[แจ้งข่าวP31]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบP28:17/6/55
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [แจ้งข่าวP31]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบP28:17/6/55  (อ่าน 316397 ครั้ง)

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
อุอุ
เห็นชื่อคุณjuon ที่ไหน
ก็ต้องตามมาอ่านเรื่องค่ะ
เพราะชอบภาษา และการใช้ถ้อยคำบรรยาย รวมทั้งพล็อตเรื่องด้วยค่ะ :3123:



ตอนแรกอ่านชื่อเรื่อง จะงงๆอยู่หลายวิ  บกvsนักเขียน "บก" อะไรฟระ "บนบก"รึ??
สักพักก็อ๋อ  บ.ก. อักษรย่อของ  บรรณาธิการ   =   บ.ก. ค่ะ ไม่ใช่ บก หรือ บก.
อิอิ..แต่สารภาพว่าพึ่งรู้เหมือนกันว่าย่อไงจะถูก เลยต้องไปเช็คดู

จะคอยเป็นกำลังใจให้ทั้งเรื่องนี้และเรื่องต่อๆไปค่ะ
ถึงจะไม่ได้เข้ามาเม้นท์แต่ก้ตามอ่านตลอดค่ะ

  :L1::กอด1: :L1:




ขอบคุณมากค่ะ จัดการแก้ให้แล้วนะคะ^^

ออฟไลน์ sukie_moo

  • ปัจจุบัน คือ อดีตของอนาคต
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-15
จิ้มๆๆๆคุณ juon

อ่านะ มีของสวยๆงามๆมาให้มอง ก็ต้องมองเป็นธรรมดา เนาะลุงพนิตเนาัะ ไม่เห็นหื่นเลย  :laugh3:

ออฟไลน์ pak_kikkok

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-0
โอยยยยยยยยยย ไล่อ่านตอนเดียวห้าตอนรวด! แบบบนอนสต๊อปเพราะสต๊อปไม่ได้จริงๆค่ะ!
เรื่องนี้ตอนแรกที่อ่านก็คิดอยู่ในใจลึกๆว่า...คุณพนิตมีส่วนคล้ายคงฉ่วยเพราะชอบแอบมองเมะเนี่ยแหล่ะค่า
ฮ่าฮ่า
แล้วก็แอบคิดเล็กๆว่า คุณพนิตคงชอบมองคนหล่อแบบไม่ได้คิดอะไรก็คนมันหล่อจะไม่ให้มองก็เสียดายของแย่เนอะคะ

แต่ตอนนี่เนี่ย..ไม่ไหวจะเคลียร์ฮ่าฮ่า คุณพนิตหื่นออกนอกหน้ามากอ่ะค่ะ ก๊ากกกก
เอะอะมองเอะอะมองงงง สติหลุดเป็นพักๆแถมอายุอานามก็มาก เลือดลมวิ่งที ความดันจะขึ้นเอา
เป็นห๊วงงงเปนห่วงเคะอายุเยอะจริงๆค่ะงานนี้
เพราะคุณสุภาพงษ์เองก็น้าาาาา ทำอะไรไม่ได้...คิดเล้ยยว่าทำคนอายุเยอะใจคอไม่ดี หายใจไม่ทั่วท้อง
นอนก็นอนไม่หลับ(เอ๊ะหรือโรคชราถามหาแล้ว? ก๊ากกก)

แต่เป็นอะไรที่กรี๊ดมากๆเลยค่ะ

ชอบเรื่องนี้มากเลยยย อ่านแล้วอมยิ้มตลอด แอบมีทุบคอมบ้างเล็กน้อยพอเป็นกระสัย
ฮ่าฮ่าฮ่า
ขอบคุณสำหรับฟิคชั่นสนุกๆนะคะ

(ปล.รอรวมเล่มคงฉ่วยกับเผิงๆอยู่นะค้าา)

ออฟไลน์ ชินจัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 307
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
 :t3:

มารอคุณพนิตกับคุณสุภาพงษ์
^___^

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12

ออฟไลน์ u_cosmos

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
ยิ่งใกล้กัน ยิ่งหั่นไหว อ๊ายยยยยยย
ตอนนี้คุณพนิตหวั่นไหวไปมากมาย
ถ้าคุณสุภาพงษ์รู้เข้า คงได้ย้ายมาอยู่บ้านข้างๆกันเลยละมั้งเนี่ย

ออฟไลน์ gumrai3

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-4
กนิ๊ด คุณนิต เริ่มเเล้วๆ ออกอาการเเล้ว

ชอบเคะอายุเยอะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-10-2011 21:14:46 โดย gumrai3 »

ออฟไลน์ pak_kikkok

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-0

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
มาต่อทีเถอะคนเขียน :m15:
คิดถึงมากมาย :o12:

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
** อุ.. เข็นตอนใหม่มาลงแล้วค่ะ พร้อมข่าวที่ว่า น้ำที่บ้านนนท์ตอนนี้เริ่มเข้าบ้านแล้ว และไม่รู้ว่าจะขึ้นสูงขนาดไหน... เอาล่ะ ถึงเวลาีนี้คงได้แต่ปลงแล้ว.... เป็นกำลังใจให้กับคนที่กำลังจะท่วมและถูกท่วมไปแล้วนะคะ ใครที่อึดอัดใจ ว่าเมื่อไหร่จะท่วม อย่าร้อนใจไปค่ะ เพราะคราวนี้ท่วมนานแน่นอน...
--------------------------------------

Out of order. ขออภัยในความไม่สะดวก ตอนที่6
   “พี่นิต”
   ผมหันไปมอง เห็นเด็กผู้ชายหน้าตาเรียบๆ คนหนึ่งยืนอยู่ที่ประตูรั้วหน้าบ้าน จากนั้นก็ได้ยินเสียงแม่ดังขึ้นต่อ “พี่นิตเขียนหนังสืออยู่จ้า มีอะไรหรือ?”
   เด็กผู้ชายคนนั้นเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะพูดออกมา “คุณป้าครับ ผมจะย้ายออกวันพรุ่งนี้แล้วครับ ผมอยากมาบอกลาพี่นิต”
   “อ้อ” แม่ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะตะโกนเรียกผม “นิต น้องจะย้ายไปที่อื่นแล้วแน่ะ ออกมาลาน้องหน่อยสิ”
   ผมเลยต้องวางมือจากดินสอและสมุด เดินออกมานอกบ้าน “จะย้ายไปไหนหรือ?”
   “รังสิตมั้งครับ” เด็กคนนั้นตอบผม ผมส่งเสียงอืมในลำคอ “รังสิต ไกลเหมือนกันนี่”
   “ครับ... พ่อผมซื้อบ้านแถวนั้น”
   “อื้อ ก็ดีแล้วล่ะ ไปอยู่บ้านกว้างๆ สบายกว่า” ผมว่า “แล้วโรงเรียนล่ะ หาได้แล้วยัง?”
   “ครับ สอบได้โรงเรียนแถวนั้นล่ะครับ” เด็กคนนั้นตอบผม ผมยิ้มให้เขา “งั้นก็ดีเลย ว่างๆ ก็แวะมาเยี่ยมพี่บ้างนะ”
   “พี่นิต...” เด็กคนนั้นเรียกชื่อแล้วมองหน้าผม “ผมไม่อยากย้ายบ้านเลย... ผมอยากมาฟังนิทานพี่อีก”
   ผมปลอบเขายิ้มๆ “นี่ อ่านหนังสือคล่องอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง รออ่านเป็นเล่มเลยสิ อีกหน่อยพี่คงได้เขียนลงหนังสือแล้ว”
   เขามองหน้าผมอยู่พัก แล้วพยักหน้า “ครับ... พี่นิต”
   “หืม?”
   “ผมขอจับมือพี่หน่อยได้มั้ย?”
   “ทำไมล่ะ?”
   “ผม..... ผมอยากลองจับมือนักเขียนดูน่ะ”
   ผมหัวเราะ จากนั้นก็ยื่นมือให้เขาจับ เด็กผู้ชายคนนั้นจับมือผมแน่น ก่อนจะบอกลาผมอีกครั้ง “ผมไปก่อนนะครับพี่นิต... ผมไปก่อนนะครับ”
   “อืม.. โชคดีนะ” ผมโบกมือลาเด็กคนนั้น มองดูเขาเดินกลับบ้านไป...
   เด็กคนนั้นชื่ออะไรแล้วนะ.......
-------------------------------------------------
   ผมลืมตาตื่นมา ก็พบว่าห้องสว่างโร่แล้ว อืม... สงสัยเพราะเมื่อคืนนอนดึกไปแน่ๆ พอหันดูนาฬิกาตรงหัวเตียงก็เห็นเข็มสั้นชี้ที่เลขเก้าเข้าไปแล้ว เลยรีบลงจากเตียง พับผ้าห่ม แล้วหยิบผ้าคลุมเตียงขึ้นมาคลุมเอาไว้ นั่นแหละ ถึงได้มองเห็นว่ามีกองผ้านวมกับหมอน พับเรียบร้อย วางอยู่ตรงที่ว่างข้างเตียง อืม... เมื่อคืนผมให้สุภาพงษ์ค้างที่นี่นี่นา....
   ตายล่ะสิ ผมเป็นเจ้าบ้านแท้ๆ ดันตื่นสายซะเอง น่าเกลียดจริงเชียว
   ผมรีบเดินจ้ำไปชะโงกดูรถหน้าบ้าน เพราะไม่รู้ว่าสุภาพงษ์กลับไปแล้วหรือยัง ขณะที่กำลังชะเง้อมองหลังคารถคันสีขาวของเขา ประตูก็ถูกเปิดผลัวะเข้ามา
   “พี่นิต”
   ผมสะดุ้งนิดหน่อย ก่อนจะหันหน้าไปมองเขา เห็นเขาสวมเสื้อผ้าชุดเดิมกับของเมื่อวาน คงจะอาบน้ำใหม่แล้วมั้ง โอ๊ยตาย นี่ผมนอนหลับไม่รู้เรื่องขนาดนี้เลยหรือนี่
   “เอ่อ...” ผมส่งเสียงออกไปอย่างไร้ความหาย พลางนึกว่าควรจะปั้นหน้าพูดกับเขาอย่างไรดี สุภาพงษ์ยืนมองผมครู่หนึ่ง จากนั้นก็เดินเข้ามา “เมื่อคืนนอนไม่หลับหรือครับ?”
   “อ้อ เปล่า” ผมตอบไป โธ่เอ๋ย ผมควรจะถามเขาแท้ๆ ว่าเมื่อคืนนอนหลับไหม แต่เห็นเขาตื่นก่อนแบบนี้ ผมถามไม่ออกเหมือนกัน บางทีเขาอาจจะนอนไม่สบายเลยตื่นแต่เช้าก็ได้
   ผมยืนอึ้งอยู่พัก ถึงพอจะนึกคำพูดมาคุยกับเขาได้ “คุณสุภาพงษ์ เดี๋ยวผมลงไปเปิดประตูบ้านให้แล้วกัน คุณจะกลับเลย หรือว่าจะทานข้าวก่อนล่ะ?”
   สุภาพงษ์เม้มปากนิดๆ แล้วพูดตอบผม “ผมออกไปซื้อข้าวมาแล้วล่ะครับ เห็นว่าพี่นิตหลับสนิท ก็เลยเอากุญแจไปเปิดบ้านเอง ขอโทษด้วยนะครับ”
   โอ๊ยตาย! เขารอจนหิว จนออกไปซื้อข้าวมาเรียบร้อยแล้วรึนี่ ผมล่ะอยากจะเอาหน้าทิ่มเข้าไปในเสาบ้านจริงๆ ผมรีบยกมือห้ามเขา “ไม่ต้องขอโทษหรอก ผมตื่นสายเอง ขอโทษทีนะ”
   “ไม่เป็นไรหรอกครับ” สุภาพงษ์พูดขึ้นมา “พี่นิตจะอาบน้ำก่อนรึเปล่าครับ”
   เอ่อ... เอาล่ะ ถึงผมจะตื่นสาย ถึงเขาจะซื้ออาหารมาเตรียมไว้แล้ว และถึงผมจะไม่ได้สนใจภาพพจน์ตัวเองมาก แต่ให้ลงไปทานข้าวกับเขาทั้งที่ยังไม่ได้อาบน้ำแปรงฟันอย่างนี้น่ะ ผมไม่หน้าหนาขนาดนั้นหรอก ผมเลยบอกเขาว่าจะอาบน้ำ ให้เขาลงไปทานก่อนได้ตามสบาย สุภาพงษ์มองหน้าผมพักหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า แล้วเดินลงชั้นล่างไป ผมเลยรีบคว้าผ้าเช็ดตัว เดินเข้าห้องน้ำไปทันที
   ผมอาบน้ำเสร็จ ก็เดินไปหยิบเสื้อที่ตู้ วันนี้ไม่รู้นึกอะไรขึ้นมา เกิดเบื่อเสื้อผ้าสีเทาๆ ขึ้นมาเสียอย่างนั้น ผมเลยมองหาอยู่พัก ก็ได้เสื้อผ้าฝ้ายสีเหลืองอ่อนตัวหนึ่งซึ่งซื้อมาจากเชียงใหม่เมื่อนานแล้ว ปกติผมไม่ค่อยได้ใส่หรอก จะใส่ก็ใส่ไปงานแต่งงานบ้าง งานเลี้ยงบ้าง เพื่อให้ไม่ดูโทรมเกินไปนัก
   ผมใส่เสื้อสีเหลืองตัวนั้น กับกางเกงขายาวสีน้ำตาลอีกตัวหนึ่ง จากนั้นก็เดินลงมาด้านล่าง สุภาพงษ์นั่งรออยู่ที่โต๊ะทานข้าวแล้ว ดูเหมือนเขาจะซื้อกับข้าวมาสามสี่อย่าง เยอะจริง ทานแค่สองคนเท่านั้นเอง พอเห็นผมเขาก็รีบตักข้าวในหม้อใส่จานให้ ควันยังกรุ่นอยู่เลย
   “พี่นิต ผมขอถือวิสาสะยืมใช้หม้อหุงข้าวหน่อยนะครับ” เขาพูด สงสัยเพราะเห็นผมทำหน้าแปลกๆ ล่ะมั้ง เปล่าหรอก ผมกำลังนึกอายตัวเองที่นอนจนเขาต้องซื้อกับข้าว รื้อหม้อข้าวมาหุงรอแบบนี้
   “ไม่เป็นไรหรอก” ผมพูดตอบไป แล้วก็นึกไม่ออกว่าควรจะพูดอะไรต่อ ก็เลยนั่งปุลงบนเก้าอี้ มองจานข้าวที่เขาหยิบมาวางให้ มือเขาเรียวสวยจริง เฮ้อ... นี่ผมยังมีอารมณ์มาพิจารณามือของเขาอีกหรือนี่
   “ขอโทษด้วยนะที่ทำให้คุณต้องลำบากขนาดนี้” ผมพูดพลางเงยหน้าขึ้นมองเขา เพราะไม่อยากนั่งเงียบ ทานอาหารที่เขาซื้อมาให้ มันดูเหมือนผมเป็นเจ้าบ้านที่ไม่มีความรับผิดชอบเสียจริงๆ
   “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเองต่างหากที่รบกวนพี่” สุภาพงษ์ตอบผม แล้วยิ้มบางๆ ที่มุมปาก ผมมองแล้วดันใจเต้นตึกๆ จนต้องทำเป็นไอออกมา เพราะกลัวจะหน้าแดงให้เขาเห็น ที่จริงอายุปูนผมไม่น่าจะหน้าแดงได้แล้ว แต่บังเอิญผมรู้สึกร้อนที่หน้าขึ้นมา ไม่เอาล่ะผมไม่เสี่ยงให้เขาเห็นอะไรน่าอายแบบนั้นหรอก ดังนั้นผมจึงไอ แล้วก็ได้ไอสมใจอยากซะด้วย เพราะพอทำเป็นไอไปได้สักพัก ก็ดันสำลักน้ำลายเอาจริงๆ
   “พี่นิต!” ผมได้ยินเสียงสุภาพงษ์เรียก แล้วก็รู้สึกว่าเขาวิ่งมาประคองผมไว้ ขณะที่ผมไอจนตัวโยน จนกลัวว่าจะตกเอ้าอี้เลยคว้าแขนของเขาเอาไว้ ผมไออยู่สักพักจึงพอจะสงบลงได้ ไอจนน้ำหูน้ำตาไหลไปหมด ขณะที่กำลังสูดหายใจเฮือกๆ ผ้าเช็ดหน้าสีขาวผืนหนึ่งถูกยื่นมาตรงหน้าผม ผมที่ยังมึนๆ อยู่เลยไม่ทันได้รับไว้ จากนั้นผ้าเช็ดนั้นผืนเดิมก็ซับลงบนหางตาที่มีน้ำตาไหลออกมาของผมเบาๆ
   ผมสะดุ้งเฮือก เบือนหน้าไปมองเขาทันที หน้าของสุภาพงษ์อยู่ใกล้มาก ผมไม่รู้ว่าเพราะเขาตั้งใจจะขยับเข้ามาเพื่อซับหน้าผมหรืออะไรกันแน่ แต่ผมว่าหน้าเขายื่นเข้ามาใกล้เกินไปแล้วล่ะ
   “พี่นิต...”
   ผมรีบดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาจากมือเขา แล้วซับหน้าตัวเองเป็นการใหญ่ จากนั้นก็รีบพูดขึ้น “โทษที... ขอบใจนะ”
   “ไม่เป็นไรหรอกครับ” สุภาพงษ์พูด แล้วถามต่อ “พี่นิตไม่เป็นอะไรแล้วนะครับ”
   “อืม..” ผมส่งเสียงในคอ พลางขยับตัวเพื่อจะได้นั่งให้ถนัดขึ้น ยังไม่ทันนึกว่าจะทำอย่างไรกับผ้าเช็ดหน้าที่เขายื่นให้ สุภาพงษ์ก็ยื่นมือมาหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น แล้วแถมมือผมไปด้วย เจอแบบนี้ผมเลยต้องรีบพูดออกไปทันที “คุณสุภาพงษ์ เดี๋ยวผมซักให้ก็แล้วกัน”
    “ครับ” เขารับปาก แต่ก็ยังจับผ้าเช็ดหน้าพร้อมมือผมเอาไว้แบบนั้น ผมรู้สึกอึดอัดขึ้นมา ถึงเขาจะดูดีไปทุกส่วน กระทั่งจับมือผมไว้แบบนี้ ผมก็นึกเรื่องจะไปต่อว่าเขาไม่ออก แต่ก็ใช่ว่าผมจะชอบให้เขาทำแบบนี้หรอกนะ
   สุภาพงษ์มองผมด้วยดวงตาสีดำสนิท จากนั้นก็พูดต่อ “เรียกผมว่าโจก็ได้ครับ พี่นิต”
    ใจผมเต้นแรง ก็รู้อยู่หรอกว่าเขาชื่อเล่นชื่อโจ ฟังจากที่เพื่อนเขาเรียกวันก่อนน่ะนะ แต่จะให้ผมเรียกเขาว่าโจมันก็....
ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เมื่อนานมาแล้วผมอาจจะเคยเรียกเขาแบบนี้ก็เถอะ
   “ทานข้าวเถอะ มันจะเย็นหมดแล้ว ทานเสร็จแล้วคุณจะได้รีบไปทำงาน” ผมพูดออกมา สุภาพงษ์ชะงักไปหน่อยหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า “ครับ”
   จากนั้นเขาก็เดินไปนั่งเก้าอี้ข้างผม ผมเลยหันหน้าไป แล้วจัดแจงตักข้าวทานทันที เรานั่งทานอาหารกันเงียบๆ ไม่รู้ผมคิดไปเองรึเปล่า แต่รู้สึกว่าบรรยากาศมันกดดันพิกลๆ เลยชวนเขาพูดต่อ “คุณซื้อกับข้าวร้านไหนน่ะ?”
   “ด้านหน้าซอยครับ” เขาตอบผม ผมน่ะเงยหน้ามองเขาตอนพูดด้วยความเคยชิน แต่พอเห็นเขามองกลับมา ผมก็ต้องกะพริบตาปริบๆ อีกแล้ว เขามองผม จากนั้นก็เม้มปากเป็นเส้นบาง จากนั้นผมก็เห็นว่ามุมปากเขายกขึ้นมาหน่อยหนึ่ง
   นี่เขากำลังกลั้นยิ้มอยู่รึเปล่านะเนี่ย?! แล้วทำไมเขาถึงต้องกลั้นยิ้มด้วยล่ะ
   เพราะไม่เคยเดาอะไรจากสีหน้าเขาออกมาตั้งนานแล้ว ผมจึงใช้วิธีเดิม คือก้มลงมองจาน ทำทีว่ากำลังสนใจอาหารพวกนี้เสียเต็มประดา ช่วยไม่ได้นี่ ผมเป็นนักเขียนนิยาย ไม่ใช่นักทายใจสักหน่อย อีกอย่าง ท่าทางของเขา สิ่งที่เขาทำกับผม คำพูดที่เขาเคยพูด ทั้งอายุและหน้าที่การงาน ตำแหน่งของผมกับเขา ผมวางตัวกับเขาไม่ถูกหรอก เพราะงั้น ถ้าเลี่ยงอะไรได้ ผมก็จะเลี่ยงล่ะ
   แต่ผมก็อดมองหน้าหล่อๆ ของเขาไม่ได้สักที
   “พี่นิต” สุภาพงษ์เรียกผม ขณะที่ผมเหลือบตามองเขาแวบหนึ่ง เพราะดันนึกอยากรู้ว่าเขาทำหน้าอย่างไรต่อกันแน่ หน้าเขาก็นิ่งสนิทเหมือนเดิมล่ะ แต่คำถามนี่สิ...
   “จะออกไปข้างนอกหรือครับ?”
   ผมอึ้งไปนิด แล้วสั่นศีรษะ เขามองผมอยู่พัก จากนั้นก็พูดออกมา “ผมเห็นพี่นิตแต่งตัวแบบนี้ นึกว่าจะออกไปข้างนอกซะอีก”
   ผมเลยนึกถึงเสื้อที่ตัวเองใส่ลงมาได้ เออ.. ผมแต่งตัวเหมือนกำลังจะออกไปข้างนอกจริงๆ นั่นล่ะ ทำอย่างกับว่าจะออกไปงานสำคัญด้วยนะ แค่ใส่ลงมาทานข้าวกับเขาเท่านั้นเอง
   “ที่จริงผมกะว่าจะออกไปบ้านเพื่อนน่ะ แต่คิดอีกที ไม่ไปแล้วดีกว่า” ผมพูดแก้เก้อไปเรื่อย เนื่องจากไม่อยากให้เขามองว่าผมแต่งตัวดี เพราะมีเขามาทานอาหารที่บ้าน อืม.. ก่อนหน้านี้เขาชวนผมไป ผมยังไม่นึกจะแต่งตัวดีขนาดนี้เลย ไม่รู้ทำไม วันนี้ผมถึงนึกเบื่อเสื้อสีเทาในตู้ขึ้นมาดื้อๆ
   หวังว่าเขาคงไม่เข้าใจผมผิดนะ
   สุภาพงษ์เงียบไปพัก แล้วถามอีก “งั้น... ไปกับผมนะครับ”
   ผมมองหน้าเขาอึ้งๆ คิดด้วยซ้ำว่าคงฟังผิด นี่เขากำลังจะชวนผมไปเที่ยวงั้นหรือ?!
   “จะไปที่ไหนน่ะ?” ผมหลุดปากถามออกไป เขามองหน้าผม จากนั้นก็พูดต่อ “ไปเขาดินกันไหมครับ ใกล้ๆ เผื่อพี่นิตจะได้พล็อตเรื่องอะไรบ้าง”
   อันที่จริงผมก็ไม่ค่อยเห็นด้วยกับการจับสัตว์ใส่กรงขังเอาไว้เท่าไหร่หรอกนะ เพราะมันดูทรมานยังไงพิกล แต่ก็ยอมรับเหมือนกันว่า ถ้าไม่มีสวนสัตว์ ผมคงไม่ได้เห็นพวกสัตว์แปลกๆ ตัวเป็นๆ ไม่แน่นะ ผมไปแล้ว อาจจะได้พล็อตเรื่องพ่อกระแตต่อก็ได้ พอนึกแบบนั้นแล้ว ผมก็รีบตกลงทันที “เอาสิ”
   สุภาพงษ์มองหน้าผม จากนั้นก็ยิ้มออกมา ผมที่ถูกรอยยิ้มของเขาเล่นงานอย่างไม่ทันให้ตั้งตัวเลยได้แต่มองอึ้งๆ พอรู้สึกตัวก็ทำเป็นจ้องเขาเขม็ง แล้วพูดกลบเกลื่อนไป “แต่ผมว่า คุณควรกลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ”
   รอยยิ้มของสุภาพงษ์เลือนไปหน่อยๆ แต่ก็ไม่ถึงกับหายไปเลยทีเดียว ได้ยินเสียงเขาพูดตอบผม “ครับ เดี๋ยวผมแวะระหว่างทางก็ได้ ยังไงก็ผ่านอยู่แล้วครับ”
-----------------------------------------
   ท้ายที่สุด ก่อนจะได้ไปเขาดิน ผมก็ได้มาที่คอนโดฯของสุภาพงษ์ก่อน เพราะรอยยิ้มของเขาแท้ๆ เชียว
   คอนโดฯที่เขาอาศัย อยู่ห่างจากสำนักงานเขาไม่มากเท่าไหร่ เขาจอดรถแล้วก็ชวนผมขึ้นไปที่ห้อง แต่ผมบอกเขาขอรอที่ล็อบบีดีกว่า อืม... ผมไม่อยากขึ้นไปห้องเขาแค่สองคนน่ะ เมื่อคืนเขานอนห้องเดียวกับผมก็จริง แต่นั่นมันที่บ้านผม เอาล่ะ ไม่รู้ว่าเขาคิดกับผมถึงไหนนะ แต่ผมไม่เสี่ยงเข้าห้องเขาแค่สองต่อสองเด็ดขาด ถึงผมไม่ได้รูปร่างหน้าตาดี อายุก็ตั้งเยอะ พูดให้ถูกแล้วก็เรียกว่าไม่เหลือจุดน่าพิสมัยแล้ว แต่อะไรมันก็ไม่แน่ไม่นอนนักหรอก เพราะงั้น ผมเลือกปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า
   สุภาพงษ์ยอมให้ผมรออยู่ที่ล็อบบีแต่โดยดี ระหว่างที่รอเขาเปลี่ยนเสื้อผ้า ผมก็หยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่าน เพิ่งอ่านพาดหัวข่าวไปได้สองสามข่าว เสียงใครคนหนึ่งก็ทักขึ้น “คุณพนิต?!”
   ผมเงยหน้าขึ้นไปก็เห็นผู้ชายคนหนึ่ง ยืนยิ้มอยู่ พอเห็นสายตาผมเขาก็พูดต่อ “ผม.. คุณากร กั้งไงครับ”
   “อ้อ คุณกั้ง” ผมว่า แล้วนึกได้ทันทีว่าเป็นเพื่อนของสุภาพงษ์ที่เจอกันเมื่อวันก่อน คุณากรมองหน้าผม แล้วถามอย่างสงสัยปนตื่นเต้น “คุณพนิตมาที่นี่ได้ไงครับ โจมันนัดมาหรือครับ?”
   “เปล่า เขาแวะมาเปลี่ยนเสื้อน่ะ”
   สีหน้าของคุณากรดูตื่นเต้นกว่าเดิม “เปลี่ยนเสื้อ? เกิดอะไรขึ้นน่ะครับ? มีใครทำอะไรหกใส่เสื้อเขาหรือไง?”
   “เมื่อคืนเขาไปค้างที่บ้านผมน่ะ” ผมตอบ แต่พอเห็นสีหน้าตกใจสุดๆ ของคุณากร เลยต้องรีบพูดต่อ “เขาไปช่วยผมหาของ กว่าจะเจอมันก็ดึกแล้ว ผมเลยให้เขานอนค้าง”
   “อ้อ” คุณากรร้องออกมาทันที ทำหน้าโล่งใจไปได้สักสามวิฯ ก็ตีหน้าตกใจต่อ “แค่นั้นหรือครับ? นอนค้างเฉยๆ หรือ?”
   ผมพยักหน้า “อืม... เขาไม่ได้ถือโอกาสทวงต้นฉบับผมหรอกนะ”
   “โธ่....” คุณากรครางออกมา จากนั้นก็พูดต่อ “ไอ้โจอยู่บนห้องใช่ไหมครับ งั้นเดี๋ยวผมมานะครับ”
   พูดจบก็รีบเดินเข้าลิฟต์ไป ผมมองตามหลังเขา แล้วนึกแปลกใจขึ้นมา ท่าทางสองคนนี่จะมีเรื่องอะไรกันอยู่นะเนี่ย
-----------------------------------------
   “พี่นิต”
   ผมเงยหน้าจากหนังสือนิตยาสาร แล้วก็อึ้งไปพักใหญ่ สุภาพงษ์เดินออกมาจากลิตฟ์ ไม่รู้ว่าเขาอาบน้ำใหม่รึเปล่านะ แต่ผมน่ะแต่งซะหล่อเชียว แถมแต่งตัวดีเวอร์ อย่างกับดาราจะไปออกงาน มากกว่าจะไปเดินสวนสัตว์ดุสิตกับนักเขียนแก่ๆ อย่างผม
   “ขอโทษนะครับที่ต้องให้รอนานขนาดนี้” เขาพูด พร้อมกับสีหน้าสำนึกผิดแบบมองออก ถึงผมจะอ่านหนังสือพิมพ์จบไปสองฉบับ นิตยาสารอีกหนึ่งเล่ม เพราะรอเขาเปลี่ยนเสื้อ แต่พอเห็นเขาทำหน้าแบบนี้ ผมก็เคืองไม่ลงหรอก เลยได้แต่โบกมือแล้วสั่นศีรษะ “ไม่เป็นไร”
   สุภาพงษ์ทำหน้าเลิกๆ ลั่กๆ แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ อีกเสียงหนึ่งก็พูดแทรกขึ้น “คุณพนิต ไอ้โจหล่อไหมครับ ฝีมือผมนะเนี่ย”
   คุณากรเดินออกมาจากลิฟต์อีกตัว ด้วยสีหน้าภูมิใจเสียเต็มประดา ผมมองเขา สลับกับมองสุภาพงษ์ สุภาพงษ์เลยรีบพูดขึ้นอีก “พี่นิต ขอโทษด้วยนะครับ กั้งมันชอบเล่นอะไรบ้าๆ แบบนี้แหละครับ”
   “อืม...” ผมครางอยู่ในคอ แล้วพูดต่อ “ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ เขาช่วยคุณแต่งตัวหรือ ผมว่าดูดีจนไม่น่าจะไปเดินสวนสัตว์เขาดินแล้วล่ะ”
   สุภาพงษ์มีสีหน้าเลิกลั่กกว่าเดิม ขณะที่คุณากรหัวเราะชอบใจ “แล้วคุณพนิตว่าไปเดินที่ไหนดีครับ”
   ผมตอบไปแบบลืมคิด “แฟชั่นโชว์”
   คุณากรหัวเราะดังกว่าเดิม ขณะที่สุภาพงษ์มีสีหน้าลำบากใจอย่างที่สุด อะไรกันนะ หล่อซะขนาดนี้ ยังจะทำหน้าไม่มั่นใจในตัวเองอยู่ได้ ผมเลยพูดออกไปอีก “คุณสุภาพงษ์ ผมว่าคุณเจียดเวลาทวงต้นฉบับผม ไปประกวดนายแบบ อาจจะรุ่งก็ได้นะ”
   สุภาพงษ์ตีหน้ายุ่ง คุณากรเลยพูดแทรกอีก “อายุไอ้โจเกินนานแล้วล่ะครับ นี่ถ้ามันเชื่อผมแต่แรก ไปเป็นนายแบบนะ รุ่งไปนานแล้ว”
   “อืม” ผมพยักหน้าเห็นด้วย แต่สุภาพงษ์กลับสั่นศีรษะ “ไม่ดีหรอกครับ ผมเป็นแบบนี้แหละดีแล้ว”
   “อ้อ ใช่ๆ” คุณากรรีบพูดสนับสนุนทันที เปลี่ยนฝ่ายเร็วดีจริงๆ ด้วย “นี่ถ้านายไปเดินแบบนะ คงไม่ได้เจอกับพี่ชายในฝันของนายหรอก”
   สุภาพงษ์หันไปมองเพื่อน ขณะที่ผมทวนคำอย่างงงๆ “พี่ชายในฝัน?”
   คุณากรหันมายิ้มให้ผมจนเห็นฟันเรียงสวย “ก็คุณพนิตไงครับ”
   “กั้ง!” สุภาพงษ์เรียกชื่อเพื่อนเสียงดัง แต่คนถูกเรียกทำเป็นไม่ได้ยิน ยังคงพูดกับผมต่อ “ผมไปก่อนนะครับ คุณพนิต จะพาไอ้โจไปเที่ยวสวนสัตว์ หรือพาไปเดินแบบ เลือกเอาเลยนะครับ แต่อย่าทิ้งมันก็พอ เดี๋ยวมันจะงอแงหาคุณอีก”
   “กั้ง! พอเถอะ หยุดพูดอะไรบ้าๆ ที” สุภาพงษ์เอ็ดเพื่อน คุณากรเลยหันไปมอง แล้วฉีกยิ้มอีก “โจ ดูไว้นะ” เขาพูด จากนั้นก็หันกลับมาหาผม
   “คุณพนิต ผมขอหอมแก้มคุณหน่อยสิ เอาแบบดาราน่ะครับ คราวที่แล้วผมยังไม่ได้ลายเซ็นคุณเลย วันนี้ผมก็ไม่ได้หยิบหนังสือคุณติดตัวมาด้วย ขอหอมแก้มตัวจริงคุณก่อนแล้วกันนะ”
   ผมยังไม่ทันได้พูดอะไร คุณากรก็ก้มลงมา หอมแก้มผมดังฟอด จากนั้นก็ทำหน้าดีใจเต็มที่ “ขอบคุณนะครับ คุณพนิต ผมไปก่อนนะ แล้วไว้เจอกันครับ” เขาพูดเร็วปรื๋อ แล้วเดินตัวปลิวออกไป ปล่อยให้ผมนั่งอึ้งๆ
   ปกติมีแต่ดาราที่ถูกหอมแก้มนี่นา แถมส่วนใหญ่เป็นดาราชายวัยรุ่น ที่มักจะถูกสาวใหญ่หอมซะด้วย แต่ผมดันเป็นนักเขียนวัยกลางคน ที่ถูกเด็กรุ่นน้องเป็นสิบปีขอหอมแก้ม... นึกแล้วก็จั๊กจี้แปลกๆ แหะ
   “สุภาพงษ์ เพื่อนคุณนี่แปลกดีนะ” ผมพูดออกมา เพราะไม่รู้จะแก้เก้อเรื่องถูกขอหอมแก้มยังไงดี ได้ยินเสียงสุภาพงษ์ตอบตึงๆ “อืม... ครับ”
   ผมเลยหันไปมองเขา เห็นเขาตีหน้าบึ้งยิ่งกว่าตอนมารอต้นฉบับผมอีก เอ่อ... ปกติเขาตีหน้านิ่งอย่างเดียว ไม่เคยตีหน้าบึ้งกับผมหรอก รู้สึกว่านี่จะเป็นครั้งแรก แต่เขาไม่ได้ตีหน้าบึ้งใส่ผมนะ เหมือนจะบึ้งใส่เพื่อนเขาที่เพิ่งออกไปน่ะ
   เอ่อ... ผมที่เป็นคนถูกหอมแก้มยังไม่ได้คิดอะไรเลยแท้ๆ ทำไมเขาถึงต้องทำหน้าโมโหขนาดนี้นะ
   “นี่... จะไปหรือยังน่ะ?” ผมถามออกไปเพราะไม่อยากเห็นเขาตีหน้าบึ้งแบบนั้นนานๆ สุภาพงษ์หันหน้ามองผม จากนั้นก็พูดออกมา “ให้ผมไปเปลี่ยนเสื้อก่อนดีไหมครับ?”
   โถ... หล่อขนาดนี้แล้ว ยังจะต้องเปลี่ยนอะไรอีกล่ะ ผมยิ้ม แล้วตอบเขาไป “ไม่เป็นไรหรอก คุณดูดีอยู่แล้วล่ะ”
   สุภาพงษ์มองหน้าผม ก้มมองตัวเอง แล้วเงยหน้ามองผมอีกรอบ จากนั้นก็ถามออกมา “จริงๆ นะครับ”
   “อืม” ผมพยักหน้า แล้วยิ้มให้เขาอีกรอบ “จะไปที่อื่นแทนสวนสัตว์รึเปล่าล่ะ?”
   เขาสั่นศีรษะ “ไม่ครับ ไปกันเถอะครับ”
----------------------------------------

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
   วันอาทิตย์สวนสัตว์คนเยอะอยู่พอสมควร อันที่จริงแล้วสุภาพงษ์เองก็ไม่ได้แต่งตัวเวอร์อะไรมากหรอก อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้สวมสูทผูกไท แค่ใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนลายทางขาวพับแขนขึ้น แล้วก็กางเกงยีนส์สีสนิมเหล็กอีกตัวเท่านั้นเอง ผมว่าแต่งแบบนี้แล้ว อายุเขาดูลดไปเยอะเลยล่ะ มองผ่านๆ คิดว่าเด็กอายุยี่สิบปลายๆ นะเนี่ย แต่เขาแต่งตัวแบบนี้ก็ดี เพราะคนเยอะแบบนี้ ผมจะได้มองหาเขาเจอได้ง่ายๆ หน่อย
   ผมไม่ได้มาสวนสัตว์ดุสิตนานแล้ว นอกจากภาพตรงกำแพงที่เปลี่ยนใหม่ ท่าทางจะมีสัตว์เพิ่มมาอีกเยอะเหมือนกัน
   “สุภาพงษ์ ไปทางนั้นกันเถอะ ผมจะไปดูแพนด้าแดง” ผมว่า เพราะเห็นป้ายชี้บอกว่ามีเจ้าสัตว์หน้าตาน่ารักเหมือนหมีปนแมวมีปานสีดำอยู่ตรงตาอย่างไรอย่างนั้น
   “ครับ” สุภาพงษ์รับคำ พวกเราเลยเดินกันไปตามป้าย เจ้าแพนด้าแดงที่ว่าอยู่กรงด้านล่าง ติดแอร์ซะด้วย เห็นว่ามาจากจีน ตอนผมไปถึงมีเด็กๆ สองสามคนยืนดูกับผู้ปกครอง ผมหันไปมองคนเดินด้วย นึกเสียดายอยู่เหมือนกัน ความจริงผมน่าจะชวนเด็กๆ แถวบ้านมาด้วย จะได้เหมาะสมกับอายุหน่อย อืม... ผมว่าสุภาพงษ์โตเกินไปที่จะมาเที่ยวสวนสัตว์กับผมแล้วล่ะ
   ขณะที่ผมกำลังนึกว่าคราวหน้าคงต้องหาเวลาพาเด็กๆ แถวบ้านมาเที่ยวบ้าง แต่คิดอีกที พ่อแม่เขาก็มีอยู่แล้ว คงจะพาลูกมาเที่ยวเองบ้างล่ะ สุภาพงษ์ก็หันหน้ากลับมา จากนั้นก็ยิ้มนิดๆ
   ผมเห็นแล้วก็ต้องรีบย้ายสายตาจากหน้าเขา ไปมองหาแพนด้าแดงที่อยู่ในตู้กระจกอย่างเร่งด่วน โชคดีจริงๆ ที่มันเกาะอยู่บนท่อนไผ่ห่างจากผมไปไม่เยอะนี่เอง ท่าทางมันจะหลับอยู่
   ผมทำเป็นก้มอ่านป้ายอธิบายถึงที่มา อาหารที่กิน ลักษณะนิสัยของเจ้าสัตว์ขนปุยน่ารักตัวนี้ พลางคิดว่า มันจะเหงาบ้างรึเปล่านะ ที่ต้องเดินทางจากบ้านเกิดเมืองนอน มาอยู่ห้องแอร์ในประเทศที่ไม่รู้จักแบบนี้ แต่เห็นท่ามันกอดท่อนไผ่หลับแล้ว บางทีมันอาจจะไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนเท่าไหร่ก็ได้
   สุภาพงษ์ขยับมายืนใกล้ผมหลังจากนั้นสักพัก ขยับเข้ามาใกล้จนแทบจะโอบตัวผมไว้ ผมเลยยืนรอ เผื่อว่าเขาจะพูดอะไรบ้าง แต่จนผมอ่านแผ่นป้ายนั้นจบไปสองรอบ เงยดูแพนด้าอีกหลายครั้ง เขาก็ไม่ยอมพูดอะไร สุดท้ายผมจึงต้องเป็นฝ่ายพูดขึ้นจนได้
   “เดินไปทางโน้นกันเถอะ” ผมว่า แล้วเดินนำเขาไป สุภาพงษ์เดินตามผมมาติดๆ ระหว่างนั้นเราก็สวนกับกลุ่มคนจำนวนมากพอสมควร อาจจะเป็นคณะทัวร์ก็ได้ ผมกลัวจะพลัดหลงกับเขาเลยรีบหันซ้ายหันขวา ระหว่างนั้นเองที่มือข้างหนึ่งยื่นมาคว้ามือของผมไว้
   “พี่นิต ไปทางโน้นกันเถอะครับ คนไม่ค่อยเยอะ” สุภาพงษ์พูดแล้วจูงผมแยกไปอีกทางหนึ่ง ตรงนั้นเป็นกรงนก ผมไม่อยากดูนกแต่จำต้องเดินตามเขาไป เพราะเขาจับมือผมไว้... เขาจับมือผมแบบไม่ไถ่ไม่ถามอีกแล้วล่ะ แถมไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยซะด้วย
   อืม... แต่คนมันเยอะนี่นะ จับมือกันไว้ก็ดี จะได้ไม่ต้องหลงแล้วมาหากันตอนหลัง คงลำบากน่าดู
   ดังนั้นผมจึงปล่อยให้เขาจับมือไว้แบบนั้น ไว้เขาอยากปล่อยเมื่อไหร่ก็ค่อยปล่อยแล้วกัน
   สุภาพงษ์พาผมเดินผ่านกลุ่มคน ผ่านม่านโซ่เหล็ก เข้ามาในกรงนกขนาดใหญ่ ผมว่าผมเห็นไก่ป่าเดินผ่านไปด้วยนะ ที่จริงพอเข้ามาในนี้ก็รู้สึกเย็นดี เพราะมีต้นไม้ขึ้นอยู่ครึ้มไปหมดล่ะมั้ง
   พอดีในกรงนกส่วนนี้ไม่มีคน ผมเลยยังไม่รู้สึกอะไรกับมือที่จับกันอยู่ เราเดินตามทางไปเรื่อยๆ ได้เห็นทั้งนกทั้งไก่ป่า มีทั้งเดินอยู่ตรงพงไม้ด้านข้าง หรือกระทั่งบินผ่านหน้าไปเลยก็มี
   ผมเดินจับมือกับเขาจนกระทั่งออกมาจากกรงนก บังเอิญตอนแหวกม่านโซ่เหล็กออกไป มีเด็กผู้หญิงอายุสักสามสี่ขวบวิ่งพุ่งตรงเข้ามาแล้วทำท่าจะหกล้มเพราะสะดุดบันได ผมเลยรีบยื่นมือไปคว้าตัวเอาไว้
   “ไม่เป็นไรนะ” ผมพูดปลอบเด็กหญิงที่ยังทำท่างงๆ อยู่ สักพักก็เห็นแม่เขาวิ่งตามเข้ามา แล้วบอกของคุณและขอโทษขอโพยผมเป็นการใหญ่ ผมก็บอกไม่เป็นไร จากนั้นพวกเราก็เดินออกมาต่อที่ส่วนจัดแสดงนกฟลามิงโก ผมก็ชักรู้สึกเมื่อยขึ้นมา พอดีกับเห็นป้ายว่ามีโชว์นกแก้วแสนรู้ เลยหันไปชวนสุภาพงษ์อีก “เข้าไปดูโชว์นกกันเถอะ”
   สุภาพงษ์พยักหน้า แล้วเดินตามผมไป อืม.. เขาไม่ได้จับมือผมแล้วล่ะ ดีเหมือนกัน เพราะให้เขาจับมือ ผมรู้สึกเหมือนเป็นคนแก่อายุหกสิบเจ็ดสิบที่ต้องมีลูกหลานจูงมือเวลาเดินไปไหนมาไหนยังไม่รู้
   นกแก้วที่เอามาโชว์แสนรู้จริงๆ แรกๆ ยังไม่เท่าไหร่นะ หลังๆ นี่ ทำเอาคนอย่างผมพลอยตื่นตาตื่นใจไปด้วย จนกระทั่งต้องควักเงินออกมาจ่ายเป็นค่าทิปให้นกตอนจบโชว์ แหม.. แต่นกมันฉลาดจริงๆ นี่นา แอบนึกอยากจะเลี้ยงไว้ที่บ้านสักตัวนะเนี่ย แต่ผมเกิดนึกได้ว่า เจ้านกพวกนี้เวลาร้องแล้วเสียงดังหนวกหูน่าดู นอกจากอาจจะเป็นที่รำคาญของเพื่อนบ้านแล้ว อาจจะกลายเป็นการกวนประสาทผมเวลาเขียนหนังสือด้วย เพราะฉะนั้น ผมฝากไว้ที่สวนสัตว์ก่อนก็แล้วกัน ไม่เปลืองค่าเลี้ยง ไม่หนวกหู ไว้ผมอยากดูอีกเมื่อไหร่ ค่อยมาก็ได้ แบบนี้สะดวกและเข้าท่ากว่าเยอะเลย
   สุภาพงษ์นั่งเงียบอยู่ข้างผมระหว่างดูโชว์นก ตอนแรกๆ ผมก็ชวนเขาคุยบ้างหรอก แต่เห็นเขาไม่ค่อยคุยอะไรตอบ หลังๆ เลยหันไปให้ความสนใจกับนกแทน อืม.. เจ้านกพวกนั้นดูจะดึงสายตาผมจากเขาได้ดีมาก แต่พอออกจากลานแสดงโชว์ ผมก็เผลอหันไปมองเขาอีกแล้ว เผอิญจริง ที่เขาก็หันมาหาผมพอดี
   เราสองคนกะพริบตาปริบๆ ผมกำลังจะอ้าปากพูด แต่เหลือเชื่อ เขาดันออกเสียงมาได้ก่อน “พี่นิต... โชว์สนุกนะครับ”
   “อือ” ผมได้แต่ส่งเสียงตอบไป พลางนึกว่าผมบอกเขาว่าสนุกตั้งแต่เมื่อกี้นี้แล้ว เขาเพิ่งจะรับรู้หรือไงนะ สุภาพงษ์เงียบไปพักหนึ่ง ก็พูดขึ้นต่อ “เพื่อนผมบอกว่าที่สิงคโปร์ยังสู้ที่นี่ไม่ได้เลย”
   “อืม.. ผมว่าคนไทยเก่งที่สุดอยู่แล้วล่ะ” ผมตอบ “ไปดูอะไรกันไกลๆ ถึงต่างประเทศ แค่เมืองไทยก็มีให้ดูสารพัดแล้ว”
   “ครับ” เขาพยักหน้า แล้วยิ้มนิดๆ อืม... เขาเป็นโรคริมฝีปากยกได้ไม่เกินห้ามิลฯหรือไงนะ จะยิ้มก็ช่วยยิ้มให้กว้างกว่านี้หน่อยสิ แต่ผมอยากขอไว้อย่าง ยิ้มแล้วไม่ต้องหันมามองผม เพราะผมอยากมองหน้าเขาตอนยิ้ม ไม่ได้อยากมองตอนเขายิ้มให้ผมน่ะ
   ผมกลัวเขาจะเห็นสายตาผม เดี๋ยวจะเข้าใจผิดไปกันใหญ่
   เนื่องจากขอให้เขาเลิกยิ้มให้ผมไม่ได้ ดังนั้น.. ผมเลยต้องพยายามหาประเด็นอื่นมาหยุดรอยยิ้มและสายตาเดาไม่ได้ของเขา เผอิญว่าท้องมันร้องขึ้นมาพอดี ผมเลยทำเนียนถามเขาไป “กี่โมงแล้วน่ะ?”
   เขายกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู แล้วตอบผม “จะบ่ายแล้วครับ ทานข้าวกันไหมครับ?”
   ผมรีบพยักหน้าทันที จากนั้นก็นำผมมาจนถึงร้านขายไก่ทอดยี่ห้อฝรั่ง แย่ล่ะสิ.. ผมทานไอ้ของพวกนี้ไม่เป็นเสียด้วย พอเห็นว่าเขาทำท่าจะเดินดิ่งเข้าไป ผมก็รีบดึงเสื้อเขาไว้ “สุภาพงษ์ ร้านอื่นไม่มีหรือ?”
   เขาหันกลับมา มองผมอยู่พัก จากนั้นก็พูดขึ้นต่อ “เหมือนจะมีโรงอาหารอยู่อีกที่มั้งครับ เดี๋ยวลองเดินหาดูก็แล้วกัน”
   ผมยอมหิ้วท้องหิวๆ เดินตามหาอาหารอย่างอื่นกับเขา เพราะกลัวว่านอกจากจะเสียค่าอาหารแพง ยังจะทานไม่เป็นอีกด้วย โชคดีว่ามีเพิงขายพวกข้าวผัดอยู่ห่างไปไม่มาก ผมเลยได้ทานอาหารราคาประหยัด และยังทานได้ไม่ลำบากใจอีกด้วย
   สุภาพงษ์ทานเสร็จก่อนผม ผมเห็นแล้วล่ะว่าเขาวางช้อนส้อม ทำท่าจะอ้าปากพูดอะไรสักอย่าง แต่พอผมเงยขึ้นมอง เจ้ากาสีดำตัวหนึ่งก็บินโฉบลงมา แล้วจิกเศษอาหารในกล่องข้าวของเขาอย่างไม่เกรงใจว่ามีมนุษย์สองคนนั่งจ้องอยู่ เราสองคนมองเจ้ากาตัวนั้นอึ้งๆ ก่อนที่สุภาพงษ์จะยกมือไล่มันออกไป
   “คุ้นคนดีนะ” ผมออกความเห็น เขามองผม แล้วพูดต่อ “ครับ คุ้นมากเลย”
   ยังไม่ทันขาดคำ มันก็บินกลับมาอีก คราวนี้หันมาเล่นงานจานผมที่ยังทานไม่เสร็จ สุภาพงษ์รีบยกมือปัดเป็นพัลวัน พลางทำหน้าโมโหนกซะด้วย ผมเลยพูดบอกเขาไป “ไม่เป็นไรหรอก ผมทานจะเสร็จแล้วน่ะ”
   “อือ ครับ” สุภาพงษ์ผงกศีรษะ จากนั้นก็เม้มปากเป็นเส้นบางอีก ผมว่าเขาคงนึกอยากจะพูดอะไรแน่ๆ เลยนั่งรอฟัง สักพักเขาก็พูดออกมาจริงๆ “พี่นิต... ไปปั่นเรือเป็ดกันนะ”
   ผมเกือบจะหลุดปากไปแล้วว่า อายุรุ่นเขากับผม ไม่น่าเล่นปั่นเรือเป็ดกันแล้วล่ะ แต่เพราะเห็นเขาทำหน้าจริงจังอย่างกับจะชวนผมไปขับเรือรบ ผมเลยเผลอพยักหน้าไป “อืม ไปสิ”
-------------------------------------------------------
   และแล้ว ผมก็ได้มาปั่นเรือเป็ดตอนอายุสี่สิบห้า โดยมีคนปั่นเป็นเพื่อนอายุสามสิบสี่ ศิริรวมอายุสองคนรวมกันก็เจ็ดสิบเก้าพอดี เลขสวยเสียไม่มีล่ะ ผมแทบจะมั่นใจเลยว่า ไม่มีเรือลำไหนในบริเวณนี้ จะสู้อายุพวกเราสองคนได้อีก ต่อให้เป็นคู่พ่อลูกหรือสามีภรรยาก็เถอะ เพราะลำผมน่ะ รุ่นพ่อกับรุ่นลุงเลยล่ะ
   เริ่มปั่นมาได้หน่อย ผมก็เห็นพ่อลูกคู่หนึ่ง ปั่นเรือเป็ดกันอยู่ คนพ่อน่ะอายุพอๆ กับคนนั่งข้างผมเลยล่ะ อดไม่ได้ต้องหันมาคุยกับเขา “สุภาพงษ์ นี่ถ้าคุณแต่งงานนะ ลูกคุณต้องโตพอจะมาปั่นเรือเป็ดเล่นกับคุณได้แน่”
   สุภาพงษ์มองผม จากนั้นก็พูดตอบ “ผมแต่งงานไม่ได้หรอกครับ”
   “อ้าว ทำไมล่ะ?” ผมถามอย่างแปลกใจ เขามองผมอีกสักพัก จากนั้นก็เม้มปาก “กฎหมายไทยยังไม่รองรับการแต่งงานแบบผมน่ะครับ”
   “เอ๋?” ผมยังสงสัยต่อ อย่างคนไม่ได้นึกเอะใจอะไร “ไม่รองรับอะไรน่ะ?”
   สุภาพงษ์มองหน้าผม จากนั้นก็สูดหายใจลึก “ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายรองรับการแต่งงานของเพศเดียวกันน่ะ”
   ผมเกือบสำลักน้ำลายตัวเอง รีบพยักหน้าทันที “อืม... คนเพศเดียวกันแต่งงานกันไม่ได้หรอก”
   “พี่นิต....”
   โอย... ผมล่ะเสียดายจริงๆ ที่เขาเป็นเกย์ หน้าตาอย่างเขาถ้ามีภรรยา ต่อให้หน้าตาไม่ดีเท่าไหร่ ก็น่าจะมีลูกน่ารักๆ ออกมาล่ะนะ ปัญหาคือเขาเป็นเกย์ แล้วต้นเหตุที่ทำให้เขาเป็นน่ะ... อาจจะเป็นผมก็ได้
   แค่นึกก็รู้สึกผิดขึ้นมาแล้ว
   ขณะที่กำลังนึกว่า ผมควรจะทำใจกับเรื่องนี้ยังไงดี สุภาพงษ์ก็พูดขึ้นต่อ “พี่นิตครับ”
   “หืม?”
   “เรียกผมว่าโจเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้หรือครับ”
   เอ่อ... สารภาพตามตรงเลยนะ ผมจำไม่ได้หรอกว่าเคยเรียกเขาแบบนั้น แต่อันทีจริงถึงจำไม่ได้ ผมก็เอามาเป็นข้ออ้างในการจะเรียกชื่อเต็มเขา ทั้งๆ ที่เขาขอให้เรียกชื่อเล่นถึงสองครั้งไม่ได้หรอก ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ผมกลับรู้สึกว่าถ้าเรียกออกไปแล้ว มันอาจจะเกิดเรื่องเข้าใจผิดทางความรู้สึกกันก็ได้
   “อืม... ผมไม่ถนัดน่ะ” ผมตอบไป เขามองหน้าผม ทำหน้าเหมือนเสียใจนิดๆ เอาล่ะสิ... เขาน่ะไม่ค่อยแสดงอาการทางสีหน้าแบบชัดเจนหรอกนะ แต่แค่นิดๆ ก็ทำเอาผมใจอ่อนยวบอีกแล้ว
   “อืม.. โจ”
   “ครับ” เขารีบรับคำแล้วยิ้มให้ผมทันที นั่นไงล่ะ เขายิ้มแล้วหล่อมากจริงๆ ด้วย แต่เขาดันยิ้มให้ผม แล้วผมจะแอบมองโดยไม่ให้เขารู้ตัวได้ยังไงล่ะ
   โอ๊ย ใจผมเต้นแรงอีกแล้ว....
   “พี่นิต...” เขาเรียกชื่อผม ผมเลยรีบก้มหน้าหลบ จากนั้นเขาก็ยื่นมือมา จับมือผมที่วางอยู่ข้างตัว ผมได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นจนหูอื้อ เขาจับมือผมไว้อยู่พัก ก่อนจะค่อยๆ ผละออกไป ผมเลยเงยหน้าขึ้นมองเขา
   สุภาพงษ์ก้มหน้างุด เม้มปากหน่อยๆ แต่หน้าเขาน่ะ ผมว่าสีแดงเลยล่ะ ยิ่งทำเอาผมพลอยใจเต้นแรงเข้าไปอีก แต่ว่าเราปั่นเรือเป็ดกันอยู่ พอเขาก้มมองพื้นเรือแบบนี้ ผมคงใจเต้นมองเขานานๆ ไม่ได้หรอก เดี๋ยวเรือมันจะไปชนเอาตลิ่ง หรือลำอื่นเอาน่ะสิ พอนึกขึ้นได้ ผมก็รีบเงยหน้าขึ้นทันที พอดีกับเห็นตลิ่งอยู่ตรงหน้า ผมเลยรีบเลื่อนมือไปขยับหางเสือเรือ เพราะกลัวมันจะชนตลิ่งเอา สุภาพงษ์ก็คงเงยหน้าขึ้นมาแล้วคิดเหมือนกันกับผมล่ะมั้ง แต่เผอิญผมจับคันขยับหางเสือได้ก่อน มือของเขาเลยจับลงบนมือผมอีกที
   “พี่นิต ปั่นถอยหลังเถอะครับ!” สุภาพงษ์พูดออกมา ขณะที่ผมเห็นแล้วว่าท่าทางจะชนแน่ๆ เราสองคนช่วยกันปั่นถอยหลังเต็มที่ สุดท้ายก็พ้นตลิ่งออกมาจนได้ เขากับผมหันมองหน้ากัน จากนั้นเราก็หัวเราะออกมา เออ... ผมเพิ่งเห็นเขาหัวเราะนี่ล่ะ เขาหัวเราะแล้วดูมีเสน่ห์ขึ้นอีกจมเลย
   เฮ้อ... เป็นไปได้ก็อยากเห็นเขาหัวเราะอีกบ่อยๆ นะเนี่ย
   เราปั่นเรือเป็ดกันเสร็จก็เดินดูสัตว์ตรงนั้นตรงนี้จนเกือบๆ สี่โมง ผมก็ชวนเขากลับ เราแวะทานอาหารกันระหว่างทาง แล้วเขาก็มาส่งผมที่บ้าน
   “โจ วันนี้ขอบใจนะ” ผมพูดหลังจากลงจากรถเขาแล้ว สุภาพงษ์พยักหน้า จากนั้นก็ยิ้มอีก “ไม่เป็นไรครับ พี่นิต”
   ผมมองรอยยิ้มของเขาอย่างอึ้งๆ อยู่พัก ก็พูดตอบไป “ขับรถกลับดีๆ นะ”
   “ครับ” เขารับคำ จากนั้นก็พูดขึ้นอีก “เดี๋ยวศุกร์ที่จะถึง ผมจะมาช่วยชาร์ตแบ็ตโทรศัพท์นะครับ”
   ผมเพิ่งนึกถึงเจ้าเครื่องมือรบกวนความเป็นส่วนตัวที่เขาซื้อมาให้เมื่อคราวก่อน ซึ่งเป็นชนวนเหตุให้เขาต้องมาค้างที่บ้านผมได้ เลยรีบพูดออกไป “ไม่เป็นไร ไม่ต้องหรอก”
   “ไม่เป็นไรหรอกครับ ยังไงผมก็ตั้งใจจะมาอยู่แล้ว” เขาตอบผมด้วยสีหน้าจริงจังอย่างที่สุด เจอแบบนี้ผมเลยไม่รู้จะตอบยังไง ได้แต่พยักหน้าตอบไป
   สุภาพงษ์ยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวสวย เขาบอกสวัสดีผม จากนั้นก็ขับรถออกไป
   ผมยืนอยู่หน้าประตู ฝั่งตรงข้ามเป็นบ้านของเพื่อนบ้าน แต่สิ่งที่ผมเห็นคือรอยยิ้มพิมพ์ใจของเขา
   โอย... ท่าทางผมจะแย่ซะแล้วสิ
-------------------------------------------------------------------
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-10-2011 19:01:38 โดย juon »

meawza

  • บุคคลทั่วไป
อ่านแล้วเขินแทนคุณพี่นิตเลยน่ะเนี่ย
พ่อโจก็ อ้ำๆอึ้งๆ แต่ปากน่ะ
แต่มือนี่จับเอาจับเอา หึหึ

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
พี่นิต  กะ  น้องโจ  ฮิ้วววววคืบหน้าอีกหน่อยหล่ะ
เชียร์นะน้องโจ

ออฟไลน์ kissme

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 457
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
 :really2:โอ๊ยยย..............ลุ้นจนเหนื่อย
ช่างเรื่อย ๆ มาเรียง ๆ ดีแท้นะพ่อหนุ่ม  แล้วจะได้......กันไหมนี่  :เฮ้อ:!!!!

เราก็จะรอแต่ไป :z2:

ออฟไลน์ dukdikdukdik

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-3
อ่านไปลุ้นไป กลัวว่าพี่นิตจะเขินจนตกน้ำ 555+

ออฟไลน์ gumrai3

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-4
อ่านเเล้วกลัวพี่นิตเขินจนเป็นลม

ออฟไลน์ misso

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
ชอบเรื่องนี้มากกกกก คุณพนิตน่ารักอ่ะ! คนอาไร้ ทำมึนเรื่อยเลย ฮ่าๆ จะดูว่าจะทำมึนไปอีกสักเท่าไหร่ โดนรุกคืบเข้ามาเรื่อยแล้วน้อ :o8:

ขอบคุณคุณจูออนนะคะ ชอบผลงานคุณตั้งแต่สแตร์แล้ว แล้วก็ตามไปเม้นให้คงฉ่วย ปรากฏเล้าล่ม หายไปเลย ยาวด้วย  :sad4:

ไม่เป็นไร มาโผล่เรื่องนี้แทน ตอนนี้กลั้นยิ้มไม่ไหว น่ารักจริงๆค่ะ แล้วมาต่อไวๆนะคะ :L2:


กระต่ายชมจันทร์

  • บุคคลทั่วไป
รู้สึกหัวใจทำงานหนักแทนคนแก่จังเลยค่ะ 555+

เรื่อย ๆ มาเรียง ๆ แต่ก็อบอุ่นดีค่ะ  :o8:

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
จีบคนแก่นี่ลำบากเนอะ  รุกแรงก็ไม่ได้  เดี๋ยวหัวใจวาย

ออฟไลน์ PoP~Pu

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1739
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-5
ค่อยไปทีละนิดๆ แต่น่ารักอะ น่ารักมากกก
อร๊ายยยลุ้นกับความสัมพันธ์คู่นี้สุดๆ
ปล.ชอบตรงโรคริมฝีปากยกได้ไม่เกินห้ามิลฯ ฮาาาา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ @BUA@

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +427/-8
ก้าวหน้าไปอีกนิด แบบกระดึ๊บๆ

ออฟไลน์ parakoparako

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 108
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-3
รู้สึกเหมือนคุณพนิตเลี้ยงหมาน้อยเลยน้า

พอให้ของ หรือเล่นด้วยก็ดีใจ

พอไม่สนใจก็หง่อยๆ

อย่าแกล้งคุณโจมากซิค่า :impress3:

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
อ่านไปก็ยิ่งรู้ว่าคุณโจน่ารักน่าหยิกมากมาย ขี้อายมาเชีียว
ส่วนคุณพนิตก็ขี้แกล้ง...ล่ะมั้ง ^^

ออฟไลน์ Cc-kun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
ออกแนวกระดึ้บๆจนโดนขโมยหอมแก้มไปแล้ว= =

เหอๆ

อยากอ่านผีเสื้อต่อจังค่า

/โดนเตะข้อหานอกเรื่อง

ออฟไลน์ ชินจัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 307
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
 :n1:

ค่อยๆจีบ ค่อยๆรักกันเนอะ

คุณพนิตช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย

 :กอด1:

ออฟไลน์ Pepor

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 396
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-3
ฮุ ฮุ รุ่นนี้เค้าไปเดทกันที่เขาดิน น่ารักจริง
น้องโจค่อยคืบจริงๆ ระวังพี่นิตจะหง่อมก่อนได้รักกันนะ

ออฟไลน์ Maprang_W

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2
ชอบที่คุณสุภาพงษ์เรียกคุณพนิตว่าพี่นิต น่ารักมากๆเลย

- คราส -

  • บุคคลทั่วไป
 :-[ มาดูเค้าจีบกัน  :-[

ตรงนี้นิดนึงจ้า
ผมก็ได้มาปั่นเรือเป็ดตอนอายุสี่สิบห้า โดยมีคนปั่นเป็นเพื่อนอายุสามสิบสี่ ศิริรวมอายุสองคนรวมกันก็แปดสิบเก้าพอดี >> เจ็ดสิบเก้ารึเปล่า

อ่านตอนแรกไม่เห็นอายุคุณพนิต เอา 89-34= ตกใจคุณพนิตห้าสิบห้ารึนี่  o22

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
คุณพนิตกำลังมีความรักหรือเปล่า เลยชักอยากจะใส่เสื้อมีสีสันขึ้นมาบ้าง

ออฟไลน์ sukie_moo

  • ปัจจุบัน คือ อดีตของอนาคต
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-15
ฮิ้ววววววววววววววววววววววววววววววว
มีเดทกันด้วยแหละ   กรี้ดๆๆๆ เขินแทนทั้งพี่นิต ทั้งโจ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด