สุขสันท์วันลอยกระทง บุญจะส่งให้เรารักกัน
ขอให้ความรักอยู่คู่กับคนอ่านตลอดไปนะครับ วันนี้มาต่อแต่เช้าเลย
***********************************************
ตอนที่13
ติงพูดอะไรอีกเยอะเลยครับแต่เหมือนลมผ่านหูผม
เข้าหูไปแล้วทะลุ ออกไปเลย
ไม่ได้ผ่านระบบรับรู้ในสมองผม คงเหมือนที่เค้าว่าบางคนมีสมองไว้คั่นหู
ได้ยินแว่วๆแผ่วๆ ใจผมตอนนี้นะคิดแต่ว่าผมกำลังเสียดาย แต่เสียดายติง
หรือเสียดายพี่ต่าย ผมก็ไม่รู้ ผมควรจะทำยังไงดีตอนนี้ หมดเรื่องเข้าใจผิดกับพี่ต่าย
ก็มามีเรื่องนี้อีก
“ได้ไม๊โอม ทำอย่างนี้ดีไม๊” อ้าว เวรเลยไม่ทันฟัง ติงพูดอะไรน่ะ
“ทำอะไรยังไงนะ ติง จะให้เราทำอะไร” ผมพยายามตั้งสติฟังสิ่งที่ติงพูด
ถึงแม้ตอนนี้ใจผมมันหนีไปไหนแล้วก็ไม่รู้
“โอมน่ะ ปล่อยให้เราพูดคนเดียวตั้งนาน ไม่ฟังเลย ชอบทำแบบนี้เรื่อยเชียว”
ติงเริ่มงอนแล้วครับ
“จ้าๆๆ ทำอะไรครับบอกผมมา” ผมรีบเอาใจครับ เป็นแฟนไม่ได้ก็ยังเป็นเพื่อน
กันอยู่แต่พี่ต่ายนะซิ จะเอาไงดี ยุ่งจังเว้ย ดูนาฬิกาเดี๋ยวต้องรีบไปทำงานต่อแล้ว
“คืออย่างนี้นะโอม พี่ต่ายนะไม่ค่อยพูดเลย เราก็ไม่ค่อยกล้าคุยกะแกเลย
ไม่รู้ว่าพี่เค้าคิดยังไงกะเรา”
เหอๆๆ ถ้าเจอพี่ต่ายพูดเมื่อวานแล้วจะตกใจ พูดซะผมเคลิ้ม
“เราอยากให้เวลาโอมไปไหนกับพี่ต่ายก็ชวนเราไปด้วย แล้วพยายามชวนเราคุย
แล้วให้พี่ต่ายคุยด้วยน่ะ พอซักพักนึงสนิทกันแล้ว คงไม่มีปัญหา”
ผู้หญิงสมัยนี้กล้าขึ้นนะครับ ชอบคนไหน ก็พยายามเข้าหาเลย ผมว่าผู้หญิงบางคนกล้ากว่าผู้ชายอย่างผมอีก แต่ก็ดีนะครับรักใครชอบใครก็ให้รู้กันไปเลย ยุคนี้หญิงชายเท่าเทียมกันแล้ว ไม่ต้องมามัวอายหรอกครับผู้ชายยิ่งน้อยๆอยู่ (เพราะมาชอบกันไปเองซะก็เยอะครับ)
แต่ก็ให้มันพอสมควรยังไงก็ยังเป็นคนไทย แล้วอีกอย่างถ้ารุกมากไปผู้ชายบางคนก็กลัวครับ แต่ทำไม๊ติงจะต้องมาชอบพี่ต่ายด้วย
“ผมก็ไม่ได้สนิทอะไรกับพี่ต่ายมากหรอกติง เคยอยู่สายเดียวกันก็จริง แต่ทำงานด้วยกันจ๊อบเดียวเอง จ๊อบนี้เป็นงานที่สองนะ”
ผมต้องออกตัวก่อนครับ ความสัมพันธ์เรื่องงานเราเป็นแบบนั้นจริงๆ แต่เรื่องอื่นๆมันอธิบายยาก
“แต่เราเคยได้ยินพี่ๆเค้าคุยกันว่าตอนเข้าใหม่ๆ พี่ต่ายขอโอมไปทำงานด้วยโดยเฉพาะ
เลยนะ เรายังเคยถามพี่ต่ายเรื่องนี้ พี่ต่ายยังไม่เห็นปฎิเสธ ยิ้มๆอีกต่างหาก”
ติงยังยืนยันจะให้ผมสนิทกะพี่ต่ายให้ได้ แล้วไม่รู้ไปเอาเรื่องอะไรมาพูด ไม่เห็นเข้าใจ แล้วถ้าพี่ต่ายรู้จะทำยังไง คิดไปปวดหัว
“ไม่เคยเป็นพ่อสื่อ นะติง” ผมพยายามโอดโอยหน่อย เพราะยังหาทางออกไม่ได้
“แต่ตอนนี้ขั้นตึกก่อนเหอะ นะ เดี๋ยวโดนดุ”ตัดบทชวนไปทำงานเลยครับ แล้วไงค่อยตามๆน้ำไป
ขึ้นไปทำงานก็ไม่มีเวลามาทอดสะพานหารักกันล่ะครับ พี่ต่ายแกโยนงานมาให้
ผมสองคนเพียบ เพราะลูกค้าแกโทรมาตามแล้ว แกต้องไปดูงานที่แกรับผิดชอบอยู่ เพราะงานที่เราทำอยู่เนี่ยมันเป็นการยืมตัวพี่ต่ายมาช่วยเท่านั้น เผลอๆต้องอยู่ทำที่เหลือกันเอง แล้วรอพี่ต่ายมาสรุปทีเดียว
ผมว่างานก็เยอะขนาดนี้ แฟนเฟินไม่มีเวลามาหากันละครับ เวลาจะจีบกันยังไม่มีเลยมิน่าพี่ต่ายเลยไม่มีใคร(อันนี้ผมเดาเอาเองครับ) เนยที่ไปทำงานด้วยกันกับพี่ต่ายบ่อยๆก็มีแฟนแล้ว อ้อมเพื่อนผมมันก็ห้าวซะ แต่ถ้าผมปล่อยติงให้อยู่กับพี่ต่ายเรื่อยๆ พี่ต่ายต้องตกเป็นของติงแน่เลย
ผมเลียบๆเคียงๆถามพี่ต่ายดีกว่าว่าคิดยังไงกับติง
แต่ตอนนี้ขอทำงานก่อนครับ.......เดี๋ยวไม่เสร็จ บางคนคิดว่าทำไมพวกผมงานหนักจังคุณก็ลองคิดดูซิครับ บริษัททำบัญชี1 ปี ทำไปเรื่อยๆ พวกผมเข้าไปตรวจที่เค้าทำมา1ปี ในเวลาไม่กี่วัน บางที4 วัน อย่างยาวๆก็เป็นอาทิตย์ แล้วจะไม่ไห้หนักได้ยังไง เพราะมันมีกำหนดเวลาที่ต้องเสร็จบีบอยู่
ทำงานกันจนค่ำ อยู่ด้วยกันหมดทุกคนล่ะครับ ก็งานมันเร่ง จน3 ทุ่มกว่า
พี่ต่ายชวนกลับ ไม่มีใครอิดออด ทุกคนเก็บของเร็วมาก ผมน่ะกลับกับพี่ต่ายอยู่แล้ว แต่ติงนะซิ
ติงขยิบตาให้ผมเป็นสัญญาณให้ช่วยหน่อย ช่วยไงว้า ตัวเองยังลุ่มๆดอนๆอยู่เลย
“ติงบ้านอยู่แถบไหน ทางเดียวกันรึเปล่า กลับๆพี่ต่ายไม๊”
ผมชวนหน้าตาเฉยเสมือนเป็นรถของตนเอง ตอนนี้หลบตาพี่เค้าครับ กลัวเหมือนกัน
“นั่นซิ อยู่ไหน ปรกติติงกลับก่อนพี่เลยไม่ทันได้คุย”พี่ต่ายก็พูดดีครับ แต่ฟังเสียงก็รู้ว่าเหนื่อย
“บ้านติงอยู่แถวสี่พระยา....ค่ะพี่ผ่านไม๊” ติงคงดีใจครับที่จะได้นั่งรถฟรีเหมือนผม
“อืม บ้านเราไปทางลาดพร้าวน่ะ”
พี่ต่ายบอกทางไปบ้านเราครับ อืม....บ้านเราฟังดูดีจัง
ผมดีใจจังที่บ้านติงคนละทิศเลย อ้าวผมแอบคิดในทางไม่ดีอีกละ ผมก็อยากกลับบ้านไวๆครับ ถ้าต้องวนอยู่แต่ในเมืองก็ไม่ไหวกว่าจะถึงบ้านผม มิปาเข้าไปเกือบ 5 ทุ่ม จะว่าเห็นแก่ตัวก็ยอม
“งั้นติงขอติดรถไปต่อรถเมล์แล้วกันพี่”
ผมว่าก็ย่นระยะทางได้นิดเดียวเอง แต่ติงคงอยากใกล้ชิดพี่ต่ายให้มากกว่านี้มากกว่า
ผมเลยให้ติงนั่งหน้าจะได้คุยกะพี่ต่ายสะดวกหน่อย พี่ต่ายมองหน้าผม
ทำหน้าบึ้งนิดๆ แต่ผมทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ตอนแรกๆผมก็เป็นคนเริ่มชวนคุยครับ
พยายามหาเรื่องให้พี่ต่ายกับติงได้คุยกัน จนออกจะนอกหน้าไปด้วยซ้ำ
แต่หลังๆเค้าก็คุยกันเอง ผมก็เผลอเคลิ้มหลับไปไม่รู้ตัว จนได้ยินเสียงติงปิดประตู อ้าวลงไปตั้งแต่เมื่อไหร่ กำลังขยับตัวครับจะเลื่อนไปนั่งข้างหน้าแทน เดี๋ยวพี่เค้าจะกลายเป็นคนขับซะ เราเองก็จะเป็นคนไม่มีมารยาทไป
“ไม่ต้องมาหรอกอยู่นั่นแหล่ะ”
พี่ต่ายห้ามผมครับ แกมองสบตาผมผ่านกระจกมองหลังแวบเดียว ส่งแต่เสียงอันเยือกเย็นมาให้ผม
“ไม่อยากนั่งคู่กับพี่ก็ไม่ต้องมา ไม่อยากกลับกับพี่ 2 คนก็บอกมา”
บรรยากาศสงครามโลกเริ่มเข้ามาอีกแล้วครับ ผมเริ่มคิดว่าพี่ทำไมขี้หงุดหงิดจัง ผมจะไปกับพี่ได้เหรอ ผมมันคนคิดน้อย หรือพูดอีกอย่างเป็นคนไม่ค่อยคิด
เสียงเพลงที่หวานใสของนักร้องในวิทยุ ไม่ได้ช่วยให้บรรยากาศดีขึ้นเลยครับ พี่ต่ายก็ตั้งอกตั้งใจขับรถ เหมือนกับว่ากำลังเป็นคนขับรถของนายทหาร คอแข็งตั้งตรง หน้าตรงมองไปข้างหน้า ไม่วอกแวกไปซ้ายขวา
ถ้าผมยังคงเงียบอยู่แบบนี้ คืนนี้ผมคงอกระเบิดตาย เพราะดูท่าทางพี่ต่ายคง
เอาซิบรูดปากไว้ครับ แถบแปะทับด้วยกระดาษกาวอีกชั้น คงจะเปิดปากยาก
“ก็ติงนะ..... ติงน่ะ...”เกิดจะพูดไม่ออกขึ้นมาอีกละผม จะบอกว่าติงชอบพี่นะซิ
“ติงทำไม... โอมมีอะไรกับติง?” คอแข็งเหมือนเดิม ไม่หันมามอง แต่ซิบปากเปิดล่ะ
“ติงเค้าชอบพี่ต่ายนะซิ.....จะมีอะไร” ตัวเองไปเที่ยวหว่านเสน่ห์ใส่สาวๆแล้วยังมาพาล
คนอื่นอีกนะ
“แล้วทำไม...... โอมจะมายกพี่ให้เค้าเหรอ” พี่ต่ายมองสบตาผมทางกระจกครับ
“พี่ไม่เคยชอบใคร แต่ถ้าคิดจะชอบก็ตัดสินใจเองได้ ไม่ต้องให้ใครมาชี้ทาง”
“ผมก็ไม่ได้.........” พูดไม่ทันเลย
“แล้วทำไมชวนติงมา.........รู้ก็รู้ว่าเรามีเวลาไม่มากที่ได้อยู่กันสองคน”
“ผมไม่รู้จะ.......”...ทำยังไงครับพี่.......แต่พี่แกแซงอีก
“เวลาทำงานพี่ไม่คิดเรื่องนี้ แต่เลิกงานแล้วพี่อยากใช้เวลากับเรา....แค่ไม่กี่ชั่วโมง
ให้พี่ไม่ได้เหรอ”
พี่ต่ายไม่มองหน้าผมเลยครับ แต่เสียงพี่เค้าเหนื่อยมาก คงรวมหลายๆอย่างทั้งเหนื่อยกายทั้งเหนื่อยใจ ผมคงทำอะไรผิดไปจริงๆ ผมคงคิดถึงติงมากไป แล้วก็คิดถึงพี่ต่ายน้อยไป แล้วความเงียบก็เริ่มเข้ามาครับ พี่ต่ายไม่พูดต่อแล้ว
ผมไม่รู้ว่าผมเลื่อนหน้าไปตรงช่องระหว่างเบาะหน้าตอนไหน ผมเอาคางเกยกับเบาะฝั่งคนขับด้านซ้าย มือขวาผมอ้อมไปข้างขวาของเบาะคนขับตอนนี้เหมือนผมโอบหลังพี่ต่ายแต่มีเบาะรถคั่นระหว่างเราเท่านั้นเอง ผมเอามือไปจับที่ไหล่พี่ต่ายทั้ง 2 ข้างบีบเบาๆ มันตึงมากเลยครับคงเนื่องมาจากความเครียด สาบานว่าไม่ได้คิดอะไรทำนองนั้นจริงๆ แค่อยากจะให้พี่เค้ารู้ว่าผมรับรู้ความรู้สึกที่พี่มีให้ผมได้
อยากให้พี่รู้ว่าผมแคร์พี่นะ “ผมขอโทษพี่.....ผมขอโทษ......”
ผมพูดเสียงเบาเหมือนกระซิบ ตอนนั้นกำลังเสียใจสิ่งที่ตัวเองทำไป (แต่ที่จริงก็ยังไม่ได้ทำอะไรมากเท่าไหร่นะ แค่พยายามเป็นเพื่อนที่ดีเท่านั้นเอง) มือผมยังคงบีบเบาๆครับ พี่ต่ายก็ไม่ได้พูดอะไร เกือบถึงทางแยกเข้าบ้านผมแล้วครับแต่รถติดไฟแดงอยู่ เลี้ยวขวาไปนิดนึงก็ถึง
บ้านผมแล้ว
แล้วพี่ต่ายก็หันหน้ามามองผมครับ หน้าเราใกล้กันมากที่สุดเท่าที่เคยเป็นมา ผมรู้สึกถึงลมหายใจของพี่ แล้วกำลังคิดว่าเราเหมือนมีลมหายใจเดียวกันรึเปล่า
ผมไม่ทันจะพูดอะไรเลยครับ ตอนที่พี่ต่ายเอาปากมาสัมผัสริมฝีปากผมเบาๆ แล้วไฟก็เขียวพอดี พี่ต่ายเลยหันกลับไปขับรถ ผมมองไม่เห็นแววตาพี่ต่าย ไม่รู้ว่าพี่หายโกรธผมหรือยัง
ตอนที่พี่ต่ายจอดรถหน้าบ้านผม ผมยังเอ๋ออยู่เลย แต่มือก็ยังคาอยู่ที่ไหล่ แต่เลิกนวดไปแล้วครับ
***************************************************************
ขอให้ลอยกระทงกันด้วยความสุข ทุกคนนะ