***** Re: คุณชายแสนร้ายกับนายใจเย็น >>> บทส่งท้าย /// By Mitunayon
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ***** Re: คุณชายแสนร้ายกับนายใจเย็น >>> บทส่งท้าย /// By Mitunayon  (อ่าน 112852 ครั้ง)

zusuki

  • บุคคลทั่วไป
ติดตามประกาศเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆนะครับ จะอัพเดทบ่อยๆ
ถ้าผู้ใดตั้งกระทู้ไปแล้ว รบกวนแก้ไขโดยการกด modify ที่รีพลายแรกหน้าแรกของกระทู้ตัวเอง
จะเข้าไปแก้ไขรีพลายและชื่อกระทู้แรกได้นะครับ

1.นักเขียน  นักโพสทุกท่านกรุณานำข้อความใต้เส้นขึ้นต้นเรื่องด้วยนะครับ
จะได้เป็นการเตือนให้คนอ่าน รู้และตระหนักถึงความสำคัญในการอยู่ร่วมกันอย่างสงบนะครับ
จะได้ไม่มีเรื่องผิดใจ อื่นๆตามาภายหลังนะครับ

2.กรณีที่เป็นเรื่องสั้น  ให้ขึ้นต้นหัวกระทู้ว่า (เรื่องสั้น) ทุกเรื่องนะครับ   เรื่องสั้นเอาแค่ว่าใช้กับเรื่องที่ยาวไม่มาก

3.ถ้า เป็นเรื่องที่ไม่ได้แต่งเอง ให้ขออนุญาตคนเขียนจนกว่าคนเขียนจะอนุญาตจึงจะนำมาโพส และให้ต่อท้ายด้วย by ชื่อคนเขียน เช่น by somebazaay

****************************************************

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน

ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
     
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
     
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลง

มาตามลำดับ

      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น

            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบ

จริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0





บทที่ 1 – คุณชาย vs ประธาน



   “เลิกยุ่งกับฉันเสียที” หนุ่มน้อยร่างสูงเพรียว ผิวขาว ดวงตาคมกลมโตพูดกับเด็กสาวที่ตัวเล็กกว่า เธอไม่ร้องไห้สะอึกสะอื้น มีเพียงน้ำตาเอ่อคลออยู่ที่ดวงตาเท่านั้น

   “มิลค์ทำอะไรก็ผิดตลอด ไม่เคยถูกใจภีมเลยสักอย่าง” เธอตัดพ้ออย่างน้อยใจ ตลอดเวลาหนึ่งปีที่คบกันเขาไม่เคยทำหน้าที่คนรักที่ดีของเธอเลยสักครั้ง

   “รู้ตัวนี่ เธอทำอะไรก็ไม่ถูกใจฉันสักอย่าง ต่อไปเธอไม่ต้องมายุ่งกับฉันอีก” ภีมตะโกนใส่สาวน้อยตรงหน้าที่กำลังสะอื้นอยู่อย่างโมโห

   “ไอ้บ้า คนบ้า นายมันบ้า ฉันเป็นถึงดาวโรงเรียนเชียวนะ”

   “แล้วยังไง ก็แค่ดาวโรงเรียน ไปให้พ้นหน้าฉันเดี๋ยวนี้เลย” ภีมถลึงตาใส่มิลค์

   “ไอ้คนเลว ฉันเกลียดนาย” มิลค์วิ่งหนีไป

   ภีมส่ายหัวอย่างแรงครั้งหนึ่งก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะหินอ่อนหลังโรงเรียน ที่นั่งประจำของเขา

   ภีมเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดีที่พ่วงด้วยความสามารถในการเล่นดนตรี ไม่ว่าจะเป็นเปียโน กีต้าร์ ไวโอลิน หรือแซ็กโซโฟน แต่สิ่งที่ภีมไม่ถนัดเลยจริงๆคือเรื่องเรียน

   เสียงออดซึ่งเป็นสัญญาณว่าถึงเวลาเข้าเรียนวิชาแรกดังขึ้น ภีมสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ลุกขึ้นจะไปเรียนอย่างคนอื่น เขายังคงนั่งอยู่ที่เดิมอย่างเงียบๆ

   เนิ่นนานอย่างนั้น จนกระทั่งใครคนหนึ่งเรียกชื่อเขา “ภีม”

   ภีมหันไปตามเสียงเรียกนั้น “นายเองเหรอ นึกว่าใคร”

   “ทำไมไม่เข้าเรียน” เสียงทุ้มเรียบเฉยของคนมาใหม่สร้างโทสะให้คนเลือดร้อนอย่างภีมเป็นที่สุด

   “แล้วนายจะมาสะเออะ-อะไรกับเรื่องของฉันวะ ไอ้ประธานนักเรียนขี้เหม็น” ภีมตะคอกใส่หนุ่มร่างสูง ทว่าดูกำยำกว่าเขาหลายเท่าตัว

   “ฉันก็ไม่อยากยุ่งหรอกนะ ถ้าไม่บังเอิญเห็นสารวัตรนักเรียนกำลังมาทางนี้” เขาพูดพลางเหล่ตาไปอีกทางหนึ่ง ภีมมองตาม เขาไม่ได้โกหกจริงๆ

   “ไอ้ประธานนักเรียนขี้เหม็น” ภีมพูดใส่หน้าเขาก่อนจะคว้ากระเป๋าเรียนเดินหนีไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ลืมที่จะหันมาแลบลิ้นใส่

   คนถูกว่าเป็นประธานนักเรียนขี้เหม็นยังมีสีหน้าเรียบเฉยดุจเดิม ไม่นานนักสารวัตรนักเรียนก็เดินมาทางที่เขายืนอยู่

   “เมื่อกี้คุยอยู่กับใครหรือครับประธาน” สารวัตรนักเรียนชื่อเบสท์ถามขึ้น

   “อ๋อ เพื่อนน่ะ ไม่มีอะไรหรอก”

   “แล้วเย็นนี้...”

   “มีประชุมที่สระว่ายน้ำใหญ่ บอกสารวัตรนักเรียนทุกคนด้วย” น้ำเสียงยังคงเรียบเฉยดุจเดิม

   “ครับ”

   ประธานนักเรียนหนุ่มเดินไปเรียนตามปกติ ระหว่างทางก็คิดถึงเรื่องเด็กหนุ่มที่ชื่อภีมขึ้นมา อยู่ดีดีเขาต้องสนใจหมอนี่ทำไมกัน ทั้งๆที่เห็นหน้ากันมาตั้งแต่อยู่ ม.4 แล้ว (ตอนนี้ทั้งคู่อยู่ม.6)

   เขาสะบัดศีรษะแรงๆไล่ความคิดนี้ไปก่อนจะรีบวิ่งขึ้นไปเรียนให้เร็วที่สุด

   “สวัสดีจ้ะฟิน ทำไมวันนี้มาเรียนสายนักล่ะ” เพื่อนร่วมห้องที่ชื่อเพลงทักขึ้น

   “บังเอิญต้องไปทำธุระเรื่องกองทุนของโรงเรียนน่ะ” ฟินตอบเสียงเรียบ ใบหน้าหล่อยังคงไร้รอยยิ้ม เขาเป็นคนไม่ชอบยิ้มมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วไม่ว่าจะกับใครก็ตาม

   “แล้วเย็นวันนี้เราจะไปประชุมกันที่ไหนดีล่ะ”

   “ที่สระว่ายน้ำใหญ่ของโรงเรียน วันนี้จะมีรุ่นพี่ที่จบไปแล้ว เข้าร่วมการประชุมด้วย”

   เพลงพยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าเข้าใจ

   เย็นวันนั้นหลังเลิกเรียน ฟินและกรรมการนักเรียนทุกคนเดินไปยังสระว่ายน้ำใหญ่ของโรงเรียน

   รุ่นพี่มารออยู่แล้ว ฟินเดินเข้าไปทักทายรุ่นพี่อย่างมีมารยาท ทว่าสีหน้ายังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

   “ฟินจ๊ะ พี่ขอดูรายละเอียดการจัดงานเลี้ยงรุ่นหน่อยสิจ๊ะ” รุ่นพี่สาวสวยคนหนึ่งพูดขึ้น เธอพูดพลางเดินเข้าไปใกล้หนุ่มน้อยอย่างช้าๆ ใบหน้าสวยประดับด้วยรอยยิ้มชวนมอง

   “ได้ครับ” ฟินส่งแฟ้มเอกสารที่ถืออยู่ให้เธอก่อนจะเขยิบตัวออกห่างไปสามก้าวพลันสายตาก็เหลือบเห็นร่างสูงคุ้นตากำลังทำลับๆล่อๆอยู่ที่หลังโรงเรียน

   “บอล ฝากเป็นหัวหน้าการประชุมนี่พักนึง เดี๋ยวฉันมา” ฟินพูดพลางยัดกระดาษสองสามแผ่นให้กับบอลก่อนจะวิ่งไปที่หลังโรงเรียนอย่างรวดเร็ว

   ร่างสูงคุ้นตาที่ว่าไม่ใช่ใคร ภีมนั่นเอง...

   ฟินยืนมองภีมอยู่ห่างๆ เขาต้องการดูให้แน่ใจก่อนว่าหมอนี่คิดจะทำอะไรอีก

   ภีมเปิดกระเป๋าเป้หยิบฮาโมนิก้าสีเงินขึ้นมาเป่า จังหวะที่เป่านั้นบอกไม่ได้ว่าเป็นจังหวะอะไรเพราะมันฟังไม่รู้เรื่องเอาเสียเลย ภีมถนัดเล่นดนตรีหลายชนิดแต่สำหรับฮาโมนิก้าเขารู้สึกว่ามันช่างเป่ายากเหลือเกิน

   “เป่ายากไปไหน...” ภีมบ่นอุบพลางลองเป่าอีกครั้งอย่างใจเย็น

   แต่ยังคงเหมือนเดิม

   “อะไรวะเนี่ย” แล้วเมาท์ออร์แกนก็ถูกปาลงพื้นเรียบร้อย

   “นักดนตรีอย่างนายไม่น่าเชื่อว่าจะเป่าเจ้านี่ไม่เป็น” ฟินหยิบฮาโมนิก้าที่อยู่บนพื้นขึ้นมาก่อนจะเป่ามันด้วยท่าทางสบายๆ
   
   ฟินเป็นคนเก่ง ทั้งเรื่องเรียน เล่นกีฬา ทำกิจกรรมและอะไรหลายๆอย่าง แต่สำหรับเรื่องดนตรีแล้วเขาไม่ถนัดจริงๆแต่ก็ยังมีเม้าท์ออร์แกนนี่ล่ะ ที่เขาสามารถเป่ามันได้

   ภีมมองหนุ่มร่างสูงตรงหน้าอย่างตกใจ

   ไอ้หมอนี่มันจะเก่งทุกอย่างเลยหรือไงเนี่ย

   “ต้องเป่าอย่างใจเย็น” ฟินว่าพลางส่งฮาโมนิก้าคืนให้ภีม

   “ไสหัวไปไกลๆเลย ใครสั่งให้นายมาสั่งสอนฉันเนี่ย”

   “พูดดีๆกับคนอื่นไม่เป็นรึไง คุณชายภีม” ฟินพูดเสียงเย็นชาก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ภีม

   หนุ่มร่างสูงอีกคนรีบกระโดดหนีแทบจะทันที ไม่เคยเห็นประธานนักเรียนคนนี้จู่โจมกะทันหันเลยรู้สึกตกใจ

   “นายจะทำอะไร”

   “สั่งสอนนายให้รู้จักพูดดีๆกับคนอื่นบ้างน่ะสิ” ฟินว่าแล้วเดินเข้าไปใกล้อีก

   “ไอ้บ้าเอ๊ย...” ภีมปล่อยหมัดไปสู่ใบหน้าหล่อของฟินอย่างแรงโดยที่ไม่รู้ตัว

   “ต่อยฉันทำไม” ฟินใช้มือเช็ดเลือดที่อยู่ตรงมุมปากก่อนจะเดินหนีไปดื้อๆ ส่วนภีมก็ได้แต่นิ่งอึ้งตกใจในการกระทำของตนเอง

   “แล้วเราไปต่อยมันทำไมหว่า” ภีมพูดกับตัวเอง แต่พอมานั่งคิดไปคิดมาก็รู้สึกว่านั่นเป็นสิ่งที่สมควรทำแล้ว

   ก็ไอ้ประธานขี้เหม็นดันมายุ่งกับเขาทำไมกัน ต่างคนต่างอยู่มาตั้งสองปีแล้ว อยู่ดีดีเกิดจะมาหาเรื่องเขาในปีสุดท้ายเสียนี่มันก็สมควรแล้ว




 :z6: :z6: :z6: :z6: :z6:
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-10-2011 20:17:34 โดย zusuki »

เจริญพร

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ silverphoenix

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +347/-3
ต้อนรับเรื่องใหม่จ้าาา

ต้องแปะกฏไว้ที่รีแรกด้วยน้า  ดูได้จากเรื่องอื่นๆ

คุณประธานนี่เป็นพระเอกใช่ม้าาา  ชอบอ้ะ  555

zusuki

  • บุคคลทั่วไป




บทที่ 2 - คุณชายภีม




   “ยัยบ้าเอ๊ย ถ้าทำไม่เป็นก็อย่ามายุ่ง” ภีมตวาดใส่สาวใช้ตัวเล็กที่กำลังตัวสั่นเทาเพราะความกลัว เธอเพิ่งเข้ามาทำงานในคฤหาสน์หรูของตระกูลพิริยะวันเดียวแต่ต้องมาถูกเจ้านายอารมณ์ร้อนคนนี้ตวาดใส่ด้วยสุ้มเสียงอันดัง เพียงเพราะเธอทำผมให้เขาผิดแบบ

   “ขอโทษค่ะคุณภีม คือว่า...”

   “ไม่ต้องมาพูด ขี้เกียจฟัง ออกไปจากห้องฉันเลย” ภีมชี้ไปที่ประตูห้อง ใบหน้าคมซีดลงด้วยความโมโห

   “ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจสักอย่างคนบ้านนี้”

   ภีมเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูลพิริยะ พ่อและแม่ของเขาเป็นนักธุรกิจค้าเพชรพลอยชื่อดังของประเทศ รวมถึงนอกประเทศด้วย แต่ทั้งสองไม่มีเวลาให้ลูกชายมากนักเพราะต้องเดินทางไปโน่นมานี่อยู่ตลอดเวลา ภีมจึงต้องอยู่ลำพังกับบรรดาสาวใช้

   และพี่สาวคนโตที่ดูบ๊องส์ๆบวมๆ เธอจะกลับบ้านเฉพาะเวลาที่จำเป็นเท่านั้น

   อย่างเช่นวันนี้...

   ภูรดาเดินเข้าบ้านมาอย่างหัวฟัดหัวเหวี่ยง จะไม่เหวี่ยงได้อย่างไรไหว ในเมื่อน้องชายตัวดีโดดเรียนบ่อยเสียจนมีจดหมายจากฝ่ายปกครองส่งไปถึงที่ทำงานของเธอ

   “เจ้าภีม เจ้าน้องตัวดี อยู่ไหน ออกมาเดี๋ยวนี้เลย” สาวร่างใหญ่ตะโกนลั่นบ้าน บรรดาสาวใช้ต่างก็แตกตื่นตกใจที่คุณหนูใหญ่ของบ้านอารมณ์ร้ายดุจพายุที่พัดติดต่อกันสามวันสามคืน

   “มีอะไรกับผมหรือครับคุณพี่” ภีมเดินออกมาจากห้องนั่งเล่นที่อยู่อีกทางหนึ่งด้วยสีหน้ายียวนกวนอารมณ์

   “ทำไมไม่เข้าเรียนมิทราบไอ้ตัวแสบ เห็นมั้ยนี่อะไร” ภูรดายื่นจดหมายให้ภีม เขารับมาแต่โดยดีก่อนจะคลี่รอยยิ้มสวยออกมา “ก็แค่จดหมายธรรมดา”

   “อีกเรื่อง ผลการเรียนของแกที่มันจะตกแหล่มิตกแหล่”

   “แล้วยังไง”

   “ถ้าขืนยังเป็นแบบนี้ พี่จะขนเครื่องดนตรีในบ้านทิ้งไปให้หมด แกจะได้ตั้งใจเรียนหนังสืออย่างเดียว” ภูรดายื่นคำขาด

   “พี่ไม่มีสิทธิ์มายุ่งกับเครื่องดนตรีของผม” ภีมตะคอกใส่พี่สาวอย่างลืมตัว

   “แล้วทำไมแกถึงไม่ตั้งใจเรียนเลย นี่ใกล้สอบแล้ว ไหนจะเอ็นทรานซ์อีกล่ะ” ภูรดาน้ำเสียงอ่อนลง แม้ภายนอกเธอจะไม่แสดงออกว่ารักน้องชายแค่ไหนแต่ใครเล่าจะล่วงรู้ว่าข้างในแล้วเธอมีความรักให้กับน้องชายขี้โมโหคนนี้อย่างสุดหัวใจ

   “ผมเบื่อโรงเรียน เบื่อครู เบื่อทุกอย่าง”

   “ชีวิตคนเราไม่ได้มีแค่ดนตรี มันมีอะไรอีกหลายๆอย่างที่แกต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับมัน”

   “ผมไม่สน...” ภีมเสมองไปอีกทาง

   “ไม่สนไม่ได้หรอก พี่จะไม่ยอมให้แกเติบโตไปเป็นคนที่ไร้ประโยชน์เด็ดขาด”

   “พี่กลัวเสียชื่อตระกูลใช่มั้ยล่ะ”

   “พี่กลัวว่าแกจะเสียใจต่างหาก เสียใจที่ทำไมตอนนั้นแกไม่ตั้งใจเรียน”

   “ผมไม่เสียใจหรอก”

   “พี่จะจ้างครูพิเศษมาสอนวันเสาร์อาทิตย์ 3 เดือนต่อจากนี้แกต้องเรียนพิเศษและตั้งใจสอบเอ็นทรานซ์ให้ได้” ภูรดาพูดก่อนจะเดินลิ่วๆออกจากบ้านแล้วขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว

   ภีมมองตามอย่างเศร้าสร้อย คนอย่างเขาก็ต้องอยู่คนเดียววันยังค่ำนั่นล่ะ

   ทุกคนล้วนแล้วแต่คาดหวังกับเขาอย่างโน่นอย่างนี้ แต่ไม่เคยคิดจะใส่ใจในความเป็นเขาเลย

   ภีมฉีกจดหมายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยก่อนจะปาทิ้งด้วยความโมโห

   ร่างสูงเดินขึ้นบันไดเกลียวกว่าสี่สิบขั้นเพื่อไปยังห้องดนตรีที่อยู่ชั้นสามของบ้าน ชั้นนี้ไม่มีใครขึ้นมายุ่งกับชีวิตของเขาได้ จะไม่มีแม่บ้านคนไหนขึ้นมาได้ถ้าเขาไม่อนุญาต เพราะที่นี่เป็นของเขาคนเดียว เป็นที่ระหว่างเขาและดนตรี

   ภีมเดินไปหยุดอยู่ที่เปียโนหลังใหญ่สีดำมันวาวก่อนจะใช้มือสัมผัสมันเบาๆอย่างรักใคร่ นี่คือเครื่องดนตรีชิ้นแรกที่เขาเล่นมัน

   นอกจากเปียโนแล้ว ในห้องนั้นยังมีกีต้าร์สีดำอีกสองตัววางอยู่ที่มุมห้องด้านซ้ายมือ ตัวแรกเป็นกีต้าร์ไฟฟ้า อีกตัวเป็นกีต้าร์คลาสสิก ถัดมาจากกีต้าร์คือกลองชุดสีดำ ภีมไม่ชอบตีกลองแต่นี่คือของขวัญที่ผู้เป็นพ่อซื้อให้ตอนวันเกิด มันเป็นสิ่งที่เขาไม่อยากนึกถึงเพราะพ่อของเขาซื้อมาอย่างไม่ตั้งใจ

   การซื้อของที่คิดว่าลูกชายน่าจะชอบจากการเดาสุ่มไม่ใช่สิ่งที่น่าประทับใจนัก ภีมคิดเสมอว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่น่าจะรู้ดีว่าลูกชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไร แต่พ่อแม่ของเขาไม่ใช่เลย ทั้งสองไม่รู้กระทั่ง ภีมเป็นอย่างไรเสียด้วยซ้ำ

   เครื่องดนตรีอีกชิ้นที่ภีมชอบคือแซ็กโซโฟน มันถูกจัดวางอย่างสวยงามในตู้กระจกใส แซ็กโซโฟนชิ้นนี้พี่สาวเขาเป็นคนซื้อให้เนื่องในโอกาสที่เขาสอบเข้ามัธยมต้นได้ ผ่านมาหลายปีแล้วแต่แซ็กโซโฟนตัวนี่ก็ยังดูสวยเสมอ

   ในตู้กระจกใสนั่น นอกจากจะมีแซ็กโซโฟนแล้วยังมีไวโอลินสีดำที่สั่งทำขึ้นพิเศษจากเมืองนอกอีกหนึ่งตัววางอยู่ใกล้กัน ภีมรักไวโอลินชิ้นนี้มากเช่นกันเพราะมันเป็นเครื่องดนตรีชิ้นแรกที่เขาเก็บเงินซื้อด้วยตัวเอง

   ภีมมองไปรอบๆห้อง เขาไม่มีวันยอมให้เครื่องดนตรีเหล่านี้ถูกเคลื่อนย้ายไปไว้ไหนก็ได้ตามใจชอบหรอก ถ้าใครคิดจะทำแบบนั้นต้องข้ามศพเขาไปก่อน



 :m31: :m31: :m31: :m31: :m31:



ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

zusuki

  • บุคคลทั่วไป



บทที่ 3 - ประธานนักเรียน




   ฟินกำลังง่วนอยู่กับการเก็บข้าวของที่กระจัดกระจายในห้องให้เข้าที่ดังเดิม การที่เขาต้องย้ายออกจากบ้านหลังใหญ่มาอยู่คอนโดเพียงคนเดียวไม่ใช่เรื่องง่ายเลย จะทำอย่างไรได้เล่าในเมื่อเขาเป็นเด็กต่างจังหวัดนี่

   ฟินย้ายมาอยู่คอนโดที่พ่อซื้อให้ได้เกือบสามปีแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกเงียบเหงาอยู่บ้างเพราะไม่ได้เห็นหน้าพ่อแม่และน้องสาวที่น่ารักเหมือนเช่นทุกวัน

   ฟินต้องออกมาอยู่คนเดียวเพราะที่นี่อยู่ใกล้โรงเรียน สะดวกต่อการเดินทางไปไหนมาไหน ครอบครัวของฟินมีฐานะดีแต่ก็ไม่ถึงกับร่ำรวยอะไร พ่อและแม่ของเขาเป็นเจ้าของฟาร์มโคนมชื่อดังที่อยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

   คอนโดราคาสูงแห่งนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยามีวิวสวยงามทั้งยังสะดวกต่อการเดินทาง แม่ของเขาเป็นคนเลือกที่นี่ ฟินไม่ค่อยพอใจเท่าไรนักเพราะสิ้นเปลือง น่าจะเอาเงินไปทำอย่างอื่นมากกว่า

   แต่ในเมื่อเป็นความสบายใจของพ่อและแม่เขาก็ต้องยอมรับมัน

   ฟินจะหางานพิเศษทำเสมอแต่งานที่เขาถนัดที่สุดคือการสอนพิเศษ ตอนนี้ฟินจึงทำงานเป็นครูสอนพิเศษที่สถาบันกวดวิชาแห่งหนึ่ง

   และวันนี้คือวันทำงานที่ปวดหัวที่สุด

   “ครูฟิน ดูข้อนี้ให้กิฟท์หน่อยสิคะ” สาวน้อยชื่อกิฟท์พูดพลางชี้ไปที่การบ้านข้อหนึ่งที่ฟินดูอย่างไรก็ไม่น่าจะเกินความสามารถของเด็ก ม.4

   “สมการข้อนี้ต้องใช้สูตรนี้ครับ” เขาพูดพลางชี้ไปที่สูตรสมการที่อยู่ทางด้านขวาของกระดาษ

   “แล้วต้องทำยังไงคะ” เธอถามต่อ

   “ทำตามสูตรได้เลยครับ ข้อนี้ครูว่าเป็นข้อที่ง่ายมากๆเลยนะ” ฟินพูด เขายังคงไม่ยิ้มเช่นเดิม

   “แต่กิฟท์ทำไม่ได้นี่ ครูก็ทำให้ดูหน่อยสิคะ”

   “มันยากตรงไหนกับการที่แทนตัวเลขลงในสูตรนี้” ฟินพูดพลางหยิบปากกามาขีดๆเขียนๆอะไรบางอย่างลงในกระดาษ

   “ทำแบบนี้” ฟินไสกระดาษกลับคืนไปให้สาวน้อยที่ทำหน้ามุ้ยอยู่ตรงหน้า

   “ไม่อยากเรียนแล้ว เบื่อครูฟินที่สุด” ว่าแล้วสาวน้อยก็สะบัดหน้าหนีหายไปไม่มาเรียนอีกเลย มิหนำซ้ำพ่อแม่ของเธอยังมาต่อว่าเขาอีก

   “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยจริงๆครับ” ฟินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยตามแบบฉบับ หัวหน้าสถาบันกวดวิชามองเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างเข้าใจ กรณีนี้เกิดขึ้นมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วแต่วันนี้แย่หน่อยที่มีผู้ปกครองมาต่อว่าถึงที่

   “ผมเข้าใจนะฟิน เด็กเหล่านี้อาจต้องการการใส่ใจจากคุณ”

   “แต่ผมอยู่ในฐานะครู มีหน้าที่ให้ความรู้ ไม่ใช่ให้สิ่งอื่น ผมตามใจเด็กทุกคนไม่ได้หรอกครับ”

   “อืม ผมเข้าใจ”

   “คุณอยากไล่ผมออกหรือเปล่า”

   “ไม่ล่ะ คนเก่งๆอย่างฟิน ผมไม่กล้าไล่ออกหรอก ว่าแต่ปีนี้เอ็นท์แล้วใช่มั้ย”

   ฟินพยักหน้ารับเบาๆ

   “แล้วยังอยากจะทำงานนี้อยู่หรือเปล่าล่ะ”

   “อยากครับ ผมชอบงานนี้”

   “อืมม...ผมมีงานๆนึงให้คุณทำ ไม่เห็นว่ามีใครเหมาะสมเท่าคุณ” หัวหน้ายิ้มน้อยๆก่อนจะบอกออกมา “ไปสอนพิเศษนอกสถานที่ สนใจมั้ยล่ะ”

   “ที่ไหนครับ” ในน้ำเสียงนั้นไม่มีแววแตกตื่นตกใจเลยสักนิดเดียว

   “ที่บ้านของเด็กคนหนึ่ง น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับฟินนี่ล่ะ คือพี่สาวของเด็กคนนี้เป็นเพื่อนของผมและก็ขอร้องให้ผมหาครูสอนพิเศษที่น่าจะเข้าถึงจิตใจเด็กคนนี้ให้หน่อย”

   “แล้วทำไมต้องเป็นผมล่ะ”

   “ผมคิดว่าคนอายุใกล้กันน่าจะพูดจากันรู้เรื่องมากกว่า”

   “ไม่มีปัญหาครับ ผมรับงานนี้”

   หัวหน้ายื่นรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับงานนี้ให้ฟิน มีทั้งแผนที่บ้าน วิชาที่ต้องการให้สอนรวมถึงรายละเอียดเรื่องค่าจ้างและสัญญาว่าจ้าง

   “ผมต้องเขียนสัญญานี่ด้วยหรือครับ ในเมื่ออย่างไรผมก็เป็นคนของที่นี่”

   “เพื่อนของผมต้องการแบบนี้น่ะ ฟินก็เขียนๆไปเถอะ” หัวหน้าบอกปัดๆไป จะให้บอกความจริงได้อย่างไรล่ะว่าที่ต้องมีสัญญานี้ก็เพราะเด็กคนนั้นเป็นคนขี้โมโห อารมณ์ร้าย เกิดครูทนไม่ได้ลาออกกลางคัน เธอก็ต้องเสียเวลามาหาครูพิเศษคนใหม่อีกน่ะสิ

   ฟินลังเลเล็กน้อยแต่ก็ยอมเซ็นต์สัญญานั้นโดยดีโดยที่ไม่ได้อ่านรายละเอียดให้ชัดเจน

   เป็นอันว่า “สัญญาสมบูรณ์แล้ว ต่อจากนี้ฟินเป็นครูสอนพิเศษที่นั่นอย่างไม่ต้องสงสัย”



 o18 o18 o18 o18 o18 o18 o18

artit

  • บุคคลทั่วไป

zusuki

  • บุคคลทั่วไป




บทที่ 4 - ครูสอนพิเศษ



   ฟินใช้เวลาเดินทางมาคฤหาสน์หลังใหญ่นานพอสมควรเพราะหลงทาง ไม่น่าเชื่อว่าคฤหาสน์หลังงามนี้จะตั้งอยู่ในที่ที่บดบังความสวยงามไปสิ้นอย่างในป่า และไม่น่าเชื่ออีกเช่นกันว่าในกรุงเทพฯยังมีป่าที่รกทึบแบบนี้อยู่อีก

   เขาจอดรถมอเตอร์ไซค์สีดำคันงามไว้ที่หน้าคฤหาสน์ก่อนจะลงมากดกริ่งหน้าบ้านอย่างใจเย็น

   ไม่นานนัก แม่บ้านวัยกลางคนก็ออกมาเปิดประตูแล้วเชิญเขาเข้าไปข้างในด้วยท่าทางเรียบร้อย “คุณชายรออยู่ในห้องแล้วค่ะ”

   เธอว่าพลางเดินนำไปที่ชั้นสองของบ้าน พาเขาไปยังห้องเขียนหนังสือส่วนตัวของคุณชาย

   ฟินรู้สึกตกใจเล็กน้อยที่คฤหาสน์หลังใหญ่นี้มีแต่ของสวยๆงาม ตั้งแต่ตัวคฤหาสน์ที่มีความหรูหราสไตล์ยุโรปแต่กลับอยู่ในที่ที่ปกคลุมไปด้วยพรรณไม้ใหญ่ทำให้ความสวยถูกกลืนกินไปหมด แล้วยังเฟอร์นิเจอร์ที่ดูหรูหรานั่นอีกเล่า มันดูใหม่เหมือนกับไม่เคยมีใครนั่งมาก่อน

   แม่บ้านหยุดฝีเท้าลงที่ประตูใหญ่สีเขียวสดก่อนจะหันมายิ้มให้ฟิน “คุณชายอยู่ข้างในแล้วค่ะ โชคดีนะคะคุณ” แล้วเธอก็รีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วโดยไม่เปิดโอกาสให้ฟินได้เอ่ยถามอะไรเลย

   ฟินเคาะประตูสามครั้งตามมารยาทแล้วรอให้เจ้าของห้องตอบรับ

   เงียบ...

   ก๊อกๆๆ  ฟินเพิ่มแรงเข้าไปอีก

   “ก็เข้ามาสิ จะมีมารยาทไปทำไมครับคุณครู” เสียงตอบรับนั้นคุ้นหูฟินเหลือเกิน มันฟังดูยียวนจนน่าโมโห

   ฟินเปิดประตูห้องเบาๆ พบร่างสูงยืนหันหลังล้วงกระเป๋าอยู่ริมหน้าต่างอย่างไว้ตัว

   “คุณคือนักเรียนของผม” ฟินถามเรียบๆแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบกลับมาจึงวางแฟ้มเอกสารที่เตรียมมาลงบนโต๊ะ ใบหน้าหล่อฉายแววสงสัย ดวงตาคมจับจ้องอยู่ที่ร่างสูงนั้น รอคอยให้เขาหันมา

   “รู้ไหมว่าคุณคิดผิด” น้ำเสียงยังคงยียวนดุจเดิม เขาแค่นเสียงหัวเราะครั้งหนึ่งก่อนจะพูดต่อ “ที่เลือกมาสอนคนอย่างผม”

   “แต่ผมกลับไม่คิดอย่างนั้น เอาล่ะ...เรามาเริ่มเรียนกันได้แล้ว” ฟินเปลี่ยนประเด็นไป

   ร่างสูงหันหน้ามาเผชิญกับครูคนใหม่ ใบหน้ายียวนเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าของคนที่ตกใจสุดขีด “เฮ้ย ทำไมเป็นนายไปได้”

   เสียงร้องของเด็กหนุ่มทำให้ฟินละสายตาจากเอกสารตรงหน้า เขาตะลึงงันไปครู่หนึ่งแต่สีหน้ายังคงเรียบเฉยเช่นเดิม

   “นายนี่เอง ภีม” รอยยิ้มผุดขึ้นที่ริมฝีปากสวยของฟินโดยที่ไม่รู้ตัว ภีมถลึงตามองใบหน้าหล่อนั่น ก่อนจะขยี้ตาแรงๆ

   เราตาฝาดหรือเปล่าวะ ที่เห็นหมอนี่มันยิ้ม

   “ไม่มีจะกิน ขนาดต้องมาทำงานพิเศษเลยเหรอ” ภีมพูดกลั้วหัวเราะ พลางมองคนตรงหน้าอย่างประเมินฐานะและชนชั้น “ก็อย่างว่าล่ะนะ โรงเรียนเอกชนชื่อดังแบบนี้ ใครๆก็อยากเรียนกันทั้งนั้น ต่อให้จนแค่ไหนก็ตาม”

   “ฉันทำงานนี้ก็เพราะรักในการสอน ไม่ใช่อยากได้เงิน” ฟินพูดเสียงเรียบ ใบหน้ายังคงเรียบเฉย ทว่ากำมือแน่นอย่างสะกดอารมณ์

   ภีมเดินวนรอบโต๊ะช้าๆก่อนจะหยุดลงที่ข้างหลังของฟิน ใบหน้าคมชะโงกหน้ามองไปยังเอกสารที่ฟินเตรียมมา “เป็นคนที่วางแผนอย่างรอบคอบ สมแล้วที่เป็นประธานนักเรียน”    

   “หยุดกวนประสาทฉันได้แล้วภีม” ฟินหันหน้าไปทางที่ภีมชะโงกมา ใบหน้าของทั้งคู่ห่างกันเพียงคืบ

   ใบหน้าของฟินแดงระเรื่อ ดูน่ามองไม่น้อยเมื่อใบหน้าเย็นชามีสีเลือดฝาด ภีมมองใบหน้าหล่อที่ดูแปลกตาอย่างชั่งใจ “นายจะหน้าแดงทำไม”

   “เปล่านี่”

   “เฮอะ นายนี่มันไม่ต่างอะไรกับท่อนไม้เลย” ภีมพยายามพูดกวนอารมณ์ของคนตรงหน้า

   “แล้วนายล่ะ เป็นอะไรดี” ฟินย้อนเข้าให้

   ภีมชะงักไปครู่หนึ่ง พยายามคิดว่าจะมีคำพูดใดบ้างที่สามารถยั่วโทสะประธานนักเรียนคนนี้ได้โดยที่ไม่ถูกย้อนกลับมา

   ใบหน้าคมบิดเบี้ยวไปนิดนึงอย่างใช้ความคิด

   “เอาล่ะ หมดเวลาไร้สาระแล้ว นั่งลงเดี๋ยวนี้” ยังไม่ทันที่ภีมจะนึกอะไรออก ฟินก็พูดแทรกขึ้นก่อน

   “เรียนก็เรียน” ภีมทวนประโยคเดิมซ้ำอีกครั้ง ก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ของตนเอง “ทำไมช่วงนี้ฉันกับนายต้องมาเกี่ยวข้องกันบ่อยๆ มันน่าแปลกจริงๆ” ภีมพูดขึ้นลอย เหมือนจะพูดกับตัวเอง แต่ว่าสายตากลับไปหยุดอยู่ที่ฟิน
   
   “นั่นสินะ ฉันก็เคยสงสัยเหมือนกัน เห็นนายมาตั้งหลายปีไม่ยักกะน่าสนใจเท่าตอนนี้” ฟินยักไหล่อย่างไม่คิดว่าเป็นเรื่องสำคัญ

   แต่คำพูดนั้น...ทำให้ใบหน้าของภีมร้อนผ่าวขึ้นมา “นายหมายความว่ายังไง” ภีมหรี่ตามองฟิน อย่างขอคำตอบ

   “นายอยากรู้ไปทำไมล่ะภีม” ฟินยิ้มมุมปากออกมา แล้วเงยหน้าขึ้นสบกับดวงตาของภีม

   “ฉันก็แค่ถามความเห็นนายเฉยๆ คนอย่างฉันไม่คิดจะสุงสิงกับพวกคณะกรรมการนักเรียนอยู่แล้ว” อยู่ดีดีภีมก็เปลี่ยนเรื่องกะทันหัน

   “ทำไมนายถึงไม่ชอบพวกเรา”

   “แล้วทำไมพวกนายต้องดึงคนจากชมรมดนตรีให้ออกไปอยู่ชมรมอื่นล่ะ มีเหตุผลอะไร” ภีมพูดไปพูดมาก็เข้าเรื่องชมรมดนตรีที่ตนเป็นหัวหน้าชมรมอยู่เสียอย่างนั้น

   “นายไม่คิดเหรอว่าคนพวกนั้นเขาอยากออกไปเอง” ฟินย้อนถามภีม ดวงตาคมจับจ้องที่ดวงหน้าของภีมอย่างจริงจัง ฟินกำลังใช้สายตาคาดคั้นความรู้สึกและความคิดของภีม

   “มีคนอย่างฉันเป็นหัวหน้าชมรม เขาจะอยากออกไปไหน” ภีมพูดอย่างถือดี

   “ก็เพราะมีนายเป็นหัวหน้านี่ล่ะ พวกเขาถึงได้ออกไป” ฟินจ้องภีมด้วยแววตาที่อ่อนลงแต่น้ำเสียงยังคงเย็นชาเช่นเดิม

   ภีมเลือดขึ้นหน้าแทบจะทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้นของฟิน เขากระชากร่างสูงที่นั่งอยู่ให้ลุกขึ้นอย่างแรงก่อนจะปล่อยหมัดไปที่ใบหน้าหล่อของฟิน

   เป็นครั้งที่สองแล้วที่ภีมใช้กำลังกับฟิน และก็เป็นครั้งที่สองเช่นกันที่ฟินไม่ได้ตอบโต้อะไร  แต่เลือดที่ขมปร่าอยู่เต็มปากนี่สิทำให้เขารู้สึกอยากจะพ่นมันออกมา

   “พูดอย่างนี้หมายความว่ายังไงวะ ไอ้ประธานนักเรียน” ภีมตวาดใส่คนที่ตัวโตกว่าอย่างโมโห ไม่เคยมีใครเคยพูดจาแบบนี้ใส่เขามาก่อน ฟินเป็นคนแรก

   ฟินยกมือขึ้นปาดเลือดที่อยู่บนริมฝีปากออกก่อนจะมองหน้าภีมโดยที่ไม่พูดอะไร ส่วนภีมเมื่อถูกจ้องแบบนั้นนานๆก็ยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่

   ภีมดันร่างสูงให้เซถลาไปจนชิดประตูห้องสีเขียวสด เขาใช้แขนขวาพาดทับที่ลำคอของฟิน แล้วกัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงอันดัง
   “ฉันให้โอกาสนายพูดอีกครั้ง ไม่งั้น...นายตายแน่”

   ฟินยังคงไม่สะทกสะท้านกับคำขู่ของภีม “ที่ทุกคนออกจากชมรมดนตรีก็เพราะว่ามีหัวหน้าที่ดีแต่ใช้กำลังแบนี้ไงล่ะ นายอยู่กับเสียงดนตรีไม่น่าจะเป็นคนที่หยาบกระด้างแบบนี้เลยนะ”

   หยาบกระด้างเหรอ หมอนี่เป็นใครถึงกล้ามาว่าฉันแบบนี้  ภีมสั่นหน้าไม่ยอมรับกับคำพูดนั้นของฟิน

   “ไม่จริง ฉันไม่ใช่คนหยาบกระด้าง” น้ำเสียงปฏิเสธของภีมสั่นเครือ เขารู้สึกว่ายิ่งปฏิเสธก็ยิ่งเหมือนกับมันเป็นความจริง

   “แต่มันก็ยังไม่สาย ถ้านายจะปรับตัว” ฟินพูดแทรกขึ้นมา

   “หุบปากไปเลย ใครให้นายมาสั่งสอน” ภีมตวาดใส่ฟินก่อนจะเพิ่มแรงที่แขนให้มีน้ำหนักมากขึ้นโดยที่ไม่รู้ตัว

   ฟินเริ่มรู้สึกหายใจไม่ออก คิดในใจว่า ภีมคงไม่โกรธถึงขนาดที่ต้องฆ่าเขาหรอกมั้ง

   แต่เหมือนฟินจะคิดผิด เวลาที่คนอย่างภีมโมโหใครเขาจะลืมตัวเผลอทำเรื่องร้ายแรงอยู่เสมอ อย่างเช่นตอนนี้

   “ภีม ปล่อยฉันก่อน” ฟินละล่ำละลักพูดออกมาเพราะหายใจไม่ออก

   ภีมหอบหายใจถี่ เพิ่งรู้สึกตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ เขาค่อยๆลดมือลงก่อนจะถอยห่างออกมาจากฟินสามก้าว

   ฟินรู้สึกเจ็บที่คอเล็กน้อยแต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรนัก สิ่งที่เขาสนใจตอนนี้คือคนที่กำลังยืนตัวสั่นระริกอยู่เบื้องหน้า

   “ภีม...” ฟินเดินเข้าไปใกล้ภีมแล้ววางมือลงบนบ่าเขาเบาๆ แต่ภีมรีบปัดออกทันที

   “ฉันไม่ต้องการครูอย่างนาย ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้” ภีมตวาดเสียงกร้าว

   “ฉันออกไม่ได้ ยังไงสามเดือนนี้เราก็ต้องเจอกันทุกอาทิตย์” ฟินเว้นจังหวะนิดหนึ่ง “เพื่อตัวของนายเอง”

   “ออกไป”

   “มีเหตุผลหน่อยภีม ไม่ใช่เด็กแล้วนะ”

   “บอกให้ออกไป” ภีมถลันตัวเข้าใกล้ฟินหวังจะประเคนหมัดให้เขาอีกครั้ง แต่ว่าคราวนี้ฟินเร็วกว่า

   ฟินจับมือของภีมไว้ทั้งสองข้างด้วยแรงทั้งหมดที่มี เขาเพิ่งค้นพบว่าผู้ชายร่างสูงเพรียวคนนี้ ฤทธิ์มากแค่ไหน

        “จะไม่เลิกอาละวาดใช่มั้ย” เสียงของฟินทุ้มต่ำกว่าเดิม

        “ปล่อยนะเว้ย” ภีมร้องเสียงดัง พยายามสะบัดมือให้หลุดจากการเกาะกุมนั้นแต่ยิ่งสะบัดเท่าไรก็ดูเหมือนมันจะยิ่งแน่นขึ้น

        ฟินมองภีมด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ ผู้ชายคนนี้ต้องได้รับบทเรียนเสียบ้างแล้ว..........



 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[


zusuki

  • บุคคลทั่วไป


บทที่ 5 - บทเรียนเรื่องแรก




        “ตอนนี้ฉันเป็นครู ไม่ใช่ประธาน” ฟินพูดเสียงเรียบ “แล้วนายก็คือนักเรียน” ดวงตาคมกริบมองเข้าไปในดวงตาของภีม

   “แต่ฉันเป็นคนจ่ายเงินโว้ย” ภีมตะคอกใส่ นัยน์ตาแข็งกร้าว

   “พี่สาวนายต่างหาก ไม่ใช่นาย” ฟินแก้ให้

   ภีมนิ่งไปพักหนึ่ง...

   “นายนี่มันเด็กจริงๆเลยภีม” ฟินพูดกวนโทสะของภีม รู้สึกอยากแกล้งผู้ชายคนนี้ขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ

   “แก ไอ้ประธานนักเรียนเฮงซวย ปล่อยนะโว้ย” ภีมสะบัดมือเพื่อให้หลุดจากการเกาะกุมฟินอีกครั้ง แต่แรงของผู้ชายคนนี้มีมากกว่าที่เขาคิด

   “จะยอมเรียนดีๆมั้ยล่ะ” ฟินถามอย่างให้โอกาส เขาอยากให้เด็กหนุ่มคนนี้คิดได้เสียที

   “ไม่โว้ย” ภีมยังคงไม่ยอม ตอนนี้ใบหน้าขาวของเขาแดงฉานด้วยความโมโห

   ฟินส่ายหน้าอย่างระอาแล้วเหวี่ยงร่างของภีมไปอีกทางจนแนบชิดติดกับผนังห้อง ฟินตรึงมือเรียวบางของภีมไว้ให้อยู่เหนือศีรษะ

   แล้วฟินก็ทำในสิ่งที่ไม่เคยคิดจะทำตลอดชีวิต...

   จูบกับผู้ชาย...

   ฟินประทับริมฝีปากของตนเข้ากับริมฝีปากที่เผยอออกน้อยๆของภีม (ภีมกำลังจะเอ่ยปากด่าฟินแต่โดนเขาปิดปากเสียก่อน)

   ร่างสูงกว่าของฟินเบียดร่างของภีมที่แนบอยู่กับผนัง ความรู้สึกแปลกใหม่ที่ตลอดชีวิตไม่คิดจะโหยหาของคนทั้งคู่ลุกพรึ่บดั่งไฟโดยที่ไม่ได้ตั้งใจจุด

   ฟินจู่โจมริมฝีปากได้รูปของภีมอีกครั้งอย่างค้นหา ความหอมหวนรัญจวนใจคล้ายกระแสไฟฟ้าพุ่งวาบไปถึงสมองและค่อยๆไหลลงมาตามร่างกายทีละส่วนช้าๆอย่างเร่าร้อน

   ภีมครางในลำคอโดยที่ไม่รู้ตัว...ร่างสูงกึ่งผลักไสกึ่งสนองตอบ แต่น่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่าเพราะร่างของภีมแอ่นรับกับร่างของฟินที่เพิ่มแรงเบียดจนแน่น

   ฟินพอใจกับเสียงและท่าทางนั้นของภีม เขาเพิ่มน้ำหนักบนริมฝีปากให้กดลึกลงไปหาความหวานอย่างไม่สิ้นสุด
เนิ่นนาน...

   ฟินหยุดความดูดดื่มเพียงแค่นั้น ริมฝีปากบวมแดงของเขาขบย้ำริมฝีปากแดงระเรื่อได้รูปของภีมอย่างได้ใจ

   “อืมมมม......” ภีมครางเบาๆ

   ริมฝีปากของฟินเปลี่ยนไปจู่โจมติ่งหูซึ่งมีรอยเจาะอยู่สามรู ตั้งแต่ปีกหูจนถึงติ่งหู ฟินใช้ลิ้นสัมผัสความนุ่มนิ่มที่ติ่งหูสวยราวผู้หญิงของภีมก่อนจะขบเม้มไปตามรอยเจาะที่อยู่บนใบหูจนครบทุกรอย

        ร่างของภีมแอ่นขึ้นอีกครั้งด้วยความกระสันรัญจวนที่ปั่นป่วนไปทั่วทั้งร่างกาย ร่างของฟินและภีมแนบชิดกันจนจะกลายเป็นเนื้อเดียว

        ทั้งคู่ลืมทุกอย่างไปชั่วขณะแล้วจมดิ่งอยู่ในห้วงความรักแปลกใหม่ที่ตลอดชีวิตคิดไว้ว่าไม่น่าจะทำได้

        ภีมลืมความโกรธที่มีอยู่ก่อนหน้านี้จนไม่หลงเหลือ ตอนนี้เขารู้สึกเพียงรสชาติความหวานที่กำลังลิ้มลองอยู่ มันหวานเสียจนเหลือเชื่อ

        เนิ่นนานอย่างนั้น จนกระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้น

        ภีมผลักอกของฟินออกทันที ฟินหลับตาลงก่อนจะเดินเซมานั่งที่เก้าอี้ของตน ส่วนภีมเดินไปเปิดประตู

        คนมาใหม่คือ ภูรดานั่นเอง

        ใบหน้ายียวนของภีมซีดเซียวราวกับคนป่วย ร่างสูงมีอาการสั่นเทาจนเห็นได้ชัด

        “เป็นอะไรหรือเปล่าภีม ทำไมหน้าซีดอย่างนี้” ภูรดาเดินเข้ามาในห้องพร้อมลากตัวน้องชายมานั่งที่เก้าอี้

        “เปล่านี่ ไม่ได้เป็นอะไร ห้องมันร้อนๆน่ะแล้วผมก็อารมณ์ไม่ค่อยดี” ภีมพูดกับพี่สาว ทว่าหางตาเหลือบไปยังฟินที่กำลังก้มหน้าก้มตาซ่อนรอยยิ้ม

        “เป็นยังไงบ้างจ๊ะฟิน เหนื่อยมั้ยกับการสอนภีม” ภูรดาถามเด็กหนุ่มอีกคนที่นั่งก้มหน้างุดๆ

        “ไม่เหนื่อยครับ รู้สึกดีด้วยซ้ำ” ฟินพยายามกดเสียงให้ทุ้มต่ำอย่างเคยแต่ก็ทำไม่ได้ เสียงที่ออกมาจึงเหมือนกับการกลั้นหัวเราะแล้วพูด

        ภีมแทบอยากลุกไปต่อยหน้าฟินอีกรอบ ไฟโทสะที่หายไปลุกขึ้นอีกครั้ง

        “แล้วจะก้มหน้าทำไมล่ะจ๊ะ” ภูรดาทัก “เงยหน้าพูดกันดีดีสิ”

        ฟินปรับสีหน้าให้เย็นชาดังเดิมก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา

        “ตายแล้ว หน้าไปทำอะไรมา เขียวเชียว” ภูรดาเอามือทาบบนหน้าอกเพราะตกใจที่เห็นรอยฟกช้ำดำเขียวบนใบหน้าหล่อดุจเทพบุตรของฟิน

        ฟินและภีมมองหน้ากัน ทั้งคู่ลืมไปเสียสนิทว่าก่อนหน้าที่จะทำอะไรๆกันได้ผ่านการลงไม้ลงมือมาแล้วรอบหนึ่ง

        ภูรดาลุกขึ้นไปหาฟิน ประคองใบหน้านั้นไว้อย่างทะนุถนอม “ใครทำฟินจ๊ะเนี่ย ดูสิ...ดูเหมือนเพิ่งช้ำได้ไม่นานนี่เอง แล้วดูปากสิ...บวมอย่างกับจะแตกออกมาแน่ะ”

        ทันทีที่ได้ยินคำพูดของพี่สาว ภีมก็รีบปิดปากของตนเองไว้อย่างร้อนตัว ฟินแทบจะหลุดขำกับท่าทางนั้นของภีม

        ไม่น่าเชื่อ...ว่าคนอย่างเขาจะได้เห็นอีกมุมหนึ่งของคนเลือดร้อนอย่างภีม  ฟินคิดในใจ

         “มีเรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อยครับ ผมก็เลย...” ฟินพูดยังไม่ทันจบ ภูรดาก็ยกมือห้ามเสียก่อน

         “เอาล่ะๆไม่ต้องพูดแล้ว หายไวๆนะจ๊ะ เสียดายหน้าตาหล่อๆ” สาวร่างใหญ่พูดกับฟิน จากนั้นเธอก็หันมาพูดกับน้องชายต่อ “ตั้งใจเรียนล่ะภีม   วันนี้พี่มาดูว่าแกจะอาละวาดอะไรหรือเปล่า แล้วนั่นจะปิดปากทำไมกัน”

        ภีมยักไหล่ไม่ยอมบอก

        “บ้าแล้วน้องฉัน อยู่ดีดีก็อยากปิดปาก แต่ก็ดีเหมือนกัน จะได้เลิกต่อปากต่อคำกับคนอื่นเขาเสียที” ภูรดายิ้มอย่างอารมณ์ดี

        “ตั้งใจเรียนล่ะ พี่ไปก่อน พรุ่งนี้จะแวะมาดูใหม่” ภูรดาสวมกอดน้องชายครั้งหนึ่งก่อนจะออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วเช่นเคย

        ในห้องเข้าสู่ความเงียบ...

        ฟินและภีมมองหน้ากันไปมาคล้ายหยั่งเชิงกันและกัน

        ในที่สุดคนที่ทนไม่ไหวก็คือภีม จะทนได้อย่างไรล่ะในเมื่อฟินเอาแต่จ้องสลับกับยิ้มเหมือนคนโรคจิตแบบนี้

        “ไอ้จิตวิปริต” น้ำเสียงของภีมทุ้มลงกว่าเดิม เขาถลึงตามองฟินที่นั่งยิ้มอย่างไม่ทุกข์ร้อนด้วยความโมโห

        “น่ารังเกียจ” ภีมพูด...

   “ทุเรศ” ภีมพูด...

   “สกปรก” นี่ก็ภีม...

   “ผิดปกติทางจิต แกน่าจะไปหาหมอซะบ้าง” และนี่ก็ภีม...

   “ที่พูดมาน่ะ บอกกับตัวเองเถอะ” ฟินพูดเรียบๆ ในดวงตาคมคู่นั้นมีแววขบขันระคนอยู่

   ภีมอึ้งไปกับคำย้อนนั้น เขาลุกขึ้นกระชากคอเสื้อของฟินไว้ “แกหมายความว่าไง”

   “ไม่น่าจะไม่เข้าใจนี่นา”

   ภีมเดือดถึงขีดสุดกับคำพูดที่เหมือนจะว่าเขา ไม่ใช่สิ...มันว่าเขาชัดๆ

   “ฉันไม่ใช่พวกผิดเพศโว้ย แกนั่นล่ะที่เริ่มก่อน”

   “แล้วทำไมต้องตอบสนองล่ะ ถ้าไม่ได้ต้องการ” ฟินจับมือของภีมออกจากคอเสื้อก่อนจะจัดให้มันเรียบร้อยดังเดิม “ทีหลังก็หนีสิ อย่าจูบตอบแล้วก็อย่ารับทุกสิ่งที่ฉันให้ไป”

   รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเย็นชาของฟิน

        แต่ในสายตาของภีมมันเป็นรอยยิ้มปิศาจชัดๆ

        ฟินมองภีมอย่างคนที่ได้ชัยชนะ “แล้วก็อย่าร้องเสียงแบบนั้นด้วย เพราะมันทำให้ฉันคิดว่า...” ฟินเว้นจังหวะนิดนึงก่อนจะพูดต่อ “นายชอบ...”

        แล้วฟินก็ยิ้มออกมาอย่างร่าเริง เป็นรอยยิ้มที่แม้แต่เจ้าตัวยังไม่รู้ว่ามันงดงามแค่ไหน

แต่...ภีมเห็นรอยยิ้มนั้น ความรู้สึกแปลกแล่นเข้ามาในหัวอีกครั้ง เขาพยายามสลัดมันทิ้งไปแต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

        “บทเรียนแรกจบไปแล้ว ทีนี้ได้เวลาเริ่มบทเรียนต่อไปอย่างจริงจังซักที” ฟินพูดกับภีม ก่อนจะเปิดเอกสารตรงหน้าเพื่อเข้าสู่บทเรียนในตำราของจริง

        “ทำไมฉันต้องซวยมาเจอกับคนอย่างแกด้วยวะ” ภีมพูดอย่างหัวเสีย ใจนึงก็โกรธแต่อีกใจนี่สิ...สับสนจนน่าขนลุก

        “ถ้าไม่มานั่ง ฉันจะสอน...” ฟินทำหน้าเจ้าเล่ห์

        “หยุดพูดไปเลย ไม่งั้นแกตาย”

        “ก็มานั่งเรียนดีๆสิ ไม่อยากเอ็นท์ติดหรือไง” น้ำเสียงของฟินอ่อนลง แววตาฉายแววเป็นห่วงออกมา

        “เออ...เรียนก็เรียนวะ”



 :angry2: :angry2: :angry2: :angry2: :angry2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2011 23:24:49 โดย zusuki »

ออฟไลน์ kp

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 544
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-3
หวัดดีครับครูฟิน สงสัยเรื่องนี้จะยาว
อีกคนเรียกหาความรักความเอาใจใส่
อีกคนกำลังจะรู้ใจและความต้องการ
ของตนเอง เมื่อสองสิ่งมาเจอกัน
อะไรจะเกิดนอกจาก....
 :n1: :n1: :n1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ howru

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
ยังไม่สอนยังขนาดนี้ แล้วถ้าสอนกันแล้วก็คง...
น่าติดตามจัง เป็นกำลังใจให้นะจ๊ะ

zusuki

  • บุคคลทั่วไป




บทที่ 6 – ชมรมดนตรี



   “ฉันไม่ยอมยุบชมรมเด็ดขาด” ภีมตบโต๊ะเสียงดัง หัวเด็ดตีนขาดอย่างไรเขาก็ไม่ยอมยุบชมรมนี้แน่นอน

   “แต่ว่าชมรมดนตรีของเรามีคนไม่ครบตามข้อกำหนด” เพื่อนร่วมชมรมคนสุดท้ายท้วงขึ้น

   “ฉันจะไปหาเอง” ภีมยืนยันด้วยแววตาที่มุ่งมั่น ข้อกำหนดของการตั้งชมรมต้องมีสมาชิกไม่ต่ำกว่าสิบคน ภีมต้องหาสมาชิกให้ครบสิบคน

   “แต่ว่า...”

   “หุบปากไปเลย เธอก็อยากไปอยู่ชมรมอื่นใช่มั้ยล่ะ” ภีมพูดอย่างรู้ทัน

   “ถ้าฉันบอกว่าใช่ล่ะ”

   “เชิญเลย ฉันไม่ห้าม แต่อย่าเสนอหน้ามาให้ฉันเห็นอีก” ภีมไล่เพื่อนร่วมชมรมคนสุดท้ายออกจากห้องไป

   สุดท้ายชมรมดนตรีก็มีภีมคนเดียว...

   “บ้าเอ๊ย...ไสหัวกันไปให้หมดเลย” ภีมตะคอกไล่หลังอดีตเพื่อนร่วมชมรมอย่างหัวเสีย ดวงตาคู่สวยแข็งกร้าวขึ้น

   ต้องเป็นเพราะชมรมรักษ์โรงเรียนแน่ๆที่มาดึงตัวคนจากชมรมดนตรีไป โธ่โว้ย...ไอ้พวกคณะกรรมการนักเรียนชั่ว ฉันจะจัดการกับพวกแกเอง

   คิดได้ดังนั้นภีมก็เดินลิ่วๆไปที่ห้องคณะกรรมการนักเรียนทันที “ไปเรียกประธานนักเรียนมาคุยกับฉัน” ภีมพูดกับกรรมการนักเรียนคนหนึ่งที่อยู่หน้าห้อง

   “ฟินอยู่ข้างในน่ะ ภีมเข้าไปได้เลย แต่ระวังตัวหน่อยนะ” กรรมการนักเรียนหญิงทำท่าทางหวาดกลัว เหงื่อเม็ดโตค่อยๆไหลจากใบหน้าลงมาสู่ลำคอ

   “ระวังทำไม”

   “ก็ฟินเพิ่งโดนพวกรุ่นพี่ว่ามาเรื่องงานเลี้ยงโรงเรียนน่ะ ฟินอยากให้เป็นแบบนี้แต่พวกพี่เขาอยากให้เป็นอีกอย่าง ก็เลยมีปากเสียงกันแล้ว...” เธอพูดยังไม่ทันจบก็ถูกเสียงทุ้มที่อยู่ในห้องตะโกนกลับมา

   “มาหาฉันไม่ใช่เหรอ เข้ามาสิ”

   สาวน้อยที่ยืนเหงื่อตกพยักหน้าให้ภีมก่อนจะเดินเลี่ยงไปอีกทางอย่างรวดเร็ว

   ภีมเปิดประตูอย่างแรง บานประตูจึงกระแทกเข้ากับโต๊ะวางของด้านในจนเกิดเสียงดังสนั่น

   “ทำอะไรเบาๆไม่เป็นหรือไงภีม” ฟินเตือนเบาๆ ใบหน้าหล่อเครียดขึ้งจนน่ากลัว

   “เรื่องของฉัน” ภีมยืนกอดอกอยู่ที่หน้าประตูที่เปิดออกอย่างนั้น

   “ปิดประตูด้วย” ฟินพูดเบาๆ ฟังดูก็รู้ว่าพยายามใจเย็นกับคนดื้อรั้นอย่างภีมจนถึงที่สุด

        ภีมอยากวิ่งไปชกคนที่ทำหน้าเบื่อโลกให้มันหายโกรธเสียเดี๋ยวนั้น บังอาจมากที่มาสั่งสอนคนอย่างเขา แต่ก็ได้แค่คิด...ไม่กล้าทำจริง

        สุดท้ายก็ได้แต่ ปิดประตูเบาๆด้วยสีหน้าไม่พอใจ

        แต่อย่าคิดนะว่าฟินไม่เห็นทุกกิริยาของภีม ฟินเห็นทุกอย่างที่ภีมทำ ตั้งแต่หน้าห้องจนในห้อง

        “มีเรื่องอะไร” น้ำเสียงทุ้มของฟินกระตุ้นโทสะของภีมอีกแล้ว ภีมรู้สึกว่าน้ำเสียงนี้กำลังกดดันเขาอยู่

        "ชมรมดนตรีของฉันมีคำสั่งให้ยุบ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะนายใช่มั้ย” ภีมเดินเข้าไปตบโต๊ะของฟินจนเกิดเสียงดัง

        ฟินเงยหน้าจากกองหนังสือที่อยู่บนโต๊ะมาสบตากับภีม “ทำไมต้องคิดว่าอะไรๆก็เป็นเพราะฉันคนเดียว คนอื่นสั่งไม่ได้หรือไง”

        “ก็นายเป็นประธานนักเรียนนี่ เรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องที่คณะกรรมการนักเรียนจัดการ แล้วนายก็ใหญ่สุดไม่ใช่เหรอ” พูดไปพูดมา ภีมก็ชักไม่แน่ใจเหมือนกัน

   “ใช่มั้ง คณะกรรมการนักเรียนทุกคนมีสิทธิ์สั่งยุบชมรมได้ทุกคนถ้าชมรมนั้นมีคุณสมบัติไม่ครบห้าข้อของการตั้งชมรม” ฟินพูดเรียบๆ คิ้วหนาเลิกขึ้นเป็นเชิงถามว่าสงสัยอะไรอีกไหม

   “แล้วพวกคณะกรรมการนักเรียนมายุ่งอะไรกับชมรมดนตรีของฉันวะ” ภีมเริ่มพาลอย่างไม่มีเหตุผล

   “ชมรมนายมีคนไม่ครบ แล้วยังปล่อยปละละเลยเรื่องการทำกิจกรรมของชมรมอีก”

   ภีมนิ่งไปเพราะฟินพูดถูกทุกอย่าง

   “แต่ฉันมีข้อเสนอ” ฟินพูดขึ้น

   “อะไร” ความหวังเริ่มเปล่งประกายขึ้น ภีมหันควับไปที่ฟินทันที

   “มาช่วยงานของคณะกรรมการนักเรียนในช่วงงานเลี้ยงรุ่นที่กำลังจะเกิดขึ้น แล้วฉันจะช่วยหาคนเข้าชมรมให้นาย”

   “ไม่มีทาง เรื่องหาคนเข้าชมรม ฉันมีปัญญาหาโว้ย”

   “งั้นก็ตามใจ แต่ถ้าสนใจข้อเสนอนี้ก็มาหาฉันได้ทุกเมื่อ” ฟินพูดยิ้มๆ เพราะรู้ว่าอย่างไรภีมก็ต้องย้อนกลับมาที่นี่อีกแน่นอน

   ภีมตบโต๊ะอีกครั้ง ดวงตาคมจ้องเขม็งไปที่ฟินอย่างแค้นใจ

        “ฝากไว้ก่อนเถอะ” ภีมชี้หน้าฟินก่อนจะเดินออกจากห้องไปแล้วปิดประตูเสียงดังปัง

   ฟินส่ายหน้าอย่างระอาให้กับภีม เมื่อไหร่ที่ผู้ชายคนนี้จะเลิกโมโหร้ายเสียที
   

สามชั่วโมงต่อมา เวลา 18:30 น.

   ร่างสูงเพรียวเดินลิ่วๆกลับมายังห้องคณะกรรมการนักเรียนอีกครั้งอย่างขุ่นเคืองในอารมณ์ แค่หาคนมาเข้าชมรมทำไมมันยากอย่างนี้วะเนี่ย

   ภีมหยุดฝีเท้าที่หน้าห้อง ถอนหายใจเล็กน้อย ควบคุมอารมณ์ให้เย็นลงเท่าที่จะทำได้ก่อนจะเปิดประตูห้องเข้าไปโดยที่ไม่ได้เคาะ

   ภาพที่ฟินเห็นคือประธานนักเรียนจอมวายร้ายนอนฟุบอยู่บนโต๊ะทำงานท่ามกลางเอกสารหลายอย่างที่สุมๆกันอยู่

   ภีมชะงักไปเล็กน้อย น่าแปลก...ที่ความรู้สึกโกรธค่อยๆจางหายไปอย่างไม่มีเหตุผล ความเงียบเข้าปกคลุมในห้อง ภีมได้แต่ยืนนิ่งอยู่เบื้องหน้าอย่างนั้นราวต้องมนตร์สะกด

   สักพักหนึ่ง ฟินก็เงยหน้าขึ้นมา ดวงตาคมคู่นั้นมีเสน่ห์ดึงดูดใจเหลือเกิน ยิ่งตอนที่มันยังลืมไม่เต็มที่ด้วยแล้ว ยิ่งน่าสนใจ...

   ภีมสะบัดหน้าไปทางอื่น พยายามระงับความตื่นเต้นที่กำลังเกิดขึ้น อีกทั้งพยายามหยุดความทรงจำที่มันกำลังนึกย้อนไปในวันก่อนที่เขาและฟินเคย.....

   “ว่ายังไงภีม หาคนไม่ได้ใช่มั้ย” ในน้ำเสียงเย็นชานั้นเต็มไปด้วยความห่วงใย

   ภีมพยักหน้าไปส่งๆ โดยที่ไม่มองคนถาม

   “แค่มาช่วยงานนิดเดียวเอง นายทำได้อยู่แล้ว” ฟินยืดตัวขึ้น บิดขี้เกียจไปมาสองสามครั้งก่อนจะลุกขึ้นเดินมายืนข้างๆภีม

   “ตกลงมั้ย” ฟินแตะไหล่ภีมเบาๆ ภีมรีบสะบัดหนีในทันทีเพราะรู้สึกได้ว่าสัมผัสนั้นมีเจตนาอื่นแอบแฝงอยู่

   “ฉันไม่สนใจข้อเสนอของนายเลย แค่อยากมาขอร้องเรื่องหนึ่ง” ภีมขยับตัวออกห่างจากฟินไปสามก้าว

   “ว่ามาสิ” ดวงตาของฟินดูมีชีวิตชีวาขึ้นเมื่อนึกถึงเรื่องที่ภีมกำลังจะพูด

   “อย่าเพิ่งยุบชมรมดนตรี ภายในสองอาทิตย์ฉันจะหาหัวหน้าชมรมคนใหม่ ฉันมีเวลาอีกสามเดือนที่จะใช้ชีวิตในรั้วโรงเรียน สามเดือนเท่านั้น” น้ำเสียงของภีมอ่อนลง เมื่อพูดถึงเรื่องดนตรีเขาจะเศร้าแบบนี้เสมอ

   “ถึงมีหัวหน้าชมรมคนใหม่ แต่ชมรมดนตรีก็ยังมีคุณสมบัติไม่ครบห้าข้ออยู่ดี ไหนจะสมาชิก กิจกรรม การเข้าร่วม แล้ว...” ฟินหยุดพูดแค่นั้นเพราะภีมโบกมือห้าม

   “จะสาธยายทำไมวะ รู้อยู่แล้ว ตอกย้ำอยู่ได้ นายนี่ชอบซ้ำเติมคนเหมือนกันนะ” ภีมพูด คิ้วหนาเลิกขึ้นเป็นเชิงถามแต่ไม่ต้องการคำตอบ

   “ฉันไม่ใช่คนแบบนั้น” ฟินพูดเสียงเรียบ ดวงตาที่มีชีวิตชีวาเมื่อครู่จางหายไปแล้ว “มีอะไรอีกหรือเปล่า”
   “ตกลงจะยุบชมรมฉันมั้ย”

   “ฉันไม่สามารถออกคำสั่งกับเรื่องนี้ได้ มันเห็นกันชัดๆอยู่แล้ว”

   “โธ่เว้ย...แค่นี้ช่วยกันหน่อยไม่ได้หรือไง บ้านฉันให้งานนายทำนะ” ภีมทวงบุญคุณ เลือดในกายเริ่มร้อนขึ้นมาอีกครั้งเมื่อการตกลงไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง

   “ตอนนี้ฉันเป็นประธานนักเรียนไม่ใช่ครูสอนพิเศษ ฉะนั้นอย่ามาทวงบุญคุณ” ฟินพูดอย่างใจเย็น กับคนอย่างภีม ต้องเอาน้ำเย็นเข้าลูบไว้เป็นดี

   “วันนี้ฉันไม่ต่อยนายหน้าหงายให้มันรู้ไป” ภีมหอบหายใจแรง ปล่อยให้ความโกรธนำพาการกระทำต่างๆที่สนองความต้องการของตนเองเข้ามามีส่วนร่วม

   มือขวาที่กำอยู่ของภีมกำลังจะไปประทับอยู่บนแก้มเนียนของฟิน

   ฟินไม่หลบ

   “เลิกทำตัวงี่เง่าซักทีภีม ฉันไม่มีเวลามาเล่นกับนายหรอกนะ ฉันต้องทำงาน” หมัดนั้นของภีมถูกฟินสกัดเอาไว้ด้วยมือซ้าย “ออกไปจากห้องฉัน”

   “อาทิตย์นี้ไม่ต้องมาสอนแล้ว ฉันไล่นายออก” ภีมตวาดใส่ฟิน รู้สึกถึงศักดิ์ศรีที่หล่นหายไปเมื่อถูกฟินออกปากไล่

   ฟินยังคงใจเย็นกับภีม เขาพยายามจะทำให้ผู้ชายคนนี้รู้จักคิดบ้าง ไม่ใช่ทำตามใจตัวเองอย่างเดียว แบบที่เป็นอยู่ตอนนี้ “นายไม่มีสิทธิ์ไล่ฉันออก นายต้องเรียนกับฉันสามเดือน แล้วหลังจากนั้นมันก็เรื่องของนาย เข้ามหา’ลัยได้ไม่ได้ ฉันก็จะไม่ยุ่ง”

   น้ำเสียงของฟินเฉียบขาดจนภีมรู้สึกถึงการประชดประชันที่อยู่ในน้ำเสียงนั้น ปกติภีมไม่ชอบคนอวดดีอยู่แล้ว ยิ่งมาเจอคนอวดดีเกินความคาดหมายอย่างฟินยิ่งทำให้ต่อมโทสะทำงานอย่างรวดเร็ว

   “เห็นแก่เงินจริงๆเลยโว้ย ประธานนักเรียนคนนี้ ให้มันได้อย่างนี้สิ” ภีมเปลี่ยนโหมดอารมณ์มาเป็นยียวนกวนประสาทแทน เพราะโมโหไปก็เท่านั้น คงทำอะไรประธานนักเรียนเย็นชาคนนี้ไม่ได้

   “แล้วแต่นายจะคิด” ฟินไม่สนใจคำพูดของภีม ตอนนี้ภีมเริ่มโกรธจริงๆเสียแล้ว ยียวนกวนอารมณ์คนๆนี้ไม่ได้เลยจริงๆ

   “ถ้าแกยุบชมรมฉัน ฉันเอาตายแน่” ภีมผลักหน้าอกของฟินอย่างหาเรื่อง “ฉันไม่ยอมให้ดนตรีของฉันต้องจบลงแบบนี้หรอก ไม่มีทาง” อารมณ์ของภีมเปลี่ยนไปมาจนฟินเริ่มสับสน

   “จบอย่างไรก็อยู่ที่ตัวนายทั้งนั้น นายทำให้มันเป็นแบบนี้” ฟินพูดช้าๆเน้นๆ “ตั้งแต่ต้น”

   สิ้นประโยคของฟิน เขาก็ล้มลงไปกองบนพื้นเรียบร้อยแล้ว

   ภีมยืนหอบหายใจอยู่ที่เดิม ตัวสั่นเทิ้ม มือขวาที่กำอยู่กำแน่นขึ้นกว่าเดิม “กำลังว่าใครอยู่”

   “นายน่าจะคิดเองได้ ปีนี้ก็จะเข้ามหาวิทยาลัยอยู่แล้วยังทำตัวเหมือนเด็กที่ไม่รู้จักโต” ฟินพูดพลางลุกขึ้นยืน รู้สึกมึนงงเล็กน้อย ภีมหมัดหนักไม่ใช่เล่น กี่ครั้งแล้วนะที่เขาต้องโดนหมอนี่ต่อย

   แผลเก่ายังไม่ทันหาย แผลใหม่ก็เพิ่มขึ้นมาอีก

   “พอใจแล้วก็ออกไปจากห้องซะ แต่ถ้านายไม่ออก ฉันคงต้อง...” ฟินหยุดพูดแค่นั้น ดวงตาคมฉายแววเจ้าเล่ห์ครู่หนึ่งก่อนจะกลับมาเป็นเคร่งขรึมเหมือนเดิม

   “อย่ามาทำวิปริตกับฉัน ไอ้ทุเรศ” ภีมตะคอกใส่

   ฟินส่ายหน้าน้อยๆ มือเรียวสวยทว่าแข็งแรงทาบลงไปบนหน้าอกของภีมก่อนจะออกแรงผลักจนร่างสูงเพรียวเสียหลักไปประชิดติดกับโต๊ะทำงาน

   “ถ้าไม่ใช้กำลังก็ใช้ปากด่าว่าคนอื่น” ฟินฉวยคอเสื้อของภีม “วันนี้ฉันยุ่งมาก นายไม่เห็นเลยหรือไง” ฟินว่าพลางมองไปที่กองเอกสารที่อยู่ข้างหลังภีม

   “ฉันอยากช่วยเลยยื่นข้อเสนอให้ แต่นายก็ไม่เอา ยังมาโวยวายจะเอาโน่นเอานี่” ฟินหยุดพูดไปครู่หนึ่ง ดวงตาคมสบเข้าที่ดวงตาแข็งกร้าวแต่สับสนของภีม “หัดยอมรับคนอื่นซะบ้าง ไม่ใช่เอาตัวเองเป็นที่ตั้งของทุกสิ่ง เลิกซะทีนิสัยแบบนี้”

   “หุบปากไปเลย แกดีนักหรือไง” สรรพนามใช้เรียกของภีมเปลี่ยนไปอีกครั้งตามอารมณ์ “คิดว่าเป็นประธานนักเรียนแล้วจะยุบชมรมไหนก็ได้ตามใจชอบ อย่าคิดนะว่าฉันจะยอม”

   “ฉันไม่เคยทำอะไรตามใจชอบ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกฎระเบียบ” แม้น้ำเสียงจะเรียบเฉยแต่การกระทำกลับตรงกันข้าม ฟินกดภีมให้นอนราบไปตามแนวโต๊ะทำงาน

   “ปล่อยนะโว้ย” ภีมร้องเสียงดัง ดิ้นขลุกขลักไปมาเพื่อให้รอดพ้นจากสถานการณ์เลวร้ายนี้

   “เอาใจเขามาใส่ใจเราบ้างนะภีม”

   จบประโยคดังกล่าว ฟินก็ก้มลงฝังริมฝีปากเข้าที่ลำคอของภีม “บางทีการใช้กำลังก็ทำให้คนเรามีจุดจบที่ไม่น่าดูเลยซักนิดเดียว”

   ฟินยิ้มออกมาอย่างเย็นชาก่อนจะเลื่อนริมฝีปากมาหยุดอยู่ที่ปากเม้มสนิทของภีม

   ชัยชนะรออยู่เห็นๆสำหรับฟิน

   “ทำไมตอนนี้เงียบได้ล่ะ เก่งนักไม่ใช่เหรอ” ฟินเยาะเย้ย

   ภีมแค้นจนเลือดแทบกระอัก อยากจะลุกขึ้นวิ่งไปห้องน้ำแล้วอ้วกออกมาให้หมดไส้หมดพุงกับสถานการณ์ที่น่าเกลียดแบบนี้

   ไม่ต่างอะไรกับฟินที่รู้สึกขนลุกกับการกระทำของตนเอง ตั้งแต่ครั้งก่อนที่เกิดเรื่อง ฟินเฝ้าถามตัวเองตลอดเวลาว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมอยู่ดีดีถึงรู้สึกสนใจคนอย่างภีมที่เห็นกันมากว่าสองปีเข้าไปได้

   “ฉันจะพยายามยื้อไว้ไม่ให้ชมรมดนตรีถูกยุบ” ฟินพูดแล้วปล่อยมือออกจากภีมก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงาน

   ภีมทรงตัวให้เป็นปรกติ เขามองหน้าฟินอย่างขุ่นเคืองแล้วเดินออกไปจากห้องโดยที่ไม่หันกลับมามอง

   ฟินฟุบหน้าลงกับโต๊ะอีกครั้งด้วยความสับสน นี่เรากำลังทำอะไรอยู่

   ห้องคณะกรรมการนักเรียน เวลา 19:45น. ประธานนักเรียนกำลังนั่งคิดหาเหตุผลต่างๆนานากับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง หลังจากที่หนุ่มร่างสูงเพรียวอีกคนได้เดินออกไปด้วยท่าทางโกรธเคือง

   ไฟในห้องสว่างอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งสามทุ่ม    



 :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:


ออฟไลน์ ต่ายน้อย

  • กระต่ายน้อยลอยคอ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 816
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-3
    • http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=27719.0
มาเป็นกำลังใจฮับ :L2:
อ่านไปอ่านมา  กลัวฟินอ่ะ :sad4:

wichaiP

  • บุคคลทั่วไป
สนุกมากครับ ตบจูบตบจูบ นางเอกต่อย พระเอกต่อยคืนด้วยปาก เยี่ยมมมมมม

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586

ได้รับอนุญาตจาก จขร. ยังเอ่ย?

ออฟไลน์ LalaBam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2864
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-2
 :z13:จิ้มเจ๊สอง



รอต่อจ้า

forever-yunjae

  • บุคคลทั่วไป
ชอบจร้า าา า :)

zusuki

  • บุคคลทั่วไป
เราเป็นเจ้าของเรื่องเอง แต่ว่าใช้ชื่อล็อกอินอีกชื่อหนึ่ง ^^

zusuki

  • บุคคลทั่วไป




บทที่ 7 – คณะกรรมการนักเรียน




   วันศุกร์

วันที่คณะกรรมการนักเรียนต้องเข้าร่วมประชุมเพื่อหารือเรื่องงานเลี้ยงรุ่นที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า

หลังเลิกเรียน คณะกรรมการนักเรียนทุกคนต้องไปประชุมที่ห้องประชุมใหญ่ของทางโรงเรียน นี่จะเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายเพื่อหาข้อยุติในเรื่องต่างๆ โดยมีรุ่นพี่เข้าร่วมประชุมด้วย

ฟินและคณะกรรมการนักเรียนทุกคนเดินมาที่ห้องประชุมใหญ่อย่างรีบร้อน เพราะเลยเวลาที่นัดรุ่นพี่ไว้แล้ว

“ขอโทษที่มาสายครับ พวกผมเพิ่งเลิกเรียน” ฟินเปิดประตูเข้ามาเป็นคนแรกพร้อมคำขอโทษที่แสนสุภาพ เขาเดินนำทุกคนมานั่งที่หัวโต๊ะแล้วเปิดแฟ้มเอกสารอย่างรวดเร็ว

“เริ่มกันเลยนะครับ”

การประชุมเริ่มต้นขึ้นเมื่อทุกคนนั่งประจำที่ หัวข้อแรกที่พูดถึงคือรูปแบบของงาน

“ครั้งก่อนที่ประชุมกัน ทุกคนลงความเห็นว่า ‘ราตรีสีมืด’ เหมาะสมที่สุด” ฟินพูดแล้วเงยหน้าขึ้นจากเอกสารมองหน้าผู้เข้าร่วมประชุมกว่าสี่สิบคนเพื่อขอความเห็น “มีใครอยากเสนออะไรใหม่หรือเปล่าครับ”

เงียบ...

“เป็นอันว่า ‘ราตรีสีมืด’ คือธีมของงานนี้” ฟินขีดเครื่องหมายถูกลงไปในกระดาษพร้อมกับจดรายละเอียดเพิ่มเติมไปอีกเล็กน้อย เขาไม่ค่อยพอใจกับธีมในครั้งนี้นักเพราะมันฟังดูเหมือนงานการกุศลไม่มีผิด แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อเขาเป็นรุ่นน้องที่ไม่ว่าจะพูดหรือให้เหตุผลอย่างไรก็ไม่มีทางเอาชนะพวกรุ่นพี่ได้

จากนั้นหัวข้ออื่นๆก็ถูกยกขึ้นมาหารือจนเกือบครบ จนกระทั่งถึงหัวข้อสุดท้าย

การแสดงดนตรีของนักเรียน...

คนแรกที่ฟินนึกถึงคือภีม แต่เขาก็เงียบไว้อย่างนั้นไม่พูดออกไป รอให้ทุกคนเสนอชื่อกันเรียบร้อยก่อน

“พี่ขอเสนอชื่อค่ะ” รุ่นพี่คนหนึ่งพูดขึ้น ทุกคนหันไปมองเธออย่างให้ความสนใจ “ภีม  พิริยะ พี่ว่าภีมเหมาะที่จะเป็นตัวแทนของรุ่นพวกเธอที่สุด”

“ทำไมล่ะครับ ผมขอเหตุผล” ฟินพูดเรียบๆ พยายามเก็บอารมณ์พึงพอใจเอาไว้

“ภีมได้รับรางวัลมากมายจากการแข่งขันดนตรี แล้วเขาก็เล่นได้หลายอย่างมาก ทั้งเปียโน กีต้าร์ ไวโอลิน หรือแซ็กโซโฟน พี่ว่าเขาเป็นคนมีพรสวรรค์ที่น่าทึ่งมากๆ แล้วที่สำคัญ ภีมหน้าตาน่ารัก ถูกใจพี่ที่สุด” รุ่นพี่สาวสวยพูดจบก็ยิ้มหวานออกมาเรียกเสียงฮาจากผู้เข้าร่วมประชุม

“ทุกคนคิดว่าภีมเหมาะสมมั้ยครับ” ฟินถามขึ้น

ทุกคนในที่ประชุมพยักหน้าพร้อมกัน

“เป็นอันว่าการแสดงดนตรีเปิดและปิดท้ายงานเป็นของภีม  พิริยะ” ฟินสรุป

คณะกรรมการนักเรียนคนหนึ่งยกมือถามขึ้นมา “แล้วภีมจะยอมเหรอคะประธาน”

“ยอมสิ เรื่องนี้ผมจัดการเอง ทุกคนไม่ต้องห่วง” ฟินรับประกันกับทุกคนก่อนจะกล่าวจบการประชุมแต่เพียงเท่านี้

รุ่นพี่ที่มาเข้าร่วมประชุมแยกย้ายกันกลับไป ส่วนคณะกรรมการนักเรียนต้องอยู่ประชุมต่อในเรื่องการจัดงาน งบประมาณ และเรื่องจิปาถะต่างๆ

“สถานที่ในการจัดงานครั้งนี้คือสระว่ายน้ำใหญ่ของโรงเรียน อาหารเป็นบุฟเฟ่ต์ของโรงแรมxxx ธีมของงานคือราตรีสีมืด มีการประกวดการแต่งกาย มีดนตรีเปิดปิดงานของภีม แล้วก็มีการเต้นรำ” ฟินปิดแฟ้มเอกสารนั้นก่อนจะหยิบแฟ้มอีกอันหนึ่งขึ้นมา

“หลังจากที่งานเลี้ยงรุ่นของเราผ่านไปแล้วก็จะมีงานเลี้ยงประจำปีของโรงเรียนต่อ เราจะใช้งานนี้ขอบคุณรุ่นพี่ทุกคนที่ให้คำปรึกษาในเรื่องงานต่างๆของโรงเรียนมาตลอดหนึ่งปีเต็มและถือโอกาสฉลองจบการศึกษาของพวกเราไปในตัวด้วย” ฟินพูดขึ้น มองหน้าทุกคนในห้องอย่างขอความคิดเห็น

“เจ๋งไปเลย จะได้ไม่เปลือง จะได้มีรุ่นน้องสวยๆมาแสดงความยินดีด้วย ไม่ใช่มีแต่รุ่นเรา” คณะกรรมการนักเรียนคนหนึ่งพูดขึ้น
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย

“รุ่นเรานี่โชคดีได้ฉลองสองงานรวด ทั้งเลี้ยงรุ่นแล้วก็งานประจำปี ตัดชุดกันให้เรียบร้อยล่ะ” ฟินพูดยิ้มๆ เป็นรอยยิ้มที่หาได้ยากในความคิดของคณะกรรมการนักเรียนทุกคน เพราะปกติประธานนักเรียนคนนี้จะประหยัดรอยยิ้มเอาไว้อย่างสุดชีวิต

แต่วันนี้มาแปลก...

ฟินยิ้มให้กับทุกคนในห้อง

“มืดมากแล้ว แยกย้ายกันกลับบ้านเถอะ แล้วเจอกันวันจันทร์” ฟินพูดพลางเก็บเอกสารที่อยู่บนโต๊ะให้เข้าที่

“อย่าลืมเรื่องภีมนะครับประธาน” เสียงของคณะกรรมการนักเรียนคนหนึ่งพูดขึ้น

“ไม่ลืมอยู่แล้ว” ฟินตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงสดใส ทำเอาทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นงงไปตามๆกันกับท่าทางที่ดูมีความสุขของฟิน

ถึงจะ...งง...

แต่ทุกคนก็ชอบประธานนักเรียนแบบนี้

ยิ้มบ้าง...ไม่ใช่เอาแต่ทำหน้าขรึม เรียบเฉย ไปวันๆ

ฟินออกจากห้องเป็นคนสุดท้าย ร่างสูงเดินออกมาพร้อมรอยยิ้มที่หาได้ยากในรอบสามปี เสียงผิวปากดังขึ้นไปตามทางเดินที่เขาเดินไป

ฟินมีความสุขเพราะอะไร...ไม่มีใครรู้ เพราะ...

แม้แต่ตัวฟินเอง

ก็ยังหาคำตอบไม่ได้




 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ Mookkun

  • magKapleVE
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 637
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
    • Consensual free relationships
ขี้โมโหจังงงภีม  *-*

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






zusuki

  • บุคคลทั่วไป




บทที่ 8 – ขอร้อง




   สัปดาห์ที่สองของการเรียนพิเศษ ภีมเบื่อหน่ายอย่างยิ่งกับข้อกำหนดที่พี่สาวตั้งขึ้นมา ภีมต้องตื่นนอนตอนเจ็ดโมงเช้าเพื่อออกกำลังกาย

   เจ็ดโมงครึ่ง...อาบน้ำ

   แปดโมงครึ่ง...ทานข้าว

   เก้าโมงตรง...ทำอะไรก็ได้ที่อยากทำก่อนเข้าเรียน

   สิบโมงตรง...เข้าเรียน

   ภีมถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะก้มลงดูนาฬิกาที่ข้อมือ

   9:00 น.

   ร่างสูงเพรียวขึ้นบันไดไปที่ชั้นสามอย่างรวดเร็ว แล้วมุ่งหน้าไปที่ห้องดนตรี

   ภีมหยิบกีต้าร์ขึ้นมาเล่นอย่างมีความสุข ร่างสูงวิ่งไปทางมุมโน้นที มุมนี้ที เสียงดนตรีทำให้ภีมมีความสุขขึ้นมาทันตาเห็น

   ไม่นานนัก กีต้าร์ก็ถูกวางลงที่เดิม ภีมเดินมานั่งอยู่ที่เก้าอี้หน้าเปียโนสีดำมันวาว เขาลูบมันช้าๆ แผ่วเบาราวกับว่านี่คือสิ่งมีค่าที่สุดในชีวิต

   นิ้วเรียวยาววางทาบลงบนเปียโน

   แล้วเริ่มบรรเลงเพลง...

   ภีมตกอยู่ในภวังค์ของเสียงดนตรี เขาหลับตาลงนึกภาพว่าตัวเองกำลังล่องลอยอยู่ในอากาศ เสียงเปียโนดังขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน

   เสียงอันไพเราะ ท่วงทำนองอ่อนหวานทว่าเปี่ยมไปด้วยความเศร้าสร้อย...
   เสียงที่ทำให้ใครบางคนที่ยืนอยู่หน้าประตูเคลิบเคลิ้มและเดินเข้ามาในห้วงแห่งความหวานนี้อย่างไม่รู้ตัว

   ภีมยังคงเล่นอยู่อย่างนั้นไม่รู้เบื่อ นิ้วเรียวยาวกดลงไปบนคีย์เปียโนด้วยท่วงท่างดงาม พลิ้วไหว เสมือนเป็นหนึ่งเดียวกันมาแสนนาน

   ร่างสูงที่ยืนฟังอยู่นานราวต้องมนต์นั้น ขยับฝีเท้าเบาๆเพื่อเข้าใกล้คนที่กำลังเล่นเปียโนอยู่

   เข้ามาใกล้เรื่อยๆ

   และร่างสูงนั้นก็ยืนอยู่เบื้องหลังของภีม มองดูนิ้วเรียวยาวที่พลิ้วไหวไปตามจังหวะดนตรีอย่างช่ำชอง

   เสียงดนตรีหยุดไปพักหนึ่ง ก่อนจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง เพลงใหม่ที่ภีมบรรเลงนี้มีทำนองและคำร้องที่เศร้าเป็นอย่างมาก ภีม
พยายามสะกดตัวเองไม่ให้ร้องคลอไปในท่วงทำนองนั้น

   “ดาวที่เปล่งประกายอยู่บนฟ้า
   โปรดบอกฉัน...ว่าความเหงาที่อยู่บนโลกนี้เป็นอย่างไร
   แล้วรู้ไหม...ว่าฉันเหงาแค่ไหนกับการที่ต้องมองดาวอยู่ลำพัง   
โปรดตอบฉัน...จะมีไหมสักวัน
   ที่จะมีใครมานั่งอยู่ด้วยกัน...ตรงนี้
   ตรงที่ที่เราจะได้มองดวงดาวด้วยกัน”

   “มีเพียงฉันและเธอ” เสียงทุ้มดังขึ้นเบื้องหลังของภีม เขาหยุดนิ้วที่พลิ้วไหวนั้นทันทีก่อนจะหันไปยังต้นเสียง

   แก้มของภีมชนเข้ากับแผ่นอกแข็งแรงนั้น

   “ฉันชอบเพลงนี้มาก แม่ชอบเล่นให้ฟังบ่อยๆ” เสียงทุ้มดังขึ้นอีกครั้ง มันนุ่มนวลราวปุยเมฆ

   ภีมพยายามสะกดกลั้นความอายที่แล่นวาบขึ้นสู่ใบหน้า บอกตัวเองว่าผู้ชายด้วยกันจะอายทำไม แต่ยิ่งคิดอย่างนั้นก็ยิ่งอายขึ้นไปอีก ก็เพราะผู้ชายด้วยกันนี่ไง ถึงต้องอาย

   “นายขึ้นมาที่นี่ได้ยังไง” ภีมฝืนใจพูดออกไป

   “ตามเสียงเปียโนขึ้นมา”

   “ทำไมไม่รออยู่ในห้อง นี่มันเสียมารยาทชัดๆ”

   “รอมาตั้งเป็นชั่วโมง ไม่เห็นนายจะมาสักที”

   “ตอนนี้กี่โมงแล้ว” ภีมถามออกไป ไม่กล้าแม้แต่จะยกนาฬิกาขึ้นดู

   “สิบเอ็ดโมงสิบห้านาที”

   ภีมถอนหายใจเบาๆ ลืมไปเลยว่าต้องเรียนพิเศษ

   “ฉันเพลินไปหน่อย ขอโทษที” ภีมพูดเบาๆ เพราะอายที่จะต้องขอโทษใคร “วันนี้ฉันไม่มีอารมณ์จะเรียนหรอก นายกลับไปเถอะฟิน”

   “ยังไงก็ต้องเรียน” ฟินพูดเรียบๆ ยังคงยืนอยู่อย่างนั้น ข้างหลังภีม

   “ฉันไม่ค่อยสบาย ไม่อยากเรียน นายกลับไปเถอะ พรุ่งนี้ค่อยมาสอน” ภีมพูดโกหกออกไปคำโต ใบหน้าแดงระเรื่ออีกครั้ง

   ฟินเดินไปข้างๆภีมแล้วคุกเข่าลงบนพรมหนานุ่ม ก่อนจะเอามือมาอังที่หน้าผากของภีม

   ภีมสะดุ้งในทันที ความร้อนแล่นวาบขึ้นสู่ใบหน้าอีกครั้ง

   “ตัวก็ไม่ร้อนนี่ เงยหน้าขึ้นหน่อยสิ” นี่เป็นประโยคคำสั่งของฟิน

   “อย่ามายุ่งกับฉันนักได้ไหม นายกำลังทำให้ฉันรู้สึก...” ภีมหยุดประโยคที่กำลังจะพูดไว้แค่นั้น

   “รู้สึกอะไร ฉันเป็นห่วงนายเฉยๆ ผิดตรงไหน” ฟินพูดยิ้มๆ

   “เอามือออกไปจากหน้าฉันเดี๋ยวนี้” นี่เป็นประโยคคำสั่งของภีม

   “รู้สึกอะไรล่ะ” ฟินถามย้ำ สายตาจดจ้องไปที่ไรผมของภีมก่อนจะยกมือขึ้นลูบมันอย่างแผ่วเบา ทะนุถนอม

   “เอามือออกไปเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงของภีมเจือไปด้วยความโมโหที่เจ้าตัวพยายามสะกดกลั้นอยู่

   “ก็แค่เป็นห่วง จะโมโหทำไม” ฟินจ้องเข้าไปในดวงตาที่กำลังสับสนระคนโมโหของภีม

   “ไม่ต้องมาเป็นห่วง นายจะยุ่งกับฉันทำไมนักหนา น่ารำคาญ” ภีมตวาดเสียงดัง เขาระงับโทสะไม่ได้เลยเมื่อคุยกับผู้ชายคนนี้

   “เลิกทำเป็นเก่งสักทีภีม” ฟินพูดอย่างใจเย็น เขารู้ดีว่าผู้ชายคนนี้ภายนอกดูแข็งแกร่ง ก้าวร้าวแต่ภายในนั้นกลับบอบบางยิ่ง

   “อย่ามายุ่ง” ภีมสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง อยากจะลุกขึ้นเดินหนีไปเฉยๆแต่ก็ทำไม่ได้อย่างที่ใจคิด “ออกไปจากห้องนี้เดี๋ยวนี้”

   ฟินส่ายหน้ากับท่าทางของภีม ผู้ชายคนนี้ไม่เคยยอมอะไรกับสิ่งที่ขัดใจตัวเองเลยจริงๆ มันน่ามั้ยล่ะ

   “นักดนตรีที่ไหนเขาอารมณ์ร้ายแบบนายบ้างเนี่ย” ฟินพูดติดตลก “วันนี้ฉันยอมไม่สอนนายก็ได้ แต่นายต้องเล่นดนตรีให้ฉันฟัง ตกลงมั้ย” ฟินแกล้งยื่นข้อเสนอเล่นๆ คิดใจใจว่าอย่างไรภีมคงไม่ยอมแน่ๆ

   แต่...

   “ตกลง” ภีมตอบทันที แค่คำว่าเล่นดนตรีก็อยู่เหนือเงื่อนไขทุกสิ่งแล้ว

   “ทุกชิ้น” ฟินพูดเพิ่มเติม ภีมพยักหน้ารับอย่างรวดเร็วแล้วพูดซ้ำคำของฟิน “ทุกชิ้น”

   ฟินยิ้มอย่างพอใจ ยืนขึ้น จากนั้นก็นั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดียวกับภีม

   ภีมเกือบจะลืมตัวปล่อยหมัดใส่ใบหน้าของฟิน แต่พอนึกขึ้นได้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนยื่นข้อเสนอดีๆให้ก็ยับยั้งชั่งใจเอาไว้อย่างทันท่วงที

   “อยากให้เล่นอะไรก่อนล่ะ” ภีมถามโดยที่ไม่หันมองคนข้างๆ

   “เล่นเพลงเมื่อกี้ให้ฉันฟังอีกรอบได้ไหม” ฟินพูด

   “ได้สิ นั่นก็เป็นเพลงโปรดฉันเหมือนกัน” ภีมพูดพลางบรรเลงเพลงขึ้นช้าๆด้วยท่วงทำนองที่ไม่ผิดแผกจากเดิมเลยแม้แต่น้อย

   ฟินจดจ้องไปที่นิ้วเรียวยาวที่พลิ้วไหวไปตามท่วงทำนองเศร้านั้นอย่างเคลิบเคลิ้ม วินาทีนั้นฟินรู้สึกเหมือนกับว่าเกราะกำบังที่กุมหัวใจอยู่ได้หลุดหายไปทีละน้อยๆ

   ฟินมองไปที่ใบหน้าของภีม ดวงตาคมคู่นั้นของภีมปิดสนิทราวกำลังล่องลอยอยู่บนท้องฟ้า

   ในอีกมุมของคนใจร้อนอย่างภีมก็มีที่ว่างไว้สำหรับเสียงดนตรี ฟินยิ้มไปกับภาพที่ได้เห็น

   เขาแทบไม่ได้ฟังเพลงเลยเพราะมัวแต่มองคนข้างๆ

   เสียงเปียโนของภีมอ่อนหวานและอ่อนโยนเสียยิ่งกว่าเสียงเปียโนใดๆที่ฟินเคยได้ยินมา

ท่วงทำนองและคำร้องเพลงเศร้าดังขึ้นอีกครั้ง ดังขึ้นในใจของฟินและภีม ทั้งคู่ร้องเพลงนี้ไปพร้อมกัน

   แม้คำร้องจะดังก้องอยู่เพียงในใจของแต่ละคน  แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ร้องเพลงเดียวกัน

   ...เพลงดาว...

   “ดาวที่เปล่งประกายอยู่บนฟ้า
   โปรดบอกฉัน...ว่าความเหงาที่อยู่บนโลกนี้เป็นอย่างไร
   แล้วรู้ไหม...ว่าฉันเหงาแค่ไหนกับการที่ต้องมองดาวอยู่ลำพัง
โปรดตอบฉัน...จะมีไหมสักวัน
   ที่จะมีใครมานั่งอยู่ด้วยกัน...ตรงนี้
   ตรงที่ที่เราจะได้มองดวงดาวด้วยกัน...

   มีเพียงฉันและเธอ”

   “ทำไมนายถึงชอบเพลงนี้ล่ะ” ฟินถามขึ้นหลังจากเพลงจบ

   ภีมเสมองไปทางอื่น ไม่อยากตอบคำถามนี้แต่อีกใจหนึ่งก็อยากระบายให้ฟินได้รับรู้

        ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ภีมอยากให้ผู้ชายที่แสนเฉยชาคนนี้เข้าใจในความเป็นเขา

        “มันตรงกับชีวิตฉันมั้ง ชีวิตน้ำเน่า ใครจะเชื่อว่าคนอย่างฉันที่มีทุกสิ่งที่คนโหยหากลับไม่มีบางสิ่งที่คนทั่วไปเขามีกัน” เสียงถอนหายใจของภีมดังขึ้นเมื่อประโยคจบลง มันน่าขายหน้าสิ้นดีที่ต้องเปิดเผยสิ่งที่เป็นให้คนๆนี้รับรู้

        “คนเราไม่สมบูรณ์แบบไปทุกอย่างหรอก มันเรื่องธรรมดาของโลก การที่เราไม่มีอะไรก็ไม่ได้หมายความว่ามันแย่เสียหน่อย นายยังมีโอกาสตามหาสิ่งที่ขาดไปในชีวิตอีกเยอะ” ฟินหันหน้าไปมองภีมด้วยความเห็นใจ

        “ช่างมันเถอะ อย่ามาสงสารหรือเห็นใจฉันเชียวนะ เพราะฉันไม่ชอบ มันอนาถตัวเอง” ภีมยิ้มเยาะ

        “ภีม ฉันมีเรื่องอยากให้นายช่วย” ฟินโพล่งออกมา คิดว่าตอนนี้เหมาะสมที่สุดแล้ว
ภีมพยักหน้าช้าๆ คิ้วหนาขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย

        “งานเลี้ยงรุ่นของเราที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ อยากให้นายไปเล่นเปียโนตอนเปิดและปิดงานได้ไหม” ฟินพูดออกไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ภายในใจนั้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้นกับคำตอบที่กำลังจะได้รับ

        ภีมชะงักไปพักหนึ่ง สีหน้าคลายใจเมื่อครู่เปลี่ยนไปเป็นความโมโห “ที่นายมาพูดดีกับฉันอย่างโน้นอย่างนี้เพราะอยากได้ความช่วยเหลือจากฉันใช่มั้ย”

        ฟินก็ชะงักไปเช่นกันเพราะสิ่งที่ภีมพูดไม่ใช่ความจริงเลยแม้แต่น้อย “ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นเลย”

        ภีมพยักหน้าอีกครั้ง ริมฝีปากได้รูปนั้นเหยียดตรง “ประธานนักเรียนนี่มันหวังผลประโยชน์กันทุกคนมั้ยเนี่ย น่าหัวเราะเยาะจริงๆ”

        ฟินนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น ไม่พูดแก้ตัวอะไร ปล่อยให้ภีมได้พูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาให้หมด

        “ถึงขนาดละเลยหน้าที่ที่ควรทำเพื่อแลกกับอะไรบางอย่าง” ภีมพูด

        “ไม่เคยเห็นใจใครถ้ามันไม่มีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยว” นี่ก็ภีม

        “ทุเรศสิ้นดี ออกไปจากห้องนี้เดี๋ยวนี้เลย” ภีมอีกเช่นกัน แต่น้ำเสียงแข็งกร้าวขึ้นอย่างชัดเจน

        “นายพูดจบแล้วใช่มั้ย” ฟินพูด ลุกขึ้นยืนแล้วพิงเปียโนหลังใหญ่ “ฉันพอใจที่จะไม่สอน พอใจที่จะได้ยินเสียงดนตรีของนาย ไม่เกี่ยวกับผลประโยชน์อะไรทั้งสิ้น”

        ภีมนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิม หันหน้าเข้าหาฟินที่ยืนพิงเปียโนอยู่ ภีมคล้ายกำลังทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดีบ้างแล้ว

        “และที่ฉันอยากให้นายช่วยมันก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าพูดกันตามจริงแล้ว นายก็เป็นส่วนหนึ่งของรุ่น นายจะไม่ทำเพื่อรุ่นบ้างเหรอ”

        ภีมคิดตามคำพูดของฟิน...

        คิดแต่ไม่โอนอ่อนผ่อนตาม

        “ส่วนหนึ่งของรุ่นเหรอ” ภีมเลิกคิ้ว “แล้วทำไมถึงยุบชมรมฉัน”

        “ยังไม่ได้ยุบซักหน่อย ฉันยังไม่ยอมให้ยุบง่ายๆหรอกน่า” ฟินเอามือลูบศีรษะตัวเองป้อยๆแก้เก้อ “ถ้าฉันขอร้องให้นายเล่นเปียโนล่ะ นายจะยอมมั้ย”

        ภีมเงยหน้าขึ้นมองฟินที่ส่งสายตาขอร้องมาให้อย่างพิจารณา “ขอร้องฉันเหรอ” ภีมพูดขึ้นลอยๆ ดวงตาคมกลอกไปมาอย่างยียวน

        ฟินรู้ว่าภีมอารมณ์ดีขึ้นแล้ว แม้จะเลือดร้อน ขี้โมโหขนาดไหน แต่ภีมก็ยังคงเป็นคนๆหนึ่งที่มีหลากหลายอารมณ์ในตัว
ฟินไม่เคยใจเย็นกับใครมากเท่านี้มาก่อน...

        “ฉันขอร้องให้นายเล่นเปียโนเปิดและปิดงานขอให้นายเข้าร่วมงานนี้ในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของรุ่น นายคือรุ่นของเรา นายคือความภูมิใจของรุ่น ฉะนั้น ช่วยเล่นเปียโนในงานนี้ด้วยเถอะนะ” ฟินพูดยิ้มๆ เป็นคำขอร้องที่กล่าวด้วยความสุขใจเป็นที่สุด

        “พูดได้แค่นี้เองเหรอ”

        “จะเอามากแค่ไหนล่ะ อยากให้พูดแบบไหน ฉันจะพูดให้ตามที่นายต้องการเลย” ฟินยิ้มกริ่ม ภีมมองรอยยิ้มปิศาจนั่นด้วยความขนลุก

        “เอาเป็นว่าฉันตกลง แล้วนายก็ออกไปจากเปียโนของฉันซักที” ภีมพยักเพยิดหน้าไปที่ฟิน

        “นายเป็นคนดีนะภีม แต่พยายามทำตัวให้เลวร้าย ฉันไม่รู้ว่านายทำไปเพื่ออะไร แต่ว่าฉันเข้าใจ” ฟินพูดยิ้มๆ เท้าแขนบนเปียโนอีกครั้ง

        “ไม่ต้องมายอ” ภีมพูดพลางมองดูท่าทางของฟินที่กำลังเท้าแขนลงบนเปียโนของเขาอย่างสบายอารมณ์ “เฮ้ย...เอาตัวออกไปให้ห่างจากเปียโนของฉันเลย”

        ภีมลุกขึ้นยืนบ้างหวังจะผลักคนตัวสูงกว่าให้ออกไปจากเปียโนหลังงาม แต่ดันพลาดท่าเสียหลักเข้าสู่อ้อมแขนของฟินเสียอย่างนั้น

        ฟินกอดรัดร่างเพรียวบางนั้นไว้ “ทำอะไรระวังหน่อยสิ”

        ให้ตายสิน่า นี่ฉันกับมันทำเวรกรรมอะไรนักหนาถึงต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์นี้บ่อยๆ ภีมคิดในใจ “ปล่อยซะทีสิ มันขนลุกโว้ย”

        “พี่สาวนายรักนายมากนะแล้วก็ยังมีอีกหลายคนที่รักนาย ทำไมชอบคิดว่าอยู่ตัวคนเดียวในโลก” ฟินยื่นหน้าเข้าไปใกล้ภีม อ้อมแขนที่โอบภีมอยู่แน่นขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

        “แล้วจะมายุ่งทำไมเนี่ย ไอ้โรคจิต” ภีมเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด ร่างทั้งร่างถูกฟินกอดรัดจนแน่นไปหมด “ปล่อยนะเว้ย”

        “ฉันดีใจที่นายตกลง” ฟินพูดพร้อมกับยิ้มน้อยๆ

        ภีมละล่ำละลักจะพูดว่าไม่เป็นไร แต่ก็ช้าไปแล้วเมื่อริมฝีปากของคนตัวสูงกว่าก้มลงมาประทับบนริมฝีปากของตน ภีมเม้มปากไว้แน่น หลับตาปี๋อย่างไม่ยอม แต่ฟินก็ยังพยายามทำให้ภีมโอนอ่อนผ่อนตาม

        มือเรียวยาวของฟินลูบไล้ไปตามแผ่นหลังบอบบางของภีม ภีมสะดุ้งเฮือกกับสัมผัสอันร้อนรุ่มที่จู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัว
จากนั้นฟินก็เข้าครอบครองริมฝีปากของภีมอย่างง่ายดาย ภีมพยายามผลักไส ต่อต้าน แต่ก็ไม่เป็นผล ทว่ากลับทำให้จุมพิตนั้นลึกล้ำขึ้นไปอีก

        ยิ่งเนิ่นนาน ยิ่งเพิ่มแรงปรารถนามากขึ้น ฟินกดร่างของภีมลงกับเปียโน ภีมร้องอู้อี้ด้วยความเจ็บ แต่ฟินไม่ได้ยินเสียงอะไรแล้วนอกจากเสียงหัวใจของตนเอง

        ฟินเบียดร่างของตนให้แนบแน่นกับร่างของภีม มือเรียวยาวสอดเข้าไปในเสื้อของภีม จากนั้นก็มอบจุมพิตที่ร้อนแรงให้ร่างที่สั่นสะท้านนั้นอีกครั้งอย่างไม่หยุดหย่อน

        ฟินพรมจูบไปทั่วลำคอขาวของภีมก่อนจะเลื่อนริมฝีปากมาที่หัวไหล่ต่ำลงไปจนถึงหน้าอก

        “อืมม...” ภีมร้องครางออกมาโดยที่ไม่รู้ตัว ก่อนจะใช้มือจิกไปที่หัวไหล่ของฟินอย่างแรงเพื่อบรรเทาความรู้สึกแปลบปลาบที่แล่นไปทั่วกาย

        ฟินเลื่อนมือมาข้างหน้าเพื่อปลดกระดุมเสื้อของภีม

         เม็ดที่หนึ่ง...

         เม็ดที่สอง...

         เม็ดที่สาม...

         จนกระทั่งเม็ดสุดท้าย...

         ฟินไม่ใช่คนใจเย็นอีกต่อไป

         “ฉันชอบนาย ภีม”




 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6
แรง

ออฟไลน์ kp

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 544
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-3
มาก

ออฟไลน์ kp

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 544
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-3
ฉันก็รักเธอสองคน
ฟิน&ภีม

ramgaythai

  • บุคคลทั่วไป
และคนเขียนชอบทำให้ค้าง    :m31:

tawan

  • บุคคลทั่วไป
ค้างงงงงงงง :m31:

 :call:

ออฟไลน์ EVE910

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 550
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1

ออฟไลน์ Mookkun

  • magKapleVE
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 637
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
    • Consensual free relationships
โฮะ! มาต่อเดี๋ยวนี้นะ T^T

ออฟไลน์ minchy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-0
คืออ่านแล้วสงสัยค่ะ

"ประธานนักเรียนหนุ่มเดินไปเรียนตามปกติ ระหว่างทางก็คิดถึงเรื่องเด็กหนุ่มที่ชื่อภีมขึ้นมา อยู่ดีดีเขาต้องสนใจหมอนี่ทำไมกัน ทั้งๆที่เห็นหน้ากันมาตั้งแต่อยู่ ม.4 แล้ว (ตอนนี้ทั้งคู่อยู่ม.6)"

แล้วพอจัดงาน ราตรีสีมึดนี่  ทำไมถึงมีรุ่นพี่อีกหล่ะคะ   เข้าใจว่า เรียนอยู่ม.6 กันแล้ว กำลังจะเอนฯ


ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด