[รวมเรื่องไม่ยาว] สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 (ตอนจบ) 27 ต.ค. 54 หน้า 4
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [รวมเรื่องไม่ยาว] สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 (ตอนจบ) 27 ต.ค. 54 หน้า 4  (อ่าน 69617 ครั้ง)

ออฟไลน์ sukie_moo

  • ปัจจุบัน คือ อดีตของอนาคต
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-15
คุณหมอหมอกช่วยรักษาแผลใจให้อานนท์ด้วย  สรุปเอง

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
อ๊าๆๆ เพิ่งอ่านแค่เรื่องที่หนึ่งค่ะ
อยากอ่านอีก แต่มีบางสิ่งต้องทำด่วนๆ

สนุกจังค่ะ เจ้าฉ่อยของทินน่ะน่ารักแน่ๆล่ะ
แต่ที่น่ารักกว่าก็ต้องชนม์ อ๊า...เป็นผู้ชายที่สมควรถูกรักจริงๆ ><
ขอบคุณคุณเดหลีมากนะคะ

แล้วจะแวบมาอ่านต่อค่ะ

ออฟไลน์ เดหลี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +254/-3
คุณ bulldog17 มาๆ อ่านต่อเลย ขอบคุณสำหรับบวกนะคะ

คุณ fuku สีหมอกมาเล่าต่อแล้ววว ขอบคุณสำหรับเป็ดและบวกค่ะ

คุณ golove2 เรื่องที่ 2 เครียดเหรอ 55 พยายามให้ไม่เครียดแล้วนะเนี่ย

คุณ lidelia อ่านต่อเลยค่า

คุณ dahlia อานนท์มีความหลัง แต่ไม่รู้ว่าที่คุณหมอจะช่วยได้หรือเปล่านะ อิอิ

คุณ sukie_moo เชิญอ่านต่อเล้ย สงสัยจะเป็นอย่างที่คิด

คุณ anajulia ขอบคุณที่แวะเข้ามานะคะ ดีใจที่ชอบ แล้วแวะเข้ามาอีกน้า

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เรื่องที่ 3 (ต่อ) 


อานนท์ค่อยๆ กลับเข้าสู่ภาวะปกติ กิจวัตรของเขาดำเนินไปเหมือนเดิม แต่ผมก็ไม่แน่ใจเสียทีเดียว เพราะเหมือนหมอกไปสะกิดใจให้เขาคิดถึงเรื่องที่คงอยากจะลืม ดังนั้นถึงตอนนี้อานนท์จะทำทุกอย่างเหมือนๆ เดิม แต่เขาก็เหม่อหนักกว่าเดิม พอดีว่าหมอกเองก็หายหน้าหายตาไป ถ้าอานนท์อยากจะคุยก็ไม่รู้จะคุยกับใครแล้วล่ะตอนนี้

หลังจากนั้นไม่กี่วันผมก็เห็นวัตถุประหลาดมาแขวนไว้ตรงมุมรั้วข้างบ้าน เอาเข้าจริงมันก็คงไม่ใช่ของแปลก เป็นชะลอมอันเล็กๆ น่ะ แต่มันไม่ใช่สิ่งที่ควรมาแขวนอยู่ริมรั้วนี่นา

ผมลองเดินไปดมๆ ดูก็พอดีกับที่อานนท์หยิบมันขึ้น และพบว่าในชะลอมนั้นมีผลเชอรี่อยู่เกือบเต็ม เขามองของในมือนิ่งอยู่ครู่ก่อนจะเหลียวซ้ายแลขวา
 
“ออกมาเถอะหมอก” อานนท์ว่า

เพื่อนบ้านค่อยๆ โผล่หัวขึ้นมาจนพ้นกำแพงรั้ว ยิ้มเหมือนเด็กที่ถูกจับได้ว่าทำผิด

“ก็ผมไม่รู้ว่าพี่ยังโกรธอยู่หรือเปล่านี่ครับ”

“ผมไม่เคยโกรธหมอกนะ” อานนท์บอก “หมอกเสียอีกหายไปตั้งหลายวัน”

“อ้อ คุณพ่อให้ผมไปธุระต่างจังหวัดด้วยกะทันหันครับ เรื่องที่ดินอะไรก็ไม่รู้” หมอกว่า “แต่ก็ดี ได้เชอรี่มาฝากพี่ กินแล้วอารมณ์ดีน้า”

อานนท์ยิ้มนิดๆ หมอกเลยย้ำ “อารมณ์ดีจริงๆ ผลวิจัยทางการแพทย์ออกมาแล้วว่ากินเชอรี่นี่แก้อาการซึมเศร้าได้ชะงัด”

เห็นอานนท์เงียบไปเขาก็รีบเสริมเป็นพัลวัน “ผมไม่ได้ว่าพี่ซึมเศร้านะครับ ผมแค่อยากให้พี่...”

“... มีความสุข เหรอ” อานนท์ต่อให้เบาๆ

หมอกยืนคอตก “...ก็... ครับ”

“ผมดูไม่มีความสุขขนาดนั้นเชียว”

“ไม่เชิงหรอกครับ เวลาอยู่กับสีหมอก หรือว่าเวลาเขียนหนังสือ พี่ก็ดูโอเค แต่ถ้านอกจากนี้...” แล้วเขาก็เงียบไปอีก

อานนท์มองหมอกนิ่งอยู่อีกครู่แล้วจึงบอก “เอาเถอะ... จะเข้ามามั้ย”

หมอกรับคำอย่างดีใจ แป๊บเดียวเขาก็มายืนยิ้มอยู่ตรงประตูรั้วหน้าบ้าน ถึงหมอกจะชื่อเหมือนผมแต่ผมว่านิสัยเขาไม่เหมือนแมวหรอก อาจจะเหมือนหมามั้ง โดนดุก็หงอย แล้วก็กลับมาร่าเริงได้อย่างเก่า

เข้ามาในบ้านแล้วผมก็โดดขึ้นนั่งบนโซฟาตัวเดียวกับอานนท์ หมอกเดินอย่างออกจะเกรงใจเข้ามานั่งตรงข้าม อานนท์เงียบอยู่พักหนึ่งจึงเอ่ยปาก

“หนังสือกฎหมายที่หมอกเห็น เป็นของผมเอง”

หมอกเงยหน้าขึ้นอย่างแปลกใจ “พี่จบ... นิติ แต่มาเขียนหนังสือเหรอครับ”

“เปล่า ผมจบศิลปศาสตร์ แต่... ผมทิ้งหนังสือพวกนั้นไม่ได้” อานนท์พูดเบาๆ “หมอกจำได้ไหมที่เคยบอกผมว่าหมอกเรียนหมอเพราะคุณพ่อ... ผม... ก็เรียนนิติเพราะพ่อเหมือนกัน แม่เสียตั้งแต่ผมยังเล็ก ผมก็มีแต่พ่อเท่านั้น”

หมอกนิ่งฟัง อานนท์พูดต่อไปเรื่อยๆ

"พ่อของผมเป็นผู้พิพากษา ผมเลือกเรียนนิติตามพ่อ พ่ออยากให้ผมมีอาชีพทางนี้มาตลอด แต่ปีแรก แค่ปีเดียว ก็ทนไม่ไหว ผมซิ่วโดยไม่ได้ปรึกษาพ่อ ไปเข้าคณะศิลปศาสตร์ เรียนแล้วมีความสุข แต่มันมีความสุขอยู่บนความทุกข์ที่ว่าพ่อรู้แล้วจะว่ายังไง"
 
สำหรับผมแล้ว อานนท์เป็นนักเขียนมาตลอด ผมรู้จักแต่อานนท์ที่เขียนหนังสืออยู่ในบ้านหลังเล็ก ผมไม่เคยรู้จักอานนท์คนก่อนหน้านี้เลย

"พอผมขึ้นปีสอง พ่อก็หัวใจวายกะทันหัน ท่านเสียไปโดยที่ไม่รู้ว่าผมย้ายคณะแล้ว ท่านเสียไป... โดยที่ยังคงเข้าใจว่าผมจะจบและสอบเป็นผู้พิพากษาตามรอยท่าน เรื่องนั้นผมก็เสียใจมากพออยู่แล้วที่ไม่มีโอกาสได้บอกความจริงกับพ่อตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ แต่พวกญาติๆ สิ..."
 
อานนท์หยุดพูด เขาสูดลมหายใจลึกก่อนจะพูดต่อ

"ทุกคน... ด่าว่าผม หาว่าพ่อคงรู้ว่าผมนอกคอก ไปเข้าคณะขีดๆ เขียนๆ แทนที่จะอยู่นิติศาสตร์เหมือนเดิม ท่านคงเสียใจจน..."

"ไม่ยุติธรรมเลย" หมอกพูดเบาๆ

"แต่มาคิดๆ ดูแล้ว ตอนนั้น... ถ้าผมมีความรู้ทางกฎหมายอยู่คงดีไม่น้อย"

"พี่หมายความว่า..."

"เงินมรดก ทรัพย์สินต่างๆ บ้าน ที่ดิน... ญาติๆ เขาเอาไปหมด พ่อเสียกะทันหันจนไม่ได้ทำพินัยกรรม เหมือนโชคชะตาเล่นตลก พ่อเป็นถึงผู้พิพากษา รู้กฎหมายดีที่สุด แต่กลับไม่มีพินัยกรรม"

"แต่พี่เป็นลูกชายคนเดียว..."

"ผมเป็นทายาทโดยธรรมลำดับแรก ความจริงแล้วคนที่ไม่มีสิทธิควรจะเป็นพี่ๆ น้องๆ ของพ่อมากกว่าใช่ไหม แต่บอกตามตรงเวลานั้น ผมไม่มีแก่ใจจะคิดถึงอะไร ผมไม่มีแก่ใจจะทวงมรดก ไม่มีแก่ใจจะทำอะไรทั้งนั้น... เวลาอยู่ในศาล เขาฟ้อง เขาแก่งแย่ง เขาอ้างสิทธิกัน...  แต่ผมแทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น"

"พี่..." หมอกครางอย่างสงสาร ผมก็เป็นไปด้วย ผมเอาแก้มถูเข้ากับแขนของอานนท์เบาๆ
 
"พี่ผ่านมาได้ยังไงครับ ช่วงเวลาเลวร้ายอย่างนั้น..."

ผมเห็นหมอกน้ำตาคลอ ในขณะที่คนเล่าเองยังไม่มีน้ำตาสักหยดด้วยซ้ำไป แต่... มันคงไหลจนเกินจะไหลแล้ว น้ำตาที่ไหลอยู่ข้างใน ใครจะเห็นบ้าง

"ผมเจอเจ้านี่ไง" อานนท์ยิ้มบาง เขาลูบผมที่นั่งอยู่ชิดตัวอย่างรักใคร่ "ผมเจอสีหมอก"

   
วันนั้นฟ้าครึ้มเป็นสีเทา ฝนตกปรอยๆ... ตกมานานจนผมลืมไปแล้วว่าเริ่มตกตั้งแต่เมื่อไหร่ ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่พอจะกำบังฝนที่ไม่หนาเม็ดนักได้บ้าง แต่ก็ยังรู้สึกถึงละอองฝนที่ลอดผ่านใบไม้ กระเซ็นขึ้นจากแอ่งน้ำรอบๆ ลังที่ผมอยู่ข้างใน พยายามจะใช้สองเท้าหน้ายันขอบลังไว้แม้จะโดดออกมาไม่พ้น
 
เด็กหนุ่มร่างผอมบางเดินช้าๆ อยู่ในซอย ดูจะไม่รับรู้ถึงเม็ดฝนที่ตกลงมา เขากำสายกระเป๋าสะพายเอาไว้ ก้มหน้ามองพื้น เดินต่อไปช้าๆ...

แต่เขาไม่ได้เดินเลยผ่านไปอย่างคนอื่นๆ ผมที่ร้องจนเสียงแห้งยังแปลกใจที่เห็นขาคู่หนึ่งในกางเกงดำมาหยุดอยู่ตรงหน้า
   
เขาหยิบร่มออกมากาง ผมถึงได้รู้ว่าเขามีร่มด้วย... ถ้ามีร่มแล้วทำไมถึงได้เดินตากฝนมาตั้งนานนะ

“ฉันชื่ออานนท์” เขาบอกก่อนจะอุ้มผมขึ้นมาด้วยมือเดียว “เจ้าสีเทา เจ้าคงยังไม่มีชื่อ ให้ฉันตั้งให้เอามั้ย ฉันคิดชื่อเก่งนะ เพราะฉันเป็นนักเขียน”

พอมาย้อนคิดดูแล้ว ถ้าผมเองไม่ทั้งเบลอทั้งหนาวสั่นอยู่ละก็ คงคิดว่าอานนท์ออกจะแปลกอยู่เหมือนกัน พูดกับแมวได้เป็นคุ้งเป็นแคว แต่เขาอาจจะเหงาอยู่ก็ได้

แต่ตอนนั้นผมก็แค่ดีใจ... ที่มีคนสังเกตเห็นผม อุ้มผมขึ้นมาจากลังกระดาษเปียกแฉะที่ก้นเริ่มจะมีน้ำขัง และพูดกับผมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

แล้วตอนนั้นเขาก็คงยังไม่ได้เป็นนักเขียนเต็มตัวหรอก แต่การยืนยันตัวตนกับสิ่งมีชีวิตที่ไม่เถียงเขากลับและพร้อมจะเชื่ออะไรก็ตามที่เขาบอกคงน่าอุ่นใจอยู่ไม่น้อย...

"ไม่เป็นไรนะ" เขาพูด ผมรักน้ำเสียงเขาตั้งแต่ตอนนั้น "สีหมอกไม่ใช่แมวถูกทิ้ง สีหมอกจะมาเป็นแมวของฉัน..."

     

ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมอานนท์ถึงไม่มีเพื่อน ทำไมเขาถึงดูจะไม่สนิทกับใครเลย ทำไมถึงได้ปิดกั้นตัวเอง เพราะขนาดคนเป็นญาติยังทำกับเราได้ขนาดนี้ เขาคงขยาด ไม่อยากเชื่อใจใครอีก

แต่อานนท์ที่สูญเสียมาเยอะขนาดนั้นกลับอุ้มผมที่ถูกทิ้งขึ้นมา... อานนท์เห็นลูกแมวตัวเล็กๆ ขะมุกขะมอมจากในลังเก่าขณะที่คนอื่นเดินผ่านไปเฉยๆ
 
ผมอดภูมิใจที่ได้เป็นแมวของอานนท์ไม่ได้

“พี่... ไม่คิดจะฟ้องร้องกลับบ้างหรือครับ อย่างนี้มันก็เท่ากับว่าพี่ถูกโกง... เขาเรียกว่าอะไรนะ ย้าย... ปิดบังมรดก อะไรสักอย่างนี่แหละ” หมอกดูร้อนใจกว่าเจ้าของทรัพย์สินจริงๆ เสียอีก “พี่ไม่คิดจะทวงส่วนที่ควรเป็นของพี่คืนมาบ้างเลยเหรอครับ”

“เรื่องมันก็ผ่านมาตั้งนานแล้ว ผมไม่ผูกใจอะไรอีกแล้ว ถ้าเขาอยากได้ ก็เอาไปเถอะ ป่านนี้อาจจะเล่นแร่แปรธาตุจนตามยากแล้วก็ได้” อานนท์พูดเรื่อยๆ “ผมเหนื่อย... ไม่อยากจะรื้อฟื้นอะไรขึ้นมาอีก”

บางที ถ้าอานนท์ต้องขึ้นศาลอีก ก็ไม่รู้ว่าจะต้องถูกโจมตี ถูกทำลายจากฝั่งนั้นมากเท่าไหร่ เพื่อแสดงว่าเขาเป็นลูกอกตัญญู เขาคงอยากอยู่อย่างสงบ ทำงานที่เขารักโดยไม่ต้องถูกกล่าวหาว่าเป็นสาเหตุการตายของพ่ออีก
 
“ทั้งหมดผมก็เหลือแค่เงินในบัญชีที่พ่อเคยฝากประจำให้ตลอด พอจะเอามาซื้อบ้านหลังเล็กๆ กับจ่ายค่าเทอม... เสื้อผ้าข้าวของติดตัวมาอีกนิดหน่อย อ้อ แล้วก็ไวโอลินด้วย”

อานนท์ยิ้มนิดๆ

ผมไม่แน่ใจว่าทำไมอานนท์ถึงเอาเงินมาซื้อบ้านก่อนแทนที่จะอยู่ห้องเช่าหรืออยู่กับคนอื่น อาจเป็นเพราะเขาอยากมีที่ที่กลับไปแล้ว รู้สึกว่าเป็นของเขาเองจริงๆ ละมัง

“หมอกรู้ไหมผมเริ่มเขียนหนังสือจริงจังตั้งแต่ตอนนั้นเอง แต่เขียนหนังสือเพื่อหารายได้ เพื่อให้มีกิน มันไม่เหมือนกับเขียนด้วยอารมณ์เพ้อฝัน ผมชอบเขียนบทกวี แต่ผมไม่ได้เขียนอีกเลยจนถึงวันนี้ เพราะมันขายไม่ได้ ช่วงนั้นผมเขียนทุกอย่าง คอลัมน์ เรื่องสั้น ปกิณกะ”

“แต่ตอนนี้พี่ก็เป็นนักเขียนอิสระได้อย่างที่ตั้งใจแล้วนี่ครับ”

“อิสระเหรอ... ก็ยังมีใบสั่งมาว่าอะไรขายได้อะไรขายไม่ได้อยู่ดีแหละนะ”

“ผมไม่เชื่อว่าพี่เขียนหนังสือเพื่อให้ขายได้อย่างเดียวหรอก ผมเคยอ่านหนังสือของพี่แล้ว เป็นหนังสืออ่านนอกเวลาได้สบายๆ เลย”

“นี่หมอกชมผมแล้วเหรอ” อานนท์ยิ้มออกมาอีกนิดหน่อย “หนังสืออ่านนอกเวลามีแต่คนบ่นว่าอ่านแล้วหลับ”

“แหะ จริงๆ ตอนนั้นผมก็ไม่ได้ตั้งใจเรียนวิชาภาษาไทยเท่าไหร่” หมอกเกาหัว “คือผมหมายถึง คงเป็นงานที่เรียกได้ว่าอะไรนะ เป็นวรรณกรรม... จรรโลงใจ พวกสร้างสรรค์สังคมอะไรอย่างนั้นน่ะครับ”

“บางทีผมก็ท้อนะ... คิดถึงพ่อ พ่อยังไม่เห็นด้วยกับการที่ผมเลือกเส้นทางนี้หรือเปล่านะ มันถึงได้ไม่มีอะไรราบรื่นเลย แต่แล้วผมก็ตัดสินใจว่า มาถึงตอนนี้ ทำได้อย่างเดียวก็คือ ตั้งใจเขียนงานให้ดีที่สุดเท่านั้น เพราะถ้ามันเป็นงานที่ผมบอกตัวเองว่าภูมิใจได้ละก็ พ่อก็คงจะเห็นความพยายามของผมบ้าง... เหมือนกัน”

หมอกเอื้อมมือข้ามโต๊ะมาหาอานนท์ ตอนแรกผมนึกว่าเขาจะแตะตัว แต่ก็กลับเปลี่ยนใจเอากลางคันมาจับตัวแมวแทนซะงั้น เขาก้มหน้าพูดเบาๆ

“ผมว่าพ่อพี่... ต้องภูมิใจในตัวพี่แน่ๆ เลยครับ ผมเชื่ออย่างนั้น”

อานนท์ยิ้ม “ขอบใจมากนะหมอก”


ตั้งแต่เกิดเรื่อง อานนท์คงยังไม่เคยเล่าให้ใครฟังหมดเช่นนี้มาก่อน เมื่อได้พูดเรื่องในใจออกไปบ้างแล้วก็ดูจะสบายใจขึ้น
 
หลังจากวันนั้นหมอกก็กลับมาเป็นแขกประจำที่บ้านอานนท์ดังเดิม เขาเห็นอานนท์ชอบกล้วยไม้ก็ซื้อมาฝาก แล้วก็เลยขลุกอยู่ช่วยต่อ
 
“ความจริงผมเห็นเอื้องอยู่ชนิดหนึ่งสวยมากเลยครับ แต่คนขายบอกว่าอย่าซื้อเลย เพราะเดี๋ยวจะตายเปล่า เห็นว่ามาจากที่สูงมาก คนขายบอกว่าเดี๋ยวลูกค้าประจำที่เขามีเรือนกล้วยไม้จะมารับไป ผมเห็นพี่ชอบแขวนไว้ข้างนอกก็เลยเอาพวกที่ทนร้อนได้หน่อยมา...”

“คนขายพูดถูกแล้วล่ะ ผมไม่ได้มีห้องควบคุมอุณหภูมิอะไร ถ้าเอากล้วยไม้เขตหนาวมา เลี้ยงได้แป๊บเดียวก็คงไม่รอด กล้วยไม้น่ะปรับตัวไม่เก่งหรอก เคยอยู่ยังไงก็อยากจะอยู่อย่างนั้น”

“เหรอครับ ไม่เหมือนผมนะ เลี้ยงง่าย ตายยาก...” หมอกยิ้มหน้าเป็น

ผมว่าใครเห็นหมอกยิ้มก็คงอยากจะยิ้มตามทั้งนั้นแหละ พักนี้อานนท์ก็ยิ้มบ่อยขึ้นเมื่อมีหมอกมาป้วนเปี้ยน

ดี แบ่งเบาหน้าที่ผมไปบ้าง ไม่งั้นก็มีแต่ผมคนเดียวที่ต้องคิดกิจกรรมคลายเครียดให้อานนท์ โดดชาร์จหัวแม่เท้าเขาบ้าง ไล่ตะปบเศษกระดาษที่ปาไม่ลงถังบ้าง เหนื่อยเหมือนกันนะเนี่ย แต่อานนท์คงไม่รู้หรอก มัวแต่จะขำผม

อานนท์ใส่เสื้อแขนสั้น พอยกแขนขึ้นจัดการกับกระถางกล้วยไม้เสื้อก็ร่นลง หมอกจ้องนิ่งอยู่อึดใจ

"พี่อานนท์ ทำไมแขนช้ำยังงั้นล่ะครับ" เขาว่า หมอกนี่ก็ช่างสังเกตจริงๆ "ถ้าบอกว่าพี่เป็นคนซุ่มซ่ามผมไม่เชื่อแน่ๆ"

อานนท์พลิกดูแขนตัวเองเหมือนเพิ่งเห็น
 
"เออ นั่นสินะ ผมก็เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เด็กๆ แล้วละ ไม่เป็นไรหรอกมั้ง ไม่งั้นก็คงไปชนอะไรมาจริงๆ แหละ อาจจะไม่รู้ตัวก็ได้"

“พี่มีโรคประจำตัวอะไรไหมครับ”

“หึ คุณหมอจะซักประวัติผมแล้วหรือ ไม่มีหรอก ถ้าเคยป่วยก็ป่วยตามปกติคนทั่วไป เป็นหวัดอะไรอย่างนี้”

“พี่ตรวจร่างกายครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่” หมอกถาม พออานนท์นิ่งเขาก็ว่า “ควรจะตรวจปีละครั้งนะครับ ไปโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยผมก็ได้ ผมพาไปเอง”
 
“ผมว่าไม่จำเป็น...” อานนท์ตั้งท่าจะปฏิเสธแต่หมอกร้องขึ้นเสียก่อน

“โอ๊ะ พี่อานนท์ เลือดกำเดา...”

อานนท์ยกหลังมือแตะดู ไม่ได้มีท่าทีตกใจอะไร
 
“ปกติน่ะ เหมือนเส้นเลือดฝอยในจมูกผมจะเปราะละมัง ไหลอยู่บ่อยๆ”

“ผมว่าข้างนอกนี่มันร้อนนะครับ พี่เข้าบ้านก่อนเถอะ”

หมอกจัดให้อานนท์นั่งแล้วเงยหน้าขึ้น เอานิ้วบีบจมูกไว้ในขณะที่เขาไปหาน้ำแข็งมาประคบ สักพักใหญ่นั่นแหละเลือดถึงได้หยุด

“ผมว่าพี่ไปหาหมอเช็คดูหน่อยดีมั้ยครับ” เขาว่าด้วยน้ำเสียงติดจะกังวล “ผมจะบอกคุณพ่อไว้ก็ได้”

“ไม่เป็นไรหรอก... ผมก็เป็นอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว ไม่ได้เป็นอะไรหรอกน่า” อานนท์ว่า

หมอกยังมองอย่างห่วงๆ เขากวาดสายตาขึ้นลงเหมือนจะใช้ความรู้ที่เรียนแพทย์มาสองปีประเมินว่าร่างกายอานนท์มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า แต่ดูจะหาไม่ได้เลยพูด
 
“ถ้ามีปวดหัวหรือว่าอาเจียนขึ้นมานี่โทรหาผมเลยนะครับ ผมจะพาพี่ไปโรงพยาบาล”

อานนท์ก็มองหมอกนิ่งๆ อยู่เหมือนกัน จนเจ้าตัวยกมือขึ้นเกาท้ายทอยอย่างเขินๆ “ม... มีอะไรรึเปล่าครับ”

“ก็เปล่า... เพียงแต่ ผมไม่ชิน...”

อานนท์พูดแค่นั้น แต่ดูหมอกก็จะเข้าใจดี เขายิ้มอ่อนโยน

“พี่อานนท์ กล้วยไม้จากถิ่นเดิมมา ถึงจะไม่คุ้น แต่ถ้าได้การเอาใจใส่ดูแล ผมว่าอยู่รอดนะ อยู่ได้ดีด้วย พวกกล้วยไม้น่ะใจสู้จะตายไป”

อานนท์หัวเราะเบาๆ ส่วนผมคิดว่า ถึงอานนท์จะไม่ชิน ก็ควรทำตัวให้ชินได้แล้ว

กับการเอาใจใส่ดูแลแล้วก็... ห่วงใยน่ะ


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เรื่องนี้ยังเหลืออีกสองตอนกว่าจะจบนะเนี่ย อาจจะยาวสุดในทั้งสี่เรื่อง
ขอบคุณที่แวะเข้ามานะคะ
  :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-10-2011 03:17:31 โดย เดหลี »

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
 :impress3:
หงิงๆ
 :impress2:
อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาา

 :กอด1:
ขอบคุณนะสีหมอก ขอบคุณมากที่ทำให้อานนท์ยังยืนอยู่ได้ และยังเขียนหนังสือต่อมา


.
.
ข้าพเจ้า....อิน!

ปล.พอมาอ่านเรื่องของอานนท์ เจ้ายรรยากาศงุ้งงิ้งหัวใจจากเรื่องที่สองหลุดออกจากขะหมองหมดเลยล่ะค่ะ Y_Y

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
อานนท์ต้องป่วยเป็นอะไรซักอย่างแน่ ๆ เลย     


พวกญาติ ๆ นั่นก็ เลวนะ โกงกันหน้าด้าน ๆ

 :z6: :z6: :z6:

ออฟไลน์ MiSS-U

  • {^o^} {^3^}
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2800/-11
เพิ่งได้มาอ่านครั้งแรกก็เรื่องที่3แล้ว

ชอบมากค่ะน่ารักทุกเรื่องเลย  เรื่องล่าสุดแอบเศร้าซึม

แต่ก็ดูอบอุ่นค่ะ  รอติดตามต่อนะคะ

 o13

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
อานนท์ เค้าอยากดูแลอานนท์บ้างอ่ะ

โฮววววววววววววววว เคะสูงอายุที่เค้าชื่นชอบ

ออฟไลน์ เดหลี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +254/-3
เรื่องที่ 3 (ต่อ)

พักนี้หมอกมีหัวข้อเรื่องใหม่ที่เขาพูดทุกวัน ก็คือการไปสอบใบขับขี่ เขายังว่าขับรถเป็นตั้งนานแล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้ไปสอบให้ได้ใบขับขี่เท่านั้น

“ถ้าผมสอบผ่านแล้ว พี่ต้องไปฉลองกับผมนะครับ”

“มีรถของตัวเองแล้วเหรอไง” อานนท์ยิ้ม

“แหะ ก็ยืมที่บ้านมาใช้ก่อนน่ะครับ” หมอกว่า “ถ้าผมได้ใบขับขี่แล้ว พี่จะไปไหนมาไหน เรียกผมได้เลยไม่ต้องเกรงใจ”

“ผมนี่โชคดีจริง อยู่ๆ ก็มีสารถีอย่างนี้”

“ผมเป็นคนขับรถให้พี่ตลอดเลยก็ได้นะครับ ถ้าพี่โอเค” เขาว่า
 
อานนท์ชะงัก เขาเงยหน้าขึ้นมองคนข้างบ้าน ในขณะที่อีกฝ่ายเกาหัวอย่างเขินๆ
 
“ผมไม่อยากกวนหมอกถึงขนาดนั้นหรอก” อานนท์บอก

“กวนที่ไหนกันล่ะครับ โอเคนะ สัญญาแล้วนะ” หมอกสรุปเองแล้วก็หัวเราะร่า

สัปดาห์ถัดมาผมก็เห็นรถเก๋งกลางเก่ากลางใหม่คันหนึ่งเคลื่อนมาจอดหน้าบ้าน คนที่ลงมายิ้มแป้นในมือโบกบัตรใบเล็กๆ จะเป็นใครเสียอีกล่ะ

“พี่อานนท์ วู้” เขาตะโกนอยู่หน้าบ้าน ก่อนจะนึกได้แล้วถลามากดกริ่งเหมือนเคย ผมโดดลงจากขอบหน้าต่างที่สังเกตการณ์อยู่เมื่อกี้ก็พอดีว่าอานนท์เดินออกไปเปิดประตูให้

“นี่ครับ ใบอนุญาตขับรถ” หมอกถือบัตรนั่นสองมือยื่นให้อานนท์ดู ท่าทางตื่นเต้นซะไม่มี “ไปเลยมั้ย วันนี้พี่ว่างใช่มั้ยครับ”

“หมอกก็รู้อยู่แล้วนี่” อานนท์ส่ายหน้าน้อยๆ เมื่อวานผมได้ยินอานนท์พูดโทรศัพท์กับหมอกว่าเขาเพิ่งส่งงานและพักนี้ก็ไม่ได้ไปไหน หมอกคงถามล่วงหน้าเพราะไปสอบมาแล้วนั่นเอง พอได้ใบขับขี่เขาก็รีบมาอย่างที่เห็น

“โทษนะครับพี่ รถเก่าไปนิด คุณพ่อบอกว่าให้ผมขับคันนี้ไปก่อน” หมอกพูดไปยิ้มไป ไม่รู้ว่าเพราะได้ใบขับขี่หรือเพราะจะได้ไปเที่ยวกับอานนท์กันแน่ “พี่อยากไปไหน บอกมาเลย”

อานนท์ยิ้มขัน เขาว่า “ผมไปเก็บของข้างในแป๊บนึง หมอกรออยู่นี่แหละ”

“งั้นผมสตาร์ทรถไว้ก่อนเลยนะครับ” หมอกพูดก่อนจะเดินแกมวิ่งไปทำอย่างที่บอก

อานนท์เข้าบ้านมาเก็บแก้วกาแฟจากโต๊ะเขียนหนังสือจะไปไว้ในห้องครัว แต่เจ้ากรรมอะไรไม่รู้เขาสะดุดขอบพรมที่เลิกขึ้นโดยไม่ทันสังเกตจนเสียหลัก แก้วกาแฟกับจานรองร่วงแตกกระจาย ตอนพยายามจะทรงตัวให้อยู่ก็ไปเหยียบเอากาแฟที่ไหลเปื้อนพื้นจนล้มลงไปจริงๆ

ผมร้องลั่น แก้วบาดเท้ากับฝ่ามือรวมทั้งข้อมืออานนท์ลึกเป็นทางยาว แต่นั่นไม่น่าตกใจเท่ากับเลือดที่ไหลออกมามากและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่ายๆ ตั้งแต่มาอยู่กับอานนท์ ผมไม่เคยเห็นเขาได้แผลมาก่อน แต่บางอย่างทำให้ผมรู้ว่านี่ไม่ใช่ธรรมดาแน่ๆ

หมอกพรวดพราดเข้าบ้านมาพอดี ไม่รู้ว่าเพราะได้ยินเสียงแก้วแตกหรือด้วยสังหรณ์ใจอะไรบางอย่าง
 
"พี่อานนท์ พี่อานนท์!" เขาร้อง ผวาเข้าหา พยายามประคองร่างที่อยู่บนพื้นขึ้น "พี่อานนท์... ได้ยินผมไหมครับ"

"ผม... ไม่เป็นไรหรอก แค่แก้วบาด" อานนท์พยายามพูด ผมแง้วอย่างใจชื้น แต่แล้วก็ใจที่มาก็หล่นลงไปกองอยู่ตาตุ่มอีกเมื่อเขาทำท่าจะฟุบ

"แค่แก้วบาดทำไมเลือดออกเยอะอย่างนี้ละครับ" หมอกพูดเสียงตื่น มือที่จับไหล่อานนท์อยู่สั่น "ไปโรงพยาบาลดีกว่า"

หมอกพยายามห้ามเลือดไว้ก่อนโดยเอาผ้าเช็ดหน้ามาพับทบแล้วกดที่ปากแผล แต่ไม่นานเลือดก็ซึมออกมาจนผ้าชุ่ม หมอกหน้าซีดกว่าคนเจ็บเสียอีก เขาเพิ่มแรงกดที่ปากแผลแล้วช้อนตัวอานนท์ขึ้นอุ้ม

ผมเห็นเลือดไหลเลอะเต็มเท้าอานนท์จนนองพื้น เลือดหยดเป็นทางทั้งจากเท้าและมือเขาจนถึงรถที่หมอกคากุญแจเอาไว้ ผมรีบวิ่งไปหน้าประตู ถึงจะทำอะไรไม่ได้ แต่ผมก็หวังสุดใจให้อานนท์ปลอดภัย


ตกเย็นกว่าที่หมอกจะกลับมา และกลับมาเพียงคนเดียว เขาเดินไหล่ลู่ไปปิดประตูรั้ว ล็อกจนเรียบร้อยก่อนจะเปิดประตูเข้ามาเห็นผม

“โทษทีนะสีหมอก” เขาพูดเสียงล้า “พี่อานนท์ยังกลับมาวันนี้ไม่ได้ ต้องค้างโรงพยาบาล”

หมอกจับฝ่าเท้าผมพลิกดูทั้งสี่ข้างจนพอใจว่าไม่ได้มีแผล ก่อนจะลงมือกวาดเศษแก้วแล้วเช็ดพื้น ผมเห็นเขาขมวดคิ้วมุ่นเมื่อซักผ้าแล้วน้ำเปลี่ยนเป็นสีคล้ำของเลือด แต่ก็ทำต่อจนสะอาดเอี่ยม แล้ววางอาหารให้ผม

“พี่อานนท์อยู่มาคนเดียวโดยที่เป็นโรคนี้แถมยังไม่รู้ตัวอีก” หมอกพูดเบาๆ เหมือนพูดกับตัวเองมากกว่า “คุณพ่อก็ไม่อยู่ ไม่อย่างนั้นจะฝากให้เป็นคนไข้ประจำเสียเลย”

แล้วเขาก็ถอนใจเฮือก ผมฟังไม่ค่อยรู้เรื่องนัก อานนท์มีโรคประจำตัวด้วยหรือ เท่าที่เห็นผ่านมาเขาก็ไม่แสดงอาการอะไร ดูออกจะปกติดีทุกอย่าง
   
“ฉันกลับไปโรงพยาบาลล่ะ... พรุ่งนี้เช้าจะกลับมาหาข้าวให้กินนะ” หมอกบอก เขาลูบหัวผมเบาๆ “คิดถึงพี่อานนท์เหรอ เดี๋ยวพี่เขาก็กลับแล้ว”

ผมรู้ว่าเขาตั้งใจจะปลอบ แต่อดคิดไม่ได้ว่าเขากำลังยืนยันกับตัวเองด้วยเหมือนกัน

แน่นอน อานนท์ต้องได้กลับบ้านสิ

สี่วันผ่านไปโดยที่หมอกเทียวไปเทียวมาระหว่างบ้านตัวเอง บ้านอานนท์ และโรงพยาบาล ซื้ออาหารมาให้ผม เก็บของไปให้อานนท์บ้าง ข่าวดีก็คือคุณพ่อของหมอกกลับมาแล้วตั้งแต่เมื่อวานและได้ตรวจอานนท์อย่างละเอียด หมอกดูสบายใจขึ้น ไม่เหมือนวันแรกที่เขาทำท่าราวโลกจะถล่ม ผมเลยถือเป็นสัญญาณว่าอานนท์คงใกล้หายดีแล้ว

ช่วงเช้าของวันที่ห้าผมรอหมอกอยู่หน้าประตูบ้านเหมือนเคยเมื่อได้ยินเสียงรถ แต่เมื่อประตูเปิดออกผมก็ต้องร้องอย่างดีใจ หมอกพยุงอานนท์ที่ยังเดินไม่ถนัดนักเพราะแผลที่เท้าเข้ามาด้วย
 
อานนท์ยิ้มให้ผมแล้วหยุดลูบตัวผมเบาๆ ด้วยมือข้างที่ไม่เจ็บ ผมรู้ว่าเขาคิดถึงผม ผมก็คิดถึงเขามากๆ เหมือนกัน ผมเดินตามทั้งคู่ไปจนถึงโซฟาที่หมอกค่อยๆ ประคับประคองให้อานนท์นั่งลง

“วันนี้พักผ่อนก่อนนะครับ อย่าเพิ่งขยับตัวอะไรมาก”

“ผมรู้สึกแปลกๆ ยังไงไม่รู้ ต้องมาอยู่เฉยๆ แบบนี้” อานนท์ว่า
 
“หลับก็ได้ครับ เดี๋ยวผมอยู่ด้วยเอง จนกว่าแผลจะหายพี่ห้ามทำอะไรที่ออกแรงนะ”

“แย่เนอะ ถ้าเป็นคนอื่นแผลแก้วบาดแค่นี้คงธรรมดา”

“แต่พี่ไม่ใช่นี่ครับ เป็นแบบนี้ก็ต้องระวังตัวให้มากกว่าปกติ แล้วคราวนี้ผมว่าแผลมันก็ลึกอยู่นะ ยิ่งพี่เป็นโรคนี้เลือดยิ่งหยุดไหลยากเข้าไปใหญ่”

พอฟังๆ ไปจากที่หมอกคุยกับอานนท์ผมก็จับใจความได้ว่ามันเป็นโรคที่ติดตัวอานนท์มาตั้งแต่เกิด หมอกเรียกว่าฮีโมฟีเลีย... ผมก็เพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก

คนเป็นโรคนี้จะขาดสิ่งที่ทำให้เลือดแข็งตัว แต่เพราะอานนท์ไม่ได้เป็นโรคนี้ระดับรุนแรงและอาจจะยังไม่เคยเจออุบัติเหตุที่ทำให้เลือดออกมากจนหยุดเองได้ยากมาก่อนก็เลยไม่รู้ว่าตัวเองเป็น

“ไม่แปลกนะครับ” หมอกว่าอย่างนั้น “จริงๆ แล้วคนที่ยังไม่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นน่ะมีเยอะ รู้ว่าเป็นก็ดีแล้วครับ จะได้ระวังรักษาตัวเอาไว้”

“แต่มันก็รักษาไม่หาย...”

“ตอนนี้ยังไม่มีวิธีรักษา... แต่ระดับที่พี่เป็นนี่ถือว่าเบา ระวังตัวหน่อย ก็ใช้ชีวิตแบบคนปกติได้สบายๆ ” หมอกยิ้มเหมือนจะบอกให้อานนท์วางใจ ก่อนจะเอ่ยติดตลก “ใครจะรู้ ต่อไปผมอาจจะค้นพบวิธีรักษาก็ได้”

เขากวาดตามองไปรอบๆ ห้องแล้วเอ่ยต่อ
 
“เดี๋ยวผมจะเอาฟองน้ำกับกระดาษกันกระแทกมาหุ้มขอบโต๊ะที่เป็นมุมแหลมๆ พวกนี้ กลัวพี่ไปชนเข้า เราต้องระวังอาการช้ำด้วย ความจริงมันมีวิธีให้พลาสม่าที่บ้านในกรณีเลือดออก... เอาพลาสม่าผงมาเก็บไว้ในตู้เย็นแล้วถ้าจะใช้ค่อยละลายด้วยน้ำกลั่น เดี๋ยวผมจะปรึกษาคุณพ่อดูอีกทีว่าจำเป็นขนาดไหน...”

หมอกชะงักเมื่ออานนท์เริ่มหัวเราะ นักเขียนผู้มีจินตนาการสูงอยู่ตลอดบอก “เหมือนแวมไพร์เลย มีเลือดเก็บไว้ที่บ้านแล้วพอขาดเลือดก็เอามาฉีด...”

“พี่อานนท์ มันไม่ใช่เรื่องตลกนะครับ” หมอกว่าเสียงเข้ม

“อะ... ขอโทษที” อานนท์พูด แต่ก็ยังยิ้มอยู่นิดๆ
   
“พี่ไม่รู้หรอก ตอนผมเข้ามา เลือดแดงฉานไปหมด หัวใจผมแทบจะหยุดเต้นแน่ะ” หมอกว่า เขายกมือขึ้นลูบหน้าราวกับจะสะบัดไล่ให้ภาพนั้นหายไป

ถึงผมจะคิดไม่ออกว่าสีแดงเป็นยังไง (เอาน่ะ พระเจ้าคงกลัวแมวจะสมบูรณ์แบบเกินไป เลยให้เราตาบอดสีนิดๆ หน่อยๆ) แต่ก็เข้าใจว่าหมอกคงตกใจมากแค่ไหน เพราะตัวเองก็รู้สึกเหมือนกัน ทั้งกองของเหลวปริมาณมหาศาล ทั้งกลิ่นคาวเฉพาะของเลือด โอย
 
นี่ดีว่าผมเป็นแมวความประพฤติเลิศมาตลอด ไม่เคยกัดข่วนอานนท์ให้ได้เลือดเลยแม้แต่ครั้งเดียว ไม่อย่างนั้นถ้าอานนท์เลือดไหลหมดตัวเพราะแมว ผมคงรู้สึกผิดจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

“เรียนหมอแต่กลัวเลือดได้ไง” อานนท์เย้า

“เลือดคนอื่นผมไม่กลัว ผมกลัวเลือดพี่นั่นแหละ กลัวพี่เจ็บ” หมอกตอบซื่อๆ เห็นอานนท์ไม่ตอบอะไรก็พูดต่อ

“โชคดีที่พี่ไม่ได้เป็นแบบรุนแรง ไม่อย่างนั้นคงมีอาการร่วมพวกข้อบวมเพราะเลือดออกภายในข้อด้วย บางทีเลือดไหลเองได้เลย ไม่ต้องมีแผลภายนอก” เขาว่าคล่องราวกับเป็นหมอเฉพาะทางแล้ว “แบบนั้นจะอันตรายกว่ามาก เลือดออกในสมองละยุ่ง”

“ถ้าเป็นอย่างนั้นผมคงตายเสียก่อนจะวินิจฉัยว่าเป็นโรคนี้แล้วล่ะ”

หมอกจับมืออานนท์ข้างที่ไม่ได้พันแผลไว้แน่น ถ้าที่ผ่านมาเขามีสติและทำตัวเป็น ‘ผู้ใหญ่’ ได้อย่างดีเยี่ยม ครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นเขาเป็นเด็กที่เพิ่งใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยผ่านไปเพียงแค่สองปีอย่างที่เป็นจริงๆ

“อย่าพูดอย่างนั้น พี่อานนท์” เขาบอกเสียงเครือ แล้วทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไรอีกมาก แต่ก็ลงเอยด้วยการเขย่ามืออานนท์เบาๆ ผมได้ยินแค่ว่า “ไม่เอาอะพี่ ไม่เอานะ ผมไม่อยากได้ยินพี่พูดคำนั้นเลย”

อานนท์มองเด็กข้างบ้านด้วยแววตาอ่อนโยน เอ๊ะ ถ้าอานนท์รักผม ใช้สายตาแบบนั้นมองผมเหมือนกัน งั้นกับหมอนี่อานนท์ก็...

หมอกทำหน้าคว่ำ แต่ยังไม่ยอมปล่อยมือที่ยึดไว้เสียแน่น
 
“พี่มองผมเหมือนมองเจ้าสีหมอกเลย ไม่เอาอะ”

คำว่า ‘ไม่เอา’ ดูจะเป็นคำติดปากเขาไปเสียแล้ว คราวนี้อานนท์หัวเราะน้อยๆ

“เหมือนเหรอ เหมือนยังไง ผมว่าไม่เหมือนนะ”

“ก็... เอ็นดูๆ ปนขำๆ นิดหน่อย” หมอกว่า ทำปากยื่นเหมือนเด็กไม่มีผิด “ผมไม่ใช่เจ้าสีหมอกนะ”

“ใครว่าใช่ล่ะ... ผมมองหมอกไม่เหมือนที่มองเจ้าเหมียวแน่นอน” อานนท์ยืนยัน เขายังยิ้มอยู่

“งั้น... พี่มองผมยังไง พี่อานนท์”

อานนท์ไม่ได้หลบตาหมอก แต่เขาก็ไม่ตอบ หมอกรออยู่พักก็ถอนใจ

“พี่พักผ่อนเถอะครับ ผมจะอยู่ด้วย แผลหายสนิทแล้ว ไว้ผมมารับพี่ออกไปนะ เรายังไม่ได้ฉลองกันเลย”

อานนท์ยิ้มบางให้หมอกก่อนจะหลับตาลงช้าๆ “ผมไม่ลืมสัญญาหรอก”


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

คุณ anajulia ถ้าอานนท์ไม่มีสีหมอกคงแย่เหมือนกันจริงๆ แหละค่ะ เหมือนอยู่ตัวคนเดียวในโลกเน้อ อ่านแล้วอิน... คนเขียนดีใจมาก (เรื่องสองปล่อยเค้างุ้งงิ้งกันไป 555)

คุณ golove2 ถ... ถูกต้องนะคร้าบ! เพราะฉะนั้นคู่กับคุณหมอดีสุด 555 อีกอย่างตอนเขียนต้องไปค้นกันมาทีเดียวว่ายักย้ายปิดบังมรดกนี้มันทำกันยังไง (จริงจังไปมั้ย) เนื่องจากถึงไม่มีพินัยกรรมลูกชายคนเดียวก็ต้องได้ก่อนอยู่ดี แต่สุดท้ายก็เจอว่ามันมีแหละที่ลำดับอื่นได้แต่ลำดับแรกๆ ไม่ได้ไรงี้ (ถูกโกงนั่นเอง)   

คุณ MiSS-U โอ้ ยินดีต้อนรับ ขอบคุณที่เข้ามาค่ะ เรื่องที่ 3 ก็คิดว่าไม่เศร้าหรอกหนา (คิดว่า?) แล้วแวะมาอีกนะคะ

คุณ fuku สูงอายุ ก๊าก ยี่สิบห้ายี่สิบหกเองนะ เค้าจะเหมาว่าที่ว่าแก่นี่คือแก่กว่าหมอกละกันนะ 555

นักวิจัยว่าแมวตาบอดสีแดง คือเห็นสีแดงเป็นสีเทาล่ะ แต่โลกของแมวไม่ใช่ขาวดำนะเออ อย่างสีเขียวแมวก็เห็น (ถึงได้ชอบย่ำสนามหญ้ากันจัง รึเปล่า)

ตอนหน้าตอนจบของเรื่องที่ 3 แล้วนะจ๊ะ
  :กอด1:

ป.ล. เรียนผู้อ่านทุกท่าน เนื่องจากเขียนเรื่องที่ 3 หลังเรื่องที่ 1 และ 2 (มันก็แน่) และเพิ่งค้นเรื่องตาบอดสีของแมวตอนเขียนเรื่องที่ 3 - -" ก็เลยมีอันกลับไปแก้คำในเรื่องที่ 1 และ 2 นิดหน่อย (เพราะว่าแมวเป็นผู้เล่าและแมวไม่ควรจะเห็นสีแดง เหอๆ) ขออภัยด้วยนะจ๊ะ แต่เนื้อความยังเหมือนเดิมทุกประการ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-10-2011 03:26:32 โดย เดหลี »

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
 :-[ "เลือดคนอื่นผมไม่กลัว ผมกลัวเลือดพี่นั่นแหละ กลัวพี่เจ็บ...ตอนนั้นผมรู้สึกเหมือนทำหัวใจตกเลยพี่รู้มั้ยครับ"

กร๊ากกกกกกกกกกกกกกก เสี่ยว แต่ข้าพเจ้ารู้นะท่านหมอหมอกว่าท่านก็รู้สึกอย่างนั้นแล แบร่ๆๆๆๆ
ฮีโมฟีเลีย เอาน่า ใกล้หมอ ทั้งคุณพ่อหมอคุณลูกหมอ แถมมีแมวช่างสังเกตอย่างเจ้าสีหมอกอีก อานนท์ไม่ตายแล้ว

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
โชคดีนะที่อานนท์มีว่าที่คุณหมอดูแลแบบนี้ แถมดูท่าทางหมอกก็อยากดูแลไปตลอดด้วยนะเออ พี่อานนท์ก็ตามใจเด็กเถอะนะ

ปล. เพิ่งรู้อีกแล้วว่าแมวตาบอดสีด้วย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
 :L2: :L2:  ให้พี่อานนท์   

น้องหมอกและเจ้าสีหมอกต้องดูแลพี่เค้าดี ๆ นะ

 :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ Heisei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
โอย...  น่ารักเว่อร์...  หมายถึงพลพรรคแมวๆทั้งหลายน่ะนะ
ชอบทั้ง3เรื่องเลยค่ะ  สนุกมาก บรรยาย(แบบแมวๆ)ได้ดีสุดๆ :impress2: :impress2:

ออฟไลน์ lidelia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-1
สงสัยโชคชะตาทำให้หมอกเรียนหมอ เพื่อมารักษาอานนท์ (เริ่มเพ้อเจ้อ)  :laugh: :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
เรื่องนี้มันช่างให้อารมณ์อบอุ่นจริงๆนะเออ
ชอบจริงๆหญ้าอ่อนกินวัวแก่ อิอิ
 :จุ๊บๆ:
จุ๊บสีหมอก(ทั้งสอง๕๕)

+๑ กันดีกว่า ล้า ลา...,,,

JkrR

  • บุคคลทั่วไป
ตามเข้ามาเพราะพี่หนุ่นนุ้นแนะยำจากทู้นิยายต้องอ่าน
แล้วก็กรี๊ดสลบกับเจ้าสามตัวนี้ โดยเฉพาะเจ้าสีหมอก
ชอบตัวนี้ที่สุด แม้เรื่องนี้อ่านแล้วจะน้ำตาคลอเบ้า
(ช่วงนี้อินง่าย เพราะเขียนนิยายอยู่ ฮาๆ)

ไม่อยากให้จบแค่สี่เรื่องเลย (ผมชอบอ่านเรื่องสั้นมากกว่า)
เอาเป็นว่าเขียนให้ครบทุกสายพันธ์บนโลกเลยนะครับ :laugh:

+1 แอนด์ ก๊าบๆ โทษฐานทำให้ปลื้ม

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
อานนท์น่ารักตลอดเลย

วู้ววววววววววววว เอาเป็นว่าเคะอายุมากกว่า เราก็ชอบแระ
ตามด้วยนิสัยเก็บตัว แก่กว่าอายุนั่นก็โดนใจ

อ่านๆแล้วเราว่านิสัยของอานนท์ประมาณสามสิบได้นะ อิอิ

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
ตอนนี้ออกจะเศร้านิดนึง ว่าป่ะ

ออฟไลน์ pim_onelove

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-0
ตามมาจากกระทู้แนะนำว่าเรื่องนี้ต้องอ่าน แล้วก็สนุกจริงๆ ด้วย  :mc4:
แถมที่บ้านยังเลี้ยงแมวอีกต่างหาก อ่านไปก็นึกถึงพฤติกรรมของเจ้าตัวแสบของที่บ้านไปด้วย อิอิ

ชอบทั้งสามเรื่องเลย แบบว่าแต่ละเรื่องก็ให้อารมณ์ที่แตกต่างกัน แบบว่าดีอ่ะ อบอุ่นและน่ารักดี
รออ่านตอนจบของตอนที่สามอยู่นะคะ รวมถึงตอนต่อๆ ไปด้วยค่ะ   :pig4:

ออฟไลน์ berlyn

  • Put Van The Man on the jukebox then we start to dance
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
เรื่องแรก ชนมีความอดทนมากเลย เพราะถ้าเป็นเรา ง้อครั้งเดียวคือจบ ถ้าไม่หายงอนก็เรื่องของคุณ  แล้ววิธีบอกรักเนี่ย บอกกันแบบว่าตรงๆไม่อ้อมค้อมเลยอ่ะ
คราวหลังก็อย่างอนบ่อยนะ เพราะเดี๋ยวไม่มีคนมาง้อ ชอบคำพูดของแม่ทินด้วยค่ะ

เรื่องที่สอง คุณพระเอกใจเย็นมากกก ตอนที่อ่านยังคิดเลยว่า เกนแกล้งพูดถึงแอรอนบ่อยๆเพื่อให้หึงรึเปล่าเนี่ยเพราะเขาช่างนิ่งและเย็นเกือบชา สุดท้ายก็หักมุมมาเป็นว่า แอรอนต้องการจีบเพื่อนของเกนซะงั้น

เรื่องสุดท้าย ชอบหมอค่ะ55+ สีหมอกน่ารัก อานนท์น่าสงสาร เรื่องมรดกนี่มันไม่เข้าใครออกใครจริงๆ 

     ป.ล. ชอบแมวมากแต่ไม่ค่อยชอบเข้าไปเล่นด้วย แค่มองว่าน่ารักเฉยๆน่ะคะ มีเรื่องฝังใจกับมันเล็กน้อย^^

ออฟไลน์ sukie_moo

  • ปัจจุบัน คือ อดีตของอนาคต
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-15
สีหมอกน่ารัก
หมอกก็ยิ่งน่ารัก
อานนท์สบายใจได้ ว่าที่คุณหมอไม่ปล่อยให้ว่าที่คนรักเป็นอะไรแน่ๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ISee

  • บุคคลทั่วไป
อ่านไปแล้วสองเรื่องแล้วค่่ะ โดยส่วนตัวแล้วชอบหมามากกว่าแมวค่ะ
 แต่พออ่านสองเรื่องนี้แล้ว ชักอยากจะเลี้ยงแมวบ้าง น่ารักกันเหลือเกิน
 รอตอนที่สามจบจะกลับมาอ่านต่อนะคะ

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
รักแมว เปิดมาอ่านแล้วสมใจจริงๆ

แต่ละคู่น่ารักดีค่ะ อ่านแล้วยิ้มไปเพลินๆ รรอลุ้นคู่นี้จ๊ะ

ออฟไลน์ เดหลี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +254/-3
เรื่องที่ 3 (จบ)

หมอกมาดูแผลให้อานนท์ทุกวัน แต่เขาก็ไม่ได้พูดจาเข้าใจยากอย่างวันนั้นอีก จนแผลหายดีก็ประจวบกับที่หมอกต้องไปออกค่าย เขาทำท่าอิดๆ ออดๆ แต่ยังไงก็ต้องไปอยู่ดี หายไปได้สักอาทิตย์กว่า รถเก๋งกลางเก่ากลางใหม่สีฟ้าอ่อนก็เคลื่อนมาจอดหน้าบ้านอานนท์อีกครั้ง

“พี่เป็นไงบ้างครับ” เขาเอ่ยถามทันทีที่เห็นหน้า อานนท์ยิ้มขัน

“หมอกโทรหาผมทุกวันยังต้องถามอีกเหรอ ออกค่ายว่างขนาดนั้นเชียว”

“ว่างไม่ว่างผมก็ต้องโทร” เขายืนยัน “เอาละ เชิญครับพี่อานนท์”

“หืม... ไปไหน”

“ก็พี่สัญญาไว้นี่นาว่าจะไปเที่ยวกับผมถ้าผมได้ใบขับขี่แล้ว”

“วันอื่นไม่ดีรึหมอก วันนี้ครึ้มมาเชียว เดี๋ยวฝนคงลงเม็ดแน่” อานนท์ว่าพลางเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า

“วันอื่น... ไม่ดีหรอกครับ วันนี้แหละ วันดี” หมอกยิ้มร่า “เชิญเลยครับ”

อานนท์เหลียวหาผมก่อนจะเดินกลับมาเปิดประตูให้เป็นทำนองถามว่าผมจะเข้าบ้านไหม พอผมเฉยเขาก็พึมพำ
 
“สีหมอกก็อยากออกไปเที่ยวเหรอเนี่ยวันนี้”

ผมเมี้ยวแล้วออกเดินไปอีกทาง อานนท์ถึงได้เข้าบ้านไปหยิบกระเป๋าสตางค์แล้วไปขึ้นรถหมอก อานนท์ควรจะได้ไปสนุกสนานบ้าง แล้วถ้าคนที่จะทำให้อานนท์มีความสุขและยิ้มออกคือหมอก ผมก็ไม่เห็นว่ามันจะเสียหายอะไรตรงไหน

สองคนหายกันไปทั้งบ่าย ฝนตกลงมาจริงอย่างที่อานนท์พูดไว้ แต่ก็ไม่ได้หนักอะไร ผมนอนหมอบอยู่ใต้ชายคาบ้านจนฝนหยุดจึงออกไปย่ำพื้นหญ้าหมาดฝนจนพอใจ ตกเย็นทั้งคู่จึงได้กลับมา

“พี่ไม่ยอมให้ผมเลี้ยง” หมอกลงมายืนบ่นกระปอดกระแปด

“ได้ยังไง... ผมแก่กว่า แถมยังทำงานแล้ว ก็ต้องเป็นคนเลี้ยงสิ” อานนท์บอก “ขอบคุณมากที่อุตส่าห์ขับรถพาไปถึงทะเล ผมไม่ได้ไปหลายปี”

“อ่า... แต่ฝนก็ตกจนได้”

“ผมบอกแล้ว หมอกก็อยากจะไปวันนี้ให้ได้” อานนท์ยิ้มมองคนตรงหน้า “แต่ยังไงก็สนุกอยู่ดี ถึงจะไปกินข้าวเสร็จแล้วก็แค่จอดรถดูทะเลกลางฝนก็เถอะ”

พอหมอกยืนนิ่งไม่ได้พูดอะไรอีกเขาก็ว่า “งั้นผมเข้าบ้านก่อนนะ”

“ด... เดี๋ยวครับ” หมอกเรียกไว้ ก่อนจะหันไปหยิบกล่องไวโอลินออกมาจากเบาะหลัง เขาสบตาอานนท์ “นี่คือเหตุผลว่าทำไมถึงต้องเป็นวันนี้”

แล้วเขาก็เริ่มเล่น และไม่ได้ละสายตาจากอานนท์เลยตลอดเวลานั้น เพลงสั้นๆ ไม่ถึงครึ่งนาทีด้วยซ้ำ แต่ทำนองมันคุ้นหูผมเหลือเกิน ผมว่าผมเคยได้ยินจากทีวีนะ แล้วหลังจากนั้นก็ต้องพูดว่า...

“สุขสันต์วันเกิดนะครับ พี่อานนท์”

อานนท์สูดจมูก ถ้าเขาไม่ได้ร้องไห้เลยตอนที่เล่าเรื่องในอดีตให้หมอกฟัง ตอนนี้ผมว่าเขาก็ใกล้จะเสียน้ำตาเต็มที แต่น้ำตาที่ไหลเพราะความซาบซึ้งตื้นตัน ยังไงก็ดีกว่าไหลเพราะความเจ็บช้ำเสียใจล่ะน่า

“หมอกรู้... ได้ยังไง”

“ผมเห็นวันเกิดพี่ตอน... โรงพยาบาล พี่คงไม่โกรธนะครับ” หมอกว่า แล้วเอ่ยซ้ำอีกอย่างอ่อนโยน “สุขสันต์วันเกิดครับ พี่อานนท์”

“ขอบคุณมาก... ไม่เคยมีใครพูดคำนี้กับผมมานานแล้ว”

"พี่อานนท์รู้ไหมครับ ผมหาหนังสือเรื่องโรคฮีโมฟีเลียมาอ่านเป็นบ้าเป็นหลังเลย ทั้งซื้อทั้งยืมห้องสมุดทั้งขอคุณพ่อจนถูกแซวว่าจะเป็นหมอเฉพาะทางด้านนี้หรือไง" เขาหัวเราะเขินๆ

“ผมสนใจภาษาไทยมากขึ้น เพราะผมอยากเข้าใจคนที่ใช้ภาษาได้สวยงามอย่างนั้น ผมใส่ใจกับไวโอลินมากกว่าเดิม เพราะพี่ชมว่าผมเล่นดี... ถ้าความรักทำให้คนมีแรงบันดาลใจทำอะไรได้มากมาย ผมว่า...”

หมอกสูดหายใจลึกก่อนจะสบตาอานนท์ตรงๆ

“ผมคงรักพี่เข้าแล้วละครับ พี่อานนท์”

“รักผม... เพราะ...”

“ต้องมีเหตุผลด้วยเหรอครับ... พี่น่ะทั้งหน้าตาน่ารัก ทุ่มเทกับงาน แถมยังจิตใจดี แล้วก็เข้มแข็งอดทนกับอะไรมามากเหลือเกิน... ผมรักทุกอย่าง แต่ทั้งหมดนั่นก็ยังไม่ใช่ทุกอย่างที่ทำให้ผมรักพี่”

อานนท์นิ่ง หมอกยังพูดต่อเรื่อยๆ

“ถ้าผมถามพี่ว่าพี่รักสีหมอกเพราะอะไร... เพราะมันขนเทาสวย ตาสียังกับท้องฟ้าตอนไม่มีเมฆ ฉลาดเจ้าเล่ห์ แต่ก็ขี้อ้อนหรือเปล่า ถ้าแค่นั้นทำให้พี่รัก ก็ยังมีแมวอีกตั้งมากที่เป็นแบบนี้เหมือนกัน... แต่มันก็ไม่ใช่สีหมอกอยู่ดี ก็เหมือนกันนั่นแหละครับ พี่เข้าใจไหม”

เขาพูดช้าๆ เหมือนจะย้ำให้ทุกคำถึงใจคนฟัง

“พี่อานนท์ ต่อไปชีวิตอาจจะยังต้องมีความเปลี่ยนแปลงอะไรอีกมากมาย... แต่ไม่ใช่ใจของผมแน่”


หมอกบอกว่าถ้าระหว่างนี้อานนท์ยังไม่สะดวกใจ จะไม่เจอกันสักพักก็ได้ จะได้มีเวลาคิด ทบทวนความรู้สึก... เพียงแต่ขอให้ดูแลตัวเองดีๆ ด้วย ถ้ามันจะช่วยอะไรได้ผมก็อยากจะบอกหมอกว่าผมเชียร์เขาเต็มที่เลยนะนี่

เช้านี้อานนท์เขียนอะไรอยู่ตั้งนานแล้ว เดี๋ยวลบ เดี๋ยวขีดฆ่า เดี๋ยวขยำกระดาษทิ้งถังขยะ ผมนอนหมอบดูจนเขาหันมาหัวเราะอายๆ ให้

“ไม่ได้เขียนนานก็เป็นอย่างนี้แหละสีหมอก เฮ้อ ไม่ไหว ไม่ไหว สนิมขึ้นหมดละ...” แล้วเขาก็บ่นพึมพำอะไรไม่รู้ต่อ

อานนท์ปล้ำกับงานชิ้นนี้อยู่ถึงเย็นก็ยังไม่เสร็จ ท่าทางจะหินน่าดู วันต่อมาเขาก็เริ่มใหม่ จนตอนบ่ายออกไปเดินยืดเส้นยืดสายนอกบ้าน พอเหลือบมองไปทางซ้ายเห็นเพื่อนบ้านคนเดิมยืนเกาะรั้วมองอยู่ หมอกสะดุ้งทำหน้าเขิน

“ข... ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ คือผมแค่จะ เอ่อ... พี่สบายดีก็ดีแล้วครับ”

แล้วเขาก็หลบวูบไปดื้อๆ ซะอย่างนั้น อานนท์ยิ้ม แล้วกลับทำหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ รีบเข้าบ้านมาเขียนงานที่ยังไม่เสร็จต่อ
ผมเห็นทั้งหมดนี้ผ่านหน้าต่าง แล้วก็ให้สงสัยเสียจริงว่างานอะไรของอานนท์กันนะ ที่ต้องการแรงบันดาลใจเป็นคนข้างบ้านด้วย...

 
พักนี้ฝนตกตอนบ่ายๆ ไปถึงเย็นตลอด อานนท์ก็เลยไม่ค่อยได้ออกไปนั่งเขียนงานข้างนอกอีก แต่พอฝนหยุดเขาก็จงใจเดินไปริมรั้ว หมอกกำลังล้างรถอยู่ ผมที่อยู่แถวนั้นอยู่แล้วเห็นชัดเลยว่าหมอกพยายามทำเฉยๆ เต็มที่ แต่พออานนท์เอ่ยปากเรียกเขาก็เช็ดมือกับเสื้อแล้วมาทันที

“ผมมีอะไรจะให้” อานนท์ว่า แล้วยื่นซองจดหมายข้ามกำแพง

หมอกมองงงๆ ก่อนจะเอ่ยเบาๆ “ถ... ถ้าพี่จะปฏิเสธผม ก็... บอกกับผมตรงๆ เลยก็ได้นะครับ ไม่ต้องยื่นซองขาวยังงี้หรอก”
“อย่าคิดมาก ผมมีซองแค่สีเดียว” อานนท์ยังมีอารมณ์หัวเราะ “อ่านก่อนสิ”

หมอกค่อยๆ เปิดซองจดหมายออก แล้วเขายังเงยหน้ามองอานนท์เหมือนจะถามว่าให้อ่านตอนนี้เลยเหรอ พออีกฝ่ายพยักหน้าเขาก็คลี่กระดาษอย่างเบามือ

ยิ่งอ่านเขาก็ยิ่งยิ้ม อานนท์ที่ยืนอยู่อีกฝั่งจับตาดูสีหน้าของหมอกก็อมยิ้มเหมือนกัน จนหมอกอ่านจบเขาก็พับใส่ซองไว้ตามเดิมอย่างถนอม เงยหน้าขึ้นสบตากับอานนท์ที่มองอยู่ก่อนแล้ว
 
“นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนเขียนกลอนให้ผม” ท่าทางเขาตื่นเต้นดีใจ ตาเป็นประกายเชียวละ “แถมยังเป็น... เขาเรียกว่าเพลงยาวรึเปล่าครับ”

“ตามฉันทลักษณ์แล้วจะเรียกว่าอย่างนั้นก็ถูก” อานนท์อุบอิบ

“นี่ผมชอบวรรคนี้มาก...”

“อย่าอ่านออกเสียงนะ” อยู่กันมาตั้งนานผมเพิ่งเคยเห็นอานนท์ออกอาการเขินก็คราวนี้ล่ะ
 
หมอกยิ้มไม่หุบ “ผมยอมเป็นนางใน ให้พี่เขียนเพลงยาวมาเกี้ยวทุกวันเลย”

“เพลงยาวไม่ต้องเป็นเรื่อง... นั้นอย่างเดียวก็ได้ เพลงยาวพยากรณ์ รบทัพจับศึกอะไรก็มี”

“อ้อ ครับ” ขานี้ก็รับคำอย่างร่าเริง ยิ้มแป้น “แต่ถ้าเป็นจากพี่ ผมก็ไม่อยากได้เพลงยาวเรื่องอื่นหรอกครับ”

สองคนยืนยิ้มให้กันข้ามกำแพงอยู่อย่างนั้นจนผมร้องเมี้ยวขึ้น อานนท์หัวเราะ

“สีหมอกไม่ต้องห่วงหรอกน่า คิดซะว่ามีคนมารักเราเพิ่มขึ้น”

“เลิฟมีเลิฟมายแคทสินะครับ”

“ไม่ใช่รึไง”

“ผมน่ะรักทั้งเจ้าของทั้งแมวมาตั้งนานแล้ว” หมอกทำหน้าราวกับถูกกล่าวหา เขาลูบหัวผมก่อนจะเท้ามือบนกำแพงแล้วทำท่าจะปีนข้ามมา

“นี่ ทำอะไร” อานนท์เอ็ด “ประตูหน้าก็มีให้เข้า”

“ไม่ทันใจครับ” เขาตอบ ก่อนจะปีนข้ามมาจนได้ ถึงพื้นก็ว่า “ผมอยากกอดพี่ตอนนี้เลย”

อานนท์ไม่ทันตอบหมอกก็ทำอย่างปากพูดเสียแล้ว
 
"พี่อานนท์รู้ไหม ผมเคยตอบอาจารย์ตอนสอบสัมภาษณ์ว่าผมอยากเป็นหมอเพราะพ่อคงภูมิใจ เป็นหมอเพราะได้ช่วยคนอย่างชัดเจนมากที่สุดอาชีพหนึ่ง แต่ตอนนี้ผมมีเหตุผลเพิ่มมาอีกอย่าง อย่างสำคัญด้วย”

อานนท์ฟังเงียบๆ แต่ผมเห็นรอยยิ้มระบายขึ้นอย่างช้าๆ หมอกพูดต่อ

“คนที่ผมรักเขาเป็นโรคทางพันธุกรรม ผมอยากศึกษาให้มาก ให้เก่ง เพราะผมอยากดูแลเขาให้ดีที่สุด แล้วก็ได้ช่วยคนที่เป็นเหมือนอย่างเขา...”

“ขอบคุณนะหมอก ขอบคุณมากๆ” อานนท์กอดตอบหมอก น้ำตารื้น แต่ก็หัวเราะออกมาเมื่อได้ยินประโยคถัดไป

“ขอบคุณเหมือนกันที่พี่รักผม ให้ผมรัก... แต่ว่า ผมขอจองตำแหน่งหมอประจำตัวพี่ไว้ก่อนเลยนะ”

“เป็นหมอประจำตัว เร็วไปม้าง” อานนท์อุตส่าห์ขัด “ยังไม่ทันจบเลย”

“ถ้าเร็วไป... ตอนนี้ก็รับไว้ประจำใจก่อนแล้วกันครับ”
 
หมอกก็ช่างกล้าพูด เมื่อก่อนผมไม่เห็นว่าเขาจะเล่นคำอย่างนี้เป็น ท่าทางการใกล้ชิดกับคนเป็นนักเขียนจะส่งผลซะแล้ว
 
ถ้าชีวิตของอานนท์เคยมีเมฆหมอกร้ายๆ มาปกคลุม ต่อไปในอนาคต ก็คงมีแค่สองหมอกเท่านั้นแหละ ก็หมอกที่เป็นคนหนึ่ง แมวอีกหนึ่งไงล่ะ

อานนท์ยิ้มสดใส ผมอยากจะเห็นรอยยิ้มแบบนี้บนหน้าของเขาตลอดไปจริงๆ อานนท์ยิ้มแบบนี้แล้ว... เหมือนละอองแดดแทรกผ่านหมอกยามเช้าเลยละ
   
แหม ผมนี่ก็พูดอะไรเป็นกวี ช่วยไม่ได้ ก็ผมเป็นแมวของนักเขียนนี่นา

อ้อ ตอนนี้คงต้องบอกว่า เป็นแมวของนักเขียนกับ (นักเรียน) หมอแล้วสินะ


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

คุณ anajulia อร๊ายยย เขียนซะเขินเลย ตอนนี้ก็เป็นคนไข้ของคุณพ่อหมอไปก่อนรอคุณพระเอกเรียนจบ ปล. คนเขียนเซฟอานนท์โดยให้เป็นระดับเบาสุด คนเป็นเยอะๆ แล้วดูเค้าใช้ชีวิตลำบากอะ สงสาร ปล. 2 ขอบคุณมากๆ ค่ะที่เอาเรื่องนี้ไปแนะนำด้วย ดีใจมากๆ

คุณ dahlia ชอบคำว่าตามใจเด็ก ฮาๆ เรื่องแมวตาบอดสีเฉพาะสีแดงคนเขียนก็เพิ่งค้นจนแน่ใจค่ะ เมื่อก่อนคิดว่าแมวไม่เห็นสีซะอีก

คุณ golove2 เอาดอกไม้ให้พี่อานนท์สงสัยต้องเป็นกล้วยไม้ละป่าว 555 คิดว่าได้รับการดูแลดีแน่นอนนับจากนี้

คุณ Heisei ชอบแมวแน่ๆ เลย ตอนเขียนคนเขียนก็แทบจะเป็นแมวไป 555 พยายามคิดว่าถ้าเป็นแมวมองจะเป็นไงน้า

คุณ lidelia แอบคิดเหมือนกัน ถึงโรคนี้ยังรักษาไม่หายก็ดูแลกันไปละกันเนอะ

คุณ bulldog17 ไม่ใช่วัวแก่กินหญ้าอ่อนนะสรุป (ตกลงใครกินใครอะ 555) ขอบคุณสำหรับบวกค่ะ

คุณ JkrR ขอบคุณที่แวะเข้ามาค่า ชอบสีหมอกแสดงว่าชอบแมวน่ารักๆ ไม่ดื้อหรือว่ากวนติงเท่าไหร่ ครบทุกสายพันธุ์นี่แมวใช่ป่ะคะ อิอิ คนเขียนมีต้นแบบจากแมวธรรมดาๆ เนี่ยแหละไม่มีเพ็ตดีกรี (ตัวเองก็เลี้ยงแมวพันทางปกติ เอิ๊ก) ขอบคุณสำหรับบวกค่ะ

คุณ fuku นิสัยอานนท์แก่จริง เค้าแบบไม่ค่อยได้สังสรรค์กับคนรุ่นราวคราวเดียวกันอะ 555 ต้องรีบโตไปหน่อย

คุณ takara เศร้าเหรอ นิดๆ หน่อยๆ ค่า

คุณ pim_onelove ตอนเขียนก็นึกถึงแมวเหมือนกัน ฮาๆ ขอบคุณที่ติดตามนะคะ

คุณ berlyn ชนม์น่าจะพยายามบอกมาหลายทีแต่ทินยังไม่เก็ต ก็เลยเอาตรงๆ เลยจะได้ไม่ต้อง 'แปล' อีก ฮาๆ คนเขียนก็ไม่ค่อยตามง้อเหมือนกันค่า ก็เลยตั้งใจให้ทิน 'โต' ขึ้นหน่อยในตอนจบ ไม่ขี้งอนมากแล้ว ส่วนเรื่องที่สองเราตั้งใจให้ทั้งสองคนเป็นอย่างนี้น่ะค่ะ ตอนเกนยังมีกิ๊กเยอะแยะคงหึงหวงกันวุ่นวาย เกนเลยมาติดใจพี่ป๊อบ 555 ปล. เพื่อนคนเขียนบางคนก็เป็นงี้นะคะคือชอบแมวแต่ไม่จับ กลัวถูกตบตีอะ เหอๆ

คุณ sukie_moo เนอะๆ ดูแลกันไปๆ

คุณ ISee หมาก็น่ารักค่ะ แต่คนเขียนเป็น cat person ฮาๆ ที่บ้านก็เลี้ยงทั้งหมาทั้งแมวนะ

คุณ TONG ขอบคุณที่แวะมาค่ะ แมวๆ นี่น่ารักเนอะ 55

เรื่องที่ 3 ก็จบแล้ว ขอบคุณที่ติดตามค่ะ ใครอยากฟังว่าไวโอลินเบิร์ธเดย์เป็นยังไงค้นดูในยูทูบได้นะ แต่คนเขียนชอบเวอร์ชั่นนี้ http://www.youtube.com/watch?v=c31NReNX8Kg เอิ๊ก ส่วนอันนี้สอน http://www.youtube.com/watch?v=jYNvkPrwNBg 

เรื่องที่ 4 จะตามมาเร็วๆ นี้เน้อ
  :กอด1:



JkrR

  • บุคคลทั่วไป
อ๊ากกก มาทัน  :z13: พี่เดหลีด้วยแหละ  :impress2:

แอบลุ้นใจหายใจคว่ำ เพราะสองเรื่องที่แล้วมันหวานซะสุดติ่ง กลัวใจว่านายอานนท์มันจะซี้แหงแก๋

เป็นการสังเวยคนอ่านให้หัวใจวายตายเล่นๆ แอร๊ยส์ แต่จบแบบนี้ แทบจะกด like รัวๆ (ถ้าทำได้ ฮาๆ)

ปกติ ชอบนิยายแนวหมอๆด้วย แต่หมอกับหนุ่มอักษรก็น่ารักไม่หยอกอ่ะ

เอาเป็ดกับบวกไปครับ ในโทษฐานที่เรื่องนี้น่ารักและจบไม่ทำร้ายหัวใจ
อ้อ ...และเป็นการยืนยันว่าพี่เดหลีจะมาต่อเรื่องต่อไป (ให้เร็วกว่านี้)  :laugh:

pattybluet

  • บุคคลทั่วไป
น่ารักจังเลยค่ะ ได้เห็นคนเค้ารักกัน ผ่านมุมมองของเจ้าตัวเล็ก :impress2:
อ่านรวดทั้งสามเรื่อง ชอบทุกเรื่องเลยค่ะ

ออฟไลน์ Cherry Red

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-0
น่ารักทุกเรื่อง ทุกคู่ (คน) และ ทุกตัว(แมว) จริง ๆ ค่ะ  :m1:
โดยเฉพาะเรื่องที่ 3 ที่เพิ่งจบไปกับประโยคสารภาพรักที่แน่วแน่ มุ่งมั่น ซาบซึ้ง และ กินใจของคุณน้องหมอก
ทำเอาดิฉันเคลิ้มแทบละลายแทนคุณอานนท์ แพ้ใจผู้ชายอบอุ่น จริงใจ พึ่งพาได้แบบนี้จริง ๆ เลย  :-[

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
^
^
^
จิ้มๆคุณเชอร์รี่เรด ><


เรารักสีหมอก เพราะสีหมอกเป็นแมวที่มีหัวใจกวี
มองเห็นรอยยิ้มของอานนท์แล้วเปรียบเทียบออกมาเป็นคำพูดแสนงามได้จับใจ
ยิ้มเหมือนแสงแดดที่ทอลอดหมอกเช้า อ๊า....งามแต๊ๆเน้อ

(เรารู้นะหมอหมอกว่าเพลงยาวฉบับนั้นน่ะ คุณหมอต้องเก็บกลับบ้านแล้วเอาไปเข้าเครื่องย่อเป็นขนาดพกพา เคลือบพลาสติกกันน้ำแหงๆ)

DasHimmel

  • บุคคลทั่วไป
น่ารักมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
แมวเหมียวทั้งสามน่ารักได้อีก คู่รักทั้งสามคู่ด้วย ^^
สามเรื่องสามสไตล์ น้องชนม์เป็นผู้ชายที่อบอุ๊นอบอุ่น งอนกันไปง้อกันมา คู่สองแอบแปลกใจที่พี่ป๊อบเป็นสามี >///< ทำกับข้าวเก่ง เป็นผู้ใหญ่แบบนี้รักตายเลย คู่น้องหมอกพี่อานนท์ แอบเศร้าอ่า อานนท์เป็นคนน่าสงสารมาก แต่หลังจากนี้ไปคงมีความสุขจริงๆซักที มีน้องหมอกมาคอยดูเเลเเระ อิอิ อ่านไปก็รักน้องเหมียวไปด้วย ตอนนี้อยากเลี้ยงแมวขึ้นมาทันที 555

ออฟไลน์ jeaby@_@

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +454/-3
น่ารักมากกกก อ่านแล้วมีความสุขสามเรื่องสามแบบ
เจ้าเหมียวน่ารัก เราก้อมีแมวเลยชอบเรื่องนี้เป็นพิเศษ
ขอบคุณมากคะ

ออฟไลน์ berlyn

  • Put Van The Man on the jukebox then we start to dance
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
ความรักทำให้มีแรงบรรดานใจที่จะทำสิ่งที่ดีสินะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด