Love Sick เมื่อร่างกายตกเป็นทาสของหัวใจ [-23-] จบแล้วค่ะ!!
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Love Sick เมื่อร่างกายตกเป็นทาสของหัวใจ [-23-] จบแล้วค่ะ!!  (อ่าน 195981 ครั้ง)

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
Re: Love Sick [-8-] 22/11/11
«ตอบ #120 เมื่อ23-11-2011 17:26:35 »

ดีใจได้เม้นท์แรก อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
จินพ่อคนดี

เป็นการจีบระยะไกลที่น่าติดตามมาก อ่านแล้วใจอ่อนเลยค่า
แต่ต่างกับความหวงตอนเป็นแฟนกันแบบสุดๆ

บีบีจัง

  • บุคคลทั่วไป
Love Sick ตอนพิเศษ 'เริ่มระบาย'
«ตอบ #121 เมื่อ25-11-2011 17:16:18 »



'เริ่มระบาย'


Peinture



ช่วงฤดูหนาวของนักเรียนชั้นปีสาม คือช่วงเวลาของการแข่งขัน ต่างคนต่างก็ขวนขวายที่จะหาหนทางเรียนต่อที่ดีที่สุดเพื่ออนาคตอันสดใสในวันข้างหน้า แต่ถึงอย่างนั้นก็มีบางคนที่ไม่ได้กระตือรือร้นอะไรเลย...

“เธอลองคิดดูหรือยัง เรื่องโควต้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยน่ะ” มือเรียวของอาจารย์ที่ปรึกษาสาวใหญ่วัยสี่สิบโบกไปมาเหนือกองจดหมายเกือบสิบฉบับ แต่ละซองจ่าหน้าด้วยตราของมหาวิทยาลัยชื่อดัง เสียงอาจารย์ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ทั้งชีวิตไม่เคยพบมาก่อนจริงๆ คนที่มีฝีมือเก่งกล้าแต่กลับไม่กระตือรือร้นและทะเยอทะยานเอาเสียเลย จวบจนเพื่อนคนอื่นรุ่นเดียวกันเขาเริ่มสอบแข่งขันกันแล้ว แต่ลูกศิษย์คนนี้ก็ยังเอ้อระเหยเหมือนเดิม
“ยังเลยครับ แต่ผมก็ไม่ได้เรื่องมาก ไปที่ไหนก็ได้” เสียงนุ่มพูดแล้วยักไหล่เหมือนไม่เห็นว่ามันจะเป็นเรื่องสำคัญ อาจารย์ที่ปรึกษาปรายตามองด้วยอารมณ์หงุดหงิดที่มากขึ้น อย่างน้อยถ้าลูกศิษย์คนนี้ทะเยอทะยานมากกว่านี้สักนิดก็คงดี!
“ไม่ได้ นี่มันอนาคตของเธอ ก็ต้องเลือกเองสิ” อีกครั้งที่คนฟังรู้สึกแปร่งกับคำพูดของอาจารย์ แต่เป็นความแปลกแปร่งที่ไม่เกี่ยวกับเนื้อหาในประโยค มันเป็นเรื่องของสรรพนามต่างหาก ทำไมใครๆก็ชอบเรียกเขาแบบนี้นะ ‘เธอ’ ทำไมไม่เรียก ‘นาย’ เหมือนที่เรียกนักเรียนชายคนอื่นๆ
“เมื่อไรอาจารย์จะเลิกเรียกผมว่า ‘เธอ’ สักทีเนี่ย ผมก็เป็นผู้ชายนะ”
“ฉันไม่เลิก และถ้าเธอยังไม่เลือกมหาวิทยาลัยนะ ฉันจะส่งชื่อเธอเข้ามหาวิทยาลัยสตรีล้วนเลยดีมั้ย!!” คนโดนบ่นทำสีหน้าสุดเซ็ง นี่มันชักจะเป็นการเหยียดหน้าตาเกินไปแล้วนะเฟ้ย
“ฉันไม่รู้ละ ถ้าเย็นนี้เธอยังสรุปไม่ได้ว่าจะไปเรียนต่อที่ไหนละก็นะ ฉันจะทำจริง” พออาจารย์พูดจบ ลูกศิษย์ก็เดินหน้าเหม็นเบื่อออกมา แต่ยังไม่ทันออกจากธรณีประตูก็ถูกอาจารย์เรียกไว้อีกรอบและพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“รจนกร ฉันคิดว่าเธอคงเป็นคนที่รู้ถึงความหมายของการได้รับโอกาสมากที่สุด การที่เราได้รับโอกาสซึ่งคนอื่นไม่ได้รับ แล้วเราทำเฉยชาเหมือนไม่เห็นค่าของโอกาสนั้น เธอรู้ใช่มั้ยว่ามันเป็นการกระทำที่เหยียดหยามความรู้สึกของคนที่ด้อยโอกาสมากที่สุด... ลองเก็บไปคิดดูนะ”


ชะเอมเดินครุ่นคิดมาตลอดทางหลังจากที่ออกจากห้องพักครูมาแล้ว ก่อนหน้านี้เขาเคยได้รับโอกาสให้เข้ามาเรียนที่นี่ และเขาก็รีบคว้ามันเอาไว้ ตอนนั้นตัวเขาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นแท้ๆ แล้วทำไมตอนนี้เขาถึงได้รู้สึกเฉื่อยชาแบบนี้นะ

เขาลองก้มมองฝ่ามือของตัวเอง บางจุดมีรอยด้านของการจับพู่กันวาดรูปมาตลอดตั้งแต่เด็ก ความใฝ่ฝัน ความรัก และความสุขที่เกิดจากการวาดรูปยังทิ้งร่องรอยเอาไว้เหมือนที่เคยเป็นมา บางทีอาจเป็นเพราะว่าที่ผ่านมาเขาได้ทำสิ่งที่รักมาตลอด ทำให้ความกระตือรือร้นหายไป เพราะเขารู้ตัวว่าตื่นมาก็ต้องได้วาดรูป ต้องได้ทำในสิ่งที่รักอย่างแน่นอน ตามปกติคนเรานั้น เมื่อรู้สึกอุ่นใจก็มักจะชะล่าใจจนหลงลืมไปว่าชีวิตยังต้องก้าวต่อไป

ทั้งที่ความเป็นจริงมันไม่ได้จบอยู่แค่ในช่วงมัธยมนี้...

สำหรับวัย 17 ที่กำลังจะก้าวเข้าสู่วัย 18 ในอีกไม่กี่เดือนนับว่าเป็นการตัดสินใจที่ยากเอาเรื่อง มหาวิทยาลัยดีๆที่เห็นคุณค่าในตัวเขาต่างหยิบยื่นโอกาสมาให้มากเหลือเกิน ที่นั่นก็ดี ที่นี่ก็น่าสนใจ

มิ้นท์เพื่อนสนิทจะไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยศิลป์ชื่อดังในกรุงเทพ แต่ที่นั่นไม่ใช่ที่ที่เขาอยากไป ที่นั่นมันอยู่ใจกลางเมือง เขาไม่เคยอยากใช้ชีวิตอยู่ใจกลางเมืองสักนิด... พอคิดได้แบบนั้นแล้วตัวเลือกหลายตัวที่อยู่ในกรุงเทพก็ถูกตัดทิ้ง และมุ่งไปที่ต่างจังหวัดห่างไกลเมืองหลวงแทน..


“ตกลงเธอจะไปที่นี่แน่นะ?” เขาพยักหน้ารับกับอาจารย์ที่ปรึกษาอีกครั้ง แล้วก็ได้เห็นอาจารย์คลี่ยิ้มบางๆบนใบหน้า
“ฉันก็อยากให้เธอไปที่นี่ อากาศก็ดี ชื่อเสียงด้านนี้ก็ดี เธอไม่เหมาะกับเมืองใหญ่ที่ผู้คนมากมายหรอก” ก็ตามนั้นครับอาจารย์...

********************************************************************************************************

“คุยกับอาจารย์ได้เรื่องว่าไงบ้างวะเอม” ร่างสูงใหญ่ที่นั่งถอดถุงเท้าอยู่บนเตียงทำให้ผมต้องนิ่วหน้า เมื่อไรมันจะเลิกนั่งถอดถุงเท้ารองเท้าบนเตียงสักที(วะ) อืม... แต่เอาเถอะ มันไม่มานั่งถอดบนเตียงผมก็พอละ
“ก็ไม่ยังไง สุดท้ายกูก็เลือกที่ XXX”
“วะ! งี้เราก็เรียนกันคนละที่ดิ” ไอ้มิ้นท์ทำเสียงเสียดาย
“อืม ช่าย~”
“โห่!!”
“โห่ไรของมึงเนี่ย - -*”
“ก็มึงอะ ชอบทำตัวเย็นชากับเพื่อนว่ะ” ผมปวดประสาทจี๊ดเมื่อได้ยินคำตัดพ้อแบบสาวน้อยของมัน อันที่จริงผมน่าจะเหมาะกับคำพูดหวานแหววมากกว่ามันอีกนะ
ตรู๊ดดดดดด
เสียงโทรศัพท์ภายในดังก้องลั่นห้องเพื่อเป็นการตัดบทสนทนา ไอ้มิ้นท์ปรี่ไปรับทันควันเหมือนกับรู้ว่าโทรศัพท์กำลังจะดัง ผมหันมาเก็บกระเป๋าและทำธุระของตัวเองบ้าง เสียงคุยโทรศัพท์จ๊ะจ๋าคงไม่แคล้วว่าเป็นสาวซินที่โทรมา

ผมเหลือบมองเพื่อนที่คุยโทรศัพท์แล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยความรู้สึกโหวงเหวงปนอิจฉาหน่อยๆ การได้อยู่ใกล้คนในหัวใจตนเองมันคงจะรู้สึกดีไม่น้อย ผมเองทำได้แค่เพียงดูรูปและรอคอย แต่ถึงจะทำได้เพียงรอคอย ผมรู้ว่าคนอีกด้านหนึ่งก็คงทรมานใจไม่ต่างกัน

ถามว่าทำไมเราสองคนถึงต้องรอ? ทำไมถึงทำแค่เพียงส่งรูปภาพบอกเล่าความเป็นไป? แม้แต่หน้าตาก็ไม่เห็นกันมาเป็นปีกับอีกหลายเดือน ในสายตาของคนอื่นอาจจะคิดว่าเราสองคนพิลึกที่ต่างฝ่ายก็ทรมานกันเอง ถ้าเพียงแค่พี่จินบินกลับมาหาผม เราสองคนได้พูดคุยกัน ก็คงจะได้ลิ้มรสความสุขอันหอมหวานของการมีความรักไปแล้ว

แต่ในความคิดของผมมันต้องไม่ใช่แบบนั้น ถึงแม้ผมและพี่จินจะไม่ได้คุยกันเป็นเรื่องเป็นราว ไม่ได้พูดคุยและตอบสนองกันแบบเรียลไทม์ แต่ผมก็ไม่เคยรู้สึกว่าขาด เมื่อผมหลับตาก็ยังคงจำใบหน้าของพี่เขาได้แม่นยำ วันเวลาไม่เคยยาวนานจนผมทนไม่ได้ เมื่อมีวันนี้ก็ต้องมีวันพรุ่งนี้เสมอ...

ผมไม่คิดว่าการที่ไม่ได้เจอกัน ไม่ได้เจอกัน ไม่ได้จับมือกัน ไม่ได้อยู่ด้วยกัน จะบั่นทอนให้ความรู้สึกที่มีต่อกันลดน้อยลง...
 
การที่เราต่างรอคอยกันและกัน ผมคิดว่าเป็นเรื่องดี พี่จินเข้าใจความรู้สึกของผมและอดทนรอวันที่ใจผมพร้อม ณ ตอนนั้นเรายังเด็ก บางทีถ้าคบกันก็คงเป็นแต่เรื่องการใช้อารมณ์ และสำหรับคนที่หัวใจเว้าแหว่งอย่างผม คงไม่สามารถทำหน้าที่คนรักของพี่จินได้ดีนักหรอก ผมคิดว่านะ... รออีกสักหน่อยก็ไม่สายใช่มั้ย? รอให้ผมและพี่จินพร้อมจริงๆ..

และเมื่อวันที่เราพบกัน ก็จะได้รู้เองแหละครับ ว่าความรู้สึกทั้งหมดนั้นมันมากแค่ไหน...

ที่แน่นอนยิ่งกว่าอะไรบนโลกใบนี้ คือความรู้สึกของผมที่จะไม่เปลี่ยนไปอย่างแน่นอน




บีบีจัง

  • บุคคลทั่วไป
Love Sick [-9-]
«ตอบ #122 เมื่อ25-11-2011 17:18:27 »



“น้องครับ สนใจสมัครชมรมกรีฑามั้ย”
“สนใจชมรมถ่ายภาพมั้ยคะ”
“น้อง”
“น้องครับ”
“ฯลฯ”

เสียงเรียกชักชวนมากมายทำให้บรรยากาศคึกคักเป็นที่สุด ผมได้ยินมาว่าวันเปิดเทอมวันแรกมักจะเป็นแบบนี้เสมอ ชมรมโน่นนี่นั่นก็จะมาชักชวนให้รุ่นน้องปีหนึ่งมาสมัครกันอย่างกระตือรือร้น

สำหรับผม มันเหมือนกับว่าเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ มาที่นี่คนเดียว... เอ่อ ไม่สิ บางทีอาจมีเพื่อนที่โรงเรียนเก่าย้ายมาด้วยก็ได้ แต่ผมก็ไม่เคยรู้จักใครที่โรงเรียนเก่านอกจากไอ้มิ้นท์กับซินหรอกครับ

แน่นอนว่าผมไม่คิดจะเข้าชมรมอะไรแน่นอน เอาเวลาว่างไปรับวาดรูปหาเงินดีกว่า แต่ที่แน่ๆวันนี้ผมต้องไปลงทะเบียนเรียนให้เสร็จก่อนเป็นอันดับแรก

เมื่อลงทะเบียนเสร็จแล้วผมก็ได้รับใบตารางเรียนมา ผมพลิกดูกระดาษในมือและเห็นวิชาเรียนปีหนึ่งส่วนมากจะเป็นวิชาเบสิคอย่างเช่นวิชาเลข ภาษาอังกฤษ ฯลฯ พอเทอมสองโน่นละจึงจะเริ่มเข้าวิชาเฉพาะ นึกถึงสมัยเรียนมัธยมต้องเรียนเช้ายันเย็น แต่พอเข้ามหา’ลัยแล้วบางทีก็เรียนแค่เช้า บางทีก็เรียนแค่บ่าย มีแค่บางวันเท่านั้นที่เรียนทั้งเช้าและบ่าย แต่ก็แค่สองวิชาเอง มันสบายจนน่าอิจฉาพวกเด็กมหา’ลัยจริงๆนะครับ

อีกเกือบสัปดาห์แหละครับกวาจะเริ่มเรียนจริงจัง ช่วงนี้ก็ถือโอกาสสำรวจสถานที่ไปก่อน...

ที่นี่ร่มรื่นไม่แพ้ที่โรงเรียนเก่า คงเพราะว่าเป็นมหาวิทยาลัยไกลกรุงเทพและยังคงรักษาสภาพแวดล้อมป่าๆเอาไว้ มองไปทางไหนก็มีต้นไม้เต็มไปหมด อาคารเรียนหลายคณะตั้งห่างกันมากจนต้องใช้มอเตอร์ไซค์หรือจักรยานในการเดินทาง สงสัยว่าผมคงต้องหาจักรยานเป็นของตัวเองแล้วละ

ตามแบบฉบับนักเรียนทุนอย่างผมแน่นอนว่าต้องอยู่หอพักของมหาวิทยาลัยครับ ห้องที่ผมอยู่มีแค่ผมคนเดียวเอง ดูเหมือนว่าตอนนี้ยังไม่มีรูมเมทอีกคนมา เพราะว่าส่วนมากเขาก็จะไปอยู่หอนอกกัน ก็มันสบายกว่าหอในอะครับ หอนอกมีทั้งแอร์ เครื่องทำน้ำอุ่น แต่หอในมีแค่พัดลมเพดานก็หรูแล้ว พวกลูกคนรวยคงอยู่กันไม่ได้หรอกครับ แต่อย่างว่าแหละ ผมมันอยู่แบบตามมีตามเกิดมานานแล้วก็เลยชิน

“เฮ้อ~” พอได้เอนหลังลงบนที่นอนก็ถอนหายใจยาว สบายจริงๆครับ

แกรก..
ผมควานมือเข้าไปในกระเป่าเพื่อหยิบไอพอดมาเปิดเพลงดังๆ  อา...อยากได้คอมพิวเตอร์จังแฮะ ไอ้มิ้นท์ไม่อยู่ให้ยืมแล้วคงต้องหาเป็นของตัวเอง แต่ผมไม่มีเงินนี่นา คงต้องเก็บอีกนานเลยละ

ลืมบอกไปว่ามือถือผมก็ไม่มีใช้นะ ฮามั้ยละ อิอิ

*********************************************************************************************

และแล้วในที่สุดวันเปิดเรียนจริงๆก็มาถึง เพื่อนในคลาสเดียวกับผมเยอะไม่ใช่น้อยเลยครับสำหรับเอกศิลป์ ผมมีอาจารย์ที่ปรึกษาเป็นผู้หญิงอีกแล้ว ฟังนามสกุลของแกแล้วคุ้นๆนะ แต่ผมก็นึกไม่ออกว่าเคยได้ยินจากไหน อจ.แกชื่อรุจิรัตน์ครับ ดูท่าคงสามสิบกว่าแล้วแหละ แต่ว่าสวยโคตรเลย เดินไปทางไหนเนี่ยมีแต่ลูกศิษย์ชายมองตามเหมือนโดนมนต์สะกดเลย

วันแรกนี้เราเรียนแค่ครึ่งวันครับ เพื่อนร่วมคลาสส่วนมากเหมือนว่าเขาจะย้ายมาเรียนจากที่เดียวกันทั้งนั้น อย่างกลุ่มที่เข้ามาทักผมนี่ก็ย้ายมาจากที่เดียวกันครับ เห็นว่ามาจากโรงเรียนเตรียมฯน่ะ

“เราว่าเราเคยเจอนายมาก่อน นายเคยไปแข่งวาดรูปที่งาน xxx มาใช่มั้ย? ” คนหน้าใสตาตี่ที่ถามผมอยู่นี้คือคนแรกที่มาทัก ก่อนที่เพื่อนคนอื่นของเขาจะเดินเข้ามาสมทบ
“ไอ้กิมันจำคนแม่น มันคงเคยเห็นนายที่ไหนจริงๆแหละ”  อีกคนที่หน้าตาดูไทยๆ ผิวเข้มสะอาดตาและตัวเบ้อเริ่มคือหมายเลขสองที่คุยกับผม
“เอ่อ... ผมก็เคยไปแข่งงานนั้นมานะ แต่จำไม่ได้จริงๆว่าเคยเจอนายหรือเปล่า” พอผมตอบไปแบบนั้นคนที่ชื่อกิก็ทำสีหน้าปวดร้าว
“เรายังจำนายได้เลยนะเว้ย นายคือคนที่ได้รางวัลชนะเลิศแล้วก็รีบกลับทันทีโดยไม่รับรางวัลใช่มั้ย” ผมอึ้ง ดูท่าเจ้ากินี่จะจำได้ฝังใจมากเลยนะ
“ไอ้นี่มันได้ที่สองน่ะ มันเลยอยากเห็นคนที่มันแพ้ก็เลยไปแอบดูหน้านาย ว่าจะเข้าไปคุยด้วยนายก็กลับแล้ว” คนหน้าไทยขยายความ ผมก็เลยถึงบางอ้อ ผมจำได้ว่าวันนั้นน่ะ ผมมีสอบตอนบ่ายที่โรงเรียนก็เลยรีบกลับก่อน
“อ๋อ” ผมพยักหน้า
“ว่าแต่นายชื่ออะไร เราชื่อกิ ส่วนไอ้นี่ชื่ออั๋น ไอ้นี่ชื่อตอง” คนชื่อกิแนะนำตัวเองและเพื่อน คนหน้าไทยๆคนนั้นชื่ออั๋นครับ ส่วนอีกคนที่หน้านิ่งไม่พูดอะไรเลยสักคำก็คือตอง กิเนี่ยดูท่าจะเป็นพวกอัธยาศัยดีครับ อั๋นด็ดูเป็นลูกคู่กับกิได้ดี ส่วนตองเนี่ย ดูเงียบเสียน่ากลัวเลยละ  แต่ก็ดูพวกมันรักกันดีนะครับ
“เราชื่อเอม” ผมยิ้ม ในที่สุดก็ได้เพื่อนใหม่ละ

หลังจากที่เริ่มไปเรียนและคลุกคลีกับพวกนั้นได้สัปดาห์กว่าๆ ก็พอรู้ว่านิสัยดีใช้ได้ แถมยังอยู่หอในเหมือนกันครับ กิมันบอกว่าอยากลองลำบากดูบ้าง นอนแอร์มาทั้งชีวิตแล้ว ผมฟังละหมั่นไส้ อิจฉาลูกคนรวยจริงอะไรจริง
“ว่าแต่เอม ห้องนายอยู่แค่คนเดียวเหรอ?”  กิมันถามผมหลังเลิกเรียนในวันหนึ่ง ผมก็พยักหน้า
“พอดีเลยเนี่ย ห้องเราต้องอยู่กันสามคนแน่ะ ปรกติเขาให้อยู่ห้องละสองใช่มั้ยละ ให้ตองไปอยู่กับนายได้ปะ” เหวอ! ไอ้หน้านิ่งนั่นอะนะ ตั้งแต่รู้จักกันมาหลายวันเนี่ย มันพูดนับคำได้เลยนะครับ ทำไมไม่เอาเป็นกิหรืออั๋นมาอยู่กับผมแทนละ พอผมจะอ้าปากถามก็มีเสียงหนึ่งพูดขึ้นมา

“พวกมึงอยากอยู่กันสองคนใช่มั้ย”

เสียงนิ่งห้าวๆของตองดังขัดจังหวะ มันเหมือนเป็นปฏิกิริยาอะไรสักอย่างอะครับ พอเวลาคนที่ไม่ค่อยพูด เขาพูดสักครั้งเนี่ย ทุกคนจะหันมาตั้งใจฟังโดยอัตโนมัติเลยนะครับ ผมเองพอได้ยินที่ตองมันพูดแล้วก็งง หันไปมองหน้ากิกับอั๋นก็...

เอ่อ...

สองคนนั้นมันหน้าแดงว่ะครับ...

อั๊ยย่ะ!!

“พวกนาย... สองคน...” ผมพูดแค่นั้นหน้ากิก็แดงกว่าเก่า บ๊ะ ไอ้นี่มันอายแล้วน่ารักไม่ใช่น้อยครับ
“เรากับกิคบกันอยู่น่ะ..” อั๋นพูดแทนกิที่เขินจนใบ้กินไปแล้วครับ ผมเองชักจะเขินตามแล้วสิ
“เอม...เอมคงไม่ได้รังเกียจใช่มั้ย?” กิถามเสียงอ่อน
“เฮ้ย ไม่ๆ ไม่เลย” ผมปฏิเสธทันทีครับ ผมเนี่ยนะจะเกลียดเกย์ ฮ่าๆๆ
“ถ้าตองจะมาอยู่กับเราก็มาเลยนะ ตามสบายเลย” ผมหันไปบอกตองที่ทำแค่สีหน้าเรียบเหมือนเคยแล้วมันก็พยักหน้า กิเอื้อมมือมาบีบมือผมแล้วยิ้มเขินๆ
“ถ้าไอ้ตองมันทำให้รำคาญใจก็บอกเรานะ”
“พ่อมึงแน่ะ” ป้าบ อูย... มือใหญ่ของตองฟาดเบาะๆที่หน้าผากกิ เห็นแล้วเจ็บแทนเลยครับ
“โอ๊ย ไอ้ตอง มึง! กูจะบอกให้เอมแกล้งมึงตอนนอน” กิเอามือลูบหน้าผากตัวเองแล้วด่าตองปาวๆ
“เหอะ” นั่นแหละ วันนั้นตองพูดแค่นั้นแหละครับ แล้วจนกระทั่งมันหอบข้าวของมาห้องผม ผมก็ยังไม่ได้ยินเสียงมันอีกเลย

สรุปแล้วผมได้รูมเมทคนใหม่เป็นใบ้??


นี่ก็เปิดเรียนมาได้ครบเดือนแล้วนะครับ พวกผมเรียนๆๆกันจนแทบลืมวันเวลา การบ้านกองพะเนินเป็นอะไรที่ผมเคยชินมาตั้งแต่สมัยมัธยม ผมเลยชิลๆ แต่กิกับอั๋นเนี่ยสิ สงสัยไม่ค่อยเจอการบ้านเยอะเลยทำไม่ค่อยทันต้องมาเร่งทำกันในวันหยุด สงสัยมั้ยครับว่าทำไมผมไม่พูดรวมตองไปด้วย นั่นก็เพราะว่าตองทำการบ้านเสร็จทันเสมอครับ พอเลิกเรียนกลับห้องมาก็ทำการบ้านทันทีเหมือนผม ทำเสร็จแล้วตองถึงจะออกไปเตะบอล เห็นว่าตองอยู่ชมรมฟุตบอลน่ะครับ

“เอาของมึงมาลอกหน่อยสิตอง” อั๋นพูดอย่างหงุดหงิดหลังจากที่แก้โจทย์แมทไม่ได้สักที
“ไม่ได้ ทำเองสิมึงอะ” กิเอ็ดเสียงเขียวทำเอาอั๋นสลด วันหยุดนี้พวกมันมาเทกันที่ห้องผมหมดเลยครับ ผมนอนฟังเพลงในไอพอดอย่างสบายอารมณ์ ส่วนตองก็นั่งเช็ดรองเท้าสตั๊ดอยู่ ตอนแรกที่ผมรู้ว่าตองเล่นบอล ผมก็ตกใจนะครับ เพราะส่วนมากพวกนักกีฬาจะเหม็นเหงื่อและซกมก(ใช่มั้ย?) ผมก็หวาดๆว่าตองจะเป็นพวกซกมกหรือเปล่าหว่า แต่พออยู่ไปก็รู้ครับ ว่าตองรักสะอาดมากกก

เสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ ที่นอน โต๊ะเขียนหนังสือเนี่ย ตองมันทำความสะอาดประจำครับ สะอาดกว่าผมอีก - -“

ก๊อกๆ

ตองที่อยู่ใกล้กว่าเดินไปเปิดประตู ตัวมันใหญ่จนบังมิดไม่เห็นเลยว่าใครมาเคาะ ได้ยินเสียงพูดคุยนิดหน่อยแล้วตองก็ปิดประตูห้อง
“ใครมาเหรอตอง” ผมถาม
“คนดูแลหอ เขาเอานี่มาส่ง” ตองวางกล่องพัสดุข้างตัวผม ความคุ้นเคยทำให้ผมดีดตัวขึ้นมาพรวดจนเพื่อนตกใจว่าผมจะตื่นเต้นอะไรนักหนากับพัสดุกล่องเดียว ผมยกกล่องมาวางไว้ที่โต๊ะหนังสือแล้วหยิบมีดคัตเตอร์มาค่อยๆกรีดเปิด ใจผมเต้นโครมครามจนลืมไปว่าไม่ได้อยู่คนเดียวในห้อง เลยไม่ทันได้สังเกตว่าเพื่อนใหม่สามคนมายืนจ้องผมอย่างสนใจด้านหลัง

แกร่ก แกร่ก

ผมมือสั่นในขณะที่เปิดฝากล่อง ลายมือหวัดที่จ่าหน้าซองมายังเหมือนเดิม

To Mr.Rojchanakorn Tungchitr-paisal

หลังจากที่ผมได้ตัดสินใจส่งรูปถ่ายงานจบการศึกษาของผมกลับไปให้พี่จินโดยจ่าหน้าช่องที่อยู่ของผมเป็นที่นี่ ผมจึงได้รับพัสดุกล่องนี้มา มันเป็นการบอกพี่จินอ้อมๆน่ะครับว่าผมย้ายมาอยู่หอในมหาวิทยาลัยแล้วนะ เอ่อ...ผมรู้สึกเขินจัง -//-

พี่จินส่งรูปมาให้เหมือนเดิม แล้วก็มีกล่องบุด้วยกำมะหยี่ขนาดเท่าฝ่ามือ ผมพอเดาออกว่ากล่องหรูหราขนาดนี้คงใส่เครื่องประดับ แต่จะเป็นอะไรนั่นล่ะ?

ผมเปิดกล่องออกแล้วเห็นสร้อยข้อมือสีเงินประดับด้วยจี้พลอยสีขาวรูปตัว G ผมพลิกมันไปมา สร้อยข้อมือส่งประกายล้อกับแสงที่ส่องมาทางหน้าต่าง การ์ดใบน้อยเขียนเพียงแค่ว่า ‘Congratulation’ เท่านั้น

“นี่มันแพลตตินั่มนี่...” เสียงกิจากด้านหลังทำให้ผมหันไปมอง แล้วก็รู้สึกหน้าร้อนผ่าวเมื่อเห็นว่าเพื่อนทั้งสามชะโงกดูกันอย่างสนใจ
“บ้านกิเป็นร้านขายเพชรน่ะ” อั๋นขยายความ
“...” ผมไม่ได้ตอบอะไร แต่ก้มมองสร้อยข้อมือต่อ ไม่รู้หรอกครับว่ามันแพงแค่ไหน รู้แต่ว่ามันสวยจริงๆครับ สวยมาก ผมไม่เคยได้มีของแบบนี้เป็นของตัวเองมาก่อน แล้วอักษร G นั่นก็...
“ใครให้เหรอเอม~ แพลตตินั่มมันแพงไม่ใช่เล่นน้า แถมพลอยนั่นก็เป็นไวท์แซฟไฟร์เสียด้วยยยย” กิลากเสียงยาวจนผมขนลุก พอหันไปก็เห็นมันทำตาระยิบระยับเลยครับ
“..เอ่อ...คนรู้จักน่ะ..” ผมอ้อมแอ้มตอบ
“จริงหรา~~~~ คนรู้จักชื่อย่อ G” อั๊ยย่ะ กิมันเซ้าซี้ผมใหญ่แล้วง่ะ ผมหันไปส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากอั๋น อั๋นยิ้มขำๆแล้วลากคอกิให้ไปทางอื่น
“มึงง่ะ ให้กูเค้นถามจากเอมมันก่อนดิว้า!” เสียงแจ๋วๆโวยวายมาให้ได้ยิน ผมแค่ขำแล้วก็หันมาสนใจกับของในกล่องต่อ

ดูเหมือนว่าที่โน่นเป็นฤดูฝนเหรอ? เพราะในรูปส่วนมากมีแต่ฝนทั้งนั้น  ผมเกลียดฝน เพราะฝนมันมักจะทำให้ผมเหงา และเสียงฟ้าผ่าก็ทำให้ผมกลัว แล้วพี่จินจะเหงาเหมือนผมหรือเปล่า?

“เอมมีแฟนแล้วเหรอ” 
“ตองว่าอะไรนะ” เหมือนว่าผมจะได้ยินตองพูดอะไรสักอย่างแต่ฟังไม่ถนัด ผมหันไปถามตองที่นั่งพิงหัวเตียงใกล้กับโต๊ะที่ผมนั่ง ตองส่ายหัวแล้วก็บอกว่า “เปล่า ไม่มีอะไรหรอก”
ผมขมวดคิ้ว บางทีผมอาจหูแว่วไปเอง สงสัยจะคิดถึงพี่จินมากเกินไป ผมพลิกดูรูปจนครบทุกใบแล้วก็มีกระดาษโน้ตร่วงลงมาจากรูปใบหนึ่ง ลายมือหวัดๆเขียนข้อความมาสั้นเหมือนเดิม

‘พี่เบื่อฝนที่ปารีสแล้วละ ’

‘คิก.’ ผมหลุดขำมานิดหนึ่ง ในใจคิดออกแค่คำว่า ‘น่ารัก’ ที่ทำตัวเหมือนเด็กๆ แค่เพียงสิ่งเล็กๆน้อยๆมันก็ดึงดูดใจผมได้อีกแล้ว

“พี่จิน...” เพียงแค่นึกถึงใบหน้าผมก็เผลอเรียกชื่อพี่จินออกมาเสียแล้ว... จะได้ไหมนะ ถ้าผมจะบอกพี่ว่ากลับมาเมืองไทยสิ ถ้าเบื่อฝนที่ปารีสแล้ว...

ผมคิดถึง...


ภาพของชะเอมที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่อาจรอดพ้นสายตาของเพื่อนทั้งสามไปได้ คนหนึ่งอยากรู้อยากเห็นตามประสาคนเป็นเพื่อนกัน และหมายมาดว่าจะต้องรีดเค้นเรื่องราวมาให้ได้ คนหนึ่งคิดว่าจะต้องคอยห้ามคนแรกไม่ให้ไปเซ้าซี้เพื่อนใหม่จนเกินควร และคนสุดท้าย...ที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะต้องเจอปัญหาตัวใหญ่บิ๊กเบิ้มที่ชื่อว่า จินเจอร์...


** มาแบบสองตอนต่อเนื่อง ต้อนรับวันหยุดค่ะ  o13

ออฟไลน์ j4c9y

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2820
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-7
Re: Love Sick [-9-] 25/11/11
«ตอบ #123 เมื่อ25-11-2011 17:40:44 »

555

ตองงงงงงงงง

เห้อออ

dawnthesky

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Sick [-9-] 25/11/11
«ตอบ #124 เมื่อ25-11-2011 18:09:16 »

เป็นความรัก ระยะไกล ที่อ่านทีไร ก็น่ารักทุกที

ถึงไม่เคยเอ่ยคำว่ารัก แต่ ชะเอม กับ จินเจอร์ ก็เหมือนจะสื่อสารกันด้วยภาษา "ใจ"

(เน่าตัวเอง  :laugh:)

ออฟไลน์ Maprang_W

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2
พี่จิน
แต่ถึงยังไงก็เหงาอยู่ดีแหละ เฮ้อ
นายตอง ไม่ได้นะ ห้ามๆ สงวนให้พี่จินคนเดียว

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
สนุกขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว  เริ่มสังคมใหม่  เพื่อนใหม่  และอาจมีปัญหาใหม่ ๆ
มาต่อทุกวันก็ดีน๊า  ชอบ

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
ตัวเร่งปฏิกิริยาชื่อ 'ตอง' เข้ามาแล้ว พี่จินรีบกลับด่วนเลย
ยิ่งนอนห้องเดียวกัน ยิ่งไม่หลอดภัยสำหรับเอมนะ :z3:

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
เผลอเวิ่นเว้อละเวอละเวิดอะไรก็ไม่รู้ ไม่ได้เข้ามาอ่านน้องเอมล่ะ
จนวันนี้เข้ามาตามจนทันเลย ตอนรู้ว่าเปปเปอร์ทำแบบนั้นกับเอม ก็โกรธนะ
แต่พอมาคิดดูว่า ก็ตอนนั้นแค่เด็กอายุแค่18 -19 ทำแบบนั้น คิดแบบนั้น มันเป็นไปได้แหละ ก็เลยให้อภัย
แล้วมาคิดด้านหนูเอม ถึงหนูจะเจ็บปวด การเจ็บปวดจากความรัก
ก็เป็นเรื่องธรรมดามาก ในวัยรุ่น คงไม่มีใครไม่เคยรัก ไม่เคยอกหัก
บางทีในความเศร้า+ความเจ็บปวดจากความรัก มันก็มีสิ่งที่ดีอยู่นะ (นี่แหละรสชาติของชีวิต)
มันทำให้เรารู้จักระมัดระวังขึ้น ทำให้เราแกร่งขึ้นไง เหมือนหนูเอมตอนนี้ไง
คิดว่าไม่ได้เจ็บปวดแล้วแหละ เหลือแค่แผลเป็นไว้เป็นเครื่องระลึกถึง และไว้เตือนตนแค่นั้นเอง(มั้ง) ผิดเป็นครูน่ะ
        ว่าแต่ว่า ตองแอบคิดไรกะเอมเกินเพื่อนใช่ปะ คิดไปเหอะตองไม่ผิดหรอก
ถึงจะต้อง"อกหัก" ก็ "อกหักดีกว่าไม่ได้รัก" "อกหักดีกว่ารักไม่เป็น"
แถม  "อกหักไม่ยักกะตาย" หรอกนะตอง
อิ อิ อิฉัน คิดไปไกลเกิ๊น ขออำภัยบีบีจังเด้อ ที่คิดไปก่อนน่ะ(คนแก่ช่างเพ้อฝัน)
 แต่ที่คิดตลอดเวลาที่อ่านนะ เรื่องราวและภาษาในเรื่องของบีบีจังsmoothจังเลย

ออฟไลน์ pizza2011

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 411
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
น้องเอมเริ่มเปิดใจให้จินเเล้ว ดีใจที่สุด 55+
เมื่อไรพี่จินจะกลับมานะ คิดถึงพี่ (มีบทกับเขาน้อยจริง :o12: สงสาร)
ตองชอบน้องเอมเหรอ ไม่นะ   :sad4: :sad4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
อ่านแล้วกริ๊ดแทน :impress2:
จินน่าร้ากกกกกกกกกกกกก แต่รีบกลับมากเหอะ มีคนหวังชิงของรักอยู่นะ

ออฟไลน์ CofFee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 98
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
เรื่องราวมหาลัยครั้งใหม่กำลังเริ่มต้นขึ้น  :laugh: :laugh: :laugh:

อ่านไปแล้วเหมือนจุกที่อกเลยละ อินไปไหมเราเนี่ย  :laugh: :laugh: :laugh:

sakurazaka

  • บุคคลทั่วไป
โลโก้รูปแอปเปิ้ลแหว่งโผล่ขึ้นมาและค่อยๆหายไป ปรากฎเป็นภาพพักหน้าจอรูปแผ่นหลังของคนๆหนึ่งแทน... แค่เพียงแผ่นหลังเท่านั้น เห็นเพียงเท่านั้นแต่ก็ดูเหมือนว่าน้ำตาจะเอ่อๆ เขาสูกหายใจเข้าลึกๆและกดเข้าไปดูในอัลบั้มรูป เผื่อว่าจะมีรูปอื่นๆอยู่อีก แต่ทว่าภายในอัลบั้ม นอกจากมีรูปที่เป็นวอลเปเปอร์แล้วก็ไม่มีรูปอื่นอีกเลย ส่วนอีกไฟล์หนึ่งเป็นเพียงไฟล์วิดีโอ...

สูดหายใจ

ได้อ่านรวดเดียวสองตอน ทำให้อมยิ้มกับบรรยากาศหวานๆ มากเลยค่ะ 

บีบีจัง

  • บุคคลทั่วไป
โลโก้รูปแอปเปิ้ลแหว่งโผล่ขึ้นมาและค่อยๆหายไป ปรากฎเป็นภาพพักหน้าจอรูปแผ่นหลังของคนๆหนึ่งแทน... แค่เพียงแผ่นหลังเท่านั้น เห็นเพียงเท่านั้นแต่ก็ดูเหมือนว่าน้ำตาจะเอ่อๆ เขาสูกหายใจเข้าลึกๆและกดเข้าไปดูในอัลบั้มรูป เผื่อว่าจะมีรูปอื่นๆอยู่อีก แต่ทว่าภายในอัลบั้ม นอกจากมีรูปที่เป็นวอลเปเปอร์แล้วก็ไม่มีรูปอื่นอีกเลย ส่วนอีกไฟล์หนึ่งเป็นเพียงไฟล์วิดีโอ...

สูดหายใจ

ได้อ่านรวดเดียวสองตอน ทำให้อมยิ้มกับบรรยากาศหวานๆ มากเลยค่ะ 

ขอบคุณค่า > <  & ขอบคุณทุกคนที่ชอบค่า <3


LadyOneStar

  • บุคคลทั่วไป
เริ่มเข้มข้นซะแล้ว 555 ^___^

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
มันหวานมากกกกกกกกก :L2:
จินน่ารักไปหนายยยยยยยยยย :กอด1:
+1จ๊า

moriku

  • บุคคลทั่วไป
พี่จินสุดยอดดดดดดดดด
จีบทางไกลกันเลยทีเดียว

Mickii

  • บุคคลทั่วไป
เฝ้ารอคอยพี่จินกับมาไม่งั้นเอมเสร็จตองแน่ๆ

รักมั่นคงเนอะพี่จิน แรกนึกว่าจะร้ายกับกลายเปงดีซะงั้น

ออฟไลน์ jing_sng

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 761
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
ตอนแรกนึกว่าเปปเป็นพระเอกซะแล้ว
แต่ก็เชียร์จินนะ ไม่ชอบพระเอกแสนดี เพราะรู้ว่าคนเรามันมีข้อพกพร่อง
กันบ้าง สำหรับเปป ที่ทำแบบนั้นกับเอม ถ้าเป็นพี่เนี้ย คงไม่พูดอะไรเหมือนกัน
อาจจะตบสักทีให้สะใจแล้วลืมมันไป ผู้ชายแบบนี้หาง่ายๆ ในท้องตลาด
แล้วก็นึกถึงเพลงโดม ที่บอกว่า หากเธอไม่ทิ้งฉันคงไม่เจอคนที่ดีกว่า(ประมาณนี้)
เพราะพี่จินสุดยอดแห่งความโรแมนติก ไม่คิดว่าคนที่มุทะลุปานนั้นจะโรแมนติกขนาดนี้
ระยะเวลา3 ปีที่ติดต่อกันทางจดหมาย เมลล์อะไรก็ไม่ใช้ สมัยนี้มีเครื่องมือทันสมัยมากมาย
กลับไม่ใช้ แต่มันก็คุ้มค่านะที่จะรักษาความรักให้มั่นคงเพราะคนเราสมัยนี้ไม่นึกถึงคุณค่าทางจิตใจ
ถ้าจะให้ดีพี่จินควรส่ง macbook มาให้น้องเอมด้วยนะคร้า มันจำเป็นต่อการเรียนเน้อ เดี๋ยวน้องจะต้องไป
ใช้คอมที่มหาลัยนะจ๊ะ (แอบเห็นเพื่อนร่วมห้องเหมือนจะรู้สึกพิเศษกับน้องแอมน่ะนั่น)

เพลงที่อีตาจินร้องส่งมาให้น้องเอมก็ตั้งแต่สมัยพี่ยังสาวเลยนะนั่นเด็กรุ่นนี้จะรู้จักไหมเอ่ย

สุดท้ายมาส่วนแสดงความคิดเห็นในงานเขียนบ้างนะ ติเพื่อก่อ อย่าโกรธกันเน้อ
เฉพาะในส่วนของจิน พี่ว่าตัวละครยังมีรายละเอียดน้อยไปนิด ในช่วงแรก
เพราะสายตาของเอมที่มองจินมันใส่ความรู้สึกไปทางอิพี่เปปซะหมด จนหลายคนไขว้เขว(น้องอาจจะเจตนา)
เลยละเลยความรู้สึกฝั่งจินไป พอมาในตอนพิเศษถึงแสดงให้เห็นว่าจินมีลักษณะนิสัยแบบไหน


สุดท้าย ชอบจินอ่ะ โรแมนติกดีแท้ทนห่างกันคนละประเทศได้ไงเนี้ย คงไม่ได้มีข้อเสนออะไรดีๆ จากที่บ้านหรอกนะ

บีบีจัง

  • บุคคลทั่วไป
Love Sick [-10-]
«ตอบ #139 เมื่อ29-11-2011 12:10:23 »

Love Sick

- 10 -


บร๊ะเจ้าครับทุกคน...



วันนี้ผมเพิ่งเจอเรื่องเหลือเชื่อมาหมาดๆ หลังจากที่เปิดภาคเรียนมาได้เกือบจะสามเดือน
ก็อย่างที่ผมบอกไปนะครับ ว่าปีหนึ่งเนี่ย ทุกคนจะเรียนวิชาพื้นฐานทั่วไป เช่น เลข ภาษาอังกฤษ ฯลฯ
ที่นี้เรื่องมันมีอยู่ว่า... ช่วงนี้ผมต้องเรียน แมท หรือ Math นั่นเอง และตอนนี้ก็เป็นบทเรียนเกี่ยวกับกราฟและก็ฟังก์ชั่นอะไรพวกนี้แหละครับ หลังจากที่เรียนมาหลายสัปดาห์ อาจารย์ก็จัดให้มีการเทสต์ย่อย คะแนนเต็ม 20 คะแนน (หารแล้วเบ็ดเสร็จเป็นคะแนนเก็บ 5 คะแนนครับ อาจารย์โคตรจะช่วยเลย สงสัยเห็นเด็กศิลป์โง่เลขจัด 55+) ผลสอบที่ออกมาปรากฎว่า...



ไอ้เอมได้คะแนน 9/20 ครับ - -*

หารแล้วก็เหลือ 2.25 ....

....

.

..

..


ผม... สอบตกครับ โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ


ไม่น่าเชื่อใช่มั้ยครับ สมัยเรียนมัธยมผมไม่เคยสอบตกเลยนะ  แต่ไอ้วิชาเนี้ย มันเป็นอะไรที่สุดๆสำหรับผมแล้ว ทั้งที่ก่อนสอบผมพยายามอ่านอย่างเต็มที่ แต่พอเข้าไปสอบมันก็เหมือนกับว่าทุกอย่างที่อ่านมารั่วออกไปหมดเลยครับ เพื่อนผมก็พากันอึ้งเป็นแถบ กิได้ 2.5 คะแนนพอดีเป๊ะ อั๋นได้ 3 คะแนน ส่วนตองนั่นไม่ต้องพูดถึง เต็ม 5 เลยครับ

“ให้เราติวให้เอาปะ” กิอาสาด้วยความมีน้ำใจ แต่ผมไม่เอาดีกว่าครับ... ก็ปรกติน่ะ ผมค้องเป็นคนติวมันนะ จะให้มันมาติวให้ผมได้ไงอ้ะ เสียเชิงแย่เลย T^T

“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวเราให้ตองช่วยติวสอบซ่อมให้ก็ได้ ได้มั้ยตอง?” ประโยคครึ่งแรกผมบอกกับกิ ส่วนครึ่งหลังพอผมพูดจบก็หันไปมองหน้าตอง
“อืม” ตองพยักหน้า ผมใจชื้นขึ้นมาหน่อย ตองมันเก่งนะครับ วิชาเลขน่ะ น่าไปเรียนหมอ ไม่ใช่เอกศิลป์
“แล้วเย็นนี้จะไปงานเลี้ยงรับสายรหัสรึเปล่า” กิถามขึ้นมา ผมก็เพิ่งนึกออกว่าจะมีงานเลี้ยงรับน้องที่พวกรุ่นพี่รหัสเขาจะจัดให้ อุแม่เจ้า งานเลี้ยงก็ต้องมีเหล้าสิ...
“อืม เราคงไม่ไปหรอก เพราะเดี๋ยววันมะรืนก็สอบซ่อม ขอติวตั้งแต่วันนี้ดีกว่าเพื่อความชัวร์ นะตอง” ผมหันไปขอเสียงสนับสนุนจากตองเมื่อเห็นว่ากิหน้ามุ่ย ไอ้นี่มันชอบงานสังสรรค์เฮฮาครับ แต่ผมไม่ถูกกะเหล้านี่หว่า เกิดมาเคยลองกินแค่ครั้งเดียว แถมยังขมเป็นบ้าเลยด้วย
“มึงจะไปมั้ยตอง” อั๋นถามตอง ตอนนี้ทุกคนเงียบกันหมดเลยครับ เงียบจนเหมือนกับว่าจะได้ยินเสียงหัวใจแต่ละคนเต้นดังตึก ตึก ตึก เลยนะ นาทีนี้ชีวิตผมขึ้นอยู่กับตองคนเดียว ถ้าเกิดตองมันตกลงไป ไอ้กิมันต้องลากผมไปด้วยแน่ๆ

ตึก ตัก

ตึก ตัก

ผมรู้ว่าตองไม่ไปหรอก

“อืม ไปก็ได้” อ๊ากกกกกกกกกกกกก ไอ้ตอง!!!

“เสียใจด้วยนะเอม คือว่าตองมันเป็นสิงห์คอทองแดงน่ะ ฮ่าๆๆ” เสียงไอ้กิหัวเราะเยาะเย้ยจนผมสาบานว่าจะต้องแก้เผ็ดมันให้ได้ในสักวัน...


ร้านเหล้าระดับหรูหราห่างไกลจากมหาวิทยาลัยพอสมควรครับ แหม เลือกร้านเสียไฮโซกันเลยนะ พวกผมมาที่นี่กันได้ด้วยพาหนะโดยสารของอั๋นครับ นิสสันมาร์ชสีขาวจั๊วะแอร์เย็นเจี๊ยบที่อั๋นได้เป็นรางวัลจากป๊าและม๊าของอั๋นหลังจากเอ็นท์ติดที่นี่ครับ


“เฮ้ย ไอ้กิ ทางนี้โว้ยยยย” เสียงตะโกนเรียกดังจากด้านหนึ่งของร้าน กลุ่มรุ่นพี่ปีสอง,สามและสี่ที่เป็นสายรหัสของพวกผมเริ่มนั่งก๊งกันอยู่ที่โต๊ะใหญ่ ซึ่งดูแล้วเหมือนว่าแค่เฉพาะในสายรหัสของพวกผมก็กินพื้นที่ไป1/4 ของร้านแล้วครับ
“พี่ย้ง พี่บูม พี่โค้ก พี่โอ๋ ฯลฯ หวัดดีครับ” ไอ้กิเป็นคนนำพวกผมให้ไหว้ทักทายรุ่นพี่มากมายเกือบสิบคน (นี่แค่สายรหัสพวกผมนะเนี่ย) ผมเองจำได้แค่พี่รหัสผมคนเดียวครับ คนอื่นผมไม่รู้จักเลย ทำไงได้ ก็ผมมันพวกสังคมแคบนี่นา...
“เอ้าเฮ้ยพวกมึง เขยิบที่ให้น้องมันนั่งหน่อย” พี่ปีสี่ที่ดูเหมือนว่าจะชื่อย้งและเป็นปู่รหัสของกิก็เริ่มเคลียร์ที่ให้พวกผมนั่ง  โดยรุ่นพี่เขาจับแยกพวกผมให้นางแยกกัน เพราะต้องการให้รุ่นพี่กับรุ่นน้องสนิทกันไวๆน่ะครับ ผมมองหน้าพี่รหัสผมแล้วก็มองเพื่อนๆสลับกัน ดูท่าวันนี้คงเป็นวันสุดท้ายที่ผมจะได้หายใจเป็นแน่แท้...
ทำไมน่ะเหรอครับ...
ก็เพราะผมต้องนั่งติดพี่รหัสผมน่ะสิ...
ผมยังไม่ได้บอกคุณใช่มั้ยครับ... ว่าพี่รหัสผมน่ะ...คือพี่พีร์...
ที่ได้ชื่อว่าเป็นคอทองแดงที่สุดของปีสอง...


“อ้าวเฮ้ยเอม! กินอีกดิวะ แม่ง พี่อุตส่าห์ชงให้นะเนี่ย” แก้วเหล้าสีอำพันเข้มปี๋ถูกเติมจนเต็มแล้ววางลงตรงหน้าผม นี่ขนาดว่าผมพยายามถ่วงเวลาโดยการจิบทีละนิดๆแล้ว แต่ไอ้พี่พีร์มันก็ยังอุตสาหะเติมเหล้าให้ผมโดยไม่ปล่อยให้แก้วพร่องไปแม้แต่น้อย
“พี่พีร์ เอมมันไม่กินเหล้าครับ แล้วพี่เล่นชงเสียเข้มขนาดนั้นมันก็เมาตายพอดี” อั๋นเป็นผู้ช่วยชีวิตผมได้อีกครั้ง
“อ้าว จริงเหรอวะ กูก็ว่าทำไมมันกินน้อยจัง แล้วก็ไม่บอกกูนะไอ้จิ๋ว” พี่พีร์ทำหน้าถึงบางอ้อแล้วมาขยี้หัวผม เอ่อ... นี่ผมเปลี่ยนชื่อเป็นไอ้จิ๋วตั้งแต่เมื่อไร?
แต่พออั๋นบอกพี่พีร์เท่านั้นแหละครับ แก้วเหล้าก็ถูกเก็บไปแล้วกลายเป็นบาร์คาดี้หนึ่งขวดมาวางแทน
“เอ้า มึงกินนี่แทน ไม่เมา เด็กๆ” ผมมองตามขวดที่พี่พีร์เอามาวางให้แล้วก็รู้สึกซึ้งใจในความอาทรของพี่รหัส แต่ถ้าจะให้ดีกว่านี้ พี่(มึง)เอาน้ำเปล่ามาให้ผม(กู)กินได้มั้ยคร้าบบบบ แต่ว่าแหม...ไอ้บาร์คาดี้นี่มันก็อร่อยดีแฮะ เปรี้ยวๆหวานๆ

************************************************

ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงนิดๆ...

“เฮ้ย พวกมึงอะ เป็นเพื่อนไอ้เอมใช่มั้ย มึงมาพาเพื่อนมึงกลับไปนอนเลยนะ แม่ง ร้องไห้ใหญ่แล้วเนี่ย” เสียงตะโกนจากรุ่นพี่อีกฟากโต๊ะทำให้สามหนุ่มปีหนึ่งต้องหันไปสนใจเพื่อนตัวเอง ร่างบอบบางที่นั่งร้องไห้ซิกๆกำลังเอนพิงอกของพี่รหัสตัวเองอยู่
“โอ๋ๆ ไม่ร้องนะชะเอม เฮ้ย พวกมึงมาพาเพื่อนไปดิวะ กูทำไรไม่ถูกแล้วเนี่ย แม่งร้องใหญ่เลย” พีร์เริ่มโวยวายไปทั่ว เพราะไม่คิดว่าน้องรหัสตัวเองจะเมาแล้วร้องไห้ขนาดนี้ จากตอนแรกที่มันยังยิ้มเฮฮา เผลอแป๊บเดียวตาโตๆนั่นก็มีน้ำตาไหลพรากเสียแล้ว
“อ้าวเวร เอาไงดีวะ” กิหันไปขอความเห็นจากอั๋นที่ส่ายหัวแบบอึ้งๆ
“จะยังไงก็ต้องพาเอมกลับห้องก่อนละ ไม่งั้นไม่ดีแน่ๆ” เพราะว่าคนที่กำลังร้องไห้นั้นไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟาย ถึงน้ำตาจะไหลพรากไม่หยุด แต่ก็เป็นร้องไห้แบบเงียบๆ ชะเอมแค่เพียงนั่งนิ่งๆ แล้วน้ำตาก็ไหล ใบหน้าหวานใสยังไม่ได้บิดเบี้ยวเลยแม้แต่น้อย

เรียกว่ายิ่งมองก็ยิ่งน่าทนุถนอม...

ดูได้จากไอ้พี่พีร์จอมมอมเหล้า ที่ถึงปากจะโวยวาย แต่แขนก็ยังคงโอบกอดและปลอบไม่ยอมหยุด...

“เดี๋ยวผมจัดการเอง”

คนที่เข้ามาดึงแขนเอมให้ลุกเรียกความสนใจจากคนอื่นได้มากโข ใบหน้านิ่ง เสียงนิ่ง ท่าทางที่ไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆทำให้พี่พีร์ในฐานะพี่รหัสที่ดี(เหรอ?)รู้สึกไม่ไว้วางใจเป็นธรรมดา
“พี่พีร์ครับ ไอ้ตองมันเป็นรูมเมทเอม ให้มันจัดการเถอะครับ” อั๋นช่วยพูดเมื่อเห็นพี่พีร์เริ่มชักสีหน้า
“เออ มึงให้น้องมันจัดการไปสิวะไอ้พีร์ มันเป็นรูมเมทกันเดี๋ยวก็ดูแลกันเองแหละ” พี่ย้งที่เป็นลุงรหัสของอั๋นสนับสนุน
“เออ” พี่พีร์พูดสั้นๆแล้วปล่อยให้ตองพยุงเอมลุกจากโต๊ะ สีหน้าหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก
“พวกมึงกินกันต่อไปเหอะ เดี๋ยวกูพาเอมกลับแท็กซี่เอง” บอกแค่นั้นแล้วก็พยุงเอมออกมา

เจ้าของใบหน้านิ่งรู้สึกสงสัยเหลือเกิน ว่าอะไรที่ทำให้คนหนึ่งคนร้องไห้ในเวลาที่สติหลุดได้มากขนาดนี้ แถมยังเป็นการร้องไห้นิ่งๆไม่มีการฟูมฟายเสียด้วย
“เอม เสียใจเรื่องอะไร?” เมื่อพากลับห้องมาได้สำเร็จและจัดแจงให้ร่างเล็กนั่งพิงหมอนแล้วก็ลองถามดู ใบหน้าหวานส่ายหัวช้าๆแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไร
“แล้วทำไมน้ำตาถึงไหล”
“....คิดถึง...” เสียงเศร้าแผ่วเบาค่อยเล็ดลอดออกมาจากปาก สายตาที่เหม่อลอยไปไกลแสนไกลทำให้คนตรงหน้ารู้สึกหงุดหงิดในหัวใจยิ่งนัก...
“คิดถึงคนที่ไม่เคยมาหาเลยน่ะเหรอ...” ใช่แล้ว เขารู้เรื่อง เพราะว่าได้เคยแอบดูพัสดุที่เอมเก็บไว้ในกล่องใต้เตียง รุปถ่ายและกระดาษโน้ตไม่กี่แผ่น แม้แต่ใบหน้าก้ไม่ได้เห็น ความสัมพันธ์พิลึก...
“...” ใบหน้าหวานยังคงเงียบและไม่พูดอะไร ไหนที่คนเขาบอกว่าคนเงียบๆเวลาเมาจะรั่วคงเอามาใช้กับเอมไม่ได้ เพราะเวลาปกติที่พูดน้อยอยู่แล้ว พอเมาก็ยิ่งพูดน้อยกว่าเดิม..
“เอม..” อดใจไม่ไหว เห็นน้ำตาใสๆนั่นแล้วก็อยากกอด พอรู้ตัวอีกทีเขาก็โอบร่างบางนั่นไว้แน่น กลิ่นหอมๆจากผิวเอมทำให้รู้สึกอยากทำมากกว่ากอด กลิ่นหอมที่เคยรู้สึกได้เวลาเอมเดินผ่าน กลิ่นหอมที่ติดอยู่ตามข้าวของเครื่องใช้ของเอม...
“อื้อ...” น้ำเสียงหงุดหงิดและแรงดันจากฝ่ามือเล็กทำให้ตองมีสติกลับมา ชะเอมดันตองให้ถอยออกไปห่างและเอนตัวลงนอนบนที่นอน เมื่อสติของตองกลับมาก็ทำให้คิดได้ว่าเมื่อกี้เกือบจะทำพลาดครั้งใหญ่... นอกจากจะไม่ได้หัวใจแล้ว อาจจะเสียความเป็นเพื่อนไปอีกก็ได้..

************************************************

“อืม...” อาการปวดหัวหนึบปลุกให้ผมตื่นจากฝัน ฝันแปลกๆว่าตัวเองร้องไห้ไม่หยุดแต่ไม่มีเสียงสะอื้น แถมยังถูกอะไรหนักๆมากดทับไว้จนหายใจไม่ออก พอตื่นมาก็ปวดหัวแบบเฮฟวี่แถมยังรู้สึกรุมๆอย่างกับจะมีไข้
กึก กัก
ผมเปิดลิ้นชักโต๊ะหัวเตียงของผมแล้วควานหาปรอทวัดไข้มาอมไว้ใต้ลิ้น ระหว่างนั่งรอวัดไข้ผมกก็นึกถึงเรื่องเมื่อคืน จำได้ว่าไปงานเลี้ยงสายรหัส แล้วพี่พีร์เอาบาร์คาดี้ให้ ผมกินไปได้ไม่นานก็เริ่มมึนๆ

ผมเมา?

ติ๊ด ติ๊ด
เสียงปรอทร้องเตือนว่าวัดเสร็จแล้ว ผมจึงหยิบมาดู
‘อา...38 องศา ไม่ใช่น้อยเหมือนกันนะ...’ ผมวางปรอทไว้บนโต๊ะแล้วล้มตัวลงนอนอีกรอบ สายตามองไปรอบห้องก็เห็นว่ารูมเมทผมยังหลับอยู่ รู้สึกคิดถึงไอ้มิ้นจังเลยเวลาแบบนี้ สรุปว่าตอนนี้ผมต้องดูแลตัวเองใช่มั้ย... เศร้าจังวะ..

ผมนอนพลิกไปพลิกมาแล้วก็หลับไปอีกรอบ รู้สึกตัวอีกทีเมื่อมีอะไรเย็นๆมาแปะที่หน้าผาก

“...”
“เอมมีไข้” ใบหน้าของตองที่อยู่ตรงหน้าผมบอกสั้นๆ ผมยิ้มให้เขา ความรู้สึกสบายใจแผ่ซ่านขึ้นมาอีกครั้ง... 
“อย่าลืมติวเลขให้เราด้วยนะตอง” และนั่นคือสิ่งสุดท้ายที่ผมคิดออก



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Love Sick [-10-]
« ตอบ #139 เมื่อ: 29-11-2011 12:10:23 »





ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
เมื่อไหร่พี่จินจะกลับมาน๊อออ

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
จินกลับมาเร็วๆ เถอะ 
สงสารคู่ปากหนักนี้จริงๆ ใจตรงกันมาเป็นปีแต่ไม่ยอมคุย ไม่เจอหน้ากันซะที

กลัวใจตองแฮะ

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
จินเจอร์กลับมาซักที
น้องเอมคิดถึงจะแย่แล้ว :กอด1:

Mickii

  • บุคคลทั่วไป
เมื่อไหร่พี่จินจะกับมาเนี้ยยยย

อย่าปล่อยให้น้องเอมคิดถึงมากขนาดนี้สิคะ รีบๆ กับมานะ

บีบีจัง

  • บุคคลทั่วไป
ตอนแรกนึกว่าเปปเป็นพระเอกซะแล้ว
แต่ก็เชียร์จินนะ ไม่ชอบพระเอกแสนดี เพราะรู้ว่าคนเรามันมีข้อพกพร่อง
กันบ้าง สำหรับเปป ที่ทำแบบนั้นกับเอม ถ้าเป็นพี่เนี้ย คงไม่พูดอะไรเหมือนกัน
อาจจะตบสักทีให้สะใจแล้วลืมมันไป ผู้ชายแบบนี้หาง่ายๆ ในท้องตลาด
แล้วก็นึกถึงเพลงโดม ที่บอกว่า หากเธอไม่ทิ้งฉันคงไม่เจอคนที่ดีกว่า(ประมาณนี้)
เพราะพี่จินสุดยอดแห่งความโรแมนติก ไม่คิดว่าคนที่มุทะลุปานนั้นจะโรแมนติกขนาดนี้
ระยะเวลา3 ปีที่ติดต่อกันทางจดหมาย เมลล์อะไรก็ไม่ใช้ สมัยนี้มีเครื่องมือทันสมัยมากมาย
กลับไม่ใช้ แต่มันก็คุ้มค่านะที่จะรักษาความรักให้มั่นคงเพราะคนเราสมัยนี้ไม่นึกถึงคุณค่าทางจิตใจ
ถ้าจะให้ดีพี่จินควรส่ง macbook มาให้น้องเอมด้วยนะคร้า มันจำเป็นต่อการเรียนเน้อ เดี๋ยวน้องจะต้องไป
ใช้คอมที่มหาลัยนะจ๊ะ (แอบเห็นเพื่อนร่วมห้องเหมือนจะรู้สึกพิเศษกับน้องแอมน่ะนั่น)

เพลงที่อีตาจินร้องส่งมาให้น้องเอมก็ตั้งแต่สมัยพี่ยังสาวเลยนะนั่นเด็กรุ่นนี้จะรู้จักไหมเอ่ย

สุดท้ายมาส่วนแสดงความคิดเห็นในงานเขียนบ้างนะ ติเพื่อก่อ อย่าโกรธกันเน้อ
เฉพาะในส่วนของจิน พี่ว่าตัวละครยังมีรายละเอียดน้อยไปนิด ในช่วงแรก
เพราะสายตาของเอมที่มองจินมันใส่ความรู้สึกไปทางอิพี่เปปซะหมด จนหลายคนไขว้เขว(น้องอาจจะเจตนา)
เลยละเลยความรู้สึกฝั่งจินไป พอมาในตอนพิเศษถึงแสดงให้เห็นว่าจินมีลักษณะนิสัยแบบไหน


สุดท้าย ชอบจินอ่ะ โรแมนติกดีแท้ทนห่างกันคนละประเทศได้ไงเนี้ย คงไม่ได้มีข้อเสนออะไรดีๆ จากที่บ้านหรอกนะ


คคห.นี้เรียกได้ว่าช่วยตีแผ่ลักษณะนิสัยของพี่จินได้อย่างดีเลยค่ะ
ที่บีเขียนให้พี่จินมีบทน้อย ก็เพราะว่ามันยังไม่ถึงเวลาของฮีส่วนนึงค่ะ
และอีกอย่างต้องการจะแสดงนิสัยอาร์ทๆของทั้งพี่จินและหนูเอมออกมาให้ชัดมากที่สุด
การที่ติดต่อมาแค่พอให้จำเป็นเท่านั้น ไม่ใช่ว่าไม่คิดถึงกันและกันนะคะ
แต่เพราะรู้ว่าคิดถึงต่างหาก จึงเลือกที่จะเว้นช่องว่างเอาไว้บ้าง
เพราะว่าด้วยนิสัยของมนุษย์นั้นเวลาได้มาแล้วมักจะโลภมาก อยากได้อีก
ในกรณีของพี่จินและเอม ถ้าหากว่าได้คุยกัน ได้เห็นหน้ากัน สักวันก็คงลามไปจนถึงอยากจะพบกันทั้งๆที่อะไรต่อมิอะไรไม่อำนวยค่ะ

ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นดีๆแบบนี้นะคะ
  :กอด1:






yayee2

  • บุคคลทั่วไป
หนูเอมคงเก็บกดมานาน พอเมาได้ระดับหนึ่ง เลยหลุดเลย แต่ก็แบบสวยๆน่ารักนะ
ตองแอบมีใจให้เอม แต่ก็รู้ถึงความเป็นไปไม่ได้ นี่ก็น่าสงสารล่ะ

pronpailin

  • บุคคลทั่วไป
หืออออ พี่จี กลับมาเร็วๆเลย รู้ไหมว่าน้องเอม อ่ะ จาโดน เมท  :oo1: แล้วนร้า
แต่แอ๊ะ เว๊บๆ พี่ พีร์ อะไรนี่ ชักจะยังไง ยังไงและนร้า เหอะๆๆๆ
รีบๆ กลับมาต่อไวไวนะค่ะ สนุกมว๊าก เลย
+1 คนแต่ง
+1 เป็ด จร้า

ออฟไลน์ CofFee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 98
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
อ๊ายย จะเกิดศึกชิงนายไม๊ แบบตบจูบ ตบจูบ ฉุดกระชากลากถู

แต่ใครก็ได้ ช่วยฉุดเอมจากวังวนความเศร้านี้ทีเหอะ  :sad4: :sad4: :sad4:

ออฟไลน์ pizza2011

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 411
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
สงสารเอม ขนาดเมายังร้องไห้คิดถึงพี่จิน
กลิ่นมาม่าเริ่มโชย หวังว่าพี่พีร์จะไม่ได้ชอบน้องเองนะ
เเค่ตองคนเดียว ก็หนักใจแทนพี่จินจะแย่อยู่แล้ว

ออฟไลน์ Paracetamol

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 660
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-2
ู@pizza2011
คิดว่าต้องเซ็งจินว่าเมื่อไรจะมาปรากฎเป็นตัวเห็นมากกว่านา
ไม่ใช่ว่ากลับมามีหิ้วแหม่มสาวจากเมืองนอกมาให้เอมช้ำใจเล่น เหอๆ  :really2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด