เรื่องที่ 3 (จบ)หมอกมาดูแผลให้อานนท์ทุกวัน แต่เขาก็ไม่ได้พูดจาเข้าใจยากอย่างวันนั้นอีก จนแผลหายดีก็ประจวบกับที่หมอกต้องไปออกค่าย เขาทำท่าอิดๆ ออดๆ แต่ยังไงก็ต้องไปอยู่ดี หายไปได้สักอาทิตย์กว่า รถเก๋งกลางเก่ากลางใหม่สีฟ้าอ่อนก็เคลื่อนมาจอดหน้าบ้านอานนท์อีกครั้ง
“พี่เป็นไงบ้างครับ” เขาเอ่ยถามทันทีที่เห็นหน้า อานนท์ยิ้มขัน
“หมอกโทรหาผมทุกวันยังต้องถามอีกเหรอ ออกค่ายว่างขนาดนั้นเชียว”
“ว่างไม่ว่างผมก็ต้องโทร” เขายืนยัน “เอาละ เชิญครับพี่อานนท์”
“หืม... ไปไหน”
“ก็พี่สัญญาไว้นี่นาว่าจะไปเที่ยวกับผมถ้าผมได้ใบขับขี่แล้ว”
“วันอื่นไม่ดีรึหมอก วันนี้ครึ้มมาเชียว เดี๋ยวฝนคงลงเม็ดแน่” อานนท์ว่าพลางเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
“วันอื่น... ไม่ดีหรอกครับ วันนี้แหละ วันดี” หมอกยิ้มร่า “เชิญเลยครับ”
อานนท์เหลียวหาผมก่อนจะเดินกลับมาเปิดประตูให้เป็นทำนองถามว่าผมจะเข้าบ้านไหม พอผมเฉยเขาก็พึมพำ
“สีหมอกก็อยากออกไปเที่ยวเหรอเนี่ยวันนี้”
ผมเมี้ยวแล้วออกเดินไปอีกทาง อานนท์ถึงได้เข้าบ้านไปหยิบกระเป๋าสตางค์แล้วไปขึ้นรถหมอก อานนท์ควรจะได้ไปสนุกสนานบ้าง แล้วถ้าคนที่จะทำให้อานนท์มีความสุขและยิ้มออกคือหมอก ผมก็ไม่เห็นว่ามันจะเสียหายอะไรตรงไหน
สองคนหายกันไปทั้งบ่าย ฝนตกลงมาจริงอย่างที่อานนท์พูดไว้ แต่ก็ไม่ได้หนักอะไร ผมนอนหมอบอยู่ใต้ชายคาบ้านจนฝนหยุดจึงออกไปย่ำพื้นหญ้าหมาดฝนจนพอใจ ตกเย็นทั้งคู่จึงได้กลับมา
“พี่ไม่ยอมให้ผมเลี้ยง” หมอกลงมายืนบ่นกระปอดกระแปด
“ได้ยังไง... ผมแก่กว่า แถมยังทำงานแล้ว ก็ต้องเป็นคนเลี้ยงสิ” อานนท์บอก “ขอบคุณมากที่อุตส่าห์ขับรถพาไปถึงทะเล ผมไม่ได้ไปหลายปี”
“อ่า... แต่ฝนก็ตกจนได้”
“ผมบอกแล้ว หมอกก็อยากจะไปวันนี้ให้ได้” อานนท์ยิ้มมองคนตรงหน้า “แต่ยังไงก็สนุกอยู่ดี ถึงจะไปกินข้าวเสร็จแล้วก็แค่จอดรถดูทะเลกลางฝนก็เถอะ”
พอหมอกยืนนิ่งไม่ได้พูดอะไรอีกเขาก็ว่า “งั้นผมเข้าบ้านก่อนนะ”
“ด... เดี๋ยวครับ” หมอกเรียกไว้ ก่อนจะหันไปหยิบกล่องไวโอลินออกมาจากเบาะหลัง เขาสบตาอานนท์ “นี่คือเหตุผลว่าทำไมถึงต้องเป็นวันนี้”
แล้วเขาก็เริ่มเล่น และไม่ได้ละสายตาจากอานนท์เลยตลอดเวลานั้น เพลงสั้นๆ ไม่ถึงครึ่งนาทีด้วยซ้ำ แต่ทำนองมันคุ้นหูผมเหลือเกิน ผมว่าผมเคยได้ยินจากทีวีนะ แล้วหลังจากนั้นก็ต้องพูดว่า...
“สุขสันต์วันเกิดนะครับ พี่อานนท์”
อานนท์สูดจมูก ถ้าเขาไม่ได้ร้องไห้เลยตอนที่เล่าเรื่องในอดีตให้หมอกฟัง ตอนนี้ผมว่าเขาก็ใกล้จะเสียน้ำตาเต็มที แต่น้ำตาที่ไหลเพราะความซาบซึ้งตื้นตัน ยังไงก็ดีกว่าไหลเพราะความเจ็บช้ำเสียใจล่ะน่า
“หมอกรู้... ได้ยังไง”
“ผมเห็นวันเกิดพี่ตอน... โรงพยาบาล พี่คงไม่โกรธนะครับ” หมอกว่า แล้วเอ่ยซ้ำอีกอย่างอ่อนโยน “สุขสันต์วันเกิดครับ พี่อานนท์”
“ขอบคุณมาก... ไม่เคยมีใครพูดคำนี้กับผมมานานแล้ว”
"พี่อานนท์รู้ไหมครับ ผมหาหนังสือเรื่องโรคฮีโมฟีเลียมาอ่านเป็นบ้าเป็นหลังเลย ทั้งซื้อทั้งยืมห้องสมุดทั้งขอคุณพ่อจนถูกแซวว่าจะเป็นหมอเฉพาะทางด้านนี้หรือไง" เขาหัวเราะเขินๆ
“ผมสนใจภาษาไทยมากขึ้น เพราะผมอยากเข้าใจคนที่ใช้ภาษาได้สวยงามอย่างนั้น ผมใส่ใจกับไวโอลินมากกว่าเดิม เพราะพี่ชมว่าผมเล่นดี... ถ้าความรักทำให้คนมีแรงบันดาลใจทำอะไรได้มากมาย ผมว่า...”
หมอกสูดหายใจลึกก่อนจะสบตาอานนท์ตรงๆ
“ผมคงรักพี่เข้าแล้วละครับ พี่อานนท์”
“รักผม... เพราะ...”
“ต้องมีเหตุผลด้วยเหรอครับ... พี่น่ะทั้งหน้าตาน่ารัก ทุ่มเทกับงาน แถมยังจิตใจดี แล้วก็เข้มแข็งอดทนกับอะไรมามากเหลือเกิน... ผมรักทุกอย่าง แต่ทั้งหมดนั่นก็ยังไม่ใช่ทุกอย่างที่ทำให้ผมรักพี่”
อานนท์นิ่ง หมอกยังพูดต่อเรื่อยๆ
“ถ้าผมถามพี่ว่าพี่รักสีหมอกเพราะอะไร... เพราะมันขนเทาสวย ตาสียังกับท้องฟ้าตอนไม่มีเมฆ ฉลาดเจ้าเล่ห์ แต่ก็ขี้อ้อนหรือเปล่า ถ้าแค่นั้นทำให้พี่รัก ก็ยังมีแมวอีกตั้งมากที่เป็นแบบนี้เหมือนกัน... แต่มันก็ไม่ใช่สีหมอกอยู่ดี ก็เหมือนกันนั่นแหละครับ พี่เข้าใจไหม”
เขาพูดช้าๆ เหมือนจะย้ำให้ทุกคำถึงใจคนฟัง
“พี่อานนท์ ต่อไปชีวิตอาจจะยังต้องมีความเปลี่ยนแปลงอะไรอีกมากมาย... แต่ไม่ใช่ใจของผมแน่”
หมอกบอกว่าถ้าระหว่างนี้อานนท์ยังไม่สะดวกใจ จะไม่เจอกันสักพักก็ได้ จะได้มีเวลาคิด ทบทวนความรู้สึก... เพียงแต่ขอให้ดูแลตัวเองดีๆ ด้วย ถ้ามันจะช่วยอะไรได้ผมก็อยากจะบอกหมอกว่าผมเชียร์เขาเต็มที่เลยนะนี่
เช้านี้อานนท์เขียนอะไรอยู่ตั้งนานแล้ว เดี๋ยวลบ เดี๋ยวขีดฆ่า เดี๋ยวขยำกระดาษทิ้งถังขยะ ผมนอนหมอบดูจนเขาหันมาหัวเราะอายๆ ให้
“ไม่ได้เขียนนานก็เป็นอย่างนี้แหละสีหมอก เฮ้อ ไม่ไหว ไม่ไหว สนิมขึ้นหมดละ...” แล้วเขาก็บ่นพึมพำอะไรไม่รู้ต่อ
อานนท์ปล้ำกับงานชิ้นนี้อยู่ถึงเย็นก็ยังไม่เสร็จ ท่าทางจะหินน่าดู วันต่อมาเขาก็เริ่มใหม่ จนตอนบ่ายออกไปเดินยืดเส้นยืดสายนอกบ้าน พอเหลือบมองไปทางซ้ายเห็นเพื่อนบ้านคนเดิมยืนเกาะรั้วมองอยู่ หมอกสะดุ้งทำหน้าเขิน
“ข... ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ คือผมแค่จะ เอ่อ... พี่สบายดีก็ดีแล้วครับ”
แล้วเขาก็หลบวูบไปดื้อๆ ซะอย่างนั้น อานนท์ยิ้ม แล้วกลับทำหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ รีบเข้าบ้านมาเขียนงานที่ยังไม่เสร็จต่อ
ผมเห็นทั้งหมดนี้ผ่านหน้าต่าง แล้วก็ให้สงสัยเสียจริงว่างานอะไรของอานนท์กันนะ ที่ต้องการแรงบันดาลใจเป็นคนข้างบ้านด้วย...
พักนี้ฝนตกตอนบ่ายๆ ไปถึงเย็นตลอด อานนท์ก็เลยไม่ค่อยได้ออกไปนั่งเขียนงานข้างนอกอีก แต่พอฝนหยุดเขาก็จงใจเดินไปริมรั้ว หมอกกำลังล้างรถอยู่ ผมที่อยู่แถวนั้นอยู่แล้วเห็นชัดเลยว่าหมอกพยายามทำเฉยๆ เต็มที่ แต่พออานนท์เอ่ยปากเรียกเขาก็เช็ดมือกับเสื้อแล้วมาทันที
“ผมมีอะไรจะให้” อานนท์ว่า แล้วยื่นซองจดหมายข้ามกำแพง
หมอกมองงงๆ ก่อนจะเอ่ยเบาๆ “ถ... ถ้าพี่จะปฏิเสธผม ก็... บอกกับผมตรงๆ เลยก็ได้นะครับ ไม่ต้องยื่นซองขาวยังงี้หรอก”
“อย่าคิดมาก ผมมีซองแค่สีเดียว” อานนท์ยังมีอารมณ์หัวเราะ “อ่านก่อนสิ”
หมอกค่อยๆ เปิดซองจดหมายออก แล้วเขายังเงยหน้ามองอานนท์เหมือนจะถามว่าให้อ่านตอนนี้เลยเหรอ พออีกฝ่ายพยักหน้าเขาก็คลี่กระดาษอย่างเบามือ
ยิ่งอ่านเขาก็ยิ่งยิ้ม อานนท์ที่ยืนอยู่อีกฝั่งจับตาดูสีหน้าของหมอกก็อมยิ้มเหมือนกัน จนหมอกอ่านจบเขาก็พับใส่ซองไว้ตามเดิมอย่างถนอม เงยหน้าขึ้นสบตากับอานนท์ที่มองอยู่ก่อนแล้ว
“นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนเขียนกลอนให้ผม” ท่าทางเขาตื่นเต้นดีใจ ตาเป็นประกายเชียวละ “แถมยังเป็น... เขาเรียกว่าเพลงยาวรึเปล่าครับ”
“ตามฉันทลักษณ์แล้วจะเรียกว่าอย่างนั้นก็ถูก” อานนท์อุบอิบ
“นี่ผมชอบวรรคนี้มาก...”
“อย่าอ่านออกเสียงนะ” อยู่กันมาตั้งนานผมเพิ่งเคยเห็นอานนท์ออกอาการเขินก็คราวนี้ล่ะ
หมอกยิ้มไม่หุบ “ผมยอมเป็นนางใน ให้พี่เขียนเพลงยาวมาเกี้ยวทุกวันเลย”
“เพลงยาวไม่ต้องเป็นเรื่อง... นั้นอย่างเดียวก็ได้ เพลงยาวพยากรณ์ รบทัพจับศึกอะไรก็มี”
“อ้อ ครับ” ขานี้ก็รับคำอย่างร่าเริง ยิ้มแป้น “แต่ถ้าเป็นจากพี่ ผมก็ไม่อยากได้เพลงยาวเรื่องอื่นหรอกครับ”
สองคนยืนยิ้มให้กันข้ามกำแพงอยู่อย่างนั้นจนผมร้องเมี้ยวขึ้น อานนท์หัวเราะ
“สีหมอกไม่ต้องห่วงหรอกน่า คิดซะว่ามีคนมารักเราเพิ่มขึ้น”
“เลิฟมีเลิฟมายแคทสินะครับ”
“ไม่ใช่รึไง”
“ผมน่ะรักทั้งเจ้าของทั้งแมวมาตั้งนานแล้ว” หมอกทำหน้าราวกับถูกกล่าวหา เขาลูบหัวผมก่อนจะเท้ามือบนกำแพงแล้วทำท่าจะปีนข้ามมา
“นี่ ทำอะไร” อานนท์เอ็ด “ประตูหน้าก็มีให้เข้า”
“ไม่ทันใจครับ” เขาตอบ ก่อนจะปีนข้ามมาจนได้ ถึงพื้นก็ว่า “ผมอยากกอดพี่ตอนนี้เลย”
อานนท์ไม่ทันตอบหมอกก็ทำอย่างปากพูดเสียแล้ว
"พี่อานนท์รู้ไหม ผมเคยตอบอาจารย์ตอนสอบสัมภาษณ์ว่าผมอยากเป็นหมอเพราะพ่อคงภูมิใจ เป็นหมอเพราะได้ช่วยคนอย่างชัดเจนมากที่สุดอาชีพหนึ่ง แต่ตอนนี้ผมมีเหตุผลเพิ่มมาอีกอย่าง อย่างสำคัญด้วย”
อานนท์ฟังเงียบๆ แต่ผมเห็นรอยยิ้มระบายขึ้นอย่างช้าๆ หมอกพูดต่อ
“คนที่ผมรักเขาเป็นโรคทางพันธุกรรม ผมอยากศึกษาให้มาก ให้เก่ง เพราะผมอยากดูแลเขาให้ดีที่สุด แล้วก็ได้ช่วยคนที่เป็นเหมือนอย่างเขา...”
“ขอบคุณนะหมอก ขอบคุณมากๆ” อานนท์กอดตอบหมอก น้ำตารื้น แต่ก็หัวเราะออกมาเมื่อได้ยินประโยคถัดไป
“ขอบคุณเหมือนกันที่พี่รักผม ให้ผมรัก... แต่ว่า ผมขอจองตำแหน่งหมอประจำตัวพี่ไว้ก่อนเลยนะ”
“เป็นหมอประจำตัว เร็วไปม้าง” อานนท์อุตส่าห์ขัด “ยังไม่ทันจบเลย”
“ถ้าเร็วไป... ตอนนี้ก็รับไว้ประจำใจก่อนแล้วกันครับ”
หมอกก็ช่างกล้าพูด เมื่อก่อนผมไม่เห็นว่าเขาจะเล่นคำอย่างนี้เป็น ท่าทางการใกล้ชิดกับคนเป็นนักเขียนจะส่งผลซะแล้ว
ถ้าชีวิตของอานนท์เคยมีเมฆหมอกร้ายๆ มาปกคลุม ต่อไปในอนาคต ก็คงมีแค่สองหมอกเท่านั้นแหละ ก็หมอกที่เป็นคนหนึ่ง แมวอีกหนึ่งไงล่ะ
อานนท์ยิ้มสดใส ผมอยากจะเห็นรอยยิ้มแบบนี้บนหน้าของเขาตลอดไปจริงๆ อานนท์ยิ้มแบบนี้แล้ว... เหมือนละอองแดดแทรกผ่านหมอกยามเช้าเลยละ
แหม ผมนี่ก็พูดอะไรเป็นกวี ช่วยไม่ได้ ก็ผมเป็นแมวของนักเขียนนี่นา
อ้อ ตอนนี้คงต้องบอกว่า เป็นแมวของนักเขียนกับ (นักเรียน) หมอแล้วสินะ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
คุณ anajulia อร๊ายยย เขียนซะเขินเลย ตอนนี้ก็เป็นคนไข้ของคุณพ่อหมอไปก่อนรอคุณพระเอกเรียนจบ ปล. คนเขียนเซฟอานนท์โดยให้เป็นระดับเบาสุด คนเป็นเยอะๆ แล้วดูเค้าใช้ชีวิตลำบากอะ สงสาร ปล. 2 ขอบคุณมากๆ ค่ะที่เอาเรื่องนี้ไปแนะนำด้วย ดีใจมากๆ
คุณ dahlia ชอบคำว่าตามใจเด็ก ฮาๆ เรื่องแมวตาบอดสีเฉพาะสีแดงคนเขียนก็เพิ่งค้นจนแน่ใจค่ะ เมื่อก่อนคิดว่าแมวไม่เห็นสีซะอีก
คุณ golove2 เอาดอกไม้ให้พี่อานนท์สงสัยต้องเป็นกล้วยไม้ละป่าว 555 คิดว่าได้รับการดูแลดีแน่นอนนับจากนี้
คุณ Heisei ชอบแมวแน่ๆ เลย ตอนเขียนคนเขียนก็แทบจะเป็นแมวไป 555 พยายามคิดว่าถ้าเป็นแมวมองจะเป็นไงน้า
คุณ lidelia แอบคิดเหมือนกัน ถึงโรคนี้ยังรักษาไม่หายก็ดูแลกันไปละกันเนอะ
คุณ bulldog17 ไม่ใช่วัวแก่กินหญ้าอ่อนนะสรุป (ตกลงใครกินใครอะ 555) ขอบคุณสำหรับบวกค่ะ
คุณ JkrR ขอบคุณที่แวะเข้ามาค่า ชอบสีหมอกแสดงว่าชอบแมวน่ารักๆ ไม่ดื้อหรือว่ากวนติงเท่าไหร่ ครบทุกสายพันธุ์นี่แมวใช่ป่ะคะ อิอิ คนเขียนมีต้นแบบจากแมวธรรมดาๆ เนี่ยแหละไม่มีเพ็ตดีกรี (ตัวเองก็เลี้ยงแมวพันทางปกติ เอิ๊ก) ขอบคุณสำหรับบวกค่ะ
คุณ fuku นิสัยอานนท์แก่จริง เค้าแบบไม่ค่อยได้สังสรรค์กับคนรุ่นราวคราวเดียวกันอะ 555 ต้องรีบโตไปหน่อย
คุณ takara เศร้าเหรอ นิดๆ หน่อยๆ ค่า
คุณ pim_onelove ตอนเขียนก็นึกถึงแมวเหมือนกัน ฮาๆ ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
คุณ berlyn ชนม์น่าจะพยายามบอกมาหลายทีแต่ทินยังไม่เก็ต ก็เลยเอาตรงๆ เลยจะได้ไม่ต้อง 'แปล' อีก ฮาๆ คนเขียนก็ไม่ค่อยตามง้อเหมือนกันค่า ก็เลยตั้งใจให้ทิน 'โต' ขึ้นหน่อยในตอนจบ ไม่ขี้งอนมากแล้ว ส่วนเรื่องที่สองเราตั้งใจให้ทั้งสองคนเป็นอย่างนี้น่ะค่ะ ตอนเกนยังมีกิ๊กเยอะแยะคงหึงหวงกันวุ่นวาย เกนเลยมาติดใจพี่ป๊อบ 555 ปล. เพื่อนคนเขียนบางคนก็เป็นงี้นะคะคือชอบแมวแต่ไม่จับ กลัวถูกตบตีอะ เหอๆ
คุณ sukie_moo เนอะๆ ดูแลกันไปๆ
คุณ ISee หมาก็น่ารักค่ะ แต่คนเขียนเป็น cat person ฮาๆ ที่บ้านก็เลี้ยงทั้งหมาทั้งแมวนะ
คุณ TONG ขอบคุณที่แวะมาค่ะ แมวๆ นี่น่ารักเนอะ 55
เรื่องที่ 3 ก็จบแล้ว ขอบคุณที่ติดตามค่ะ ใครอยากฟังว่าไวโอลินเบิร์ธเดย์เป็นยังไงค้นดูในยูทูบได้นะ แต่คนเขียนชอบเวอร์ชั่นนี้ http://www.youtube.com/watch?v=c31NReNX8Kg เอิ๊ก ส่วนอันนี้สอน http://www.youtube.com/watch?v=jYNvkPrwNBg
เรื่องที่ 4 จะตามมาเร็วๆ นี้เน้อ