Love Sick เมื่อร่างกายตกเป็นทาสของหัวใจ [-23-] จบแล้วค่ะ!!
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Love Sick เมื่อร่างกายตกเป็นทาสของหัวใจ [-23-] จบแล้วค่ะ!!  (อ่าน 196270 ครั้ง)

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
ถ้าพี่จินรู้จะเกิดอะไรบ้างล่ะเนี้ย

ออฟไลน์ LittleLoad

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 75
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
มาต่อเร็วๆน้าาา รออ่านอย่างใจดใจจ่อ

ออฟไลน์ MapleZelpaM_68

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
รอดไปเนอะ น้องเอม

บีบีจัง

  • บุคคลทั่วไป
Love Sick [-21-]
«ตอบ #333 เมื่อ01-03-2012 17:42:41 »




ผมกำลังประสบปัญหาใหญ่หลวงในชีวิต...
เรื่องที่ผมกำลังรอคอยมันกำลังจะเกิดกับผม แต่เมื่อเอาเข้าจริงผมกลับไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น...
เหตุการณ์ที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้มันเริ่มจากวันนั้นแหละ...



...วันที่แสงแดดเจิดจ้า...



“ฮั่นแน่ แอบมาวาดรูปอะไรที่นี่คนเดียวห๊ะ!!”
“ก็หยุดไปตั้งนาน อยากจะรื้อฟื้นบ้าง” ผมยิ้มให้กิที่ลากเก้าอี้มานั่งข้างกัน
“ฮืม... นี่ขนาดไม่ได้วาดตั้งนานนะ การลงสียังเจ๋งเหมือนเดิมเลย” กิยื่นหน้าเข้าไปจ้องภาพของผมจนเกือบชิดกระดาษ ผมแค่ยิ้มเงียบๆให้กับรูปภาพของตัวเอง หลังจากที่ต้องหยุดเรียนไปยาวนานและไม่ได้ใช้มือขวาของตัวเองวาดรูปมาหลายเดือน ช่วงเวลานี้ผมอยากจะกอบโกยความรู้สึกนี้ให้สมกับเวลาที่เสียไป



“แล้วพี่จินเป็นยังไงบ้าง”
“หือ? ก็ดีนะ” เมื่อเช้าก็เป็นคนมาส่งผมแหละครับ
“... ไม่ใช่ กูหมายถึงเรื่องนั้นน่ะ” ผมหันไปมองหน้ากิ มันยิ้มกริ่มๆอะครับ ยิ้มมีเลศนัยอะไรสักอย่าง
“เรื่องอะไร?” ผมขมวดคิ้ว มันทำหน้าแบบนั้นแล้วผมรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัยเลยแหะ...
“เอ๊!!!! ก็อุตส่าห์ถอดเฝือกแขนแล้ว เรื่องจ้ำจี้มะเขือเปราะแปะก็น่าจะถึงเวลาแล้วสิ” สิ้นเสียงเพื่อนผม ก็ตามมาด้วยเสียงคนตกเก้าอี้ กระป๋องใส่สีข้างๆก็กระจัดกระจายไปหมด
“!!!”
“อ้าว จะหน้าแดงทำไมวะ เรื่องแค่นี้เอง”
“อะ.. อะ.. ไอ้หน้าด้าน!”
“เอ๊า ด่ากูซะงั้น...”
“ไม่รู้เว้ย ไม่ตอบ เรื่องของกู” ผมรีบคว้ากระเป๋าแล้วก็รีบจ้ำออกมาจากห้องนั้นทันที แต่ยังไม่วายที่ไอ้กิบ้ามันจะตามมารังควานผมต่อตลอดทั้งวัน


“อ้ะ เอาเพลงนี้ไปเปิดฟัง” มันยัดแผ่นซีดีใส่มือผม แม้จะทำหน้ายับและไม่อยากรับมาแค่ไหนก็คงไม่ได้ สุดท้ายผมก็เลยเอาไปเปิดบนรถตอนที่พี่จินมารับ

“เพลงอะไรเหรอครับ” ผมสะดุ้งเมื่อพี่จินถามผม ก็เลยเผลอกดอีเจ็คท์ให้แผ่นออกมาซะงั้น
“อ๋อ ไอ้กิมันให้มาครับ แต่เดี๋ยวก็ถึงบ้านแล้ว ไว้เปิดฟังที่บ้านดีกว่า”


ตลอดช่วงเย็นนั้นผมก็ทนมองหน้าพี่จินไม่ได้ มันเขินบอกไม่ถูก นึกถึงเรื่องที่ไอ้กิมันพูดแล้วผมก็ยิ่งรู้สึกอาย หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว ขณะที่ผมกำลังนั่งจุ้มปุ๊กบนโซฟาพลางมองพี่จินเดินไปเดินมา ผมก็นึกถึงแผ่นซีดีนั่นอีก เลยตัดสินใจเอามาเปิดตอนนี้แหละ ผมสังเกตเห็นพี่จินหันมามองผมแว่บหนึ่ง แล้วก็หันกลับไปทำงานของเขาต่อ


เสียงดนตรีเริ่มต้นฟังเหมือนเสียงเพลงตอนที่เจ้าสาวกำลังเดินเข้าโบสถ์ เพลงนี้เหมือนผมจะเคยฟังที่ไหนนะ
อ๋อ!! เพลง A Thousand Years นี่เอง...


One step closer....


ใกล้เข้าไปอีกก้าว...


คำร้องท่อนนี้ทำให้ผมแอบเหลือบไปมองพี่จิน อยากจะขยับเข้าไปนั่งใกล้ๆจังเลยนะ... โอ๊ย คิดบ้าอะไรเนียะ! ผมขยี้หัวขยี้หัวตัวเองอย่างหงุดหงิด ใช่ว่าผมจะไม่คิดนะ ผมคิดเรื่องนั้นทุกคืนเลยรู้ไหม การต้องใช้ชีวิตกับคนที่ดูดีเหมือนปั้นออกมาจากท้องพ่อท้องแม่เป็นเรื่องยากขนาดไหน แต่ผมก็ทน ทนเพราะกลัว กลัวไปหมด ผมกลัวการที่จะต้องก้าวเข้าไปใกล้มากกว่านี้ กลัวการผูกพัน กลัวที่จะต้องจากลา...



“Darling don’t be afraid...” เสียงร้องทุ้มต่ำตัดกับเสียงร้องคริสติน่า เพอร์รี ผมหันไปมองร่างสูงที่ขยับมานั่งใกล้ผมตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ ใบหน้าของพี่จินเข้ามาใกล้ผมจนรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่น
“I have love you for a thousand years... I love you for a thousand more...”
“เว่อร์ พี่เป็นคนหรือแวมไพร์เนี่ย ถึงได้จะอายุยืนขนาดนั้น” ผมก้มหน้างุด เอามือดันหน้าพี่จินออกห่าง...
“พี่ก็แค่ร้องตามเพลง เอมชอบไม่ใช่เหรอ เห็นฟังบ่อยจัง...” เสียงนุ่มฟังดูอบอุ่นพร้อมกับมือที่ยื่นมาประคองแก้มผม พี่จินลูบไล้แก้มผมอย่างแผ่วเบาบ่งบอกถึงความปรารถนาในใจ...


“ก็ชอบแหละ...”
“พี่ว่าเหมือนเพลงส่งตัวเจ้าสาวเข้าหอเลยนะ หึหึ โอ๊ย!” ผมทุบดังอึกไปที่อกพี่จิน หาว่าใครเป็นเจ้าสาววะ!
“เอมไม่ใช่เจ้าสาวนะ”
“แต่พี่ว่าใช่นะ”
“อ๊ะ จะทำอะไรน่ะ!” ผมพยายามเอามือยันพี่จินออก ก็เล่นโถมลงมาทับผมทั้งตัวเสียอย่างนั้น หนักนะ ทะลึ่งด้วย -//-
“อยากอยู่ใกล้ๆนี่ครับ”
“ใกล้ไปแล้ว!”
“หึหึ แนบชิดแบบนี้สิดี พี่จะได้รวบหัวรวบหางเสียทีเดียว”
“ทำไมพี่จินเป็นคนแบบนี้เนียะ”
“พี่ก็เป็นกับเอมคนเดียวแหละ” พี่จินเขี่ยแก้มผมอีกแล้ว ช่วงนี้ชอบเขี่ยแก้มผมตลอดเลยนะ
“เอมก็ยอมให้พี่จินทำแบบนี้กับเอมได้คนเดียวแหละ...” ผมทำแก้มป่อง
“หึหึ น่าร้าก ขอหอมทีนึงสิครับ” พี่จินใช้ปากจุ๊บเบาๆที่แก้ม ก่อนจะค่อยๆไต่ระดับเป็นเอาจมูกสูดกลิ่น แล้วก็ใช้ทั้งจมูกและริมฝีปากคลอเคลียที่แก้มผม เสียงเพลงเงียบไปแล้ว แต่ในสมองของผมมันมีแต่คำว่า ‘One step closer‘ ดังอยู่ตลอดเลย...


ริมฝีปากของผมกับพี่จินอยู่ห่างกันเพียงแค่นิดเดียว ไม่ใช่ว่าเราไม่เคยจูบกัน แต่ทำไมการจูบตอนนี้มันช่างให้ความรู้สึกตื่นเต้นกว่าที่เคย ริมฝีปากพี่จินยังนุ่มนิ่มและอบอุ่นเหมือนเคย ลมหายใจก็ยังเป็นจังหวะเดิม แต่หัวใจของผมกลับเต้นเร็วยิ่งกว่าที่เคยเป็น ถ้าช่วงเวลาทั้งหมดที่เหลือในชีวิตผมหยุดลงแค่ตรงนี้ก็คงจะดี... ความอ่อนโยนของคนตรงหน้าทำให้ผมยอมทุกอย่าง ทุกอย่างตามแต่ที่พี่จินต้องการ


“จะให้เอมตายเพื่อพี่จินก็ได้...” ผมลูบแก้มพี่จินแผ่วเบา ใบหน้าคมมองผมด้วยแววตาเศร้าแว่บหนึ่ง
“ถ้าเอมตาย... แล้วพี่จะอยู่กับใครครับ พี่จะอยู่เพื่อใคร จะมีใครให้พี่รอ”
“เอมรักพี่จินที่สุดเลยครับ ทั้งชีวิตของเอมมีแค่พี่จิน เหลือแค่พี่จิน... เอมฝากชีวิตของเอมไว้กับพี่จิน...ได้มั้ยครับ?” นัยน์ตาของผมสั่นระริก น้ำตาเหมือนจะเอ่อไหลออกมา หากพี่จินปฏิเสธ หากวันไหนที่ไม่มีพี่จิน ผมก็ไม่รู้เช่นเดียวกันว่าจะอยู่เพื่ออะไร...
“พี่จะดูแลเอมไปจนกว่าชีวิตของพี่จะหาไม่ แต่ว่าพี่เป็นผู้ชายที่ไม่มีอะไรนอกจากหัวใจ เอมจะสัญญาได้มั้ย? ว่าจะอยู่เคียงข้างพี่อย่างนี้ตลอดไปเช่นเดียวกัน” สายตาของพี่จินมองผมแน่วแน่ มือใหญ่เกลี่ยข้างแก้มผมเหมือนกำลังสัมผัสกับสิ่งที่บอบบางที่สุด ผมรู้สึกว่าตัวเองพยักหน้าทั้งน้ำตา ผมกอดคนตรงหน้าแน่นที่สุดเท่าที่จะจำได้ พี่จินจูบผมดูดดื่ม เราจูบกันนานจนผมจำไม่ได้ หลังจากนั้นทุกอย่างก็เป็นไปตามธรรมชาติอย่างที่มันควรจะเป็น...


คงไม่มีอะไรให้ผมต้องกลัวอีกแล้ว...



********************************************************************************************



แสงแดดในยามเช้าพร้อมกับเสียงนกร้องและเสียงใบไม้ไหวลู่ไปตามลม สิ่งมีชีวิตรูปร่างเป็นก้อนฟูสีขาวกำลังสนอกสนใจกับตั๊กแตนที่นอกประตูกระจก อุ้งมือปุกปุยตะปบเข้ากับกระจกอย่างเอาเป็นเอาตาย จนกระทั่งถูกอุ้มขึ้นมาจากพื้น
“วนิลา ซนแต่เช้าเลย”
“เมี้ยว~”
“ฮึฮึ ไปทำอะไรกินกันดีกว่าเนอะ แล้วจะได้ไปปลุกพี่จินด้วยกัน”
“เมี้ยว~”


ผ่านไปสักพักกลิ่นอาหารก็โชยไปทั่วครัว อาหารเช้าแบบอเมริกันง่ายๆประกอบไปด้วยไข่ดาว ไข่คน เบคอนและไส้กรอก พร้อมกับเครื่องปิ้งขนมปังที่กำลังทำงานอย่างขมักเขม้น
“วานิลลา ไปปลุกพี่จินกัน” มือเรียวอุ้มแมวน้อยที่ขนาดกำลังจะไม่น้อยมาแนบอก ก่อนจะจุ๊บเบาๆที่กระหม่อมของเจ้าเหมียวหนึ่งทีด้วยความหมั่นเขี้ยว

พอเข้าไปใกล้ที่นอน สิ่งแรกที่ผมเห็นก็คือแก้มที่โผล่พ้นผ้านวมออกมาเพียงเสี้ยวเดียว มันช่างน่ากระโดดเข้าไปฟัดเสียนี่กระไร
“อืม...” ยิ่งผมเห็นคนใต้ผ้าห่มส่งเสียงอืออาก็ยิ่งชอบใจ ทำไมน่ารักแบบนี้นะพี่จิน >//<
“พี่จิน ตื่นได้แล้วน้า หิวข้าวหรือเปล่า” ผมจับเอาอุ้งมือของวานิลลาเขี่ยที่แก้มพี่จินเบาๆ ลองเจอมือปุกปุยแบบนี้ต้องจั๊กจี๋จนตื่นบ้างแหละ
“เอม ทำไมตื่นไวจังเลยครับ?” ผมถูกมือลึกลับใต้ผ้าห่มดึงผมลงไปนอนด้วย พร้อมกับพูดเสียงงัวเงียจากใต้หมอน
“เอมหิวนี่ พี่จินไม่หิวเหรอครับ เอมทำมื้อเช้าไว้แล้วนะ” ผมลูบมือไปที่แผ่นอกพี่จินเบาๆ ผิวกายเย็นๆทำให้รู้สึกสบายจัง -//-
“พี่ก็หิว แต่หิวเอมนะ” แน่ะ... ผมกะแล้วว่าต้องมาไม้นี้
“ไม่อาว เอมหิวข้าว เอมจะไปกินข้าว พี่จินไม่ต้องมาเสี่ยวเลยนะ” ผมดันตัวเองออกมาจากผ้าห่ม ใจนึงอยากจะลงไปนัวเนียด้วยหรอกนะ แต่กองทัพต้องเดินด้วยท้อง
“ไม่อาวเหมือนกัน ยังไม่ได้จุ๊บอรุณสวัสดิ์เลยนะ” อ่า... เด็กโข่งเริ่มงอแงครับ พอผมก้มลงไปจุ๊บก็ดันลากผมกลับลงไปนอนอีกซะงั้น สุดท้ายผมเลยต้องงัดไม้ตายออกมา
“พี่จิน! ไปกินข้าวก่อนนะครับ ค่อยมาทำอย่างอื่น”
“ก่อน? อย่างอื่น? เอมหมายถึงอะไรครับ” พี่จินเงยหน้าขึ้นมาเต็มๆ สายตาวิบวับสุดๆไปเลยอ้ะ
“ไม่รู้แหละ อยากรู้ก็ไปกินข้าวก่อน” ผมพูดแค่นั้นก็รีบชิ่งมาก่อนครับ วานิลลาก็หิวจะแย่แล้ว ว่าแต่อูย วิ่งแล้วเจ็บก้นชะมัดเลยไอ้คนบ้า > <

********************************************************************************************

“พี่จิน วันนี้เอมอยากไปซื้อของใช้หน่อยนะครับ” ชายหนุ่มที่กำลังยกกาแฟขึ้นจิบเหลือบตามองเจ้าของเสียงใสใบหน้านวลแวบหนึ่งก่อนจะแอบยิ้ม ก็ช่วงหลังๆมานี้น่ะ ดูเหมือนว่าเอมจะยึดเอาหน้าที่ดูแลบ้านไปเป็นของตัวเองอย่างเต็มรูปแบบ ไหนจะทำความสะอาด เริ่มหัดทำอาหาร และอื่นๆอีกหลายอย่าง
“เอาสิครับ” พูดแค่นั้นเด็กหนุ่มก็ยิ้มร่าเหมือนได้ของเล่นสมใจ กับอีแค่จะไปซื้อของเนี่ยนะ? แต่ก็นั่นละ ความร่าเริงแบบนี้ที่ทำให้เขาตกหลุมรักเหลือเกิน ไหนจะใบหน้ายิ้มแย้ม ไหนจะใบหน้ายามวาบหวาม ไหนจะใบหน้าเวลาที่ออดอ้อนร้องขอ...
‘อะ!! คิดอะไรวะกู!!’ เจ้าตัวรีบเอาหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่านแก้เก้อทันทีที่รู้ตัวว่าคิดลามกไม่ถูกเวล่ำเวลา


“พี่จินๆ น้ำยาปรับผ้านุ่มกลิ่นนี้ซื้อหนึ่งแถมหนึ่งแหละ เอมเอาไปห้าถุงเลยนะ” ยังไม่ทันที่จะเดินไปไหนได้ไกล แค่เพียงเห็นชั้นสินค้าที่จัดรายการปุ๊บ เจ้าตัวเล็กก็รีบวิ่งรี่ไปทันที
“จะเอาไปถมที่เหรอครับ เยอะไปหรือเปล่า”
“หูยยย ลดราคาแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยๆนะครับไม่รู้ว่าจะมีอีกเมื่อไร ซื้อตุนไว้ก็ไม่เห็นเป็นไร” เสียงเจื้อยแจ้วทำเอาร่างสูงกว่าต้องยอมแพ้และปล่อยให้เด็กน้อยเลือกของเอาตามใจชอบ


********************************************************************************************


หลังจากซื้อของใช้ในบ้านครบแล้ว สิ่งต่อไปก็เป็นเสบียงของกิน ผมกำลังทบทวนอยู่ว่าโชยุที่บ้านหมดหรือยัง แต่พอจะหันไปถามพี่จินก็หาเจ้าตัวไม่เจอซะงั้น

ช่างเถอะ ไว้ค่อยโทรตามก็ได้เนอะ

“เอ่อ ขอโทษนะครับ”
“?” เสียงทักจากด้านหลังทำให้ผมต้องหันไปมอง ปรากฎเป็นใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยของผู้ชายตรงหน้า
“ชะเอม... ใช่มั้ยครับ ปีสามศิลป์ฯกรรม” ผมพยักหน้า ผู้ชายคนตรงหน้านี้ดูไม่มีพิษภัย ร่างสูงใบหน้าอ่อนโยนผิวเข้มต่างจากผิวขาวเนียนของพี่จิน โดยรวมแล้วผมถูกชะตาพอสมควร~
“ใช่ครับ คุณคือ?”
“พี่ชื่อปาล์ม อยู่ปีสี่ ไอที” ผู้ชายตรงหน้าผมยิ้มกว้าง วะ! ฟันสวยชะมัดเลยครับ
“อ๋อ ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ผมยิ้มกลับให้พี่ปาล์มที่เพิ่งรู้จัก ว่าแต่ว่าจะคุยอะไรต่อละหว่า
“พี่เคยเห็นชะเอมมานานแล้วแหละครับ แต่ไม่กล้าเข้าไปทัก” ผมก็ได้แต่พยักหน้าเออออไปตามเรื่อง ใจนึงก็แอบงงเหมือนกันว่าคนไม่รู้จักกันจะคุยอะไรกันนักหนาหว่า


สัมผัสที่แตะลงบนบ่าเรียกให้ผมหันหลังไปมองก่อนจะยิ้มกว้าง พี่จินที่หายไปพักหนึ่งกลับมาพร้อมกับถั่วแระญี่ปุ่นถุงโตที่ผมชอบแทะประจำระหว่างดูโทรทัศน์
“พี่จินน่ะ ไปไหนก็ไม่ยอมบอก” ผมส่งเสียงแกมประท้วง แต่นั่นกลับทำให้คิ้วขมวดของพี่จินคลี่ออกจากกันได้
“ก็เห็นพอดี เลยกะว่าจะไปหิ้วมาฝากเราสักหน่อย” พี่จินพูดพร้อมโชว์ถุงถั่วแระ แหม มีกับแกล้มแบบนี้สงสัยผมต้องไปหิ้วเป๊ปซี่มาสักสองลิตร
“พี่ชายชะเอมเหรอครับ” อีกคนที่ดูเหมือนว่ากำลังจะถูกลืมไปจากการสนทนาถามแทรกขึ้นมา
“อ๋อ...” ผมหันไปทางพี่ปาล์ม แอบอึ้งนิดหนึ่ง จะตอบว่าอะไรไม่ให้เขาตกใจดีนะ
“คนรักครับ” พี่จินเป็นคนตอบพร้อมกับโอบไหล่ผมและรั้งให้ผมไปยืนใกล้ๆ พี่ปาล์มทำสีหน้านิ่งไม่ออกอาการอะไร บางทียุคนี้แล้ว เรื่องแบบนี้คงไม่ใช่เรื่องแปลกสินะ...

“อ๋อ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ งั้นพี่ขอตัวก่อนนะชะเอม ไว้เจอกันที่มหาลัย” ผมโบกมือบ๊ายบายให้พี่ปาล์ม พอหันมามองคนข้างตัวก็เอิ่ม... ตาขวางเชียะ
“เป็นอะไรครับพี่จิน?”
“อะ.. เปล่าครับ ไม่มีอะไร พี่ว่าเรากลับกันเถอะ” ไม่รู้ทำไมแต่ผมคิดว่าพี่จินท่าทางแปลกๆแฮะ...


เย็นนั้นหลังจากที่ผมเอาไก่ทั้งตัวเข้าเตาอบแล้วก็ลองเดินมาดูมาคนที่กำลังเล่นกับวานิลลาอยู่ในห้องนั่งเล่น ไม่รู้ทำไมเวลาเห็นผู้ชายตัวโตๆเล่นกับสัตว์ตัวเล็กๆแล้วมันรู้สึกว่าน่ารักจัง
“เมี้ยว~” เจ้าเหมียวยกอุ้งเท้าขึ้นมาตะปบกับก้านขนนกในมือพี่จิน พอใกล้จะจับได้เจ้าขนนกก็ลอยหวือห่างไปตลอด จากแค่เล่นๆตอนแรกก็ดูเหมือนว่าเจ้าเหมียวจะเริ่มโมโหเสียแล้ว
“เดี๋ยววานิลลาก็ข่วนเข้าให้หรอกครับ” ผมพูดพลางอมยิ้ม

“เหมือนที่แม่มันชอบข่วนพี่หรือเปล่า หือ?” อ้อมแขนแกร่งตวัดดึงเอาตัวผมเข้าไปได้อย่างง่ายดาย บางทีคงเป็นเพราะผมสมยอมด้วยแหละ >//<
“วันนี้แม่บ้านของพี่ทำกับข้าวเหนื่อยมั้ยครับ” พี่จินเอามือปัดผมออกจากหน้าผากให้ผม มองกี่ครั้งก็ไม่เคยเบื่อจริงๆนะครับคนนี้ หล่อเสมอต้นเสมอปลาย
“ไม่เหนื่อยหรอก เอมอยากทำนี่” นอกจากไก่อบยังมีลาซานญ่าผักโขมแล้วก็พาสต้าด้วยนะครับ ไม่รู้ว่ารสชาติจะพอกินได้มั้ย
“เอมทำอะไรก็อร่อยหมดแหละครับ”
“เอมทำไม่อร่อยพี่จินก็บอกว่าอร่อยแหละ” ผมทำหน้างอ
“ฮ่าๆ ไม่หรอก ถ้าไม่อร่อยจริงๆพี่ก็จะพูดตามตรง เอมจะได้พัฒนาฝีมือ”
“ให้จริงเหอะครับ” ผมจุ๊บปากพี่จินเบาๆด้วยความหมั่นเขี้ยว แต่ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นการจุดประกายให้คนตรงหน้าซะอย่างงั้น
“อื้อ!” แรงบีบจากมือพี่จินที่ไหล่ของผมแน่นขึ้น พร้อมกับจูบที่เนิ่นนานเกินพอ พี่จินไล้เล็มและล่วงล้ำเข้ามาทีละน้อย มือใหญ่ที่ประคองเอวผมก็เลื่อนต่ำลงไปจนถึงสะโพกแล้วก็บีบขยำอย่างย่ามใจ
“ไม่อะ.. ไม่เอานะ...” ดูท่าคำประท้วงของผมจะไม่ได้ผลกับคนตรงหน้าสักเท่าไร เพราะนอกจากมือที่บีบก้นแล้ว ยังจะกดเอวผมให้แนบชิดกับตัวเขามากขึ้นไปอีก
ลมหายใจของผมกับพี่จินรินรดกันจนแยกไม่ออกว่าเป็นคาร์บอนไดออกไซด์จากใครกันแน่ มือพี่จินที่บีบก้นผมอยู่ก็เริ่มเพิ่มแรงขึ้นเหมือนไม่แคร์ว่าเมื่อคืนผมจะระบมแค่ไหน ทั้งบีบทั้งคลำทั้งขยำจนเหมือนว่าตัวผมจะแหลกคามือพี่จินอยู่แล้ว

“อย่าสิครับ... กินข้าวก่อน...” ผมประท้วงเสียงอ่อย
“อือ... เอมน่ะ ใจร้ายกับพี่จัง กว่าจะได้ใกล้ชิดกับเอมแบบเนี้ยพี่ก็รอมาตั้งนาน แล้วนี่ยังให้พี่กินแบบประหยัดอีก พี่ยังไม่อิ่มเลยรู้มั้ย ถ้าเป็นคนอื่นน่ะ เขาทำกันสามวันสามคืนแล้ว” พี่จินพูดเสียงกระเง้ากระงอดไม่ชวนให้ผมสงสารแล้วยังชักพาความโมโหอีกต่างหาก
“หื่น คนบ้า อัดอั้นนักก็ไปช่วยตัวเองเลยไป๊!”
“เอ๊า อะไรกัน ทำไมใจร้ายแบบนี้ละครับ”
“พี่จินลองรับดูมั้ยละ จะได้รู้ว่ามันโคตรจะเจ็บ แล้วยิ่งขนาดอย่างของพี่นะ เอมไม่ฉีกก็บุญแล้ว”
“แหม มันก็พูดยากนะเอม หึหึ” ฮึ้ย ผมด่าอยู่ปาวๆ ยังมาทำหน้ายิ้มกรุ้มกริ่มพอใจในความใหญ่อลังการของตัวเองอีกเรอะ อ๊ากกก!! ไอ้คนลามกเอ๊ยยยย
“พี่ทำเอมเจ็บขนาดนั้นเลยเหรอ เอมไม่ได้รู้สึกดีร่วมไปกับพี่บ้างเลยเหรอครับ” จู่ๆพี่จินก็เปลี่ยนโหมดทันควัน ท่าทางกวนประสาทเปลี่ยนมาเป็นออดอ้อนตาใสอย่างคนที่รู้สึกผิดเต็มประดา ง่า...ไปไม่เป็นเลยผม...
“...มะ..ไม่หรอกครับ แรกๆมันก็เจ็บแหละ แต่เอมก็ชอบ...” อึ๋ยพูดอะไรไปเนี่ยผม ยิ่งพอเห็นหน้าพี่จินตอนนี้ก็อยากจะกลืนคำพูดนั้นลงท้องเสียให้หมด!

“เอมพูดออกมาแบบนี้ จะให้พี่ลืมคงยากแล้วแหละครับ ห้ามกลับคำด้วยนะ...” เสียงทุ้มดังเพียงกระซิบ ดวงตาคมเป็นประกายเมื่อสะท้อนกับแสงไฟภายในห้อง สองแขนแกร่งโอบร่างเล็กเข้ามาใกล้ ใบหน้าคมขยับชิดเสียจนปลายจมูกนั้นแทบจะสัมผัสกับผิวแก้มแดงระเรื่อเพราะความอาย ยังไม่ทันที่ผมจะได้ปฏิเสธอะไร ก็ถูกจับลงนอนกับโซฟาตัวโตเสียแล้ว

รสชาติหวานละมุนจากปลายลิ้นของคนข้างบนยังติดซึ้งตรึงใจเสมอ แต่ก่อนเป็นจูบที่อ่อนหวานแค่ไหน ตอนนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น
ปลายนิ้วของพี่จินสอดเข้าท้ายทอยของผมเพื่อออกแรงดันเล็กๆ เชิงบังคับน้อยให้ผมยอมรับจูบนั้นอย่างนุ่มนวล ความนุ่มนวลที่ทำให้ผมเผลอหลุดเสียงครางในลำคอเบาๆ เมื่อลืมตามองใบหน้าของชายหนุ่มที่คร่อมอยู่ด้านบนแล้วก็ต้องหลบตา

คนบ้า จ้องตาวิบวับเชียวนะ...

ผมสะดุ้งโหยงเมื่อฟันคมกัดลงตรงไหปลาร้า แรงกัดมากพอที่จะฝากรอยรักเอาไว้เหมือนที่ทำเมื่อคืน ผมยังจำได้เลยว่าตอนส่องกระจกเมื่อเช้า ร่างกายของผมมีแต่รอยกัดของพี่จินเต็มไปหมด

จากไหปลาร้าไล่มาจนถึงยอดอกที่แข็งตึงรอโดยอัติโนมัติ ปลายลิ้นของพี่จินลากผ่านยอดอกไปจนถึงหน้าท้อง และลงต่ำไปจนท้องน้อย โดยที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว มือใหญ่นั่นก็ดึงกางเกงผมออกรวดเดียว อะไรๆที่มันเติบโตเพราะแรงกระตุ้นก็เลยดีดผึงขึ้นมาอวดโฉมอย่างไม่อายสายตา
“อ๊ะ!” ผมยื่นมือไปปิดบังจุดสงวนอย่างไว แต่ก็คงไวสู้คนที่คว้ามือผมเอาไว้ไม่ได้ พี่จินรวบมือทั้งสองข้างของผมไว้เหนือหัว ก่อนจะก้มลงเอาลิ้นแตะสัมผัสกับตรงปลายและครอบปากลงไปทันที นิ้วของพี่จินขยับเข้าใกล้เบื้องหลังก่อนค่อยๆฉวยโอกาสที่ผมกำลังสับสนกับสัมผัสเร่าร้อนนั้นรุกรานเข้ามาในร่างกายผมอย่างเอาแต่ใจ...


" อื้อ! เจ็บ" ผมกระตุกสะโพกหนีกับปลายนิ้วทันที พี่จินจึงใช้ลิ้นเลียนิ้วของตัวเองจนชุ่มโชกก่อนจะสอดเข้ามาใหม่และเร่งจังหวะจนผมยิ่งเตลิดไปไกลกว่าเดิม

เกือบที่ผมกำลังจะปลดปล่อยตัวเองออกมา พี่จินก็ละออกห่าง ผมผงกหัวขึ้นมามองอย่างสงสัย และก็ต้องเข้าใจเมื่อเห็นร่างสูงที่มีสีหน้าไม่ต่างกันกำลังขะมักเขม้นถอดกางเกงของตัวเอง ไอ้เจ้าสิ่งมโหฬารที่ผมเห็นเมื่อคืนนั้นมันยังคงอลังการไม่เปลี่ยน ร่างกายที่มีเหมือนผมทุกอย่างแต่กลับให้ความรู้สึกแตกต่างไม่น่าเชื่อ...

“ขออนุญาตนะครับ...” เสียงนุ่มร้องขอฟังดูหวานซึ้งที่สุดที่ผมเคยได้ยิน ผมรู้ดีที่สุดว่ามันหยุดไม่ได้แล้ว จังหวะนี้ต่อให้ใครกำลังจะตายก็ช่างมันเหอะ
“...ครับ... " พูดไปแล้วก็แทบจะกัดลิ้นตาย ขัดขืนเขาแทบตาย พอโดนเล้าโลมเข้าหน่อยก็อ่อนเป็นขี้ผึ้งลนไฟ... คิดโน่นคิดนี่เพลินๆไปแป๊บหนึ่งก็ต้องผวาเฮือกเมื่อร่างสูงขยับร่างเข้าหาแทบจะในทันที

“อ๊ะ! พี่จิน อื้อ...” แม้ว่านี่จะเป็นครั้งที่สอง... เอ่อ สามละมั้ง เอ... หรือว่าสี่ โอ๊ย ช่างมันเหอะ ทำไมผมยังเจ็บเหมมือนเดิมเลยนะ แน่ๆเลย เพราะว่าขนาดของพี่จินไม่บาลานซ์กับผมแน่ๆเลย ฮึ้ยยยยย!!
“อืม... เอม... ดวงใจของพี่..” พี่จินเอ่อเสียงพร่ำเรียกชื่อผมพร้อมกับริมฝีปากร้อนก้มลงแทะเล็มผิวกาย สะโพกแกร่งขยับกายเข้าหาและยึดตัวผมไว้แน่น คนๆนี้รู้ดีที่สุดว่าผมแพ้อะไร ถ้อยคำอ่อนหวานเหล่านั้นทำให้ผมใจอ่อนเสมอ...

ร่างกายของพี่จินสอดเข้ามาจนสุดและแช่คาไว้ไม่ขยับ ถ้าตอนนี้จะดึงพี่จินออกไปคงต้องใช้ช้างทั้งโขลง  มือใหญ่กอบกุมน้องหนูของผมและค่อยๆรูดขึ้นลงให้สัมพันธ์กับการขยับของร่างกาย ผมรู้ว่าพี่จินคงทนไม่ไหวที่จะอยู่เฉยๆ เพราะผมเองก็เช่นกัน ความเจ็บปวดที่ผมเลือกที่จะสัมผัสมันอยู่ตรงหน้านี้เอง เสียงพร่ำอ่อนโยนของพี่จินดังผ่านหูแต่ผมไม่สามารถจับใจความใดได้ แรงกระแทกเข้ามาในกายกับความร้อนที่เบื้องหน้าทำเอาหูตาลายไปหมดจนผมเผลอจิกเล็บลงกับไหล่กว้างตามแรงอารมณ์ที่อีกฝ่ายกระตุ้นเร้า

พี่จินขยับกายเข้าหาอย่างรุนแรงเช่นเดียวกับปลายนิ้วที่ปรนเปรอความสุขสมให้ ทุกสัมผัสที่ส่งผ่านไปด้วยความรักที่เร่าร้อน ร่างกายของผมถูกโอบเข้าแนบชิดกับพี่จิน  ริมฝีปากครางเครือเป็นชื่อพี่จินครั้งแล้วครั้งเล่า เช่นเดียวกับพี่จินที่แทะเล็มร่างกายของผมเหมือนหิวกระหาย รอยรักเป็นจ้ำที่ฝากไว้นับไม่ถ้วนบนผิวกาย และแรงกระแทกซ้ำๆจนความเจ็บเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความสุขจนแทบจะสำลัก ผมขยับสะโพกเข้าหาพี่จินโดยอัติโนมัติ เสียงร้องน่าอายดังขึ้นเพราะความเร่าร้อนที่พี่จินปรนเปรอ จนกระทั่งความร้อนวาบจากร่างกายผมพุ่งเปรอะเปื้อนเต็มไปหมด ด้านหลังของผมกระตุกตุบๆรัดแน่นจนพี่จินขยับกระแทกกระทั้นจากร่างของผมอย่างมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ความรู้สึกที่ยากจะห้ามใจกำลังใกล้เข้ามา ร่างแกร่งขยับเข้าหาอย่างถี่กระชั้นก่อนขยับกายออกห่างและปลดปล่อยลงที่เดียวกับที่ผมทำเลอะไว้ก่อนหน้า...

“อึก... เอม...” พี่จินทาบทับร่างลงมาบนตัวผม เรี่ยวแรงอ่อนเปลี้ยเหมือนไปวิ่งมาราธอนมาห้ากิโล ก่อนจะพูดเสียงกระซิบข้างหูผม

“พี่ไม่อยากเสร็จข้างใน เพราะเดี๋ยวจะกินข้าวแล้ว กลัวเอมไม่สบายตัว...”

จะพูดเพื่อ???




 
***************************************************************

เอ่อ อย่าให้พูดเลยนะคะ ว่าหายไปนานแค่ไหน -//-

เรื่องมันเยอะค่ะ แบบว่าแฟลชไดรฟ์เค้าหายแหละ T T

แต่ยังไงก็จะแต่งต่อไปเรื่อยๆ หวังว่ายังมีคนอ่านนะ 555+

ขอโทษที่หายไปเนิ่นนานด้วยนะคะ
  :m13:



ออฟไลน์ TanyaPuech

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +531/-23
 :mc4:   กรี๊ดดดดดดดดดดดดด  กลับมาแล้ว

พี่จินกับชะเอมน่ารักจัง    :haun4:

ออฟไลน์ NOoTuNE

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +317/-15
 :m25: :m25: ในที่สุดพี่จินก็ได้กินหัวกินกินหางกินกลางตลอดตัวน้องเอม


รออ่านอยู่นะคะ  :กอด1:

ออฟไลน์ gupalz

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +604/-20
มันซิ๊ดมากเลยค่าา

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
ว้าววว... :laugh: :m4:บีพาน้องเอมกับพี่จินมาแล้ว ดีใจจัง
ว่าแล้ว ที่หายไปนานต้องมีสาเหตุ แล้วก็รออ่านอยู่ตลอดแหละจ้ะ
ดังนั้นที่บอกว่าจะแต่งต่อไปเรื่อยๆน่ะ เห็นชอบด้วยที่สุดจ้าาาาา..


"...กว่าจะได้ใกล้ชิดกับเอมแบบเนี้ยพี่ก็รอมาตั้งนาน แล้วนี่ยังให้พี่กินแบบประหยัดอีก..." 
555 น้องเอมจ๋า ประหยัดเงิน ทอง ข้าวของ ทรัพยากรน่ะประหยัดไปเทอะ
แต่ อันนี้นี่  :oo1:อย่าให้พี่จินกินแบบประหยัดเล้ย  o3โฮะ โฮะ โฮะ ขอเข้าข้างพี่จิน

ออฟไลน์ powvera

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-3
ไม่สามารถพูดออกมาเป็นคำได้  เพราะเจ่กำลังเสียเลือดอย่างท่วมท้นพอๆกับน้องน้ำเลย   อั๊สสสสสสสส


 :pighaun:     :haun4:    :jul1:

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
ครั้งแรกก็จัดหนักเลยนะพี่จิน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ MapleZelpaM_68

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ป้าว่าน้องจินไม่ต้องกินข้าวแล้วมั้ง กินน้องเอมนี่แหละ ได้สารอาหารครบถ้วน5555
 :haun4:  :pighaun:


ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
โอ้ ในที่สุด ก็ตะลิดติ๊ดชึ่งกัน หุๆ

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
ในที่สุดก็เรียบร้อยโรงเรียนพี่จิน
เอมโดนไปหลายขนานนะนั่น

ออฟไลน์ fullmoonny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 411
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
จิ้มมมมมมมมมมมมมมมม
คนแต่งกลับมาแล้ว >3<

ออฟไลน์ bytoey

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 865
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +197/-3
 :-[ที่สุดค่ะ o13

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
น่ารักดีอะ

ออฟไลน์ mana_ai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เอิ่ม ยังอุส่าเป็นห่วงเน๊อะ  o13
ชอบคู่นี้จังเรย อยากอ่านต่อเร็วๆจังเรยอ่าาาาา  :call: :call: :call:

loveis

  • บุคคลทั่วไป
 :jul1: อยากให้หวานอย่างนี้ไปนานๆๆๆ

พี่จินน้องเอม  :กอด1:

ออฟไลน์ jing_sng

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 761
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
อ่านอยู่น้า แต่นาน ๆ มาทีมันก็หลุดรอดสายตาไปได้
ชอบเพลงนี้เหมือนน้องเอมเลย เพราะดี

ออฟไลน์ anuruk97

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 476
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-4
ขอให้รักกันนานนะครับ :L1:....

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ kasarus

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
อยากรู้เรื่องไอ้พี่พีร์กับนายตองอะ

บีบีจัง

  • บุคคลทั่วไป
Love Sick [-22-]
«ตอบ #351 เมื่อ02-04-2012 17:53:51 »




“เอมไม่ได้สังเกตเลยเหรอ?”

น้ำเสียงและท่าทางของตองทำเอาผมเริ่มรู้สึกเครียดขึ้นมาทันที กับแค่ถามว่าทำไมช่วงนี้ไม่ค่อยเห็นอั๋นกับกิอยู่ด้วยกันก็เท่านั้น ใจคอผมเริ่มระส่ำระสาย หรือว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น??

“มันห่างๆกันมาพักหนึ่งแล้วแหละ ตั้งแต่ที่ไปกินเหล้ากันวันนั้น...” ตองพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนพูดเรื่องดินฟ้าอากาศ ทั้งที่ความจริงมันไม่ใช่อย่างนั้น...


************************************************************


วงเหล้าหน้าบ้านไม้สองชั้นหลังหนึ่งในย่านที่เงียบสงบกำลังครื้นเครงได้ที่ โชคดีว่าบ้านนี้มีอาณาบริเวณมากพอดู เสียงโหวกเหวกของวงเหล้าจึงไม่ดังไปถึงบ้านอื่น

สมาชิกในวงเหล้าประกอบไปด้วยบรรดานักศึกษาคอทองแดงไม่ต่ำกว่าสิบคน เนื่องจากวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการสอบปลายภาค การตั้งวงเลี้ยงฉลองจึงไม่มีทีท่าจะเลิกราง่ายๆ


“เฮ้ย น้องไปเอาน้ำแข็งมาอีกสิ” เสียงรุ่นพี่ปีสองซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน นายกิติศักดิ์ หรือกิของเรานั่นเอง ใบหน้าขาวเนียนเริ่มออกอาการกึ่มๆ ร่างสูงที่อยู่ข้างตัวก็คอยพยายามห้ามปรามการดื่มให้เบาๆลงบ้าง แต่ดูท่าว่ากิจะไม่สนใจฟังเลย
“เพิ่งสอบเสร็จก็ต้องฉลองสิวะอั๋น” มือเล็กดันคนที่พยายามปรามให้ถอยออกไปห่างๆ ส่วนตัวเองก็จัดแจงหยิบเหล้ามาเทเสียเองกว่าค่อนแก้ว
“เฮ้ย ตอง วันนี้คนคุมมึงไม่มาเหรอวะ” ประสาคนเฮฮา พอเหล้าเข้าปากก็ยิ่งโหวกเหวกเข้าไปใหญ่ ตองเองก็รู้ว่าเพื่อนเริ่มเมา เลยพยายามไม่คุยอะไรมากแค่เออออไปตามเรื่องราว
“ดีนะ วันนี้แม่กูไม่อยู่ ไอ้กิเลยแหกปากได้เต็มที่” จิม เพื่อนร่วมห้องกระซิบกระซาบกับตองเบาๆ เพิ่งจะรู้ว่ากิเมาแล้วเกรียนขนาดนี้

คอเหล้าแต่ละคนค่อยๆล่าถอยกันไปเมื่อเวลาล่วงเลย บางคนก็หลับพับคาที่ บางคนที่ยังเมาไม่มากก็กลับบ้าน จนสุดท้ายก็เหลือเพียงเจ้าบ้านอย่างจิม ตอง อั๋น กิ และรุ่นน้องปีหนึ่งที่ชื่อนิมที่เป็นน้องรหัสของอั๋นอีกคนหนึ่งที่ยังคงตั้งวงกันอยู่
“พอได้แล้วกิ มึงเมามากแล้วเนี่ย” อั๋นเริ่มง่วงและปวดหัว จึงพยายามลากกิกลับบ้าน แต่ไอ้ตัวดีดันเมาจัดจนไม่ค่อยจะมีสติสัมปชัญญะ
“เอ๊ะ มึงนี่ จะวุ่นวายอะไรนักหนา เป็นพ่อกูหรือไงฮะ!” เสียงตวาดอ้อแอ้ รู้ดีว่าไม่ควรถือสา แต่ในใจของคนที่ถูกตวาดก็เจ็บแปล๊บขึ้นมาจนได้ ร่างสูงปล่อยให้กินั่งต่อไป ส่วนตัวเองก็ลุกเดินออกมาเงียบๆ มีเพียงสายตาของตองที่มองตามไป



************************************************************


“แค่นั้น?” ผมถามซ้ำอีกรอบ ตองพยักหน้า
“มัน ‘แค่นั้น’ ก็จริงนะเอม แต่สำหรับคนที่คบกัน คำพูดแบบนั้นมันแรงเกินไปหรือเปล่า ที่นั่นก็มีคนอื่นอีกเยอะแยะ ที่ผ่านมาไอ้กิมันก็เอาแต่ใจตัวเองอย่างนี้ตลอด และอั๋นมันก็ทนมาตลอดเลยนะ” ผมฟังที่ตองพูดแล้วก็พยักหน้า จริงอย่างที่ว่า เพราะขนาดผมไม่ค่อยได้ไปกินเหล้ากับพวกนี้ (เพราะพ่อผมดุ > <) แต่ผมก็ยังพอรู้ว่ากิเมาแล้วเรื้อนมาก งี่เง่ามาก กวนตีนมาก สถุลมาก อั๋นที่เป็นเหมือนคนคอยรับอารมณ์กิตลอดก็คงหมดความอดทนได้สักวันสินะ...
“อั๋นมันเองก็เหมือนจะน้อยใจแล้วหนีหน้าไปเลย ส่วนไอ้กิมันก็ไม่ยอมรับความจริง มันเอาแต่บอกว่ามันเมา ไม่รู้เรื่อง อั๋นเป็นแฟนมันก็น่าจะยอมรับมันได้สิ” ตองดูดน้ำปั่นในแก้วแก้เซ็ง ผมรู้ว่าตองก็คงกังวลไม่แพ้กัน คบกันเป็นเพื่อนมาตั้งนานนี่เนอะ
“สองคนนั้นมันคบกันมากี่ปีนะ” ผมถามตอง
“ตั้งแต่มอสอง ตอนนี้ก็เจ็ดปีพอดี”
“อืม เจ็ดปีอาถรรพ์สินะ” ผมกอดอกครุ่นคิด
“ก็ต้องรอดูกันต่อไปแหละ” ผมกับตองยุติการสนทนาเพียงเท่านั้น เพราะหลังจากนั้นกิก็เดินมานั่งด้วยพอดี


“โอ๊ย ร้อนชะมัดเลย” คนมาทีหลังกระแทกกระเป๋าลงบนโต๊ะดังโครม ก่อนจะงัดขวดชาเขียวที่มีเกล็ดน้ำแข็งเกาะพราวออกมาดื่ม ผมกับตองมองหน้ากันไปมา ในใจรู้สึกแปลกๆ เพราะเมื่อกี้เพิ่งนินทามันไปเอง เหอะๆ
“มาซะเกือบสายเลยนะ” ผมเริ่มทักก่อน
“ทำไงได้ ไม่มีคนไปรับนี่หว่า” ครับ ปรกติอั๋นมันจะเป็นคนปลุกและก็รับกิมามหา’ลัยด้วยกัน แต่พอตอนนี้มันโกรธกัน กิก็เลยต้องมาเอง
“หัดช่วยเหลือตัวเองมั่งเหอะมึง ใจคอจะเอาแต่พึ่งคนอื่นตลอดเลยหรือไง” ผมตบหัวมันเบาๆ กิมันทำหน้าเศร้าก่อนจะพูดเสียงเบา
“กูก็กำลังพยายามอยู่นี่ไง ใช่ว่ากูเองจะไม่รู้ ไม่มีใครเขาอยู่กับเราไปค้ำฟ้าหรอก” ง่า... ผมอึ้งเลย บรรยากาศหดหู่ขึ้นมาทันที ตองเลยเป็นคนตัดบทแล้วชักชวนกันขึ้นไปเรียน


ในห้องเรียนบรรยากาศยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ เจอหน้ากันแต่ไม่พูดกัน ทั้งที่มันเป็นแบบนี้มาครึ่งเดือนแล้ว แต่ผมก็เพิ่งจะสังเกต คงเพราะก่อนหน้านี้โลกผมมันเป็นสีชมพูเกินไปละมั้ง เลยไม่ค่อยรับรู้อะไรรอบตัวเท่าไร >//<

และที่สำคัญครับ ไอ้เหี้ยคนไหนไม่รู้เสือกเอาเพลงอารมณ์สีเทาของพี่ปั๊ปมาเปิด หูฟังมันก็ไม่ใส่นะครับ สงสัยจะอยากเผื่อแผ่เพื่อนให้ฟังด้วย อาจารย์ก็ไม่มาสักที จะบ้าตาย

นั่งมองดาวดวงเดิมอยู่กลางคนรักกันเป็นร้อยพัน
อธิษฐานให้ดาวดวงนั้นเรียกเธอกลับมาให้ที
ไร้กำลังแรงกายอยู่โดยความหวังที่มันริบหรี่...

รู้ตัวแล้วครับ ไอ้จิมผู้ร่วมอยู่ในเหตุการณ์วันนั้นนี่เอง ผมลุกย่างสามขุมไปที่ไอ้จิมและจัดการเบิ๊ดกะโหลกมันหนึ่งที
“โอ๊ย ไรวะชะเอม” มันชอบเรียกผมแบบนี้เรื่อยเลยอะ หงุดหงิด ขออีกโบ๊ะ
“มึงนี่! เปิดเพลงไม่ดูบรรยากาศ ไม่เห็นเหรอไงว่าอมทุกข์กันจะตายอยู่แล้ว” ไอ้จิมมองไปตามทางที่ผมว่า กินั่งมุมหนึ่ง อั๋นนั่งมุมหนึ่ง หน้าตามืดหม่นเหมือนโดนทำของมาอย่างนั้น
“อ่าว... กรรม กูปิดก็ได้วะ ว่าแต่เมื่อไรน้องเอมจะไปกินเหล้าบ้านกูบ้างละ จะดูแลอย่างดีเลยนะ” ไอ้จิมทำยิ้มกรุ้มกริ่ม ผมเลยทำมือมะเหงกใส่มันแล้วเดินกลับโต๊ะ

กว่าจะหมดชั่วโมงเรียนก็เหมือนนานชั่วกัปชั่วกัลป์ อั๋นรีบหยิบกระเป๋าแล้วเดินลิ่วออกไปทันที ทิ้งให้กิมองตามตาละห้อย ผมสงสารเพื่อนจังอะ แต่ถ้าเพียงแค่กิมันยอมขอโทษละก็นะ...


“กูทำผิดมากเลยเหรอเอม” หือ? อะไรนะ
“กูรู้ว่ากูผิด แต่กูไม่คิดว่าอั๋นจะโกรธกูขนาดนี้” กินั่งนิ่งอยู่กับโต๊ะ คนอื่นๆลุกกันออกไปเกือบหมดแล้ว
“ผิดมากหรือน้อยก็ขึ้นชื่อว่าผิด มึงก็ควรจะขอโทษ” ตองพูดเสียงเข้ม กิทำหน้ามุ่ย
“ที่ผ่านมากูไม่เคยขอโทษ มึงก็รู้...”
“ทิฐิ ศักดิ์ศรี หรืออะไรที่มันค้ำคอมึงอยู่วะ กูจะช่วยล้วงออกมาให้” ผมอาสา
“ไม่ต้องเลยมึง พูดจาหมาไม่รับทาน ทีกับพี่จินละอ่อนเป็นขี้ผึ้งลนไฟ โอ๊ย!” กิพูดไม่ทันจบก็โดนตองตบเกรียนดังป๊าบ
“อย่าพูดชื่อนั้น ได้ยินแล้วกูหงุดหงิด”
“ตองเนี่ย เกลียดพี่จินเสมอต้นเสมอปลายจริงๆนะ” ผมพูดอึ้งๆ
“แต่เราก็ชอบเอมเสมอต้นเสมอปลายเลยนะ” ตองพูดเสียงนิ่ม แต่ผมเริ่มขนลุกแล้วละ
“พวกมึง จะมาจีบกันทำไม เห็นมั้ยว่ากูกำลังเศร้าอย่างแรง”
“มึงไปขอโทษมันก็จบแล้วอะกิ”
“พวกมึงยังไม่รู้... กูพยายามจะโทรไปหามันหลายรอบแล้ว แต่มันไม่รับสายกูเลย ที่ห้องก็ไม่กลับ ไม่รู้ไปอยู่ไหน” เฮ้ย ขนาดนั้นเลยเหรอวะ
“งั้นก็ไปขอโทษต่อหน้าเลย ดักเจอกันไปเลย” ตองเสนอ
“เอางั้นเลยเหรอ” กิมันทำท่าทางลังเลแบบไม่สมกับเป็นมันเลย ผมเข้าใจนะว่ามันเครียดแค่ไหน
“อืม เอางี้แหละ” ผมเลยช่วยย้ำ ยังไงวันนี้ต้องรู้กันไปเลย


************************************************************


คือผมอยากจะบอกว่า ตอนแรกผมไม่คิดว่าเรื่องมันจะยากขนาดนี้ คิดว่ากิกับอั๋นคงแค่โกรธๆงอนๆตามประสา คิดว่าอั๋นมันคงแค่อยากให้กิไปง้อบ้าง แต่เหตุการณ์มันก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เมื่อพวกผมไปดักรออั๋นจนสำเร็จ สีหน้าอั๋นที่เห็นพวกผมตอนแรกดูอึดอัดแบบชัดเจน บางสิ่งร้องดังอยู่ในหัวผมว่านี่เป็นสัญญาณอันตราย แต่ผมกลับมองข้ามสัญญาณเตือนนั้นแล้วดึงดันอย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรก...

“เอ่อ... กู เอ้ย กิ... ขอโทษนะ ถ้าทำอะไรให้อั๋นเสียความรู้สึกไป ขอโทษจริงๆนะ...” กิก้มหน้าขณะที่พูด มือสองข้างที่ไขว้หลังอยู่ก็บีบเข้าหากันแน่น บ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังเกร็งสุดๆ
“อืม ไม่เป็นไรหรอก..” พอได้ยินอั๋นพูดแบบนั้น กิก็เงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มกว้าง แต่ทว่ารอยยิ้มก็หุบหายแบบฉับพลัน ผมที่ยืนอยู่ห่างๆหันไปมองที่อั๋น ใบหน้าเดิม แต่แสดงสีหน้าแบบที่พวกผมไม่เคยเห็น กิขยับเข้าไปจับแขนอั๋นเอาไว้แน่น

มีบางอย่างผิดไป เสียงเล็กๆในสมองบอกให้ผมเข้าไปดึงกิออกมาเดี๋ยวนี้ แต่ขามันก็ยังหนักอึ้งเหมือนประมวลความคิดรอบตัวไม่ทัน

“อั๋น... ถ้ายกโทษให้แล้ว ก็ยิ้มให้กูเหมือนเดิมสิ มึงทำสีหน้าแบบนั้นแปลว่าอะไร” เสียงกิเริ่มสั่นพร้อมกับเขย่าแขนอั๋นแรงขึ้น สีหน้าเฉยชาและเจ็บปวดปนเปกันบนใบหน้าของอั๋นยิ่งเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาของกิให้รุนแรงขึ้น ผมก้าวเข้าไปหาทั้งคู่โดยอัตโนมัติ พร้อมกับตองที่ดึงกิออกมา

“อั๋น มีอะไรก็พูดมา ไม่ใช่ยืนเงียบแบบนี้” ผมจ้องหน้าอั๋นนิ่ง มันยังไงดีละ ผมรู้สึกโกรธ เจ้บปวด เศร้าใจตามไปด้วย อั๋นหันมาสบตาผมช้าๆ
“เราคงเป็นเหมือนเดิมกับกิไม่ได้แล้วละ” อั๋นบอกผม กิที่ได้ยินก็ทรุดทันที
“มันไม่ไหวแล้วละกิ เราสองคนคงไม่สามารถฝืนไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว ขอโทษนะ” ผมฟังคำพูดเห็นแก่ได้พวกนั้นแล้วกำหมัดแน่น อยากจะชกคนตรงหน้าสักที แต่คงสู้แรงมันไม่ได้ T T

พลั่ก!!

ไวเท่าความคิด หมัดลุ่นๆของคนข้างๆผมเสยเข้าที่แก้มซ้ายของอั๋นเต็มเหนี่ยว ตองหน้าแดงก่ำเพราะโกรธจัด ผมรีบเข้าไปดึงแขนเอาไว้ไม่ให้ตองถลาเข้าไปหาอั๋นอีกรอบ
“มึงพูดจาเห็นแก่ตัวอะไรของมึง!!” ตองตะคอกเสียงดังใส่อั๋นที่กำลังเอาหลังมือปาดเลือดออกจากมุมปาก
“มึงจะรู้อะไรไอ้ตอง มึงไม่ได้เป็นกู ไม่ได้รับรู้ความรู้สึกของกูนี่!” อั๋นตะคอกกลับ
“ใครเขาจะไปรู้กับมึง รู้สึกอะไรไม่เคยพูด พอบทจะไปก็ไปเอาดื้อๆแบบนี้ มึงจะไปไหนก็ไปเถอะ เพื่อนของกู กูดูแลเองได้!”


ผมจับไหล่กิเอาไว้ สีหน้าเรียบเฉยของกิทำเอาผมไปไม่เป็น ความเจ็บปวดนี้ผมเคยพบมาก่อน แต่คงไม่ได้ครึ่งหนึ่งของที่กิรู้สึกอยู่ตอนนี้ ระยะเวลายาวนานที่กิคบกับอั๋นมา อาจไม่ทำให้กิรู้ใจอั๋นไปเสียทุกอย่าง และกิก็คงไม่เคยคิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดกับตัวเอง
 
ความแน่นอน... ก็คือความไม่แน่นอนสินะ...

“ไปห้องกูก่อน” ตองดึงให้กิเดินตามไป สภาพกิเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง ถ้าสั่งให้ไปกระโดดตึกก็คงไปแหละตอนนี้ ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาพี่จินแล้วเล่าเรื่องราวให้ฟังคร่าวๆพร้อมกับบอกว่าคืนนี้ผมจะค้างที่ห้องตองกับกิ พี่จินบอกว่าเดี๋ยวมืดแล้วเคลียร์งานเสร็จจะเอาสเบียงไปฝาก

พอมาถึงห้องตอง กิก็เอาแต่นั่งนิ่งๆ พวกผมเองก็ไม่กล้าพูดอะไร เพราะไม่รู้ว่าตอนนี้กิมันรู้สึกยังไง หลังจากที่ตองกับผมนั่งมองหน้ากันไปมา เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น ตองเป็นคนลุกไปเปิด ผมได้ยินเสียงตองกระซิบกระซาบเหมือนกำลังด่าคนแล้วสักพักก็เดินกลับมานั่ง
“ใครเหรอตอง?” ผมกระซิบถาม
“ไอ้ห่าพีร์น่ะสิ มาไม่ดูเวล่ำเวลา เราไล่กลับไปแล้วแหละ”


นั่งคุยกับตองอยู่อีกพักหนึ่งพี่จินก็โทรมาให้ผมลงไปรับของกิน  พี่จินจอดรถไว้ไม่ไกลจากหอนัก มือที่กำลังจุดบุหรี่สูบทำให้ผมนิ่วหน้าโดยอัตโนมัติ
“ทำไมวันนี้สูบบุหรี่ละครับ”
“พี่เหนื่อยนิดหน่อย” พี่จินยิ้มอ่อนระโหยแล้วจับหัวผมเบาๆ
“งั้นก็ไม่ต้องเอาของกินมาให้เอมก็ได้”
“ไม่ได้หรอก ก็พี่อยากเจอนี่นา” พี่จินสูดบุหรี่ได้สองทีก็ขยี้ทิ้ง กลิ่นน้ำหอมจางๆผสมกับกลิ่นบุหรี่โชยมาตอนที่พี่จินดึงผมไปกอด
“เวลาเหนื่อยๆแล้วได้กอดเอมเนี่ย พี่รู้สึกดีที่สุดเลย”
“อือ” ผมซุกหน้ากับอกพี่จิน ความหดหู่ที่ติดตัวผมมาตอนเจอเรื่องของกิกับอั๋นก็เหมือนกับจะสลายไปเช่นเดียวกัน
“คืนนี้พี่จินนอนคนเดียวก่อน แต่พรุ่งนี้เอมจะรีบกลับนะครับ”
“อืม พี่จะรอนะ” ผมแอบหลับตาตอนที่พี่จินจุ๊บผมที่หน้าผาก เฮ้อ... อยากกลับไปด้วยชะมัด


คืนนั้นทั้งคืนพวกผมแทบจะไม่ได้นอน เพราะมัวแต่กลัวว่ากิจะลุกมาฆ่าตัวตาย แต่เอาเข้าจริงก็ไม่มีอะไรน่าห่วง กิแค่เงียบมากๆ เหมือนกำลังคิดอะไรหมกมุ่น พอผมกับตองตื่นเช้ามา กิก็หายไปแล้ว มีแค่โน๊ตใบเดียวเขียนทิ้งไว้ว่า ‘ไม่ต้องเป็นห่วง’

ผมก็เลยตัดสินใจกลับมาบ้าน พี่จินเพิ่งตื่นพอดีก็เลยได้กินข้าวด้วยกัน แล้วก็ทำโน่นนี่ไปเรื่อยเปื่อย มันก็สงบราบรื่นมาทั้งวันละครับ จนกระทั่งประมาณสองทุ่ม ตองก็โทรเข้ามา
“เอมมาช่วยเราหน่อยได้มั้ย ไอ้กิมันเมาอยู่ที่ผับหลังม.เนี่ย”

ผมกับพี่จินรีบออกจากบ้านตรงไปที่ผับทันที ตองทำสีหน้าปั้นยากอยู่หน้าร้าน พอเห็นผมตองก็เดินนำเข้าไปก่อน เสียงเพลงดังสนั่นจนหูแทบแตก ผู้คนเต้นกันไปทั่วทุกบริเวณ กลิ่นน้ำหอม กลิ่นเหงื่อ กลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้งกันไปหมด ไอ้ที่แบบนี้มันมีดีตรงไหนนะ

“อยู่นั่นไง” ตองตะโกนแข่งกับเสียงเพลงแล้วชี้ไปตรงกลางร้าน จุดที่มีแสงไฟสาดส่องและมีเสียงดังที่สุด

“โยกอีกสิน้อง!!”

“มาเต้นกับพี่บ้างสิ!”

อีกสารพัดคำพูดจาบจ้วงและหยาบคายยังไม่ร้อนแรงเท่าคนที่กำลังวาดลวดลายอย่างเมาส์มัน เจ้าตัวเหมือนว่าเต้นอย่างไม่สนใจใคร แต่’ใคร’ที่อยู่รอบตัวกับให้ความสนใจกับนักเต้นเท้าไฟเป็นพิเศษ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า ‘เมาเละ’

“กิ!! กลับบ้านกันเถอะ!” ผมฝ่าฝูงชนเดินเข้าไปโดยไม่ทันได้ฟังคำทัดทานของตองและพี่จิน กิหันมามองผมแบบงงๆ
“อ้าว เอม มาเต้นด้วยกันสิ” กิรั้งแขนผมให้เข้าไปเต้นด้วย พวกคนที่รายล้อมกิก็พากันแบ่งความสนใจมาที่ผม  ผมสะบัดเอามือที่พยายามจะเข้ามาจับให้ถอยออกไปห่างๆ แต่เหมือนกับว่ามีมือนับร้อยมะรุมมะตุ้มมาที่ผมกับกิ พี่จินกับตองก็ไม่รู้ว่าหายไปไหน จนกระทั่งถึงตอนที่ผมเกือบจะถูกใครสักคนทึ้งตายนั้น...

“เฮ้ย!!! อย่ามายุ่ง!!!” แรงกระชากดึงตัวผมให้ไปชิดกับอ้อมกอดของใครคนหนึ่ง พร้อมกับลำแขนแข็งแกร่งที่ผลักคนที่มานัวเนียผมให้ออกไป กลิ่นกายและสัมผัสที่ผมคุ้นเคยทำให้รู้สึกสบายใจขึ้นมาทันที พี่จินลากผมออกมาจากผับอย่างไว ผมเหลียวไปมองกิ ก็เห็นว่าตองออกแรงกระชากกิให้ตามหลังผมมาจนได้ ท่าทางกิยังเหมือนกับคนที่เมาจัด เอาแต่ยิ้มและหัวเราะตลอดเวลา

“ฮึ้ย! ทำไมถึงมีผับมั่วยาแบบนี้อยู่หลังมหา’ลัยได้เนี่ย” พี่จินสบถทันทีที่มาถึงที่จอดรถ ผมเอียงคออย่างสงสัย ผับมั่วยา? หมายความว่ายังไงกัน
“มันเพิ่งจะมาเปิดได้ปีกว่าๆนี่เองละ เห็นว่าเป็นของผู้มีอิทธิพลในจังหวัด” ตองจับกิให้นั่งนิ่งๆ แต่ดูท่าเจ้าตัวยังครึกครื้นอยู่ กิเอาแต่นั่งยิ้มร่า เหมือน... เอ่อ คนเมายา...
“ห๊ะ อย่าบอกนะ ว่ากิมันเสพยาเข้าไปด้วย” ผมอุทาน กระจ่างขึ้นมาทันทีเลยครับ ตองมองหน้าผมแล้วก็พยักหน้าเบาๆ
“ทำไงดีละเนี่ย...”
“บางทีคงแค่ครั้งแรก เผลอๆมันอาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเสพยาเข้าไป คงโดนไอ้พวกในนั้นหลอกให้เสพนั่นละ ทางที่ดีรอให้มันสร่างก่อนดีกว่า อ๊ะ เฮ้ย!” ตองกำลังพูดๆอยู่ แล้วก็ชี้นิ้วไปทางหน้าผับ กิที่แอบลุกไปจากตรงนี้เมื่อไรไม่รู้กำลังจะเข้าไปในร้าน พี่จินที่ไหวตัวทันก่อนใครเพื่อนรีบดึงแขนกิกลับมาทันที
“ปล่อยกู! กูจะไปเต้น กูอยากเมา” กิโวยวายเสียงดัง คนที่เขาเดินผ่านไปมาก็พากันหันมามอง
“จะไปทำไม มีแต่พวกขี้ยา พี้ยากันจนเมาเละไปหมดแล้ว! กลับบ้านกับพวกกูเนี่ยละ เอมมันก็อุตส่าห์มารับนะ” ตองเขย่าบ่ากิให้ได้สติ กิหันมามองผมอย่างแปลกใจ

“เอม... เอมมาคนเดียวเหรอ แล้ว... แล้วอั๋นละ..” คำพูดของเพื่อนทำเอาหัวใจผมหล่นวูบทันที ฟังแล้วจะร้องไห้อ่ะ สงสารมัน T^T

“เปล่าหรอก เรามากับพี่จินสองคน กลับบ้านกันเถอะนะ” ผมบีบมือเพื่อนไว้ แต่กิก็ไม่ฟัง เอาแต่ยืนยันจะกลับเข้าไปในผับท่าเดียว ผมพอจะรู้แล้วละครับ ว่าที่กิมาผับเพราะอะไร...
“กิ! มึงตั้งสติไว้ ต่อให้มึงกินเหล้าเมาทั้งคืน หรือจะสิงอยู่ที่นี่ทั้งคืน ไอ้อั๋นมันก็ไม่มาหรอก!!” คำพูดโหดร้าย แต่ก็ทำให้ตั้งสติได้ น้ำตากิไหลยังกับท่อแตกเลยครับ

“กู... กูไม่เชื่อหรอก... อั๋น.. อั๋นมันต้องต้องมาสิ มันต้องมารับกูเหมือนเมื่อก่อนอะ... ” กิทำหน้าเหยเกเหมือนเด็กที่โดนรังแก คำพูดก็ไม่สม่ำเสมอเพราะเอาแต่สะอื้นไปพูดไป สภาพของเพื่อนตอนนี้ ทำให้ผมเจ็บยิ่งกว่าเจ็บ เพื่อนคนที่แสนดี ไม่สมควรจะต้องเสียใจอย่างนี้เลย...

“กิ... อย่าร้องเลยนะ” ผมกอดกิไว้แน่น กลัว กลัวว่าถ้าปล่อยมือแล้วมันจะบินหนีเตลิดไปไหน มีเพียงเสียงสะอื้ดและเสียงสูดจมุกดังข้างหูผม พี่จินยืนพิงรถอยู่ในความมืด ตองจับมือกิเอาไว้แน่น ถ้อยคำปวดร้าวยังคงถูกถ่ายทอดออกมาไม่จบสิ้น

“กูไม่รู้ว่าจะอยู่ต่อไปยังไง... กู... กูมีมันมาตลอด ตื่นมากูก็เจอหน้ามันเป็นคนแรก ทุกอย่างที่กูทำก็เพื่อมัน กู... กูคิดถึง คิดถึงมัน อยากกอดมันเหมือนเดิม... กูมองไปทางไหนก็เหมือนผีหลอก ฮึก.. เห็นแต่ภาพมันเต็มไปหมด... กูตื่นเช้ามา ก็ได้แต่ภาวนาว่าให้เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นแค่ความฝัน แต่กูก็หลอกตัวเองไม่ได้ ก็ในความเป็นจริงไม่มีมันแล้วนี่นา... ฮือ...” เล็บกิจิกที่หลังของผม แต่น่าแปลกที่ไม่เจ็บเลยสักนิด ถ้าหากว่ามันจิกผมจนเลือดออกแล้วมันหายเจ็บได้ ผมก็ยอม...

คืนนั้นกิกับตองนอนที่บ้านผม บนเตียงในห้องรับแขกมีผม กิ และตองนอนเรียงกัน ผมจับมือกิเอาไว้ทั้งคืน เสียงสะอื้นของกิดังสม่ำเสมอราวกับเสียงหายใจ ผมได้ยินเสียงเปียโนที่นานๆทีพี่จินจะเล่น ทำนองเพลงคนลืมช้าดังอ่อนหวานเหมือนจะขับกล่อมให้หลับตา ไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร...   


ปล.นานๆมาที -..-


ออฟไลน์ gupalz

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +604/-20
สงสารกิ อั๋นจะเลิกกับกิจริงหรอ

ออฟไลน์ maicy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 303
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +52/-0
สงสารน้องกิ...มันมีมากกว่าเรื่องกินเหล้าคืนนั้นหรือเปล่า น้องอั๋นมาไขข้อข้องใจด่วน มีใหม่หรืออะไรยังไงก็บอกมา  ส่วนน้องเอมกับพี่จินก็หวานกันเหมือนเดิม รออ่านต่อนะคะ  :L2:

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
เศร้ามากกกก ฮือๆๆๆ

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
ความผิดเล็กน้อยแต่ซ้ำซาก  บางครั้งก็ทำให้หมดความอดทนได้
เรื่องนี้ต้องแก้ที่ต้นเหตุ  โทษอั๋นอย่างเดียวไม่ได้หรอกก

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
บางที่ที่กิกินเหล้ามเมา และพูดแรงๆกับอั๋นคืนนั้น มันอาจเป็นฟางเส้นสุดท้ายก็ได้นะ
ก็จะโทษจะว่าอั๋นฝ่ายเดียวก็ดูจะไม่ยุติธรรมกับอ้ํนนัก เรื่องแบบนี้ บางครั้งต้องเป็นทั้งสองคนเลยที่ต้องสำรวจตัวเอง

ออฟไลน์ moredee

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-8
เมื่อไหร่ที่กิจะเลิกเสียใจ

ออฟไลน์ TanyaPuech

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +531/-23
 :เฮ้อ:  เลิกกันเพราะเรื่องเล็กน้อย  ถ้าอั๋นรักกิจิงๆต้องให้อภัยได้สิ

ออฟไลน์ NOoTuNE

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +317/-15
บางเรื่องมันก็ดูเหมือนเรื่องเล็กๆน้อย แต่พอนานๆไปมันก็สะสมแล้วก็ค่อยๆบั่นทอนความรู้สึกกันและกัน

อีกคนไม่พูด อีกคนไม่รู้ เวลาไม่ช่วยอะไร ถ้าไม่ยอมพูดคุยกัน

กิอย่าฝืนน่ะ ถ้ามันไปกันไม่ได้จริงๆ เวลาจะช่วยทำให้ทุกอย่างดีขึ้น
สู้ๆ  :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด