[เรื่องสั้น] Inspiration of Flood ภาพฝัน…วันน้ำท่วม [3/11/54]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น] Inspiration of Flood ภาพฝัน…วันน้ำท่วม [3/11/54]  (อ่าน 10656 ครั้ง)

Pizeiro

  • บุคคลทั่วไป
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน

ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-11-2011 20:08:22 โดย Pizeiro »

Pizeiro

  • บุคคลทั่วไป
Inspiration of Flood ภาพฝัน…วันน้ำท่วม



   ผมแค่อยากจะให้เวลาเดินช้ากว่านี้…
   ผมแค่อยากจะให้ทุกคนได้เข้าใจอะไรมากกว่านี้…
   ผมก็แค่ …
   คนธรรมดาคนหนึ่ง จะมีสิทธิ์ไปขออะไรได้มากมายขนาดนั้นกันล่ะ ?



   “ ไอ้เฟียร์ รีบๆขนของสิ มึงจะยืนเก๊กท่าเป็นพระเอกเอ็มวีอีกนานมั้ย ” ไอ้ปอร์เช่ เพื่อนสนิทของผมตั้งแต่ชั้นประถมจนถึงมหาวิทยาลัย ตะโกนเรียกผมในขณะที่ผมกำลังยืนเหม่อมองสายน้ำที่กำลังไหลเอื่อยๆเบื้องหน้า สายน้ำได้เข้าท่วมเกือบทุกพื้นที่ในกรุงเทพมหานคร ทำให้ผมและเพื่อนๆต้องรีบขนย้ายของจากหอพักนักศึกษาไปพักบ้านไอ้ปอร์เช่ที่จังหวัดชลบุรี
   “ เออ…ไปเดี๋ยวนี้แหละ ” ผมรีบยกกล่องใส่ข้าวของเครื่องใช้จำเป็นที่พอจะรวบรวมได้ในระยะเวลาเพียงไม่นาน เพราะเมื่อคืนน้ำได้ไหลเข้ามาถึงบริเวณหอที่ผมอยู่จนถึงรุ่งสางน้ำก็ท่วมจนเกือบถึงชั้นสองแล้ว
   “ เฮ้ย…ไอ้เฟียร์ วันมึงไปรับน้องแพรหน่อยได้มั้ย เห็นบอกว่าจะรออยู่ที่คอนโด..xxx น่ะ ” ไอ้ชัยมันหันหน้ามาพูดกับผม ส่วนมือมันก็กำลังยกของขึ้นท้ายรถจนเป็นระวิง แล้วน้องแพรที่ว่านี่ก็หมายถึงแฟนสาวของไอ้ชัยที่เพิ่งคบกันมาได้ประมาณหกเดือนครับ แต่ความหวานที่ก็เกินบรรยายครับ เหมือนคู่รักที่เพิ่งฮันนีมูนกันมาหมาดๆ ผมนึกแปลกใจว่าทำไมไอ้ชัยมันไปรับเอกง ทั้งๆที่มันก็ออกจะรักน้องแพรขนาดนั้น ขนาดที่ว่าเรียนคนละมหาวิทยาลัยกันมันก็ยังมีเวลาไปรับไปส่งน้องแพรได้ทุกวัน
   “ ทำไมมึงไม่ไปรับเองวะ ” ผมแหกปากถามไอ้ชัยแข่งกับเสียงรถบรรทุกที่วิ่งฝ่าน้ำจนสาดกระเซ็นมาทางที่พวกผมยืนที่ยืนขนของอยู่
   “ ไอ้เหี้ยเอ้ยยยย เห็นมั้ยว่ามีคนยืนหัวโด่อยู่เนี่ย ” ไอ้ปอร์เช่สบถด่ารถบรรทุกคนนั้นพร้อมกับยกนิ้วกลางให้คนขับ ซึ่งผมก็ค่อนข้างจะปลงกับนิสัยของคนพวกนี้แล้วครับ ที่ไม่เห็นใจคนอื่นเห็นแก่ประโยชน์ของตนเอง เหมือนกับสังคมสมัยนี้ที่บางคนก็เห็นแต่ประโยชน์ส่วนตัว ไม่เหลียวแลคนรอบข้าง จ้องแต่จะตักตวงผลประโยชน์โดยไม่ลืมหูลืมตา หากไม่เกิดสถานการณ์น้ำท่วมนี้ก่อน ผมก็สงสัยเหมือนกันว่าคนพวกนี้จะตักตวงผลประโยชน์ไปได้มากน้อยแค่ไหนกัน
   …มนุษย์ก็เป็นแบบนี้เสมอแหละ
   “ ไอ้เฟียร์กูสั่งให้มึงไปรับน้องแพร กูไม่ว่างเนี่ย เดี๋ยวแม่กูก็สั่งให้กูไปขนของที่บ้านแถวๆรังสิตอีก ถ้ากูไปช้ากูได้โดนแม่กูสวดยาวแน่ มึงจะไปหรือไม่ไป ” ไอ้ชัยทำท่าฟึดฟัดใส่ผม ซึ่งผมพยักหน้าเข้าใจทันทีว่าที่แท้ให้ชัยมันก็กลัวแม่ของมันนี่เอง เพราะแม่ของไอ้ชัยนี่จะออกแนวห้าวๆแบบถึงไม้ถึงมือ และถ้าลูกชายคนเดียวของตัวเองทำอะไรให้ไม่พอใจแล้วล่ะก็…หึหึ…คงรู้ละครับว่าไอ้ชัยจะโดนอะไรบ้าง ทำให้ผมต้องรีบเดินฝ่าน้ำไปยังลานจอดรถที่น้ำไม่ท่วม พร้อมกับขี่รถฝ่าสถานการณ์น้ำท่วมออกไปช้าๆ
   รถของผมมาจอดเทียบหน้าคอนโดแถวๆใจกลางเมืองแห่งหนึ่ง ผมเดินขึ้นบันไดหนีไฟขึ้นไปยังห้องของน้องแพรที่ไอ้ชัยมันได้บอกมา เมื่อถึงหน้าห้องผมก็ยกมือขึ้นเคาะประตูเพราะคิดว่าน้องแพรน่าจะเก็บของเสร็จหมดเรียบร้อยแล้ว
   “ ค่า รอแป๊บนะคะ ” เสียงเจื้อยแจ้วของน้องแพรดังลอดมาจากในห้อง ผมยืนยิ้มให้กับความน่ารักสดใสของน้องเพราะในสถานการณ์น้ำท่วมแบบนี้ คงมีน้อยคนนักที่จะยิ้มออกมาจากใจได้จริงๆ
   “ ตุบ!!! ” ทันใดนั้นผมก็ได้ยินเสียงเหมือนของแข็งร่วงกระทบพื้น เสียงนั่นไม่ได้มาจากห้องของน้องแพร แต่มันมาจากห้องข้างๆที่อยู่ติดกันต่างหาก
   “ แควก!!! ” เสียงเหมือนกับเล็บครูดไปตามพื้นเบี่ยงเบนความสนใจของผมไปจนไม่ได้ยินเสียงจากห้องของน้องแพรเลยแม้แต่น้อย
   “ ปัง!!! ” เสียงนั้นดังขึ้นมาอีกครั้ง ผมค่อยๆเดินไปจนถึงหน้าประตูห้องนั้น พร้อมกับหยุดยืนมองบานประตูสีครีมอ่อนสักครู่หนึ่ง
   “ ช่วย…ด้วย! ” เสียงแหบพร่าดังมาจากห้องนั้น ผมผงะถอยหลังทันที เพราะเสียงนั้นฟังดูน่ากลัวจนทำให้ผมรู้สึกเย็นวาบไปทั่วทั้งตัว ผมยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะแตะมือลงบนลูกบิดประตูอย่างกล้าๆกลัวๆว่าจะเข้าไปดูดีมั้ย เค้าจะหาว่าเราไปยุ่มย่ามเรื่องของคนอื่นหรือเปล่า
   “ พี่เฟียร์จะทำอะไรคะ !?!?! ” เสียงน้องแพรดังมาจากข้างหลังผมทำเอาผมสะดุ้ง น้องแพรเดินมายืนข้างๆผมพร้อมกับเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
   “ เขาน่าสงสารนะคะ ” น้องแพรพูดออกมาแต่สายตาของน้องกลับมองไปที่บานประตูนั้นเหมือนกับผม
   “ น้องหมายถึงใครหรอ ” ผมถามแบบงงๆ
   “ คนในที่อยู่ห้องนี้นะค่ะ เค้าประสบอุบัติเหตุรถคว่ำเมื่อหลายเดือนก่อน ทำให้ขาเป็นอัมพฤกษ์เดินไม่ได้ จากนั้นพ่อแม่ของเค้าก็ทิ้งเค้าไว้ในคอนโดนี้คนเดียวโดยไม่ได้กลับมาดูแลบ้างเลย แค่เอาเงินค่าใช้จ่ายมาให้เดือนละครั้งเท่านั้นเอง ” น้องแพรเอ่ยขึ้นมาเบาๆ ท้ายประโยคดูเหมือนว่าจะพูดออกมาลำบาก สังเกตจากน้ำเสียงของน้องที่ค่อนข้างแผ่วเบาไปมากเลยทีเดียว
   “ …แล้วใครหาข้าวหาปลาให้เค้ากินกันล่ะ ” ผมยังไม่เลิกสงสัย จึงถามออกไปต่อ
   “ ไม่มีหรอกค่ะ จะมีก็แต่…น้าสาวของเขาที่สองสามวันจะเข้ามาหาที ”
   “ น่าสงสารเนอะ ” ผมถอนหายใจแบบปลงๆกับเรื่องที่น้องแพรได้เล่าออกมา เพราะโลกมันเป็นแบบนี้ยังไงล่ะ คนที่อยู่สูงก็อยู่สูงจนใครหลายคนเอื้อมไม่ถึง ส่วนคนที่อยู่ต่ำก็ต่ำเสียจนไม่มีใครเหลียวแล
   “ ไปกันเถอะค่ะ ” น้องแพรสะกิดผมเบาๆ จากนั้นผมก็เดินตามหลังน้องแพรไปเงียบๆพลางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
   

   ผมยืนอยู่ที่ลานจอดรถพร้อมกับช่วยน้องแพรขนของขึ้นรถ หลังจากที่เรายกประเป๋าสัมภาระของน้องแพรขึ้นรถแล้ว ผมก็เหลือบไปเห็นบานหน้าต่างชั้นสอง ซึ่งอาจจะเป็นห้องข้างๆของน้องแพร ปรากฏใบหน้าของผู้ชายคนหนึ่งผ่านทางกระจก สายตาของเขาเหม่อลอยพลางทอดออกไปในท้องฟ้าที่ค่อนข้างจะครึ้มไปด้วยเมฆฝน ใบหน้าของเขาขาวซีดราวกับไม่เคยถูกแสงแดด ผมสังเกตเห็นเสื้อผ้าที่เขาสวมอยู่ยับยู่ยี่ หากจะมองให้ละเอียดไปมากกว่านี้รอยยับนั่นแท้จริงแล้วคือรอยขาดเสียมากกว่า
   “ น้องแพรยืนรอพี่ตรงนี้แป๊บนึงนะ ” ในที่สุดผมก็อดทนต่อไปไม่ไหว สองขาพาผมเดินขึ้นบันไดไปจนถึงห้องที่ผมเห็นผู้ชายคนนั้น อย่างที่ผมคิดเอาไว้ไม่มีผิดเมื่อผู้ชายคนนั้นคือคนที่น้องแพรเล่าให้ฟังเมื่อกี้นั่นเอง ผมยกมือขึ้นเคาะประตูอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไร้ซึ่งคนมาเปิดให้
   ผมยกมือแตะลูกบิดด้วยความรู้สึกที่สับสนต่างนานา แต่ไม่นานประตูก็ถูกเปิดออกจากด้านใน เผยให้เห็น…
   …พระเจ้า!!! นี่มันไม่ใช่เรื่องจริงแน่ๆ
   ร่างกายของผู้ชายคนนั้นเต็มไปด้วยบาดแผลจนเสื้อผ้าขาดวิ่น ร่างของเขาอยู่บนพื้นห้องที่มีรถเข็นสำหรับคนพิการที่ตั้งอยู่ไว้ไม่ไกล ผมจึงนึกสงสัยขึ้นมาว่าทำไมเขาถึงไม่ใช่รถเข็น แล้วรอยแผลบนตัวเขาอีก นี่มัน…อะไรกัน
   “ สะ...สวัสดี ” ผมพูดออกมาอย่างเก้ๆกังๆ
   “ …. ” ผู้ชายคนนั้นมองหน้าผม ดวงตาสีดำขลับของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ผมอ่านไม่ออก
   “ ผมชื่อ…เฟียร์ ” ดูจากรูปร่างและหน้าตาแล้ว ผู้ชายคนนั้นน่าจะอายุมากกว่าผมสักปีสองปีเห็นจะได้ ส่วนสูงที่น่าจะมากกว่าผมประมาณเกือบสิบเซนเท่าที่ผมสังเกตดู
   “ บะ....บาส ” เขาคนนั้นแค่นเสียงออกมาจากลำคออย่างยากลำบาก ผมสังเกตเห็นเล็บของเขากุดเข้าไปจนเห็นเนื้อที่ปูดออกมา แสดงว่าเสียงครูดที่ผมได้ยินอาจจะเป็นเสียงจากเล็บของเขาก็เป็นได้
   “ นายอยู่ในนี้หรอ ” ผมถามพลางประคองเขาไปนั่งบนรถเข็นคนพิการ หัวใจของผมเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความสงสาร  ส่วนอีกใจก็อดที่จะนึกรังเกียจความไม่ยุติธรรมบนโลกใบนี้ไม่ได้เหมือนกัน
   “ …. ” บาสไม่ตอบ หากแต่พยักหน้าเบาๆแทนคำตอบว่า ‘ใช่’
   “ นายไม่อยากออกไปข้างนอกหรอ ” ผมพาบาสไปนั่งข้างๆหน้าต่างแล้วเปิดผ้าม่านให้กว้างที่สุดจนเห็นท้องฟ้าสีเทาหม่นเต็มสายตา เฉกเช่นกับหัวใจของผมตอนนี้
   “ อยาก…แต่ ออกไปไม่ได้ ” ผมไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่บาสพูดออกมามากนัก แต่ก็พอจะจับใจความได้ว่าคงจะเป็นเพราะเขาเดินไม่ได้เขาถึงออกไปไม่ได้ละมั้ง
   “ แล้วนายไม่ออกไปจากที่นี่หรอ น้ำกำลังจะท่วมนะ ถ้าน้ำท่วมแล้ว...เรื่องอาหารการกินจะลำบากขึ้น แล้วนี่…. ” ผมรีบกลืนคำพูดที่จะพูดต่อลงไปในลำคออย่างรวดเร็ว เพราะว่าถ้าผมถามออกไปก็ดูเหมือนจะยิ่งสร้างแผลให้กับคนตรงหน้ามากขึ้นเท่านั้น
   ‘แล้วนี่...ไม่มีคนมาคอยดูแลนายเลยหรอ’
   ผมตั้งใจจะพูดออกไปแบบนั้นทั้งๆที่ก็รู้คำตอบอยู่แล้ว แต่ผมก็อยากจะยืนยันให้แน่ชัดว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆหรือเปล่า
   “ ฉันอยู่ที่นี่คนเดียว ” จู่ๆบาสก็พูดขึ้นมาทำลายความเงียบ
   “ แล้ว... ”
   “ ไม่มีใครมาสนใจฉันหรอก ฉันก็แค่คนพิการ ” รอยยิ้มขมขื่นที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของบาสนั้นช่างดูไม่เหมาะกับเขาเลยสักนิดเดียว เพราะผมพยายามจะจินตนาการเวลาที่บาสยิ้มอย่างคนปกติทั่วไป รอยยิ้มของเขาต้องสว่างไสวและเจิดจรัสเหมือนกับดวงอาทิตย์แน่ๆ
   “ ฉันอยากเห็นทะเล น้ำทะเลที่สะท้อนแสงอาทิตย์ ” จู่ๆบาสก็พูดต่อราวกับว่าเขาไม่เคยพูดเรื่องนี้ให้ใครฟังมาก่อน ดวงตาสีดำขลับของเขาทอดออกไปไกลราวกับตัวเขากำลังจินตนาการว่าได้ยืนอยู่บนหาดทรายจริงๆ
   “ งั้นเราก็ออกไปจากที่นี่กัน ฉันกำลังจะไปชลบุรี นายจะไปกันฉันไหม ” ความสงสารที่ก่อตัว ทำให้ผมเอ่ยปากชวนออกไป ทั้งๆที่รู้ว่ามันเป็นการยากที่จะพาคนที่เพิ่งรู้จักกันไปไหนต่อไปในระยะเวลาอันสั้นแบบนี้ แต่ผมก็แค่ … อยากทำความปรารถนาของคนตรงหน้าให้เป็นจริงขึ้นมาก็เท่านั้น
   …เพราะว่าผมสงสารยังไงล่ะ
   บาสมีปฏิกิริยามากกว่าที่ผมคิด เมื่อใบหน้าของเขาปรากฏรอยยิ้มแห้งๆที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน แต่นั่นก็ดูเหมือนจะทำให้เขาคลายความกังวลได้ไม่มากก็น้อย
   “ ฉัน… ”
   “ เอาน่า ไม่ต้องคิดไรมากๆ ” ผมตบบ่าบาสเบาๆ เจ้าตัวก็หันมายิ้มให้ผม เป็นรอยยิ้มที่สว่างไสวแบบที่ผมวาดภาพเอาไว้ไม่มีผิดเพี้ยน
   




   ไม่คิดว่าเรื่องมันจะกลายมาเป็นแบบนี้ หลังจากที่ผมเอาบาสติดรถมาทะเลด้วยเหตุผลที่ค่อนข้างจะไม่เป็นเหตุผลสักเท่าไร ผมต้องปั้นน้ำเป็นตัวบอกกับเพื่อนๆว่าบาสอยากมาเที่ยวทะเลแล้วผมก็อยากจะได้เพื่อนเล่นตอนอยู่ที่นี่ด้วย แม้ว่าคำโกหกคำโตของผมมันจะไม่น่าเชื่อเลยก็ตาม แต่พวกเพื่อนของผมก็เลือกที่จะไม่พูดเรื่องส่วนตัวของผมออกมาเลยนับตั้งแต่เรามาถึงที่นี่
   แต่ความจริงแล้ว สาเหตุจริงๆที่ผมพาบาสมาที่นี่ก็คือ … ผมสงสารบาส
   เป็นเหตุผลที่ผมจะไม่มีวันพูดออกมาให้ใครได้ยินเป็นอันขาด เพราะกลัวว่าคำพูดนี้อาจจะไปทำร้ายใครคนหนึ่งเข้าโดยที่มีผมเป็นต้นเหตุ
   “ ชอบที่นี่ไหม ” ผมไม่เข้าใจตัวเองจริงๆว่าความสงสารของผมนั้นถึงขนาดพาคนที่เพิ่งรู้จักมาด้วยกันได้ง่ายๆแบบนนี้เลยหรอ? มันจะใช่ความสงสารอย่างที่ผมรู้สึกจริงๆหรือว่า หรืออาจจะมีบางอย่างที่ผมคิดไม่ถึงอีก ?
   หรือว่าอาจจะเป็นเพราะ…บาสก็ไว้ใจผม
   ผมส่ายหัวสลัดความคิดนั่นเอาไป เพราะใจผมก็คิดเพียงอย่างเดียวว่า … ผมอยากจะทำให้คนๆหนึ่งได้ยิ้มออกมาอย่างมีความสุขก็เท่านั้น
   “ ชอบมากเลยล่ะ ”  ผมหันหน้ามาพูดกับผมขณะที่ตนเองนั่งอยู่บนรถเข็นคนพิการ แต่ใบหน้าของเขาดูไม่เหมือนคนพิการเลยสักนิด คิ้วเข้มๆที่รับกับสันจมูกโด่งของเขาขับให้ใบหน้าของเขาดูมีเสน่ห์ยามอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์ ริมฝีปากบางๆที่ดูเหมือนจะยกยิ้มขึ้นน้อยๆทำให้ผมอดที่จะยิ้มตามเขาด้วยไม่ได้
   ตอนนั่งมองท้องทะเลกับบาสผมก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ผมรีบวิ่งเข้าไปในบ้านพร้อมกับหยิบกระเป๋าสัมภาระของตนเอง ควานหาของบางอย่างที่อยู่ในนั้น
   ผมหยิบเอาสมุดวาดรูปปกแข็งออกมาจากกระเป๋า พร้อมกับสีอะคริลิคติดมือออกมาด้วย แล้วก็อุปกรณ์วาดรูปนิดๆหน่อยๆที่ผมเอาออกมาเผื่อ
   ผมทิ้งตัวลงนั่งเยื้องๆกับบาส พร้อมกับจัดแจงอุปกรณ์วาดรูปให้เข้าที่ จากนั้นผมก็ลงมือวาด ภาพของบาสกับท้องทะเลแห่งนี้
   “ ทำอะไรหรอ ” บาสชะโงกหน้ามามองผมแล้วทำหน้าสงสัย คิ้วของเขาขมวดเล็กน้อย จนผมต้องเอามือไปนวดคลึงให้คลายออกจากกัน
   “ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ เดี๋ยวภาพออกมาไม่สวยกันพอดี ” ผมตวัดดินสอลากเป็นลายเส้นคร่าว ๆจากนั้นก็เริ่มลงรายละเอียดลงไปทีละน้อย จากนั้นก็ค่อยๆลงสีให้ดูสมจริงมากที่สุด
   เวลาผ่านไปเกือบสี่ชั่วโมง ภาพวาดที่ผมตั้งใจจะวาดก็ออกมาเสร็จสมบูรณ์ มันคือภาพของบาสที่กำลังนั่งกอดเข่ามองดูดวงอาทิตย์ยามเย็นที่จรดกับผืนน้ำที่กับทอประกายแข่งกัน แต่สิ่งที่พิเศษที่สุดสำหรับภาพวาดนี้ก็คือ…บาสไม่ได้นั่งอยู่บนรถเข็นคนพิการ แต่เขากับนั่งอยู่บนขาของตัวเอง
   …เขาจะต้องเป็นแบบนั้นในอีกไม่ช้า ผมมั่นใจ
   ผมภาวนาในใจก่อนจะยื่นภาพวาดที่วาดเสร็จแล้วให้คนตรงหน้าดู ดวงตาสีดำขลับเปล่งประกายวิบวับราวกับเด็กที่ได้ของเล่น
   “ เฟียร์ … ” บาสจ้องหน้าผมไม่วางตาจนผมรู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ
   “ ผมให้!!! ” ผมยื่นภาพวาดให้กับบาส แต่ทำไมมันดูเหมือนว่ารุ่นน้องกำลังให้ดอกไม้แก่รุ่นพี่ที่แอบชอบไปซะได้หว่า อ๊ะ!ช่างมันเถอะ
   “ ขอบใจนะ ” บาสส่งยิ้มมาให้ผม ทำให้นั้นก็ดึงมือของผมเข้าไปจับ มือของบาสอุ่นมากในเวลานี้ บวกกับลมจากทะเลที่พัดหอบเอาความไม่สบายใจของผมไปจนหมดสิ้น ผมหลับตาลงพร้อมกับสูดกลิ่นอายนี้เพื่อให้ซึมซับไว้ให้นานที่สุด
   “ ฉันอยากหยุดเวลาเอาไว้อย่างนี้ ” ผมเหมือนจะได้ยินเสียงพึมพำเบาๆของบาส แต่ผมก็ทำเป็นไม่สนใจ เพราะสิ่งเดียวที่ผมสนใจที่สุดในตอนนี้ก็คือ…ผมสามารถทำให้คนๆหนึ่งยิ้มอย่างมีความสุขได้แล้ว
   





   หลังจากที่ผมขอตัวกลับกรุงเทพไปก่อนด้วยคำโกหกที่ผมปั้นขึ้นมาสดๆร้อนๆว่า…ผมจะกลับไปเอาของแล้วจะกลับไปหาแม่ที่ปทุมธานี ผมก็เลยกลับมาพร้อมกับบาสโดยอ้างเหตุผลอีกเช่นกันว่า…บาสต้องกลับไปทำกายภาพบำบัดที่โรงพยาบาลต่อ ทั้งๆที่เหตุผลนั้นจะฟังดูไม่ขึ้นเลยก็ตาม
   ที่จริงแล้ว…บาสบอกผมว่าตัวเองต้องกลับไปที่คอนโดก่อนที่น้าตัวเองจะกลับมาแล้วไม่เจอเขา จากนั้นก็จะอาละวาดโวยวายทำลายข้าวของ รวมไปถึง…ทำร้ายร่างกายของเขา
   ดังนั้นผมจึงไม่แปลกใจเลยว่าเขาได้แผลบนร่างกายมาได้อย่างไร
   …บางเรื่อง เราไม่จำเป็นต้องพูดให้ใครรู้ แต่เขาจะรู้เองเมื่อเหตุการณ์นั้นมาถึง
   “ น้าอ้อ ” ทันทีที่เปิดประตูห้องเข้าไป ผมก็เห็นร่างของหญิงสาววัยกลางคนนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาตรงมุมห้อง ดวงตาคมกริบของเธอจับจ้องมายังผมราวกับจะแทงตัวผมให้ทะลุ
   “ แกไปไหนมา ” ผู้หญิงคนนั้นที่ชื่อ ‘อ้อ’ เดินเข้ามาหาบาสที่นั่งอยู่บนรถเข็นคนพิการ จากนั้นนิ้วมือของเธอที่เคลือบด้วยน้ำยาทาเล็บสีแดงก็จิกกระชากหัวของบาสเต็มแรงแล้วเหวี่ยงร่างของเขาไปกองอยู่กับพื้น
   “ นี่คุณ!!! ” ผมอดที่จะพูดออกมาไม่ได้ เมื่อเห็นการกระทำอันไร้จิตใจของคนตรงหน้า
   “ นี่มันเรื่องของฉัน อย่ามาเสือก ” พูดไม่จบ รองท้นส้นสูงแบรนด์ดังก็กระแทกเข้าไปบนใบหน้าของบาสที่นอนคุดคู้อยู่บนพื้นก่อนที่ส้นปลายแหลมของรองเท้าคู่นั้นจะกดใบหน้าของบาสให้ตรึงนิ่งเอาไว้
   “ โครม!!! ” ผมวิ่งเข้าไปผลักร่างของผู้หญิงคนนั้นจนเซถลาล้มไปกับพื้น เธอลุกขึ้นมามองผมด้วยสายตาอาฆาตก่อนที่จะตวาดผมเสียงดังราวกับคนเสียสติว่า
   “ มึงออกไปเลยนะ ถ้ามึงมายุ่มย่ามอีกล่ะก็…กูไม่เอามึงไว้แน่ ”
   “ ก็เอาสิครับ ถ้าเป็นแบบนั้น ผมจะได้โทรแจ้งตำรวจไปทีเดียวเลย ข้อหาทำร้ายร่างกาย ” ผมแสยะยิ้มราวกับผู้ชนะ ก่อนที่จะเดินเข้าไปหาผู้หญิงคนนั้นที่มีแววหวั่นวิตกอย่างชัดเจน
   “ กะ แก!!! ”
   “ เอาสิ เอาสิ!!! ปากดีไม่ใช่หรอ พูดต่อสิ ” ผมตวาดเสียงดังจนบาสเงยหน้าขึ้นมามองผม สงสัยว่าเขาจะไม่เคยเห็นผมในแง่มุมแบบนี้มาก่อน
   “ แก!!! ฝากไว้ก่อนเถอะ ไอ้เด็กระยำ!!! ” จากนั้นผู้หญิงที่ถูกเรียกว่าน้าอ้อก็เดินกระแทกเท้าออกจากห้องไปอย่างไม่พอใจ ไม่วายที่จะกระแทกประตูปิดเสียงดังไล่หลัง
   “ เจ็บมั้ย!!! ” ผมประคองบาสขึ้นมานั่งบนโซฟาพร้อมกับลงไปหยิบอุปกรณ์ทำแผลในรถที่จอดเอาไว้ชั้นล่าง
   “ ชินแล้ว! ” คำพูดเพียงประโยคเดียวที่ดูเหมือนจะพูดออกมาง่ายๆ แต่กลับทำให้หัวใจของผมกระตุกอย่างบอกไม่ถูก
   “จะชินได้ยังไงกัน นี่มันมากเกินไปแล้วนะ” ผมพูดขณะที่กำลังทำแผลให้บาส
   “ น้าอ้ออยากให้ฉันตาย น้าเค้าจะได้หมดภาระแล้วทิ้งฉันไปเหมือนกับพ่อแม่ของฉัน ” ใบหน้าของบาสเต็มไปด้วยความเจ็บปวด มากเสียจน…ผมอยากจะเบือนหน้าหนี
…แต่ผมก็ทำไม่ได้
   หยดน้ำใสๆหยดลงบนหลังมือของผมขณะที่ผมกำลังติดปาสเตอร์ให้ ดวงตาสีดำขลับของบาสแดงก่ำไปด้วยหยดน้ำใสที่รื้นขึ้นมา จากนั้นเสียงร้องไห้ก็ค่อยๆดังขึ้นราวกับมันถูกเก็บเอาไว้มานานแสนนานในส่วนที่ลึกที่สุดที่ไม่มีใครเข้าไปค้นเจอ
   …นอกจากผม
   “ หมับ!!! ”
   ผมกระชากตัวของบาสเข้ามากอดพร้อมกับปลอบเขาเบาๆ แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อน้ำร้อนๆเริ่มไหลออกมาจากดวงตาของผมเป็นสาย
   “ ไม่ร้องไห้นะ ” ผมพยายามบอกให้คนตรงหน้าหยุดร้องโดยที่เสียงตัวเองก็สั่นไหวอย่างควบคุมไม่อยู่
   “ ฮึก ฮือ … ฉัน ไม่มีค่า แล้ว…. ทำไมฉันต้องเกิดมาด้วย ทำไม  ฮือ ” บาสกอดรัดผมแน่นขึ้น อ้อมกอดนั้นอบอุ่นและอ้างว้างในเวลาด้วยกัน บาสไม่ได้อ่อนแอ แต่ความแค่อยากจะระบายความอ่อนแอออกทั้งหมดก็เท่านั้น เพราะต่อไปเขาจะยืนหยัดขึ้นมาใหม่ด้วยความเข้มแข็งที่ปราศจากความอ่อนแออย่างแท้จริง
   หัวใจของผมรู้สึกร้อนเหมือนถูกไฟเผา แต่ถึงกระนั้นผมก็ตระหนักความจริงข้อหนึ่งที่ว่า…
   …เมื่อสองคนสองคนได้ร้องไห้ด้วยกันเป็นครั้งแรก พวกเขาจะเข้าใจความรู้สึกของกันและกัน
   ผมไม่รู้ว่าตัวเองร้องไห้เพราะความสงสารหรืออะไรกันแน่ !?!?!?!




   ผมแวะเวียนเข้ามาเยี่ยมเยือนดูแลบาสบ่อยๆในตอนเย็นของทุกๆวัน จนชักจะกลายเป็นกิจวัตรไปแล้ว นี่เวลาก็ผ่านมาเกือบสองเดือนแล้ว ไม่มีวี่แววว่าน้าอ้ออะไรนั่นจะกลับมาทำร้ายร่างกายบาสอีกแล้ว อาจคงเป็นเพราะเธออาจจะทิ้งบาสไปแล้วก็ได้
   “ วันนั้นมีผัดไทกับหอยทอด ชอบหรือเปล่า ? ” ผมหิ้วถุงพลาสติดใบเขื่องเข้ามาในห้องของบาส พบว่าเจ้าตัวกำลังนั่งดูรูปวาดที่ผมวาดให้ ซึ่งหลังจากกลับมาผมก็ได้ใส่กรอบแล้วเอาไปแขวนไว้ให้
   “ อะไรที่เฟียร์ซื้อมา บาสกินได้หมดแหละ ” ผมหันมายิ้มให้ผมเหมือนอย่างเคย เพราะเวลาเกือบสองเดือนที่ผ่านมาทำให้เราสองคนสนิทมากขึ้นและสรรพนามที่บาสใช้เรียกผมก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปด้วย รวมทั้งเราก็ได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างในเวลาเดียวกัน




   “ ครับ ได้ครับ ขอบพระคุณมากๆครับ ” ผมกรอกเสียงใส่ปลายสายโทรศัพท์พร้อมกับรีบมุ่งหน้าไปยังคอนโดที่ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นบ้านของผมไปแล้ว หลังจากสถานการณ์น้ำท่วมผ่านพ้นไป ผมก็ได้มีเวลามาเยี่ยมบาสมากขึ้น จนพี่ชายของผมรู้เรื่องนี้จากเพื่อนของผมที่โทรไปเล่าให้ฟัง พี่ชายก็เลยโทรมาถามไถ่ผมเสียยกใหญ่ จนกระทั่งรู้ว่าบาสเป็นคนพิการเดินไม่ได้ พี่ชายก็เลยแนะนำให้ไปพบแพทย์แทบจะในทันที เพราะพี่ชายของผมก็เป็นแพทย์เหมือนกัน
   ผมหิ้วไก่ทอดที่ถืออยู่ในมือไปยังรถของผมที่จอดเอาไว้บริเวณทางเท้า ก่อนที่จะขับรถมุ่งหน้าไปยังคอนโดด้วยความดีใจที่คับแน่นอกไปหมด
   ระหว่างทาง ผมเห็นกลุ่มควันดำลอยขึ้นมาจากเบื้องหน้า ยิ่งผมเข้าใกล้มันมากเท่าไหร่ ใจของผมก็ร้อนรนจนแทบทนไม่ไหวอีกต่อไป เพราะกลุ่มควันนั้นมาจาก…คอนโดของบาสอย่างแน่นอน
   “ ไม่!!! ” ทันทีที่ลงมาจากรถ แสงไฟสีแดงตรงหน้ากูวูบวาบทำเอาผมขาสั่นแทบจะยืนไม่อยู่ เมื่อไฟสีแดงนั้นลุกโชนออกมาจาก ออกมาจากห้องของบาส
   ผมรีบวิ่งฝ่าวงล้อมเข้าไปถึงชั้นสอง ควันตลบอบอวนทำเอาผมแสบตาจนเกือบลืมตาไม่ได้ ผมไม่รีรอรีบวิ่งเข้าไปกระแทกประตูห้องของบาสจนเปิดออกทันที
   ห้องของบาสเต็มไปด้วยเปลวไฟที่ลุกไหม้วอลล์เปเปอร์บนผนังจนเกรียม ผมกวาดตามองหาร่างของบาสอย่างทนไม่ไหวอีกต่อไป ผมกระโจนเข้าไปคว้าที่ร่างของบาสทันทีที่เห็น
   ภาพที่ผมเห็นตรงหน้าแทบจะทำผมตะลึงค้างทันที ร่างของบาสนอนหมดสติอยู่บนพื้นห้องที่ลุกไหม้ด้วยเปลวไฟ เสื้อผ้าของเขาปรากฏรอยเขม่าควันดำๆอยู่เต็มไปหมด แต่…แต่ ในมือของเขากำลังกอดภาพวาดที่ผมเคยวาดให้เอาไว้แนบอก ภาพวาดของเขาที่กำลังนั่งอยู่บนหาดทรายราวกับกลัวว่ามันจะถูกไฟไหม้อย่างไรอย่างนั้น
   …ทำไม ทำไมถึงต้องทำถึงขนาดนี้ !?!?!
   น้ำตาของผมหยดไหลอาบแก้มอย่างไม่ทราบสาเหตุ เพียงแค่ต้องการจะปกป้องภาพวาดนั้นเอาไว้หรือยังไงกัน ไม่กลัวว่าตัวเองจะรับอันตรายเลยบ้างหรือไง
   ทำไมถึงได้โง่แบบนี้…
   ผมเข้าไปลากร่างของบาสด้วยความยากลำบาก อาจจะเป็นเพราะบาสตัวใหญ่กว่าผมทำให้ตัวของเขาค่อนข้างหนัก
   “ พรึ่บ!!! ”
   เปลวไฟลุกโหมมาจากด้านหลังที่ผมยืน ผมเอาร่างของผมบังบาสเอาไว้จนรู้สึกได้ถึงความแสบร้อนที่แล่นผ่านแผ่นหลังมาจนถึงปลายประสาท
   “ เฟียร์… ”
   บาสกระซิบข้างหูของในขณะที่ผมเอาเจ้าตัวขี่คออย่างยากลำบากฝ่าวงล้อมของเปลวไฟออกมาจากห้องๆนั้น
   “ ขอโทษนะ ”
   เสียงนั้นดังอีกครั้ง แต่โชคดีที่ผมออกมาจากห้องได้อย่างหวุดหวิด แล้วผมก็ได้ยินเสียงไซเรนของรถดับเพลิงที่เพิ่งจะมาถึง
   ชั้นที่ผมยืนอยู่นั้นไม่มีผู้คนอยู่แล้ว เนื่องจากผมสังเกตเห็นตอนขึ้นมาว่าผู้คนได้ทยอยลงไปจากตึกจนหมด
   ผมออกมาจนถึงบริเวณบันไดลงชั้นล่าง ขาของหมดก็หมดแรงจนร่างของผมทรุดลงกับพื้น ร่างของบาสก็ล้มลงกับพื้นตามผม แต่เจ้าตัวก็กลับล้มทับผมซะงั้น
   …ดีแล้ว จะได้ไม่ต้องเจ็บตัวอีก
   ให้ผมได้เจ็บแทนมั่งเถอะ แบ่งเบาทุกอย่างที่นายแบกรับมันเอาไว้มาที่ตัวของผมเอง
   ผมยิ้มให้กับคนตรงหน้าที่ดวงตาดำขวับของเขาในตอนนี้กลับสู่ความหมายชัดเจนออกมามากกว่าเมื่อก่อนมาก
   “ บาสอยากจะปกป้องความทรงจำของบาสกับเฟียร์ที่มีทั้งหมดเอาไว้ ” ผมหลับตาลง แล้วผมก็สัมผัสได้ถึงอะไรนุ่มๆมาประทับลงบนริมฝีปากของผม ผมรับรู้ได้อีกอย่างว่าหัวใจของผมพองโตจนคับแน่นอกไปหมด จากนั้นผมก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย
   …ทิ้งให้จูบของเราสองคนถูกห้อมล้อมด้วยเปลวไฟที่ลุกโหมอย่างเร่าร้อน




   ผมฟื้นขึ้นมาในห้องสีขาว ข้างๆตัวปรากฏร่างของบาสที่นั่งอยู่บนรถเข็นคนพิการ ผมยิ้มอย่างมีความสุขให้กับเจ้าตัวที่กำลังจ้องมาทางผม
   “ เฟียร์หาคนมารักษาบาสได้แล้วนะ ” คำแรกที่พูดออกมาจากปากกลับเป็นประโยคนี้ ไม่ใช่เพราะว่าวันนั้นผมดีใจหลังจากที่ผมได้รู้ว่าพี่ชายของผมหาแพทย์ที่เชี่ยวชาญมารักษาบาสได้แล้วไม่ใช่หรือ
   …สิ่งที่ผมอยากจะพูดกับบาสตั้งแต่วันนั้นคือประโยคนี้เพียงประโยคเดียวเท่านั้น
   “ เฟียร์ ” บาสขยับตัวมาใกล้ผมพร้อมกับยื่นมือลูบไปตามใบหน้าของผมที่ดูเหมือนจะเปียกชื้นเพราะหยดน้ำตาขึ้นมาอีกครั้งแล้ว ผมนี่ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ เอะอะไรก็จะร้องไห้อย่างเดียว
   “ ไม่ต้องปกป้องบาสอีกแล้ว ต่อไปนี้ให้บาสอยากจะขอปกป้อง ปกป้องเฟียร์ด้วยหัวใจของบาสได้ไหม ” บาสยกมือผมไปทาบทับบนหน้าอกแน่นของเขา ผมรู้สึกได้ถึงสิ่งที่เต้นอยู่ภายในนั้น จังหวะของมันหนักแน่นเหมือนกับคำพูดของเจ้าของ
   “ บาส… ” บาสทาบทับริมฝีปากของเขาลงบนกลีบปากของผมก่อนที่จะสอดลิ้นเข้ามาตวัดเลียจนทั่ว จูบของเราสองคนอบอุ่นจนผมลืมหายใจ ความรู้สึกที่แผ่ซ่านออกมาจากภายในผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือความรู้สึกของอะไรกันแน่ เพียงแต่ผมรู้อยู่อย่างเดียวว่า … ผมอยู่ต่อไปโดยไม่มีบาสไม่ได้อีกแล้ว
   ไมรู้ว่าเมื่อไร่ที่บาสเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผม ความรู้สึกนี้มันก่อตัวขึ้นเมื่อไหร่ผมไม่อาจรู้ได้ มันอาจจะเริ่มต้นแค่เพียงการที่เราสองคนได้พูดคุยกันจนได้เข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่าย จากนั้นเรื่องก็ดำเนินไปจนถึงจุดของมัน จุดที่เราสองคนเริ่มเข้าใจความรู้สึกของตนเอง
   “ บาสรักเฟียร์นะ ”
   บาสประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากของผมจนผมรู้สึกเหมือนกับว่าได้ล่องลอยอยู่ในอณูของอากาศที่ว่างเปล่า จากนั้นก็ร่วงหล่นอยู่บนปุยเมฆที่แสนนุ่มละมุน

มีต่อ
v
v

Pizeiro

  • บุคคลทั่วไป
เวลาผ่านไปหกเดือน หกเดือนเป็นหนึ่งปี บาสสามารถกลับมาเดินได้เป็นปกติ แม้ว่าจะยังต้องรอดูอาการกันไปอีกหน่อย แต่แพทย์ก็บอกว่าการฟื้นฟูร่างกายของบาสดำเนินไปในทางที่ค่อนข้างน่าตกใจ คือฟื้นฟูได้เร็ววกว่าคนอื่นอยู่มาก
   ตอนเย็นผมไปร้านขนมเค้กเพื่อที่จะซื้อขนมเค้กไปเลี้ยงฉลองกันซะหน่อย แต่ในขณะที่ผมกำลังจะเข้าไปในร้านนั้น ผมก็เจอรุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยที่ดักเจอผม
   “ น้องเฟียร์ ไม่คิดว่ารอพี่บ้างเลยหรอ พี่อุตส่าห์รอจนเลิกคลาสนะเนี่ย ” พี่คนนั้นพูดพลางเลียริมฝีปากดูเหมือนคนหื่นกระหาย
   “ ผมขอตัวครับ ” ผมรู้ว่ารุ่นพี่คนนี้เข้ามาจีบผม แต่ตอนนี้หัวใจของผมมันถูกยึดครองพื้นที่ไปจนหมดแล้ว แล้วคนๆนั้นก็ไม่ใช่ใครนอกจาก ‘บาส’ คนที่อยู่เคียงข้างผมมาตลอด
   “ เดี๋ยวก่อนสิครับ ไม่คิดจะมาเล่นกับพี่หน่อยหรอ ” พี่เขาพูดพร้อมกับกระชากแขนผมแล้วจับผมยัดเข้าไปในรถของตัวเอง ผมดิ้นเท่าไรก็ไม่หลุดจากพี่เขาสักที จนกระทั่ง…
   “ ไม่คิดจะเห็นแก่หน้าแฟนของเฟียร์บ้างหรอครับ ” เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นด้านหลังผมพร้อมกับร่างของบาสที่ปรากฏขึ้น หมัดหนักๆของบาสถูกเหวี่ยงมากระแทกหน้าของพี่คนนั้นอย่างจัง
   “ แก!!! ”
   “ นายจะไปกับใครฉันไม่สนหรอกนะ แต่นี่แฟนฉัน!!! ” พูดจบบาสก็กระชากร่างผมเข้าไปกอดแน่น
   “ ถ้าไม่มีอะไรอีก ผมขอตัว ” บาสลากร่างของผมไปยังรถของผมที่จอดเอาไว้
   “ มาได้ยังไงอะ ” ผมถามคนขับที่นั่งทำหน้าบูดยิ่งกว่าอะไร ตอนนี้ขาของพี่บาสสามารถกลับมาใช้ได้เป็นปกติเหมือนเดิมแล้ว แต่เจ้าตัวกลับไม่พูดอะไรแล้วรถก็แล่นไปยังคอนโดของบาสทันที


   

   “ เฮ้ยยย!!! ” ทันทีที่กลับมาถึงห้องของบาส ร่างของผมก็ถูกผลักลงบนเตียง ก่อนที่เจ้าคนที่ตัวใหญ่กว่าผมจะตามมาคร่อมทับร่างของผมเอาไว้
   “ ไปยืนให้เค้าจีบได้ยังไงกันฮะ ” บาสปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตผมออกในขณะที่ใบหน้าของตัวเองนัวเนียอยู่กับต้นคอของผม
   “ก็ เปล่า อ๊ะ อา” ผมเผลอครางลอดไรฟันออกมา เมื่อลิ้นร้อนๆของบาสลากไล้ไปตามลำคอจนถึงกระดูกไหปลาร้าก่อนที่มือของเขาจะสอดเข้าไปในเสื้อของผมพร้อมกับเคล้นคลึงยอดอกอย่างย่ามใจ
   “ มีแฟนแล้วยังไม่ให้คนอื่นจีบอีก เด็กไม่ดีต้องถูกลงโทษนะรู้มั้ย ” บาสพูดพร้อมกับถอดกางเกงผมออกจนหมด แก่นกายของผงาดอยู่หน้าของคนตรงหน้าทำเอาผมรู้สึกอายไปตามๆกัน
   “ ยังจะอายอีกหรอ เรามีอะไรกันตั้งหลายครั้งแล้วนะ ” บาสเข้ามากระซิบเข้าที่ใบหูทำเอาผมขนลุกวาบหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย ก็จริงอย่างที่พูดแหละครับ เพราะตั้งแต่ที่เราสารภาพความรู้สึกที่แท้จริงไปแล้วประจวบเหมาะกับที่บาสก็เริ่มเดินได้ จากนั้น จากนั้น…เอ่อ ก็เป็นอย่างที่ทุกคนรู้ๆกันแหละครับ
   “อ๊ะ อา อื้อ พอก่อน”ผมส่งเสียงปรามอีกคนที่กำลังก้มหน้าก้มเอาทำรักให้น้องชายผมอย่างเอาเป็นเอาตายด้วยปากของตัวเอง
   “บอกว่าต้องถูกทำโทษยังไงล่ะ”บาสพูดพร้อมกับสอดนิ้วเข้ามาในช่องทางคับแคบ ผมบิดตัวไปมาด้วยความเสียวซ่าน จากหนี่งนิ้วเป็นสองจากสองเป็นสาม จนในที่สุดนิ้วก็ถูกแทนด้วยสิ่งที่ทั้งใหญ่และยาวกว่า
   “อะ อึ๊” ผมหลับตาพร้อมกับส่ายหน้าไปด้วยความเจ็บที่แล่นผ่านปลายขาขึ้นมาอย่างคนไม่เคยชิน ทั้งๆที่เราสองคนเคยมีอะไรกันมาตั้งหลายครั้งแล้ว แต่ผมก็ยังไม่รู้สึกชินอยู่ดีนั่นแหละ
   “อา….อ่า”เสียงครางของบาสดังขึ้นข้างหูของผมทำเอาผมสติกระเจิดกระเจิงไปหมด
   บาสขยับเอวแรงขึ้นและเร็วขึ้นจนผมประคองสติเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป สองขาของผมถูกจัดแจงให้อยู่ในรูปตัว M จากนั้นเจ้าตัวก็โถมใส่ไม่ยั้ง
   “อ๊า…อะ”
   “บาสรัก…อ๊ะ…เฟียร์นะ”บาสพูดขึ้นเบาๆแต่น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหนักแน่นในขณะที่ส่วนของร่ายกายเรายังเชื่อมติดกันอยู่
   “อ๊า” ผมครางยาวออกมาพร้อมกับปล่อยน้ำสีขาวขุ่นเปรอะหน้าท้องของบาส ไม่นานผมก็รับรู้ได้ถึงอะไรอุ่นๆทะลักเข้ามาในตัวของผมพร้อมกับร่างหนาๆที่เข้ามานอนทับผมเช่นกัน
   “ว่าไงครับ” บาสจ้องหน้าผม ดวงตาสีดำขลับแฝงไปด้วยความจริงใจ
   “ก็…”
   “ก็… อะไรครับ พูดออกมาเร็วๆ” บาสเร่งเร้าผม
   “ก็รักเหมือนกัน”
   ทันทีที่พูดจบร่างของผมก็ถูกคนตรงหน้าสวมกอดอย่างแนบแน่นราวกับจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันในไม่ช้า ผมนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านๆมาแต่ดูเหมือนว่ามันจะยังผ่านมาได้ไม่นานในความรู้สึกของผม
   ถ้าหากวันนั้น…น้าอ้อของบาสไม่ได้เข้ามาทำร้ายร่างกายบาสอีกรอบแล้วจุดไฟเผาห้องแล้วล่ะก็ ผมก็คงจะไม่มีวันได้รู้ความรู้สึกที่แท้จริงของตนเอง แม้ว่าชะตากรรมของน้าอ้อจะลงเอยถ้าการไปใช้ชีวิตในกรงขังหลังจากที่ถูกจับไว้จากกล้องวงจรปิดก็ตามแต่
   ถ้าหากวันนั้น…ผมไม่ได้รับข้อเสนอจากพี่ชายของผมให้พาบาสไปรักษา ผมกับบาสก็คงจะไม่มีความสุขเท่านี้
   และที่สำคัญที่สุด…ถ้าหากว่าน้ำไม่ท่วม ผมก็คงจะไม่เจอบาสแล้วเราก็จะไม่ได้รักกันอย่างตอนนี้
   ขอบคุณ ‘น้ำ’ มากนะครับ
.
.
.
.
.
.
   If somebody asks why I loved the way I did.
   ถ้ามีใครสักคนผมว่าทำไมถึงเลือดเส้นทางนี้
.
.
.
.
.
.

I'll answer that both of us were authentic.
ผมก็จะตอบไปว่าเราทั้งสองคนเป็นของกันและกันอย่าแท้จริง
.
.
.
.
.
.
That is my only answer".
นั่นแหละ…คือคำตอบเพียงหนึ่งเดียวที่ผมจะพูดออกไป

ปิดท้ายด้วยเพลงนี้นะครับ เป็นกำลังใจให้กับผู้ประสบภัยทุกท่านนะครับ ^^


http://www.youtube.com/v/FL0bjwez8mg?version=3&hl=th_TH

-จบ-
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-11-2011 15:29:58 โดย Pizeiro »

Pizeiro

  • บุคคลทั่วไป
Talk ท้ายเรื่อง


      ที่จริงเรื่องนี้นักเขียนตั้งใจจะทำเป็นเรื่องยาวเมื่อมีโอกาสหรือเขียนเรื่อง Loving in the sky ‘ร้ายแลกรัก’ เสร็จแล้ว แต่เนื่องจากเมื่อวานได้นั่งดูข่าวน้ำท่วมก็ทำให้หัวมันแว้บพลอตเรื่องนี้ขึ้นมาทันที หากจะนำมาดัดแปลงเป็นเรื่องสั้น ก็คงไม่ยากอะไร
      วันนี้ตื่นเช้ามาก็เลยลงมือเขียนตอนสิบเอ็ดโมง กว่าจะเสร็จก็บ่ายสองสี่สิบห้าพอดี หวังว่าเรื่องราวระหว่าง ‘บาส’ กับ ‘เฟียร์’ จะเป็นกำลังใจให้ใครหลายๆคนที่ประสบอุทกภัยได้นะครับ นักเขียนก็หวังเอาไว้เพียงเท่านั้นแหละ
      สุดท้ายก็อยากจะพูดว่า ในวิกฤติที่เรามองไม่เห็นทางออก อยากเรามีสติและประคับประคองมันเอาไว้ได้ เราก็จะได้พบเรื่องดีๆหลังจากเราผ่านมันไปได้อย่างแน่นอนครับ เหมือนกับบาสที่เอาชนะตัวเองได้โดยมีกำลังใจจากคนข้างๆ เฟียร์ก็เช่นกัน หากน้ำไม่ท่วม ก็คงจะไม่มีวันได้เจอกับบาสอย่างแน่นอน
      เห็นไหมละครับว่าการที่น้ำท่วมก็ไม่ได้เลวร้ายเสมอไปเนอะ ^^

ออฟไลน์ Lemon_Tea

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
ถึงน้ำจะท่วม แต่ก็ยังมีอะไรดีๆเกิดขึ้น
ได้มีเรื่องดีๆให้ชื่นใจ
ฝ่่าอปสรรคไปด้วยกัน ชอบจังคู่นี้ 
กอดคนแต่ง :กอด1:

Pizeiro

  • บุคคลทั่วไป
ถึงน้ำจะท่วม แต่ก็ยังมีอะไรดีๆเกิดขึ้น
ได้มีเรื่องดีๆให้ชื่นใจ
ฝ่่าอปสรรคไปด้วยกัน ชอบจังคู่นี้ 
กอดคนแต่ง :กอด1:

ให้กำลังใจชาวน้ำท่วมทุกคนครับ ^^

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
เวลาน้ำท่วม แต่ละวันผ่านไปช้าจริงๆ

dawnthesky

  • บุคคลทั่วไป
ความรัก เกิดขึ้นได้ไม่เลือกสถานที่ วัน เวลา หรือแม้แต่คนที่จะรัก!!!

ความรัก เป็นสิ่งงดงามเสมอค่ะ!

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
สนุกจังเรื่องนี้  :m4:

ออฟไลน์ วชิรา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2
บ้านเขาก็น้ำท่วมนะ :sad4: :sad4:
เเต่มันก็ทำให้เขาได้อยู่กับครอบครัวมากขึ้นละ :-[ :-[ :-[
เลยไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ดีขนาดนั้น เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะ :กอด1: :กอด1: :bye2: :bye2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ DeJavu~ ★

  • มาเฟียแสนซน กะชีคผู้เคร่งขรึม
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 809
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-9
บางครั้ง ในความโชคร้าย  อาจจะมีความโชคดีแฝงอยู่ด้วยเสมอ

เหมือนกับอย่างน้ำท่วม

อาจจะทำให้บางครอบครัวได้มีเวลาอยู่กับคนที่เรารัก มากขึ้น

มาพูดถึงเรื่องนิยายดีกว่า

ชอบมากๆๆเลยอ่าแบบนี้

หาอ่านมานานแล้ว

 o13 o13 สนับสนุนให้แต่งเป็นเรื่องยาว

ใครไม่อ่านผมอ่านเอง เรื่องยาว ชอบแล้วดีไม่ดี เผลอ อาจมีรวมเล่ม

ตั้งแต่อ่านเรื่องสั้น ชอบเรื่องนี้มากๆๆที่สุดเลยอ่า

บาส เฟียร์ รักกันนานๆๆนะ

ปล.


ผมขอเป็นกำลังให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมทุกคนด้วยนะครับ

สิ่งใดที่โชคร้าย สิ่งไม่ดี สิ่งใดที่ทำร้ายเรา แล้วทำร้ายคนเรารัก ก็ให้ไอ้น้ำที่ท่วมอยู่นั้นก็ขอให้พัดผ่านเอาความไม่ดี โชคร้าย ลงสู่

ทะเลไปให้หมด

และหลังจากผ่านพ้นน้ำท่วมไปแล้วขอให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมทุกคนและคนไทยทกคนจงมีแต่ความสุข ความเจริญ พบพานแต่สิ่ง

ดีๆๆนะครับ

ปล.รักคนแต่งมากมาย อยากอ่านเรื่องยาวของบาส กับ เฟียร์อยู่นะครับ  ผมจะรอนะครับ

Pizeiro

  • บุคคลทั่วไป
บางครั้ง ในความโชคร้าย  อาจจะมีความโชคดีแฝงอยู่ด้วยเสมอ

เหมือนกับอย่างน้ำท่วม

อาจจะทำให้บางครอบครัวได้มีเวลาอยู่กับคนที่เรารัก มากขึ้น

มาพูดถึงเรื่องนิยายดีกว่า

ชอบมากๆๆเลยอ่าแบบนี้

หาอ่านมานานแล้ว

 o13 o13 สนับสนุนให้แต่งเป็นเรื่องยาว

ใครไม่อ่านผมอ่านเอง เรื่องยาว ชอบแล้วดีไม่ดี เผลอ อาจมีรวมเล่ม

ตั้งแต่อ่านเรื่องสั้น ชอบเรื่องนี้มากๆๆที่สุดเลยอ่า

บาส เฟียร์ รักกันนานๆๆนะ

ปล.


ผมขอเป็นกำลังให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมทุกคนด้วยนะครับ

สิ่งใดที่โชคร้าย สิ่งไม่ดี สิ่งใดที่ทำร้ายเรา แล้วทำร้ายคนเรารัก ก็ให้ไอ้น้ำที่ท่วมอยู่นั้นก็ขอให้พัดผ่านเอาความไม่ดี โชคร้าย ลงสู่

ทะเลไปให้หมด

และหลังจากผ่านพ้นน้ำท่วมไปแล้วขอให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมทุกคนและคนไทยทกคนจงมีแต่ความสุข ความเจริญ พบพานแต่สิ่ง

ดีๆๆนะครับ

ปล.รักคนแต่งมากมาย อยากอ่านเรื่องยาวของบาส กับ เฟียร์อยู่นะครับ  ผมจะรอนะครับ


ขอบคุณมากๆครับ สำหรับข้อเสนอแนะ
โดยส่วนตัวแล้วคนเขียนก็เปิดเทอม จึงไม่ค่อยมีเวลาเท่าไร
แค่พยายามจะหาเวลามาอัพนิยาย Loving in the sky ที่แต่งค้่างไว้ยังยากแล้ว
ใจก็อยากจะอัพเรื่องนั้นให้จบ เพราะเท่าที่วางพลอตไว้อีกไม่กี่ตอนคงจะจบพอดี

ส่วนข้อเสนอที่ว่าอยากให้เรื่องนี้ทำเป็นเรื่องยาวนั้น ... ก็อาจเป็นไปได้ครับ
เพราะคนเขียนแปลงพลอตเรื่องยาวที่เคยคิดเอาไว้เมื่อนานมาแล้ว ออกมาเป็นผลงานเรื่องนี้อะครับ
แต่ถ้าจะไปเขียนเป็นเรื่องยาว ทั้งเหตุการณ์ สถานที่ ตัวละครคงต้องเปลี่ยนแปลงไปได้


เอาไว้ถ้ามีเวลาเมื่อไร จะมาอัพเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องยาวนะครับ
ขอบคุณสำหรับข้อเสนอแนะและกำลังใจนะครับ

ขอบคุณจริงๆ

ออฟไลน์ RinNam

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
สงสารบาสจัง ดีแล้วเนอะที่หมดเวรหมดกรรมกลับมาเกิดได้แล้ว

รักกันนานๆน้อ  o13

 :pig4:

L

  • บุคคลทั่วไป
ทำไม น้าอ้อ โหดร้ายจัง ทำกะพี่บาสได้ยังไงอะ

พี่บาสกับเฟียส หวานกันสุด ๆ สายตาวิบวับ ๆ ปิ้ง ๆ

 :-[     :-[   


ปล.  อยากให้มีตอนพิเศษจัง   :impress2:

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
อ่านแล้วยิ้มได้เลยนะเนี่ย ^^

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
ละมุนมากค่ะเรื่องนี้ ชอบอ่ะ

ออฟไลน์ $VAN$

  • Moderator
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-6
ประทับใจมาก  :m4:
เฟียร์จิตใจดีมาก ไม่รังเกียจคนพิการ ให้ความรักเป็นแรงใจ จนบาสสู้กับความพิการสำเร็จ o13

ออฟไลน์ loveooo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ขอบคุณมากนะคะ  อ่านแล้วรู้สึกดีมากๆเลย  ถึงตอนนี้จะมีวิกฤตแต่ถ้ามองดีๆเราก็จะเห็นสิ่งต่างๆได้ดีขึ้นอย่าง"น้ำใจ"ของคนไทยเน๊อะ  ^^

Nineน้อย

  • บุคคลทั่วไป
ทุกสิ่งที่ร้ายๆ ก็ยังมีสิ่งดีๆ แฝงอยู่ด้วยเสมอ

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีดีครับผม


ออฟไลน์ Horizon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-22
อ่านแล้วน้ำตาซึม
+1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
น่ารักจังครับ
ต้องขอบคุณน้ำนะเนี่ย ^^

minimonmon

  • บุคคลทั่วไป
ในความโชคร้ายก็ยังมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นมากมาย

ออฟไลน์ miwmiwjung

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
น่ารัก ทั้งคนแต่ง  ทั้งนักแสดง
จุ๊บทีหนึ่ง

ออฟไลน์ อาคิรา

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 108
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0

ออฟไลน์ TanyaPuech

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +531/-23

ออฟไลน์ SWIM

  • ความทรงจำสีเทา
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ประทับใจมาก ^^

alexflyer

  • บุคคลทั่วไป
น่ารักจัง ดีใจที่ทั้งคู่รักกัน

ออฟไลน์ heroza

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3013
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
ดีใจที่เรื่องดีๆ เกิดขึ้นหลังจากผ่านเรื่องร้ายมามากมาย
ขอบคุณคนแต่งค่าที่ทำให้เห็นว่าชีวิตยังคงมีเรื่องราวดีๆ ให้เกิดขึ้นอีกมากมายถ้าเราไม่ย่อท้อ  :L2:

ออฟไลน์ pp_song

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 863
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
น่ารักมากๆเลย ทั้งหวาน ทั้งซึ้ง

ขอบคุณนะคะ ^^

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด