[แจ้งข่าวP31]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบP28:17/6/55
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [แจ้งข่าวP31]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบP28:17/6/55  (อ่าน 316927 ครั้ง)

zomtum

  • บุคคลทั่วไป
 :sad4: :sad4:

ง้าา า  จริงง หรอฮับ บ

แต่ว่า ไงไง ก้อจ่ะรอนะ  o13 o13

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
กลับมาแล้วค่ะ หลังจากล้างบ้านอยู่อาทิตย์กว่า และได้รู้ว่าต้องรอเคลมเมนบอร์ด3อาทิตย์!!

ปีใหม่ ตายพอดี ต้นฉบับนิยายรอพิมพ์อีกตั้ง3เล่ม ยอมถอยบอร์ดใหม่อีกตัว โฮ :impress3:

ว่าแล้วก็พาคุณพนิตมาเยี่ยมท่านผู้อ่านดีกว่า อ๊ายย

**ตอนนี้เปิดมาอ่านเพื่อจะต่อเรื่องแล้ว แอร๋ยมากกก :-[

----------------------------------------------

Out of order. ขออภัยในความไม่สะดวก ตอนที่11

   อาการพูดไม่ออกในโลกนี้มีหลายกรณี
   หลักๆ ที่ได้ยินกันบ่อยๆ คือ ดีใจจนพูดไม่ออก... ตกใจจนพูดไม่ออก...
   กรณีของสุภาพงษ์ เขาเคยบอกผมว่าชอบจนพูดไม่ออก......
   ส่วนกรณีของผม............
   ผมพูดไม่ออก!! จะให้ผมบอกว่าอะไรดี!!
------------------------------------
   “พี่นิต...” สุภาพงษ์เรียกชื่อผม ทำหน้าเป็นห่วงนิดๆ แน่นอนว่าเขาทำหน้าแบบนี้หลังจากหอมแก้มผมไปได้สักพักแล้ว และเห็นว่าผมยืนนิ่งล่ะมั้ง
   อันที่จริงผมกำลังปลุกปลอบใจตัวเองไม่ได้เป็นลมล้มคว่ำไปต่างหาก
   เป็นลมต่อหน้าเขาหลายๆ ครั้งมันก็น่าอายนะ แต่ตอนนี้น่าอายอย่างเดียวคงน้อยไป ผมชักไม่แน่ใจความปลอดภัยร่างกายตัวเองระหว่างที่หมดสติเสียแล้วสิ
   เมื่อคืนขนาดผมแค่หลับนะนั่น....
   แต่ก็ไม่แน่เหมือนกัน บางทีเหตุการณ์มันอาจจะประจวบเหมาะก็ได้ ผมแค่ฝันแปลก แล้วตื่นมาเผอิญเจอเขาทำท่าทางแปลกๆ เลยพาลจะเอาไปผสมรวมกัน
   เขายิ้ม แล้วหอมแก้มผม... ก็แค่หอมแก้มน่ะ
   ผมพยายามปลอบใจตัวเองเต็มที่ แต่ไม่รู้จะตีสีหน้ายังไงให้เขาที่ยืนหน้าแดง แถมยังกอดเอวผมอยู่แบบนี้ดี เลยเผลอปล่อยให้เขากอดแบบนั้นอยู่เป็นนานสองนาน จนสุภาพงษ์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้อีกนั่นล่ะ
   “เออ.. ข้าวสุกแล้วน่ะ” ผมโพล่งออกมา เพราะเห็นหม้อข้าวที่วางอยู่ด้านหลังเขาเริ่มมีไอน้ำพวยออกมาแล้ว สุภาพงษ์ชะงักหน่อยหนึ่ง ผมเลยรีบฉวยโอกาสพูดต่อ “ไปซุยข้าวในหม้อทีสิ เดี๋ยวพี่จะได้ผัดง่ายๆ”
   สุภาพงษ์กะพริบตาปริบๆ ก่อนจะยิ้มนิดๆ ที่มุมปาก “ครับ”
   ผมล่ะแทบจะถอนหายใจออกมาเลย ตอนที่เขายกมือออกไปแล้ว น่ากลัวจริงๆ ผมเพิ่งรู้นี่เองว่า เขาเป็นคนไม่ค่อยพูด แต่มือไวเป็นบ้าเลย ให้ตายสิ นี่เขาคิดอะไรกับผมบ้างเนี่ย
   สุภาพงษ์เดินไปที่หม้อหุงข้าวให้ผมโล่งใจได้แวบหนึ่ง เขาก็หันกลับมาหาผม “พี่นิต มันยังไม่สุกนะครับ"
   “อ้อ อืม..” ผมส่งเสียงไปตามเรื่อง เพราะเห็นแล้วล่ะว่าไอแบบนั้นมันแค่กำลังเดือด ยังไม่สุกหรอก แต่ทำไงได้ เขาเล่นกอดเอวผมไว้ หอมแก้มผม แถมยังทำเอาผมคิดมากเรื่องฝันเมื่อคืน ผมไม่รู้จะหาอะไรมาช่วยขัดจังหวะแล้วนี่
   “งั้นผมไปจัดโต๊ะพลางๆ นะครับ” จู่ๆ สุภาพงษ์ก็พูดขึ้นต่อ ผมพยักหน้า แต่พอเงยไปมองหน้า ก็เห็นเขายิ้มที่มุมปากนิดๆ ไม่รู้สิ ผมเกิดนึกอยากเอาหม้อข้าวครอบหัวเขาจริงๆ
   เขาหล่อนะ ยิ้มนิดๆ ก็ดูดี แต่ช่วยยิ้มโดยที่ไม่ต้องมองมาทางผมได้มั้ย!? ผมกลัวตัวเองหัวใจจะวายเอา ผมแค่ชอบมอง ชอบมองเฉยๆ ไม่เคยนึกอยากได้มาไว้กับตัวหรอก
เพราะงั้น ช่วยหยุดยิ้มแล้วเลิกคิดอะไรแบบนั้นกับผมสักที!!
สุภาพงษ์เดินจากเคาน์เตอร์ครัวไปที่โต๊ะรับแขกหน้าโทรทัศน์ของเขาเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่ผมที่ยืนบ่นบ้าอยู่กับตัวเอง แน่นอนว่าผมพูดกับเขาอย่างที่ผมคิดไม่ได้หรอก และถึงผมจะพูด ก็ไม่แน่ว่าจะเปลี่ยนความคิดเขาได้ ดีไม่ดีเขาอาจจะไข้กลับมาอีก เดี๋ยวจะพาลเดือดร้อนกันไปเปล่าๆ
เอาล่ะ ในฐานะผู้ใหญ่กว่า ผมจะอดทนกับเขาไปสักพักแล้วกัน กลัวลูกน้องที่สำนักงานเขาเดือดร้อน เพราะเจ้านายมัวแต่สำออยป่วยเป็นไข้ใจอยู่น่ะ
ผมยืนมองแกงจืดเดือดในเตา รอข้าวสุก พลางคิดอะไรฆ่าเวลาไปเรื่อย ตอนแรกว่าจะนึกเรื่องพ่อกระแตต่อ ว่าพ่อกระแตพาครอบครัวหนีออกจากบ้านหลังเดิมแล้วจะไปอยู่ที่ไหนดี แล้วจะให้เจอกับเพื่อนใหม่เพิ่มดีมั้ย แต่ถ้าใส่อะไรเยอะไป เดี๋ยวเรื่องมันจะจบยาก ผมเริ่มลังเลแล้วล่ะว่า ตอนจบจะให้พ่อกระแตได้กลับมาที่บ้านหลังเดิม หรือว่าไปอยู่ที่อื่นเลยดี
ยืนมองแกงจืดเดือดไปได้สักพัก ตาผมก็เหล่ไปมองสุภาพงษ์อย่างกับมีแม่เหล็กดูด เอาน่ะ ผมก็แค่จะดูว่าเขาทำอะไรอยู่เท่านั้นเอง เพราะโต๊ะตรงนั้นก็ไม่ใช่ว่ามีอะไรให้จัดนักหรอก
มองไปก็เห็นเขากำลังเก็บนิตยาสารที่วางกองอยู่มุมหนึ่งของโต๊ะ คงกะจะเอาไปสอดเก็บไว้ใต้โต๊ะล่ะมั้ง แต่แทนที่จะก้มหน้าลงมองนิตยาสาร เขาดันเหลือบมองผมแทนนี่สิ
ผมว่าเราสบตากันนะ ผมเลยรีบหลบสายตากลับมา แล้วก็ได้ยินเสียงเขาทำหนังสือหล่นหลายเล่มเชียว
ก็สมควรหรอก เก็บหนังสือแต่ตาดูอย่างอื่น มันก็ควรจะทำร่วงนั่นแหละ
พอเห็นเขาทำหนังสือหล่นแบบนั้น ผมจึงเบี่ยงประเด็นจากหม้อแกงจืด หันมาเอาเรื่องกับหม้อหุงข้าวแทน….
รีบๆ สุกสักทีสิ ผมจะได้มีอะไรทำ ตามันจะได้ไม่เหลือบไปมองเขาอีก
รู้หรอกว่าเขาน่ามองกว่าข้าวสวยหุงใหม่ๆ แต่ผมกลัวว่ามองบ่อยๆ แล้วเกิดเขาจับได้ มันจะเป็นเรื่องน่ะสิ นี่ขนาดว่าเขายังจับไม่ได้นะเนี่ย เพราะงั้น ผมจ้องหม้อหุงข้าวต่อไปดีกว่า

   ทั้งๆ ที่ผมหมายมั่นปั้นมือ ว่าจะจ้องหม้อหุงข้าวแทนบรรณาธิการที่เคยเป็นเด็กข้างบ้านแท้ๆ แต่พอข้าวสุกได้สักพัก สุภาพงษ์ก็เดินเข้ามา ดึงสายตาผมจากหม้อข้าวได้ภายในรัศมีสองเมตร จากนั้นก็เปิดฝาหม้อหุงข้าวออก
   “ผมซุยข้าวให้นะครับ พี่จะได้ผัดได้ง่ายๆ”
ไอน้ำจากหม้อข้าวลอยผ่านหน้าเขาไประหว่างที่พูด ข้าวในหม้อสุกแล้วล่ะ แล้วผมก็ได้รู้จริงๆ ว่าหน้าเขาน่ามองกว่าข้าวสุกในหม้อ
   เอาหน้าเขามาผัดแทนข้าวได้ไหม ผมจะได้เลิกมองตาค้างสักที
    แต่หน้าสุภาพงษ์ไม่ใช่เต้าหู้ และผมก็ไม่ได้อยากเอาหน้าเขามาผัดจริงๆ ดังนั้น ผมเลยบอกตัวเองให้ถอนสายตาจากหน้าเขา แล้วหันไปตั้งกระทะ เตรียมผัดข้าว จะได้ทานอาหารเช้าแล้วกลับบ้านเสียที
   พอเอากระเทียมลงผัด กลิ่นมันก็ชวนให้หิวดีจริงๆ ผมเจียวกระเทียมพอหอมแล้วก็เอาแฮมลงผัดต่อ จากนั้นถึงค่อยเอาข้าวที่สุภาพงษ์ซุยให้ตามลงไปเป็นอย่างสุดท้าย แล้วปรุงรส ดมกลิ่นแล้วมันก็คงจะอร่อยนั่นแหละ แต่เพื่อความแน่ใจ ผมหันไปหยิบช้อนมาคันหนึ่ง แล้วตักข้าวผัดเป็นคำเล็กๆ ส่งให้สุภาพงษ์ซึ่งเดินป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ “ลองชิมหน่อยสิ ว่าได้รึยัง?”
   สุภาพงษ์ชะงักไปหน่อยหนึ่ง จากนั้นก็ยื่นหน้าเข้ามา ทำท่าจะอ้าปาก ผมเลยรีบพูดต่อ “ร้อนนะ”
   เขาชะงักอีก จากนั้นก็ห่อปาก เป่าข้าวผัดในช้อนเบาๆ ไม่รู้ทำไม ผมว่าเขาทำแล้วน่ารักดี เหมือนเด็กๆ เลย สงสัยเพราะเขาหน้าตาดีอยู่แล้วมั้ง ทำอะไรเลยดูดีไปหมด.......
   เอาอีกแล้วสิผม.... จริงๆ เลย เห็นคนหน้าตาดีหน่อยล่ะ เป็นแบบนี้ทุกที ไม่รู้จักเข็ดไม่รู้จักหลาบบ้างหรือไงนะเนี่ย...
   “อืม... ได้แล้วนะครับพี่นิต ผมว่าเค็มไปนิด แต่ทานกับแกงจืดก็น่าจะพอดีเลย” สุภาพงษ์ออกความเห็นหลังจากกลืนข้าวผัดคำนั้นลงคอแล้ว ผมเลิกคิ้วนิดๆ แล้วใช้ตะหลิวตักข้าวผัดมาชิมบ้าง... รสชาติก็ปกติดีนี่ หรือว่าผมทานเค็มเกินไปนะ?!
   “พี่เพิ่มหวานอีกนิดแล้วกัน” ผมว่า แล้วหยิบกระปุกน้ำตาลเล็กๆ ที่วางอยู่มา สุภาพงษ์รีบพูดขึ้นทันที “ไม่ต้องหรอกครับ ผมว่าได้แล้วล่ะ”
   ผมมองหน้าเขา “ทานได้แน่นะ”
   “ครับ” สุภาพงษ์พยักหน้าหงึกๆ ผมมองอีกพัก ถึงได้เก็บกระปุกน้ำตาล ช่างมันแล้วกัน กระเพาะเขานี่ ในเมื่อเขาบอกว่าทานได้ ก็ตามใจเขาแล้วกัน
   ผมผัดข้าวผัดเสร็จก็ตักใส่จาน โดยมีสุภาพงษ์ช่วยตักแกงจืดใส่ถ้วย แล้วยกไปทานกันตรงโต๊ะหน้าโทรทัศน์เหมือนเมื่อวาน พอหย่อนก้นลงไปบนโซฟาเรียบร้อย สุภาพงษ์ก็รีบขยับมานั่งเบียดผม
   “ขอบคุณนะครับ ทานข้าวกันเถอะ”
   ผมเหลือบตามองเขาหน่อยๆ
   นี่ถ้าหน้าตาไม่ดีจริง ผมด่าเขาว่าโรคจิตไปแล้วนะเนี่ย มาคอยกระแซะแต๊ะอั๋งคนแก่อายุตั้งสี่สิบห้าอย่างผมอยู่ได้ คนดีๆ มีตั้งเยอะ มองไม่เป็นแล้วหรือไง
   เขาฝังจิตฝังใจอะไรกับผมนักนะ....
   “โจ..” ทานกันไปได้สักพัก ผมก็ตัดสินใจชวนเขาคุยก่อน “ตอนนั้นโจเคยบอกพี่ว่าย้ายไปอยู่รังสิตใช่มั้ย? แล้วเป็นไงบ้างล่ะ?”
   สุภาพงษ์หันมามองผมด้วยสีหน้าที่พอจะมองออกว่าแปลกใจ ก่อนกลืนข้าวแล้วพูดตอบ “พี่นิตจำได้หรือครับ?”
   “อืม” ผมพยักหน้า “พอจะนึกได้ลางๆ น่ะ เรื่องมันตั้งยี่สิบกว่าปีมาแล้วนี่”
   สุภาพงษ์กะพริบตาครั้งสองครั้ง แล้วถามออกมาบ้าง “พี่นิตนึกออกตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะครับ?”
   “ก็... ตอนที่โจบอกว่าเคยอยู่ใกล้บ้านน่ะ แต่พี่ไม่ค่อยแน่ใจหรอก มีเด็กๆ มาเล่นที่บ้านพี่เยอะแยะไป”
   “ครับ... ผมเห็นแล้วล่ะ ก็พี่นิตใจดีนี่ครับ” เขาพูด แล้วยิ้มนิดๆ “พี่นิตน่ะน่ารักมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว”
   ผมเกือบสำลักข้าว ดีนะที่กลืนลงไปแล้ว พอตั้งสติได้ก็รีบลากเขาเข้าเรื่องทันที “อ้อ... แล้วย้ายไปเป็นไงบ้างล่ะ”
   “ก็ดีครับ บ้านผมอยู่ติดถนนน่ะ แม่กับน้าผมพอเลิกงานก็มาเปิดขายขนมต่อ รายได้ดีพอใช้เลยครับ หลังเลิกเรียนผมก็มาช่วยขาย หลังๆ เปิดขายวันหยุดด้วย จนพอส่งผมเรียนมหาวิทยาลัยได้น่ะครับ”
   “อ้อ...” ผมร้อง ฟังจากที่เขาเล่าแล้ว เหมือนว่าชีวิตเขาค่อนข้างลำบากเหมือนกันนะเนี่ย คงไม่ได้มีกินมีใช้มาแต่เกิดหรอก นั่นสินะ ถ้าเขามีเงิน เขาจะมาเช่าบ้านแถวนั้นทำไมล่ะ อีกอย่าง ท่าทางพ่อเขาจะเสียหรือไม่ก็ทิ้งไปล่ะมั้ง ไม่เห็นเขาพูดถึงเลย รูปถ่ายที่ผมเห็นก็มีแต่แม่กับน้า
   “แล้วไปไงมาไงถึงมาจับงานทำหนังสือล่ะ?” ผมถามต่อ เขามองหน้าผม แล้วเม้มปากนิดๆ “เพราะพี่นิตน่ะครับ”
   “...............” ผมกะพริบตาปริบๆ นึกในใจว่าไม่น่าไปถามอะไรเขาเลย เขาตอบอะไรก็วนเวียนมาเข้าเรื่องนี้ทุกที แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไร เนื่องจากยังคิดไม่ออก สุภาพงษ์ก็พูดขึ้นต่อ “ผมชอบงานพี่นิตมาตั้งแต่ฟังพี่เล่าตอนเด็กๆ แล้วล่ะ”
   “?!”
   “เรื่องที่พี่เล่าสนุกดี ตอนผมเห็นรวมเล่มพี่วางขายบนแผงร้านหนังสือแถวบ้าน ผมตื่นเต้นมากเลย เก็บเงินค่าขนมอยู่ตั้งหลายวัน ถึงพอซื้อหนังสือ ตอนนั้นคิดเลยว่าสักวัน ผมจะเอาไปให้พี่เซ็นเป็นที่ระลึก”
   ผมขมวดคิ้วอย่างงงๆ “แล้วทำไมไม่เอามาล่ะ?”
   “มันไกลน่ะครับ” สุภาพงษ์ตอบ “ผมต้องช่วยแม่กับน้าขายของตอนเย็นกับวันหยุด ไม่ค่อยได้ไปไหนหรอก แต่ก็พยายามจะไปดูที่ร้านหนังสือตลอดเลย อยากจะซื้อนิตยาสารที่พี่ลงเรื่องนะ แต่เงินไม่พอ ผมเลยไปยืนอ่านที่ร้านแทน เจ้าของร้านก็ใจดีให้ผมยืนอ่าน”
   “อ้อ... ดีจัง” ผมว่า รู้สึกใจเต้นตึกๆ พิกล สุภาพงษ์มองหน้าผม แล้วพูดต่อ
   “ตอนพรายบุปผาตาย ผมไปชะเง้อรอเล่มใหม่ที่ร้านตั้งแต่เช้าเลยล่ะ แบบว่าอยากจะอ่านต่อ ผมยังจำได้อยู่เลย”
   “อืม... เรื่องนั้นมีตัวละครตายเยอะน่ะ” ผมว่า รู้สึกเขินอยู่พอสมควรเลยล่ะ ที่ได้มารู้ว่าเขาเป็นแฟนผลงานตัวยงของผมขนาดนี้ พรายบุปผาที่เป็นตัวละครในเรื่องนครพฤกษชาตินี่ ผมแทบจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำ เขายังจำได้เลย
   “พี่นิตเป็นอะไรน่ะครับ?!” สุภาพงษ์หันกลับมาถาม สงสัยเขาจะเห็นว่าจู่ๆ ผมก็ยกมือขึ้นปิดปากล่ะมั้ง ก็ผมกลัวนี่ กลัวเขาจะเห็นว่าผมยิ้มไม่หุบ เดี๋ยวเขาจะเข้าใจผิดกันไปใหญ่
   ผมไม่ได้หลงตัวเองนะ ผมแค่ดีใจน่ะ แต่ไม่อยากแสดงให้เขารู้เท่านั้นเอง
   “เปล่า” ผมตอบไปทั้งๆ ที่มือปิดปากอยู่ “พี่แค่คิดว่ามีอะไรติดปากอยู่น่ะ”
   “ข้าวมั้งครับ” สุภาพงษ์ว่า แล้วขยับมาใกล้ “ผมปัดให้ไหม?”
   “ไม่เป็นไร” ผมรีบปฏิเสธทันที พลางนึกทุเรศตัวเองที่ต้องมาโกหกให้ภาพพจน์ดูเป็นคนทานอะไรเลอะเทอะไปได้ “พี่ว่าหลุดแล้วล่ะ”
   พูดแล้วก็พยายามปั้นหน้านิ่งเต็มที่ ก่อนจะลดมือลง “อืม... นี่ไม่ใช่ว่าแค้นนิยายพี่ แล้วเลยฝังใจ อยากจะมาเป็นบรรณาธิการพี่หรอกนะ?”
   “เปล่าครับ” สุภาพงษ์รีบปฏิเสธทันที เขาเหลือบมองผมหน่อยหนึ่ง แล้วสูดหายใจ “ผมอยากเจอพี่นิตน่ะ เลยคิดว่าถ้าเรียนทางวารสาร สักวันคงจะได้เจอพี่อีก”
   ผมเผลอหัวเราะออกมา “โจอยากเจอพี่ทำไมไม่ไปหาที่บ้านเลยล่ะ ต้องมาลำบากลำบนเรียน พี่ว่าโจต้องแอบแค้นพี่แน่ๆ” ผมแซว สุภาพงษ์ก้มหน้างุด “ผมไม่ได้แค้นนะครับ แต่ถ้าไปเฉยๆ ผมไม่รู้จะหาเรื่องอะไรคุยกับพี่นี่... ผม... ผมคิดว่า ถ้าทำงานด้านนี้ สักวันผมจะได้ไปเชิญพี่มาเขียนเรื่อง แล้วผม....”
   “......................” สุภาพงษ์พูดไม่ออก ผมเองก็อ้าปากไม่ออกเหมือนกัน เพราะเขาดันหยุดพูดแล้วหันหน้ามา จับมือผมเอาไว้ หน้าแดงแจ๋เป็นแตงโมผ่าซีกเลย “ผม... ผมจะจีบพี่น่ะ”
   ผมน่ะ อายุตั้งสี่สิบห้าแล้ว ผ่านโลกมาเยอะแล้วล่ะ อย่างน้อยก็เข้าวัยกลางคนแล้ว รู้อยู่เต็มอกว่าไม่ควรจะทำท่าอะไรน่าเกลียดเหมือนเด็กวัยรุ่นแล้วล่ะ แต่สี่สิบห้าปีของผม เพิ่งมีเขาคนแรกนี่แหละ ที่บอกว่าชอบผม ที่บอกว่าจะจีบผม
   ผม.........
   ทั้งบทสวดมนต์ ทั้งคำพระสอน ผมรีบขุดมาท่องเอาไว้ในหัว เพื่อลดอาการร้อนวาบบนหน้าลง แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไร เพราะสุดท้าย หน้าผมก็ร้อนเห่อไปจนถึงใบหู อยากจะเอามือมาปิดเอาไว้หรอก แต่มือผมก็ดันถูกเขาจับไว้อีก
   ทำไงดีล่ะทีนี้........
   ขณะที่ผมกำลังวุ่นวายใจอยู่กับอาการร้อนวาบบนหน้า สุภาพงษ์ก็เบิ่งตาขึ้นหน่อยหนึ่ง ก่อนจะเม้มปาก จากนั้นก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้
   !!
   ผมสะดุ้ง เพราะปลายจมูกของเขาที่แตะเข้ามา มองไปก็เห็นสุภาพงษ์หน้าแดงจัด ผมคิดเลยว่าแย่แน่ๆ ไม่ผมก็เขา ใครสักคนต้องป่วยหนักหลังจากนี้แบบไม่ต้องเดา เพราะทั้งมือผม มือเขา ร้อนพอๆ กันหมดแล้ว
   ถ้าไม่รีบผละออกไปล่ะก็........
   !!!
   ผมตั้งใจจะขยับหนีนะ แต่ดันดึงมือไม่ออก มันร้อนวาบไปหมดเลย แล้วเขาก็ขยับหน้าเข้ามาใกล้อีก
   เขาคิดจะทำอะไรกันน่ะ
   !!!!!!!!!!!
   ทั้งผมและสุภาพงษ์สะดุ้งสุดตัว เมื่อเสียงอะไรบางอย่างสั่นกระแทกโต๊ะดังครืดๆ สุภาพงษ์ทำหน้าเลิ่กลั่ก ขณะที่ผมรีบดึงมือออก “เสียงอะไรน่ะ”
   “ทะ... โทรศัพท์” สุภาพงษ์ตอบผมด้วยสีหน้าอึ้งๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์ที่วางอยู่ตรงโต๊ะมากดรับ “สวัสดีครับ”
   ผมเห็นว่าเขาคุยโทรศัพท์ เลยหันหน้าออกมาเสีย นึกโล่งใจที่มีโทรศัพท์มาช่วย ขนาดยกมือขึ้นทาบอกยังรู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงอยู่เลย ดีนะที่ผมไม่เป็นลมเป็นแล้งไปเสียก่อน เผลอไม่ได้จริงๆ นะเนี่ย
   สุภาพงษ์คุยโทรศัพท์ได้พักหนึ่งก็วางสาย “พี่นิต... ขอโทษนะครับ”
   ผมพยายามไม่ตีความเอาเองว่าเขาขอโทษเรื่องอะไร แล้วหันกลับไปหาเขา “อาจารีย์โทรมาล่ะสิ เจ้านายขาดงานไปสองวันแล้ว คนที่สำนักพิมพ์คงเป็นห่วงหรอก”
   สุภาพงษ์มีสีหน้าอึกอัก แต่สุดท้ายก็พยักหน้ารับ “ครับ เธอโทรมาถามอาการว่าเป็นไงบ้าง”
   “แล้วเป็นไงบ้างล่ะ” ผมถามแหย่ไป ได้ยินหรอกที่เขาพูดกับเลขาฯน่ะ แต่ว่าอยากจะฟังจากปากเขาอีกที สุภาพงษ์กะพริบตาปริบๆ “ก็ดีขึ้นแล้วล่ะครับ แต่ผมอยากหยุดพักต่ออีกสักวัน”
   “อืม... งั้นเหรอ ดีขึ้นขนาดนั้นก็ดีแล้วล่ะ พี่จะได้กลับบ้าน” ผมพูดตอบ แล้วปั้นสีหน้าจริงจัง “พี่รู้สึกปวดเอวนิดหน่อย บางทีอาจจะไม่ชินที่นอนก็ได้ แถมเมื่อคืนก็ฝันแปลกๆ”
   “....................” ผู้ชายอายุสามสิบสี่ตรงหน้าผมปิดปากสนิท ตาเบิ่งนิดๆ แต่แก้มแดงเห่อเชียว อยากรู้นัก เขาจะงัดอะไรมาใช้แก้ตัวในสภาพนี้อีก
   สุภาพงษ์นั่งอ้ำๆ อึ้งๆ อยู่สักพัก ก็พูดออกมาเสียงเบา “ก็พี่นิตน่ารัก..... วันนี้อย่าเพิ่งกลับเลยนะครับ”
   ผมกลืนน้ำลายพร้อมข้าวในคอลงไปดังเฮือก ดีที่ไม่สูดอากาศตามเข้าไปด้วย ไม่งั้นได้สำลักออกมาแน่ๆ สองประโยคของเขา ทำเอาประโยคเป็นชุดของผมพังพินาศไม่เป็นท่า
   แน่นอนว่าถ้าให้แข่งกันจริงๆ เขาพูดไม่ทันผมหรอก แต่ประเด็นคือ ปากเขาอ้าไม่ทัน แต่มือเขาถึงก่อนทุกที แล้วตอนนี้มือเขาก็เลื่อนมาจับมือผมไว้อีกแล้ว
   “ค้างกับผมอีกสักคืนนะครับ ผมรับรอง จะไม่ทำให้พี่นิตฝันแปลกๆ แล้ว”
   โอ๊ย ทำไมไม่รู้ หัวใจผมเต้นตึกๆ ขึ้นมาอีกแล้ว เพราะคำพูดของเขาแท้ๆ ผมล่ะไม่อยากจะจำเลยว่าฝันอะไรเมื่อคืน แต่สรุปว่าเขาเป็นคนทำให้ผมฝันเหรอเนี่ย
   แล้วใครจะไปกล้านอนค้างกันล่ะ
   “พะ... พี่ว่าพี่กลับดีกว่า” ผมตะกุกตะกักพูดออกไป พยายามจะดึงมือออก แต่สุภาพงษ์ก็จับแน่นเชียว นี่มือเขาทากาวหรือไงนะ
   สุภาพงษ์จับมือผมแน่น แต่ไม่ยอมพูดอะไร เอาแต่ช้อนตามองผม ทำหน้าเซื่องๆ แถมจมูกแดงๆ อย่าบอกนะว่าเขาไข้ขื้นอีกแล้วน่ะ
   “พี่นิต....”
   ผมมองผู้ชายตรงหน้า รู้สึกสงสัยขึ้นมาจริงๆ ว่าเขาใช่คุณสุภาพงษ์ที่มาติดต่อให้ผมเขียนเรื่องให้เมื่อต้นปีจริงๆ หรือ ตอนนั้นท่าทางเขาเป็นงานเป็นการกว่านี้ ไม่สิ... เท่าที่จำได้ เขาขับรถมาที่บ้านผม เรียกผมว่าคุณพนิต แล้วก็มาคุยกับผมที่บ้าน พูดกับผมด้วยน้ำเสียงจริงจังพ่วงด้วยหน้าตาหล่อๆ จนผมยอมตกลงเซ็นสัญญากับเขา   จะว่าไปตอนนั้น เขาขอจับมือผมก่อนกลับด้วยล่ะมั้ง
   ผมมองเข้าไปในดวงตาสีดำที่ช้อนมองมา พลางนึกว่า นานแล้วรึเปล่าที่เขามองผมแบบนี้ ก่อนที่เขาจะย้ายบ้านไป เขาขอจับมือผม... แล้วมองผมด้วยสายแต่แบบนี้รึเปล่านะ...?
   “อย่าเพิ่งกลับเลยนะ.... ให้ผมได้อยู่กับพี่อีกสักวัน... นะครับ”
   “......................” เจอแบบนี้ ผมก็พูดอะไรต่อไม่ออก สุดท้ายก็เผลอพยักหน้าอีกจนได้ จากนั้นก็เห็นริมฝีปากของเขากระตุกขึ้นหน่อยๆ ก่อนจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างจนเห็นฟันซี่ขาวสวย
   โอ๊ย!! ผมชิ่งเป็นลมตอนนี้จะเป็นอะไรไหมเนี่ย?!
   “พี่นิต!!”
   ผมไม่ไหวจริงๆ ล่ะ เห็นเขายิ้มทีไร หัวใจมันเต้นแรง ตามันพร่าทุกที แต่เพราะเขาจับมือผมอยู่ แทนที่จะปล่อยให้ผมจะล้มหงายหลัง เขาก็ดึงตัวผมให้เซไปซบอกเขาแทน
   โอ๊ย ผมจะตายมั้ย?!
   “ทำใจดีๆ ไว้นะครับ” สุภาพงษ์พูดด้วยน้ำเสียงเจือความตกใจจนรู้สึกได้ แล้วลูบหลังผมใหญ่ แบบนี้ผมทำใจดีๆ แบบเขาว่าไม่ลงหรอก มีแต่จะใจเต้นแรงมากกว่าเดิมน่ะสิ
   อกเขาทั้งหนา ทั้งแน่นขนาดนี้ ผมจะทำใจดีๆ ได้ยังไงล่ะ!! ยิ่งพอนึกถึงภาพเขาตอนเปลือยท่อนบนแล้ว หัวใจผมแทบจะกระดอนออกมา นี่ผมจินตนาการอะไรให้มันดีกว่านี้ไม่ได้แล้วหรือไง
   ขณะที่ผมหัวใจเต้นตึกๆ เพราะมัวแต่คิดนั่นคิดนี่ สุภาพงษ์ก็จับตัวผม กดลงบนโซฟา
   !!
   ผมคว้าแขนของสุภาพงษ์เอาไว้ด้วยความตกใจ ทางเขาเองก็ดูจะตกใจไม่แพ้กัน “พี่นิต เป็นอะไรน่ะครับ?”
   ผมกะพริบตามองเขาปริบๆ แล้วสั่นศีรษะ สุภาพงษ์มองผมด้วยสีหน้าไม่เชื่อถือ จากนั้นก็พูดออกมาอีก “ผมไปหยิบยาดมมาให้นะ”
   คราวนี้ผมรีบพยักหน้า จุดประสงค์ไม่ใช่อะไร แค่อยากให้เขาไปให้พ้นจากตัว จะได้สงบจิตสงบใจ บอกหัวใจตัวเองให้เต้นช้าลงได้สักที
   สุภาพงษ์ผละออกไปหลังจากนั้น ผมเลยถอนหายใจเฮือกอย่างลืมเกรงใจ แล้วยกมือขึ้นลูบอกตัวเอง
   ใจเย็นๆ หน่อยสิ พนิต มันก็แค่ยิ้มน่ะ ก็แค่ยิ้มเท่านั้นเอง
   ยาดมมาถึงปลายจมูกผมหลังจากนั้นสักพัก นึกแล้วก็น่าเกลียดจริงๆ ผมหน้ามืดต่อหน้าเขากี่รอบแล้วนะเนี่ย ไม่รู้ว่าเขารู้สึกยังไง คงเห็นว่าผมชักแก่ สู้สังขารไม่ไหวแล้วล่ะมั้ง
   ก็ดีเหมือนกัน เขาจะได้เลิกคิดอะไรบ้าๆ กับร่างกายผมสักที ผมอายุปูนนี้แล้วนะ จะมาฟิตเหมือนวัยรุ่นมันไม่ไหวหรอก
   “ดีขึ้นรึเปล่าครับ?” สุภาพงษ์ถามหลังจากให้ผมดมยาดมแล้วนวดแขนขาผมเบาๆ ไม่รู้สิ พอไม่เห็นหน้าเขาแล้ว ผมรู้สึกดีขึ้นนะ ถึงมือเขาจะช่วยนวดแขนนวดขาผมอยู่ก็เถอะ ไม่เห็นหน้าเขา หัวใจผมก็ไม่เต้นผิดจังหวะ พอถูกนวดตัวด้วย ผมถึงกับเคลิ้มเลยล่ะ         
   “พี่นิต?”
   ผมสะดุ้ง แล้วค่อยหันมาพยักหน้า เพื่อให้เขารู้ว่าดีขึ้นแล้ว สุภาพงษ์นั่งอยู่ตรงพื้นข้างโซฟา ผมว่าตำแหน่งเดียวกับเมื่อวานซืนนี้เลยล่ะ นี่ผมมาทำท่าจะเป็นลมในห้องเขารอบที่สองแล้วนะเนี่ย
   สุภาพงษ์มองหน้าผมอยู่พักหนึ่ง แล้วพูดออกมาอีก “พี่นิตเป็นลมบ่อยนะครับ”
   “อะ... อืม” ผมไม่รู้จะตอบยังไง เลยได้แต่ส่งเสียงในคอออกไป “สงสัยเพราะพี่อายุเยอะแล้วมั้ง”
   คนนั่งอยู่ข้างผมเม้มปากนิดๆ “พี่นิตเป็นลมเพราะผมรึเปล่า?”
   “...................”
   “พี่นิตชอบผมมั้ย..?”
   ผมนอนนิ่งๆ ไม่ไหวอีก ไม่ใช่ว่าเขาแสดงท่าทางอะไรกับผมหรอกนะ เขาแค่ถาม ถามด้วยสีหน้าจริงจังอย่างที่เขาทำอยู่เป็นประจำนั่นแหละ แต่หน้าผมนี่สิ ไม่รู้ว่าจะตีสีหน้าแบบไหนตอบเขา สุดท้ายผมเลยจำต้องพลิกตัวหันมามองพนักพิงโซฟาแทน
   เขาเกิดนึกอะไรถึงถามแบบนั้นออกมานะ หรือเพราะสังเกตเห็นแล้วว่าผมชอบเป็นลมเวลาเห็นเขายิ้มทุกที
   โอ๊ย หน้าผม จะเอาไปซุกไว้ที่ไหนดีเนี่ย!!
   ผมนอนตะแคงมองโซฟาอยู่พักหนึ่ง ก็ต้องสะดุ้งเฮือก เพราะสุภาพงษ์เลื่อนมือเข้ามา กอดเอวผมเอาไว้ แล้วแนบใบหน้าลงบนหลังของผม
   ผมสูดหายใจลึก รออยู่ว่าเขาทำแบบนี้แล้วจะพูดอะไรอีก แต่รออยู่พักใหญ่ก็ไม่ได้ยินเสียงอะไร เขาแค่กอดผมจากด้านหลังเงียบๆ ในที่สุดผมก็ถอนหายใจ ยกมือขึ้นจับแขนเขาเอาไว้
   ผมอยู่ดูอาการใจเขาอีกสักคืนก็ได้
----------------------------------------
**อยากจะร้องว่า "อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย" :-[

zhai

  • บุคคลทั่วไป
อ่านไปไม่รู้ว่าจะสงสารใครดีระหว่างโจกะพี่นิต
พี่นิตก็ลมขึ้นเอาขึ้นเอา เจอหนุ่มโจยิ้มที กอดที
ส่วนโจไม่รู้ว่าพี่นิตคิดยังไง เฮ้อ....

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
อย่างฮาเลยอ่ะ  ตอนที่คุณพนิตสวดมนต์ทำใจ  กลัวตกหลุมรักโจล่ะสิ
แล้วไอ้อาการหน้ามืดเพราะโจหล่อเนี่ยะ  จะให้โจเข้าใจว่ายังงัย
พอดีเรื่องนี้เขียนมาในมุมมองของคุณพนิตคนเดียว
ไม่แน่ว่าถ้าเขียนในมุมมองของโจ  อาจมาในแนวที่ว่าคุณพนิตเป็นลมบ่อย ๆ ก็เพราะสังขารก็ได้  5555

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
แอร๊ยยยยยพี่พนิตเป็นลมอีกแล้ว น้องโจก็นะคืนนี่้จะทำให้พี่นิตฝันแปลกๆอีกรึเปล่าาาาาหึหึ

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
คุณนิตแค่เห็นโจยิ้ม ก็เป็นลมแล้ว
แบบนี้ตอนเข้าด้ายเข้าเข็ม จะรอดไหมเนี่ย

ออฟไลน์ bluerose

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ก็อยากจะร้องว่า อร๊ายยยยย เหมือนกันค่ะ วู้ววว สองคนนี้เค้ารุกไปข้างหน้ากันเยอะแล้วนะเนี่ย

ออฟไลน์ misso

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
อร๊ายยยย ไม่ไหวแล้วค่ะ จะระเบิดบึ้มอยู่แล้ว  :m25:

เห่อร้อนหน้าไปหมดเลย พี่นิตน้องโจ โอ๊ย จะละลาย

แต่ฮาพี่นิตมาก ท่าไม้ตาย ชิ่งเป็นลมด้วยความเร็วแสง ฮ่าๆ แต่สุดท้ายก็ไม่รอดอยู่ดี

ชอบมากๆ ไม่รู้จะบอกว่าตรงไหนเพราะชอบไปหมด ดีใจจริงๆที่มาต่อ เดี๋ยวจะวกไปอ่านใหม่ ตอนต่อไปก็มาเร็วๆนะคะรออยู่

คุณจูออนสู้ๆ :ped149:

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
สงสารคนแก่จัง เป็นลมได้เป็นลมดี 

ออฟไลน์ zitronen-tee

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
    • https://www.facebook.com/DaisyLetter

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ u_cosmos

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
พี่นิตอยู่กับโจจะยิ้มแก้มแตกก็ต้องเอามือปิดปาก แต่เราไม่ต้องเพราะอยู่คนเดียว ฮะๆ
ไม่ไหวนะคุณพนิต ไหนว่าร่างกายแข็งแรงอ่ะ หน้ามืดบ่อยเกินไปแล้ว(และโจก็เดาถูกเกินไปแล้ว)

โจรับรองว่าจะไม่ทำให้ฝันแปลกๆเพราะถึงเวลานั้นคุณพนิตคงจะยังไม่หลับแล้วใช่ไหมล่ะ
><

emoemo

  • บุคคลทั่วไป
นายโจ ไม่ค่อยพูด แต่มือเนี่ยย จัดหนักตลอดนะจ๊ะ 555
สงสารพี่พนิตจัง แพ้ตั้งแต่รอยยิ้มเนี่ย สงสัยนายโจคงจะได้แต่ในฝันเเน่เลย
เพราะความจริง พี่นิตชิงเป็นลมคลอดด กร๊ากกก

ออฟไลน์ kissme

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 457
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
อ่านตอนนี้แล้วใจเต้นตึกตักดีจังเลย
สงสัยจังว่าโจจะมีโอกาสได้กอดรวบพี่นิดอย่างลึกซึ้งตรึงใจกับเขาบ้างไหมเนี่ย
ไม่นับแบบพรายผ้าห่มนะจ๊ะ

ออฟไลน์ Cherry Red

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-0
ขอร่วม "อร๊าย ยยย ยย !!!!!" ด้วยคนนะค่ะ  :o8:
โดยเฉพาะ  “ค้างกับผมอีกสักคืนนะครับ ผมรับรอง จะไม่ทำให้พี่นิตฝันแปลกๆ แล้ว”
รับรอง รับรองว่าไม่ใช่แค่ฝัน เพราะ น้องโจจะทำให้เป็นเรื่องจริงแบบพิสูจน์ได้ใช่ไหม ?

ตอนนี้คุณโจเยอะนะค่ะ เยอะนะ ทำเอาพี่นิตเป็นลมอีกแล้ว (ท่าทางต้องมียาดม ยาหอมใกล้มือทุกสถานการณ์  :m23: )

กระต่ายชมจันทร์

  • บุคคลทั่วไป
อร๊ายด้วยคนค่า!!!!

นี่แค่ยิ้มนะ แล้วถ้า...(เว้นไว้ในฐานที่เข้าใจกัน)จะขนาดไหนเนี่ย

คืบหน้าอีกนิด อิๆ น่าร้าก~

ว่าแต่นิตยาสารเหรอคะ? เอ น่าจะนิตยสารรึเปล่าคะ?

ออฟไลน์ Heisei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
อ่านมาถึงตรงนี้ก็จิ้นฉากไม่ออกจริงๆด้วยแหละ
55555555555555555555555555555555   :really2:

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
ตายๆ สักวันจะเป็นลม ช๊อคเข้าโรงบาลมั้ยเนี้ย อิอิ

ออฟไลน์ rmlab

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1679
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-2
โจน่ารักมากเลยนะวันนี้ ถ้าเป็นคุณพนิตคงอดเอ็นดูไม่ได้แน่ๆ
คนอะไรน่ารักแปลกๆ ทั้งคู่เลย

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
ขนาดยังไปไม่ถึงไหนนะเีนี่ย แค่รอยยิ้มก็จะเป็นลมละ  :jul3:

มากกว่านี้กลัวจะโดนหามส่งโรงบาลจัง  :laugh:

ออฟไลน์ pochu52

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1328
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-0
จะสงสารคุณนิตดีไหมอ่ะที่ถูกน้องโจรุกคืบเหลือเกิน 5555 อิจฉาคุณนิต

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ MoMoRin

  • I am Fujoshi! (・∀≦)ゞ
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1749
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +229/-2
ถึงเวลาพี่โจจะรุกเต็มขั้นแล้ล่ะค้าาา อิอิ

pmnet

  • บุคคลทั่วไป
 คนนึงขี้อายแต่มือไวใจกล้า อีกคนก็สังขารไม่เที่ยง เอะอะ เป็นลม

 ชอบความรัก ชอบความใส่ใจที่สุภาพงษ์มีให้พี่นิต

 สุดท้าย ชอบนักเขียน เขียนได้ น่ารัก น่าอ่าน

- คราส -

  • บุคคลทั่วไป
 :m20: ขำความคิดพี่นิต
โจพูดน้อย แต่ดูพูดแต่ละอย่าง

“ก็พี่นิตน่ารัก..... วันนี้อย่าเพิ่งกลับเลยนะครับ”
 “ค้างกับผมอีกสักคืนนะครับ ผมรับรอง จะไม่ทำให้พี่นิตฝันแปลกๆ แล้ว”
“พี่นิตเป็นลมเพราะผมรึเปล่า?”

 :-[
ชอบประโยคสุดท้ายของตอน
 :pig4:

ออฟไลน์ PoP~Pu

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1739
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-5
ขอ อร๊ายยยยยยยย!!!~ ด้วยคนนน
เขินนนอะ ไม่รู้ทำไมอ่านเรื่องนี้แล้วเขินตาม ฮ่าๆ
ยิ้มแก้มจะแตกแล้ว ฮ่าๆๆ
คุณพนิตรั่วขึ้นทุกทีๆ ฮาไม่ไหวแล้ว
เรื่อยๆเฉื่อยๆกระชุ่มกระชวยหัวใจดีแท้ ฮ่าๆ

ออฟไลน์ twenty8

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
คนอ่านนี่ยิ้มแก้มจะแตกอยู่แล้วค่ะ
ทั้งเขินทั้งจะเป็นลม เพราะลุ้นทุกการกระทำของโจ
ส่งยาดมมาทางนี้ที ทำเขินได้ตลอดเวลา
จะเป็นลม ฮ่าา

 :o8:

ออฟไลน์ pure_ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
ขอร้องอร๊าย..ย เป็นเพื่อน อะไรจะน่ารักน่าชังขนาดนี้ หวังว่าคืนนี้ น้องโจคงเผด็จศึกนะ 555

ออฟไลน์ powvera

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-3
พี่นิตอยู่ดูอาการใจคุณ บ.ก.อีกสักคืน

คราวนี้คงไม่ได้แค่ฝันอาจจะเจอของจริงเลยเป็นไง

 :z1:    :z1:    :z1:

ออฟไลน์ ooopimmyooo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
โจน่ารัก คุณพนิตก็น่ารัก
ชอบอ่ะ เขิน><'

ออฟไลน์ vk_iupk

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 990
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-2
พี่นิตเนี่ยไม่ไหวน้า
เอะอ่ะ จะเป็นลมท่าเดียว
น้องโจจะได้แอ้มพี่นิตมั๊ยเนี่ย :m20: :laugh:

ออฟไลน์ Allure-Q

  • Just the way you are
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
 :jul1: จมกองเลือดตัวเองตาย

แอร๊ยยยย....แบบว่า น่ารักอ่ะ!!!!!
โอ้ยย เขิน...เขินอะไรก็ไม่รู้ สรุปว่าเขิน <<<< ชักพูดไม่รู้เรื่อง

ปล.คิดถึงพี่นิตจังเลย  :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด