Love Sick เมื่อร่างกายตกเป็นทาสของหัวใจ [-23-] จบแล้วค่ะ!!
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Love Sick เมื่อร่างกายตกเป็นทาสของหัวใจ [-23-] จบแล้วค่ะ!!  (อ่าน 196113 ครั้ง)

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
Re: Love Sick [-3-] 23/9/11
«ตอบ #30 เมื่อ23-09-2011 15:56:17 »

หลงรักน้องชะเอมเข้าอย่างจัง
น่ารักอะไรขนาดนี้
พี่น้องฝาแฝดแย่งกันเองซะแล้ว
แอบเชียร์นายจินกวนๆดี

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
Re: Love Sick [-3-] 23/9/11
«ตอบ #31 เมื่อ23-09-2011 19:17:01 »

คะแนนพี่พริกไทยนำโด่งสูงลิ่ว
ส่วนของพี่ขิงมีคะแนนติดลบเป็นฐาน จะไล่ตามทันไหมเนี่ย

killy

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Sick [-3-] 23/9/11
«ตอบ #32 เมื่อ23-09-2011 20:10:25 »

พระเอกจะเป็นใครน๊อ

ออฟไลน์ nolirin

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2755
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +274/-5
Re: Love Sick [-3-] 23/9/11
«ตอบ #33 เมื่อ24-09-2011 01:43:14 »

เพิ่งจะเห็นเรื่องนี้ก็มี 3 แระ แว๊ปแรกติดใจบอกตอนต้นของคุณบีบีว่า นายเอกของเราเขินแล้วป่วย >.< รีบเลื่อนมาอ่านต่อทันทีเลย
 :oni3:ขอให้พระเอกเป็นพี่เปปเปอร์ ก็เค้าสองคนใจตรงกันนี้เนอะ
พี่จินดูความคิดน่ากัวไปหน่อยนะคะ (แต่ก็แอบคิดให้พี่จินคู่กะมิ้น  :laugh:)

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
Re: Love Sick [-3-] 23/9/11
«ตอบ #34 เมื่อ24-09-2011 02:23:50 »

เอมเอ๊ย
แบบนี้ ท่าทางจะเป็นโรคหัวใจ.......ต้องการความรัก
แล้วล่ะหนู

 :laugh: :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
Re: Love Sick [-3-] 23/9/11
«ตอบ #35 เมื่อ24-09-2011 08:31:43 »

 :jul3: :กอด1:

ออฟไลน์ $VAN$

  • Moderator
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-6
Re: Love Sick [-3-] 23/9/11
«ตอบ #36 เมื่อ25-09-2011 13:14:36 »

3pป่าวเนี่ย^^
ตอนแรกว่าจินน่าจะคู่กะมิ้นท์ แต่มิ้นท์มือยักษ์ คงไม่ดีแฮะ

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
Re: Love Sick [-3-] 23/9/11
«ตอบ #37 เมื่อ26-09-2011 18:51:17 »

แบบนี้ 3p แน่เลยช่ายป่ะ

บีบีจัง

  • บุคคลทั่วไป
Love Sick [-4-]
«ตอบ #38 เมื่อ29-09-2011 17:50:14 »

Love Sick

- 4 -


วันนี้อากาศดีมากเลยครับ ฟ้าใส แดดแรง ผมเลยพาลรู้สึกว่าชั่วโมงเรียนผ่านไปไวเหลือเกิน แป๊บเดียวก็เที่ยงซะแล้ว
“เอม กินข้าวเสร็จแล้วไปดูซ้อมดนตรีกัน” ไอ้มิ้นท์รีบหันมาบอกผมที่นั่งอยู่ด้านหลังมันทันทีที่หมดคาบเรียน
“ซ้อมดนตรีอะไรอ่ะ?”
“ก็วงของโรงเรียนเรานี่ละ เห็นว่ามีซ้อมใหญ่เพื่อเตรียมไปแข่งระดับภาค” เห? ผมเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าโรงเรียนผมมีวงดนตรีด้วย
“เหรอ แล้วเขาเล่นดนตรีแนวไหน”
“ก็เพลงไทยสากล บางทีก็มีเพลงฝรั่งปนๆมาบ้าง พวกพี่เขาเล่นเก่งมากเลยนะโว้ย กูเคยไปแอบดูเขาซ้อมมาแล้วครั้งนึง” อืม... ฟังดูน่าสนใจแฮะ ไปก็ได้วะ ว่าแต่เป็นวงของรุ่นพี่เหรอ พี่เปปเปอร์หรือเปล่าน้า หุหุ
“เออ ไปก็ไป งั้นกินข้าวก่อนแล้วกัน”

หลังจากที่ผมและไอ้มิ้นท์กินข้าวเสร็จเรียบร้อยก็ถึงเวลาที่ไอ้มิ้นท์รอคอย พวกเราเดินไปที่หอประชุมเล็กซึ่งเป็นสถานที่ซ้อมประชุมชั่วคราว จำนวนคนที่มากจนล้นทะลักออกมาตรงทางเท้าด้านนอกทำเอาผมแทบถอดใจไม่ไปดู แต่เพราะว่าแรงควายของไอ้มิ้นท์ที่ลากแขนผมเข้าไปนั่นละ พวกเราจึงได้ไปยืนอยู่ด้านหน้าแทบติดกับวงดนตรี

สิ่งแรกที่เข้ามาปะทะกับสายตาของผมทำให้ผมแทบหยุดหายใจ เสียงทุ้มต่ำที่กำลังร้องเพลงเหมือนมีมนต์สะกดสั่งให้ผมหยุดสายตาอยู่ที่คนร้องนำ เพลงที่ต้นฉบับร้องโดยนักร้องผู้หญิงที่มีเสียงหวานเป็นเอกลักษณ์ ไม่น่าเชื่อว่าพอมาถ่ายทอดผ่านเสียงผู้ชายจะฟังได้กินใจขนาดนี้

.......
..
ไม่เคยขอ ไม่เรียกร้องเอาอะไรกว่านี้
ไม่ไขว้คว้า อ้อนและวอนเพื่อได้อย่างนี้
แค่มองตรงนี้ก็พอให้อุ่นใจ
ให้เธอรู้คนอย่างฉันแม้จะยืนอยู่ไกล
แต่ว่าฉันยังไม่เคยคิดจะจากไป
อยากให้เธอรู้ว่ามีอีกใจที่รักเธอ

อีกคนที่รักๆ เธอคนเดียวเท่านั้นหมดใจ
ไม่ต้องการคำตอบใดๆ แค่อย่าทำร้ายใจก็พอ
อาจมีสักครั้งที่เธอต้องทนอ้างว้างไม่เหลือใคร
แต่อย่าลืมอีกหนึ่งคนไกลคนที่ใจไม่ไกลจากเธอ

สิ่งที่เธอเคยได้เห็นฉันคือ
ฉันคนเดิมอยู่ตรงที่เก่า
แบ่งปันอารมณ์ที่เหงาที่ซึมเซา
แต่ไม่ใช่คนที่เธอรัก...

“พี่จินแม่งร้องเพลงโคตรเพราะ” เสียงไอ้มิ้นท์ดังขึ้นใกล้ๆ ผมหันไปถามว่ามันแน่ใจได้ยังไงว่าเป็นพี่จิน ทั้งที่ใจของผมเองก็รู้ตั้งแต่แรกเห็นแล้วว่าคนนี้คือพี่จิน เพราะสายตาของเขานั้นมันดูเฉยเมย ต่างจากพี่เปปเปอร์ที่มักจะมีสายตาอ่อนโยนเสมอ แต่ถึงแม้จะรู้ว่านั่นจะเป็นพี่จินผมก็ไม่สามารถละสายตาไปจากเขาได้
“ก็พี่จินเขาเป็นนักร้องนำของวงไง” นั่นคือคำเฉลยจากปากไอ้มิ้นท์ ผมไม่แปลกใจเลยที่จะมีคนมาดูการซ้อมมากขนาดนี้ ก็ดูนักร้องนำสิ ทั้งน้ำเสียงและรูปร่างเหมือนกับเป็นแม่เหล็กที่ดูดผู้คนให้เข้ามาใกล้ พี่จินทำสีหน้าได้อินกับเพลงมาก อย่างกับว่าเพลงนี้เป็นความรู้สึกจริงๆของเขาอย่างนั้นแหละ

‘?’ ผมรู้สึกว่าแวบหนึ่งสายตาของพี่จินมาหยุดตรงหน้าผม ไม่ใช่... ไม่ใช่แวบเดียว... ผมว่าเขากำลังมองผมต่างหาก ดูเหมือนว่าไอ้มิ้นท์ก็คงรู้สึกเหมือนกัน เพราะมันหันมามองผมสลับกับมองพี่จิน
“อ๊ะ เปลี่ยนคนร้องแล้ว” โชคดีครับ เพราะว่ามีการเปลี่ยนตัวนักร้องจากพี่จินเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ผมว่าน่าจะปีเดียวกับพวกผมนะ เพราะคุ้นๆหน้าอยู่
“นี่ไง... ที่กูรอคอย” ไอ้มิ้นท์พูดพึมพำเสียงเบา แต่มันก็ดังพอที่ผมจะได้ยิน ผมหันไปมองที่วงดนตรีว่าอะไรคือสิ่งที่ไอ้มิ้นท์รอคอย อย่าบอกนะว่ามันมาเพื่อรอดูนักร้องหญิงคนนี้? ผมตั้งใจมองนักร้องหญิงที่กำลังฮัมช่วงอินโทรของเพลง อืม น่ารักไม่ใช่น้อย นับว่าไอ้มิ้นท์ตาถึงไม่เบา

ฮืม....ฮือ....ฮืม......
เกลียดคำถามเธอ เมื่อยามที่พบเจอ ว่าวันนี้ฉันไม่เป็นไรใช่มั้ย
ถ้อยคำเหมือนหวังดี ที่เธอแค่พูดไปอย่างไม่รู้จะพูดอะไรเท่านั้น
คนๆหนึ่งที่โดนทิ้ง คงจะอยู่อย่างสุขสันต์ คำผ่านๆประเภทนั้น ถามเอาอะไร
วันที่เธอมีเขาข้างกัน ข้างกายของฉันว่างเปล่า....
มันเหงาจะขาดใจ แต่ละคืนยาวนานและแสนยากเย็น ไม่รู้ต้องทำเช่นไร ให้ผ่านคืนโหดร้ายไปอีกคืน..

ผมพอรับรู้ได้ว่าเสียงของนักร้องเพราะและมีพลังเกินกว่าที่ผู้หญิงตัวเล็กๆจะทำได้ แต่ว่าสีหน้าของเพื่อนผมตอนนี้มันทำให้ผมอึ้งมากกว่าครับ ไอ้มิ้นท์ทำตาวิบวับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จนผมมั่นใจว่าต้องมี Something Wrong แน่ๆเลย
“มึงชอบเขาเหรอ?” ผมแกล้งถาม แต่ไอ้มิ้นท์กลับพยักหน้าตอบ สงสัยมันกำลังเคลิ้มจัดเลยครับ
“เขาชื่ออะไรอะ” ผมแกล้งถามต่อ
“ชื่อซิน อยู่ปีเดียวกับเรานี่แหละ” โว้ มันตอบมาเยอะกว่าที่ผมถามอีกครับ
“อืม น่ารักเนอะ แล้วจะจีบปะละ” มันกำลังจะตอบครับ แต่แล้วก็เหมือนนึกได้ มันหันมามองผมตาโตแถมหน้าแดงแปร๊ด
“มึงถามอะไรกูเนี่ยยยยย!” กร๊ากกกก ไอ้มิ้นท์มีความรักคร้าบทุกท่าน~
“แหม ทีกูแอบชอบใครกูยังบอกมึงเลยนะ ทีงี้ไม่บอกกูบ้างหรอก” ผมค้อนมันแว่บหนึ่งแต่มันคงไม่สนใจผมหรอกครับ ก็เล่นจ้องนักร้องที่ชื่อซินไม่ละสายตาเลยนะ แล้วที่สำคัญ ผมกำลังแปลกใจกับความรู้สึกของตัวเองมากกว่าครับ ทำไมผมถึงรู้สึกตึกตักตอนเห็นพี่จินร้องเพลงนะ สงสัยอาจจะเป็นเพราะว่าเวลาที่คนเราเล่นดนตรีมันจะดูเท่ขึ้น 50% ละมั้ง ก็คงแค่นั้น... องค์ประกอบของเครื่องดนตรี ทั้งไมโครโฟน กีตาร์ คีย์บอร์ด คงทำให้คนหล่อขึ้นบ้างแหละ... เนอะ...

หลังจากที่หมดเวลาพักเที่ยงผมกับไอ้มิ้นท์ก็แยกย้ายกัน ไอ้มิ้นท์ไปห้องน้ำ ส่วนผมก็ไปที่ห้องเรียนเลยครับ ช่วงบ่ายเป็นวิชาอิสระ อาจารย์ชอบปล่อยให้นั่งสเก็ตช์ภาพกันเอง บางทีก็จะมีเด็กห้องอื่นมาร่วมแจมด้วย
“ขอโทษนะคะ เราขอจับคู่กับเธอได้มั้ย” เสียงที่ฟังดูคุ้นหูทักผม พอผมเงยหน้าจะขอปฏิเสธก็แอบตกใจไปแวบหนึ่ง ก็นี่มันสาวซินที่ร้องเพลงเมื่อกี้นี่หว่า จากที่กะว่าจะปฏิเสธก็เลยคิดว่าตกลงดีกว่า หึหึ ถ้าไอ้มิ้นท์มาเห็นต้องกรี๊ดแน่เลย
“คือว่าเรากะว่าจะวาดคนเดียวน่ะครับ แต่เดี๋ยวเพื่อนเราก็มา เธอจับคู่กับเพื่อนเราได้มั้ย” ผมเสนอ แหม ทำไมถึงคิดอะไรได้แยบยลขนาดนี้นะเรา
“ได้สิคะ” โอ๊ะ เธอยิ้มสวยเสียด้วย ซินยิ้มให้ผมแล้วก็ดึงอุปกรณ์มานั่งข้างผม ระหว่างนั้นผมก็แอบมองเธอเป็นระยะ เธอน่ารักจริงๆด้วย ยิ่งมองก็ยิ่งน่ารักอะครับ ตัวเล็กกว่าผม ผิวขาว ผมยาว ตาก็เป็นสีน้ำตาลอ่อน อย่างกับลูกครึ่งแน่ะครับ
“เอ่อ แล้วไม่มีเพื่อนคนอื่นมาด้วยเหรอครับ” ผมถามฆ่าเวลาบวกกับความสงสัย เพราะส่วนมากถ้ามีเด็กต่างห้องมาแจมวิชาอิสระ ก็มักจะมากันเป็นกลุ่มๆน่ะครับ ไม่ค่อยเห็นใครมาคนเดียวหรอก
“อ๋อ คือว่าพวกเพื่อนเราเขาไปห้องงานปั้นกันหมด เห็นว่าอาจารย์ห้องนั้นหล่อน่ะ” ซินพูดยิ้มๆ ผมก็นึกตาม เออ..อาจารย์ที่ห้องงานปั้นหล่อจริงๆครับ เห็นว่าเป็นอาจารย์เพิ่งจบใหม่ด้วย
“ว่าแต่เธอชื่อซินใช่มั้ย เราชื่อเอมนะ” ผมแนะนำตัว ผู้หญิงคนนี้ยิ่งมองยิ่งเพลินจริงๆครับ เสียดายที่รสนิยมผมต้องเป็นชายหนุ่มหล่อล่ำเท่านั้น ไม่งั้นผมคงจีบเธอแน่
“จริงๆแล้วเรารู้จักเอมมานานแล้วแหละ” ซินพูดยิ้มๆ
“อ้าว รู้จักเราได้ไงเหรอ?” นี่ผมเป็นที่รู้จักของคนอื่นตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย
“ก็เอมเป็นนักเรียนทุนใช่มั้ย เราก็เป็นนักเรียนทุนเหมือนกัน แล้วอาจารย์ที่ดูแลเรื่องนักเรียนทุนน่ะก็ชอบชมเอมให้ฟังว่าเรียนเก่งแล้วก็วาดรูปเก่งมาก” เหวอ ผมเขินจัง นี่อาจารย์เอาผมไปพูดแบบนั้นด้วยเหรอ แต่ยังไม่ทันจะได้เขินอะไรไอ้มิ้นท์ก็มาพอดีครับ
“อ๊ะ เพื่อนเรามาพอดี” ผมหันไปบอกซิน
“คนนี้ชื่อมิ้นท์นะซิน คนนี้แหละที่จะให้ซินจับคู่ด้วย” พอไอ้มิ้นท์มาถึงตรงที่ผมนั่ง มันก็มองผมทีนึง มองซินทีนึง ผมเลยแนะนำไอ้มิ้นท์ให้กับซิน เธอส่งยิ้มให้ไอ้มิ้นท์ที่ยืนอึ้งเป็นรูปปั้นไปแล้วครับ
“อะ..เอ่อ สวัสดีครับ..” ไอ้มิ้นท์ทักทายแบบเก้อๆ ผมเองก็อยู่เห็นเหตุการณ์ถึงแค่ตรงนั้นแหละครับ เพราะหลังจากนั้นผมก็เดินออกไปหาที่วาดรูปข้างนอกแทน แบบว่าไม่อยากอยู่เป็นกขค.นี่นะ...

ผมเลือกมานั่งตรงใต้อาคารเรียน ช่วงนี้เป็นคาบเรียนจึงไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน บริเวณรอบๆก็เงียบแถมยังมีลมพัดตลอด ผมรู้สึกเหมือนว่าเสียงเพลงของพี่จินยังคงดังชัดเจนอยู่ในหัวของผม ผมถามไอ้มิ้นท์แล้ว มันบอกว่าเพลงที่พี่จินร้องเป็นเพลงของเจ๊คิ้มจริงด้วย ชื่อเพลง ‘คนไกลๆ’ แล้วพี่จินก็ร้องเพลงนี้ได้อินมากเลย อินซะจนผมคิดไปว่าพี่เขาแอบรักใครอยู่หรือเปล่า

‘ฮึ้ย จะไปนึกถึงทำไมนะ’ ผมสะบัดหัวไล่ความคิดถึงพี่จินออกไป มันคงเป็นแค่วูบหนึ่งนั่นแหละที่ผมคิดว่าเขาเท่ ถ้าไม่ใช่ตอนที่เขาร้องเพลงผมก็คงไม่รู้สึกอะไรหรอก... แค่การร้องเพลงทำให้ผมละสายตาไปจากเขาไม่ได้...ก็แค่นั้น...

ผมรู้สึกอยากเห็นหน้าพี่เปปเปอร์ที่สุด แต่จนแล้วจนรอดทั้งสัปดาห์ผมก็ไม่เจอเขาเลยสักครั้ง ทั้งพี่ทั้งน้องแหละครับ ไม่เจอเลยแม้แต่เงา...


ในที่สุดผมก็ทนคิดถึงไม่ไหวและตัดสินใจถามไอ้มิ้นท์ในวันศุกร์ บางทีมันอาจจะรู้ก็ได้ว่าพี่เปปเปอร์ไปไหน
“ไม่รู้ว่ะ กูก็ไม่เห็นเขามาซ้อมหลายวันแล้วเหมือนกัน แล้วถามทำไมเนี่ย คิดถึงอะเด้ โอ๊ย!” ผมเอาสันมือฟาดหัวมันไปทีหนึ่งครับ มันใช่เวลามาแซวผมไหมเนี่ย...

และแล้วในวันเดียวกับที่ผมถามไอ้มิ้นท์ ผมก็ตัดสินใจมาเดินแกร่วตรงแถวหอพักของเด็กปีสาม เพราะความหวังอันน้อยนิดว่าจะได้เจอพี่เปปเปอร์แค่สักแว้บก็ยังดี

ผมเห็นรุ่นพี่ปีสามหลายคนไปเตะบอลที่สนาม บางกลุ่มก็รวมตัวกันทำการบ้าน บางกลุ่มก็นั่งคุยเล่นกัน แต่ไม่มีกลุ่มไหนที่จะมีพี่เปปเปอร์ของผมเลย เฮ้อ... อยากเจอชะมัด


วันเวลาผ่านไปอีกสองวัน วันนี้เป็นวันจันทร์แล้วแต่ผมก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของพี่เปปเปอร์ ความหงุดหงิดเริ่มทวีคูณขึ้นมาเรื่อยๆ เห็นอะไรก็ขัดหูขัดตาไปหมด ไอ้มิ้นท์มาโม้เรื่องซินให้ฟังก็หมั่นไส้เผลอแขวะมันไปเสียหลายแผล
“มึงไปกินข้าวคนเดียวนะมิ้นท์ กูจะไปวาดรูปหน่อย” ผมบอกมันเสียงแข็งหลังจากหมดคาบเรียนในช่วงเช้า
“อ้าว ไม่หิวหรือไงวะ”
“ไม่ค่อยหิว แต่ไม่เป็นไรหรอก กูมีแซนวิชติดกระเป๋าอยู่อันนึง” ผมบอกแล้วก็สะพายกระเป๋าออกมาจากห้องเรียนทันที ผมเริ่มสับสนว่าทำไมผมถึงรู้สึกแบบนี้ ทั้งที่ผมไม่ได้เป็นอะไรกับพี่เขา แต่แค่ไม่ได้เจอเพียงสาม-สี่วันผมก็วุ่นวายใจมากเหลือเกิน... ผมควรจะทำยังไงกับความรู้สึกของตัวเองดี...

ห้องศิลปะเงียบเชียบเพราะว่าตอนนี้คือช่วงพักกลางวัน คนอื่นเขาก็พากันไปกินข้าว มีแต่ผมละมั้งที่มานั่งบ้าวาดรูปอยู่ได้ นึกแล้วก็เศร้าใจ ทำไมผมถึงรู้สึกห่อเหี่ยวแบบนี้นะ ผมหยิบกระดาษวาดรูปแผ่นใหม่ขึ้นมาหนีบไว้บนเฟรม วันนี้ผมอยากลองระบายสีน้ำดู ไม่ร่างเส้นด้วยนะ ผมจะละเลงสีให้เต็มที่เลย

และแล้วจากกระดาษสีขาวก็เริ่มเต็มไปด้วยสีสันละลานตา ผมเองไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่ารูปที่ผมระบายอยู่นั้นมันเป็นรูปอะไร พอได้จับพู่กันผมก็เหมือนถูกดึงเข้าไปในอีกโลกหนึ่ง เวลารอบตัวผ่านไปนานเท่าไรก็ไม่รู้ จนกระทั่งมีมือหนึ่งแตะลงมาที่บ่าของผม
“บ่ายแล้วเหรอมิ้-” ผมหันไปข้างหลัง คิดว่าคงเป็นเพื่อนร่วมห้องจึงทักออกไปโดยยังไม่ทันเห็นหน้าด้วยซ้ำ แล้วผมก็คิดผิดจนได้ เพราะคนที่ยืนอยู่ทำให้ผมต้องอ้าปากค้างเหมือนคนปญอ.ไปแล้ว...
“พี่หน้าเหมือนเพื่อนเราขนาดนั้นเลยเหรอครับ?” เจ้าของร่างสูงพูดไปยิ้มไป เห็นได้ชัดว่าไม่โกรธที่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นคนอื่น คงเป็นเพราะว่าดีใจที่ได้เจอเช่นเดียวกันละมั้ง ทำให้อะไรๆก็ไม่สามารถทำให้เขาขุ่นเคืองได้...
“เอ่อ..ไม่เหมือนหรอกครับ คือเอมคิดว่าเป็นไอ้มิ้นท์ ขอโทษด้วยนะครับ...” อึ๋ย... สั่นอีกแล้วเรา ว่าแต่ดีใจชะมัดที่ได้เห็นหน้าสักที...เอมคิดถึงพี่เปปเปอร์มากเลยนะครับ > <
“ไม่ได้เจอหลายวัน ดูเอมโตขึ้นมากเลยนะ”
“? เอมเป็นคนนะครับ ไม่ใช่ถั่วงอก จะได้โตวันโตคืนขนาดนั้น” ผมพูดแล้วก็ทำหน้างอใส่พี่เปปเปอร์โดยอัตโนมัติ มาถึงก็หาเรื่องแหย่ผมซะแล้ว รู้สึกหมู่นี้พี่เขาชอบแหย่ผมจังแฮะ
“อะไรกัน งอนพี่เหรอ พี่แค่แหย่เล่นเองนะครับ”
“ไม่ได้งอนหรอก ว่าแต่พี่เปปเปอร์หายไปไหนมาหลายวันเลยครับ” แค่เห็นหน้าพี่ผมก็อารมณ์ดีแล้วแหละครับ ใครจะไปโกรธลง
“หืม? เอมสังเกตด้วยเหรอว่าพี่ไม่อยู่”
“ก็แหม...สังเกตสิครับ..” พี่จะต้องทำหน้าดีใจทำไมละเนี่ย ผมแค่ถามว่าพี่หายไปไหนก็แค่นั้น...โอเค ผมยอมรับก็ได้ว่าผมคิดถึงพี่ และก็มีแต่เรื่องของพี่เต็มหัวไปหมด!
“พี่ไปงานศพคุณทวดมาน่ะครับ” พี่เปปเปอร์พูดแบบไม่ได้ยินดียินร้ายอะไร จะว่าเศร้าโศกก็ไม่ แต่ก็ไม่ได้ชิลจนน่าเกลียด
“อ้าว... เสียใจด้วยนะครับ... แต่ว่าพี่มีคุณทวดด้วย ท่านอายุเท่าไรเหรอครับ” ทวดนี่คือรุ่นพ่อแม่ของปู่ย่าตายายเราใช่ไหมครับ ผมเห็นน้อยมากเลยนะที่บ้านไหนจะมีทวดเนี่ย เพราะว่ารุ่นทวดจะต้องอายุมากเลย แถมยังมีชีวิตอยู่ไม่ค่อยถึงรุ่นเราด้วยนี่นา
“ตอนที่เสียท่านก็ 102 ปีแล้วแหละครับ ตอนพี่เด็กๆน่ะ จำได้ว่าท่านยังแข็งแรงอยู่เลยนะ”
“แล้วพี่สนิทกับคุณทวดมั้ยครับ” ผมถามแล้วก็ได้รับคำตอบเป็นการส่ายหัวจากพี่เปปเปอร์
“ไม่เลย เพราะว่าพี่อยู่คนละบ้านกับท่านน่ะ คุณทวดท่านอยู่บ้านใหญ่ที่เชียงราย ปีนึงพี่ถึงจะได้ไปไหว้สักครั้ง แถมท่านก็แก่แล้ว คงไม่ชอบเด็กซนๆแบบพี่กับจินเท่าไรนักหรอก” อีกชื่อหนึ่งที่ออกมาจากปากพี่เปปเปอร์ทำให้ผมสะดุดใจ... พี่จิน...
“พี่จินก็ไปด้วยเหรอครับ”
“อ้าว ก็ต้องไปสิ ถามอะไรแปลกๆนะเรา” นั่นสิ ผมถามอะไรพิลึกจริง
“ว่าแต่ว่าวันนี้จะไปดูพี่ซ้อม เอ๊ย จะไปดูมิ้นท์ซ้อมมั้ยครับ?”
“คงไม่ละครับ วันนี้ต้องร่างภาพให้เสร็จ” ผมนึกถึงการบ้านที่ต้องเร่งส่งอาจารย์แล้วก็ถอนหายใจ ทำไมการบ้านผมเยอะแบบเน้!
“ว้า เสียดายจัง..” ผมจะเข้าใจผิดหรือเปล่าครับ พี่เปปเปอร์เสียดายที่ผมไม่ได้ไปดูไอ้มิ้นท์ซ้อม หรือเสียดายที่ผมไม่ไปดูพี่เขาซ้อม เขาคงคิดว่าผมไม่รู้สินะ...คงคิดว่าผมไม่ได้รู้สึกอะไรสินะ... ถึงได้ชอบทำแบบนี้...
“พี่เปปเปอร์ครับ...” ผมเรียกพี่เปปเปอร์แล้วเงยหน้ามองพี่เขา พี่เปปเปอร์มองผมกลับแล้วยิ้มบางๆ
“อะไรเหรอครับ?” บางทีถ้าผมรู้ว่าพี่เปปเปอร์จะทำสีหน้าแบบนี้ ผมคงไม่ทำในสิ่งที่ผมคิดหรอกครับ แต่มันก็คงไม่ทันเสียแล้ว... ลองนึกภาพเวลาที่เราแอบรักใครสักคน แล้วก็เหมือนว่าเขาจะชอบเราเหมือนกัน มิหนำซ้ำยังชอบทำเหมือนให้ความหวัง เป็นคุณจะสารภาพไหมละ? ผมเองน่ะแทบจะทนเก็บความรู้สึกไม่ไหวอยู่แล้วนะครับ...
“เอม...นึกถึงเรื่องวันนั้นตลอดเลยครับ...เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวันทำความสะอาดหอพัก...” พี่เปปเปอร์จะรู้มั้ย ว่าผมอายจนแทบจะทึ้งผมบนหัวตัวเองเหมือนคนบ้าแล้วเนี่ย!!
“เรื่องไหนเหรอครับ? เรื่องที่เราบังเอิญเจอกัน? เรื่องที่เราได้คุยกัน? หรือเรื่องที่พี่จูบหน้าผากเอม?” พี่เปปเปอร์พูดช้าๆ และเน้นย้ำทุกคำ โดยเฉพาะประโยคสุดท้ายนั่น...
“...” ง่ะ... ทำไมพี่เปปเปอร์พูดออกมาได้หน้าตาเฉยเลยเนี่ย พอผมมองหน้าพี่เปปเปอร์ผมก็มั่นใจเต็มร้อยว่าผมโดนแกล้งแน่นอน ก็พี่เปปเปอร์เขาทำสีหน้ากรุ้มกริ่มขนาดนั้นอะ...
“ยังจะมาถามอีก..” ผมบ่นพึมพำกับตัวเอง เคืองนะเนี่ย จะแกล้งผมไปถึงไหน..
“อ้าว ก็พี่ไม่รู้นี่ว่าเอมหมายถึงเรื่องอะไร พี่ก็ต้องถามสิครับ” เย้ย! ดันได้ยินอีก
“งั้นถ้าพี่เปปเปอร์ไม่รู้จริงๆก็ช่างมันเถอะครับ เอมมีนัดกับเพื่อน ต้องรีบไป” ผมพูดหยั่งเชิง ไอ้นัดกับเพื่อนอะไรนั่นน่ะไม่มีหรอกครับ แต่พี่เปปเปอร์เขาชอบแหย่ผมนัก งั้นขอผมแหย่กลับบ้างเถอะ
“นัดกับเพื่อน? คนไหนครับ พี่ไม่เห็นมิ้นท์บอกว่าจะมีนัดกับเอมสักหน่อย” พี่เปปเปอร์คว้าแขนผมหมับเลยครับ แถมทำหน้าถมึงทึงอีก ผมว่าเริ่มคิดถูกแล้วละที่ตัดสินใจพูดแบบนั้น หึหึ ลองโดนยั่วโมโหดูบ้างจะเป็นไรละครับ แต่ผมเริ่มจะรู้สึกแล้วละ ว่าไอ้มิ้นท์เพื่อนผมมันคงเป็นสายให้พี่เปปเปอร์แน่เลย ก็ดูพี่เขาเล่นตามผมไปได้ทุกที่ ถ้าไม่ใช่ไอ้มิ้นท์บอกก็คงเป็นเพราะเขามีญาณวิเศษแล้วมั้ง
“ไม่ใช่ไอ้มิ้นท์หรอกครับ ทั้งโรงเรียนไม่ได้มีแค่มันคนเดียวที่อยากเป็นเพื่อนผมนี่” ผมเก็บของใส่กระเป๋าแล้วแกล้งทำเป็นว่าจะออกไปจากห้องศิลปะ ฮิ้วว เอาตุ๊กตาทองไปเลยไอ้เอม~
“เอมครับ” พี่เปปเปอร์จับแขนผมไว้แน่น แรงเยอะยังกับช้าง มือพี่เขากำแขนผมได้มิดเลยอะ เสียงพี่เขาก็เริ่มน่ากลัวขึ้นทุกทีแล้ว
“อะไรครับ?” ต้องใจดีสู้เสือเข้าไว้ เรื่องแค่นี้ไม่ทำให้ไอ้เอมกลัวได้ร้อก~
“...อยู่กับพี่ตรงนี้ อย่าไปไหนเลยนะ...” อึ๊ก ขาผมอ่อนยวบเลย พะ..พี่เปปเปอร์อ้อนผม!!
“แต่...เอมมีนัด” ผมพยายามแกะมือพี่เปปเปอร์ออก แต่แล้วโดยที่ไม่ทันตั้งตัว พี่เปปเปอร์ก็ดึงผมเข้าไปนั่งตักเขา อ๊าก! ผมทำตัวไม่ถูกแล้ว!
“คบกับพี่นะ...”


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-09-2011 17:53:26 โดย บีบีจัง »

ออฟไลน์ CHADMM

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
Re: Love Sick [-4-] 29/9/11
«ตอบ #39 เมื่อ29-09-2011 18:48:16 »

เรื่องน่ารักอ่ะ ชอบน้องเอม ,,,,  เชียร์ให้3pไปเล้ยยยยย  ฮา~  ชอบทั้งเปปเปอร์แล้วก็จินเลยอ่ะ >-<

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Love Sick [-4-] 29/9/11
« ตอบ #39 เมื่อ: 29-09-2011 18:48:16 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
Re: Love Sick [-4-] 29/9/11
«ตอบ #40 เมื่อ29-09-2011 19:14:40 »

พี่พริกไทยรุกหนัก
แล้วพ่อขิงแก่ของชั้นมัวไปทำอะไรอยู่

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
Re: Love Sick [-4-] 29/9/11
«ตอบ #41 เมื่อ29-09-2011 19:57:48 »

น้องเอมน่ารักอ่า ดูสดใสดีออกนะคะ :-[
พี่เปปเปอร์รุกแล้ว แล้วพี่จินจะทำอะไรยังไงต่อไป จะแย่งหรือจะปล่อยน้องไปน้อ :z1:
ว่าแต่สาวซินจะมาเป็นเพื่อนสะใภ้น้องเอมป่าวจ๊ะ :o8:

killy

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Sick [-4-] 29/9/11
«ตอบ #42 เมื่อ29-09-2011 21:11:39 »

เฮ้อ รักพี่เสียดายน้อง จินอ่ะน่าสงสารอ่ะ

ออฟไลน์ MiU

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 229
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-3
Re: Love Sick [-4-] 29/9/11
«ตอบ #43 เมื่อ29-09-2011 21:45:41 »

คนนู้นก็ดี คนนี้ก็เท่ ทิ้งไม่ได้ หนูเอมเอา 3p ไปโล้ด

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
Re: Love Sick [-4-] 29/9/11
«ตอบ #44 เมื่อ29-09-2011 22:22:35 »

ตกลงใครพระเอก -..-

ไม่อยากได้3P
แต่ก็รักพี่ เสียดายน้องอ่ะ  :serius2:

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
Re: Love Sick [-4-] 29/9/11
«ตอบ #45 เมื่อ29-09-2011 23:12:11 »

น่ารักจนหลงรักเลยล่ะ
แบบนี้ก็แย่งกันหน่อยเถอะพี่น้อง

จะแบบไหนเราก็เชียร์หมด

debubly

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Sick [-4-] 29/9/11
«ตอบ #46 เมื่อ29-09-2011 23:24:50 »

ค่ะ คบๆๆๆๆ

 :-[

ออฟไลน์ CofFee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 98
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
Re: Love Sick [-4-] 29/9/11
«ตอบ #47 เมื่อ30-09-2011 18:17:42 »

ยั่วไปยั่วมา หึๆ ใสๆ

Crossley

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Sick [-4-] 29/9/11
«ตอบ #48 เมื่อ30-09-2011 20:34:18 »

ไม่ใช่ตอนหน้าเปปเปอร์ูพูดว่า "พี่ล้อเล่น!!  :m20:" นะ
555

ออฟไลน์ LittleLoad

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 75
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: Love Sick [-4-] 29/9/11
«ตอบ #49 เมื่อ30-09-2011 21:21:14 »

สนุกดี:]  รออยู่นะ มาต่อเร็วๆ ;]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Love Sick [-4-] 29/9/11
« ตอบ #49 เมื่อ: 30-09-2011 21:21:14 »





ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
Re: Love Sick [-4-] 29/9/11
«ตอบ #50 เมื่อ01-10-2011 03:20:45 »

มารออ่านตอนต่อปายยยยย

บีบีจัง

  • บุคคลทั่วไป
Love Sick [-5-]
«ตอบ #51 เมื่อ11-10-2011 12:11:19 »

Love Sick

- 5 -

ตัวผมในตอนนี้คงดูไม่ต่างจากรูปปั้นหินที่เป็นอนุสาวรีย์ประจำโรงเรียนแน่นอน เพราะประโยคเด็ดสายฟ้าฟาดที่ออกมาจากปากพี่เปปเปอร์ทำให้ผมตัวชา สมองประมวลผลไม่ทันและก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรตอบไปดี จะหัวเราะว่าเป็นเรื่องโจ๊ก หรือจะวิ่งหนี หรือจะโผเข้าไปกอดพี่เปปเปอร์แล้วเริ่มร้องไห้เพราะปลาบปลื้มดีละครับ??

“ชะเอมครับ คบกับพี่ได้มั้ย” ม่ายยยยย!!! ผมไม่อยากเชื่อว่าพี่เปปเปอร์คนนั้นจะมาขอให้ผมคบกับเขา ไม่อยากเชื่อว่าพี่เปปเปอร์ที่เป็นขวัญใจของใครทุกคนจะเป็นฝ่ายมาสารภาพรักกับผม!!!
“พะ...พี่เปปเปอร์ล้อเล่นไม่ดีนะครับ...” เอาน่ะ ใจเย็นไว้ไอ้เอม บางทีพี่เขาแค่อาจเห็นเราน่าแกล้ง ก็เลยแหย่เล่นก็ได้
“พี่ไม่ได้ล้อเล่นนะครับ” เหวอ! พี่เปปเปอร์ทำสีหน้าจริงจังมากเลยอะครับ แล้วแบบนี้ผมจะตลกออกมั้ยเนี่ย
“เอ่อ... คือว่า...” ผมอ้ำอึ้ง มือไม้ก็สั่นไปหมด
“พี่ก็รู้... ว่าเอมก็รู้สึกเหมือนกับพี่...” พี่เปปเปอร์จับมือผมไว้แน่นเลย อ๋า...ยิ่งพี่เขามาใกล้ผมแบบนี้ ผมยิ่งทำตัวไม่ถูกไปกันใหญ่เลย ถึงแม้ผมจะก้มหน้าอยู่แบบนี้ แต่ผมก็รู้นะว่าพี่เปปเปอร์มองผมอยู่ตลอดเวลา น้ำเสียงของพี่เปปเปอร์ไม่ได้เร่งเร้าเอาคำตอบ ติดจะฟังดูนุ่มนวลกว่าปรกติด้วยซ้ำ แต่ใจของผมนี่แหละ ที่มันร้อนรนจนแทบจะทนไม่ได้เสียเอง
“!?!” ใบหน้าของพี่เปปเปอร์ที่ลดต่ำจนแทบติดกับใบหน้าผมทำให้ผมรู้สึกเหมือนหัวใจมันจะกระโดดออกมาจากอก จะพูดออกมาก็กลัวว่าริมฝีปากจะแตะกับคนตรงหน้า พอรู้ตัวอีกทีผมก็มองเห็นแพขนตาของพี่เปปเปอร์ใกล้จนนับเส้นได้...
“หืม? ทำไมไม่ตอบพี่ละครับคนดี...” ณ วินาทีนั้นผมเพิ่งจะได้เข้าใจคำว่าอายจนม้วนมันเป็นยังไง พี่เปปเปอร์แตะริมฝีปากตรงปลายจมูกของผมและถอยห่างออกไป สายตาอ่อนโยนของพี่เขาไม่ได้มีสิ่งอื่นใดมากไปกว่าต้องการคำตอบจากปากของผม
“เอม...เอม...อยากอยู่ใกล้พี่ตลอดเวลา...ไม่อยากห่างกันเลยครับ...อยากจะเป็นคนสำคัญของพี่เปปเปอร์...” คำพูดอึกอักเพราะไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี ในหัวสมองของผมขาวโล่ง คำพูดสวยหรูที่คิดว่าอยากจะเก็บไว้ใช้กับพี่เปปเปอร์ก็หายไปหมด
“น่ารัก...น่ารักเหลือเกินเอม...” พี่เปปเปอร์คลี่รอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลา ผมกัดริมฝีปากแน่น พอเวลาตื่นเต้นมากๆมันพาลจะร้องไห้อีกแล้ว แต่เพราะมือใหญ่นั้นแตะลงที่ริมฝีปากผมให้คลายจากกัน และเปลี่ยนจากนิ้วเรียวสวยเป็นริมฝีปากของคนที่ผมใฝ่ฝันถึงมาตลอด...
ผมมีความสุขเป็นบ้าเลยครับ...


หลังจากเหตุการณ์วันนั้นผ่านมาเกือบสัปดาห์ ผมก็อยู่ในฐานะแฟนของพี่เปปเปอร์เต็มรูปแบบครับ ไม่ว่าจะเป็นการเดินมารับผมไปเรียนตอนเช้า ตอนเย็นก็เดินมาส่ง หรือการที่ผมไปนั่งเฝ้าพี่เปปเปอร์ซ้อมบาสนั้นเป็นอะไรที่ผมไม่ชินเสียที

“เบื่อมั้ยครับ” พี่เปปเปอร์ถามพร้อมกับนั่งลงข้างๆผม เสียงเจี๊ยวจ๊าวจากสนามบาสทำให้บรรยากาศห่างไกลจากคำว่าเงียบสงบและโรแมนติกมากโขอยู่ แต่ว่าคนข้างผมคนนี้กลับทำให้ผมรู้สึกวูบวาบขึ้นมาในอกได้เสียอย่างนั้น
“ไม่เบื่อครับ” ใครจะเบื่อละครับ การได้นั่งมองพี่เปปเปอร์อย่างเปิดเผยแบบนี้เป็นสิ่งที่เอมใฝ่ฝันเลยนะครับ  ผมก็แค่คิด แต่ไม่ได้พูดออกไปหรอกนะ ยังไม่อยากถูกพี่เปปเปอร์มองว่าเป็นไอ้โรคจิตน่ะสิครับ
“เกะกะ” จู่ๆก็มีเสียงเหมือนคนหงุดหงิดดังขึ้นใกล้ผม ทั้งผมและพี่เปปเปอร์หันไปมองต้นตอแล้วก็ทำหน้างง
“อะไรของมึงเนี่ยจิน” พี่เปปเปอร์เป็นฝ่ายที่หันไปคุย ส่วนผมน่ะเหรอ ก็นั่งนิ่งสิครับ ไม่อยากคุยด้วยหรอก
“พวกมึงนั่งขวางกระติกน้ำ”
“เอ๊า ก็บอกดีๆสิวะ ไม่ใช่มาพูดจากวนตีนแบบนี้” พี่เปปเปอร์ส่ายหัวเหมือนเหนื่อยใจแล้วออกแรงหิ้วกระติกน้ำด้านหลังผมไปให้พี่จิน พี่จินพอคว้ากระติกน้ำได้ก็เดินไปนั่งอีกฝั่งของสนามบาส
“ขอโทษแทนมันด้วยนะเอม ไอ้จินมันปากหมา แต่ที่จริงมันใจดีนะ” เหอะ...พี่เปปเปอร์จะบอกว่าเขาดียังไงผมก็ไม่สนหรอกครับ คนร้ายกาจแบบนั้นผมไม่มีทางคิดว่าเขาใจดีไปได้หรอก
“ใครจะเป็นยังไงก็ช่างเถอะครับ แค่เอมรู้ว่าพี่เปปเปอร์ใจดีที่สุดก็พอแล้ว” ผมยิ้มกว้างให้คนข้างๆ ก็จริงนี่ครับ แค่มีพี่เปปเปอร์คนเดียวผมก็พอใจแล้ว ฮิฮิ
“ปากหวานนักนะเรา อย่าทำตัวน่ารักแบบนี้สิ...” พี่เปปเปอร์พูดแล้วก็หยิกแก้มผมเสียแรง โอย เจ็บนิดนึงนะ แต่ถ้าเป็นพี่ผมยอมให้หยิกร้อยทีเลยครับ

หากเปรียบความรู้สึกของผมกับพี่เปปเปอร์เป็นต้นไม้ ผมเชื่อว่ามันคงโตวันโตคืน ความเอาใจใส่ของพี่เปปเปอร์ก็เป็นเหมือนการรดน้ำพรวนดิน ผมเองยังไม่เคยได้สัมผัสคำว่ารักแบบคนรักกัน และก็ยังไม่แน่ใจว่าที่ผมรู้สึกกับพี่เปปเปอร์นั้นพอจะเรียกว่ารักได้หรือเปล่า แต่สิ่งที่พอรู้ได้ก็คือทุกวันนี้ผมมีความสุขมากเหลือเกิน

นับจากวันนั้นก็ผ่านมาสองเดือนได้แล้วนะครับ ช่วงเวลาที่มีความสุขนี่มันมักจะผ่านไปไวอย่างไม่น่าเชื่อ ผลสอบมิดเทอมของผมก็ออกมาเป็นที่น่าพอใจอย่างเคย แต่นั่นมันไม่ใช่เรื่องที่ผมสนใจหรอกนะ ประเด็นคือการสอบมิดเทอม = เดือนตุลาคม และพอเดือนตุลาคมก็จะสิ้นปี และพอสิ้นปีก็จะขึ้นปีใหม่ ปีใหม่อีกสามเดือนก็เป็นฤดูจบการศึกษาของพี่ปีสาม

พี่เปปเปอร์วางแพลนไว้แล้วครับ พี่เขาจะไปเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเฉพาะทางอย่างที่ตั้งใจไว้ และพอเรียนจบปริญญาตรี ก็จะต่อปริญญาโททางด้านการบริหาร เพื่อที่จะได้ไปช่วยธุรกิจของครอบครัวได้

นั่นมันก็แปลว่าพี่เขาจะต้องจากผมไปเรียนมหาวิทยาลัยใช่มั้ยครับ...

“ไม่ใช่ว่าเราจะไม่ได้เจอกันสักหน่อยนี่ครับ พี่ก็ยังมาหาเอมได้เสมอ” พี่เปปเปอร์ปลอบผมด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนตามแบบฉบับของเขา เพราะว่าช่วงนี้ผมเอาแต่คิดเรื่องนี้จนซึมไป พี่เปปเปอร์ก็เลยถามเพราะเป็นห่วง
“พี่เปปเปอร์ไม่เข้าใจหรอก เพราะพี่เป็นฝ่ายที่ต้องไปไกลจากเอมนี่นา เอมเป็นฝ่ายที่ต้องเฝ้ารอให้พี่มาหา รู้มั้ยครับว่าคนที่รอมันทรมานใจ” ผมทำหน้ามุ่ย ยิ่งคิดก็ยิ่งวิตก ฮือ...
“เอมครับ ที่เอมกลัวคืออะไร กลัวว่าจะไม่ได้เจอกับพี่ หรือกลัวว่าพี่จะต้องไปเจอคนอื่น” พี่เปปเปอร์ถามผมเสียงนิ่ง ผมมองตาของพี่เขาแล้วก็ถอนหายใจ
“ไม่รู้สิครับ เอมแค่ไม่สบายใจ” ผมบีบมือพี่เปปเปอร์ไว้แน่น ความไม่สบายใจมันแล่นขึ้นมาในอก บอกไม่ถูกว่ากังวลอะไร ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความกังวลมันมาจากไหน แต่สำหรับคนที่ไม่เคยมีใครอย่างผม แค่ได้รับความรู้สึกดีๆจากพี่เขาก็มากเกินพอแล้วไม่ใช่หรือ? และเพราะว่าคิดเช่นนี้ ผมจึงยิ้มออก
“แต่เอมก็เชื่อครับ ว่าพี่เปปเปอร์จะมาหาเอม เอมเชื่อว่าพี่เปปเปอร์จะไม่จากเอมไปไหน ใช่มั้ยครับ?”
“มันก็แน่นอนอยู่แล้ว ใครจะทิ้งเจ้าตัวจิ๋วนี่ไปได้ละ” น้ำเสียงพูดกลั้วหัวเราะพร้อมกับมือใหญ่ที่ขยี้ผมอย่างไม่ปราณีปราศัย พี่เปปเปอร์ดึงผมไปกอดไว้แน่น น้อยครั้งนะครับที่เราสองคนจะสัมผัสกันใกล้ชิดแบบนี้ เพราะพี่เปปเปอร์ให้เหตุผลว่าผมยังเด็กนั่นเอง
“เอมชอบเวลาที่พี่กอดเอมไว้แบบนี้จังเลยครับ...” ผมสอดมือรอบเอวของพี่เปปเปอร์และซุกหน้าไว้กับอก สูดกลิ่นคุ้นเคยที่ผมชอบ ยิ่งนับวันก็ยิ่งชอบ เหมือนกับความรู้สึกที่เพิ่มพูนขึ้นทุกวัน...

...........
.......
.....
....
..
.
..
.

“มึงจะปล่อยไว้แบบนี้ไปถึงเมื่อไร” เสียงทุ้มดังขึ้นในห้องนอนที่มีเพียงแสงสลัวจากดวงจันทร์เล็ดลอดเข้ามา อีกร่างหนึ่งที่นั่งเท้าแขนอยู่บนเก้าอี้ขยับเล็กน้อยก่อนจะพูดตอบด้วยน้ำเสียงคล้ายกัน
“กูก็ไม่รู้”
“แต่มึงทำแบบนี้มันไม่ยุติธรรมกับโรส” เจ้าของเสียงที่พูดคนแรกย้อนกลับด้วยโทสะ
“....”
“มึงก็รู้ว่าโรสรักมึง และมึงก็เคยบอกว่ารักโรสไม่ใช่เหรอ จนกระทั่งมึงมาเจอกับไอ้จิ๋วนั่น...”
“อย่าเอาชะเอมมาเกี่ยวได้มั้ย?”
“กูจะไม่พูดถึงไอ้จิ๋วเลย ถ้ามึงไม่ได้มีคู่หมั้นคือโรสอยู่ก่อนแล้ว”
“แล้วมึงคิดว่ากูควรทำยังไงล่ะจิน...”

คำถามที่ไม่อาจหาคำตอบได้ทำให้บรรยากาศในห้องเงียบลง เพราะไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไร จะเลือกทางไหนก็ต้องมีคนเสียใจทั้งนั้น และยิ่งผู้หญิงที่เป็นคนรักมาก่อนนั้นคือคู่หมั้นคู่หมายที่ผู้ใหญ่ก็รับรู้ ดังนั้นการที่เขาจะเลือกเด็กหนุ่มตัวน้อยที่มาทีหลังก็คงเป็นไปไม่ได้...
“มึงมันเห็นแก่ตัวว่ะเปป...” น้องชายฝาแฝดพูดเบาๆแล้วก็พลิกตัวหันหลังให้ ปล่อยพี่ชายนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดครุ่นคิดถึงเรื่องราวต่างๆเพียงลำพัง...

......
..
..
.
.

เก้าปีก่อน...
งานวันเกิดใหญ่โตของเด็กชายฝาแฝดถูกจัดขึ้นภายในอาณาเขตของคฤหาสน์หรูชานเมืองมีแขกมาร่วมงานมากมาย ซึ่งจำนวนแขกกว่าครึ่ง เป็นเด็กที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเจ้าของวันเกิดทั้งสิ้น

เจ้าของวันเกิดทั้งสองคน ซึ่งก็คือเปปเปอร์ และจินเจอร์ เด็กชายฝาแฝดหน้าตาน่าเอ็นดูที่แฝงเค้าคมเข้มไว้ตั้งแต่ยังเด็ก และความที่มีพ่อแม่เป็นที่รู้จักในสังคม ทำให้ฝาแฝดคู่นี้เป็นที่สนใจของบรรดาพ่อแม่ผู้มีอันจะกินและมีลูกสาวหน้าตาสะสวยอยากจะเข้ามาผูกสัมพันธ์ด้วย

อย่างไรก็ตาม ทั้งพ่อและแม่ของฝาแฝดคู่นี้ไม่เคยมีความคิดที่จะคลุมถุงชนให้ลูก คงเพราะนิสัยใจคอที่สบายๆและไม่ค่อยเจ้ายศเจ้าอย่างจึงถือคติว่าลูกรักใครพ่อแม่ก็รักด้วย

“เปปเปอร์ จินเจอร์ มาไหว้คุณอาสิลูก” เสียงของผู้เป็นแม่เรียกให้สองแฝดละจากกองของขวัญตรงหน้ามาไหว้ทักทายผู้อาวุโส
“ต๊าย มีเค้าหล่อแต่เด็กเลยนะจ๊ะ เอ้า โรส ไปทำความรู้จักกันก่อนสิลูก” คุณอาหน้าตาสะสวยหันไปดึงแขนเล็กๆที่แอบอยู่ด้านหลังให้ออกมาทักทายเพื่อนใหม่ เด็กสาวชื่อโรสมีผิวขาวอมชมพูและเส้นผมสีอ่อนบ่งบอกเชื้อชาติช่างน่ารักน่าเอ็นดู
“พาหนูโรสไปเล่นด้วยสิลูก” และด้วยคำสั่งของแม่ ทำให้เด็กสาวได้กลายมาเป็นเพื่อนใหม่ของฝาแฝดในที่สุด

“ชื่อของเธอหมายถึงดอกไม้ใช่มั้ย?” หนึ่งในฝาแฝดที่โรสไม่รู้ว่าคนไหนเป็นคนไหนถามขึ้นมาอย่างคนที่อัธยาศัยดี ผิดกับอีกคนที่ยืนนิ่งทำแค่เพียงมองเฉยๆ
“อื้อ เป็นดอกไม้ที่คุณแม่ชอบน่ะ” โรสตอบยิ้มๆ ชื่อที่แสนไพเราะคือสิ่งที่เธอภูมิใจนักหนา
“เราชื่อเปปเปอร์นะ ส่วนเจ้านี่คือจินเจอร์” แฝดคนที่อัธยาศัยดีแนะนำตัวเองกลับ
“เรียกว่าจินก็พอ เราไม่ชอบให้เรียกชื่อเต็ม” แฝดคนหน้านิ่งพูดห้วน
“ยินดีที่ได้รู้จักนะเปปเปอร์ ,จิน” รอยยิ้มจริงใจถูกแจกจ่ายให้แก่เพื่อนใหม่แบบไม่ขี้เหนียว โรสร่าเริง คุยเก่ง และนิสัยดี หลังจากงานวันเกิดก็ยังได้เจอกันบ่อยๆ ทำให้สนิทกับทั้งสองแฝดมากขึ้นทุกที

หลายปีผ่านไป...

“นี่ พวกเธอจะเข้าเรียนไฮสคูลที่ไหนเหรอ?” ด้วยความที่มีเศษเสี้ยวเป็นชาวยุโรปอยู่ครึ่งหนึ่ง ทำให้โรสมักจะใช้คำพูดทับศัพท์ด้วยความเคยชิน ครั้งนี้ก็เช่นกัน เพราะอยากจะรู้ว่าพวกฝาแฝดจะไปเรียนต่อชั้นมัธยมปลายที่ไหนก็เลยถามขึ้นมา
“อืม คงจะเป็นที่ที่เคยบอกไว้น่ะแหละ” เปปเปอร์นึกถึงโรงเรียนศิลปะเฉพาะทางที่บ้านของตัวเองมีหุ้นส่วนอยู่
“ว้า เธอก็รู้ว่าฉันไม่มีหัวทางด้านนั้น แบบนี้ก็ไปเรียนกับพวกเธอไม่ได้น่ะสิ” โรสนิ่วหน้า เรื่องศิลปะเป็นอะไรที่เธอไม่ถนัดเอาเสียเลย
“เธอเรียนอย่างที่เธอชอบเถอะโรส มันน่าจะไปได้ดีกว่าฝืนเรียนเรื่องที่ไม่ชอบนะ” จินเจอร์พูดเสียงเรียบ ถึงแม้ว่าโรสจะอยากอยู่ใกล้เปปเปอร์แค่ไหน แต่การตามไปเรียนโรงเรียนที่ตัวเองไม่ถนัดมันก็เกินไป
“ฉันก็คิดแบบนั้นน่ะสิจิน ถึงได้ตอบตกลงที่แด๊ดจะพาไปอังกฤษ”
“อืม ดีแล้วแหละโรส เดี๋ยวพอปิดเทอมผมก็จะได้ไปหาเธอที่โน่นไง เธอจะได้พาพวกผมเที่ยวด้วยนะ” เปปเปอร์พูดพร้อมกับใช้นิ้วเขี่ยปอยผมสีอ่อนนุ่มเล่นอย่างเคยชิน
“ได้สิ ฉันจะตั้งตารอวันที่พวกเธอจะมาหาแล้วกัน ฮิฮิ” โรสจับมือของเปปเปอร์ให้มาแนบแก้มตัวเอง เพียงกิริยาของทั้งสองคนที่เห็นในตอนนี้ก็ทำให้จินเจอร์รู้ดีว่าตัวเองต้องหลบฉากไป ปล่อยให้คู่รักทั้งสองได้สวีทกันตามลำพัง...

โรสนั้นเข้ากับเปปเปอร์ได้ดีมาแต่ไหนแต่ไร ความสดใสร่าเริงช่างพูดของโรส กับความใจดี อ่อนโยนมีมนุษย์สัมพันธ์ของเปปเปอร์เป็นอะไรที่เหมาะเจาะลงตัวกันที่สุด ทั้งสองคนตัดสินใจคบหากันตอนที่เข้าเรียนชั้นมัธยมต้นปีที่หนึ่ง จากป๊อปปี้เลิฟที่คิดว่าคงเป็นแค่เรื่องชั่วคราว กลับกลายเป็นคบยาวมาจนจะจบมัธยมต้น ผู้ใหญ่จึงเห็นดีเห็นงามที่จะจับทั้งสองคนหมั้นกันไว้ก่อน

“เมื่อไรลูกจะพาสาวมาบ้างละจิน” คำถามที่แม่ถามกับจินในวันหมั้นของเปปเปอร์และโรสยังฝังอยู่ในสมอง ตอนนั้นจินแค่ยิ้มแล้วส่ายหัวตอบไปเงียบๆ ตามประสาคนพูดน้อย...

จินเจอร์ไม่เคยคบใครเป็นเรื่องเป็นราว และไม่เคยคิด ไม่ใช่ว่าไม่มีคนเข้ามา แต่ต้องเรียกว่ายังไม่เจอคนที่ใช่ แล้วพอวันหนึ่ง ได้เจอคนที่คิดว่าถูกใจ มันก็ดันเป็นเด็กผู้ชายเสียนี่ แถมยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจีบยังไง เพราะไม่เคยเข้าไปจีบใครก่อน ผิดกับพี่ชายที่แค่ยิ้มหวานก็ทำให้คนเข้ามาหาได้เองแล้ว

ทั้งๆที่ชอบมาก อยากจะเป็นคนดูแล อยากจะใกล้ชิด แต่ก็ดูเหมือนว่าเจ้าเด็กน้อยจะไม่ชอบหน้าเขา
ทั้งที่อยากเข้าไปคุย อยากหยอกล้อเล่นหัว เจ้าเด็กน้อยก็มักจะหลบสายตาเขาประจำ
ทั้งที่อุตส่าห์ร้องเพลงเพื่อบอกความรู้สึก แต่ก็ดูเหมือนเจ้าตัวคงจะไม่ทันรับรู้ ถึงความรู้สึกของเขา...
แล้วพอคิดว่าจะไม่ได้เป็นเจ้าของหัวใจและร่างกาย ก็พาลให้อยากรังแก อยากแกล้งให้ร้องไห้...
คิดแล้วก็นั่งซบหน้ากับฝ่ามือ ไม่นึกเลยว่าตัวเองจะบ้าบอได้ขนาดนี้เพียงเพราะเด็กผู้ชายเพียงคนเดียว...




บีบีจัง

  • บุคคลทั่วไป
Love Sick [-6-]
«ตอบ #52 เมื่อ11-10-2011 12:13:41 »

Love Sick

- 6 -

วันนี้อาจารย์เรียกให้ผมไปคุยเรื่องภาพที่จะใช้เป็นฉากหลังของงานจบการศึกษาครับ เพราะว่ามันเป็นภาพขนาดใหญ่ และต้องใช้เวลาในการวาดไม่ใช่น้อย จึงต้องมีการเตรียมการล่วงหน้าถึงห้าเดือน โดยอาจารย์ได้คัดคนที่จะมาร่วมวาดได้ครบตามต้องการ และจะให้เริ่มทำงานกันวันพรุ่งนี้เลย

เพราะว่าช่วงเย็นถึงค่ำต้องไปวาดรูป ผมจึงไม่ค่อยได้เจอพี่เปปเปอร์บ่อยนัก และพี่เขาก็ยุ่งๆเรื่องการติวสอบ ผมจึงไม่อยากรบกวนเขาเท่าไร

“วันนี้พี่เปปเปอร์ถามหามึงด้วย ไม่ได้เจอกันหรือไงวะ” ไอ้มิ้นท์ที่เพิ่งเปิดประตูห้องเข้ามาและกำลังถอดถุงเท้าบอกผมเสียงดัง ผมละจากการบ้านตรงหน้าแล้วก็ถามมันกลับ
“วันนี้พี่เขาไปซ้อมบาสด้วยเหรอ”
“อือ มาคุมน่ะ ว่าแต่มึงตอบกูมาก่อน ไม่ได้เจอกันเลยหรือไงวะ”
“ช่วงนี้กูยุ่งอะ แล้วพี่เขาก็ต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบด้วย กูก็ไม่อยากไปรบกวนเขา” ผมพูดเสียงอ่อย ในใจก็รู้สึกเหงานิดๆนะครับ
“เอ๊อ พิลึกจริงมึง ทำตัวไม่เหมือนคนเป็นแฟนกันเลยวะ” ไอ้มิ้นท์พูดทิ้งท้ายไว้แล้วก็เดินเข้าห้องน้ำไป คำพูดของไอ้มิ้นท์ทำให้ผมต้องนิ่งคิด ‘ทำตัวไม่เหมือนคนเป็นแฟนกัน’ แล้วคนที่เป็นแฟนกันต้องทำยังไงละครับ ?

ผมยังคงนั่งจ้องท้องฟ้าดำมืดนอกหน้าต่างในขณะที่ไอ้คนต้นเหตุตัวการที่ทำให้ผมคิดมากหลับปุ๋ยไปแล้ว การบ้านที่ควรจะทำเสร็จตั้งนานก็ไม่คืบหน้าต่อ ใจหนึ่งอยากจะทำการบ้านให้เสร็จ แต่อีกใจอยากจะไปหาพี่เปปเปอร์ที่หอให้รู้แล้วรู้รอด
 
‘ลองไปดูก็ได้วะ’ พอคิดแบบนั้นแล้วผมก็รีบคว้ากุญแจห้องออกมาและสวมเสื้อคลุมทับอีกชั้น บันไดหอดูเหมือนว่าจะไกลกว่าเดิมในเวลานี้ หรือเป็นเพราะผมใจร้อนอยากจะไปให้ถึงหอของปีสามไวๆกันแน่นะ

อากาศคืนนี้เย็นนิดๆ ผมกระชับเสื้อเข้าหาตัวให้มิดชิดขึ้น ดูท่าว่าช่วงสิ้นปีคงหนาวขึ้นอีกหลายเท่า ดีเหมือนกัน เพราะผมชอบหน้าหนาวที่สุด และที่โรงเรียนก็จะมีการจุดไฟเตาผิงในห้องโถงกลาง บรรยากาศโคตรจะคลาสสิคเหมือนในแฮร์รี่ พอตเตอร์เลยหละครับ
 
ผมรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นก่อนที่มันจะดึกไปกว่านี้ ผมไม่ได้ตั้งใจว่าพอไปถึงแล้วจะเรียกพี่เขาลงมาหาหรอกนะครับ ผมแค่คิดว่าอาจจะบังเอิญได้เจอ แต่ถ้าไม่เจอก็ไม่เป็นไร เพราะแค่เพียงได้เห็นหน้าต่างห้องที่พี่เขาอยู่ก็เกินพอแล้ว... (ฟังดูเจียมตัวจังเนอะ T T)

ตัวตึกแบบโบราณเริ่มปรากฎสู่สายตาของผม พ้นจากทิวไม้ไปก็เริ่มเห็นหน้าต่างแล้ว บริเวณโรงเรียนจะมีต้นไม้ปลูกอยู่มากมายเลยละครับ ทำให้เรามีความรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังเดินเล่นอยู่ในป่า แต่เพราะถนนที่ปูด้วยอิฐสีแดงที่ทำให้รู้ว่าอยู่ในสถานที่ปลูกสร้างนะ ไม่ใช่ป่าเหมือนที่รู้สึกได้จากบรรยากาศโดยรอบตัว

ก่อนที่จะถึงหอพักของปีสาม จะมีบึงน้ำขนาดใหญ่ที่ในเวลากลางคืนจะดูเวิ้งว้างกว้างไกลต่างจากตอนกลางวันที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ดวงจันทร์สะท้อนเงาอยู่บนผิวน้ำ ทำให้ดูเหมือนว่าน้ำในบึงเป็นสีทองอร่าม ผมเผลอใจหยุดยืนมองความงามอยู่พักหนึ่งด้วยความคิดเล็กๆว่าหากมีคนรู้ใจอยู่ใกล้ในตอนนี้คงจะดี...
‘แต่พี่เปปเปอร์เขาก็คงไม่ว่างหรอก...’ ผมถอนหายใจและออกเดินต่อ แต่แล้วสายตาของผมก็สังเกตเห็นเงาดำๆอยู่ตรงหลังต้นไม้ใหญ่ เงาดำที่เป็นเหมือนร่างคนกำลังนั่งมองเงาจันทร์ตรงริมบึง... ผมเดินเข้าไปใกล้ร่างนั้น เพราะอยากจะรู้ว่ามีใครกันนะที่คิดเหมือนผม... คนที่หลงใหลแสงจันทร์ยามค่ำคืนเหมือนกัน...

แสงจันทร์กระจ่างตาทำให้ผมมองเห็นร่างนั้นได้ชัดเจนขึ้น แต่ก็ยังไม่แน่ใจนัก บางทีผมอาจจะคิดถึงเขามากจนเผลอมองผิด แต่ยิ่งเข้าไปใกล้ ความเหมือนก็ยิ่งมากขึ้น ผมตื่นเต้นจนเท้าของผมเผลอเหยียบกิ่งไม้แห้งดังกร๊อบ ทำให้ร่างนั้นหันมาทางผมจนได้

“!!” สายตาของคนที่นั่งอยู่ริมบึงหันมาปะทะกับผมพอดี เราต่างจ้องกันและกันอยู่อึดใจหนึ่งจนกระทั่งผมตัดสินใจเปิดปากก่อน น้ำเสียงผมติดจะสั่นน้อยๆเพราะคิดว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอาจจะเป็นภาพลวงตา...
“พี่เปปเปอร์...” เพราะสายตาที่มองมานั้นมันดูอ่อนโยน อ่อนโยนแบบที่ผมคุ้นเคย และเมื่อผมส่งเสียงเรียก พี่เปปเปอร์ก็ส่งยิ้มให้ผม
“มานั่งนี่สิเอม..” เขาใช้มือตบเบาๆตรงพื้นข้างเขาเพื่อเรียกให้ผมไปนั่งข้างๆ
“พี่มาทำอะไรตรงนี้ครับ?” ผมถามหลังจากที่นั่งข้างเขาแล้ว ในใจมันรู้สึก...ยังไงดีละ... แบบว่ากิ๊บกิ้วอะครับ ไอ้ดีใจมันก็ดีใจนะครับ แต่ก็แบบว่ารู้สึกเขินกับงงๆนิดหนึ่ง
“แล้วเอมละมาทำอะไร” พี่เปปเปอร์ถามกลับ
“เอ่อ...ก็...มาหาพี่แหละครับ...” หวา... ผมพูดอะไรออกไปนี่... ผมลองแอบมองว่าพี่เปปเปอร์จะทำหน้ายังไง แต่พอเห็นสายตาพี่เขาเท่านั้นแหละผมก็ต้องรีบก้มหน้างุดทันที ก็สายตาพี่เขาน่ะแทบจะกลืนผมเข้าไปทั้งตัวแล้วนะครับ!!!
“ปรกติทำตัวน่ารักแบบนี้ตลอดเวลาหรือเปล่า หืม?” พี่เปปเปอร์ไม่ถามเฉยๆ ยังยกแขนขึ้นมาโอบผมให้ขยับไปใกล้พี่เขาอีก
“มะ..ไม่รู้ อ๊ะ อย่านะครับ” ผมรีบดันพี่เปปเปอร์ออกห่าง ก็พี่เขากำลังจะยกตัวผมไปนั่งตักเขานี่นา!!
“ทำไมละ รังเกียจพี่เหรอ” พี่เปปเปอร์ทำหน้าหงอยด้วย หงะ! ทำไมวันนี้ดูมารยาเยอะจังเลยนะ และสุดท้ายผมก็ต้องยอมพี่เขาอยู่ดีครับ ไม่รู้ทำไมถึงปฏิเสธเขาไม่ได้เลยก็ไม่รู้
“พี่เปปเปอร์ชอบมานั่งตรงนี้เหมือนกันเหรอครับ” ผมถามเบาๆ อย่างน้อยต้องมาเรื่องคุยนะ จะได้ตื่นเต้นน้อยลง
“อืม โดยเฉพาะคืนที่พระจันทร์เต็มดวงนะ แล้วเราล่ะชอบมั้ย?” อ๋า...หน้าพี่เปปเปอร์อยู่ใกล้จนผมมองเห็นรูขุมขนเลยนะครับ ผิวพี่เนี๊ยนเนียนอะ อยาก...อยากหอมชะมัด!
“เราเพิ่งอาบน้ำเหรอ?” หือ อะไรนะครับ พี่นี่ถามแปลกๆ
“ครับ ทำไมเหรอ?” ผมยกแขนตัวเองขึ้นมาดม หรือผมจะอาบไม่สะอาด หรือพี่เปปเปอร์จะได้กลิ่นเหงื่อที่ออกตอนผมเดินมา?
“หอมจัง” ปลายจมูกโด่งของพี่เปปเปอร์กดลงตรงแก้มผมแล้วคลอเคลียไม่ห่าง เส้นขนบนตัวผมลุกซู่พร้อมเพรียงกันโดยไม่ได้นัดหมาย วันนี้พี่เปปเปอร์ทำตัวติดเรทมากเลยนะคร้าบบบ >//<
“จะ...จั๊กจี้นะครับ..” ยิ่งผมพยายามถอยออกห่าง พี่เปปเปอร์ก็ยิ่งกอดผมไว้แน่น ฮึ้ยยย มืออย่างกับปลาหมึกเลยง่า....
“ก็เราตัวหอมนี่นะ... ทั้งหอม ทั้งหวาน แต่เอ...พี่ยังไม่ได้ลองชิม เลยไม่รู้ว่าหวานจริงหรือเปล่า...”
โดยไม่ทันให้ผมคิดว่าที่พี่เปปเปอร์พูดนั้นหมายถึงอะไร ผมก็ถูกมือใหญ่นั้นจับปลายคางให้เงยขึ้นและกดริมฝีปากอุ่นลงมาจนแนบสนิท...
“!?!” ผมรับรู้ได้โดยอัตโนมัติว่าสัมผัสอุ่นชื้นนั้นคือปลายลิ้นของพี่เปปเปอร์กำลังแทะเล็มริมฝีปากของผมอยู่ ปลายลิ้นของเขาพยายามสอดเข้ามาในปาก ผมพยายามถอยหนี แต่พี่เขามีแรงมากกว่าและยึดหลังหัวผมไม่ให้ถอยหนี ณ ช่วงเวลานั้นผมรู้สึกว่ามันเนิ่นนานเหลือเกิน จากตอนแรกที่มันเนิบนาบก็เริ่มรุกเร้ามากขึ้น ผมเผลอเอามือทาบทับกับอกของพี่เปปเปอร์โดยไม่ตั้งใจ รับรู้ได้ถึงกล้ามเนื้อที่เต็มไปด้วยความแข็งแกร่งของคนที่ออกกำลังกายและดูแลตัวเองอย่างดี พี่เปปเปอร์เลื่อนมือมาลูบอยู่ตรงเอวของผมเลยเข้าไปถึงในเสื้อ ผมรู้สึกได้ว่าประสาทสัมผัสทุกส่วนตื่นตัวจนร่างกายแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยง

ครั้งแรกที่ผมได้รับรู้ว่าความต้องการทางร่างกายมันเป็นยังไง...

“อืม...หวานจริงด้วยนะ” พี่เปปเปอร์หยุดการกระทำแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหอบๆ ถึงจะหยุดจูบ แต่ริมฝีปากของพี่เขาก็ยังคงคลอเคลียอ้อยอิ่งอยู่ไม่ห่าง
“...” ผมไม่รู้จะพูดอะไร ร่างกายของผมมันแปลกไป แปลกแบบที่ผมไม่เคยเป็นมาก่อน ผมซุกหน้ากับบ่าของพี่เปปเปอร์ไว้นิ่ง
พี่เปปเปอร์ลูบหัวผมเบาๆ อีกมือก็โอบเอวผมเอาไว้แน่น.. เอ่อ...What’s that? อะไรที่มันทิ่มก้นผมอยู่น่ะครับ...
“แย่แล้วแหละเอม...พี่รู้สึกว่ามันจะตื่นแล้วละนะ...” ผมขมวดคิ้ว? พี่เปปเปอร์บอกว่า ’มัน’ ตื่น + วัตถุแข็งๆที่ทิ่มก้นผม + ผมนั่งตักพี่เปปเปอร์ + เราเพิ่งจูบกันแบบดูดดื่มไปเมื่อกี้...
“อ๋า!!” ผมดีดตัวผึงเมื่อสมองประมวลผลสำเร็จ ไอ้ที่ตื่นมันจะเป็นอะไรไปได้ละคร้าบ เง้อออ~
“หึหึ” ฮึ้ยยย พอผมเห็นพี่เปปเปอร์หัวเราะแบบนั้นผมก็จี๊ดทันที ผมเขินจะเป็นบ้าอยู่แล้วนะ!
“ลามก!” ผมตะโกนใส่แล้วรีบเดินออกมาจากตรงนั้น ได้ยินเสียงพี่เปปเปอร์หัวเราะไล่หลังผมด้วย

“ลามก ลามก ลามก คนอะไรไม่รู้” ผมเดินบ่นมาตลอดทางกลับหอ วันนี้ผีอะไรเข้าสิงพี่เปปเปอร์นะ ถึงได้มือไวแถมยังทะลึ่งแบบนี้
‘แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะรังเกียจนี่นะ อ๊า!! ทำไมเราถึงเป็นคนลามกแบบนี้!!!’
ถ้าหากว่าตอนนี้มีคนกำลังมองผมอยู่ คงต้องคิดว่าผมเป็นคนบ้าที่เดินบ่นพึมพำคนเดียวแน่เลย...

และก็ตามเคยครับ... คืนนั้นผมเอาแต่เพ้อถึงตอนที่พี่เปปเปอร์จูบตลอดเลย มันเหมือนกับว่าสัมผัสยังไม่จางหายไปไหน ทั้งวิธีที่พี่เปปเปอร์จูบ สัมผัสตอนที่ลิ้นของผมแตะกับลิ้นของพี่เขา อ๊า~~~

และเช้าวันต่อมา...
“ไอ้เอ๊มมมมมมม มึงไข้ขึ้นอีกแล้วนะ ไปทำอะไรมาว้า!!!”



*** ตอนที่ 6 มาแบบสั้นๆค่ะ พอให้กรุบกริบ กว่าจะเข้าบอร์ดได้ก็แทบจะลืมว่าลงไปถึงตอนไหนแล้ว  :serius2: ***


ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
Re: Love Sick [-5+6-] 11/10/11
«ตอบ #53 เมื่อ11-10-2011 21:16:15 »

ไม่ปลื้มพี่เปปแล้วอ่ะ  หลอกลวง

ออฟไลน์ Bowbonk

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-4
Re: Love Sick [-5+6-] 11/10/11
«ตอบ #54 เมื่อ12-10-2011 21:52:39 »

เชียร์จินเจอร์จร้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา

บีบีจัง

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Sick [-5+6-] 11/10/11
«ตอบ #55 เมื่อ13-10-2011 17:10:53 »



ช่วงนี้เจอเรื่องน้ำท่วมเข้าไป คิดไรไม่ออกเลยค่ะ T T
เลยเขียนต่อไม่ได้สักที



ออฟไลน์ Bowbonk

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-4
Re: Love Sick [-5+6-] 11/10/11
«ตอบ #56 เมื่อ13-10-2011 17:13:26 »

จะรอนะจร๊ะ

สู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: Love Sick [-5+6-] 11/10/11
«ตอบ #57 เมื่อ13-10-2011 18:04:21 »

สู้ๆนะคะจะเป็นกำลังใจให้น้่า


อย่าเครียดๆ ^^

ออฟไลน์ nolirin

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2755
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +274/-5
Re: Love Sick [-5+6-] 11/10/11
«ตอบ #58 เมื่อ13-10-2011 18:35:02 »

เริ่มไม่ปลื้นอย่างแรงนะพี่แปปเปอร์
มีคู่หมั่นอยู่แล้ว แถมยังรักกันด้วย แต่มาขอน้องชะเอมเป็นแฟนหมายความว่าไงเนี้ย :m16:
ไม่ได้คิดจะเลิกกับโรสด้วย มันน่า...จริงๆ

ออฟไลน์ Lemon_Tea

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
Re: Love Sick [-5+6-] 11/10/11
«ตอบ #59 เมื่อ13-10-2011 18:58:05 »

พี่เปปเปอร์เคลียร์ผู้หญิงคนนั้นด้วย
ถ้าควบ 2 จะไปเชียร์แฝดน้องทันที

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด