กรงเกล็ดมังกร ตอนที่ 29 [END] (8/08/12) <ปิดจอง> กรงเกล็ดมังกร และบัลลังก์+สัตยา ถึง 17/10
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: กรงเกล็ดมังกร ตอนที่ 29 [END] (8/08/12) <ปิดจอง> กรงเกล็ดมังกร และบัลลังก์+สัตยา ถึง 17/10  (อ่าน 125996 ครั้ง)

ออฟไลน์ TanyaPuech

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +531/-23
Re: กรงเกล็ดมังกร ตอนที่ 11 (16/02/12)
«ตอบ #90 เมื่อ16-02-2012 21:33:06 »

 o13     เรื่องสนุก

แต่เนื้อหาลึกลับซับซ้อนเกินไป  งงเบาๆ

อ่านมาสิบเอ็ดตอน ไม่มีอะไรเลย มีแต่ปม

ออฟไลน์ Cherry Red

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-0
Re: กรงเกล็ดมังกร ตอนที่ 11 (16/02/12)
«ตอบ #91 เมื่อ17-02-2012 00:46:44 »

รู้สึกไม่เข้าใจในการกระทำ ความคิด และคำพูดของชิงหลงมากขึ้นทุกที ๆ คนอะไรลึกลับ เข้าใจยาก
ผ่านมา 11 ตอนแล้ว ยังแทบไม่สามารถสัมผัสตัวตนของคน ๆ นี้ได้เลยสิน่า... :m29:
เราเคยคิดว่า ฉู่เหวินจือในบัลลังค์ปีกหงส์ เป็นลึกลับตัวพ่อแล้วนะ แต่เหนือฟ้ายังมีฟ้าใช่ไหมเนี่ย???

vi2212

  • บุคคลทั่วไป
Re: กรงเกล็ดมังกร ตอนที่ 11 (16/02/12)
«ตอบ #92 เมื่อ17-02-2012 19:32:32 »

ไม่ว่าชิงหลงอยากจะปั่นหัวใคร..มินก็หัวปั่นอยู่ดี :z10:

nuttinee_k

  • บุคคลทั่วไป
Re: กรงเกล็ดมังกร ตอนที่ 11 (16/02/12)
«ตอบ #93 เมื่อ18-02-2012 12:54:41 »

 :serius2: ยังคงไม่เข้าใจต่อไป

 :z2: ได้แต่ร๊อออ รอให้มาต่อไวไว เผื่อชิงหลงจะบอกอะไรโจเซบ้าง จะได้รู้ด้วยย

ออฟไลน์ ZIar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +210/-1
Re: กรงเกล็ดมังกร ตอนที่ 12 (3/03/12)
«ตอบ #94 เมื่อ03-03-2012 16:53:05 »

-12-


หิวข้าวจังเลย...

เซินหมิงเฟิ่งคิดอยู่ในใจ

คนพวกนั้นพาเขาและคิมหันต์มากักตัวไว้นานเท่าใดแล้วก็ไม่รู้ ซึ่งก็ยังไม่มีท่าทีจะเค้นคอเขาหรือทำอะไรมากกว่านั้น ทำให้พวกเขาทั้งสองอยู่ในสภาพนั่งติดกับเก้าอี้ มีเชือกผูกอยู่ที่แขนและลำตัว นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไร ไม่มีอะไรเลยจริง ๆ แม้แต่อาการและน้ำตกถึงท้อง หรือว่านี่พวกนั้นคิดจะทิ้งพวกเขาให้หิวจนทนไม่ไหวแล้วเอาอาหารมาล่อให้ยอมเปิดปากกันนะ

ชายหนุ่มถอนหายใจออกมา

ถึงจะใช้วิธีนั้นเขาก็ไม่มีอะไรจะบอกอีกฝ่ายหรอก เรื่องของมาเฟียอิตาลี คนฮ่องกงที่ไปใช้ชีวิตปกติชนอยู่อังกฤษเสียเกือบสิบปีแบบเขาจะไปรู้เรื่องด้วยได้อย่างไรกัน

คิด ๆ ไปเขาก็เริ่มรู้สึกเมื่อยขบขึ้นมาจึงขยับคอ เสียงกระดูกลั่นพาให้รู้สึกอนาถใจตัวเองไม่น้อย จะว่าไป พวกเขาก็ได้แค่ลุกไปห้องน้ำกันคนละครั้งเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว ตอนนั้นไม่รู้ว่ากระดูกข้อต่อของเขาอีกกี่ท่อนที่ลั่นออกมาด้วยเสียงแบบนี้

“เป็นอะไรไปหรือครับ?” คิมหันต์ถามขึ้นเพราะเห็นสีหน้าเขากระมัง

“เปล่าหรอก ผมแค่กำลังสงสัยว่าคนพวกนั้นกำลังคิดอะไรอยู่” เซินหมิงเฟิ่งตอบพลางขยับคออีกครั้ง เสียงกระดูกลั่นเบาบางลงจนกระทั่งไม่เหลือเสียง

“ขอโทษด้วยนะครับที่ผมช่วยอะไรไม่ได้เลย”

“ช่างเถอะ...” เขารู้ว่าเรื่องคราวนี้คิมหันต์กำลังโทษตัวเองอยู่ เพราะเจ้าตัวเป็นบอดี้การ์ดแต่กลับถูกจับตัวมาด้วยโดยไม่อาจขัดขืนได้ ทั้งที่ตามหน้าที่แล้ว ตราบมดที่บอดี้การ์ดยังมีชีวิตอยู่จะต้องปกป้องเจ้านายอย่างสุดความสามารถ แต่จะโทษคิมหันต์ก็ไม่ถูก เพราะตอนนั้นเขาเป็นคนออกคำสั่งไม่ให้อีกฝ่ายตอบโต้เอง มิเช่นนั้นพวกเขาทั้งสองคงจะไม่ได้มานั่งสนทนากันอยู่แบบนี้

ในช่วงที่เซินหมิงเฟิ่งกำลังถอดใจและคิดจะหลับต่อเพื่อหนีเสียงประท้วงของท้องตัวเอง ประตูก็กลับค่อย ๆ เปิดออกนำพาความสว่างจากภายนอกเข้ามาในห้องสลัวแสง

ผู้ชายเชื้อสายอิตาเลียนตัวใหญ่สองคนเดินเข้ามาและแก้มัดเชือกโดยที่ไม่พูดอะไร

เซินหมิงเฟิ่งกับคิมหันต์มองหน้ากัน

พวกนั้นคิดจะปล่อยพวกเขาแล้วหรือ?

ในขณะที่คิดเช่นนั้น แผ่นหลังของพวกเขาก็ถูกกระตุ้นโดยแรงให้ลุกขึ้น ก่อนจะถูกผลักให้ออกมานอกห้องเพื่อเจอผู้ชายอีกคนหนึ่งที่ทำหน้าพยักเพยิดให้เดินตามไป

เซินหมิงเฟิ่งอยากจะถามใครสักคนเหมือนกันว่า คนพวกนี้คิดจะทำอะไร แต่พอมองไปข้างกายก็เจอคิมหันต์ซึ่งมโนสำนึกเขาสามารถบอกได้ทันทีว่าอีกฝ่ายก็สงสัยแบบเดียวกัน ถึงจะถามออกไปก็เปล่าประโยชน์ เขาจึงเงียบเสียแล้วเดินตามไปเงียบ ๆ

เสียงรองเท้าหนังก้องไปตามทางเดินว่างเปล่า ผ่านประตูหลายบานที่ปิดสนิทและไม่รู้ว่าแต่ละห้องใช้ทำอะไรบ้าง แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นที่เก็บของหากคิดในแง่ดี ในตอนที่พบบันไดทางขึ้น เป็นครั้งแรกที่เซินหมิงเฟิ่งรู้ว่าตัวเองอยู่ใต้ดินมาตลอด

บันไดโครงเหล็กโปร่ง ๆ ทำเป็นบันไดวนขึ้นด้านบนเพื่อประหยัดพื้นที่ใช้สอย เมื่อรองเท้ากระทบลงไปก็บังเกิดเสียงโลหะสะท้อนออกมาเบา ๆ

และเมื่อประตูบานที่อยู่ตรงบันไดด้านบนถูกเปิดออก เซินหมิงเฟิ่งก็พบกันแสงสว่างจ้าที่มาจากแสงแดด ไม่ใช่หลอดไฟราคาถูกที่ติดให้แสงสลัวแบบทางเดินใต้ดินและห้องพวกนั้น มันทำให้เขารู้สึกหายใจสะดวกขึ้นมากและลดความอึดอัดลง

ตอนนี้ เซินหมิงเฟิ่งพบว่าตัวเองอยู่กลางทางเดินที่ปูด้วยพรมสีเข้ม มองไปด้านตรงข้ามประตูคือบานหน้าต่างกระจกขนาดใหญ่ที่เปิดออกสู่สวนสีเขียวภายใต้แสงอาทิตย์ เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นต้นไม้ที่ขาดแสงแดดมาเป็นเวลานาน เมื่อเห็นแสงที่ส่องประกายสะท้อนกับรูปปั้นหินอ่อนและใบไม้อ่อนสีเขียวสด เขาก็รู้สึกอยากจะกระโจนเข้าไปหาเพื่อไล่ความเฉาในตัวออกไป

แต่ความปรารถนาในใจของเขาไม่ได้รับการตอบสนอง

พวกเขาถูกรุนหลังให้เดินไปตามทางที่ทอดยาวและเลี้ยวเข้าไปที่ทางเดินซึ่งไร้แสงธรรมชาติอีกครั้ง โชคดีที่หลอดฟลูออเรสเซนต์แถวนี้คุณภาพดีพอที่จะแสงสว่างได้มากพอจะไม่รู้สึกทึบทึม

และแล้ว พวกเขาก็ถูกบังคับให้หยุดหน้าประตูบานหนึ่ง ครั้งนี้เป็นประตูที่ไม่ได้ให้ความรู้สึกแย่นัก เป็นประตูไม้ที่สั่งทำมาอย่างดี ดูเข้ากับสิ่งที่เขาเห็นรอบ ๆ บ้านหลังนี้

ประตูเปิดออก และพวกเขาถูกผลักเข้าไปด้านใน

ไม่มีหน้าต่าง...

มีแต่เฟอร์นิเจอร์ไม่กี่ชิ้น เป็นโซฟาเล็ก ๆ และโต๊ะไม้อีกตัว รอบห้องไม่มีของประดับตกแต่ง แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะโชคดีที่มีห้องน้ำในตัว

เซินหมิงเฟิ่งตัดสินใจเดินเข้าไปสำรวจสิ่งที่เหมือนประตูห้องน้ำก่อน เขาเปิดประตูและมองเข้าไป
เป็นห้องน้ำจริง ๆ

ชายหนุ่มโล่งอก

ถึงแม้จะเป็นแค่ห้องน้ำเล็ก ๆ ทีมีชักโครกตัวหนึ่งกับอ่างล้างหน้า ด้านบนเขาเห็นหน้าต่าง แต่แน่นอนว่ามันใช้หนีไม่ได้ มันเล็กเกินไป เล็กเกินกว่าที่เด็กคนหนึ่งจะลอดออกไปได้ด้วยซ้ำ แต่เพราะมีแบบนั้นห่างกัน 2 บาน ห้องน้ำจึงไม่ใช่สถานที่ที่น่าอึดอัดนัก

“หวังว่าพวกคุณจะสบายมากขึ้นที่อยู่ที่นี่” เสียงของอาติโนเรียกให้เซินหมิงเฟิ่งออกมาจากห้องน้ำ “อีกเดี๋ยวจะมีอาหารมาส่งให้ ผมเชื่อว่าพวกคุณคงหิวแล้ว”

ไม่หิวสิแปลก....

พวกเขาเหมือนจะถูกกักข้ามวันแล้วด้วยซ้ำไป แต่ที่ตอนแรกไม่รู้สึกอะไรเพราะเขาทั้งกลัวและตกใจ แต่ตอนนี้ความหิวกำลังจู่โจมเขาจนตาลาย

“ถึงยังไงผมก็ไม่มีอะไรจะบอกหรอกนะครับ” เซินหมิงเฟิ่งว่า

“เรื่องนั้นเดี๋ยวก็รู้” อาติโนหัวเราะจนพุงกระเพื่อม “เอาล่ะ ผมมีงานต้องไปทำต่อ ขอให้พวกคุณพักผ่อนให้สบายก็แล้วกัน”

ว่าจบแล้ว อาติโนก็เดินจากไปก่อนประตูปิดลงอีกครั้ง ทำให้เซินหมิงเฟิ่งเพิ่งเห็นว่าประตูบานนี้ไม่มีลูกบิดประตูด้านใน

เพราะฉะนั้นจึงได้ข้อสรุปว่า....

พวกเขายังคงถูกขัง แต่แค่ย้ายมาเป็นคุกแบบ VIP...

เซินหมิงเฟิ่งหันไปมองหน้าคิมหันต์ และเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังมองตอบเช่นกัน

โดยปกติแล้วพวกมาเฟียไม่น่าจะมีความอดทนสูงนักกับการรีดเค้นข้อมูลจากใครสักคน แต่นี่คนพวกนี้กลับปฏิบัติกับเขาอย่างดี มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ? หรือว่าการพาตัวเขามานั้นเพียงเพื่อทำให้ใครบางคนยอมเคลื่อนไหวออกมา มันก็มีกรณีอย่างนี้ออกบ่อยไม่ใช่หรือ?

เพียงแต่ว่าโดยปกติแล้ว คนที่ถูกจับมักจะเป็นคนสำคัญของฝ่ายตรงข้าม เช่น ครอบครัว เพื่อน ผู้มีพระคุณ แต่เขาไม่ได้เป็นทั้งสามอย่างทั้งสำหรับชิงหลงและโจเซ ไม่สิ...สำหรับชิงหลงเขามีค่าเล็ก ๆ เป็นสิ่งที่อีกฝ่ายต้องรับผิดชอบตามหน้าที่ แต่นั่นเป็นเรื่องของทางฮ่องกง เป็นระบบการปกครองที่มาเฟียอิตาลีไม่มีส่วนรู้เห็นใด ๆ ด้วย ดังนั้นเขาจึงไม่น่าจะถูกกักตัวไว้ด้วยเหตุผลนี้

สิ่งเดียวที่เขาคาดหวังคือ ขอให้สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ไม่ใช่แผนการของชิงหลงก็พอแล้ว...เพราะผู้ชายคนนั้นดูจะวางแผนได้น่ากลัวจนไม่อยากรับรู้ด้วยชอบกล

---------------------------->

ทั้งที่เซินหมิงเฟิ่งภาวนาเช่นนั้น แต่ในความเป็นจริง เทพเจ้ามักจะไม่ค่อยรับฟังคำขอของเขาสักเท่าไหร่ เพราะแผนการของชิงหลงยังคงดำเนินไปเรื่อย ๆ อย่างเงียบงันโดยที่คนรอบข้างก็ไม่อาจรู้ได้ว่าเจ้าตัวกำลังคิดอะไรอยู่ และทำให้เหล่าคนข้างกายชักจะนั่งกันไม่ติดที่

ชิงหลงดูเย็นใจจนเกินไป ทั้งที่การหายตัวไปของเซินหมิงเฟิ่งอาจจะทำให้เกิดเรื่องใหญ่โตขึ้นได้ ทางจูเชว่ต้องไม่มีทางยินยอมแน่ เพราะเซินหมิงเฟิ่งคือทายาทคนเดียวที่ทางนั้นมี และคู่หมั้นของเจ้าตัวก็ยังไม่ได้แต่งงานและตั้งครรภ์ทายาทคนต่อไป

“ท่านชิงหลง....”

“ถ้าจะพูดเรื่องเซินหมิงเฟิ่งล่ะก็ คุณคงรู้คำตอบของผมอยู่แล้ว” ชิงหลงชิงดักคอของคนสนิทเสียก่อน ทำให้เจ้าตัวสะอึกไป

“ท่านชิงหลง...อย่างน้อยเราก็ควรจะสืบหาว่าใครเป็นคนทำนะครับ”

ชิงหลงนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง...

คงจะได้เวลาแล้วกระมัง?

เขาพยักหน้าช้า ๆ แล้วเหลือบมองผู้ให้คำแนะนำ

“นั่นสินะ ผมคงตกใจไปหน่อยจนลืมเรื่องนี้ ถ้าอย่างนั้นผมจะให้คุณเป็นคนสืบหาว่าใครเป็นคนทำและทำไปทำไม เมื่อมีอะไรคืบหน้าก็คอยรายงานให้ผมทราบด้วย”

พอได้รับคำสั่งเช่นนั้น ชายหนุ่มก็ถึงกับอึ้งไป...

ตกใจจนลืม?

คำนี้มีหรือจะเกิดกับชิงหลงได้ ตั้งแต่ทำงานรับใช้ด้วยมา เขายังไม่เคยเจอสถานการณ์ที่ทำให้ชิงหลงตกใจได้ถึงขนาดนั้นมาก่อน ซ้ำเจ้านายของเขายังพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบเป็นปกติไม่มีเค้าลางของความตื่นตระหนกหรือความลำบากใจออกมาให้เห็น

เจ้านายของเขากำลังคิดจะทำอะไรกันแน่?

“มีคำถามหรือ?” ชิงหลงจ้องมองคนสนิทของตนพลางเอ่ยถาม

“.....ไม่ครับ” เขารีบตอบ

“ถ้าอย่างนั้น...?”

“ขอตัวก่อนครับ” ว่าแล้ว เขาก็รีบเดินออกไปจากห้องทันที เพราะท่าทีของเจ้านายเขาบ่งบอกว่าไม่ต้องการถูกรบกวนด้วยเรื่องนี้อีก ส่วนเขาก็คงต้องทำตามคำสั่ง แม้ว่าชิงหลงจะดูไม่จริงจังกับสิ่งที่พูดออกมาก็ตาม ถึงอย่างนั้นสิ่งที่อีกฝ่ายพูดออกมาแล้ว ไม่ว่าจะจริงจังหรือไม่ หากไม่ปฏิบัติตามก็ล้วนแต่ทำให้เกิดความขุ่นเคืองได้ทั้งสิ้น ซ้ำคำสั่งนี้ยังเป็นเพราะเขาคาดคั้นออกมาจึงต้องมีผลการสืบหาที่เป็นรูปธรรมไปรายงานจริง ๆ ไม่อย่างนั้นตัวเขาเองนี่แหละที่จะมีปัญหาตามมาภายหลัง

--------------------------->

ออฟไลน์ ZIar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +210/-1
Re: กรงเกล็ดมังกร ตอนที่ 12 (3/03/12)
«ตอบ #95 เมื่อ03-03-2012 16:54:41 »

หลังจากได้รับคำสั่งมา คนของชิงหลงก็เกิดความเคลื่อนไหวอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้านการสืบข่าวเกี่ยวกับมาเฟียอิตาลีที่อาจจะมีผลประโยชน์ขัดกับมอเรสซาเรในช่วงนี้และมีฐานที่มั่นอยู่ในแคว้นเวเนโต ซึ่งหมายถึงเวนิสและเมืองข้างเคียงทั้งหมด คนของชิงหลงมีจำนวนน้อย ทำให้การสืบข่าวเป็นไปได้ยากและโจ่งแจ้งกว่าปกติ ซึ่งนั่นทำให้กลุ่มต่าง ๆ สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวนี้

รวมถึงกลุ่มของอาติโน บราซินี ที่จับตาดูมาตลอดด้วย

เมื่อฝ่ายสอดแนมได้เห็นดังนั้นจึงรีบรายงานกลับไปหาเจ้านายอย่างทันที

“คุณอาติโน คนของเรารายงานมาว่าทางชิงหลงเริ่มมีการเคลื่อนไหวแล้วครับ”

และทำให้ข่าวนี้ไปถึงหูของอาติโนอย่างรวดเร็ว ซึ่งเจ้าตัวก็ยิ้มออกมาหลังจากรู้สึกแปลกใจว่าทำไมทางชิงหลงจึงเงียบนัก กลับมีแต่ทางคนของมอเรสซาเรที่เหมือนจะกระสับกระส่ายเล็กน้อย ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่อยากจะปักใจลงไปว่าโจเซและชิงหลงร่วมมือกันทำอะไรบางอย่างจริง ๆ

“ให้พวกนั้นดูต่อไป”

“แต่ว่า....”

อาติโนยกมือปรามเมื่อลูกน้องของตนคิดจะพูดอะไรบางอย่าง

“ให้ดูต่อไป อย่าเพิ่งรีบร้อน อาจจะเป็นหลุมพรางก็ได้ แกก็น่าจะรู้ว่าชิงหลงไม่ได้คนโง่” เมื่อเจ้านายพูดออกมาแบบนั้น เจ้าตัวจึงยอมพยักหน้ารับ

“จับตาดูต่อไป” เขายอมถ่ายทอดคำสั่งแต่โดยดี ถึงอย่างนั้นในใจของเขากลับร้อนรุ่มไปด้วยความอึดอัดที่ยากจะอธิบาย พวกมาเฟียชั้นล่างอย่างพวกเขาไม่ได้เกิดมาเพื่อรองรับความอดทนกับแผนการอันแยบยลของพวกหัวหน้า มีอะไรก็ตัดสินกันด้วยกำลังไปเลยทีเดียวให้จบ ๆ แต่เพราะผู้ชายสองคน ทำให้เขาต้องอดทนอยู่อย่างนี้ จะจัดการอะไรก็ทำไม่ได้สักอย่าง มันช่างน่าหงุดหงิดเหลือเกิน

“ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ออกไปก่อนเถอะ ไปหาอะไรกินกันซะให้เรียบร้อย จะได้ทำงานทำการต่อ ระยะนี้พวกนักการเมืองยิ่งกำลังเพ่งเล็งเกี่ยวกับเรื่องผิดกฎหมายเพื่อหาเสียงกันอยู่ คงต้องวางแผนให้รัดกุมขึ้นแล้วก็ขยันเอาใจพวกเส้นสายภายในสักหน่อย” อาติโนเองก็ใช่จะไม่รู้ว่าคนของตนเองรู้สึกอย่างไร ตัวเขาเองก็มีจุดเริ่มต้นมาจากมาเฟียชั้นปลายแถวที่ไม่มีอะไรเลย ตอนหนุ่ม ๆ เขาเองก็เป็นพวกเอาแต่กำลังไม่สนใจเหตุผลใด ๆ ขอแค่ทำแล้วสะใจก็เพียงพอ แต่โชคดีที่มีหัวหน้าดีเขาถึงมีโอกาสทำผลงานหลายอย่าง และยังได้รับการสั่งสอนจนเป็นผู้เป็นคนมากขึ้น ในที่สุดก็มีแฟมิลีของตัวเองได้อยู่สุขสบายเอาตอนแก่แบบนี้

ในจำนวนเด็ก ๆ ของเขา ราฟาเอล จอร์จิโอ คือคนที่มีแววมากที่สุด เสียแต่ยังอารมณ์ร้อน หากสุขุมและมีเหตุผลมากกว่านี้คงเริ่มทำให้ทำงานสำคัญได้บ้าง

ตอนนี้งานที่เขามอบหมายไปคือการเป็นผู้นำการควบคุมตัวเซินหมิงเฟิ่งและบอดี้การ์ด รวมทั้งเป็นคนประสานงานกับกลุ่มที่ออกไปสอดแนมด้วย เจ้าตัวไม่เคยทำงานที่ต้องใช้สมองและความอดทนขนาดนี้มาก่อน จึงไม่น่าแปลกที่จะเริ่มหงุดหงิด

ราฟาเอลถอนหายใจพรืดออกมา แล้วออกไปจากห้องโดยดีไม่มีปากเสียงใด ๆ เพิ่มเติมทำให้อาติโนพอจะเบาใจได้บ้าง

ชายหนุ่มชาวอิตาเลียนปิดประตูห้องของอาติโนแล้วมองคนอื่น ๆ ที่รอด้านหน้าตาขวาง

“เกิดอะไรขึ้น? คุณอาติโนตำหนิอะไรมาหรือไง?” คนที่ไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นด้านในแต่กลับโดนส่งสายตาไม่พอใจใส่ก็ได้แต่ถามกลับไปด้วยความงงงวย ทุกคนต่างรู้ว่าราฟาเอลเป็นคนที่อาติโนเล็งเอาไว้และให้ความเอ็นดูมาก ทำให้เมื่อกระทำผิดขึ้นมาจะถูกตำหนิรุนแรงกว่าคนอื่น ๆ เจ้าตัวจึงมักจะออกอาการอารมณ์เสียออกมาให้เห็นบ่อยครั้งเมื่อถูกตำหนิแต่ก็ยอมปรับปรุงตามที่อาติโนสั่งสอน

ความสัมพันธ์ของสองคนนี้คล้ายกับพ่อที่เข้มงวดกับลูกวัยรุ่นกระมัง

“เปล่า.....” ราฟาเอลว่าแล้วถอนหายใจ “สองคนนั้นเป็นยังไงบ้าง?”

เมื่อถามถึงสองคนนั้น คนอื่น ๆ ก็มองหน้ากัน แน่นอนว่าพวกเขารู้ว่าอีกฝ่ายหมายถึงใคร เพียงแต่พวกเขาไม่รู้ว่าจะบอกอะไรดี เพราะเท่าที่สังเกตการณ์มา สองคนนั้นต่างก็เอาแต่เงียบไม่ค่อยพูดกันเท่าไหร่นัก ถึงจะพูดก็พูดภาษาจีนที่พวกเขาฟังไม่ออก

“ก็ไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนแปลง” คนหนึ่งไหวไหล่

“นอกจากตอนกินข้าวกับเข้าห้องน้ำ ก็เห็นเอาแต่นั่งเฉย ๆ ในห้อง” อีกคนว่าพลางเบ้หน้า เพราะเขากำลังรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังโดนสั่งให้เลี้ยงสัตว์อย่างไรอย่างนั้น ได้แต่นั่งดูคนสองคนในห้อง แล้วก็รอเวลาให้อาหาร ยิ่งคิดก็ยิ่งเหมือน

“เฮ้ ๆ นายก็คิดซะว่าเป็นหมาหรือแมวสิ” แล้วก็มีคนหนึ่งต่อประเด็นในความคิดขึ้นมา

“หมาหรือแมวมันยังเล่นด้วยกันได้นะ” แต่ก็มีคนไม่เห็นด้วย “เป็นหนูหรือกระต่ายมากกว่าล่ะมั้ง” ว่าจบทุกคนก็หัวเราะครื้นเครงไปด้วยกัน แต่ราฟาเอลกลับหัวเราะไม่ออก เพราะยิ่งเปรียบคนสองคนที่ทำประโยชน์อะไรไม่ได้เป็นสัตว์เลี้ยงก็ยิ่งทำให้นึกภาพที่ต้องประคบประหงมสิ่งที่ไร้ประโยชน์ เอาอกเอาใจทุกขั้นตอน ซึ่งราฟาเอลไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องทำเรื่องแบบนั้น

ถ้าเป็นเขาล่ะก็....คงจะอัดสักเปรี้ยงสองเปรี้ยง หักกระดูกสักท่อน ถ้ายังไม่เปิดปากก็จับถอดเล็บ ถอนฟัน ยังไงก็ต้องพูดออกมาเพราะทนทรมานไม่ไหว

แต่นี่กลับต้องมานั่งแบบนี้....

“ฉันจะไปห้องนั้นหน่อย”

“นายจะไปทำไมน่ะราฟาเอล?”

“ทำอะไรสักอย่างน่ะสิ คิดจะอยู่เฉย ๆ กันแบบนี้ไปจนถึงเมื่อไหร่กัน เจ้าพวกนั้นจะอยู่สุขสบายเกินไปแล้ว เป็นแค่ตัวประกันแท้ ๆ”

ว่าแล้วเจ้าตัวก็เดินดุ่ม ๆ ตรงไปยังห้องที่ใช้กักตัวโดยไม่สนใจฟังคำทัดทานของคนอื่น ๆ ที่เพียรจะห้ามเพราะรู้ดีว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่อาติโนสั่งมาแน่นอน ซึ่งอาจจะทำให้ราฟาเอลมีปัญหาตามมาภายหลัง แต่ก็ดูเหมือนว่าความอดทนของเขาจะสิ้นสุดลงแล้ว และเขาอยากจะได้ที่ระบายที่สามารถตอบโต้เขาด้วยเสียงและท่าทางแสดงความเจ็บปวดได้ ไม่ใช่แค่กระสอบทรายฝึกซ้อม

“เฮ้ ใจเย็นก่อนสิ” คนหนึ่งรีบคว้าตัวไว้

“อย่าบอกนะว่าพวกแกก็พอใจที่เจ้าพวกนั้นอยู่สุขสบายแบบนี้น่ะ” เมื่อราฟาเอลหันมาถาม ทุกคนก็สะอึกไป เพราะต่างก็หงุดหงิดใจเรื่องนี้เพียงแต่ไม่แสดงออกมาเพราะไม่ได้มีส่วนได้เสียโดยตรง ส่วนราฟาเอลที่ทำหน้าที่ดูแลตามข่าวโดยตรงคงรู้สึกเหมือนโดนเมินเฉยซึ่งหน้า

ประตูถูกกระแทกเปิดออกอย่างแรงเมื่อราฟาเอลหลุดจากการห้ามของเพื่อนร่วมอาชีพ

เซินหมิงเฟิ่งและคิมหันต์ที่กำลังนั่ง ๆ นอน ๆ ในห้องนั้นต่างสะดุ้งเมื่ออยู่ ๆ ก็บังเกิดสัญญาณของความรุนแรงทั้งที่ไม่มีเค้าลางมาก่อน

“มีอะไรหรือครับ?” เซินหมิงเฟิ่งเอ่ยถามขณะที่คิมหันต์ขยับมาด้านหน้าเพราะรู้สึกได้ถึงสัญญาณอันตรายและเขาต้องทำหน้าที่บอดี้การ์ดของตนเอง

“ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษหรอก ก็แค่อยากคุยด้วยตามประสาลูกผู้ชาย” ราฟาเอลส่งสัญญาณให้คนด้านนอกปิดประตูเสีย และนั่นทำให้เซินหมิงเฟิ่งรู้สึกได้ถึงการคุกคามที่ผิดปกติ ถึงไม่ต้องใช้ลางสังหรณ์ ก็สามารถคาดเดาสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปได้ไม่ยากนัก

“ประสาลูกผู้ชาย...หรือประสานักเลงกันแน่ครับ...” เซินหมิงเฟิ่งเม้มปากพลางมองรูปร่างอีกฝ่ายซึ่งใหญ่โตกว่าเขาไม่มากแต่ดูมีกล้ามเนื้อมากกว่า หากต้องใช้แรงกันจริง ๆ คิมหันต์อาจจะช่วยเขาได้แค่เล็กน้อยเพราะคิมหันต์ไม่มีอาวุธ แต่เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีอาวุธใด ๆ เข้ามาหรือไม่

ราฟาเอลย่างสามขุมเข้าหา

คิมหันต์ดันเซินหมิงเฟิ่งถอยไปเล็กน้อย เว้นช่องว่างให้ตนเองพอจะตอบได้ทันท่วงทีโดนไม่ทำให้คนที่ตนเองปกป้องโดนลูกหลงไปด้วย

“เฮ้ย ราฟาเอล ถ้าพวกมันมีแผลขึ้นมา คุณอาติโนจะเอาพวกเราตายนะเว้ย!” เพื่อนของชายหนุ่มเอ่ยเตือนเป็นภาษาอิตาเลียนด้วยสีหน้ากังวลระคนตื่นตระหนก หากราฟาเอลนึกเอาจริงขึ้นมาเล่า เขาจะห้ามปรามอีกฝ่ายได้อย่างไร ซ้ำหากอาติโนเอาเรื่องขึ้นมา ทั้งเขาและอีกฝ่ายจะพากันซวยไปด้วยกัน ราฟาเอลยังไม่เท่าไหร่เพราะเป็นลูกรักของอาติโน ถึงจะทำผิดก็ถูกติเตียนและลงโทษไม่มาก แต่เขานี่สิ...มีหวังถูกเฉดหัวออกไปจากบ้าน ไปทำงานข้างถนนเหมือนเดิมเป็นแน่

“เหอะ” ราฟาเอลทำเสียงขึ้นจมูกอย่างดูแคลน

สายตาของเขาจับจ้องไปยังร่างเล็ก ๆ ของลิงผิวเหลืองสองตัวซึ่งพาให้รำคาญและหงุดหงิดสายตาอย่างที่สุด ยิ่งมองก็ยิ่งอยากขย้ำให้รู้ซึ้ง จะได้เลิกทำตัวเป็นเชลยศักดิ์เสียที

“ราฟาเอล!” เพื่อนที่อยู่ข้างหลังตะโกนปรามเมื่อชายหนุ่มย่างเท้าเข้าไปใกล้ทั้งสองยิ่งกว่าเดิมด้วยท่าทางคุกคามและมีเจตนาร้ายอย่างเห็นได้ชัด

“หุบปากเถอะน่า!” คงเพราะเจ้าตัวเริ่มรำคาญที่ถูกปรามจึงได้หันกลับไปตะคอกใส่เพื่อนของตนที่หน้าเจื่อนลงเพราะไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร

“แกจะไม่เห็นแก่คุณอาติโนหรือไง!”

“ก็เพราะเห็นแก่คุณอาติโนน่ะสิ ฉันถึงจะทำให้เจ้าพวกนี้เปิดปากด้วยวิธีของฉันเอง ฉันเบื่อหน่ายสันติวิธีเต็มทนแล้ว ก็แค่พวกผิวเหลืองที่เต้นไปเต้นมาในเขตแดนของพวกเรา มารีดเลือดพวกเราแค่นั้นเองแท้ ๆ เจ้าพวกนี้ต่างหากที่ไม่เห็นแก่คุณอาติโนน่ะ!” ราฟาเอลพูดรัวออกมาเป็นชุด แต่เพราะเป็นภาษาอิตาเลียน ทั้งคิมหันต์และเซินหมิงเฟิ่งจึงไม่เข้าใจต้นตอความโกรธเคืองของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย

เมื่อคำรามจบ ราฟาเอลก็พุ่งตัวเข้าหาคิมหันต์ทันทีโดยไม่มีใครห้ามหรือตั้งตัวทัน

คิมหันต์ชกสวนอย่างรวดเร็วตามสัญชาตญาณ และตรงเข้าโหนกแก้มของราฟาเอลเข้าพอดี

ชายหนุ่มแยกเขี้ยวอย่างโกรธเคือง ดวงตาวาวโรจน์ราวสัตว์ป่า

เขากระชากคอเสื้อคิมหันต์ก่อนจะเหวี่ยงไปด้านหลังอย่างแรง ทำให้คิมหันต์ที่ตัวเล็กกว่าถูกดึงให้ลอยไปทางประตูเข้าสู่มือของชายอีกคนซึ่งทำหน้าที่เฝ้าประตูและพยายามปรามราฟาเอลอยู่เมื่อครู่

“จับมันเอาไว้!”

พอได้ยินคำสั่ง เขาก็ล็อคแขนคิมหันต์แน่น ทำให้เจ้าตัวไม่อาจขยับได้

ไหน ๆ เรื่องก็ถึงขั้นนี้แล้ว...คงได้แต่ต้องยอมรับชะตากรรม...

ชายหนุ่มชาวอิตาเลียนส่ายหัวกับตนเองเมื่อเห็นว่าเพื่อนตนเองฟิวส์ขาดจนใครก็เอาไม่อยู่ นอกจากจะไปตามอาติโนมา ซึ่งไม่มีใครกล้าเสี่ยงทำเช่นนั้นแน่

เสียงหักกระดูกมือกร๊อบ ๆ ดังขึ้นพร้อมอาการยิ้มแสยะของผู้คุมเกม

“ไง ตอนนี้ก็เหลือแต่นายแล้วนะคุณหนู” ราฟาเอลกล่าวกับเซินหมิงเฟิ่งซึ่งตอนนี้ไม่เหลือใครปกป้อง ซ้ำตัวเองก็ตัวเปล่า ๆ ไม่มีอาวุธใด ๆ

“ผมไม่มีอะไรจะบอกคุณหรอกนะ” เซินหมิงเฟิ่งยืนยันคำเดิม

“ใครจะไปเชื่อ”

“ราฟาเอล ถ้ามันมีแผลขึ้นมา...” ความพยายามห้ามปรามครั้งสุดท้ายเปล่งออกมาจากปากของคนที่ล็อคตัวคิมหันต์อยู่ ผู้ชายในแขนของเขาแรงดีใช่ย่อย สมกับที่เป็นบอดี้การ์ด เขาเองก็เกือบจะทำหลุดมือไปหลายครั้งจนต้องบิดแขนอีกฝ่ายไว้ให้เจ็บจะได้เลิกขัดขืนเสียที

“ขอแค่ไม่มีแผลที่มองเห็นก็พอแล้วใช่ไหมล่ะ” ชายหนุ่มยิ้มแสยะพลางจ้องมองเซินหมิงเฟิ่งราวกับกำลังมองลูกไก่ในกำมือ

เซินหมิงเฟิ่งเกลียดสายตาเช่นนั้น...แต่เขาก็ต้องยอมรับว่าตนเองเป็นได้แค่นั้นจริง ๆ

ตอนอยู่กับชิงหลง เขาก็เป็นแค่คนที่ถูกกักขังโดยไม่อาจหนีไปไหนได้ เหมือนกับนกที่อยู่ในกรง ตอนนี้เขาก็ยังอยู่สถานะเดิม เสียแต่...ชิงหลงไม่เคยพยายามใช้กำลังกับเขา...

บ้าเอ๊ย....

เขาเห็นฝ่าเท้าตรงดิ่งมายังช่วงท้อง จึงรีบกระโดดหลบ ทว่าช่วงขาอีกฝ่ายยาวเกินไปเขาจึงหลบไม่พ้นแล้วถูกถีบกระเด็นไปชนกับผนังปูน แผ่นหลังของเขากระแทกดังอั่กก่อนจะรูดลงไปกองที่พื้น แค่การถีบครั้งเดียวที่ไม่เต็มแรงนักเขายังปวดไปหมด มันเป็นผลพวงของการไม่เคยวิวาทหรือยังไงกันนะ...

เรือนผมของเขาถูกขยุ้มอย่างแรงแล้วดึงให้เงยหน้าขึ้น

“ไง คราวนี้ยังจะยืนยันว่าไม่มีอะไรอยู่หรือเปล่า?” ฝ่ายนั้นเลิกคิ้วเสมือนกำลังท้าทายอยู่กลาย ๆ ตอนนี้เขากลายเป็นสัตว์ตัวเล็ก ๆ ที่โดนหยอกเล่นไปแล้วหรือ?

เซินหมิงเฟิ่งกัดฟัน....

เขาคือลูกของจูเชว่...พญาหงส์แห่งฮ่องกง...

อีกฝ่ายก็แค่มาเฟียธรรมดาเท่านั้น จะน่ากลัวสักแค่ไหน

เมื่อคิดเช่นนั้น ดวงตาของชายหนุ่มชาวฮ่องกงก็เปลี่ยนจากความเกรงกลัวเป็นความเย้ยหยันจนอีกฝ่ายรู้สึกได้ เพราะแบบนั้น หมัดอีกหมัดจึงตามมาและอัดเข้าช่องท้องเต็ม ๆ จนเซินหมิงเฟิ่งกระอัก รู้สึกเหมือนอวัยวะภายในถูกบีบอัดจนระบม

ถ้าได้กลับไป...เขาสาบานว่าจะเรียนศิลปะป้องกันตัวไว้บ้าง....

ศีรษะของเขาถูกกระชากกระแทกกับผนัง และปรือตาขึ้นมองผู้ประทุษร้าย

“ยังจะทำเก่งอีกหรือไง ห๊ะ!” พร้อมกับเสียงหลังประโยค ศีรษะด้านหลังก็ถูกกระแทกอีกครั้งจนมึนตึบมาถึงสมองด้านหน้า

“คุณเซิน!” เสียงคิมหันต์แว่วอยู่ไกล ๆ

เซินหมิงเฟิ่งมองผ่านร่างกายใหญ่โตของราฟาเอลไปเห็นคิมหันต์กำลังถูกกดตรึงไว้กับพื้นทำให้ขยับตัวไม่ได้ ให้ตายสิ...เขาไม่ได้นึกโทษคิมหันต์เลยที่ตัวเองถูกทำร้ายแบบนี้ แต่สมองเขากำลังคิดไปถึงตัวการสำคัญที่ทำให้เขาต้องมาอยู่ที่นี่

ชิงหลง...

ถ้าผู้ชายคนนั้นไม่ทำอะไรลับ ๆ ล่อ ๆ พาเขาถ่อมาถึงอิตาลี เขาก็คงไม่ต้องเจ็บตัวแบบนี้หรอก...

เซินหมิงเฟิ่งไม่รู้ว่าตัวเองโดนไปอีกกี่หมัด พอรู้ตัวอีกที เขาก็นอนกุมท้องขดกลมอยู่บนพื้นด้วยท่าทางที่น่าสังเวชอย่างที่สุด

ดูเหมือนอีกฝ่ายจะระบายอารมณ์จนพอใจแล้วจึงผละออกไป

คราวนี้เป้าหมายคือคิมหันต์ที่ยังถูกกดไว้กับพื้น ราฟาเอลกดรองเท้าลงบนศีรษะอีกฝ่าย

“เหอะ...พวกลิงเหลืองก็มีปัญญาแค่นี้ หวังว่าคคราวหน้าฉันจะได้คำตอบที่ต้องการ” ว่าจบ เขาก็เตะคิมหันต์อีกครั้งก่อนจะดึงเพื่อนร่วมงานออกนอกประตูไปอย่างรวดเร็ว

คิมหันต์ตะกายลุกขึ้นแล้ววิ่งเข้ามาประคองเซินหมิงเฟิ่ง

เมื่อเห็นความบอบช้ำของอดีตว่าที่เจ้านายแล้ว เขาก็รู้สึกสำนึกถึงความอ่อนแอของตนเองที่เพียงแค่เอาตัวเข้าแลกสักครั้งยังทำไม่สำเร็จ ตลอดเวลาที่เขาอยู่กับบ้านตระกูลเซิน เขามัวแต่ทำอะไรอยู่...ทำไมฝีมือถึงอ่อนด้อยนัก ทำไมถึงมีกำลังไม่เพียงพอจะทำหน้าที่ของตนเอง

เซินหมิงเฟิ่งกระอักไอออกมาสองสามครั้งพลางพยายามยันตัวลุกขึ้น

เขาเห็นความรู้สึกผิดและคับแค้นใจในดวงตาของคิมหันต์แต่ก็พูดปลอบใจไม่ได้ เขาไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่ใจดีเป็นเทวดาเช่นนั้น

ชายหนุ่มกัดริมฝีปาก...

ตอนแรกก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรกับแค่โดนจับตัวรีดเค้นข้อมูล แต่เมื่อมีการทำร้ายร่างกายเข้ามาเกี่ยวข้อง สถานการณ์ตอนนี้ก็ไม่น่าไว้วางใจต่อความปลอดภัยแล้ว

ชิงหลงตั้งใจจะทิ้งเขาไว้แบบนี้อีกนานแค่ไหน และทำไม...

TBC

ออฟไลน์ jasmin

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1801
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +174/-1
Re: กรงเกล็ดมังกร ตอนที่ 12 (3/03/12)
«ตอบ #96 เมื่อ03-03-2012 17:53:34 »

อร๊ายยยย อาชิง มัวทำอะไรอยู่อาหมิงโดดซ้อมเลย  :z3:
พวกนักเลง  :angry2:

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
Re: กรงเกล็ดมังกร ตอนที่ 12 (3/03/12)
«ตอบ #97 เมื่อ03-03-2012 19:02:21 »

โหดร้ายจริงพ่อราฟาเอล
เดี๋ยวแม่จับเฉือนเลยนิ บังอาจมาทำร้ายคุณเซิน

ออฟไลน์ Guill

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 678
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
Re: กรงเกล็ดมังกร ตอนที่ 12 (3/03/12)
«ตอบ #98 เมื่อ03-03-2012 19:04:01 »

งงๆกับบางส่วน
ส่วนใหญ่ชอบตรงที่โฟกัสที่คู่หลักมากกว่า...
แต่ก็ตามอ่านต่ะค่ะ

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
Re: กรงเกล็ดมังกร ตอนที่ 12 (3/03/12)
«ตอบ #99 เมื่อ03-03-2012 19:19:05 »

คิดตามแล้วก็เหนื่อย เพราะฉะนั้น อ่านต่อไปอย่างเดียวแล้วกัน เฮ้อ!

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: กรงเกล็ดมังกร ตอนที่ 12 (3/03/12)
« ตอบ #99 เมื่อ: 03-03-2012 19:19:05 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






vi2212

  • บุคคลทั่วไป
Re: กรงเกล็ดมังกร ตอนที่ 12 (3/03/12)
«ตอบ #100 เมื่อ03-03-2012 19:59:34 »

เซินไม่ใช่กระสอบทรายนะราฟาเอล :serius2:

ออฟไลน์ Cherry Red

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-0
Re: กรงเกล็ดมังกร ตอนที่ 12 (3/03/12)
«ตอบ #101 เมื่อ04-03-2012 12:50:19 »

ดูแล้ว ราฟาเอล กับ ชิงหลง แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว เป็นบุคคล คนละ type กันจริง ๆ
ที่แน่ ๆ เป็นคราวซวยของอาหมิง( อย่างแท้จริง ) จากนกน้อยในกรงทอง กลายเป็น กระสอบทรายมีชีวิต
อืม...รู้สึกว่า วิบากกรรมของอาหมิง กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว  :m29:

ออฟไลน์ ❝CHŌN❞

  • เหงา เหงา :(
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-3
Re: กรงเกล็ดมังกร ตอนที่ 12 (3/03/12)
«ตอบ #102 เมื่อ04-03-2012 22:27:30 »

เพิ่งได้เข้ามาอ่านค่ะ ติดเรื่องนี้อีกเรื่องจนได้ ฮ่าๆๆๆ

ชิงหลงดูมีความลับเยอะแยะไปหมดนะ หมั่นไส้ ชิชิ

เฟิ่งน่าสงสาร นอกจากจะไม่รู้แล้วว่าโดนจับมาทำไม แถมยังโดนเป็นกระสอบทรายอีก ชีวิตดูรันทดเบาๆ T^T

รอตอนต่อไปค่ะ ^^

ออฟไลน์ myd3ar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
Re: กรงเกล็ดมังกร ตอนที่ 12 (3/03/12)
«ตอบ #103 เมื่อ05-03-2012 11:04:52 »

ช่างน่าหมั่นไส้ชิงหลงซะจริง

เจ้าแผนการณ์มากๆ

ส่วนราฟาเอลนี่ชื่อออกจะดูดี

พระเอ้กพระเอก แต่นิสัยไม่พระเอกเลย

ออฟไลน์ loveryuichi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: กรงเกล็ดมังกร ตอนที่ 12 (3/03/12)
«ตอบ #104 เมื่อ06-03-2012 16:51:24 »

อ่านรวดเดียวสิบสองตอน
บอกได้แค่ว่า...
เมื่อไหร่จะเข้าเนื้อหาหลักซะที!!! :angry2:

ออฟไลน์ ZIar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +210/-1
Re: กรงเกล็ดมังกร ตอนที่ 13 (16/03/12)
«ตอบ #105 เมื่อ16-03-2012 17:41:56 »

-13-



หลังจากนั้น ทุกครั้งที่ราฟาเอลเข้ามาที่ห้องนี้ หากไม่มีการทำร้ายร่างกายนิด ๆ หน่อย ๆ เกิดขึ้น ก็จะเป็นการพูดจาเสียดสีเหน็บแนมให้เซินหมิงเฟิ่งรู้สึกไร้ค่า อย่างกับว่าตอนนี้เขายังไร้ค่าไม่พออย่างนั้นแหละ ทั้งถูกจับตัวมาโดยไม่มีใครเหลียวแล ซ้ำยังกลายเป็นกระสอบทรายมีชีวิตที่หนีไปไหนไม่ได้ อาหารถึงจะดีเลิศเลอแค่ไหนแต่ถ้ามาพร้อมกับการเจ็บตัวก็ไม่ต่างกับอาหารคนคุก

วันนี้ก็เช่นกัน ราฟาเอลเดินเข้ามา ให้คนส่งอาหารวางไว้บนโต๊ะแล้วสั่งล็อคห้อง ก่อนจะจับตัวคิมหันต์ไว้

ไม่รู้ว่าเจ้าตัวคิดจะทำร้ายจิตใจเซินหมิงเฟิ่งหรือคิมหันต์กันแน่จึงได้ทำเช่นนี้ แต่ไม่ว่าจะตั้งใจทำร้ายใคร ผลของมันก็ทำร้ายคนทั้งสองได้อย่างไร้ที่ติ

คิมหันต์ซึ่งมีหน้าที่ปกป้องคุ้มครอง ไม่อาจทำหน้าที่ของตนเองได้และถูกลดทอนความภาคภูมิใจในหน้าที่ ส่วนเซินหมิงเฟิ่งซึ่งราฟาเอลมองว่าเป็นคนธรรมดาก็ถูกลดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

พวกเขาไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้อาติโนรู้หรือไม่ แต่หากดูจากท่าทีไม่เต็มใจของคนที่ติดตามมาช่วยราฟาเอลก็อาจคาดเดาได้ว่าอาติโนไม่มีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้ ซึ่ง...หากราฟาเอลต้องการปิดบังความผิดตนเองขึ้นมา สถานการณ์อาจเลวร้ายไปกว่านี้อีก...

โชคดีที่วันนี้ราฟาเอลแค่เข้ามาเล่นนิดหน่อยแล้วก็ไป ไม่ได้ถูกทำร้ายอะไรมากมาย กระนั้นรอยช้ำจากวันก่อน ๆ ก็ยังประทับอยู่บนส่วนต่าง ๆ ของร่างกายใต้ร่มผ้า ซึ่งมองไม่เห็นหากมองดูในสถานการณ์ปกติ แต่เซินหมิงเฟิ่งต้องเห็นพวกมันทุกวันในห้องน้ำเมื่อเข้าไปอาบน้ำหรือทำธุระอื่น ๆ

หลาย ๆ ครั้งที่คิมหันต์ขอดู แต่เซินหมิงเฟิ่งก็ปฏิเสธ เพราะเขาไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้สึกแย่จนเกินไป

ในตอนนี้เขาได้แต่คิดว่า...เมื่อไหร่เขาจะได้ออกไป และออกไปด้วยวิธีไหน

อย่างดีก็คือมีคนมารับ

อย่างร้าย....ก็อาจถูกแยกชิ้นส่วนไปถ่วงทะเล....

--------------------------->

“ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามที่นายต้องการแล้วหรือเปล่า?” โจเซเอ่ยถามทันทีเมื่อชิงหลงย่างเท้าเข้ามาในห้องทำงานของเขา ทั้งที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาหลังจากเซินหมิงเฟิ่งถูกจับตัวไป พวกเขาก็แทบจะไม่ได้พบกันอย่างเป็นทางการอีกเลย ซึ่งหากโจเซเดาไม่ผิด การปรากฏตัวของชิงหลงต่อหน้าเขาอีกครั้งนั่นหมายถึงการก้าวสู่แผนการขั้นต่อไปตามที่อีกฝ่ายวางเอาไว้

ชิงหลงไม่ได้ตอบอะไร เขาเดินไปยังเก้าอี้ด้านตรงข้ามโต๊ะทำงานด้วยท่าทีสุขุมราวกับว่าทุกฝีก้าวถูกคิดตริตรองมาอย่างดี และค่อย ๆ นั่งลงด้วยท่าทีที่สบายมากขึ้น ใบหน้าของเขาไม่มีรอยยิ้ม แต่โจเซก็สังเกตเห็นถึงแววของความสมใจในดวงตาเล็กน้อย

ชายหนุ่มเลิกคิ้ว มองคนตรงหน้า

“จะทำอะไรต่อดีล่ะ?”

ชิงหลงขยับปลายนิ้วเล็ก ๆ เหมือนกำลังครุ่นคิด แต่สีหน้าบ่งบอกว่าเจ้าตัวคิดล่วงหน้ามาก่อนแล้วและครุ่นคิดมาอย่างดีแล้วด้วย

“นายคิดบ้างหรือเปล่าว่า ถึงเวลาที่นายควรจะต้องส่งคนไปเยี่ยมเยียนคนในสังกัดเสียหน่อย พวกแฟมิลีพันธมิตรของนาย....”

“หืม? ฉันก็ส่งไปเป็นระยะอยู่แล้ว” โจเซไหวไหล่แล้วเริ่มอ่านเอกสารต่อ

“แบบลับ ๆ”

โจเซเลิกคิ้ว

“นายจะดึงฉันไปพัวพันกับอะไรโดยที่ฉันไม่รู้หรือเปล่า?” เขาเอ่ยถามพลางหรี่ตาลงมองชายหนุ่มตรงหน้าผู้เป็นญาติตัวเอง ญาติที่ไม่รู้ว่าสมองทำด้วยอะไรจึงคิดอะไรซับซ้อนอยู่เสมอและเป็นคนที่คิดอะไรตรง ๆ เหมือนอย่างคนอื่นแทบไม่เป็น

“ฉันไม่คิดว่านายจะไม่รู้หรอก” ชิงหลงพูดเพราะคิดเช่นนั้นจริง ๆ โจเซคือคนหนึ่งในไม่กี่คนที่สามารถจับทางเขาได้เสมอตั้งแต่เมื่อก่อน ไม่ว่าเขาจะคิดซับซ้อนแค่ไหน อีกฝ่ายก็จะพบจุดหมายปลายทางที่เขาคิดเอาไว้ได้ในเวลาไล่เลี่ยกัน ดังนั้น แม้ตอนนี้จะไม่รู้จริง แต่อีกไม่นาน โจเซจะรู้อย่างแน่นอน “ไม่ต้องห่วง ฉันมีของตอบแทนให้นายอยู่แล้ว ไม่ได้ให้นายเหนื่อยฟรีหรอก”

“นายเอาเวลาที่มีค่าของฉันไปใช้กับแผนการแปลก ๆ ของนาย ฉันไม่คิดว่าจะมีของตอบแทนไหนเทียบกันได้หรอกนะ นอกจากว่า...” ชายหนุ่มยิ้มนิด ๆ “...กิจการในฮ่องกงสักครึ่งของชิงหลง”

“ฝันไปเถอะ”

ชิงหลงตอบกลับแทบจะทันที

กิจการของชิงหลงในฮ่องกงไม่ใช่ของเขา เป็นสมบัติของชิงหลง ไม่ใช่ฉินเว่ยหลง เพราะเหตุนั้นเขาจึงไม่อาจนำมาใช้ทำอะไรตามใจได้ ชิงหลงทุกรุ่นต่างคิดเช่นนั้น พวกเขาจึงเพียรพยายามที่จะขยายมันออกไปเรื่อย ๆ เจริญก้าวหน้าขึ้นเรื่อย ๆ ไม่เคยมีรุ่นไหนที่จะเอากิจการในปกครองไปใช้ทำอะไรที่เสียประโยชน์และไม่ได้รับอะไรคืนมา ซึ่งในเรื่องนี้ชิงหลงมองว่าไม่คุ้มที่สุด

“ก็ได้ ๆ นายแน่ใจนะว่าขงตอบแทนของนายมันคุ้มค่าจริง”

“ถ้าไม่คุ้มค่ากับเวลาของนายฉันจะเสนอทำไม นายก็รู้จักฉันดี”

เมื่อชิงหลงพูดจบ ทั้งสองก็มองหน้ากันอยู่สักพัก จ้องตากันท่ามกลางความเงียบก่อนที่โจเซจะยิ้มออกมาคล้ายคาดเดาอะไรได้ลาง ๆ

“นายลงทุนจริง ๆ นะ กับคน ๆ นั้น”

“ฉันก็แค่ทำตามที่ควรทำตามวิธีของฉัน” ชิงหลงไม่ได้ตกใจที่โจเซทักเรื่องแบบนั้นขึ้นมา

“ก็ได้ ถ้านายจะเอาแบบนั้น” โจเซเอนพิงพนัก “ไหน ๆ ฉันก็ไม่ได้เรียกประชุมกลุ่มนานแล้ว ไปเยี่ยมสักครั้งก็ดีเหมือนกัน แต่แฟมิลีพันธมิตรฉันมีเยอะเอาเรื่องนะ”

“ฉันอยากให้นายเจาะจงไปหาคนคนเดียว”

โจเซมุ่นคิ้ว

“ทำแบบนั้นไม่คิดว่าจะทำให้อีกฝ่ายไหวตัวทันหรือยังไง?” เขาไม่คิดว่าชิงหลงจะเป็นคนคิดอะไรตื้น ๆ แบบนั้น หากจะรีบให้อีกฝ่ายรู้ตัว ทำไมถึงไม่ส่งคนของตนเองไปเอง ทำไมจึงต้องให้คนของเขาไปที่นั่นด้วย?

“นายส่งไปเดี๋ยวก็รู้เองนั่นแหละ อย่าลืมเน้นย้ำกับเขาด้วยล่ะ ว่านายให้ไปหาโดยเฉพาะ แล้วก็ให้เดินรอบ ๆ บ้านด้วย”

คำขอแปลกประหลาด ดูเหมือนว่าชิงหลงคงไม่ยอมบอกอะไรเพิ่มเติม ถึงใจจริงโจเซจะไม่อยากทำอะไรที่ทำให้ตนเองตกอยู่ในภาวะเสี่ยง แต่ท่าทีของชิงหลงก็ทำให้เขาอยากรู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไรต่อไป ขั้นตอนการคิดของชิงหลงกับเขาค่อนข้างต่างกัน หลาย ๆ ครั้งเขาจึงมักพาตนเองเข้าไปในแผนการของอีกฝ่ายอย่างจงใจเพื่อเรียนรู้วิธีคิดของชิงหลง บุคคลที่มีวิธีคิดซับซ้อนที่สุดเท่าที่เขารู้จัก เหมือนกับที่ชิงหลงมักจะพาตัวเองเข้ามาในแผนการของเขาในบางครั้ง อีกฝ่ายก็คงคิดแบบเดียวกันกับเขาเรื่องการเรียนรู้กันและกันเพื่อนำไปใช้กับตัวเอง

“ก็ได้ ฉันต้องยอมนายตามเคย” โจเซถอนหายใจทำเป็นจำใจยอมรับข้อเสนอ แต่ใจเขากำลังนึกสนุกและคิดว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร

“ถ้าอย่างนั้น ไว้เจอกันใหม่” ชิงหลงลุกขึ้นโดยไม่ได้คิดจะรบกวนเวลาอีกฝ่ายต่อ อย่างไรแต่แรกเขาก็คิดจะแค่มาบอกให้โจเซทำอะไรบ้างเท่านั้น จากนั้นก็จะกลับ

ตอนนี้เขามีเรื่องอื่นกวนใจอยู่ยิ่งกว่าเรื่องของเซินหมิงเฟิ่งตอนนี้

ข่าวจากทางฮ่องกงทำให้เขารู้สึกแปลกใจเพราะได้ยินมาว่าจูเชว่เฒ่าคนนั้นไม่คิดเคลื่อนไหวอะไรเลย ซ้ำยังดูสงบสุขอย่างเหลือเชื่อ ข่าวการหายตัวของเซินหมิงเฟิ่งถูกปิดไว้อย่างสนิท ว่ากันว่าไปติดต่องานที่ต่างประเทศ แน่นอนว่ามันเป็นข้ออ้างที่สมเหตุสมผลที่สุดและไม่น่าจะมีข่าวลืออะไรตามมาได้มากนัก แต่ที่น่าแปลกยิ่งกว่าก็คือมินาโมโตะ ซากุระ ผู้เป็นคู่หมั้น ซึ่งน่าจะออกอาการอะไรบ้างที่คู่หมั้นที่เพิ่งพบหน้ากันครั้งแรกกลับหายตัวไปโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า แม้ฝ่ายพ่อจะมีท่าทีไม่พอใจนิดหน่อยแต่ทางลูกสาวกลับสงบนิ่ง ซ้ำยังออกเที่ยวตามประสาสาวโสดทั่วไปราวกับว่าไม่ได้เดือดร้อนกับเรื่องของเซินหมิงเฟิ่งแม้แต่น้อย

เท่าที่เขาสืบประวัติมา มินาโมโตะ ซากุระ ไม่ใช่คนประเภทที่จะไม่ดูดำดูดีคนอื่นถึงขนาดนั้น แม้จะเป็นคู่หมั้นที่ถูกคลุมถุงชนก็ตาม ยิ่งเป็นเรื่องที่ทางสังคมพูดคุยซุบซิบกันไปทั่วอย่างนี้ แม้จะเป็นคนหน้าไหว้หลังหลอกก็น่าจะห่วงหน้าตัวเองมากกว่านี้ในวงสังคม

หรือว่าจะเป็นแผนการอะไรของทางจูเชว่...

ทั้งที่คน ๆ นั้นไม่ได้ขยับมือเลยสักนิด แต่กลับทำให้เขารู้สึกว่าอาจจะมีบางอย่างไม่ได้เป็นไปตามที่เขาวางไว้ จูเชว่กำลังคิดอะไรอยู่?

เนื่องจากชิงหลงไม่ได้ขอให้ทิ้งระยะห่างในช่วงเวลาหรือบอกให้ทำทันที โจเซจึงคำนวณเอาเองคร่าว ๆ ว่าให้เป็นเข้าวันรุ่งขึ้น ซึ่งน่าจะไม่เร็วหรือช้าจนเกินไป เขาไม่รู้ว่าทำไมชิงหลงจึงรู้ว่าใครเป็นคนนำตัวเซินหมิงเฟิ่งไป แต่เมื่อเป็นชิงหลงแล้ว เขาก็รู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลในทุก ๆ อย่าง ไม่อย่างนั้นเขาคงจะสมองแตกตายเสียก่อน ซึ่งเขายังไม่อยากเป็นเช่นนั้น
คนของโจเซไปถึงบ้านของอาติโนในช่วงเช้าหลังจากเจ้าของบ้านกินอาหารเช้าเสร็จพอดี
ราฟาเอลเป็นคนเดินออกมารับก่อนจะรู้สึกแปลกใจเมื่ออีกฝ่ายแจ้งว่าตนเองเป็นคนของโจเซ และได้รับคำสั่งให้มาเยี่ยมเยียนอาติโนโดยเฉพาะ

“น่าแปลกใจนะที่โจเซให้มาเยี่ยมตอนนี้ เข้ามาก่อนสิ” อาติโนต้อนรับขับสู้คนที่มาเยี่ยมเยียนแทนอย่างดี

“ผมได้รับคำสั่งมาแบบนี้ แต่ดอนมอเรสซาเรก็ไม่ได้บอกอะไรเพิ่มเติม อาจจะเป็นห่วงสุขภาพของคุณก็เป็นได้นะครับ” ชายหนุ่มถือหมวกเดินเข้าไปในห้องแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ก่อนกวาดสายตามองคนรอบข้างซึ่งต่างก็เป็นชายหนุ่มวัยฉกรรจ์ก่อนจะสะดุดตาที่ราฟาเอลซึ่งดูไม่พอใจมากที่สุดกับการมาเยือนของเขาซ้ำยังมีท่าทางหลุกหลิกผิดสังเกต เขาจึงอดไม่ได้ที่จะจับตามองปฏิกิริยาผิดแปลกนั้น และเมื่อเขามองไป ราฟาเอลก็ยิ่งดูอึดอัดจนแสดงออกมาทางสีหน้าอย่างชัดเจน

“ผมอายุมากจนเขาอดเป็นห่วงสุขภาพไม่ได้เลยหรือ?” อาติโนหัวเราะอารมณ์ดีจนพุงกระเพื่อม “คงเป็นเพราะซิการ์นี่แหละนะ เขาก็บอกให้ผมเลิกตั้งนานแล้ว แต่คนมันติดไปแล้วก็เลิกยาก อีกอย่าง สูบซิการ์ควันปุ๋ยแบบนี้ก็ดูมีมาดมาเฟียโหดดี” ตอนท้ายเขาพูดติดตลกนิด ๆ

“ความจริงแล้วเลิกได้ก็ดีนะครับ ถึงคุณไม่สูบซิการ์คุณก็มีมาดเต็มเปี่ยมอยู่แล้ว” ชายหนุ่มละสายตาจากราฟาเอลแล้วคลี่ยิ้มสนทนากับอาติโน ทำให้หางตาเขาเหลือบไปเห็นท่าทางโล่งใจขึ้นของราฟาเอล ผู้ชายคนนี้ต้องมีอะไรปิดบังอยู่แน่ ๆ

“เรานี่ปากหวานเหมือนเจ้านายเลยจริง ๆ” อาติโนหัวเราะร่า

“ไม่หรอกครับ ผมแค่พูดตามความจริง”

“ถล่มตัวเข้าไปเถอะ” ชายวัยกลางคนโบกไม้โบกมือ “แล้วนี่แค่มาเยี่ยมเยียนกันสินะ มากะทันหันฉันเลยไม่ทันได้ตระเตรียมอะไรไว้ให้ไปฝากโจเซเลย”

“แต่ดอนมอเรสซาเรมีของฝากมาให้นะครับ” ว่าแล้ว ชายหนุ่มก็ยกถุงกระดาษขึ้นมา ในนั้นมีกล่องไม้สีดำขลับดูหรูหราอย่างเรียบ ๆ เมื่อเปิดออก อาติโนก็พบว่าเป็นนาฬิกาพกทรงโบราณทำจากทองเหลือง ของแบบนี้ใช่ว่าจะราคาถูกเสียเมื่อไหร่ “ของแท้จากสวิสเซอร์แลนด์ครับ เพราะวันเกิดที่ผ่านมาดอนมอเรสซาเรบอกว่าหาของให้คุณไม่ทัน วันนี้ก็เลยถือโอกาสให้ผมนำมามอบให้ครับ”

“เจ้าเด็กคนนี้ร้ายจริง ๆ" อาติโนพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เขาสะสมของสไตล์ย้อนยุคเป็นงานอดิเรก เรื่องนี้มีบางคนเท่านั้นที่รู้เพราะเขาไม่ค่อยได้คุยเรื่องงานอดิเรกกับใครนัก ไม่รู้ว่าโจเซไปรู้มาจากไหน ถึงสามารถหาของขวัญมาได้ถูกใจเขาถึงขนาดนี้

“หวังว่าจะถูกใจนะครับ” ทั้งที่เห็นท่าทางการแสดงออกชัดเจน แต่ชายหนุ่มก็ยังเอ่ยถามเพื่อแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจ

“ถูกใจแน่นอน! ถูกใจมากด้วย” อาติโนลูบคลำนาฬิกาพกด้วยผ้าผืนบาง เมื่อขัดเบา ๆ แล้ว ทองเหลืองก็ยิ่งแวววาวน่ามอง

“ดอนคงยินดีมากที่ได้ยิน”

“ฝากขอบคุณเขาด้วยล่ะ” เขาพูดอย่างอารมณ์ดี

“ไหน ๆ ผมก็มาถึงนี่แล้ว จะเป็นอะไรไหมครับถ้าผมจะขอเดินดูบ้านคุณสักหน่อย ได้ยินว่าบ้านคุณถูกออกแบบดีมากจนดอนรุ่นก่อนเอ่ยชม” ในตอนที่อีกฝ่ายกำลังอารมณ์ดีจนแทบลอยแบบนี้ เป็นโอกาสดีที่จะเอ่ยขออะไรบางอย่างซึ่งมีโอกาสจะได้หรือไม่ได้เท่ากันจะกลายเป็นมีโอกาสได้แน่นอนอย่างทันที

“เชิญตามสบายเลย แต่ความจริงมันก็เก่าแล้วคงดูไม่สวยเหมือนตอนแรก ๆ หรอกนะ”

“ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มแย้มยิ้มแล้วลุกขึ้น อาติโนหันไปพยักหน้าให้ราฟาเอลเป็นคนช่วยนำทางไป

------------------------>

ออฟไลน์ ZIar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +210/-1
Re: กรงเกล็ดมังกร ตอนที่ 13 (16/03/12)
«ตอบ #106 เมื่อ16-03-2012 17:43:01 »

เขาไม่รู้ว่าเจ้านายของตนเองต้องการอะไรจึงส่งเขามาที่บ้านของอาติโนและบอกให้เดินสำรวจทุกซอกมุม หรือว่าอาติโนมีแผนการอะไรและเก็บซ่อนอะไรบางอย่างไว้ในบ้าน อาจจะเป็นอาวุธ ยาเสพติด หรือเงิน ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นบุคคลก็ได้ จะมีอะไรน่ากลัวไปกว่าบุคคลซึ่งสามารถพลิกสถานการณ์ได้ สำหรับมาเฟียอย่างพวกเขา บุคคล คือสิ่งที่น่ากลัวกว่าสิ่งใด ๆ ซ้ำปฏิกิริยาของราฟาเอล ผู้ติดตามซึ่งอาติโนไว้ใจที่สุดยังส่อพิรุธออกมาให้เขาเห็นอย่างแทบจะปิดไม่มิด อีกฝ่ายจะต้องมีอะไรอยู่แน่ และอาจจะเป็นสิ่งที่ปิดบังอาติโนอยู่ ไม่อย่างนั้นอาติโนคงไม่บอกให้เดินนำทางเขาออกมาเช่นนี้

แต่หากอาติโนคิดไม่ซื่อจริง อีกฝ่ายอาจได้รับคำสั่งให้มาปิดปากเขาด้วยวิธีละมุมละม่อมก็เป็นได้ เพราะโจเซส่งเขามา ย่อมไม่อาจใช้กำลังกับเขาอย่างเปิดเผยได้อย่างแน่นอน การชักจูงให้เขาหักหลังจึงอาจเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด ซึ่งเขาคงต้องเลยตามเลยเหมือนไม่คิดอะไรไปก่อนในตอนนี้เพื่อดูว่าคนเหล่านี้กำลังคิดอะไรอยู่ และโจเซคิดระแคะระคายอะไรขึ้นมา

“อยากจะดูอะไรบ้างล่ะ.....ครับ” ราฟาเอลดูไม่ค่อยชอบใจเขาจนเกือบจะลืมวิธีพูดที่สุภาพ กระนั้นก็เหมือนจะควบคุมตนเองได้อย่างทันทีจนหากไม่สังเกตคงคิดว่าอีกฝ่ายติดภาษาที่พูดจากับเพื่อนมากเกินไปเท่านั้นหากไม่ติดที่น้ำเสียงแข็งกระด้าง เขาก็คงจะคิดเช่นนั้นเหมือนกัน

“ผมคงจะเดินดูไปเรื่อย ๆ นั่นแหละครับ ถึงคุณอาติโนจะบอกว่าผ่านมาหลายปีแล้วมันก็เริ่มเก่า แต่ผมคิดว่ายังเก่าก็ยังสวยนะครับ อีกอย่าง ของเก่า ๆ มักจะดูทรงคุณค่ามากกว่าของใหม่ ๆ เป็นธรรมดา บางอย่างยิ่งเก่าก็ยิ่งสวย คุณไม่คิดแบบนั้นหรือครับ?” ชายหนุ่มชวนราฟาเอลคุยด้วยน้ำเสียงสบายและเป็นมิตรเพื่อสังเกตท่าทีตอบรับที่ผ่อนคลายมากขึ้นของอีกฝ่าย ซึ่งจะทำให้เขาสังเกตถึงปฏิกิริยาแปลกปลอมได้ง่ายขึ้นเมื่อมีสิ่งกระตุ้น และเขาจะหาสิ่งกระตุ้นเหล่านั้นได้ง่ายขึ้นด้วย

“ผมไม่มีหัวเรื่องของเก่าหรอก...ครับ” ราฟาเอลเหมือนจะไม่ยอมให้ความร่วมมือ เจ้าตัวยังคงท่าทีแข็งกระด้าง แม้จะรู้ดีว่าเขาอยู่ในฐานะไหนและตัวเองอยู่ในฐานะอะไร

“แต่ดอนมอเรสซาเรชอบอยู่นะครับ ผมก็เลยต้องหัดมองของพวกนี้ไปด้วย ไม่อย่างนั้นคงไปเลือกของแทนไม่ได้” ชายหนุ่มหัวเราะ “แต่นี่นี่กว้างขวางดีจริง ๆ มีห้องเยอะไปหมดเลยนะครับ ไม่รู้ว่าแต่ละห้องใช้ทำอะไรบ้าง แต่ผมชอบการตกแต่งที่ใช้กระจกบานกว้างนะครับ แสงแดดที่ส่องเข้ามาสว่างพอจะไม่ต้องใช้หลอดไฟเลย”

“คุณอาติโนชอบแสงธรรมชาติมากกว่าครับ”

เขาเหลือบมองอีกฝ่ายที่เพียรจะสงวนคำพูดน้อย ๆ

“แต่ตอนฤดูร้อนคงลำบากเอาการ เพราะแดดส่องเข้ามาแบบนี้ท่าจะร้อนไม่ใช่น้อย”

“ไม่หรอกครับ...ต้นไม้มีเยอะ” ราฟาเอลยังคงไม่คิดจะพูดให้มากเกินจำเป็นแล้วเดินนำทางไปเรื่อย ๆ ด้วยความอึดอัดเพราะรู้สึกเหมือนกำลังถูกจับตามองแทบทุกชั่วลมหายใจ

“ตอนฤดูหนาวก็อบอุ่นดีสินะครับ”

ครั้งนี้ราฟาเอลแค่พยักหน้าเฉย ๆ ก่อนจะชะงักแล้วจึงตอบ “ครับ” เบา ๆ

ชายหนุ่มเหลือบสายตามอง และพบว่าราฟาเอลพยายามที่จะไม่มองออกไปข้างนอกทั้งที่เขากำลังพูดถึงสิ่งที่อยู่ข้างนอกนั่น หากเป็นปกติคู่สนทนาควรจะมองออกไปและหาหัวข้อที่จะมาต่อการพูดคุยของเขา กระนั้นราฟาเอลกลับเอาแต่มองไปข้างหน้า นั่นแสดงว่าข้างนอกนั่นมีบางสิ่งอยู่...

เขามองออกไป เห็นสวนกว้างที่สาดส่องด้วยแสงแดดดูอบอุ่น สวนนั้นดูไม่น่าจะมีอะไรได้ นอกจากว่าจะซ่อนอยู่ใต้ดินที่ไหนสักแห่ง

หรือว่าจะมีประตูทางเข้า?

ไม่น่าจะเป็นไปได้

เวเนเซียคือเมืองที่ใกล้จะจมน้ำเข้าไปทุกวันการสร้างบางสิ่งบางอย่างไว้ใต้ดินอาจเป็นความคิดที่โง่มากเพราะมันอาจถูกท่วมด้วยน้ำได้ทุกเมื่อ

ถ้าเป็นอย่างนั้น.....

สายตาของเขามองเลยสวนกว้างไปจนถึงอาคารอีกฝั่งซึ่งเป็นอีกส่วนของตัวบ้าน เป็นปีกอีกด้านของบ้านอันกว้างขวางหลังนี้

มันอาจจะอยู่ที่นั่น.....

เขาหันกลับมาทางราฟาเอลอีกครั้ง

“ผมขอไปเดินดูปีกอีกฝั่งบ้างได้ไหมครับ?”

ราฟาเอลดูเคร่งเครียดขึ้นมาทันที

“ฝั่งนั้น.....”

“ผมได้รับคำสั่งมาให้ดูหลาย ๆ มุมนะครับ กรุณาคิดถึงความลำบากของผมด้วย” เขาเอ่ยโน้มน้าวทำให้ราฟาเอลเริ่มแสดงความหงุดหงิดออกมา นั่นทำให้เขาค่อนข้างมั่นใจว่ามีบางสิ่งบางอย่างอยู่อีกฝั่งของบ้านนี้อย่างแน่นอน เพียงแต่...อยู่ตรงไหนเท่านั้น

“อีกฝั่งก็เหมือนฝั่งนี้แหละครับ ตกแต่งเหมือนกัน...” ราฟาเอลหาเหตุผลมาบิดเบือน

“แต่ของที่มองต่างมุมก็ให้มุมมองที่แตกต่างกันนะครับ” ชายหนุ่มยิ้มแย้ม “หากผมโดนดอนมอเรสซาเรต่อว่าที่ทำตามคำสั่งไม่ได้ คุณอาติโนอาจจะโดนหางเลขนะครับ”

เมื่อได้ยินว่าอาติโนจะโดนหางเลข ราฟาเอลก็นิ่งไป ก่อนจะพาเดินเลี้ยวไปยังอาคารที่อยู่อีกฝั่งอย่างง่ายดาย เป็นไปดังที่เขาคิด ผู้ชายคนนี้รักและเคารพอาติโนเสียจนหากยกขึ้นมาอ้างอย่างถูกจังหวะก็จะสามารถบอกให้ทำบางสิ่งบางอย่างได้ง่ายขึ้น

ผู้ชายคนนี้ยังอ่อนหัดนัก....

ชายหนุ่มถอนหายใจเบา ๆ ได้ยินว่าเป็นคนที่อาติโนหมายมั่นจะให้สืบทอด ไม่นึกว่าจะอ่อนหัดถึงเพียงนี้ ถึงเขาจะเบาใจที่สามารถโน้มน้าวได้ง่าย แต่เมื่อคิดว่าในอนาคต แฟมิลีพันธมิตรหนึ่งจะมีผู้สืบทอดแบบนี้ ก็น่าหนักใจพอสมควรทีเดียว อาติโนคงต้องทำงานหนักอีกมาก หากจะให้ผู้ชายคนนี้สืบทอดต่อจริง ๆ หรือไม่ เจ้าตัวก็ต้องหาคนใหม่ หากว่าการสำรวจของเขาพบว่าอาติโนและบราซินีแฟมิลีไม่ได้มีอะไรเป็นอันตรายต่อมอเรสซาเร เขาคงต้องนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับโจเซให้คุยกับอาติโนเสียหน่อย

พอมาถึงอีกฝั่ง เขาก็พบว่ามันไม่ได้ตกแต่งเหมือนกันเสียทีเดียว

ปีกขวาที่อยู่เมื่อครู่ตกแต่งแบบสวยงาม รวมถึงโถงกลาง เป็นการตกแต่งที่ดูออกว่าจงใจให้สวยงามและน่าอยู่อาศัย ใครไปใครมาก็เจริญตาเจริญใจ เป็นที่ภูมิใจและน่านำเสนอของเจ้าของบ้าน แต่เมื่อมาถึงฝั่งปีกซ้าย การตกแต่งกลับดูธรรมดา ๆ ไม่ได้ดูหรูหราสวยงามอะไรนัก แม้แต่การปูพื้นหรือทำสีผนัง ทั้งที่ดูเรียบร้อย แต่ก็เรียบเกินไปจนไม่เหมือนฝั่งที่ใช้รับแขกหรืออยู่อาศัยเองด้วยซ้ำ

“ฝั่งนี้ปกติใช้งานอะไรครับ?” เขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม

“....ก็งานของแฟมิลี” ราฟาเอลตอบแล้วทำหน้ายุ่งยากใจ

เมื่ออีกฝ่ายพูดแบบนั้น เขาคงจะไม่ตื้อถามต่อเพราะเดี๋ยวจะโดนครหาว่าคิดตะก้าวก่ายการทำงานของแฟมิลีได้ และโดยปกติ เมื่อได้รับคำตอบเช่นนี้ก็เดาได้ไม่ยากแล้วว่างานประเภทไหน

ชายหนุ่มเดินทอดน่องไปเรื่อย ๆ ตามทางเดินที่ดูไม่มีอะไรน่าตื่นตาตื่นใจนัก ราฟาเอลที่เดินนำอยู่ก็สื่ออาการล่อกแล่กออกมาอย่างมีพิรุธยิ่งขึ้น

และจนกระทั่งถึงทางแยกหนึ่งซึ่งทางเข้าค่อนข้างแคบและไม่สะดุดตา ซ้ำพื้นยังไม่ได้ปูเอาไว้คล้ายว่าเป็นเส้นทางที่ไม่ได้รับความสนใจจากเจ้าของเลย ซึ่งแตกต่างจากอีกฝั่งของบ้านอย่างเห็นได้ชัด สำหรับเขาแล้ว ของแบบนี้จะมีอยู่ในบ้านของมาเฟียก็ดูจะเป็นเรื่องปกติ เพราะชีวิตของอาชีพในโลกมืดแบบพวกเขาไม่ได้มีด้านที่สวยหรูให้อวดโอ้มากนัก หนำซ้ำ ด้านที่ไม่ได้สวยงามที่ต้องปิดซ่อนกลับมีอยู่มากกว่าและซับซ้อนลึกลับไม่ต่างจากสไตล์การตกแต่งบ้านหลังนี้แม้แต่น้อย

เขาคงจะเดินผ่านมันไปเฉย ๆ แล้ว หากไม่ใช่ว่าราฟาเอลแสดงอาการออกมาทางร่างกายอย่างไม่อาจปิดซ่อนเมื่อเขาชะงักเท้าหน้าทางเดิน และด้วยเหตุนั้น เขาจึงมั่นใจได้ว่า บางสิ่งบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกถึงปฏิกิริยาแปลกประหลาดของอีกฝ่ายตั้งแต่ย่างเท้าเข้ามาในบ้าน คือสถานที่นี้อย่างแน่นอน

ชายหนุ่มเดินเข้าไปโดยไม่ได้พูดอะไร ทำให้ราฟาเอลจำยอมต้องเดินตามเงียบ ๆ

ห้องหับในทางเดินนั้นมีอยู่ไม่มากนัก แต่ก็ทำให้เขาไม่รู้ว่าห้องไหนกันแน่ที่มีของที่เขากำลังมองหา

“ท่าทางจะเก็บของสำคัญไว้สินะครับ” เขาเอ่ยถามลองเชิงด้วยน้ำเสียงเหมือนรู้ทัน

“ที่แบบนี้แม้แต่ดอนมอเรสซาเรก็คงรู้ว่าไม่เหมาะจะเก็บของสำคัญ” เสียงของราฟาเอลแข็งกระด้างมากกว่าปกติอย่างเห็นได้ชัด

ชายหนุ่มหัวเราะเบา ๆ

“แต่ของที่เก็บไว้ในที่ที่ไม่น่าเป็นไปได้ อาจจะสำคัญกว่าของที่เก็บไว้อย่างดีก็ได้”

เสียงสูดลมหายใจหนักหน่วงดังอยู่เบื้องหลัง มันเป็นเสมือนสัญญาณที่บ่งบอกว่าเขาเดาถูก ดูเหมือนว่าเขาอาจจะกำลังเผชิญความเสี่ยงเข้าเสียแล้ว เพราะตอนนี้เขาได้ก้าวเข้ามาในสถานที่ซึ่งอาติโนหรือราฟาเอลอยากปิดบังไว้จากสายตาของโจเซ หากว่าถลำลึกเข้าไปมากกว่านี้ เขาจะกลับลำได้ยากยิ่งขึ้นเพราะอีกฝ่ายไม่มีทางปล่อยเขาออกไปโดยง่ายอย่างแน่นอน

เขาควรจะเสี่ยงไหม?

มันคุ้มค่าพอหรือเปล่า?

เขาตริตรองระหว่างที่กำลังเดินช้า ๆ ไปตามทางที่ค่อนข้างสลัวเมื่อเทียบกับทางเดินด้านนอก ยิ่งเดินลึกเข้าไป เขาก็ยิ่งรู้สึกถึงการกดดันจากด้านหลังมากขึ้น

บางทีอาจสายไปแล้วสำหรับการตัดสินใจ

เขาคิดเช่นนั้นด้วยความรู้สึกซึ่งมาจากการสั่งสมทางประสบการณ์ สิ่งที่ปะทะแผ่นหลังเขานั้นเป็นสายตาความไม่หวังดีอย่างที่สุด นั่นหมายความว่า เขาต้องยอมเสี่ยงแล้ว สิ่งที่เขาคิดต่อไปนั่นคือ...เขาจะทำอย่างไรเพื่อให้ตัวเองรอดออกไปอย่างปลอดภัยหากว่าอีกฝ่ายไม่คิดจะเห็นแก่หน้าของมอเรสซาเรอีกต่อไป และเลือกให้เขาเป็นเหยื่อเปิดฉากแผนการที่อีกฝ่ายวางไว้

ทว่าดูเหมือนเขาจะคิดช้าเกินไป

เมื่อเดินผ่านประตูบานหนึ่ง อยู่ ๆ ราฟาเอลก็เปิดประตูออกอย่างรวดเร็วก่อนจะกระชากแขนเขาแล้วโยนเข้าไปด้านในโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว

เสียงประตูปิดลงเมื่อเขาถูกโยนเข้ามาในห้อง และเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เจอบุคคลสองคนซึ่งดูไม่คุ้นหน้าคุ้นตาสักเท่าไหร่ เพราะทั้งสองเป็นคนเอเชีย แต่ทั้งที่เขาเป็นผู้เสียหายถูกโยนเข้ามา ทั้งสองคนนั้นกลับทำท่าเหมือนระแวงระวังเขาจนน่าแปลกคล้าย ๆ จะเหมือนกับกลัวเสียด้วยซ้ำ และเมื่อเขาหันกลับไปมองทางประตู เขาก็พบราฟาเอลยืนจังก้าขวางทางอยู่

“คุณคิดจะทำอะไรน่ะครับ” ชายหนุ่มหรี่ตาลงมองแล้วลุกขึ้นปัดเสื้อผ้าตนเอง

“ปิดปากคนพูดมากอย่างแกไงล่ะ” จากเมื่อครู่ที่พยายามสุภาพ ตอนนี้อีกฝ่ายแสดงความหยาบคายออกมาชัดเจนทั้งจากท่าทางและคำพูด

“คิดว่าคนของมอเรสซาเรจะอยู่เฉยหรือครับเมื่อผมหายตัวไป”

“แล้วคิดว่าฉันจะไม่ได้คิดหาทางปกปิดหรือยังไง” ว่าแล้ว ราฟาเอลก็พุ่งตัวเข้าหาชายหนุ่มซึ่งท่าทางเหมือนอ่อนแอ ทว่าเมื่อเข้าใกล้ หมัดหนึ่งก็พุ่งสวนเข้าใส่ใบหน้าอย่างจัง ราฟาเอลถึงกับผงะถอยหลังไม่นึกว่าจะถูกสวนกลับมาแบบนี้จากผู้ชายทีดูสุภาพไม่มีพิษภัย

“อย่าดูถูกผมให้มากนัก” ชายหนุ่มว่าแล้วขยับเนคไทตนเองให้กว้างขึ้น

แต่ทว่าราฟาเอลกลับไม่ได้คิดจะพุ่งเข้ามาทำร้ายร่างกายเขาอีก ราฟาเอลลุกขึ้นด้วยสีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่องก่อนจะชูมือขึ้นให้เขาเห็นว่าตนเองได้ถือบางสิ่งไว้ และเมื่อมองไป เขาก็พบว่ามันคือโทรศัพท์มือถือนั่นเอง โทรศัพท์มือถือของเขา!?

“อย่าดูถูกคนที่เคยอยู่ข้างถนนแบบฉันมาก่อนนักสิ” ราฟาเอลแสยะยิ้มก่อนจะเดินออกนอกประตูไปก่อนที่เขาจะทันเข้าไปแย่งของคืนมาได้ทัน

ชายหนุ่มเม้มปาก ตอนนี้เครื่องมือสื่อสารของเขาไปอยู่ในมืออีกฝ่ายแล้ว เขาจึงไม่มีทางติดต่อกลับไปหาโจเซได้ ถึงแม้เจ้านายจะมาหาเขาที่นี่ แต่ก็อาจไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนก็เป็นได้ เขารู้สึกสิ้นหนทางขึ้นมานิด ๆ ทั้งที่ในชีวิตที่รับใช้มอเรสซาเรมาไม่ค่อยจะมีโอกาสได้รู้สึกเช่นนี้นัก

เขาหันกลับไปมองผู้ร่วมห้องอีกสองคนซึ่งเป็นคนเอเชีย

เอาล่ะ...สองคนนี้จะช่วยอะไรเขาได้บ้าง?

-------------------------->

ราฟาเอลเดินออกมาจากห้องก่อนกดปุ่มปิดโทรศัพท์เพื่อป้องกันคนตามรอยสัญญาณ ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกถึงผลของสิ่งที่ตนก่อขึ้น เพราะไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะให้ใครรู้สิ่งที่เขาทำกับตัวประกันทั้งสองไม่ได้ เพราะไม่ใช่คำสั่งของอาติโน ซ้ำตัวประกันทั้งสองคนอาจเป็นคนของมอเรสซาเร ซึ่งจะทำให้อาติโนเดือดร้อนในภายหลัง และตอนนี้...ตัวประกันของเขาได้เพิ่มเป็นสาม

คนที่สามเป็นคนของมอเรสซาเรอย่างไม่ต้องสงสัย

เขาจะทำยังไงต่อไป?

หรือจะต้องปกปิดอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ

ไม่สิ...ไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว

สักวันหนึ่ง อาติโนจะต้องรู้คำตอบว่าคนเอเชียสองคนนั้นมาทำอะไรที่นี่กับชิงหลง และเมื่อนั้น ทั้งสองจะต้องถูกปล่อยตัวไป หรือไม่ก็ทำอะไรสักอย่าง แต่อาติโนจะต้องรู้แน่ ๆ ว่าเขาแอบซ่อนคนของมอเรสซาเรเอาไว้ เมื่อถึงตอนนั้นเขาควรจะทำยังไง?

บางที เขาคงจะต้องเอาตัวผู้ชายคนนั้นเปลี่ยนห้องเสียก่อน แต่ถึงอย่างนั้น อีกฝ่ายก็ไม่ใช่เล่น ๆ หมัดที่ต่อยเข้าโหนกแก้มเขายังทำให้ชาจนถึงตอนนี้ ซ้ำในห้องนั้นยังมีการ์ดของชิงหลงอยู่ด้วย ตัวเขาคนเดียวไม่มีทางจัดการคนสองคนนั้นพร้อมกันได้

เขาต้องหาคนช่วย...

แต่ใครล่ะจะไว้ใจได้

เพื่อนของเขาที่ยอมช่วยเพราะตกกระไดพลอยโจนอย่างไม่คาดคิด แต่ว่าหากอีกฝ่ายรู้เรื่องคนของมอเรสซาเรจะเป็นยังไง ทางนั้นต้องไม่ยอมร่วมมือด้วยแน่เพราะเกรงจะโดนลูกหลง

บ้าเอ๊ย...

ทำไมต้องหาเรื่องไปทางนั้นด้วยนะ!

เขาอดโทษชายหนุ่มคนนั้นไม่ได้ ทั้งที่เขาอุตส่าห์เลี่ยงแล้ว ฝั่งนั้นก็จงใจไปทางนั้นที่เขาไม่อยากให้ไป ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ หรือว่ารู้เรื่องนี้อยู่แล้ว

ถ้าอย่างนั้นแปลว่ามอเรสซาเรรู้แล้วหรือเปล่า?

ราฟาเอลวิตกจริตหนักขึ้น...

“ราฟาเอล” แต่แล้วเสียงของอาติโนก็แทรกเข้ามาในโสตประสาท เขารีบหันไปหาทันที “แล้ว......” เขารู้ได้ทันทีว่าอาติโนจะถามถึงใคร

“กลับไปแล้วครับ เห็นว่ามีเรื่องด่วนเลยฝากผมมาลา” เขาโกหก...

“....งั้นหรือ?” อาติโนคล้ายจะไม่เชื่อนิด ๆ แต่เขาไม่มีเหตุผลใดที่จะสงสัยราฟาเอลจึงปล่อยผ่านไป “แล้วแก้มนั่น?”

“...ผมล้มน่ะครับ...” อีกครั้งที่โกหก ราฟาเอลกัดกราม ภาวนาให้อาติโนอย่าถามอะไรอีก เพราเขาคิดคำโกหกไม่ออกแล้ว...

“ไปหายาทาเสียล่ะ” อาติโนว่าพลางเดินไปตบบ่าอีกฝ่ายเบา ๆ รู้สึกถึงความอึดอัดใจที่จะตอบคำถาม เขาจึงไม่ซักไซ้ไล่เรียงอีก ราฟาเอลก็โตแล้ว หากมีอะไรเกิดขึ้น เขาก็อยากให้อีกฝ่ายเรียนรู้ที่จะจัดการเอง ด้วยเหตุนั้นเขาจึงไม่ถามอะไรเพิ่มเติมและเดินจากไปในขณะที่ราฟาเอลลอบถอนหายใจเบา ๆ

TBC

ออฟไลน์ LimousinX9

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 229
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Re: กรงเกล็ดมังกร ตอนที่ 13 (16/03/12)
«ตอบ #107 เมื่อ16-03-2012 19:27:54 »

มีแต่เรื่องที่ไม่เข้าใจทั้งนั้นเลย  และอีกนานกว่าจะรู้เรื่อง เล่นผูกซะ!!!!

เอ้อ.. อีกเมื่อไหร่ - -

ออฟไลน์ Cherry Red

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-0
Re: กรงเกล็ดมังกร ตอนที่ 13 (16/03/12)
«ตอบ #108 เมื่อ17-03-2012 01:19:03 »

เอ่อ...สารพัดเรื่องพัวพันกันยุ่งเหยิงดีจริง ๆ  :z3:
เรื่องเก่า ๆ ยังไม่เคลียร์ อีตาราฟาเอลก็ก่อเรื่องกับคนของโจเซ( ยังไม่ทราบนาม )เข้าไปอีก
แต่คิดไปคิดมา เรื่องทั้งหมดอาจจะแดงขึ้นมาก็เพราะ อีตาราฟาเอล เนี่ยล่ะมั้ง ???

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
Re: กรงเกล็ดมังกร ตอนที่ 13 (16/03/12)
«ตอบ #109 เมื่อ17-03-2012 12:08:24 »

Oh it is so difficult to understand . What they are thiking??

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: กรงเกล็ดมังกร ตอนที่ 13 (16/03/12)
« ตอบ #109 เมื่อ: 17-03-2012 12:08:24 »





LUCKY STAR

  • บุคคลทั่วไป
Re: กรงเกล็ดมังกร ตอนที่ 13 (16/03/12)
«ตอบ #110 เมื่อ17-03-2012 14:33:35 »


มาต่อเรื่อยๆนะคะ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ

+ เป็ด

ออฟไลน์ พิรุณสีเงิน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
Re: กรงเกล็ดมังกร ตอนที่ 13 (16/03/12)
«ตอบ #111 เมื่อ17-03-2012 15:14:08 »

ยิ่งอ่านยิ่งงง ชิงหลงคิดอะไรอยู่กันแแน่

แต่สงสารนกน้อยที่สุดแล้ว  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ ratnalin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
Re: กรงเกล็ดมังกร ตอนที่ 13 (16/03/12)
«ตอบ #112 เมื่อ17-04-2012 00:04:59 »

พึ่งอ่านบัลลังก์ปีกหงส์มาเลยไม่มีปัญหากับชื่อตัวละคร ^^ แถมเป็นเรื่องก่อนหน้าน้องเฟย ก็เลยมีเหตุการณ์อะไรสักอย่างมาเฉลยเรื่องในอนาคต น่าสนใจมาก

สนุกมากค่ะ ถึงจะยังไม่รู้อะไรเลย T^T ตอนแรกก็ลองเดาบ้าง แต่หลังๆชักเหนื่อย 555 สงสารพี่หมิง ตั้งแต่กลับจากอังกฤษนี่โดนขังตลอด แถมไม่รู้ว่าทำไมอีกต่างหาก(คนอ่านก็ไม่รู้) ถึงปมจะเยอะ อ่านแล้วก็มีเครียด แต่คนละอารมณ์กับบัลลังก์ปีกหงส์มาก รู้สึกเรื่องนี้ผ่อนคลายมากกว่า ฮามากกว่า สงสัยเป็นเพราะพี่หมิงแน่ๆ

รอตอนหน้าค่ะ

ปอลิง ชอบผู้หญิงแบบซากุระจัง ^^

ออฟไลน์ Smirnoff

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
Re: กรงเกล็ดมังกร ตอนที่ 13 (16/03/12)
«ตอบ #113 เมื่อ18-04-2012 01:20:50 »

อั้ยยะ เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่หว่า รออัพอยู่ทุกวี่วันนะคะ

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
Re: กรงเกล็ดมังกร ตอนที่ 13 (16/03/12)
«ตอบ #114 เมื่อ18-04-2012 21:47:25 »

ชิงหลงใจร้ายจังเนอะ น้องเซินโดนทำร้าย

ออฟไลน์ wikichan

  • ชื่อ:Wi! วิ! วิกิ! วิเวียน//วันๆ ไม่ทำอะไรชอบอ่านมังงะและนิยายเป็นชีวิตจิตใจ ชอบผลงานของพี่แพร์ Nigiri_Sushiที่สุดอ่านทุกเรื่องแต่ไม่ได้ซื้อทุกเรื่อง อยากเจอตัวจริงสักครั้งนึงแบบว่านักเขียนในดวงใจ #เพ้อ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
Re: กรงเกล็ดมังกร ตอนที่ 13 (16/03/12)
«ตอบ #115 เมื่อ03-05-2012 04:10:20 »

เรื่องนี้ ชิงหลงxเซิน สินะครับ

มาต่อสักทีเถอะฮะ ชอบมากเลย มันดูกดดัน+ดึงดูด จังเลย

รอตอนต่อไปอยู๋นะคร๊าบบบ บบ..^^

ออฟไลน์ ZIar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +210/-1
Re: กรงเกล็ดมังกร ตอนที่ 13 (16/03/12)
«ตอบ #116 เมื่อ11-05-2012 16:31:03 »

เข้ามาแจ้งข่าวค่ะ

ขอโทษที่หายไปนานแล้วไม่ได้มาต่อเลยนะคะ ;w;
ตอนนี้เซียร์กำลังเรียนซัมเมอร์ปีสุดท้ายอยู่ เลยค่อนข้างจะหนักเอาการ เลยไม่มีเวลา+พลังงานในการเขียนเลย อยากมากก็ทำได้แค่วาดรูปบ้างเท่านั้นเอง orz
ดังนั้นเซียร์ขอเวลานักอ่านทุกท่านหน่อยนะคะ ขอเซียร์จัดการเรื่องเรียนให้เรียบร้อยแล้วจะมาต่อให้ ;w;
คาดว่าคงจะเรียบร้อยในปลายเดือนนี้แหละค่ะ ^ ^

ออฟไลน์ LSK

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: กรงเกล็ดมังกร ตอนที่ 13 (16/03/12)
«ตอบ #117 เมื่อ12-05-2012 13:39:40 »

สงสารหมิงอ่ะเมื่อไหร่จะได้ออกมาซที ชิงหลงวางแผนอะไรอีก รีบไปช่วยหมิงสิ  :angry2: เรียนเสร็จแล้วรีบกลับมาต่อไวๆนะ

ออฟไลน์ ZIar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +210/-1
Re: กรงเกล็ดมังกร ตอนที่ 14 (03/06/12)
«ตอบ #118 เมื่อ03-06-2012 19:34:37 »

-14-


   ผู้มาเยือนคนใหม่สร้างความประหลาดใจให้กับเซินหมิงเฟิ่งและคิมหันต์เป็นอย่างมาก รวมไปถึงความหวาดระแวงซึ่งทับถมมาจากการโดนทำร้ายร่างกายและจิตใจหลายต่อหลายครั้ง ทั้งสองจึงทำได้เพียงจด ๆ จ้อง ๆ ผู้มาใหม่ด้วยความสงสัยคลางแคลงใจว่าจะเป็นแผนการตบตาของราฟาเอลหรือไม่ กระนั้น สมาชิกใหม่ของห้องขังก็ไม่ได้แสดงท่าทีคุกคามใด ๆ รวมถึงความเป็นมิตรก็ไม่มีเช่นกัน เจ้าตัวเพียงปัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยและทอดสายตามองไปรอบ ๆ อย่างเงียบ ๆ ก่อนที่นัยน์ตาคู่นั้นจะหยุดลงที่บุคคลทั้งสองซึ่งอยู่ในห้องนี้ก่อนแล้ว

   “ดูเหมือนพวกคุณก็จะถูกเอาตัวมาขังไว้เหมือนกันสินะครับ” ชายหนุ่มว่าพลางขยับเนคไท แต่เพราะเป็นภาษาอิตาเลียน ทั้งเซินหมิงเฟิ่งและคิมหันต์จึงไม่สามารถทำความเข้าใจได้ ผู้พูดจึงกล่าวซ้ำอีกครั้งเป็นภาษาอังกฤษซึ่งเป็นภาษาสากลที่สุด

   “ครับ...คิดว่าแบบนั้น คุณเป็นใครกัน?” เซินหมิงเฟิ่งพิจารณาอีกฝ่ายพลางเอ่ยถาม

   “ผมเป็นคนของดอนมอเรสซาเร” เขาคิดว่าหากจะผูกสัมพันธ์กับสองคนนี้คงจะต้องแนะนำตัวกันไว้ก่อน ถึงแม้เขาจะไม่ได้เห็นความสำคัญของมันมากนัก ด้วยเหตุนั้นจึงไม่ได้บอกชื่อของตนออกไป เพราะเขาไม่รู้ว่าคนที่พบเจอกันเพียงผ่าน ๆ จะรู้ชื่อเสียงเรียงนามไปทำไม

   “ดอนมอเรสซาเร? คุณโจเซ?”

   วิธีเรียกของเซินหมิงเฟิ่งเรียกให้ชายหนุ่มเลิกคิ้ว

   “รู้จักด้วยหรือครับ?”

   “ครับ...ผมเป็นคนของชิงหลง เห็นว่าเป็นญาติกับคุณโจเซ” เซินหมิงเฟิ่งจำต้องโป้ปดไปก่อน เพราะหากไม่พูดอย่างนี้ เขาก็ไม่รู้จะแนะนำตัวว่าตนเองอยู่ในฐานะไหน จากนั้นจึงหันไปแนะนำคิมหันต์ “ส่วนทางนี้เป็นการ์ดที่ชิงหลงสั่งให้มาดูแลผมน่ะครับ”

   เมื่อได้ยินว่าการ์ด ดวงตาของชายหนุ่มชาวอิตาเลียนก็มีประกายความสงสัยขึ้นมาวูบหนึ่ง เพราะโดยปกติแล้ว หากคนที่ถูกคุ้มครองโดนจับตัวมา การ์ดควรจะสู้จนสุดชีวิตซึ่งน่าจะบาดเจ็บสาหัสหรือตาย แต่สภาพการ์ดคนนี้กลับไม่ได้ร้ายแรงถึงขั้นนั้น มีเพียงแค่แผลฟกช้ำในบางจุดเท่านั้นเอง

   “การ์ดของชิงหลงหละหลวมกว่าที่คิดไว้นะครับ” เจ้าตัวกล่าวคำปรามาสด้วยน้ำเสียงเรียบสนิท และเพราะกล่าวด้วยสำเนียงอย่างตะวันตกแท้และพูดรัวเร็ว คิมหันต์จึงฟังอีกฝ่ายไม่ค่อยถนัดนัก และแม้เซินหมิงเฟิ่งจะเข้าใจ ก็ไม่อยากจะแปลให้ผู้รับสารฟัง ส่วนชายหนุ่มผู้พูดก็ไม่ได้สนใจจะฟังคำแก้ตัวหรือคำอธิบาย เขาเดินวนรอบ ๆ ห้องและมองไปยังช่องเปิดเล็ก ๆ ซึ่งมีตะแกรงปิดอยู่ แน่นอนว่ามันใช้ออกไปข้างนอกไม่ได้แน่ ๆ แต่ก็น่าจะพอให้เห็นภายนอกได้ เขาจึงเดินไปลากโซฟาตัวหนึ่งเพื่อต่อขาตัวเองให้ถึงช่องนั้น

   “ทำอะไรน่ะครับ?” เซินหมิงเฟิ่งเอ่ยถาม

   “ผมอยากจะมองผ่านตรงนั้น” เขาชี้ไปยังช่องเล็ก ๆ

   “มันสูงเกินไป ผมเคยลองแล้ว” ถึงแม้ผู้ชายคนนี้จะสูงกว่าเขา เซินหมิงเฟิ่งก็ยังมั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่มีทางจะเขย่งถึง เพราะเจ้าตัวสูงกว่าเขาเพียงนิดหน่อยเท่านั้น

   “ถ้าอย่างนั้นคุณก็ช่วยผมหน่อย” ชายหนุ่มจัดโซฟาในตำแหน่งที่เหมาะสม “การ์ดของคุณน่าจะแข็งแรงมากพอจะยกผมขึ้นไปได้”

   เซินหมิงเฟิ่งหันไปทางคิมหันต์ซึ่งยังไม่เข้าในสถานการณ์

   “ผมไม่รู้ว่าคุณจะทำไปทำไม” แน่นอนว่าวิธีนี้เขาก็เคยลองแล้วเช่นกัน และเขาก็ไม่เห็นประโยชน์อะไรที่จะมองออกไปข้างนอกที่มีแต่สวนว่างเปล่าและการ์ดเดินไปเดินมา

   “แต่ผมรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร และถ้าคุณจะมัวแต่ถามแบบนี้ คุณน่าจะช่วยผมหาทางออกไปจากที่นี่ด้วยกัน” ชายหนุ่มว่าพลางกลอกตา เขาไม่เข้าใจเลยว่าคนตะวันออกจะคิดแล้วลงมือทำไม่ได้หรือ ทำไมถึงต้องมีคำถามลูกโซ่แล้วไม่ลงมือทำอยู่เสมอ

   เซินหมิงเฟิ่งส่ายศีรษะ รู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังจะทำสิ่งที่เปล่าประโยชน์ แต่บางที ผู้ชายคนนี้อาจจะมีความคิดดี ๆ จริงก็เป็นได้ พวกเขาเองถูกจับตัวมาโดยไม่ได้ตระเตรียมอะไรเลย และถูกกักขังเสียจนเฉื่อยชาแทบไม่เหลือความรู้สึกอยากจะดิ้นรน แต่คน ๆ นี้เป็นคนของมอเรสซาเร และเพิ่งจะถูกกักตัว น่าจะยังมีพลังงานเหลือมากพอจะคิดหาทางหนีได้ดีกว่าพวกเขา

   เซินหมิงเฟิ่งหันกลับไปทางคิมหันต์อีกครั้ง

   “คุณคิมหันต์ ช่วยยกตัวเขาขึ้นไปหน่อยนะครับ”

   คิมหันต์ได้ยินเช่นนั้นจึงพอจะเข้าใจขึ้นมาบ้าง เขาเดินไปที่โซฟาแล้วถอดรองเท้าขึ้นไปยืน ชายหนุ่มชาวอิตาเลียนที่ไม่ยอมบอกชื่อของตนปีนพนักโซฟาตามขึ้นไปเพื่อให้อีกฝ่ายอุ้มตนง่ายขึ้น ก่อนที่แขนของคิมหันต์จะโอบรอบสะโพกแล้วยกตัวขึ้นไป ส่วนสูงของคิมหันต์อาจไม่มากนักเมื่อเทียบกับคนตะวันตก แต่ตัวชายหนุ่มเองก็เป็นคนตะวันตกเชื้อสายละตินขนาดตัวจึงไม่ค่อยต่างกัน ทำให้เรี่ยวแรงของคิมหันต์สามารถยกตัวเขาขึ้นไปได้ แม้จะทุลักทุเลอยู่สักนิดก็ตามที

   ถึงอย่างนั้นก็เป็นโชคของพวกเขาที่ความสูงของช่องระบายอากาศนั้นพอดีกับระดับสายตาของชายหนุ่มในขณะนี้

   “ฝั่งตรมข้ามคืออาคารหลักสินะครับ”

   “ผมไม่ทราบเหมือนกัน เพราะตอนผมถูกจับมาผมก็รู้สึกตัวในห้องใต้ดิน ส่วนอื่นในบ้านหลังนี้น่ะ ผมไม่เคยเห็นเลย” เซินหมิงเฟิ่งตอบตามจริง เพราะเมื่อออกมาจากห้องใต้ดิน เขาก็ถูกพาตัวเข้ามาที่นี่ แม้แต่ช่วงเสี้ยววินาทีที่จะสัมผัสแสงอาทิตย์ยังแทบไม่มี

   “อย่างนั้นหรือครับ” เขาไม่ค่อยแปลกใจนัก เพราะใคร ๆ ก็คงไม่อยากให้คนที่ถูกจับมารู้ว่าภายนอกเป็นอย่างไร เพราะอาจจะหาทางหนีได้

   ชายหนุ่มเลื่อนสายตาไปรอบ ๆ เท่าที่กรอบของช่องระบายอากาศจะอำนวย

   “คงจะไม่ผิด” เขาพึมพำกับตัวเอง

   “อะไรหรือครับ?” คิมหันต์ได้ยินเสียงพึมพำเลยเงยหน้าขึ้นถาม

   “ผมเห็นทางเดินที่ผมใช้เดินเข้าไปในตัวบ้าน แสดงว่านั่นคืออาคารหลักไม่ผิดแน่ และถ้ามีแขกมา เขาก็จะต้องเดินผ่านทางนั้น” ชายหนุ่มว่าจบก็เลื่อนมือลงมาตบบ่าคิมหันต์เพื่อบอกว่าตนเองดูจนพอแล้ว คิมหันต์จึงปล่อยอีกฝ่ายลงแล้วพรูลมหายใจออกมา

   เพราะตั้งแต่ถูกขังเขาจึงไม่ค่อยได้ออกกำลังกายหรือกินอาหารที่เหมาะสม เรี่ยวแรงของเขาจึงหดหายไปหลายส่วน

   “แปลว่าคุณคิดอะไรออกแล้ว?” เซินหมิงเฟิ่งเลิกคิ้วถาม

   “จะว่าคิดออกก็ไม่เชิง ผมว่ามันเป็นเรื่องที่ถูกคาดการณ์เอาไว้แล้วมากกว่า” ชายหนุ่มส่ายศีรษะอย่างระอาใจ “ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ถ้าเป็นอย่างที่ผมคาดล่ะก็ พอถึงพรุ่งนี้เช้า....”

   “อาหารมาแล้ว” ชายหนุ่มไม่ทันจะพูดจบ เสียงจากภายนอกก็ขัดจังหวะเสียก่อนทำให้การสนทนาต้องหยุดชะงักพร้อมกับเสียงกุญแจกอกแกก

   ประตูเปิดออกพร้อมผู้ชายวัยฉกรรจ์หลายคนและรถเข็นอาหาร

   “เอ๋ มีคนมาเพิ่มตอนไหนน่ะ?” คนที่เข้ามาส่งอาหารดูจะแปลกใจที่พบว่ามีคนเพิ่มเข้ามาในห้องอีกหนึ่งคน ทั้งที่วันก่อนก็ยังมีสองคนตามปกติ ครั้นจะคิดว่ามีคนมุดเพิ่มเข้ามาทางซอกไหนก็คงไม่ใช่ เพราะหากจะมุดเข้ามาเพื่อถูกขัง...มุดหนีออกไปน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

   “เพิ่มวันนี้แหละ เจ้านี่พยายามจะแอบเข้ามาช่วยสองคนนี้ก็เลยขังไว้ด้วยกันซะเลย” ราฟาเอลเข้ามาแก้ต่างโดยไม่ยอมให้ทั้งสามมีโอกาสแก้ตัวใด ๆ เขาดันรถเข็นไปไว้ในห้องแล้วดึงคนอื่น ๆ ออกไปข้างนอกโดยพยายามไม่แสดงท่าทีมีพิรุธ

   “เฮ้ย แล้วได้บอกคุณอาติโนหรือยัง!?” เพื่อนคนหนึ่งถามขึ้น

   แต่ถึงอย่างนั้น...คำโกหกที่เริ่มแล้วครั้งหนึ่ง ก็ไม่สามารถหยุดมันได้ มีแต่ต้องโกหกต่อไปเรื่อย ๆ เท่านั้น

   “เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องรายงานหรอก ฉันจัดการเองได้” ราฟาเอลยืนยันหนักแน่นเพื่อให้คนอื่น ๆ เลิกสงสัย เพราะเขาไม่อยากจะโกหกไปมากกว่านี้ และเขารู้ดีว่า การพูดความจริงออกไปในตอนนี้ก็ไม่อาจช่วยให้อะไรดีขึ้นได้ สิ่งที่เขาทำก็เพื่ออาติโน เขาเชื่อมั่นเช่นนั้น เพราะหากผู้ชายคนนี้หลุดออกไปได้ เรื่องที่อาติโนลักพาตัวคนของชิงหลงมาก็จะถูกเปิดเผย และอาจจะเดือดร้อน

--------------------->

   “เป็นไปตามที่นายคิดทุกอย่างเลยนะชิงหลง” โจเซว่าพลางมองนาฬิกา ซึ่งเย็นค่ำแล้วคนของเขาที่ถูกส่งตัวไปก็ยังไม่กลับมา บางทีคงจะถูกจับไปด้วยกันแล้ว “นายรู้ได้ยังไงว่าทางนั้นจะไม่ยอมปล่อยตัวกลับ อาติโนปกติไม่ใช่คนโง่แบบนั้นหรอกนะ”

   “ไม่หรอก ความจริงแล้วมันเป็นแค่เรื่องที่ฉันเผื่อเอาไว้ การที่เป็นไปตามนั้นค่อนข้างจะเหนือความคาดหมายของฉัน แปลว่าอาติโนมีคนข้างกายที่ไม่ค่อยฉลาดเฉลียวนักและอายุยังน้อยจึงไม่มีประสบการณ์การรับมือกับการแทรกแซงด้วยปัจจัยภายนอกโดยไม่ทันคาดคิด” ชิงหลงว่าพลางมองดูประวัติ ราฟาเอล จอร์จิโอ คนสนิทของอาติโน บราซินี คน ๆ นี้เป็นคนซื่อตรงและคาดการณ์ง่าย ประสบการณ์ในวงการยังน้อย จึงไม่น่าแปลกหากจะรับมือกับแผนการของเขาได้ยากสักหน่อย

   ดอนบราซินีเจองานหนักเพราะคนของตัวเองเสียแล้วสิงานนี้

   ชิงหลงเดินไปนั่งลงบนโซฟา ยกขาไขว่ห้างอย่างสบายอารมณ์

   ความจริงแล้วหากสถานการณ์ไม่เป็นไปอย่างนี้ พวกเขาคงทำได้แค่สงสัยอีกฝ่ายไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีหลักฐาน ความเลือดร้อนด่วนตัดสินใจของราฟาเอล จอร์จิโอทำให้พวกเขามีข้ออ้างที่หนักแน่นขึ้นที่จะไปเยี่ยมเยียนดอนบราซินีตามกำหนดการณ์ในวันพรุ่งนี้

   “นายแน่ใจนะว่าเสร็จงานนี้นายจะยอมแลกเปลี่ยนอย่างนั้นจริง ๆ” โจเซเลื่อนสายตาไปมองญาติผู้น้องของตนซึ่งดูสุขุมเยือกเย็นอย่างเคย

   “ทำไมจะไม่ล่ะ?” ชายหนุ่มชาวฮ่องกงเลิกคิ้วพลางเปิดแผ่นกระดาษในมือไปอีกหน้าแล้วอ่านทบทวนไปเรื่อย ๆ ราวกับว่าเรื่องราวประวัติของผู้อื่นเป็นสิ่งที่น่าสนใจจนอ่านซ้ำได้ไม่มีเบื่อ

   “นายเริ่มจะทำตัวเหมือนมังกรจริง ๆ แล้ว รู้ตัวหรือเปล่า?”

   “ฉันไม่เข้าใจที่นายพูด”

   โจเซเผยรอยยิ้มกึ่งจะไม่เต็มใจอยู่นิด ๆ

   “เจ้าคนเลือดเย็น”

   “ฉันคิดว่ามันเป็นคุณสมบัติที่ออกจะเกินตัวฉันไปเสียหน่อย” ชิงหลงเหลือบสายตาขึ้นมองญาติผู้พี่แล้ววางปึกกระดาษในมือลงบนโต๊ะ “แต่ฉันจะรับไว้ในฐานะคำชม”

   “เฮ้อ เอาเถอะ แล้วพรุ่งนี้ฉันจะมารับตอนเช้าก็แล้วกัน” โจเซว่าพลางลุกขึ้น บิดตัวนิดหน่อยแก้เมื่อยขบ แล้วเดินออกไปพร้อมลูกน้องที่พามาด้วยและรออยู่ข้างนอก ชิงหลงรอจนกระทั่งอีกฝ่ายออกไปจากห้องแล้ว จึงผ่อนลมหายใจออกมา

   เลือดเย็นหรือ?

   นั่นเป็นคำที่ผู้คนใช้ขนานนามให้กับเขา ใช้เรียกแทนตัวเขา ซึ่งในความเป็นจริงเขาเองก็คิดว่าตนเองเป็นเช่นนั้นจึงไม่คิดจะแก้ตัวใด ๆ

   แต่ไหนแต่ไรมา ในโลกที่เขาอาศัยอยู่ การจะต้องสละบางสิ่งเพื่ออีกสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นเป็นประจำทุก ๆ วันราวกับกิจวัตร จนเขาชินชากับการเสียบางอย่างไปเพื่อแลกบางอย่างมา หรือกระทั่งการทำลายชีวิตใครบางคนเพื่อองค์กรของตนเอง แต่ว่าคน ๆ นั้นกลับแตกต่างกัน คนที่เกิดมาในโลกเดียวกับเขา ในฐานะเดียวกับเขา แต่เติบในสถาวะแวดล้อมที่ไม่เหมือนกับเขา

   คนที่ได้มีความสุขอย่างคนธรรมดาสามัญ...ด้วยการแยกชิงบางสิ่งบางอย่างของเขาไป

   ตอนนี้ก็แค่เวลาที่จะต้องเอาคืน หรือว่า...เวลาที่เขาจะได้เรียนรู้การเป็นคนธรรมดาสักครั้งในชีวิตกันแน่

   การที่เซินหมิงเฟิ่งมีตำแหน่งค้ำตัวเองอยู่ทำให้เขาไม่สามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้มากนัก นอกจากฝ่ายนั้นจะยินยอมร่วมมือด้วยในบางกรณี กระนั้น เขาเองก็มีวิธีอีกมากมายที่จะทำให้ผู้ชายคนนั้นรับรู้ถึงความรู้สึกที่ตัวเขาต้องเผชิญในวัยเยาว์

   นี่ก็เป็นแค่...แผนการอีกขั้นเท่านั้น ถึงแม้มันจะทำให้เขาได้รับฉายาเลือดเย็นตอกย้ำกลับมาก็ตาม

------------------->

   เซินหมิงเฟิ่งมองดูผู้ชายแปลกหน้าที่ตอนนี้หน้าไม่แปลกแล้วอย่างเบื่อหน่าย เพราะอีกฝ่ายเอาแต่จ้องมองนาฬิกาแทบจะตลอดเวลาเหมือนกับกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ สมาธิเจ้าตัวท่าจะดีมาก เพราะไม่ว่าเขากับคิมหันต์จะทำอะไรก็ไม่สามารถหันเหความสนใจจากนาฬิกาข้อมือได้เลย จนเซินหมิงเฟิ่งเริ่มนึกสงสัยว่านาฬิกาเรือนนั้นความจริงเป็นเครื่องมือสะกดจิตหรือเปล่า

   “ถึงคุณจะมองมันจนทะลุ มันก็ไม่มีทางเปิดเป็นรูหนอนให้เรามุดออกไปได้หรอกนะครับ” เซินหมิงเฟิ่งกล่าว แม้ว่ามันควรจะเป็นข้อเท็จจริงที่อีกฝ่ายควรรู้อยู่แล้วก็ตาม

   “แต่ถ้ามันเป็นเครื่องมือสื่อสาร ก็มีความเป็นไปได้นะครับ” คิมหันต์กระซิบพลางลอบมองชายหนุ่มที่ยังมองนาฬิกาอยู่

   “เสียใจด้วยนะครับ มันไม่ใช่หรอก” ชายหนุ่มเงยหน้าจากหน้าปัดแล้วกล่าวตอบข้อสงสัย

   ถ้าอย่างนั้นจะมองมันทำไมกัน!?

   ทั้งเซินหมิงเฟิ่งและคิมหันต์คิดขึ้นมาพร้อมกัน

   “คุณไม่คิดจะแนะนำชื่อหน่อยหรือ? ไหน ๆ ก็ต้องมาอยู่ด้วยกันตั้งนานแล้วแถมไม่รู้ว่าจะได้ออกไปเมื่อไหร่” เซินหมิงเฟิ่งหาเรื่องชวนคุย

   “ในความเป็นจริงคือเราอยู่ด้วยกันมา 21 ชั่วโมง 8 นาที และอีกไม่กี่นาทีหลังจากนี้เราคงจะไม่ได้เจอกันแล้ว ผมก็เลยไม่รู้ว่าเราควรจะแนะนำตัวให้รู้จักชื่อแซ่กันหรือเปล่า” ชายหนุ่มว่าก่อนจะโคลงหัวเล็กน้อย “แต่หากคุณอยากรู้ ผมก็บอกได้ เพราะชื่อของผมไม่ได้เป็นความลับอะไร แต่ว่าตอนนี้คงยังไม่เหมาะ เพราะผมต้องขอให้คุณยกผมขึ้นไปที่ช่องนั้นอีกครั้ง”

   หา?

   “เมื่อวานคุณก็ขึ้นไปแล้วนี่ครับ มันไม่มีอะไรเลย” เซินหมิงเฟิ่งถอนหายใจ ความจริงแล้วใจเขาตอนนี้รู้สึกสิ้นหวังอย่างมาก ถึงแม้จะพูดเล่นได้ก็จริง แต่เขาก็แค่พยายามจะทำใจให้ร่าเริงเท่านั้น และผู้ชายคนนี้ก็เหมือนจะทำให้เขามีความหวังขึ้นมาวูบหนึ่งก่อนที่เขาจะรู้ตัวว่ามันก็แค่ความหวังลม ๆ แล้ง ๆ บางที...ชิงหลงคงจะลืมเขาไปแล้ว หรือไม่ก็จงใจจะพาเขามาให้ถูกกักตัวแบบนี้แต่แรกเพื่อกำจัดเขาไปให้พ้นทาง ผู้ชายแผนสูงคนนั้นคงไม่คิดจะใยดีเขาเสียด้วยซ้ำ และคิมหันต์ก็ลูกลากมาติดร่างแหอย่างช่วยไม่ได้

   “คุณแค่ไม่เห็นสิ่งที่เป็นประโยชน์กับคุณก็เท่านั้น” ชายหนุ่มชาวอิตาเลียนว่าแล้วหันไปหาคิมหันต์ “รบกวนหน่อยนะครับ”

   “พอสักทีเถอะครับ!” เซินหมิงเฟิ่งร้องออกมา “ในเมื่อมันไม่มีทางออก ต่อให้ดิ้นรนยังไงก็ไม่มีเหมือนเดิม คุณจะปีนขึ้นไปอีกกี่ครั้งมันก็ยังเป็นแค่ช่องเล็ก ๆ ที่ทำอะไรกับมันไม่ได้”

   “ถ้าคุณคิดแบบนั้น แปลว่าคุณจะนั่งรอเฉย ๆ หรือครับ?”

 ....

   ใช่สิ...เพราะเขาเหนื่อยที่จะดิ้นรนแล้ว...

   เซินหมิงเฟิ่งคิดอยู่ในใจแต่ไม่ได้ตอบออกไป เขาเพียงแค่ชักสีหน้าไม่พอใจแล้วเดินไปนั่งที่เตียง เขารู้สึกโกรธที่ถูกถามแบบนั้น เพราะเหมือนโดนตำหนิว่างอมืองอเท้าไม่ลุกขึ้นทำอะไร แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่สามารถเถียงอีกฝ่ายได้เลย เพราะตอนนี้เขาไม่ทำอะไรจริง ๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ ตั้งแต่วันไหน ที่เขาเลิกคิดที่จะหาทางหนี เลิกคิดที่จะเฝ้ารอความช่วยเหลือ และเลิกคาดหวัง

   “จะทำอะไรก็ตามใจเถอะครับ”

   “คุณท้อง่าย ๆ แบบนี้น่ะ ในวงการนี้มีอีกกี่ชีวิตก็ไม่พอหรอกนะครับ” ชายหนุ่มกล่าวแล้วปีนขึ้นไปบนโซฟากับคิมหันต์ก่อนกวาดสายตามองไปยังทางเดินซึ่งเชื่อมกับอาคารหลัก ในตอนแรก สายตาของเขาก็เห็นเพียงวิวทิวทัศน์เดิม ๆ ทว่าในไม่กี่อึดใจต่อมา เสียงของรถยนต์ก็แว่วเข้ามาในหู เสียงกริ่งเรียกคนในบ้าน และการจรลีออกไปต้อนรับผู้มาเยือนของการ์ด

   เขานิ่วหน้าเล็กน้อยขณะมองนาฬิกา

   “สายไป 3 นาทีนะครับ”

   “เอ๋?” คิมหันต์นึกสงสัยว่าอีกฝ่ายบ่นอะไร แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบกลับมา เจ้าตัวเพียงแค่พยายามจะขยับแขนอยู่บริเวณซี่กรงโดยไม่ยื่นออกไปข้างนอก ซึ่งคิมหันต์ก็ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังต้องการจะทำอะไร ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะเขาไม่เห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้นภายนอก

   แต่ในสายตาของชายหนุ่มนั้นต่างกัน เขารู้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น และตอนนี้ เขากำลังพยายามหาทางหนีให้กับตัวเอง และอาจรวมถึงบุคคลทั้งสองที่อยู่ในห้องนี้ด้วย หากว่าเขาคาดเดาเรื่องเหล่านี้ได้ถูกต้องแม่นยำอย่างที่ควรจะเป็นถึงเขาจะได้รับข้อมูลมาไม่ครบถ้วนก็ตามที

   กลับไปคราวนี้ เจ้านายกับเขามีเรื่องต้องคุยกันยาวแน่ ๆ

   หลังจากพยายามทำกิริยาแบบเดิมสักพัก เขาก็รู้สึกว่าการส่งสัญญาณของตนเองน่าจะสัมฤทธิ์ผลแล้ว จึงสะกิดบ่าให้คิมหันต์ปล่อยตัวเองลงไป

   “ข้างนอกนั้นมีอะไรหรือครับ?” คิมหันต์เอ่ยถาม “เอ่อ...ช่วยตอบผมแบบช้า ๆ ด้วยนะครับ”

   “เอาจริง ๆ ก็ไม่มีอะไรมากนัก แต่อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าเราจะออกไปจากที่นี่ก่อนเที่ยง” คำพูดของชายหนุ่ม ตอนแรกคล้ายจะลอยผ่านหูพวกเขาไป ก่อนที่จะย้อนกลับมาคิดทบทวนประมวลผลอีกครั้ง ทั้งเซินหมิงเฟิ่งและคิมหันต์จึงได้รู้สึกตัวและผุดลุกขึ้นมาจากท่าปกติเหมือนจะเข้าไปเขย่าคอผู้พูดในวินาทีนั้นว่าที่กล่าวมาเป็นความจริงหรือไม่ และจริงมากแค่ไหน

------------------->

ออฟไลน์ ZIar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +210/-1
Re: กรงเกล็ดมังกร ตอนที่ 14 (03/06/12)
«ตอบ #119 เมื่อ03-06-2012 19:38:05 »

   “เซซิลิโอ เมดิซี”

   “เซซิลิโอ เมดิซี?” อาติโนทวนชื่อซ้ำ “ใช่ เมื่อวานตอนเช้าเขามาหาผมที่นี่ เอาของขวัญจากคุณมาให้ผมด้วย แต่ผมช่วยอะไรคุณไม่ได้ เพราะเขากลับออกไปแล้วเมื่อวานนี้”

   โจเซได้ยินคำตอบก็ประสานมืออย่างครุ่นคิด พลางกวาดสายตาไปรอบบริเวณ ชิงหลงนั่งเยื้องจากเขาไปทางเก้าอี้อีกตัว และเมื่อเขาเบือนสายตาไปสบ เจ้าตัวก็คล้ายจะส่งสัญญาณบางอย่างด้วยการขยับลูกนัยน์ตาเพียงเล็กน้อยไปทางใครบางคน

   อ้อ ใช่...

   คน ๆ นั้นเอง

   ชายหนุ่มเผยรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปากก่อนจะพรูลมหายใจบางเบาออกมาต่อหน้าอาติโน

   “ผมพูดตามตรงนะดอนบราซินี จากคำพูดหนักแน่นของคุณ และจากประสบการณ์ที่คบหากับคุณมา ผมเชื่อในคำพูดของคุณ แต่...คุณคิดว่าคุณรู้ความจริงทั้งหมดแล้วหรือเปล่าจึงได้ยืนยันออกมาแบบนั้น” สายตาคมปลาบทอดมองไปยังเจ้าของบ้าน ซึ่งเริ่มทำสีหน้าเคร่งเครียดออกมาให้เห็น “คุณไม่ได้เป็นคนส่งเซซิลิโอออกไปด้วยตัวเอง ผมพูดถูกหรือไม่?”

   อาติโนสูดลมหายใจเข้าลึก

   “ใช่ เป็นอย่างที่คุณพูด ผมไม่ได้ส่งเขาออกไปเอง” ถึงตอนนี้ ใช่ว่าอาติโนจะไม่รู้สถานการณ์ เขาอาบน้ำร้อนมามากเสียจนแค่ถูกสะกิดเพียงนิดก็รู้แล้วว่าน้ำนั้นร้อนหรือเย็น และตอนนี้ เขาสามารถรู้ได้ทันทีว่าตนเองถูกวางยาเข้าแล้ว ซ้ำเป็นยาที่จงใจวางอย่างแนบเนียนให้เขากินเข้าไปเอง หรือไม่...ก็ให้คนของเขาเป็นคนนำยานั้นมาป้อนให้กับเขาโดยที่เขาไม่รู้ตัว

   ชายวัยกลางคนร่างท้วมเลื่อนสายตาไปทางชายหนุ่มชาวตะวันออกซึ่งนั่งสงบนิ่งอยู่บนโซฟารับรอง จิบเครื่องดื่มด้วยท่าทีไม่มีพิษภัย

   แต่ในโลกแบบนี้ คนที่ดูไม่มีพิษภัยนั่นแหละคือคนที่น่ากลัวมากที่สุด

   เหมือนอสรพิษที่สีสันสวยงาม ทว่าพิษสงร้ายกาจไม่แพ้ความงามของมัน

   “คุณแน่ใจหรือเปล่าว่าเซซิลิโอไม่ได้กลับไป หรือไปที่ไหนต่อ” อาติโนย้อนกลับมาถามโจเซโดยพยายามไม่เบือนสายตาไปมองราฟาเอลเลยสักวินาที

   ในตอนนั้นคนที่อยู่กับเซซิลิโอมีเพียงราฟาเอล หากเซซิลิโอหายตัวไป นั่นย่อมเกิดจากสิ่งที่ราฟาเอลลงมือทำไม่ผิดแน่ ซึ่งเมื่อใดก็ตามที่โจเซรู้เห็นเช่นนั้นด้วย ราฟาเอลเห็นทีจะไม่รอด เพราะเซซิลิโอเป็นมือขวาที่โจเซไว้ใจและสนิทใจด้วยที่สุด อีกทั้งยังมีเครือข่ายกว้างขวาง การสูญเสียเซซิลิโออาจหมายถึงการสูญเสียการติดต่อสื่อสารกับคนรอบตัวและต้องปั้นคนใหม่ขึ้นมาแทน การทำเช่นนั้นต้องใช้เวลานานกว่าจะเรียกความน่าไว้วางใจที่มีต่อคนกลางในการสื่อสารกลับมาได้

   “คงยากนะครับที่เขาจะไปไหนต่อได้ เพราะผมจงใจส่งเขามาหาคุณโดยเฉพาะ แล้วเขาก็มีงานที่ต้องกลับไปทำต่ออีก” โจเซโคลงหัว “คุณเองก็น่าจะรู้นิสัยเขาดี ข้อเสียอย่างเดียวของเขาก็คือ เขาเป็นคนที่เคร่งครัดกับเวลามากเกินไปจนน่ารำคาญ ดังนั้นเขาไม่มีทางกลับไปสายกว่าที่กำหนดแน่”

   “น่าเสียดายนะที่ผมไม่รู้ว่าจะตอบคุณได้ยังไง”

   “แค่ตอบผมมาว่า ใครเห็นเขาเป็นคนสุดท้ายก็พอ”

   พอถึงคำถามนี้ อาติโนก็อ้ำอึ้งไป

   “จะว่าไป...คนของผมที่หายไปสองคนก็ได้ยินว่าแฟมิลีของคุณอาจมีส่วนเกี่ยวข้อง” อาจเป็นครั้งแรกก็ว่าได้ตั้งแต่ก้าวเข้ามาในบ้านหลังนี้ที่ชิงหลงเปิดปากพูด “หรือว่ามันจะมีความสอดคล้องกัน? บางทีเซซิลิโออาจจะได้พบเห็นสิ่งที่ไม่ควรก็เป็นได้”

   “นายคิดมากไปแล้ว” โจเซหัวเราะ “ดอนบราซินีคงไม่คิดสั้นแบบนั้นแน่ จริงไหมครับ?”

   อาติโนถึงกับหนวดกระตุก

   นี่เขากำลังโดนปรามาสและข่มขู่ในเวลาเดียวกัน แต่กลับไม่สามารถตอบโต้กลับไปอย่างเต็มปากเต็มคำได้เลย เจ้าเด็กพวกนี้คิดจะไล่ต้อนเขาให้จนมุมเลยหรือยังไงกัน

   ในตอนแรกที่เขาจับตัวสองคนนั้นมา ก็แค่อยากจะให้ชิงหลงได้รู้เสียบ้างว่าการข้ามหน้าข้ามตาคนอื่นให้ผลลัพธ์อย่างไร รวมทั้งเขาอยากจะรู้ด้วยว่าชิงหลงคิดจะทำอะไรถึงได้มาที่นี่ ซึ่งเมื่อเขาได้สั่งสอนอีกฝ่ายจนพอใจแล้ว เขาก็คิดจะปล่อยสองคนนั้นไป แต่จนถึงตอนนี้ ชิงหลงยังไม่แสดงออกเลยว่าตนเองเดือดร้อนจากการเสียคนสองคนที่ถูกจับตัวมา อีกทั้งยังสุขุมและระวังตัวมากขึ้น ทำให้เขาจำต้องเก็บกักตัวสองคนนั้นไว้ก่อนเพื่อรอดูสถานการณ์ต่อไป เผื่อว่าอาจจะมีประโยชน์

   ใครเล่าจะคิดว่า ก้อนหินที่เก็บไว้ นอกจากมันจะไม่ใช่พลอยแล้ว มันกลับกลายเป็นก้อนกากพิษเสียนี่

   “คุณไม่ได้มาที่นี่เพื่อที่จะเยี่ยมเยียนผม หรือตามหาเซซิลิโอจริง ๆ ใช่ไหม?” อาติโนถามด้วยเสียงแหบแห้ง เพราะหากเป็นไปอย่างที่เขาคิด บางทีเขาคงจะติดกับไปแล้วอย่างไม่อาจดิ้นหลุด และตอนนี้ใยแมงมุมกำลังมัดพันตัวเขาจนแน่น มันกำลังค่อย ๆ ทำให้เขาหมดกำลังและขากอากาศหายใจอย่างช้า ๆ

   นอกเสียจากว่า....

   “แน่นอน ผมมาเยี่ยมคุณและตามหาเซซิลิโอ เพียงแต่ว่าผมมีข้อยืนยันที่ทำให้มั่นใจได้ว่าพวกคุณมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไป แต่ใครกันล่ะที่ทำให้ผมต้องเสียเวลาอันมีค่ามาถึงที่นี่ คุณก็รู้ ดอนบราซินี เวลาของเราล้วนแต่เป็นเงินเป็นทอง คงต้องให้ชดใช้ด้วยราคาแพงหน่อยนะครับ”

   นอกเสียจากว่า...จะหาเหยื่อมาวางแทนที่ตน

   อาติโนรู้ว่า มีบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้โจเซมั่นใจถึงสิ่งที่ตนสงสัย ดังนั้น ถึงเขาจะปฏิเสธต่อไป ก็คงไม่ใช่ผลดีกับตัวเองเท่าไรนัก กระนั้น เขาก็ต้องยอมรับว่าเขาไม่รู้เรื่องเซซิลิโอจริง ๆ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงไม่อาจพูดอะไรออกไปได้อย่างเต็มปาก ทั้งเรื่องที่เซซิลิโออยู่ที่นี่จริงหรือไม่ แต่ครั้นจะหันไปเอาความกับราฟาเอล ตอนนี้คงไม่ใช่เวลาเหมาะ เพราะโจเซจะรู้ทันทีว่าราฟาเอลเป็นต้นเหตุ ถึงตัวเขาจะยังไม่มั่นใจเรื่องนี้เต็มร้อยก็ตามที

   “ผมขอเวลาสักครู่ได้ไหมดอนมอเรสซาเร เมื่อผมสืบสาวเรื่องนี้และรู้ว่าใครเป็นต้นเหตุก่อความวุ่นวาย ผมจะจัดการคนของผมเอง ไม่ต้องเปลืองมือคุณหรอก รวมทั้งจะส่งคนของคุณ....และของชิงหลงกลับคืนไปให้แบบไม่บุบสลาย...ถ้า...พวกเขาอยู่ที่นี่จริง ๆ” อาติโนไม่กล้าพูดรับรองอย่างเต็มปากเต็มคำ เพราะหากพูดออกไปอย่างนั้น ก็แปลว่ามีการกระทำผิดเกิดขึ้นจริงและเขากำลังปกป้องคนผิด หรือไม่เขาอาจจะกลายเป็นคนกระทำผิดทั้งหมดเสียเอง ตอนนี้เขาแค่ต้องการเวลาที่จะพิจารณาถึงทางออกเพื่อที่แฟมิลีของเขาจะไม่เกิดความเสียหาย และคนของเขาจะไม่โดนลูกหลงไปด้วย แต่อย่างไรเรื่องนี้เขาจะต้องถามเอาความจริงจากราฟาเอลแน่

   “แบบไม่บุบสลาย แปลว่าพวกเขาต้องยังปลอดภัยดีในตอนนี้” โจเซยิ้มออกมาก่อนจะล้วงมือเข้าไปในเสื้อ “ได้ยินแบบนั้นผมก็วางใจได้ ดังนั้นผมคงไม่ต้องรบกวนคุณมากขนาดนั้น ดอนบราซินี แต่ผมจะถามคุณคำถามเดียว...” เขาเว้นช่วงคำและทันใดนั้นที่ปืนกระบอกหนึ่งถูกดึงออกมาจากใต้เสื้อโค้ทและหันปากกระบอกไปทางบุคคลหนึ่งซึ่งเป็นสมาชิกในห้องนั้น

   บุคคลซึ่งพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่เป็นที่สะดุดตา แต่กลับไม่อาจรอดพ้นจากสายตาอันแหลมคมของชิงหลงและโจเซไปได้

   “ทำไมคุณถึงพยายามจะไม่มองเขาล่ะครับ” โจเซขยับรอยยิ้มกว้างขึ้นเมื่ออาติโนหน้าซีดเผือดลง ซึ่งนั่นหมายความว่าสายตาของเขามองถูกคน และเป็นไปอย่างที่ชิงหลงคาดเดาไว้แต่ต้น

   “ลดปืนลงเดี๋ยวนี้นะดอนมอเรสซาเร คุณกล้าดียังไงมาทำแบบนี้ในบ้านของผม” อาติโนพยายามลดความตื่นตระหนก และวางท่าเป็นผู้อาวุโสสั่งสอนผู้น้อย กระนั่นเหงื่อที่ผุดออกมาตามใบหน้าก็ไม่อาจโกหกได้ว่าเจ้าตัวกำลังพยายามปิดซ่อนความจริงบางประการ

   “แน่ใจแล้วหรือดอนบราซินี ที่พูดแบบนั้นกับผม แน่ใจหรือว่าคุณบริสุทธิ์มากพอจะพูดแบบนั้นกับผมได้จริง ๆ” โจเซลดปืนลงหลังจากนั้น ทว่าไม่ใช่เพื่อเก็บมันกลับเข้าไป “นี่เป็นปืนลูกโม่ที่ดอนคนก่อน ๆ ใช้กันมา มันเก่าแล้วแต่ยังใช้งานได้ดี ดังนั้นผมจึงคิดว่ามันเหมาะสมกับการเล่นเกมรัสเซียนรูเล็ต” ว่าจบ โจเซก็ดึงรังกระสุนออกมา ทำให้ทุกคนเห็นว่ามันว่างเปล่า แต่แล้วชายหนุ่มก็บรรจุลงไปหนึ่งนัดแล้วเก็บกลับเข้าไป เสียงแกร๊กดังขึ้นก่อนที่เขาจะเริ่มหมุนมันด้วยมือซ้ายทำให้ไม่อาจรู้ได้ว่ากระสุนอยู่ที่ไหน

   “อ...อะไรนะ คุณบ้าไปแล้ว!” อาติโนทำท่าจะลุกขึ้นมาห้าม แต่ชิงหลงกลับยกมือปราม

   “เปล่า ผมไม่ได้บ้า แต่ผมเชื่อว่าคนสนิทของคุณสามารถให้คำตอบกับผมได้ดีกว่าคุณ” โจเซว่าก่อนจะยกปืนเล็งไปทางราฟาเองอีกครั้ง “เอาล่ะ ก่อนอื่นฉันจะขอบอกกติกา ฉันจะถามคำถามนาย 1 ข้อ นายแค่ตอบฉันมาตามความจริง และทุกครั้งที่นายโกหก หรือใช้เวลาคิดเกิน 3 นาที ฉันจะยิง 1 ครั้ง แต่ขอบอกไว้ก่อนนะว่า ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่ากระสุนอยู่ที่ไหน ดังนั้นนายอาจมีเวลาให้สารภาพแค่ครั้งเดียวก็ได้”

   ราฟาเอลมองปืนกระบอกนั้นด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งหวาดกลัว ทั้งสับสน เขามองไปทางเจ้านายของตนเพื่อขอความช่วยเหลือ ถึงแม้ใจจะรู้ว่าตอนนี้เจ้านายของเขาไม่มีทางช่วยอะไรเขาได้เลยนอกจากข่มขู่ให้โจเซหวาดกลัวและยินยอมล่าถอยไป

   แต่โจเซน่ะหรือจะกลัว...

   พญาราชสีห์ไม่มีวันกลัวสัตว์ในทุ่งของตน

   “คำถาม ตอนนี้เซซิลิโอ เซินหมิงเฟิ่ง และคิมหันต์ อยู่ในห้องขังที่อาคารถัดไปใช่หรือเปล่า?” เสียงเยียบเย็นที่ผ่านริมฝีปากโจเซออกมาไม่เหมือนกับท่าทีผ่อนคลายสบาย ๆ เหมือนที่เจ้าตัวแสดงออกสักนิด กระนั้นคำพูดนั่นก็ยืนยันได้ว่าโจเซรู้อะไรบางอย่างแน่แล้ว และแค่ต้องการให้มีคนสารภาพออกมาเท่านั้น

   และใครก็ตามที่สารภาพ คน ๆ นั้นจะมีความผิดทันที....

   “หยุดนะ! แกไม่จำเป็นต้องพูดอะไร เรื่องนี้ฉันจัดการเอง” อาติโนพูดกับราฟาเอลแล้วหันมาทางโจเซ “คุณรู้ดีว่าวิธีการแบบนี้มันเค้นความจริงจากปากใครไม่ได้ คนที่กลัวตายต้องยอมสารภาพทุกอย่างที่คุณต้องการอยู่แล้ว คุณก็รู้ว่ามันไม่มีประโยชน์!”

   “ใช่...แต่ผมรู้ว่าครั้งนี้มีประโยชน์”

   “ผม....ผมไม่รู้อะไร...” ราฟาเอลพูดตะกุกตะกักเมื่อเห็นว่าโจเซไม่ยอมฟังใครแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นการยอมรับผิดของเขาจะทำให้อาติโนพลอยติดร่างแหไปด้วย

   การโกหกมีแต่จะต้องโกหกไปเรื่อย ๆ .....

   แกร๊ก!

   เสียงนั้นทำให้คนทั้งห้องสะดุ้งเฮือก

   “ดีใจด้วย นายมีเวลาอีก 3 นาทีที่จะคิดคำตอบใหม่”

   เมื่อเห็นความเอาจริงของโจเซแล้ว ก็ไม่มีใครกล้าทำอะไรอีกแม้แต่จะเคลื่อนไหว หรือกระทั่งหายใจ...

   “แต่ดูเหมือนว่านายจะไม่ห่วงชีวิตตัวเองเท่ากับอีกคนหนึ่งใช่ไหม ถึงฉันจะยิงนายไปก็เปลืองกระสุนเปล่า” สิ้นคำ โจเซก็เบี่ยงปลายกระบอกไปทางอาติโน สร้างความตกตะลึงให้กับทุก ๆ คนในห้องนั้นรวมทั้งราฟาเอลและอาติโนด้วย แม้แต่ชิงหลงยังอดเลิกคิ้วไม่ได้ เพราะไม่นึกว่าโจเซจะถึงกับใช้วิธีนี้ แล้วนี่เจ้าตัวยังกล้าพูดว่าเขาเป็นคนเลือดเย็นอีกหรือ ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้ต่างกันเลย

   “3 นาที”

   เสียงเข็มนาฬิกาคล้ายจะกังวานก้องไปมาในห้อง แต่ละวินาทีช่างยาวนานด้วยไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา ทำให้บรรยากาศยิ่งกดทับลงมาหนักขึ้นเรื่อย ๆ

   อาติโนขบฟันกรอด ไม่นึกว่าโจเซจะกล้าถึงกับใช้เขาเป็นตัวประกัน

   ความเงียบโรยตัวลงมา เหลือเพียงเสียงเข็มนาฬิกาที่เดินไปทีละวินาที ทุกสิ่งทุกอย่างนิ่งงันและเงียบสงัดไม่ต่างกับโดยหยุดเวลา ซึ่งหากเป็นไปได้ ราฟาเอลก็อยากให้เวลาถูกหยุดเอาไว้จริง ๆ แต่ในความเป็นจริง เวลายังคงเดินไปอย่างเที่ยงตรง และนาฬิกาก็ทำหน้าที่ของมันอย่างเคร่งครัด

   2 นาที....

   1 นาที....

   30 วินาที....

   โจเซมองนาฬิกาด้วยรอยยิ้มพลางค่อย ๆ กดนิ้วลงบนไกปืนอย่างไม่รีบร้อน

   10 วินาที....

   9...

   8...

   7...

   6...

   5...

   “ขอโทษครับ....บอส”

TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-06-2012 19:41:06 โดย ZIar »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด