไดอีกฝั่งพอดีครับ สงสัยคงจะเพิ่งเลิกเรียนเหมือนกัน
“ถืออะไรมาเยอะแยะเนี่ย เอามานี่มา พี่ช่วย” ผมยังไม่ทันได้อ้าปากพูดสักแอะ พี่เปปเปอร์ก็คว้าสมุดจากผมไปทั้งกองเลย
“ขะ..ขอบคุณมากนะครับ แต่เอมว่าเราช่วยกันถือคนละครึ่งดีกว่ามั้ยครับ” อ๊าก! ผมอยากจะกัดปากตัวเอง นี่ผมใช้คำว่า ‘เรา’ ไปได้ยังไงเนี่ย แถมยังเรียกแทนตัวเองว่า ‘เอม’ อีก หวังว่าพี่เปปเปอร์คงไม่ทันสังเกตนะ
“ไม่เป็นไรครับ พี่มีคนช่วย เฮ้ย จิน มาช่วยถือหน่อย” เอ๋? พี่เปปเปอร์มีเพื่อนมาด้วยเหรอเนี่ย ผมมัวแต่สนใจพี่เปปเปอร์จนไม่ทันได้สังเกตคนที่เดินตามหลังพี่เขาเลยแฮะ
“อะไรวะเนี่ย?” น้ำเสียงทุ้มห้าวของคนที่ผมเข้าใจว่าเป็น ‘เพื่อน’ ของพี่เปปเปอร์ช่างเหมือนพี่เขาราวกับโขกคีย์เดียวกันมาเลยครับ ติดที่ว่าเสียงพี่คนนี้ฟังดูดิบกว่า แบบว่าเถื่อนๆอะครับ แต่แค่เสียงไม่ใช่ประเด็น หน้าตานั่นเหมือนพี่เปปเปอร์อย่างกับแกะเลยครับ!
“ช่วยน้องเขาถือหน่อย ตัวก็นิดเดียวไม่รู้แบกมาได้ไง” ผมมองพี่เปปเปอร์สองคนคุยกันแบบงงๆ พี่เปปเปอร์คนที่มาทีหลังเหลือบมองผมแล้วก็หันไปคุยกับพี่เปปเปอร์คนแรก
“ไอ้เตี้ยนี่ใครเนี่ย” เฮ้ย! มันด่าผมว่าเตี้ยอะ
“มึงนี่! ไปเรียกเขาว่าเตี้ยได้ไง ชื่อน้องเขาออกจะน่ารัก เอ้อ! พี่ก็ลืมแนะนำไป เอมครับ คนนี้เป็นน้องชายฝาแฝดพี่เอง ชื่อพี่จินเจอร์นะครับ” พี่เปปเปอร์พูดไปยิ้มไป
“เรียกแค่จินก็พอ” เสียงพี่จินพูดขึ้นมาลอยๆ บอกกับผม? หรือบอกกับพี่ชายตัวเอง? แต่จะบอกกับใครก็ช่างมันเถอะครับ เพราะตอนนี้ผมรู้สึกหลอนๆนิดหนึ่ง ทำไมเรื่องพี่เปปเปอร์มีแฝดผมถึงไม่รู้มาก่อนเลยนะ แถมยังดูเป็นพี่น้องที่สนิทกันดีเสียอีก


“นี่มึงไม่รู้จริงดิ ว่าพี่เปปเปอร์มีฝาแฝด” ไอ้มิ้นท์ทำสีหน้าระอาใส่เมื่อผมเล่าเรื่องนี้ให้มันฟัง
“เอ๊า ก็กูไม่เคยเห็นเขาเลยนี่หว่า” ผมเถียง
“แหม แล้วมึงจะรู้ได้ไง ว่าบางทีที่มึงเห็นน่ะคือพี่เปปเปอร์จริงๆ ไม่ใช่พี่จิน พี่สองคนนี้เขาเป็นแฝดไข่ฟองเดียวกันนะเว่ย เหมือนกันจะตายห่า” ไอ้มิ้นท์หันไปซดน้ำมาม่าคัพในมือต่อ ผมฟังที่มันพูดแล้วก็ต้องขมวดคิ้ว เหมือนกันอย่างนั้นเหรอ? ทำไมผมไม่เห็นรู้สึกอย่างที่มันว่าเลยละ เขาเหมือนกันก็จริงนะ แต่ผมคิดว่าผมแยกออก
ถ้าให้เปรียบพี่เปปเปอร์เป็นเหมือนดวงอาทิตย์ที่สดใสและเป็นตัวแทนแสงสว่าง พี่เปปเปอร์ดูใจดี ดูเฟรนด์ลี่
แต่พี่จิน... ดูตรงกันข้ามกับพี่เปปเปอร์นะผมว่า เขาดูดาร์คๆ เหวี่ยงๆ ดูไม่น่าคบอะ
ส่วนเรื่องความหล่อไม่ต้องพูดถึง หล่อกันคนละแบบ คนนึงหล่อแบบใจดี อีกคนหล่อแบบแบดบอย แต่ยังไงผมก็ชอบพี่เปปเปอร์คนเดียวแหละ ก็พี่เขาออกจะน่ารักขนาดนั้นนี่นะ

“แล้ววันนี้มึงไปเจอพี่เขาที่ไหนมาอะ”
“ก็หลังเลิกเรียนแหละ เจอตรงชั้นล่างอาคารศิลปะ พี่เขามาช่วยกูยกสมุดการบ้านไปให้อาจารย์ที่แผนกภาษาอะ แล้วพี่เปปเปอร์ก็เลยให้พี่จินมาช่วยกูยกด้วย”
“โว้! พี่จินเนี่ยนะ”
“ทำไมอะ แปลกเหรอ?”
“เออดิ พ่อคุณนะ หยิ่งจะตายห่า ทั้งหยิ่งทั้งเก๊ก ทั้งโหด ทั้งซาดิสม์” ไอ้มิ้นท์มันพูดเหมือนแค้นครับ จนผมสงสัยว่าพี่จินเขาไปทำอะไรให้มันหรือเปล่า
“พี่จินเขาไปทำอะไรให้มึงเหรอวะ? ดูอาฆาตเขาจัง”
“ก็มึงจำได้ปะ วันที่กูไปรับน้องชมรมบาสอะ ที่กูกลับมาห้องแล้วเปียกโชกเหนื่อยแทบขาดใจอะ” ผมนึกถึงวันที่มิ้นท์บอก เออว่ะ วันนั้นมันกลับมาแบบเปียกโชกทั้งตัว แล้วก็สลบไสลไปทั้งคืนจนเช้าเลย เห็นมันบอกว่ารุ่นพี่ในทีมรับน้องโดยการให้มันว่ายน้ำในสระบัวข้ามจากฝั่งหนึ่งไปอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งระยะทางไม่ใช่น้อยๆเลยนะครับ
“อย่าบอกนะมิ้นท์ ว่าไอ้รุ่นพี่คนที่สั่งให้มึงว่ายน้ำคือพี่จิน”
“เออเดะ แม่ง ถ้าวันไหนไอ้พี่จินมันมาคุมฝึกนะ วันนั้นอะ นรกชัดๆ”
 
แม่เจ้า ไม่อยากจะเชื่อว่าฝาแฝดจะต่างกันได้ขนาดนั้น คนนึงดีแสนดี อีกคนโฉดแสนโฉด ผมว่าผมคิดถูกแล้วแหละ ที่ชอบพี่เปปเปอร์...
ราตรีสวัสดิ์นะครับพี่เปปเปอร์



ตายแล้วๆ  :serius2:
นี่บีทำให้ทุกคนคิดว่านี่เป็นเรื่องแนวน่ารักกุ๊กกิ๊กไปแล้วใช่มั้ยคะ?
จริงๆมันไม่ใช่นะงิ > <
เพราะอย่างนั้นก็เลยเอาตัวละครสำคัญอีกคนหนึ่งซึ่งก็คือพี่จินมาคั่นเวลาไว้ก่อนเลยนะคะ
ไม่อยากให้คิดว่าเป็นแนวน่ารัก เพราะกลัวว่าถ้าอ่านไปเรื่อยๆแล้วมันไม่ใช่ก็จะผิดหวังกัน
บอกไว้เลยว่าไม่ใช่แค่น่ารักกุ๊กกิ๊กแน่นอนค่ะ เอาชื่อบีการันตีเลยค่ะ โฮะโฮะโฮะ  :impress2:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2011 17:11:16 โดย บีบีจัง »

killy

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Sick [-2-] 18/9/11
«ตอบ #14 เมื่อ18-09-2011 14:59:24 »

ง่า น่ารักรึป่าวไม่รู้ แต่ไม่เอามาม่าเยอะนะ เค้ากลัวอืด  :sad4:

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
Re: Love Sick [-2-] 18/9/11
«ตอบ #15 เมื่อ18-09-2011 15:13:00 »

ดราม่า แอคชั่น ไซไฟ แฟนตาซี ใช่มะคะคุณบี  :laugh:

ถ้าเปปเปอร์เป็นแค่ตัวคั่นเวลา  แสดงว่าจินเจอร์เป็นพระเอกแน่เลยอ่ะ  :m28:

Crossley

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Sick [-2-] 18/9/11
«ตอบ #16 เมื่อ18-09-2011 15:56:06 »

เรียกพี่เปอร์ว่าตัวคั่นเวลา ...  o22 รู้สึกเจ็บแทนเลย 555

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
Re: Love Sick [-2-] 18/9/11
«ตอบ #17 เมื่อ18-09-2011 16:21:01 »

ตกลงเรื่องนี้มาม่ากระจายใช่ป่าวคะ
จะได้เตรียมทำใจแต่เนิ่นๆ

ว่าแต่พี่จินเป็นพระเอกใช่มั้ย

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
Re: Love Sick [-2-] 18/9/11
«ตอบ #18 เมื่อ18-09-2011 16:53:47 »

ปกติพระเอกของคุณบีต้องซาดิสต์...
อย่าบอกว่าเป็นจินเจอร์   =___="

บีบีจัง

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Sick [-2-] 18/9/11
«ตอบ #19 เมื่อ18-09-2011 17:15:41 »


ไม่มาม่านะค้า!!!

ขอแก้ไขด้วยค่ะ พิมพ์ผิด จริงๆคือ เอาพี่จินมาคั่นไว้ก่อนค่ะ  :m26:
หรือจะเรียกว่าเอามาเป็นตัวเบรกไม่ให้คุณผู้อ่านทั้งหลายคิดว่าเป็นเรื่องรักกุ๊กกิ๊กโรแมนซ์ระหว่างพี่เปปเปอร์กับน้องเอม(เท่านั้น)

อุ กรี๊ดดดดดดดดดดด ตอนนี้สมองบรรเจิดมากเลยค่ะ  :fox2:
ถ้าจะให้บอกแนวเรื่องนี้ก็....
เอาความหื่นจากเรื่องเขื่อนกับหนูน้ำมาสัก 30% และความดราม่าของณัฐกับท๊อฟฟี่สัก 20%
ที่เหลือ 50% คืออะไรแบบที่ไม่เคยเขียนมาก่อนค่ะ เพราะนึกภาพหนุ่มหล่อสองคนแล้ว คงเลือกคนใดคนหนึ่งไม่ไหวแน่
โฮกกกก~~~ :m10:



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Love Sick [-2-] 18/9/11
« ตอบ #19 เมื่อ: 18-09-2011 17:15:41 »





yayee2

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Sick [-2-] 18/9/11
«ตอบ #20 เมื่อ18-09-2011 17:40:38 »

 :L2:  มาต้อนรับเรื่องใหม่ของน้องบีจ้ะ อิ อิ มาช้าไปนิดนึงคจ้ะ
ว้าย ..ชุมนุมสมุนไพร-เครื่องเทศ
นายเอก หวานชุ่มคอ
พระเอก ยังไม่รู้ใครระหว่างพริกไทยกับขิง แต่ว่าในนี้ดูเหมือนขิงจะเผ็ดร้อนกว่าพริกไทยเนอะ
ด้วยคุณสมบัติทั้งร้อนทั้งเผ็ดของพริกไทยมั้ง เลยทำให้ชะเอมไข้ขึ้นน่ะ อิ อิ
 

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
Re: Love Sick [-2-] 18/9/11
«ตอบ #21 เมื่อ18-09-2011 18:35:53 »

คือว่าห้ามไม่ทันแล้ว น้องเอมน่ารักกิ๊บกิ้วมากเลย แอร๊ยย :o8:
รออ่านตอนต่อไปค่า :กอด1:

บีบีจัง

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Sick [-2-] 18/9/11
«ตอบ #22 เมื่อ18-09-2011 19:39:44 »

:L2:  มาต้อนรับเรื่องใหม่ของน้องบีจ้ะ อิ อิ มาช้าไปนิดนึงคจ้ะ
ว้าย ..ชุมนุมสมุนไพร-เครื่องเทศ
นายเอก หวานชุ่มคอ
พระเอก ยังไม่รู้ใครระหว่างพริกไทยกับขิง แต่ว่าในนี้ดูเหมือนขิงจะเผ็ดร้อนกว่าพริกไทยเนอะ
ด้วยคุณสมบัติทั้งร้อนทั้งเผ็ดของพริกไทยมั้ง เลยทำให้ชะเอมไข้ขึ้นน่ะ อิ อิ
 


กรี๊ดดดด ดีใจค่า
มีคนสังเกตเรื่องชื่อแล้วทักเป็นคนแรกแล้วอะค้า > <




ออฟไลน์ murasakisama

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1489
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-4
Re: Love Sick [-2-] 18/9/11
«ตอบ #23 เมื่อ18-09-2011 21:08:07 »

อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน  :z1: อิ อิ ได้ปะแบบอยากได้ทั้งพริกไทยกะขิงเลยอะ

July_Moon

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Sick [-2-] 18/9/11
«ตอบ #24 เมื่อ18-09-2011 21:51:37 »

โอย....เหมาสองคน

ออฟไลน์ beer

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
Re: Love Sick [-2-] 18/9/11
«ตอบ #25 เมื่อ18-09-2011 23:37:21 »

แต่ชอบจินเจอร์นะ ออกแนวโหดๆเหวี่ยงๆดี ถ้าเป็นพระเอกน้องเอมคงช้ำน่าดู  :-[

ออฟไลน์ Bowbonk

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-4
Re: Love Sick [-2-] 18/9/11
«ตอบ #26 เมื่อ19-09-2011 00:16:43 »

แอบเชียร์จินเจอร์อ่ะ

ชอบแบบโหดๆๆ

เอ๊ะ   รึว่าเราซาดิสต์หว่าาาาาาาา

 :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:

บีบีจัง

  • บุคคลทั่วไป
Love Sick [-3-]
«ตอบ #27 เมื่อ23-09-2011 12:50:13 »

Love Sick

- 3 -


วันนี้เป็นวันทำความสะอาดหอพักครับ ที่หอพักของพวกเราจะมีการกำหนดให้นักเรียนสังคายนาห้องตัวเองครั้งใหญ่ ตามกฏระบุไว้ว่า ‘เพื่อให้เกิดความสะอาดเป็นระเบียบร้อย และป้องกันการหมักหมมของสิ่งสกปรกภายในหอพัก’ ผลพลอยได้นอกจากความสะอาดนั้นก็คือการฝึกให้นักเรียนทุกคนได้รู้จักทำโน่นนี่นั่นด้วยตัวเอง

อย่างเช่นไอ้มิ้นท์เป็นต้น เดือนแรกที่ย้ายมานะครับ สิ่งเดียวที่ไอ้มิ้นท์ทำได้ก็คือการทำให้ห้องรก รกแบบที่ผมตามเก็บกวาดไม่หวาดไม่ไหว บอกให้ไปซักผ้ามาถูห้อง ก็ทำเหมือนจะล้างพื้น ไม่รู้ว่าบิดผ้าถูพื้นมาอีท่าไหนถึงได้เปียกโชกขนาดนั้น แต่ตอนนี้ไอ้มิ้นท์มีพัฒนาการแล้วนะครับ มันสามารถถูพื้น กวาดพื้นได้เงาแว๊บ และซักผ้าปูที่นอนได้หอมฟุ้งเชียวแหละ

เดี๋ยวนี้พอถึงวันทำความสะอาด ในฐานะที่ผมไม่ชอบกวาดพื้น ก็จะใช้ให้ไอ้มิ้นท์กวาดถู ส่วนผมขอทำหน้าที่ซักรีดผ้าเอง

“มิ้นท์ เดี๋ยวกูเอาผ้าไปซักก่อนนะ” ผมหันไปบอกไอ้มิ้นท์แล้วหิ้วตะกร้าผ้าที่มีเสื้อผ้าของผมและมันปนกันอยู่ลงไปห้องซักรีด ระหว่างเดินลงไปผมก็เห็นห้องอื่นกำลังทำความสะอาดกันอย่างขมักเขม้นเพื่อจะให้ทันเวลาเย็นที่พวกอาจารย์ประจำหอจะมาเดินตรวจความเรียบร้อย

ผมเลือกเครื่องซักผ้าถังริมสุด จัดแจงเอาผ้าใส่ถังเสร็จแล้วก็มองซ้ายมองขวาว่าไม่เห็นคนอื่นแถวนี้แล้ว ก็หาที่นั่งสำหรับการเหม่อลอย ช่วงนี้ผมรู้สึกคิดถึงพวกครูที่บ้านเด็กกำพร้าจังครับ ผมย้ายออกมาเกือบปีแล้ว ไม่รู้ด้วยว่าพวกน้องๆที่นั่นจะเป็นยังไงบ้าง ผมอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้ามาตั้งแต่เกิด ผมไม่เคยสงสัยเรื่องอดีตของผม และไม่เคยคิดจะถาม เพราะประโยคเพียงประโยคเดียวของคนๆหนึ่งที่ผมได้ยินมาตั้งแต่จำความได้

‘การผูกใจกับเรื่องเลวร้ายในอดีตไม่ทำให้ชีวิตเราก้าวต่อไปได้หรอกนะลูก’

ถ้อยคำซึ่งออกมาจากปากของครูใหญ่ที่บ้านเด็กกำพร้า หรือที่ผมเรียกติดปากว่าครูฉวียังฝังแน่นในหัว ครูฉวีที่ใบหน้ามีแต่รอยเหี่ยวย่นมักจะยิ้มให้ผมจนตีนกาบนหน้าของท่านดูเยอะขึ้นไปอีก แต่นั่นกลับทำให้ท่านดูสวยเหลือเกินในสายตาของผม ผมไม่รู้ว่าถ้าไม่มีครูฉวีสักคน ผมจะยังเป็นผู้เป็นคนอยู่ได้ไหม แม้ว่าตอนนี้ท่านจะจากโลกนี้ไปแล้ว แต่ทุกคำสอนของท่านก็ยังเป็นเครื่องเตือนใจผมได้เสมอ

“มานั่งจ้องเครื่องซักผ้าทำไมกันครับ?” ผมสะดุ้งโหยงเมื่อรู้สึกว่ามีมือแตะที่บ่า หันไปมองเจ้าของมือก็เห็นเป็นพี่เปปเปอร์ของผม(?)นั่นเอง วันนี้พี่ก็หล่อเหมือนเดิมนะครับ >//<
“อ๋อ.. เอ่อ ไม่ได้จ้องนะครับ แค่ใจลอยนิดหน่อย” ผมขยับถอยห่างออกมานิดหน่อย ก็พี่เปปเปอร์เล่นมาซะใกล้ผมจนได้กลิ่นจากตัวพี่เขาเลย ผมรู้สึกตุ๊มๆต่อมๆยังไงก็ไม่รู้
“ว่าแต่ช่วงนี้เราเจอกันบ่อยจังเลยนะครับ” พี่เปปเปอร์พูดแล้วยืนอมยิ้ม
“ครับ..” ผมพยักหน้าแล้วความเงียบก็เข้ามาแทนที่...
“อืม.. พี่เห็นเวลาเอมคุยกับมิ้นท์ ไม่เห็นเงียบเหมือนตอนคุยกับพี่เลยนะครับ เอมไม่ชอบพี่เหรอ?” พี่เปปเปอร์พูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ
“ไม่ใช่นะครับ เอมชอบพี่เปปเปอร์นะครับ ชอบมากด้ว-!!” เย้ย! ผมพูดอะไรออกไปเนี่ย พอรู้ตัวผมก็มองหน้าพี่เปปเปอร์ ทำไมดูเหมือนว่าพี่เขาทำสายตาระยิบระยับพิกล
“คือ เอมหมายความว่าพี่เปปเปอร์เป็นรุ่นพี่ที่ใจดีมากเลยนะครับ ใครเขาจะไม่ชอบกันบ้าง...”
“อ๋อ พี่เป็น ‘แค่’ รุ่นพี่ที่ดีสินะครับ” บรรยากาศหม่นหมองทันทีที่พี่เปปเปอร์พูดจบเลยครับ
“...” ผมสงสัยว่าพี่เปปเปอร์ต้องย้ำคำว่า ‘แค่’ ทำไมกันนะ แล้วยังต้องทำหน้าเศร้าอีก ผมพูดอะไรไม่ออกเลย สมองผมเริ่มทำงานมั่วซั่วไปหมด ผมควรจะทำยังไงดี หรือจะทำอะไรก่อนดี จะถามเขาว่าอะไรดี
“ทำไม...” ผมคิด คิดอยู่นานจนพี่เปปเปอร์เลิกคิ้วสูง ผมรู้ว่าเขารอฟังว่าผมจะพูดอะไร ผมเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำ คิดไม่ออกว่าจะพูดอะไรดี
แต่แล้ว...ผมก็ทนไม่ไหว

“ทำไม...พี่ต้องทำเหมือนแหย่เอมเล่นด้วยละครับ พี่สนุกเหรอ?” ผมกำลังจะร้องไห้ ผมรู้แล้วว่าความรู้สึกมันมีทั้งเศร้า เสียใจ น้อยใจ ผมรุ้แล้วว่าพี่เปปเปอร์ก็รู้ว่าผมคิดยังไง แล้วเขาก็พอใจกับการได้แกล้งผม? ทำไมเขาต้องทำเหมือนมีความสุขที่ได้เห็นผมวุ่นวายใจด้วย เขาจะรู้บ้างไหมว่ากว่าที่ผมจะเค้นความกล้าให้พูดกับพี่เขาได้สักประโยคหนึ่งมันยากแค่ไหน...

“...” พี่เปปเปอร์ขมวดคิ้วแล้วก็ดึงผมเข้าไปกอด ผมตกใจและพยายามดันพี่เขาออก แต่เขาก็ตัวใหญ่กว่าและแรงเยอะเหลือเกิน
“ดูสิ ตัวก็แค่นี้... คิดอะไรเยอะแยะกัน” น้ำเสียงที่แสนอ่อนโยนทำให้ผมน้ำตาไหล พี่เปปเปอร์กอดผมไว้แน่น กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มหอมกรุ่นจากเสื้อทีเชิ้ตราคาแพงของพี่เขา กลิ่นโรลออน กลิ่นน้ำยาโกนหนวด ฮือ.... ผมมีความสุขเป็นบ้าเลย ถึงจะร้องไห้อยู่อย่างนี้ก็เถอะ...
“!?!” เฮ้ย ผมรู้สึกเหมือนพี่เปปเปอร์เอาปากมาแตะที่หน้าผากผมเลย ไม่ๆ ไม่ใช่คิดไปเองแน่นอน! ก็พี่เปปเปอร์เอาริมฝีปากมาคลอเคลียกับหน้าผากผมไม่ห่างเลย พี่เขาจูบผมอ้ะ!!!
“มัดจำไว้ก่อนนะ จะได้ไม่คิดว่าพี่แค่หยอกเล่น” พี่เปปเปอร์จับแก้มผมไว้เพื่อเช็ดน้ำตาแล้วก็ยิ้มหวาน อึก..หล่อเป็นบ้าเลยครับ... ผมทรุดนั่งลงบนเก้าอี้พลางมองแผ่นหลังพี่เปปเปอร์ที่ห่างไกลออกไปเรื่อยๆ ทุกการรับรู้เริ่มกลับเข้ามาในสมองผม ผมแตะที่หน้าผากตัวเองแล้วอยากจะกรี๊ด(??)

‘กูโดนจูบหน้าผาก!!’ ผมจะสติแตกอยู่แล้วครับ พอเริ่มตั้งสติได้ก็เดินกลับไปบนห้อง เห็นไอ้มิ้นท์กำลังเอาขยะออกมาทิ้ง ผมก็เดินเลยมันไป รู้ตัวนะครับว่าไม่ได้ทักเพื่อน แต่แค่ประคองร่างกายเดินกลับห้องก็ยากแล้ว จะอ้าปากพูดยังไม่อยากทำเลย
“มึงเป็นไรเนี่ยเอม ดูมึนๆ หน้าแดงอีก เป็นไข้เปล่า?” ไอ้มิ้นท์ชะโงกหน้ามาจ้องผมแล้วทำท่าจะเอามือมาอังที่หน้าผาก
“เฮ้ย อย่ามาแตะหน้าผากกู เดี๋ยวรอยหาย” ผมปัดให้มือมันออกไปห่างๆ ไม่ได้ครับ เดี๋ยวรอยหาย วันนี้ผมจะไม่อาบน้ำด้วยละ
“อ้าวไอ้นี่ กูอุตส่าห์เป็นห่วง” มันมองผมด้วยสายตาประมาณว่า มึงบ้าเปล่าเนี่ย แล้วมันก็เดินไปเข้าห้องน้ำครับ พอไอ้มิ้นท์ไปแล้วผมก็ทรุดตัวลงนอนเอาหมอนกดหน้าไว้ ผมกลัวน่ะ ว่าถ้าไอ้มิ้นท์เห็นหน้าผมแล้วจะเดาได้ว่าไปเจอพี่เปปเปอร์มา ผมไม่อยากให้มันล้อ แล้วก็ไม่อยากให้สัมผัสจากพี่เปปเปอร์หายไปด้วย...นี่มันครั้งแรกของผมนะ...

ว่าแต่แบบนี้ไม่เรียกว่าพี่แค่แกล้งผมใช่มั้ยครับ?


ณ อีกมุมหนึ่ง
ร่างสูงที่เดินยิ้มกริ่มไปตามทางเดินของหอพักปีสามกำลังอารมณ์ดีที่ตัดสินใจไปเดินโฉบแถวหอของเด็กปีหนึ่ง ทั้งที่กะว่าอาจจะฟลุ้คได้เจอก็กลับเจอจริงๆ แถมยังได้สัมผัสด้วย ที่เคยสงสัยว่าจะผิวขาวนั้นจะนุ่มเนียนเหมือนตาเห็นหรือเปล่าก็ได้รับการพิสูจน์ แถมยังหอมเกินคาดคิด...

หลังจากที่ได้เห็นครั้งแรกตอนที่เจ้าตัวเล็กนั้นมาเฝ้าเพื่อนซ้อมบาสก็รู้สึกสะดุดตาทันที ใบหน้าขาว ผิวขาวสะอาดตา เสียงใสๆที่ดังขึ้นเวลาที่ปากสีสดนั้นขยับช่างดึงดูดใจให้มองตาม น่าเสียดายที่วันนั้นเขามีธุระจึงไม่ได้อยู่เฝ้ามองจนซ้อมเสร็จ แต่หลังจากนั้นก็มีโอกาสได้เจอแบบนานๆครั้ง เพราะว่าเรียนกันคนละชั้นปี คลาดกันไปคลาดกันมาในที่สุดก็ได้เจอกันอีกครั้งจนได้

เสียงคนโหวกเหวกนอกสนามบาสทำให้กลุ่มคนที่กำลังซ้อมบาสอยู่กันไปมอง เพื่อนร่วมทีมคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่าเสียงเหมือนมิ้นท์เด็กปีหนึ่งที่เพิ่งเข้าทีมมา เขาก็คิดว่าบางทีเจ้าตัวเล็กที่เป็นเพื่อนมิ้นท์อาจจะตามมาด้วย แล้วก็ไม่ผิด... เขายิ้มขึ้นมาทันทีที่เห็นร่างเล็กๆผิวขาวๆนั้นกำลังหัวเราะเสียงดัง และเหมือนว่าเจ้าตัวเล็กก็เหลือบมองมาที่เขาเหมือนกัน

พอเขาเดินไปใกล้ ก็รับรู้ทันทีว่าถ้าคิดไม่ผิด เจ้าตัวเล็กนี้ต้องมีใจให้เขาแน่นอน เพราะใบหน้าขาวนั้นแดงก่ำเมื่อเห็นเขาไปใกล้ และเงียบกริบไม่พูดอะไรสักคำ ถ้าไม่ใช่เพราะเขิน ก็คงเกลียดมากละมั้ง...

แต่ใครละจะเกลียดแล้วหน้าแดง อย่างนั้นมันอายชัดๆ.. น่ารักเหลือเกิน ทำไมถึงได้ดูสดใสและสะอาดแบบนั้นนะ ผิดกับคนอื่นๆที่เคยเจอมามาก

ยิ่งได้เจอบ่อยๆ ก็ยิ่งรู้สึกว่าน่ารัก แล้วก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่เขาทำตัวเป็นสโตกเกอร์คอยเช็คตารางเรียนของเจ้าตัวเล็ก แล้วยังแอบไปถามประวัติจากพี่สาวที่แผนกทะเบียนโดยอาศัยว่าเป็นนักเรียนดีเด่นที่ใครๆก็รู้จัก พอได้รู้ว่าเจ้าตัวเล็กเป็นเด็กกำพร้าก็ยิ่งสงสารและเอ็นดู เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่า...อยากดูแลใครสักคน
‘พี่เปปเปอร์...’ ร่างสูงนึกแล้วก็ยิ้ม เหมือนว่าเสียงเล็กๆที่เรียกชื่อเขายังคงดังอยู่ใกล้ กลิ่นหอมก็ยังติดอยู่ที่ปลายจมูก ตัวก็เล็กเหลือเกิน กอดทีเดียวก็บังมิดทั้งตัว แรงก็น้อย คิดแล้วก็ต้องรีบหยุดคิด เพราะรู้สึกว่าร่างกายเริ่มแปลกไป ไม่ได้... เขาอยากจะถนอมร่างเล็กนี้เอาไว้ จะต้องไม่ทำอะไรตามแรงอารมณ์และความต้องการของร่างกาย เด็กคนนี้ไม่ใช่ของแก้เหงาเหมือนคนอื่น เอมแตกต่างจากคนอื่น เขาไม่อยากให้เอมคิดน้อยใจ ว่าเขาแค่เล่นๆแก้เซ็ง เขาอยากให้เอมรับรู้ว่าเขาจริงจังเหมือนกัน...


ต่างกับอีกคนหนึ่ง... ที่รู้สึกว่าอยากครอบครองตั้งแต่แรกเห็น อยากจะทำให้ร่างกายนั้นเป็นของตัวเองไวๆ อยากจะได้ยินเสียงหวานคร่ำครวญอยู่ใต้ร่างเขา อยากจะกัดผิวขาวนั้นให้เป็นจ้ำแดงจนสาแก่ใจ อยากจะฟอนเฟ้นร่างบางให้พังทลาย ถ้าหากว่ากลืนกินได้ทั้งตัวก็คงจะดี...

แต่น่าเสียดายที่เขาคงไม่ใช่คนที่ร่างเล็กนั้นต้องการ ดวงตากลมโตนั้นแฝงแววไม่ชอบใจตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นเขา มันน่าโมโหนัก พอโมโหแล้วก็คิด... ว่าถ้าไม่ได้ใจมา สู้ทำลายทิ้งดีกว่าไหม? ต่อให้เป็นพี่ชายก็เถอะ เขาก็ไม่อยากจะยอมให้ ถึงจะบอกว่ายังมีคนอื่นที่แค่เขากระดิกนิ้วก็คงตามมาเป็นพรวน แต่ไม่รู้ทำไมถ้าไม่ใช่คนนี้เขาก็ไม่ต้องการ พยายามลืมก็แล้ว สมองก็ยังคงจดจำใบหน้านั้นไว้เสมอ แกล้งทำเป็นไม่สนใจก็ไม่ช่วยอะไรเลย ยิ่งเห็นเจ้าตัวเล็กยิ้มให้พี่ชายก็ยิ่งโกรธ...

‘กูคงบ้าไปแล้ว แค่เด็กผู้ชายตัวเล็กๆคนเดียว ทำให้กูเป็นไปได้ขนาดนี้...’ คิดแล้วก็นั่งซบหน้ากับฝ่ามือ ใจจริงอยากจะรักให้มากๆ อยากจะเอ็นดู ความรู้สึกอยากดูแลก็ไม่ได้น้อยไปกว่าที่พี่ชายตัวเองมีสักนิด...

ผมกำลังหลับสบายก่อนที่จะรู้สึกว่ามีมือยักษ์มาเขย่าตัวแล้วเรียกเสียงดัง...
“เฮ้ย ไอ้เอม เอาอีกแล้วนะมึง!” เอ๋ เสียงอะไรน่ะ ผมคิดแล้วก็ลืมตา เห็นไอ้มิ้นท์ทำหน้าแตกตื่นพอดี
“อะไรวะ...” ผมงึมงำ เอามือมาขยี้ตา อะไรเปียกๆหว่า??
“เอ้านี่ เอาทิชชู่ซับ” ไอ้มิ้นท์เอากระดาษทิชชู่มาโปะจมูกผมแล้วดันให้ผมนอนลง ผมเหลือบเห็นสีแดงๆที่กระดาษทิชชู่ สงสัย...
“กู...เลือดกำเดาไหลเหรอวะ?”
“เออเดะ กูเดินเข้ามาเห็นมึงนอนเลือดไหลออกจมูก กูก็แทบกรี๊ด” ไอ้มิ้นท์ดูหัวเสีย ผมทำให้มันเป็นห่วงอีกแล้วอะ งือ... ทำไมผมต้องทำให้คนอื่นลำบากเพราะผมเสมอเลยนะ
“กู..ขอโทษนะมิ้นท์..”
“ขอโทษทำไมวะ มึงไม่ได้ทำไรผิดสักหน่อย” ไอ้มิ้นท์ดึงทิชชู่ทิ้งลงถังขยะแล้วดึงแผ่นใหม่มาโปะจมูกผม อืม...เดี๋ยวนี้มันปฐมพยาบาลเก่งขึ้นนะครับ สงสัยได้ผมเป็นที่ฝึกซ้อมบ่อย
“มึงนี่อ่อนแอจังวะเอม เป็นโน่นเป็นนี่ ไปตรวจร่างกายบ้างดีมั้ย” ผมส่ายหัว แล้วไอ้มิ้นท์ก็ชักสีหน้าจะด่าผมอีกรอบ ผมเลยต้องรีบอธิบายให้มันฟัง
“คือมึงก็รู้นี่มิ้นท์ ว่าร่างกายกูมันไม่ได้อ่อนแอหรือมีปัญหาอะไร ถ้ากูไม่ตื่นเต้นอะนะ..” ใช่ครับ ผมเป็นพวกที่อารมณ์สื่อถึงร่างกาย ถ้าผมเจอเรื่องที่กระทบกระเทือนจิตใจมากๆไม่ว่าจะเรื่องดีหรือไม่ดี มันก็จะส่งผลถึงร่างกายเสมอ
“แล้วมึงไปเจอเรื่องอะไรมา?” ว่าแล้วมันต้องถาม ผมเริ่มรู้สึกอายขึ้นมาอีกแล้ว
“เฮ้ยๆ กูไม่ถามละ ไม่ต้องนึก หน้ามึงแดงก่ำแล้ว เดี๋ยวเลือดทะลักอีก” อา...ค่อยยังชั่ว อย่าให้เล่าเลยนะเพื่อน ไม่งั้นเลือดกูหมดตัวแน่ๆเลย

ว่าแต่ทำไมวันนี้อะไรๆรอบตัวก็ดูเป็นสีชมพูไปหมด ว่าไหมครับ?
คิดถึงพี่เปปเปอร์แล้วก็อดยิ้มไม่ได้... พี่เปปเปอร์ของเอม โฮก~



ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
Re: Love Sick [-3-] 23/9/11
«ตอบ #28 เมื่อ23-09-2011 13:39:16 »

เอาแล้ว!! พี่น้องฝาแฝดชอบผู้ชายคนเดียวกันจนได้ :z3:
แต่ดูตอนนี้น้องเอมมีใจให้พี่เปปเปอร์เต็มๆ :z1:

ออฟไลน์ murasakisama

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1489
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-4
Re: Love Sick [-3-] 23/9/11
«ตอบ #29 เมื่อ23-09-2011 13:39:39 »

+เป็ดให้ค่ะ อย่างงี้น้องเอมต้องให้พี่เปปเปอร์ช่วยรักษาให้หายจากโรคตื่นเต้นจนเลือดกำเดาไหลด้วยการ.......... :z1: ดีมั้ยคะน้อง แต่อีกใจก็ชักอยากให้พี่จินเจอร์รักษามากกว่าแฮะ  :laugh: :laugh: :laugh:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด