42
เชฟนาย
...
(นาย)
เชื่อไหมว่ามีคนที่ทำอาหารกินแล้วท้องเสียจริงๆอยู่บนโลกนี้ ไม่ว่าจะทำอะไรก็กินไม่ได้สักอย่าง ไข่เจียวยังไม่อร่อย ไข่ดาวก็ทอดไม่เป็น ถ้าสงสัยว่าคนแบบนี้มันใครกัน ตอบให้ว่าก็ผมนี่แหละ เคยลองแล้วหลายรอบแต่กินไม่ได้จริงๆ ท้องเสียแทบตาย หลังจากนั้นมาถ้าไม่ใช่อาหารสำเร็จรูปใส่น้ำร้อน หรือเอาเข้าไปอุ่นจะไม่ทำอะไรกินเองเป็นอันขาด เพราะมันเปลือง มันกินไม่ได้ แล้วยังต้องมาเสียอารมณ์ตอนต้องเอาไปทิ้งอีก
แต่วันนี่โลกต้องจารึก ผมจะทำอาหารในรอบปี เมนูคือผักมักกะโรนีหมูโง่ๆที่ใครๆเขาก็ทำกัน แต่ผมทำ แน่นอนว่าผมทำมันต้องมีรสชาติไม่อร่อยนำมาเป็นอย่างแรก แต่ใครจะแคร์... กุไม่ได้จะกินเองสักหน่อย
ในห้างสรรพสินค้าสะดวกซื้อมกล้ๆบ้าน ผมเข็นรถเข็นคว้าวัตถุดิบที่น่าจะเอามาทำเป็นเมนูมักกะโรนีได้ ไม่ได้มีสูตรอะไรเตรียมมาสักอย่าง แต่ก็เคยกินเห็นมีอะไรบ้างก็จับๆหยิบๆมา อันไหนแพงก็ไม่เอา หาอันถูกๆพอ สนุกนะตอนซื้อของ แต่ตอนทำแม่งเลวร้าย ไอ้เจ็ก ถ้ามึงไม่นึกอยากจะกตัญญูรู้คุณญาติต่างแดนของมึงขึ้นมากุก็ไม่ต้องลำบากแบบนี้หรอกนะ เข็นรถเข็นไปก็นึกด่าไอ้เชฟไป แต่มันไมรู้หรอกยกเว้นว่ามันจะมีองค์หยั่งรู้ ซึ่งผมว่าไม่มี ถ้ามีจริงมันน่าจะหนีออกนอกประเทศไปแล้วถ้ารู้ว่าผมจะทำอะไร... แต่มึงอาจจะดีใจก็ได้นะกุว่า ชอบนักนะมึงไอ้แบบรุนแรงๆอ่ะ
ระหว่างทางเดินไปจ่ายเงินก็มีคนแอบมอง แปลกตรงไหนผู้ชายทำกับข้าว ไอ้บ้าบางคนยังยึดเอาเป็นอาชีพเลย ตัวใหญ่อย่างกับหมีควายไม่ได้เข้ากับเหง้าหน้า ผมไม่ได้ออกมาเจอความเจริญนาน เจอคนเยอะไม่ค่อยชิน ขนลุก จะจ้องกูอะไรนักหนา ถ้าเป็นตอนเรียนนี่เดินเข้าไปท้าต่อยแล้ว... แต่นี่โตแล้ว ยั้งทัน
“เออ พี่นายป่าวครับ” รู้แล้วทำไมจ้อง สงสัยนี่เป็นหนึ่งในรุ่นน้องเกียร์ ทันกุแปลว่าโดนกุว้ากมาด้วย
“เออครับ” สุภาพนะครับผม สร้างภาพ ตัวจริงเหี้ย
“เห็นนานแล้วแต่ไม่แน่ใจ หล่อขึ้นนะครับ ปกติเห็นพี่ชอบใส่แต่เสื้อย้วยๆ” ไอ้เหี้ย ด่ากุ ปากหรือนั่น ย้วยพ่องมึงดิ เสื้อตัวใหญ่เว้ย กุผอม มึงไม่เข้าใจผู้ชายสไตล์กุไอ้สัส หน้าตากุดีใส่เหี้ยอะไรก็ดี
“จะบอกว่าดูสะอาดขึ้นก็ว่ามาเหอะ” ถ้ายังอยู่ช่วงซ่อมมึงโดนเดี่ยวแล้วห่า หาว่ากุแต่งตัวแย่
“ไม่ใช่ๆพี่ หมายถึงว่าดูดีขึ้นจริงๆ ว่าแต่มาทำอะไรครับมาคนเดียวเหรอ” นี่ถ้ากุไม่เห็นว่าแฟนมึงเดินตามมากุนึกว่ามึงจีบกุแล้วนะ ไม่ได้หลงตัวเองแต่การพูดการจามึงส่อมาก ซึ่งถ้าจะจีบจริงก็ขอบาย แค่คนเดียวกุยังจะสติแตกเลย มาอีกคนกุฆ่าตัวตายแน่
“มาคนเดียว มาซื้อของดิ มาห้างจะให้มาทำไร ขี่จักรยานเหรอ” ไงล่ะมึง เจอกุสวนไป
“เอ้า มันมีนะพี่ ลานฟิกเกียร์” ไอ้แสรดยังจะต่อได้ พูดไม่พูดเปล่ายิ้มอีก ควายไงผม
“ขอบใจนะ ความรู้ใหม่พี่มากเลย” กุอยากถีบแม่ง... ว่าแต่แฟนที่เดินมาด้วยกันนั่นปอดบวมหรือเปล่า นมใหญ่ไซส์ยักษ์ ยัดเยอะนะ
“ล้อเล่นน่ะพี่” เออ…
“ขอตัว พี่รีบ” ผมรีบปลีกตัวออกมาโดยไว ไม่อยากเจอคนรู้จักแล้ว ยิ่งถ้าเจอเพื่อนเดี๋ยวมันเห็นของในรถเข็นก็จะถามอีกว่าผมจะทำอาหารไปฆ่าใคร... มีความจริงอีกหนึ่งข้อที่เพื่อนผมมันรู้กันดี อันที่จริงรู้กันทั้งภาคว่าผมทำอาหารกินไม่ได้ ท้องเสียเข้าโรงพยาบาลกันมาแล้วนักต่อนัก
จ่ายเงินแคชเชียร์ด้วยหัวใจเต้นระรัวต่อบาปที่กำลังจะไปทำสุดๆ เดินหิ้วถุงไปลานจอดรถแต่ก่อนถึงลานจอดรถเจอร้านขายยา... กันพลาดๆ อย่าคิดไกล ไม่ได้มาซื้อถุงยาง
“ซื้อยาถ่ายพี่ เอาแบบแรงๆ” ผมสั่งแล้วยิ้มหวานให้เภสัชกร...
ไอ้เชฟมึงไม่ตายหรอก กุมีเบอร์รถพยาบาลเตรียมไว้ให้มึงแล้ว ไม่ต้องห่วง เห็นแบบนี้กุก็ห่วงมึงนะจ้ะ
...
(ธาม)
เด็กวิศวะขึ้นชื่อว่าเซียนวงเหล้า เรื่องต่อยตีใช้กำลัง หยาบสถุล เกเรสารพัด รับน้องหนัก บางครั้งถึงขั้นเกินเลย ไว้หนวดไว้เครา ผมออกจะเป็นพวกแขยงเด็กคณะนี้ เพราะตอนเรียนผมมันเด็กเนิร์ด พวกนั้นมันขาโจ๋ รับน้องกันที ซ่อมกันทีก็สยดสยองแก่ผู้พบเห็น โจรชัดๆ ไอ้ที่ดีๆเป็นคุณหนูก็มี แล้วจากไอ้ที่ดีตอนเฟรชชี่เข้าไปเป็นมหาโจรก็เพียบ แต่สำคัญตรงที่ว่าเพื่อนผมเพียนวิศวะซะครึ่งนึงนี่ล่ะประเด็น... สงสัยกันไหมทำไมอยู่ๆผมถึงได้พูดถึงเรื่องคณะยอดฮิตขึ้นมา ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่บังเอิญเจอพี่นายหลังจากที่ไม่ได้เจอกันนาน แม้ล่าสุดไม่กี่วันมานี้จะได้รับโทรศัพท์ถามอะไรแปลกๆจากพี่นายก็ตาม พี่นายวันนี้มากแปลกมากฉีกลุคพี่ว้าก ใส่เสื้อแขนยาวลายทางกับกางกางยีนส์สีซีดๆนั่งกินกาแฟคนเดียวในร้านดังกลางห้าง ปกติเห็นมีแต่เสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้นคีบรองเท้าแตะ ถามว่าน่ารักไหม ตอบได้เลยว่าสุดๆ ประหนึ่งว่ามีออร่าปิ้งๆออกมาจากตัวเลยก็ว่าได้ ผู้ชายผิวขาว ผมยาว หน้าหวาน สุดๆครับสุดๆ
แต่ประเด็นคือ... พี่นายมาทำอะไรแถวนี้ ห้างสรรพสินค้าแถวๆคอนโดผมที่ไม่ได้มีอะไรพิเศษเลย หรือมารอพี่หมิง แต่ไม่น่าเป็นไปได้ ผมไม่ได้รู้อะไรเยอะหรอกว่าพี่หมิงมีปัญหาอะไร แต่ว่าดูก็รู้ว่ามีกับพี่นายแน่ๆ คงจะอกหัก หรือต้องแยกกัน ผมเดินเข้าร้านกาแฟ จะได้ไปทักทายตามประสาคนมันมนุษยสัมพันธ์ดี
“พี่นายมาทำอะไร” ผมเดินไปเสนอหน้าทักทาย พี่นายเงยหน้าขึ้นมอง แวบแรกงง แต่ช็อตต่อมา ยิ้มซะกว้างอย่างกับถูกหวย
“รอธาม” พูดแล้วก็ยิ้มหวานอีก... เข้าใจกันเลยว่าทำไมพี่หมิงถึงฝังใจกับรายนี้ แต่ผมว่าถึงจะน่ารักแต่ดูอันตรายๆแบบรู้สึกได้เลย หรือผมคิดไปเอง แล้วรอผมทำไม รู้ได้ไงว่าผมจะมา
“จริงดิ” ผมก็เอ๋อดิครับ
“กินอะไรพี่เลี้ยง” พี่นายหยอกมาอีกหน่งประโยคเด็ดเหยดดด ลาภปากแล้วไง
“จะดีเหรอพี่ งั้นเอากรีนทีเฟรปปุชิโน่แล้วกันครับ” นิดนึงน่า นานๆทีมีคนเลี้ยง กำลังหิว พี่นายยิ้มขำๆแล้วลุกขึ้นไปสั่งเอง ก่อนลุกก็ยิ้มอีก ผมรู้สึกว่าผมดูโง่ๆคิดอะไรไม่ค่อยออกเลย ไม่ทันคน... เหมือนพี่นายมีเบื้องหลัง หรือผมพลาดแล้วที่รับของจากคนแปลกหน้า
ไม่นานพี่นายก็เดินกลับมาพร้อมชาเขียวอันเลอค่าของผม มีขนมมาให้อีก โอ้ย รวยไปไหนพี่ครับ แต่อย่างว่าทำฟาร์มจระเข้ ไม่ค่อยได้ออกไปเที่ยวไหน เงินพอกพุน เอาออกมาใช้บ้างก็ดีแล้วพี่ เลี้ยงเด็กแบบผมทำการกุศล
“พี่นายรู้ได้ไงว่าผมจะมา” ถามก่อนกิน
“ก็ไม่รู้ แต่กำลังจะกดโทรศัพท์หาพอดี” เอากันว่าไม่สนใจว่าผมว่าหรือไม่ว่าง แต่มึงต้องมาว่างั้น โชคดีแล้วที่ผมออกมา ไม่งั้นได้มีกรณีบุกคอนโดอีกแน่
“เรื่องพี่หมิงรึเปล่า” ขอเสือกนิดนึง ผมยังไม่กิน มันต้องรู้สาเหตุก่อน เกิดกินสุ่มสีสุ่มห้า มียาพิษตายห่าซิกู (ว่าไปนั่น)
“ฉลาดนี่หว่า” เอ๊ะเหมือนโดนหลอกด่า ไม่หรอกๆ พี่นายพยักหน้าหงึกหงักอย่างพอออกพอใจกับความแสนรู้หัวไวของผม
“มีอะไรอ่ะพี่” แล้วผมก็ตัดสินใจดูดชาเขียวล้ำค่าจากญี่ปุ่นเข้าปากไป... โอ้ย อร่อยอ่ะ ไม่ได้กินนาน การเงินมันขาดสภาพคล่อง
“ธามไปส่งมันที่สนามบินรึเปล่า” พี่นายถามเสียงเรียบๆ ไร้พิรุธ แต่ดูไม่น่าไว้ใจสุดๆ พี่นายเนี่ยนะจะถามคววามเป็นอยู่ ถามเรื่องไปส่งพี่หมิง มันไม่น่าเชื่อนะโว้ย...ชักจะได้กลิ่นไม่ดีแล้วกุ โทรไปบอกพี่หมิงดีไหมว่ามีแววโดนคนประสงค์ร้าย
“เออใช่ๆ พี่กันต์ขับรถไปส่งอ่ะครับ พี่นายไปด้วยกันป่ะ”
“วันไหนกี่โมงอ่ะ” เออะ สงสัยผมระแวงไปเอง พี่นายออกจะคนดี
“วันพุธก็ตีสี่อ่ะพี่ เครื่องขึ้นหกโมง” ที่จริงพี่กันต์จะมานอนห้องพี่หมิงเลยด้วยแต่เห็นว่างานถล่มทลายมาก เลยได้แค่ไปส่งที่สนามบิน ไม่มีเลี้ยงส่งอะไรกันสักอย่าง เพราะผมเองก็ยุ่ง พี่กันต์ก็ยุ่ง แล้วพี่หมิงก็ดูไม่อยากรับรู้โลกอะไรทั้งสิ้น แต่ก็ไม่แน่เหลือเวลาอีกสองวัน พี่หมิงอาจจะเปลี่ยนใจยกเลิกไม่กลับแล้วก็ได้ เพราะดูจะขาดใจยังไงพิกล
“”ไอ้หมิงก็อยู่ห้องอ่ะเหรอตอนนี้”
“ใช่พี่ เน่าอยู่ในนั้นมาหลายวันแล้ว” น่าสงสารมาก
“เหรอๆ ขอบใจมาก พี่ไปละนะ” แล้วก็ลุกพรวดซะอย่างงั้น เฮ้ย ทิ้งกุไว้งี้อ่ะ มาล้วงข้อมูลแล้วก็ไป ผมก็เสียหายนะพี่ จะทำอะไรเนี่ย ยังจะมีจองเวรจองกรรมกันอีกเหรอ! แต่ก็ช่างมันครับ ผมได้ชาเขียวกินฟรี ออกไปหาซื้อของดีกว่าช่วงเวลาสุขของหนุ่มโฉดแบบผม เดินคนเดียวไม่เกี่ยวใคร ใครจะว่าเหงาก็ช่างหัวมัน…
อันที่จริงพี่แป้งกลับไปงานเยอะอีกแล้วไม่ว่าง ส่วนพี่กันต์ก็ยุ่งตลอดช่วงนี้ พี่หมิงปล่อยไว้แม่งงั้นแหละ ผมเดินคนเดียวจบ...
...
(นาย)
หน้าดูไม่จืด ตอนเห็นหน้าผมยิ่งดูไม่จืด แล้วมึงเป็นโรคบ้าอะไรที่ไม่ชอบใส่เสื้อผ้า เป็นคนป่ารึเปล่า...
“เห้ย มาได้ไง” ไอ้หมิงหวีดร้องคว้าหมอนมาปิดไอ้สิ่งที่ควรปิด ไม่ทันอ่ะสัส กุเห็นเต็มตา... ขอไม่พูดถึงละกัน ของแบบนี้ ต้องเจอเองกับตัว (เวร ไม่ใช่ละ)
“กุมีการ์ด มีกุญแจ กุก็ไขเข้ามาดิ มึงให้กุไว้เอง” ถามควายๆ ผมเดินไปในครัว เอากล่องใส่มักกะโรนีวิเศษวางเอาไว้ แล้วก็แวะไปหยิบกางเกงนอนที่มันตากเอาไว้ที่ระเบียงมาโยนให้มันที่โซฟา...
“มาทำไม” ถามแบบนี้เหมือนไม่ใช่มันเลยจริงๆ ปกติดีใจระริกระรี้เวลาเห็นผมมาห้อง มันรับกางเกงไปแล้วใส่แบบงงๆ
“ก็มึงจะไปแล้ว เลยทำอะไรมาเลี้ยงส่งหมดเวรหมดกรรม ใส่ดิ๊ อุบาทว์”
“เมาป่ะเนี่ย” พูดจาไม่ตอนรับกุ แต่ปากยิ้ม กวนตีนนะหมิง แล้วเมื่อไหร่จะใส่กางเกง...
ผมไม่รอดูตอนมันใส่หรอก ไม่ได้น่าชื่นชม ของตัวเองก็มีไม่จำเป็นต้องดูของมัน ผมทำภารกิจของตัวเองต่อคือเทผัดมักกะโรนีที่ทำไว้ตั้งแต่เย็นเมื่อวานสงสัยใช่ไหมว่ามักกะโรนีมันเก็บข้ามวันได้หรือ ตอบคือไม่ได้ ผมเลยทำแบบสปาเกตตี้คือทำน้ำราดๆ กับมักกะโรนี มาถึงผมก็จับคลุกๆ ดูคล่องแล้วมาก เสียดายที่มึงตัวแต่แต่งตัวอ่ะหมิง ประสบการณ์คลุกๆแบบนี้สั่งสมมาตั้งแต่เด็ก คลุกข้าวแมว ข้าวหมา
“นายทำอะไร” ประโยคแรกที่มันถามเมื่อเดินมามองอะไรเละๆสักอย่างที่อยู่ในจาน... บอกแล้วว่าผมขึ้นชื่อมากเรื่องอาหารให้กลายเป็นอะไรสักอย่างที่ดูกินไม่ได้
“ผักมักกะโรนีราดซอสมะเขือเทศและหมู ไก่ กุ้ง” รู้สึกอารมณ์ดีผิดปกติ ตอนที่ตัวเองบอกชื่ออาหาร ส่วนไอ้หมิงทำหน้าขยะแขยงแบบไม่ปิดบัง ถามว่าผมเสียใจไหม ไม่เลย ขนาดผมเองผมยังไม่กล้ากิน กลัวตาย
“ถามจริงๆนาย นายจะทำอะไรอีก” หมิงถามผมเสียงเหมือนคนหมดแรง เออ อย่าทำตัวน่าสงสารไปมากกว่านี้ได้ไหม แค่นี้กุก็รู้สึกผิดจะแย่แล้ว
“ก็ทำมาให้มึงกินนี่ไง เป็นการขอบคุณที่ตลอดสามปีมึงทำใหกุจี้ดหลายเรื่อง ถ้าไม่มีมึงกุคงไม่ได้กินอาหารดีๆ” ตอแหลนะ... หมิงไม่ใช่ควาย มันไม่เชื่อหรอก
“วางยาหรือไง แบบนี้กินไปมีแต่ตายกับตาย แล้วทำมาให้กินทั้งทีทำให้มันดีๆหน่อยไม่ได้หรือไง” ชวนทะเลาะเหรอ กุไม่ได้เจอมึงโหมดนี้มานานแล้วนะ อย่ามาโหดใส่กุได้ไหมวะ กุทำได้แค่นี้โว้ย
“มึงก็รู้ว่ากุทำได้แค่นี้ แต่กุก็ทำเอง ยากชิบหาย กว่าจะต้มนั่นนี่ ผัด ปรุง ล้าง” พยายามจะเย็นอยู่ ไม่ว้าก ไม่ขึ้นเสียง ไม่สวนมันกลับ เป็นมึงนี่อดทนนะหมิง แค่กุฟังมึงขึ้นเสียงนิดๆกุยังจี้ดเลย มึงทนกุมาได้นะตั้ง3ปี
“ถ้ามันลำบากก็ไม่ต้องทำแต่ทีแรกดิ ไม่ต้องทำอะไร ปล่อยให้มันผ่านไป ไม่ต้องสนใจ ยังไงก็จะไปอยู่แล้ว จะมาลำบากอีกทำไม” เกลียดมันว่ะ... อยากจะกระชากคอเขย่าๆ แล้วถามเลยว่าใครมันทำใครก่อน
“กูอยากให้มึงกินจบไหม ถือว่าเป็นการยกโทษของกุ ต่อจากนี้คือจบกุกับมึงไม่เคยมีเรื่องอะไรกันมาก่อน กุไม่โกรธไม่ทำเหี้ยอะไรมึงอีกแล้ว ไหนๆมึงก็จะไป แค่อยากให้มึงกิน เพราะกุทำ พอใจมึงยัง คำตอบแบบนี้ป่ะที่อยากได้” พูดแล้วของขึ้น ยิ่งเห็นหน้านิ่งๆของมัน ปกติมันจะยิ้มรับ ไม่สนใจ ตายด้าน คราวนี้มันต่างกัน มันไร้อารมณ์ กุเกลียดมึงว่ะ
“มันไม่ช้าไปหน่อยเหรอนาย ตอนนี้มันจะช่วยอะไรวะ”
“เรื่องของมึง”
“กำลังจะรู้สึกดีขึ้นแล้วนะจริงๆ แล้วนี่กลับมาอีกเพื่ออะไร ซ้ำเหรอ”
“กุนึกว่ามึงเป็นพวกชอบความเจ็บปวดซะอีก” ผมลากเก้าอี้ลงนั่ง มองมันนิ่งๆ ตามที่มันว่า สภาพแย่กว่าปกติมากๆ ใต้ตาคล้ำแบบชัดเจนเพราะมันเป็นคนขาว ไอ้หมิงถอนหายใจเบาๆ แล้วนั่งลงตรงข้ามผม มันหยิบช้อนขึ้นมาเขี่ยๆดูอาหารในจาน
“จะตายป่ะเนี่ย” สุดท้ายมึงก็ยอมกินอ่ะหมิง
“ตายเดี๋ยวกุเอาไปส่งวัดเอง”
“กุยังไม่เคยถามคำถามนี้กับมึงเลยนะเวลามึงทำอาหารมาให้กุกิน แดกเข้าไปปะ” ตรรกะวิบัติมาก แต่ไม่รู้จะเถียงอะไรมันแล้ว จริงๆ กินเข้าไปเถอะหมิง มึงจะสบายมาก...
หมิงตักมักกะโรนีหน้าตาประหลาดฝีมือผมขึ้นมามอง ดมพิสูจน์ว่ายังไม่เน่าเสีย แล้วเอาเข้าปาก เคี้ยวช้าๆ หน้านิ่ง แล้วก็กลืน
“รสชาติดีกว่าที่คิดนะ แต่ก็ยังแย่อยู่ ไม่แย่อยู่... แย่มาก” ผมแสยะยิ้มรับคำชมปนด่าเรื่องอาหารต้องยอมมัน เออน่ะ ของดีมันอยู่ที่คุณค่าสารอาหาร เชื่อกุ มึงไปสบายแน่ กินเข้าไปเยอะๆนะมึง
...17-4-2012
ง่วงมากกกกกกกกก โฮกกกกกกกกกกกก

ช่วงนี้เกิดอะไรขึ้นอ่ะ ทำไมคนเขียนดูงงๆ เบลอๆแม่งบ้าไปแล้วอ่ะ เอาจริงๆ นี่นั่งพิมพ์ไปหาวไป กุจะบ้าาาาาาา พี่กันต์หายไปหลายบทแล้วนะ บทหน้าๆเจอกันต์ บทนี้เจอนายแบบเต็มบทไป ธามก็โดนหลอกใช้ น่าสงสารจริงๆ แต่ที่น่าสงสารที่สุดไม่มีใครเกินหน้าเกินตาหมิง มันจะรอดไหมยังไม่รู้เลย 555555
มีคนสงสัยว่าก่อนหน้านั้น(3ปีที่แล้ว) หมิงกับนายเคยเป็นแฟนหันเหรอ คือเปล่านะจ้ะ ไม่ได้เป็น แค่จีบๆกัน แล้วไอ้ประโยคที่นายลองคิดดูว่าอย่างงั้นอย่างงี้เป็นแค่การคาดเดาไปมั่วๆเฉยๆ บอกแล้วว่าคนเขียนเบลอมาก อาจจะเขียนแล้วอ่านงงๆ สงสารคนอ่าน โถ๊ะ จะพยายามอัพให้เร็วกว่านี้นะ T T อยากมีสติ อยากกลับมาตอบโพส ฮือออออออออออออ รักคนอ่านนะจ้ะที่ยังติดตามกันอยู่ ทั้งๆที่นิยายเรื่องนี้มันมึน มันเบลอ คนเขียนผีเข้าผีออก สติไม่ค่อยอยู่
ปล.เรื่องที่มีคนเอานิยายเล้าไปแจกเป็นไฟล์เวิร์ดก็พึ่งรู้เรื่องกะเขา นิยายเรื่องเก่าสมัยครั้งกรุงศรีแตกของเราก็โดนด้วย นักอ่านก็อย่าทำกันอีกนะจ้ะ ไม่ได้มีเจตนาร้ายแต่คิดหน้าคิดหลังกันก่อนเน้อจะแจก จะแชร์ หรือจะทำอะไร เดี๋ยวโดนเขาฟ้องจะชิบหายกันใหญ่ กฎหมายลิขสิทธิ์มันเงินๆทองๆ มาอ่านกันในนี้แหละ อ่านแล้วได้โพสคุยกับคนเขียนด้วย สนุกจะตาย เราชอบอ่านโพส 55555555555555555555
ปล2.ขอบคุณคนอ่านที่น่ารักจุบุุจิบิทุกๆคนที่ติดตามนะจ้ะ