รวมเรื่องสั้นคั่นเวลา: เรื่องสุดท้าย: บนเส้นทางสายนิรันดร ตอนจบ P.4 (20/6/55)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รวมเรื่องสั้นคั่นเวลา: เรื่องสุดท้าย: บนเส้นทางสายนิรันดร ตอนจบ P.4 (20/6/55)  (อ่าน 30693 ครั้ง)

Y2Y

  • บุคคลทั่วไป
แวะมาให้กำลังใจคนเขียน ว่าตามอ่านอยุ่นะค่ะ

เรื่องสุดท้ายอ่านตอนแรกก็นึกแปลกใจว่า ทำไม พระ นาย  ถึงอายุห่างกันมากขนาดนี้ 
แต่
ดูจากชื่อเรื่องแล้ว แอบกลัวจะมาม่า 

ออฟไลน์ LittlePrince

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
เอ๊ะ ทำไมคอมเมนท์เราหายไป
แต่หายไปก็ดีเพราะมันสั้นมากจนน่าเกลียด พิมพ์จากมือถือเลยขี้เกียจหน่อย
ตอนแรกเขียนไว้แค่ว่า
"ชอบ"

ก็ชอบนะ แปลกแหวกแนวเหมือนเคย
บรรยากาศต่างประเทศด้วย แต่ทำไมอ่านแล้วมันรู้สึกยังไงไม่รู้
ไม่ใช่ว่าเขียนไม่ดีนะ แต่เป็นเหมือนสิ่งที่ตัวละครแสดงออก
(หรือเป็นที่ตัวคนอ่านเอง???)
รู้สึกว่ามันไม่ค่อยละมุนละไมเท่าไหร่ มันดูแข็งๆอย่างบอกไม่ถูก
อืม...แต่ก็ชอบแหละ

ออฟไลน์ NewYearzz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2545
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +346/-2
เย้ๆ มาแล้ว ตอนนี้ทำให้ผมร้องไห้ ไม่สิ น้ำตามันไหลออกมาเอง แบบว่าตอนที่ขอความรักมันเห็นอนาคตอ่าครับ

แล้วทอม รักบ๊อบสินะ ก็ดูแลมาอย่างดีนี่นา นี่ก็เป็นอีกคนที่น่าสงสาร แต่อย่างว่าบ๊อบเห็นคนหน้าแบบนี้มากี่ครั้งแล้วหล่ะ?

ตอนนี้คุณปู่ซึ่งเป็นคุณทวดได้ด้วยก็สมหวังแล้วเนอะ  :กอด1: ตอนจบผมเดานะ มันคงจะอบอุ่นปนเศร้าใช่มั๊ยครับ?  :m12:

อ่อ เม้นน้อยเพราะคนงงหรือเปล่าครับ หรืออาจไม่มีใครทันอ่านว่าพี่มาต่อแล้วก็ได้ อย่าน้อยใจนะครับ เพราะนิวรอตอนต่อไปอยู่ อิอิ

แล้วเรื่องที่ถามไปคราวก่อนผมลองไปหาดูแล้วนะครับ ปรากฎว่าไม่มีแล้ว ไม่เป็นไรครับ เรื่องนี้ก็อบอุ่นดี

ดีใจที่ได้ชื่นชมลูกรักของพี่นะครับ

รอตอนต่อไปครับ :L2:

ออฟไลน์ ลำนำบุหลันครวญ

  • Most Wanted!!!
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +377/-1
บนเส้นทางสายนิรันดร ตอนจบ....

ซุ้มดอกไม้ถูกประดับตกแต่งอย่างสวยงามหน้าทางเข้าโบสถ์ซัทเบิร์ค เหมือนจะมีเพียงซุ้มประตูนี้เพียงอย่างเดียวที่ถูกตกแต่งขึ้นมาอย่างพิถีพิถัน แม้วิลเลียม บ๊อบผู้เป็นนายยืนยันว่าจะจัดงานแต่งให้แก่พ่อบ้านทอมอย่างยิ่งใหญ่ แต่เขาก็ห้ามไว้เพราะเขาก็มีคนรู้จักที่จะมาเพียงไม่กี่คน งานแต่งงานของพ่อบ้านตระกูลวิลเลียมจึงถูกจัดขึ้นมาอย่างเรียบง่ายแต่ก็อบอวลไปด้วยความยินดีของผู้มาร่วมงาน

“ชั้นยังรู้สึกตกใจไม่หายเลย ที่จู่ๆนายก็บอกว่านายจะแต่งงาน ... นายไม่เคยแพร่งพรายให้ชั้นรู้เลยมั้งว่านายแอบคบกับเจ้าสาวของนายอยู่” บ๊อบพูด พลางขยับหูกระต่ายของพ่อบ้านทอม ก่อนจะสำรวจความเรียบร้อยของตัวเอง
“เพราะเรื่องของผมไม่ใช่เรื่องที่คุณผู้ชายจะต้องใส่ใจนี่ครับ” เจ้าบ่าววันนี้ยิ้มเล็กน้อย “แล้วก็ขอบคุณอีกครั้งที่ให้เกียรติมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้ผม”
“ไม่ใช่เรื่องต้องขอบคุณเลยทอม เพราะนายเป็นเพื่อนคนเดียวของชั้น แค่นี้น้อยไปด้วยซ้ำสำหรับตลอดเวลาที่นายอยู่เคียงข้างชั้นน่ะ” บ๊อบตบบ่าคนสนิท
“เพราะชีวิตของผมเป็นของตระกูลวิลเลียมครับ ... อย่าได้นึกเป็นบุญคุณเลย”
“แต่นายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของชั้น ทอม” บ๊อบจับบ่าทั้งสองข้างของทอมไว้ “แล้ววันนี้นายจะเป็นเจ้าบ่าวที่หล่อที่สุดในงานด้วย”
.
.
เจ้าสาวในชุดสีขาวบริสุทธิ์มีสีหน้าเปี่ยมไปด้วยความสุขระคนขวยเขิน เมื่ออยู่ต่อหน้าบาทหลวงและเจ้าบ่าวของหล่อน พิธีสาบานตนต่อพระผู้เป็นเจ้าว่าจะครองรักกันเริ่มต้นขึ้นด้วยกล่าวคำสาบานตามบาทหลวง ก่อนจะจบลงด้วยการแลกแหวนแต่งงาน และการโยนช่อดอกไม้เสี่ยงทาย

“บิล นายออกไปเล่นกับเค้าสิ” บ๊อบทุ้งศอกเบาๆ
“จะบ้าเหรอ มีแต่ผู้หญิงเท่านั้นแหละที่จะไปแย่งช่อบูเก้งานแต่งงานน่ะ” บิลหันมาค้อนตาเขียว
“ไม่เห็นจะเป็นไรเลย นายก็เหมือนผู้หญิงของชั้นนั่นแหละ”
“นี่ คุณมนุษย์แอนดรอยด์ ถ้าคุณมีความรู้สึกเจ็บปวดนะ ผมจะต่อยให้ตาเขียวเลยจริงๆ”
.
.
รถมินิคูเปอร์ที่เป็นของขวัญวันแต่งงานจากบ๊อบ วิลเลียมถูกผูกไว้ด้วยกระป๋องดีบุกตามธรรมเนียมยุโรป คู่บ่าวสาวและบ๊อบกับบิลต่างส่งยิ้มแสดงความยินดีให้แก่ทั้งคู่ ก่อนที่บ๊อบจะตบบ่าพ่อบ้านคนสนิทและกล่าวอวยพร

“ไปฮันนีมูนให้สบายใจนะ เรื่องทางนี้นายไม่ต้องเป็นห่วง”
“ครับ” ทอมรับคำ พลางหันมามองเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆนายของตน “คุณบิล ผมฝากดูแลคุณผู้ชายด้วยนะครับ”
“ครับ คุณทอม ขอให้มีความสุขมากๆนะครับ” บิลรับคำด้วยรอยยิ้มก่อนที่เจ้าบ่าวจะยิ้มให้คนทั้งคู่อีกครั้ง แล้วจูงมือเจ้าสาวไปยังรถมินิคูเปอร์ที่จอดอยู่ เขาหันหลังมามองทั้งสองคนอีกครั้งด้วยแววตาว่างเปล่า ก่อนจะขับรถเคลื่อนที่ไปข้างหน้า
.
.
ปลายฤดูใบไม้ร่วงในปีคศ. 2229 และกำลังจะเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิที่เวียนมาบรรจบครบรอบห้าปีแห่งการใช่ชีวิตร่วมกันของวิลเลียม บ๊อบและเลย์ตัน บิล คฤหาสน์ตระกูลวิลเลียมค่อยๆมีสมาชิกเพิ่มขึ้นจากที่เมื่อหลายปีก่อนมีเพียงบ๊อบและทอมเท่านั้น แต่ในปัจจุบัน ที่นี่กลายเป็นต้นไม้ขนาดกลางที่แผ่กิ้งก่านสาขาให้ร่มเงาแก่สองครอบครัวเล็กๆ นั่นคือครอบครัวของทอมและแพทริเซีย ที่มีสมาชิกใหม่เป็นเด็กชายตัวน้อยนามโจนส์ โทมัส และครอบครัวของบ๊อบกับบิล เสียงหัวเราะอย่างร่าเริงของโจนส์วัยสามขวบช่วยเพิ่มพื้นที่รอยยิ้มให้แก่สมาชิกในบ้านให้กว้างขึ้นไปอีกราวกับเป็นเทวดาตัวน้อยๆของบ้าน เขาชอบที่จะวิ่งเล่นไปบนทุ่งดอกฟอร์เก็ทมีนอทสีม่วงที่บิลปลูกเอาไว้บริเวณสนามหญ้าที่สามารถมองเห็นได้จากหน้าต่างห้องนอนของทั้งสอง
.
.
“เก็บกระเป๋าหรือยังบิล ... พรุ่งนี้เราจะไปคอตส์วอลด์กันแต่เช้านะ” วิลเลียมบ๊อบพูดจากด้านหลังของบิลที่กำลังจ้องมองไปยังทุ่งฟอร์เก็ตมีนอทด้านล่าง พลางกอดชายร่างเล็กกว่าไว้จากด้านหลัง
“อีกสักพักก็จะไปเก็บกระเป๋าแล้วครับ ... ห้าปีนี่มันก็ผ่านไปไวเหมือนกันนะ” เขายิ้มให้กับทุ่งดอกไม้ฝีมือของตน
“ชั้นไม่ได้ใส่ใจการเดินทางของกาลเวลามานานมากแล้ว .... จนนายเดินเข้ามาในชีวิตของชี่น ... ชั้นถึงได้เริ่มต้นนับเวลาของเรา ... ห้าปีแห่งความสุข” บ๊อบพูดพลางเกยคางกับไหล่ของคนรัก
“ใช่ครับ ... เวลาของคุณถูกหยุดไว้นิรันดร์ ในขณะที่เวลาของผมมันนับถอยหลังลงทุกเมื่อ ... แต่ว่า ... ถ้าวันหนึ่งผมจากคุณไป ถ้าคุณคิดถึงผม ขอให้คุณนั่งอยู่ตรงนี้แล้วมองไปที่ทุ่งฟอร์เก็ทมีนอทที่ผมปลูกไว้ให้คุณ ... ผมจะเฝ้ามองดูคุณจากที่ไหนสักแห่งและแอบมองคุณยิ้มอย่างมีความสุขให้กับฟอร์เก็ทมีนอทของผม”
“ไม่เอาสิ” บ๊อบกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น “ชั้นยังไม่อยากคิดถึงวันนั้นและยังไม่อยากฟังเรื่องราวในวันที่นายจะจากชั้นไปด้วย”
“นี่บ๊อบ คุณผ่านเรื่องราวมามากมายยิ่งกว่าผมอีกนะ ... คุณต้องเข้าใจสัจธรรมข้อนี้ยิ่งกว่าผมด้วยซ้ำ” บิลยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับเอี้ยวตัวไปประทับริมฝีปากบนแก้มของบ๊อบเบาๆ “ผมจะไปเก็บกระเป๋าแล้ว ผมขอโทษที่ทำให้คุณคิดมาก ... ผมไม่อยากเห็นคุณทำหน้ายุ่งแบบนี้ก่อนที่เราจะไปฮันนีมูนกันหรอกนะครับที่รัก”
.
.
พ่อบ้านทอมยกกระเป๋าเดินทางใบที่สองของบ๊อบและบิลใส่ท้ายรถแลนด์โรเวอร์ ก่อนที่จะปิดกระโปรงท้ายแล้วหันไปมองหน้าผู้เป็นนายด้วยสายตาเป็นห่วง ไม่กี่ครั้งหรอกที่เขาจะปล่อยให้คุณผู้ชายของเขาได้ไปไหนตามลำพัง และนี่เป็นครั้งแรกสำหรับการเดินทางไกลเช่นนี้

“คุณผู้ชายแน่ใจจริงๆหรือครับ ว่าไม่ให้ผมไปด้วย ผมขอแค่คุณผู้ชายออกปากเรียก ผมขอเพียงเวลาจัดกระเป๋าเพียงไม่นานแล้วผมจะเป็นคนพาคุณทั้งสองไปที่คอตส์วอลด์เอง”
“ไม่เป็นไรหรอก ทอม ชั้นจะไปฮันนีมูนนะ แล้วอีกอย่าง ... นายมีลูกแล้วด้วย จะมาหัวหกก้นขวิดกับชั้นเหมือนเมื่อก่อนก็คงไม่ดีหรอก” บ๊อบยิ้มและตบบ่าพ่อบ้านทอมเบาๆ
“แต่ยังไงผมก็ยัง... เอาเถอะครับ ขอให้เดินทางอย่างมีความสุขโดยสวัสดิภาพนะครับ”
“อื้ม... “บ๊อบรับคำ ก่อนที่บิลจะเดินออกมาจากบ้าน “พร้อมหรือยังบิล”
“พร้อมตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว” บิลยิ้มกว้าง ก่อนที่ทอมจะเปิดประตูรถให้ ไม่นานนัก รถที่ทั้งคู่เดินทางไปก็ค่อยๆแล่นหายไปสู่ถนนหน้าคฤหาสน์
.
.
บ๊อบขับรถลัดเลาะไปตามเส้นทางมอเตอร์เวย์ M40 ก่อนจะแยกไปยังเส้นทางย่อย A436 สองข้างทางร่มรื่นไปด้วยพรรณไม้เขียวสะอาดตานานาพรรณที่แผ่กิ่งก้านสาขาโอบล้อมสองข้างทางจนแสงแดดแทบจะส่องลงมาไม่ถึงเบื้องล่างทำให้อากาศของถนนละแวกชนบทอังกฤษแห่งนี้ร่มรื่นนัก ทั้งคู่ใช้เวลาอยู่นานพอสมควรหากเปรียบเทียบกับระยะทางเพียงร้อยห้าสิบกิโลเมตร หากแต่การไล่เก็บภาพประทับใจและชื่นชมความสวยงามรายทางของเส้นทางที่ได้รับการขนานนามว่า “Cotswold Romantic Road” อันเป็นเส้นทางที่จะผ่านชุมชมหมู่โบราณหลายแห่ง และมีทุ่งเรปซี้ด (Rapeseed) ที่ออกช่อสีเหลืองอร่ามเต็มพื้นที่ราบเชิงเขาให้ทั้งคู่ได้เก็บภาพความงามและประทับใจอย่างไม่รู้เบื่อ ทำให้บ๊อบกับบิลมาถึงที่พักเมื่อเวลาบ่ายคล้อยจนพระอาทิตย์เกือบจะลับเหลี่ยมเขา

คฤหาสน์ Croome Court ที่ทั้งสองคนเลือกเป็นสถานที่พักอยู่ในหมู่บ้านบรอดเวย์ ที่พักที่บ๊อบจองไว้อยู่ที่ชั้นบนสุดของคฤหาสน์ที่สร้างเป็นลักษณะหอคอยหกเหลี่ยม สามารถขึ้นบันไดวนไปยังดาดฟ้าที่เป็นหอคอยสังเกตการณ์สมัยก่อน ผู้ดูแลได้แจ้งแก่ทั้งสองคนว่า หากวันใดฟ้าเปิด จะสามารถมองออกไปยังแคว้นทั้งสี่ได้ แต่เพียงแค่สีเขียวๆของป่าโปร่งที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตาท่ามกลางไอหมอกจางๆก็ทำให้ทั้งคู่อมยิ้มกับการเริ่มต้นการเดินทางเพื่อมาดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ครั้งนี้แล้ว

“น่ารักดีนะ ดูสิ เชื่องน่าดู” บิลพูดในขณะที่กำลังป้อนแอปเปิลให้กับลูกกวางที่อยู่ในบริเวณที่พัก
“อื้มน่ารักดี” บ๊อบตอบพลางอมยิ้มให้กับคนรัก “นายก็เหมือนกัน”

บิลหน้าแดงด้วยความขวยเขินเล็กน้อย ก่อนที่บ๊อบจะลงมานั่งยองๆข้างๆกัน
“คืนนี้เราไปหาอะไรกินที่บาร์ในหมู่บ้านมั้ย ผมไปถามคนดูแลมา เขาบอกว่าอาหารอร่อย มีดนตรีให้ฟังด้วย เสร็จแล้วค่อยกลับมาพักผ่อนก่อน”
“แล้วแต่คุณสิครับ ถ้าไม่เหนื่อยกับการขับรถเดินทางล่ะก็”
“ลืมแล้วหรอบิล ว่าชั้นเป็นแอนดรอยด์”
“คร้าบ ... ผมแค่ไม่เคยคิดเลยว่าคุณไม่ใช่มนุษย์”
“แต่เป็นคนที่นายรักใช่มั้ยบิล”
“ผมเบื่อจะฟังคำหวานของคุณแล้วบ๊อบ” ชายหนุ่มสะบัดหน้าหนีแล้วไปลูบหัวลูกกวางน้อยอย่างเอ็นดู
.
.
หลังอาหารเย็นภายในร้านอาหารตำรับชนบทในหมู่บ้านบรอดเวย์ ทั้งคู่ขับรถกลับมายังที่พักอีกครั้ง ภายในห้องที่ดับไฟไว้มืดสนิท มีเพียงแสงสลัวๆจากเทียนที่ถูกปักไว้บนเชิงเทียนทองเหลืองตามแบบศิลปกรรมสมัยโบราณ บนโต๊ะอาหารที่ทำจากทองเหลืองเช่นเดียวกันประดับด้วยช่อดอกไม้ในแจกันขนาดเล็กๆ ที่วางข้างๆกันเป็นถังแช่ไวน์ที่ทำจากไม้โอ๊ค บิลมองทุกสิ่งทุกอย่างในห้องก่อนจะหันมาทำตาเขียวใส่บ๊อบที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อยู่
“ฝีมือคุณใช่มั้ย บ๊อบ”
“ก็คงงั้น” เขายิ้มเจื่อนๆ
“คุณก็รู้ ผมไม่ค่อยถูกกับแอลกอฮอล์เท่าไหร่” บิลยังตำหนิคนรักของตน
“เอาน่า ผมเลือกอันที่ดีกรีต่ำที่สุดแล้ว ขวดที่ผมอยากให้ลองชิมมันจะแรงไปสักหน่อยจนผมไม่กล้าให้คุณชิม”
“ไหนคุณบอกคุณไร้ความสามารถในการรับรสมานานแล้ว”
“ผมไม่ได้ชื่นชมในรสชาติของไวน์ แต่ผมหลงใหลในการดื่มไวน์ใต้แสงเทียนกับคนที่ผมรัก” บ๊อบส่งสายตาหวานฉ่ำมาให้
“แต่ผมไม่เคย...” ชายหนุ่มยังพ้อ แต่ก็โดนประกบด้วยริมฝีปากและปลายลิ้มที่แห้งผากของแอนดรอยด์หนุ่มที่ไร้ซึ่งน้ำลาย
“ปล่อยตัวตามสบาย เชื่อชั้นสิ มันไม่ได้ร้ายแรงนักหรอก”
.
.
พนักนอนที่ถูกจัดวางไว้ที่ระเบียงกว้างหันหน้าออกไปทางทิศตะวันออก ข้างๆกันมีโต๊ะตัวเล็กๆพร้อมกับเชิงเทียนที่บ๊อบย้ายมาวางด้านนอก ทั้งสองคนนอนอยู่ข้างๆกันโดยบ๊อบใช้แขนของตนรองศีรษะของอีกคนไว้ มือข้างหนึ่งของเขาถือแก้วไวน์แดงเอาไว้ก่อนจะจิบน้ำสีแดงสดในแก้วช้าๆ บิลยังคงทำหน้าบอกบุญไม่รับแต่เขาก็เริ่มคล้อยตามกับบรรยากาศโรแมนติกที่บ๊อบรังสรรค์ขึ้นมาในโอกาสครบรอบห้าปีของทั้งคู่
“สมกับที่เป็นวันพิเศษ ท้องฟ้าเปิดขนาดนี้ถ้าเรานั่งนับดาวกันให้หมดล่ะก็ ใช้เวลาทั้งคืนคงไม่พอ” บ๊อบเอ่ยขึ้น
“ผมคงอยู่ไม่ไหวขนาดนั้น ... ผมยังต้องการการนอนพักผ่อนอยู่นี่นา”

บ๊อบหันมามองดวงตาของคนข้างๆจนบิลต้องหลุบตาต่ำหนีดวงตาที่ชวนต้องมนต์ของบ๊อบ แอนดรอยด์หนุ่มยิ้มอย่างพอใจก่อนจะจิบไวน์ในแก้วอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้กลืนลงไปในลำคอ ทว่าเขากลับค่อยๆช้อนใบหน้าของบิลให้หันมาทางเขาและยกตัวขึ้นเล็กน้อย แล้วเผยอริมฝีปากให้ไวน์แดงในปากของเขาไหลลงไปในปากของบิลที่กำลังตกใจ ... แต่ความรู้สึกรักและเสน่หาก็ทำให้เขาปรับตัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างทันท่วงทีและไม่ปฏิเสธต่อการกระทำของบ๊อบ น้ำรสฝาดเฝื่อนไหลลงไปในปากจนหมดโดยที่ชายหนุ่มแทบจะไม่ต้องออกแรงกลืนก่อนที่ลิ้นของบ๊อบจะแหย่เข้าไปในปากและเริ่มเพลิดเพลินในรสเสน่หาอันน่าหลงใหลที่สัมผัสได้จากโพรงปากของบิล

“ดื่มง่ายกว่าที่คิดใช่มั้ย” เขายิ้มอย่างรัญจวนหลังจากถอนปากออก
“คุณใช่คำว่าดื่มเหรอครับ ... ผมว่าเมื่อครู่นี้มันไม่ใช่นะ” บิลตอบด้วยใบหน้าแดงก่ำที่ไม่รู้ว่าเพราะฤทธิ์ไวน์หรือความเขินอายกันแน่
“งั้นควรเรียกว่าอะไร ... จูบหรือป้อนด้วยปากดี”
“ผมไม่คุยกับคุณแล้ว!”
“ก็ดี ... ชั้นจะได้จูบนายอย่างเดียว” เขายิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะทำตามคำขู่และบิลก็ไม่ได้ตัดพ้ออีกต่อไป ... จุมพิตใต้ม่านฟ้าที่ถักทอด้วยหมู่ดาวปกคลุมบรรยากาศโดยรอบ หัวใจของบิลเต้นแรงอย่างเป็นสุข แต่กระนั้นเขาก็ยังเลือกที่จะถอนปากของตนออกมาเพื่อพักหายใจบ้าง
“ชั้นรักนายนะบิล” บ๊อบกระซิบแผ่วเบาแต่เสียงนั้นก็ดังพอที่จะได้ยินกันสองคน
“ผมก็รักคุณครับบ๊อบ” ชายหนุ่มตอบพลางหายใจเหนื่อยหอบ

วิลเลียม บ๊อบดึงคนตรงหน้ามากอดไว้  เขามองหน้าของคนในอ้อมกอดด้วยดวงตาที่หวานซึ้ง ก่อนจะพรั่งพรูความรู้สึกมากมายของตน “บิล นายรู้มั้ย ห้าปีที่เราอยู่ด้วยกัน ไม่เคยมีสักนาทีที่ชั้นไม่มีความสุข ... จนชั้นแทบไม่อยาก... จะเสียนายไป”
“ผมสัญญา ว่าผมไม่มีวันเลิกรักคุณ บ๊อบ”
“แต่วันหนึ่งพระเจ้าก็จะพรากคุณไปจากผม”
“ชั้นถึงได้ครุ่นคิดมาตลอดไง บิล... “ บ๊อบลูบใบหน้าคนรักอย่างทนุถนอม ก่อนจะพูดต่อ “ชั้นอยากจะขออะไรนายสักอย่าง”
“อะไรหรือครับ”
“ถ้าวันหนึ่ง นายหมดลมหายใจ ... ชั้นอยากจะชุบชีวิตนายขึ้นมาอีกครั้ง... ได้มั้ย?”
“ด้วยการทำให้ผมเป็นแอนดรอยด์เหมือนคุณน่ะเหรอ บ๊อบ ... โอกาสสำเร็จมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยนะ” เขาส่ายหน้าอย่างปฏิเสธความคิดนั้น
“แต่ชั้นเชื่อว่ามันจะสำเร็จ ... เพราะการได้พบนาย สำหรับชั้น มันเหมือนปาฎิหาริย์”
“แต่ในเมื่อมันเป็นปาฎิหาริย์ ไม่มีอะไรเลยที่จะยืนยันว่ามันจะเกิดขึ้นอีกครั้ง”
“แต่ถ้าเราไม่เสี่ยงที่จะหวัง เราก็จะหมดหวังตั้งแต่ยังไม่ได้หวัง... ชั้นไม่อยากเสียใครไปอีกแล้วบิล”
“บ๊อบ คุณบอกผมมาตลอด...ว่าชีวิตนิรันดร์ของคุณมันเจ็บปวดแค่ไหน แล้วคุณจะยังทำให้ผมเป็นเหมือนคุณหรอ”
“ใช่ ชั้นบอกนายเสมอว่ามันขมขื่นและเจ็บปวดแค่ไหน ... แต่ชั้นเชื่อ ว่าเราจะเป็นเหมือนยาของหัวใจซึ่งกันและกัน นายจะเชื่อชั้นอีกสักครั้งมั้ย ... เหมือนดีกรีไวน์ที่นายกลัว พอนายได้ลองลิ้มรสของมันแล้วมันก็ได้แย่อย่างที่นายคิดนี่”
“มันไม่เหมือนกันบ๊อบ การเดิมพันนี้มันเสี่ยงเกินไป”
“ขึ้นชื่อว่าเดิมพันย่อมมีความเสี่ยง และชั้นไม่สนใจว่าการลงทุนครั้งนี้ตีค่าความเสี่ยงเป็นตัวเลขที่มากขนาดไหน ... ชั้นแค่ไม่อยากเดินเดียวดายบนสายธารแห่งกาลเวลา... เพียงลำพังอีกแล้ว”

บิลถอนหายใจช้าๆ ก่อนจะแหงนหน้ามองฟ้าด้วยรอยยิ้ม
“บ๊อบ ถึงผมจะเคยเตือนคุณเรื่องสักวันผมอาจจะต้องจากคุณไป แต่พอเอาเข้าจริงๆ ผมก็ไม่อยากจะพูดหรือคิดถึงวันนั้นเลย ยังมีเรื่องราวอีกเยอะแยะให้เราคิดถึงมัน เช่น...คืนนี้ ดาวสวยออกจะตาย ถ้าให้ผมนั่งมองกับคุณทั้งคืนพร้อบกับจิบไวน์ไปด้วยกัน ... ดีกว่ามั้ย”
“แต่... พอชั้นคิดอะไรไปแล้ว บางทีชั้นก็หยุดความคิดตัวเองไม่ได้”
“ถ้าอย่างนั้น...” บิลพูดพลางเอื้อมมือไปคว้าแก้วไวน์ที่บ๊อบวางไว้ ก่อนจะจิบน้ำสีชาดเข้าปากแล้วพลิกตัวขึ้นมาอยู่บนตัวของบ๊อบ และเปลี่ยนเป็นฝ่ายป้อนไวน์ให้แก่บ๊อบบ้าง
“ผมป้อนไวน์ได้เก่งเท่าคุณมั้ยบ๊อบ?” บิลส่งสายตัวเจ้าเล่ห์ให้แก่บ๊อบที่ยิ้มมุมปากอยู่ด้านล่าง ก่อนที่เขาจะตัดสินใจเลิกคิดถึงเรื่องที่ยังไม่รู้จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และเลือกที่จะทำคืนนี้น่าประทับใจด้วยการจุมพิตคนที่อยู่บนตัวเขาอย่างดูดดื่มโดยไม่พูดอะไรอีก..

ออฟไลน์ ลำนำบุหลันครวญ

  • Most Wanted!!!
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +377/-1
บ๊อบและบิลพักผ่อนอยู่ที่ Croome Court อีกหนึ่งคืน ก่อนที่เขาจะออกเดินทางไปสโนว์ดอน เทือกเขาแห่งสายหมอกเป็นที่หมายต่อไป ทั้งคู่มาจอดรถกันที่สถานี สโนว์ดอน เมาว์เทน เรลเวย์ ก่อนจะซื้อตั๋วสำหรับเดินทางไปขึ้นไปยังยอดเขาสโนว์ดอน

“ทานซะหน่อยนะ” บ๊อบยิ้ม ก่อนจะยื่นเบอร์เกอร์ที่แวะซื้อที่ร้าน M&S ให้แก่บิล
“ขอบคุณครับ”

เสียงรถไฟที่ยังใช้พลังงานจากถ่านหินหวูดคำรามแสบแก้วหูเป็นสัญญาณเตือนว่ารถไฟขบวนนี้กำลังจะมุ่งหน้าขึ้นเขาในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ที่นั่งฝั่งซ้ายมือที่ทั้งคู่โดยสารอยู่ไม่มีผู้ร่วมโดยสารด้วย แต่ทางฝั่งขวามือของโบกี้มีคู่สามีภรรยาวัยเกษียณอายุนั่งคุยหัวร่อต่ะกระซิกกันอยู่

“น่ารักดีนะ เคียงคู่กันจนแก่เฒ่า” บ๊อบพูดขึ้น
“คุณพูดเหมือนผมจะทิ้งคุณไปวันพรุ่งวันมะรืน ... คุณออกจะโชคดีกว่าคุณลุงคุณป้าคู่นั้นเป็นไหนๆ เพราะคุณจะไม่แก่ถือไม้เท้าในวันที่ผมแก่หง่อมไปแล้ว”
“นายไม่ต้องใช้ไม้เท้าหรอก ถ้าวันหนึ่งนายเดินไม่ไหว ชั้นจะเป็นขาให้นายเอง”
“รอให้ถึงวันนั้นจริงๆ ผมถึงจะเชื่อคุณ บ๊อบ”

เสียงหวูดรถไฟดังก้องอีกครั้ง ก่อนที่กลไกจะเริ่มทำงาน ล้อรถไฟเริ่มบดกับรางส่งเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดก่อนที่รถไฟจะออกตัวไปข้างหน้า บิลหยิบกล้องถ่ายรูปของตนออกมาเก็บภาพความสวยงามสองข้างทาง
รถไฟแล่นมาเรื่อยๆไต่ระดับความสูงของเทือกเขาสโนว์ดอน ข้างทางมีผู้คนที่เลือกจะเดินขึ้นเขาด้วยการเดินเท้าให้เห็นอยู่ตลอดทาง จนเวลาผ่านไปสักครู่หนึ่ง ทั้งคู่ก็มาถึงระดับที่เริ่มจะมองเห็นทิวหมอกชัดเจนขึ้น
“นายเคยได้ยินใช่มั้ย .. นั่นแหละเค้าเรียกร็อกกี้ วอลเลย์” บ๊อบชี้มือไปยังแนวหุบเขาที่เต็มไปด้วยแนวของโขดหินนับร้อยนับพัน
“อืม... หุบเขาแห่งก้อนหิน เยอะจริงๆสมคำร่ำลือ “ บิลพูดพลางรัวชัตเตอร์อีกครั้ง
“อีกไม่กี่อึดใจก็จะถึงปลายทางแล้วนะ ... อย่ามัวแต่ถ่ายรูปจนแบตหมดไม่เหลือไว้ถ่ายที่จุดสูงสุดล่ะ”

“เปรี๊ยะ...ตูม!!!” เสียงระเบิดดึงขึ้นด้านหน้าขบวนพร้อมกับที่เกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งคัน เสียงเบรกรถไฟหวีดลั่นเหมือนมัจจุราชกำลังหวีดร้องอย่างบ้าคลั่งหมายจะเงื้อง่าคร่าชีวิตผู้คนในที่เดินทางมา
“ภูเขาถล่ม!!!” เสียงนายตรวจตะโกนลั่นด้วยดวงตาที่เบิกโพลง คำอุทานนั้นทำให้ผู้โดยสารในขบวนต่างหวีดร้องลั่น รถไฟยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดโดยง่ายและยังคงเคลื่อนที่ด้วยความเร็วไม่ต่างจากเดิม เสียงอื้ออึงของทั้งเครื่องจักรและเสียงกรีดร้องของผู้โดยสารดังประสานกันจนแทบฟังไม่ได้ศัพท์ ... ท่ามกลางความสับสนอลหม่าน บ๊อบและบิลโผกอดกันไว้แน่น บิลตัวสั่นเทิ้มความกลัวแม้บ๊อบจะปลอบเขาอย่างไรก็ตาม

“ทำใจดีๆไว้บิล เชื่อชั้น นายต้องปลอดภัย” บ๊อบพูดซ้ำไปซ้ำมา โดยที่ในใจของเขาไม่มีความมั่นใจต่อสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่กี่นาทีข้างหน้านี้แม้สักนิด

“ตูม!!!” เสียงกัมปนาทดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับแรงสั่นสะเทือนและแรงเหวี่ยงที่มากพอที่จะเหวี่ยงผู้โดยสารจำนวนหนึ่งให้กระเด็นจากโบกี้ หนึ่งในนั้นมีบ๊อบและบิลที่กระเด็นออกไปนอกตัวรถ แรงเหวี่ยงมหาศาลทำให้ทั้งคู่บินหวือไปไกลหลายเมตรและกลิ้งไหลไปตามเนินเขาที่ลาดชัน ... ก่อนจะหยุดลงบนหุบเขาร็อกกี้ หุบเขาแห่งหมู่มวลหิน

แรงกระแทกทำให้ระบบประมวลผลของบ๊อบรวนไปเล็กน้อย แต่ความเป็นแอนดรอยด์ของเขาทำให้เขาไม่รู้สึกเจ็บปวด .. หลังจากระบบเริ่มรีสตาร์ทตัวเองขึ้นมา เขามองไปรอบๆตัวช้าๆอย่างพิจารณา ก่อนที่ภาพที่เขาต้องตกตะลึงจะปรากฎอยู่ตรงหน้า
“บิล!!!!” 
ร่างเล็กนอนหายใจรวยรินและชุ่มโชกไปด้วยเลือด ด้านหลังของบิลมีโขดหินขนาดใหญ่ที่เดาว่าคงเป็นสิ่งที่หยุดทั้งสองคนไว้ แต่โขดหินดังกล่าวก็ทำให้บิลได้รับแรงกระแทกจนบาดเจ็บสาหัส
“ไม่ บิล นายต้องไม่เป็นอะไร แข็งใจไว้นะ” บ๊อบพูดเสียงสั่น ก่อนจะคว้าร่างที่แดงฉานของบิลขึ้นอุ้มและวิ่งพาคนรักลงจากเขาด้วยดวงใจที่เต้นรัวราวกับจะขาดรอนลง

บ๊อบวิ่งสุดแรงเกิดด้วยความรู้สึกที่มากมายในหัวระคนกัน เขาไม่ได้เร่งรีบขนาดนี้มานานแล้ว เวลาของเขาไม่เคยมีความหมายตั้งแต่วันที่เขารู้ตัวว่าชีวิตใหม่ของเขาจะไม่มีวันดับสูญ แต่ในเวลานี้ มันทรมานหัวใจเหลือเกินกับการที่เทียนไขแห่งชีวิตของคนที่เขารักหมดหัวใจกำลังจะดับลงได้ทุกวินาทีที่เขาอาจจะวิ่งช้าเกินไป

“ช่วยด้วย!!! รถพยาบาลอยู่ไหน มารับคนเจ็บไปที!!!” เขาตะโกนสุดเสียงท่ามกลางความโกลาหลและตกตะลึงอย่างไม่คิดว่าจะมีคนอุ้มคนเจ็บลงมาจากจุดเกิดเหตุเช่นนี้ แต่หน่วยกู้ภัยพื้นล่างก็มีสติพอที่จะสงบสติอารมณ์ไม่ถามไถ่อะไร บิลถูกพาตัวขึ้นรถพยาบาลไปทันทีพร้อมกับบ๊อบ ก่อนที่รถพยาบาลจะห้อทะยานไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดพร้อมกับเสียงไซเรนที่ดังลั่น

“นายต้องไม่เป็นไร บิล นายต้องไม่เป็นอะไร” บ๊อบพูดซ้ำไปซ้ำมาพลางบีบมือของคนที่เขารักเอาไว้ ร่างชุ่มเลือดของบิลหายใจลำบากขึ้นทุกทีจนเห็นได้ชัดจนทำให้หัวใจที่ปวดร้าวของบ๊อบแทบแตกเป็นเสี่ยง เขาโผเข้าไปกอดร่างของบิลด้วยความรู้สึกที่ทรมานไม่ต่างจากคนที่นอนอยู่ ... ก่อนที่.....

.
.
.



เขาจะได้ยินคำสั่งเสียสุดท้าย ... ของคนที่เขารักหมดหัวใจ







“เมื่อไหร่ที่คุณคิดถึงผม ... ให้มองไปที่ทุ่งฟอร์เก็ทมีนอท ที่บ้านของเรานะ ... ที่รัก”
บิลพูดขึ้นอย่างยากลำบาก ก่อนที่เขาจะปล่อยลมหายใจออกเสียงดังอย่างทุกข์ทรมาน ... เป็นครั้งสุดท้าย
“ไม่ บิล อย่าทิ้งฉันไป!!!!!”
.
.
ร่างไร้วิญญาณของบิลถูกพาขึ้นเฮลิคอปเตอร์ทันทีที่หมอลงความเห็นว่าบิลได้ตายไปจากโลกนี้แล้ว เฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวของบ๊อบบินตรงไปยังสถาบันวิจัยเทคโนโลยีและพัฒนาสิ่งมีชีวิต ... ที่ที่ครั้งหนึ่งเขาได้ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งบนโลกใบนี้

“ผมขอคุยกับคุณหมอบริจิตต์ ...เดี๋ยวนี้” เขาแผดเสียงใส่พนักงานประชาสัมพันธ์
“แต่... คุณเข้าไปไม่ได้ตอนนี้ ... “ พนักงานสาวมองบ๊อบที่ยังอยู่ในเสื้อผ้าที่แดงฉานไปด้วยเลือด “คุณต้องไปชำระล้างร่างกายก่อน”
“โธ่เว้ย!!” เขาสบถลั่น ก่อนจะกระชากเสื้อของตนจนกระดุมหลุดกระเด็น “ทอม ไปหาเสื้อผ้าใหม่มาให้ชั้น ไวที่สุด”
“ชั้นมาแล้ว ... AD003 อ้อ โทษที ชั้นลืมไปว่าคุณไม่ชอบให้พวกเราแทนชื่อคุณด้วยรหัสเท่าไหร่ สวัสดีค่ะ คุณวิลเลียม” แพทย์หญิงคนหนึ่งที่แต่งกายด้วยเสื้อกาวน์สีขาวสะอาดเดินออกมาจากตัวอาคาร เธอขยับกรอบแว่นของเธอเล็กน้อยพลางมองไปยังเปลที่คลุมด้วยผ้าขาวมา “ชั้นคิดว่า คุณคงจะมีเรื่องให้เรารับใช้”

บ๊อบกลืนน้ำลายลงคอเพื่อข่มความโกรธของตน ก่อนจะพูดขึ้นอย่างยากลำบาก
“ช่วย... ชุบชีวิต.. คนรัก...ของผมที”
“โอ้ ไม่น่าเชื่อว่ามันจะออกมาจากปากของคุณ ทั้งที่คุณพยายามขัดขวางสถาบันของเราทุกวิถีทางน่ะเหรอ” บริจิตต์ยิ้มอย่างมีชัย
“ผมแพ้แล้ว ผมกลืนน้ำลายตัวเอง นี่เป็นทีของคุณ บริจิตต์ คุณจะด่า จะเสียดสี หรือจะโขกค่ารักษาเป็นสองเท่าจากผมก็ได้ ผมแค่ให้โอกาสผมได้เสี่ยงดูสักครั้ง”
“ชั้นมีจรรยาบรรณพอ คุณวิลเลียม ราคาท้องตลาดนั่นแหละ หนึ่งพันล้านปอนด์” เธอยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ ก่อนจะเรียกให้บุรุษพยาบาลของสถาบันรับศพของ บิล เลย์ตันไปเก็บรักษา
“ช่วยกรอกประวัติผู้ตายหน่อยสิ” บริจิตต์ส่งเอกสารให้แก่วิลเลียม บ๊อบ
เขากรอกเอกสารด้วยลายมือหวัดๆด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะส่งให้แก่บริจิตต์ทันทีโดยไม่ต้องตรวจทานความเรียบร้อย
“โอ๊ะ! มิสเตอร์บิล เลย์ตัน? คนรักของคุณเป็นผู้ชายงั้นหรือเนี่ย” หล่อนเลิกตาขึ้นอย่างประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนจะส่งเอกสารนั้นให้แก่แผนกเวชระเบียน “แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ชั้นจะต้องใส่ใจหรอก”
.
.
ภายในห้องทำงานของวิลเลียม บ๊อบ ชายหนุ่มนั่งกุมขมับอยู่บนเก้าอี้ผู้บริหารท่ามกลางความเงียบ ก่อนที่เสียงเปิดประตูจะดังขึ้นมาพร้อมกับพ่อบ้านทอมคนสนิทที่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าราบเรียบ พร้อมกับเอกสารเล่มหนึ่ง
“ผมไม่เห็นด้วยด้วยประการทั้งปวง คุณผู้ชาย “
“ทำไม เรามีเงินไม่พอหรอ ถ้าเป็นแบบนั้นชั้นคิดว่าชื่อเสียงของวิลเลียมฟาร์มาซีน่าจะพอทำเรื่องกู้ได้อย่างต่ำๆก็พันสองพันล้านปอนด์นะ”
“พอครับ ... แต่ถ้าเรายอมจ่ายเงินก้อนนี้ไป บริษัทของคุณจะขาดสเถียรภาพทางการเงินไปมาก”
“ชั้นไม่สนใจ ทอม ถ้าเงินจะซื้อชีวิตคนที่ชั้นรักได้ ชั้นจะทำ” บ๊อบตวาดลั่นและหันมามองคนสนิทด้วยแววตาเกรี้ยวกราด
“คุณพูดไม่ถูกครับ คุณผู้ชายแค่ซื้อโอกาสที่จะเสี่ยง ที่มีความสำเร็จเหมือนงมหาเข็มที่ตกหายในมหาสมุทร”
“แต่ถ้ามันตกหายในมหาสมุทรจริงๆ ถ้าเราลงมืองมหามันก็มีทางเจอนี่ทอม” บ๊อบยังยืนกราน เขาคว้าเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานมาดูก่อนจะรำพึงเบาๆ “พันสองร้อยล้านปอนด์หรอ ... ก็ยังดี”
“คุณผู้ชายรักเด็กคนนั้นมากถึงขนาดนี้เลยหรอครับ” พ่อบ้านทอมถาม บ๊อบ วิลเลียมที่ไม่ได้ใส่ใจตัวเขาเลย
“เขาเป็นเหมือนหัวใจที่หล่นหายไปของชั้น ที่ชั้นใช้เวลาตามหามาร่วมร้อยกว่าปีกว่าจะพบ ชั้นไม่มีทางปล่อยให้หัวใจของชั้นหลุดมือหายไปอีก ... ก็เหมือนกับที่หัวใจของนายได้พบกับคุณแพรทิเซียนั่นแหละ ทอม... นายน่าจะเข้าใจชั้น”
พ่อบ้านทอมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ก่อนจะเอ่ยปากถามผู้เป็นนายด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น
“วันหนึ่ง... ถ้าผมตายไปจากโลกนี้เหมือนคุณเลย์ตัน คุณผู้ชายจะโหยหา... เหมือนที่รู้สึกกับคุณเลย์ตันบ้างมั้ยครับ “

วิลเลียม บ๊อบมองพ่อบ้านทอมที่ถามเขาด้วยน้ำเสียงและหน้าตาที่ไม่บ่งบอกความรู้สึกข้างใน ก่อนที่บ๊อบจะยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย และตอบคำถามของคนสนิท
“แน่นอน ... เพราะนายก็เป็นคนที่อยู่เคียงข้างชั้นมาตลอด ... นายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของชั้นที่ชั้นพร้อมจะให้นายเดินร่วมทางสายนิรันดรด้วยกัน ... ถ้านายต้องการที่จะเป็นเพื่อนกับชั้นตลอดไป ทอม”

พ่อบ้านทอมหลับตาลงช้าๆ ก่อนจะหันหลังให้กับวิลเลียมบ๊อบ
“ขอบคุณมากครับ แต่ถ้าวันหนึ่งผมตายไป ช่วยกรุณาให้ผมได้พ้นจากวัฏสงสารแห่งความทุกข์และความสุขบนโลกมนุษย์นี้เถอะครับ ... แล้วก็...เรื่องค่าใช้จ่ายของคุณเลย์ตัน ผมจะเป็นคนติดต่อกับทางธนาคารให้เอง”
“ขอบใจมาก ทอม นายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของชั้นจริงๆ”
“ผมเป็นทาสรับใช้ที่แสนดีของคุณครับ คุณผู้ชาย” เขาตอบโดยที่ไม่ได้หันไปยังวิลเลียม บ๊อบ ก่อนจะก้าวออกไปจากห้องนั้น พร้อมกับน้ำตาเพียงหนึ่งหยดที่ไหลออกมาที่หางตา
“ขอโทษที่ผมโกหกคุณนะ บ๊อบ” ทอมพุดกับตัวเอง ก่อนจะควักเอกสารแสดงทรัพย์สินตัวจริงที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อของตน “ฮ่าๆ ผมแอบลดตัวเลขทรัพย์สินของคุณลงตั้งห้าเท่าแน่ะบ๊อบ ... แต่ถึงขนาดนั้นคุณก็ยัง....”
.
.
หนึ่งสัปดาห์ของวิลเลียม บ๊อบที่ทุรนทุรายอยู่บนเปลวไฟแห่งความหวังอันน้อยนิด นับจากวันที่เขาเซนต์สัญญายอมจ่ายเงินและรับความเสี่ยงต่อผลลัพธ์ในการรักษาแบบ “Androdic Resurrection”  หรือการคืนชีพด้วยชีวิตนิรันดร์แห่งมนุษย์กล การเตรียมการใช้เวลาทั้งหมดหนึ่งสัปดาห์นับจากวันเซนต์สัญญา

“ผมขออยู่ในห้องนี้ด้วยได้มั้ย คุณหมอบริจิตต์” บ๊อบถามขึ้น ในขณะที่แพทย์หญิงบริจิตต์กำลังจะเดินเข้าไปในห้องโออาร์
“ได้สิคะ คุณเป็นลูกค้านี่” เธอยกยิ้มมุมปาก
“ขอบคุณ”
“คุณผู้ชายครับ” พ่อบ้านทอมเรียกชื่อนายของตน “ผมขอให้คุณเลย์ตันได้รับปาฏิหาริย์จากพระเจ้า... เหมือนที่คุณเคยได้รับนะครับ”
“ขอบใจนายมาก ทอม”

ภายในห้องเต็มไปด้วยเครื่องไม้เครื่องมือที่คุ้นตาชายหนุ่ม แม้เวลาจะผ่านไปนานหลายร้อยปีแต่เขายังจำภาพหลังจากที่เขาเดินทางกลับจากดินแดนมิคสัญญีได้ดี ... ห้องนี้แทบไม่เปลี่ยนไปเลย แม้จะผ่านการบูรณะมาบ้าง

เบื้องหน้าของเขา ร่างไร้วิญญาณของบิลนอนนิ่งอยู่บนเตียงพร้อมกับสายไฟที่ระโยงระยางอยู่บนตัวเหมือนแฟรงเกนสไตน์ ความหดหู่ตรงหน้าทำให้เขาต้องเบือนหน้าหนีไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยายามทำใจให้เข้มแข็งเพื่อรับฟังผลลัพธ์ที่แทบจะหยุดหัวใจของตน

“พัลส์ ทริกเกอร์เป็นอย่างไรบ้าง” แพทย์หญิงบริจิตต์ถามแพทย์คนหนึ่งที่นั่งอยู่หน้าอุปกรณ์อะไรสักอย่างที่มีหน้าตาเหมือนจอคอมพิวเตอร์
“พร้อมครับ”
“ระบบไฟฟ้ากระตุ้นชีพจรล่ะ พร้อมมั้ย”
“พร้อมครับ”
“อวัยวะเทียมล่ะ เตรียมพร้อมแล้วใช่มั้ย”
“ครับ”
“โอเค ... งั้นเรามาปลุกพ่อหนุ่มนี่กันเถอะ” บริจิตต์สวมถุงมือยางและสวมหน้ากากผ้าปิดส่วนล่างของใบหน้าไว้ ก่อนที่เธอจะใช้มีดผ่าตัดของเธอกรีดลงไปบริเวณกลางลำตัว แล้วเริ่มทยอยเปลี่ยนถ่ายอวัยวะเทียมให้แก่เลย์ตันบิลทีละส่วนๆ ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต เธอเดินสายไฟฟ้าไปยังส่วนต่างๆอย่างชำนิชำนาญ ก่อนจะใส่หัวใจเทียม ซึ่งเป็นส่วนสุดท้ายเข้าไปในร่างกายของบิล และต่อสายไฟเข้ากับหัวใจเทียมดวงใหม่”

“คุณหมอ ... แล้วสายเส้นนั้นล่ะ ทำไมถึงปล่อยลอยไว้” บ๊อบถามขึ้น หลังจากที่เฝ้ามองดูการผ่าตัดมาตลอด
“อ้อ ... จริงสิ ชั้นเกือบจะลืมไปเลย นี่ถ้าไม่ได้เสียบสายเส้นนี้ล่ะก็ บรรลัยแน่เลยล่ะ” เธอพูดราวกับเป็นเรื่องขบขัน แต่ตลกร้ายของเธอก็แทบจะทำให้บ๊อบคว้าคอเสื้อของแพทย์หญิงไม้เบื่อไม้เมาของเขามาต่อยสักหมัด แต่ในเวลานี้ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องข่มความโกรธไว้
 
บริจิตต์เริ่มลงมือเย็บผิวหนังของบิลให้ปิดสนิท เธอถอดถุงมือยางที่เปื้อนเลือดออก ก่อนจะเดินไปที่เครื่องจักรที่หน้าตาน่าเกรงขามที่ส่งเสียงครางฮึมฮัม แล้วหันมาทางวิลเลียมบ๊อบ
“หลังจากชั้นสับสวิตซ์นี้ คุณก็จะได้รู้แล้ว ว่าเงินพันล้านของคุณจะสูญเปล่าไปฟรีๆหรือเปล่า” หล่อนพูดด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ขอให้คุณสมหวังนะคะ”

บ๊อบพยักหน้ารับคำ ก่อนที่แพทย์หญิงบริจิตต์จะสับสวิตซ์ขนาดใหญ่ในมือ ร่างของบิลกระตุกขึ้นอย่างแรงเหมือนโดนเครื่องปั๊มหัวใจ แต่ก็ยังไร้วี่แววว่าเขาจะตื่นขึ้นมา
“ชั้นจะลองอีกครั้งนะ คุณวิลเลียม” หล่อนพูดขึ้น ก่อนจะสับสวิตซ์อีกครั้ง และผลลัพธ์ยังเหมือนเดิม
“ขอแสดงความเสียใจด้วย คุณวิล...” นายแพทย์บริจิตต์พูดขึ้นพลางหลับตาลงช้าๆ ทว่าบ๊อบก็พูดขึ้นมาเสียก่อน
“ผมขอลองอีกครั้ง ... แต่ครั้งนี้ ก่อนคุณจะสับสวิตซ์ ผมขอให้คุณดูสัญญาณมือของผมก่อน ถ้าผมลดมือลง คุณค่อยปลุกบิลขึ้นมาอีกครั้งนะคุณหมอ”
“ก็ได้” หล่อนรับคำ แล้วบ๊อบจึงยกมือขึ้นเหนือหัวและโน้มตัวลงจูบลงริมฝีปากของเลย์ตันบิล ก่อนที่เขาจะกลั้นใจ และลดมือลงช้าๆ
“คุณวิลเลียม...” บริจิตต์เอ่ยชื่อลูกค้าของเธอด้วยความรู้สึกตื้นตัน ก่อนที่หล่อนจะสับสวิตซ์ปล่อยกระแสไฟฟ้าไปกระตุ้นหัวใจเทียมดวงใหม่ของบิลอีกครั้ง กระแสไฟฟ้าทำให้ร่างของบิลกระตุกอย่างแรงและไหลผ่านมายังร่างกายของบ๊อบ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่ผละริมฝีปากออกจากคนรัก

“บิล นายต้องฟื้นสิ นายได้ยินมั้ย นายต้องฟื้น” เขาอธิษฐานในใจ
ก่อนที่เปลือกตาของบิล....








จะขยับเบาๆ

และน้ำใสๆก็ไหลออกจากหางตา.....ของบิล





“ผมกลับมาแล้ว ... ที่รัก” บิลลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ฮ่ะๆ .. ครับ ยินดีต้อนรับสู่เนเวอร์แลนด์ เส้นทางสายนิรันดรของเราสองคนนะบิล สุดที่รักของผม”

.
.
ทางเดินขึ้นยอดเขาสโนว์ดอนเขียวครึ้มไปด้วยไม้ใหญ่น้อยนานาพรรณ บ๊อบและบิลจูงมือกันเดินขึ้นไปยังยอดเขาโดยไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย เมื่อไต่ระดับความสูงไปเรื่อยๆทั้งสองคนก็ได้เห็นไอหมอกชัดเจนขึ้น ก่อนที่ทั้งคู่จะมาถึง ร็อกกี้ วอลเลย์ หนึ่งในสถานที่แห่งความทรงจำของทั้งคู่
“ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผีเลย ... ได้กลับมาดูที่ๆตัวเองตาย “ บิลพูดพลางลูบโขดหินขนาดใหญ่ก้อนหนึ่ง “บ๊อบ คุณพอจะจำได้มั้ยว่า ผมกระแทกกับหินก้อนไหนเข้า”
“โธ่ ... บิล เวลานั้น ใครเขาจะมานั่งจำพิกัดกันเล่า”
“ผมก็แค่ถามดูน่า บ๊อบ ไม่ต้องทำหน้าดุขนาดนั้นก็ได้”เขาพ้อ  ก่อนจะพูดต่อ “ความจริงก็มีคนทำสำเร็จเยอะอยู่นะ ดูสิ ผมได้รับรหัส AD046 แสดงว่า มีแอนดรอยด์อย่างเราอีกตั้งสี่สิบสี่คนแน่ะ”
“แต่จะมีใครที่ยิ้มได้อย่างเราสองคนล่ะ ชั้นว่า พวกเขาต้องเคยเป็นเหมือนที่ชั้นเคยเป็น อ้างว้าง...และโดดเดี่ยว” บ๊อบพูดขึ้นพลางทอดมองออกไปยังทางรถไฟที่ได้รับการซ่อมแซมเสร็จแล้ว
“ผมยังยืนยันนะ ว่าถ้าแอนดรอยด์อย่างเราร้องไห้ไม่ได้ ก็ไม่เห็นจำเป็นที่เราจะลืมรอยยิ้มและเสียงหัวเราะไปนี่นา...” บิลประสานมือขึ้นเหนือหัวแสร้งว่าตนเหนื่อยล้าจากการเดินทางขึ้นเขามา
“ชั้นโชคดีจริงๆ ที่ได้เจอนาย บิล”
“ผมก็โชคดีเหมือนกัน คุณทำให้ชีวิตหลังความตายของผม...” บิลพูดพร้อมกับคว้ามือของบ๊อบมากุมไว้แน่น “มีคนจับมือไว้แบบนี้”
“ไม่มีวันปล่อยด้วย จนกว่าโลกจะแตก” บ๊อบยิ้มและใช้มืออีกข้างของตนจับมืออีกข้างที่ว่างของบิลไว้
“จับมือ? แค่นี้เองหรอ?”บิลอมยิ้ม หน้าตายียวนของบิลทำให้บ๊อบคว้าคนตรงหน้ามากอด
“ผมต้องการมากกว่า น....”  บิลพูดยังไม่ทันจบความ ริมฝีปากบางของบิลก็ถูกประกบด้วยริมฝีปากของคนที่กำลังกอดเขาอยู่
“จูบที่ไร้รสชาติ อยากกลับไปเป็นมนุษย์ธรรมดาจัง” บิลยิ้มและหัวเราะเบาๆ
“ไม่ทันแล้ว ... แต่ว่านะบิล ชั้นว่า มันเป็นจูบที่มีรสชาติที่เยี่ยมยอดเลยล่ะ รสชาติแห่งความรักไงล่ะ”
แอนดรอยด์คนใหม่ล่าสุดยิ้มกว้างพลางแหงนหน้าบนท้องฟ้าก่อนจะจูงมือของแอนดรอยด์รหัส AD003  ให้เดินตามตนมา
“รีบไปกันเถอะ ผมอยากจะเห็นยอดเขาสโนว์ดอนเต็มแก่แล้ว คราวที่แล้วก็มาไม่ถึง” บิลพูดขึ้น ก่อนที่เสียงรถไฟของสถานีสโนว์ดอน เมาว์เทน เรลเวย์จะดังขึ้นมาแต่ไกล ทั้งคู่ยิ้มและหัวเราะให้กันเสียงดัง ก่อนที่บ๊อบจะพูดขึ้น
“เดินเท้าน่าจะปลอดภัยกว่า ช้าหน่อยแต่ก็ถึงที่หมาย นายว่ามั้ยบิล”
“เห็นด้วยอย่างไม่มีข้อโต้แย้งเลยครับ ฮ่าๆๆ”

ทั้งสองคนประสานเสียงหัวเราะกันอีกครั้ง ก่อนจะจูงมือกันเดินทางต่อไปยังยอดของเทือกเขาสโนว์ดอนอันเป็นจุดหมายปลายทางครั้งนี้ ... แต่สำหรับปลายทางของเส้นทางสายนิรันดรของบ๊อบและบิล ... คงจะดำเนินต่อไปอย่างไม่มีวันจบ ... เหมือนปีเตอร์แพน ... ที่มีความสุขไปตลอดกาลอยู่ในเนเวอร์แลนด์



อวสาน

"

.
.
.


เล้าล่มไปนานพอสมควรเลยทีเดียว อย่าว่าแต่ผู้อ่านทุกท่านเลยครับ

ตัวผมเองก็กระสันต์อยากลงเหมือนกัน

อย่างที่บอกว่าเรื่องสั้นเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสั้นที่รักมากที่สุด ส่วนหนึ่งเพราะชอบพล๊อตอย่างที่เคยบอก

และเคยเป็นนิยายที่เขียนไม่จบของผมด้วย

เลยอยากเอาลงใจจะขาดเหมือนกันโดยตอนจบนี้เขียนเสร็จในวันที่เล้าล่มพอดี T T

อย่างที่เคยบอก ว่าหลังจากเรื่องนี้ ถ้าจะเขียนเรื่องสั้น

คงจะเริ่มกระทู้ใหม่เพราะอยากนำกระทู้รวมเรื่องสั้นนี้ไปเก็บในห้องนิยายจบแล้วเสียที


หนึ่งเรื่องที่อยากเล่าให้ฟัง คือ ความสะเหร่อเฟอะฟะของผม

ที่เข้าใจมาตลอดว่าฝรั่งเค้าเอาชื่อสกุลนำหน้า แล้วตามด้วยชื่อตน

และก็โดนเพื่อนรักที่ช่วยตรวจทานตอกกลับจนหน้าหงาย ว่ามันใช่ที่ไหนล่ะไอ้โง่  :laugh:

สุดท้าย เลยต้องกลับไปแก้คำพูดและบทบรรยายของสองตอนแรกใหม่ เพื่อให้ตรงกับความคิด

นั่นคือชื่อของตัวละครหลักทั้งสามคนคือ บ๊อบ บิล และทอม

ขออภัยสำหรับความผิดพลาดตรงนี้ด้วยนะครับ

..... ที่อยากจะบอกผู้อ่านอีกอย่างคือ นิยายในเล้าของผมจะถือเป็นจุดเริ่มต้น

สำหรับความฝันสูงสุดของผม

นิยายแต่ละเรื่องของผม ผมพยายามทำอย่างพิถีพิถัน

มีการค้นคว้าข้อมูล เพื่อให้เนื้อเรื่องหรือฉากสมจริงมากที่สุด

ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็เพื่อฝึกตัวเองสำหรับก้าวต่อไป เลยเลือกจะเขียนในสิ่งที่ใกล้ตัวเองก่อน

ก่อนจะก้าวไปสู่ความท้าทายขั้นต่อไป

อาจจะยังงงๆกันบ้างนะครับ (แต่วันหลังจะเฉลยให้ชัดเจนกว่านี้)

ปล. ใครสนแกวะ ฮ่าๆ  :laugh:

ดังนั้น ผมอยากให้ติชมจากใจจริงได้เต็มที่ ไม่ต้องกลัวนักเขียนอย่างผมท้อนะครับ

สุดท้าย ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามและทุกความเห็นครับ  :L2:

ปลลล. ตอนจบเรื่องสั้นเรื่องนี้ยาวเวอร์เลยเนอะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-06-2012 08:59:26 โดย ลำนำบุหลันครวญ »

ออฟไลน์ Salome

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 343
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1
สนุกดีค่ะ เป็นนักอ่านอีกหนึ่งคนที่ยกมือสารภาพว่า รออ่านตอนจบก่อน เพราะกลัวใจหนิง
เดี๋ยวเหมือนเรื่องลมบอย หรือ ภูเก็ต อิคนอ่านคนนี้ทำใจไม่ด้ายยยย
อ่านจบแล้วจิตตกรันทดไปอีกหลายวัน
พอเรื่องนี้หนิงลงตอนจบแล้ว เลยมาอ่าน น่ารักมากทีเดียวค่ะ
ประทับใจความรักของทั้งคู่จริงๆ อยากให้หนิงเขียนแนวนี้บ่อยๆ ชอบ
กดเป็ด กดบวกให้นะคะ

ออฟไลน์ NewYearzz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2545
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +346/-2
 o13 สุดยอดครับ ลูกรักของพี่ช่างน่ารักและอบอุ่นจริงๆ

อ้างถึง
สำหรับความฝันสูงสุดของผม

จากประโยคนี้คือ พี่อยากเป็นนักเขียนหรอครับ?

ไม่ว่าจะเป็นอะไรยังไงใช่ไม่ใช่ ผมขอเป็นหนึ่งกำลังใจเล็กๆนะครับ

ขอบคุณสำหรับเรื่องสั้นที่น่ารักครับ  :pig4:

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
ได้มาอ่านเรื่องสุดท้ายตอนย้ายห้องแล้ว
ประทับใจความรักของปู่บ๊อบจริงๆค่ะ
แต่ให้เลือกได้เราเองก็ไม่อยากอยู่ยงคงกระพันแบบนี้
เพราะไม่ได้ลุ้นว่าชาติหน้าจะเกิดมาเป็นคนอีกหรือเปล่า  :laugh:

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
เรื่องสุดท้ายสนุกมากค่ะ เขียนดีจริงๆ เรื่องทั้งหมดก็สนุกค่ะ ให้ข้อคิดทุกเรื่องเลย

ออฟไลน์ zombi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-5
เมื่อก่อน ไม่ชอบเลยกับชีวิตที่เป็นนิรันดร์ ไม่อยากอ้างว้าง คอยมองคนที่เรารักจากไปทีละคน
เรื่องนี้ตอนแรกก็ลุ้นว่าจะจบเศร้าซึ้งแบบไหน
ชอบตอนจบแบบนี้นะ แต่รู้สึกเหงาๆอย่างไรก็ไม่รู้
รอเรื่องสั้นตอนต่อไป ^^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ pedgampong

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 193
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
 o13 อั้ยยะ บ๊อบแอนด์บิล น่ารักเชียววววว ไว้เดี๋ยวจะไปจัดทริปเที่ยวตามรอยคู่นี่มั่ง ฮาๆๆๆ
พีเอส งงๆ นิดหน่อยตอนงานแต่งทอม ทำไมต้องมองด้วยสายตาว่างปล่าวด้วยอ่ะคะ??

ออฟไลน์ kanunsak

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 197
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
เรื่องสุดท้ายเนิบช้า แต่ซาบซึ้งกินใจอ่ะ  อารมณ์เวลาอ่านเรื่องนี้แล้วเหมือนรู้สึกอยู่ในฝันยังไงไม่รู้  ชอบจัง...

- คราส -

  • บุคคลทั่วไป
ชอบพล็อตเรื่องสุดท้ายจัง
อ่านแล้วรู้สึกว่าทอมเหมือนจะแอบชอบเจ้านายตัวเอง
 :pig4:  :L2:

Jaajaa

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องสุดท้ายเหมือนทอมจะแอบชอบบ็อบ555
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ :กอด1:

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1

ออฟไลน์ funland

  • https://www.facebook.com/pew.pal
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-2
    • pew.pure

ออฟไลน์ KKKwanGGG

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
ชอบทุกเรื่องครับ  ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด