ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one  (อ่าน 334360 ครั้ง)

ออฟไลน์ Just let it be

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 979
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #30 เมื่อ17-11-2007 17:37:57 »

สงสัยพี่ต่ายจะหลงกลิ่นตัวของโอมเข้าซะแล้ว

ก้ากๆๆๆๆๆๆ

 :laugh:  :laugh:

acht

  • บุคคลทั่วไป
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #31 เมื่อ17-11-2007 18:51:29 »

เรื่องนี้สนุกจังเลย ชอบๆ

อยากรู้แล้วสิว่า ถ้าพี่ต่ายเห็นงานโอมแล้วจะเป็นยังไง

 o17 o17 o17

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #32 เมื่อ17-11-2007 21:13:12 »

โอมมั่นใจ.....

มั่นใจ....ตั้งใจ....จะไม่รัก..... :m3:


BICHA

  • บุคคลทั่วไป
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #33 เมื่อ17-11-2007 21:44:41 »

มาต่อไวๆ นะคับ รออ่านอยู่

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #34 เมื่อ17-11-2007 21:46:06 »

หุหุ โอมมั่นใจขนาดนั้นเชียว เดี๋ยวเจอพี่ต่ายมาดโหดก็เรียบร้อยแล้ว  :m14:  :m14:

ออฟไลน์ ❝CHŌN❞

  • เหงา เหงา :(
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-3
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #35 เมื่อ18-11-2007 10:55:44 »

ชอบเรื่องนี้จังเลย

สนุกมากกกกกกกกก รอตอนต่อไปจร้า

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #36 เมื่อ18-11-2007 11:36:29 »

เป็นกำลังใจให้ครับ

ออฟไลน์ mist

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-3
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #37 เมื่อ18-11-2007 14:06:20 »

นิยายเรื่องนี้มันแหวกแนวดีจริง ๆ  o7 o7

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #38 เมื่อ18-11-2007 16:01:31 »

พลังตด ฟิชิตใจ
 :laugh: :m4: :m4:
ไม่ต้องพึ่งน้ำมันพราย
โดนที่เดียวอยู่
ติดต่อเข้ามาตอนนี้ ท่านจะได้รับขอสมนาคุณฟรีทันที
 :m20: :m20: :m20:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #39 เมื่อ18-11-2007 17:45:11 »

ง่าๆ....ขอมาสมัครเปงสมาชิกเรื่องนี้ด้วยคนนะฮะ

ยังไงก้อเข้ามาต่อให้อีกนะฮะ

จะรออ่านต่อไปนะฮะนี่

เปงกำลังใจให้นะนี่   สู้ๆนะฮะ คุคุ :m1: :m1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
« ตอบ #39 เมื่อ: 18-11-2007 17:45:11 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






kongkilmania

  • บุคคลทั่วไป
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #40 เมื่อ19-11-2007 14:57:02 »

ขอบคุณกำลังใจจากทุกๆคนเรยยยย    :impress:
ซึ้งใจมากมายยยย    o7

ตอนที่7

 พี่ต่ายชมผมใหญ่ครับ เออวันนี้แกดูดีแฮะ หล่อด้วย ใส่เสื้อเชิตสีเหลืองอ่อน พี่แกยิ่งผ่องมากๆเลยครับ  แถมหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส

“โอม พี่ขอโทษนะที่พูดไม่ดีกับโอม คุณทำงานดีจริงๆ ละเอียดรอบคอบมาก ไม่น่าเชื่อว่าเป็นจ๊อบแรกของคุณ พี่ค่อยเบาใจหน่อยที่มีคุณมาช่วย”

“ผมดีใจที่งานที่ผมทำพี่พอใจ  ครับพี่กระต่าย”

ผมดีใจมากครับ ที่พี่เค้าชม แหมก็เค้าเกลียดขี้หน้าผมเรื่องที่ไปคุยว่าตัวเองเก่ง  คราวนี้คงรู้แล้วซิว่าผมน่ะตัวจริงเสียงจริง  ไม่ได้โม้

“เนย ตรงนี้พี่ว่ายังไม่เคลียร์น่ะไปถามลูกค้าหน่อยว่า  ทำไมยอดมันสูงผิดปกติขนาดนี้”

นั่น  ขนาดเนยยังต้องแก้งาน  ของผมน่ะฉลุยเลย ม้วนเดียวจบ พี่ต่ายกำลังจะมอบงานใหม่ให้ผมแล้วครับ “โอม เอางานนี้ไปทำต่อนะ..........”

เสียงกระแทกดังโครม เสียงอะไรว่ะ  ผมตกใจนึกว่าอะไรหล่น

  อ้าวนี่ผมฝันไปเหรอเนี่ย เหลือบไปดูนาฬิกา  เวรละซิ 6.30น.แล้ว รีบลุกไปอาบน้ำ แต่งตัวดีกว่า    เสียงที่ว่านั่นเสียงพี่ผมครับปิดประตูห้องน้ำแรงมาก พอดีมันฝืดนิดหน่อยต้องกระแทกแรงๆ   ข้าวก็คงไม่กินแล้วครับ   ก็มันกินไม่ทันแล้วนี่ ค่อยดูเวลาอีกที

ผมไปถึงที่ทำงานช้ากว่าที่คิดนิดหน่อยครับ 7.30น. กะว่าเช้ากว่าคนอื่นแน่ เพราะพี่ต่ายก็เลิกดึกตั้ง 5 ทุ่ม ส่วนเนยคงเข้าตามลูกค้า8.30 น.

ปรากฏว่าไปถึงพี่ต่ายมาแล้วครับใส่เสื้อเหมือนในฝันผมเลย  แกเป็นคนเหล็กจริงๆผมยอมเลย  ทำงานดึกตื่นเช้า นอนกี่ชั่วโมงกันเนี่ย  ผมแอบดีใจที่พี่เค้าเหมือนในฝัน คงเป็นแบบที่เค้าเรียกว่า “เดจาวู” คุณเคยไม๊ครับที่เราเจอเหตุการณ์ที่เหมือนเราเคยเจอมาก่อน  ลางดีมาแล้ว       :m18:

แน่ะ พี่เค้าเงยหน้ามายิ้มให้ผมด้วย “มาแต่เช้าเชียว เอางานมาดูซิ” พี่ต่ายเอ่ยขึ้นมาก่อนด้วยน้ำเสียงปรกติ

อ้าวซวยละซิขออีกนิดนะพี่ นิดนึง “พี่ครับ ขอคุยกับพี่วันที่ทำเพย์เม็นท์ แล้วดูเอกสารอีกนิดนะพี่ 8โมงผมเสร็จเลย ให้พี่ดู” ขอต่อเวลาอีกทีซิ พี่แกคงไม่ว่านะ

“ได้ กินข้าวรึยัง เอาแซนด์วิชไปกินซิ ผมซื้อมาเหลืออยู่” เออใจดีเว้ยวันนี้  แต่ถ้าบอกว่าซื้อมาเผื่อจะฟังดูดีกว่านี้นะ แต่อารมณ์หิวครับไม่ปฎิเสธหรอก ขี้เกียจคิดมาก ของฟรีด้วย

“ขอบคุณครับพี่” เราสองคนทำงานไปกินไป แต่ไม่ได้คุยกันครับ

ซักพักลูกค้าเริ่มมาผมเลยออกไปคุยกับลูกค้า พร้อมดูเอกสารเพิ่ม  แล้วกลับมาสรุปงานที่โต๊ะ  อ้าวพี่แกหายไปละไม่รู้ไปไหน เหลือแต่เนยนั่งทำงานอยู่  เราก็ต่างคนต่างทำงานครับพอผมทำเสร็จ ก็เลยอดชวนเนยคุยไม่ได้
“เนยเสร็จยัง ทำไมต้องเร่งขนาดนี้ไม่รู้เนอะ เนี่ยเมื่อวานพี่ต่ายทำจน 5 ทุ่มแน่ะ”

“อ้าวโอมไม่รู้เหรอเรามีเวลาแค่ 4 วันนะต้องสรุป เพราะลูกค้าเร่งแล้วพี่ต่ายมีจ๊อบรออีก 3 จ๊อบน่ะ เนี่ยเมื่อกี้ พี่ต่ายบอกเราว่าบ่ายเราต้องไปแล้วนะไปอีกจ๊อบกับพี่ต่าย โอมต้องอยู่ทำคนเดียวที่นี่” เนยยังไม่มองหน้าผมครับเพราะต้องรีบปั่นงาน ทำงานไปคุยไป

 :m30:     “อ้าวเฮ้ย ผมจะอยู่ยังไงคนเดียว แล้วผมจะทำได้ไงล่ะ อะไรว่ะ ตายๆๆๆ ไม่ได้หรอก ไม่ไหว .....” ผมคงยังไม่เลิกบ่นถ้าพี่ต่ายไม่เข้ามาซะก่อน

“บ่นอะไรเสียงดังไปถึงข้างนอก  ฮึ โอมคุณเอางานมาดูซิ”

ตอนแรกพี่เค้าก็ยังดูหน้าเฉยๆนะครับ ผมแอบลุ้น   ตอนที่พี่เค้าดูงานผม หน้าพี่ต่ายเริ่มเครียดๆ พี่เค้าเอากระดาษมาจดอะไรไม่รู้ยิกๆ จากหนึ่งแผ่นเป็นสองแผ่น   แล้วตอนนี้คิ้วเริ่มมาชนกันแล้วครับ    เป็นสามแล้วครับตอนนี้คิ้วสองข้างผูกโบว์แล้วครับ    แล้วในที่สุดพี่เค้าก็เงยหน้าขึ้นมาส่ายหัว   แล้วส่งไอ้สามหน้านั้นมาให้ผม

“ไปเคลียร์มาให้หมดที่ผมจดคำถามข้อสงสัยไว้น่ะ   เพราะผมดูงานคุณแล้ว เวลา 1 วันที่เสียไปไม่คุ้มเลย ถ้าคุณทำได้แค่นี้ ผมจะบอกให้พี่เพ็ญส่งคุณไปอบรมใหม่”ผมหน้าเสียเลยครับ ไม่เห็นเหมือนในฝันเลยว่ะกรู

“ไม่มีเวลามาสอนงานหรอก ถ้าไม่รีบนี่ไม่เอาจริงๆเลยเด็กใหม่ เฮ้อ”อันนี้แกพูดกะตัวเองครับ แต่ผมก็ใจเสียอยู่ดี เสียความมั่นใจ อุตส่าห์ทำจนดึก อายเนยด้วย  เสียฟอร์มหมดเลย ต่อหน้าสาวน่ะครับยังไงก็ต้องดูฉลาดไว้ก่อนเป็นดี

 แต่ไม่มีเวลาคิดครับต้องเอาที่พี่เค้าเขียนมาดู    โหย......นี่ผมทำงานหลุดเยอะขนาดนี้เลยเหรอครับ  ปลอบใจตัวเอง ก็มันครั้งแรกก็อย่างนี้แหล่ะ  แต่พี่เค้าละเอียดมากครับบางเรื่องผมเจอแล้ว   แต่คิดแค่ที่เจอแต่พี่เค้าคิดไปอีก 2-3 ชั้น งานบัญชีใครว่าง่ายก็ง่าย แต่จะว่ายากมันก็ยากนะครับ

การทำงานของเราต้องมีการสอบทานกันเป็นขั้นๆครับ พี่ต่ายสอบทานงานของผม  แล้วพี่เพ็ญก็ต้องสอบทานพี่ต่ายอีกที  จากนั้นพี่เพ็ญก็ต้องเอางานไปให้พาร์ทเนอร์ดูงานเป็นขั้นตอนสุดท้ายอีกที  บางครั้งพี่ต่ายต้องเข้าไปรายงานโดยตรงกับพาร์ทเนอร์เองด้วยซ้ำครับ  เพราะฉะนั้นพี่ต่ายที่รับผิดชอบโดยตรง  ก็คือคนที่ต้องเคลียร์ระเบิดที่อาจซุกซ่อนอยู่ในบัญชีให้ได้มากที่สุด

ผมก็นั่งแก้งานผมไป   ได้ยินแว่วๆแต่เสียงพี่ต่ายกะเนยถกปัญหากัน แต่ไม่มีแบบคุยกับผมครับถามนิดหน่อย   เนยก็เคลียร์จนหมด แล้วพี่ต่ายก็ให้งานเนยเพิ่มนิดหน่อย เพราะต้องออกจากจ๊อบนี้ตอนบ่ายแล้ว       แต่แกก็ยังไม่พูดกะผมตรงๆนะ ว่าจะทิ้งกัน เฮ้อ ผมก็ได้แต่เซ็งไปทำงานไป

จนเที่ยงวันนี้เราไปกินพร้อมกัน 3 คน ระหว่างทานข้าวพี่เค้าถึงบอกผมว่าจะทิ้งกันแล้ว

“โอม ช่วงบ่ายผมต้องพาเนยไปบริษัท....นะ เพราะลูกค้าเค้าพร้อมแล้ว คุณก็อยู่เคลียร์งานคุณไป  ตอนเย็นผมจะเข้ามาตรวจงานคุณอีกที” พี่เค้าก็ดูพูดปกติดีนะครับ แต่ผมซิไม่ปกติ ไม่มั่นใจเอาซะเลยที่ต้องอยู่คนเดียว

“พี่จะให้ผมอยู่คนเดียวเหรอครับ”  ผมหน้าเสียเลยครับ เสียงผมคงแสดงออกมาว่าไม่อยากอยู่คนเดียว

“คุณก็ทำงานคุณไปแล้วกัน ผมคงเข้ามาเป็นระยะ ทำไม กลัวอะไร ผมไม่อยู่คุณน่าจะดีใจมากกว่า”

พี่อย่ามาเดาส่งเดช  จริงอยู่ผมกลัวพี่นิดหน่อย  แต่ผมก็ไม่อยากอยู่คนเดียว มันไม่มั่นใจ ลูกค้าก็ยังไม่สนิท ขนาดเมื่อวานยังโดนลูกค้าข่มเอาซะแย่ตอนไปขอเอกสาร  พี่เค้าคงเห็นเป็นเด็กใหม่ยังอ่อนประสบการณ์

“เนยก็ต้องอยู่คนเดียวนะโอม จ๊อบใหม่น่ะ พี่ต่ายวิ่งรอกอยู่แล้ว โอมไม่ต้องกังวลหรอก เนยยังอยู่ได้เลย”

เนยพยายามปลอบผมครับ ผมเลยไม่กล้าบ่นอีกอายหญิง เดี๋ยวเค้าจะว่าไม่แมน 
พอตกบ่ายไปกันหมดเลยครับ ทิ้งผมไว้คนเดียว แต่ที่จริงก็ดีอย่างมีสมาธิดีครับ ทำไปเรื่อยๆ จน 6 โมงพี่ต่ายก็เข้ามา ผมเลยเอางานให้แกดู

“โอมมานั่งนี่ซิ พี่ถามไรหน่อย” พี่ต่ายหน้าเครียดจัง ครับพี่แต่พี่อย่ากัดผมนะ ผมพยายามเต็มที่แล้วนะ
ให้อภัยผมเหอะ ผมไม่เคยทำ มันไม่เหมือนตอนเรียน ผมยอมรับผมไม่เก่งก็ได้ พี่จะเอายังไงก็ยอมแล้ว กลัว

พี่เค้าพูดกับผมดีครับ เราถามตอบกันเรื่องงาน พี่เค้าถามอะไรมาผมเคลียร์ได้หมดเพราะ นั่งทำมาหมดแล้ว ถามลูกค้า หาเอกสารประกอบ วิเคราะห์ข้อมูล อาจจะมีตะกุกตะกัก ต้องค่อยๆคิดบ้างแต่ผมคิดว่าผมทำงานค่อนข้างเคลียร์แล้ว

 พี่เค้าอยู่ใกล้ผมมากเลย ไม่เคยใกล้กับผู้ชายคนไหนมากขนาดนี้มาก่อน ยิ่งดูก็ยิ่งน่ามอง ทำไมหน้าพี่เค้าเนียนจัง แล้วทำไมฟันสวยจัง คิ้วก็เข้มดีนะ เสียงก็ทุ้มน่าฟัง ถ้าร้องเพลงคงเพราะ

“โอมๆ ทำไมไม่ตอบ ถามตั้งนาน”
  อ้าวลืมตัวไป คิดอะไรเพลินไปหน่อย แฮะๆ เป็นอย่างงี้ประจำ

“ครับพี่...... อืมมม.. เอ๊ย ผมถามพี่วัน..........”เสร็จครับผม ผมเรียบร้อยไปแล้ว

งานครับงานที่ทำเสร็จ ไม่ใช่อย่างอื่น อย่าคิดมากไป  จนเกือบ 2 ทุ่มครับคราวนี้ พี่ต่ายเลยให้งานตัวใหม่ผมทำ เพราะพรุ่งนี้แกเข้าบ่ายอีก เห็นแกทำงานแล้วเหนื่อยแทนจริงๆ

“วันนี้จะไปกินข้าวด้วยกันไม๊ล่ะ เดี๋ยวพี่ต้องกลับมาทำต่อ”พี่ชวนผม พี่ชวนผม

ใช่แล้วพี่ชวนผมกินข้าวแล้ว แสดงว่าคงหายหมั่นไส้ผมแล้วมั๊ง  เราคงเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีต่อกันได้ แล้วมั๊งคราวนี้  มิเสียแรงที่ผมพยายามตั้งใจทำงานเต็มที่

“ไปซิพี่ผมหิว เหมือนกัน”
 ผมยิ้มตอบรับคำชวนของพี่เค้าด้วยความเต็มใจ พี่เค้าก็ยิ้มตอบนิดนึงแล้วเก็บของ

ผมไม่ได้คิดอะไรกับพี่จริงๆนะครับผมยังยืนยัน แต่ความรู้สึกชื่นชมในตัวพี่เค้ามันชักเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ โดยผมไม่ทันสังเกตุ
 
ผมรู้แต่ว่าตอนนี้  ผมดีใจที่พี่เค้าชวนผมไปทานข้าว
      ผมดีใจที่งานที่ผมทำใหม่พี่เค้าไม่ว่าอะไรอีก แสดงว่ามันคงพอใช้ได้
      ผมดีใจที่พี่เค้ากลับมาหาผมอีกครั้งที่ทำงานนั่งคนเดียวมันมีสมาธิ แต่มันก็เหงาครับ มีพี่เค้ามานั่งด้วยก็ยังอุ่นใจดีกว่า
      ผมดีใจที่พี่พูดกับผมดีๆครับ ผมมันก็เหมือนโคนันทวิศาล ชอบคนพูดเพราะๆ พูดดีๆนะให้ทำอะไรยอมหมดเลย

แต่ตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าพี่เค้าคิดยังไง หรือไม่คิดอะไรเลย
---------------------------------------------

acht

  • บุคคลทั่วไป
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #41 เมื่อ19-11-2007 15:42:06 »

โถๆ น้องโอมถูกทิ้งอยู่คนเดียว  น่าสงสาร

จ๊อบแรกก็เงี้ยแหละ มีผิดมีพลาดกันบ้าง สู้ๆน้า

ออฟไลน์ mist

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-3
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #42 เมื่อ19-11-2007 17:15:09 »

พี่ต่ายต้องคิดอะไรกะ โอมอยู่แล้วล่ะน่าออกจะออกนอกหน้าขนาดนั้น  :m26:

MyLoveMyBabe

  • บุคคลทั่วไป
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #43 เมื่อ19-11-2007 17:40:02 »

 :m30: ตดสื่อรัก เหอๆๆ

พี่ต่ายต้องคิดไรแหง่มๆ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #44 เมื่อ19-11-2007 18:12:21 »

ง่าๆ......เริ่มเข้ากานได้แย้วนะนี่

ยังไงก้อมาต่อให้อีกนะฮะ

อยากอ่านต่อมากมายนะฮะ.

จะรอนะฮะ คุคุ

เปงกำลังใจให้นะฮะ สู้ๆนะ คุคุ :m1: :m1:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #45 เมื่อ19-11-2007 19:16:03 »

เริ่มเข้ากันได้แล้ว หุหุ  :a3:  :a3:  :a3:

sunshine

  • บุคคลทั่วไป
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #46 เมื่อ19-11-2007 20:29:31 »

โอ้ๆๆๆๆๆๆ  พระเอกชื่อกระต่าย :m1:

คนชื่อ ต่าย มักจะน่ารัก...อิอิ

ถึงจะดุ แต่จิตใจดีน้า........ :m18:

ว่าแต่.......เรย์  กระต่ายยักษ์ นี่หมายถึงครายยยยย :m16:

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #47 เมื่อ19-11-2007 21:07:55 »

เป็นกำลังใจให้ครับ

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #48 เมื่อ19-11-2007 21:25:17 »

เป็นกำลังใจให้จ้า รออ่านต่อนะ  :m3: :m3:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #49 เมื่อ19-11-2007 22:45:01 »

หลงรักเขาไปแล้วนี่น่า ทำงานแลกกับที่เขาจะเหลียวแลมา
โธ่ ช่างน่ารันทดแท้ๆ
 :m17: :m17: :m17:

ว่าแต่.......เรย์  กระต่ายยักษ์ นี่หมายถึงครายยยยย :m16:
น่านร้อนตัว
ผมหมายถึง ทำไมพี่ต่ายดุจัง เหมือนยักษ์ต่างหาก
 :m29: :m29:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
« ตอบ #49 เมื่อ: 19-11-2007 22:45:01 »





ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #50 เมื่อ19-11-2007 23:08:17 »

 :เฮ้อ:กว่าพี่ต่ายจะรู้ว่าโอมใช้ได้
โอมก็คงอ่วมพอดี :m29:

kongkilmania

  • บุคคลทั่วไป
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #51 เมื่อ20-11-2007 10:57:12 »

ตอนที่ 8

ผมจะบอกว่า   ผมว่าผมไม่ใช่เกย์ครับ ไม่เคยรู้สึกรักผู้ชายในทางชู้สาว (เอ๊ะ หรือต้องเรียกชู้ชาย) ผมเคยมีแฟนเป็นผู้หญิงตอนอยู่มหาลัย เป็นความรักแบบเด็กๆ แต่เราเลิกกันไปตั้งแต่ผมอยู่ปี3 ตอนนี้ก็ยังเป็นเพื่อนกัน  ยังมีความรู้สึกดีๆให้กันอยู่  แต่ผมก็ลืมๆเธอไปบ้างแล้ว  แต่พอนึกขึ้นมาทีไรก็ยังอดยิ้มไม่ได้   

 ส่วนเพื่อนผู้ชาย หรือเพื่อนรุ่นพี่ผมก็มีเยอะเหมือนกันครับ  แต่ส่วนใหญ่คบเฉพาะในกลุ่ม  แต่ผมว่าไม่มีใครเหมือนพี่ต่าย  ผมไม่เคยเอาเรื่องของใครมาคิดพินิจจารณาแบบนี้  ไม่รู้เป็นไงซิ

หลังจากวันนั้นแล้วความสัมพันธ์ของเราดีขึ้นครับ  ( อืม  ผมเผลอนับพี่ต่ายมารวมกับผม กลายเป็นเราไปซะละ)   เราก็พูดกันมากขึ้นแต่ก็เกี่ยวเฉพาะเรื่องงาน ผมว่าพี่เค้าเป็นคนพูดน้อยจริงๆ อย่างที่หมีเคยบอกแหล่ะ

พี่ต่ายก็เข้าๆออกๆบริษัทที่ผมทำ    เอาแน่เรื่องเวลาไม่ได้ว่าจะมาตอนไหน  แต่ตกเย็นแกก็ต้องมาทุกทีทำงานจนดึกดื่น  แต่ผมก็ไม่เคยอยู่ด้วยจนกลับพร้อมพี่เค้าซักวัน  เพราะพอซัก 2 หรือ 3 ทุ่มพี่เค้าก็ให้ผมกลับก่อนทุกที  แต่ส่วนใหญ่เราออกไปทานข้าวเย็นด้วยกันแทบจะทุกวัน

ช่วงทานข้าวคุยกันน้อยครับ แต่ผมก็ชินล่ะ ก็ไม่อึดอัดอะไร  เพราะพี่เค้าเลิกกัดผมละ สงสัยเขี้ยวเริ่มบิ่น หรือว่าเครียดเรื่องงาน  จนไม่มีอารมณ์จะกวนใคร (แต่ผมก็ไม่กลัวหรอกผมฉีดยากันหมาบ้า กับบาดทะยักไว้แล้ว ขอกัดหน่อยนึงนะพี่ ตกลงเราคงเป็นหมาเหมือนกัน หุหุหุ  )

 แต่เวลาเราคุยกันเรื่องงานสนุกดีครับ งานของผมก็เหมือนนักสืบแกะรอย  ว่ามีอะไรผิดปกติไม๊  บางทีก็ต้องช่วยลูกค้าแก้ปัญหา ได้ใช้ความรู้กันเต็มที่ แล้วบางทีลูกค้าก็สอนเราในบางเรื่องของธุรกิจเค้า  ทำให้เรามีโลกทัศน์กว้างมากขึ้น

อะไรๆก็ดูเริ่มจะเข้าที่เข้าทาง  ผมคงเป็นบัดดี้ในการทำงานกับพี่ต่ายได้ ถ้าผมทำงานกับพี่เค้าเรื่อยๆ ผมคงได้อะไรอีกเยอะจากพี่เค้า  เพราะพี่เค้าเป็นคนเก่งจริงๆครับ

จนวันสุดท้ายที่เราต้องสรุปงานกลับเข้าออฟฟิซ  ให้พี่เพ็ญตรวจทานขั้นสุดท้าย ผมเลยต้องอยู่ช่วยพี่ต่ายจน 4 ทุ่มกว่าเกือบ 5 ทุ่มละ  ตอนจะกลับพี่ต่ายก็ถามผมว่า “บ้านคุณอยู่ไหน เดี๋ยวผมไปส่ง” อ้าวเพิ่งรู้ว่าพี่เอารถมา ผมเลยทำตัวมารยาทดี บอกพี่เค้าไปว่า “ไม่เป็นไรพี่ ผมกลับเองได้ ดึกแล้ว เกรงใจ” ที่จริงไปก็ดีพี่ ประหยัดค่ารถไปอีก 555

“ไม่เป็นไร คงเป็นครั้งแรก ที่ผมจะได้ไปส่งคุณ แล้วก็คงเป็นครั้งสุดท้ายด้วย” พี่ต่ายพูดกับผมด้วยเสียงปกติครับ  เหมือนบอกว่าไปกินข้าวกันอะไรแบบเนี้ย  แต่ผมว่ามันแปลกๆนะ เหมือนพี่จะลาไปตายพูดเป็นลางร้าย  หรือพี่จะลาออก หรือลาไปบวช หรือพี่โดนไล่ออก แต่ผมว่าถ้าโดนไล่ออกคงเป็นผมมากกว่า 

อ้าว เกิดอะไรขึ้นอีกละเนี่ย “ทำไมพี่พูดแบบนั้นล่ะ”ผมอดถามไม่ได้       :m29:

“ก็คุณจะไม่ได้ทำงานกับผมแล้วนี่” อ้าวซิบหายแล้วซิ  หรือว่าผมโดนไล่ออกจริงๆ ไม่เคยได้ยินว่าทำงานได้เดือนกว่าแล้วโดนไล่ออกเลย  เพิ่งได้เริ่มทำงานจริงๆแค่4-5 วัน  ความแตกแล้วเหรอว่าผมโง่  เอ๊ยไม่ใช่อย่างนั้น   หรือว่านี่ผมทำอะไรผิดมากเลยเหรอ   ก็สายเดียวกันแล้วไม่ได้ทำงานด้วยกันมันจะด้วยเหตุผลอะไรล่ะ

“ผมจะได้เงินชดเชยไม๊พี่” ผมถามพี่ต่ายไปด้วยเสียงเบา  แทบจะไม่มีแรงพูด จะไปบอกที่บ้านยังไงว่าโดนไล่ออกแล้ว อายที่บ้าน อายพ่อแม่ อายพี่  อายเพื่อน อายๆๆๆ

“เงินชดเชยอะไร?”พี่ต่ายถามผมงงๆ ผมเพิ่งสังเกตุว่าพี่เค้าเก็บของเสร็จละ แล้วเราก็กำลังจะเดินไปที่ลิฟท์

“ก็ชดเชยที่ ผมถูกออกโดยไม่มีความผิด”

ผมยังแอบหัวหมอ   นึกในใจเอาว่ะขอซัก 3 เดือนมาเป็นทุนช่วงหางานใหม่   ถ้าไม่ให้เราจะฟ้องดีไม๊    หรือจะเอาไงดี     คิดไปลิฟท์ก็เลื่อนลงไปเรื่อยๆ ผมไม่ได้สังเกตหน้าพี่ต่าย  มัวแต่คิดว่าจะไปทำงานที่ไหนดี  แต่พอเงยหน้าขึ้นมาเห็นพี่เค้าอมยิ้ม สะท้อนกับลิฟท์ที่เป็นกระจกเงา พี่เค้าคงไม่รู้ว่าผมมองอยู่ เออทำเป็นเบือนหน้าไปทางอื่น สะใจคุณแล้วใช่ไม๊ คงเอาเรื่องผมทำงานไปบอกพี่เพ็ญละซิ  นึกว่าเราจะสงบศึกกันแล้วซะอีก เสียแรงนับถือ เสียแรงไว้ใจ เสียแรงรัก เสียแรงหวัง ว่าเราจะได้ทำงานด้วยกัน กลับมาเป็นไอ้พี่บ้าอีกล่ะ

“พี่ไปส่งผมแล้วกัน ผมหมดแรงแล้ว บ้านผมอยู่ที่.....” พี่ต่ายแกก็ไม่พูดอะไรครับ แล้วแกก็ไม่ตอบผมด้วยว่าผมจะได้เงินชดเชยไม๊

ระหว่างทาง ผมไม่มีอารมณ์ชวนคุยเลยครับ “พรุ่งนี้เข้าออฟฟิซละกันเดี๋ยวพี่เพ็ญคงบอกสาเหตุ”พี่เค้าบอกกับผมอย่างอารมณ์ดีครับ 

 ผมเลยยิ่งโมโหใหญ่  อะไรกันวะคนอื่นโดนไล่ออกตัวเองยังมาทำหน้าระรื่นกว่าปกติอีก  เซ็งโว้ย แต่บ้านผมคงใกล้ที่ทำงานมากไป ยังไม่ทันได้คุยกันต่อก็ถึงบ้านผมแล้ว
 
“ขอบคุณครับพี่ที่มาส่ง”ผมยกมือไหว้ ตามประสาคนมารยาทดี กำลังจะออกจากรถแล้วก็เตรียมตัวจะเข้าบ้าน แต่พี่ต่ายก็มาดึงแขนผมไว้ครับ.....

“ลาก่อนนะ โอม”พี่ต่ายยิ้มให้ผม แต่ผมน้อยใจ เสียใจ พี่จะมาทำเป็นพูดดีกับผมทำไม ผมออกมาทำงานกับพี่เป็นคนแรก ถ้าผมจะโดนให้ออก มันก็ต้องมาจากพี่นะแหล่ะ

“ขอบคุณครับพี่ที่ดูแลสอนงานผมมา  ไปละครับ”

ผมได้แต่เดินเป็นไก่หงอยเข้าบ้าน คอตก ผมคงไม่ได้เจอพี่อีกละ อุตส่าห์ดีใจอยู่ได้ไม่กี่วัน ที่ทำงานเข้าขากันดี แล้วผมก็สนุกกับงานด้วย ความร้อนจากมือพี่ที่จับแขนผมมันยังอุ่นๆอยู่เลย ผมรู้สึกไปเองหรือเปล่าไม่รู้ว่า ตอนที่พี่ปล่อยแขนผมไปใจผมมันชาๆ  งงงง  แปลกจังผมเป็นอะไรไปเนี่ย     แต่คิดไปก็ปวดหัว เตรียมตัวไปพบความจริงพรุ่งนี้ดีกว่า

   ผมไปที่ทำงานตรงเวลาเลยครับ 8.00น. ไม่รู้จะมาก่อนทำไม แต่ก็ไม่ใช่เรื่องว่าจะออกแล้วจะทำตัวยังไงก็ได้ แต่พี่เพ็ญยังไม่มาครับ ปกติพี่แกเข้าสายตลอด ตามประสาคนมีครอบครัวแล้ว

   เจอแต่คนเดิมครับ พี่ต่าย...ของคนอื่น ไม่ใช่ของผมอีกต่อไป  พี่แกเห็นผมก็กวักมือเรียกครับ
 “ผมรอคุณตั้งนาน เดี๋ยวตอนพี่เพ็ญreview งาน คุณอยู่แถวนี้แหล่ะ เผื่อแกมีอะไรจะถาม”
จะออกแล้วยังต้องทำงานด้วยเหรอ เอาเลย จะเอายังไงก็ได้
 “ได้พี่”ผมก็ตอบแกไปสั้นๆแค่นั้นด้วยน้ำเสียงหงอยๆ  ท่าทางผมคงดูซึมๆด้วย       

พี่ต่ายเงยหน้ามองผมแล้วยิ้มให้   นี่หรือเปล่านะที่เค้าเรียกว่ารอยยิ้มที่มันเปิดโลกได้ถึงแม้ผมจะรู้ว่าแกยิ้มขำผม    อาจเป็นยิ้มสมน้ำหน้าก็ได้  แต่ทำไมผมก็อยากให้แกยิ้มอยู่ดี ก็พี่ต่าย ยิ้มทีดูห้องมันสว่างไปหมด ความสดใสมันเข้ามาทันที    แต่ตอนนี้ผมไม่อยากยิ้มตอบหรอกนะ  คนกำลังเซ็ง

ผมคงทำใจได้แล้ว โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า อย่างมากก็หางานใหม่        อันที่จริงช่วงที่ผมยังอบรมอยู่ก็มีหลายบริษัทยังโทรมาเรียกผมไปสัมภาษณ์     ผมคงหางานใหม่ได้ไม่ยากหรอก  ผมมันเก่งเลือกได้อยู่แล้ว เหอๆๆๆปลอบใจตัวเองเข้าไว้

จนพี่เพ็ญมา เรียกพี่ต่ายเข้าไปreviewงาน        พี่ต่ายก็ตอบได้หมด    ผมว่าพี่ต่ายรู้เรื่องงานดีกว่าพนักงานที่ทำบัญชีเองบางคนอีก ก็แกทุ่มเทให้งานขนาดนั้น  ช่วงที่คุยงานกันพี่เพ็ญกับพี่ต่ายก็หันมามองผมเป็นระยะ แต่ก็ไม่ยักกะเรียกผมเข้าไป

ถึงเวลาประหารครับพี่ต่ายออกมาแล้วบอกผมว่า “โอมเข้าไปหาพี่เพ็ญหน่อย แกมีอะไรจะบอก ทำใจดีๆไว้นะ”

ผมนะทำใจมาหลายชั่วโมงละ แต่ก็อยากรู้อยู่ดีว่าตัวเองผิดตรงไหน
 “ไงโอม ทำงานเป็นไงบ้าง เหนื่อยไม๊เห็นต่ายบอกกลับดึกเกือบทุกคืนนี้”

“ก็สนุกดีพี่ เหนื่อยนิดหน่อยแต่ผมก็ไหว”ผมฝืนยิ้มให้พี่เพ็ญทั้งที่ใจเต้นตึกตัก รอว่าเมื่อไหร่พี่จะบอกผม

“พี่มีเรื่องจะบอก โอมรู้จักพี่มีนไม๊ที่อยู่ชั้น 3 น่ะ”ผมยังงงครับ แต่ก็พยักหน้าตอบพี่เพ็ญไปว่ารู้จัก แต่ผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่ามันเกี่ยวกันยังไงกับผม

“พี่มีนนะเค้าอยากได้น้องผู้ชายเข้าสาย พี่เลยไม่แน่ใจว่าจะให้หมี หรือโอมไปแทนดี พี่เลยเรียกโอมมาถามความสมัครใจดู แต่หมีเค้าก็ตามใจพี่นะ”

ผมเพิ่งรู้.......เพิ่งเข้าใจ  .......ไอ้พี่บ้ามาหลอกให้คนเค้านอนไม่หลับมาทั้งคืน  แต่มานึกๆดูพี่เค้าก็ไม่ได้บอกผมซักคำว่าผมโดนไล่ออก  มีแต่ผมทึกทักเข้าใจไปเอง  ที่แท้คือผมคงต้องย้ายสายเพราะเคยไปรับปากพี่มีนไว้     ทั้งที่ผมเองก็ลืมไปแล้ว   แต่พอนึกได้ว่าพี่เค้าคงไม่อยากได้ผมถึงพูดกับผมทำนองว่า คงไม่ได้เจอกันอีกแล้ว ผมก็น้อยใจครับ

“ผมไปอยู่กับพี่มีนได้ครับ”   ผมไม่อยู่แล้วครับถ้าเค้าไม่อยากจะทำงานกับเราก็ไปเสี่ยงเอาดาบหน้าดีกว่า    ทั้งที่ทุกคนในสายดีกับผมมากๆครับ อดเสียดายลึกๆไม่ได้ แต่อารมณ์ประชดนะครับทำให้ตอบไปแบบนั้น

“อ้าว พี่ก็นึกว่าเราจะปฎิเสธซะอีก เห็นต่ายบอกว่าทำงานดี เข้ากันได้ แต่ก็ตามใจนะ  พี่ไม่มีปัญหา เกรงใจพี่มีนด้วย งั้นเดี๋ยวเอ็งลงไปหาพี่มีนเลย”

พี่เพ็ญ.........พี่จะไม่รั้งผมไว้หน่อยเหรอ .........ผมก็พูดไปอย่างงั้น ผมรักพี่นะครับ

ใช่ครับผมชักเสียดายก็ไอ้คำว่าพี่ต่ายบอกว่าผมทำงานดี เข้ากันได้ มันแทบจะทำให้ผมต้องกลับคำเสียเลยครับ แล้วดูๆไม่รู้พี่เพ็ญแกจะงอนผมด้วยหรือเปล่าซิ ที่ผมตกลงไปเร็วขนาดนี้

“พี่เพ็ญครับ แล้วผมจะได้มาทำงานกับพี่อีกไม๊ ที่จริงผมอยากอยู่กับพี่นะครับ  แต่วันนั้นพี่มีนถามผมก็เกรงใจ” ผมพยายามเปิดทางไว้ครับ

“ไม่แน่เหมือนกัน บางทีก็อาจได้เจอกันอีก พี่เข้าใจน่ะ ไปไป ไปหาพี่มีนเดี๋ยวแกจะรอ”

“ครับผม......... ผมลาล่ะพี่” เฮ้อ เอาเข้าจริงผมไม่อยากย้ายสาย แต่คิดในแง่ดี เรื่องนี้ก็ยังดีกว่าโดนออกละว่ะ     แล้วทำไมพี่เพ็ญแกไม่อาลัยผมเลยครับ น้อยใจเว้ย

“เป็นไง โอม พี่เพ็ญว่าได้เงินชดเชยไม๊ล่ะ”คนที่มองมาเป็นระยะๆ ช่วงที่ผมคุยกับพี่เพ็ญถามขึ้นมา  ยังไม่เลิกแซวกันอีกนะ เพราะพี่นะแหล่ะทำให้ผมโดนเตะโด่งออกจากสาย

“ผมไปนะพี่” ผมได้แต่ลาพี่ต่ายครับ คงไม่ได้เห็นหน้ากันละ อดเลยอดดูอกขาวๆของพี่ ดูมา 3-4 วันชักจะติด (อดที่จะแอบหื่นไม่ได้ แหะ แหะ) ที่สำคัญผมไม่ได้ทำงานกับพี่แล้ว ฮือๆๆๆ              :m15:

“อ้าวไปไหนล่ะ” พี่ต่ายยังจะมาถามอีก
“ก็ไปหาพี่มีนไง ผมย้ายสายตามที่พี่ต้องการแล้วไง” ผมก็อดประชดไม่ได้ เออทำตัวเป็นผู้หญิงเลยเว้ย

“ใครบอกว่าพี่อยากให้เราย้าย   พี่เพ็ญบอกจะถามโอมดูก่อน แล้วถ้าโอมย้ายก็ต้องมาจากตัวโอมเอง ไม่ใช่จากใครทั้งนั้น พี่ไม่มีสิทธิที่จะบังคับใจใคร”พี่ต่ายพูดเสียงแข็ง ทำหน้าบึ้ง

พี่จะมาโกรธผมทำไม ถ้าพี่บอกผมตรงๆว่าไม่อยากให้ผมไป ผมก็ไม่ไป แต่มันสายไปแล้วล่ะพี่       พี่แหล่ะผิด ไม่ใช่ผม มันสายไปแล้ว ผมได้แต่คิดในใจแล้วมองพี่ต่ายด้วยแววตาเสียใจ แต่แววตาพี่ต่ายผมไม่เห็นเพราะพี่เค้าไม่เงยหน้ามองหน้าผมอีกเลยเมื่อผมเดินออกมา      :m17:


acht

  • บุคคลทั่วไป
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #52 เมื่อ20-11-2007 11:36:31 »

โอมเริ่มหลงรักพี่ต่ายแล้วสิเนี่ย ถึงได้งอนขนาดนี้  :m26:

แหง่วๆๆ ถ้าย้ายสายน้องโอมกะพี่ต่ายก็ห่างกันน่ะสิ อดดูอกขาวๆของพี่ต่ายเลยนะโอม :m17:

MyLoveMyBabe

  • บุคคลทั่วไป
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #53 เมื่อ20-11-2007 12:55:58 »

ดูท่าโอมจะคิดกะพี่ต่ายไปพอควรแระ เหอๆๆ  :m18:

ว่าแต่พี่ต่ายอ่ะ คิดไงบ้างน๊อออ

ออฟไลน์ Just let it be

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 979
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #54 เมื่อ20-11-2007 13:19:18 »

แยกกันอย่างนี้แล้วจะสานต่อไงอ่า

 :เฮ้อ:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #55 เมื่อ20-11-2007 15:29:36 »

น่านมีอะไรไม่พูด กลายเป็นเรื่องใหญ่แล้วเห็นมะ
 :a6:

kongkilmania

  • บุคคลทั่วไป
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #56 เมื่อ20-11-2007 16:15:23 »

มาต่ออีกตอนดีก่า   :m19:

ตอนที่ 9

ผมไม่เจอพี่ต่ายเลยครับเกือบเดือน  อยู่สายพี่มีนก็สนุกดี  พี่แกเฮฮาไม่แพ้พี่เพ็ญ แถมในสายมี ติง เป็นบัดดี้ด้วย

ติง เป็นผู้หญิงครับ  ขาว สูงโปร่ง เรียบร้อย เก่งมากๆ ทำให้ผมนึกถึงแฟนเก่า ช่วงนี้บอกตรงๆบางครั้งผมลืมพี่ต่ายไปเลยครับ แต่ติงเป็นรุ่นพี่ผมปีนึงครับ แต่ผมก็ตีเสมอไม่เรียกพี่ละครับ  ก็คนมันคิดไม่ซื่อนี่ครับ 

แต่การทำงานช่วงนี้หนักมาก ผมกลับ3-4 ทุ่มทุกวัน  แต่ก็ดีได้อยู่กับติงทุกวัน แต่ยังครับผมยังไม่ได้จีบ  แค่คบกันเป็นเพื่อน ใครจะว่าผมใจง่ายผมก็ยอมละครับ  ก็อยู่ด้วยกันทุกวัน ทำงานกันสองคน    ปรึกษาเรื่องงานกันมั่ง  กินข้าวกันสองคนทุกวัน  ติงก็วางตัวดีครับ ท่าทางเค้าก็ยังไม่คิดอะไรกับผม  ผมก็ไม่รีบร้อนอะไร  ตอนนี้ตั้งใจทำงานครับ  เสาร์ อาทิตย์ บางทียังต้องไปทำเลย

มีบ้างเหมือนกันเวลาเข้าออฟฟิซ แล้วไปเจอเนย หรือ อ้อม หรือหมี  เราก็กินข้าวด้วยกันคุยเรื่องนู้นนี้ แต่ไม่มีใครพูดเรื่องพี่ต่าย ผมก็อยากถามแต่ก็ไม่กล้า แต่ทุกคนก็บ่นว่าเหนื่อยกับงานกันมาก แล้วตอนนี้บางคนก็ต้องอยู่ที่ออฟฟิซลูกค้าคนเดียวด้วย  เพราะพี่ๆต้องวิ่งรอก ตอนนี้เนยทำงานกับพี่ต่ายตลอดครับ พอดีวันนึงระหว่างที่คนอื่นๆคุยกันผมเลยอดถามเนยไม่ได้

“พี่ต่ายเป็นไงบ้าง ตอนนี้” ทำเป็นคุยเนียนๆครับ แกล้งทำเป็นว่าถามไปงั้นๆ  แต่ความจริงลึกๆก็คิดถึงนะครับ
“พี่ต่ายเหรอ ตอนนี้โดนลูกค้าตามจีบอยู่นะ อิอิ”

คราวนี้คนอื่นที่คุยเจี๊ยวจ๊าวกันอยู่พร้อมใจกันหันมาฟังเลยครับ แย่งกันถามใหญ่

“ใครน่ะเนย สวยไม๊ อายุเท่าไหร่ แล้วพี่เค้าโอเคไม๊ ไม่เห็นเล่าให้อ้อมฟังบ้างเลย ถ้าโอมไม่ถามก็ไม่รู้เลยซิ” อ้อมอดตัดพ้อเนยไม่ได้ เพราะรุ่นเดียวกันที่เหลืออยู่เป็นผู้หญิงก็ต้องสนิทกันนะครับ แต่เนยคงไม่เคยเล่า

“ไม่ใช่ไม่เล่า แต่มันไม่ค่อยดี เลยไม่อยากพูด กลัวพี่ต่ายรู้จะโดนดุสิ”เนยก็ยังคงเป็นเนย ไม่ค่อยพูด

“แล้วมันเป็นยังไงล่ะ คนไหนพี่ต่าย ชี้ให้เราดูหน่อยซิ” อันนี้ติงครับเป็นคนถาม   คือติงอยู่คนละสายกันก็อาจจะไม่เคยเห็นหน้าพี่ต่ายนะครับ เพราะอย่างที่บอกพวกเราเข้าๆออกๆออฟฟิซ   นานๆจะมาเจอกันที บางทีอยู่ได้วันเดียวก็ต้องออกไปบริษัทลูกค้าต่อละ

“คนขาวๆสูงๆ ใส่แว่น หล่อๆน่ะ ไว้วันหลังชี้ให้ดู คิ้วเข้มๆ  ไม่เอาเนยเล่ามาก่อน”อ้อมเร่งได้ดีมาก ผมก็อยากรู้ครับเนยก็อ้ำอึ้งอยู่ได้

“ก็คนที่มาจีบน่ะเป็นผู้ชายนะซิ” เนยตอบยิ้มๆ พอขาดคำเนยครับ ทุกคนยิ่งอยากรู้กันใหญ่

“หล่อไม๊ แล้วเค้าจีบยังไง เอออยากรู้มานานละ เรื่องแบบนี้”คำถามนี้ของหมีครับ

“ที่สำคัญ พี่ต่ายโอเคกะเค้าไม๊ ผมอยากรู้แค่เนี้ย” ผมเข้าประเด็นไปเลยครับจะมามัวชักแม่น้ำทั้งสาย  มาอ้อมไปอ้อมมาผมคงอกแตกตายไปด้วยความอยากรู้

“เนยไม่รู้ ก็เห็นพี่ต่ายก็พูดกับเค้าดีนี่ พี่เค้ามาชวนไปทานข้าว พี่ต่ายก็ไป บางทีพี่เค้าก็เอากาแฟมาให้ เอาขนมมาให้ พี่ต่ายก็ไม่เห็นปฎิเสธนี่”
คำตอบของเนยมันทำให้ผมหงุดหงิดครับ ผมก็ไม่รู้เป็นอะไร พี่เค้าก็ไม่ได้เป็นอะไรกับผม แต่ผมก็หงุดหงิดอยู่ดี

“ตัดออกไปอีกคนล่ะ ต้องเสียชายให้กับชายไป เฮ้อเรายังไม่ทันจีบเลย มิน่าประชากรโลกเลยลดลง”อ้อมบ่นรำพึงรำพัน ก็ผมบอกแล้วอย่างพี่ต่ายน่ะ น่ามอง หญิงก็ชอบชายก็ชอบ

“แต่เนยว่าไม่ใช่หรอก ไม่รู้ซิ ไปถามพี่เค้าเองซิ แต่อย่าบอกว่ารู้จากเนยนะ”
 ใครจะไปกล้าถาม  ผมก็ได้แต่คิดในใจ  แต่พอได้ยินเรื่องนี้ผมก็คิดถึงพี่เค้าตะหงิดๆอยากเห็นหน้าครับ  ไม่เจอมาตั้งเดือน ไม่รู้พี่เค้าจะหายเขม่นผมหรือยัง

แต่เพราะงานที่มันยุ่งๆ ผมก็ลืมเรื่องนี้ไปซะสนิท  จนวันนึงผมเข้าออฟฟิซอยู่เคลียร์งานผมก็ไม่ได้มองอะไร ตอนนั้นก็ซัก 2 ทุ่มได้ครับมีคนนั่งอยู่ไม่กี่คน แต่พี่มีนยังอยู่ที่คอก (ที่จริงมันเป็นpartition กั้นเป็นล็อคๆนะครับแต่เราเรียกกันว่าคอกมันง่ายดี)

“พี่มีนครับ เห็นพี่เพ็ญให้มาหา”เสียงคุ้นๆแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร งานยังไม่เสร็จอยากกลับบ้านแล้ว

“เออๆนั่งก่อน ต่าย แป๊ปนึงนะ” หูตั้งเลยครับ พอได้ยินชื่อพี่ต่าย ครับต่ายคนเดียวกันนี่แหล่ะ ผู้ชายที่ชื่อต่ายมีไม่มากหรอก มันไม่ค่อยเข้ากันชื่อนี้น่าจะเป็นผู้หญิงมากกว่า

“โอมเอ๊ย มาหาพี่หน่อย เอาแฟ้มบริษัท....มาด้วย”ผมใจเต้นแรงเลยครับไม่ได้เจอกันเป็นเดือน พี่จะลืมผมหรือยัง

พี่ต่ายเงยหน้ามองผมนิดนึงครับตอนผมเอาแฟ้มไปให้พี่มีน แต่ก็ไม่แสดงสีหน้าอะไร มีแต่ผมที่มองหน้าแก ก็คนมันคิดถึง อดไม่ได้จริงๆ แกยังเหมือนเดิม น่ามองไม่มีเปลี่ยน

“คืองี้นะต่าย พอดีงานพี่เร่งจริงๆเห็นว่าคุณจบงาน.......นั้นไปแล้วใช่ไม๊มาเป็นin charge ให้ผมหน่อยซิ น้องผมมันปิดงานกันไม่ทัน”

“ถามเพ็ญดูแล้วบอกว่าจ๊อบของคุณอีกที่  เห็นว่าลูกค้ายังไม่พร้อมให้เข้า ว่าไงสะดวกไม๊”พี่มีนพูดม้วนเดียวจบเลยครับ ผมไม่ได้แอบฟังนะ แต่ได้ยินเอง ก็มันดึกแล้วมันก็เงียบๆ

พี่ต่ายก็ยังไม่ตอบครับ เห็นแต่เอาสมุดบันทึกมาเปิดๆดูอะไรไม่รู้
พี่มีนเลยพูดต่อ “คิดว่าคงใช้เวลาไม่นาน ไม่น่าเกิน5 วัน ระดับคุณแล้วนี่ ก็คงพอดีกับที่ลูกค้าคุณพร้อมน่ะ”
“แล้วพี่มีนให้ใครไปกับผมครับ”พี่ต่ายถาม   นั่นซิผมก็อยากรู้ว่าใครไปกับพี่ต่าย พี่มีนผมอยากไปน่ะ  ให้ผมไปนะ   :m5:

“ให้ติงไป เพราะปีที่แล้วติงเค้าเคยตรวจที่นี่”หมดกันความหวัง ความฝันที่จะได้ทำงานกับพี่ต่ายอีกครั้ง  พี่มีนนะ  ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย

ผมละเซ็ง กลับบ้านดีกว่า ผมเลยหันไปลาพี่มีน “พี่มีนผมกลับก่อนนะครับแล้วพรุ่งนี้ผมไปที่ลูกค้าเลยนะพี่ พี่ต่ายครับผมไปล่ะ” ผมยังคงยกมือไหว้พี่เค้าครับ มันติดครับ คนมารยาทดีก็งี้ ขนาดเจอหน้าทุกวันยังไหว้เช้าไหว้เย็น จนพี่มีนบ่นว่าเอ็งจะไหว้ทำไมบ่อยๆคนเค้าก็รู้หมดว่าข้าแก่
เก็บของไปเรื่อยๆ ได้ยินพี่มีนคุยกันเรื่องงานอยู่กับพี่ต่าย จนผมจะเดินออกมาละ

 พี่ต่ายก็พูดขึ้นมาว่า “โอมรอพี่ซิ เดี๋ยวพี่ไปส่งบ้านทางเดียวกัน”เหมือนมีเสียงสวรรค์มาโปรดครับ

ดีใจมากกกกครับ ขอบอก   :m3:
ข้อแรกไม่ต้องเสียค่ารถ ได้นั่งรถสบายๆไม่ต้องไปเบียดบนรถเมล์ให้เหนื่อย
ข้อสอง ได้อยู่กับพี่ต่าย สองต่อสอง(ตอนนั้นลืมเรื่องลูกค้าที่มาจีบไปแล้วครับ)
ข้อสาม ให้กลับไปดูข้อหนึ่งครับ

หุ หุ พอดีมันนึกไม่ออกนะครับก็คนกำลังดีใจ แต่จะมีกี่ข้อสรุปก็คือดีนะครับ ผมก็รออยู่ซัก15 นาที พี่เค้าก็ออกมาจากห้องพี่มีน แล้วพยักหน้าให้ผมตามแกไป

“บ้านพี่ต่ายอยู่ที่ไหนพี่ ผ่านบ้านผมเหรอ”ผมพยายามชวนพี่เค้าคุยครับ ต้องมารื้อฟื้นความสัมพันธ์กันอีก  หลังจากที่เราแยกกันครั้งก่อนมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่

“ก็ถัดจากบ้านเราไปสองซอยเอง”พี่ต่ายตอบพร้อมมองหน้าผมยิ้มๆ

อ้าวก็ผมไม่รู้นี่   ดีจังเลยบ้านใกล้กัน แต่คิดไปคิดมาไม่มีผลนี่หว่า ก็ไม่ได้ทำงานด้วยกันอยู่ดี แต่ลึกๆผมก็ยังดีใจนะ

ระหว่างกลับผมก็ชวนพี่เค้าคุยเรื่อยๆครับ แต่อย่างพี่ต่ายพูดน้อย ก็ไม่ค่อยพูดอะไรกับผมเท่าไหร่
“พี่ต่าย ครับผมมีเรื่องจะปรึกษา”นาทีนี้ก็ต้องหาเรื่องมาชวนคุยไปเรื่อยๆละครับ

“อือ มีอะไรล่ะว่ามา แต่หิวข้าวนะ ไปกินกันก่อนดีไม๊ คุณหิวหรือยัง หรือจะไปกินบ้านอีก”
“ไปก็ได้พี่ หิวเหมือนกัน” ผมไม่มีปัญหาครับกินที่ไหนก็ได้ เราเลยแวะตลาดโต้รุ่งแถวบ้าน

“คืองี้พี่ เพื่อนผมมาชวนไปเรียน ปส.นะพี่ที่มหาลัยผมน่ะ”

 ปส.นี่เป็นคำที่เราเรียกกันย่อๆเองครับ   ย่อมาจากประกาศนียบัตรชั้นสูง ของการสอบบัญชีนะครับ แต่จะเรียนหรือไม่ก็ได้    ส่วนใหญ่เพื่อนๆผมก็ชวนๆกันไปเรียนครับ เรียนตอนกลางคืน 1 ทุ่มถึง 3 ทุ่ม แต่อาทิตย์ละ 3 วัน จันทร์ พุธ ศุกร์ ผมก็ว่าดีนะครับ ได้เพิ่มเติมความรู้เพื่อเตรียมตัวสอบขอใบอนุญาติในการตรวจสอบบัญชี   แต่ใจผมไม่คิดอะไรเรียนครับก็เรียน

“พี่ว่าผมไปเรียนดีไม๊”พยายามหาเรื่องชวนคุยครับ ก็ไม่เจอกันตั้งนาน มันก็ห่างๆไปหน่อย
“แล้วทำงานล่ะไม่มีปัญหาเหรอ มันก็เหนื่อยนะ”พี่ต่ายถามกลับ
“ผมว่าผมไหว งานก็ออกซัก 6 โมง วันที่ไม่มีเรียนก็อยู่ดึกหน่อย” ผมชอบเรียนครับ ดีกว่าอยู่เปล่าๆ หรือเที่ยวไปวันๆ  อีกอย่างมีเพื่อนไปเรียนด้วยกันหลายคน มีติงด้วยนะครับแหะ แหะ

“ถ้าคิดว่าไหวก็ไปเรียน เพราะความรู้มันก็เอามาใช้ในงานเราได้ แต่คุณต้องตัดสินใจเอาเอง เพราะช่วงงานมากๆน่ะ คุณก็จะยิ่งเหนื่อยกว่าเดิม”

 พี่ต่ายก็ออกความเห็นเรียบๆนะครับ แต่ผมก็ว่าคงจะจริง กำลังกินกันเพลินๆครับ เสียงโทรศัพท์ ก็ดังขึ้น ของพี่ต่ายนะครับ เห็นพี่ต่ายยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วทำหน้าเบื่อๆ แล้วกดทิ้งครับ แต่ซักพักก็มีเสียงโทรมาอีก คราวนี้พี่แกเลยวางไว้เฉยๆปล่อยให้มันดังไปเรื่อยๆ ผมก็อดไม่ได้ครับ

“พี่ต่ายไม่รับละพี่   มันดังนานแล้วน่ะ”ผมก็พูดธรรมดานะครับ ไม่ได้แสดงอารมณ์อยากรู้อะไร  ทั้งที่อยากรู้เหมือนกันว่าใครโทรมา  หรือว่าจะเป็นลูกค้าคนนั้นที่ตามจีบพี่เค้าอยู่  พี่เค้าก็ไม่สนใจครับ ไม่รับเหมือนเดิม

“พี่ไม่รับผมรับแทนให้ไม๊ รับทั้งสาย รับทั้งคนโทรมาเลย ยกให้ไม๊ละ”ผมเห็นพี่เค้าอารมณ์ดีๆก็พูดเล่นๆ  พี่เค้าตาเขียวเลยครับ  :m16:           สงสัยผมคงล้ำเส้นไปหน่อย เราก็ยังไม่สนิทขนาดที่ว่าผมจะล้อแกได้เลย
“ถ้าอยากได้ก็เอาไปซิ”  เสียงเขียวเลยครับ  ทำไมต้องมาโกรธผมอีกละ ล้อนิดเดียวเอง ประชดดีนักรับซะเลย

“สวัสดีครับ โทรศัพท์พี่ต่ายครับ ไม่ทราบใครจะเรียนสายครับ”

“เอ่อ ต่ายไม่อยู่เหรอครับ แล้วใครพูดสายน่ะ ต่ายไปไหน ทำไมไม่มารับเอง”สงสัยจะเป็นลูกค้าคนนั้นจริงๆแฮะ แต่เค้าก็พูดสุภาพนะครับ  ผมยื่นให้พี่ต่าย พี่ต่ายยังไม่สนใจ ผมเลยคุยต่อ

“พี่ต่ายอยู่ในห้องน้ำครับ ไม่ทราบจะให้บอกว่าใครโทรมา หรือจะสั่งอะไรไม๊ครับ”

พี่เค้าเงียบไปพักนึงแล้วบอกว่า “บอกต่ายด้วยนะว่า คมโทรมา แล้วให้มาเอาเน็คไทที่ผมด้วยเค้าลืมไว้”

ยังกับละครไทยครับ แต่ผมก็เข้าใจละว่าทำไมนางเอก ต้องโกรธพระเอกด้วยกับเรื่องงี่เง่าแบบนี้  ก็การลืมของบางอย่างไว้กับใคร   มันก็แสดงออกถึงระยะห่างของความสนิทสนมกับคนนั้นๆด้วย  ผมรู้สึกแปลกๆ  ครับมันอึดอัดใจ จุกๆเจ็บๆ    ผมเลยตอบคุณคมที่โทรมาไปด้วยเสียงอันแผ่วเบาว่า “ครับผมจะบอกให้”  แล้วคุณคมก็วางหูไปพร้อมคำขอบคุณ

ผมไม่กล้าถามพี่ต่ายหรอกครับว่าไปลืมไว้ได้ยังไง ลืมที่ไหนทำไมถึงได้ลืม ก็ผมมันไม่ใช่ใครสำหรับพี่เลย  เออแล้วกรูมาเครียดไปทำไมว่ะ พอนึกขึ้นมาได้ ผมเลยบอกพี่เค้าไปตามที่คุณคมบอก พี่เค้าก็เฉยๆไม่ว่าอะไร  ผมอยากกลับบ้านละ กินก็ยังไม่หมด แต่มันกินไม่ลง แต่เห็นของพี่ต่าย ยังเหลืออยู่เกือบค่อนจาน

 “พี่ผมกลับก่อนนะปวดท้อง อยากเข้าห้องน้ำ” ตรงนั้นมันใกล้บ้านผมแล้วครับ เดินไปซัก 5 นาทีก็ถึง อารมณ์เนี้ยเหตุผลบ้าอะไรก็ต้องยกมาก่อน จะให้เค้ารู้ทำไมว่าใจเรามันเป็นยังไง

แต่พี่ต่ายยังไม่ทันพูดอะไรครับ เสียงโทรศัพท์ผมก็ดังบ้าง “ครับผม ติง มีอะไรครับ”ติงโทรมาครับ แต่พูดอะไรไม่รู้ไม่ค่อยได้ยิน แว่วๆว่าพรุ่งนี้ต้องไปจ๊อบใหม่กับพี่ต่าย จะไม่กลับไปที่บริษัทที่เราทำงานกันแล้ว  ฝากผมเคลียร์งานให้ด้วย แต่ติงโหลๆๆตลอดครับคงไม่ค่อยได้ยินเสียงผมเหมือนกัน แล้วก็วางหูไปครับ แต่ผมยังไม่วาง

 “ติงคิดถึงจัง ทานข้าวรึยัง...... โอมทานแล้ว อือ อือ ไม่อยากเหมือนกันเลยอ่ะ ....อือ ไม่เป็นไรนะเดี๋ยวเจอกันที่ออฟฟิซได้....จ้า...จ้า..ครับผม.....ทราบแล้วครับ...ครับวางสายแล้วนะ... แต่ติงวางก่อนซิ .....ไม่เอาติงวางก่อนซิ ..ไม่เอาติงวางก่อน... รักนะ จุ๊บๆ”

  :m30:       ผมยังแทบอ้วกเลยครับ กรูพูดไปได้ยังไงกันเนี่ย  ถึงเป็นแฟนกันจริงๆผมก็ไม่ใช่คนที่จะพูดแบบนั้นหรอกครับ   มันหวานเกินไป  แต่ไม่รู้ว่าทำไมผมต้องพูดไปแบบนั้นด้วย

แต่คนที่คงจะผะอืดผะอมกว่าผม นั่งตาค้างมองอยู่ คงฟังอยู่ด้วยแหล่ะ ก็พูดขึ้นมาว่า “คงไม่ต้องไปห้องน้ำแล้วมั๊ง ความหวานคงต้านทานไว้หมดทุกอย่างแล้ว ท้องคงหายปวด” คำพูดก็ปกติครับ แต่หน้าตาไม่ปรกติ เหมือนคนไร้อารมณ์นะครับ

“กลับก็กลับ ผมไปส่ง”พี่เค้าจ่ายเงินค่าข้าวครับ แต่คราวนี้ผมจะคืนให้พี่ทั้งเงิน ทั้งใจ ยังเคืองเรื่องไอ้คมบ้าบอไรเนี่ย  ผมเลยเอาตังค์ให้พี่เค้าครับ

 “ไม่ต้อง ไม่เป็นไร นิดหน่อย” พี่ต่ายไม่ยอมรับ เงินที่ผมให้     พี่เอาไปเหอะ เราจะได้จบๆความรู้สึกที่ค้างคาซักที

“พี่เอาไปเหอะผมไม่อยากติดค้างพี่”ผมพูดเสียงห้วนๆครับ  คราวนี้ผมคงเสียงแข็งจริงๆ พี่เค้ามองหน้าผมเลยครับมองนิ่งๆพักนึงแล้วเดินไปที่รถเลย  ไม่เห็นพูดอะไรซักคำ

 คราวนี้ไม่เห็นไปส่งผมเลยล่ะ พอผมเดินมาถึงรถ   นู่น........ไปไกลแล้วครับ   ผมเพิ่งนึกได้   อ้าวแล้วของผมล่ะที่อยู่ในรถพี่ทำไงดีจะไปเอาคืนมาได้ไง   แล้วใจผมล่ะ มันคงไปกับรถด้วยมั๊ง
มันเลยทำให้ผมเข่าอ่อนจนต้องทรุดตัวไปนั่งยองๆ จนคนที่เดินผ่านไปมาหันมามองกันใหญ่   มีป้าคนนึงถามผมว่า “ลูกเป็นอะไร ไม่สบายรึเปล่า”

“ผมไม่เป็นไรครับป้า ร่างกายผมปรกติดี”แต่ใจผม ผมก็ไม่แน่ใจครับว่ามันยังปรกติไม๊
*************************************************************************


ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #57 เมื่อ20-11-2007 16:49:03 »

มาเป็นกำลังใจให้ครับ

ออฟไลน์ mist

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-3
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #58 เมื่อ20-11-2007 17:15:07 »

เฮ้อคนเรา หึงซะ  o16

แล้วยังโทรศัพท์ที่ทำเป็นแกล้งคุยกะติงอีก ขนาดให้พี่ต่ายเชื่อได้นี่ สงสัยปีหน้าตุ๊กตาทองคงไม่ไปไหนล่ะนะ  :m14: :m14:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
Re: (Fiction) ตรวจสอบหัวใจ โดย K-one
«ตอบ #59 เมื่อ20-11-2007 17:26:13 »

ง่าๆ......มานคืออาการอารายหยอฮะเนี่ย

ยังไงก้อมาต่อให้อีกนะฮะ

อยากอ่านต่อมากมายเยยนะนี่

เปงกำลังใจให้นะฮะ สู้ๆนะ คุคุ :m1: :m1:


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด