บทที่18
ชิบหาย
...
กันตภัทร and friends
……………………………………………………………..
หมิงมันเล่นอะไรของมัน บอกได้คำเดียวว่าไม่น่าไว้ใจ นี่มันตอนเย็นวันเสาร์แสนสุขของหนุ่มออฟฟิศอารมณ์เปลี่ยวแบบผมนะ อย่าคิดไปไกลว่าผมจะทำอะไรๆคนเดียวอยู่ในบ้าน ผมกำลังซักผ้า... ซักผ้าจริงๆ พวกชุดนอน กางเกงใน ถุงเท้า เพราะพวกเสื้อผ้าที่ต้องรีดผมก็ส่งไปซักร้านหมด ขี้เกียจรีดเอง ผมโยนทุกอย่างใส่เครื่องซักผ้า เทผงซักฟอก เทน้ำยาปรับผ้านุ่ม ปิดฝา
เห้ย เหนื่อยจัง...
ผมเดินออกมานอกบ้าน มองฟ้าสีครามอันกว้างใหญ่ อากาศก็ดี ทำไมไอ้หมิงต้องบอกว่าอย่าออกจากบ้าน หรือมันไปดูหมอมาเผื่อผมกันแน่วะ แต่ไม่น่าใช่ ไอ้คนแบบหมิงมันไม่ค่อยเชื่อเรื่องดวง ดูจากที่มันทำลงไปก็รู้ เป็นมนุษย์ผู้ซึ่งไม่ย่อท้อต่อโชคชะตาฟ้าลิขิต อารมณ์ประมาณ ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน ตามจีบนายมาสามปียังไม่ได้สักที เป็นผมนะผมเลิกแล้ว พักก่อน ถ้าลืมไม่ได้ค่อยจีบใหม่
“หงิงๆๆๆ” มันไม่ใช่เสียงผมที่เอาผ้าใส่เครื่องซักแล้วถึงกับคราง แต่เป็นหมาของผมต่างหาก มังคุด หรือที่ผมเรียกว่าคุด เป็นเซนต์เบอร์นาร์ดพันธุ์แท้ที่ผมได้มาโดยบังเอิญ แบบฟรีๆ เลี้ยงมาตั้งแต่ตัวเท่าแมว จนตอนนี้ตัวจะเท่าเสือแล้ว นิสัยส่วนตัวคือ ปัญญาอ่อน ตัวใหญ่แต่ใจเสาะ เป็นหมาเพศเมียขี้อ้อน น่ารัก...
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยอาบน้ำให้” ผมพูดกับคุด ไม่มีใครคุยด้วยก็คุยกับหมานี่แหละ นั่งลงที่ระเบียงบ้านเล็กๆ ซึ่งพอผมนั่งลง ใครเลี้ยงหมาคงเข้าใจ เหมือนมันจะมีสัญญาณพิเศษที่พอเจ้าของนั่งลง ไอ้หน้าขนทั้งหมดจะวิ่งมาหาเราแล้วก็พยายามเลียทุกส่วนที่มันจะเลียได้ หมาผมก็ไม่เว้น มังคุดเอาหน้ามุดตัวผมซึ่งขอบอกว่าแรงไม่ใช่น้อยๆ สักพักไอ้โบ(แต่ก่อนเคยชื่อโบโซ่ตอนนี้เหลือโบอย่างเดียว) สุนัขอัลเซเชี่ยนเพศเมียโตเต็มวัยก็วิ่งมาเต็มสปีด ตามมาด้วยชายกลางสุนัขพันธุ์บางแก้วที่เป็นตัวผู้หนึ่งเดียวในบ้านที่ผ่านการทำหมันตัดปัญหาน่ารำคาญใจมาเรียบร้อย และสุดท้ายถุง(อดีตชื่อถุงทอง) โดเบอร์แมนเพศเมียที่เปรียบก็คงเหมือนนางแบบที่สูงแต่ผอม
มันทั้งหมด พยายามประจบเอาใจผมด้วยการดม เลีย ไถ ถู... ซึ่งผมเองก็...
“กรั๊กๆๆๆ อย่าๆ อย่ามุดเป้า เฮ้ยๆ ฮิ ฮ่าๆๆ พวกแกนี่มันน่ารักจริงๆเลยน้า” เจอหมาก็ปัญญาอ่อนไปในทันใด ก็มันน่ารัก มันขนฟู มันขี้อ้อน มันแสนรู้ เกินกว่าจะพูดออกมาหมด ผมรักหมาผมจัง เพื่อนแท้ของผม..
ติ๊ง... ว่าแล้วเสียงโทรศัพท์ก็ขัดจังหวะคนกับหมากำลังสานสัมพันธ์ ขาประจำแห่งการขัดขวางคือไอ้หมิง
Chief-MHING – เฮ้ย เข้าบ้านไปเลยนะมึง ห้ามออกมา NOW!!!
มันมาอีกแล้วไอ้คำสั่งไม่ระบุเป้าหมายของมัน ไม่รู้จะเล่นอะไรซึ่งบ้าเปล่า ผมพิมพ์ตอบมันไป
“บอกกุมาว่าให้กุเข้าไปทำไมมึงจะทำอะไรที่บ้านกุฮะ”
Chief-MHING – มึงไม่รู้แหละดีแล้ว ขอบอกเลยว่าเพื่อตัวมึงเองเพื่อนรัก
เกลียดมันตรงนี้แหละ ผมเดินเข้าบ้านหลีกหนีออกจากฝูงหมาไปแบบเซ็งอารมณ์ เดินเข้าห้องน้ำไปล้างมือเปื้อนน้ำลาย เปิดทีวีนอนดูอย่างว่าง่าย แต่สักพัก ไอ้สี่ตัวก็เห่ากันระงม มันจะเห่าก็ต่อเมื่อมีคนแปลกหน้ามาจอดรถที่หน้าบ้านหรือใกล้ๆประตูบ้านเท่านั้น ถ้าขับผ่าน ไม่เคยเห่า
ไอ้หมิงมันจะทำบ้าอะไรกับผม.... มันพาใครมาวะ
...
หมอธาม
...................................................................................................
เลี้ยวเข้าซอยใหญ่เข้ามา พี่หมิงก็สั่งให้ผมเลี้ยวเข้าซอยย่อยเล็กอีกที และบอกให้ผมชะลอรถจอดที่ฝั่งตรงข้ามบ้านหลังหนึ่ง ผมจอดรถ มองทุกอย่างรอบตัวแถวๆนี้เป็นย่านบ้านคนทั้งนั้น ไม่ได้ไกลจากคอนโดผมมาก เป็นย่านที่คนอยู่อาศัยเยอะเพราะใกล้ และสะดวก
“หลังนี้เหรอ” ผมถาม บอกได้เลยว่าตื่นเต้น เหมือนอะไรที่เราอยากรู้มาตลอดมันปรากฏอยู่ตรงหน้า
“หลังนี้แหละ” มีเสียงเห่าดังขร่มออกมาจากในบ้าน เลี้ยงหมาพันธุ์ใหญ่เสียงดังเห่าดังมาก ไม่มีป้ายบอกชื่อบ้าน มีแต่เลขที่บ้าน มองเข้าไปก็เห็น มีต้นไม้ใหญ่เยอะ กรงใหญ่สุดเอาไว้ขังหมาที่เปิดอ้าซ่าแบบดูท่าทางคงไม่ได้เอาไว้ขังเหมือนเป็นที่ให้มันนอนมากกว่า บ้านเนื้อที่เยอะเมื่อเทียบกับตัวบ้านที่ไม่ใหญ่มาก เป็นบ้านปูนชั้นครึ่งธรรมดาๆ มีโรงรถที่ทำแบบดีเป็นพิเศษมีประตูเลื่อนเปิดปิดไปสองบาน บานนึงปิดเอาไว้เลยมองไม่เห็นว่ามีรถอะไรจอดอยู่ส่วนอีกบานที่รูดขึ้นเห็นรถฟอร์จูนเนอร์สีดำจอดอยู่ อย่างกับคนมีครอบครัว ขี่ฟอร์จูนเนอร์...
“ให้มาดูแค่นี้เนี่ยนะ” ผมหันไปถามพี่หมิงที่ยิ้ม
“ไม่เคยมาเหรอ” พี่หมิงถามผม
“ผมจะเคยมาได้ไง” ผมตอบพี่หมิงกลับด้วยคำถาม พี่หมิงถอดแว่นกันแดดออกมา
“ดับเครื่อง ลงรถ ไปดูใกล้ๆกัน”
ผมกับพี่หมิงลงจากรถ ไปยืนหน้าบ้านแบบไม่เกรงใจเจ้าของบ้านไม่กลัวหมา แต่ผมก็เข้าใจเพราะเมื่อเห็นพี่หมิง หมาทั้งสี่ตัวก็หยุดเห่า กระดิกหางกันเกรียวกราว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าสนิทกัน มองหมาแต่ละตัวเรียงหน้ากันพยายามจะเอาหน้าโผล่ผ่านซี่ลูกกรง ซึ่งตัวที่ทำสำเร็จคือไอ้บางแก้วกับโดเบอร์แมนที่หน้าเล็กๆ ส่วนเซนต์เบอร์นาร์ด เอาจมูกโผล่ออกมาได้ก็บุญชีวิตมันแล้ว ตัวใหญ่จริงๆ
“น่ารักป่ะ นี่ชื่อคุด” พี่หมิงเริ่มแนะนำหมาแบบสำเนียงจีน เริ่มที่ตัวใหญ่สุด... ว่าแต่หมาอะไรวะชื่อคุด น่าสงสารจริงๆ
“ชื่อคุดเนี่ยนะ” พี่หมิงพยักหน้า ชี้ไปที่หมาตัวต่อไปอัลเซเชี่ยน หน้าโฉดมาก
“นี่โบ” ผมหัวเราะก๊าก ไอ้ตัวหน้าใจดีชื่อคุด ไอ้ตัวหน้าดุชื่อโบซะน่ารักเชียว
“ตัวนี้ล่ะ” ผมชี้ไปที่โดเบอร์แมนรูปร่างสูงยาวเข่าดี ขนมันปลาบ แถมหูตั้งด้วย ปกติหมาพันธุ์นี้ไม่ได้หูตั้งหรอกครับ แต่คนเลี้ยงมักเอาไปแต่งให้หูตั้ง และตัวนี้ไม่ได้ตัดหาง โดเบอร์แมนหูตั้งกับหูตกนี่หน้าตาคนละเรื่องกันเลยนะครับ หูตั้งจะดูสง่าและหน้ากลัวมากแบบเห็นได้ชัด
“นี่ถุง”
“ถุงตรงไหนวะ” ผมมองหน้าโดเบอร์แมนที่มองผมแบบไม่ไว้ใจเพราะเป็นคนแปลกหน้า
“ไม่รู้ แต่ก่อนชื่อถุงอะไรก็ไม่รู้ ลืมไปแล้ว ถุงแกง ถุงชา ถุงเท้า ถุงขยะมั้ง สีดำๆเหมือนกัน” พี่หมิงไม่สนใจชี้ไปที่ตัวต่อไป
“ชายกลาง” เหยดดด หมาชื่อชายกลาง ชอบว่ะ ชายกลางหน้าตาดูน่ารักมากเมื่อเทียบกับไอ้โฉดอีกสองตัวกับหมายักษ์อีกหนึ่งตัว
“เจ้าของดูแลดีนะ สะอาดดี” ผมมองแต่ก็ไม่เข้าใกล้ล่ะครับ หมาพวกนี้พันธุ์ดุไม่รู้โจรชุมหรือความชอบส่วนตัวกันแน่ ถึงจะหยุดเห่าแล้วก็เถอะ คงถูกฝึกมาด้วยถึงรู้ภาษาขนาดนี้ รู้ว่าใครมาแบบเป็นใครไม่เป็นมิตร หมาแบบนี้ถ้าไม่เลี้ยงให้ดีก็ปัญหาเลยนะ แต่ถ้าเลี้ยงแบบเอาใจใส่ก็สุดยอดหมา เป็นทั้งยาม ทั้งเพื่อนเล่น ฉลาดมากด้วย
“มันรักหมากว่ารักเพื่อนอ่ะ ว่างๆก็หลอกว่าจะชวนมากินเหล้าแล้วให้มาอาบน้ำหมา”
“เค้าคงรวยนะเลี้ยงแต่หมาพันธุ์แท้เลย” ผมพูดขึ้นมาลอยๆ เป็นการหลอกถามในตัวเผื่อพี่หมิงหลุดปากมาว่าเจ้าของบ้านหลังนี้ทำงานอะไร ใช้ความเพลินให้เป็นประโยชน์
“รวยดิ...เฮ้ย แต่ไม่บอกหรอกน่าว่าทำงานอะไร” รู้ทันกุอีกนะแม่งงง
“อะไรวะ มันไม่เห็นได้น่าดูเลยพามาดูหมาเนี่ย” ผมพูดเซ็งๆ มองไปรอบบ้านเท่าที่จะมองได้อีกครั้ง ไม่มีอะไรน่าสนใจ มองบ้านก็กลับมามองไอ้สี่ตัวที่กระดิกหางเล่นกับพี่หมิงประหนึ่งเป็นเพื่อนร่วมฝูง แต่อยู่ๆ ผมก็นึกถึงประโยคหนึ่งขึ้นมาได้…
....“พี่เลี้ยงเซนต์เบอร์นาร์ต แล้วก็มีโดเบอร์แมน กับอัลเซเชี่ยน แล้วก็บางแก้ว คือมันช่วยกับรุมเลย สภาพเลยเป็นอย่างที่เห็น”…. ใครคนหนึ่งเคยพูดเอาไว้ตอนที่พางูเหลือมมาให้ผมรักษาที่คลีนิค
ต้นไม้เยอะงูคงชอบเลื้อยเข้ามาอยู่ ยิ่งเป็นต้นไม้ใหญ่ด้วย หมาสี่ตัวตามที่เคยได้ยินใครคนหนึ่งพูดให้ฟัง รถคนใหญ่มันไม่ได้มีไว้เพื่อครอบครัว แต่มีเอาไว้ให้หมาตัวใหญ่กับเพื่อนนั่ง รวยแน่ถ้าเลี้ยงหมาแบบนี้ แล้วทำไมจะไม่รวยเมื่อพ่อแม่รวย เก่งก็เก่ง ทำงานก็เยอะ… เคยรู้สึกไหมครับว่าเวลานึกอะไรที่มันคาใจมานานได้ มันตื่นเต้นจนหัวใจเต้นแรง มองไปที่ตัวบ้าน มองไปที่พี่หมิง... พี่หมิงพามาดูที่ที่ผมอยากเห็นจริงๆ
ไม่ต้องอธิบายไปมากกว่านี้ ผมไม่ต้องการคำใบ้อะไรเพิ่มเติมอีกแล้ว ทุกอย่าง ทุกอย่างที่ผมเห็น มันรวมกัน แล้วชี้ไปที่คนคนเดียวที่ผมนึกออกก็คือพี่กันต์ คำตอบเดียว...
“พี่กันต์ไม่อยู่เหรอ” ผมพูดขึ้นเรียบๆ ไอ้หมาสี่ตัวหันมามองผม... ชื่อหัวหน้าฝูงมึงใช่ไหมถึงหันมาขวับแบบนี้
“ห๊ะ!” เป็นทีที่พี่หมิงจะต้องเป็นคนพูดคำนี้บ้างหลังจากที่ปล่อยให้ผมห๊ะมาทั้งวัน พี่หมิงมองผมงงๆว่าทำไมผมถึงถามแบบนี้ คงไม่เคยคิดซินะว่าพี่กันต์จะเคยบอกว่าเลี้ยงหมาพันธุ์อะไรบ้างกับผม ซึ่งผมเป็นสัตวแพทย์ ไอ้ข้อมูลแบบนี้มันมักจะจำลงหัวโดยอัตโนมัติมากกว่าข้อมูลแบบอื่น
“บ้านพี่กันต์”
“ไหนว่าไม่เคยมา” พี่หมิงทำหน้าแหยงผมสุดชีวิต แน่ล่ะซิ คงไม่คิดว่าผมจะเดาถูก ซึ่งไอ้ท่าทางเจ๊กตื่นไฟแบบนั้นก็รู้เลยว่าถูกแล้ว
“ก็ไม่เคยมา แค่พูดเดาๆ”
“พี่กันต์อยู่ไหน” ผมแสยะยิ้มเหี้ยมเดินรุกเข้าไปหาพี่หมิงที่ถอยติดประตูบ้าน มือเกาะรั้วเอาไว้หมาก็เลียแผลบๆแบบไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวเลยว่าเจ้านายและเพื่อนร่วมฝูงเอ็งมีแววชะตาขาดเร็วๆนี้
“ไม่ใช่ๆ โอเคพี่ยอมแพ้แล้ว นี่บ้านพี่เองแหละ บ้านญาติที่พี่เคยอยู่ตอนเด็ก” พี่หมิงยกมือยอมแพ้ เปื้อนน้ำลายหมาปียกเลย โห... เท่ซะไม่มี ผมหรี่ตามองพี่หมิงอย่าพิจารณา พูดตามตรงว่าพูดอะไรมานี่ไม่อยากจะเชื่อสักอย่างเพราะโดนหลอกมาตั้งแต่เช้า
“ไม่เชื่อ...”
ในวินาทีนั้นผมกำลังเอาชีวิตตัวเองเข้าแลกเพื่อที่จะได้รู้ว่าบ้านนี้มันบ้านใครกันแน่ ผมดึงประตูบ้านที่ไม่ได้ใส่กุญแจเอาไว้ให้เลื่อนออก พี่หมิงอ้าปากค้าง หมาสี่ตัวเห่าอย่างดุดัน แต่ผมไม่กลัว ผมเป็นหมอสัตว์ จระเข้ผมยังรักษามาแล้ว เสือผมก็เคยเจอ กับแค่หมา ทำไมผมจะต้องกลัว ผมรู้ว่าหมาฝึกมันไม่กระโจนกัดใครถ้าเจ้านายไม่สั่ง แต่ใครจะกล้าเสี่ยง ต่อให้เป็นเจ้าของเองก็คงไม่ขอลอง และถ้าเจ้าของอยู่บ้าน ผมมั่นใจ เจ้าของหมาต้องออกมาแน่ คงไม่อยากเสี่ยงให้คนที่ตัวเองเฝ้าจีบถูกหมาที่บ้านตัวเองกัดหรอก ผมรู้ดี...
.....................................................................................
กันตภัทร hate friend!!!
…………………………………………………………..
ไอ้เหี้ยหมิง!!!
ผมตะลึงตาค้างเมื่อมองออกไปเห็นใครยืนอยู่ที่หน้าประตูบ้าน ผู้ชายรูปร่างมาตรฐาน ผิวขาว หน้าตาน่ารักแต่ไว้เคราแพะ ใส่กางเกงขาสั้นเสื้อยืด ที่ผมคุ้นหน้าคุ้นตาดี มากับไอ้เพื่อนเหี้ย เลวสัส ไอ้หมิงมันแสบมาก พาใครไม่พามาเสือกพาธามมา เอามีดมาแทงกุเลยดีกว่า
“ไอ้เหี้ยหมิง” ผมพึมพำเสียงลอดไรฟันออกมาได้ มองไอ้หมิงที่กำลังทำท่าเหมือนช็อคอะไรสักอย่าง อย่าบอกนะว่ารู้แล้วว่าเป็นบ้านผม น้ำตาจะไหล ไอ้เหี้ยเอ้ย ทำไงล่ะกู ขึ้นไปนอนคลุมโปงแกล้งตายดีไหมวะ...
..ไม่ดีหรอก คิดหาวิธีเอาตัวรอดดีกว่า
KUNTAPAT – ไอ้เหี้ยหมิง มึงเอาข้อเท้าคิดหรือไงไอ้สัส
ผมพิมพ์ด่ามันไปก่อน แต่ไร้การตอบกลับ ชิบหายแล้วไง สงสัยยกขึ้นมาตอบตอนนี้ไม่ได้ ฉุกเฉินเรียกร่วมกตัญญูด่วน
มองๆไป ทำไมอยู่จากหน้างงของธามทำไมกลายมาเป็นหน้าแสยะยิ้มได้ แต่แล้วผมก็แทบกรี้ด กรี้ดจริงๆ อยากกรี้ดมาก กรีดร้องโหยหวนไปเลยก็ได้
ธามมันบ้าไปแล้ว มันรูดประตูบ้านผมออกมา มันกล้าเกินไป หรือมันบ้าเกินไปก็ไม่รู้ หมาผมมันมีแต่พันธุ์ดุๆ ยังจะเปิดประตูเข้ามา ฝึกมาหมดแต่มันจะเชื่อใจได้แค่ไหนในเวลาแบบนี้ เกิดมันลืมที่ฝึกมาล่ะ หมานะหมา!!! ถ้ามันรุมนี่แหกนะเว้ย หน้าเสียโฉมนะเว้ย!!! ไอ้ธาม ตายนะเว้ย!
“ไอ้บ้า!” ผมตะโกนออกมาจากบ้าน ธามเงยหน้าขึ้นมองมาทางประตูบ้าน หมายังคงตั้งท่าเห่าอย่างต่อเนื่อง ไอ้ชายกลางมันตั้งท่าแล้ว ถ้าธามยังเดินอีกก้าวเดียว มันกระโดดใส่แน่
จะเห็นจะอะไรก็ช่างมันแล้วตอนนี้ ไอ้สี่ตัวแยกเขี้ยวส่งเสียงเห่าแข็งกว่าเดิม ผมรีบวิ่งออกมาจากบ้านด้วยความเร็วเต็มสปีด เกือบลื่นผ้าเช็ดเท้าตรงประตูหัวฟาดแต่ยึดขอบประตูได้ทัน
“หยุด!”
ผมตะโกนสั่งหมาเสียงหอบ ยืนจ้องหน้ากับธามที่มองหมา แล้วเงยหน้าขึ้นมามองผม
“โกหกกันได้นะพี่กันต์”
ผมผิดรึเปล่าที่ทำลงไป... ผมถามตัวเองเมื่อได้ยินประโยคเดียวของธาม เจ็บจี้ดถึงใจ เสียงที่พูดออกมาผิดหวัง แสดงถึงความเชื่อใจที่ธามมีให้ผมมาแล้ววันนี้ธามมาเห็น ได้มาเจอกับความจริง ผมไม่รู้ว่าธามจะโกรธผมมากไหม แต่เพียงเสี้ยวนาทีเดียวที่ประโยคนั้นพูดออกมาจากปาก ผมแทบทรุด ไอ้คุดมันเอาตัวมาถูขาผมตามนิสัยมัน แต่ผมดิทำอะไรต่อไม่ถูกแล้ว ไอ้หมิง ยกมือไหว้ผมแล้วทำหน้าสำนึกผิดสุดชีวิต...
มึง ไอ้หมิง ไหนมึงเอาตูดเป็นประกัน... แบบนี้มึงพร้อมเป็นเมียกุแล้วใช่ไหม จะฟันมึงแล้วทิ้ง จะเอาแส้ฟาดมึง แล้วขายต่อที่ชายแดนไอ้เชฟบัดซบ ฮ๊ะ ไอ้เหี้ยหมิงงงงง
“ธาม..” ผมพูดได้แค่นี้แหละ ปลาไหลที่ว่าตายไปแล้ว เมื่อกี้ ตรงนี้ ยังไม่ทันทำศพเลย
“ทำไมต้องทำขนาดนี้...” ถามผมเหรอ นี่เป็นคำถามที่ผมตอบได้
“ธามเองก็รู้อยู่แก่ใจ” ผมตอบ ทั้งหมดเพราะธาม เหตุผลที่ทำให้ผมกลับมาก็เพราะธามเอง
“...อะไร” ธามถามผมกลับ
“.....” ผมไม่พูดอะไร
“ไปคุยกันในบ้านเหอะ” ธามเดินนำไปก่อน ชิบหาย ไม่ได้เก็บบ้านแต่ช่างแม่งเหอะ ขนาดนี้แล้ว กุไม่มีอะไรจะปิดบังแล้ว เห็นสภาพจริงกันไปเลย รก รก รก ไอ้หมิงเดินตามผมมาแบบสภาพหดเหลือเท่านิ้วก้อนตีนด้วยความสำนึกผิดขั้นสุดเท่าที่มันจะแสดงออกมาได้ ธามหันกลับมาถามผมเมื่อไอ้หมิงรูดประตูบานเลื่อนปิด
“ธามใจเย็น” ไอ้หมิงเดินเข้ามาตบไหล่ธามพยายามให้ธามใจเย็น มึงอ่ะไอ้ตัวจุดชนวน
“ธามทำอะไร”
“ไม่บอกอ่ะ” อยากตบปากตัวเอง แต่กวนตีนไปแล้วว่ะ ธามพี่ขอโทษ ผมมองหน้านิ่งๆของธาม...
“กวนนะ!”
ผลั๊วะ! เสียงหมัดเสยเข้าที่มุมปากผมแบบพอดิบพอดี หลบไม่ทัน ไม่คิดว่าแม่งจะต่อยจริง ผมเซแต่ก็ตั้งหลักได้ ดีที่ยังไม่เต็มแรง ไอ้หมิงลากธามออกมาเมื่อธามต่อยเสร็จแล้ว ขอบคุณเพื่อนรัก ขอบคุณ มากกกกกก! ....ไอ้หมิงวันนี้ถ้ากุไม่ได้ถีบมึงกุนอนไม่หลับแน่ มันจับธามเอาไว้ แต่ทำไมเมื่อกี้ ธามถึงเอาหมัดมาต่อยผมได้วะ ไอ้สัส ตอนนี้ในสายตากุมึงไม่มีเหี้ยอะไรดีเลยนอกจากฝีมือทำอาหารมึงไอ้เพื่อนเวรตะไล จ๊าดง่าววววว !!!!
“พอใจยังเนี่ย” ผมถามเบาๆ เริ่มฉุนนิดๆ แม่งถึงกับต่อยเลยเหรอวะ ผมทรุดลงนั่งที่โซฟา แตะปากที่เจ็บสุดๆ เลือดไหลพราก... ปากแตก
“พี่หมิงไปไหนก็ไปปะ เหม็นขี้หน้า” ธามหันไปไล่ไอ้หมิง มันทำหน้าสลด ผิดกับขามาลิบลับ สมน้ำหน้ามึง
“จะไปยังไงอ่ะ” ผมกุมขมับ ไอ้เชี่ยหมิง ยังจะมาถาม ถอดหัวบินไปมั้งคว๊าย
ธามเดินไปที่ที่แขวนกุญแจรถตรงประตู โยนกุญแจรถให้ไอ้หมิงเฉย! ยังดีนะที่โยนกุญแจฟอร์จูนเนอร์ให้มัน ถ้าโยนZ4 ผมก็ไร้ค่าแล้ว... เพราะรถแพงกว่าบ้านว่ะ ไอ้หมิงเดินคอตกเศร้าๆออกไป ไอ้หมาสี่ตัวไม่รู้เรื่องรู้ราวก็ตามไปส่งมันเป็นพรวน ดีจริงหมากู ที่จริงสั่งให้กัดไอ้หมิงไปเลยได้ไหม... ประหยัดเพ็ดดีกรีไปหลายมื้อ ก่อเรื่องไว้นะมึง กุนอนอยู่สบายๆ เสือกหาเรื่องมาให้กุแก้
“ธาม ขอโทษ” เวิร์คสุดแล้วคำนี้ตอนนี้
ธามเดินลงมานั่งที่ฝั่งตรงข้าม มีโต๊ะเล็กขั้นตรงกลางระหว่างเรา... ธามก้มหน้าเอามือกุมหน้าไว้ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาอีกรอบ ก่อนจะส่งคำถามที่โคตร...(โปรดเติมเอาเอง) มาให้ผมตอบ
“อยากได้ธามมากเลยป่ะ”
เล่นถามแบบนี้ ...กูจะตอบตามจริงหรือตอบให้มีชีวิตรอดในวันนี้ดีวะ
....................................................2-11-2011
อู้มาก ขอโทษค่าาาา ในที่สุดก็ได้ทำสถิติอัพทุกวันต่อไป อัพก่อนขึ้นวันใหม่!!
เมื่อวานนี้ที่ไม่ได้อัพเพราะเซ็งตัวเองนิดๆหน่อยๆ ปวดหัว ปวดขี้ บลาๆๆ ช่างแม่ง ฟรวยยย ศิลปะอย่าไปแคร์ มันคือจิตวิญญาณ เรียนเพื่อพัฒนาตัวเอง เก่งเมื่อไหร่ก็จะลาออกไปทำงาน 5555555555555555555555555555555555 เหี้ยละ พอๆ เลิกเพ้อ คนอ่านกลัวแน่เลยว่ะ 555555555555555555555555555

บทนี้ก็แซ่บกับไป รู้ความจริงแก๊งค์ปลาไหลถูกธามฆ่าตายเรียบ... ตอบโพสเม้นหน้า 70กว่าเม้น เริ่ดอ่ะ! บทแรกที่อัพนะ มีแค่10เม้นเองมั้ง ดูวันนี้ซิ โอ้ยยยย ซึ้งว่ะ คนอ่านก็เพิ่ม เอาวะ ถ้าเรียนไม่จบอาจจะมาเขียนนิยายเกย์เลี้ยงชีพ (ใครจะซื้อมึงวะ) ช่างหัวๆ พูดจาไม่รู้เรื่องและ รักคนอ่านสุดติ่งขั้วหยดหยาดจากหัวใจดวงน้อยอันด้วยค่า จุ๊บุว่ะ 555555