ดองนาน สำนึกผิด เลยรีบเอามาลง
ตอน๘ แช่งชัก ซวยชิก(หาย)
ผมกำลังก้มหน้าก้มตาใช้ความพยายามอย่างยิ่งกับการเขียนรายงานเป็นภาษาญี่ปุ่น ที่ยิ่งเขียน ยิ่งเลอะครับ เลอะด้วยเลือดตามันกระเด็นใส่แหมะๆ เซนเซ(อาจารย์)คงจะปลื้มถ้าทราบว่า ภูมิปัญญาที่ท่านสั่งสอนบีบอัดกดดันมาเกือบปีนี้ ทำให้ลูกศิษย์ของท่านมีทักษะทางการเขียนสปีดต่ำต้อยเยี่ยงเต่าเช่นนี่ สองชั่วโมงเขียนได้ตั้งหนึ่งประโยค ปลาบปลื้มครับพี่น้อง ไอ้รันย์นั่งอีกมุมหนึ่งของโต๊ะ มันก็อาการไม่ต่างจากผมมากนัก มันมองหน้าผมสลับกับการเปิดดิกญี่ปุ่น เห็นหน้ากรูเป็นตัวฮิรางานะ*(ตัวอักษรภาษาญี่ปุ่น)หรือไงเมิง อ้อ....หลงใหลในฟามหล่อไม่เหลาของกระผมนี่เอง แหม ขอบใจเมิงมากนะ
“ไอ้ช่องปัญหาเมิงเขียนอะไร?”ไอ้รันย์ยื่นหน้าเข้ามาดูกระดาษรายงานของผมที่ให้เขียนว่าต้องการพูดถึงอะไรบ้าง
“นิฮองโกะโอะ วะคะริมะเซน”(ไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่น)ผมตอบมันทั้งที่ยังก้มหน้า พยายามเขียนต่อทั้งที่ตอนนี้สมองไหลหัวกลวงแล้วครับ
“เอางั้นเลยนะเมิง” มันพูดแล้วเอามือมาขยี้หัวผมครับ ไอ้เลว ผมกรูกว่าจะแฮดู ได้ทรงนี้นานนะเมิง ทรงเม่นขนหัก ลุกจากเตียงหมาดๆเชียวนะเว้ย
“เออ เมิงทำของเมิงไปไป๊ อย่ามายุ่งกะกรู”
“อย่าไล่ดิคร๊าบ น้องรันย์ทำอะไรผิด” ผมทิ้งดินสอแบบหยะแหยงกะเสียงอ้อล้อฉอเลาะแบบแมนๆของไอ้รันย์ ได้ยินแล้ว ขนแขนพร้อมใจกันยืนตรงเคารพธงชาติ
“คนเรามีความพยายามเน๊อะ แม่ง ทำเป็นแอ๊บแบ้ว แบ๊วน่าประเคนตรีน!”ผมยกกีบเท้าหน้าใส่มัน มันหลบวืดเลยครับแล้วขำน้ำหูน้ำตาไหล
“ดุว่ะ พันธุ์ไหนเนี่ย แม่คลุกน้ำตาลให้กินอ่ะดิ”
“ว่างมากอีกสิเมริง เห็นไหมเนี่ย ทำงานอยู่เนี่ย”
“วิชาการดอทคอมนะเมิง”โฆษณาให้เขาอีก มันพยายามจะตบกะโหลกผมครับ ผมหลบมือมันด้วยความเร็วแสงพลางส่งสายตาท้าทายแน่จริงเมริงตบให้โดนดิ แต่เวรกรรมชนิดไหนไม่ทราบส่งตรงเดลิเวอร์รี่ดีจริง โป๊ก!! หัวผมกระแทกขอบเตียงอย่างแรงครับทุกคุณ กินลมชมดาวกันล่ะทีนี้ ไอ้รันย์หัวเราะก๊าก
“หัวเราะเอี้ยไรเมิง เจ็บสาดดดดด”ผมมองไอ้รันย์ที่หัวเราะเยาะจนหน้าแดงแบบจะกินเลือดกินเนื้อมัน
“เพี๊ยง ขอให้เมิงเจ็บกว่ากรูอีก แขนหักหัวกุดหางหลุดเขางอก” งานนี้ต้องแช่งชักหักกระดูมันครับ
“กลัวอิ๊บอ๋ายเลยว่ะ”มันพูดแล้วหัวเราะหน้าระรื่น
วันอันยาวนานเดินทางมาเกือบถึงที่สุดเมื่อคาบเรียนต่างๆผ่านพ้น ก็หายใจหายคอกันได้อยู่บ้าง แม้จะเซ็งๆนอยด์ๆจากการประกาศคะแนนของบางวิชา เอาเถอะครับ ผมมันพิการทางแคลคูลัส ได้เลขสองหลักมาก็นับว่าเก่งมากแล้ว ช่างมันเถอะครับปล่อยๆมันไปเสียบ้าง เพื่อดับความฟุ้งซ่านของอีกหลายๆคน ที่มีอาการเดียวกันเลยเฮกันไปสนามบาส ถึงสถาบันจะเล็กแต่ก็มีพื้นที่ให้ยืดเส้นยืดสาย นอกจากสนามบาส+ฟุตซอล(ที่แม้แต่โกลด์ก็ทำเองออคเอง)ยังมีป่าล่าหมีให้แวะไปเดินเล่นได้เวลาอยากสัมผัสธรรมชาติแบบใกล้ชิด ไอ้ป่านี้ล่ะครับ เวลาเล่นบอล บาส กันค่ำๆเป็นที่หวาดเสียวว่าลูกบอลหายเข้าไปแล้วคนเก็บบอลอาจหายด้วย มีท่อและหลุมลิฟท์ให้ตกเล่นกันแก้เบื่อ มีประชาสัมพันธ์บริการประกาศตามหาเพื่อนผู้หลงป่าแถมให้ด้วยครับ เยี่ยมไหมล่ะ?
“เอาเฮ้ย เล่นคนเดียวหรือไงวะ? บอลเว้ยไม่ใช่ขี้จะได้ไม่เอาให้คนอื่น”ปากหมาอีกแล้วครับพี่น้อง
“เอาไปเลยปากหมาจริงเมริง”หนึ่งในนศ.ผีนักกีฬาบาสเข้าสิงส่งบอลให้ผมครับ เลี้ยงไปสิครับ ยังไม่ทันโชว์สเต๊ปฟุตเวิร์คสวิงกิ้งใดๆมือมารก็แย่งลูกบาสไปแบบเนียนๆ
“อ้าวเฮ้ย ไรว๊า”ไอ้รันย์หันมายักคิ้วครับ ไอ้มือมาร ไอ้โจรใจหยาบ คนไร้ศีลธรรม คนไม่มีจรรยา
“เออ เท่ากันทั้งสองฝ่ายพอดี ไอ้รันย์ ซัดแม่งเลยนะเว้ย” เสียงไอ้เสียดครับ มันอยู่ฝ่ายตรงข้ามได้ทีเป็นยุนะพอได้ไอ้รันย์เป็นพวกละเห่าใหญ่
“เออ เดี๋ยวรู้ๆ ว่าใครจะโดนซัด”ประกาศสงครามกันเสร็จก็ลงมือสิครับ
เอาล่ะ...หลับตาแล้วจินตนากาภาพตามนะครับ ชายหนุ่มวัยละอ่อนหน้าใสร่วมสิบชีวิต กำลังนัวเนียแย่งลูกบาสกันอย่างเมามันส์ ยิ่งวิ่งยิ่งร้อน ยิ่งร้อนยิ่งมันส์ เสื้อแสงใดๆถูกกระชากทึ้ง บ้างถอดทิ้งไว้ข้างสนาม เสียงหอบหายใจ และผิวหนังมันวาวจากเหงื่อชุ่มโชกร่างกายที่สะท้อนประกายล้อแสงสปอตไลท์ดวงใหญ่ช่าง.....(แหวะ พูดเองจะอ้วกเองครับทุกคน)
“ว๊าวววว~ เมศขา ชู๊ตค่ะชู๊ต~”ทั้งสนามมีแต่พวกวิศวะ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเสียงพวกไหน แทงหวยถูกรางวัลที่หนึ่งเลยเอาสิ
“ว๊ายยยยยยย รันย์ขา อย่าลวนลามเมศสิค๊า”
“โอ้ย!! อะไร พวกเจ๊นี่หนวกหูจริง”
“ต๊ายยยยไอ้รันย์ หุ่นมันนี่ ระทวย ไอ้เมศก็หลังสวยจริง เอวเป็นเอว”
“แกแล้วดูอย่างไอ้นี่สิ...”สาวสภาฯชี้ไปที่เพื่อนคณะคนหนึ่ง
“อย่างงี้เรียก cylinder ทรงกระบอกข้าวหลาม ดีหน่อยที่ยังไม่เอาไปเผา ไม่งั้นดำเมี่ยม”เสียงนินทาริมสนามไม่ทำให้เหล่าชายหนุ่มผู้กำลังเมามันส์กับเกมส์กีฬาหยุดจากความสนุกได้
“อ้าวเฮ้ย เมิงอ่ะ ลงไปทำเอี้ยไรวะ ลูกเลิกไม่ได้จับ วิ่งตบยุงหรือไง ไม่เล่นเมิงก็ออกมา” น่าน สาวสภาด่าอีก ซวยไปครับกับเพื่อนชาวคณะผู้ไม่เข้าตาสภาฯ
โดดแย่งบอลกันไม่คิดชีวิต ไอ้รันย์ก็พลิ้วไปเรื่อยครับ พลิ้วก็พลิ้ว เจอไอ้เมศพลิ้วกว่า คว้าบอลไปได้สับขาหลอกอีกหน่อยนึกขึ้นได้ไม่ใช่บอล ได้จังหวะปั๊บทางโล่ง โป๊ะ!!โดนกระโดดแทคไม่เพียงสองแต่เป็นสาม!!!กลิ้งสิครับ คิ้วซ้ายไร้ความรู้สึกไปทั้งแถบ
“คิ้วกรู”ผมโอดเมื่อลงมาแปะกับสนามเป็นที่เรียบร้อยโรงเรียนญี่ปุ่น แค่มือแตะคิ้วของเหลวๆก็ติดมือ เลือดทั้งนั้น ดีที่ไม่ลึกมาก ไม่งั้นเสียโฉมแน่นอน....ผมเจ็บแต่เพื่อนหัวเราะเยาะครับ ไอ้เลววววว... ฉุนขาด120%
“หัวเราะเอี้ยไรไอ้คุณเสียด”
“พวกเมิงนี่รักกันรุนแรงว่ะสาด รักกันปานเอาฟันเจาะคิ้ว” ผมหันไปดูไอ้ต้นเรื่อง ที่มันเอาฟันเจาะคิ้วผม มันนอนหัวเราะอยู่กับพื้นคอนกรีต
“ลุกเลยไอ้well พื้นร้อนตายห่านอนไปได้”ผมฉุดแขนมันขึ้นครับ มันยังหัวเราะ แต่ไม่ยอมลุก
“อย่า ไปเมิงไปทำแผลก่อน เรียกแทกซี่ไปโรงบาลด้วย”
“เฮ้ย เรียกทำไมแผลแค่นี้”
“ไม่ใช่เมิง ขากรู ท่าจะขาดแคลเซี่ยมว่ะ”ซวยครับ ผมคิ้วเจาะ แต่ไอ้รันย์ ไม่แคล้วกระดูกหัก
“เมิงไปบอกห้องพยาบาล เรียกแทกซี่ด้วย”ผมสั่งไอเสียดต่อ มันก็พยักหน้ารับตื่นๆ ก่อนจะรีบไปตามที่บอก พร้อมกับผีนักบาสอีกหนึ่งตัว เหลือผมนี่ล่ะครับ ต้องอยู่ดูใจไอ้รันย์
“เจ็บไหมวะ?” มันมีแก่ใจถามผม เมิงแหล่ะเจ็บอย่าทำให้กรูเป็นคนเลวไปกว่านี้ได้ไหม
“ไม่เท่าเมิงหรอก ยังมีแก่ใจจะถามกรูอีก กรูเป็นคนบาปแล้วนะเมิง”ผมเห็นตามไรผมมันมีเหงื่อซิกทั้งจากการเล่นกีฬาและจากอาการเจ็บ
“เออ เมิงเจ็บมากไหม?” ไอ้รันย์ไม่ตอบ ผมพอเดาได้จากประสบการณ์ไม่เคยกระดูกหักแม้แต่เศษเสี้ยวซี่ ว่ามันเจ็บชัวร์
“กรูคงได้ใส่เฝือกแน่ คงกลับบ้านไม่ไหว...”ผมทิ้งมือลงข้างตัว รู้สึกเส้นเลือดข้างขมับมันขยับตุ๊บๆ
“สำออย ตายเป็นผีเฝ้าป่าล่าหมีอยู่นี่แหล่ะ”ผมลุกเลยครับ ไอ้รันย์เอื้อมมือมายุดมือผมไว้
“อ้าวเฮ้ยพวกเมิงๆ เจ็บตัวแล้วออกไป ได้และ ชาวบ้านเขาจะเล่นต่อ” ด้วยรักและห่วงใยจริงๆครับเพื่อนๆผม แต่จริงๆมันก็ช่วยๆกันเรียกแท๊กซี่ หยิบข้าวหยิบของให้พวกผมล่ะครับ
“กลับไม่ไหวจริงๆนะ ที่บ้านถ้าไม่ขึ้นบันไดก็ไม่ได้ ขาเป็นแบบนี้ เดินไม่สะดวกอ่ะ” มันส่งสายตาเว้าวอนเหมือนลูกหมาถูกทิ้ง มันคงได้ผลถ้าไม่ใช่กับคนที่รู้สันดานมันดีเหมือนผม
“บินเอาสิ อย่าหวังจะได้มาเหยียบหอกรู” รถแท๊กซี่สีม่วงสะใจวิ่งเข้ามาในลานจอดรถใกล้กับสนามบาส เสียดเปิดประตูรอท่าอยู่แล้ว ผมเลยต้องเป็นคนช่วยพยุงคนเจ็บล่ะครับงานนี้
“เออ วางแขนสบายดีว่ะ”มันน่าไหมครับ ทิ้งมันไว้นี่เลยดีกว่า ไอ้รันย์เอาแขนวางบนไหล่ผม ด้วยความสูงที่ต่างกัน มันเลยวางแขนสบาย ผมยิ้มเหี้ ยมให้มัน มันถึงจะยอมหยุด แต่ก็หยุดไม่นานครับ
“เมิง เกิดกรูกลับบ้านแล้วคืนนี้กลิ้งตกกระไดทำไงวะ?”
“ช่างเมิงสิ”
“อ้าว ไม่รักกรูเลย ไหนบอกรักกรูไง” ผมเห็นพี่คนขับมองกระจกหลังมาแปลกๆ
“ไอ้เสียด กรูก็รักมัน แต่ไม่เห็นมันจะกำเริบเหมือนเมิงเลย”
“คนดีก็เงี้ย ป๊าม๊าให้มา”ไอ้เสียดที่นั่งอยู่ตอนหน้าพูดพลางยักไหล่อย่างน่าหมั่นไส้
“เพื่อนกรูแต่ละคนจิตไม่ปรกติสักกะคน นี่ถ้ามีอย่างเมิงสักครึ่งคณะ กรูคงปวดหัวหนัก วิธีสวัสดีปีใหม่กรูทำพิษกรูและ”ผมบ่นไอ้รันย์พลางมองรถที่เคลื่อนตัวข้ามสะพานข้ามแยกอย่างรวดเร็ว
“ใครใช้ให้อุตริให้บอกรักเพื่อนทั้งเซคในวันปีใหม่ล่ะ” ไอ้เสียดยังซ้ำเติม
“เออ กรูผิด”
“คราวหลังจะพูดแบบนี้ห้ามพูดว่า ‘คิดว่า’ ต้องบอกว่ารักเลยรู้ไหม จะได้เท่าเทียม แหมที่กะไอ้เสียดยังพูดได้ติดปากว่ารักมัน ที่กรูนะ คิดว่า”ผมหันไปค้นกรรไกรกระดาษฟาร์มหมาในปากมันคันยุบยิบอยากโดดงับหัวไอ้เป๋ฮ่าว
“เดี๋ยวปั๊ดเขวี้ยง...”
“เขวี้ยงด้วยฟามร๊ากกกกกกกกก~....” โอ้วววว เสียด เมิงอยู่ใกล้สภาไปแล้ว มุขควายอย่างงี้ตายดีกว่าคับพี่น้อง ไม่ต้องไปแล้วโรงบาล เข้าวัดขึ้นเมรุเลยดีกว่า
ไอ้รันย์หายเข้าไปในห้องตรวจ ก่อนจะออกมาพร้อมเฝือก ระหว่างที่รอมันผมจัดการกับแผลตัวเองแล้วเรียบร้อย มีผ้ากอชปิดแผลเหมือนไปต่อยใครมา แต่ก็เอาเถอะครับ หน้าตาดีมีอะไรไหม แหม ไปติดโรคนี้มาจากใครไม่รู้ช่วงนี้ จ่ายตังค์ค่ารักษาเป็นที่เรียบร้อย มันมาละครับ ลูกอ้อนออนเซาะอ้อล้อไม่มีใครเกิน
“เมศ ไม่อยากกลับบ้าน นะ นะ นะ น๊า~” มันพูดพยายามขูดหาเลขเด็ดจากหัวไหล่ผมไปด้วย
“มีก็กลับไปนอนบ้านดิวะแมร่ง กรูจะได้กลับไปนอนหอให้สบายใจ ที่นอนรึก็ก็กว้างสบาย ห้องน้ำห้องท่าก็ไม่ต้องแย่งกันใช้”
“ไม่อยากกลับอ่ะ” มันยังยืนยัน จะลงไปนอนดิ้นท่าแมงสาบตะกายไบกอนด้วยไหมเมริง
“ไม่ต้องเลยเมริง ไปหมู่บ้าน๑๒๓ครับ” ผมเปิดประตูรถแทคซี่แล้วกดหัวมันเหมือนตำรวจยัดผู้ต้องหาเข้ารถ
“ไอ้เมศเมริงตามใจมันหน่อยดิวะ”ไอ้เสียดมันออกปาก คาดว่ามันมีส่วนได้เสียผลประโยชน์แน่นอน
“งั้นเมิงเอามันไปนอนบ้าน”ผมบอกแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไอ้รันย์ ทำตาละห้อย ก่อนจะหันไปเล่นMVมองผ่านกระจกออกไป
“เอาไปได้ไงลูกเขามีพ่อมีแม่ คนนะไม่ใช่ลูกหมานึกจะพาไปไหนก็ไป”
“อืม เอาๆไปเหอะ แม่มันก็ไม่ค่อยอยากเลี้ยงเท่าไหร่” สรุปสุดท้ายแล้ว ผมก็ยังใจแข็งครับ ไม่ยอมตามใจไอ้รันย์ แม้มันจะสับขาหลอกด้วยหลายกระบวนท่าแล้วก็ตาม ผมเอามันกลับบ้านมันได้ในที่สุด ก่อนที่ผมติดรถไปกับไอ้เสียดไปลงหอครับ ทีนี้ ห้องก็เป็นห้องของผมจริงๆสักที เสียงโทรศัพท์ประจำห้องของผมดังขึ้นขณะที่ผมกำลังจะล้มตัวลงนอน ใครวะ ขัด ขัดมากกกก
“โหล ไอ้เมศ แกไม่ไปดูใจไอ้รันย์มันหน่อยหรอ?”เสียงเพื่อนข้างห้องครับ ทำไมมันไม่มาทุบประตูเรียกเลยวะ สภาฯชักน่ากลัวนะครับ ส่งสายลับไปทุกที่
“ไม่ไป บ้านมันมีคนอยู่นี่”
“เหอะ ทำเป็นใจแข็ง ขี้คร้าน เดี๋ยวตกดึกจะรีบไปหาแทบไม่ทัน”
“อะไรๆ พูดให้ดีๆนะเว้ย ไม่มีหรอกที่ไอ้เมศจะวิ่งไปหาคนอื่น”เสียปลายสายหัวเราะหึหึหึ
“เออ แล้วเดี๋ยวจะคอยฟังเสียงปิดประตู”เอ๊ะไอ้นี่ มันเป็นพวกแอบฟังชาวบ้านเป็นงานอดิเรกหรือเปล่าวะ
“ไม่ป่งไม่เปิด ไม่ออกแล้วโว้ย”
“ให้จริงๆ”ผมรีบวางสายตรงส่งสภาฯแล้วคลานกลับขึ้นเตียงก่อนจะหลับไปจริงๆ ตื่นอีกทีเพราะเสียงริงโทน คนดี ๒๔ชั่วโมง โทรกวนเวลานอนคนอื่นอย่างงี้ไม่คนดีแล้วเมิง สาดเอ๊ย
“โหล”ผมตอบรับเสียงนั้นพลางซุกใบหน้าลงกับหมอ เสียงเลยอู้อี้ไม่แทบไม่เป็นภาษา
“เมศหรอลูก มาดูรันย์หน่อยได้ไหม แม่จะออกไปธุระ ป้าติ๋มก็ไม่อยู่ด้วย แม่กลัวรันย์อยู่คนเดียวแล้วจะไถลตกบันไดลงมา”เอาล่ะสิครับ ผมขอถอนคำพูดเมื่อกี้ครับ มันคงรู้จุดครับ ผมเป็นโรคแพ้ทางคุณแม่ เกรงใจสิครับงานนี้
“อ่อ ครับ คุณแม่จะไปธุระกี่โมงครับ”ผมมองนาฬิการจากมือถือรุ่นสงครามโลกของตัวเอง มันบอกว่าเวลาหัวค่ำแล้ว
“เดี๋ยวแม่ต้องไปแล้วล่ะจ้ะ มาค้างเลยนะลูก แม่ทำกับข้าวไว้ให้แล้ว อย่าลืมเตือนรันย์กินยานะ”ผมลุกขึ้นจากเตียงพลางเกาหัวแกรกๆด้วยอาการสะลึมสะลือ
“อ่อครับ”
“ฝากรันย์ด้วยนะจ๊ะลูกเมศ” น้ำท่วมปากเอาเรือมาแจวได้แล้วครับทุกคน ผมยอมตกลงด้วยจำนนต่อของกิน เอ้ย คำขอ
หลังจากวางโทรศัพท์ ผมก็ต้องไปล่ะครับ รับปากเขาไปแล้ว น้ำเนิ้มไม่ต้องอาบ เดี๋ยวไปใช้น้ำฟรีบ้านมัน เอาแค่กางเกงยีนส์กับเสื้อชอปไปเป็นพอ นอกนั้นไปหาเอาข้างหน้า เลวไหมครับเนี่ย หลังจากแพคของใส่กระเป๋าเรียบร้อยผมเกิดเดินพริ้วๆด้วยกางเกงเลสีม่วงเยินๆลากหางตัวหนึ่งออกมาปิดประตูห้องครับ
“หึหึหึหึหึ”เสียงหัวเราะโรคจิตดังมาจากช่องประตูของห้องข้างๆที่แง้มไว้เพียงเล็น้อย
“เย้ยยยยยย!!!”
“ไหนบอกจะไม่ไหนไง”
“คุณพระคุณเจ้าช่วยลูกช้างด้วย!!!”
“ใครก็ช่วยแกจากธาตุวายไปไม่ได้หรอก ไม่แคล้วมีได้เสีย หึหึหึหึหึ” นี่ผมมมีเพื่อนเป็นโรคจิตตั้งแต่เมื่อไหร่ครับทุกคน
“ไปบ้านไอ้รันย์ล่ะสิ โรคหัวใจกำเริบอ่ะดิ”
“โรคหัวใจอะไร กรูแข็งแรงปรกติ ถึกทนเยี่ยงคูโบต้างี้ โรคอะไรจะกล้ำกราย”
“โรคหัวใจบอกว่าคิดถึง อ๊างงงงงงง~”โรคจิตครับ ผมพูดได้คำเดียว
“เปล่านะ แม่มันโทรตามกรูไปดูมันหน่อย แม่มันออกไปทำธุระไม่มีใครอยู่”
“อ่ออออ....ปัดป้อง.”ผมอึกอักทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว
“ระวังเหอะ จะเป็นโรค.....โรคไตหาหัวจาม หึหึหึหึหึ”
“กรูก็ไม่กินเค็มนะ ไม่เป็นมั้งโรคไต” สายตาของเพื่อนสาวข้างห้องเปลี่ยนเป็นเย็นชาราวน้ำแข็ง
“จั๊ดง่าว”มันพูดแค่นี้แล้ว ผิดประตูใส่เลยครับ ผมผิดตรงไหน ปรกติกินอะไรไม่เคยเติม เค็มก็ไม่กิน หวานก็ไม่กิน เผ็ดยิ่งไม่กินใหญ่
ผมมาถึงบ้านไอ้รันย์ทันสวนกับคุณแม่พอดี เลยไม่ต้องกดออดครับ เข้าบ้านได้เลย บ้านมันที่อยู่ตรงข้ามหอเก่าของผม สวนบ้านมันยังเขียวฉอุ่มเหมือนเคย สมาชิกครอบครัวปลาคาร์ฟยังอยู่กันพร้อมน่า พอผมเปิดประตูเข้าไปในบ้านมัน เสียงเพลงดังสนั่นเลยครับ นี่หรอคนขาเป๋ที่แม่มันห่วงนักหนา
“ไอ้รันย์โว้ย เปิดเพลงเผื่อบ้านข้างๆหรอวะ เบาๆหน่อยดิ๊ หูกรูจะแตก”ผมตะโกนแข่งกับเสียงเพลง แต่สงสัยพลังเสียงจะไม่มากพอ เพลงจังหวะน่ากระดุ๊กกระดิ๊ก ของขยี้เดอะสตาร์ ทำให้ตรีนกระดิกครับ ผมย่างสามขุมขึ้นห้องมันที่อยู่ชั้นสอง เสียงเพลงดังกระหึ่ม ออกมาจากห้องขวาสุดระเบียง ห้องไอ้รันย์ที่ผมเคยมานอนค้างแม้ไม่บ่อยนักก็เถอะ
“โอ้ย เปิดเพลงเบาๆหน่อยโว้ย ได้ยินไปถึงสุไหงโกลกแล้ว หูแตกไงวะเมิงนิ” ไอ้รันย์ไม่อยู่ในห้องครับ ผมเดินหามันเข้าไปในห้องน้ำ พบเป๋ฮ่าวตัวหนึ่งกำลังแปรงฟันประกอบจังหวะครับทุกคน
“อ้าวววว...มาแล้วหรอ”ไอ้รันย์ทำเสียงสูง ก่อนจะบ้วนปาก ผมยืนพิงประตูห้องน้ำมองเงาสะท้อนมันในกระจก ผมขอยืนยันครับว่าสภาพมันไม่เหมือนคนเพิ่งกระดูกร้าวเลยแม้แต่นิด หน้ายังระรื่นดูดีมีเลือดฝาด
“เมิงก็สบายดีนี่หว่า แม่เมริงโทรตามกรูมา”
“อ้ออ หรอออ”มันทำเสียงยานคางครับ ผมพอจับกระแสบางอย่างในเสียงนั้นได้ตะแหง่วๆ
“ถ้าเมิงไม่เป็นไรแล้ว กรูกลับไปนอนต่อละนะ”ผมพูดพลางเตรียมจะเดินออกจากห้องมัน
“โอ้ยยย!!”เสียงมันร้องตามด้วยเสียงตุ๊บทำเอาผมหัวใจขึ้นมอเตอร์เวย์ไปตาตุ่ม เห็นร่างสูงๆนั้นลงไปนั่งพับเพียบเรียบร้อยกับพื้นไม้
“เฮ้ยเป็นไร?” มันมองหน้าผมแบบน่าสงสาร งานนี้ได้ผลครับ ผมใจอ่อนยวบทันที รีบพยุงมันมานั่งข้างเตียง ก่อนจะตามไปเก็บไม้ค้ำที่มันทำหล่นมาคืนให้มัน
“เมศ อย่ากลับเลยนะ”เสียงเปาะแปะเบาๆจากระเบียงทำให้ผมซ่อนหูแดงๆของตัวเองได้ ไม่รู้เป็นไง อยู่ๆลมมันก็ตี สงสัยความกดอาการมันจะต่ำ ความรักจะตกประปรอย
“ฝนตกแล้วด้วย อย่ากลับเลย”เสียงนุ่มๆนั้นดังเบาๆ มันคงรู้ว่าผมเกลียดฝน
“กรูก็....ขี้เกียจเปียก”ผมอ้อมแอ้มตอบมัน
“ไปกินข้าวฟรีก่อน แล้วเดี๋ยวขึ้นมา”
แม้ขาไอ้รันย์จะเดี๊ยงเป็นเป๋ฮ่าว แต่มันยังขับรถไปเรียนได้ทุกวันครับทุกคน เปลี่ยนจากรถคันเก่งเป็นรถแวนของแม่มันแทน เกียร์ออโต้เลยขับได้แม้จะเป๋ แต่ผมสิครับตกเป็นเบี้ยงล่างเป็นขี้ข้าเป็นคนใช้ส่วนตัวของมันเลยครับ เริ่มด้วยการต้องตอบคำถามเรื่องขามัน ก่อนจะตอบเรื่องคิ้วของผมที่มีรอยฟันกระต่ายคู่ของเอี้ยรันย์เจาะ แสดงว่าเพื่อนๆห่วงมันมากกว่าผม แย่ๆ ตามด้วยการคอยหิ้วกระเป๋าเดินตามมาบริการมันในขณะที่มันเป๋ฮ่าวไปมา สุดท้ายคือต้องบริการอาหารเครื่องดื่มตลอดการเดินทาง สรุปคือที่แช่งๆมันไปนี่สมพรปากแถมซวยเองต้องมาเป็นเบ๊มันอีก เป็นโปรโมชั่นพิเศษสำหรับคนเล่นของ
“เมศ เอี้ยเมศคร๊าบ”มันเริ่มทำเสียงอ้อนๆอีกแล้วครับ พี่ร้านขายข้าวหัวเราะคิกคัก ผมไม่หลงกลมันแล้ว หันไปส่งสายตาพิฆาตมัน แต่มันหากลัวไม่ครับพ่อแม่พี่น้อง คนอะไรด้านจริงๆ ว่างๆจะเอากระดาษทรายขัดเหล็กมาลองไถๆดู
“อะไร”ผมตอบมันแบบกึ่งๆตวาดแล้วครับ
“เมิงหยิบช้อนให้กรูหน่อยดิค๊าบ”มันชี้โบ๊ชี้เบ๊ไปที่กระบะวางช้อนพลางทำเสียงอ้อน แต่สังเกตภาษาของมัน ช่างอนุรักษ์ความเป็นไทย(โบราณ)กับเพื่อนมันจริงๆ
“เออ เอาจานข้าวเมริงมา”ก็ได้ครับ...ผมยอมเป็นขี้ข้ามันเพื่อเห็นแก่ทอดมันปลากรายอาหารเด็ดเย็นวันก่อนที่แม่มันทำให้เป็นสินน้ำใจ
“โต๊ะไหน?”ผมถามมันแบบห้วนเต็มที
“โต๊ะนั้นแหล่ะ”
“โต๊ะไหนล่ะ”
“โต๊ะเดียวกับเมริงนั่นแหล่ะคร๊าบ ควายจริง”ผมวางกับข้าวมันไว้ตรงข้ามกับที่ผมนั่ง บังเอิ๊นนนนบังเอิญ โต๊ะข้างๆ เหล่าสภาฯนั่งกันสลอน ก็อย่างว่าละครับ โรงอาหารเล็กนิดเดียวจะหนีไปไหนละครับ
“อูว๊าววววววววว ทำหน้าที่ศรีพันยาที่ดีวุ้ย”ศรีพันยาของมัน เป็นญาติข้างแม่ของศรีธันญาหรือเปล่าหว่า
“ นี่แก เห็นป่าวตอนมันทำชอปอ่ะ หนุงหนิงชิกหายเลย โอ๋กันอย่างกะอะไร”เม้าท์ครับ เม้ากันชนิตขนหูไหม้เลยทีเดียว
“เออ มีการยืมตรีนมาวางตรีน สวีทได้อีกอ่ะแก” เอ่อ....มันสวีทตรงไหนวะ
“เจ๊ครับ พวกเจ๊ดูจิตว่างนะครับ ผิดหรอครับที่ผมให้ตรีนเป็นที่วางตรีนไอ้รันย์ข้างที่เข้าเฝือก”
“โอ้ยยย ไม่ผิดหรอจ๊ะ ทำบ่อยๆนะ น่ารักดี” เอาเข้าไปครับ ผลเงียบไปอับจนด้วยคำพูด จนไอ้รันย์เป๋ฮ่าวมาถึงโต๊ะ ผมลุกช่วยเลื่อนเก้าอี้ให้มัน เพราะเห็นมันทุกลักทุเลเหลือเกินกับการนั่ง
“อุว๊าววว~ ฮู้ย เทคแคร์กันดีจริงน๊า”
“หรือเป็นเจ๊ จะปล่อยไอ้เป๋ฮ่าวมันลงไปนอนกลิ้งกะพื้นก่อนค่อยเก็บซากชีวิตมันขึ้นมาละครับ”
“ไม่หรอก แต่รู้ว่าแกดูแลแทคแคร์อย่างดีเลยไม่ช่วยไง”พวกเจ๊ยังสะกิดสะเกาหยอกล้อกันหนุกหนาน
“แล้วจะช่วยทำไม เป็นกองขี้ควายเขาเปล่าๆ”โม ญ พูดเรียบๆแบบเป็นเรื่องสามัญโลก
“ฮ่าๆ ใช่ๆ เป็นไงวะ รายงานความคืบหน้าดิ๊”น่าน ประธานสภาฯมีการสั่งเลขารายงานความคืบหน้า หน้าตาโม ญ ดูเป็นการเป็นงานขึ้นมาทันที
“ช่วงระยะสองถึงสามอาทิตย์นี้ ดูเอาใจใส่กันดี เมศค้างบ้านรันย์ถี่มาก เข้าออกหอบ่อยแต่ไม่นอนค้าง โดยเฉพาะช่วงสัปดาห์นี้ ตัวแทบติดกัน” CIA มาเอง เอ๊ะ!!หรือCSI เย้ย!!นั่นมันสืบจากศพ
“แก เสียดายว่ะ ที่พวกแกไม่เห็น ไอ้รันย์หุ่นดีมาก ว่างๆจะชวนไปหาลำไพ่ ท่าทางจะขายดีเป็นเทน้ำเทท่า”ขายอะไรว๊า??
“ไอ้เมศก็ทรวดทรงองค์เอว เคะในอุดมคติเชียวล่ะแก”เคะอุดมคตินี่มันเป็นอะไรเกี่ยวข้องกับก๊าซอุดมคติหรือเปล่าหว่า???
“เฮ้ย อย่าไปฟังเลย เอาข้าวกระแทกปากเข้า”ไอ้รันย์เอื้อมมือมาแตะ..น่าจะเรียกว่าตีหรือตบหัวผม
“ต๊ายยย สวีทกันไม่อายฟ้าอายดิน มีจับน่งจับหน้า ฮี๊ววว~”
“เจ๊เอาอะไรมอง นี่มันเรียกตบแล้วไม่ใช่จับ”
“เอาเกย์ด้าเรด้าร์จับสัญญาณ พบสินแร่ธาตุวายมันเข้าแทรก กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกก”
“บอกแล้ว อย่าไปเถียงอิเจร๊พวกนี้ ธาตุวายมันจะเด้งใส่ตัว”
“นั่นดิ เรื่องใส่ตัวอีกกรู” ผมยิ้มบางให้มัน ก่อนจะรีบหลบสายตามัน ก็ตาที่มันสบมาสิครับ มันวิ้งๆ เหมือนตาตัวพระเอกการ์ตูนสาวน้อยเลย
***************************************
ลป.เพิ่มตอนท้าย แบบว่าน้องเมศลงไม่หมด