“นายคงไม่คิดจะแยกออกจากกลุ่มหรอกนะ” พฤกษ์ถามขึ้นอีก เห็นแววตาศิระที่เปลี่ยนไปแล้วทำให้เขารู้สึกเหมือนครั้งแรกที่รู้จักคนๆนี้ขึ้นมาทันที
“ฉันไม่เคยเข้ากลุ่มมาตั้งแต่ต้นต่างหากล่ะ” ศิระตอบ พฤกษ์ใจกระตุกถ้าอาการศิระเป็นแบบนี้ เขารู้ทันทีว่าเขาต้องลำบากในการขอโทษกับสิ่งที่ทำมาแน่ แต่อะไรๆก็ไม่แน่นอน อย่างน้อยที่ผ่านมาเขาก็ผิด การที่จะยอมให้ศิระครั้งนี้มันก็ไม่น่าอายอะไร
“ไม่เอาน่า ศิระ นี่มันต่างจังหวัดนะ กลับไปกับฉันเถอะ ฉันขอโทษ ถ้านายกำลังโกรธอะไรฉันอยู่”
“คนอย่างฉันนอนริมรั้วหรือข้างถนนที่ไหน ก็ไม่มีปัญหา นายกลับไปเถอะ อย่ายุ่งกับฉันดีกว่า”
“พอเถอะ เลิกประชดและก็กลับไปกับฉัน มาขนาดนี้ ใครที่ไหนจะปล่อยให้นายนอนข้างถนน”
“ไม่ต้องมีใครปล่อยหรอก ฉันรู้ตัวเองดี”
“นายกำลังจะกวนประสาทเหมือนเดิมนะศิระ”
“ก็บอกแล้วไงว่าอย่ามายุ่งกับฉัน”
“ไม่ยุ่งกะนาย จะให้ฉันไปยุ่งกะใคร นายเป็นแฟนฉันนะ”
“เป็นได้ก็เลิกได้ง่ายกว่าที่ฉันจะต้องทนกับอะไรที่มันหลอกลวงแบบนี้”
“นายหมายความว่าไง”
“นายจะทำแบบนี้ให้ได้อะไรขึ้นมา ฉันไปทำอะไรให้นายตั้งแต่ตอนไหน ถึงคิดจะเอาความรู้สึกมาแกล้งกันแบบนี้ ไม่รักไม่หวังไม่มีใจให้กันก็น่าจะบอกกันตรงๆ แกล้งให้คนอื่นเสียความรู้สึกมันดีนักใช่มั๊ย เห็นใครเป็นตัวตลกแล้วชีวิตพวกนายจะมีความสุขกันอย่างงั้นหรือเปล่า พอกันที ถ้าคิดว่าฉันจะอยู่ให้นายและพวกของนายสนุกกันต่อไป ลาก่อนพฤกษ์” พฤกษ์ปวดร้าวกับคำต่อว่าของศิระ เพราะไม่รู้ว่าศิระหมายถึงอะไร เขาเลิกคิดที่จะแกล้งคนๆนี้ตอนรู้สึกผิดคราวนั้นแล้ว แล้วนี่อะไรศิระเป็นอะไรไป คนๆนี้ไปได้ยินอะไรมา การกระทำแค่ไม่กี่ชั่วโมงบนรถของเขามันแย่ขนาดที่ ศิระมองข้ามสิ่งที่เขาตั้งใจทำให้ตอนอยู่ด้วยกันมาจนหมดเลยหรือไง ศิระ หมุนตัวจะเดินหนี เมื่อมองสบตากับคนที่ยืนอึ้ง เขาคิดว่าที่พฤกษ์อึ้งเพราะคงพูดไม่ออกที่เขารู้ทันความคิดของเจ้าตัวครั้งนี้
“ศิระ ฉันไม่ยอมให้นายไปไหนทั้งนั้น” พฤกษ์รีบคว้ามือคนที่จะเดินหนีไว้ จากความรักที่กำลังจะกลายเป็นความเกลียด ศิระกำหมัดแน่น ยังไงเขาขออัดคนๆนี้ให้หายแค้นหน่อยเถอะ มือที่กำหมัดแน่นและกำลังจะยกมันสวนกลับใส่หน้าคนที่ดึงรั้งไว้ต้องชะงักค้างไว้ เมื่อเห็นเป้าหมายยืนนิ่งท้าทายเขาอยู่
“เอาสิ ชกเลย ถ้ามันทำให้นายมองฉันซะใหม่” พฤกษ์ท้า เขาไม่กลัวเจ็บหรอก การที่ศิระมองเขาอย่างที่พูดออกมาเมื่อกี้ต่างหากล่ะ ที่ทำให้เขาเจ็บมากกว่า
“อย่าท้าคนแบบฉันนะพฤกษ์” ศิระบอกเสียงแข็ง
“ก็ใครท้าล่ะ ก็เอาสิ จะเอาฉันให้ตายตรงนี้เลยมั๊ยล่ะ ถ้ามันทำให้นายเลิกมองฉันในแง่ร้ายได้”
“ถึงขนาดนี้ นายยังจะดันทุรังสร้างภาพต่อไปเหรอพฤกษ์ พอเถอะ ฉันชักจะสมเพชนายมากกว่าที่จะมองนายเป็นคนดีได้แล้ว”
“ฉันมันทำหน้าที่คนรักได้แย่ขนาดนั้นเลยเหรอศิระ” ศิระลดมือลงเมื่อได้ยินพฤกษ์ถามเสียงอ่อน นี่เขาจะยอมคนๆนี้ไปถึงเมื่อไหร่นะ
“นายไม่ได้แย่หรอก คนรักของนายต่างหากที่ไม่มีค่าพอที่นายจะแคร์”
พฤกษ์สะอึกกับประโยคสุดท้ายของศิระ ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินหันหลังหนีไปจากเขา เด็กหนุ่มเข่าอ่อน สุดท้ายการกระทำของเขาก็ไม่วายที่จะกรีดแผลเก่าที่ใจของศิระให้ลึกมากขึ้นกว่าเดิม
“เด็กมึงล่ะ” ปอนด์เอ่ยถามพฤกษ์ทันที ที่เห็นเจ้าตัวเดินทำสีหน้าไม่ค่อยดีกลับเข้ามาในโรงแรมขณะที่เขากับเมษานั่งรออยู่
“ทำไมไม่นอนพักกัน” พฤกษ์ไม่ตอบคำถามเพื่อนแต่กลับถามกลับ
“แล้วมึงล่ะ ไปไหนมา” ปอนด์ถามใหม่ ศิระมองสบตาก่อนจะตอบ
“ไปตามศิระ”
“เขาไปไหนเหรอพฤกษ์” เมษาถามบ้าง ศิระคงจะเรียกร้องความสนใจล่ะสิ มันน่านัก
“ไม่รู้เหมือนกันครับ ผมตามตัวไม่เจอ” พฤกษ์ตอบเนือยๆ หลายชั่วโมงที่เขาตามหาศิระแต่ไม่เห็นแม้แต่เงา ความอ่อนเพลียจึงพาเขากลับเข้ามาที่นี่
“มันกร้านโลกขนาดนั้น ไม่ตายง่ายๆหรอกน่า” ปอนด์เอ่ยขึ้นอีก ไม่ได้รู้สึกร้อนหนาวอะไรว่าตัวเองก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ศิระต้องเตลิดหนีไปแบบนี้ พฤกษ์เองยิ่งกำลังใจไม่ดีอยู่เลยตวาดออกไปเสียงดัง
“มึงเลิกพูดเลิกว่าศิระทีเถอะปอนด์ กูชักไม่แน่ใจแล้วสิที่มึงอาสาขึ้นไปตามศิระตอนรถจอดพักมึงไปพูดอะไรให้ศิระเข้าใจอะไรกูผิดหรือเปล่า”
“อย่ามาหาเรื่องกันนะโว้ย กูจะไปพูดอะไร มึงต่างหากที่เป็นคนพูด” “ปอนด์สวนกลับ ยิ่งพฤกษ์ทำทีปกป้องศิระเพียงใดเขาก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิด
“มึงหมายความว่าไง กูพูดอะไร” พฤกษ์ถาม ก่อนจะสังเกตเห็นท่าทีเมษาใช้สายตาปรามไม่ให้เพื่อนเขาเอ่ยอะไรออกมา จึงเดินเข้าไปใกล้คนทั้งสองแล้วถาม
“ว่าไงมึงว่ากูพูดอะไร ตอนไหนไอ้ปอนด์”
“อย่าทะเลาะกันเพราะเรื่องคนอื่นเลยนะ ผมว่าเราขึ้นไปพักผ่อนกันดึกแล้ว” เมษารีบเข้ากันท่าปอนด์ที่กำลังจะโต้ตอบคนที่เดินเข้าหาตัว พังกันพอดีถ้าพฤกษ์รู้ว่าตัวเองโดนแอบอัดเสียงสนทนาเอาไว้ เด็กหนุ่มรวบแขนปอนด์เพื่อที่จะพาเดินหนีไปให้พ้นจากคนที่กำลังหวาดระแวงพวกเขา
“เฮ้ย พูดกันให้รู้เรื่องก่อนสิวะ” พฤกษ์ออกแรงกระชากแขนปอนด์เอาไว้ จนเจ้าตัวฉุนสะบัดแขนให้หลุดจากมือของเมษาแล้วหันมาตะคอกคนกระชาก
“มึงบ้าไปแล้วเหรอไอ้พฤกษ์” เพราะอารมณ์ที่เก็บกดจากคำพูดของศิระที่ทิ้งไว้ให้คิด พอมาเจอคำตะคอกของเพื่อน ทำให้พฤกษ์คุมอารมณ์ไม่อยู่สองมือแข็งแรงจึงจับคอเสื้อปอนด์กระชากเข้าหาตัวแล้วตะคอกกลับ
“เออ กูมันบ้า กูมันไม่ดี กูทำให้คนอื่นมองว่ากูมันไม่เอาไหน”
“ใจเย็นสิครับพฤกษ์ คุณเป็นอะไรไปครับ” เมษาเขาแยกสองคนออกจากกันก่อนที่จะมีใครมาเห็นเหตุการณ์เข้า พอปอนด์เป็นอิสระด้วยอารมณ์ขุ่นมัวที่เพื่อนมาทำแบบนี้กับตนเลยโพล่งปากออกไปอย่างเหลืออด
“มึงจำไม่ได้จริงๆเหรอว่ามึงเคยพูดอะไรไว้กับพวกกูไอ้พฤกษ์”
“กูพูดอะไรล่ะ” พฤกษ์ถาม ปอนด์ยิ้มเยาะที่มุมปากนิดนึงก่อนบอก
“มึงเคยบอกพวกกูเองว่าถ้ามึงจะคบใครซักคนรับรองว่าต้องไม่ใช่ไอ้กุ๊ยศิระนั่นแน่ นี่แหละคือคำพูดที่กูเอาไปให้สุดที่รักมึงฟัง มันคงเริ่มรู้ตัวและสำนึกในความเป็นกุ๊ยของมันแล้วสิ ถึงได้หนีหน้ามึงไปแบบนี้”
“มึงยังจำคำพูดกูไว้อีกเหรอไอ้ปอนด์”
“จำไว้สิ และก็จำได้ดีด้วย หรือมึงอยากจะฟังเสียงมึงก็ได้ กูยังไม่ลบทิ้งไปไหน มึงจะฟังมั๊ยล่ะ” ปอนด์ขึงขังจะหยิบโทรศัพท์ตัวเองออกมาแต่เมษารีบห้ามไว้
“มึงจะทำอะไรปอนด์”
“ให้ไอ้พฤกษ์มันฟังไงมันจะได้รู้ว่าตอนนี้มันกำลังกลืนน้ำลายตัวเองอยู่”
“หมายความว่ามึงเก็บคำพูดกูไว้ในโทรศัพท์มึงเหรอไอ้ปอนด์” พฤกษ์ถามอย่างใจไม่ดี นึกถึงคำพูดวันนั้นบวกกับการกระทำเฉยชาของเขาตลอดเส้นทางที่อยู่บนรถ ก็ไม่แปลกที่ศิระจะรู้สึกแย่ขึ้นมาจนหนีหน้าเขาไปแบบนี้ ความรู้สึกผิดในใจเริ่มก่อตัวรุนแรงขึ้นเมื่อปอนด์พยักหน้ารับในสิ่งที่เขาถาม เด็กหนุ่มโผเข้ากระชากคอเสื้อเพื่อนอีกครั้งแล้วถามเสียงดัง
“มึงทำแบบนี้เพื่ออะไรปอนด์ กูเป็นเพื่อนมึงนะ”
“มึงจะมาโทษอะไรกูไอ้พฤกษ์ ถ้ามึงไม่พูดกูจะเอาคำพูดพวกนี้มาจากไหน มึงทำตัวมึงเองมึงจะมาโวยวายทำไม ถึงกูไม่เอาคำพูดเหล่านี้ไปให้ไอ้นั่นฟัง มึงแน่ใจแล้วเหรอว่าการกระทำที่ผ่านมาของมึงจะทำให้ไอ้นั่นไว้ใจมึงขึ้นมาได้ ยอมรับมาเถอะว่ามึงเองก็ลังเลอยู่เหมือนกันว่ารักมันจริงหรือเปล่า มึงก็ยังคงแคร์สังคมมึงอยู่แล้วมึงจะเป็นเดือดเป็นร้อนอะไร กูทำให้ไอ้นั่นหายไปจากชีวิตได้มึงน่าจะขอบใจกูด้วยซ้ำที่มึงจะได้กลับมาใช้ชีวิตในแบบของมึงเหมือนเดิม”
“ได้กูขอบใจมึงก็ได้ ที่มึงทำให้กูรู้ใจตัวเองเสียทีไอ้ปอนด์ ต่อไปนี้สังคมบ้าบออะไรกูไม่สนใจทั้งนั้น ที่ผ่านมากูหลงกลพวกมึงเองจนทำให้กูทำร้ายจิตใจคนๆหนึ่งจนบอบช้ำ กูรักศิระ พวกมึงจำเอาไว้ด้วย” พฤกษ์ปล่อยมือจากคอเสื้อคนที่ยืนอึ้ง ก่อนจะหลังเดินกลับออกจากโรงแรม ถึงเวลาที่เขาจะแสดงความรู้สึกจริงๆของตัวเองกับคนที่เขาเคยเผลอทำร้ายจิตใจเสียที
“พฤกษ์” เมษา ร้องตามหลังเมื่อหายจากอาการนิ่งงันกับสิ่งที่ได้ยิน พฤกษ์เอ่ยคำว่ารักคนอื่นต่อหน้าเขา
“เพราะมึงคนเดียวแท้ๆไอ้ปอนด์ มึงมันเพื่อนเฮงซวย” เมษาโกรธคนต้นเหตุที่ทำให้เขาได้ยินคำที่แทงใจจนทนไม่ไหว กำปั้นเด็กหนุ่มจึงลอยไปกระทบที่มุมปากเจ้าตัวทันทีจนคนโดนหน้าหันไปตามแรงเหวี่ยง
“สำหรับปากดีๆของมึง” เมษาชี้หน้าตะคอกซ้ำก่อนจะรีบเดินหนีกลับขึ้นห้อง ปอนด์ยืนอึ้ง สับสนว่าตัวเองกำลังเจออะไร เพื่อนสองคนเดินหนีจากเขาไปด้วยแววตาราวกับเห็นเขาเป็นตัวอะไรซักอย่าง
ทางด้านศิระเด็กหนุ่มเดินเลียบไปตามถนนที่ตนไม่คุ้นเคยเมื่อเวลาเวลาจวนจะเที่ยงคืน เขาอยู่ที่ไหน และกำลังจะไปไหน เด็กหนุ่มตอบตัวเองไม่ได้ รอบตัวตอนนี้มีแต่ความว่างเปล่า ภาพวันเดิมๆที่เคยหันหลังให้กับครอบครัวกลับเข้ามาหลอกหลอนให้น้ำในตาไหลออกมาได้อีกครั้ง จะโทษใครได้ล่ะมันเป็นทางที่เขาเลือกเอง เขาก็ต้องผ่านมันไปให้ได้ อย่างที่เคยผ่านๆมา แสงไฟเริ่มไม่มีให้เห็นเมื่อคนเหม่อลอยเดินออกนอกเส้นทางที่เกินกว่าไฟในถนนหลักจะสาดถึง กว่าจะรู้ตัวว่าตัวเองเดินมาในที่เปลี่ยวก็ต่อเมื่อมีเมื่อมีเสียงหนึ่งทักขึ้น
“เฮ้ย” เด็กหนุ่มรีบปาดน้ำตาตัวเองทิ้งหันไปมองต้นเสียง แต่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว สามคนในเงามืดที่เป็นเจ้าของเสียงก็เข้าล็อคตัวเขาไว้ทันที
“เฮ้ย อะไรวะ” ศิระร้องถามหัวใจเต้นรัวเมื่อเห็นสภาพรางๆของคนที่จับตัวเองไว้แน่นเขาคิดว่าน่าจะเป็นพวกนักเลงท้องถิ่น เพราะหน้าตาแต่ละคนมองเขาราวกับหลุดออกมาจากเรือนจำที่ไหนซักแห่ง
“จะพากูไปไหน ปล่อยนะโว้ย” เด็กหนุ่มถามอีกพลางดิ้นหวังให้หลุดจากอุ้งมือแข็งแรง เมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังโดนลากเข้าไปในที่มืด เขาฟังไม่ออกว่าพวกมันพูดอะไรกัน แน่ล่ะ มันเป็นภาษาท้องถิ่นเขาจะไปรู้ได้ยังไง แต่ที่รู้แน่ๆ พวกมันน่าจะไม่หวังดีกับเขาแน่นอน และก็เป็นอย่างที่คิด เมื่อสามคนตัวใหญ่ได้ลากเขาไปในเงามืดที่เปลี่ยวสนิท อาการจุกที่ท้องก็แล่นเข้ามาหาตัวเมื่อรู้สึกว่ากำปั้นหนักอัดเข้ามาเต็มๆ ศิระกุมท้องแน่นกัดฟันฝืนจะร้องแต่ก็ร้องไม่ออกเมื่อความจุกมันอัดอยู่ที่ท้องไล่ไปถึงลำคอ เขาถูกผลักให้ล้มลงกองกับพื้น ก่อนที่จะโดนเตะซ้ำจนตัวงอ แล้วเป้ที่สะพายติดตัวมาก็ถูกกระชากและรื้อค้นจนของหล่นกระจัดกระจาย สามชายหนุ่มยังคงพ่นภาษาที่เขาฟังไม่รู้เรื่องออกมาให้ได้ยิน
“อย่ายุ่งกับกระเป๋า” ศิระพยายามเปล่งเสียงที่ขาดเป็นห้วงๆออกมาเมื่อเห็นว่ากระเป๋าพกใบเล็กที่เก็บทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในมือของหนึ่งในกลุ่มแล้ว เด็กหนุ่มยันกายลุกจะไปคว้ามันคืนมา แต่ต้องเซล้มกลับไปเหมือนเดิมเมื่อโดนสวนกลับด้วยกำปั้นเต็มๆแรง ก่อนที่จะตามด้วยของจุกๆจิกๆที่ถูกโยนกลับมาเต็มๆหน้า แน่ล่ะ เงินทุกบาททุกสตางค์ในกระเป๋าถูกพวกมันเอาไปจนหมด ไม่เหลือแม้กระทั่งบัตรต่างๆที่พวกมันพาซื่อ คิดว่าจะสามารถจัดการเอาสิ่งที่พวกมันต้องการออกมาได้
ศิระคว้ากระเป๋าที่พวกมันคืนให้เปิดดูทุกซอกมุม เด็กหนุ่มเข้าอ่อนใจหายวาบ เขาอยู่มุมไหนของพื้นดินส่วนนี้เขายังไม่รู้ แล้วเงินในกระเป๋าก็หายเกลี้ยงไปแบบนี้ บัตรทางการเงินซักใบ ไอ้พวกชั่วก็ไม่เหลือไว้ให้แล้วเขาจะไปไหนได้อีก
“ทำไมมันซวยอย่างนี้วะ” น้ำตาคนสับสนไหลออกมาอีกครั้งพลางเก็บข้าวของตัวเองลวกๆยัดใส่เป้สะพาย ก่อนที่ยันกายพาร่างกายที่สะบักสบอมของตัวเองยืนขึ้น เด็กหนุ่มออกเดินทั้งๆที่ไม่รู้จะไปไหน ความเหนื่อยล้า ความหิวและความอ่อนเพลียถาโถมเข้าหาตัว อาการจุกเสียดจากการโดนทำร้ายก็ยังไม่ทุเลาลงเลยแม้แต่นิด สุดท้ายร่างทั้งร่างก็เซล้มซุบตรงม้านั่งริมสวนสาธารณะที่เดินมาถึง......
ติดตามใหม่ตอนหน้า
บีบหัวใจกันสุดๆ เชื่อว่าตอนนี้คงมีคนน้ำตาซึมกันหลายคน
สงสารศิระเนาะ ซวยซ้ำซวยซาก เฮ้อออออออ
วีอีลุงไหหน้าใสเด้งจังเนาะ
เพิ่งจะมาคิดออกว่าเพ่เจของเราปีนี้ก็เข้าปีที่38แล้ว
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
อีก2ปีก็40ดิ โหจะไล่ลุงไหทันแระ
แล้วลุงโยของfc_ukจะเท่าไหร่กัน คิกๆ