INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง  (อ่าน 158697 ครั้ง)

myLoveIsYOu

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #120 เมื่อ08-01-2008 01:32:01 »

อ่า พิรุณา กับ ธีรธร เริ่มหวานกันแล้ว อิอิ  :m1: :m4:

three

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #121 เมื่อ08-01-2008 12:43:39 »

พี่เคาจ้ารักคนที่เขารักเราดีกว่าไหม :m23:
หวานกันจังเลยนะครับคุณพิรุณา คุณธีรธร

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #122 เมื่อ08-01-2008 14:21:11 »

คู่นี้ น่ารักเข้าทุกวันแฮะ อิอิ

myLoveIsYOu

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #123 เมื่อ11-01-2008 02:53:34 »

มารอตอนต่อไปแล้วครับ หายไปหลายวันแล้ว  :m23:

ออฟไลน์ ErosAmor

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 851
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-2
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #124 เมื่อ11-01-2008 19:19:09 »

หวานละลาย เจ้าหมาถูกฝึกมาดีเกินไป จริงๆ

น่ารักทั้งคู่เลย แต่ก็แอบเชียร์เคนอยู่เล็กน้อย

สงสารปองเมื่อไหร่จะสมหวังสักที

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #125 เมื่อ11-01-2008 20:06:44 »

เป็นกำลังใจให้ครับ

snowblack

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #126 เมื่อ14-01-2008 03:49:28 »

ขอโทษที่มาอัพให้ช้านะครับ :m5:

มาอ่านตอนที่ 10 ต่อกันเลยครับ :a1:
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
INTERMEZZO   chapter# 10




       พิรุณากำลังลองขีดๆเขียนเพลงให้ได้สักเพลงหนึ่ง  แต่ช่วงนี้มันดูไม่ค่อยมีแก่ใจจะแต่งเพลงเลย  หลังจากที่เขาแต่งเพลงที่ถูกขอให้ช่วยแต่งเสร็จ  สมองของเขาก็ดูเหมือนจะปิดระบบการทำงานลงเสียโดยสิ้นเชิง  พิรุณาเริ่มหงุดหงิดกับตัวเองที่ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ   จึงเปลี่ยนความสนใจจากการพยายามแต่งอะไรสักอย่างออกมาเป็นการเล่นไปเรื่อย  นิ้วเรียวที่ตัดเล็บสั้นเรียบเริ่มโลดแล่นไปตามคีย์เป็นเพลงอะไรก็ได้ที่เขาจำได้  เกรซเดินเข้าๆออกๆหลังบ้านจึงได้ยินเสียงปองฮัมเพลง   เกรซลอบฟังเสียงนั้นอย่างตั้งใจ  เสียงปองคลอไปกับเสียงนุ่มๆของเปียโนได้เข้ากันดีมากทีเดียว  ดวงตาสีฟ้าใสลอบมองชายหนุ่มร่างโปร่งดูบอบบางที่กำลังล้างจานอย่างใช้ความคิด จนปองรู้สึกได้

“อะไรหรอครับ?” ปองถามเพราะเห็นเกรซจ้องเขาตาไม่กระพริบ

“อ้อ...เปล่าๆ  แชมพูน้องหมาอยู่ไหน”เกรซรีบกลบเกลื่อน  จังหวะที่ปองหันหลังแล้วก้มลงหยิบสิ่งที่เธอถามหา เกรซก็อดปล่อยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาไม่ได้

“คุณปองเสียงดีเหมือนกันนะ”

“เอ๊ะ!! ได้ยินหรอครับ” ปองถามอย่างตกใจ ดวงหน้าขาวนั้นซับสีเลือดเรื่อๆ

“นี่...สนใจจะเป็นนักร้องไหม?”

“คุณเกรซอย่าล้อเล่นสิครับ  แค่งานของคุณพิรุณาผมก็จะแย่แล้วล่ะครับ”

“ก็ถือซะว่าทำงานให้พิรุณาไง”เกรซฉีกยิ้มกว้างอย่างเจ้าเล่ห์

“คงไม่ดีมั้งครับ”

“ดีสิ  ดีแน่ๆ  อย่างน้อยก็ลองดูหน่อยน่า~นะ”เกรซรีบฉวยข้อมือปองเดินเข้าไปหาพิรุณาที่กำลังเล่นเปียโน

‘ชั้นรู้แล้วว่าจะเอาใครร้องเพลงให้แจค’เกรซส่งภาษามือให้พิรุณาที่หันมาสนใจคนทั้งคู่เต็มที่

‘ใครล่ะ?’ เกรซผ่ายมือราวกับพิธีกรบนเวทีไปที่ปอง  ดวงตาสีน้ำตาลแดงของพิรุณามองตาม เห็นปองทำหน้าปุเลี่ยน

‘ปองหรอ?  แน่ใจอ่ะ  ดูเจ้าตัวไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่เลยนะ’

‘แหม ลองดูก่อนก็ได้นี่’ เกรซรีบยัดเยียดโน้ตที่พิรุณาเขียนให้เจ้าตัว  แล้วรีบส่งเนื้อร้องที่ แจค รุ่นพี่นักเขียนเพลงส่งมาให้ลองดูให้ปอง

‘ลองเล่นสักรอบให้คุณปองพอจับเมโลดี้ได้หน่อยดิ’พิรุณาทำยักคอไปมาแล้วหันกลับไป



         นิ้วเรียวกดลงบนคีย์อย่างชัดเจนทุกตัวโน้ต เสียงอินโทรอบอุ่นอ่อนหวานทำให้ปองชักเริ่มกล้าๆกลัวๆ  เกรซช่วยอธิบายให้ว่าต้องเริ่มตรงไหน แล้วแนะนำให้เขาลองฮัมเพลงคลอไปด้วยก็ได้  ทำนองเป็นเอกลักษณ์อ่อนหวานยังคงดังต่อไปอย่างต่อเนื่อง เมื่อได้ฟังแล้วทำนองนั้นก็ติดหูปองทันที เนื้อหาของคำร้องอ่อนหวานเว้าวอนฟังดูน่ารักจนเขานึกอยากดูหน้าคนแต่งเนื้อร้องขึ้นมาอย่างไรชอบกล

“ลองร้องดูนะคุณปอง”เกรซใช้ดินสอเคาะเป็นจังหวะประกอบให้อีกแรง


         ปองเปล่งเสียงร้องออกมาอย่างไม่ค่อยมั่นใจมากนัก  จนถูกเกรซดุให้ว่า ‘ร้องดังๆ  ตอนล้างจานยังร้องดังกว่านี้เลย’ พิรุณาขำกับหน้าปองที่ดูพิลึกชอบกลพลางเล่นเปียโนโดยลดระดับความดังของเสียงลงเพื่อให้เสียงร้องเด่นชัดขึ้น  ปองร้องเพลงอย่างเต็มเสียงได้ในที่สุด  เสียงที่ไม่ได้ห้าวจัดแต่มีน้ำหนักขับร้องไปตามท่วงทำนอง เน้นหนักเบาพอใช้ได้ เอื้อนต่างๆทำได้ค่อนข้างดี โดยรวมแล้วนับว่าดีทีเดียวสำหรับมือสมัครเล่น  แต่คงต้องผ่านการขัดเกลาจากมือพระกาฬพิฆาตไก่อ่อนเสียก่อน  พิรุณาลอบมองหน้าเกรซ  เธอพยักหน้าให้น้อยๆ  ดวงตาใสแจ๋วคู่นั้นเต้นพราวอย่างตื่นเต้น


“เยี่ยมเลยคุณปอง แหม...พวกเรานี่ทำงานกันแบบไม่ต้องใช้ทุนกันเลยนะ”เกรซกล่าวด้วยเสียงระรื่นทันทีที่ปองร้องจบพลางยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู

“ค่ะ  ใช้ได้ไหมคะ?”เกรซนิ่งฟังคำตอบจากปลายสายครู่หนึ่ง

“ได้ค่ะ เกรซจะบอกพิรุณาให้  ค่ะ  แล้วจะรีบเช็คตารางพิรุณาให้นะคะ ค่ะ....ค่ะ ขอบคุณค่ะ”เกรซพูดจบแล้วปิดฝาโทรศัพท์มือถือก่อนจะยืดอกขึ้น

“คุณปองคะฉันขอดูตารางงานของพิรุณาช่วงสองสัปดาห์นับจากนี้ค่ะ”

“คุณพิรุณาไม่รับงานช่วงนี้ครับ”เกรซยิ้มกริ่มอย่างพอใจ 

“เยี่ยมเลย”

‘เราต้องส่งคุณปองบินไปหาแจคนะ  เขาถูกใจเสียงคุณปอง’พิรุณาพยักหน้าเข้าใจภาษามือที่เกรซส่งให้

‘เอาสิ ถ้าแจคถูกใจก็โอเค ส่งตัวยัดลงกล่องไปภายในคืนนี้เลยก็ยังได้’พิรุณาขำกับจินตนาการตัวเองที่จับปองยัดลงกล่องพัสดุขนาดเล็ก





         และแล้วก็เป็นจริงดังคาด  ปองถูกส่งตัวไปพบมิสเตอร์แจค แอนด์ เดอะ ริบเปอร์ สมใจเกรซและพิรุณา  ทำให้พิรุณาเกิดโรคขี้เกียจตัวเป็นขนขึ้นมา เขานอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ที่บ้านแทบทั้งวันจนเบื่อ  ส่วนเกรซสามวันนี้จะไม่อยู่  คุณเธอมีภารกิจยิ่งใหญ่ไปออนทัวร์เล็กน้อย  คาดว่าคงไปเปิดหมวกแก้เซ็ง อาจจะเป็นที่โซโหอีก  หรืออาจจะเป็นที่อื่นๆในรายชื่อที่เกรซจดไว้แน่นเอี้ยด   พิรุณาเองก็เซ็งออกไปเดินย่ำต๊อกในเมืองบ้างก็คงดี





         ธีรธรกำลังประชุมอยู่ในห้องประชุมเล็ก  บรรยากาศภายในห้องกำลังอึมครึมเคร่งเครียด  ธีรธรที่นั่งอยู่หัวโต๊ะนั่งนิ่ง  คิ้วเข้มนั้นนิดๆเพ่งมองสิ่งที่โปรเจคเตอร์ที่กำลังฉายภาพแผนภูมิ  ในสมองกำลังคิดทบทวนแผนงานต่างๆไปด้วย  สีหน้าของเขาไม่ช่วยให้ผู้อยู่ร่วมประชุมรู้สึกเบาใจขึ้นเลยกลับทำให้อึดอัด เพราะพวกเขาไม่อาจรู้ได้เลยว่าเจ้านายหนุ่มพอใจกับสิ่งที่พวกเขานำเสนอหรือไม่  ไม่แน่พวกเขาอาจถูกไล่ตะเพิดออกมาจากห้องประชุมนี้เลยก็ได้ หรือถ้าร้ายกว่านั้นคือ...ไล่ออก    ลีแอนเหลือบมองเวลาแล้วถึงเวลาพักเบรคการประชุมแล้ว  เพราะผู้ร่วมประชุมบางคนทำท่าจะไม่ไหวเพราะความเครียดที่จู่โจมโถมใส่นั่นเอง

“เราพักเบรคกันสิบห้านาทีก่อนนะคะ” ลีแอนกล่าวเมื่อสบโอกาส  ทำให้ทุกคนลุกแล้วทยอยกันออกไปทานอาหารว่างด้านนอก เหลือเพียงบอสหนุ่มของเธอที่ดูไม่ค่อยอยู่ในอารมณ์แจ่มใสมากนัก  มือแข็งแรงนั้นหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองเปิดเช็คข้อความ  ข้อความสาระพัดถูกส่งเข้ามา  ส่วนใหญ่เมื่ออ่านแล้วก็ลบทิ้งไป  ทันใดนั้นก็มีข้อความเข้า


ชะโงกหน้าที่หน้าต่าง ถนนด้านข้างสิ


         บอสหนุ่มเลิกคิ้วอย่างสงสัยว่าถนนด้านข้างมันมีอะไร  ร่างสูงลุกขึ้นก่อนจะก้าวยาวๆไปที่หน้าต่าง  ห้องนี่เป็นห้องริมสุดของอาคารด้านข้าง พอดี และถนนด้านข้างมีเพียงด้านนี้ด้านเดียวเท่านั้น  ด้วยเพราะอีกข้างเป็นบึงน้ำขนาดใหญ่  ร่างโปร่งบางในโค้ตสีน้ำตาลแดงคุ้นตากำลังก้มหน้ากดโทรศัพท์มือถือตัวเองด้วยมือหนึ่ง มืออีกข้างเขาไม่แน่ใจนักว่าถืออะไรไว้  ร่างสูงนั้นรีบหันหลังแล้วก้าวยาวๆพละไปจากหน้าต่างทันที  ลีแอนมองบอสหนุ่มของเธอที่หุนหันออกไป  ก่อนจะมองลงไปจากหน้าต่างบานนั้นบ้าง  ภาพใครคนหนึ่งที่คุ้นตาทำให้เธอระบายยิ้มออกมาอ่อนจาง



“พิรุณา!”เสียงเรียกจากด้านหลังทั้งที่เจ้าของเสียงนั้นรู้อยู่เต็มอกว่าชายร่างโปร่งบางที่เขาเรียกไม่อาจได้ยินเสียงนั้น  มือแข็งแรงคว้ามือนวลบางข้างหนึ่งได้  พิรุณาหันตามแรงนั้นอย่างตกใจ

‘เบาๆสิเดี๋ยวกาแฟหกหมดพอดี’ กาแฟร้อนจากร้านที่ธีรธรชอบฝากเลขาสาวไปซื้อถูกยื่นให้  ธีรธรรับมาอย่างงงๆ

“ทำไมใจดีจัง”

‘วันนี้ผมเบื่อๆเลยออกมาเดินเล่น  พอดีเดินผ่านร้านกาแฟนี่  คุณลีแอนบอกว่าคุณชอบ  ผมเลยซื้อมาฝาก  เพราะยังไงต้องเดินผ่านที่นี่อยู่แล้ว  ส่วนเค้กนี่ฝากให้คุณลีด้วย’ดวงตาคมสีม่านราตรีมองดวงหน้าขาวเนียนที่มีเค้าของหนุ่มน้อยในนัยน์ตาพราวคนนั้นอย่างเผลอไผล

“ขอบใจมาก  เดินมาไกลหรือเปล่า เหนื่อยไหม?” พิรุณาส่ายหน้า แต่ไม่ ได้ตอบกว่าเริ่มเดินมาจากตรงไหน

‘ดื่มกาแฟก่อนเถอะครับ เดี๋ยวมันจะเย็นเสียหมด’ ธีรธรดื่มกาแฟที่ตัวเองชอบ พลางมองหน้าคนมีน้ำใจไปด้วย  กาแฟเปี่ยมน้ำใจอร่อยอย่างนี้นี่เอง

“เดี๋ยวผมต้องประชุมต่อ  อากาศชักเย็นๆแล้ว คุณกลับไปรอที่บ้านดีกว่าไหม?” ธีรธรถาม ในน้ำเสียงนั้นช่างอบอุ่นเหลือเกิน พิรุณารู้สึกถึงความอบอุ่นนั้นผ่านทางสายตาที่ทอดมองมา

‘ทำไมสุภาพจัง  กาแฟใส่อะไรผิดสำแดงหรือเปล่าเนี่ย?’

“เปล่าหรอก แต่น้ำตาลมันหวานน่ะ”พิรุณาเอียงคอสงสัย ไม่เข้าใจในสิ่งที่ธีรธรพูดแม้แต่น้อย

“ว่าไง  กลับไปรอที่บ้านนะครับ”ธีรธรกล่าวแล้วยิ้มน้อยๆ  เป็นรอยยิ้มที่พิรุณาแพ้ทางมากที่สุด  ถ้ายิ้มอย่างนี้ทั้งวันให้พิรุณา ขออะไรเขาให้หมดเลยเอ๊า~

‘ครับ แล้วเจอกันที่บ้าน’มือแกร่งจับมือบางมากุมไว้  มือนวลๆนั้นเย็นจัดธีรธรจึงกุมมันไว้ แล้วยกขึ้นเป่าลมให้ไออุ่นจากร่างกายเขาทำให้มือนั้นอุ่นขึ้นก่อนจะถูเบาๆ พิรุณารู้สึกหน้าร้อนวาบ พยายามบิดมือออกจากการเกาะกุม แต่ดูเหมือนตีนตุ๊กแกของธีรธรจะแกะไม่ออกเสียแล้ว

“แล้วจะรีบกลับนะครับ” ธีรธรเลื่อนมือขาวนวลนั้นมาสัมผัสริมฝีปากตนอย่างฉาบฉวยก่อนจะปล่อยเป็นอิสระ แล้วเรียกแท๊กซี่ให้ พร้อมทั้งบอกจุดหมายปลายทางให้ด้วย  พิรุณาก้าวขึ้นนั่งเบาะหลังโดยมีธีรธรปิดประตูตามหลังให้ เมื่อแท็กซี่เคลื่อนตัวออกไปแล้ว  พิรุณาใช้มืออีกข้างกุมมือที่ถูกสัมผัสเมื่อครู่  รอยสัมผัสอุ่นนั้นยังคงฝากความซ่านร้อนไว้ที่ผิวเนื้อ  ดวงตาสีน้ำตาลแดงนั้นฉายประกายครุ่นคิด

แน่ใจเล้วหรือ พิรุณา?  คิดดีแล้วแน่จริงๆนะหรือ?





         ธีรธรเดินกลับมาเข้าประชุมอย่างอารมณ์ดี  ทำให้ทุกคนยกเว้นเลขาสาวนึกแปลกใจว่าเรื่องดีๆอะไรหนอที่เปลี่ยนอามรณ์บอสหนุ่มได้เร็วถึงเพียงนี้   เมื่อเกือบยี่สิบนาทีก่อน บอสหนุ่มยังหน้าหงิกเป็นม้าหมากรุกอยู่แท้   บัดนี้ชายหนุ่มยิ้มกว้างให้ผู้ร่วมงานเล่นเอาสาวน้อยสาวใหญ่ในการประชุมอายม้วนกันไปจวบจนการะประชุมเสร็จสิ้น  ผู้ร่วมประชุมทุกคนศีรษะยังตั้งอยู่บนบ่าได้อย่างสบาย  นับเป็นโชคโดยแท้

“บอสคะ  คุณมิลเลอร์มารอพบอยู่ที่ห้องรอพักค่ะ”เลาขาสาวรายงานเสียงเรียบ เธอรับรู้ได้ถึงลางไม่ดีเอาเสียเลย

“คุณลีให้มาพบผมที่ห้องทำงานก็ได้”บอสหนุ่มกล่าวเดินมุ่งตรงไปยังห้องทำงาน  ไม่นานนักสาวสวยในชุกดำสนิทเน้นส่วนเว้าส่วนโค้งเช่นเคยก็เดินเข้ามาอย่างมั่นใจ

“สวัสดีครับ คุณมิลลเอร์” ธีรธรกล่าวอย่างสุภาพ

“สวัสดีค่ะคุณธีรธร แหม ห่างเหินกันจังเลยนะคะ เป็นอย่างไรบ้างคะ ได้ข่าวว่าธุรกิจคุณไปได้สวยทีเดียว”

“ใครก็ราบรื่นดี  แต่ผมได้ข่าวไม่ค่อยดีเกี่ยวกับธุรกิจของคุณ”ใบหน้าสวยหยิ่งนั้นชะงักค้าง ดวงตานั้นฉายประกายไม่พอใจขึ้นมาวูบหนึ่ง

“ว่าอย่างไรครับ มาพบผมมีธุระอะไร?”มิลเลอร์หัวเราะแห้งๆออกมา

“อย่างที่คุณทราบ ดิฉันกำลังประสบปัญญหา ด้านเงินทุนน่ะค่ะ  ก็เลยคิดว่าคุณน่าจะสนใจร่วมธุรกิจกัน”

“ขอโทษเถอะครับที่ผมคงต้องตอบปฏิเสธ  เพราะปัจจุบันงานผมก็ล้นมือเสียแล้ว  คงไม่สะดวกที่จะร่วมทุนกับใครในตอนนี้เพราะฉะนั้นต้องขอโทษด้วยครับ”ธีรธรตอบอย่างสุภาพ หากดวงตาคมกล้านั้นฉายแววเยียบเย็น  เสียงอินเตอร์คอมจากเลขาสาวดังขึ้นแทรกความเงียบ

“ครับคุณลี”

“คุณท่านโทรมาจากกรุงเทพค่ะ”

“เรียนท่านว่าผมไม่สะดวกรับ แล้วจะโทรกลับ”

“แต่ท่านมีธุระสำคัญต้องการพูดกับบอสด่วนเลยค่ะ”ธีรธรเคาะโต๊ะเบาๆอย่างชั่งใจก่อนจะตอบตกลง

“ครับ ผมจะออกไปรับสายด้านนอก”บอสหนุ่มกดตัดสายอินเตอร์คอม
“ขอโทษนะครับคุณมิลเลอร์ ผมขอตัวสักครู่”บอสหนุ่มลุกขึ้นก่อนจะเดินตัวตรงออกไปจากห้อง ทิ้งหญิงสาวไว้ในห้องทำงานเพียงลำพัง   มิลเลอร์ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปเดินมาราวเสือติดจั่น เพราะการที่เธอเจรจาผิดพลาด นั่นย่อมหมายถึงความพินาศในธุรกิจของเธอ  ในหัวพยายามคิดหาวิธี  ดวงตาสวยร้ายๆมองไปที่เครื่องPCบนโต๊ะทำงานของธีรธร  ก่อนจะตรงรี่เข้าไปหามัน




         ธีรธรกลับเข้ามาในห้องทำงานอีกครั้ง หญิงสาวยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ท่าทางนั้นไม่แสดงอาการเกรี้ยวกราดวิตกกังวลใดๆอีก นอกเสียแววตาแปลกๆ ทำให้ธีรธรนึกประหลาดใจ ธีรธรนั่งลงที่เก้าอี้ของตัวเอง แล้วลอบสำรวจดวงหน้าของหญิงสาวตรงหน้ารู้สึกตะขิตะขวงใจหากแต่มิได้พูดอะไร

“คุณธีรธร ลองกลับไปคิดดูอีกทีดีกว่านะคะ ดิฉันมั่นใจว่าเราจะเป็นหุ้นส่วนที่ดีต่อกันได้อย่างแน่นอน”

“ขอบคุณครับ แต่ผมคงไม่อาจรับข้อเสนอไว้ได้ และไม่คิดจะเปลี่ยนใจด้วย”

“เอาเถอะค่ะ  ดิฉันมั่นใจว่าคุณจะยอมเปลี่ยนใจ ขอตัวก่อนนะคะ”หญิงสาวลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยท่วงท่าราวนางพญา ดวงตาที่ได้รับการแต่งด้วยเครื่องสะอางค์มาอย่างปราณีตฉายประกายร้ายกาจอย่างปิดไม่มิด ก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานนั้นอย่างมั่นใจ


แล้วเราจะได้เห็นกันค่ะว่าคุณ ในท้ายที่สุดก็ต้องสยบอยู่ใต้เท้าฉัน









         ธีรธรกลับบ้านด้วยอาการเหนื่อยอยู่บ้างเล็กน้อย  เขาทิ้งกระเป๋าเอกสารลงที่หน้าประตูแล้วถอดเสื้อโค้ตออกก่อนจะขยับเนคไทให้คลายพลางเดินเข้าไปในตัวบ้าน  แล้วนั่งลงที่โซฟาหน้าโทรทัศน์  รู้สึกเหมือนนั่งทับบางอย่างจึงหันมอง   พิรุณานอนขดตัวกลมอยู่บนโซฟา ดีแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้นั่งทับเข้าไปเต็มๆ ไม่อย่างนั้นร่างโปร่งบางนี้คงแบนแต๋ต้องแซะออกมาแน่

“พิรุณาตื่นเถอะ  มานอนอยู่ตรงนี้เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก”บอสหนุ่มสะกิดร่างบางให้ฟื้นตื่นจากห้วงฝัน

‘กลับมาแล้วหรือครับ?’พิรุณางัวเงียลุกขึ้นนั่งกอดเข่า

“กลับมาแล้ว  เข้ามานอนอยู่นี่ได้ยังไงกันเนี่ย ฮือ?”มือแข็งแรงนั้นจับเส้นผมสีน้ำตาลแดงที่ชี้โด่ไปเด่มาให้เข้าที่

‘เกรซให้กุญแจไว้ ผมเลยเข้ามา เพราะบ้านผมหนาว’บอสหนุ่มเลิกคิ้ว เกรซอย่างนั้นหรือ....

“ฮีตเตอร์ล่ะ?”

‘เปลืองไฟครับ อยู่คนเดียวต้องเปิดทั้งบ้าน’ ธีรธรขยี้ผมนุ่มนั้นอย่าหมั่นไส้

“แล้วมาเปิดบ้านคนอื่นเนี่ยนะ” พิรุณาอุบอิบ ดวงหน้าขาวนวลๆแย้มยิ้มอย่างเก้อๆ

‘อย่างน้อยก็ไม่ต้องจ่ายเอง’

“โธ่ เด็กเอ๋ยเด็ก”

‘ว่าใครเป็นเด็ก’ คิ้วเรียวสวยขมวดปมเข้าหากันอย่างชักจะเคืองๆ

“เปล่าครับๆ  อย่าทำคิ้วผูกโบว์สิ เดี๋ยวแก่เร็วนะ”มือแข็งแรงจิ้มลงหว่างคิ้วพิรุณา ที่ทำแก้มป่อง  ธีรธรอดไม่ไหวกับความน่ารักนั้น ฉวยโอกาสหอมแก้มเข้าให้ทีหนึ่ง  พิรุณาตกใจหน้าแดงก่ำ มือนวลบางนั้นสัมผัสแก้มตน

“อย่าทำอย่างนั้น”

‘ทำอะไร?’

“ทำท่าน่ารักไง  เห็นแล้วมันทนไม่ไหวน่ะ” ดวงหน้าคมสันยื่นเข้ามาใกล้  นัวเนียอยู่แถวๆดวงหน้านวลใสสบตากันลึกซึ้ง ก่อนจะเลื่อนสายตาลงจับที่ริมฝีปากสวย แล้วประทับรอยสัมผัสลงไปแผ่วเบา   



         ร่างโปร่งบางนั้นแหงนเงยรับสัมผัสนั่นอย่างไม่คิดจะปัดป้อง  รสสัมผัสนั้นสุภาพและอ่อนโยนยิ่งจนพิรุณาอดคล้อยตามไปไม่ได้  ริมฝีปากหยัดสวยของธีรธรไล่สัมผัสไปตามเครื่องหน้าต่างๆราวกับจะสำรวจดูให้ทั่ว  มือข้างหนึ่งกุมมือน้อยไว้เบาๆ  ส่วนอีกข้างช้อนท้ายทอยสวยให้เงยรับสัมผัสได้ถนัดถนี่  นาน...กว่าจะถอนริมฝีปากออก  ปากอิ่มสวยแดงช้ำเล็กน้อย นั่นยิ่งเพิ่มความน่าดูให้มากยิ่งขึ้น  ดวงตาสีม่านราตรีสบกับดวงตาสีน้ำตาลแดงอยู่หลายอึดใจก่อนจะส่งยิ้มอบอุ่นให้ร่างโปร่งบางที่ยิ้มรับน้อยๆ ก่อนจะเป็นฝ่ายมอบจุมพิตอ่อนหวานให้เสียเอง

         ทั้งคู่แลกจุมพิตอันอ่อนหวานอยู่พักใหญ่ ในที่สุดธีรธรถอนริมฝีปากออกช้าๆแสนเสียดาย  ดวงตาสีน้ำตาลแดงงามนั้นจ้องมองกลับมาอย่างตรงไปตรงมา  นัยน์ตาสีสวยที่ชวนให้ค้นหานั่น ยั่วเย้าเชิญชวนให้กระโจนเข้าไปค้นหาเสียเหลือเกิน  พิรุณาเองสบตาคมกล้าสีม่านราตรีคู่นั่นแล้วก็นึกหวั่นไหว  รอยสัมผัสอุ่นซ่านนั้นยังตราตรึง  ในหัวกำลังสับสนไปหมด  ทุกอย่างตีกันวุ่นยุ่งเหยิงไปหมด 

“พิรุณา 
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จบตอน 10 แล้วครับ :m13:
จบตอนได้เยี่ยมมากเลยน้องเมศ :m15:

 

myLoveIsYOu

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #127 เมื่อ14-01-2008 10:48:20 »

สงสัยจะเกิดการ แบล๊คเมล์กันแน่ ๆ เลย  o12

แต่ตอนนี้หวานซะ พิรุณา มีใจให้กับ ธีรธร ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนี่  :m1:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #128 เมื่อ14-01-2008 11:01:40 »

เป็นกำลังใจให้นะ  :oni2:  :oni2:

three

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #129 เมื่อ14-01-2008 11:40:44 »

ตอนนี้ตักตวงความสุขไว้ก่อนนะครับไว้เป็นพลังสำรองสำหรับเหตุการณ์ข้างหน้า :oni2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
« ตอบ #129 เมื่อ: 14-01-2008 11:40:44 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #130 เมื่อ14-01-2008 12:59:00 »

น่ารักจังตอนนี้ ................. แต่หลังจากนี้อ่ะสิ

ออฟไลน์ ภาณุเมศพลัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 238
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-0
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #131 เมื่อ14-01-2008 17:34:26 »

ฮาๆฮือๆลงเร็วจังเลย ชักหืดขึ้นคอเเย้ววววว~ 

อ่านย่อหน้าสุดท้ายของตอนนี้เเล้ว ก็รู้กสึกว่า นี่เมศเขียนเองหรอเนีย....เห็นเเล้วก็หวั่นใจ ฮาๆฮือๆ

 :m29: :m29: :m29:

snowblack

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #132 เมื่อ14-01-2008 20:06:31 »

ตามาติดๆแล้วนะน้องเอ้ย...รีบปั่นเข้า  :m12: :m12:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-01-2008 21:46:27 โดย snowblack »

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #133 เมื่อ14-01-2008 21:02:20 »

เป็นกำลังใจให้ครับ

ออฟไลน์ ErosAmor

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 851
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-2
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #134 เมื่อ16-01-2008 20:45:58 »

อ่านแล้วเขินจังเลยอ่ะ หวานมากๆ sweet kiss ><

สงสัยว่ายัยมิลเลอร์นี่จะต้องแบล็กเมล์แน่เลย

สู้ๆนะพิรุณา

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #135 เมื่อ18-01-2008 01:08:10 »

จูบกันดูดดื่มแว้ว
 :oni2: :oni2: :oni2:
ยัยมิเลอร์จะทำไรอ่ะ
 :m29: :m29: :m29:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #136 เมื่อ18-01-2008 13:50:43 »

แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยส์

จูบกันแล้ว

โอ้ววววววววววววววววววววววววววววววววววววววส?

น่ารักที่ซู้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด   :mc4:

snowblack

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #137 เมื่อ20-01-2008 21:43:01 »

INTERMEZZO   chapter# 11






   
      ธีรธรถอนริมฝีปากอย่างแสนเสียดาย  ดวงตาสีม่านราตรีมองดวงหน้าขาวนวลที่บัดนี้ริมฝีปากสวยแดงช้ำเล็กน้อย  นานแล้วที่ไม่รู้สึกอิ่มเอิบหัวใจถึงเพียงนี้  กี่ปีแล้วที่เขาเป็นฝ่ายรู้สึกว่าตัวเองวิ่งตามใครสักคน  กี่ปีแล้วที่มองหาแต่คนเพียงคนเดียวอย่างนี้  ในวันแรกที่เขาได้พบ  พิรุณาคือไอ้หนุ่มหน้าสวยที่ทำเขาปวดหัวจี๊ดทันทีที่นึกถึง  แต่บัดนี้ พิรุณาคือหัวใจรัก แต่จะตลอดกาลและตลอดไปไหมนั้น เป็นเรื่องที่เขาเองก็ไม่อาจรู้ได้เลย      พิรุณามองชายหนุ่มดวงหน้าคมสันตรงหน้าแล้วนึกแปลกใจตัวเอง  อะไรหนอทำให้พิรุณาถลำลึกมาถึงเพียงนี้  อะไรหนอชักพาให้คนที่ไม่น่าจะได้รู้จักกัน มารู้จักกันได้ และเหตุใดธีรธรถึงเข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการสื่อได้  แม้ว่าธีรธรจะไม่เคยเรียนภาษามือมาก่อนเลย  มันออกจะเป็นเรื่องเหลือเชื่อ แต่เป็นเรื่องจริง   แต่ถ้าจะให้สรุปว่าความรู้สึกเหล่านี้เป็นความรักนั้น  พิรุณาเองก็ยังไม่แน่ใจ  เพราะมันแปลกใหม่เกินกว่าจะเชื่อได้  ธีรธรก้มลงหอมเก้มพิรุณาทีหนึ่ง แล้วรวบเอวบางขึ้นอุ้ม   พิรุณาตกใจดิ้นรนไปมาทั้งหยิกทั้งทุบ  อารมณ์เคลิ้มๆเมื่อครู่หายไปเสียแล้ว 

“ไม่เอาน่า  อย่าทำร้ายร่างกายกันสิครับ เดี๋ยวปล่อยลงไปกลิ้งกับพื้นเสียเลย”ธีรธรทำท่าจะปล่อยคนที่ถูกอุ้ม พิรุณาตกใจรีบโอบรอบคอร่างสูงไว้กันตก  ธีรธรหัวเราะชอบใจ

“อย่างนี้สิน่ารัก”พิรุณาทำแสยะยิ้ม  เลื่อนกายสูงขึ้นอีกนิด วางคางแหลมๆลงบนบ่าร่างสูงใหญ่แรงๆจนธีรธรร้องโอ้ย  ก่อนพิรุณาจะหัวเราะแม้จะไม่มีเสียง แต่ท่าทางสะใจมาก

“แสบนักนะเรา”ธีรธรรีบอุ้มพิรุณาโยนลงบนเตียงแล้วโถมร่างตามลงไป  แล้วกดคางลงบนไหล่บางบ้าง  พิรุณาหัวเราะด้วยความจั๊กกะจี้

‘หยุดเถอะ  จั๊กกะจี้จะแย่แล้ว’พิรุณาพยายามส่งภาษามือขอความช่วยเหลือ  แต่ธีรธรไม่ใส่ใจ  สัมผัสชวนจั๊กจี้เมื่อครู่ เปลี่ยนเป็นสัมผัสอุ่นชื้น ระรานไปตามคอเนียน  พิรุณาดวงหน้าซับสีเลือดขึ้นทันที  รู้สึกมือไม้ไม่รู้จะไว้ตรงไหน 

“ตัวหอมจัง”มือแข็งแรงลอบแกะกระดุมเสื้อเสียตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่อาจทราบ  มือนั้นเข้าสัมผัสผิวเปล่าใต้ผ้าอย่างถือสิทธิ์ ผิวขาวนวลเปลี่ยนเป็นสีชมพูสวย ริมผีปากหยักสวยของธีรธรยิ้มอย่างพึงพอใจที่พิรุณาเริ่มตอบสนอง

“อึ๊ก!”พิรุณาส่งเสียงคลุกคลักในคอราวกับปลาสำลักน้ำเมื่อเขาสัมผัสอย่างผิวผ่านที่สีข้าง

“ใจเย็นๆ  พิรุณา ผมจะค่อยๆกอดคุณ ดีไหม?”ธีรธรก้มลงมองพิรุณา บัดนี้ดวงหน้านวลใสเปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับพร้อมจะระเบิดออกมาเสียเลย  แน่นอนว่าแม้แต่ตัวก็แดงด้วยเช่นกัน   ธีรธรก้มลงจุมพิตหน้าผากขาวนวลนั้นอย่างนึกเอ็นดู 


      

      พิรุณามองหน้าคมสันที่อยู่เหนือตนอย่างพิจารณา  เส้นผมสีดำสนิทที่มักเสยขึ้นบัดนี้ตกลงปรกหน้าทำให้ดวงหน้านั้นดูอ่อนเยาว์กว่ายามที่ไปเสยขึ้น  ดวงหน้าคมสันนั้นกำลังซับสีเลือดเล็กน้อยอย่างแทบจะมองไม่เห็น มือนวลบางยกยื้นสัมผัสดวงหน้านั้น  มือแข็งแรงจับมือบางเลื่อนมาสัมผัสริมฝีปากลงไปอย่างอ่อนหวานที่หลังมือ ก่อนจะระรานไปเรื่อย เพื่อชมชื่นกับความหอมหวานอันเกินห้ามใจนั้น


      ธีรธรลุ่มหลงไปกับรสสัมผัสหอมหวาน  มือใหญ่สัมผัสไปตามผิวเนียนมือนั้นอย่างเพลิดเพลิน  ความคิดอ่านมลายหายไปสิ้นดวงตาสีม่านราตรีคมกล้าแฝงแววบางอย่างไว้อย่างล่ำลึก  แววตาที่พิรุณารู้สึกว่าน่ามองหากน่ากลัวจนทำให้นึกหวั่นใจ  มือนวลคว้ามือแข็งแรงนั้นไว้ ก่อนจะเตลิดไปไกลกว่านั้น  ดวงตาสีน้ำตาลแดงสวยจ้องมองธีรธรอย่างค้นหาคำตอบ  คำตอบที่เขาเฝ้าถามตัวเองมานับร้อยนับพันครั้งว่า

เป็นคนๆนี้  ดีแล้วแน่หรือ?  แน่ใจแล้วหรือ?

“มีอะไรหรือเปล่า?”ธีรธรก้มลงหมายจะฉกฉวยความหอมหวานอีกครั้ง แต่พิรุณาพลิกกายหลบ แล้วนอนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นอย่างเร็ว

‘ผมกลับก่อนดีกว่า’ พิรุณาลุกขึ้นพลางสวมเสื้อให้เรียบร้อยแล้วออกจากห้องไป  ธีรธรล้มลงนอนกับเตียงอย่าง
หมดแรงแล้วเสยผมอย่างไม่เข้าใจ




      



      

      พิรุณาบิดก๊อกฝักบัวปิด หยดน้ำพราวเกาะตามผิวกายจะแพรวพราวด้วยเพราะต้องแสงนวลๆหยิบผ้าเช็ดตัวขึ้นซับผิวกายที่หน้ากระจก  ดวงตาสีน้ำตาลแดงสวยเหลือบเห็นร่องรอยบนผิวกาย  รอยสีกุหลาบมากมายปรากฎอย่างชัดเจน  พิรุณา รีบพละจากหน้ากระจกทันทีพลางรู้สึกร้อนซ่านที่ผิวหน้า   ก่อนจะรีบสวมเสื้อเชิ้ตขาวและกางเกงสแลคสีน้ำตาลเข้มรับกับสีผมและดวงตาแล้วออกจากห้องอาบน้ำ


      พิรุณาเดินพลางเช็ดผมไปตามทางเดิน เจ้าหมาวิ่งรี่เข้ามาพยายามงับข้อมือทำให้พิรุณาเปลี่ยนเป้าหมายใหม่เดินไปยังเครื่องแฟกซ์  แฟกซ์ยาวเหยียดกองอยู่ที่พื้นทางเดิน  มือนวลฉีกมันออกอ่านพลางเช็ดผมให้หมาดไปด้วยมืออีกข้างหนึ่ง  ทันใดนั้นดวงตาสีน้ำตาลออกแดงก็ชะงักค้าง  รู้สึกชาวาบไปทั้งร่างกายราวกับร่างกายถูกตรึงด้วยหมุดแหลมคมมากมายจนผ้าเช็ดตัวร่วงลงกองกับพื้น  พิรุณารีบตรงไปเปิดคอมพิวเตอร์เข้าอินเทอร์เน็ตตามเวบที่ถูกเขียนไว้ในแฟกซ์  ภาพของคนสองคนจุมพิตกันอย่างดูดดื่มปรากฏขึ้นให้ชมอย่างเต็มตาในเวบไซต์ แม้จะเห็นได้ไม่ชัดนักแต่เป็นใครก็จำได้ว่าเป็นพิรุณา ส่วนอีกคนพิรุณาลองมองอยู่อึดใจใหญ่ๆก็สรุปได้ว่าเป็นธีรธร พิรุณายกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองอย่างอ่อนล้า 












‘ติ๊งนอง~ๆๆๆๆๆๆๆๆ’
      ธีรธรเดินมาเปิดประตูอย่างหัวเสียพลางขมวดคิ้วนึกต่อว่าคนกดออดที่กดไม่ยั้งว่าเสียมารยาทที่มารบกวนแต่เช้า  เขากระชากประตูเปิดออกอย่างหงุดหงิดจากหลายๆเรื่อง  แต่คนที่ยืนอยู่หน้าประตูก็ทำให้อารมณ์ขุ่นมัวต่างๆมลายหายไปสิ้น  เขายิ้มอ่อนจางให้ร่างโปร่งบางที่สวมเครื่องแต่งกายแบบปรกติที่เห็นประจำ คือสวมเสื้อเชิ้ตขาวกับแสลคสีเข้ม แล้วสวมโค้ตโค้ตสีออกน้ำตาลแดงเข้ากับสีผมและสีของนัยน์ตาสวย ที่บัดนี้มองเขาด้วยสายตาแปลกๆ  สายตานั้นทำเอาเขาชาวาบไปทั้งร่าง  สายตาเย็นชาอย่างที่เขาไม่เคยคาดฝันเลยว่าจะได้รับจากคนๆนี้ 

‘คุณคงยังไม่เห็นข่าวนี้’พิรุณายื่นกระดาษที่ปริ๊นท์ออกมาให้ธีรธรดู  เขารับมาอย่างงงๆ

“ข่าวอะไรหรือ?”ธีรธรอ่านข้อวามในกระดาษ  ข้อความเหล่านั้นโจมตีพิรุณาอย่างร้ายกาจ ในตอนท้ายมีการกล่าวบอกใบ้ด้วยว่าคนในรูปน่าจะหมายถึงตัวเขาด้วย

‘ผมไม่สนใจหรอกว่าข่าวเน่าๆนี่จะโจมตี  สื่อจะจิกกัดผมขนาดไหน แต่สิ่งที่ผมอยากรู้คือ รูปนี้ใครเป็นคนถ่าย  คนในรูปนั้นคือผมกับคุณแน่ แล้วที่สำคัญคือ  มันแพร่ออกมาได้ยังไง?’พิรุณาส่งภาษามืออย่างกระแทกกระทั้น  ดวงตาสีน้ำตาลแดงจรัสแสงวาบวับน่ากลัว

“พิรุณา  เข้ามาคุยกันก่อนเถอะ”ธีรธรเบี่ยงกายหลบจากหน้าประตู เชื้อเชิญให้พิรุณาเข้ามาก่อน  แต่พิรุณาส่ายหน้า

‘คุณเป็นคนถ่ายรูปนี้ใช่ไหม?’

“ใช่  ผมเป็นคนถ่ายรูปนี้ไว้เอง  แต่ไม่ใช่คนปล่อยให้นักข่าวแน่”พิรุณามองหน้าธีรธรอย่างชั่งใจ อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่งภาษามือให้

‘คุณธีรธร  คุณได้ทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจของผมไปจนหมดแล้ว  หวังว่าผมจะไม่ต้องพบเจอคนอย่างคุณอีก’พิรุณาเดินลงบรรไดหินที่เทอร์เรซหน้าบ้านธีรธร เดินก้าวยาวๆไปตามทางเท้าพลางเอามือล้วงกระเป๋าเสื้อโค้ตเพื่อบรรเทาความหนาวเย็นจากอากาศที่รายรอบ โดยไม่สนใจธีรธรที่วิ่งตามออกมา

“พิรุณา ฟังก่อนนะ  พิรุณา!!พิรุณา!!!!”พิรุณาเรียกแท็กซี่แล้วออกจากที่แห่งนั้นไปโดยเร็ว 


      พิรุณานั่งมองทิวทิศน์ของสองฝั่งฟากถนน รถที่วิ่งบนถนนนอกเมืองวิ่งเร็วเสียจนเห็นต้นไม้สองข้างทางเป็นแถบเขียวๆผ่านไปอย่างรวดเร็ว  ในหัวของพิรุณาเองก็กำลังแล่นจี๋เช่นกัน  ความคิดหลายกระแสผ่านเข้ามาเป็นระรอกราวคลื่นโถมเข้าหาฝั่ง ห่างสิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือ

ดีแล้วที่เราไม่ถลำลึกไปกว่านี้







      


      ธีรธรอ่านข่าวทางอินเทอร์เน็ตอย่างละเอียดทุกตัวอักษร นักข่าวโจมตีพิรุณาค่อนข้างรุนแรง  แต่ก็ยังไม่ถึงกับเป็นกระแสใหญ่โตอะไรมากมายถึงขั้นเป็นTalk of the townเพราะถึงอย่างไรก็เป็นนักดนตรีคลาสสิค ไม่ใช่พวกcelebsอย่างพวกนักร้อง นักดนตรีอื่นๆ  พิรุณาหายตัวไปอย่างลึกลับ นับแต่วันนั้น เขาไม่เคยเห็นไฟในบ้านพิรุณาเปิดอีกเลย  ประตูหน้าต่างทุกบานล็อคมิดชิด เจ้าหมาเองก็ไม่รู้หายไปไหน เขาสั่งให้ลูกน้องของเขาตามหาแหล่งที่มาของภาพ รวมถึงใช้เส้นสายให้สื่อหยุดประโคมข่าวเสียๆหายๆเสียที   การที่กลับบ้านในตอนค่ำแล้วเหลือบมองไปยังบ้านข้างๆที่เคยมีแสงไฟสว่างที่บัดนี้มืดสนิทนั้นทำให้รู้สึกแปลกๆที่ในอกเสมอ    ป่านนี้พิรุณา.....อยู่ที่ไหน  จะเป็นอย่างไรบ้างกับข่าวเสียๆหายๆพวกนี้  จะคิดมากเสียหรือเปล่าก็ไม่รู้    จะไปไหนไกลๆคนเดียวได้ที่ไหน หูก็ไม่ได้ยิน  เกิดเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยัง  สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ธีรธรถามซ้ำไปซ้ำมาอย่างนั้นเป็นล้านๆครั้ง แต่ก็หาคำตอบไม่ได้ 

“บอสคะ”เสียงเลขาสาวทำให้ธีรธรหลุดจากห้วงความคิด

“ว่าอย่างไร  มีข่าวอะไรไหม?”ธีรธรถามอย่างมีความหวัง เลขาสาวเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง  ก่อนจะเอ่ยตอบ

“ยังไม่มีข่าวคุณพิรุณาเลยค่ะ”ธีรธรทิ้งกายพิงพนักเหมือนๆจะหมดแรงเสียให้ได้

“แล้วคุณปองล่ะ โทรถามหรือยัง?”

“ติดต่อไม่ได้เลยค่ะ”

“คุณเกรซก็ด้วยหรอ?”

“ค่ะ  บอสคะ  ถ้าภาพอยู่ในเครื่องบอส ไม่เคยให้ไฟล์ใคร ลีว่าบอสลองนึกดีๆก่อนดีไหมคะว่าใครมาวุ่นวายกับPCในวันก่อนหน้านี้บ้าง”

“ปรกติ ที่นี่เข้าออกต้องได้รับการอนุญาตจากผม  เครื่องPCบนโตะนี่ก็มีรหัสล็อค  เอ๊ะ!!”

“คุณลี ช่วยเอารายชื่อคนที่เข้าพบผมเมื่อสัปดาห์ก่อนเข้ามาหน่อย”ลีแอนรับคำอย่างแข็งขัน  ไม่นานเธอก็กลับมาพร้อมแฟ้มรายชื่อการเข้าพบเจ้านายของเธอ  ธีรธรกวาดสายตามองรายชื่อเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว

“คุณลี ผมพอจะรู้แล้วว่าใครเป็นคนปล่อยภาพนั้น  ต่อสายถึงคุณคริสตินา มิลเลอร์ให้ผมด้วย”







“ฉันปล่อยภาพพวกนั้นในเว็บแล้ว  เห็นไหมล่ะว่าแผนนี้ได้ผล  ฉันได้ผลกำไรทางธุรกิจ คุณกำจัดคู่แข่งไปได้อีกราย  เราต้องถือว่าไม่ขาดทุน”คริสตินา มิลเลอร์ พูดโทรศัพท์ขณะกำลังให้ช่างทำเล็บแต่งเล็บให้เข้ารูป

“ต่อไปงดติดต่อกันไปก่อนดีกว่า  รอให้ฉันเจรจากับธีรธรก่อน  แล้วเราค่อยว่ากันใหม่ ว่าจะจัดการกับไอ้หนวกนั่นยังไงดีไหม?”   เธอเงียบฟังเสียที่ปลายสาย อีกครั้ง

“ดี  ถ้าอย่างนั้น  ฉันวางล่ะ”เธอกดวางสายอย่างสบายใจ แล้วฮัมเพลงหงุงหงิงในคออย่างอารมณ์ดีเสียเหลือเกิน ไม่นานเสียงโทรศัพท์มือถือเครื่องสวยกกรีดเสียงร้องขึ้น  เธอเหลือมองชื่อที่ปรากฏที่หน้าจอแล้วเหยียดยิ้มหยัน

“สวัสดีค่ะ ไม่นึกว่าคุณธีรธรจะโทรมาเร็วถึงขนาดนี้  เปลี่ยนใจแล้วสินะคะ?”

“ครับ  ผมเปลี่ยนใจแล้ว”ธีรธรตอบอย่างใจเย็น

“เราจะตกลงทำสัญญาร่วมทุนกันเมื่อไหร่ดีคะ?”

“ผมเกรงว่า  สัญญาร่วมทุน คงจะต้องเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นแทน”คริสตินา มิลเลอร์กระพริบตาถี่อย่างสงสัย

“เปลี่ยนจากสัญญาร่วมทุน เป็นคำสั่งศาลจะดีกว่านะครับ”

“เอ๊ะ!”

“ผมทราบว่า เมื่อเร็วๆนี้คุณได้ขโมยข้อมูลบางอย่างไปจากเครื่องPCบนโต๊ะทำงานของผม  แล้วเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต นั่นเป็นการกระทำที่หยาบคายมากนะครับ  ผมบอกไว้ เผื่อว่าคุณไม่ทราบ”หญิงสาวที่ปลายสายพูดอะไรไม่ออก

“น....แน่ใจหรือคะ  คุณพูดแบบนี้เท่ากับกล่าวหาฉันนะคะ”

“วงการธุรกิจความซื่อตรงเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าคนในวงการรู้เรื่องนี้ คุณคงหมดอนาคตทางธุรกิจ  หวังว่าคุณคงเข้าใจ เอาเถอะครับ ผมจะรอพบคุณในศาล อย่าลืมเตรียมทนายไว้ล่วงหน้านะครับ”

“เดี๋ยว! คุณทำอย่างนี้กับฉันไม่ได้นะคะ”

“ สิทธิส่วนบุคคล  ผมคิดว่าคุณคงสะกดเป็น แล้วมีความรู้มากพอที่จะเข้าใจ”ธีรธรตัดสายไปแล้ว  แต่คริสติน่า มิลเลอร์ยังยังถือสายค้าง  เธอรู้สึกหน้าชาราวกับถูกตบแรงๆ  ในทางกลับกัน ธีรธรกดเบอร์โทรออกอีกครั้ง

“สวัสดีครับ ครับ ผมธีรธร  เราคงต้องระวังขโมยให้ดี เมื่อเร็วๆนี้ผมถูกขโมยข้อมูลสำคัญไป  อ่อ...จับตัวได้แล้วครับ คุณอย่าไปบอกใครนะครับ ผมเกรงใจมิสเตอร์มิลเลอร์  กลัวท่านจะแคลงใจกับผม ....”ธีรธรพูดอ้อมค้อมโดยเน้นคำว่าอย่าบอกใคร เขารู้...ด้วยบารมีของมิสเตอร์มิลเลอร์  คริสติน่า มิลเลอร์คงไม่ถูกดำเนินคดีใดๆ  ต่อให้เขาตัดสินใจฟ้องจริงๆ ก็คงได้ผลไม่เป็นที่น่าพอใจสำหรับเขาเท่าไหร่นัก  ข่าวลือสิไปไวสมใจ และได้ผลแบบเห็นผลทันตา


วงการธุรกิจความซื่อสัตย์เป็นสิ่งสำคัญ  แต่เล่ห์เหลี่ยมที่แพรวพราวนั้นเป็นสิ่งสำคัญยิ่งกว่า  จะอยู่รอด หรือล่มสลาย อยู่ที่สิ่งนี้  ใครที่ทำกับเขาหรือคนที่เขารักอย่างร้ายกาจ  ต้องได้รับผลกรรมสนองเป็นสามเท่า!













      พิรุณาเปิดประตูโบสถ์เล็กๆแห่งหนึ่งเข้าไปอย่างเงียบๆ  ห้องโถงกว้างบัดนี้เงียบเหงาด้วยเพราะไม่มีศาสนากิจใดจัดขึ้นในวันนี้  แสงเทียนดวงน้อยๆวับแวมอยู่ที่หน้าแท่นบูชา ท่ามกลางความสลัวมืด มีเพียงแสงสีสดใสที่ลอดผ่านกระจกสีประดับอันประกอบกันเป็นรูปทางศาสนา   แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาของพิรุณามากที่สุดคือ พระแม่มารี ผู้ทรงทอดสายพระเนตรอย่างอ่อนโยนให้แก่ใครก็ตามที่เข้ามา ไม่ว่าคนผู้นั้นจะรุ่มร่วยด้วยลาภยศเงินทอง หรือยากไร้สิ้นเนื้อประดาตัว หรือไม่มีใครเลย....พิรุณามองดวงพักตร์ที่สลักจากหินอ่อนงาม พลางคิดไปว่าไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานสักเพียงใด  ดวงพักตร์งามที่อบอุ่นอ่อนโยนนั้นยังคงมองเขาอย่างเมตตาเสมอมา ราวกับพร้อมจะหยิบยื่นความโอบอ้อมอารีแก่ทุกผู้ทุกคนที่ก้าวมายืนเบื้องพระพักตร์  พิรุณาหยอดเหรียญลงไปในตู้เหล็กขนาดย่อมๆที่ข้างบริเวณแท่นวางเทียนสำหรับบูชา  แล้วหมุนบิดที่ลูกบิดเล็กๆ ให้กล่องไม้ขีดร่วงลงมา  ก่อนจะจุดเทียนให้เกิดเปรวแสงสว่างดวงน้อยที่พริ้วไหววูบวาบยามที่พิรุณาเลื่อนมือไปจุดเทียนเล่มต่อไป


      พิรุณาเปิดประตูเข้าไปเล็กๆด้านหลังแท่นบูชาเข้าไปทางเดินมืดๆอันปูด้วยไม้ที่บัดนี้เสื่อมสภาพไปจากเดิมมากแล้ว กลิ่นอับเล็กน้อยโชยมาให้ได้กลิ่นอยู่อ่อนจาง  ประตูห้องคุ้นตาชวนให้พิรุณานึกถึงเรื่องเก่าๆ เรื่องที่ผ่านมานานเสียจนแทบจะลืมเลือน เขาเดินผ่านห้องต่างๆไปอย่างช้าๆ  ในห้วงคิดเห็นเด็กรุ่นราวคราวเดียวกับเขากำลังวิ่งเล่นกันท่าทางโหวกเหวกน่าสนุก เสียแต่เพียงว่าไม่มีพิรุณารวมอยู่ในกลุ่มนั้น  เพราะที่ของเขาคือห้องสุดปลายทางเดิน  พิรุณาผลักประตูเข้าไปเบาๆ  แสงสว่างอบอุ่นอาบไล้ไปทั่วห้อง ทำให้เห็นไรฝุ่นบางๆปลิวฟุ้ง เตียงไม้สองชั้นที่ผุพังไปตามกาลเวลาถูกปูด้วยผ้าปูที่นอนสีขาวสะอาดตา โต๊ะที่หน้าต่างบ่งบอกว่ามีผู้ใช้มันอยู่บ้าง เพราะมีหนังสือวางอยู่สองสามเล่ม  พิรุณาขยับเข้าใกล้วัตถุบางอย่างที่อยู่ใต้ผ้าคลุมสีเทาดูสกปรกขัดกับห้องที่ถึงแม้จะสภาพเก่าโทรม แต่ยังคงความสะอาดไว้ได้  เขาเปิดผ้านั้นขึ้นอย่างไม่นึกกลัวมือจะเปื้อน  เปียโนสีแดงเข้มจัดราวกับสีโลหิตตัวหนึ่งตั้งติดชิดผนัง มือขาวนวลไล้มือไปบนตัวไม้นั้นอย่างเบามือ แสนคิดถึง ก่อนจะเปิดฝาขึ้น


      เขาหักข้อนิ้วตัวเองดังแป๊ะๆเบาๆเล้วนั่งลง วางมือลงบนคีย์บอร์ดที่คุ้นเคยนี้ นี่คือเปียโนตัวแรกที่เขาได้สัมผัส  เปียโนตัวแรกและตัวเดียวที่เปิดเส้นทางสายใหม่ให้เด็กชายพิรุณา  เด็กชายตัวเล็ก ชาวเอเชียที่หูพิการให้เข้าสู่เส้นทางสายดนตรี  เส้นทางที่ทำให้เขาเป็นผู้เป็นคนมาถึงทุกวันนี้  นิ้วเรียวสวยกดลงบนคีย์บอร์ด เสียงจากเปียโนตัวเก่าแก่นั้นผิดเพี้ยนไปจากเปียโนอื่นอยู่มาก  แต่นั่นไม่สำคัญสำหรับพิรุณา เสียงตัวโน้ตทุกตัวจากฝีมือพิรุณาคมชัดหนักแน่นเกินกว่าใครจะสนใจความผิดเพี้ยนของเสียง  หากแต่ท่วงทำนองของเพลงนั้นกลับเศร้าอย่างน่าใจหาย   บางครั้งในช่วงชีวิตหนึ่งของคนเรา ย่อมมีช่วงเวลาสุขทุกข์ปสลับกันไป  และในบางครั้งความสุขชั่วครั้งชั่วคราวที่ผ่านเข้ามาก็น่าภิรมย์เกินห้ามใจราวกับความฝันอันหอมหวาน  แต่เมื่อใดที่ตื่นจากฝันแล้ว....สิ่งที่เหลือคือความทรงจำอันเป็นบทแทรก เหมือนเพลงINTERMEZZO เพลงบทย่อยที่แทรกในอุปรากรณ์เรื่องยาว ....ก็เป็นเพียงบทแทรกบทหนึ่งในชีวิตก็เพียงเท่านั้น










“ครับผมทราบข่าวแล้ว  ผมเองก็พยายามติดต่อคุณพิรุณาเหมือนกันครับแต่ติดต่อไม่ได้เลย”ปองกำลังพูดโทรศัพท์ทางไกลกับเกรซที่โทรติดต่อเขาทันทีที่รู้ข่าวว่าพิรุณาหายตัวไป

“ฉันก็ติดต่อไม่ได้เหมือนกัน  จริงๆแล้วพิรุณาไม่ได้เป็นคนมีนิสัยใส่ใจพวกข่าวไร้สาระพวกนี้  ไม่เคยถึงกับหนีไปเฉยๆแบบนี้เลย”เสียงที่ปลายสายร้อนรนไม่แพ้กัน

“ลองถามเพื่อนๆของคุณพิรุณาดูสิครับ เผื่อว่าคุณพิรุณาจะแวะไปหาใครบ้าง”

“ฉันก็ฝากบอกทุกคนแล้วว่าถ้าพิรุณาไปหาใครให้รีบติดต่อฉันทันที  แต่ฉันเองก็ไม่แน่ใจว่าข่าวที่ฝากจะไปทั่วถึงทุกคนหรือเปล่า เพราะเพื่อนของพิรุณามีอยู่แทบทุกมุมโลก”

“ครับ  ข้อนั้นผมทราบ  แต่ถึงอย่างไรก็ต้องขอรบกวนด้วยนะครับ  ทราบข่าวเมื่อไหร่  บอกผมด้วย   ผมเป็นห่วงกลัวคุณพิรุณาจะเป็นอะไรไป”พิรุณาพูดเสียงสั่นอย่างกลั้นไม่อยู่

“อย่างกังวลไปเลยคุณปอง  ฉันมั่นใจว่าพิรุณาไม่ใช่พวกคิดอะไรงี่เง่า  บางเทีเขาแค่อยากไปคิดอะไรเงียบๆคนเดียวก็ได้  อย่างกังวลมากนักเลย”เสียงออดแทรกเข้ามาในสายโทรศัพท์ให้ปองได้ยิน  เขาพอจะเดาได้ว่าเกรซกำลังจะขึ้นเวที

“คุณเกรซกำลังจะขึ้นแสดงหรอครับ?”ปองเองก็เกรงว่าเกรซจะกังวลเรื่องพิรุณาเสียจนเสียสมาธิ

“ใช่ค่ะคุณปอง  ฉันคงต้องวางแล้ว  คุณปองอย่าคิดมากนะคะ”เกรซบอกแล้วรอการรับคำจากปองก่อนจะวาง  เธอพูดประโยคนั้น เพราะหมายใจจะบอกตัวเองด้วย   ดวงตาสีฟ้าใสกระจ่างบัดนี้ซ่อนรอยกังวลไว้แม้นมิด










      เสียงปรบมือดังกระหึ่มขึ้นในบริเวณสวนสาธารณะกว้าง  ผู้ชมจำนวนหลายพันคนเดินทางมาชมการแสดงดนตรีกลางแจ้งที่นี่ คืนนี้เกรซมีหน้าที่มอบความสุขทางเสียงเพลงให้แก่ผู้ฟังอย่างดีที่สุด  แม้จะมีเรื่องกังวลใจมากมาย  แม้จะห่วงพิรุณามากแค่ไหน  หน้าที่ก็ยังเป็นหน้าที่  เกรซในชุดราตรีสีฟ้าเข้มเกือบเป็นน้ำเงินก้าวเดินขึ้นสู่เวทีอย่างมั่นใจ ผมสีแดงอย่างชาวอังกฤษแท้ถูกเกล้าเป็นมวยครึ่งศีรษะแล้วปล่อยให้ทิ้งปลายยาวเคลียไหล่  เธอโค้งให้ผู้คนที่งดงามนอบน้อมสง่างามท่ามกลางเสียงปรบมือต้อนรับดังสนั่นราวห่าฝน แล้วตั้งท่าเตรียมพร้อมรอสัญญาณจากวาทยากร

      เสียงเพลงกระหึ่มกึกก้องของวงออเครสตร้าประจำท้องถื่นส่งให้บรรยากาศน่าตื่นเต้น เกรซชักคันชักส่งให้เกิดเสียงคมชัดเป็นท่วงทำนองเข้มแข็งด้วยสำเนียงเพลงแบบสเปนิช เสียงไวโอลินผ่อนหนักผ่อนเบาร่วมกันวงออเครสตร้า ก่อนจะกรีดเสียงโผนทะยานไปตามท่วงทำนองอย่างชำนาญ ประกอบกับเครื่องเคาะเบาๆในท่อนต่อไป ทำให้รู้สึกว่าเสียงไวโอลินนั้นคมและกล้าแกร่งเหลือเกิน เครื่องดนตรีเพียงชิ้นเดียวสู้กับวงออเครสต้าด้านหลังได้อย่างสูสี  นิ้วขาวยกคันชักขึ้น ก่อนจะดีดที่สายอย่างเชี่ยวชาญ แล้วโซโล่ดวงตาคู่สีฟ้าใสดำดิ่งสู้ห้วงสมาธิอย่างสมบูรณ์ 


เกรซแน่ใจว่าพิรุณา ก็เป็นเหมือนเธอ คือเป็นมืออาชีพพอที่จะรับผิดชอบตัวเองได้  แต่ครั้งนี้คงร้ายแรงกว่าครั้งไหนๆเป็นแน่  พิรุณาถึงได้เตลิดเปิดเปิงไปถึงขนาดนั้น.....สิ่งที่จะตามพิรุณากลับมาได้ ก็คงไม่แคล้วเป็นตัวของพิรุณาเอง  หวังว่าพิรุณาจะรีบกลับมาในเร็ววัน....สิ่งที่ทำได้มีเพียงแค่การหวัง







      ชายหนุ่มร่างสูงสง่าเจ้าของเรื่อนผมสีทองสว่างก้าวเข้าไปในห้องสุดทางเดินอย่างเงียบๆเสียงเปียโนเพี้ยนๆหากกำลังเล่นเพลงสำหรับฝึกอย่างง่ายๆ โดยมีเสียงการกดโน้ตตัวอื่นที่ไม่เข้ากันอยู่ด้วย  ดวงตาสีมรกตมองร่างโปร่งบางที่ถูกประกายแสงสว่างอาบไล้จนเส้นผมนั้นให้ประกายสีน้ำตาลแดงแจ่มชัด  รอบกายมีเด็กเล็กทั้งชายหญิงกำลังพยายามลองกดคีย์เปียโนดูบ้าง  บางคนก็มองอย่างสนใจว่า ไอ้ตู้แดงเก่าๆนี่มีเสียงออกมาได้อย่างไร  บนตักพิรุณามีเด็กชายคนหนึ่งหน้าตาน่ารักนั่งอยู่ พลางใช้นิ้วอ้วนป้อมกดลงบนคีย์ พิรุณาหัวเราะอย่างชอบใจ แล้วหอมแก้มเด็กน้อยอย่างหมั่นไส้  เคนมองภาพนั้นแล้วอมยิ้มหากนัยน์ตาสีมรกตเศร้าก่อนจะเดินเข้าไปหา  ทำให้เด็กๆแหงนเงยขึ้นมองดวงหน้าคมสันอย่างคนเชื้อสายอิตาเลี่ยนอย่างสนใจ

‘พิรุณา  กลับกันเถอะ’ เคนแตะมือลงบนบ่าเล็ก  พิรุณาเงยหน้าขึ้นมองอย่างแปลกใจ พอเห็นว่าเป็นใครจึงคลี่ยิ้มหวานนัยน์ตาพราว ก่อนจะพยักหน้ารับ แล้วปล่อยเด็กน้อยบนตักลงยืนกับพื้น  ก่อนจะปิดฝาเปียโน โบกมือลาเด็กน้อยทั้งหลาย แล้วเดินออกไปพร้อมกับเคน




















   
---------------------------------------------------------------------------------------------------
จบตอน 11 แล้วครับ :m13:




ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #138 เมื่อ21-01-2008 00:10:40 »

น่าจะเอาเรื่องยัย มิลเลอร์ นั้นให้อยู่ในวงการธุรกิจไม่ได้อีกเลย

niph

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #139 เมื่อ21-01-2008 15:28:28 »

ธีรธรจะทำไงต่อไปนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
« ตอบ #139 เมื่อ: 21-01-2008 15:28:28 »





myLoveIsYOu

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #140 เมื่อ21-01-2008 21:08:40 »

อุปสรรคเยอะเหลือเกิน เมื่อไหร่จะกลับมาคืนดีกันเนี่ย  :serius2: :o

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #141 เมื่อ25-01-2008 22:39:12 »

เป็นกำลังใจให้ครับ

ออฟไลน์ ErosAmor

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 851
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-2
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #142 เมื่อ29-01-2008 00:48:53 »

พิรุณาไปไหนเนี่ย ทำไมอยู่กับเคนกลับไปหาธีรธรหน่อยสิ อุปสรรคเยอะมากมาย

ว่าแต่คนเขียนก็หายไปไหนหว่า กลับมาด่วนคร้าบบบ อยากอ่านต่อมากมาย :m15:

three

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #143 เมื่อ29-01-2008 12:48:45 »

หนทางของความรักมิได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไปอาจมีหนามที่ต้องทำให้เราเจ็บปวด :o12:

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #144 เมื่อ29-01-2008 14:25:12 »

กลับมาเล่นเปียโนต่อได้แล้ววววววววววววววววววววว

snowblack

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #145 เมื่อ29-01-2008 23:19:59 »

INTERMEZZO   chapter# 12





         เคนมองพิรุณาที่นั่งอยู่ที่โซฟาขนาดเล็กในห้องทำงานของเขา  ร่างโปร่งบางกึ่งนั่งกึ่งนอนท่าทางน่าสบายสวมแว่นตาทรงรีๆอย่างที่น้อยคนจะเห็นพิรุณาใส่  ในมือถือหนังสือเล่มใหญ่เอาไว้พลางพลิกหน้าเปิดอ่านไปเรื่อยๆไม่สนใจใครก็ตามที่จะเดินเข้านอกออกในห้องเขา  เคนอ่านเอกสารในมือตัวเองสลับกับเงยหน้าขึ้นมองพิรุณาเป็นพักๆ ตั้งแต่เขาพาตัวกลับมาจากโบสถ์นั้น  พิรุณาก็ไม่ได้บอกอะไรเขาเลย   อันที่จริงแล้วเขาได้รับโทรศัพท์จากเกรซว่าพิรุณาหายตัวไปเงียบๆ  ไม่มีใครรู้ว่าไปที่ไหน ลองหาทุกที่ๆคิดว่าพิรุณาจะไป ก็ไม่พบ  เขาจึงสังหรณ์ใจว่าพิรุณาอาจไปที่นั่น โบสถ์เล็กๆ  สถานที่ที่พิรุณาเติบโตขึ้นมา ซึ่งก็เป็นจริงดังคาด  อาจเพราะพิรุณาไม่ค่อยเล่าเรื่องของตัวเองมากนักจึงไม่ค่อยมีใครทราบถึงเรื่องเบื้องลึกว่าวัยเด็กของพิรุณานั้นเคยอยู่ที่ไหน อย่างไรบ้าง 

“มิสเตอร์อานิโมโตครับ  อย่าลืมการประชุมผู้บริหารสิครับ  จะถึงเวลาประชุมอยู่แล้วนะครับ”เคนหลุดจากห้วงคิดหันไปมองเลขาของเขาผู้มีเส้นผมสีน้ำตาลปนทองโครงหน้าสมส่วนเหมาะเจาะนั้นบอกชัดว่ามีเชื้อสายผสม ระหว่างอิตาเลี่ยนกับฝรั่งเศส ซึ่งบัดนี้ชักสีหน้าเหม็นเบื่อใส่เขาแล้ว

“อะไรอีกล่ะครับคุณโดลเช กูดาร์เช  เจ้ากี้เจ้าการแต่เช้า  แล้วกาแฟผมเมื่อไหร่จะได้ล่ะครับ”เคนพูดพลางเก็บปากกาหมึกซึมของตนเสียบไว้กับกระเป๋าเสื้อ

“หมดเวลาทานแล้วครับ  การประชุมกำลังจะเริ่มในห้านาทีนี้แล้ว”เลขาหนุ่มยังเสียงแข็ง  ดวงตาเขียวอมเทาส่อประกายตำหนิ

“โธ่ เอ่ย.....น่าจะเปลี่ยนชื่อเป็นเฟโรเชมากกว่าโดลเช”เคนพึมพำเบื่อๆ แล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน
[*Dolce(อิต)=หวาน แผ่วเบา นุ่มนวล,Feroce(อิต)=ดุดัน]

“ว่าอะไรนะครับ”เวลาหนุ่มหูไวชวนหาเรื่องรีบถามเสียงแข็ง  เคนได้แต่งึมงัมว่าเปล่าครับทันที แล้วเดินมาหาพิรุณาที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนโซฟา  เมื่อเคนเดินเข้ามาใกล้จึงเห็นว่าพิรุณาหลับตาพริ้ม หายใจแผ่วเบาสม่ำเสมอ

“หลับเร๊อะ  เมื่อกี้ยังตื่นอยู่เลย”เคนพูดอย่างหมั่นไส้นิดๆ ก่อนมือแข็งแรงจะช่วยดึงแว่นออกอย่างเบามือแล้ววางไว้ไม่ให้นอนทับ   ดวงตาสีมรกตฉายแววเจ้าเล่ห์ก่อนจะใช้มือแข็งแรงนั้นปัดผมที่หน้าผากเนียนออกไปแล้วประทับริมฝีปากแผ่วเบา  พิรุณารู้สึกตัวตื่นทันที แล้วส่งภาษามือให้

‘อย่าเอาหนวดมาจิ้มสิ เจ็บนะ’เคนรีบลูบคางตัวเองทันที อือ...เมื่อเช้าลืมโกนหนวด

‘นอนก่อนนะ เดี๋ยวประชุมเสร็จแล้วจะพาไปกินข้าว’พิรุณามองเคนแบบไม่ตอบรับ แต่ก็ไม่ปฎิเสธ ก่อนจะเหลือบเห็นใครอีกคนที่หางตา  ชายร่างสูงโปร่งในเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนจางทำให้ดวงหน้านั้นสดใสน่ามองภายใต้สีหน้านิ่งสงบ

‘เลขาน่ะ ชื่อโดลเช กูดาร์เช มีอะไรบอกเขานะ ฉันสั่งเขาไว้แล้วให้ดูแลพิรุณาด้วย’พิรุณาลุกขึ้นนั่งแล้วส่งภาษามือกลับ

‘ไม่ต้องไปฝากฉันกับคุณเลขาหรอก  นายตะหาก ถ้าไม่ไปประชุมเดี๋ยวนี้ได้ถูกคุณเลขาฆ่าหมกโต๊ะไม่รู้ด้วย’พิรุณาบุ้ยใบ้ไปที่เลขาร่างสูงโปร่งที่แม้สีหน้าจะนิ่ง  แต่สายตานั้นฉายชัด ถ้าเจ้านายยังอิดเอื้อน ปั๊ดฆ่า!

“ครับๆ ไปเดี๋ยวนี้ล่ะครับ”เคนตบหัวพิรุณาเบาๆเหมือนทำกับเจ้าหมาแล้วรีบบลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องทำงาน หลังจากเดินไปพ้นบริเวณห้องแล้วจึงหยิบมือถือออกมากดหาเบอร์ปลายทางทันที แล้วรอให้ปลายสายรับ

“เกรซเจอตัวแล้วนะ.....”เคนพูดกรอกเสียงไปตามสายเบาๆราวกับกลัวใครจะได้ยินพลางเดินไปตามทางเดินเพื่อตรงไปห้องประชุมทันที






         ธีรธรนั่งหันหน้าออกหน้าต่างจากห้องทำงานบนชั้นสูงสูดของโรงแรมที่เขาบริหารงานอยู่  ท้องฟ้ายามราตรีนอกหน้าต่างใสบัดนี้มืดสนิทไปนานแล้ว  แสงสีจากอาคารเบื้องล่างแข่งกันส่องประกายราวอวดอ้างล่อตาล่อใจให้ผู้ที่พบเห็นนึกอยากเข้าไปชมใกล้ๆ  ธีรธรถอนหายใจช้าๆ  แล้วยกมือขึ้นเสยผมที่ตกลงปรกหน้าผาก คิดคำนึงต่างๆไปมากมาย  วันนี้เขาทะเลาะกับ ‘คุณท่าน’ เพราะท่านโทรสายด่วนมาจากกรุงเทพฯให้กลับไปด่วน  ด้วยเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องเลย เพราะเห็นหลานเพื่อนแต่งงาน เลยอยากเห็นหลานตัวเองแต่งงานบ้าง......ธีรธรมั่นใจว่าถ้าเขาพูดว่าไม่  ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ต้องฟัง  แม้แต่คุณท่านก็ตาม  ถ้าเขาไม่คิดจะแต่งกับใคร อย่างไรเสียก็ไม่แต่ง   แต่สิ่งที่เขากังวลอยู่ตอนนี้คือน้องสาวของเขา ได้ข่าวร่ำๆมาว่ารันดากำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ กำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย  และกำลังสบสนว่าจะเลือกเรียนอะไรดี ตัวเขาเองอยากให้น้องมาเรียนที่นี่  แต่รันดาไม่อยากมา  เลยทะลาะกันทางโทรศัพท์นิดหน่อย


         แต่สิ่งที่ธีรธรหนักใจยิ่งกว่าคือ พิรุณา ที่หายตัวไปเงียบๆตั้งแต่วันนั้น  ข่าวคราวต่างๆเริ่มเงียบแล้ว  แต่พิรุณายังไม่กลับมา ยังไม่มีใครได้ข่าว แม้แต่ปอง  ทำไมพิรุณาถึงได้โกรธเขามากถึงขนาดนั้น  โกรธจนไม่ฟังเหตุผลอะไรใดๆทั้งสิ้น  เขาเองก็ยอมรับว่าตัวเองเป็นพวกกวนประสาทอยู่ไม่น้อย  พิรุณาอาจไม่ชอบใจกับจุดนั้นสักเท่าไหร่  แต่พิรุณาจะไม่รับรู้ถึงความรู้สึกดีๆที่เขามีให้พิรุณาเชียวหรือ บางทีพิรุณาอาจจะเป็นพวกใจแข็งแบบสั่งพิเศษก็เป็นได้  แต่เอาเถอะ.......ยิ่งได้มายากเท่าไหร่  ยิ่งมีค่า  และพิรุณาเองก็มีคุณค่าคู่ควรเสียด้วย  ปัญหาของตอนนี้ พิรุณาอยู่ที่ไหน  เป็นอย่างไรบ้าง และที่สำคัญ  พิรุณาจะคิดถึงเขาบ้างไหม?......









         พิรุณาลอบพิจารณาเลขาของเคนอย่างเงียบๆ  โดลเช กูดาร์เช  ช่างเป็นชื่อที่เหมาะกับหน้า แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยเหมาะกับนิสัยเท่าไหร่นัก  เพราะจากลักษณะที่เห็น  นัยน์ตาสีเขียวอมเทานั้นบอกชัดว่าเป็นคนจริงจัง  เข้มงวด ไม่อ่อนหวานนุ่มนวลเท่าใดนัก  คนอย่างนี้แหล่ะจะคุมเคนอยู่  เพราะเพื่อนเขามีนิสัยชอบเอื่อยเฉื่อยเฉไฉไปเรื่อย  เพราะเป็นลูกชายคนเดียว  เลยถูกตามใจเสมอ  ต้องได้คนอย่างนี้แหล่ะคอยคุม   ขนาดคุมแจยังชอบโดดงานมาหาเขาเรื่อย

“มิสเตอร์ทาเซ็ต  ถ้าต้องการอะไรเพิ่มบอกผมได้นะครับ” พิรุณาอ่านปากที่พูดภาษาอังกฤษนั้น ก่อนจะหยิบสมุดโน้ตขนาดเล็กสีนวลๆและดินสอออกมาเขียนลงไป

ผมไม่ขออะไรเพิ่มหรอกครับ   คุณทำงานให้เคนมานานเท่าไหร่แล้ว?

“ประมาณสามปีได้แล้วครับ”

เหนื่อยแย่เลยนะครับ  เคนเป็นพวกเอาแต่ใจ  คุณคงต้องคอยดูแลบ่อยๆ

“ก็มีบ้างล่ะครับ  แต่มิสเตอร์อานิโมโตทำงานเก่ง ตั้งใจมากทีเดียว   นับเป็นผู้บริหารอายุน้อยที่เฉียบแหลม และมีวิสัยทัศน์กว้างไกลทีเดียวครับ”

เคนเป็นพวกมีหัวคิดดีๆ  แต่ชอบเล่นมากกว่าเลยดูเหมือนพวกไม่เอาถ่าน

         เลขาหนุ่มหัวเราะ เพราะเจ้านายของเขาเป็นอย่างที่พิรุณาว่ามา  ถ้ามองเผินๆแล้ว เคนไม่ต่างอะไรกับชายเจ้าสำราญเลย  แต่หากได้ใกล้ชิดก็จะรู้ได้เองแหล่ะว่า เคนเป็นคนเอาการเอางานไม่น้อยทีเดียว
และเพราะเหตุนี้แหล่ะเขาถึงชอบที่จะทำงานให้เจ้านาย 

“นั่นสินะครับ”โดลเชยิ้มบางๆที่มุมปาก

ผมขอใช้คอมพิวเตร์หน่อยนะครับ

         พิรุณายิ้มหวานให้เลขาหนุ่มที่อนุญาตให้พิรุณาใช้คอมพิวเตอร์ของเขาที่โต๊ะติดประตูได้ตามสะดวก  ก่อนจะขอตัวไปเข้าประชุมบ้าง  พิรุณามองแล้วนึกแปลกใจว่าห้องทำงานของเคนประหลาดแท้ที่ให้โต๊ะเลขาตั้งอยู่ในห้องที่ไม่กว้างนักแบบนี้ หากไม่ทราบมาก่อนคงนึกว่าโต๊ะเลขาเป็นโต๊ะเจ้านายเป็นแน่  เพราะไม่เพียงแต่ตัวใหญ่กว่าเท่านั้น ยังเป็นต้นไม้โอ๊คแดงอย่างดีเสียด้วย  ผิดกับโต๊ะของเคนที่เหมือนขาโต๊ะพร้อมจะหักได้ทุกเมื่อ   พิรุณายิ้มขำกับความคิดตัวเอง ที่นึกเปรียบเทียบผู้บริหารสองคนที่ดูต่างกันลิบลับ  คนหนึ่งคือเคนเพื่อนของเขา  แต่อีกคนคือ ธีรธร

.....เผลอคิดถึงคนแบบนั้นได้อย่างไรกันนี่....เหลวไหลน่าพิรุณา

       เมื่อคิดได้ดังนั้น  พิรุณาจึงรีบไล่ความคิดที่เจ้าตัวว่าไม่ได้ความออกไปแล้วเริ่มลงมือเปิดเว็ปที่ต้องการ   พลางคิดไปอีกว่า  ถ้าเคนได้คนจริงจัง อย่างมิสเตอร์โดลเชมาเป็นคนรู้ใจก็คงดีไม่น้อย...เพราะคนชื่อหวาน หน้าหวานนัยน์ตาโหดนี่แหล่ะ  ปราบเคนอยู่











      ปองกำลังก้มๆเงยๆเก็บของใส่กระเป๋าเตรียมกลับไปที่บ้านพิรุณา  เขามาอยู่ที่นี่เพื่อทำงานร่วมกับรุ่นพี่ของพิรุณา  งานราบรื่นดี แม้จะโหดมากสำหรับปองถือว่าเป็นประสบการณ์น่าจดจำปนสยองนิดๆไปในตัว   แต่ตอนนี้เขากำลังห่วงพิรุณา  หายไปเงียบๆแบบนี้ไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นทำให้ปองจำใจต้องพละจากเหล่าสัมพาระที่ต้องเก็บใส่กระเป๋าให้เรียบร้อย  ปองส่องตาแมวที่ประตูห้องแต่ก็ไม่พบใคร เขาขมวดคิ้วอย่างสงสัย ก่อนจะเปิดประตูแล้วโผล่ออกไปดูเพียงครึ่งตัว แล้วเขาก็ต้องตกตะลึง


“คุณพิรุณา!!!!”















      ปองมองพิรุณาที่เอาเท้าราน้ำอยู่ที่ศาลาตีนท่า พิรุณาดูสบายอกสบายใจเกินกว่าจะใช่คนๆเดียวกับที่โดนสื่อโจมตีเรื่องภาพฉาวๆเป็นอย่างยิ่ง  พิรุณาในชุดสบายๆ เสื้อยืดสีเขียวและกางเกงขาสั้นสีขาวกำลังนั่งมองสายน้ำของคลองสายเล็กท้ายบ้านสวนอย่างรื่นรมย์ในหัวใจเป็นอย่างยิ่ง  เมื่อประมาณหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา เขาเพิ่งกลับมาเยือนบ้านสวนที่เขาไม่ได้กลับมาเป็นเวลากว่าสิบปีอย่างกระทันหัน  เพราะวันนั้น วันที่พิรุณามาหาเขาที่ห้องพักในโรงแรมแห่งหนึ่ง ปองถามพิรุณาว่าจะไปไหน  พิรุณาเองก็ยังไม่รู้ จนสุดท้ายจึงตกลงกันได้ว่าจะกลับมายังบ้าน ที่ห่างไปนาน ตามความปรารถนาของปองที่อยากกลับไปเยี่ยม ‘น้อง’ที่บ้าน

“ปอง   ถามพ่อหนูพิรุณาทีสิว่าจะรับน้ำมะตูมเย็นๆสักแก้วไหม?”ปองหันไปรับคำกับหญิงวัยกลางคนเป็นญาติห่างๆของเขาเอง ก่อนจะส่งภาษามือให้พิรุณา  พิรุณายิ้มรับรีบหยักหน้าหันที

‘ทำไมเมืองไทยถึงมีแต่ของน่ากินนะ’พิรุณาส่งภาษามืออย่างมีความสุขก่อนจะหยิบขนมสอดไส้มากินอีกห่อ

‘เอาไว้เดี๋ยวเย็นๆเราไปเดินตลาดนัดกันนะครับ’ปองชวนพิรุณารีบหยักหน้ารับทันที

‘แต่ก่อนไปคุณพิรุณาจะไม่ติดต่อคุณเกรซหรือคุณเคนก่อนหรือครับว่าเราอยู่กันที่นี่’

‘ไม่ล่ะคุณปอง  แค่โทรบอกต้นสังกัดก็พอว่าจะรับงานที่วงที่นี่ชวน’ปองพยักหน้า

“ปอง ช่วยป้าณีลงบัญชีหน่อยลูก”เสียงเรียกจากเรือนใหญ่ทำให้ปองหันไปตามเสียงนั้นก่อนจะขานรับ

‘เดี๋ยวผมมานะครับ’พิรุณายิ้มรับ ปองจึงลุกขึ้นเดินขึ้นเรือนไป เหลือเพียงพิรุณาที่ทอดสายตามองคุ้งน้ำอันปกคลุมด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย  ดวงตาสีน้ำตาลออกแดงมองไปไกลเกินกว่าใครจะคาดเดาว่าที่สุดปลายแห่งห้วงคิดนั้นจรดลง ณ ที่ใด

   

         ธรรมชาติสงบเย็น ร่มรื่นด้วยเงาไม้  เย็นฉ่ำด้วยลำน้ำสีน้ำตาลไหลอ่อนเอื่อยลัดเลาะไปตามคุ้ง ช่างเป็นโลกที่สงบร่มเย็นเหลือเกิน สงบเสียจนคิดว่าตัวเองหลุดมาอีกโลกหนึ่ง  โลกที่ห่างไกลจากความวุ่นวาย  โลกที่สงบ..ราวสรวงสวรรค์  โลก....ที่เป็นของเขาเพียงผู้เดียว        พิรุณาหยิบกระดาษและดินสอขึ้นมาแผ่นหนึ่ง  กระดาษขาวมีบรรทัดห้าเส้นขีดไว้แล้วอย่างเรียบร้อย  มือนวลๆนั้นจรดปลายดินสอไม้ที่เหลาไว้อย่างลวกๆด้วยคัตเตอร์  ร่างโปร่งบางนั้นสูดลมหายใจเข้าช้าและลึก รอคอยให้สายลมอุ่นโอบไล้ร่างกายตน  แล้วค่อยบรรจงเขียนตัวโน้ตลงไปทีละตัวอย่างตั้งใจ ถ่ายทอดสิ่งที่เขาคิดออกเป็นดนตรี....สิ่งที่เขารักมากกว่าชีวิต   ขอเพียงมีสิ่งนี้  สิ่งอื่นใดหรือใคร ก็ไม่สำคัญอีก


















         เคนนั่งดื่มอยู่เพียงลำพังในห้องทำงานของตน   ดวงตาสีมรกตนั้นกำลังจ้องมองลงไปในแก้วอันรองรับของเหลวสีอำพันไว้ พลางครุ่นคิด  อะไร...ที่ทำให้พิรุณารักอิสระถึงเพียงนี้  หายไปไม่บอกกล่าว ทำราวกับเขาไม่มีความหมายเลยสำหรับเพื่อนตัวเล็กร่างโปร่งบางคนนั้น  ชายหนุ่มไม่รู้เลยว่าทุกกริยาของตนอยู่ในการเฝ้าดูของใครอีกคน ที่เร้นกายอยู่ในความมืดสลัวของห้องด้านนอก  เลขาหนุ่มร่างโปร่งมองเจ้านายของตัวอย่างสะท้อนใจ   มิสเตอร์ตาเซทคนเดียวทำให้เจ้านายของเขาถึงกับเมามายได้เพียงนี้

“มิสเตอร์อานิโมโตอย่าดื่มอีกเลยครับ  กลับบ้านเถอะ ผมไปส่งก็ได้”เลขาหนุ่มกล่าวเบาๆ ดวงตาสีเขียวอมเทาสวยสะท้อนเงาของเจ้านายตนออกมาอย่างแจ่มชัด

“ยังไม่กลับอีกหรือโดลเช?”เสียงที่ตอบกลับมาราบเรียบ หากซ่อนความในใจไว้ไม่มิด

“ผมกำลังจะกลับแต่เห็นไฟในห้องยังเปิดเลยจะเข้ามาปิดเห็นคุณนั่นดื่มอยู่  มีเรื่องกลุ้มใจหรือครับ”โดลเชย่อกายลงนั่นตรงหน้าเคนแล้วแหงนหน้าขึ้นมองดวงหน้าคมสันนั้นอย่างเต็มตา

“เรื่องคุณพิรุณา ตาเซทคนนั้นใช่ไหม?”ดวงตาสีมรกตสั่นไหว  สบตากับดวงตาสีเขียวอมเทานั้นนิ่ง

“รู้ได้ยังไง?”เสียงแหบแห้งนั้นถามเบาๆ  นานกว่าโดลเชจะตอบ   ริมฝีปากอิ่มสวยพยายามจะพูดอยู่หลายครั้ง

“ผมเฝ้ามองคุณมานาน”ศีรษะได้รูปอันปกคลุมด้วยเส้นผมสีน้ำตาลทองนั้นพยักหน้าราวกับบอกกับตัวเอง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาเจ้านายตนอีกครั้ง

“ผมไม่อยากเห็นคุณเป็นแบบนี้เลย  มันทำให้ผมรู้สึกเศร้าใจ”

“คุณเกี่ยวอะไรด้วย  นี่เป็นเรื่องของผมกับพิรุณา”

“ผมเศร้าใจ ที่ตัวผมเองก็รักข้างเดียวเหมือนกัน ผมเข้าใจว่าคุณกำลังรู้สึกนึกคิดอะไรในตอนนี้”

“แล้วคุณคิดว่าผมคิดอะไร?”

“ทำไม”คำตอบสั้นๆ ทำให้เคนมองร่างโปร่งตรงหน้า  ดวงหน้าอ่อนหวานหากนัยน์ตาโศกทอดสายตาลงมองพื้น

“ผมเองก็มีคนที่ชอบมากอยู่คนหนึ่ง   ในตอนแรกผมไม่ได้ชอบเขาเลย  สำหรับผมในตอนนั้นเขาเป็นแค่เด็กหนุ่มเลือดร้อนที่หน้าตาดีกว่าคนอื่น  ทระนงตน  ไร้ระเบียบอาจเพราะผมอายุมากกว่า  เลยทำให้ผมคิดอย่างนั้น  แต่ต่อมาพอได้รู้จักกันมากขึ้น ผมจึงรู้ว่าเขาเป็นคนเอาการเอางาน  หนักแน่น  และจริงใจกว่าใครๆ นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมค่อยเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อเขา”

“คุณช่วยเก็บเรื่องเล่าของคุณไว้สักสิบนาทีได้ไหม?  ผมไม่อยากอุดอู้อยู่ในห้องนี้แล้ว”เคนลุกขึ้นยืนหยิบของบางอย่างจากบนโต๊ะ

“ไปกันเถอะ”






      
         รถยุโรปคันใหญ่จอดลุยลงไปข้างทางอันเป็นพื้นหญ้าติดกับแม่น้ำสายใหญ่  สายลมโชยพัดอย่างอ่อนหวานพัดพากลิ่นหอมจางๆของดินมากระทบจมูก  คืนนี้ไร้จันทร์ หากดาวกระพริบไหวทั่วท้องฟ้า  ร่างสองร่างนั่งบนเก้าอี้สนามคนละตัวหันหน้าไปทางแม่น้ำ  คนทั้งสองมองผืนน้ำที่ไหลเอื่อยเฉื่อยเชื่องช้าคิดคำนึงถึงเรื่องของตนเองพลางจิบเครื่องดื่มสีอำพันในขวดแก้วที่ซื้อจากร้านเมื่อครู่

“เมื่อกี้คุณเล่าถึงไหนนะ?”เคนพูดขึ้นเบาๆ  ถามโดลเชที่ยกขวดเครื่องดื่มขึ้นดื่มอึกหนึ่ง

“เรื่องไหนครับ?”

“เรื่อง  คนที่คุณชอบ”เคนตอบเรียบๆ

“อ่อ  ทำไมหรือครับ  มันก็มีอยู่เท่านั้น  ก็แค่เวลาทำให้ผมรู้สึกว่าคนๆนั้นช่างน่าเอ็นดูเหมือนเด็กผู้ชายซนๆที่ชอบวิ่งไปทั่ว  จนเผลอไผลคิดอะไรเลยเถิดไปมากมาย จนวันหนึ่งความรู้สึกต่างๆรวมกันในรูปของความรัก  แต่ผมรู้ว่าในใจเขามีใครอีกคนหนึ่งอยู่  คนที่ผมไม่อาจสู้ได้ในทุกๆกรณี และสุดท้ายเวลากำลังทำให้ผมด้านชากับความเจ็บปวด และค่อยๆเยียวยาความเจ็บปวดนั้นให้หายไป ก็เพียงเท่านั้น”โดลเชพูดแล้วดื่มเข้าไปอีกอึก เคนลุกขึ้นจากเก้าอี้สนามตัวสีแดง ลุกไปเปิดประตูหลังแล้วลากกระเป๋าขนาดใหญ่ออกมาเปิด  เชลโลสีน้ำตาลออกเดงนอนสงบนิ่งอยู่ในกล่องนั้น  เมื่อเคนกลับมาอีกครั้ง โดลเชกำลังจะเปิดเครื่องดื่มขวดใหม่

“เอาอีกสักหน่อยไหมครับ”โดลเชยิ้มบางๆพลางชูดขวดในมือขึ้นอย่างชักชวน เคนพยักหน้ารับขวดดังกล่าวมาดื่มแล้วส่งคืนก่อนจะนั่งลง พาดคอเชลโลเข้ากับบ่าตนเอง



         เสียงเชลโลทุ้มนุ่มนวลดังขึ้นจากฝีมือของเคน  ทำนองอ่อนเอื่อยชวนให้นึกถึงสายน้ำตรงหน้าค่อยๆแปลเปลี่ยนเป็นท่วงทำนองอ่อนหวานหากเศร้าโศกสะเทือนใจ  สายลมพัดเบาๆราวกับจักช่วยปลอบประโลมหัวใจของคนทั้งสองให้คลายความขุ่นเศร้า  นิ้วแข็งแรงกดไปบนสายเสียงของเชลโลอย่างชำนาญด้วยมือข้างหนึ่ง  มืออีกข้างที่กำลังชักคันชักทำให้เกิดเสียงอันไพเราะ    เสียงเชลโลทุ้มนุ่มนวลนั้นกำลังบอกเล่าเรื่องราวความรักอันไม่สมหวังคู่เคียงไปกับเสียงใบไม้เสียดสีกันยามต้องลม  ฟังดูช่างอ้างว้างเหลือเกิน  ดูเงียบเหงาราวกับอยู่เพียงลำพังในโลก  คิ้วเข้มของเคนขมวดมุ่นเมื่อเสียงเพลงที่ดังอ่อนเอื่อยนั้นแปลเป็นเสียงอันหนักแน่นหากทรมาน ราวกับโน้ตทุกตัวกำลังตะโกนเฝ้าเพียรถามว่า เพราะเหตุใดสิ่งที่เรียกว่ารักถึงได้ยากนักจะสมหวัง  และในตอนท้ายของเพลงท่วงทำนองอันสะเทือนอารมณ์นั้นก็ค่อยแผ่วเบาลงแล้วจางหายไปกับสายลมที่พัดแรงขึ้นเล็กน้อย เคนหันไปสบตากับร่างโปร่งที่นั่งข้างๆ  ริมฝีปากอิ่มสวยนั้นคลี่ยิ้มจางๆแล้วกล่าวเสียงเบา

“A Time for us จากRomeo and Juliet เศร้าจังนะครับ”โดลเชพูดแล้วยิ้มเศร้า  เคนมองดวงหน้าอ่อนหวานที่บัดนี้นัยน์ตาสีเขียวอมเทากำลังฉายประกายเศร้า ก่อนจะไล้สายตามายังริมฝีปากสวย  โดยไม่รู้ตัว เคนโน้มตัวเข้าไปใกล้ดวงหน้านั้น  ก่อนริมฝีปากหยักสวยจะประทับลงบนริมฝีปากอิ่มนั้นอย่างแผ่วเบา  ชายหนุ่มร่างโปร่งตกใจเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ปล่อยเลยตามเลย น้ำตาเอ่อล้นจากดวงตาคู่สวยอย่างช้าๆ


         ไม่ว่าจะเพราะ บรรยากาศพาไป หรือเมา หรือด้วยปัจจัยอะไรก็แล้วแต่  โดลเชได้สมหวังแล้วที่ได้ใกล้ชิดกับคนตรงหน้าถึงเพียงนี้ นับแต่นี้เขาจะปล่อยหัวใจให้ล่องลอยไปไกลเท่าที่มันอยากไป  พอขึ้นวันใหม่  เขา.....จะตัดมันให้ขาด  ไม่เอาแล้วกับความรักแบบนี้   ความรักที่ทรมานราวสวรรค์กลั่นแกล้ง  ความรักที่ได้รับการตอบสนองเพียงเพราะพลั้งเผลอและมึนเมา  ความรักที่ไม่เคยได้หัวใจกลับคืนมา... 


A time for us someday there'll be
When chains are torn by courage born
Of a love that's free
A time when dreams so long denied
Can flourish
As we unveil the love we now must hide
A time for us at last to see
A life worthwhile for you and me
And with our love
Through tears and thorns
We will endure as we pass surely through every storm
A time for us someday there'll be
A new world
A world of shining hope for you and me

For you and me
And with our love
Through tears and thorns
We will endure as we pass surely through every storm
A time for us someday there'll be
A new world
A world of shining hope for you and me
A world of shining hope for you and me

(A time for us OST.Romeo and Juliet1968)

snowblack

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #146 เมื่อ29-01-2008 23:24:39 »

เย้ๆในที่สุดก็ลงได้แล้ว(ใช้เวลา 1 ชม.)  :sad2:

ขอโทษนะครับที่หมักดองนานไปหน่อย  :o8:

แล้วก็ขอโทษตรงคำว่า "คอมพิวเตร์" ด้วยนะครับ(และอื่นๆที่ไม่เห็น)

อยากแก้แต่กลัวแก้แล้วมันจะไม่กลับมาเท่าเดิม(เป็นบ่อย) o7

หวังว่าเพื่อนๆคงจะชอบตอนนี้ของน้องเมศนะครับ ^^

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #147 เมื่อ29-01-2008 23:51:01 »

ชอบคร้าบบบบบบบบบบบบบบบบบ แต่เริ่มสงสารคุณเลขาซะแล้วอ่ะ

niph

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #148 เมื่อ01-02-2008 15:02:31 »

อ้างถึง
“ปอง   ถามพ่อหนูพิรุณาทีสิว่าจะรับน้ำมะตูมเย็นๆสักแก้วไหม?”ปองหันไปรับคำกับหญิงวัยกลางคนเป็นญาติห่างๆของเขาเอง ก่อนจะส่งภาษามือให้พิรุณา  พิรุณายิ้มรับรีบหยักหน้าหันที

‘ทำไมเมืองไทยถึงมีแต่ของน่ากินนะ’พิรุณาส่งภาษามืออย่างมีความสุขก่อนจะหยิบขนมสอดไส้มากินอีกห่อ

‘เอาไว้เดี๋ยวเย็นๆเราไปเดินตลาดนัดกันนะครับ’ปองชวนพิรุณารีบหยักหน้ารับทันที

‘แต่ก่อนไปคุณพิรุณาจะไม่ติดต่อคุณเกรซหรือคุณเคนก่อนหรือครับว่าเราอยู่กันที่นี่’

‘ไม่ล่ะคุณปอง  แค่โทรบอกต้นสังกัดก็พอว่าจะรับงานที่วงที่นี่ชวน’ปองพยักหน้า


คือ ... เค้างงอ่ะ
ไอ้ตรงแดง ๆ ... ไมตาปองพยักหน้า แต่พิรุณาเป็นหยักหน้า เค้างง

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #149 เมื่อ01-02-2008 15:30:14 »

เป็นกำลังใจให้ครับ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด