มาต่อให้แล้วค่ะ ขอโทษด้วยที่มาช้า พอดีติดธุระสำคัญ แต่วันนี้ก็มาต่อให้แล้วเนอะ คิดถึงคนอ่านทุกคนค่ะ -----------------------------------------
ตอนที่ 13 ....ตัวช่วย....
เมื่อวานตอนค่ำ พี่ไม้โทรมาบอกว่าหลังสอบเสร็จจะพาผมไปเที่ยวทะเล ผมตกใจนิดน่อย เพราะจะมีครอบครัวพี่ไม้ไปด้วยมี พ่อ แม่ และจะชวน(หรือใช้วิธีการใดผมไม่แน่ใจ)ไอ้สปาไปด้วยให้ได้ จากที่ได้ฟังๆ แล้ว ถ้าครอบครัวพี่ไม้ และไอ้ปาไปด้วยเนี่ย จะมีแค่ผมที่เป็นคนนอกอยู่คนเดียวน่ะสิ มันแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้ ไม่ใช่ว่าไปแล้วจะเกิดสงครามเย็นระหว่างพี่น้อง หรือไม่ถ้าพ่อกับแม่ของพี่ไม้รู้ว่าผมกับพี่ไม้มีความสัมพันธ์กันเกินเพื่อนล่ะ โอย...ตอนนี้ผมยังไม่พร้อมจะรับเรื่องแบบนั้นซักเท่าไหร่นะครับ ไม่ใช่ว่าจะกลัว แต่รู้สึกยังไม่ถึงเวลา เรื่องที่ที่ไม้บอกทำเอาผมหายป่วยเลยทีเดียว พี่ไม้ทำแบบนี้ คิดอะไรของพี่เค้ากันนะ ผมเดินคิดเรื่องนี้มาเรื่อยๆ ตอนนี้ถึงหน้าประตูโรงเรียนแล้วล่ะครับ ผมกำลังจะเดินขึ้นบันไดเพื่อเข้าห้องเรียน แต่สายตาไปสะดุดไปใครคนนึงที่นั่งโยกหัวไปมาอยู่ตรงโต๊ะหินอ่อนใกล้ๆกับโรงยิม ผมจึงเดินเข้าไปใกล้ๆ
“สปา....เฮ้ย...สปา” มันไม่หันครับ ออ สงสัยใส่หูฟังอยู่ ผมจึงเอามือไปแตะไหล่มันเบาๆ มันรีบหันหน้ามา พอเห็นผมมันก็เอาหูฟังออกทำหน้าตกใจนิดหน่อย
“อ้าว นายน่ะเอง มีอะไรเหรอ” ชอบทำหน้ากวนส้นอีกแระ
“เปล่า ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้อ่ะ ไม่ขึ้นห้องเรียนเหรอไง”
“ฟังเพลงน่ะ เดี๋ยวค่อยขึ้นไปก็ได้” จากนั้นมันก็ใส่หูฟังเหมือนเดิม ผมมีอะไรอยากจะพูดกับมันอยู่พอดี ผมว่าผมน่าจะพูดกับมันให้รู้เรื่องและเข้าใจกันไปเลยดีกว่า
“เรามีเรื่องจะคุยด้วยน่ะ” ผมเอามือปลดหูฟังออก และพูดกับมันด้วยน้ำเสียงปกติ มันทำหน้างงและสงสัย แต่ไม่ได้ถามอะไร ปลดหูฟังอีกข้าง และก้มลงปิดเพลงจากมือถือ หันมาทางผมและทำท่าตั้งใจฟัง
“มีอะไรก็ว่ามา...ว่าแต่ไม่สบายหายแล้วเหรอ” อ่ะ ไอ้นี่ มันจะรู้เรื่องผมไปทุกอย่างเลยหรือไงเนี่ย ไม่อยากถามว่ามันรู้ได้ยังไง....มึงไม่ต้องสนใจกูบ้างก็ได้ เฮ้อ...
“ดีขึ้นแล้ว...ขอบใจ”
“มีอะไรก็ว่ามา” พอจะเริ่มก็ไม่รู้จะเริ่มยังไงนะครับ ใจจริงผมอยากเป็นเพื่อนกับมัน จากที่ผมได้สัมผัสมันจริงๆ มันไม่ได้เป็นคนที่เลวร้ายอะไร อาจจะติดเอาแต่ใจ หรือถูกเลี้ยงมาโดยเป็นลูกคนเดียวก็แค่นั้น
“นายรู้หรือยัง ว่าสอบเสร็จพี่ไม้ชวนไปเที่ยวทะเล” มันจ้องหน้าผมทันที สายตาปกติเมื่อกี้ เปลี่ยนเป็นสายตาที่ไม่พอใจ และหันหน้าไปทางอื่นทันที
“อือ พ่อบอกแล้ว แต่เราไม่ไป” มันพูดเหมือนไม่สนใจใยดี
“ทำไมล่ะ พี่ไม้ชวนเราไปด้วย เราก็อยากให้นายไปด้วย ไปด้วยกันสิ ...อืม ไปกันหลายๆคนก็สนุกดี” มันมองหน้าผมนิ่ง ลุกขึ้นเก็บกระเป๋า และกำลังจะเดินออกไปจากโต๊ะ
“เดี๋ยวสิ สปา จะไปไหน คุยกันก่อน” ผมรีบห้ามมันไว้ ดูท่าทางมันแล้ว สงสัยมันคงไม่อยากไปด้วยแน่ๆ
“นายอยากไปก็ไปเถอะ เราไม่อยากไป แล้วไม่ต้องมาพูดเรื่องนี้อีกนะ ไม่อยากฟัง” ผมทนไม่ไหวแล้วครับ ทำยังไงมันถึงจะฟังผมบ้าง เอาวะ เป็นไงเป็นกัน
“ไหนบอกอยากเอาชนะพี่นายไง ทุกอย่างที่เค้ารักนายจะแย่งมาไม่ใช่เหรอ นั่นพ่อนายก็ไปด้วย แล้วนายอยากให้พ่อนายไม่สนใจนายอยู่แบบนี้หรือไง” ผมพูดไปโดยไม่ทันได้คิดอะไรมาก แค่อยากพูดให้มันรู้สึกอยากเอาชนะแล้วก็อยากจะไป เหตุการณ์ข้างหน้าจะเป็นยังไงก็ค่อยว่ากัน คราวนี้ได้ผลแฮะ มันผงะเล็กน้อย ยืนคิดนิ่ง หันหน้ามาหาผมช้า ถอนหายใจซ้ำๆ ช้าๆ (อาการเมิงน่ากลัวนะเนี่ย จะต่อยกูป่าววะ)
“เรื่องพ่อเราไม่กังวลหรอก แต่....เรื่องของนายอ่ะ ทำให้น่าคิดอยู่นะ...อืม ตกลงไปก็แล้วกัน แล้วเจอกันนะ” อ้าว เฮ้ย อย่าเพิ่งเดินหนีไปสิ ซวยแล้ว ที่พูดเนี่ยไม่ได้ให้มันคิดแบบนี้นะ แต่ทำไงได้ แล้วอย่างนี้ผมจะไปคนเดียวได้ไงกันล่ะ แย่แล้วไอ้ดิน...
ผมรีบล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง รีบกดเบอร์โทรศัพท์ของไอ้เพื่อนรักทันที
‘ฮัลโหล เชี่ยเกมส์ กูมีเรื่องอีกแล้วว่ะ’
‘เฮ้ย เอาเบอร์ใครโทรมาวะ แล้วมีเรื่องไรอีก มึงนี่ถ้าไม่มีเรื่องอะไร แม่งไม่เคยโทรหากูเลยนะ’
‘เออ เบอร์กูเอง ตอนเย็นมาหากูหน่อยดิ’
‘เฮ้ย เบอร์มึงจริงดิ แม่งใครทำให้มึงมีเบอร์มือถือส่วนตัวได้วะเนี่ย ฮ่าๆๆๆ ว่าแต่ให้กูไปหาอ่ะ แดกข้าวฟรีนะมึง’
‘เออ แค่นี้แหละ กูไม่ชอบคุยนาน เจอกัน’ ผมรีบวางโทรศัพท์และเก็บใส่กระเป๋ากางเกงทันที แต่พอหันหลังจะเข้าห้องแค่นั้นแหละ
“เฮ้ย...ตกใจหมด ส้มมายืนทำอะไรตรงนี้อ่ะ” ก็ยัยส้มจิ๊ดน่ะสิครับ มายืนอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ มายืนยิ้มเห็นเหล็กดัดฟันอยู่ได้ ใจหายใจคว่ำหมด
“ก็ยืนฟังดินคุยโทรศัพท์อ่ะสิ ไหนบอกว่าไม่ใช้มือถือไง แล้วไอ้ที่คุยอยู่เมื่อกี้แล้วก็เก็บใส่ลงในกระเป๋าอ่ะ ไม่เรียกว่ามือถือเหรอ” เอ่อ มาอย่างงี้ พูดไม่ออกเลยจะบอกส้มไปยังไงดี จะให้เบอร์ไปผมก็ไม่อยากให้หรอกครับ อย่างน้อยทั้งเบอร์ทั้งเครื่อง พี่ไม้เป็นคนให้ผมผมยังถือว่าพี่ไม้เป็นเจ้าของอยู่ ไม่อยากให้ใครพร่ำเพรื่อ โดยเฉพาะส้มที่ผมเองก็รู้ดีอยู่แล้วว่า ส้มคิดกับผมแบบไหน
“เอ่อ ของพี่สาวน่ะ ให้ยืมใช้ เดี๋ยวก็ต้องคืนแล้ว ดินไม่ชอบใช้มือถือ ส้มก็รู้นี่ พอดีตอนนี้พี่เรามีปัญหานิดหน่อย ต้องโทรคุยกันบ่อย ไม่มีไรหรอก” ผมก็แถๆ ไปเรื่อยน่ะครับ เชื่อหรือไม่เชื่อยังไงก็ไม่อยากให้เบอร์ใครตอนนี้ครับ
“แน่ใจนะ ไม่ใช่ว่ามีอะไรปิดบังส้มอ่ะ ไม่งั้นส้มไม่ยอมจริงๆ ด้วย ดินก็รู้ใช่มั๊ย ส้มไม่ชอบคนโกหก!” ส้มคาดคั้นผมอยู่นานอยากได้เบอร์โทรผมแต่ผมก็ไม่ได้ให้ บางทีผมก็รำคาญอยากจะบอกเธอไปเหมือนกันว่าผมไม่เคยคิดอะไรกับเธอเกินเพื่อนเลย แต่ไม่อยากให้เธอคิดมากหรือต่อความยาวสาวความยืด ใจจริงแล้วไม่อยากโกหกนะครับ เมื่อถึงเวลาผมจะบอกเธอ เธอดีกับผม ช่วยทำรายงานหรือทำงานฝีมือให้ผมตลอด ตอนนี้ผมอาจจะเห็นแก่ตัว เห็นเธอเป็นเครื่องกำบังจากสายตาของคนอื่นที่อาจจะมองผมเป็นพวกผิดปกติหรือรักร่วมเพศ เรื่องผมกับพี่ไม้ก็รู้กันแค่ผม พี่ไม้ ไอ้สปา และไอ้เกมส์เท่านั้น และผมเองก็อยากให้รู้กันแค่นั้นจริงๆ ผมยังไม่อยากเป็นเป้าสายตาหรือโดนมองในแง่ไม่ดี แต่ถึงยังไงซักวันส้มก็ต้องรู้อยู่ดี แต่ขอเวลาผมทำใจหน่อยแล้วกัน เฮ้อ...
ตอนเย็นผมรีบกลับบ้านเห็นไอ้เกมส์นั่งกินข้าวอยู่ที่บ้านแล้ว เร็วจริงไอ้นี่ ถ้าเรื่องกินไม่เคยยอมแพ้ แต่มันก็ไม่อ้วนนะครับ มันกินเยอะก็จริง แต่มันก็ออกกำลังกายเยอะเหมือนกัน ไอ้เกมส์มันเป็นนักบาสครับ ตัวสูง ผิวขาว ตาตี๋ เหมือนลูกคนจีนทั่วไป แต่ตัวไม่ใหญ่มาก หน้าตาก็จัดว่าหล่อนะครับ (แต่น้อยกว่าผม อิอิ) บ้านมันเปิดเป็นร้านขายเครื่องยาจีน สมุนไพรจีน มันชอบมากินข้าวที่บ้านผม มันบอกกับข้าวบ้านมันอร่อยก็จริงแต่มีเฉพาะอาหารจืดๆ เลี่ยนๆ มันชอบกินรสจัดๆ แม่ผมทำกับข้าวอร่อย มันมาฝากท้องที่บ้านผมบ่อย จนเหมือนเป็นลูกอีกคนของแม่ ผมเดินเข้ามาในบ้านก็เห็นมันแต่ไกลแหละครับ
“โห มึง มาถึงก็กินเอาๆ วันนี้มาเร็วได้ ไม่มีซ้อมเหรอ” ทุกวันมันต้องซ้อมบาสก่อนครับ ช่วงนี้ไม่ใช่ช่วงต้องแข่งขันอะไร มันเลยซ้อมแบบชิลๆ บางทีก็หนีซ้อมเหมือนกัน
“วันนี้ขี้เกียจว่ะ หิว คิดถึงกับข้าวฝีมือแม่...ใช่มั๊ยครับแม่” มันบอกผมและหันไปตะโกนพูดกับแม่ที่กำลังเช็คของอยู่ที่ชั้นวางของซึ่งอยู่ไม่ไกลกันมากนัก
“จ้า กินเยอะๆเถอะลูก ดูเจ้าดินสิ กินน้อย ตัวเลยไม่โตซะที” เอาอีกแล้วแม่ผม พูดงี้อีกแล้ว น้อยใจนะเนี่ย
“อ้าวแม่ เอาอีกแล้วนะ พูดเรื่องนี้อีกแล้ว ก็ดินเล่นกีฬาไม่เก่งเหมือนไอ้เกมส์นี่ ว่าแต่มึงอ่ะ กินเสร็จยัง กูจะได้คุยธุระอีก” ผมนั่งลงตรงข้ามมัน และหยิบทอดมันปลามากินเล่นชิ้นนึง ฝีมือแม่ผม อร่อยแหมือนเดิมเลยนะเนี่ย
“มึงมีอะไรก็ว่ามาเลย กูจะฟังด้วยกินด้วย” ไม่ค่อยตะกละเลยเพื่อนผม
“ทั้งปีนะมึง...สอบเสร็จไปเที่ยวทะเลกัน” ไม่ต้องพิธีรีตรองอะไรมากนักหรอกครับกับเพื่อนผมคนนี้ รู้ใจกันดีแล้ว
“ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร ใครไปมั่ง” มาเป็นชุดเลยนะมึง แล้วไอ้ในปากที่เคี้ยวตุ้ยๆ เนี่ย มึงกลืนก่อนไม่ได้หรือไงวะ
“ต่างจังหวัดบ้านพักตากอากาศของพี่ไม้ ครอบครัวเค้าไปกันหมด พ่อ แม่ พี่ไม้ น้องเค้า แล้วก็กู” มันวางช้อนเสียงดังและเงยหน้ามองผม
“เฮ้ย ยกโขยงไปทั้งบ้านแบบนี้ มึงจะไปด้วยเนื่องในโอกาสอะไรวะ จะไปเปิดตัวหรือไง ”
“เชี่ยเกมส์ พูดไรระวังหน่อย เชี่ยนี่ แม่กูอยู่นะเว้ย เปิดตงเปิดตัวอะไรกัน ไอ้นี่....แล้วกูบอกมึงหรือยัง ว่าพี่ไม้กับไอ้ปาอ่ะ เป็นพี่น้องกัน” เพล้ง! ผมได้ยินเสียงช้อนหล่นลงบนจานเสียงดังจนแม่หันมามอง คงอยู่ไม่ได้แล้วครับ รีบเอาน้ำให้มันดื่มแล้วลากขึ้นห้องไปดีกว่า
“เมื่อกี้มึงบอกกูว่าพี่ไม้ของมึงกับไอ้สปาเพื่อนมึง เป็นพี่น้องกัน จะเป็นไปได้ไงวะ หน้าก็ไม่เห็นเหมือนกันเลย ตลกแระ” มันทำหน้ายังกะเห็นผีเลยครับ ดูตลกมากแต่ผมก็ไม่ได้ขำอะไร ผมเข้าใจความรู้สึกมันดีเพราะผมเคยรู้สึกแบบมันมาก่อน
“ไม่ตลกเว้ย เค้าเป็นพี่น้องกันจริงๆ พ่อเดียวกันแต่คนละแม่ กูก็เพิ่งรู้เมื่อไม่นานนี่แหละ กูเลยไม่กล้าไปคนเดียว มึงกะกูด้วยนะ นะๆๆๆ เพื่อนเกมส์นะ” ผมอ้อนมันครับ เอาหัวไถไหล่มันไปมาทำตัวเป็นลูกหมาน่ารักๆ เข้าไว้ เดี๋ยวมันก็ใจอ่อนเอง
“ไม่เอา ไม่อยากไปว่ะ ดูท่าทางไอ้สปานั่นมันชอบมึงไม่ใช่เหรอ แล้วอย่างนี้จะไม่เกิดศึกชิงนายเหรอวะ เชี่ยแระ กูไม่เอาด้วย น่ากลัวว่ะ” มันกระโดดหนีขึ้นไปนั่งอยู่บนเตียงแล้วครับ แล้วถ้าไอ้เกมส์ไม่ไป ผมจะทำยังไงดี ผมก็เลยเล่าเหตุการณ์ทุกอย่าง ทั้งที่ได้รู้จากปากที่ไม้ และคำพูดที่ไอ้สปามันเคยคุยกับผม รวมทั้งเหตุการณ์ที่มันมารับไปไหว้กระดูกแม่มัน แต่ไม่ได้เล่าเรื่องพี่ไม้จูบผมนะครับ อันนั้นข้ามไป
“แล้วนี่แกจะเอาไง เจอขนาดนี้แล้วยังจะไปอีกเหรอ ไม่เละเป็นศพกลับมาเหรอแก เฮ้อ...ไอ้ดินเอ๊ย”
“ก็มึงก็ไปกะกูดิ ไปเป็นเพื่อนกูหน่อย เรื่องเจอพ่อแม่พี่ไม้กูว่ากูเอาอยู่นะ แต่เรื่องไอ้ปากูไม่รู้จะทำยังไงดี ยังไงมึงก็ไปเป็นเพื่อนกูหน่อยเหอะ นะเพื่อนนะ ไม่กี่วันเอง มีมึงไปด้วยกูได้อุ่นใจ ไม่งั้นบรรยากาศมันแปลกๆ ว่ะ ดูมาคุ น่ากลัวไงไม่รู้” ผมก็คะยั้นคะยอมันอยู่นานครับ มันอ่อนใจกับผมก็เลยตอบตกลงจะไปด้วย ผมดีใจมากกอดคอเพื่อนรักด้วยความดีใจ
“เฮ้ย ๆๆ ไม่ต้องกอด กูไม่ใช่พี่ไม้ของมึง” ไอ้นี่หวงตัว ไม่อยากกอดหรอกเว้ย
“ไอ้นี่ กูไม่ได้พิศวาสมึงหรอก กูก็แค่ดีใจ ขอบใจว่ะเพื่อน” ผมรีบโทรไปบอกพี่ไม้ว่าไอ้เกมส์จะไปด้วย พี่ไม้ไม่ว่าอะไร บอกดีเหมือนกัน ไปหลายๆ คนสนุกดี ผมจะได้มีเพื่อนด้วย แต่ดูจากอาการของไอ้เกมส์แล้ว มันคงไม่อยากไปเท่าไหร่ แต่ทำไงได้ มันไม่กล้าขัดใจผมนี่นา...
วันนี้สอบเสร็จวันสุดท้ายแล้วครับ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมาไม่ได้เจอกับพี่ไม้เลย มีแต่ข้อความที่ส่งหากันเท่านั้น แต่ก็ดีนะครับ ผมชอบที่จะอ่านข้อความนั่นซ้ำๆ มากกว่าจะพูดจากันซะอีก และพี่ไม้ก็เหมือนกับรู้ใจผม ช่วงอ่านหนังสือสอบก็ไม่โทรหาผมเลย ผมออกจากห้องสอบวิชาสุดท้ายเป็นวิชาที่ผมถนัดก็เลยทำเสร็จเร็ว ผมเดินออกจากห้องสอบไปนั่งอยู่ตรงศาลาข้างโรงอาหาร ที่ๆ ผมมานั่งรอพี่ไม้บ่อยๆ นั่นแหละครับ สักพักพี่ไม้ก็เดินมาหาผม
“ดิน สอบเสร็จนานแล้วเหรอ” พี่ไม้พูดพร้อมกับนั่งลงข้าง ๆ
“ครับ พี่ไม้ล่ะครับ” ผมถ้ามพี่ไม้บ้าง
“เสร็จแล้วครับ อืม...พรุ่งนี้เช้าให้พี่ไปรับที่บ้าน หรือว่าดินจะไปนอนบ้านพี่ดี” หือ นอนที่บ้าน อย่าดีกว่าผมยังไม่พร้อม
“พี่ไม้มารับดินที่บ้านก็ได้ครับ ไอ้เกมส์มันจะมานอนกับดินด้วย” ผมบอกไอ้เกมส์แล้วว่าเย็นนี้ให้มันมานอนบ้านผม
“พี่อยากเป็นเกมส์จังเลยอ่ะ ได้อยู่ใกล้ๆ ดินตลอด อิจฉานะเนี่ย” พี่ไม้พูดทีเล่นทีจริง หัวเราะนิดๆ สายตามองผมแบบงอนๆ
“ไอ้เกมส์น่ะ เพื่อนรัก แต่พี่ไม้ไว้ใจเถอะ ดินไม่มีวันรักเพื่อนเกินกว่าเพื่อนได้หรอก” ผมคิดแบบนั้นจริงๆ นะครับ ผมรักไอ้เกมส์แต่เป็นรักแบบเพื่อน ที่ไม่เหมือนกับความรักที่ผมมอบให้พี่ไม้
“หึหึ พี่รู้ ว่าดินเป็นยังไง เอาไว้เมื่อดินพร้อม พี่จะหอบผ้าไปอยู่กับดินด้วยนะ ดีมั๊ย” เฮ้ย ไม่เอา
“เรื่องไรล่ะ บ้านตัวเองก็มี จะมาอยู่บ้านดินได้ไง”
“พี่ยังไม่ได้บอกเลย ว่าจะไปอยู่บ้านดินอ่ะ” อะไรของเค้า พูดอะไรงงๆ ไม่เข้าใจ
“หมายความว่าไงอ่ะ...” เอาให้ชัดเจนสิครับเพ่ ผมงงนะ
“ไม่มีไรหรอก ป่ะ วันนี้พี่ไปส่งที่บ้าน พี่เอารถมา” พี่ไม้ลุกขึ้นผมก็ลุกตามและเดินไปที่จอดรถที่จอดอยู่ที่เดิม แต่ก่อนเดินไปถึง ผมได้ยินเสียงเรียกตะโกนมาจากข้างหลัง
“ดิน ๆ ๆ รอก่อน ดิน” ผมหันไปมอง ส้มน่ะเอง วิ่งกระหืดกระหอบตรงมาที่ผม
“อ้าว ส้ม มีอะไรเหรอ” ดูท่าทางเหมือนมีเรื่องอยากจะคุยกับผม สำคัญถึงขนาดต้องวิ่งมาขนาดนี้เลยเหรอ
“สอบเสร็จแล้ว ส้มจะชวนดินไปกินข้าว แล้วก็ดูหนังต่ออ่ะ ไปกับส้มนะ” ส้มพูดพร้อมกับยื่นมือมาแตะข้อศอกผม ผมหันไปมองพี่ไม้ พี่เค้าทำหน้าแบบบอกไม่ถูก หันไปทางส้มรึก็เร่งเร้าผมอยู่ได้ ส้มหันไปมองพี่ไม้แล้วส่งยิ้มให้ และหันมาคุยกัยผมต่อ
“ไปกับส้มเถอะดิน ปิดเทอมไม่เจอกันหลายวัน ส้มคิดถึงดินแย่เลย นะ” ผมลำบากใจแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง ก่อนที่ผมจะพูดหรือตัดสินใจอะไร พี่ไม้ก็รีบพูดขึ้นก่อน
“งั้นไปกันทั้งสามคนเลยดีกว่า พี่ก็กำลังจะพาดินไปกินข้าวเหมือนกัน น้องเอ่อ...น้องส้ม ไปด้วยกันก็ได้นะครับ” พี่ไม้พูดพร้อมหันไปชวนส้ม โดยที่ผมเองก็คาดไม่ถึง และไม่รู้ว่าพี่ไม้คิดอะไรอยู่ถึงได้ทำแบบนี้
“เหรอคะ เกรงใจพี่แย่เลย พี่เป็นเพื่อนของดินเหรอคะ ส้มนะคะ เป็นแฟนของดินค่ะ” พี่ไม้ตกใจเล็กน้อย สีหน้าเปลี่ยนเป็นแปลกใจและหันมาทางผม ตอนนี้ผมพูดอะไรไม่ออกครับ ผมขอตัวส้มผละจากส้ม ลากพี่ไม้ไปคุยอีกมุมหนึ่ง บอกส้มว่ามีธุระจะคุยกับพี่ไม้สองคน เมื่อคิดว่าห่างจากส้มพอสมควรแล้ว ผมก็รีบพูดทันที
“พี่ไม้ฟังดินก่อนนะ คือส้มเค้าอ่ะ...”
“ไม่ต้องพูดหรอก พี่รู้ พอดูออก ถ้าบอกเค้าตรงๆ ไม่ได้ ดินก็ควรจะเลี่ยงๆ เค้าบ้างนะ ดูก็รู้ว่าเค้าชอบดินมากแค่ไหน พี่เข้าใจนะ แต่ไม่รับปาก ว่าจะทนได้นานหรือเปล่า” โล่งอกครับ อย่างน้อยพี่ไม้ก็เข้าใจอะไรง่ายๆ และผมเองก็จะได้สบายใจ ผมแนะนำให้ส้มรู้จักพี่ไม้โดยบอกว่า เป็นเพื่อนรุ่นพี่ที่โรงเรียนเก่า พี่ไม้พาผมกับส้มนั่งรถไปด้วยกัน เราแวะห้างเพื่อกินข้าว ตอนกินข้าวส้มก็มานั่งข้างๆ ผม ช่วยเช็ดปากบ้าง เอาน้ำให้ดื่มบ้าง พี่ไม้ซึ่งนั่งตรงข้ามผมก็มองตามตลอด แต่ไม่พูดอะไร สักพักผมรู้สึกเหมือนมีขาใครมาถูไปถูมาที่ขาผม แต่ก็ไม่กล้าก้มดู ในใจผมคิดว่าต้องเป็นพี่ไม้แน่ๆ พอผมเงยหน้ามอง พี่เค้าก็ยักคิ้วให้ ผมถลนตาใส่บอกให้รู้ว่าอย่าทำแบบนี้ แต่พี่เค้าก็ไม่ฟังหรอกครับ ผมจึงแกล้งเอามือลงไปหยิกที่ขาซะเลย
“โอ้ย...” พี่ไม้ร้องเสียงลั่น
“พี่ไม้เป็นอะไรเหรอคะ” ส้มทำท่าตกใจ หันไปถามพี่ไม้ ที่ตอนนี้ทำหน้านิ่วพร้อมกับเอามือจับแล้วก็ถูๆ ขาที่โดนผมหยิกเข้าให้
“เปล่าครับ สงสัยมดกัน”
“หือ มดกันเหรอคะ ในห้างเนี่ยนะคะ” ส้มถามย้ำพี่ไม้อีกครั้ง ผมฟังแล้วก็หัวเราะครับ ทำหน้าเบ้ใส่พี่เค้าด้วย แต่ไม่พูดอะไร
“ครับน้องส้ม พี่ว่าเดี๋ยวพี่คงต้องจัดการมดตัวนี้ซะหน่อยแล้ว เอาให้เดินไม่ไหวเลย” พี่ไม้ยิ้มและทำหน้าตาเจ้าเล่ห์มาทางผม ผมทำไม่รู้ไม่ชี้ ไม่สนใจ และชวนส้มคุยเรื่องอื่น ส้มอยากไปดูหนัง แต่ผมไม่อยากดูครับ คือมันทำตัวไม่ถูก เกรงใจพี่ไม้แต่ก็กลัวส้มเสียใจ ผมเลยบอกส้มว่ามีธุระด่วนที่บ้านจึงขอกลับก่อน ส้มก็เลยไม่ดูไปด้วย พี่ไม้จึงไปส่งส้มกับผมที่บ้าน อันที่จริงบ้านผมอยู่ใกล้กว่า แต่พี่ไม้ให้เหตุผลว่าต้องไปทำธุระแถวบ้านส้ม (ธุระกันเยอะจริง) จึงวนไปส่งส้มก่อน หลังจากไปส่งส้มที่บ้านแล้ว ผมก็นั่งเงียบมาตลอดทาง จนพี่ไม้ต้องเอ่ยถาม
“เป็นอะไรไป ส่งแฟนถึงบ้านแล้วไม่พูดพี่กับเลยนะ หึหึ”
“ฟงแฟนที่ไหนเล่า ดินไม่เคยคิดอะไรกับส้มเลยนะ ...แต่ไม่รู้จะบอกส้มยังไงดี” ผมหันไปบอกคนขับที่นั่งข้างๆ
“จะบอกอะไรก็รีบๆ บอกนะ ถ้าเค้ามารู้ทีหลังว่าแฟนเค้าเป็นแฟนพี่ละก็ แย่แน่ๆ” พี่ไม้พูดแบบล้ๆ นะครับ ที่พี่ไม้ว่ามันก็จริง ผมต้องตัดสินใจทำอะไรซักอย่างแล้ว
“หรือดินจะให้พี่บอกเอง” เฮ้ย ไม่เอาๆ
“ไม่ต้องๆ เดี๋ยวดินคุยกับส้มเอง แต่หวังว่าส้มเค้าคงเข้าใจนะ”
“อ่ะ ถึงบ้านแล้ว พรุ่งนี้พี่จะมารับแต่เช้า ฝันดีนะครับ” ถึงบ้านแล้วครับ ผมกำลังจะลงจากรถอยู่แล้ว พี่ไม้ก็เรียกอีก
“ดิน!”
“หือ มีไร โอ๊ะ!” พี่ไม้ยื่นหน้าเข้ามาใกล้พอผมหันกลับมาหน้าผมก็เจอะกับริมฝีปากที่รออยู่ก่อนแล้ว ผมตกใจนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้โกรธพี่เค้าหรอกนะครับ กลัวใครเห็นมากกว่า
“ทำไรอ่ะ เดี๋ยวมีคนเห็น พี่ไม้อ่ะ” ผมต่อว่าพี่ไม้ ในใจรู้สึกตื่นเต้น ร้อนวูบวาบไปหมด แต่ก็รู้สึกดีนะครับ
“ทำโทษที่หยิกพี่เมื่อกี้ แล้วก็ กู๊ดไนท์คิส ฝันดีนะครับ คนเก่ง” พี่ไม้บอกลายิ้มๆ ผมเดินเข้าบ้านไปด้วยอาการอารมณ์ดีแต่ก็บวกกับกังวล นี่มันยังไม่มืดเท่าไหร่เลยนะดีที่พี่ไม้จอดรถก่อนจะถึงบ้านไม่งั้นถ้าใครมาเห็นเข้าผมคงหัวใจวายกว่านี้แน่
“ดิน” ห๊า เสียงแม่
“เมื่อกี้ใครมาส่งเหรอลูก” ชิหายแระ!
----------------------