ขอบคุณทุกคนมาก ๆ นะครับ มาตอกันเลยดีกว่าเนอะ
รู้จักชื่อจนได้...
เช้าวันรุ่งขึ้น ผมก็แต่งตัวไปเรียนตามปกติ และรอที่บ้านไปส่ง ขับรถไปประมาณ 5 นาทีก็ถึงฮะ บ้านผมอยู่ริมคลองฮะ ติดกับตลาดน้ำ ไม่ได้ติดถนนใหญ่ ดังนั้นเวลาจะไปขึ้นรถก็ต้องเดินไปฮะ ประมาณ 10 นาทีก็ถึง แล้วค่อยนั่งรถต่อไปได้ ซึ่งคนที่ไม่เคยเดินก็จะบ่นว่าไกล แต่ผมว่ามันใกล้นิดเดียวเอง หรือว่าผมเดินจนชินแล้วไม่รู้นะ
พอถึงหน้าโรงเรียนก็รีบลงจากรถ เพื่อจะเดินเข้าโรงเรียน ซึ่งตรงหน้าประตูก็จะมีอาจารย์มาคอยตรวจละฮะ ว่าใครแต่งตัวไม่เรียบร้อย ผมยาวหรือไม่ หรือใส่เจลมาบ้าง ซึ่งใครใส่มา ก็จะโดนให้สระผมตรงนั้นเลยฮะ แต่สำหรับผมแล้ว เหมือนถือวีซ่า ผ่านตลอดฮะ แหม ออกจะเรียบร้อยซะขนาดนั้น พอผมมาถึงก็ตรงดิ่งไปตรงโต๊ะประจำ กลุ่มผมจะมีโต๊ะประจำฮะ โดยจะนั่งรวมกับเพื่อนสนิทที่ไปเรียนสายวิทย์-คณิต ซึ่งเวลานั่งก็จะมานั่งด้วยกัน มาลอกการบ้านกันตรงนี้แหละครับ ซึ่งโต๊ะตรงนี้มันอยู่หน้าห้องฝ่ายปกครอง ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีใครกล้าแหยมมานั่งเท่าไหร่ ดังนั้น กลุ่มของผมนั้น คนอื่น ๆ ก็จะเรียกว่า กลุ่มฝ่ายปกครอง ระหว่างนั่งก็มองไปยังโต๊ะกลุ่มของมันฮะ ซึ่งอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ มีสระน้ำคั่น โดยโต๊ะของมันจะอาศัยร่มเงาของต้นไผ่คอยบังแดดฮะ กลุ่มของมันก็เลยมีชื่อกลุ่มว่า กลุ่มไผ่ และจะมีอีกกลุ่มหนึ่งฮะ ซึ่งกลุ่มนี้เขาจะเงียบ ๆ ไม่ค่อยมีบทบาทในห้องเท่าไหร่ โต๊ะกลุ่มของเขาอยู่ไกลมาก ๆๆๆ กลางสวนสาธารณะของโรงเรียน ซึ่งมีสระน้ำล้อมรอบ โดยกลุ่มนั้นจะเรียกว่ากลุ่มเกาะกลาง สรุปแล้ว ห้องผมมี 3 กลุ่มครับ เวลาเรียนในห้องเรียนก็จะนั่งแยกตามกลุ่มโดยอัตโนมัติเลยครับ ในห้องมี 3 แถว ก็ 3 กลุ่มพอดี 3 กลุ่มนี้ไม่ค่อยกินเส้นกันเท่าไหร่ฮะ แต่ไม่แสดงออก 555
ระหว่างที่ผมนั่งเล่นรอเพื่อน ๆ อยู่นั้น ผมก็เห็นเทพบุตรของผมเดินถือกระเป๋ามานั่นที่โต๊ะกลุ่มไผ่ของมงันแล้วครับ ซึ่งมันมาเป็นคนแรกเหมือนผม
แหมๆๆๆ อะไรจะพอดีเช่นนี้วะ
ผมยิ้มให้มัน มันก็ยิ้มให้ผม ก็ได้แค่นั้นแหละครับ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่กล้าทักมันก่อนด้วย แม่ง รักข้ามคลองจริง ๆๆ แต่ผมไม่กลัวหรอกครับ ก็ผมมีแผนที่จะรู้จักชื่อมันแล้วนิ 5555
ระหว่างนั้นเพื่อน ๆ ของผมกับมันก็ทยอยกันมา เสียงก็เริ่มดังขึ้นครับ โดยเฉพาะนังเชต นังนี้มันมาก็เริ่มบ่นครับ ว่าเงินมันหาย เห็นมันบ่นมาตั้งแต่ม. ต้นแล้วฮะ ทุกคนก็เลยเฉย ๆ
แม่งคนเชี่ยไร เงินหายได้ทุกวัน แต่ก้ไมได้ถามมันหรอกนะครับ กลัวมันงอน 555
พอ 8.15 ปุ๊บ อ๊อดก็ดังขึ้น ส่งสัญญาณว่าพวกเราต้องไปยืนตากแดดหัวดำเคารพธงชาติแล้ว และที่ไปกว่านั้นก็คือ ใครไม่รู้เป็นคนปักเสาธงชาติ เพราะว่าเวลาเราหันไปเคารพธงชาติทีไหร่ ต้องหันหน้าสู้แสงอาทิตย์ทุกที แสบตามั่กๆๆๆ

ดังนั้นพอถึงเวลาร้องเพลงชาติ ก็จะเห็นพวกเราแทบทุกคน ทำมุม 45 องศา กับธงชาติกันทุกคน ตลกไหมละฮะ
และโอกาสของผมก็มาถึงครับ เพื่อน ๆ คงจะรู้นะครับว่าเวลาที่เข้าแถวเคารพธงชาตินั้น จะต้องยืนเรียงลำดับความสูง ใครตัวสูงจะอยู่ข้างหลัง ใครตัวเตี้ยก็จะอยู่ข้างหน้า ซึ่งแน่นอนว่าผมจะต้องยืนเป็นคนแรก ๆ แต่ด้วยวิชามารของผม ทำให้ผมได้ไปยืนอยู่หน้าไอ้เทพบุตรของผมครับ แม้ว่ามันกับผมจะสูงต่างกันมาก แต่ก็คิดว่าคงไม่เป็นไหร่ เพราะอาจารย์เขาไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ พอเคารพธงชาติ และสวดมนต์เสร็จแล้ว อาจารย์ก็จะมาพูดอะไรหน้าเสาธงอีก ช่วงนี้ก็จะเป็นอีกช่วงหนึ่งที่เด็ก ๆ จะยืนหันหลังให้อาจาย์ ไม่ใช่ว่าไม่อยากฟัง แต่มันสู้แสงแดดไม่ไหว ผมก็เหมือนกัน ยืนหันหลังให้อาจารย์ และผมก็ภาวนาว่าอย่าให้เทพบุตรของผมยืนหันหลังให้ ซึ่งก็สำเร็จครับ มันไม่ได้หันหลังให้อาจารย์เพราะว่ามันถือสมุดมาเตรียมบังแดดไว้แล้วครับ (รอบคอบดีมั่กกๆๆ) ทำให้หน้าผม กับหน้าอกมันพอดีกันเป๊ะ จังหวะนั้น ผมก็เลยแอบดูชื่อและนามสกุลที่หน้าอกมันครับ สุรวิทย์ สุวรรณโณ ใช่แล้วครับ ชื่อมัน มันชื่อสุรวิทย์ สุวรรณโณ ผมก็รีบท่องเก็บไว้ใหญ่ กลัวลืมครับ ผมยิ่งเป็นปลาทองอยู่ด้วยบวกกับความตื่นเต้น ทำให้ไม่กล้าสู้หน้ามัน
“ร้อนหรอ” เอะ เสียงมันนิ ถามใครวะ ผมก็เลยเงยหน้าขึ้นไปหามัน
“ร้อนไหม” ครับ มันถามซ้ำ ซึ่งตอนนี้ผมรู้แล้วครับว่ามันถามผม มันไม่ทันรอผมตอบ มันก็เอาสมุดที่มันถือมาด้วย อ้อมตัวผมมาบังหัวผมไว้ด้วย นึกภาพออกไหมครับ ในตอนนี้เหมือนกับว่ามันกำลังโอบผมอยู่ ตอนนี้ผมแทบจะละลายไปบนพื้น กลิ่นตัวมัน กลิ่นเหงื่อมัน ลมหายใจมัน รู้สึกได้เลย แต่ด้วยความเขิน ก็เลยรีบขยับตัวออกห่าง แต่ก็เขยิบไปไม่ได้มากเท่าไหร่ เพราะติดมือมันที่โอบ ไม่ใช่สิ ที่มาบังแดดให้เราอยู่

“ขอบใจ” ครับ ผมตอบไปแค่นั้น ไม่รู้จะพูดอะไรอีก คิดคำพูดไม่ออก ได้แต่ยืนก้มหน้าตลอดมองขาเรามั่ง มองขามันมั่ง แม่งคนอะไรวะ ขนหน้าแข้งเยอะฉิบผาย แต่ก็ดี เซ็กซี่ดี 555 หื่นเลยเรา

“เฮ้ย แบงก์ เขาเดินไปกันหมดแล้ว” ผมสะดุ้งเลยครับ ก็เลยหันกลับไปมองเพื่อน ๆ อ้าวเขาปล่อยแถวเข้าห้องแล้วหรอวะเนี่ย แม่ง ทำไมวันนี้อาจารย์พูดเร็วนักวะ ยังยืนกินลมหายใจมันไม่อิ่มเลย แต่ไม่เป็นไร ตุนไปเยอะเลย 555555555555
“ไปดิ ไปได้แล้ว” น่าน มันผลักครับ ดูมันทำครับพี่น้อง แต่เอ๊ะ เมื่อกี่มันเรียกชื่อเรานี่หว่า มันรู้ได้ไงวะ ยังไม่ทันหายงง มันก็ลากผมเดินตามเพื่อน ๆ ไป ก่อนจะแยกกันเพื่อไปที่นั่งของแต่ละคน คนอะไรวะ มือสากฉิบ มือหรืออะไรวะเนี่ย แต่แอบดีใจนะ เร็วกว่าที่คิดแฮะ ได้จับมือด้วย 2 วันเองนะเนี่ยกรู

หลังจากนั้นมา ผมก็ได้รู้ชื่อเล่นมันจากเพื่อนร้ากกกกกกกกก จะมีใครไปไม่ได้ นอกจาก ไอ้ทิด เพื่อนเก่ามัน มันชื่อกั๊ก แต่เพื่อน ๆ ส่วนมากชอบเรียก มันว่าไอ้เอี่ยว ซึ่งเป็นแซ่เก่ามัน ก่อนที่มันจะมาใช้นาม กั๊กมันก็ชอบมาคุยกับไอ้ทิด คุยเรื่องนู้นเรื่องนี้ ไอ้เราก็เลยพลอยฟ้าพลอยฝน ได้อานิสงส์ คุยกับเขาด้วย ในที่สุดก็สนิทกันในระดับหนึ่ง ถึงแม้ว่ากลุ่มเรากับกลุ่มมันจะไม่ถูกกัน แต่สำหรับกั๊กแล้ว ยกเว้นไว้ 1 คน อิอิ