รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง  (อ่าน 176202 ครั้ง)

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสมและเกิดความขัดแย้ง
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ










เรื่องนี้เป็นหนึ่งในโครงการสาน Y ไทยสู่ Y โลก ของนางสาวว่างวน ณ รักนาย My Boyfriend ที่ตอนนี้ยังคงดองข้ามเดือน คนโป๊ดเห็นว่าหากนานไปกว่านี้คนโป๊ดเองนั่นแหละที่จะแย่  :m29: ก็เลยไปขอฉกชิงเรื่องของน้องร่วมโครงการของท่านพี่ว่างวนมาสังเวยกันไปพลางๆ ก่อน  :m5
:

*********************************


Thai Y Studio #๒ ขอเสนอ เรื่องราวความรักในรั้วมหาวิทยาลัย(?) ของสองอนาคตวิศวกรหนุ่มผู้อยู่ท่ามกลางคณะรั่ว เเละผองเพื่อนสุดฮา จะเป็นอย่างไรเมื่อถูกหยอดบ่อยๆเเล้วจิตมันผูกพันธ์  ต้องรอดู...



รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก Chapter๑ หลุมรักวงวอลเล่ย์


‘ร้อน เอี้ยๆ’ ขอโทษที่ผมหยาบนะครับ แต่มันเป็นสิ่งแรกที่พบคิดเมื่อย่างเท้าเข้าหน้าสถาบันนับตั้งแต่วันแรกที่มายืนยันสิทธิ์จนถึงตอนนี้

ถนนราดยางตะนอยเข้าสู่สถาบันการศึกษาของผมทอดยาวอยู่ท่ามกลางเปลวแดดร้อนระอุของเช้าวันจันทร์ในฤดูฝนที่ร้อนอย่างกับส่งตรงมาจากนรกเพื่อสถาบันเราโดยเฉพาะ  วิวทิวทัศน์ด้านซ้ายขวาเป็นแถวต้นโมกข์ที่เพิ่งลงดินใหม่ๆ  ข้างหลังนั่นเป็นหอนอกที่เหมือนหอใน  เพราะห่างรั้วสถาบันแบบสิบก้าวถึง  จึงได้รับขนานนามจากผมว่า ‘หอ19’ เพราะมันสิบเก้าถึงจริงๆ   ผมเร่งฝีเท้าเดินก้าวยาวๆให้พ้นเปลวแดดที่ลามเลียนี้เสียที ข้างหน้ามีนักศึกษาหญิงหลายคนนำหน้าอยู่  จากลักษณะท่าทางของแผ่นหลังและการแต่งกายแล้ว  ผมฟันธงว่า เป็นเพื่อนสาวในคณะผมแน่นอนงานนี้  แต่ผมก็ขี้เกียจตะโกนทัก  ไว้ค่อยคุยกันในห้องเรียนดีฟ่า

สถาบันเรามองจากด้านหน้า จะคิดว่ามันช่างกว้างใหญ่ไพศาลเสียเหลือเกิน มีห้องเรียนมากมาย แต่จริงๆแล้วคุณคิดผิดครับ  เพราะสถาบันเรามีตึกเรียนอยู่สองตึกเท่านั้น ตึกใหญ่ยาวๆที่เห็นอยู่ด้านหลังนั่นมันหลอกตาครับทุกคน  มันเป็นตึกของมหาลัยเอกชนข้างเคียง  ถ้าถามว่าแล้วมีสองตึกพอเรียนหรอ  ผมตอบได้เต็มปากว่าเหลือเฟือครับ  เพราะสถาบันเรามีนักศึกษารวมแบบโม้ตัวเลขสุดๆแล้วแค่ประมาณสามร้อยกว่าคนเท่านั้น  เพราะเป็นสถาบันเพิ่งเปิดใหม่เอี่ยมอ่อง  ไม่มีขี้มือรุ่นพี่ให้ระคายผิว  เรามีกันแค่สามคณะเท่านั้นเอง   ข้อดีและข้อด้อยของการเป็นรุ่นแรกก็มีบ้างให้พอสับสนกับการตัดสินใจเรียนที่นี่  แต่สุดท้ายแล้วผมยอมทิ้งมหาลัยรัฐดังๆมาเรียนไอ ม. ครึ่งผีครึ่งคน เอ๊ย ครึ่งเอกชน แต่กึ่งรัฐบาลที่นี่ครับ

“เรียนห้องไหนวะ?”เสียงเพื่อนสาวในsecเดียวกันกับผมถามกัน ที่หน้าลิฟท์

“ชั้นสาม ห้องไหนไม่รู้”

“ตารางสอนมีก็ดูดิ”เสียงกิ๊งเบาๆบอกให้รู้ว่าลิฟท์มาถึงแล้ว

“อ้าว เมศ” หนึ่งในนั้นหันมาเห็นผมพอดี ผมทักทายพวกเธอนิดหน่อย

“ตอนเช้าพูดน้อยเชียวนะ”

“โทษว่ะ Ramน้อย” ตอนเช้าๆผมเป็นโรคหนึ่งคือไม่อยากพูดอะไรกับใครมากครับ  มันเป็นโรคเรื้อรังรักษาไม่หาย   ประตูลิฟท์กำลังจะปิด  มือๆหนึ่งรีบยื่นเข้ามาในลิฟท์  ประตูลิฟท์รีบเปิดออกทันที  ร่างสูงเปรตๆของเพื่อนร่วมsecผมอีกคนก้าวเข้ามา  กระเป๋าแบคแพคสีฟ้าใบใหญ่ของมันเบียดเอาผมติดฝาลิฟท์

“ตอนยืนรอแมร่งไม่ขึ้น  พอกรุจะขึ้นละรีบวิ่งมาเชีย”เพื่อนสาวคนหนึ่งบ่นนิดๆ  ก็อย่างงี้ละครับ หญิงสาวคณะผม พวกหล่อน สวย ถึก และบึกบึน  ด้วยความว่าทั้งคณะมีผู้หญิงกันอยู่15คน  พวกเธอเลยห้าวๆไปหน่อยสมกับวิชาที่เรียน

“อากาศข้างบนเป็นไงมั่งวะ” เพื่อนสาวใส่แว่นคนหนึ่งถามเปรตแบคแพคด้วยอาการแหงนหน้าขึ้น45องศา   ผมเองก็ต้องแหงนเหมือนกัน  มันไม่ตอบแค่หัวเราะแหะๆแก้เขินก็พอดีกับลิฟท์เปิดประตูให้ออกพอดี  ลิฟท์ที่นี่มันเร็วครับ หายใจสองเฮือกถึงแล้ว

“ห้องไหนวะเมศ?”เพื่อนสาวคนหนึ่งถาม  

“304”ผมเองก็ตอบสั้นๆ

“เออ  ไปส้วมก่อน”เธอตอบก่อนจะยกพวกกันเข้าห้องน้ำไป  ส่วนผมก็ก้าวเอื่อยๆไปตามทางเดินโดยมีเปรตแบคแพคเดินนำอยู่ข้างหน้า  




ห้อง304ตึกBสำหรับเช้าวันจันทร์อย่างนี้มันคือวิชาเลคเชอร์ เขียนแบบครับ  อาจารย์จะสลับผลัดเปลี่ยนส่งไม้ผลัดกันเข้าสอน  เรียนรวมกันสองsecคือsec1ของผมกับsec2  พอเปิดประตู เสียงเพลง j-popดั่งสนั่นเข้าโสตผมทันที  ลมเย็นๆของห้องแอร์ลอยกระทบหน้า เพื่อนสาวหนึ่งในเจ็ดกำลังเดินไปเดินมาอยู่คนเดียว ไอเสียดเพื่อนผมกำลังเปิดเพลงอยู่นั่นเอง  ผมเลือกทำเลเหมาะนั่งลงในแถวที่สามฝั่งซ้าย  อันเป็นศูนย์กลางของห้อง เพราะไม่ชอบนั่งหน้า แต่ไม่อยากนั่งใน   ไม่กี่อึดใจเพื่อนๆก็เริ่มทยอยกันมาจนเกือบครบ  แน่นอนครับเมื่อสาวๆเข้ามาครบองค์ประชุม เสียงร้องเพลงj-popคลอตามก็เริ่มดังขึ้น  


สำหรับที่นี่การที่คุณชอบดารานักร้องเกาหลีแบบคลั่งไคล้ถือเป็นเรื่องแปลก  เพราะคนส่วนใหญ่ชอบดาราญี่ปุ่น  และส่วนใหญ่ที่เลือกเรียนที่นี่มักมีแรงจูงใจมาจากดารานักร้อง หนังทั้งโป๊และไม่โป๊ หรืออย่างผม มาเรียนที่นี่เพื่อการ์ตูนโดยเฉพาะ (ขำ)   อาจารย์เปิดประตูเข้ามาในห้องพร้อมแฟ้มขนาดย่อมเยา  เพื่อนผมที่เปิดเพลงอยู่รีบปิดแล้วดอลลี่ตัวเองออกจากหน้าคอมทันที  อาจารย์ก็เหมือนแกล้งทำเป็นไม่เห็นมันแล้วเตรียมฉายสไลด์ประกอบการสอน   หลังจากเตรียมการเสร็จอาจารย์ก็เดินมายืนหน้าห้องแล้วเริ่มบรรยาย

“วันนี้จะเรียนเรื่องothographic การบ้านอาทิตย์ที่แล้ว เดี๋ยวผมจะคืนให้พวกพี่ในคาบปฎิบัติการ”นี่ล่ะครับอาจารย์ของพวกผม  แกยกนักศึกษาให้เป็นพี่เลยครับ

“วันนี้ต้องใช้A3นี่หว่า”ไอเสียดกระซิบคุยกับผม

“ไม่รู้มีใครไปซื้อมายัง” ผมพยักหน้าเออออไปกะมัน แต่ยังไม่พูดเพราะยังอยู่ในภาวะRamน้อย บวกกับเดี๋ยวถูกอาจารย์เฉ่ง  


อาจารย์เริ่มบรรยายไปได้เกือบครึ่งชั่วโมง ซึ่งการนับว่าสายคือการเข้าห้องหลังเวลาเริ่มสอนไปแล้วสิบห้านาที  แต่เพื่อนผมอีกคนมันยังไม่โผล่ศีรษะมา  ผมเรียนไปเรื่อยพลางเหลือบมองนาฬิกาบ่อยๆ  ในที่สุดเมื่อเข็มยาวชี้เลขเก้าแล้วประตูหน้าห้องจึงเปิดออก  ร่างสูงผมสีดำสนิทโผล่หน้าหล่อๆของมันเข้ามาในห้องมองซ้ายมองขวาพลางยิ้มเก้อๆ  ก่อนจะยกมือไหว้อาจารย์ทีนึงแล้วเดินเข้ามาตามมาด้วยชายร่างเล็กลงมาหน่อยหัวชี้ๆหน้าขาวตาชั้นเดียวตามสไตล์คุณชายตี๋อันได้รับการขนานนามจากสาวๆว่า ‘โจโกโบะ’เดินเข้ามา  

“ไปไหนมาวะเมิงโผล่มาเอาป่านนี้?” ผมกระซิบถามไอ้หล่อ  มันมีชื่อครับ  มันชื่อ ศรันย์ มันจึงชื่อว่ารันย์ครับ  ตอนแรกเห็นเรียกรันๆ นึกว่าเป็นหนึ่งในเจ็ดสาวมหัศจรรย์ซะอีก  ชื่อกับตัวมันไม่เข้ากันอย่างแรงครับ  ชื่อออกจะน่ารัก  แต่ตัวมันไม่น่ารักเอาซะเลย  เพราะมันสูงกว่าผมเยอะ พอๆกับเปรตแบคแพคนั่นแหล่ะ  ผมสูงแค่คางมันเท่านั้นเอง ส่วนหน้ามัน ผมคงไม่ต้องบรรยายเยอะ  เป็นขวัญใจของทั้งสาวและไม่สาวในสถาบัน(และคิดว่านอกสถาบันด้วย)

“รถกรูเสียอ่ะดิเมริง”

“ขับมาทำซากอะไร  บ้านเมริงอยู่แค่ซอย53 ตรงข้ามหอกรุ ขึ้นรถเมล์ก็ได้ว้อย บ้านรวยนักรึไง”

“เออ ก็บ้านกรูรวย”มันกวนตรีนพลางยักคิ้วหลิ่วตาวอนกีบเท้าหน้า

“เออๆ พวกกรูมันจน  และถ้าเมริงจะคุยข้ามหน้ากรูอีก เดี๋ยวแลกที่กะกรูได้ สราด”เสียดมันอดรนทนไม่ได้

“ไอ้เมศ จริงๆเมริงมาอยู่บ้านกรูก็ได้นะเนี่ย   บ้านกรูอยู่ตรงข้ามหอเมริงพอดี  เมริงจะได้ไม่ต้องเสียตังค์ค่าหอ หอเมริงแพงไม่ใช่หรอ”

“อยู่บ้านเมริงเนี่ยนะ  ขืนกุต้องเจอเมริงตลอด24ชม. กุคงปวดกะโหลกตายห่า”

“ไรว๊า?”รันย์ส่งเสียงกวนตรีนได้ใจ

“กรูจ่ายตังค์ค่ามัดจำหอไปแล้วหกเดือน เสียดายตังค์ว่ะ”

“พี่ที่มาสายก็นั่งหน้าสิครับ”เสียงอาจารย์เหมือนเป็นสัญญาหมดยกช่วยไม่ให้ผมกับรันย์ฟาดปากสงครามน้ำลายกันเรื้อรังยืดยาว นี่คือบทลงโทษของอาจารย์ครับ  ใครมันบังอาจมาสายมันต้องนั่งหน้า  โจโกโบะกับรันย์ถอนใจเซ็งๆก่อนจะเดินไปนั่งหน้าตามบัญชา  แต่โจโกโบะมันอาศัยความไวชิงนั่งเก้าอี้ข้างหนึ่งในเจ็ดสาวมหัศจรรย์ซะก่อน  รันย์มันเลยต้องระเห็จไปนั่งตรงอื่น โสะน้ำหน้านะเมริง....


เลคเชอร์เขียนแบบวิศกรรมจบลงด้วยอาการมึนงง  เนื่องจากหลักจากเรียนเสร็จเกิดการถกเถียงกันเกี่ยวกับเนื้อหาที่เรียนตอนเลิกเล็กน้อย  เถียงกันล้งเล้งอยู่นานจนในที่สุดอาจารย์ก็ยอมเขียนอธิบายให้เพราะทนลูกตื้อของไอคุณรันย์ไม่ไหว อาจารย์ควักอาวุธประจำกายออกมา  ปากกาแดงแลนเซอร์รุ่นเส้นบางเฉียบขีดลงบนชีทผม.....งานนี้เถือกเลยครับ   แดงเถือกทั้งหน้ากระดาษ  อาจารย์อธิบายไปอย่างมันส์ในอารมณ์ในขณะที่ผมมองปลายปากกาอาจารย์อย่างปวดใจ  โธ่ ชีทกรู...

“คุณนึกถึงควอตแด้นสิครับ  เวลาฉายภาพเนี่ย  ภาพมันต้องตกที่ฉาก เพราะฉะนั้นมุมมองที่1เนี่ยมันต้องเป็นแบบนี้”อาจารย์ยังคงขีดเส้นประกอบการอธิบายอย่างไม่ปราณี

“เห็นไม๊เมริง กรูถูกแล้ว”รันย์มันร้องแทบเป็นตะโกนอยู่ข้างหู  ส่วนผมนอกจากชีทถูกขีดจนเถือกแล้ว ยังทำการบ้านผิดอีกต่างหาก

“นี่ๆ  งานเมริงวางรูปผิดด้านแล้ว  มุมมองที่1เมริงต้องวางtopไว้ข้างล่างfront  แถมfrontสลับด้านกันด้วย”นิ้วยาวๆของรันย์จิ้มลงบน A3 ที่ผมทำการวาดฟรีแฮนด์มาร่วมสามวันเต็มกว่าจะได้แผ่นนี้มา

“กรูไม่แก้แล้วเมริง  ส่งๆมันไปซะให้ออกไปจากชีวิตกรูซะที”ผมบอกมันด้วยอาการเซ็งจิตขั้น-est

“เมริงแก้ดิ  คะแนนจะได้ดีๆ  ปรกติงานเมริงก็ไม่เคยต่ำกว่า3.5อยู่แล้วนี่หว่า  แก้ซะจะได้รักษาคะแนนไว้”

“กรูไม่แก้  กรูหิวแล้วโว้ย” ผมเก็บงานอย่างเร็ว  เดินลากขาออกประตูไปอย่างสุดเซ็ง

“รอกรูด้วยดิว๊ะ”ผมเดินลิ่วๆไม่ฟังเสียงรันย์  หน้าลิฟท์มีเสียดรอผมอยู่แล้ว มันมาเข้าห้องน้ำตั้งแต่ช่วงที่อาจารย์อธิบายเพิ่ม ผมยื่นมือไปกดลูกศรชี้ลง

“เป็นไรเมริงหน้าเป็นลิงปวดตูด”เสียดทักผมที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับ

“กรูเซ็ง หิว จิตตก  สราดดดดดดดดดดดดดด”  ลิฟท์เปิดในนั้นมีโคซากะเซนเซ(*อาจารย์) สอนวิชาภาษาญี่ปุ่นอยู่ในลิฟท์นั้น

“โดโซะๆ”เธอเชื้อเชิญอย่างอารมณ์ดี ผมกับเสียดมองหน้ากัน

“อ่า...อาจารย์ไปก่อนเถอะครับ โดโซะๆเหมือนกัน”ผมรีบบอกอย่างเกรงอกเกรงใจ  พอดีเจ็ดสาวมหัศจรรย์เดินออกมาจากห้องน้ำจะขึ้นลิฟท์พอดี   ผมจึงบอกให้เธอไปพร้อมกับเซนเซ ผมจะได้ไม่ถูกเบียดติดฝาลิฟท์ เพราะพวกเธอใหญ่สุดแล้วในคณะ

“ไม่ไปด้วยกันหรือคะ? ภาณุเมศซัง เสียดศิริซัง” โคซากะเซนเซถามอย่างปรารถนาดี

“ไม่เป็นไรครับ  คนเยอะแล้วเดี๋ยวน้ำหนักเกิน”

“จะบอกว่าพวกฉันอ้วนก็บอกมาเถอะ”สาวแว่นผมยาวตาโตเหมือนนกฮูกพูดอย่างไม่จริงจังนัก ก่อนประตูลิฟท์จะปิดแล้วเคลื่อนลงสู่ภาคพื้น  


ผมมองหน้าเสียดทีนึง   มันก็มองผมอยู่เช่นกัน  หน้าตี๋ตัวขาวของมันจ้องผมจนผมนึกว่าหน้ามีอะไรติด  ผมเลยเริ่มถูหน้าตัวเอง แต่มันยังมองอยู่  ผมเลยอ้าปากจะถาม แต่พอดีได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของสาวๆหลายคนกับเสียงทุ้มๆคุ้นหูหัวเราะประสานเบาๆผมจึงหยุดหันไปมอง   ภาพนายศรันย์ท่ามกลางสาวต่างคณะกลุ่มใหญ่ทำให้ผมและเสียดอิจฉาตาร้อนผ่าวๆ  ทำไมสาวๆไม่เห็นรุมล้อมกรูมั่งวะ  

“อ้าว ยังไม่ลงไปหรอ?” ถ้าลงแล้วจะเห็นกรูยืนแกว่งไปแกว่งมาอยู่แถวนี้ไม๊ล่ะ

“ยังว่ะ  ลิฟท์เต็ม”

“เออดี ลงพร้อมกรู” ถ้าเมริงจะไปกับกิ๊กทั้งฝูง  ในฐานะที่เป็นเพื่อน  กรูกะเสียดยอมลงกะไดก็ได้ว่ะ  ผมได้แต่เถียงในใจ  พอลิฟท์มาผมกับเสียดก็ได้แต่ซุกมุมลิฟท์ แนบแผ่นหลังไปกับฝาลิฟท์เพราะเกรงจะไปโดนคุณเธอทั้งหลายเข้า

“เดี๋ยวรันย์เรียนไรต่อหลังจากพักอ่ะ”สาวสวยในกลุ่มที่รุมล้อมถามพลางกระแซะเข้ามาใกล้

“อ๋อ เดี๋ยวบ่ายเรียนแคล แล้วเรียนlabเขียนแบบต่อ”

“งั้นก็เลิกเย็นเลยน่ะสิ”สาวๆซุบซิบกันเหมือนหารือ

“พวกเรารอดีไหม?จะได้ไปคาราโอเกะด้วยกัน”สาวๆเริ่มกระเง้ากระงอด  พอดีกับประตูลิฟท์เปิด   ผมขี้เกียจรอมัน เลยเดินนำไปก่อนพร้อมกับเสียด ทิ้งคนเนื้อหอมให้โดนรุมตอมอย่างที่มันชอบนักหนา

“เดี๋ยวดิไอ้เมศ รอด้วย”มือแข็งแรงคว้าเข้าที่ ต้นแขนดึงรั้งให้ผมผงะถอยหลังจนกระแทกเข้ากับอกกว้างนั้น

“โทษทีๆ ไม่นึกว่าจะออกแรงเยอะไปหน่อย”

“แรงอย่างกะควาย ไอ้หมาบ้า เมริงมีไร”

“ป่าว  กรูแค่จะบอกว่าเมริงน่ารักสาดๆ”ไอรันย์รีบเผ่นแพล้วหลบกีบเท้าหน้าของผมไปได้อย่างหวุดหวิด

“เอี้ย  เมริงเมากิ๊กรึไงวะ”ผมด่ามันทั้งรู้สึกหน้าหนาๆของตัวเองร้อนชอบกล

“หน้าไปโดนใครตบมาวะ  แดงเถือกมาเลย”เสียดที่หายหัวไปตอนช็อตสำคัญนั่งลงพร้อมจานผัดผักที่ใส่พริกไทยเยอะราวกับเจ้าของร้านเป็นเจ้าของโรงงานพิรกไทย

“ป่าว กรูสำลักน้ำลายนิดหน่อย”

“สำลักน้ำลายหรือสำลักความน่ารักละจ๊ะ น้องสาว”หนึ่งในเจ็ดสาวมหัศจรรย์เริ่มแกว่งปากเมื่อมีโอกาส  แปลกนะครับ ม.อื่นคณะอื่นผู้ชายถึงจะแซวผู้หญิง  แต่ที่นี่...ผู้หญิงแซวผู้ชายครับ   ผมเองก็ตกเป็นเหยื่อของพวกเธอมาแล้วหลายหน  ไม่รู้ทำไมถึงสนใจแซวผมเป็นพิเศษ

“เจ๊กรครับ ผมว่าก๋วยเตี๋ยวเจ๊เย็นแล้วครับ  รีบรับทานดีกว่าไหมครับ” เจ็ดสาวมหัศจรรย์ที่บัดนี้จ้องผมเป็นตาเดียวขำกลิ้งฮิฮะกันใหญ่

“แหม ขอบใจที่เป็นห่วงนะจ๊ะน้องสาว เดี๋ยวเจ๊กรเลี้ยงติม”

“เอาดีเมริง เจ๊กรเลี้ยงเลยนะเว้ย  ของฟรีๆ”ไอเสียดมันยุแยง

“ไอติมแลกกะช๊อตYหนึ่งช๊อต  ยอมไม๊จ๊ะ ฮี้ว~”

“เจ๊ครับ  ช๊อตวายผมคงให้ไม่ได้ แต่ถ้าเป็นช๊อตควายละพอไหวครับ”

“อะไรกันวะพวกเมริง เสียงดั่งลั่นโรงอาหาร”ไอรันย์เดินกลับมาอีกครับพร้อมสุกี้แห้ง เหลือผมคนเดียวที่มัวแต่ต่อล้อต่อเถียงเลยยังไม่ซื้อข้าว

“ไม่มีอะไรหรอก  แค่แซวเมศมันนิดหน่อยเอ๊ง  ไม่ต้องรีบปกป้องกันขนาดนั้น”สาวๆยังแซวต่อ

“วันนี้ไม่นั่งกับสาวๆหรอคะคุณรันย์  ผิดวิสัยหูดำนะเนี่ยวันนี้”

“พวกเจ๊ก็  ผมก็ต้องนั่งกับเพื่อนผมมั่งสิครับ  เดี๋ยวมันน้อยใจแย่”



หนุ่มร่างสูงปานกลางหน้าขาวบ่งบอกว่ามีเชื้อจีนชัดเดินมาพร้อมกับสาวๆอีกกลุ่มหนึ่ง ผมซอยสั้นชี้โด่ไปเด่มาเล็กน้อย  เขาคือโจโกโบะ มันมีชื่อเล่นจริงๆของมันแต่ไม่มีใครเรียกแล้วครับ  เพราะเจ็ดสาวฯได้ทำการตั้งให้ใหม่เนื่องจากมันนั่งหน้าใครคนนั้นโดนหัวมันบังมิด หนึ่งในเจ็ดสาวฯจึงตั้งให้เหมือนนกในเกมส์ดัง ซึ่งหัวชี้ๆเหมือนมันเลย  มันคือไอ้หนุ่มคณะผมที่มีคุณสมบัติพิเศษคือหูดำนักหนา  สาวน้อยสาวใหญ่ติดมันกันแจ  สาวๆที่เข้ามาเกาะแกะมันล้วนถูกเรียกว่า โจโกบิ อันนี้ผมไม่ทราบที่มาว่าทำไมเรียกแบบนี้เหมือนกัน   แต่ที่แน่ๆมันกับรันย์ทำให้สาวๆไขว้เขวได้มากทีเดียว

“เมริงไม่ต้องมานั่งตรงนี้เลยไอ้โจโกโบะ   เกะกะกรู สาวๆเค้าได้ไขว้เขวความหล่อกรูหมด”เสียดมันรีบปัดป้องพื้นที่ว่างข้างผมไม่ให้โจโกโบะมานั่ง  โจโกโบะจึงจำได้ตีปีกจากไปนั่งโต๊ะตัวถัดไปแต่โดยดี ก่อนไปก็ทิ้งท้ายให้ฉงน

“กันที่ไว้ก็บอกมาเหอะ”

“เมศ เมริงจะไม่กินข้าวหรอ  นั่งสบตากะสุกี้กรูจนน้ำแห้งและนะเมริง”รันย์แกว่งปากหากีบเท้าหน้าอย่างเป็นห่วงเป็นใยทันที

“สุกี้เมริงน้ำแห้ง ไม่ต้องมาซุง”ผมรีบลุกขึ้นไปหาของกิน ทันที ก่อนจะต้องต่อปากต่อคำจนตายกันไปข้าง

“เฮ้ย  โจโกโบะ มานั่งไรแถวนี้วะ  ไปนั่งไกลๆโน่นไป  ชิ๊วๆ” รันย์ออกปากไล่พลางโบกมือไล่เหมือนหมูเหมือนหมา  แต่ขอโทษ  โจโกโบะเป็นสัตว์ปีก  หาได้ขยับตัวไม่

“ไรวะกินข้าวอยู่ดีๆ”โจโกโบะบ่นๆ

“เค้าหวงของน่ะสิ”เจ๊กรที่กินก๋วยเตี๋ยวน้ำใสหมดแล้วรีบแทรกขึ้น

“ก็น่าหรอกสวยกว่าดาวคณะ” หนึ่งในเจ็ดสาวพูดขึ้น น้องดาว(คณะ)ที่ปัจจุบันเลื่อนขั้นเป็นดาวสถาบันแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว มองเพื่อนสาวแบบ เออ  มันก็จริง

“ฉันไม่ได้อยากเป็นดาวคณะ ดาวสถาบันซะหน่อย” น้องดาวพูดแล้วเขี่ยเหยือกน้ำอัดลมที่มีหลอดหลายอันจิ้มมาดูด

“มันได้เพราะของเค้าแรง”โม สาวแว่นที่ดูจะเงียบที่สุดพูดขึ้น

“แม่ยกมันแรง  จริงไม๊แชร์รี่” ขวัญหรือน้องเชอร์รี่ที่อัพเกรดตัวเองด้วยสำเนียงสุดอลังการหันมาหัวเราะ

“แกไม่น่าเป็นเจ๊ดันชั้นเลยรู้ไม๊ วันเสาร์นี้ชั้นต้องไปสัมมนาโรคเอดส์เลย” ทั้งโต๊ะขำกลิ้งกับความซวยของน้องดาว พอดีผมกลับมาพร้อมข้าวผัดพอดี

“ก็บอกแล้วว่าให้ชิ่ง”

“ชิ่งบ้านแกดิ  เดี๋ยวก็โดนถีบส่งให้ไปอยู่ดีอ่ะ”

“เมศวันนี้จะกลับบ้านป่ะ?” สาวแว่นเจ้าของนามว่า แตงโม หรือ โม ญ. หนึ่งในเจ็ดสาวที่ดูเหมือนจะเงียบที่สุดในกลุ่มถามผม

“อ่อ  วันนี้กลับ  โมจะกลับด้วยกันไม๊” โมพยักหน้า  โมกับผมเป็นเด็กหอครับ  ซุกหัวอยู่หอ แต่กลับบ้านสัปดาห์ละสองครั้ง วันอังคารและวันศุกร์ คาดว่าพวกเราเป็นเด็กหอที่กลับบ้านบ่อยที่สุดแล้ว

“กลับ  ไปล้างส้วมให้แม่”

“ไอ้โม แกไม่ต้องบอกละเอียดขนาดนั้นก็ได้มั้ง”เจ๊ใหญ่สาวหมวยร่างอวบขาวบอก

“เมริงจะกลับบ้านหรอ กรูไปส่งมะ?”รันย์รีบขันอาสาทันทีท่ามกลางสายตาวิบวับอยากรู้อยากเห็นของเจ็ดสาว

“ไม่ต้องว่ะ กรูเกรงใจ กลับพร้อมโมก็ได้ขึ้นรถไฟฟ้าเอา”

“บ้านเมริงไกลกรูไปส่งดีกว่าน่า  ถ้ารู้สึกผิดก็ออกค่าทางด่วนให้กรูก็ได้” ไอคุณรันย์ยังดิ้นรน  เมริงจะเอาอะไรจากผมครับ...เอี้ยเอ้ย

“แล้วโมจะกลับไง”

“ก็ช่างมันดิ” รันย์ตอบแล้วแย่งโกโก้ปั่นจากเสียดมาดูดอึกใหญ่

“ไอ้!...”ผมนึกคำด่าไม่ออกได้แต่ขึ้นสรรพนามนำหน้า

“ไอ้อะไร   กรูรู้น่าว่ากรูน่ารัก”

“น่ารักเหมือนตัวเห้ใช่ไหมเมริง”เสียดมันแทรกดอดเข้ารับมุกไซด์คิกแทนผมอย่างสวยงาม

“ตัวเห้บ้านเมริงสิจะน่ารักขนาดสาวๆล้อมหน้าล้อมหลังขนาดนี้”

“ไม่เป็นไร  ถ้าจะสวีทกันเราขึ้นรถเมล์ไปกับดาวก็ได้”โม ญ.ตอบเรียบๆ ด้วยสีหน้าสงบหากนัยน์ตาหลังกรอบแว่นพราวแพรว

“อุซางิๆ!!” หนึ่งในเจ็ดสาวอุทานออกมาทำให้สาวๆมองตามหนุ่มน้อยเพื่อนร่วมคณะร่างบางผู้มีผิวขาวเรื่อเรืองที่เดินมาไกลๆกันเป็นตาเดียว

“ขาวชิบเป๋งเลยว่ะ  นีออนโคตรๆ” พวกเธอเริ่มนินทาเบาๆพลางกลบเกลื่อนด้วยการกินข้าว ทั้งที่ตากวาดมองกระต่าย(=อุซางิ)กันเป็นตาเดียว

“เอวเล็กมากเลยอ่ะแก  เอวเล็กกว่าไอน้องดาวอีก”

“ทำไมต้องพาดพิงชั้นวะ”ดาวบ่น

“แกเห็นมันวันใส่ชุดพิธีการป่าว  โคตรเข้าอ่ะ  อิโจโกโบะอีกตัว  แมร่งขาวใส่อะไรก็ขึ้น”

“เมศ  กรูว่ากรูไปส่งเมริงดีกว่าว่ะ  แล้วเอาโมไปด้วย  บ้านโมทางผ่านบ้านแกอยู่แล้วนี่”รันย์กระซิบถามผม แต่ทำไม๊ทำไมมันใกล้หูผมมากกว่าปรกติชอบกล

“แล้วแต่เมริงสิ”ผมตอบทั้งที่กำลังคิดอยู่เหมือนกันว่า ไอ้รันย์เมริงจะใกล้เกินไปแล้วว้อย

“สองคนจู๋จี๋อะไรกันจ๊ะ  เห็นเจ๊หันไปสนใจอย่างอื่นละฉวยโอกาสเชีย”เจ๊กรพูดพลางตักไอติมใส่ปาก เจ๊แกตาไวจริงๆครับ ผมกับรันย์คุยกัน0.25วิเท่านั้นเจ๊กรก็หันมาเห็นพอดี

“ที่คอเป็นอะไรทำไมมีรอยแดงๆ”โม ญ.ถามขึ้น คนนี้ก็ตาไวครับ  ผมเพิ่งเกาๆอยู่ไม่กี่ทีเมื่อกี้

“มันคันๆเหมือนจะแพ้สบู่”

“แพ้ใจเว้ย แพ้ใจ เอาฮี้วววว~”เจ็ดสาวขำขันเฮฮา....ไม่ได้ฟังกันเลย ผมบอกว่าแพ้สบู่(ว้อย)

“แพ้ใจใครวะ  ถ้าไม่ใช่กรู  กรูไม่ยอมนา”ผมหันไปถลึงตาใส่ไอ้รันย์ทันที   มันหันไปยิ้มนัยน์ตาพราวพลางใช้นิ้วแกร่งเรียวจับหลอดชามะนาวแล้วคนเบาๆ

“แสรด  ฝันไปเหอะเมริง  เมริงอีกตัวไอ้เสียด  ไม่ต้องมาทำตาวับๆใส่กรู”

“เอี้ย  อย่ากราดกรูด้วยดิวะ  กรูแค่จะบอกว่า ฮิปโปะนัดพวกประจำชอปวันเปิดถาบันไปพบใต้ชอปบ่ายโมง   เมริงลงชื่อไว้ตอนประชุมคณะรึเปล่าล่ะ?”

“เออ  ก็ลงกันสามคนเลยนี่หว่า เดี๋ยวไปเว้ย กินข้าวก่อน”




สถาบันของพวกเรายังไม่เปิดอย่างเป็นทางการครับ  กำหนดเปิดอย่างเป็นทางการคือวันที่ ๒สิงหาคม  ในวันนั้นจะมีแขกผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งฝ่ายไทยและญี่ปุ่นมามากมาย   พวกผมจึงจำเป็นต้องเป็นแรงงานทาสทำงานตามจุดต่างๆ  อย่างผม รันย์และเสียด รับผิดชอบนำเสนอชอุปยานยนต์ใต้อาคารA ผมยังสงสัยว่าจะทนใส่ชุดพิธีการร้อนเหมือนห้องโยคะร้อนไปได้นานเกิน15นาทีไหม เพราะวันนั้นพวกผมต้องใส่ชุดพิธีการกันตลอดวัน หลังจากได้ลิ้มรสความเลิศแบบร้อนๆของชุดจากวันไหว้ครูมาแล้ว


ชุดพิธีการสถาบันเรามันไม่ธรรมดาครับ  ไม่ใช่ใส่แล้วต้องโหนสลิงค์ ปีนเขา ยิงปืน  แต่มันเท่ห์แบบเหงื่อตกกีบ เพราะมีสูทเป็นเสื้อนอกสีดำคอปิดเหมือนในการ์ตูนญี่ปุ่น ที่คอเสื้อขวาติดเข็มตราสถาบันแงะจากเนคไทมา เรียบง่ายแต่เท่ห์สุด  ใส่แล้วมาเดินรวมกันเป็นกลุ่มดูเผินๆเหมือนกลุ่มยากูซ่าหน้าโฉด มารวมตัวกันไปบุกแก๊งค์อื่น  แต่ก็นั่นแหล่ะครับ  ชุดพิธีการสุดเท่ห์ที่ใส่แล้วสาวๆ(ชาวบ้าน)มองกันเหลียวหลังมันแลกมาด้วยความร้อน  ร้อนมาก ถึงร้อนที่สุด(ว้อย)  ร้อนขนาดที่วันไหว้ครูสถาบันยอมทุ่มทุนสร้าง เปิดแอร์18องศาให้พวกผมมาแล้ว  ส่วนชุดพิธีการนักศึกษาหญิงคล้ายกันครับ แต่ของพวกเธอเข้าเอวเน้นรูปร่างเล็กน้อยพอน่ารักกลัดเข็มตราสถาบันที่อกขวาซึ่งเวลากลัดจะสับสนมากว่าข้างไหนเป็นด้านหน้าแล้วด้านไหนเป็นด้านหลัง  สูทพิธีการมีประวัติทำให้คณะวิศกรรมศาสตร์รวมมีนศ.ชาย77คน จากทั้งหมด77คนมาแล้วครับ  ใส่คู่กับกระโปรงทรงตรงผ่าหลังสุภาพ  ที่เวลานั่งลำบากมากและรองเท้าหุ้มส้นที่ทำให้ร้านโชห่วยข้างหอ19ขายพลาสเตอร์ปิดแผลหมดภายในสิบห้านาทีมาแล้ว


“พวกคุณที่ประจำแต่ละจุดมากันครบแล้วใช่ไหมครับ”อาจารย์คณะวิศกรรมศาสตร์ผู้มีรูปหน้าใหญ่แล้วจมูกใหญ่กว่าปรกติสมกับฉายาที่เจ็ดสาวตั้งให้กล่าวหลังจากปล่อยให้พวกผมรออยู่นาน เพราะอาจารย์ท่าน....ตบปิงปองกับนักศึกษาคู่แข่งอย่างเมามันส์

“ครับ นานแล้วครับ”

“อ๊าว พวกคุณก็นั่งสิ จะยืนอยู่ทำไม” อาจารย์นั่งลงเป็นประธานที่หัวโต๊ะรูปวงรีในส่วนที่เป็นชั้นเรียนชอป พวกผมนั่งตามอย่างเซ็งๆ ก่อนอาจารย์จะถามขึ้น

“เช็คชื่อ  ...”อาจารย์ขานชื่อพร้อมกับบอกฝ่ายว่าทำหัวข้ออะไร  ผมทำงานคู่กับรันย์ครับ  ทั้งที่คู่อื่นเป็นคู่หญิงชาย  แต่ของผมต้องคู่กับมัน เป็นที่เสียดส่อและล่อแหลมมาก เพราะจะตกเป็นเหยื่อการแซวของสาวๆ

“พวกคุณทำhybridใช่ไหม  ผมปลดโซนคุณ เรามีปัญหาด้านอุปกรณ์เลยจำเป็นต้องโยกพวกคุณไปทำงานอย่างอื่น”

“อ้าว ‘จารย์ แล้วข้อมูลที่พวกผมหามาละครับ” รันย์ถาม

“ก็เป็นบอร์ดเฉยๆ  พวกคุณไปประจำแขนกลกับคาร์เทียแล้วกัน”อาจารย์บอกแบบไม่คิดมาก  แต่ผมนี่ถึงกับซีด เพราะทั้งหมดที่ขวนขวายหาข้อมูลมาแทบจะไม่ได้ใช้  หลังจากนั้นไม่นานอาจารย์ก็ปล่อยให้ขึ้นไปเรียนคาบบ่าย ซึ่งผมถึงกับเซ็งเครียดกินข้าว เลยต้องระบายด้วยการร่วมวงตบวอลเล่ย์กับเจ็ดสาว ซึ่งพอเลิกเรียนแล้วก็เหลืออยู่5

.

.

.

. :o12:



*** ขออนุญาตแก้ไขคำห้อยท้ายของชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อ  แต่หากผู้แต่งมีเรื่องแจ้งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขชื่อเรื่องได้ตามปกติค่ะ
 ทิพย์โมบอร์ดนิยาย

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-09-2010 21:53:13 โดย THIP »

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23

.

.

.

พื้นที่ในการเล่นวอลเล่ย์บอลของเราคือลานแคบๆระหว่างตึกเอและบีหน้าชอปวิศวะตรงข้ามโรงอาหาร  วิธีการเล่นนั้นง่ายแสนง่าย  ไม่ต้องแบ่งฝ่ายใดๆทั้งสิ้น แค่ยืนเป็นวงกลม  แต่ข้อเสียของการเล่นในที่แคบแบบนี้คือ กระจกห้องสมุดครับ ชั้นสองตึกเอ ตรงหัวพวกเรานั้นเป็นห้องสมุด  ถ้าทำกระจกห้องสมุดแต่ก็ถึงคราวซวยล่ะครับ  แต่พวกเราก็ยังเล่น  เพราะมันเสียวได้ใจดีจริงๆ

“เมศ  แกเป็นไรวะ หน้าบอกบุญไม่รับ”โม ญ.ถามผมดวงตาสีน้ำตาลแดงหลังแว่นจ้องมองลูกวอลเล่ย์แบบที่ไม่รู้ว่ามันสังเกตผมตอนไหน

“หน้ามันฟ้องขนาดนั้นเลยหรอวะโม” ผมถามพลางก้าวไปรับลูก

“งั้นมั้ง”เธอตอบสั้นๆ 

“แล้วรันย์ไปไหนแล้ว?”

“อยู่กะกิ๊กมันดิ  ไม่ได้ตัวผูกกันนี่หว่า”

“แต่หัวใจผูกกันใช่ไม๊ล๊า~”เจอมุขนี้ผมถึงกับอึ้ง  ไม่น่าเชื่อว่าหน้าตาเป็นเด็กเรียนแบบ ไอ้คุณ โม ญ.จะกล้ายิงใส่ผมได้  ร้ายลึกนี่เอง  มิน่าถึงเป็นหนึ่งในสภาสาววาย(*สมาคมลับ ที่สมาชิกเป็นหญิง มีรสนิยม Y แบบคอเดียวกัน  เป็นสมาคมลับที่น่ากลัว และลึกลับที่สุดสมาคมหนึ่งในสถาบัน)

“มิน่าล่ะ ถึงเข้ากับเจ๊ใหญ่ได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย” ลูกบอลฝีมือการทุบจากเจ๊ใหญ่พุ่งเข้าใส่หน้าผมอย่างแรงแบบไม่ทันตั้งตัวราวกับรู้ได้ว่าผมนินทา

“เฮ๊ย ไอ้เมศระวัง!!” เสียงคุ้นๆตะโกนใส่หูผม ขณะที่ผมหลับตาปี๋ตั้งการ์ดป้องหน้า ลูกบอลเปลี่ยนทิศพุ่งไปกระแทกประตูชอปดังโครม!

“เมริงเป็นไรป่าว?”ผมลืมตา  หน้าหล่อๆของไอ้รันย์ลอยอยู่ใกล้หน้าผมแค่คืบเดียวเท่านั้น

“กรูโอเค”

“ดีและเมริง วิ่งไปเก็บลูกมาซะ สราด  ถ้ากรูรับไม่ทันหน้าแหกจริงๆนะเมริง เจ๊ใหญ่แมร่งก็แรงโคตรเยอะเลย”มันพูดพลางพับแขนเสื้อนักศึกษาขึ้นเพื่อให้เล่นถนัดขึ้น

“ขยายวงสิวะ  ใครจะเล่นอีกเข้ามาๆ” ออม หนึ่งในเจ็ดสาว หรือเจ๊ใหญ่ร้องบอกเมื่อสิ่งมีชีวิตร่วมคณะผมวิ่งเข้ามาร่วมวงอีกสองสามคน  ก่อนจะเริ่มรับส่งลูกกันเป็นที่สนุกสนาน

“ไอ้รันย์อย่าตัดหน้าเมศมันสิโว้ย”น้องดาว  ดาวสถาบันหรืออีกฉายาว่าเชอร์ร่าร้องบอก  เพราะรันย์มันวิ่งตัดหน้าเข้ารับลูกทุกครั้ง กะว่าไม่ให้ผมเล่นเลยทีเดียว

“ก็มันไม่วิ่งนี่หว่า”

“ไม่วิ่งเอี้ยไร เมริงวิ่งตัดหน้ากรู  ไอ้เสียดเมริงก็เห็น”เสียดที่เพิ่งเข้ามาร่วมวงถึงกับงง

“เห็นไรวะ สราด กรูเพิ่งมา” ลูกวอลเล่ย์ถูกอันเดอร์อย่างแรงส่งขึ้นถึงชั้นสี่  ผมถอยเตรียมรับ

“ลูกนี้มีเจ็บ” โมพูด แน่ล่ะครับลูกยิ่งสูงเวลาตียิ่งเจ็บ  ก็เหมือนกับความรัก ยิ่งหวังสูงพอผิดหวังก็ยิ่งเจ็บมาก โยงเข้ากันไปได้ไงวะเนี่ย....

“เฮ้ย ไอ้เมศระวังหลุม!”เสียงแชร์รี่หนึ่งในเจ็ดสาวตะโกนบอก ผมถึงกับเสียเส้น รับบอลพลาด

“หลุมไรว๊า?” ผมเกาหัวแกรกไม่เข้าใจ  ก็ที่ตรงนั้นปูอิฐบลอคแล้วจะมีหลุมได้ไง

“ก็หลุมรักไง  ฮี๊วววว~”

“หลุมรักใครวะเมศ ถ้าไม่ใช่กรู กรูไม่ยอมนะ” รันย์เล่นมุกซ้ำกับเมื่อกลางวัน เสียใจด้วยนะเมริง มุกซ้ำรีรันมันไม่ฮา.... ผมไม่ฮาแต่คนอื่นฮาครับ ทำให้เสียงโฮ่ฮาดังขึ้นจากรอบตัว  เพราะเวลาขณะนี้เป็นเวลาเลิกเรียน ทุกคณะจึงมารวมตัวกันที่โรงอาหาร  ...นี่เมริงไม่อายคนเขาหรอวะ?สราด...ลืมไปต้นยางประจำตัวมันโดนโค่นทิ้งไปหมดแล้วครับ

“ขอซะทีเหอะวะแมร่ง” ผมตั้งลูกงามๆแล้วตบอัดใส่ไอ้รันย์ที่พยายามวิ่งหนีเข้าเต็มหลัง  สร้างความสะใจให้เพื่อนฝูงยิ่งนัก


นี่ล่ะครับ  ความน่ารักน่าชัง น่าถีบ(?)ของสหายรักสหายชังทั้งหลาย   นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น หนึ่งปีการศึกษาเหมือนจะยาวนาน  แต่แท้ที่จริงแล้วสั้นนิดเดียว บางทีผมอาจมีเวลาอยู่กับพวกมันแค่ปีเดียวเท่านั้นก็ได้ใครจะรู้  บางทีผมอาจซิ่วหรือทายซะก่อนก็ได้ จริงไม๊ปี๑ทั้งหลาย???

**************************************************



ออฟไลน์ YMP

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1062
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-2
หนุกดีครับ  :m1: น่าติดตามอีกเรื่องนึง
ว่าแต่.. คนแต่งคนเดียวกัน อยู่โครงการเดียวกัน หมักด้วยเชื้อเดียวกันด้วยป่าวคับ :try2: จะได้ทำใจรอ   o7

abcd

  • บุคคลทั่วไป


ถนนราดยางตะนอยเข้าสู่สถาบันการศึกษาของผมทอดยาวอยู่ท่ามกลางเปลวแดดร้อนระอุของเช้าวันจันทร์ในฤดูฝนที่ร้อนอย่างกับส่งตรงมาจากนรกเพื่อสถาบันเราโดยเฉพาะ  วิวทิวทัศน์ด้านซ้ายขวาเป็นแถวต้นโมกข์ที่เพิ่งลงดินใหม่ๆ  ข้างหลังนั่นเป็นหอนอกที่เหมือนหอใน  เพราะห่างรั้วสถาบันแบบสิบก้าวถึง  จึงได้รับขนานนามจากผมว่า ‘หอ19’ เพราะมันสิบเก้าถึงจริงๆ   ผมเร่งฝีเท้าเดินก้าวยาวๆให้พ้นเปลวแดดที่ลามเลียนี้เสียที ข้างหน้ามีนักศึกษาหญิงหลายคนนำหน้าอยู่  จากลักษณะท่าทางของแผ่นหลังและการแต่งกายแล้ว  ผมฟันธงว่า เป็นเพื่อนสาวในคณะผมแน่นอนงานนี้  แต่ผมก็ขี้เกียจตะโกนทัก  ไว้ค่อยคุยกันในห้องเรียนดีฟ่า


.



ตรงคำว่ายางตะนอยนี่เล่นคำหรือว่าเล่นมุขไรเปล่าอ่ะ? แบบว่าสงสัย จริงๆมานคือยางมะตอยใช่ป่าว? :m28:


จากลักษณะท่าทางของแผ่นหลังและการแต่งกายแล้ว

อ่านประโยคนี้แล้วรู้สึกแปลกๆอ่ะ มันขัดๆงงๆไงก็มะยู้อ่ะ จากลักษณะท่าทางมานคืออากัปกิริยาที่แสดงออกป่าวอ่ะ เช่น เดิน นั่ง กิน นอน หรือเปล่า?  พอเอามารวมกะคำว่าแผ่นหลังแล้วแปลกๆอยู่นะ หรือว่าเรารู้สึกไปเองหว่า  :confuse: แค่เห็นแผ่นหลังนี่รู้เลยเน๊อะว่าเปงเพื่อนสาวร่วมคณะ เก่งจัง  :m4:


รอเจ๊สองมาอธิบายดีกว่าโน๊ะ  :m23:
ไม่ได้มาจับผิดไรคนแต่งน๊า ไม่ได้มีอคติไรด้วย แบบว่าอ่านแล้วมานขัดๆงงๆไง  สงสัย แหะๆ  :m23:





 o1 แต๊งส์ๆน้องป๋อมแป๋มและนู๋เมศมากๆเยยนะจ๊ะ สำหรับนิยาย
ลืมบอกไปว่าชื่อเรื่องเท่ห์ดีอ่ะ ชอบๆๆ :m3:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-11-2007 06:30:26 โดย º★*.๑۩۞۩๑..*ღ• »

detective Q

  • บุคคลทั่วไป
สนุหดีฮ๊ะชอบๆ

FOAM

  • บุคคลทั่วไป
กิงกะเร ยังไม่มา  อ่านเรื่องนี้ก้อสนุกมากๆ เลยครับ

รอตอนต่อไปครับ

eyukiz

  • บุคคลทั่วไป
กร๊ากก 555+


แก้ขัดไปก่อน เอิ๊กๆ :m13:


สนุกดีอ่าค๊า  พอจะเดาสถาบันได้ลางๆ. . .

ใครคิดเหมือนเค้าบ้างงงงง

snowblack

  • บุคคลทั่วไป
อิอิ....มานนนนนส์ สู้ๆ ^^ :m9: o13

ออฟไลน์ ภาณุเมศพลัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 238
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-0
พี่ป๋อมเเป๋ม เเย่เเล้วค่ะ คนอ่านจับไต๋Thai Y Studioได้เเล้ว 

ที่ไหนมีให้เช่าหลุมหลบภัยไหมคะ เมศจะได้เช่าอยู่กับพี่ว่าง :m29:

ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์นะคะ เรื่องมันอาจจะรั่ว คนเขียนมันอาจจะสติไม่เต็มเต็งนัก ขออภัยด้วยค่ะ หวังว่าอ่านเเล้วจะทำให้ทุกคนเเอบยิ้มได้บ้างนะคะ ชีวิตประจำวันเราๆ มันเครียดค่ะ

มีคนเดาสถาบันได้  อยากรู้ว่าเดาว่าอะไรจังเลย (เอาให้ถูกนะเอ้อ ):m7:


ปล.ขำตัวเองเรื่องยางตะนอย

FOAM

  • บุคคลทั่วไป
คนเขียนมาเองเลย +1 ให้ครับ

ส่วนสถาบันนี้ ใช่ที่มี ไทยๆ ญี่ปุ่นๆ ไรป่าวครับ

หรือไม่ใช่หว่า

รอตอนต่อไปครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






เด็กกายอุปกรณ์

  • บุคคลทั่วไป
 :a2: อรู๊ๆๆ สถาบันในฝันของข้าพเจ้า ไทย นิชิแกน อยากเรียนนนน แต่กัวไม่จบบบจัง

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
เป็นกำลังใจให้ครับ

My name M

  • บุคคลทั่วไป
 :m18: :m18: :m18: :m18:....มาต่ออีกน่ะครับ สาว่าอีนุกอ่ะ... :m3: :m3:  เป็นกำลังใจให้ครับบบบ สู้ ๆ สู้ๆ

ออฟไลน์ กลั่นกรอง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
รออ่านต่ออยู่   :a3: :a3: :a3: :a2:

ออฟไลน์ fulres

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 594
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
ดูจะเป็นโรงเรียนตัวยุ่งทีเดียวมีทุกรูปแบบ
แต่ก็รักกันดีนะ หนักนิดเบาหน่อยไม่ถือสากัน
ความจริงใจก็มีแต่ตอนเรียนที่แหละนะ
ที่เจอะเจอได้ง่ายสุด
 :m1: :m1: :m1: :m1:

ออฟไลน์ ภาณุเมศพลัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 238
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-0
เดากันเก่งจังเเหะ   :m29:

อีกหน่อยไอ้ฟิคเรื่องนี้มันต้องเป็นนิยายโปรโมทสถาบันเเน่เลยอ่ะ

ปล.หาคนเข้สสภา  คริคริ :m4:

*~Kisa~*

  • บุคคลทั่วไป
หนุกค่ะๆๆ   

รออ่านต่อ  :m1:

satan666

  • บุคคลทั่วไป
เคยอ่านเรื่องนี้ในเด็กดีมาก่อน

แต่มาตามที่นี่ดีกว่าง่ายดี :m4:

เป็นกำลังใจให้ทั้งคนเขียนคนโพสค่ะ :m1:

eyukiz

  • บุคคลทั่วไป
ไทย-ญี่ปุ่นนนนน

>[]<ๆๆๆๆๆๆ


รุ่นพี่เรียนตรึมเลยค่า~  :m4:

 :m10: ถ้ารู้ว่าข้างในเป็นอย่างนี้นะ. . . ขอโควต้าไปก็ดีจิ  :o12:

รออ่านต่อค่ะ --  --+

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ astral

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +156/-5
สนุกจังค่า ถ้าจะให้ดีอย่าดองเค็มนะคะ  o17 เด๋วรันย์จะแห้งตายไม่ได้ส่งมุขกะเมศไปซะก่อน  :m2:

three

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณนะครับผมรออยู่นะครับ :a9:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
รออ่านต่ออยู่จ้า

มาเป็นกำลังใจให้น้องป๋อม แล้วก็เมศคนแต่งด้วย  :m3:

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23

ไม่อยากบอกเลยว่าลืม....แหะๆ  :m23: :m23:

ลืมไปเล้ยว่าตัวเองเอาเรื่องใหม่มาลง ขอโต๊ดดดด :m5:


*************************************************


ตอน๒


เผลอแป๊บเดียวตอนนี้เข้าช่วงสอบมิดเทอมแล้วครับ   อย่าที่พระท่านว่า  อย่าดำรงตนในความประมาท  ตอนนี้พวกเราหัวหมุนติ้วๆกันเลยทีเดียวเนื่องจากเพิ่งหมดเวลาสอบวิชาเขียนแบบวิศวะ  วิชาเฉพาะสาขาที่ถูกส่งมาสกัดดาวรุ่งให้นักศึกษาน้ำตาเล็ดน้ำตาไหลพอเป็นกระสัย  นี่ล่ะครับ ทำให้พวกผมเขาถลอกกันตั้งแต่วิชาแรก  เนื่องจากตอนเรียนชีทสไลด์เป็นภาษาอังกฤษแต่ออกข้อสอบภาษาไทย ทำเอามึนตึ๊บตอบไม่ได้ไถไม่ออก  สุดท้ายก็ต้องพยายามเอาเขาไถข้อสอบกันไปจนถลอกปอกเปิก แต่นี่เพิ่งจะวิชาแรกเท่านั้น  สิ่งที่น่าหนักใจกว่านั้นคือวันพฤหัสฯ ศุกร์ครับ แต่ละวิชา เด็ดๆทั้งนั้น calculus , C Programming ,Gen. Physic

“เมศ ข้อเกรียวที่มองไม่เห็นตอบไรวะ?” รันย์ถามผมขณะเดินลงมาจากห้องสอบเพื่อมาที่โรงอาหาร ซึ่งบัดนี้คนเยอะแบบถล่มทลาย

“ไม่รู้เว้ย  กรูตอบเป็นเซคชั่น”

“แต่มันบอกว่ามองไม่เห็นนะเว้ย”

“ก็กรูจะให้มันมองเห็นนี่หว่า” ผมเริ่มออกอาการนอยด์

“เออๆ  เมริงอย่าคิดมาก  คืนนี้เมริงเดินมาบ้านกรู  ติวอังกฤษกับญี่ปุ่นให้หน่อยดิ” ดูมันพูดสิครับ

“เมริงชวนกรูหรือบังคับกรูกันแน่วะ”

“บังคับว่ะ สราด”

“แล้วทำไมต้องเป็นกรู”

“ก็เมริงเก่งภาษากว่ากรู ใกล้กรูด้วย”

“แล้วเด็กในสังกัดเมริงล่ะ  มีเยอะไม่ใช่รึไง?”ไอ้รันย์ทำหน้าปุเลี่ยน

“เมริงนั่นแหล่ะน่า  เดี๋ยวกรูติวแคลกับฟิสิกส์ให้”ผมขมวดคิ้วลองชั่งน้ำหนักดูกับการต่อรองที่ผมได้เปรียบนี้ แล้วตัดสินใจ

“เออ  เดี๋ยวกรูนอนก่อนตื่นนึงแล้วค่อยเดินไปบ้านเมริง”      หลังสอบเสร็จตอนเที่ยงครึ่ง ผม รันย์ และเสียดไปซุกตัวอยู่ในห้องสมุดกันเกือบทั้งบ่าย จนถึงสี่โมงครึ่งจึงแยกย้ายกันกลับ ผมเข้าหอนอนก่อนเป็นอย่างแรก  โดยไม่ลืมตั้งนาฬิกาปลุก 



เวลาหนึ่งทุ่มตรงผมเดินเมาขี้ตาลงจากหอเพื่อเดินไปยังบ้านเดี่ยวหลังงามตรงข้ามกับหอผมใกล้ๆแค่ไม่กี่สิบก้าว ด้วยสภาพเหมือนตุ๊กตาหมีเน่าๆ เพราะเสื้อไม่เปลี่ยน น้ำไม่อาบ หัวไม่หวี  เปลี่ยนแค่กางเกงจากกางเกงนักศึกษามาเป็นกางเกงเลสีชมพูดแจ๋นที่ผมเองก็ไม่แน่ใจว่ายึดของใครเขามาใส่  แต่ก็เอาเถอะครับ  มีให้ใส่ผมก็ใส่  ผมก้มศีรษะยิ้มทักทายพี่ยามหน้าหอเล็กน้อยก่อนจะเดินไปตามถนนในซอยเงียบๆ  ลัดเลาะเลียบไปตามกำแพงสีครีมสูงท่วมหัว ก่อนจะหยุดนิ่งอยู่ที่ออดหน้าบ้านหลังงาม ก่อนจะมองมันแบบเบลอๆเพราะยังไม่ตื่นดี

“มาแล้วหรอเมริง กรูกำลังจะเดินไปทุบห้องเมริงพอดีปล่อยกรูรอจนจะหลับและ” ไอ้รันย์เยี่ยมหน้าออกมาจากช่องประตู  มันคงยืนรอท่าอยู่นานแล้วเหมือนกัน  เพราะผมเห็นที่หน้ามันมีรอยยุงกัด

“กรูนอนแถมหน่อยว่ะ โทษที”

“เออ เมริงเข้ามาก่อน  กินข้าวมายังล่ะ?”รันย์ถามพลางเปิดประตูให้ผมเข้ามา  มันมองสภาพผมแล้วขำ

“ขำเอี้ยไรวะเมริง  สภาพเมริงก็ไม่ต่างกับกรูนักหรอก” สภาพไอ้คุณรันย์ขณะนี้ก็เซอร์ (ทรุด)โทรมพอกัน

“นี่ถ้าเมริงไม่บอกว่าเป็นลูกเจ้าของบ้าน กรูนึกว่าลูกคนสวนว่ะ” วันนี้ไอ้รันย์มันแต่งตัวแบบอยู่บ๊านอยู่บ้านครับ  มันใส่เสื้อยืด รด.สีเขียวที่เคยใส่เรียนตอนม.ปลาย  ยังเห็นชื่อโรงเรียนเก่ามันอย่างชัดเจน  แต่จากสภาพเสื้อแล้วคงผ่านการซักมามากทีเดียว  เข้าคู่ดูโอ้กับกางเกงบาสเบอร์8สีดำที่ลอยเหนือเข่าเล็กน้อย

“ถึงกรูจะไม่ใช่ลูกคนสวนแต่สวนนี้กรูเป็นคนทำเว้ย สราด”  ผมถึงกับเบิกตากว้าง  สวนที่มันว่า คือสวนในบ้านมัน ซึ่งจากสภาพต้นไม้ใบหญ้าที่เขียวครึ้มที่ตกแต่งสวยงามไม่รกแต่ก็ไม่โล่งจนเกินไปแล้วไม่อยากจะเชื่อ! เมริงจะมหัศจรรย์เกินไปแล้วโว้ย

“เข้าบ้านซะทีสิเมริง เดี๋ยวปั๊ดหลับ”มันเดินนำผมเข้าไปในบ้าน แค่ลูกบิดบ้านมันก็ทำผมตัวลีบหดเล็กเหลือสองนิ้วแล้วครับ   แสงจากเทอร์เรียส่องประกายวิบวับสีเหลืองนวลๆทำให้บรรยายกาศในบ้านมันอบอุ่น น่าเสียดายที่ตอนนี้มันอยู่คนเดียว นอกนั้นมีแค่แม่บ้านคนเก่าคนแก่เท่านั้นที่จะเข้ามาทำงานตอนกลางวัน และกลับบ้านไป

“อ้าวคุณหนูรันย์  พาเพื่อนมาหรือคะ?”หญิงวัยเกือบเลยกลางคนถาม  ผมหันไปตามเสียงนั้น  นึกแปลกใจว่าเรียกใคร

“ครับ  คุณป้าอุ่น  กลับก่อนเลยก็ได้นะครับ” โอ้โห....นี่เป็นไอ้รันย์ เวอร์ชั่นคุณชายระยับสินะครับ  สุภาพเรียบร้อยเสียเหลือเกิน

“จะดีหรือคะเนี้ย  ป้าจัดการอาหารการกินให้ก่อนดีกว่าไหมคะ?”

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวคุณป้าจะถึงบ้านดึก”

“แต่คุณหนูรันย์ ทำอาหารไม่เป็นนี่คะ  แค่ลวกมาม่าได้ ป้าก็ว่ามหัศจรรย์แล้ว”คุณป้าแม่บ้านหัวเราะ ไอ้รันย์ถึงกับเกาแก้มแก้เขิน

“ผมทำไม่เป็นแต่ มันทำเป็นครับ”แน่ะ โบ้ยให้ผมอีก

“อ่า  ครับ” เย้ย~…..ผมก็ไปรับมุขมันซะได้  คุณป้าแม่บ้านยิ้มอย่างใจดีให้ผม

“ถ้าอย่างนั้นฝากคุณหนูรันย์ด้วยนะคะ ป้าขอตัวกลับก่อนล่ะค่ะ”

“กลับดีๆนะครับ”รันย์กล่าวอย่างสุภาพ แล้วเดินไปส่งคุณป้าถึงหน้าประตูบ้าน  ปล่อยผมให้ยืนอึ้งทึ่งเสียวอยู่ในโถงทางเดินหรูคนเดียว   ผมมองรูปที่ประดับอยู่ช้าๆ  ภาพชายหญิงวัยกลางคนส่งยิ้มทักทาย  ดวงหน้าเหล่านั้นบ่งบอกว่ามีเชื้อสายเดียวกันกับรันย์  คาดว่ารันย์ได้ความเหมาะเจาะบนใบหน้ามากจากแม่  และความคมเข้มกำลังดีมาจากพ่อแน่ๆ  ผิดกับผมโดยสิ้นเชิง  ตอนแม่ท้องผม พ่อคงไม่ค่อยรักเท่าไหร่ เลยได้จากแม่มาเสียส่วนใหญ่

“เป็นไรเมริง ยืนดูความหน้าตาดีของบ้านกรูอยู่อ่ะดี๊” ผมหันขวับไปมองมันตาขวาง

“มีใครเคยบอกเมริงไม๊ว่า หลงตัวเอง”

“ก็งี้แหล่ะ หลงทางเสียเวลา หลงศรันย์ไม่มีเสียอนาคต”

“กรูว่าเสียว่ะ.....เสียสติ”เจอเข้าไปงี้ ไอ้รันย์ถึงกันเซ็งเครียดกินข้าว หมดอารมณ์กันไป

“ติวเว้ย เดี๋ยวพรุ่งนี้กรูตาย”

“นั่งตรงไหนวะ  กรูเห็นแล้วไม่กล้านั่ง  กลัวทำของบ้านเมริงเปื้อน”ผมพูดแบบพาซื่อ ก็บ้านมันดูแพงระยับไปทั้งหลัง  ผมมันชาวดินกินข้าวแกง มีหรือจะกล้าทำบ้านท่านแปดเปื้อน

“โต๊ะกินข้าวก็ได้ เมริงยังไม่กินข้าวนี่”

“กรูยังไม่ได้บอกเลยว่ายังไม่ได้กิน”

“ก็ปรกติเมริงไม่กินนี่”ผมถึงกับอึ้ง  มันรู้ได้ไงวะ ว่าเย็นๆผมไม่กินข้าว ไม่ใช่เพราะกลัวอ้วน  แต่ผมขี้เกียจครับ  กินขนมไซส์เลี้ยงกองทัพย่อมๆที่มารดาที่เคารพรักยิ่งชีพยัดเยียดให้ผมหอบไปหอให้หมดทันวันหมดอายุก็จะแย่แล้ว  ขืนลงไปกินข้าวอีก  ผมคงต้องกลิ้งล่ะ

“เมริงต้องกินข้าวนะเว้ย เมริงผอมเกินไปแล้ว”มันพูดพลางกางตำราภาษาญี่ปุ่นและอังกฤษแล้วนั่งลงฝั่งตรงข้ามผม เมริงจะรู้ไหมว่า เสื้อเขียวๆรด.คอวีเห็นอกรำไร กับผิวสีออกทองกำลังสวยของมันเวลาต้องแสงไฟมันน่า....น่า....น่าฟัดขนาดไหน  โอ้ย กรูเป็นไรไปวะเนี่ย

“ดูอังกฤษก่อนแล้วกัน”มันพูดแล้วก้มหน้าลงอ่านหนังสือ ปล่อยผมมึนงงต่อไป 

“อ้าวเมริง  เอ๋อน้ำลายไหลแล้วนั่น ติวให้กรูซิโว้ย อย่ามัวแต่นั่งดูเดี๋ยวพรุ่งนี้กรูก็สิ้นชีพพอดี”มันเอื้อมกีบเท้าหน้าตบกะโหลกผมทีนึง เรียกสติผมกลับมาได้ในที่สุด

“อ่ะ  เอ่อ...ติวอะไรล่ะ  อังกฤษออกง่ายเหมือนม.3 เมริงจะติวอะไรอีก เมริงแกล้งโง่ป่าววะ”ผมรีบกลบเกลื่อนแบบเนียนๆทันที

นี่ล่ะครับ อีกมุมหนึ่งของไอ้รันย์  ที่คงน้อยคนนักจะได้เห็น




นรกอันโหดร้ายของจริงไม่ได้อยู่วันจันทร์ถึงพุธอย่างที่คาดไว้จริงครับ  พอวันพฤหัสบดีมาถึง พวกผมก็ถึงกับโซซัดโซเซเขาหักเขาถลอกกันไปเป็นแถบๆ เช้าสอบแคลคูลัสให้พองวยงง ก่งก๊ง จากการสับขาหลอกด้วยตัวเลข ตบท้ายของวันด้วยภาษาซี เขียนโค้ตกันหน้ามืด ถึงกับแจกเซียงเพียวอิ๊วในห้องสอบกันเลยทีเดียว หมดเวลาสอบผมกับเสียดนั่งรอรันย์อยู่ในโรงอาหาร  พวกผมมันไม่เก่งครับ  หัวไม่ดีramน้อยแต่ดันทะลึ่งถูกจับยัดในsecยอดมนุษย์ก็เลยได้แต่ทำใจเอาเขาไถข้อสอบเท่าที่จะทำได้แล้วก็รีบไสตรูดออกมา เพราะไม่รู้จะนั่งแทะข้อสอบต่อไปทำไม

“ไงวะเมริง ทำได้อ่ะดิ ลงตอนหมดเวลาเนี่ย” เสียดถามรันย์ที่เดินตุปัดตุเป๋เล็กน้อยตรงมาหาพวกผมที่นั่งเป็นศาลาคนเศร้ากันอยู่ที่โรงอาหาร  สภาพหล่อเซอร์ของมันตอนนี้เริ่มเปลี่ยนเป็นหล่อซกมก หล่อหมาฟัดเหมือนคนอื่นแล้วครับ เพราะดูจากรูปการแล้ว หนวดไม่โกนเพราะครึ้มมาเลย หัวไม่หวี  หรืออาจจะหวีแต่จิตป่วนจนธาตุไฟแตกซ่านเลยขยี้ขยำซะหมดทรง

“ไม่ค่อยมั่นใจว่ะ แต่ก็พอถูไถ”

“กรูสิ ตอบ printf(“\n Love susue nakrub”);”ผมตอบ  ทำเอาเพื่อนฮาครืน

“ตอบไรอย่างงั้นวะเมริง”รันย์ขำพลางแย่งชามะนาวจากผมไปดูด ขี้ปากกรูนะนั่น

“ก็กรูทำไม่ได้นี่หว่า  เผื่อ’จารย์ซูซี่แกจะเมตตากรูบ้าง”

“เฮ้ย รีบกลับเหอะว๊ะ เดี๋ยวต้องอ่านฟิสิกส์อีก  ยังไม่ ถึงไหนเลย”รันย์รีบรั้งแขนผมให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้  ท่ามกลางสายตาของเพื่อนฝูงทั้งในและต่างคณะ  และแน่นอนว่าไม่พ้นสายตาสภาสาววาย

“จะลากกันไปไหนจ๊ะ?”เจ๊กรรีบเปิดฉากขึ้นทันทีที่สบโอกาส

“ไม่ลากไปทำมิดีมิร้ายหรอกน่า”รันย์ออกอาการเกรียนเล็กน้อย

“แหม จริงจังขึ้นมาเชียว ได้ข่าวว่าเมศไม่ค้างหอหรอจ๊ะ”เจ๊กรถามพลางมองแหล่งข่าวที่นั่งอยู่ตรงข้าม มันจะใครละครับ ถ้าไม่ใช่โม ญ.

“โม แกนิก็ไปบอกเจ๊กรได้นะ”ผมบ่น

“อือ  ก็สภาฯดำรงอยู่ได้ด้วยเหตุนี้นี่นา”ผมถึงกับอึ้งคำตอบที่ได้รับ  น่ากลัวจริงๆครับ สภาฯนี้

“รันย์ เบาๆหน่อย”โมเริ่มล้อเลียนเสียงผม  ผมจำได้ว่าพูดประโยคนี้กับรันย์ตอนกัดกันอยู่ในห้องผม 

“ นี้เบาแล้วเมริง”โมทำเสียงล้อเลียนได้เกือบเหมือนทีเดียว

“อย่า เสียง...เสียงมันจะดังออกไปนอกห้อง” โมยังไม่หยุดล้อครับ เธปพูดพลางใส่เอฟเฟคชวนสยิวกิ้วลงไป ทำเอาคนรอบข้างฮือฮา

“เมริงทำไรกันวะนั่น น่าสงสัยนะเนี่ย”ไอ้เสียดรีบยื่นหน้ามาถาม  หน้าตี๋ๆของมันบอกชัดว่าคิดลึก

“ฮึ่ย  ก็เอี้ยรันย์อ่ะดิ เจือกแหกปากออกมาได้ว่าจะมานอนห้องกรูตอนตีสองกว่า  ชาวบ้านเขานอนกันหมดแล้ว แมร่งยังส่งเสียงดังอีก  เดี๋ยวก็ถูกข้างห้องเขาด่าบรรพบุรุษเอาอ่ะดิเมริง”

“ไม่เป็นไรหรอก  ข้างห้องเมศ ก็เราเอง  เราไม่ว่าอะไรหรอก”โมตอบหน้าตาเฉย ซะงั้นเลยวุ้ย

“งั้นแกแอบฟังมันอ่ะดิ” เสียดถามโมที่ยังหน้านิ่งซดชานมสบายอารมณ์

“เปล่า ตอนนั้นเราไม่ได้นอน”

“ฟิตหรอวะ?” แชร์รี่ถาม

“เปล่าเราเพิ่งตื่น”เอากะมันสิครับ เด็กคณะป่วงนี่ พูดจาซ้ำซ้อนเหมือนอาจารย์มันไม่มีผิด(อาจารย์ครับ ผมล้อด้วยความรัก ไม่ได้มีจิตคิดร้ายต่อเบื้องสูงนะค๊าบ)

“เมศเป็นไงมั่ง ทำได้ไหม?”หนุ่มหน้าตาดีแบบเชื้อสายจีนนิดๆสวมแว่นแนวๆไว้ผมซอยระห่ำที่ผ่านการยืดมาแล้วถูกน้ำก่อนกำหนดเดินมาทักอย่างสุภาพเรียบร้อย แน่นอนครับว่าเป็นเพื่อนต่างคณะของผม รู้จักกันตั้งแต่กิจกรรมสนุกกับภาษาก่อนเปิดเทอมโน่น

“ก็พอเอาเขาถูกไถ  แล้วซีเป็นไงมั่ง”ผมถามอย่างสุภาพเรียบร้อยไม่ปล่อยหมาไปกัดใคร

“ก็พอทำได้”ซีตอบ ก่อนจะตั้งท่าจะถามอะไรอีกรันย์ก็แทรกขึ้น

“เฮ้ยเมศไปซะทีสิวะ”ไอ้คุณรันย์เรียกด้วยเสียงดังถ้าใครไม่รู้คงนึกว่าตวาด  แต่นี่ล่ะครับ เรียกอย่างสุภาพแล้วสำหรับแม่บ้านส่วนตัวของมัน  ทุกวันที่ผมไปอ่านหนังสือบ้านมัน ผมเหมือนแม่บ้านไม่มีผิด ต้องทำกับข้าว กวาดบ้าน แถมต้องซักเสื้อให้มันด้วย  เพราะมันไม่ทำเองสักอย่างมันอ้างว่าป้าอุ่นแกกลับบ้านเก่า เอ๊ย กลับไปเยี่ยมบ้านเลยไม่มีคนทำ

“เออๆ ไปแล้วเว้ย ทุกคนโชคดีสำลีแปะหัวนะเว้ย ไปนะซี”ผมรีบดอลลี่ตัวเองตามไปรันย์ที่เดินลิ่วนำไปยังลานจอดรถแถวแป้นบาส ที่บัดนี้ไม่มีใครเล่นเนื่องจากอยู่ในช่วงสอบ

.

.

.

.


ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23

.

.

.

.


รถบนถนนหน้าสถาบันวันนี้ติดนรกครับวันนี้อาจจะเพราะฝนที่ช่วยกระหน่ำลงมาอย่างไม่ปราณีก็เป็นได้  ไม่รู้เพราะอะไร เวลาคนจะรีบกลับบ้านรถมักติดฝนมักตกเสมอ  ติดตกจนหูอื้อตาลายวิงเวียนคล้ายจะเป็นลม  ติดจนปวดเข้แต่ก็ไม่ขยับไปไหนจนสุดท้ายก็หายกันไป  เรื่องปากท้องนี่สำคัญมากสำหรับผมครับ  ถ้าวันไหนขับถ่ายไม่คล่อง กินไม่อิ่ม วันนั้นผมจะเกิดอาการนอยด์ทันที  แต่วันนี้ผมปรกติดี คนที่ไม่ปรกติก็ไอ้รันย์ล่ะครับ มันหงุดหงิดตั้งแต่รถติดอยู่แถวหน้าถาบัน

“เมริงเป็นไรว๊าสราด ฮึดฮัดอย่างกะเป็นหวัดคัดจมูก”

“หวัดบ้านเมริงดิ  เมริงเห็นไม๊รถติดชิบหาย”มันพูดแล้วเกะพวกมาลัยทำตาเบลอๆ ผมอาจลืมเล่าไปครับว่า รถของรันย์เป็นรถสปอร์ตมัสแตงค์ยุโรปคลาสสิค สีแดงเข้มๆรุ่นคราวพ่อ แต่ก็นั่นล่ะครับ เครื่องยังแรงซิ่งได้ตรีนผีดีแท้ แล้วด้วยความว่ามันตรีนผีนี่แหล่ะครับ มันเลยยอมสละสิทธิ์จากมหาลัยรัฐดังๆมาเรียนที่นี่  แล้วยอมไปรับไปส่งผมไปกลับบ้านบ่อยๆ  เพราะถนนรอบนอกแถบบ้านผมมันซิ่งสบายดีแท้

“เอาน่า  มันก็ติดของมันทุกวัน เมริงก็ใจเย็นๆสิวะ”ผมพูดพลางเอื้อมมือไปเปิดวิทยุ เพลงสากลเพลงโปรดดังลอดลำโพงออกมา จนผมอดไม่ได้ต้องฮัมเพลงตาม


If birds flying south is a sign of changes
At least you can predict this every year.
Love, you never know the minute it ends suddenly
I can't get it to speak
Maybe finding all the things it took to save us
I could fix the pain that bleeds inside of me
Look in your eyes to see something about me
I'm standing on the edge and I don't know what else to give.


Do you know what it feels like
loving someone that's in a rush to throw you away.
(Do you know )
Do you know what it feels like
to be the last one to know the lock on the door has changed.
Do You Know (The Ping Pong Song)
Enrique Iglesias



“เมริงเป็นไรวะ? คลางฮือๆอย่างกะพิราบสนามหลวง” โห่...เจ็บครับงานนี้ 

“ไม่เห็นต้องกัดกรูเลย อิจฉากรูอะดิที่กรูเสียงดีกว่า”ผมทำปากยื่นแล้วหันไปมองข้างทางอย่างเคืองๆ เห็นคนวิ่งฝ่าฝนผ่านไป

“ร้องเสียงเหมือนพระโคเบ่งบุตร ยังเจือกมาคุย ถุย!”

“ทำเป็นพูดดีนะเมริง  แล้วเมริงเสียงดีนักหรอ”

“เออ  ดีกว่าเมริงแล้วกัน”ผมเม้มปากแน่นด้วยความแค้นฟาร์มหมาในปากผมปิดทำการชั่วคราวเลยเถียงมันไม่ทัน

“เอาน่าเมริงอย่างอนกรู  เถียงไม่ทันกรูไม่เป็นไร แต่อย่าไปคุยกับไอ้หน้าจืดนั่น” รันย์พูดพลางเคลื่อนรถตามการจราจรที่เพิ่งจะขยับไปได้สองช่วงตัว

“จืดไหนละ?ไอ้เสียดรึ?”

“ไม่ใช่  ไอ้จืดIT ถ้าไม่จำเป็นอย่าไปคุยกะมัน”

“ซีน่ะนะ  กรูรู้จักมันตั้งแต่กิจกรรมสนุกกะภาษาแล้ว  รู้จักมันก่อนเมริงอีก แล้วทำไมมาห้ามกรูวะ?”ผมถามอย่างสงสัยแบบจริงใจไม่จิงโจ้  เพราะมันแปลกมากที่คนมนุษยสัมพันธ์ดีอย่างรันย์ห้ามผมไม่ให้คุยกับคนอื่น

“เอาน่า กรูไม่อยากให้มันมายุ่งกะเมริง” ไอ้รันย์หันหน้าออกกระจากฝั่งมันมั่งพลางเกาหัวยิกๆ

“อะไรของเมริง”ผมส่ายหัว

“ก็...ก็กรูไม่อยากให้ใครมายุ่งกะเมริง”มันพูดเสียงเบาๆ ผมกระพริบตาถี่ๆอย่างพยายามประมวลผล

“เมริงว่าไงนะ?”ความเงียบเป็นคำตอบที่ผมได้ จะว่าผมโง่ก็ได้นะครับ  แต่ผมไม่เข้าใจเจตนาของมันเลยว่าต้องการสื่ออะไร หลังจากนั้นเราก็ไม่พูดเรื่องนี้กันอีก  เพรามัวแต่อ่านหนังสือกันจะตาแหก ปอดฉีก ซี่โครงปูดกันไป เพื่อเอาชีวิตรอดในวันสุดท้ายของการสอบ



“ถ้ากรูเป็นไรไป เมริง ฝากบอกแม่กรูด้วยว่ากรูรักแม่มาก  งานศพกรูไม่เอาข้าวต้มกุ้ง  กรูแพ้กุ้ง”ผมออกปากฝากผีฝากไข้ไว้กะไอ้เสียดอยู่หน้าห้องสอบ ที่บัดนี้มันก็อยู่ในสภาพเดียวกับผมนี่แหล่ะคือ กำลังอยู่ในระยะวิตกจริตจิตตกเนื่องจากการสอบ

“เอาน่าพวกเมริง มาถึงลานประหารแล้ว อย่าไปกลัว”เสียงนี้ไม่ใช่ใครเลยครับ มันคือไอ้คุณรันย์ ถึงมันจะเซอร์โทรมแต่ยังสภาพดีกว่าเพื่อนคนอื่น ดูมันชิลกับวิชาฟิสิกส์ทั่วไปเสียเหลือเกิน

“ขอบใจนะเมริง ไอ้ปากจังไร”ผมหันไปกัดรันย์  มันเลยยักไหล่ทีหนึ่งแล้วหันไปคุยกะเพื่อนร่วมsecอีกคน ซึ่งเพื่อนร่วมsecของผมแต่ละคน  ผมสามารถมองเห็นแสงเฮ้ากวงอันแสดงถึงความโปรของพวกมันได้อยู่ลางๆ  ในขณะเดียวกัน  เพื่อนๆก็คงเห็นเขายาวๆของผมอยู่ไหวๆเช่นกัน

“โมเมนตัม p=mv  เปลี่ยนทิศไม่เปลี่ยนทิศแสรดไรว๊ะเนี่ย”ผมพยายามพลิกโน้ตที่ผมเคยจดไว้มาตั้งกะสมัยม.ปลายอย่างเอาเป็นเอาตาย  พยายามจำให้ได้มากที่สุด แล้วนาทีนรกก็มาถึง

“นักศึกษาเตรียมบัตรประจำตัวเข้าสอบ อุปกรณ์เครื่องเขียนแล้วเข้าประจำที่ได้แล้วค่ะ”อาจารย์คุมสอบโผล่หน้าออกมาก่อนจะเปิดประตู(สู่นรก)ออกกว้าง อย่างเชื้อเชิญ

“กรูโดนเจี๋ยนแน่ๆ”ผมโยนสมุดเลคเชอร์ไว้บนกองกระเป๋าแล้วทำใจลากขาเดินเข้าห้องสอบ

อาจารย์บอกกติกามารยาทในการสอบเสร็จแล้ว  นาทีระทึกก็มาถึง อาจารย์สั่งเปิดข้อสอบได้  ผมมือไม้สั่นทำอะไรไม่ถูก สูตรสาระพัดที่ท่อง อ่าน ติวมา หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว คือเละเป็นโจ๊ก ผมพลิกข้อสอบเพื่อหาข้อที่พอจะทำได้ พลิกไปพลิกมา มันส์มือไปหน่อย โผล่อีกทีหน้าสุดท้ายของข้อสอบ  ผมจึงเริ่มพลิกหาข้อที่ทำได้อีกครั้ง เจอแล้ว!ข้อ5  น่าจะทำได้  ผมก้มหน้าก้มตาเอาเขาไถข้อสอบหลังจากมั่นใจแล้วว่าที่ทำไปน่าจะได้คะแนนก็เริ่มหาข้ออื่นให้เอาเขาได้ต่อไป แต่ดูเหมือนมันเป็นสิ่งไม่มีตัวตนสำหรับข้อสอบนี้ อ่า....ความตายช่างสวยงาม หลังจากหมดเวลาสอบผมถึงกับครวญเป็นเพลง  และไม่ต้องเดาเลยว่าคะแนนจะออกมาแบบไหน  The Mid...คะแนนลิขิต ชีวิตใต้มีนกันแน่นอนล่ะงานนี้
 



ได้แค่นั้น แค่เพียงข้อเดียว ทำได้แค่นั้น
ไม่เคยคิดเลยจะได้แค่นั้น โค-ตรเสียใจ
ขอให้กรูทำใจ...

ที่อ่านมาทำไมไม่ออก เก็งมาแล้วทำไมไม่ออก
ออกเอี้ยอะไรมา ไอ้อ่า.... ไม่เคยจะสอนกัน
ข้อสอบเก่าดันเอามาออก มาออกกันในอันที่ฉันไม่ตั้งใจอ่าน ฮือ
ออกง่ายเกินไปไหมเมริง

ADD ไปแล้ว....ก็ลืมนึกไปว่าเรียนไม่ไหว
นั่งติวที่หอ นั่งติวแค่ไหน ไม่เข้าใจ จะทำสอบได้ไง
ที่อ่านมาทำไมไม่ออก ติวมาแล้วทำไมไม่ออก
ออกเอี้ยอะไรมา

(แปลงมาจาก บอกช้าไปไหมเธอ ของพัดชา)



three

  • บุคคลทั่วไป
 :m15:ชีวิตช่างรันทดนักเวลาสอบนี้ :m15:

ออฟไลน์ Turn_righT

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 492
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
อ่านแล้วระลึกชาติ  คุ้นๆ ว่าเคยผ่านมา... :o11:

ลงชื่ออ่านจ้า... o15


ken_krub

  • บุคคลทั่วไป

FOAM

  • บุคคลทั่วไป
อย่ามัวแต่เรียนจนลืมรักนะครับ

ปล ชอบชื่อเรื่องจัง

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
อ่านแล้วขำ นึกถึงตอนสอบสมัยมหาลัย อ่านกันไม่ทันอ่านกันยันเช้า สนุกจิงๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด