[Novel]สองคนบนทางรัก by:Bboyse 28/01/08 Chapter 20 END
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Novel]สองคนบนทางรัก by:Bboyse 28/01/08 Chapter 20 END  (อ่าน 132486 ครั้ง)

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
Re: [Novel]สองคนบนทางรัก by:Bboyser 16/12/07 Chapter 9
«ตอบ #90 เมื่อ17-12-2007 13:11:30 »

ศิระเอ้ยยยยยยยยยย ทำไมถึงมาตกม้าตายให้คนเลวๆหลอกแบบนี้

fc_uk

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel]สองคนบนทางรัก by:Bboyser 16/12/07 Chapter 9
«ตอบ #91 เมื่อ19-12-2007 18:10:41 »

 :oni3: :oni3: :oni3: :oni3: :oni3:

Red....[em]

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel]สองคนบนทางรัก by:Bboyser 16/12/07 Chapter 9
«ตอบ #92 เมื่อ19-12-2007 23:11:46 »

 :เฮ้อ: :เฮ้อ:

กว่าจะมาไล่อ่านจนจบตอน เล่นเอาต่อมสงสารทำงานมากมายเลยอะครับ


งึดดดด ๆๆๆ สงสารศิระเนอะๆๆ ช่างเป้นเด็กหนุ่มที่น่าสงสารอะรายเยี่ยงเน้ แฮ่ๆๆๆ



แบบนี้ถ้ารู้ความจริง ต้องเอาคืนให้ :m15:เลยนะครับ




ออฟไลน์ しろやま としんや

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1856
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +921/-157
Re: [Novel]สองคนบนทางรัก by:Bboyser 20/12/07 Chapter 10
«ตอบ #93 เมื่อ20-12-2007 01:05:13 »

เอ้าบีบหัวใจกันเข้าไป

+++++++++++++

#10


ศิระเริ่มออกอาการเนือยๆกับการนั่งจิ้มเกมส์ที่เล่นมาหลายชั่วโมง โทรศัพท์ของพฤกษ์ที่ให้ไว้ แม้จะมีคนโทรเข้ามา แต่ก็ไม่ใช่เจ้าของเครื่องซักคน เขาเริ่มเบื่อๆและถามตัวเองว่าตัวเองกำลังทำอะไร และรออะไรอยู่ ยิ่งผ่านไปนานหลายชั่วโมงหัวใจก็ยิ่งว้าเหว่อย่างประหลาด หรือว่าพฤกษ์จะหลอกเขา ถ้าหลอกแล้วทิ้งโทรศัพท์ไว้ให้ทำไม การกระทำแบบนี้ใช่ว่าคนที่รู้จักกันทั่วไปที่ไหนเขาจะทำกัน เขาต้องใจเย็นและเข้าใจในความรักครั้งนี้สิ มันเป็นรักครั้งแรกที่เขาโดดลงมาหาความหมายแล้วนี่
      พฤกษ์ ทนรอให้สองชั่วโมงที่หนังฉายจบลงไปแทบไม่ไหวเมื่อตลอดเวลาเมษาพยายามซุกไซร้ใกล้ชิดเขา จนเขาเกรงว่าจะมีใครมาเห็นแล้วฉายไฟส่องประจาน มันน่าโมโหอยู่น้อยซะเมื่อไหร่ล่ะ ทันทีที่ไฟมืด ร่างกายเขาก็โดนลวนลามแทบจะทุกส่วน นี่ถ้าเมษาทำได้มากกว่านี้ นายนี่ก็คงจะทำไปแล้วแน่ๆ
“โกรธผมเหรอพฤกษ์” เมษาถามเมื่อเห็นสีหน้าบึ้งตึงของคนที่เขาถือโอกาสใกล้ชิดในที่ ที่คนๆนี้ไม่มีโอกาสเดินหนีไปไหน ช่วยไม่ได้ อยากให้เขาเลือกที่นั่งเองดีนัก
“เปล่าครับ” พฤกษ์ตอบแบบไม่มองหน้าคนถาม ศิระต่างกับคนๆนี้อย่างสุดขั้ว รายนั้นกว่าจะจับมือได้ก็เล่นเอานึกรำคาญ หวงตัวจนน่าหมั่นไส้ แต่นี่อะไร ถ้าไม่ติดว่าที่นี่คือโรงหนังเขาไม่เสร็จไปแล้วเหรอ
“แล้วทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะครับ หนังไม่สนุกเหรอ”
“ทำนองนั้นแหละครับ หนังมันน่าเบื่อ ผมว่าเราแยกกันตรงนี้เลยนะครับ คุณเอารถมาใช่มั๊ย กลับบ้านดีๆนะครับ” พูดจบพฤกษ์ก็ไม่รอให้คนยืนอึ้งโต้ตอบอะไรกลับมา เมษาได้แต่มองตามหลังคนเดินหนีอย่างขัดใจ จะรีบไปไหนนักหนา.

“ทำอะไรอยู่วะ ทำไมไม่รับสาย โทรหลายรอบแล้วนะมึง” พฤกษ์เผลอสบถออกมาเมื่อรู้สึกหงุดหงิดที่โทรติดต่อคนที่เขาให้รอไม่ได้ เด็กหนุ่มรู้ว่าตัวเองหายไปนาน แต่อะไรบางอย่างทำให้เขามั่นใจว่าศิระต้องรอเขาอยู่แน่ๆ ด้านศิระ ก็กำลังครื้นเครงกับเพื่อนใหม่ที่เขามาทำความรู้จักระหว่างที่นั่งเล่นเกมส์อยู่คนเดียว เขาฆ่าเวลารอพฤกษ์ไปด้วยการสนทนาพื้นๆของคนที่เพิ่งรู้จักกัน แลกกับการได้ความรู้และกลโกงในการเล่นเกมส์ต่างๆที่ไม่เคยรู้
“โทรศัพท์มา ไม่รับเหรอ” เด็กหนุ่มข้างตัวเตือนคนที่กำลังสนุกกับการใช้กลโกงในการเล่นเกมส์ให้หยุดหันมาสนใจอุปกรณ์สื่อสารเครื่องเล็กที่สั่นตัวเองส่งเสียงเรียกให้คนสนใจอยู่ในกระเป๋ากางเกง
“อ้าวรับไม่ทันอีก” ศิระบ่นเมื่อสายโดนตัดทิ้งไปก่อนที่เขาจะกดรับ
“โห ตั้งสิบ missed call แน่ะ แฟนนายโทรตามหรือป่าวว่ะ” ศิระมองหน้าคนอุทานที่มองหน้าจอโทรศัพท์ที่เขาถืออยู่ มันแสดงผลชัดเจนว่ามีสิบสายที่โทรเข้ามาแล้วเขาไม่ได้รับ พฤกษ์หรือเปล่า ?
“เจอกันวันหลังนะ ต้องไปแล้วว่ะ ขอบใจที่มาคุยเป็นเพื่อน” ศิระตบไหล่คนที่พยักหน้าให้ก่อนจะรีบเดินออกไปทางที่เขาแยกตัวจากพฤกษ์มา สองขาหยุดชะงักเมื่อเห็นพฤกษ์เดินเนือยๆมาด้วยหน้าตาหงุดหงิด
“พฤกษ์” เด็กหนุ่มร้องเรียก ทำให้คนตัวสูงเงยหน้าขึ้นมองเขาก่อนจะเดินดุ่มๆเข้ามาหา
“ทำอะไรอยู่ โทรหา ทำไมไม่รับ” พฤกษ์โวยใส่ทันทีเมื่อเดินมาถึงคนที่เขานึกโกรธขึ้นมา
“ก็ไม่ได้ยิน เสียงเกมส์มันดัง” ศิระอธิบาย ที่จริงนายนี่หายไปร่วมหกชั่วโมง เขามีสิทธิโวยวายแต่ทำไมกลับกลายว่าตัวเองมาโนเล่นงานซะเอง
“เล่นเกมส์ เกมส์อะไร มันสนุกจนลืมนึกถึงฉันเลยหรือไง” ศิระกำลังจะอ้าปากเถียงว่าคนที่ยืนว่าเขาปาวๆๆก็ลืมเขาไปเหมือนกัน แต่ยังไม่ทันขยับลิ้นหนึ่งเสียงก็ตะโกนเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน
“ศิระ นายลืมของแน่ะ” สองคนที่ยืนเผชิญหน้ากันหันไปมองต้นเสียงอย่างไม่ได้นัดหมาย พฤกษ์ยิ้มหยันนึกเข้าใจได้เองว่าอะไรเป็นอะไร ไอ้หน้าละอ่อนนี่เองที่ทำให้นายนี่ปล่อยให้เขาโทรหาเป็นสิบๆเที่ยว
“ขอบใจ นายเอาไปเถอะ ที่จริงมันก็ของนายแหละ ฉันไม่ได้เล่นชนะคนเดียวซะหน่อย” ศิระบอกคนที่เดินมายื่นของให้ มันเป็นรางวัลจากการเล่นชนะเกมส์เมื่อครู่
“งั้นก็ไม่กวนแล้ว ไปล่ะ แล้วเจอกัน” คนที่เข้ามาผิดที่ผิดเวลาถอยฉากออกไปอย่างรู้ตัวเมื่อเห็นแววตาและสีหน้าไม่พอใจของคนตรงหน้าศิระ
“ไปรู้จักกันตอนไหน” พฤกษ์ถามเมื่อลับหลังเด็กหนุ่มที่เข้ามาเมื่อครู่
“ที่ตู้เกมส์” ศิระตอบ นึกไม่ออกว่าพฤกษ์ไม่พอใจเรื่องอะไร ทั้งๆที่เขาเองควรเป็นฝ่ายถามมากกว่าว่าอยู่ล้างจานให้ร้านอาหารนั่นหรือยังไงถึงเพิ่งออกมาเอาป่านนี้
“ดีนี่ ได้เพื่อนใหม่แล้วลืมแฟนตัวเอง” พฤกษ์ประชด มันไม่ใช่การประชดเล่นๆ แต่เขารู้สึกแบบนั้นจริงๆ เขาหงุดหงิดที่เห็นศิระเป็นมิตรกับคนเมื่อครู่
“ฉันไม่ได้ลืมนะ ก็บอกแล้วไงว่าเสียงเกมส์มันดัง เลยไม่ได้ยิน”
“ไม่ได้ยินหรือไม่สนใจกันแน่ มัวแต่คุยอะไรกันล่ะ”
“อย่าหาเรื่องกันหน่อยเลยน่า ทีนายล่ะ ไหนบอกจะรีบมาไง นี่มันผ่านไปกี่ชั่วโมง ใครกันแน่ที่ลืมกัน”
“นายไม่มีสิทธิมาย้อนฉันนะศิระ จำเอาไว้”
“ทำไม นายเป็นเทวดาหรือไง ถึงย้อนไม่ได้”
“อย่างน้อยฉันก็เป็นคนรักนาย หรือไม่จริง” ศิระอึ้ง จะปฏิเสธก็ไม่กล้า ในเมื่อสิ่งที่พฤกษ์พูด มันเป็นสิ่งที่ตัวเองกำลังต้องการ
“โอเคๆ ฉันขอโทษ พอใจหรือยัง” เด็กหนุ่มยอมเอ่ยในที่สุด ก่อนจะยื่นโทรศัพท์คืนให้เจ้าของ พฤกษ์รับมาถือไว้ในมือ รู้สึกผิดขึ้นมาเมื่อคนที่ควรจะขอโทษน่าจะเป็นเขา แต่ศิระกลับยอมเป็นเป็นคนเอ่ยซะเอง
“แล้วนี่ กินข้าวบ้างหรือยังหรือมัวแต่เล่นเกมส์” พฤกษ์เอ่ยถาม เป็นครั้งแรกที่เขาถามออกมาจากใจจริงๆไม่ใช่แกล้งถามอย่างที่ผ่านๆมา
“ช่างเถอะ ฉันว่าฉันกลับดีกว่า”ศิระบอกปัด พฤกษ์ก็แค่อาจจะนึกได้ว่าลืมโทรศัพท์ไว้ที่เขาคงย้อนกลับมาเอาก็แค่นั้น เขาคงไม่มีค่าพอที่จะให้นายนี่ย้อนกลับมาด้วยใจ ดูเอาเถอะมาถึงก็ชักสีหน้าเหมือนเขาทำอะไรผิดนักหนา
“โกรธฉันเหรอ” ศิระมองหน้าคนถาม ถ้าเป็นเมื่อก่อน นายนี่อาจโดนสวนกลับไปแล้ว แต่ตอนนี้ ทำแบบนั้นไปก็เท่านั้น ศิระจึงใช้ความนิ่งสยบอารมณ์ พฤกษ์กับเขาที่มาที่ไปมันต่างกัน มันก็ไม่แปลกถ้าพฤกษ์จะรู้สึกว่าตัวเองอยู่เหนือกว่าเขาและคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูกเสมอ แค่ได้เดินคู่กันมันก็บุญแค่ไหนแล้วสำหรับเขา
“ฉันมีสิทธิโกรธนายด้วยเหรอ”
“ทำไมพูดแบบนี้ อารมณ์คนเรามันก็มีเท่ากันทุกคนนะ ถ้าเมื่อกี้ฉันพูดแรงไปหรือทำอะไรขัดใจ ฉันก็ขอโทษ”
“คิดดูอีกที ช่องว่างระหว่างเรามันก็เยอะจนเติมยังไงมันก็เติมไม่เต็ม แค่นี้เราสองคนก็จะไปกันไม่รอดอยู่แล้ว ฉันจะไม่โกรธนายเลยนะพฤกษ์ถ้าตอนนี้นายจะบอกฉันว่านายไม่อยากที่จะเสียเวลากับฉันอีก เราคงเป็นเส้นขนานกันแล้วล่ะ คิดว่าต่างคนต่างเดินมันจะดีกว่าหรือเปล่า บางทีฉันก็ไม่เข้าใจว่าฉันทำอะไรอยู่ มันตลกเกินกว่าที่จะคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง” ศิระระบายในสิ่งที่ตัวเองแอบคิดตอนนั่งอยู่คนเดียว เขาคิดว่ายังไงรักของเขาครั้งนี้มันคงเป็นไปไม่ได้ด้วยเหตุผลร้อยแปดที่เขาไม่อยากคิดก็ต้องคิด แวบแรกที่คิดจะลองอดทนดูแต่เมื่อยิ่งคิดเขาก็ยิ่งเจอทางตัน ตัดใจตอนนี้น่าจะยังไม่สาย
“เลิกคิด และก็เลิกพูดแบบนี้นะศิระ” พฤกษ์เอ่ยห้าม รู้สึกใจกระตุกอย่างประหลาด ละอายที่ศิระจะถอยออกจากชีวิตเขาเพราะความไม่เท่ากันของวิถีสังคม ที่ผ่านมามีแต่คนวิ่งเข้าหาเขา น้อยคนที่จะคิดแบบนี้ เขาคงจะผิดอย่างไม่น่าให้อภัยถ้าไปตอกย้ำรอยแผลที่ศิระสร้างให้ตัวเอง เขาน่าจะทำให้ศิระรู้สึกว่าตัวเองมีค่าสำหรับคนอื่น ที่ผ่านมาเขาใจดำคิดทำร้ายคนๆนี้ได้ยังไงนะ
“ปะ เดี๋ยวพาไปหาอะไรกิน เลิกคิดที่จะไปจากชีวิตฉันได้เลย ฉันไม่ยอมให้นายไปไหนทั้งนั้น”พูดจบ มือที่ว่างของพฤกษ์ก็เอื้อมไปกุมมือคนที่กำลังหวาดระแวง เขาบีบมือนั้นเบาๆเหมือนย้ำให้เจ้าตัวเลิกหวาดกลัว……………

ออฟไลน์ しろやま としんや

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1856
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +921/-157
Re: [Novel]สองคนบนทางรัก by:Bboyser 20/12/07 Chapter 10
«ตอบ #94 เมื่อ20-12-2007 01:08:04 »

พฤกษ์นั่งมองคนที่กำลังจัดการกับชามก๋วยเตี๋ยวตรงหน้าอย่างใช้ความคิด ศิระนิ่งเงียบมาตลอดทางที่นั่งรถมาด้วยกันกับเขา ถ้าเขาไม่ถามว่าเจ้าตัวจะกินอะไร เขาคงต้องขับรถรอบเมืองอย่างไม่มีจุดหมายเป็นแน่ เขาไม่กล้าที่จะปล่อยให้ศิระแยกจากเขาไปในสภาพแบบนี้ เขากลัวในสิ่งที่ศิระพูดตั้งแต่ตอนก่อนจะออกมา เขาคงเริ่มแคร์คนๆนี้แล้วสินะ
“มองอะไร” ศิระเอ่ยถามเมื่อจัดการกับอาหารโปรดเรียบร้อย เขาเลือกร้านที่เป็นรถเข็นริมถนนเมื่อพฤกษ์ถามว่าเขาจะกินอะไร เขาไม่ได้ขอร้องให้พฤกษ์นั่งเป็นเพื่อนและก็ไม่ต้องการด้วยซ้ำ เพราะเชื่อว่าพฤกษ์คงปล่อยเขาลงคนเดียว แน่ล่ะ ร้านแบบนี้มันเหมาะกับนายนั่นซะเมื่อไหร่ แต่แล้วเด็กหนุ่มก็แปลกใจเมื่อพฤกษ์ขับรถวนหาที่จอดและก็ตามเขามาแต่ก็ไม่ยอมสั่งอะไร เป็นเขาที่ต้องสั่งน้ำเปล่าๆมาให้ แต่ก็ใช่ว่าพฤกษ์จะแตะ มันมาสภาพยังไงตอนนี้มันก็อยู่แบบเดิมถ้าไม่นับน้ำแข็งที่ละลายจนหมด
“อิ่มแล้วเหรอ” พฤกษ์ไม่ตอบคำถามแต่กลับถามกลับ ศิระจึงพยักหน้ารับแต่ท่าทีสีหน้าก็ยังนิ่งเฉยจนคนถามต้องถามคำถามใหม่
“ยังไม่เลิกคิดอีกเหรอ”
“คิดอะไร”
“เรื่องของเราไง”
“ทำไมเหรอ มันไม่มีอะไรจะต้องคิดแล้วนี่”
“หมายความว่าไง”
“แค่นี้มันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่านายกับฉันคงไปกันไม่รอดหรอก”
“นายวัดจากอะไร” ศิระเงียบมองสบตาคนถามก่อนจะใช้สายตาตัวเองมองไปยังแก้วน้ำที่ไม่มีใครสัมผัส เพียงแค่นั้นพฤกษ์ก็เข้าใจความหมาย นายนี่คิดไปถึงไหนต่อไหน เขาไม่ได้ถือตัวขนาดที่จะกินน้ำตามร้านแบบนี้ไม่ได้ ที่ไม่แตะก็มัวแต่คิดเรื่องของนายน่ะแหละ  พฤกษ์ไม่รอให้ศิระคิดไปไหนได้ไกลอีก เด็กหนุ่มคว้าแก้วน้ำขึ้นมายกดื่มรวดเดียวจนหมดแก้วก่อนจะวางลงต่อหน้าคนที่มองเขานิ่งๆ ก่อนจะบอก
“พอใจยัง หรือจะสั่งอะไรมาให้ก็ได้นะ เดี๋ยวฉันจะกินให้ดูตรงนี้แหละ”
“ทำไมต้องประชดด้วย” ศิระถาม นึกย้อนกลับไปตอนที่นั่งอยู่ในร้านอาหารที่เขาโดนคนๆนี้ฉีกหน้าก็นึกเคืองขึ้นมา ถ้าเขาจะเอาคืนบ้างมันจะรู้สึกอายบ้างหรือเปล่ากับสังคมที่ไม่คุ้นเคยแบบนี้
“ใครประชด ก็นายคิดอะไรอยู่ล่ะ ฉันแค่ทำให้นายเห็นว่าฉันมันก็คนธรรมดาเดินดินคนหนึ่งเหมือนกัน” พฤกษ์เถียง รู้ว่าจิตใจของศิระตอนนี้คงกำลังสับสนกับตัวตนของเขา ขนาดเขาเองยังสับสนกับตัวเอง อารมณ์ที่เคยนึกจะแกล้งมันหายไปหมดสิ้น ยิ่งเห็นศิระซึมเขาก็ยิ่งนึกโทษตัวเองกับเหตุการณ์ที่เขาทำให้ศิระต้องอาย ถ้าเป็นเขาที่โดนแบบนั้นบ้างเขาก็คงไม่ต่างจากคนตรงหน้าตอนนี้นักหรอก ตอนนี้อะไรที่จะเติมช่องว่างที่เหลืออยู่ให้เต็มเขาก็พร้อมจะทำ ก่อนที่ศิระจะคิดอะไรไปไกลเกินกว่าที่เขาจะกู่กลับ อย่างน้อยๆศิระก็ยังไม่รู้ว่าการทำดีที่ผ่านมาเป็นการเสแสร้งแกล้งทำของเขา ถ้าเขาจะเปลี่ยนความรู้สึกตัวเองตอนนี้มาทำดีกับคนๆนี้จริงๆ มันก็คงจะยังไม่สายไป ก็ไม่รู้ล่ะ ถ้าศิระยังไม่กลับมาเป็นคนที่พร้อมจะวีนเขาได้ทุกเมื่ออย่างที่เคย เขาก็จะไม่ยอมให้คนๆนี้ไปไหนทั้งนั้น
“มันดึกแล้ว นายกลับไปเถอะ ฉันอยากอยู่คนเดียว” ศิระเอ่ยในสิ่งที่คนฟังไม่อยากได้ยิน เขาจึงได้รับคำตอบที่สวนกลับทันควัน
“ไม่อ่ะ ถ้านายเป็นแบบนี้อยู่ ฉันก็ไม่ไปไหนทั้งนั้น”
“ถ้างั้น นายก็คงอยู่กับฉันทั้งคืนแล้วมั้ง”
“ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ถ้านายไม่ไล่ฉัน”
“อย่าเสียเวลากับฉันดีกว่าพฤกษ์ อย่าให้ฉันสงสารตัวเองไปกว่านี้เลยนะ”
“ทำไมนายชอบพูดแบบนี้ มันอะไรนักหนา นายมีร่างกาย มีเลือดเนื้อ มีสมอง แล้วทำไมต้องดูถูกตัวเองด้วย”
“ตอนเราเจอกันครั้งแรกนายคิดแบบนี้หรือเปล่า” พฤกษ์ชะงัก หวังว่าศิระคงไม่จำทุกคำพูดของเขาไว้หรอกนะ
“มันผ่านมาแล้ว นายจะรื้อฟื้นทำไมอีก” ศิระเงียบบ้าง เขาไม่ได้ต้องการรื้อฟื้น แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยมันขึ้นมา
“อย่าพยายามปิดตัวเองเลยนะศิระ ฉันอยากให้นายเป็นนายคนเดิมได้มั๊ย”
“คนไหนล่ะ คนที่ไม่ยอมให้นาย หรือคนที่เชื่อนายทุกคำพูด นายคิดว่าคนไหนที่นายจะหลอกได้ง่ายที่สุด”
“ถ้านายพูดแบบนี้อีก ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่ฉันจะรั้งนายไว้แล้วล่ะศิระ เพราะนายคงไม่เชื่อใจฉันง่ายๆ”
“ไม่ใช่เพราะฉันรู้ทันหรอกเหรอ ว่าจริงๆนายคิดยังไง”
“ศิระ ทำไมนายพาลแบบนี้ นี่นายไม่เชื่อใจฉันจริงๆใช่มั๊ย”
“เชื่อก็โง่ล่ะ”
“ศิระ” พฤกษ์ครางออกมาเบาๆ ศิระคิดทันในสิ่งที่เขาเคยคิดทำหรือแค่แกล้งทดสอบเขากันแน่ มันต้องพิสูจน์กันหน่อยล่ะ พฤกษ์แกล้งผลุนผลันจะลุกหนีจากคนที่เขากำลังนึกหวั่นใจ แต่แล้วหัวใจก็ยิ้มออกมาได้เมื่อ มืออุ่นๆของศิระคว้าหมับเข้าที่มือเขาไว้ก่อนจะพูดด้วยท่าทีตกใจ
“นายจะไปจริงๆเหรอพฤกษ์”
“นายต้องการแบบนี้ไม่ใช่เหรอ”
“ฉันขอโทษ ฉันกำลังสับสน” พฤกษ์ถอนหายใจ ในที่สุดศิระก็ไม่รู้อะไร ขอเวลาเถอะน่า ขอเวลาให้เขาแก้ตัวในสิ่งที่ทำให้คนๆนี้ต้องสับสน



ติดตามกันต่อไปให้ดีนะ สนุกขึ้นเรื่อยๆแล้ว

ขอบคุณทุกคอมเม้นต์นะครับ

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
Re: [Novel]สองคนบนทางรัก by:Bboyser 20/12/07 Chapter 10
«ตอบ #95 เมื่อ20-12-2007 11:08:18 »

อ่ะ โจรจะกลับใจอย่างนั้นเหรอเนี่ย

ออฟไลน์ @BUA@

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +427/-8
Re: [Novel]สองคนบนทางรัก by:Bboyser 20/12/07 Chapter 10
«ตอบ #96 เมื่อ20-12-2007 11:15:44 »

 :m4: :m4: :m4:

เลิกแกล้งศิระซะที  รึเปล่า?



จะมีอะไรทำให้เปลี่ยนไปเป็นโหมดร้ายเหมือนเดิมมั้ยเนี่ย   :m29:


fc_uk

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel]สองคนบนทางรัก by:Bboyser 20/12/07 Chapter 10
«ตอบ #97 เมื่อ20-12-2007 12:23:16 »

กลับบบใจได้แปป เดี๋ยวก้อเปงอีกกกกกกก......เจอเพื่อนยุก้อแกล้งงงง ศิระอีกกก ชัวร์  :seng2ped:

Red....[em]

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel]สองคนบนทางรัก by:Bboyser 20/12/07 Chapter 10
«ตอบ #98 เมื่อ21-12-2007 19:42:09 »

หงืมๆๆ...


พฤกษ์จะใจอ่อนได้ตลอดรอดฝั่งปล่าวง่า...?

จะไม่คิดเกลียด หรือโกรธชิงชังไรอีกแล้วใช่ม้า...?

ละ...แล้ว ศิระกำลังคิดทำไรอยู่เนี้ย...?



แง่งงงงงง

กร๊าซซซซซซซซซซซซซซซซ

(บ้าบอได้อีกซิตรู)

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
Re: [Novel]สองคนบนทางรัก by:Bboyser 20/12/07 Chapter 10
«ตอบ #99 เมื่อ21-12-2007 20:08:45 »

ไม่เชื่อใจพฤกษ์น่ะ  o12
ทำไมต้องมาหลอกกันด้วย เป็นผีรึไง:serius2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [Novel]สองคนบนทางรัก by:Bboyser 20/12/07 Chapter 10
« ตอบ #99 เมื่อ: 21-12-2007 20:08:45 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ しろやま としんや

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1856
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +921/-157
Re: [Novel]สองคนบนทางรัก by:Bboyser 23/12/07 Chapter 11
«ตอบ #100 เมื่อ23-12-2007 00:11:29 »

มาดูการตัดสินใจของศิระกัน

ดูสิว่าศิระจะตัดสินใจถูกหรือผิด

++++++++++++++++++++

#11

“ มึงว่าไงนะพฤกษ์ “ ปอนด์ทุบโต๊ะดังปังก่อนจะใช้สายตาหันขวับมองคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม ไอ้เพื่อนจอมเล่นตัวของเขากำลังจะตกลงลองคบใครคนหนึ่งเพื่อดูใจ เขาจะไม่ใจหายขนาดนี้ถ้าชื่อของคนที่หูได้ยินเมื่อครู่ไม่ใช่ ศิระ
“มึงจะบ้าเหรอไอ้พฤกษ์ มึงเอาสมองส่วนไหนคิด ที่จะเอาไอ้กุ๊ยนั่นมาเป็นภาระให้มึงดูแล” เด็กหนุ่มโวยใส่เพื่อนเมื่อฝ่ายนั้นพยักหน้าเป็นเชิงตอบรับ
“มึงเลิกเรียกศิระว่ากุ๊ยได้แล้วไอ้ปอนด์” พฤกษ์เอ่ยขึ้นเสียงดุหวังเพียงให้เพื่อนนึกเกรงบ้าง เขาเอาเรื่องนี้มาบอกก็แค่อยากให้เพื่อนรับรู้ไม่ใช้มาออกความเห็นแบบนี้ แต่ปอนด์นี่สิไม่ได้แค่ไม่รับรู้เฉยๆแต่เจ้าตัวถึงกับชี้หน้าเขากลับพลางต่อว่าอีกเป็นกระบุงโกย
“มึงมันบ้าแล้วพฤกษ์ คนดีๆที่เหมาะกับมึงทำไมมึงไม่รู้จักมอง ไปมองทำไมกับไอ้คนที่มันไม่มีอะไรดีเลยซักอย่าง กูไม่เข้าใจมึงเลยจริงๆ คบกันมานานกูเห็นมึงโง่ก็วันนี้แหละ”
“มึงจะด่ากูกูยังไงก็สายไปแล้วล่ะปอนด์ เพราะกูตกลงคบกับศิระเรียบร้อยแล้ว”
“แล้วเมษาล่ะ มึงจะเก็บมันไว้ที่ไหน”
“ทุกอย่างก็เหมือนเดิม มันมีอะไรต้องเปลี่ยนเหรอ”
“มึงก็รู้ว่าเมษามันรักมึง”
“แล้วไง จำเป็นด้วยเหรอที่กูต้องรักตอบ”
“ถึงมึงไม่รักตอบ แต่มึงหาใครที่มันมีอะไรดีๆ พอที่จะทำให้เมษามันตัดใจจากมึงได้มากกว่าไอ้ศิระไม่ได้หรือไง”
“กูเคยคิดเรื่องนี้แล้วแต่กูว่ามันไม่เกี่ยว ถ้ากูมัวแต่แคร์จิตใจคนอื่น กูจะกล้าตัดสินใจอะไรๆได้ยังไง”
“หมายความว่ามึงไม่คิดที่จะแคร์คนที่รักและรอมึงอย่างเมษาเลยงั้นสิ”
“กูเชื่อว่าซักวันเขาต้องเจอคนที่ดีกว่ากู”
“มันเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นเลยนะพฤกษ์”
“แล้วไง มึงจะให้เมษาหมดรักกูก่อนหรือไง กูถึงจะสามารถคบใครได้ ทั้งๆที่กูกับเขาก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“มึงก็รู้ว่าเมษาไม่มีทางหมดรักมึง”
“มึงรู้ใจเขาได้ไง มึงไปนั่งในใจเขาเหรอ คนมันเที่ยวบ่อยขนาดนั้น”
“นี่มึงกำลังดูถูกเพื่อนกูนะ”
“ก็อย่างที่มึงดูถูกศิระไง”
“ไอ้นั่นเป็นใคร เมษาเป็นใคร มึงเอามาเทียบกันได้ไง”
“มึงเลิกเอาสองคนนี้มาเปรียบเทียบกันเถอะยังไงมึงก็เปลี่ยนใจกูไม่ได้ ศิระอาจโชคร้ายที่เกิดมาแล้วต้องดิ้นรนด้วยตัวเอง ไม่ต้องอยู่อย่างคนไม่เดือดร้อนเหมือนมึง กู หรือเมษา แต่ในความเป็นคนเหมือนกัน ศิระยังไม่เคยดูถูกใคร หรือนินทาใครให้กูได้ยิน”
“มึงมั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอ มึงรู้จักมันนานแค่ไหนกันเชียว”
“เวลามันใช้วัดอะไรๆ ไม่ได้เสมอไปหรอก”
“ถ้างั้นที่ผ่านมามึงก็หมายความว่า เมษาเป็นคนไม่ดีในสายตามึงน่ะสิ เที่ยวเก่ง ดูถูกคน เป็นคนไม่เอาไหนงั้นสิ”
“กูไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น”
“ก็มึงเพิ่งพูดไปหยกๆ”
“มึงตีความเอาเองต่างหาก”
“มึงอย่าแกล้งเป็นคนดีต่อไปเลยพฤกษ์ ในเมื่อมึงไม่เลือกเมษา มึงก็ควรจะยอมรับว่ามึงมองเพื่อนกูเป็นอย่างที่กูว่าจริงๆ”
“ถ้างั้นก็สุดแต่มึงจะคิด”
“กูคิดไปมันก็ไม่มีประโยชน์ เพราะคนเสียใจที่มึงคิดแบบนี้ คือเจ้าตัวเขาต่างหากล่ะ”
“ถ้ามึงตีความหมายจากคำพูดก็แบบนั้นแล้วเอาไปบอกเมษากูก็ห้ามไม่ได้ที่จะไม่ให้เขาเสียใจ”
“ถึงกูไม่บอก มันก็รู้หมดทุกอย่างแล้วล่ะตอนนี้”
“หมายความว่าไง”
“เมษา อยู่ข้างหลังมึง” การสนทนาหยุดลงชั่วครู่ พฤกษ์ถึงกับใจหาย เด็กหนุ่มหันไปมองด้านหลังแทบจะทันที เมษากำลังยืนหน้าซีดอยู่อย่างที่ปอนด์บอก
“มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ เมษา” เด็กหนุ่มรีบรีบถาม ถ้าตาไม่ฝาดเขาเห็นตาคนตรงหน้าเริ่มแดงอย่างชัดเจนก่อนที่เจ้าตัวจะฝืนยิ้มพูดกับเขา
“ก็ นานเหมือนกันครับ”
“นัดปอนด์ไว้เหรอครับ” พฤกษ์ถามต่อ เมษาหน้าซีดเผือดจนเขาทำตัวไม่ถูก สิ่งที่เขาเอ่ยเมื่อครู่คงเข้าไปในหูของเด็กหนุ่มคนนี้แล้ว บ้าชะมัด
“ไม่นัดกูแล้วจะนัดใคร นัดมึงมึงเคยว่างให้มันมั๊ย” ปอนด์กระแทกเสียงใส่ หวังให้เพื่อนรู้จักสำนึกในสิ่งที่ทำกับคนที่รักตัวเองข้างเดียวซะบ้าง พฤกษ์ผ่อนลมหายใจ ใช่ว่าเขาจะรู้สึกผิดอะไรมากมาย เพราะไม่ได้มีใจให้เมษาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่นึกเสียใจที่ปอนด์ตีความหมายในคำพูดเขาแรงไปให้คนตรงหน้าได้ยิน เมษาคงเสียใจไม่น้อยเพราะสภาพที่เห็นเหมือนคนกำลังช๊อคอะไรซักอย่าง แล้วก็ฝืนทำตัวเองให้ปกติ แต่มันปิดมิดซะเมื่อไหร่ล่ะ
“พอดีผมกับไอ้ปอนด์ว่าจะไปต่างจังหวัดกันสัปดาห์หน้าน่ะครับ เพื่อนที่มหาลัยเขาชวนไปกัน ก็เลยว่าจะหาซื้อของที่ต้องเตรียมน่ะครับ” เมษาตอบปอนด์เลยสานคำพูดให้
“ตอนแรกพวกกูกะจะชวนมึงไปด้วยเพราะเป็นการเที่ยวเฉพาะกลุ่มไม่เกี่ยวกับมหาลัยแต่ตอนนี้กูเปลี่ยนใจแล้วว่ะพวกกูคงเป็นหมาหัวเน่าสำหรับมึงแล้ว”
“ทำไมพูดอย่างนี้วะ ยังไง มึงก็ยังเป็นเพื่อนกู หัดแยกแยะบ้างสิว” พฤกษ์ตัดพ้อ การที่เขาจะคบศิระมันผิดขนาดนั้นเลยหรือไง
“เพื่อนโง่ๆ อย่างมึงกูไม่อยากจะคบต่อไปหรอกว่ะ” ปอนด์ว่าเข้าให้อย่างไม่เกรงใจ เมษาจึงต้องรีบเอ่ย
“มึงอย่าพาลเป็นเด็กสิวะไอ้ปอนด์”
“หมายความว่าไงเมษา”
“มึงไม่ควรพูดแบบนี้กับเพื่อนที่คบกันมานานเพราะรื่องไม่เป็นเรื่องนะ”
“นี่อย่าบอกนะว่ามึงยอมเข้าใจ และยอมรับในสิ่งที่มึงได้ยินได้”
“ทำไมล่ะ สิ่งที่พฤกษ์พูดมันก็ถูกต้องแล้วนี่ ใช่มั๊ยครับพฤกษ์” ประโยคท้ายเมษาหันมาถามคนที่ยืนทำตัวไม่ถูกเมื่อเห็นสองหนุ่มที่ซี้กันกำลังประทะคารมกันเพราะเขา
“พูดไม่ออกอ่ะดิมึง โธ่เอ้ย ไม่แน่จริงนี่หว่า” ปอนด์แขวะขึ้น
“มึงเลิกพูดก่อนปอนด์” เมษาสั่งเพื่อน แล้วมองพฤกษ์
“อย่าลำบากใจเลยนะครับพฤกษ์ ถ้าจะคุณคบกับใครจริงๆผมก็ไม่มีสิทธิห้าม ผมยังยืนยันคำเดิมว่าผมยังรู้สึกดีกับคุณ ลองคบคนอื่นดูก็ได้ ถ้าคิดว่าผมไม่ดีพอสำหรับคุณ ที่คุณพูดมาทั้งหมดก็ถูก ผมเที่ยวเก่ง ดูแลตัวเองไม่ได้ ยังเป็นภาระของครอบครัวอยู่ ถ้าเลือกได้ผมก็อยากจะเป็นคนที่ทำตัวมีค่าอย่างศิระ เผื่อคุณจะได้มองผมในแง่ดีบ้าง”
“ผมไม่ได้มองอะไรลึกขนาดนั้นนะครับเมษา ผมขอโทษ ถ้าสิ่งที่ผมพูดไปมันทำให้คุณเสียความรู้สึก”
“เปล่าเลยครับ ผมไม่เสียความรู้สึก ผมกลับดีใจด้วยซ้ำที่เห็นคุณไม่โลเล ทำตามสิ่งที่คุณคิดแหละครับดีแล้ว ผมรักคุณ คุณไม่จำเป็นต้องรักผมตอบ มันถูกแล้วล่ะครับ ผมคงเรียกร้องอะไรไม่ได้ เวลามันจะพิสูจน์ให้คุณเห็นเองอย่างที่ปอนด์บอก ผมคงไม่หมดความรู้สึกดีๆไปจากคุณง่ายๆหรอกนะครับ แค่คุณให้ผมเป็นเพื่อนที่สามารถโทรหาคุณตอนดึกๆแบบเดิมได้ผมก็มีความสุขแล้วล่ะครับ”
“เมษา คุณก็เหมือนไอ้ปอนด์ เรายังเป็นเพื่อนกันครับ ผมไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเลย คุณทำตัวเหมือนเดิมได้ตามสบายครับ” เมษายิ้มบางๆรับคำบอกของคนตรงหน้า เขาทำให้พฤกษ์รู้สึกผิดขึ้นมาได้ อะไรมันจะง่ายขนาดนั้น นี่ถ้าเขาโวยวายไม่พอใจกับสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ ความสัมพันธ์ของเขากับพฤกษ์ อาจขาดสะบั้นลงได้ ดีนะที่ไหวตัวทัน ใช้มารยาให้เป็นประโยชน์ ใครบอกว่าเฉพาะผู้หญิงเท่านั้นที่มีคุณสมบัตินี้ติดตัวมา ศิระ ก็ศิระ เถอะ ยากหน่อยนะที่เขาจะยอมหลีกทางให้ใครที่ไม่ใช่เขาได้ใกล้ชิดคนที่มีพร้อมทุกอย่างอย่างพฤกษ์
“ถ้าอย่างนั้น พฤกษ์ไปเที่ยวกับเรามั๊ยครับ ไปขึ้นดอยทางเหนือกัน เปิดหูเปิดตา พาศิระไปด้วยก็ได้นะครับ” เมษาเอ่ยชวน ภาวนาให้พฤกษ์ตอบตกลง และถ้าลากมารหัวใจอย่างศิระไปด้วยได้เขาจะยิ่งขอบคุณพระเจ้า เพราะการไปเที่ยวครั้งนี้เป็นการไปเฉพาะกลุ่มจริงๆ ถ้านายนั่นไปก็เท่ากับว่ามันจะกลายเป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญทันที พฤกษ์จะมีเวลาปกป้องมันตลอดสัปดาห์ที่อยู่บนดอยก็ให้รู้ไปสิ

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
Re: [Novel]สองคนบนทางรัก by:Bboyser 23/12/07 Chapter 11
«ตอบ #101 เมื่อ23-12-2007 00:18:36 »

ไอ้เจ้าเมษาเนี่ยท่าทางร้าย  แล้วพฤกษ์จะเป็นพระเอกที่โดนเมษาปั่นหัวเล่นไม๊เนี่ย :m29:

แล้วศิระจะรอดไม๊เนี่ย :เฮ้อ:

ออฟไลน์ しろやま としんや

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1856
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +921/-157
Re: [Novel]สองคนบนทางรัก by:Bboyser 23/12/07 Chapter 11
«ตอบ #102 เมื่อ23-12-2007 00:30:08 »

“อย่าเสียเวลาน่ะเมษา มันคงอย่างสวีทกับสุดที่รักมันสองต่อสองจนใจจะขาด ต่อไปเราไม่ได้อยู่ในสายตามันหรอก” ปอนด์เอ่ยขึ้น ทนฟังอยู่นาน จะบ้าตาย เมษาหน้าร้อนกลายเป็นเมษาหน้าหนาวไปแล้วหรือยังไง คนรักกำลังจะถูกแย่งจากคนที่ไม่คู่ควร ยังจะชวนมันสองคนไปสวีทให้เห็นตำตาตำใจอีก ประสาทแล้วมั๊ยล่ะ
“ถ้ากูจะไปมึงจะเลิกแขวะกูได้มั๊ยไอ้ปอนด์” พฤกษ์หลุดปากตอบตกลงเพราะความหมั่นไส้เพื่อนซี้ที่เอาแต่แขวะเขาไม่จบไม่สิ้น ทั้งๆที่เขาไม่ค่อยชอบที่จะไปไหนไกลๆกับคนที่ไม่สนิทนัก ยิ่งเป็นเพื่อนกลุ่มของเมษากับปอนด์อีก คงสนุกตายล่ะ แต่ดูท่าเขาจะกลับคำลำบากเมื่อ เมษาแสดงท่าทีดีใจออกหน้าออกตา
“จริงเหรอครับพฤกษ์ ขอบคุณมาก ผมอยากไปต่างจังหวัดกับคุณมานานแล้วนะครับ”
“แต่ผมคงพาศิระไปด้วย คงไม่ว่านะครับ” พฤกษ์บอก แปลกใจที่เห็นอาการเมษาร่าเริงกว่าเดิม แต่ก็ดี เผื่อคำพูดแรงๆของเขาเมื่อครู่มันจะได้ถูกกลืนไปกับสถานการณ์
“กูไม่ให้ไอ้นั่นไป ถ้าจะไป มึงไปได้คนเดียว” ปอนด์กันท่า เพราะห่วงความรู้สึกเพื่อน แต่คนที่ถูกห่วงกลับหันมาว่าเขาซะเอง
“แล้วถ้ากูให้ไปล่ะ ไอ้ปอนด์”
“เมษา มึงคิดว่ามึงทำอะไรอยู่”
“ทำอะไร กูไม่ได้พาลอะไรเป็นเด็กๆเหมือนมึงนี่ เลิกพูดเถอะ พฤกษ์จะพาใครไปมันก็เรื่องของเขา มึงอ่ะ มากะกู ขอตัวนะครับพฤกษ์” พูดจบเมษาก็เดินไปลากแขนคนยืนงงไปอีกทางปล่อยให้พฤกษ์มองตามหลังเมษาเข้าใจอะไรง่ายกว่าที่เขาคิดมันทำให้เขารู้สึกดีกับคนๆนี้ขึ้นอีกหลายเท่าตัว

   พฤกษ์ เอ่ยบอกศิระเรื่องไปเที่ยวตามคำชวนของเมษาในตอนเย็นหลังศิระเลิกงานและออกมาเจอเขาตามปกติ อารมณ์ดีๆของศิระชะงักลงชั่วครู่เมื่อได้ยินสิ่งที่คนข้างตัวบอก เขานิ่งคิดก่อนจะเอ่ยถาม
“นายอยากไปเหรอ”
“ก็รับปากพวกมันไปแล้ว” พฤกษ์ตอบ น้ำเสียงของศิระเขาจับได้ทันทีว่าคนๆนี้คงไม่อยากไป ยิ่งศิระคาดคั้นเขาอีกเขาก็ยิ่งปักใจว่าศิระคงไม่พอใจกับการที่เขาชวนไปเที่ยวครั้งนี้แน่ๆ
“แล้วนายอยากไปหรือเปล่าล่ะ”
“จริงๆก็ไม่อยากไปอ่ะนะ แต่ก็รับปากพวกมันไปแล้ว”
“แล้วไปรับปากเขาทำไมล่ะ”
“ก็เพื่อนกัน พวกมันชวน ฉันเองก็ไม่ค่อยมีเวลาให้พวกมันเท่าไหร่ นานๆทีก็คิดว่าคงไม่เป็นไร”
“งั้นนายก็ไปคนเดียวดิ มาชวนฉันทำไม”
“พาลอีกล่ะ ก็ฉันอยากให้นายไปด้วย บอกสิว่านายจะไม่น้อยใจถ้าฉันไปโดยไม่ชวนนาย”
“ทำไมต้องน้อยใจ ไม่ใช่เด็กสามขวบ นายจะไปไหนมาไหน มันก็สิทธิของนายอยู่”
“เออ รู้ว่าเก่ง แต่คนเก่งเขาไม่ได้พูดประชดกันแบบนี้หรอกนะ”
“ใครประชดนาย”
“ก็นายไง”
“ฉันเปล่า”
“ปากแข็งอ่ะดิ ตกลงจะไปไม่ไป ไม่ไปจะได้บอกพวกมัน”
“หมายความว่าไง”
“ก็ถ้านายไม่ไป แล้วฉันจะไปทำไม”
“อย่าให้ฉันต้องเป็นภาระนายเลยพฤกษ์ นายจะไปก็ได้ฉันเข้าใจ เพราะจริงๆ ฉันก็มีงานที่ต้องทำ แถมเรียนก็ไม่เป็นเวลาอีก ยังไงพวกเขาก็เพื่อนนาย”
“เลิกพูดเถอะ บอกแล้วไง นายไม่ไปฉันก็ไม่ไป”
“อายุเท่าไหร่แล้วนายเนี่ย”
“ก็เท่านายน่ะแหละ”
“งั้นก็เลิกคิดอะไรที่มันไม่เป็นเรื่องได้แล้ว จะไปไหนจะทำอะไร ไม่จำเป็นต้องมารายงานฉันทุกเรื่องหรอกนะ”
“เออทำพูดดีเข้าไป เดี๋ยวจะหายไปซักสามวัน จะดูซิว่าจะทนได้กี่น้ำ”
“แต่ก่อนฉันก็อยู่คนเดียว หายเป็นชาติ ฉันก็ไม่ตามหานาย”
“ได้แฟนใจกว้างเป็นมหาสมุทร แล้วสิกู หาเศษ หาเลยซะดีมั้งเนี่ย”
“ก็ลองดิ คนเราคบกันแล้วไว้ใจกัน ไม่ได้ให้นอกใจกัน แยกแยะเป็นป่ะ”
“อะ อะ ยอมแพ้ แล้ว ขี้เกียจเถียงกะนายไว้จะบอกพวกมันแล้วกันว่าเราไม่ไป ถ้าจะไป ขอไปกันแค่สองต่อสอง” พฤกษ์ตัดบทเสร็จก็ทำท่าทางเจ้าเล่ห์ใส่คนที่ยืนอึ้ง ศิระไม่สบายใจที่ตัวเองทำให้พฤษ์ตัดสินใจห่างเพื่อนแบบนี้ ยังไงเขาก็มาทีหลัง ไม่ดีแน่ถ้าพฤกษ์จะเสียเพื่อนเพราะเขา
“ตกลงฉันจะลองลางานไปกะนายก็แล้วกัน ไม่ต้องไปปฏิเสธพวกเขาหรอก” ศิระบอกในที่สุด พฤกษ์หันมามองอย่างแปลกใจ แต่ก็ยอมรับว่าโล่งใจที่เขาไม่ต้องลำบากใจไปกลับคำกับเมษา คนที่เขาคิดว่ากำลังเสียใจกับคำพูดของเขาวันนั้น ถ้าเขาปฏิเสธคำชวนครั้งนี้ เมษาอาจเสียความรู้สึกไปมากกว่าที่เป็นอยู่ก็ได้ อย่างน้อยคนๆนี้ก็เคยมีความรู้สึกดีๆให้เขา อย่างที่ปอนด์บอก เขาหันมาคบศิระแบบนี้ เมษาคงรู้สึกแย่อยู่ไม่น้อย แต่ทำไงได้ล่ะ เขาได้สัญญากับตัวเองเอาไว้แล้วนี่ว่าจะไม่ทำให้ศิระ รู้สึกน้อยใจกับชีวิตตัวเอง แม้เขาจะยังตอบตัวเองไม่ได้ว่าเขารักคนๆนี้แล้วหรือยัง แต่ศิระรักเขาแล้วแน่ๆล่ะ เขาดูออก ยังไงเขาก็ขอเวลาบ้างล่ะ ที่จะตอบหัวใจตัวเองได้อย่างชัดเจน ไม่คลุมเครืออยู่แบบนี้ ใช่ว่าเขาจะไม่คิดในคำพูดของปอนด์ เขาพร้อมที่จะรับศิระมาเป็นภาระดีขนาดไหน? คนรอบกายยังมีผลต่อจิตใจเขาอยู่ เขาเดินคู่ศิระแบบนี้ ยังไงใครๆก็ต้องมองเห็นความแตกต่างและช่องว่างที่เกิดขึ้นแน่นอน เวลาเท่านั้นล่ะมั้งที่จะทำให้ศิระถมช่องว่างขึ้นมาจนถึงเขา หรือเขาเองจะชินชากับสิ่งที่หายไป

   ศิระลางานไม่ได้อย่างที่ได้รับปากไว้กับพฤกษ์ เขาไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะหยุดงานต่อเนื่องได้ถึงหนึ่งสัปดาห์ เด็กหนุ่มลำบากใจอยู่ไม่น้อยที่บอกพฤกษ์ว่าตัวเองไม่สามารถไปเที่ยวครั้งนี้ได้ ยิ่งใกล้วันเดินทางพฤกษ์ก็ยิ่งชวนเขาไปซื้อของที่จำเป็นต้องใช้โดยไม่ถามเขาซักนิดว่าเขาลางานได้อย่างที่บอกหรือไม่ พฤกษ์ทำราวกับว่าเขาจะสามารถไปไหนมาไหนได้ตามสะดวก หรือพฤกษ์จะลืมไปว่าสถานะความเป็นอยู่ของเขาไม่ได้ทำอะไรง่ายๆอย่างใจนึก
“เป็นอะไรไปศิระ ท่าทางเหมือนกลุ้มใจเลย” พฤกษ์หยุดถามคนที่เดินเนือยๆตามหลังเขาเมื่อสังเกตเห็นมานานว่าเจ้าตัวเหมือนคนเหม่อๆ
“เปล่า ไม่มีไร แค่เหนื่อยนิดหน่อย” คนโดนถามบอกปัด เพราะหาคำพูดเริ่มต้นที่จะปฏิเสธอย่างที่ใจคิดไม่ได้
“งานหนักเหรอ” พฤกษ์เอื้อมมือปัดไรผมคนบอกบอกเหนื่อย เพราะคิดว่าเจ้าตัวคงจะเหนื่อยจากงานมาจริงๆ
“ก็นิดหน่อย” ศิระตอบยิ้มๆ
“พักบ้างนะอย่ามัวแต่บ้างาน อย่าลืมนะว่าหน้าที่นายจริงๆคือเรียนให้จบ”
“ทำไงได้ ไม่ได้เกิดมาสบายเหมือนนายนี่”
“ไม่เกี่ยว ฉันว่านายเลือกที่จะเป็นแบบนี้เองต่างหากล่ะ”
“หมายความว่าไง”
“ลองคุยกับที่บ้านดูหรือเปล่า บางทีพวกเขาอาจรอนายอยู่ก็ได้นะ อย่าทำเป็นคนไม่มีใครไปหน่อยเลย”
“พูดไปนายก็ไม่เข้าใจ อย่าพูดถึงพวกเขาเลยดีกว่า”
“ก็เป็นซะแบบนี้ แล้วก็มานั่งน้อยใจตัวเองอีก นายนี่มันรั้นจริงๆ”
“ช่างเถอะ เลิกพูดเรื่องนี้เถอะ” พฤกษ์เงียบเมื่อศิระเริ่มอาการไม่ดี ถ้าคนๆนี้ได้ความอบอุ่นจากครอบครัวบ้างก็คงจะไม่ก้าวร้าวอย่างที่เขาเคยเจอตอนแรก





อย่าเพิ่งปาดกันดิยังลงไม่เสร็จเลย

เนตเต่าอ่ะ ทำอย่างอื่นด้วยT^T

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
Re: [Novel]สองคนบนทางรัก by:Bboyser 23/12/07 Chapter 11
«ตอบ #103 เมื่อ23-12-2007 00:43:16 »

อ่านแล้ว ดูท่าทางเรื่องนี้คงไม่หยุดฟาดฟันกันง่ายๆแน่

ออฟไลน์ しろやま としんや

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1856
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +921/-157
Re: [Novel]สองคนบนทางรัก by:Bboyser 23/12/07 Chapter 11
«ตอบ #104 เมื่อ23-12-2007 00:48:47 »

“แล้วลางานเป็นไงบ้าง” ศิระหายใจคล่องขึ้นเมื่อพฤกษ์เอ่ยถามเขาในที่สุด มันเป็นสิ่งที่เขาอยากบอกอยู่แล้วเลยไม่อ้ำอึ้งที่จะเอ่ย
“ลาได้แค่สามวัน”
“สามวัน ไปเหนือ เนี่ยนะ” พฤกษ์โพล่งปากอย่างตกใจ พลอยทำให้ศิระอึดอัดขึ้นมาใหม่ จึงรีบอธิบาย
“ที่จริงฉันไม่ไปก็ได้นะ นายไปคนเดียวจะดีกว่าหรือเปล่า”
“แล้วทำไมเพิ่งมาบอกล่ะ พวกนั้นเขาเซ็ตคนหาที่พักกันเรียบร้อยแล้ว”
“ก็ฉันไม่รู้ มันลาไม่ได้จะให้ทำไงเล่า”
“ลาออก”
“หา นายว่าไงนะ” ศิระร้องถามเมื่อได้ยินสิ่งที่พฤกษ์เอ่ยออกมาอย่างหน้าตาเฉย
“ก็ลาออกไง ทำทำไมงานแบบนั้น ลาแค่สัปดาห์เดียวไม่ให้ จะทนให้เขาโขกสับอยู่ทำไม”
“นายไม่ลำบากนายก็พูดได้ดิ ขืนฉันลาออกตอนนี้ ฉันก็อดตายกันพอดี เรียนก็ยังเรียนไม่จบ จะไปทำอะไรที่ไหนได้”
“มันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ก็ลองอยู่ตัวคนเดียวดูมั๊ยล่ะ”
“เอาล่ะๆ ฉันเข้าใจ แต่ยังไงนายมาปฏิเสธตอนนี้ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ทุกอย่างมันลงตัวหมดแล้ว สรุปคือนายต้องไป”
“เฮ้ย เข้าใจกันบ้างสิวะ บอกลางานไม่ได้ไง” ศิระขึ้นเสียงเมื่อพฤกษ์ไม่ยอมเข้าใจในภาระของเขา
“แล้วไง ตอนแรกฉันก็จะปฏิเสธไปแล้ว แต่นายเองไม่ใช่เหรอที่ห้ามไว้ แล้วมากลับคำตอนนี้ ไม่บอกวันเดินทางซะเลยล่ะพ่อคุณ” พฤกษ์ย้อนกลับบ้าง เขายอมรับว่าเขาไม่เข้าใจสังคมคนทำงาน อย่างเขาจะไปไหนก็ต้องไป ไม่ต้องมีเรื่องให้พะวงแบบนี้ก็เลยหงุดหงิดกลับสิ่งที่ต้องเจอ
“จริงๆ ฉันก็ไม่ได้สนิทกะใคร ฉันไม่เห็นจำเป็นจะต้องไปก็ได้”
“ก็ฉันไง นอกจากไอ้ปอนด์แล้ว ฉันก็ไม่ได้สนิทกับใครเลยเหมือนกัน ถ้าลาไม่ได้ก็ลาออกซะ ถ้าตกงานแล้วมันลำบากมากนักก็บอกอีกเทอมเดียวนายก็จะเรียนจบแล้วไม่ใช่เหรอ ฉันคงพอช่วยได้ หางานใหม่ได้เมื่อไหร่ค่อยมาว่ากันอีกที”
พูดจบพฤกษ์ก็เดินหนีโดยไม่รอฟังคำคัดค้านใดๆจากศิระที่ยืนสับสนไม่รู้ว่าจะเลือกหนทางไหนดีนั่นก็งาน นี่ก็คนรัก ทำไมคนเรามันต้องได้อย่างเสียอย่างด้วยไม่เข้าใจ

   “หา มึงจะลาออก” โก๋ตาโตถามศิระทันที ที่เขาเอาเรื่องที่เขาจะออกจากงานที่ทำอยู่มาบอก
“เออ พรุ่งนี้กูคงไม่มาแล้ว” ศิระตอบ นึกใจหายอยู่เหมือนกัน ถ้าการตัดสินใจครั้งนี้ผิดพลาด ชีวิตเขาจะเดินไปทางไหนยังไม่รู้ ทำแบบนี้มันเท่ากับเอาชีวิตไปแขวนอยู่กับคนอื่นชัดๆ ทั้งๆที่เคยอยู่ได้ด้วยตัวเองมาโดยตลอด แต่ที่ผ่านมาพฤกษ์ก็ทำให้เขาเริ่มเชื่อใจได้บ้าง ลองเดินบนเส้นด้ายซักหนมันคงไม่เท่าไหร่ ตกลงมาไม่ตายก็แค่เจ็บ แต่พฤกษ์คงไม่ยอมให้เขาเป็นแบบนั้นหรอกมั้ง
“คิดดีๆนะโว้ย เรียนก็ยังเรียนไม่จบนะมึง ออกไปแบบนี้ เกิดเทอมนี้มึงไม่จบอย่างที่ตั้งใจ จะแย่เอานะ” โก๋เตือนสติ มันเป็นข้อเตือนที่ศิระไม่หวั่นเท่าไหร่ เขามั่นใจว่ายังไงซะเขาจะจบชีวิตนักศึกษาภายในเทอมนี้ให้ได้อยู่แล้ว ก็เลยเฉยๆ
“ขอบใจว่ะที่เตือน แต่กูตัดสินใจแล้ว กูเคยบอกมึงแล้วนี่ว่ากูจะไม่ยอมอยู่แบบนี้ไปจนตายหรอก” คนมั่นใจตบไหล่เพื่อน แต่ฝ่ายนั้นก็ยังอดห่วงไม่ได้
“มึงไปดีกูก็ดีใจด้วย แต่ถ้ามึงไปแล้วเจอทางตัน มันจะจบไม่สวยนะโว้ย กับชีวิตที่มึงสู้มาตั้งนาน”
“เอาน่า ในเมื่อกูเลือกที่จะเดินแล้ว ถ้ามันผิดพลาดกูก็จะถือว่ามันเป็นบทเรียนแล้วกัน”
“แล้วถ้าบทเรียนนี้มันไม่มีข้อสอบให้แก้ตัวล่ะ”ศิระอึ้ง นั่นสินะ ชีวิตไม่ได้เหมือนข้อสอบถ้าเขาก้าวพลาดไปในครั้งนี้ อนาคตเขาจะเป็นยังไง
“มึงยังคิดและตัดสินใจใหม่ได้นะศิระ ถ้ามึงเรียนจบกูจะไม่ห้ามมึงเลยซักคำ ชีวิตที่ผ่านมา มึงต้องฝ่าอะไรมาบ้าง แล้วจู่ๆจะมาเสี่ยงตอนท้ายเรื่องทำไม เกิดพลาดขึ้นมา ไม่มีโอกาสให้แก้ตัวนะโว้ย” เพื่อนซี้ยังย้ำเจตนาเดิมเพื่อเตือนสติคนสับสน แต่สุดท้ายมันก็ไม่เป็นผล เมื่อศิระยึดมั่นในการตัดสินใจของตัวเอง
“มึงเป็นเพื่อนที่ดีมากไอ้โก๋ แต่กูมันคนรั้นมึงก็รู้ ว่ากูไปไม่รอดจริงๆ กูจะนึกถึงมึง”
“เออ กูต้อนรับมึงทุกเมื่อศิระ” สองหนุ่มกอดคอกันกลม ก่อนที่ศิระจะแยกจากไปด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มที่โก๋ไม่มั่นใจว่าเขาจะเห็นมันจากเพื่อนคนนี้อีกเมื่อไหร่  จากนี้ไป เส้นทางที่ศิระเลือกเดิน เขาภาวนาให้ฟ้ามอบความสุขที่แท้จริงให้คนๆนี้เสียที


ต่อไปจะเป็นยังไงติดตามกันได้ในตอนหน้านะ


เพิ่งจะสังเกตุแฮะว่าคุณfc_uk เป็นเด็กลุงโยด้วย หุหุหุ

เราเองก็เด็กเจร๊อคคนนึงเหมียนกัน ตั้งแต่รุ่น X-japan ครือกาน

ว่าแล้วก็คิดฮอดป๋าเดะ   เรายังไม่ได้ฟังS.K.I.N ของลุงโยเลยสักครั้ง เพราะช่วงนี้ไม่ได้โหลดไรเลย

ไว้จะลองไปหาฟังเสียงไอ้มิดูหน่อย  


ขอบคุณทุกคอมเม้นต์นะครับที่ติดตามกันมาอย่างเหนียวแน่น


ปาดกันอีกแระ  :m15:

ออฟไลน์ @BUA@

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +427/-8
Re: [Novel]สองคนบนทางรัก by:Bboyser 23/12/07 Chapter 11
«ตอบ #105 เมื่อ23-12-2007 01:18:14 »

เริ่มเห็นความเศร้ามาลางๆ  :m29:
รื่องนี้
ศิระทำไมต้องยอมพฤกษ์ขนาดนี้ด้วยเนี่ย



ปล. พี่แอมๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะจัดการเรื่องที่บอกให้

แต่ต้องแลกกับการมาต่อเรื่องนี้นะ  โอเช๊   :oni2:

fc_uk

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel]สองคนบนทางรัก by:Bboyser 23/12/07 Chapter 11
«ตอบ #106 เมื่อ23-12-2007 01:22:55 »

ขอบคุณครับคุณ..โทชินยะ..หรือป่าว.....ที่มาต่ออ่ะ

 :pig4: :pig4: :pig4:

ตอบบ....

S.K.I.N ยังไม่ได้ฟังเหมือนกานอ่ะครับ

ก้อยังคงฟังมันแต่เพลงเก่าๆของXอ่ะ

เพลงโปรดผม "Scar" อ่ะ :m23: :m23:



Red....[em]

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel]สองคนบนทางรัก by:Bboyser 23/12/07 Chapter 11
«ตอบ #107 เมื่อ23-12-2007 17:56:00 »

แอบปาดดดดด


เจอขาร๊อคเหมือนก๊านนน  คุยด้วยๆๆ แฮ่ๆๆ


เด็กลุงโยเหมือนกัน คิดถึงป๊าเดะด้วยครับ  เพลงโปรด ก็ Tear ฟังทีไรก็ซึ้งครับ ฮี่ๆๆ

fc_uk

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel]สองคนบนทางรัก by:Bboyser 23/12/07 Chapter 11
«ตอบ #108 เมื่อ23-12-2007 18:21:17 »

ตอบคุณข้างบน...

ง่ะ tear ก้อดี..คร้าบบบ

หวังว่าที่ x กะลังจะ reunion นี่พี่โยทำแนวดนตรีที่สดใสไม่ขุ่นมัวมาบ้างอ่ะครับ

 :a4: :a4: :a4:

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
Re: [Novel]สองคนบนทางรัก by:Bboyser 23/12/07 Chapter 11
«ตอบ #109 เมื่อ23-12-2007 20:38:09 »

เราไม่อยากให้ศิระทำแบบนี้เลย o12
ไม่ชอบพฤกษ์ด้วย ไม่น่าเอาความรู้สึกมาล้อเล่น o7

ทำไงดีไม่ชอบทั้งนายเอก พระเอก  :m13:

ไม่ได้ดั่งใจเลย :เฮ้อ:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [Novel]สองคนบนทางรัก by:Bboyser 23/12/07 Chapter 11
« ตอบ #109 เมื่อ: 23-12-2007 20:38:09 »





ออฟไลน์ しろやま としんや

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1856
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +921/-157
Re: [Novel]สองคนบนทางรัก by:Bboyse 26/12/07 Chapter 12
«ตอบ #110 เมื่อ26-12-2007 12:44:47 »

ก่อนจะอ่านตอนนี้ทำใจกันด้วยนะ เพราะมันบีบหัวใจ

+++++++++++++++++++++++++

#12
ในวันเดินทางศิระได้เผชิญหน้ากับกลุ่มคนที่เขาไม่ค่อยลงรอยด้วย เมษากับปอนด์และเพื่อนร่วมทางรอเขากับพฤกษ์อยู่ก่อนแล้ว ทั้งหมดลงความเห็นว่าจะเดินทางกันด้วยรถประจำทาง ด้วยเหตุผลว่าไม่มีใครชำนาญทางพอที่จะเอารถกันไปเอง เด็กหนุ่มรู้สึกอึดอัดอยู่ไม่น้อยที่ต้องยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนที่ดูเหมือนจะมองเขาด้วยแววตาแปลกๆหลังจากที่เมษาแนะนำเขาต่อหน้าทุกคน เพื่อนของเมษาห้าคนทำเหมือนกับไม่รับรู้มาก่อนว่าจะมีเขาร่วมเดินทางไปด้วย
“แน่ใจเหรอพฤกษ์ ว่าพวกเขาพอใจในการที่ฉันเดินทางไปด้วยครั้งนี้”ศิระลอบถามพฤกษ์ เมื่อมีโอกาสยืนอยู่ด้วยกันสองต่อสอง หลังจากที่ทั้งหมดขึ้นทยอยขึ้นรถกันไป
“คิดมากน่า ฉันอยู่ทั้งคน นายจะกลัวอะไร” พฤกษ์ตอบ พลางส่งยิ้มบางให้คนข้างตัวไม่ต้องคิดมาก เขาเห็นแล้วล่ะ ว่าสายตาแต่ละคนมองศิระยังไง อย่างว่าคนแต่งตัวง่ายๆ ดันหลงมาเข้ากลุ่มกับคนแฟชั่นจ๋า เป็นใครก็ต้องมองเป็นธรรมดา
“จะอี๋อ๋อกันอีกนานป่ะพวกมึง” ปอนด์ชะโงกหน้าร้องทักเมื่อหมั่นไส้ในภาพที่เห็นไม่ได้ ในใจก็อยากจะให้ถึงที่หมายเร็วๆ ศิระจะได้สำนึกว่าตัวเองไม่เหมาะที่จะยืนคู่เพื่อนเขาแบบนี้ด้วยประการทั้งปวง
“เงียบไปเลยมึงไอ้ปอนด์” พฤกษ์ดุเพื่อนกลับ แล้วเดินนำศิระขึ้นไปบนรถ เด็กหนุ่มแปลกใจที่เห็นเลขที่นั่งตัวเองไม่ได้ติดกับเลขที่นั่งของศิระคนหกคนที่นั่งอยู่ก่อน ต่างก็อยู่กันเป็นคู่ แต่หนึ่งคนที่เหลือกลับนั่งอยู่เพียงลำพัง และเบาะว่างข้างตัวมันเป็นเลขที่นั่งของเขาชัดๆ
“ทำไมที่นั่งเป็นแบบนี้วะปอนด์” เขาถามเพื่อนตัวเอง หลังจากมองมองสบตาเมษาที่นั่งอยู่คนเดียว
“คนมาเก้าคนยังไงมันก็ต้องมีคนนึงที่ต้องนั่งคนเดียว แปลกตรงไหน”
ปอนด์ตอบไม่ตรงคำถาม ศิระที่เดินตามหลังขึ้นมาพอจะเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร งานนี้ยังไงซะเขาก็ดูเหมือนเป็นส่วนเกิน จึงเอ่ยบอกพฤกษ์
“นายก็ไปนั่งตามเลขที่ก็ถูกแล้วนี่พฤกษ์”
“แล้วนายล่ะ” พฤกษ์ย้อนถาม ปอนด์จึงแขวะขึ้น
“มึงไปนั่งกะเมษาน่ะแหละดีแล้วไอ้พฤกษ์ แฟนมึงโหนรถเมล์ออกจะบ่อย จะห่วงมันทำไม”
“พูดงี้หมายความว่าไงวะ” ศิระถามปอนด์เสียงดังเมื่อจับได้ว่าน้ำเสียงที่ได้ยินมันไม่ค่อยเข้าท่า เป็นเหตุให้คนอีกห้าคนที่นั่งอยู่มองหน้าเขาเป็นตาเดียว พฤกษ์จึงรีบแก้สถานการณ์
“เฮ้ย มองทำไมไม่มีอะไร สองคนนี้ก็แบบนี้แหละ”
“เถื่อนๆแบบนี้คบเข้าไปได้ไงนะพฤกษ์” เด็กหนุ่มที่นั่งคู่กับปอนด์เอ่ยขึ้นกลางวง ศิระรู้สึกไม่ค่อยดีจึงรับตัดบทกับคนที่หันมามองเขา
“ฉันนั่งคนเดียวได้ นายไปนั่งกับนายเมษาเถอะพฤกษ์”
“นายไม่โกรธฉันนะ” พฤกษ์ถาม ศิระส่ายหน้าก่อนจะเลี่ยงหลบเดินไปหาที่นั่งของตัวเอง เขาเดินผ่านหน้าเมษา สาบานได้ว่าเขาเห็นรอยยิ้มเหยียดหยันจากเจ้าตัวอย่างชัดเจน พฤกษ์มองศิระ รู้สึกลำบากใจอยู่เหมือนกัน ที่ปล่อยให้คนของตัวเองต้องไปนั่งอยู่เพียงลำพัง แต่เมื่อเขามองสบตาเมษา เขาก็นึกถึงคำพูดที่เคยคิดว่าทำให้คนๆนี้เสียความรู้สึก ระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมงถ้าเขาจะนั่งคู่เมษา ศิระคงไม่ถือสาอะไรเท่าไหร่ เอาไว้ถึงที่หมายแล้วค่อยเคลียร์กันอีกที ก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร
“ลำบากใจก็ไม่ต้องก็ได้นะพฤกษ์” เมษาตีหน้าเรียบเฉยบอกคนที่กำลังจะนั่งลงข้างๆ พฤกษ์จำเป็นต้องยิ้มตอบเพื่อรักษาน้ำใจก่อนจะนั่งลง
“ไม่หรอก ผมยังไงก็ได้”
“แล้วศิระล่ะครับ”ไ
“นายนั่นแกร่งจะตาย คุณอย่าห่วงเลย เผลอๆอาจจะชอบด้วยซ้ำที่ได้นั่งคนเดียว” ปากบอกคนข้างตัวว่าแบบนั้น แต่สายตากลับหันไปมองคนที่เขาคิดว่าแกร่ง ศิระหลบสายตาเพื่อซ่อนความน้อยใจที่เกิดขึ้นมาแบบไม่รู้ตัว เพื่อจะหลบให้พ้นๆภาพที่คนของตัวเองนั่งคู่กับคนอื่น เด็กหนุ่มเลยเลื่อนตัวเองไปนั่งแนบชิดติดกระจก ก่อนจะหลับตาลงพยายามไม่คิดมากให้จิตใจมันวุ่นวาย ไม่อยากจะคิดหรอกว่าตัวเองกำลังจะเจออะไรบ้าง
“อยู่ได้นะ” พฤกษ์เดินมาถามจนได้ หลังจากที่รถเริ่มเคลื่อนตัว
“อืม” ศิระตอบสั้นๆ โดยไม่มองคนถาม จะให้มองยังไงไหวล่ะ ก็เมื่อกี้ที่ลอบมอง เขาเห็นเต็มสองตาว่าพฤกษ์ถอดเสื้อคลุมตัวเองให้เมษาใส่
“อากาศมันเย็น ฉันว่านายห่มผ้าหน่อยดีกว่า” พฤกษ์เอื้อมมือหยิบผ้าที่ทางรถเตรียมไว้กำลังจะยื่นให้ศิระ แต่เขาต้องชะงักเมื่อมีเสียงปฏิเสธขึ้นมาซะก่อนขึ้นมาซะก่อน
“วางไว้นั่นแหละ จะห่มฉันหยิบเองได้”
“เป็นโรคอะไร ทำไมชอบปฏิเสธความหวังดีจากคนอื่นจังศิระ” คนชะงักมือบอกดุๆ ศิระจึงหันมามองถอนหายใจแล้วบอก
“กลับไปที่ของของนายเถอะ ฉันง่วง จะนอน”
“นายไล่ฉันเองนะ” พฤกษ์เริ่มหงุดหงิดที่ศิระทำท่าทีเหมือนรำคาญที่เขาเข้ามายุ่งโดยที่ไม่รู้ว่าที่รู้เหตุผล
“ก็เออสิ รู้ตัวก็ไปซะทีสิ” ศิระขึ้นเสียงเพื่อข่มความรู้สึก พฤกษ์ไม่รู้จริงๆเหรอว่าทำอะไรลงไป จะให้เขาใจดีไม่ถือสาไม่ได้หรอกนะ ไหนๆก็ห่วงคนอื่นมากกว่าเขาแล้วนี่ จะมายุ่งกับเขาทำไม

ออฟไลน์ しろやま としんや

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1856
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +921/-157
Re: [Novel]สองคนบนทางรัก by:Bboyse 26/12/07 Chapter 12
«ตอบ #111 เมื่อ26-12-2007 13:00:22 »

“พฤกษ์ ผมมีโปรแกรมจะให้ดู มันเข้าท่าหรือเปล่ามาช่วยคิดหน่อยครับ” เสียงเมษาเอ่ยแทรกกลางขึ้นมาระหว่างสองคนที่กำลังมองท้าทายกันอยู่ ด้วยความหงุดหงิด พฤกษ์จึงบอกคนของเขาด้วยน้ำเสียงห่างเหิน
“เก่งนักก็นั่งไปคนเดียวให้ตลอด คนที่เขาต้องการฉันก็มี” ศิระใจสั่น ไม่คิดว่าพฤกษ์จะพูดออกมาแบบนี้ เด็กหนุ่มตัดสินใจหันหน้าหนีจากคนพูดเหน็บ นี่ถ้าเขาสามารถหยุดรถได้ สาบานได้ว่าเขาจะลงจากรถคันนี้ไปทันที แต่มันก็ได้แค่คิด จากนี้ไป พฤกษ์จะเป็นคนที่เขาไว้ใจได้แค่ไหน หัวใจมันตอบตัวเองไม่ได้

“เฮ้ย” เสียงเรียกและมือที่ตบเข้าที่แก้มค่อนข้างแรงทำให้คนที่นอนหลับสะดุ้งตื่นขึ้นสุดตัว
“ทำอะไรวะ” ศิระรีบถามคนที่ยืนค้ำหัวอยู่ทันทีที่ทรงตัวลุกนั่งได้พลางนึกฉุนการกระทำของเจ้าตัวในใจ ที่บ้านมันสอนให้ปลุกคนอื่นแบบนี้หรือไง
“มึงจะนอนไปถึงไหน รถเขาจอดพักกันอยู่” ปอนด์เอ่ยบอกคนที่มองเขาตาขวาง ใช่ว่าเขาจะหวังดีกับเจ้าตัวหรอกนะที่อาสาขึ้นปลุกแทนพฤกษ์ เขาก็แค่อยากจะให้ศิระรับรู้อะไรที่มันอาจแทงใจไปหลายวัน นายนี่หนีไปไหนไม่ได้แล้วนี่ หลวมตัวมาขนาดนี้ รับรู้อะไรที่มันไม่น่าฟังหน่อยเป็นไง
“ยุ่งอะไรกะกู มึงอยากลงก็ลงไปดิ” ศิระบอก พลางเบือนหน้าหนีจากคนกวนใจ แต่สายตาเจ้ากรรมกลับหันไปเจอภาพภายนอกกระจกรถ เมษากำลังเดินคู่อยู่กับพฤกษ์ ท่าทางทั้งสองกำลังอารมณ์ดีอยู่กับการสูดอากาศบริสุทธิ์นอกตัวเมือง อากาศภายนอกคงจะเย็นน่าดู เสื้อของพฤกษ์ เมษายังคงสวมอยู่กับตัว
“ไง เห็นความแตกต่างระหว่างที่พฤกษ์เดินกะมึงหรือยัง” ปอนด์บอกด้วยน้ำเสียงเยาะหยันเมื่อเห็นสีหน้าศิระซีดไปถนัดตากับภาพที่ห็นภาพข้างหน้า
“อย่ามากวนฉันดีกว่า นายจะไปไหนก็ไป” ศิระข่มใจบอกตอนนี้เขาไม่มีแรงที่จะโต้ตอบ ไม่รู้ว่าแรงฉุนขาดเมื่อครู่มันหายไปไหนหมด
“กูอุตส่าห์ขึ้นมาหามึงขนาดนี้ มึงคิดว่ากูจะมาปลุกมึงเพื่อดูภาพแค่นี้เหรอ”ปอนด์พูดต่อ ศิระเลยฝืนเรี่ยวแรงหันมาตวาด
“แล้วมึงต้องการอะไร”
“กูอยากให้มึงได้ยินบางอย่าง” ปอนด์ตะคอกกลับพลางล้วงเอาของบางอย่างในกระเป๋ากางเกงออกมา
“เล่นอะไรของมึง” ศิระถามเมื่อเห็นคนยืนอยู่หยิบโทรศัพท์ออกมา
“มึงฟังเอา แล้วก็เลิกฝันลมๆ แล้งๆซะ เสียงนี้ก็เพิ่งอัดมาจากพฤกษ์เมื่อกี้นี่เอง ตอนที่มึงหลับอยู่ ไอ้โง่” ศิระกำลังจะตอบโต้ที่ปอนด์มายืนว่าปาวๆแบบนี้ แต่เด็กหนุ่มต้องชะงักเมื่อได้ยินน้ำเสียงของพฤกษ์ที่ลอดผ่านออกมาจากวัตถุที่ปอนด์ถืออยู่  ไม่ว่าคุณกับเพื่อนผมจะคิดยังไงนะเมษา ผมขอยืนยันตรงนี้ว่าผมกับนายนั่น ไม่ได้มีอะไรต่อกัน เข้าใจผมซะใหม่นะครับ อย่างผมถ้าจะคบใครรับรองได้ว่าไม่ใช่มันแน่.........
   “คิดเอาเองนะว่าที่กูเอาเสียงคนที่มึงหวังจะเกาะมาให้ฟังแบบนี้เพื่ออะไร ออกจากชีวิตเพื่อนกูซะ ถ้ามึงไม่อยากเป็นตัวตลกมากไปกว่านี้ ใครเขาจะเชื่อว่าพฤกษ์จะจริงจังกะมึง” ปอนด์ยิ้มเหยียดอย่างสะใจหลังจากพูดจบ เสียงนี้เขาอัดไว้ตอนไหน จ้างให้นายนี่ก็ไม่มีปัญญารู้ เห็นสีหน้าซีดๆตอนนี้ของมันแล้วอยากจะให้เมษามาเห็นด้วยจริงๆให้ตายเถอะ
   “นอนต่อไปเถอะ หลับทั้งน้ำตาก็ไม่มีใครว่านะ พวกกูคงจะไม่มายุ่งกะมึงอีก มึงมันก็ส่วนเกินดีๆนี่เอง” ปอนด์เดินจากไปอย่างผู้กำชัยชนะ ศิระหันไปมองทางเดิมอีกครั้ง เด็กหนุ่มแทบน้ำตาซึม เมื่อเห็นพฤกษ์หยอกล้อเมษาอย่างคนอารมณ์ดี จึงรีบเอนตัวลงบนเบาะหลับตาข่มความรู้สึกนิ่ง สิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่กับภาพที่เห็น มันไม่มีเหตุผลใดที่จะมาแย้งได้อีกแล้วว่าเขากำลังจะกลายเป็นส่วนเกินขึ้นมาจริงๆ น้ำตาที่ซึมออกมาเพราะความอัดอั้นกำลังจะเหือดแห้งไป ศิระใช้ฝ่ามือเช็ดมันลวกๆ เขาอ่อนแอไปก็จะยิ่งกลายเป็นตัวตลก เด็กหนุ่มยันกายลุกขึ้นเพื่อที่จะลงไปล้างรอยคราบความอ่อนแอ สองขาชะงักงันเมื่อคนแปดคนเดินสวนทางมาเพื่อมาที่รถ แน่ล่ะ คนแรกที่ศิระมองสบตาด้วย คือเจ้าของเสียงที่ทำให้เขาอ่อนแอเมื่อครู่
“ไปไหน” พฤกษ์เดินมาถามเมื่อเห็นศิระก้มหน้าจะเดินผ่านพวกเขาไป เพื่อนในกลุ่ม เดินผ่านขึ้นรถไปก่อน เหลือแต่เขา เมษา และก็ปอนด์เท่านั้นที่ยืนอยู่
“เข้าห้องน้ำ” ศิระตอบแต่ไม่เงยหน้ามอง แต่ก็มีคนลอบเห็นรอยช้ำที่ดวงตาเขาจนได้
“นอนก็เยอะ ทำไมยังตาแดงอยู่อีกล่ะศิระ” เมษานั่นเองที่เอ่ยถาม ปอนด์เล่าเรื่องให้เขาฟังจนหมด สะใจเป็นบ้า เขาน่าจะเห็นสภาพนายนี่กับตาตอนที่ได้ยินเสียงที่พฤกษ์พูด นี่คงจะแอบร้องให้มาล่ะสิ น่าอายจริงๆ
“ตอนปอนด์ปลุกทำไมไม่ลงมา” พฤกษ์ถาม เขาว่าจะไปปลุกเองแต่โดนเมษารั้งไว้เลยจำเป็นต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของปอนด์
“คิดว่าคนมันน่าจะเยอะก็เลยไม่ลง ขอตัวนะ” ศิระคิดที่จะเดินหนีแต่ต้องชะงักเมื่อปอนด์เอ่ยขึ้นก่อน
“เร็วนะโว้ย รถออกก่อน ไม่รู้ด้วยนะ”
“พูดมากน่ะ ไอ้ปอนด์” พฤกษ์ดุเพื่อน ก่อนจะเดินไปใกล้คนของตัวเอง
“เดี๋ยวไปเป็นเพื่อน”
“ไม่ต้อง”ศิระหันมาตวาด พฤกษ์จึงอดที่จะหัวเสียไม่ได้อีก นายนี่เป็นอะไร เข้าใกล้ทีไรเป็นงี้ทุกที
“ฉันจะไม่ถามหรอกนะว่านายเป็นอะไรทำไมถึงมีท่าทีแบบนี้นัก เรียกร้องความสนใจหรือไง” คนหงุดหงิดต่อว่าอย่างไม่เกรงใจ นั่นยิ่งย้ำให้ศิระน้อยใจหนักขึ้นอีก
“เรียกร้องไปทำไม ไอ้ความสนใจปลอมๆ” คนน้อยใจสวนกลับ พฤกษ์ไม่เข้าใจเลยต้องถาม
“นายหมายความว่าไง”
“แฟนมึงมันเพ้อเจ้อดีว่ะพฤกษ์” ปอนด์ขัดขึ้นก่อนที่ศิระจะเอ่ย พฤกษ์นึกรำคาญเลยฉุดแขนศิระพาเดินหนี เมษามองภาพนั้นอย่างรู้สึกเจ็บขึ้นมาบ้าง จึงรีบเดินตามไป
“ไปด้วยคนดิ จะล้างมือเหมือนกัน” พฤกษ์ผ่อนลมหายใจ เมื่อตอนอยู่บนรถ เมษาก็ตื้ออยากใส่เสื้อเขา เขาก็ถอดให้ไปแล้ว ตอนพักเขาจะไปหาคนของตัวเองบ้างก็รั้งไว้ พาลงรถมาก่อน แถมชวนเดินโน่นเดินนี่ แล้วนี่ยังจะตามเขามาอีก ใจคอจะไม่ให้เขาได้อยู่กับศิระสองต่อสองหรือไง
“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว พวกนายไปสองคนเถอะ” ศิระแกะมือพฤกษ์ออกจากแขนแล้วหันหลังเดินกลับ พฤกษ์คิดจะรั้งไว้แต่ก็ไม่ทันเมื่อเมษาเดินมาถึงเขาพอดี
“อะไรของเขาครับ อย่าบอกนะว่าเขาหึงผมกับคุณ” เมษาแกล้งตีสีหน้ารู้สึกผิด พฤกษ์ขี้เกียจฟังเลยตัดบท
“จะไปล้างมือไม่ใช่เหรอครับ”
“ครับ ไปเป็นเพื่อนผมหน่อยนะ” เมษาไม่รอฟังคำตอบรับคนที่ยืนคิดหนัก เขาเดินนำไปก่อน พฤกษ์คงไว้หน้าเขาบ้างแหละ เด็กหนุ่มคิดไม่ผิด เมื่อพฤกษ์เดินตามหลังตัวเองมาจริงๆ
บนรถศิระรีบเบือนหน้าหนี เมื่อเห็นพฤกษ์กับเมษาเดินคู่กันออกมาจากทางไปห้องน้ำ   เขาไม่อยากคิดไปถึงไหนต่อไหนให้ใจมันวุ่นวาย แต่มันก็อดไม่ได้
“ดื่มน้ำหน่อยนะ”พฤกษ์เดินถือขวดน้ำมายื่นให้คนที่นั่งนิ่ง เมื่อขึ้นมาบนรถและขอตัวแยกมาจากเมษาปล่อยให้ฝ่ายนั้นเข้าไปนั่งที่ก่อน
“ไม่หิว” ศิระปฏิเสธอีกครั้ง
“เอาเข้าไป ถามจริงเป็นอะไรไป รำคาญแล้วนะโว้ย ให้อะไร ทำอะไรให้ก็ปฏิเสธมันซะทุกเรื่อง” พฤกษ์อดต่อว่าไม่ได้ ศิระเองก็ใช่ว่าจะฟังเฉยๆด้วยอารมณ์น้อยใจที่อัดอั้นจึงสาดเสียงกลับไปทันที
“รู้แล้วยังจะมายุ่งกับฉันทำไม”
“ถ้าไม่ติดว่าสงสารที่ต้องนั่งคนเดียวก็จะไม่มายุ่งหรอกนะ” พฤกษ์เหน็บเข้าให้อีก จริงๆก็นึกห่วงแต่เห็นท่าทีของเจ้าตัวที่ต่อต้านเขาแล้ว มันพูดคำนั้นไม่ออกเลยจริงๆ
“ไม่ต้องมาสงสาร คิดว่าฉันไม่มีตัวตนอยู่บนรถนี้ได้ยิ่งดี” ศิระสวนกลับพลางสู้สายตาพฤกษ์ไม่ถอย สุดท้ายธาตุแท้มันก็หลุดมาจนได้ ที่ทำทุกอย่างเพราะสงสารหรอกเหรอ ขอบใจนายปอนด์จริงๆที่ทำให้เขาตาสว่าง
“ก็ดี ฉันจะได้หมดภาระซะที” พฤกษ์จะหันหลังเดินหนี แต่นึกอะไรขึ้นได้เลยหันกลับมาใหม่ ขวดน้ำในมือถูกโยนให้ศิระจนเจ้าตัวสะดุ้ง เมื่อมันเกือบจะโดนหน้าจังๆ แต่สุดท้ายมันก็หล่นลงไปกองที่ปลายเท้า
“ฉันซื้อมาให้ มันจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่นายจะได้จากฉัน ทิ้งก็ได้นะไม่ว่ากัน”คนโยนให้หลุดปากพูดออกมาออกมาอีก มันอดไม่ได้ทุกที ที่เห็นอาการศิระเป็นแบบนี้ ในเมื่อไม่อยากให้เขายุ่งด้วยนัก เขาก็จะเลิกสนใจจริงๆจังๆมันซะตั้งแค่วินาทีนี้ล่ะ อยู่ได้อยู่ไป จะดูหน่อยว่าจะอวดดีไปได้ซักกี่น้ำ


ติดตามใหม่ตอนหน้าเหมือนเดิม

fc_uk ส่วนของเราชอบเพลงForever love piano versionล่ะ บาดใจดีฟังทีไรขนลุกเสียงลุงโทชิแทรกซึมเข้าไปในหัวใจ ชอบมากมาย

เพลงEndless rainเราก็ชอบนะ สรุปเพลงช้าของXเพราะ ซึ้งทุกเพลง  พูดแล้วก็คิดถึงXฉบับ Original ป๋าเดะไม่น่าตายเลยเนาะ คิดถึงๆทุกคน

three

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel]สองคนบนทางรัก by:Bboyse 26/12/07 Chapter 12
«ตอบ #112 เมื่อ26-12-2007 13:13:53 »

เจ็บปวด :sad2:

fc_uk

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel]สองคนบนทางรัŦ
«ตอบ #113 เมื่อ26-12-2007 15:05:27 »

โอ้วววววววววววว.......เจ็บปวดครับพี่น้อง ...

เหมือนคนแต่งเอาเข็มมาทิ่มหัวจวยคนอ่านนนนน.. . :m15: :m15: :m15:


ป.ล....1

ขออีกตอนดิพี่  :m4: :m4: :m4:

ป.ล....2  ตอบโทชินยะ

2.1 Foreverlove..... ฟังม่ายหวายยย... ฟังทีไรคิดถุงตอนงานศพ   :o12:

2.2 เพลงช้าอ่ะ พอผมฟัง "The last song"  ท่อน.....

"........Owaranai ame dakishimeta yoru ga asa o mukaeru
Kokoro wa mada nureta mama........."

โทชิแม่งร้องโคตรโหยหวนเลย ฟังแล้วเจ็บแทน...


ป.ล....3

เกลียดไอ้ปอนด์อิ๊บอ่ายเลยฟ่ะ... :seng2ped:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-12-2007 15:22:11 โดย fc_uk »

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
Re: [Novel]สองคนบนทางรัก by:Bboyse 26/12/07 Chapter 12
«ตอบ #114 เมื่อ26-12-2007 15:31:12 »

โดนเค้าปั่นหัวทั้งคู่แบบนี้จะไปกันรอดเหรอ............เฮ้อ แบบนี้ลุ้นกันน้ำตาท่วมจอแน่ๆ

T-Jang

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel]สองคนบนทางรัก by:Bboyse 26/12/07 Chapter 12
«ตอบ #115 เมื่อ26-12-2007 15:40:34 »

 :เฮ้อ: อ่านเรื่องของคุณบอยทีไรก็เป็นแบบนี้

อยากไป :เตะ1: ตัวร้าย เมษา กะปอนด์

อยากไป :angry2: พฤกษ์ ทำไมใจร้ายอย่างนี้

อยากไป :a2: ศิระ อย่าไปอ่อนแอ สู้โว้ย


 :m21: ไม่รู้อินเกินไปรึเปล่าซิ :a4: อิอิ

ออฟไลน์ @BUA@

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +427/-8
Re: [Novel]สองคนบนทางรัก by:Bboyse 26/12/07 Chapter 12
«ตอบ #116 เมื่อ26-12-2007 17:52:04 »

 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:

เศร้าอ่ะพี่แอม


 :sad2: :sad2: :sad2: :sad2:

อยากเอาขวดน้ำขว้างใส่หัวไอ่พฤกษ์จริงๆ  :เตะ1:


ออฟไลน์ しろやま としんや

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1856
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +921/-157
Re: [Novel]สองคนบนทางรัŦ
«ตอบ #117 เมื่อ27-12-2007 14:21:38 »

โอ้วววววววววววว.......เจ็บปวดครับพี่น้อง ...

เหมือนคนแต่งเอาเข็มมาทิ่มหัวจวยคนอ่านนนนน.. . :m15: :m15: :m15:


ป.ล....1

ขออีกตอนดิพี่  :m4: :m4: :m4:

ป.ล....2  ตอบโทชินยะ

2.1 Foreverlove..... ฟังม่ายหวายยย... ฟังทีไรคิดถุงตอนงานศพ   :o12:

2.2 เพลงช้าอ่ะ พอผมฟัง "The last song"  ท่อน.....

"........Owaranai ame dakishimeta yoru ga asa o mukaeru
Kokoro wa mada nureta mama........."

โทชิแม่งร้องโคตรโหยหวนเลย ฟังแล้วเจ็บแทน...


ป.ล....3

เกลียดไอ้ปอนด์อิ๊บอ่ายเลยฟ่ะ... :seng2ped:


ตอนนี้กำลังฟังThe last  song อยู่เลย ได้อารมณ์จริงๆอยู่คนเดียวอีกต่างหาก เสียงลุงโทชินี่บาดจริงๆเลยเนาะ

เราชอบเพลงCrucify my loveด้วยนะ

ชอบจังเล้ยเพลงเก่าๆช้าๆ แล้วfc_ukชอบLuna sea มั่งป่าว?

fc_uk

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel]สองคนบนทางรัก by:Bboyse 26/12/07 Chapter 12
«ตอบ #118 เมื่อ27-12-2007 16:45:31 »

ตอบคุณโทชินยะ
.....................................................

Lusa Sea ก้อฟังครับแต่ก้อไม่ได้ชอบมากเท่า ...X

เพลงที่โอสำหรับผมก้อ "Tonight" .....มันส์ดีครับฟังแบบ + 120 เดซิเบลลลไปเลย

เพลงช้า แน่นอนต้องเป็น Love Song....

เสียงร้องของริวอิจินี่ฟังแล้วปวดตับ........เฉพาะตัวมากกก........

หันหลังให้ยังรุ้เลยว่าใครร้อง   :a2: :a2: :a2:  เวอร์โคตร...อิอิ


ออฟไลน์ しろやま としんや

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1856
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +921/-157
Re: [Novel]สองคนบนทางรัก by:Bboyse 26/12/07 Chapter 12
«ตอบ #119 เมื่อ27-12-2007 23:18:55 »

ตอบคุณโทชินยะ
.....................................................

Lusa Sea ก้อฟังครับแต่ก้อไม่ได้ชอบมากเท่า ...X

เพลงที่โอสำหรับผมก้อ "Tonight" .....มันส์ดีครับฟังแบบ + 120 เดซิเบลลลไปเลย

เพลงช้า แน่นอนต้องเป็น Love Song....

เสียงร้องของริวอิจินี่ฟังแล้วปวดตับ........เฉพาะตัวมากกก........

หันหลังให้ยังรุ้เลยว่าใครร้อง   :a2: :a2: :a2:  เวอร์โคตร...อิอิ



ชอบเพลงเดียวกัน จายตรงกันเลย ชอบเหมือนกัน จริงๆก็ชอบหลายเพลงของLuna seaอ่ะนะ วงโปรดวงนึงเลยล่ะนะ   

l miss you itsu no hi ni kasono kizuwo

l love you iyaseru kara

sou kimiwo aishiteru love song together

sou kimi wo hanasanai

ช่วงShineเสียพี่ลิงลูกคอมากมายยังกะร้องเพลงลูกทุ่งเลย แต่ก็ชอบ

จะกลายเป็นกระทู้เพลงเจร๊อคไปป่าวเนี่ย นอกเรื่องไปเยอะเลย  เห่อๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด